ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง 415-418

ตอนที่ 415 “เยี่ยอิง”

 

หลิ่วฮุ่ยถูกขู่จนหวาดผวาขึ้นมา


 


เป็นใครกัน? ก็แค่คนที่มารับตัวเจ้าสาวมิใช่หรือ? อย่างมากก็คงจะเป็นเพียงแค่คนข้างกายองค์ไท่จื่อที่ได้รับความโปรดปรานอยู่บ้างสักคน หรือไม่ก็เป็นอนุคนโปรดขององค์ไท่จื่อเอง?


 


เพราะได้ข่าวมาว่า ไท่จื่อของเผ่ามังกรทมิฬผู้นั้น ตลอดหลายปีมานี้ไม่เคยทรงอภิเษกชายาเอกมาก่อนเลย มีแต่รับอนุ รับเหล่าอนุเข้าไปตั้งมากมาย


 


เรื่องที่ให้อนุของเขาไปรับตัวอนุอีกคนหนึ่ง ก็ใช่ว่าเขาจะไม่เคยทำมาก่อน


 


นางเป็นถึงราชินีของราชามังกรตะวันตก….หรือว่ายังจะต้องมาถูกคนที่มารับตัวเจ้าสาวเช่นนี้รังเกียจเดียจฉันท์ด้วย?


 


หลิ่วฮุ่ยงัดความกล้าขึ้นมาถลึงตากลับไป


 


แต่ว่ากลับถูกผู้ที่ประคองเปลือกหอยเอาไว้ยกเท้าเตะใส่ “องค์หญิงผู้สูงส่งและล้ำค่าของพวกเราใช่ผู้ที่ราชินีกระจอกอย่างเจ้าจะมาถลึงตาใส่ได้หรือ?”


 


อะไรนะ? องค์หญิง!


 


ลู่กว่าง หลิ่วฮุย และลู่เวยต่างก็พากันตกตะลึงไปแล้ว


 


ต่อให้ตีให้ตายพวกเขาก็ไม่อยากจะเชื่อว่า คนที่มารับตัวเจ้าสาวตรงหน้าจะเป็นองค์หญิงของเผ่ามังกรทมิฬ?


 


ก่อนหน้านี้ก็เคยได้ยินมาบ้างว่า…..องค์หญิงของเผ่ามังกรทมิฬเยี่ยอิง เป็นคนที่หยิ่งทนงในศักดิ์ศรีอย่างยิ่ง


 


ทั้งยังอารมณ์ร้าย!


 


นางเป็นน้องสาวแท้ๆของ เยี่ยเฉิน ไท่จื่อแห่งเผ่ามังกรทมิฬ


 


ที่แท้แล้วก็เป็นน้องสาวมารับอนุให้กับพี่ชายนั่นเอง?


 


ทั้งสามคนต่างก็ตาค้างไปแล้ว


 


แม้แต่ตู๋กูซิงหลันก็ยังต้องเหลือบตาดูสาวน้อยผู้นี้อีกหลายครั้งเช่นกัน


 


อ๋อ? องค์หญิงเผ่ามังกรทมิฬ?


 


มิน่าเล่า…..รัดเกล้าสีครามและเงินยวงบนศีรษะถึงได้เตะตานัก


 


สายตาของเยี่ยอิงเปล่งประกายเย็นชา หันไปมองดูลู่กว่างอีกครั้ง “คนตาบอดผู้หนึ่งกลายเป็นราชามังกรตะวันตก ดูท่าทะเลตะวันตกคงต้องถึงจุดจบแล้ว”


 


ลู่กว่างอยากจะกระอักเลือด


 


เขาหันไปถลึงตาใส่หลิ่วฮุ่ยครั้งหนึ่ง ส่งเสียงอย่างโกรธแค้น “ตอนนั้นเจ้าทำอะไรลงไปกันแน่?”


 


หลิ่วฮุ่ยหัวใจสั่นเทา นางคิดจะหาทางแก้ตัวให้กับตนเอง แต่ว่าสายตาที่คมกริบของตู๋กูซิงหลันกับเยี่ยอิงตวัดมาทางนี้อย่างรวดเร็ว


 


คำพูดของนางพอมาถึงริมฝีปากก็ต้องกลืนกับลงไป


 


“เสด็จแม่ ท่านพูดสิ ข้าก็คือมังกรทองนี่….ข้าคือผู้มีพรสวรรค์รุ่นเยาว์ของสี่ทะเล นี่เป็นเรื่องที่ทุกเผ่ามังกรต่างก็ทราบดีอยู่แล้ว!” ลู่เวยโวยวายไม่ยอมหยุด


 


เดิมทีนางคิดเอาไว้ว่า วันนี้พอได้รับมุกพลังวิญญาณจากเผ่ามังกรดำ นางก็จะได้ครองตำแหน่งผู้เยาว์อันดับหนึ่งของเผ่ามังกร


 


แต่ว่าในวันนี้ นางไม่เพียงแต่ถูกทุบตีเกือบตาย ทั้งยังสูญเสียดาบกระดูกมังกร ตอนนี้แม้แต่ร่างสีทองก็ยังเป็นของปลอม?


 


นางแทบจะเป็นบ้าไปแล้ว!


 


หลิ่วฮุ่ยไหนเลยจะยังกล้าบิดพลิ้วอีกต่อไป …..ตอนนี้แค่นางอ้าปากขึ้นมา ก็มีคนพร้อมจะฆ่านางอยู่แล้ว


 


นางหวาดกลัวตู๋กูซิงหลันมากพออยู่แล้ว ตอนนี้ก็ยังมีองค์หญิงเผ่ามังกรทมิฬมาเพิ่มอีกคน ทั้งสองต่างก็โหดเ**้ยม แค่สายตาของพวกนางกวาดผ่านมา ร่างกายของนางก็คล้ายว่าจะถูกฉีกเป็นชิ้นๆไปเสียแล้ว


 


เมื่อไม่พูด ก็เท่ากับว่ายอมรับ…..


 


ลู่กว่างเห็นท่าทางเช่นนั้นของนาง หัวใจก็เย็นวาบลงไปในทันที ทันใดนั้นก็กระอักเลือดคำโตออกมา


 


ความพยายามตลอดหลายปีมานี้ของเขา…..ล้วนสิ้นสูญไปอย่างเปล่าประโยชน์!


 


เขามองดูชือหลี เห็นพอมุกมังกรกลับเข้าสู่ร่างของนาง ร่างของนางก็ค่อยๆทอประกายสีทองออกมา


 


ดาบกระดูกมังกรที่อยู่ในมือของนาง ก็ค่อยๆหลอมรวมเข้ากับร่างกายอย่างรวดเร็ว


 


ทั้งๆที่ไม่มีสายลมใดๆ แต่เสื้อผ้าและเส้นผมของชือหลีกลับพลิ้วขึ้นมา แสงสว่างสีทองยิ่งทีก็ยิ่งสว่างชัดเจนกว่าเดิม


 


พอเห็นภาพที่เกิดขึ้นเช่นนั้น หัวใจของลู่กว่างก็ยิ่งแตกสลาย เขากระอักเลือดออกมามากมาย แทบจะขาดใจตายลงไปตรงนี้แล้ว


 


ที่แท้เขา….ที่แท้เขาก็ทำลายชือหลี บุตรสาวที่เป็นมังกรทองของตนลงไปกับมือ แถมยังไปสนับสนุนลู่เวยที่เป็นขยะไร้ค่า?


 


พอครุ่นคิดอย่างละเอียด ถึงแม้ว่าตอนนั้นเขาจะยอมอยู่กับชือฉางเพราะมุ่งหมายในบัลลังก์มังกร แต่ว่าก็เคยมอบความจริงใจให้ไปเล็กน้อยเช่นกัน


 


หากว่าไม่มีหลิ่วฮุ่ยกัยลู่เวย ……บางที่เขากับชือฉางอาจอยู่ร่วมกันอย่างดีได้ต่อไป


 


ชือฉางถึงแม้จะหยิ่งยโส และอารมณ์ร้าย แต่ทุกเรื่องที่ทำลงไปล้วนปรารถนาดีต่อเขา


 


แม้กระทั้งตำแหน่งราชามังกรตะวันตก ก็เป็นเพราะชือฉางวอนขอมาจากราชามังกรเฒ่าให้กับเขา….


 


ตลอดหลายปีมานี้ หลิ่วฮุ่ยต่อหน้าอ่อนโยน แต่ลับหลังกลับผลาญสมบัติของทะเลตะวันตกไปมากมายเพียงใดก็ไม่รู้….วังมังกรแห่งนี้ใกล้จะถูกนางควักออกไปจนว่างเปล่าแล้ว


 


มีแต่ใช้ออกไป ไม่เคยมีอะไรกลับเข้ามา


 


ลู่กว่างยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธเคือง ยิ่งโกรธก็ยิ่งแค้น ยิ่งแค้นก็ยิ่งสำนึกเสียใจ หากว่าตอนนี้เขายังสามารถเคลื่อนไหวได้ละก็ ย่อมต้องฆ่านังคนหลอกลวงหลิ่วฮุ่ยกับมือ


 


ชือหลีเองก็ตกตะลึงไปแล้ว นางไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าตนเองคือมังกรทอง


 


วันเวลาหลายปีที่ยากลำบากมาตลอดนั้น นางอดทนจนผ่านมาได้…ด้วยร่างงู


 


หากว่าไม่มีตู๋กูซิงหลัน เกรงว่าชาตินี้ทั้งชาติ นางก็คงจะไม่มีทางรู้ว่าตนเอง ที่จริงแล้วแข็งแกร่งถึงขนาดนี้


 


พอมุกมังกรและดาบกระดูกมังกรเข้าสู่ร่าง นางก็รู้สึกปลอดโปร่งไปทั้งร่าง


 


ส่วนลู่กว่างและครอบครัวของเขาแต่ะคนกลับมีสีหน้าเหมือนกินอึเข้าไป


 


“ท่านพี่ ข้า….” หลิ่วฮุ่ยไม่กล้าไปแก้ตัวกับตู๋กูซิงหลันและเยี่ยอิง ได้แต้หันมามองไปทางลู่กว่าง


 


“หุบปาก เจ้ามันนังคนชั่ว!” ลู่กว่างด่าทอออกมายกใหญ่ “ข้ามันตาบอดไปแล้วจริงๆ ถึงได้ไปแต่งเอาตัววิบัติอย่างเจ้ามา!”


 


“เสด็จพ่อ ท่านเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร!” ลู่เวยไม่เคยถูกปฏิบัติด้วยเช่นนี้มาก่อน นางย่อมโกรธเกรี้ยวอย่างยิ่ง “คนอื่นพูดอย่างไรท่านก็เชื่อเช่นนั้นหรือ? ท่านเป็นไอ้โง่ไปแล้วหรือไง?”


 


ถึงอย่างไรไอ้แก่นี่ก็ถูกถอดกระดูกทิ้งไปแล้ว ยังจะต้องไปเกรงกลัวเขาอีกทำไม?


 


หากว่าเขาตายไป นางก็จะรีบป่าวประกาศไปถึงอีกสามทะเล ว่าเขาตายภายใต้น้ำมือของชือหลีและฮ่องเต้หญิงแคว้นเหยียน ถึงตอนนั้นเมืองบาดาลทั้งใต้หล้าก็จะไม่มีที่ใดยอมรับชือหลีอีก


 


“เจ้าหุบปากให้ข้าเสียเดียวนี้ ไอ้เดรัจฉานน้อยที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง!” ลู่กว่างจดจ้องนางอย่างแค้นเคือง พอเห็นลู่เวยเผยไอสังหารออกมาทางสีหน้า ถึงได้รู้ว่านางที่ว่าง่ายเชื่อฟังมาโดยตลอดนั้นเป็นเพียงแค่การเสแสร้งเท่านั้น


 


“ไปขออภัยต่อน้องสาวของเจ้าเดี๋ยวนี้!” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ในเมื่อเผ่ามังกรทมิฬต้องการคน เจ้าก็แต่งไปซะ เจ้าไปสวมชุดเจ้าสาวมาให้ข้าเดี๋ยวนี้ รีบไสหัวไป!”


 


เขาไม่มีทางให้ชือหลีแต่งไปอย่างแน่นอน


 


นางต่างหากที่เป็นมังกรทอง เขาจะต้องชดเชยให้กับนางอย่างดี


 


ชือหลีอยากจะหัวเราะแล้ว….คนบ้านนี้กัดกันเองราวกับสุนัข ช่างสนุกสนานจริงๆ


 


“เรื่องอะไรข้าจะต้องไปขอโทษนาง? ฝันไปเถอะ! ไอ้เฒ่าปลาดุก คิดจะให้ข้าแต่งงานออกไป แต่งไปเป็นอนุนะรึ! ท่านมันบ้าไปแล้ว?” ลู่เวยฉีกหน้ากับเขาแล้วจริงๆ นางพาลเรียกเขาเป็นปลาดุกเฒ่าอย่างตู๋กูซิงหลันบ้าง แม้แต่คำว่าเดรัจฉานเฒ่าก็ยังอยากจะด่าออกไป


 


“ข้าจะบอกให้รู้เอาไว้เลยนะ จะให้ข้าแต่งออกไป นั่นไม่มีทาง! ไอ้แก่ที่ไม่ยอมตายอย่างท่าน มันเห็นแก่ตัวอย่างที่สุด คิดจะเอาข้าไปแลกเปลี่ยนกับผลประโยชน์หรอ ท่านคิดจะให้ข้าถูกเผ่ามังกรทมิฬกลั่นแกล้งจนตายไปหรือไง?”


 


ลู่เวยถึงกับฉีกหน้าทุบหม้อข้าวแล้ว วันนี้นางต้องพบกับความผิดหวังมากจนเกินไป บิดาที่รักถนอมตนเองเสมือนไข่มุกบนฝ่ามือถึงกับมาทำกับนางเช่นนี้อีก ทำเอาจิตใจของนางถึงแหลกสลายแล้ว


 


หลิ่วฮุ่ยเห็นเช่นนั้น ก็กล่าวอย่างคล้อยตาม “ลู่กว่าง ท่านอย่าได้ทำเกินไปนัก มีสิทธิอะไรจะมาส่งเวยเอ๋อร์ของข้าไปตายกัน? หากจะตายก็สมควรเป็นท่านนั่นแหละ!”


 


ลู่กว่างโกรธแค้นจนกระอักเลือดติดต่อกัน แต่ว่าเขาถูกถอดกระดูกมังกรออกไปแล้ว ยามนี้จึงไม่อาจทำอย่างไรกับแม่ลูกคู่นี้ได้


 


เขาได้แต่มองไปทางชือหลี ปรับเปลี่ยนสีหน้าที่เคยแต่โหดร้ายกับนาง “หลีเอ๋อร์ เป็นบิดาผิดต่อเจ้าแล้ว คนชั่วสองคนนั้นเจ้าคิดจะจัดการอย่างไรก็ตามแต่ใจของเจ้าเถิด ต่อไป บิดาจะต้องชดเชยให้กับเจ้าอย่างดี เจ้ายกโทษให้กับข้าได้หรือไม่?”


 


ชือหลีคร้านจะสนใจเขาอีกแล้ว นางมองไปทางเยี่ยอิง “องค์หญิงเพคะ พี่สาวของนางคือเจ้าสาวที่พวกท่านหมั้นหมายเอาไว้ ความเข้าใจผิดเล็กน้อยจึงทำให้เสียเวลาไปบ้าง เช่นนี้สมควรรีบนำตัวไปเลยดีหรือไม่?”


 


หากเทียบกับเรื่องที่จะคิดบัญชีกับครอบครัวนี้อย่างไรดีนั้น นางยังอยากจะรีบไล่คนเผ่ามังกรทมิฬกลุ่มนี้ไปมากกว่า


 


เพราะว่า…..พวกเขาอันตรายอย่างยิ่ง


 


เยี่ยอิงกวาดตามองดูนางอย่างเรียบเฉย โดยมิได้มองดูลู่เวยเลยสักนิด เพียงเอ่ยว่า “นังโง่นั่นไม่คู่ควรจะเป็นอนุของพี่ชายข้า”


 


ว่าแล้ว นางก็หันสายตามาจับจ้องไปที่ตู๋กูซิงหลัน “เจ้า คู่ควร!”

 

 

 


ตอนที่ 416 ข้าไม่สนใจไท่จื่อของพวกท่าน

 

 


 


พอเอ่ยคำนั้นออกไป ผู้คนทั้งหมดก็พากันตกตะลึง!


 


 


จะให้ตู๋กูซิงหลันไปเป็นอนุ?


 


 


นัยตาสีครามจับจ้องอยู่บนร่างของตู๋กูซิงหลัน โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้นของนาง ช่างมีชีวิตชีวางดงามดุจดอกท้อ พอยิ่งมองดูอย่างละเอียดลออขึ้นไปอีก นัยตาสีดำนั้นช่างเย็นชาและลึกล้ำสุดหยั่ง


 


 


เยี่ยอิงพึงพอใจอย่างยิ่ง


 


 


ริมฝีปากสีแดงของนางยกยิ้ม “เจ้าสมควรขอบคุณตนเองที่เจ้าเกิดมามีรูปโฉมเช่นนี้ ถึงได้มีคุณสมบัติเข้าสู่เผ่ามังกรทมิฬของข้า กลายเป็นอนุภรรยาในพี่ชายของข้า”


 


 


ปลายนิ้วของตู๋กูซิงหลันเคาะลงไปบนใบมีอของดาบยักษ์เบาๆ “หืม?”


 


 


เยี่ยอิงโบกมือเบาๆ ก็เห็นชาวมังกรผู้นั้นเก็บของขวัญกลับคืนมาจากลู่กว่าง นำมายื่นตรงหน้าตู๋กูซิงหลันแทน


 


 


“นี่คือไข่มุกพลังวิญญาณของเผ่ามังกรทมิฬของเรา พอเจ้าแต่งเข้ามา ไข่มุกพลังวิญญาณนี้ก็จะเป็นของเจ้า” เส้นผมยาวสลวยสีครามที่หยิกเป็นลอนราวสาหร่ายในท้องทะเลของเยี่ยอิงพลิ้วไหวราวกับกำลังเริงระบำ นางมีความสูงพอๆกับตู๋กูซิงหลัน ดวงตาคู่นั้นมองตรงมายังนาง


 


 


“ของขวัญที่มอบให้กับวังมังกรตะวันตกก่อนหน้านี้ก็จะเก็บคืนมาทั้งหมด และมอบให้กับเจ้าด้วย”


 


 


ว่าแล้ว เปลือกหอยสีดำชิ้นนั้นก็เปิดออกมา ภายในมีไข่มุกสีดำขนาดเท่าไข่ไก่อยู่เม็ดหนึ่ง มันเปี่ยมไปด้วยพลังวิญญาณและพลังมังกรที่แข็งแรง ให้ความรู้สึกประหนึ่งถูกหางมังกรโอบรัดเอาไว้


 


 


ลู่เวยมองดูไข่มุกที่แฝงพลังมังกรเม็ดนั้น ก็ริษยาจนสองตาแดงก่ำจนเลือดแทบจะหยดออกมา


 


 


มุกพลังวิญญาณมังกรเม็ดนี้ เดิมทีจะต้องเป็นของนางต่างหาก!


 


 


ทำไมถึงได้นำไปให้กับมนุษย์บัดซบผู้นั้นได้?


 


 


นางเป็นเพียงแค่มนุษย์ผู้หนึ่ง มีคุณสมบัติอันใดจะได้เป็นอนุของไท่จื่อเผ่ามังกรทมิฬกัน?


 


 


ชือหลีเองก็งงงันไปแล้ว นางคิดไม่ถึงว่า องค์หญิงผู้นั้นจะไปถูกใจตู๋กูซิงหลันเข้า


 


 


ตู๋กูเจวี๋ยสีหน้าบูดบึ้งขึ้นมาในทันที น้องสาวของตนเองเป็นถึงฮ่องเต้หญิงแห่งแคว้นเหยียน คนที่ไล่ตามนางมีอยู่ทั่วแผ่นดิน แล้วจะให้ไปเป็นอนุของมังกรตัวหนึ่ง?


 


 


ช่างน่าหัวเราะ!


 


 


ยิ่งไปกว่านั้น เคยได้ยินมาว่าพวกมังกรอุปนิสัยวิปริต น้องสาวที่โดดเด่นงดงามของเขาแต่งไปมิใช่ว่าจะถูกรังแกจนตายหรอกหรือ?


 


 


ตู๋กูเจวี๋ยก้าวออกไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง คิดจะไปถกเหตุผลกับองค์หญิงผู้นั้น


 


 


แต่พอก้าวออกไปได้เพียงก้าวเดียว ก็ถูกชือหลีกระตุกแขนเสื้อดึงกลับมา


 


 


กลับเป็นชือหลีที่ก้าวเท้าออกไปก้าวหนึ่ง บังตู๋กูเจวี๋ยเอาไว้ด้านหลัง นัยตาสีแดงคู่นั้นมองไปยังเยี่ยอิง


 


 


“องค์หญิงเพคะ นี่คงจะไม่ดีเท่าไหร่กระมั้ง?”


 


 


นางเอ่ยต่อไป “นางเป็นสหายของข้า ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับเรื่องนี้เลย ที่พวกท่านต้องการคือองค์หญิงทะเลตะวันตก มิใช่ผู้อื่น”


 


 


ตู๋กูซิงหลันมาเพื่อช่วยเหลือนาง แล้วนางจะปล่อยให้ตู๋กูซิงหลันถูกเผ่ามังกรทมิฬหมายตาได้อย่างไร?”


 


 


“นังมนุษย์ผู้นั้นนิสัยยโสโอหังจะตายไป ไหนเลยจะมองเห็นไท่จื่อของเผ่ามังกรทมิฬอยู่นสายตา?” ลู่เวยฉวยโอกาสกล่าวต่อไป “คนเขาเป็นถึงฮ่องเต้แห่งแคว้นเหยียน ใครจะไปยอมละทิ้งตำแหน่งฮ่องเต้ ไปเป็นอนุกัน?”


 


 


คำพูดของลู่เวยสร้างความไม่พอใจให้กับเยี่ยอิง เส้นผมของนางสยายขึ้นมา หัวคิ้วบังเกิดลายมังกรสีดำตัวหนึ่งกำลังเคลื่อนไหว


 


 


ตู๋กูซิงหลันเหลือบตาไปมองดูลู่เวยแวบหนึ่ง สายลมหอบหนึ่งก็ซัดออกไปจากฝ่ามือ เสียงฝ่ามือฟาดลงไปบนศีรษะของลู่เวยดังเปรี้ยง นางรู้สึกเหมือนสมองพลิกกลับไปรอบหนึ่ง


 


 


คนมึนงงจนคิดจะอาเจียนออกมา


 


 


“หนวกหู” ตู๋กูซิงหลันเอ่ยออกมาอย่างเย็นชาคำหนึ่ง


 


 


จากนั้นดวงตาทั้งคู่ก็หันกลับไปมองดูเยี่ยอิง “แต่ว่านางก็พูกถูก ข้าไม่สนใจไท่จื่อของพวกท่าน”


 


 


นางพูดพลาง ก็ควงดาบยักษ์บนหัวไหล่ “ข้าตู๋กูซิงหลันชีวิตนี้จะไม่เป็นอนุของผู้ใดทั้งนั้น”


 


 


กริยาของนางทั้งเย็นชาทั้งหยิ่งทนง


 


 


 


 


ถึงแม้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะเป็นองค์หญิงของเผ่ามังกรทมิฬ แต่ความทรนงในตนเองของตู๋กูซิงหลันก็มิได้ลดลงไปแม้แต่น้อย


 


 


คนอย่างตู๋กูซิงหลันนั้น หากมีผู้ใดให้ความเคารพนางหนึ่งนิ้ว นางก็จะเคารพเขาหนึ่งจั้ง


 


 


แต่หากใครไม่เคารพในตัวนาง นางย่อมไม่เกรงใจอีกต่อไป


 


 


“เป็นแค่มนุษย์สามัญผู้หนึ่ง แต่กลับกล้าโอหังได้ถึงเพียงนี้?” คราวนี้แม้แต่เยี่ยอิงที่มาจากเผ่ามังกรก็ยังขุ่นเคืองขึ้นมา


 


 


ถึงแม้ว่าจะถูกกักเอาไว้ยังก้นทะเล แต่ว่าในแก่นแท้ของพวกเขายังคงหยิ่งทนงในความสูงส่ง เผ่ามนุษย์ ในสายตาของพวกเขานั้นแทบจะไม่ต่างอะไรกับพวกมด


 


 


อย่าว่าแต่จะให้นางเป็นอนุของไท่จื่อเลย แม้แต่เป็นเพียงสาวใช้ที่ล้างเท้าให้กับไท่จื่อ นางก็สมควรจะคุกเข่าลงกราบกรานด้วยความซาบซึ้งใจแล้ว แล้วยังจะกล้ามาบอกว่าไม่สนใจไท่จื่อของพวกเขาอีกหรือ?


 


 


เยี่ยอิงจดจ้องไปยังนาง นางเคยพบเจอพวกมนุษย์มาเหมือนกัน แต่ก็ไม่เคยเห็นมนุษย์ที่หยิ่งทนงขนาดนี้มาก่อน


 


 


 


 


นางพยายามข่มอารมณ์ขุ่นเคืองในใจลงไป ส่งยิ้มเย็นชาไปให้กับตู๋กูซิงหลัน “แล้วเจ้าจะต้องเสียใจ”


 


 


ตู๋กูซิงหลันเองก็ส่งยิ้มกลับไป “ขอโทษที ในพจนานุกรมของเราไม่มีคำว่า ‘เสียใจ’ สองคำนี้”


 


 


เส้นผมยาวสลวยของนางพลิ้วไปด้านหลัง ชุดกระโปรงสีแดงก็ไหวเบาๆ ชักสีนางที่เคยใช้ยามแสดงละครเรื่อง BOSSออกมา


 


 


ริมฝีปากแดงราวสีเลือดของนางเผยความเ**้ยมเกรียมโดยไม่ต้องเอ่ยคำพูด


 


 


ข้างกายยังมีกระดูกมังกรที่อาบไปด้วยเลือดสดๆทั้งเส้นวางอยู่ กลิ่นเลือดคาวคละคลุ้ง ระเหยเป็นไอหมอกสีแดงไปทั่วด้านหลังของนาง


 


 


แม้แต่เยี่ยอิงก็ยังรู้สึกได้ ว่าสตรีผู้นี้จะต้องร้ายกาจอย่างยิ่ง


 


 


นางยิ่งเกิดความสนใจในตัวของตู๋กูซิงหลันมากกว่าเดิม…..


 


 


มนุษย์ที่สามารถเลาะกระดูกราชามังกรได้ผู้หนึ่ง มนุษย์ที่มีความกล้าจะต่อต้านนางได้ผู้หนึ่ง ยังน่าสนใจกว่าสตรีเผ่ามังกรทั้งสี่ทะเลมากนัก


 


 


สตรีผู้นี้หากว่าสามารถคลอดบุตรให้กับพี่ชายละก็….บางทีอาจจะเป็นทารกศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นได้?


 


 


ประกายตาของเยี่ยอิงเข้มข้นขึ้นมา นางขยับร่างวูบหนึ่ง แส้สีเงินในมือก็สะบัดออกไปในทันที


 


 


เป็นความรวดเร็วประหนึ่งสายฟ้าฟาดทำให้คนไม่อาจหลบพ้นได้


 


 


ต่อให้เป็นชือหลี ก็เห็นเป็นเพียงแสงแวบเดียว แค่ชั่วแวบนั้นก็พุ่งมาถึงตัวของตู๋กูซิงหลันแล้ว


 


 


พวกเขาได้แต่หลั่งเหงื่อๆเย็นออกมาทั่วร่าง


 


 


เผ่ามังกรทมิฬ…..ยังคงเป็นผู้ที่ไม่อาจล่วงเกินได้แม้แต่น้อย!


 


 


ความแข็งแกร่งของพวกเขายังมากกว่าที่คาดคิดเอาไว้ เผ่ามังกรทั้งสี่ทะเลได้แต่ต้องกราบกรานเป็นบรรพชนเท่านั้น


 


 


วันนี้องค์หญิงเสด็จมาด้วยพระองค์เอง แต่ว่าตู๋กูซิงหลันกลับไม่ได้เห็นนางอยู่ในสายตา


 


 


แส้นี้พอฟาดออกไป ต่อให้ไม่ตายก็ต้องถลกหนังออกมาชั้นหนึ่ง


 


 


พวกลู่เวยต่างก็ยินดีขึ้นมา มนุษย์ผู้นั้นชั่งยโสโอหังเกินไปแล้ว ……อีกประเดี๋ยว นางจะต้องชดใช้ค่าตอนแทนในความยโสของนาง


 


 


แส้ของเยี่ยอิงฟาดออกไป ได้ยินเสียง ‘เปรี้ยง’ ขึ้นมาครั้งหนึ่ง ก็เห็นว่าตู๋กูซิงหลันใช้ดาบยักษ์สกัดเอาไว้


 


 


เมื่อทั้งสองฝ่ายปะทะกัน ก็เกิดเป็นดอกไม้เพลิงขนาดใหญ่ที่แสนงดงาม


 


 


ทันทีที่แรงระเบิดที่รุนแรงนั้นสว่างวาบออกไป เสาหลักทั้งสี่ต้นในตำหนักกลางของวังมังกรก็แตกร้าวขึ้นมา


 


 


ทั่วทั้งตำหนักเกิดเสียงสั่นสะเทือนเลือนลั่น มีแต่เศษฝุ่นละอองตกลงมาใส่ศีรษะ


 


 


ภายในวังมังกรนั้นไม่มีน้ำทะเล สิ่งของต่างๆจึงตกลงมากระแทกพื้นอย่างรุนแรง


 


 


อาวุธของเยี่ยอิงนั้นหากมองดูอย่างผิวเผินก็คือแส้เส้นหนึ่ง แต่ว่าเมื่อมองดูอย่างละเอียดถึงได้เห็นว่าเป็นดาบกระดูกที่พลิ้วไหวได้เล่มหนึ่ง เป็นใบมีดดาบสิบสองชิ้นเชื่อมต่อกัน พอสะบัดออกไปก็เป็นเหมือนดั่งแส้เส้นหนึ่ง


 


 


พอฟาดลงมายังตู๋กูซิงหลัน ถึงได้เห็นชัดว่าดาบกระดูกที่คมกริบเล่มนั้น ร้อยรัดอยู่บนดาบยักษ์ทั้งเล่ม


 


 


เยี่ยอิงนั้นแต่ไหนแต่ไรมิใช่คนที่ชอบพูดพล่ามอย่างไร้สาระ ตอนนี้นางอดทนมาเกินพอแล้ว จึงคิดแต่จะคว่ำตู๋กูซิงหลันลงให้จงได้


 


 


เดิมที ดาบยักษ์ในมือของตู๋กูซิงหลัน นางเองก็มิได้เห็นอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ


 


 


แต่ใครจะรู้ว่า ดาบที่มองดูแล้วเหมือนจะสามัญธรรมดาเล่มนั้น กลับสามารถสะกัดดาบโซ่ของนางเอาไว้ได้?


 


 


ดาบโซ่กระดูกสิบสองข้อพันอยู่บนดาบยักษ์ เปล่งประกายแสงที่เยือกเย็นออกมา


 


 


เยี่ยอิงเพิ่มพลังในมือ คิดจะกระชากดาบยักษ์ในมือของตู๋กูซิงหลันออกมา


 


 


ตู๋กูซิงหลันย่อมไม่เปิดโอกาสให้กับนาง พลิกฝ่ามือออกไป

 

 

 


ตอนที่ 417 นี่ไปหาเรื่องกับจอมมารตนใด...

 

คราวนี้ไม่เพียงแต่แผ่พลังในร่างออกมา แม้แต่เส้นผมและเสื้อผ้าของทั้งสองก็พลิ้วขึ้นไป


 


 


ทั้งสองห่างกันประมาณหนึ่งจั้ง แต่กลับเกิดพลังบดกระแทกปานจะเคี้ยวเลือดเนื้อให้แหลกเหลวกระจายออกไปรอบด้าน


 


 


ลู่กว่างยังติดอยู่ในอาณาเขตนี้ด้วย เขารู้สึกว่าทั่วทั้งร่างกำลังถูกบดขยี้จนใกล้จะแตกสลาย บีบอัดจนหายใจไม่ออก มีแต่ความหวาดกลัวเกาะกุมจิตใจอย่างไรอย่างนั้น


 


 


เขายื่นมือออกไป พยายามคืบคลานออกไปอย่างสุดแรง


 


 


แรงบดขยี้ด้านหลังยังไล่ตามมา เขาคืบคลานอย่างเชื่องช้า จึงได้เห็นว่าสองขาของตนเองกำลังถูกบดขยี้จนกลายเป็นก้อนเนื้อที่แหลกเหลว!


 


 


เขาเจ็บปวดจนมีแต่เหงื่อท่วมศีรษะ ไม่กล้าหันศีรษะกลับไป ต้องเค้นกำลังจนถึงที่สุดถึงได้หลุดพ้นจากพื้นที่ต่อสู้ พอหันกลับไปมอง ก็เห็นว่าร่างท่อนล่างของตนเองนั้นไม่มีอีกแล้ว


 


 


เหลือแต่เพียงร่างท่อนบนที่ไม่มีกระดูกมังกรแล้วกำลังดิ้นรนอย่างอ่อนแรง


 


 


ดูแล้วช่างอนาถอย่างที่สุด


 


 


ตอนนี้ไม่มีใครสนใจเขาอีกแล้ว ทุกคนหันไปมองดูแต่ตู๋กูซิงหลันและเยี่ยอิง


 


 


ไม่ว่าใครก็คิดไม่ถึงว่า…..ฮ่องเต้หญิงของเผ่ามุนษย์ผู้หนึ่งจะสามารถประมือกับองค์หญิงของเผ่ามังกรได้ โดยไม่มีเสียเปรียบ?


 


 


ตู๋กูเจวี๋ยเองก็ตกตะลึงไปแล้ว เขานึกไม่ถึงเลยว่าน้องสาวของตนเองจะแข็งแกร่งถึงขนาดนี้


 


 


“องค์หญิง!” ชาวมังกรทมิฬเองก็อดจะประหลาดใจไม่ได้ ยามปกติแล้ว หากว่าองค์หญิงทรงลงมือ มีแต่จะได้เห็นเลือดโดยไม่ไว้ชีวิต


 


 


แต่ว่ามนุษย์ผู้นี้ นางกลับสามารถ…..


 


 


บนแผ่นดินนี้มีผู้ที่เก่งกาจถึงเพียงนี้เพิ่มขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?


 


 


ทำไมพวกเขาถึงไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย?


 


 


 ตู๋กูซิงหลันมิได้ประมาทแม้แต่น้อย นางกุมดาบยักษ์เอาไว้ในมือข้างหนึ่ง ใช้กระบวนท่าออกไปอย่างดุดัน ต้านทานดาบโซ่ที่ร้อยต่อกันของเยี่ยอิงเอาไว้ อีกมือหนึ่งถือแผ่นยันต์เอาไว้ คิดจะปิดฉากการต่อสู้อย่างรวดเร็ว


 


 


เยี่ยอิงเห็นนางหยิบยันต์ขึ้นมา ก็ดึงดาบโซ่ที่ร้อยต่อกันกลับไป จากนั้นก็เคลื่อนไหวร่างวูบหนึ่ง คนก็พุ่งมาถึงเบื้องหน้าตู๋กูซิงหลัน


 


 


พอนางตวัดฝ่ามือขึ้นมา ทันใดนั้น ก็เห็นที่ด้านหลังของนางปรากฏเงาร่างของมังกรสีครามขนาดใหญ่


 


 


เงามังกรตัวนั้นคำรามอย่างกึกก้อง ก็กลายเป็นพลังที่รุนแรงสายหนึ่งบนฝ่ามือของเยี่ยอิง พุ่งเข้าใส่ร่างของตู๋กูซิงหลัน


 


 


ตู๋กูซิงหลันยกดาบยักษ์ขึ้นมาขวาง พลางถอยหลังไปก้าวหนึ่ง จากนั้นพลิกมือขึ้นสกัดเอาไว้


 


 


ไหนเลยจะรู้ว่าพลังฝ่ามือของเยี่ยอิงกลับสามารถทะลวงดาบยักษ์เข้ามาได้ ทั้งยังกระแทกเข้าสู่ร่างของนาง


 


 


พลังรุนแรงอย่างยิ่ง!


 


 


เป็นพลังที่รุนแรงราวกับถังดินปืนนับสิบใบระเบิดออกมาพร้อมกัน!


 


 


นางถูกกระแทกจนลอยละลิ่วออกไป


 


 


ยังโชคดีที่กระดูกในร่างกายผ่านการหลอมรวมกับหยกสรรพชีวิตมาแล้วรอบหนึ่ง จึงแข็งแกร่งอย่างยิ่ง แม้ว่าบริเวณทรวงอกก็ยังมีรอยขีดข่วนอยู่หลายรอย แต่ก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก


 


 


นางถอยหลังไปอีกหลายก้าว ค่อยยืนขึ้นได้อย่างมั่นคง


 


 


นัยตาสีดำคู่นั้นใสกระจ่างอย่างปราศจากฝุ่นละอองและผงธุลีใดๆ จับจ้องไปยังเยี่ยอิง


 


 


ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า…..องค์หญิงผู้นี้แข็งแกร่งอย่างยิ่ง


 


 


จะอย่างไรก็สมกับที่เป็นเผ่ามังกรทมิฬ เผ่าที่ครั้งหนึ่งเคยผงาดขึ้นมาต่อสู้กับเหล่าทวยเทพเบื้องบน


 


 


เยี่ยอิงมองดูนาง ฝ่ามือนี้นางใช้กำลังออกไปถึงแปดส่วน ต่อให้เบื้องหน้ามีฉลามยักษ์รออยู่ ก็มีหวังต้องถูกฝ่ามือนี้ทำลายจนร่างแหลกกระดูกหัก


 


 


แต่ว่าสตรีผู้นี้ กลับเพียงแค่ผิวถลอกเล็กน้อย?


 


 


นางหรี่ตาลง เลือดในดวงตาสูบฉีดอย่างคึกคัก นั่นเป็นความตื่นเต้นยินดีอย่างบอกไม่ถูก


 


 


นางยิ่งเกิดความรู้สึกว่า สตรีผู้นี่จะต้องสามารถคลอดทารกศักดิ์สิทธิ์ให้กับพี่ชายได้อย่างแน่นอน


 


 


เหล่าสตรีก่อนหน้านี้ล้วนอ่อนแอเกินไปแล้วไม่คู่ควรกับพี่ชาย!


 


 


“ข้าผู้เป็นองค์หญิงจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง” นางจับจ้องไปยังตู๋กูซิงหลัน กล่าวโดยน้ำเสียงที่ปราศจากความอบอุ่นแม้แต่น้อย “จงเชื่อฟังวาจา ไปเป็นอนุให้พี่ชายของข้าแต่โดยดี แล้วเจ้าจะไม่เสียเปล่าอย่างแน่นอน”


 


 


นางพูดพลางก็เดินเข้าไปหาตู๋กูซิงหลันเรื่อยๆ


 


 


ดาบโซ่ที่ร้อยติดกันในมือเมื่ออยู่ภายใต้แสงของไข่มุกราตรีก็ยิ่งเรืองแสงเย็นยะเยือกที่ลึกล้ำสุดหยั่งออกมา


 


 


ตู๋กูเจวี๋ยเกือบจะสะอึกออกไปด้านหน้าเพื่อบังตู๋กูซิงหลันเอาไว้อยู่แล้ว


 


 


น้องเล็กจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่อย่างไรก็ยังเป็นมนุษย์…..แล้วจะไปปะทะกับเผ่ามังกรที่อยู่ในตำนานได้อย่างไร?


 


 


“อย่าได้สร้างความยากลำบากให้กับนาง!” ชือหลีดึงตัวเขาเอาไว้ไม่ให้ขยับ “อาหลันมิได้อ่อนแออย่างที่เจ้าคิด!”


 


 


ตอนนี้หากพวกนางทั้งสองเข้าไป ก็มีแต่จะทำให้ตู๋กูซิงหลันยุ่งยากกว่าเดิม


 


 


ตู๋กูซิงหลันกล้าลงมือ แสดงว่าต้องเตรียมการไว้พร้อมแล้ว


 


 


ชือหลีคลุกคลีอยู่กับ ‘ตัวตนที่แท้จริง’ ของนางมาตั้งนาน ย่อมเข้าใจนิสัยของนางดี


 


 


“แต่ว่า…..” จะให้ตู๋กูเจวี๋ยไม่ห่วงใยน้องสาวของตนเองได้อย่างไรกัน ดูสิขนาดขาทั้งสองข้างของลู่กว่างก็ยังขาดไปแล้ว ……เมื่อครู่น้องเล็กก็พึ่งจะถูกกระแทกออกมา….


 


 


ถูกกระแทกจนลอยออกมาเช่นนั้น เกรงกว่ากระดูกคงหักไปหลายชิ้นแล้วละมั้ง!


 


 


“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น!” สายตาของชือหลีสงบนิ่ง “พวกเราต้องเชื่อใจนาง!”


 


 


ตอนนี้สิ่งที่นางสามารถทำได้นั้น คือป้องกันไม่ให้เยี่ยอิงลงมือในที่ลับกับตู๋กูซิงหลัน ถึงแม้ว่านางไม่อาจเข้าร่วมกาารต่อสู้ในครั้งนี้ แต่จะต้องดูให้แน่ใจได้ว่าด้านหลังของตู๋กูซิงหลันนั้นปลอดภัยจริงๆ


 


 


ตู๋กูเจวี๋ยก็มิได้พูดอะไรขึ้นมาอีก


 


 


เขาอายุปานนี้แล้ว นี่พึ่งจะเป็นครั้งแรกที่รู้สึกเสียใจที่ไม่ฟังคำสั่งท่านปู่ให้เรียนวรยุทธ์…..หากว่าเขามีวรยุทธ์เช่นเดียวกับพี่ใหญ่ ตอนนี้ย่อมสามารถช่วยเหลือน้องเล็กได้บ้าง


 


 


ในใจของเขามีแต่ความกังวล ขณะที่มองดูเยี่ยอิงเดินเข้าไปไกลขึ้นเรื่อยๆ และทันใดนั้นก็หยุดลง


 


 


ขณะที่นางยืนห่างไปจากตู๋กูซิงหลันประมาณหนึ่งเมตร ใบหน้าก็เปลี่ยนสีไปอย่างรุนแรงทันที


 


 


ในขณะเดียวกันรอบตัวของนางก็ผุดยันต์สีเหลืองขึ้นมาอย่างมากมายนับไม่ถ้วน ยันต์เหล่านั้นร้อยเรียงกันดุจลูกโซ่อยู่เบื้องหน้าเยี่ยอิง กักขังนางเอาไว้ภายในทั้งร่าง


 


 


สายตาของเยี่ยอิงเย็นชากว่าเดิม นางยกขาขึ้นมา แต่ขาก็เหมือนถูกตรึงเอาไว้โดยไม่อาจขยับได้แม้แต่นิดเดียว


 


 


ยันต์สีเหลืองที่ล้อมอยู่หมุนวนจนทำเอาสมองของนางมึนงงไปหมดแล้ว


 


 


บนร่างเหมือนมีภูเขากดทับลงมา บี้จนหายใจไม่ออก


 


 


พอมองออกมาระหว่างช่องว่างของยันต์สีเหลือง นางก็เห็นสาวน้อยในชุดสีแดงตลอดร่าง กุมดาบยักษ์เอาไว้อีกครั้ง พลางมองดูนางด้วยสายตาลึกล้ำ


 


 


และเย็นชาอย่างถึงขีดสุด!


 


 


เยี่ยอิงรู้สึกว่าตนเองถูกลบหลู่อย่างรุนแแรง แววตาของนางมีแต่หมอกเลือดเข้มข้น “เจ้าวางกับดักข้า?”


 


 


ตู๋กูซิงหลันส่ายศีรษะ ค่อยๆจัดแจงเสื้อผ้าและเส้มผมให้ตนเองอย่างช้าๆ ตอบอย่างจริงจังกลับไปว่า “นี่เรียกว่าการทหารไม่หน่ายอุบายไง?”


 


 


ตอนที่ถูกกระแทกออกมานั้น นางก็ซัดยันต์สีเหลืองลงไปบนพื้นโดยรอบ ขอเพียงนางก้าวเข้ามาในอาณาเขต ก็จะติดอย่ในหุบเขาห้ายอด[1]


 


 


หากนางไม่คลายพันธนาการ ต่อให้เป็นเทพเซียนผู้ยิ่งใหญ่มาจากไหนก็คลายไม่ออกอยู่ดี


 


 


อ๋อ ยกเว้นอาจารย์ของนาง


 


 


เยี่ยอิงกุบดาบโซ่ที่ร้อยเรียงกันเอาไว้ คิดจะสะบัดออกไป แต่ว่าคราวนี้ แม้แต่จะยกมือขึ้นมาก็ยังรู้สึกว่ายากลำบากแล้ว


 


 


ดาบโซ่ที่ร้อยต่อกับถูกฟาดไปทางยันต์สีเหลืองที่หมุนวนไปมาอยู่นั้น


 


 


ทั้งๆที่เห็นอยู่ว่าเป็นเพียงแค่ยันต์สีเหลือง แต่ว่ากลับแข็งแกร่งดุจกำแพงเหล็กกล้า พอฟาดฟันลงไปดาบโซ่ก็ถูกสะท้อนกลับมาในทันที ทั้งยังบาดมือของนางเป็นแผลแห่งหนึ่ง


 


 


“เจ้าทำอะไรลงไป? รีบปลดปล่อยองค์หญิงของพวกเราเดี๋ยวนี้นะ!” คนเผ่ามังกรทมิฬตะโกนอย่างโกรธแค้น เมื่อครู่พวกเขายังไม่ทันได้เห็นอย่างชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้น องค์หญิงก็ถูกกักขังเอาไว้แล้ว


 


 


ยันต์สาปแช่งพวกนี้ เผ่ามนุษย์มักใช้มันกำราบภูติผี ตอนนี้ถึงกับนำมาใช้กับองค์หญิง?


 


 


นี่มิเท่ากับว่าเป็นการดูถูกองค์หญิงหรอกหรือ?


 


 


ตู๋กูซิงหลันคร้านจะสนใจพวกเขา นางยืนอยู่นอกอาณาเขตของอาคม นัยตาเปล่งประกาย ความหยิ่งทนงบนหัวคิ้วที่โก่งงามราวกับจะบินเหิน พอกวาดตาไปเพียงแค่ครั้งเดียว ก็ทำให้ชาวมังกรทมิฬเหล่านั้นหนาวยะเยือกขึ้นมา


 


 


หากว่าสายตาของนาง…สามารถเปลี่ยนเป็นสิ่งที่สัมผัสได้จริงละก็ เกรงว่าพวกเขาทุกคนที่อยู่ตรงนี้คงจะถูกสังหารเรียบร้อยไปแล้ว!


 


 


 หลิ่วฮุ่ยและลู่เวยก็กอดกันจนตัวสั่นเทา


 


 


สวรรค์โปรด!


 


 


นี่พวกนางไปหาเรื่องกับจอมมารตนใดเข้าแล้ว? แม้แต่องค์หญิงเยี่ยอิงก็ยังกำราบนางไม่ได้หรือ?

 

 

 


ตอนที่ 418 จีเฉวียนมิใช่ตัวอะไร

 

อยู่ๆพวกนางก็รู้สึกขึ้นมาว่า ที่พวกนางไม่ได้ถูกตู๋กูซิงหลันสังหารตายไปตั้งแต่แรกนั้นที่จริงต้องถือว่าโชคดีแล้ว 


 


 


เยี่ยอิงขุ่นเคืองอย่างยิ่ง ยันต์สีเหลืองเหล่านี้ไม่เพียงแต่กักขังร่างเนื้อของนางเท่านั้น แม้แต่พลังวิญญาณของนางก็ยังถูกกักขังเอาไว้ด้วย 


 


 


นางกำดาบโซ่เอาไว้ในมืออย่างแน่นหนา สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ จับตามองดูตู๋กูซิงหลัน เอ่ยด้วยเสียงเย็นชาว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าจุดจบของผู้ที่กล้ามาเป็นปรปักษ์กับเผ่ามังกรทมิฬคือเช่นไร?” 


 


 


ตู๋กูซิงหลันเชิดริมฝีปากสีแดงขึ้น ตอบกลับไปว่า “เช่นนั้นเจ้าก็รู้หรือไม่ว่า หากเป็นปรปักษ์กับเราตู๋กูซิงหลันจะต้องมีจุดจบเช่นไร?” 


 


 


ท่าทางที่ยโสโอหังเช่นนั้น ราวกับว่าถึงแม้เหล่าทวยเทพบนสวรรค์ชั้นฟ้าจะลงมาตรงหน้า นางก็ยังคงจะไม่เห็นอยู่ในสายตาอยู่ดี 


 


 


เยี่ยอิงถึงกับพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ ทั่วทั้งหกภพภูมิต่างก็มีผู้ที่แข็งแกร่งและน่ากลัวอยู่………แต่นางถึงกับวางตนเองเอาไว้เหนือเผ่ามังกรทมิฬ? 


 


 


ที่ด้านหลังของตู๋กูซิงหลัน เป็นบัลลังก์ของราชามังกรตะวันตกพอดี บางที่อาจเพราะยืนจนเมื่อยแล้ว นางจึงได้นั่งลงไป ทั้งยังชันขาข้างหนึ่งขึ้นมายันอยู่บนบัลลังก์ 


 


 


ดาบยักษ์วางอยู่บนพื้นอย่างไม่ใส่ใจ เพียงจ้องมองไปยังเยี่ยอิง ขณะที่จับตามองดูองค์หญิงจากเผ่ามังกรทมิฬผู้นั้นในใจของตู๋กูซิงหลันก็บังเกิดความคิดชั่วร้ายขึ้นมา 


 


 


นางใช้มือข้างหนึ่งเท้าคางเอาไว้ หรี่ตามองไป “อ้อ ลืมบอกเจ้าไป ว่าข้ายังมีคนให้ท้ายอีกด้วย” 


 


 


“อะไรนะ?” เยี่ยอิงตะลึงไปเล็กน้อย 


 


 


ผู้อื่นล้วนพากันตกใจขึ้นมา นางแข็งแกร่งจนถึงขั้นตัวประหลาดขนาดนี้แล้ว …..แล้วยังจะต้องมีตัวประหลาดจากไหน มาคอยให้ท้ายนางอีกหรือ? 


 


 


ตู๋กูเจวี๋ยย่อมต้องนึกไปถึงคนในครอบครัวในทันที 


 


 


ตัวเขานอกจากจะอาศัยฝีปากเป็นที่พึ่งแล้ว….ก็ดูเหมือนจะไม่มีคุณค่าอื่นใดอีก 


 


 


เช่นนั้นก็คงจะเป็นพี่ใหญ่และท่านปู่แล้ว ….สมควรใช่อยู่ พญายมมีชีวิตทั้งสองคนนั้น สามารถเป็นกองหนุนให้กับน้องเล็กได้อย่างแน่นอน 


 


 


ขณะที่เขากำลังคิดอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงตู๋กูซิงหลันเอ่ยอย่างเรื่อยเฉื่อยออกไปว่า “โอรสสวรรค์แห่งต้าโจว จีเฉวียน เคยได้ยินหรือไม่?” 


 


 


ผู้คนทั้งหลาย “?” 


 


 


ชื่อหลี “……” ทำไมนางถึงได้รู้สึกว่า สตรีผู้นั้นกำลังจะก่อเรื่องเข้าแล้ว 


 


 


และแล้ว ก็เห็นนัยตาของตู๋กูซิงหลันมีประกายเหน็บหนาวขึ้นมาในทันที “ก็คือ บุรุษที่ทั้งสูงทั้งหล่อทั้งเย็นชา บุตรชายของข้า……ผู้ที่แข็งแกร่งแบบไร้เหตุผล” 


 


 


ในมุมอับของวังมังกร จีเฉวียนได้ทรงฟังคำพูดทั้งหมดนั้นอย่างชัดเจน 


 


 


หลงเซียวที่อยู่ข้างพระวรกาย กล่าวย้ำขึ้นมาอีกหนหนึ่ง “ฝ่าบาท ไทเฮาทรงชมพระองค์ว่าทั้งสูงทั้งหล่อทั้งเย็นชาและแข็งแกร่งนะพะยะค่ะ” 


 


 


แววพระเนตรของจีเฉวียนเปล่งประกาย “เราไม่ได้หูหนวก” 


 


 


หลงเซียว “ฝ่าบาท พระองค์ดีพระทัยหรือไม่พะยะค่ะ?” 


 


 


ฮ่องเต้มิได้ทรงสนพระทัยเขาอีก ที่ซิงซิงพูดมาล้วนเป็นความจริง พระองค์ยังจะต้องไปดีอกดีใจทำไมกัน 


 


 


คราวก่อนพระองค์ทรงถูกมัดมือมัดเท้าหิ้วออกไปจากตำหนักหย่งหนิงกง…… 


 


 


หลังจากนั้นทุกๆวันก็จะปรากฏพระองค์ที่เบื้องหน้านางในที่เดิมเวลาเดิม 


 


 


ตอนแรกๆ ซิงซิงก็ยังคอยเฆี่ยนพระองค์อีกหลายแส้ แต่หลังจากนั้นก็คร้านจะโบยตีพระองค์อีกแล้ว 


 


 


แต่กลับทำเสมือนพระองค์ทรงเป็นอากาศธาตุ 


 


 


ครั้งนี้นางพาตู๋กูเจวี๋ยลงมาในทะเลตะวันตก พระองค์ก็แอบตามมาอย่างเงียบๆแต่แรกแล้ว 


 


 


ตลอดเวลานั้นมีอยู่หลายๆครั้งที่ทรงแทบจะทนไม่ไหวคิดจะลงมือบ้าง….แต่สุดท้ายแล้วก็ยังคงอดทนอยู่ได้ 


 


 


นางแข็งแกร่งมาก ยังแข็งแกร่งกว่าที่พระองค์ได้คาดคิดเอาไว้มากนัก 


 


 


นางก้าวหน้าขึ้นอีกแล้ว ต่อไปจะต้องมีอนาคตอีกยาวไกล พระองค์มิอาจทำเหมือนดังเช่นครั้งก่อนๆ เอาแต่ปกป้องอยู่ตลอดเวลา จำเป็นจะต้องเรียนรู้การปล่อยมือดูบ้าง 


 


 


วันนี้ ก็เช่นกัน 


 


 


หลงเซียวยืนอยู่ข้างพระองค์ อย่างมิค่อยเข้าใจฝ่าบาทของตนเองเท่าไรนัก ทั้งๆที่ทรงห่วงใยจะเป็นจะตาย แต่กลับไม่กล้าเผยพระพักตร์ออกไป 


 


 


ได้แต่แอบดูการประลองอยู่ตรงนี้ 


 


 


พอไทเฮาน้อยบาดเจ็บขึ้นมานิดหนึ่ง ก็เห็นสายพระเนตรของพระองค์มีเส้นโลหิตแดงเกิดขึ้นมาในทันที 


 


 


แต่ว่าถึงตอนนี้ก็ยังทรงอดทนเอาไว้ได้ 


 


 


“นั่นคือตัวอะไรกัน?” 


 


 


เยี่ยอิงมิได้สนใจคนผู้นั้นเลยแม้แต่น้อย นางคิดแต่จะจับสตรีผู้นี้กลับไปคลอดบุตรให้พี่ชายเท่านั้น 


 


 


“เขาไม่ใช่ตัวอะไร” ตู๋กูซิงหลันทำปากยื่น “บุตรชายผู้นี้เก่งกาจอย่างไม่ต้องหาเหตุผล เกรงว่าแม้แต่พี่ชายของเจ้าก็ยังสามารถสับได้ราวกับแตงโม คนเผ่ามังกรทมิฬของเจ้าบุกมาคนหนึ่ง เขาก็สามารถสังหารได้คนหนึ่ง มาคู่หนึ่งก็สามารถสังหารได้ทั้งสองคน เอาเป็นว่าจะอย่างไรข้าก็ไม่กลัว เพราะว่าขอแค่มีเขาอยู่ เกรงว่าพวกเจ้าคงไม่อาจแตะต้องข้าได้แม้แต่เส้นผมสักเส้น” 


 


 


ตู๋กูซิงหลันเบื่อหน่ายกับการตามตื้อในระยะนี้ของจีเฉวียนเต็มทีแล้ว ที่สาดน้ำครำใส่รอบนี้ เพราะคิดจะหาเรื่องให้กับโอรสสวรรค์ที่ว่างจนเบื่อโลกผู้นั้นทำบ้าง 


 


 


เยี่ยอิงได้ยินนางพูดเช่นนั้น ก็ชักจะไม่ยินดีขึ้นมา 


 


 


พี่ชายคือเทพบุรุษในใจของนาง นี่ถึงกับกล้าคุยโม้ว่ามีคนที่สามารถสับเขาได้เหมือนผ่าแตงโม? 


 


 


นัยตาของนางจุดประกายหนาวเย็นขึ้นมา ฝ่ามือกำเป็นหมัดยกขึ้นมาอย่างช้าๆ พลังมังกรในร่างอัดแน่นจนคลุ้มคลั่งอยู่ภายในร่าง 


 


 


“จำเอาไว้นะ ก็ที่จะมาหาเรื่องข้า อย่าลืมไปผ่านด่านบุตรชายของข้ามาก่อน หากทำไม่ได้ ชาตินี้พวกเจ้าก็อย่าได้หวังจะแตะต้องข้าได้เลย” 


 


 


ดูนางทำหน้าทำตาเข้าสิ พูดเสียราวกับว่าเป็นจริงอย่างไรอย่างนั้น 


 


 


ทำเอาพวกเขาอดจะลังเลไม่ได้ นี่พวกตนกำลังโอหังเกินไปหรือไม่ 


 


 


ฮ่องเต้ของเผ่ามนุษย์แต่ละคน ยังเหนือล้ำยิ่งกว่าอีกคนหนึ่งจริงหรือ? 


 


 


ขนาดอยู่ต่อหน้าเผ่ามังกรทมิฬก็ยังสามารถโอ้อวดได้ถึงเพียงนี้? 


 


 


ตอนนี้ ชือหลีและตู๋กูเจวี๋ยต่างก็เข้าใจแล้ว …..ตู๋กูซิงหลันกำลังลากความแค้นไปทางจีเฉวียนนั่นเอง 


 


 


ชือหลีอยู่ในวังมังกรตะวันตกมาพักใหญ่แล้วจึงไม่รู้ว่าโลกภายนอกเกิดเรื่องใดขึ้นกัน 


 


 


นางมองดูตู๋กูเจวี๋ยแวบหนึ่ง คิดจะฟังคำอธิบาย 


 


 


ตู๋กูเจวี๋ยก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี กระซิบที่ริมหูนางอย่างจะให้ได้ยินกันเพียงสองคนว่า “เจ้าฮ่องเต้สุนัขนั่นหอบเอาแสงจันทรากลับไป ทำร้ายจิตใจของน้องข้า นี่เป็นการแก้แค้นเขา” 


 


 


ชือหลีประหลาดใจอย่างที่สุดขึ้นมา….นี่ช่างทำให้ผู้คนต้องปวดฟันกันใหญ่แล้ว 


 


 


ตู๋กูซิงหลัน….กำลังหวั่นไหวใจอยู่ชัดๆ และเพราะว่าโกรธจนไม่มีที่ระบายถึงได้ทำลงไปเช่นนี้ 


 


 


สตรีนั้น….ยามที่ชอบใครสักคน ก็สามารถจะเปลี่ยนเป็นคนที่คิดเล็กคิดน้อยได้อย่างง่ายดาย 


 


 


โดเฉพาะคนอย่างตู๋กูซิงหลัน ที่ยามปกติมีแต่ความเย็นชา แต่ว่าพอตกหลุมรักขึ้นมา ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นนั้นย่อมรุนแรงกว่าคนทั่วไปหลายต่อหลายเท่า 


 


 


มิน่าเล่านางจึง….. 


 


 


ขณะที่ตู๋กูซิงหลันลากเชื้อไฟแห่งความชิงชังไปเรื่อยนั้น ดวงตาสีครามของเยี่ยอิงก็ยิ่งทียิ่งแดงก่ำขึ้นเรื่อยๆ 


 


 


ทันใดนั้นเอง ได้ยินเสียงนางคำรามขึ้นมาครั้งหนึ่ง จากนั้นก็กลายร่างเป็นมังกรยักษ์สีครามตัวหนึ่งในทันที! 


 


 


ทั่วทั้งร่างแผ่กระจายความกดดันที่สุดจะเย็นยะเยือกออกมา แรงกดดันทำให้เผ่ามังกรทั้งหลายจำต้องคุกเข่าลงไปบนพื้น แม้แต่ชือหลีเองก็ไม่แตกต่าง! 


 


 


นางถลึงตาทั้งคู่ เล็บมังกรที่แข็งแกรงดุจเหล็กกล้าตะปบลงมา ทำให้แผ่นยันต์สีเหลืองของตู๋กูซิงหลันฉีกขาดจนกลายเป็นผุยผงไปจนหมด! 


 


 


จากนั้นก็เห็นนางกางกรงเล็บมังกรที่แหลมออกมาพุ่งเข้าใส่ตู๋กูซิงหลัน 


 


 


ด้วยพลังที่ทั้งดุดันทั้งโหดเ**้ยมและหนาวเย็นสุดหยั่ง! 


 


 


พลังที่กระจายของมาจากร่างนั้นแทบจะทำให้วังมังกรทั้งหลังทะลายลงมาแล้ว! 


 


 


แผ่นหินด้านบนขนาดใหญ่ถล่มลงมาใส่หัวเรื่อยๆ กระแทกกับพื้นจนกลายเป็นหลุมบ่อมากมาย 


 


 


ตู๋กูซิงหลันลุกขึ้นยืน เส้นผมที่สยายยาวของนางถูกพลังของเยี่ยอิงพัดจนปลิวไปด้านหลัง 


 


 


กรงเล็บมังกรของเยี่ยอิงมีขนาดใหญ่กว่าดาบยักษ์ของนางอีก พอสะบัดลงมาแต่ละที ก็มุ่งเป้าตะครุบลงไปบนอกของนาง 


 


 


ตู๋กูซิงหลันขยับร่างหลบหลีก ก็เห็นลู่เวยที่อยู่ด้านข้างพุ่งเข้ามาอย่างไม่คิดชีวิต กอดขาของนางเอาไว้แนบแน่น ส่งเสียงตะโกนว่า “องค์หญิงเพคะ ข้าช่วยท่านจับนางเอาไว้แล้ว ท่านรีบฆ่านางเลย!” 


 


 


ตู๋กูซิงหลันเตะนางกระเด็นออกไปในครั้งเดียว แต่เพราะการขัดขวางในชั่ววินาทีของลู่เวย ทำให้กรงเล็บของเยี่ยอิงพุ่งเข้ามาถึงตัวของนาง จะหลบอย่างไรก็ไม่ทันแล้ว! 


 


 


แววตาของนางวาววาบขึ้นมา ทันใดนั้นประกายแสงสีทองก็พุ่งเข้ามาตรงหน้านางด้วยความเร็วกว่าสายฟ้าฟาด 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)