ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง 419-421

ตอนที่ 419 บุรุษที่หนุนหลังซิงซิง

 

ประกายสีดำทองของกระบี่ยาวมาถึงในชั่วพริบตา จิตกระบี่สว่างวาบฟาดเป็นลำแสงทอดยาวออกไป 


 


 


พอกระบี่นี้มาถึง ก็ได้ยินเสียงโลหะเสียดสีดังโครมครามบาดหูอย่างรุนแรงไปทั่วทั้งตำหนัก 


 


 


จากนั้นก็ได้ยินเสียงของตกดังตึง เห็นกรงเล็บมังกรของเยี่ยอิงถูกตัดลงมา! 


 


 


เลือดสดทะลักไหลนองลงไป เงาร่างสีดำทองร่างนั้นบังอยู่ด้านหน้าของตู๋กูซิงหลัน ทั่วร่างของเขามีหมอกสีดำอยู่ชั้นหนึ่งสะท้อนละอองเลือดของเยี่ยอิงทั้งหมดออกไป 


 


 


ผู้คนต่างก็พากันตกตะลึงแล้ว! 


 


 


นั่นคือ….องค์หญิงของเผ่ามังกรทมิฬ! 


 


 


นั่นเป็น….ร่างจริงขององค์หญิง! 


 


 


แต่แค่กระบี่เดียวก็สามารถตัดกรงเล็บมังกรข้างหนึ่งทิ้งได้? 


 


 


ทุกคนต่างพากันหันไปมองดูบุรษที่พึ่งจะปรากฏตัวขึ้นมา……. 


 


 


นี่ช่างเป็นบุรุษที่โดดเด่นงดงามจนไร้คู่เปรียบในใต้หล้า! รูปโฉมที่หมดจดงดงามเช่นนั้นแม้แต่เผ่ามังกรที่ได้ชื่อว่าเลื่องลือในเรื่องความงามก็ยังมิอาจเทียบเคียงได้ 


 


 


ลู่กว่างมองดูเพียงแวบเดียว…..หัวใจก็ต้องชะงักไป 


 


 


บรรดาบุตรหลานของราชามังกรอีกทั้งสามทะเลเขาเลยได้เห็นมาหมดแล้ว แต่ก็ไม่เคยเห็นว่าจะมีองค์ชายองค์ใดจะสามารถเทียบกับบุรุษที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ได้เลย 


 


 


ไม่เพียงแต่รูปโฉมที่ยอดเยี่ยมเหลือธรรมดาเท่านั้น แม้แต่พลังที่อยู่ภายในร่าง….นั่นจะใช่สิ่งที่มนุษย์ธรรมดาจะมีได้อย่างไร? 


 


 


เขาเองก็เคยพบเจอเหล่าเทพเบื้องบนมา แต่ก็ยังรู้สึกว่า ราศีของบุรุษผู้นี้ยังโดดเด่นยิ่งกว่าเทพเบื้องบนเสียอีก 


 


 


ตู๋กูซิงหลันเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นแต่เงาหลังของจีเฉวียน 


 


 


เส้นผมของเขาพลิ้วผ่านใบหน้าของนางเบาๆ ทำให้คันนิดๆ 


 


 


แผ่นหลังของเขากว้างมาก บดบังแสงสว่างตรงด้านหน้าของนางเอาไว้จนหมด….. 


 


 


จากมุมมองของนาง เห็นแต่มุมหน้าด้านข้างของเขา และเรืองร่างได้รูปงดงามไร้ที่เปรียบ 


 


 


เจ้าตัวยุ่งผู้นี้…..ตามมาด้วยหรือ? 


 


 


ตลอดทางที่มานี้ นางไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด! 


 


 


“เจ้าคือใครกัน?” เยี่ยอิงที่สูญเสียกรงเล็บมังกรไป จับจ้องมองไปยังจีเฉวียนด้วยความโกรธเกรี้ยวจนแทบจะแยกเขี้ยวพ่นไฟได้ 


 


 


“เมื่อครู่เจ้าได้ยินไม่ชัดหรอกหรือ?” จีเฉวียนกวาดตามองดูนางอย่างเย็นชาครั้งหนึ่ง จากนั้นก็ก้าวถอยไปด้านหลังหนึ่งก้าว ยื่นมือไปโอบเอวของตู๋กูซิงหลันเอาไว้ ยืนแนบชิดกับนาง เอ่ยทีละคำว่า “เราก็คือบุรุษที่ทั้งสูง ทั้งหล่อ ทั้งเย็นชา เก่งกาจอย่างไร้เหตุผล และหนุนหลังหลันหลันอยู่ผู้นั้น” 


 


 


ตู๋กูซิงหลัน “……” 


 


 


อะแฮ่ม อะแฮ่ม เจ้าตัวยุ่งผู้นี้ไม่เพียงแต่ติดตามมา ทั้งยังแอบฟังคำพูดของนางอยู่ด้านหลังหรือ? 


 


 


จีเฉวียนตรัสแล้ว กระบี่เหมันต์ในมือก็วาดออกไป “ก็เป็นอย่างที่ซิงซิงว่าเอาไว้ ใครที่กล้าแตะต้องนางแม้แต่ปลายผม ต้องถามกระบี่ในมือของเราก่อนว่าได้หรือไม่” 


 


 


กระบี่นี้พอวาดออกไป ก็แผ่ไอเย็นสุดขั้วออกมา 


 


 


ทำเอาทั่วทั้งวังมังกรสูญเสียความอบอุ่นไปจนหมด ที่ด้านหลังของจีเฉวียนมีแต่ความเย็นยะเยือกราวขุมนรก ในขุมนรกนั้นมีแต่ภูติผีปีศาจมากมายกำลังร่ำร้องด้วยความโหยหวน ต่อสู้ยื้อแย่งกันจะหนีออกมา 


 


 


ความเย็นยะเยือกแทรกซึมเข้าไปในร่างของคนทั้งหลาย ทำเอาแม้แต่คนเผ่ามังกรก็ยังอดจะสั่นสะท้านไปทั้งร่างไม่ได้ 


 


 


บุรุษผู้นี้ ……เป็นมนุษย์จริงๆหรือ? 


 


 


“พูดจาไร้สาระได้เป็นกระบุง แล้วยังมาทำเป็นหล่อเหลาอันใด?” เยี่ยอิงทนดูต่อไปไม่ได้แม้แต่น้อย 


 


 


ในสายตาของนางมีแต่พี่ชายของตนเองเท่านั้น บุรุษอื่นมิได้เข้าตานางแม้แต่น้อย 


 


 


รวมถึงบุรุษที่งดงามดุจเทพมารตรงเบื้องหน้าผู้นี้ด้วย 


 


 


ในสายตาของเยี่ยอิง ไม่เพียงแต่ไม่หล่อเหลา ทั้งยังเลี่ยนเกินไปอีกด้วย! 


 


 


นางไม่ได้กลายเป็นร่างจริงมาหลายร้อยปีแล้ว……ตอนแรกที่กลายร่างก็เพียงเพราะจะใช้พลังมังกรทะลวงออกจากข่ายยันต์ของตู๋กูซิงหลันเท่านั้น 


 


 


ร่างมังกรที่ใหญ่โตโอฬารของนางยังมียันต์สีเหลืองหลายใบติดอยู่บนร่าง แต่ว่ายันต์เหล่านั้นก็ขาดวิ่นหมดแล้ว 


 


 


ยามนี้นางไม่สนใจสิ่งใดอีกแล้ว นางคำรามเสียงดังกึกก้อง ระเบิดพลังมังกรออกมา สะบัดหางมังกรออกไปในทันที 


 


 


หางมังกรยังสะบัดไปไม่ทันถึง แต่สายลมที่แฝงกลิ่นเลือดหอบหนึ่งก็พัดออกไปแล้ว 


 


 


เกิดเป็นแรงกดดันที่ทำให้คนหายใจไม่ออก ทั่วทั้งตำหนักสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง 


 


 


แผ่นหินด้านบนแต่ละก้อนหนักนับร้อยชั่ง พอตกกระแทกลงมาเพียงแค่ครู่เดียวก็ทำให้ทั่วทั้งตำหนักทะลุเป็นแผ่นตะแกรง 


 


 


จีเฉวียนโอบอุ้มตู๋กูซิงหลันเหาะออกไปนอกตำหนัก ชักนำเยี่ยอิงออกไป 


 


 


เยี่ยอิงรีบไล่ตามไป ตอนนี้นางสูญเสียเหตุผลไปหมดแล้ว ในใจเพียงต้องการทำลายคนทั้งสองให้เป็นผุยผงเท่านั้น 


 


 


เยี่ยอิงมีนิสัยเช่นนี้มาแต่ไหนแต่ไร สิ่งของที่ไม่อาจได้มาเป็นต้องทำลายทิ้ง 


 


 


ในเมื่อสตรีผู้นั้นไม่เต็มใจจะแต่งเป็นอนุให้กับพี่ชาย เช่นนั้นก็ไม่อาจปล่อยให้ผู้อื่นได้ไปง่าย! 


 


 


หัวใจของชาวมังกรทมิฬทั้งหลายต่างก็พากันสั่นสะท้านขึ้นมา 


 


 


ครั้งก่อนที่องค์หญิงทรงพิโรธ…..เผ่ามังกรทมิฬถูกนางทำลายไปเกือบครึ่งแล้ว! 


 


 


ชาวมนุษย์ผู้นั้นกระตุ้นโทสะของนางเข้าแล้วจริงๆ! 


 


 


เยี่ยอิงอารมณ์ร้ายมาแต่ไหนแต่ไร หากเกิดโทสะขึ้นมา ต่อให้วัวสิบตัวก็ยังรั้งนางเอาไว้ไม่อยู่ นางมักจะใช้กำลังการต่อสู้เข้าตัดสินอยู่เสมอ 


 


 


พอออกจากวังมังกร น้ำทะเลก็เคลื่อนเข้ามาหา 


 


 


เดิมทีตู๋กูซิงหลันคิดจะซัดฝ่ามือผลักตนเองให้หลุดออกจากจีเฉวียน แต่เพราะว่าตอนนี้นางไม่มีมุกมังกรของชือหลีแล้ว ทั้งยังไม่มีลูกแก้ววารีคุ้มครองร่างกาย ได้แต่อาศัยหมอกดำบนร่างของจีเฉวียนผลักน้ำทะเลออกไป 


 


 


นางพยายามอดทนเอาไว้ ปล่อยให้เขากอดตนเอง 


 


 


“ซิงซิง กอดเราให้แน่นๆหน่อย อย่าได้ตกลงไป” จีเฉวียนกลับไม่รู้จักพอ “ทะเลแห่งนี้มีปลายักษ์อยู่มากมาย พวกมันชอบกินสตรีงดงามมากๆ” 


 


 


ตู๋กูซิงหลัน “…….” 


 


 


ในใจของนางมีแต่คำผรุสวาทที่ไม่ควรเอ่ยออกมา เห็นนางเป็นเด็กสามขวบหรืออย่างไร? 


 


 


“หลันหลัน เจ้าเป็นโรคกลัวน้ำลึก อย่าพึ่งไปดื้อดึงกับเขาเลย” วิญญาณทมิฬกระโดดออกมา มือสั้นๆของมันเกาะอยู่บนเสื้อผ้าของตู๋กูซิงหลันอย่างแนบแน่น ในใจก็คิดไปว่าเจ้าฮ่องเต้สุนัขผู้นี้จะต้องจงใจพาหลันหลันออกมานอกวังมังกรอย่างแน่นอน 


 


 


จากนั้นก็ฉวยโอกาสกับนาง 


 


 


“ซิงซิง ยามที่เจ้าตกอยู่ในอันตราย ก็คิดจะพึ่งพาเรา เรายินดีเหลือเกิน” จีเฉวียนพระหัตถ์ข้างหนึ่งถือดาบ พระหัตถ์อีกข้างกอดนางเอาไว้ มุ่งออกไปยังจุดที่ไกลจากวังมังกร 


 


 


มังกรตัวนี้ร้ายกาจอย่างยิ่ง หากว่ามันอาละวาดออกมาอย่างสุดพลัง ในระยะสิบลี้ลงไม่มีสิ่งมีชีวิตใดเหลือรอดไปได้ 


 


 


อย่างไรเสียตู๋กูเจวี๋ยผู้นั้นก็เป็นพี่ชายของซิงซิง จีเฉวียนนั้นรักบ้านเผื่อแผ่นกกา จึงคิดเผื่อถึงความปลอดภัยของคนในครอบครัวของนางด้วย 


 


 


ตู๋กูซิงหลันสีหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์ “เจ้าไม่เห็นหรือว่า ข้ากำลังสร้างความลำบากให้เจ้าหรอกหรือ?” 


 


 


จีเฉวียน “ไม่ลำบาก นี่เป็นความสุข” 


 


 


ตู๋กูซิงหลัน “เฮอะ” 


 


 


ปากของบุรุษ! 


 


 


พูดไม่ทันขาดคำก็ได้ยินเสียงเยี่ยอิงไล่ตามมาแล้ว 


 


 


มังกรสีครามเมื่ออยู่ในทะเลลึกก็เหมือนดั่งปลาได้น้ำ ความเร็วนี้ยังคงไวกว่าสายฟ้าฟาดอีกหลายส่วน 


 


 


ทันใดนั้นเองร่างของนางก็ขดเป็นวง ล้อมพวกเขาเอาไว้ข้างใน 


 


 


ดวงตาสีครามนั้นมีแต่ไอสังหาร นางไม่พูดพร่ำทำเพลง อ้าปากขึ้นปล่อยลำแสงที่หนาวเย็นออกมา 


 


 


เดิมทีรอบกายของตู๋กูซิงหลันและจีเฉวียนยังมีสัตว์ทะเลอยู่บ้าง 


 


 


แต่สัตว์ทะเลเหล่านั้นพอสัมผัสโดนลำแสงที่เหน็บหนาวนั้นเข้าก็แตกสลายกลายเป็นผุยผง! 


 


 


“เป็นแค่เผ่ามนุษย์ธรรมดา กลับกล้ามาโอ้อวดต่อหน้าข้า!” เยี่ยอิงส่งเสียงเย็นชา แม้แต่หลายคำที่เอ่ยออกมาก็แฝงพลังที่เยือกแข็ง ทำให้พวกเขาไม่อาจหลบหนี!  


 


 


นางจะทำลายพวกมันให้จบสิ้น จากนั้นค่อยนำซากกลับไปยังเผ่ามังกรทมิฬ ให้พวกมันไม่มีทางได้สงบสุขอีกตลอดกาล! 


 


 


ลำแสงที่เย็นยะเยือกนั้นยังไม่ทันได้พุ่งออกมา เพียงแค่แรงกดดันที่แผ่ออกมาก็สามารถทำให้คนต้องแหลกเหลววิญญาณสลายได้แล้ว 


 


 


ไม่เสียทีที่เป็นถึงองค์หญิงของเผ่ามังกรทมิฬ …..อย่างไรเสียก็ยังเป็นผู้แข็งแกร่งที่แท้จริง 


 


 


ตู๋กูซิงหลันหรี่ตาลง ในมือล้วงเอายันต์ออกมาแผ่นหนึ่งอย่างรวดเร็ว ริมฝีปากเริ่มเอื้อนเอ่ยคาถา 


 


 


แต่ว่าจีเฉวียนกลับชิงลงมือก่อนด้วยความฮึกเหิม พระองค์ควงกระบี่ด้วยพระหัตถ์ข้างเดียว เบื้องหลังของพระองค์เกิดเป็นฉากสีดำที่มืดมิด พระเกศายาวพลิ้วราวกำลังเริงระบำ พอสะบัดดาบนั้นออกไป ก็ผ่าท้องทะเลจนกรีดแยกออก 


 


 


จากนั้นก็ชิงพุ่งเข้าปะทะกับลำแสงที่หนาวเย็นของเยี่ยอิง ลำแสงที่หนาวเย็นปะทะกับจิตกระบี่ กลับถูกความมืดในจิตกระบี่นั้นดูดกลืนเข้าไป จากนั้นพลังที่ดำมืดนั้นก็พุ่งเข้าใส่เยี่ยอิง…. 

 

 

 


ตอนที่ 420 เจ้าสามารถเรียกเขาว่า สหาย...

 

 


 


 


ความมืดครึ้มกลุ่มหนึ่งครอบคลุมอยู่เหนือศีรษะของลู่อิง 


 


 


บนศีรษะมีแต่ไอหนาวเย็นที่ลึกล้ำ ราวกับก่อตัวเป็นภูเขาน้ำแข็งอยู่ด้านบน คล้ายจะกดลงมาบีบอัดทับถมนาง 


 


 


เยี่ยอิงตกตะลึงไปเล็กน้อย ก็อ้าปากขึ้นจะพ่นลำแสงที่เย็นยะเยือกออกมา 


 


 


ขณะที่ลำแสงนั้นยังไม่ทันระเบิดออกไป ก็เห็นกระบี่ในมือของจีเฉวียนก่อให้เกิดไอมืดขุมหนึ่งจู่โจมเข้าใส่ลำแสงนั้น 


 


 


ร่างกายที่ใหญ่โตของเยี่ยอิงตกอยู่ภายใต้ลำแสงที่หนาวเย็น เกล็ดมังกรสีครามบนลำตัวของนางส่งเสียงสั่นสะเทือนเปรี้ยงปร้าง ราวกับว่าร่างกายถูกกระแสไฟฟ้าช็อตตลอดร่าง 


 


 


นางอ้าปากขึ้นมาส่งเสียงร้องคำราม ร่างกายหดเล็กลงอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางแสงสีครามก็กลับเป็นสาวน้อยที่งดงามอีกครั้ง 


 


 


นางครางออกมาเบาๆ มุมปากมีเลือดไหลออกมา 


 


 


นางใช้มือข้างหนึ่งกดทรวงอกเอาไว้ เคลื่อนตัวถอยหลังไปอีกหลายเมตร ดวงตาสีครามคู่นั้นจับจ้องไปยังจีเฉวียนอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก 


 


 


บุรุษผู้นี้…..ไม่เพียงสามารถดูดกลืนลำแสงที่หนาวเย็นของนางเอาไว้ได้ ยังถึงกับตอบโต้ด้วยพลังที่เหนือล้ำยิ่งกว่าย้อนใส่ร่างของนาง ทำให้นางไม่อาจคงอยู่ในรูปมังกรต่อไปได้ 


 


 


สามารถหยิบยืมพลังของผู้อื่นมาเป็นพลังของตนเอง …..ใต้หล้านี้ถึงกับมีผู้ที่สามารถดูดกลืนพลังของเผ่ามังกรทมิฬอยู่ด้วย? 


 


 


บางทีอาจเป็นเพราะว่าพวกนางไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับพวกมนุษย์มานานแล้ว จึงไม่รู้ว่าตอนนี้พวกมนุษย์เปลี่ยนเป็นเก่งกล้าถึงขนาดนี้แล้ว? 


 


 


เยี่ยอิงถูกลำแสงหนาวเย็นของตนเองย้อนเข้าใส่ตัว เกิดความปวดแปลบในอก 


 


 


ตู๋กูซิงหลันเองก็ประหลาดใจเช่นกัน ชั่วพริบตาเมื่อครู่นี้ อาณาเขตทั้งสิบลี้ทั่วท้องทะเลคล้ายจะถูกส่องจนสว่างจ้า 


 


 


สิ่งมีชีวิตต่างๆก็พากันหลบหนีอย่างสุดชีวิตราวกับเจอผีหลอก 


 


 


ตู๋กูซิงหลันรู้ว่าจีเฉวียนนั้นเก่งมาก แต่ก็ยังนึกไม่ถึงว่าเขาจะมีความสามารถถึงขนาดที่ดูดกลืนพลังของผู้อื่นมาแล้วส่งย้อนกลับไปด้วยความรุนแรงกว่าเดิม 


 


 


ในแสงที่หนาวเย็นเมื่อสะท้อนกลับไปก็มีพลังหยินที่ซับซ้อนจากร่างของเขาปะปนอยู่ด้วย 


 


 


ตู๋กูซิงหลันเหลือบตามองดูเขาแวบหนึ่ง ดวงตาดอกท้อคู่นั้นหรี่ตาลง ฐานะที่แท้จริงของฮ่องเต้ผู้นี้ เกรงว่าคงจะซับซ้อนยิ่งกว่าที่นางเคยคาดคิดเอาไว้เสียอีก 


 


 


อีกด้านหนึ่ง เยี่ยอิงกดทรวงอกเอาไว้ เนื่องเพราะเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นร่างมังกร เสื้อผ้าที่สวมติดกายในตอนนี้จึงขาดวิ่น เผยให้เห็นท่อนแขนบอบบางและท่อนขาเรียวยาวได้รูป 


 


 


บนท่อนแขนนั้นยังมีร่อยรอยของเกล็ดมังกรให้เห็นอยู่จางๆ 


 


 


นางกุมดาบโซ่เอาไว้ในมือ จับจ้องไปยังจีเฉวียน “เจ้าเป็นใครกันแน่?” 


 


 


นางเคยได้ยินพระมารดาเอ่ยว่า มีชนเผ่าที่สามารถดูดซับพลังของผู้อื่นมาเป็นพลังต่อสู้ของตนเอง 


 


 


เผ่าหมิง 


 


 


แต่เผ่าหมิงนี้หายสาปสูญไปนานปีแล้ว แถมบุรุษตรงหน้าผู้นี้….ก็มีเลือดเนื้อ เป็นมนุษย์อย่างแน่นอน 


 


 


เขาเป็นฮ่องเต้ของเผ่ามนุษย์ แล้วจะไปเกี่ยวข้องกับเผ่าหมิงได้อย่างไรกัน 


 


 


จีเฉวียนมิได้ตรัสตอบนาง เพียงกุมกระบี่เหมันต์เอาไว้ในมือ ขยับร่างเพียงเบาๆก็พุ่งไปถึงเบื้องหน้าของเยี่ยอิง 


 


 


เขาเหลือบแลดูนาง จากด้านบน “เจ้าเพียงต้องจดจำเอาไว้ว่า เรามิใช้ผู้ที่เจ้าจะสามารถหาเรื่องได้!” 


 


 


ว่าแล้ว ก็หันไปมองดูตู๋กูซิงหลันที่อยู่ข้างกาย เอ่ยอย่างเรียบเรื่อยว่า “นาง ก็เช่นกัน” 


 


 


ใต้หล้านี้ หากว่ามาหาเรื่องกับคนอย่างจีเฉวียนอาจจะยังพอมีทางรอดอยู่สายหนึ่ง แต่ว่าหากหาเรื่องนาง….ต่อให้ต้องขึ้นสวรรค์หรือลงนรกจีเฉวียนก็ไม่มีทางปล่อยไปอย่างเด็ดขาด 


 


 


เยี่ยอิงคร้านจะฟังคำพูดเลี่ยนๆของเขาอีก นางกุมด้าบดาบโซ่ที่ร้อยเรียงกันเอาไว้อย่างแนบแน่น นัยตาสีครามเปล่งประกายลึกล้ำขึ้นมา 


 


 


ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่นางมารับตัวเจ้าสาวให้กับพี่ชาย คิดไม่ถึงว่าแค่ครั้งแรกก็จะได้เจอกับผู้เข็มแข็งเข้าแล้ว 


 


 


นางยังไม่ทันได้ขยับมือ ก็เห็นจีเฉวียนสะบัดกระบี่ออกมา เพลงกระบี่กวาดผ่านเพียงครั้งเดียวพลังก็พุ่งตัดผ่านสายน้ำมาถึง 


 


 


พลังที่มืดครึ้มสายหนึ่งแปรเป็นจิตกระบี่ ตัดผ่านน้ำทะเลจนแยกออกจากกัน พุ่งออกไปยังภูเขาเล็กๆที่อยู่ใต้ทะเลซึ่งห่างไปไม่ไกล ตัดผ่าภูเขาลูกนั้นจนกลายเป็นสองส่วน! 


 


 


ภาพที่ปรากฏนั้นน่าตื่นตระหนกอย่างที่สุด! 


 


 


“เจ้าไม่ใช่คู่มือของเรา” จีเฉวียนทอดพระเนตรดูนางด้วยสายพระเนตรเย็นชา แววตาส่องประกายย้ำเตือน 


 


 


เยี่ยอิงพลิกร่างหลบ เกือบจะโดนตัดแขนขาดไปทั้งข้าง 


 


 


ก่อนหน้านี้นางโดนตัดกรงเล็บมังกรทิ้งไปแล้ว ตอนนี้ใต้แขนเสื้อมีแต่ความว่างเปล่า ปากแผลก็ยังปิดไม่สนิท พอขยับก็ยังมีเลือดไหลซึมออกมา 


 


 


ดวงตาของนางสงบนิ่ง ไม่ได้เคลื่อนไหวอย่างวู่วามอีก แต่เอื้อยเอ่ยบางสิ่งอยู่ในใจ 


 


 


ทันใดนั้นเอง ก็ได้ยินเสียงแปลกประหลาด เคลื่อนมาทางด้านหลังของนาง 


 


 


จากนั้นก็เห็นแสงสีฟ้าที่สว่างวาวแล้วก็จางหายสับกันไปมาจากท้องทะเลที่ไกลออกไป พอได้ยินเสียงแปลกประหลาดนั้นอีกครั้ง ก็เห็นแมงกระพรุนตัวใหญ่ที่ติดตามนางมาแต่แรกว่ายมาถึง 


 


 


มันมีขนาดราวห้องเล็กๆห้องหนึ่ง กระโปรงชั้นนอกเป็นสีฟ้า ชั้นในเป็นสีเงินยวง ราวกับถูกคลุมด้วยผ้าโปรงสีผ้าผืนบาง 


 


 


บนผ้าโปรงผืนนั้นยังมีประกายระยิบระยับงดงามน่าดูอย่างยิ่ง 


 


 


เมื่ออยู่ใต้ทะเลลึกเช่นนี้ ก็ดูเหมือนดั่งยอดงานศิลปะที่งดงามชิ้นหนึ่ง แม้แต่ตู๋กูซิงหลันยังอดจะมองดูอยู่หลายรอบไม่ได้ 


 


 


แมงกระพรุนตัวนั้นหยุดลงที่ข้างกายของเยี่ยอิง โบกกระโปรงสีฟ้าที่โปร่งบางของมันไปมา ประกายแสงจากร่างของมันสะท้อนลงไปบนใบหน้าของเยี่ยอิงจนเกิดแสงระยิบวับวาว 


 


 


จีเฉวียนมองดูเจ้าตัวประหลาดนั่น ในสมองอดไม่ได้ที่จะคิดไปว่า ตู๋กูซิงหลันชมชอบสิ่งของที่ระยิบระยับแวววาว 


 


 


พระองค์ไม่ค่อยได้ลงมาใต้ทะเล ดังนั้นแม้แต่พระองค์ก็ยังทรงรู้สึกว่าสิ่งนี้สวยงาม 


 


 


ฮ่องเต้ทรงคิดไปว่า หากเฉือนกระโปรงชั้นนอกของเจ้าสิ่งนี้ออกมา ทำเป็นเสื้อผ้าให้นางสวมใส่ คงจะยิ่งงดงามน่าดู 


 


 


พอความคิดบังเกิด พระองค์ก็กระชับกระบี่พุ่งออกไป 


 


 


ตู๋กูซิงหลันไม่รู้ว่าเขาต้องการจะทำอะไร แต่เพราะว่าตัวนางไม่มีลูกแก้ววารี ย่อมไม่อาจออกห่างจากเจ้าฮ่องเต้สุนัขผู้นี้ 


 


 


หลังจากนั้นก็เห็นเขาพุ่งมาถึงข้างกายแมงกระพรุน วาดกระบี่ออกไปเบาๆ เกิดเป็นปากแผลแห่งหนึ่งบนกระโปรงของแมงกระพรุน 


 


 


“ฟู่….” ทันใดนั้นเอง ของเหลวงเข้มข้นสีฟ้าก็ไหลพรูออกมาจากกระโปรงของมัน 


 


 


ของเหลวนั่นแพร่กระจายไปในน้ำอย่างรวดเร็ว จนเกิดกลิ่นเหม็นยากจะทนทาน 


 


 


ทั้งเหม็นและทั้งแสบตา! 


 


 


แต่ไหนแต่ไรจีเฉวียนก็ทรงมีความรู้สึกไวต่อกลิ่นเหม็นอยู่แล้ว พระองค์กลั้นนาสิกในทันที แต่ว่าในชั่ววินาทีนั้น เจ้าแมงกระพรุนก็แง้มกระโปรงของมันออกมาช่องหนึ่ง พลางครอบกระโปรงลงมาบนศีรษะของพวกนาง 


 


 


อย่าได้เห็นว่ามันร่างกายใหญ่โต ที่จริงยังเคลื่อนไหวได้รวดเร็วประดุจสายฟ้า 


 


 


ความเคลื่อนไหวทั้งหมดใช้เวลาไปเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น 


 


 


ทั้งตู๋กูซิงหลันกับจีเฉวียนก็ถูกมันกลืนลงไปในตัวแล้ว 


 


 


ทันทีที่หลุดเข้าไป ภายในตัวแมงกระพรุนก็เกิดปุ่มหนามเล็กๆมากมายงอกออกมา แม้ไม่ใช่หนามแหลมอันใด แต่ว่าปุ่มหนามที่เรืองแสงสีฟ้าเหล่านั้นก็คืบคลานเข้ามาแนบติดกับร่างกายของพวกนาง 


 


 


แม้แต่หมอกสีดำบนร่างของจีเฉวียนก็ยังไม่อาจป้องกันตนเองไปจากมันได้ 


 


 


พลังในการแทรกซึมของมันสูงล้ำอย่างยิ่ง พอสัมผัสกับร่างกายก็ทำให้ผิวพรรณของพวกเขาถูกอาบย้อมเป็นสีฟ้า ร่างกายหนักอึ้งลงไปในทันที 


 


 


ตู๋กูซิงหลัน “…..” 


 


 


ตอนนี้ในใจของนางมีแต่ความสับสนไปหมด นอกจากคำว่า ‘งี่เง่า’แล้วนางก็ไม่รู้ว่าจะหาคำไหนมาอธิบายจีเฉวียนได้อีก 


 


 


วิญญาณทมิฬ “ไม่ ไม่ ไม่ เจ้าควรจะเรียกเขาว่า สหายควายน้อย” 


 


 


แมงกระพรุนเป็นสัตว์ที่มีพิษ 


 


 


แมงกระพรุนที่มีขนาดใหญ่ถึงเพียงนี้ พิษจะต้องร้ายแรงมากอย่างแน่นอน 


 


 


จีเฉวียนวาดกระบี่ใส่มัน มันย่อมต้องกระจายพิษออกมา ตอนนี้พวกนางถูก ‘จับ’ เข้าไปในตัวแมงกระพรุน ทั้งยังถูกของเหลวสีฟ้านั่นแทกซึมเข้าสู่ร่างกาย ต้องเรียกว่าโดนพิษซ้ำแล้วซ้ำอีก 


 


 


แต่เมื่อถูกจีเฉวียนสาดสายพระเนตรเย็นชาใส่ วิญญาณก็ต้องปิดปากลง พลางลูบก้นของตนเองไปมา  


 


 


พอเยี่ยอิงเห็นคนทั้งสองถูกกักเอาไว้ในแมงกระพรุน ร่างกายที่ฝืนอดทนมาตลอดก็สิ้นสติไป 

 

 

 


ตอนที่ 421 ทะเลลึกไร้ก้น

 

แมงกระพรุนยักษ์โบกสะบัดกระโปรงของมันออกไปด้านข้าง ม้วนพันร่างที่สิ้นสติไปแล้วของเยี่ยอิงขึ้นมา จากนั้นก็พุ่งตัวเข้าสู่ส่วนลึกของทะเล


 


 


มันว่ายน้ำมุ่งหน้าไปยังทะเลลึกลงไปเรื่อยๆ


 


 


พระหัตถ์ข้างหนึ่งของจีเฉวียนยังคงโอบเอวของตู๋กูซิงหลันเอาไว้ พระองค์พยายามใช้พระหัตถ์และร่างกายของตนเองปกป้องตู๋กูซิงหลันจากของเหลวสีฟ้าที่แทรกซึมเข้ามาอยู่ตลอดเวลา


 


 


พระองค์ยังพอจะเคลื่อนไหวได้ แต่ว่ากระบี่ในพระหัตถ์ยิ่งทีก็ยิ่งหนักกว่าเดิม


 


 


แต่ไหนแต่ไรร่างกายของพระองค์ก็แข็งแกร่งดุจเหล็กกล้า แต่ว่าคราวนี้กลับไม่อาจรอดพ้นพิษจากแมงกระพรุนไปได้


 


 


“ซิงซิง” พระองค์ก้มพระพักตร์ลงไป ทอดพระเนตรดูสาวน้อยในอ้อมพระกร


 


 


เห็นนางใบหน้าซีดขาว ริมฝีปากกลับเป็นสีแดงอมม่วงราวผลเบอร์รี่


 


 


“เจ้าถูกพิษไปไม่น้อย ปากดำคล้ำหมดแล้ว” พระองค์ตรัสต่อไป “เราเคยได้ฟังมาว่า คนที่ถูกพิษจะต้องรีบดูดพิษออกไป มิเช่นนั้นทิ้งไว้จะยิ่งเกิดผลเลวร้าย”


 


 


ตรัสแล้ว พระองค์ก็ขยับพระศอเข้ามา ริมพระโอษฐ์ยื่นมาถึงริมฝีปากของนาง คิดจะจูบนาง


 


 


ตู๋กูซิงหลันเบือนหน้าหนีอย่างกินแรง เอ่ยด้วยสายตาเย็นชา “ชาดทาปากสีแดงมนุษย์ป้า เจ้าไม่เคยเห็นมาก่อนหรือไง?”


 


 


จีเฉวียนตรัสอย่างจริงจัง “ข้าไม่เคยเห็นป้าของเจ้า ไม่รู้ว่าป้าของเจ้าเป็นสีอะไร”


 


 


ตู๋กูซิงหลัน “…..”


 


 


จีเฉวียน “เราโดนพิษก็ไม่เป็นไร แต่ว่าไม่อาจปล่อยให้เจ้าบาดเจ็บได้”


 


 


พระองค์ตรัสแล้ว ก็พยายามจะช่วยนางดูดพิษ


 


 


ด้วยวิธีปากต่อปาก!


 


 


ตู๋กูซิงหลันอยากจะถอดรองเท้าออกมาตบกะโหลกของเขาจริงๆ!


 


 


แมงกระพรุนที่กักคนทั้งสองเอาไว้เคลื่อนไปในน้ำด้วยความรวดเร็วราวสายฟ้าฟาด ที่มันสามารถเดินทางได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้เป็นเพราะมีลักษณะเฉพาะในการเคลื่อนไหว ซึ่งทำให้คนทั้งสองยิ่งทีก็ยิ่งกอดกันแนบแน่นกว่าเดิม


 


 


ตู๋กูซิงหลันล้มลงไปอยู่บนพื้น จีเฉวียนกดทับอยู่ด้านบน พระโอษฐ์บางคู่นั้นกำลังกดลงมา


 


 


ขณะที่เห็นอยู่ว่ากำลังจะกระทบริมฝีปากของนาง ตู๋กูซิงหลันก็ล้วงมือลงไปดึงวิญญาณทมิฬออกมาจากอ้อมอก ขวางเอาไว้ตรงริมพระโอษฐ์จีเฉวียนพอดิบพอดี


 


 


ริมพระโอษฐ์ของพระองค์สัมผัสลงไปบนก้นกลมๆของมัน


 


 


ทั้งนุ่มนิ่ม และเรียบลื่น ให้ความรู้สึกที่ดีมากๆ


 


 


“ปูด~” วิญญาณทมิฬให้ความร่วมมืออย่างยิ่งด้วยการปล่อยตดออกมาครั้งหนึ่ง


 


 


ด้วยระยะที่ใกล้กันมาก จึงทำให้รู้สึกได้ว่าลมตดนั้นพุ่งเข้าใส่พระพักตร์อย่างเต็มที่


 


 


จีเฉวียนพระพักตร์เปลี่ยนสีไปในทันมี……


 


 


พิษสีฟ้าที่รายล้อมอยู่ถูกจีเฉวียนใช้ร่างกายรับเอาไว้เสียส่วนใหญ่


 


 


ตอนนี้ยังมาถูกวิญญาณทมิฬที่ตดเหม็นอย่างไร้เทียมทานเข้าอีก จีเฉวียนจึงถึงกับสิ้นสติลงไปต่อหน้าต่อตาตู๋กูซิงหลันเลยทีเดียว


 


 


วิญญาณทมิฬ “เชี่ยเอ๋ย! นี่จะบอกว่าตดของอั๊วยังร้ายแรงกว่าพิษของแมงกระพรุนอีกหรือ?”


 


 


พื้นที่ภายในตัวของแมงกระพรุนเป็นเหมือนดั่งลิฟต์ที่ปิดตาย พอวิญญาณทมิฬปล่อยตดออกมา ภายในตัวของแมงกระพรุนก็คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นที่ทำให้คนอยากจะอาเจียนออกมา


 


 


ประกอบกับกลิ่นเดิมของแมงกระพรุนเองก็ย่ำแย่พออยู่แล้ว เมื่อกลิ่นเหม็นทั้งสองผสมรวมกัน ก็กลายเป็นส่วนผสมทางเคมีที่สามารถเอาชีวิตคนได้เลย


 


 


ฮ่องเต้สุนัขยังทับอยู่ด้านบน ทั้งยังกดลงไปตรงหน้าท้องของนาง


 


 


ตู๋กูซิงหลันรู้สึกว่ากระเพาะปั่นป่วนราวกับท้องทะเลพลิกคว่ำ แทบจะสลบไสลตามไปด้วยอยู่แล้ว


 


 


บางครั้ง การจะล้มยอดฝีมือได้ก็ไม่จำเป็นจะต้องใช้กระบวนท่าที่แข็งแกร่งขนาดทำลายฟ้าทะลวงดินแต่อย่างไร


 


 


แต่ว่าเป็นแค่ ลมตดก็พอแล้ว! จริงๆนะ!


 


 


ในที่สุด….แม้แต่แมงกระพรุนตัวนี้ก็ยังทนไม่ไหว เมื่อมองผ่านกระโปรงที่กึ่งทึบกึ่งสว่างของมัน ก็จะเห็นว่าด้านในของมันมีหูรูดที่กระเพื่อมขึ้นๆลงๆอยู่แห่งหนึ่ง ราวกับกำลังจะอาเจียนออกมา


 


 


มันพยายามฝืนอดทนเอาไว้ พุ่งผ่านความมึดมิดเข้าไป จนลึกลงไปถึงโลกอีกแห่งหนึ่ง ในที่สุดมันก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไป พอกระโปรงขยับก็ส่งเสียงอาเจียนพลางขย้อนคนทั้งหมดออกมาพร้อมกัน


 


 


พลังในการขย้อนของมันรุนแรงมาก ราวกับมือสังหารที่ขว้างลูกระเบิดออกมา


 


 


ที่ด้านหน้าเป็นขอบหินแห่งหนึ่งพอดี ศีรษะของตู๋กูซิงหลันก็กระแทกลงไปอย่างแรง


 


 


พิษที่อยู่ในร่างยังไม่ทันจะขับออกไป นางแม้อยากจะหลบก็หลบไม่พ้น พอโหม่งเข้าไปเช่นนี้เลือดก็ไหลออกมาท่วมศีรษะ


 


 


จีเฉวียนเองก็ถูกขย้อนทิ้งไปในหลืบมุมที่ดำมืดแห่งหนึ่ง


 


 


จากนั้นเจ้าแมงกระพรุนก็พาเยี่ยอิงลอยเข้าไปในตำหนักแห่งหนึ่งไม่ไกลออกไป


 


 


มันลอยไปก็ขยับปุ่มหนามภายในตัวไปด้วยตลอดเวลา คล้ายจะพยายามสำรอกเอาสิ่งเน่าเหม็นน่าสะอิดสะเอียนที่อยู่ภายในตัวเองออกมาให้หมด


 


 


………………………….


 


 


 


 


เนินหินในบริเวณใกล้ๆนั้นเต็มไปด้วยโขดหินหลากสีสัน มีบุรุษในชุดสีดำผู้หนึ่งนอนเล่นอยู่


 


 


ท่ามกลางความมืดมิดย่อมไม่อาจมองเห็นรูปโฉมของเขาได้อย่างชัดเจน


 


 


ก้อนหินที่ตู๋กูซิงหลันโหม่งเข้ามานั้น เป็นโขดหินที่อยู่ข้างกายเขาพอดี


 


 


พอนางกระแทกเข้ามาเช่นนี้ก้อนหินก็แตกออกมาทั้งก้อน


 


 


เมื่อได้กลิ่นของเลือดที่โชยขึ้นมา บุรุษผู้นั้นถึงได้ชายตาไปมอง


 


 


ทันทีที่มองออกไปก็เห็นว่าเป็นสตรีสวมชุดแดงผู้หนึ่งอยู่บนพื้น


 


 


นางสวมใส่เสื้อผ้าเนื้อบาง เรียวขาที่ยาวข้ามหนึ่งโผล่พ้นชายกระโปรงออกมา ทั้งขาวผุดผ่องและยาวตรงดุจพู่กัน นางคว่ำหน้าลงไป ร่างครึ่งบนถูกเส้นผมปกเอาไว้ องค์เอวที่บอบบางมีเส้นผมยาวสลวยเคลียอยู่ข้างๆ แต่ทั่วทั้งศีรษะมีแต่เลือดอาบ


 


 


บุรุษผู้นั้นขมวดคิ้วมอง ค่อยพลิกตัวลงไปจากก้อนหิน ลอยลงไปช้าๆข้างกายของนาง


 


 


หลังมองดูอยู่ครู่หนึ่ง ก็เตะใส่ช่วงเอวของนางครั้งหนึ่ง


 


 


เขาเตะเพียงเบาๆ ตู๋กูซิงหลันก็พลิกตัวขึ้นมา เส้นผมของนางรุ่ยร่าย คนนอนหงายอยู่บนพื้น


 


 


เมื่ออยู่ในอาณาเขตของเผ่ามังกรทมิฬ น้ำทะเลก็ถูกกีดกันเอาไว้ภายนอก


 


 


ศีรษะของนางยังมีเลือดไหลอาบ สลบไสลจนสิ้นสติไปแล้ว


 


 


บุรุษผู้นั้นจับจ้องอยู่ที่ใบหน้า และมองดูอาภรณ์สีแดงของนาง….ค่อยเงยหน้าขึ้นมองเห็นแมงกระพรุนยักษ์ที่ลอยลึกเข้าไปในตำหนักสีดำที่อยู่ลึกเข้าไป ก็เข้าใจอะไรขึ้นมา


 


 


นี่คงจะเป็นอนุคนที่สองร้อยห้าสิบของเขา


 


 


ที่เสี่ยวอิงไปรับตัวกลับมา


 


 


ดูท่าสตรีผู้นี้คงจะก่อเรื่องบางประการในระหว่างทาง ทำให้น้องสาวของเขาไม่สบอารมณ์ พอพามาถึงวังมังกรก็เลยโยนคนทิ้งเอาไว้


 


 


เขาหรี่ตามอง เห็นทรวงอกของนางยังคงเคลื่อนไหวอยู่ อืม ยังไม่ตาย มีลมหายใจอยู่


 


 


จึงยื่นมือลงไปอุ้มสตรีผู้นั้นขึ้นมา แบกเอาไว้บนบ่า พอขยับร่างเพียงวูบเดียว ก็เข้าไปในวังมังกรทมิฬด้วยความรวดเร็ว


 


 


บนใบหน้าเปรอะไปด้วยเลือด ทำให้เห็นรูปโฉมได้ไม่ชัดเจน ส่งไปอาบน้ำล้างตัวก่อนแล้วกัน หากว่าพอดูได้ ค่อยรับนางเป็นอนุ


 


 


หากว่าน่าเกลียด ก็โยนลงไปในหุบเหวไร้ก้น เป็นซากอาหารให้เหล่าวิญญาณ


 


 


ศีรษะของตู๋กูซิงหลันถูกกระแทกจนแตก นางสลบไสลไปแล้ว แม้แต่วิญญาณทมิฬก็ได้แต่แอบอยู่อย่างเงียบๆ


 


 


…………………


 


 


 


 


ภายในวังมังกรทมิฬ ตำหนักของไท่จื่อ


 


 


เหล่านางกำนัลในตำหนักกำลังทำงานอย่างวุ่นวาย….วันนี้เป็นวันมงคลที่ไท่จื่อจะทรงรับอนุคนที่สองร้อยห้าสิบเข้ามา


 


 


อนุคนใหม่เมื่อมาถึง ย่อมต้องอาบน้ำล้างตัว จากนั้นจึงค่อยส่งไปถวายตัวต่อไท่จื่อได้


 


 


ไม่มีผู้ใดเห็นองค์ไท่จื่อตั้งแต่เช้าแล้ว ได้ยินว่าอนุคนที่สองร้อยห้าสิบผู้นี้ คือองค์หญิงจากทะเลตะวันตกที่ไท่จื่อทรงคัดเลือกด้วยพระองค์เองรูปโฉมงงดงามดุจบุปผาสะคราญดุจจันทรา ทั้งยังเกิดมาเป็นมังกรทอง


 


 


ในเมื่อเป็นมังกรทอง ย่อมสมควรคลอดทารกศักดิ์สิทธ์ให้กับไท่จื่อได้กระมัง


 


 


เหล่านางกำนัลต่างก็คิดกันไป หวังว่าอนุที่มาใหม่ผู้นี้จะไม่อ่อนด้อยเหมือนกับอนุคนก่อนๆ…..


 


 


สระน้ำภายในตำหนัก ถูกเติมน้ำร้อนเอาไว้จนเต็มแล้ว บนผิวน้ำโรยเอาไว้ด้วยกลีบดอกไม้สีแดงชั้นหนึ่ง เป็นดอกกุหลาบ


 


 


นี่เป็นพืชพันธุ์ของพวกมนุษย์ สิ่งของเหล่านี้ไม่อาจปลูกในอาณาเขตของเผ่ามังกรทมิฬ จึงได้แต่ต้องนำมาจากเผ่ามนุษย์ ตากแห้งเอาไว้ค่อยนำมาใช้


 


 


ไท่จื่อทรงโปรดปรานกลิ่นของดอกกุหลาบ ดังนั้นอนุที่มาใหม่ทุกคนต่างก็ต้องอาบน้ำกุหลาบก่อนจึงจะได้ไปถวายตัว


 


 


ไม่รู้ว่าองค์หญิงมังกรจากทะเลตะวันตกผู้นี้มีรูปโฉมเช่นไร….


 


 


ขณะที่เหล่านางกำนัลกำลังครุ่นคิดกันอยู่นั้น ก็เห็นบุรุษในชุดสีดำปรากฏกายขึ้นมา แบกสตรีชุดแดงเอาไว้บนไหล่ผ่านเข้าไปสู่ด้านในของตำหนัก


 


 


เขาเดินไปจนถึงริมสระด้วยสีหน้าที่ไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ จากนั้นก็ขยับมือโยนคนลงไปในสระน้ำ


 


 


พลางเอ่ยออกมาอย่างเย็นชาว่า “อาบให้สะอาด ค่อยส่งไปที่เตียง”


 


 


เหล่านางกำนัลตะลึงไปเล็กน้อย ก็พากันคุกเข่ายวบลงไป สายตาจับอยู่แต่บนพื้น ไม่กล้าเหลือบมองอะไรทั้งสิ้น

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)