หมอดูยอดอัจฉริยะ 414-415

 ตอนที่ 414 เก็บโสม (2)

โดย

Ink Stone_Fantasy

หงหูเต๋อส่ายหัว กล่าวว่า “เยี่ยเทียน นี่ไม่ใช่เรื่องเงินทอง โสมพวกนี้เก็บสะสมคุณค่าของดินเอาไว้ หากว่าได้รับความเสียหายนั้นน่าเสียดายมาก”


ถึงแม้จะเป็นหนี้ก้อนใหญ่กับเยี่ยเทียน แต่ว่าในฐานะคนขุดโสม หงหูเต๋อก็ยังคงยืนยันว่าตัวเขาเองจะเป็นคนขุด


ต้องทราบว่า ฤดูหนาวของตะวันออกเฉียงเหนือนั้น แม้แต่พื้นดินก็ถูกแช่แข็งได้ ในตอนที่ขุดโสมนั้นยากกว่าตอนหน้าร้อนเป็นร้อยเท่า หากมีอะไรผิดพลาดเล็กน้อยก็จะทำให้รากของโสมเสียหาย


เยี่ยเทียนมองหูหงเต๋อด้วยสายตาไม่พอใจ  กล่าวว่า “เหล่าหู นายดูถูกฉันใช่มั๊ย จะบอกนายให้ ลัทธิของฉันมีวิชามองทะลุได้ กับอีแค่ขุดโสมไม่คณามือหรอก”


“จริงเหรอ วิชามองทะลุมองเห็นโสมได้” หูหงเต๋อถูกเยี่ยเทียนทำให้ตกใจ คล้ายกับว่าวิชามองทะลุนี่เอาไว้สำหรับดูฉวงจุ้ยชัยภูมิของสถานที่ หรือว่าสามารถใช้หาโสมได้ด้วย


หูหงเต๋อก็ไม่รู้ว่าที่เยี่ยเทียนกล่าวถูกหรือไม่ แต่ว่าเห็นท่าทางดึงดันของเยี่ยเทียน สุดท้ายก็พยักหน้า กล่าวว่า “เอาเถอะ นายระวัง โสมไม่ได้โตตรงๆ มันนอนเอียงอยู่ใต้ดิน นายต้องขุดจากพื้นรอบๆ ก่อน อย่าให้โดนรากโสมเด็ดขาดนะ!”


ไม่เหมือนกับพืชที่มีหัวอยู่ใต้ดินอื่นๆ หัวของโสมนั้นคือโตกลับด้าน รากเล็กๆ พวกนั้นล้วนไปทางพื้นดิน ดังนั้นเวลาขุดโสมจะต้องขุดจากไกลเข้ามาใกล้ จากล้างขึ้นบน ค่อยๆ ขุด


“ฉันรู้แล้ว เหล่าหู นายรอดูเถอะ”


เยี่ยเทียนเอากระเป๋าสะพายวางไว้ด้านข้างยื่นมือเข้าไปข้างในนำเอาพลั่วทหารอันสั้นออกมา กล่าวอย่างมั่นใจไม่อายว่า “เหล่าหู หากว่าฉันมาขุดโสมที่ฉางไป๋ซานนี่ล่ะก็ พวกนายคงไม่มีข้าวกินแน่!”


หลังจากได้ฟังคำของเยี่ยเทียนแล้ว เห็นท่าทางของเขา หูหงเต๋อเกือบร้องไห้ มือหนึงจัดพลั่วเหล็ก กล่าวอย่างอ้อนวอนว่า “ฉันว่า ให้ฉันขุดเถอะนะ ขุดโสมใช้พลั่วเหล็กได้ยังไงกันเล่า”


“ทำไมล่ะ ถ้าไม่ใช้พลั่วเหล็กขุดแล้วใช้อะไรขุดกัน”


เยี่ยเทียนกล่าวถามพร้อมกับหยุดขยับ สายตาเหล่มองไปทางมือหูหงเต๋อพล่างกว่าว่า “เหล่าหู นายฝึกกรงเล็บพญาเหยี่ยว แต่ฉางไป๋ซานคนเก็บโสมตั้งเยอะแยะ ไม่ได้มีวิชานี้กันทุกคนใช่มั๊ย หรือว่าพวกเขาก็ใช้มือขุดเหมือนกัน ”


หลายวันมานี้น้องจากอยู่เล่นเป็นเพื่อนหยูชิงหย่าและคนอื่นๆ เลนบนภูเขาแล้ว เยี่ยเทียนก็มีโอกาสได้ประมือกับหูหงเต๋อหลายครั้ง สำหรับกรงเล็บพญาเหยี่ยวแห่งฉางไป๋ซานที่มีระดับความแรงตั้งแต่รุนแรงมากไปจนถึงมากที่สุดนั้นเยี่ยเทียนนึกเลื่อมใสอยู่ไม่น้อยทีเดียว


โดยเฉพาะการฝึกได้ในระดับของหูหงเต๋อนี่ นิ้วมือทั้งสิบนั้นก็คือมีดพกอันคมกริบดีๆ นั่นเอง ต้นไม้แห่งที่ต้นใหญ่หน่อยแค่เพียงมือเดียวก็ตะปบหัก หากว่าตะปบใส่คน นั่นจะเป็นรูทั้งห้าที่มีเลือดไหลริน


ดังนั้นเยี่ยเทียนเพิ่งจะสงสัยหูหงเต๋อขุดโสม ว่าใช้มือขุดโดยตรงเลยหรือไม่ ยิ่งไปกว่านั้นพลั่วเหล็กจะให้ดียังไงก็ไม่คล่องแคล่วเท่านิ้วมือ


“ใครบอกว่าพวกเขาใช้มือขุด”


หูหงเต๋อเสียใจจริงๆ ที่พาเยี่ยเทียนขึ้นเขามาด้วย ส่ายหน้าพร้อมหยิบมีดเล็กที่ทำจากไม้ออกมาจากระเป๋า กล่าวว่า “ใช้มีดไม้นี่ขุด ไม่อย่างนั้นก็มีเขากวาง ยังไงก็แล้วแต่จะต้องไม่ใช้สิ่งของที่เป็นโลหะ!”


โสมสดนั้นไม่ว่าจะเป็นรากหรือว่าขั้วล้วนแต่อ่อนแอมาก หากได้สัมผัสกับโลหะ ต้องทำให้เกิดความเสียหายแน่อนอนดังนั้นมีดไม้และเขากวางเป็นอุปกรณ์ที่คนเก็บโสมต้องพกกันอย่างขาดไม่ได้


สมัยก่อนหูหงเต๋อก็ใช้อุปกรณ์สองอย่างนี้ แต่ว่าต่อมาวิชาของเขาฝึกจนเข้าขั้นแล้ว ตามที่เยี่ยเทียนกล่าว เขาใช้มือทั้งสองข้างขุดโสม


ครั้งนี้ที่เข้ามาให้หุบเขาแล้วนำเอามีดไม้และเขากวางมาด้วยนั้น ก็เพราะอยากให้เยี่ยเทียนสนุก หาโสมอายุสิบกว่าปีให้เขาขุดเล่น เพียงแต่หงหูเต๋อคิดไม่ถึงว่า อายุของโสมที่เยี่ยเทียนจะใช้ฝึกมือจะมีอายุถึงห้าสิบปี ไม่ได้เป็นเพียงโสมทั่วไป


“ต้องระวังเยอะมาก ได้ งั้นใช้มีดไม้นี่แล้วกัน”


เยี่ยเทียนโยนพลั่วเหล็กไป แล้วรับรับมีดไม้เล่มเล็กราวของเด็กเล่นมา แต่ก็อดส่ายหัวไม่ได้ ฤดูหนาวนี้พื้นแข็งเป็นหิน หากว่าเปลี่ยนเป็นคนขุดโสมธรรมดา ใช้มีดไม้ต้องขุดถึงเมื่อไหร่กัน


แต่ว่าสำหรับเยี่ยเทียนแล้ว ใช้อะไรก็ไม่สำคัญ มีดไม้นี้ใส่พลังบริสุทธิ์เข้าไป เกรงว่าจะแหลมคมกว่าพลั่วเหล็กหลายเท่า


เยี่ยเทียนถึงแม้ว่าก่อนหน้าจะแสดงว่าไม่สนใจ แต่หลังจากได้ลงมือแล้ว ตัวเขากลับเปลี่ยนเป็นนิ่งสุขุมลงมาก หลังจากเขาสัมผัสตำแหน่งของโสมป่าแล้ว ก็เริ่มขุดบริเวณพื้นที่ที่ห่างจากรากโสมประมาณสามสิบเซนติเมตร


เห็นเยี่ยเทียนระมัดระวัง หูหงเต๋อก็เพิ่มความเชื่อใจหลายส่วน ถึงแม้เขาจะไม่เข้าใจว่าอะไรคือทัศนคติตัดสินแพ้ชนะ แต่เมื่อขุดโสมจะต้องระมัดระวังและเพ่งสมาธิ


“ของนี้โตมาในดิน แต่กลับสามารถดูดพลังจากฟ้าและดินมาเก็บสะสมได้ ไม่เสียชื่อที่เป็นสมบัติล้ำค้าในตำนาน แค่โตช้าไปหน่อยเท่านั้น!”


โสมถือเป็นของที่ตั้งแต่เยี่ยเทียนฝึกตนมา เป็นยาที่เคยใช้ที่แพงที่สุด และมันก็ไม่ได้ทำลายชื่อเสียงที่ถือเป็นราชาแห่งยารักษาทั้งปวงเลย ในเรื่องของสรรพคุณทางยาก็มีผลต่อการเลื่อนขั้นของเยี่ยเทียนเป็นอย่างมาก


ถือว่าตัวเองจะไม่ทำลายโสม การกระทำของเยี่ยเทียนก็มีความระมัดระวังเป็นอย่างมาก ดูแล้วค่อยๆ ละมุนลุม่อมขุดดินที่แข็งรอบๆ โสมนั้นขึ้นมา


“ระวัง จะขุดถึงโสมแล้ว ช้าหน่อยค่อยๆ จัดการด้านบน!”


พื้นที่เป็นน้ำแข็งเป็นแค่พื้นผิว หลังจากขุดเปิดแล้ว พื้นดินด้านในก็เปลี่ยนเป็นร่วนนุ่มขึ้นมา การกระทำของเยี่ยเทียนเริ่มเปลี่ยนเป็นเร็วขึ้น ทำให้หูหงเต๋อที่ยืนมองอยู่ด้านข้างตื่นเต้นเป็นที่สุด


เยี่ยเทียนตอนนี้ก็ผ่อนคลายลง หันกลับมากล่าวว่า “เหล่าหู นายคอยดูให้ดีนะ!”


การควบคุมร่างกายของเยี่ยเทียนนั้นเหมาะมากที่สุดสำหรับการทำงานที่มีความประนีต หลังจากจัดการพื้นดินที่เป็นน้ำแข็งไปแล้ว ก็ทิ้งมีดไม้ออกไป ใช้มือค่อยๆ ขุดดินรอบๆ โสมลงไปด้านล่าง


หลังจากขุดจนต้นของโสมโผล่พ้นออกมาแล้ว เยี่ยเทียนก็เพิ่มความเร็วราวกับบินค่อยๆ ขุดเอารากฝอยที่อยู่ในดินทีละรากทีละรากให้โผล่พ้นออกมา ทำให้หูหงเต๋อที่ยืนดูอยู่ตกตะลึงตาค้าง ในตอนนั้นดูราวกับสตัฟไว้


ต้องทราบก่อนว่า โสมนั้นเติบโตอยู่ในดิน และจะมีรากหญ้า รากไม้ ก้อนหิน ชิ้นส่วนเล็กๆ มีบางอันถูกรากโสมโอบล้อมเอาไว้


แต่เยี่ยเทียนสิบนิ้วนี่ราวกับกำลังเย็บปักก็ไม่ปาน เคลื่อนไหวคล่องแคล่วอย่างประหลาดในการคัดสิ่งแปลกปลอมออก การกระทำก็รวดเร็ว แต่กลับไม่ได้ทำให้รากฝอยนั้นได้รับความเสียหายแม้แต่น้อย


หลังจากสิบกว่านาทีเต็มๆ รากฝอยหนึ่งของโสมก็ออกมาสมบูรณ์ ผิวเปลือกเป็นสีน้ำตาลเหลือง บริเวณรากที่ยื่นออกมาเป็นไหล่ลาดไปนั้นเต็มไปด้วยเกลียวที่ปิดละเอียดลอออเหมือนกับเกลียวน็อตมีสีเหลืองเป็นโสมแก่ ปรากฏอยู่ในมือของเยี่ยเทียน


โสมป่าอายุมากนี้มีรากฝอยทั้งหมดสิบรากด้วยกัน หนาขนาดไม้จิ้มฟันและเล็กขนาดเส้นไหม มิน่าถึงได้แพงมากขนาดนั้น รากโสมเยอะมากไม่มีรากไหนที่ขาดเลย


แม้แต่หูหงเต๋อเองก็ไม่มีทางขุดต้นโสมต้นนี้ได้ออกมาสมบูรณ์มากขนาดนี้ เก็บโสมมาหลายปี หูหงเต๋อกล้าบอกเลยว่า โสมที่อยู่ในมือของเยี่ยเทียนนั้นอายุไม่ได้เยอะมาก แต่สภาพลักษณะนั้นถือว่าเป็นอันที่ครบถ้วนสมบูรณ์มากที่สุดอันหนึ่งทีเดียว


“ไอ้ของสิ่งนี้นอกจากสีแล้ว อย่างอื่นก็เหมือนกับแครอททุกอย่างเลยนะเนี่ย”


เยี่ยเทียนนำเอาโสมป่าอันนี้ค่อยๆ วางไว้ในอุ้งมืออย่างระวัง ค่อยๆ พินิจพิจารณาดู เขาเพิ่งได้เห็นโสมที่ขุดสดๆ เป็นครั้งแรก ต่างกับโสมแห้งที่เมื่อก่อนซื้อค่อนข้างเยอะทีเดียว


เยี่ยเทียนรู้สึกได้ว่า น้ำที่อยู่ในโสมนี้ เต็มไปด้วยพลังที่ไหลเหวียนอยู่อย่างเต็มเปี่ยม ประสิทธิภาพนั้นย่อมมีมากกว่าโสมที่ตากแห้งแล้วอย่างเทียบกันไม่ติด


สูดดมกลิ่นอ่อนอ่อนที่ออกมา เยี่ยเทียนยังมีความอยากลองเอาไปเคี้ยวเล่นขึ้นมา


สำหรับคนรอบข้างหรือยางทีอาจจะบอกว่าบำรุงมากเกินไป แต่สำหรับร่างกายของเยี่ยเทียนแล้ว ไม่มีหรอกที่ว่าจะบำรุงมากไปจนร่างกายไม่รับแล้ว ต่อให้เอาโสมหกใบมาให้เยี่ยเทียนกินแทนข้าว พลังธรรมชาติของพื้นดินนั้นก็จะกลายมาเป็นพลังชี่ในร่างกายของเขา


“เยี่ยเทียน นายจับไว้ให้ดี ระวังจะทำให้รากมันขาด”


หูหงเต๋อในตอนนี้สติกลับคืนมาแล้ว อยากจะเอาโสมป่ามาดูใจจะขาด แต่กลับวิ่งไปยังป่าไป๋หัวหลินที่อยู่ห่างออกไปสิบกว่าเมตรแทน


“เหล่าหู นายทำอะไร”


เยี่ยเทียนหันไปอย่างนึกตกใจ หลังจากตะโกนออกไป ก็เห็นมือขวาของหูหงเต๋อเปลี่ยนเป็นกรงเล็บ ตะครุบเข้าไปยังต้นไป๋หัวหลินที่สูงใหญ่นั่น


“ตึ้ง” เสียงดังขึ้น เปลือกของต้นหัวชิ้นใหญ่ก็ตกลงมา ก้มลงไปและเปิดหิมะที่กองอยู่บนพื้น หูหงเต๋อผ่านไปซักพักใหญ่ถึงได้วิ่งกลับมา


“เยี่ยเทียน เอาต้นสนมาให้ฉัน”


ไม่รอให้เยี่ยเทียนเปิดปากถาม หูหงเต๋อก็เอาต้นโสมไปแล้ว ใช้เปลือกของต้นหัวห่อขึ้นมา เยี่ยเทียนพบว่า ภายในเปลือกของต้นไม้มีมอสและดินที่เปื่อย


หูหงเต๋อได้ควานหยิบกล่องไม้ออกมาจากในกระเป๋า ค่อยๆ เอาเปลือกไม้ที่ห่อโสมอยู่ใส่เข้าไป หลังจากนั้นเมื่อเรียบร้อยแล้วจึงได้ถอนหายใจยาวออกมา


มองเห็นสายตาสงสัยของเยี่ยเทียน หูหงเต๋อก็หัวเราะพลางกล่าวว่า “ท่อนไม้นี้หากออกจากพื้นดินแล้ว จะเปลี่ยนเป็นเหี่ยวแห้งลง ฉันเลยใช้มอสและเปลือกไม้ห่อเอาไว้ ทำให้พลังชี่ของมันไม่ไหลออกมาด้านนอก!”


“เรื่องเยอะไม่น้อยเลยนะ หากเป็นฉัน กินเข้าไปเพื่อเพิ่มพลังธาตุไปแล้ว”


เยี่ยเทียนเลียริมฝีปาก โสมแห้งเขาเคี่ยวกินมาก็ไม่น้อย แต่โสมป่าสดๆ นี่ เยี่ยเทียนยังไม่เคยได้ลอง พลังชี่ในโสมต้นนั้นมีมาก ทำให้ใจของเยี่ยเทียนคันยิกๆ


เห็นสายตาของเยี่ยเทียนแล้ว หูหงเต๋อก็อดไม่ได้ที่จะถอยหลังไป นำเอากล่องไม้มากอดไว้ในอกกล่าวว่า “นายอย่าทำร้ายของล้ำค่าสิ โสมอายุห้าสิบปีระดับสี่ใบหาได้ยากมากแล้ว เก็บเอาไว้เอาไว้ช่วยชีวิตได้”


ที่ว่าช่วยชีวิตนั้น ก็คือในตอนที่เหลือลมหายใจสุดท้ายแล้ว นำเอาโสมอายุร้อยปีมาหั่นเป็นชิ้น ให้ผู้ป่วยอมไว้ พลังชี่ในโสมก็จะทำให้คนนั้นมีอายุต่อได้อีกหน่อย เพื่อให้มีเวลาได้สั่งเสีย


ในสมัยโบราณในเรือนของผู้ลาภมากดีนั้นมักจะเก็บต้นโสมแก่เอาไว้ ก็เพื่อใช้ในการนี้แหละ เพียงแต่โสมอายุร้อยปีเมื่อมาถึงในสมัยนี้เป็นสิ่งของหายากไปแล้ว โสมอายุห้าสิบปีนี้ก็ถือว่าพอจะถูไถใช้แทนกันได้


“ฉันก็แค่อยากลองชิมรสชาติเท่านั้น”


เห็นหูหงเต๋อทำท่าราวกับกันขโมยนั้น เยี่ยเทียนก็กล่าวถามอย่างโมโหหน่อยๆ ว่า “เหล่ากู แถวนี้ยังมีโสมอีกไม่น้อย แต่ไม่มีขนาดใหญ่เท่ากับต้นนี้ พวกเราจะขุดขึ้นมาให้หมดเลยดีมั๊ย”


จากการใช้พลังเทพในการสัมผัส เยี่ยเทียนพบว่า ในบริเวณสิบเมตรรอบต้นโสมสี่ใบนี้  ยังมีของที่มีพลังชี่อยู่บางส่วน หากคิดดูก็น่าจะเป็นรุ่นหลานของโสมต้นนี้แหละ


“ฉันว่านะพ่อคุณ นายปล่อยให้ฉางไป๋ซานของเราเหลือเมล็ดพันธ์ได้เจริญเติบโตบ้างเถอะ ป่าแถบนี้ยังต้องเลี้ยงคนอีกมาก!” หลังจากได้ฟังเยี่ยเทียนแล้ว หูหงเต๋อก็หัวเราะแกนๆออกมา


คนเก็บโสมก็มีหลักจริยธรรมของคนเก็บโสม นอกจากพบโสมห้าใบ พวกเขาจะขุดเอาโสมสี่ใบที่อยู่โดยรอบขึ้นมา นอกนั้นที่อายุได้สิบกว่าปี คนขุดโสมจะไม่ไปยุ่งโดยเด็ดขาด


ตอนที่ 415 คนไม่เอาไหน

โดย

Ink Stone_Fantasy

“ได้ ไม่ขุดแล้ว แต่ว่านะเหล่าหู แต่อีกเดี๋ยวหากฉันหาโสมดีๆ เจอ นายก็อย่ามายุ่งมากแล้วกัน”


เห็นหูหงเต๋อหน้าตาโศกเศร้า เยี่ยเทียนก็ตบบ่าของเขา ถามว่า “เหล่าหูโสมพวกนี้ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่แถบไหน นายบอกฉันหน่อยสิ”


เทือกเขาฉางไป๋ซานใหญ่ขนาดนั้น เยี่ยเทียนคงไม่ต้องคอยปล่อยพลังเทพตลอดหรอกใช่มั๊ย เขายังฝึกไม่ถึงขั้นปราณเทพ หากว่าปล่อยพลังเทพออกไปไกลหน่อยก็จะรู้สึกเหนื่อยเพลีย


เทียนพูดอย่างเข้าประเด็น จะไปเสาะหาจากสถานที่ที่มีโสมป่าอยู่เท่านั้น มิเช่นนั้นบางทีจะกลายเป็นโสมป่าหาไม่พบแต่ตัวเขาเองเหนื่อยตาย


“นายนี่นะจะหาโสมพบ”


หูหงเต๋ออดไม่ได้ที่จะปรามาส เขาเองก็เห็นว่า เยี่ยเทียนที่ขุดโสมได้อย่างชำนาญนั้น ล้วนแล้วแต่มากจากกการควบคุมร่างกายที่ยอดเยี่ยม ไม่ได้เกี่ยวกับอะไรอื่นเลย


แต่ว่าในเมื่อเยี่ยเทียนถามมาแล้ว หูหงเต๋อก็ตอบหน่อยอย่างเสียไม่ได้ หลังจากคิดอยู่พักหนึ่ง กล่าวว่า “โสมนั้นเข้มงวดกับสภาพแวดล้อมในการเจริญเติบโตมาก ชอบเติบโตในที่หนาวเย็น ดินที่มีการเปื่อยยุ่ยหน้า แสงแดดไม่ส่องโดนโดยตรง ในหุบเขาลึกที่ไม่ค่อยมีน้ำมาก


แต่สำหรับว่าอยู่บริเวณไหนนั้น  นี่ก็พูดยาก นายดู…เหมือนกับเนินเขาตรงนี้อาจจะมีโสม ในป่าก็อาจจะมี และในเนินหน้าผาบนภูเขาก็เคยมีคนขุดเจอโสมอายุร้อยปี


ในสมัยโบราณเถาหงอิ่งเคยกล่าวไว้ในหนังสือ “หนังสสือรวมยา” ว่า “สามแฉกห้าใบ หันหลังให้หยางหันหน้าให้หยิน หากอยากหาฉัน หาได้ที่ต้นต้วน ไม่กี่ประโยคนี้ ก็ทำให้สถานที่เจริญเติบโตของต้นโสมถูกระบุลดลงมาแล้ว!”


หูหงเต๋อไม่เคยเรียนหนังสือ ที่เขารู้จักตัวหนังสือก็เพราะเรียนกับตาที่เป็นแพทย์แผนจีนคนนั้น


แต่หากจะพูดถึงคำถามเกี่ยวกับโสมและแพทย์แผนจีนนั้น มองไปทั่วทั้งฉางไป๋ซาน หูหงเต๋อเรียกได้ว่าเป็นที่สอง ก็ไม่มีใครกล้าเป็นที่หนึ่ง


เยี่ยเทียนชี้ไปที่เนินราบบริเวณต้นต้วนแห่งหนึ่ง ถามว่า “ต้นต้วน ใช่ต้วนม่วงพวกนั้นหรือเปล่า”


“ใช่ ใต้ต้นต้วนโอกาสที่จะพบโสมค่อนข้างจะสูง”


หูหงเต๋อพยักหน้า การเก็บโสมนั้นอาศัยประสบการณ์ในการคุ้นเคยกับสภาพภูเขา ไม่ใช่ว่าพูดไม่กี่ประโยคก็จะสามารถอธิบายได้เข้าใจ มิเช่นนั้นที่ฉางไป๋ซานแห่งนี้แม้แต่เมล็ดของต้นโสมก็อย่างว่าแต่จะหาได้พบเลย


หลังจากลงมือขุดโสมด้วยตนเองแล้ว เยี่ยเทียนก็ยิ่งเพิ่มความสนใจเข้าไปอีก อยากจะให้พบเจอต้นโสมอายุพันปีเสียเดี๋ยวนี้ รีบร้อนจนกล่าวเร่งออกมา “ไปกันเถอะ ไปที่โสมหกใบที่นายว่า ไม่แน่ว่าฉันอาจจะหาต้นโสมเจ็ดใบในตำนานนั่นเจอก็ได้!”


หลังจากได้ฟังที่เยี่ยเทียนพูดแล้ว ริมฝีปากของหูหงเต๋อกระตุก  แต่กลับไม่ได้พูดอะไรอีก พ่อของพ่อของเขาก็อยู่ที่ฉางไป๋ซานแห่งนี้ แต่ก็ไม่เคยเห็นโสมเจ็ดใบ


คนที่เก็บโสมส่วนมากเชื่อกันว่า ในตอนที่ต้นโสมโตขนาดมีเจ็ดใบนั้น ก็จะเกิดมีชีวิต หรือก็คือที่เล่าขานกันว่าเป็นต้นโสมเด็กที่มีชีวิต สามารถเรียกสิ่งดีๆ และขับไล่สิ่งชั่วร้าย คนธรรมดาไม่มีทางได้เห็น


เห็นเยี่ยเทียนตื่นเต้นดีใจเดินนำไปข้างหน้า บางครั้งก็มองสอดส่องไปที่พื้น หูหงเต๋อหัวเราะแกนๆ เดินตามไป ทั้งสองคนอาศัยเนินเขานี้ปีนป่ายไปยังอีกยอดเขาหนึ่ง


ยอดเขาฉางไป๋ซานสูงกว่าระดับน้ำทะเล 2500 เมตรขึ้นไปก็มียอดเขาอยู่หลายสิบยอด พูดอย่างจริงจังก็คือ เยี่ยเทียนและหูหงเต๋อยังถือว่าอยู่รอบนอก หลังจากชั่วโมงให้หลัง พวกเขาก็เดินขึ้นไปยังทางเหนือของยอดเขานี้


เยี่ยเทียนเมื่อเห็นป่าต้นต้วนก็จะคอยเบิกเนตรอยู่เนืองๆ แต่ว่าความโชคดีของเขานั้นใช้หมดไปแล้ว ยอดเขานี้ไม่มีต้นโสมอยู่อีกเลย ราวกับมีชีวิตกำลังหลบซ่อนเยี่ยเทียนอยู่อย่างนั้น


“เยี่ยเทียน พักซักหน่อยเถอะ นี่เดินมาห้าหกชั่วโมงแล้ว พวกเรามาหาไรกินกันเถอะ!”


เห็นเยี่ยเทียนเดินไปมองหาไปรอบๆ หูหงเต๋อก็ไม่ไหวแล้ว เขาเลือดลมยังดีอันนี้ไม่เถียง แต่ก็ยังเป็นคนวัยหกสิบกว่า เรื่องอาหารนี่ก็ยังต้องกินอยู่


“แม่เอ้ย เจ้าต้นโสมพวกนี้ล้วนแต่แอบกันหมดแล้วเหรอไง ถึงไม่มีโผล่มาซักต้น!”


หลังจากได้ฟังหูหงเต๋อแล้ว เยี่ยเทียนก็หยุดยืนอยู่ ตลอดเส้นทางเขาก็ปล่อยพลังตลอด ร่างกายถึงแม้ไม่เหนื่อยอ่อน แต่จิตใจกลับรู้สึกเหนื่อยล้าบ้างแล้ว


เยี่ยเทียนนำกระเป๋าวางไว้บนพื้น คิดถึงความอร่อยของน้ำแกงนกบ่น ก็ทำปากอยากลอง กล่าวว่า “กินอะไร เหล่าหู ยิงนกบ่นซักสองสามตัวเถอะ”


ตลอดทางที่เดินผ่านป่ามา ก็เห็นนกบ่นหลายตัว แต่ว่าเยี่ยเทียนได้แต่พะวงหาต้นโสม ดังนั้นเขาก็เลยไม่ได้สนใจ ตอนนี้ได้ยินหูหงเต๋อพูดถึงเรื่องกิน  พยาธิในท้องก็ร้องกันขึ้นมา


“เบาเสียงหน่อย ฉันดูก่อน….”


หูหงเต๋อยื่นนิ้วมือออกมาแล้วทำท่าให้เงียบ ตอนนี้พวกเขาอยู่กลางทิวเขาที่เป็นเนินราบแห่งหนึ่ง หากเดินลงไปก็เป็นป่าต้นหัว และก็เป็นสถานที่ที่นกบ่นชอบไปหลบซ่อนอยู่ด้วย


อุณหภูมิในป่า ค่อนข้างต่ำกว่าด้านนอกหลายองศา ไม่กี่วันก่อนหิมะตกยังไม่ทำให้ละลาย หูหงเต๋อเดินไปข้างหน้าไม่กี่ก้าว สีหน้าก็บ่งบอกความดีใจ กล่าวเสียงเบาว่า “เยี่ยเทียน พวกเราลาภปากแล้ว ที่ป่านี้มีรังนกบ่นอยู่!”


เยี่ยเทียนมองตามสายตาของหูหงเต๋อไป จริงด้วย พื้นที่มีหิมะกองประมาณเจ็ดแปดเมตรด้านหน้า มีรอยขนาดเล็กเดินเป็นสาย ไปจนถึงป่าต้นหัว


หูหงเต๋อหยิบหน้าไม้ทำมือที่สภาพดีมากออกมาจากกระเป๋า กล่าวว่า “นกบ่นในหน้าหนาวล่าง่าย เยี่ยเทียน นายเก็บฟืนแห้งมาก่อไฟ เดี๋ยวฉันจะไปจัดการแป๊บเดียวเดี๋ยวมา!”


เยี่ยเทียนก่อหน้านั้นไม่เคยมองกระเป๋าหลังของหงหูเต๋อว่าใส่อะไรมาบ้าง จึงได้ถามอย่างสงสัย “หน้าไม้ ไม่ใช้ปืนยิงเหรอ”


หูหงเต๋อหัวเราะ “ใช้ปืนยิงนกบ่นไม่ได้ หากยิงไปเหลือไม่ถึงครึ่งตัว ต้องเป็นไอ้นี่แหละได้ผลดี!”


“ฉันตามนายไปดูด้วยเหอะ” เยี่ยเทียนกินเนื้อนกบ่นมาสองรอบแล้ว แต่เป็นนกที่ถอนขนจนหมดแล้ว ไก่ฟ้าตัวเป็นๆ เขายังไม่เคยเห็นเลย


“ได้ เสียงเบาหน่อย อย่างทำให้มันตกใจ!” หูหงเต๋อพยักหน้า เดินนำทางเข้าในป่า


เยี่ยเทียนเก็บพลัง ร่างกายพลันก็รู้สึกสบายขึ้นมา เมื่อเหยียบไปบนพื้นหิมะเหลือเพียงรอยเท้าจางๆ เห็นหน้าของหูหงเต๋อแดง เหมือนกับว่าเสียงที่เขาเดินนั้นดังมาก


ในป่าต้นหัวนั้นต้นไม้อยู่กันค่อนข้างกระจาย บนพื้นก็มีต้นไม้เล็กเตี้ยเติบโตอยู่ไม่น้อย หูหงเต๋อส่งสัญญาณมือกับเยี่ยเทียน แล้วเดินย่องเงียบๆ ไปทางบริเวณที่มีต้นไม้เตี้ยขึ้นอยู่รกชัฏ


“ฟิ้ว…ฟิ้วฉึก!”


 ในตอนที่หูหงเต๋อห่างจากบริเวณที่เขาคิดว่ามีรังนกบ่นอยู่ประมาณเจ็ดแปดเมตรนั้น กิ่งต้นหัวที่รองรับน้ำหนักของหิมะไม่ไหวก็กลับหักขาดลงมา


ตามมาด้วยเสียงที่ดังขึ้น พุ่มไม้ต่ำก็พลันมีเสียงนกสี่ตัวบินขึ้นมาจากพง ขยับปีกบินไปทางป่าต้นหัว


“แม่เอ้”


มือขวาจับหน้าไม้เงยขึ้นไป ไม่ทันได้เล็ง ก็ปล่อยลูกออกจากหน้าไม้เพียงยกหน้าไม้ขึ้นก็ยิงโดนตัวที่ยังบินไปได้ไม่ไกล


ในตอนที่หูหงเต๋อกำลังรู้สึกเสียดายอยู่นั้น นกตัวที่บินไปก่อนหน้านี้ก็บินไปไกลหลายสิบเมตรแล้ว พลันกระพือปีก หัวตกลงมาจากกลางอากาศ


หูหงเต๋อสายตาดีมาก เขาเห็นว่า จากที่ตัวของนกบ่นหล่นลงมา ยังมีหิมะอยู่สองก้อน หันกลับไปมองเยี่ยเทียนที่กำลังปัดมือ สายตาของหูหงเต๋อปรากฏแววตกใจ


นกบ่นเวลาบินนั้นเร็วมาก โดยเฉพาะหลังจากบินสูงได้สิบเมตรแล้ว นอกจากใช้ปืนยิง มิเช่นนั้นเป็นการยากมากที่จะทำอะไรพวกมัน คิดไม่ถึงว่าเยื่ยเทียนออกแรงปั้นก้อนหิมะสองก้อน ก็โยนโดนตกลงมาได้แล้ว


ตอนนี้หูหงเต๋อเชื่อแล้ว หากว่าเขาและเยี่ยเทียนอาศัยอยู่ในป่าแห่งนี้ด้วยกัน เยี่ยเทียนจะต้องใช้ชีวิตอย่างออกรสออกชาติมากกว่าเขาแน่นอน


นี่ทำให้หูหงเต๋อผู้ถูกขนานนามว่านักล่ามือดีที่สุดในฉางไป๋ซาน ในใจพลันไม่สบอารมณ์ กล่าวขึ้นว่า “เยี่ยเทียน นายต้มน้ำ ฉันจะไปล่ากวางโลตะวันออกโง่ๆ ตัวหนึ่งมา!”


“ได้ ! แค่นกไม่กี่ตัวไม่พอดินจริงๆนั่นแหละ!”


เยี่ยเทียนพยักหน้า เนื้อนกบ่นอร่อยก็จริง แต่หากถอนขนออกแล้วและควักเครื่องใน อย่างมากก็แค่สองสามร้อยกรัมเท่านั้น ได้แต่ลิ้มรสโอชะ แต่ไม่อิ่มแน่นอน


ฤดูหนาวในป่าต้นไม้กิ่งไม้แห้งเหี่ยว เยี่ยเทียนก็เก็บมามัดหนึ่งวางไว้บริเวณเนินลาด จากนั้นใช้พลั่วทำความสะอาดพื้นที่ออกมาได้ประมาณสิบเมตร บริเวณที่ว่างเปล่านั้นก็ขุดหลุมลงไป


จุดไฟที่กิ่งไม้แห้งจากนั้น เยี่ยเทียนก็เอาหม้อมาเหน็บไว้ที่ด้านบนกองไฟ หยิบหิมะที่เป็นน้ำแข็งใส่ลงในหม้อ หลังจากผ่านไปสิบกว่านาที น้ำแข็งละลายจากนั้นค่อยๆ ปล่อยไอความร้อนออกมา


“ชีวิตในเขานี้ก็น่าสนุกใช้ได้ สนุกกว่าเขาเหมาซานอีก!”


เยี่ยเทียนยังไงก็ยังเป็นเด็กหนุ่ม ไม่ว่าจะเป็นการขุดโสมป่าหรือว่าการทำอาหารป่า สำหรับเขาแล้วนั้นถือเป็นเรื่องแปลกใหม่ ประสบการณ์แบบนี้เขายังไม่เคยสัมผัสที่ไหนมาก่อน


อาศัยจังหวะในการต้มน้ำ เยี่ยเทียนก็ถอนขนและควักเครื่องในนกบ่นทีได้มา รอจนน้ำเดือดแล้ว ก็เอานกบ่นใส่ลงไปในหม้อ


เห็นว่าหูหงเต๋อยังไม่กลับมา ดวงตาของเยี่ยเทียนก็กวาดตาไปรอบรอบหนึ่งที หยิบกล่องไม้ออกมา หยิบเอาโสมต้นนั้นออกมา


“แหะๆ เหล่าหู ของดีอย่างนี้ไม่กินก็น่าเสียดายแย่”


“หงับ” กัดไปหนึ่งคำ เยี่ยเทียนก็งับส่วนหัวของโสมสี่ใบหายไปครึ่งอัน และยังมีรากฝอยอีกครึ่งหนึ่ง ที่ใส่ลงไปในหม้อรวมกับเนื้อนกบ่น


“ของดี!”


หลังจากกัดโสมไปหนึ่งคำ เยี่ยเทียนก็รู้สึกว่ามีความขนระรอกหนึ่งปรากฏขึ้นในปาก พร้อมกันนั้นความร้อนที่แผ่จากคอหอยลงไปสู่ท้อง


“สรรพคุณทางยาของโสมนี่ดีกว่าโสมแห้งร้อยเท่า!”


เยี่ยเทียนไม่รอช้า รีบนั่งลงขัดสมาธิบนพื้นหิมะ เดินพลังขึ้นมา พลังธาตุบริสุทธิ์แบบนี้ หากว่ากระจายหายไปในร่างกายก็น่าเสียดายเกินไป


สำหรับเยี่ยเทียนแล้ว โสมแก่อายุห้าสิบปีที่เก็บกักพลังชี่เอาไว้ ถือว่ายังน้อยไปหน่อย ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ พลังชี่ของโสมครึ่งต้นนั้นที่ถูกเขากินเข้าไปก็จะถูกใช้จนหมดไม่มีเหลือ


“เยี่ยเทียน นายกินโสมนั้นแล้วเหรอ นี่…นี่ถือว่าเป็นคนไม่เอาไหนไม่ใช่เหรอ”


เยี่ยเทียนเพิ่งลุกขึ้น หูหงเต๋อที่แบกกวางตัวหนึ่งพาดไหล่เดินเข้ามา เห็นกล่องไม้ที่วางเปล่าวางอยู่บนพื้น พลันก็รู้สึกอย่างจะร้องไห้ก็ร้องไม่ออก

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)