ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง 413-414
ตอนที่ 413 เจ้าสาวอยู่ที่ไหน?
“มิเช่นนั้นเจ้าจะถูกถอดชื่อออกไปจากเผ่ามังกรทะเลตะวันตกชั่วชีวิต!”
ตอนนี้เขากลายเป็นคนพิการไปแล้ว เวยเอ๋อร์คือความหวังเพียงหนึ่งเดียวของเขา นางคือมังกรทอง! คือผู้ที่มีพรสวรรค์ชั้นยอดที่สุดของเผ่ามังกร!
ต่อให้เขาต้องตายก็จะไม่ยอมปล่อยให้ดาบของนางตกไปอยู่ในมือของนังลูกเดรัจฉานนั่น!
นางไม่คู่ควร!
มีแต่เวยเอ๋อร์เท่านั้นที่คู่ควรจะใช้ดาบเล่มนั้น!
ตอนนี้ ลู่กว่างไม่เพียงแต่คิดเสียดายโอกาส ในใจยังจงเกลียดจงชังชือหลีอย่างที่สุดอีกด้วย หากมิใช่เพราะว่านังเดรัจฉานนี้ชักนำเผ่ามนุษย์ที่โหดเ**้ยมมาเป็นทัพหนุน เขาไหนเลยจะต้องมาอยู่ในสภาพนี้!”
ชือหลีอยากจะหัวเราะแล้ว ตู๋กูเจวี๋ยรีบช่วยตอกย้ำกลับไป “ข้าว่าที่น้องเล็กเลาะออกมาคงไม่ใช่กระดูกมังกรของเจ้าหรอก แต่ว่าเป็นสมองของเจ้ามากกว่า! ไอ้ปลาดุกเฒ่าอย่างเจ้าทำไมถึงได้โอ้อวดคำโตได้โดยไม่รู้สึกกระดากอายเลยสักนิด?”
ตู๋กูซิงหลันเองก็ไม่คิดจะเสียเวลากล่าววาจาไร้สาระกับเขาอีกต่อไป
นางเดินไปยังดาบยักษ์ของตนเอง ยื่นมือข้างหนึ่งไปจับเอาไว้ ก็ดึงดาบยักษ์ขึ้นมาแบกเอาไว้บนบ่า
จากนั้นก็หันไปมองดูลู่เวยด้วยสายตาเย็นชา
“มังกรทองหรือ?” ฮึ….” น้ำเสียงที่หัวเราะออกมาอย่างเย็นชานั้น แฝงเอาไว้ด้วยความเหยียดหยามอย่างที่สุด
หลิ่วฮุ่ยที่อยู่ข้างกายลู่เวยรู้สึกเหมือนถูกมองจนทะลุ เสียงหัวเราะของตู๋กูซิงหลันทำให้นางต้องหน้าชา ใจสั่นอยู่ลึกๆ
ตู๋กูซิงหลันขยับปลายนิ้ว ขณะที่ใจกลางฝ่ามือของนางกำลังปรากฏมุกมังกรขึ้นมา ก็ได้ยินเสียงเครื่องดนตรีปี่พาทย์ดังมาจากด้านนอก
เสียงดนตรีเหล่านั้นแฝงความลึกลับอึมครึมบางอย่าง
ดวงตาของหลิ่วฮุ่ยแม่ลูกเปล่งประกายขึ้นมาในทันที
“มาแล้ว! พวกเขามาแล้ว!”
ลู่กว่างที่นอนพังพาบอยู่บนพื้นก็ตื่นเต้นขึ้นมาเช่นกัน…..ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะมาช้าไปก้าวหนึ่ง แต่ก็ยังคงไม่สาย กระดูกมังกรพึ่งถูกถอดออกมา ยังสามารถใส่กลับเข้าไปได้
คนของเผ่ามังกรทมิฬย่อมไม่มีทางมองดูเขาที่ได้ชื่อว่าเป็น ‘ญาติ’ ถูกรังแกอย่างแน่นอน
มิเช่นนั้นนั่นมิเท่ากับว่าตบหน้าพวกเขาหรอกหรือ?
“รีบไปจากที่นี่!” พอรู้สึกถึงความอึมครึมที่กำลังเคลื่อนเข้ามา สีหน้าของชือหลีก็เปลี่ยนเป็นย่ำแย่ นางหันไปบอกกับตู๋กูซิงหลันว่า “พวกเขาไม่ใช่คนที่เจ้าจะไปหาเรื่องได้!”
เผ่ามังกรทมิฬ…..ถือเป็นอันดับหนึ่งเหนือเผ่ามังกรทั้งสี่ทะเล ในหกภพภูมิล้วนสามารถทำให้ทุกผู้คนบังเกิดความหวาดผวา
ตอนที่ยังเล็กยามเมื่อนางดื้อดึง มารดาจะยกเผ่ามังกรทมิฬมาขู่นาง
ทุกครั้งที่ได้ยินหลายคำนั้น นางล้วนกลัวจนต้องยอมเชื่อฟังแต่โดยดี
กลัวว่าจะถูกจับไปยังทะเลไร้ก้น กลายเป็นอาหารของเผ่ามังกรทมิฬ
ความกลัวที่ฝังอยู่ในใจนี้แม้ผ่านไปแล้วหลายปีก็ยังไม่จางหาย
หลายปีมานี้ เผ่ามังกรทมิฬที่ถูกกักขังเอาไว้ใต้ก้นทะเลลึกเริ่มเกิดความเคลื่อนไหวขึ้นมาบ้างแล้ว…..
เดิมทีนางกำลังจะถูกลู่กว่างส่งไปแต่งงานเป็นอนุของไท่จื่อ (รัชทายาท)ของเผ่ามังกรทมิฬ ครั้งนี้ถึงแม้ว่าจะมิใช่ไท่จื่อเผ่ามังกรทมิฬเสด็จมาด้วยตนเอง แต่ว่าคนของเผ่ามังกรทมิฬที่มารับตัวแม้แต่ลู่กว่างก็ยังไม่อาจเทียบชั้นได้
ที่จริงแล้ว…..เผ่ามังกรทั้งสี่ทะเลและเผ่ามังกรทมิฬมิใช่ฝ่ายเดียวกันด้วยซ้ำ
เผ่ามังกรทมิฬนั้น…..คือเผ่าที่มีความสามารถจะต่อกรกับเหล่าทวยเทพเบื้องบนได้
“เฮอะ เฮอะ ตอนนี้รู้จักเกรงกลัวบ้างแล้วหรือ? สายไปแล้วละ!” ลู่เวยหัวเราะเสียเย็นออกมา นางรู้ว่าเช่นนี้เรียกว่าอะไร?
คืนสนอง!
ถึงแม้ว่าพวกนางจะสู้เผ่ามนุษย์ผู้นั้นไม่ได้ แต่ว่าคนของเผ่ามังกรทมิฬสมควรทำได้กระมั้ง?
ตู๋กูซิงหลันมิใช่คนที่หลบหนีง่ายๆ นางแบกดาบยักษ์เอาไว้บนบ่า ยืนอยู่บนลานกลางตำหนัก มองออกไปด้านนอก
พอมองออกไป สิ่งแรกที่ได้เห็นก็คือดวงตาสีครามคู่หนึ่ง
เป็นดวงตารูปดอกท้อเหมือนกับนาง เพียงแต่นัยตาต่างสีกัน
นัยตาที่ดูลึกล้ำดั่งอัญมณีใต้ทะเล ขนตาเป็นแพคมชัด ดวงตาของนางเหมือนดังท้องทะเลกว้าง
อีกฝ่ายก็มองมาที่นางเช่นกัน
พอดวงตาสีครามคู่นั้นหรี่ลงน้อยๆ ก็เหาะจากลานด้านนอกเข้ามาข้างในโดยทันที
ชุดสีครามตลอดร่างพลิ้วไหวราวโบยบิน เส้นผมเป็นลอนยาวตามธรรมชาติอย่างผ่านการดัดงอสยายยาวอยู่ด้านหลัง ราวกับสาหร่ายน้ำที่กำลังเริงระบำ
บนศีรษะนั้นมีรัดเกล้าสีเงินชิ้นเดียว
และเพราะอยู่ใต้ท้องทะเลลึกมานานปี โดยมิได้พบกับแสงแดด ผิวพรรณของนางจึงขาวสะอาดดุจหยกมันแพะ ทั้งยังแวววาว
นี่เป็นสุดยอดโฉมงามผู้หนึ่ง!
ดูจากภายนอกคล้ายจะมีอายุไม่ต่างจากตู๋กูซิงหลันเท่าใด นัยตาคู่นัยก็คล้ายคลึงกับนางมา ผิดแต่คละสีเท่านั้น
ที่ด้านหลังของนาง มีแมงกระพรุนสีน้ำเงินขนาดใหญ่ตัวหนึ่ง ด้านหลังของเจ้าแมงกระพรุนมีเผ่ามังกรสวมเกราะสิบกว่าคนติดตามมาด้วย
แต่ละคนล้วนมีไอทมิฬในร่างอย่างเข้มข้น
ชาวมังกรที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุดนั้น ถือเปลือกหอยสีดำตัวหนึ่งเอาไว้ในมือ
ถึงแม้ว่าจะยืนอยู่ห่างกันช่วงหนึ่ง ตู๋กูซิงหลันก็ยังรู้สึกได้ถึงขุมพลังอันแข็งแกร่งที่กำจายของมาจากเปลือกหอยนั้น
ยามที่ได้เห็นสาวน้อยในชุดสีครามตลอดร่างผู้นั้น แม้แต่ตู๋กูเจวี๋ยก็ยังตะลึงไป ดวงตาของนางกับน้องเล็กช่าง…….คล้ายคลึงกันเกินไปแล้ว
หากไม่นับสีสันที่ต่างกัน เพียงมองดูเฉพาะดวงตาของคนทั้งสอง เกรงว่าแม้แต่เขาที่เป็นพี่ชายก็อาจจะแยกแยะไม่ถูกก็เป็นได้
สาวน้อยผู้นั้นเหาะลงมาตรงหน้าของตู๋กูซิงหลันอย่างช้าๆ ดวงตาที่สงบนิ่งคู่นั้นกวาดมองดูสถานการณ์โดยรอบเบื้องหน้า สุดท้ายก็ไปหยุดอยู่ที่ร่างของลู่กว่างที่นอนครึ่งเป็นครึ่งตายอยู่บนพื้น
“เจ้าสาวอยู่ที่ใด?”
นางมิได้ไต่ถามว่าที่นี่เกิดเรื่องอันใดขึ้นด้วยซ้ำ!
ลู่กว่างตะลึงไปเล็กน้อย “คนที่สวมใส่ชุดสีแดงนั่นคือบุตรสาวของข้า…..”
เขาถูกถอดกระดูกมังกรออกไปแล้ว ร่างกายไม่อาจเคลื่อนไหว เพียงแต่เมื่อสาวน้อยผู้นั้นเอ่ยปากขึ้นมา ก็เกิดแรงกดดันบางอย่างที่เขาไม่อาจฝืนทนอยู่ได้
ตู๋กูเจวี๋ยตัดสินใจปกป้องชือหลีเอาไว้ที่ด้านหลัง เขามีความรู้สึกว่า สาวน้อยผู้นี้ไม่ควรไปหาเรื่องด้วย
ไม่แน่ว่านางอาจจะเป็นคนประเภทเดียวกับน้องเล็ก
ทันทีที่ลู่กว่างเอ่ยขึ้นมา ก็เห็นสายตาของสาวน้อยผู้นั้นหันกลับไปหยุดมองอยู่บนร่างของตู๋กูซิงหลันใหม่อีกครั้ง
นางเองก็สวมใส่ชุดสีแดงเช่นกัน
หัวคิ้วของนางขมวดน้อยๆ นัยตาเป็นประกายเย็นชาจนผู้คนไม่กล้าเข้าใกล้
ได้ยินมานานว่า บุตรสาวของราชามังกรตะวันตกงดงามอย่างยิ่ง ดังนั้นหลังจากเลือกเฟ้นไปมาอยู่นาน จึงได้ตัดสินใจเลือกตระกูลของพวกเขา
นี่ยังงดงามกว่าที่นางคาดคิดเอาไว้มากนัก
แต่ตลอดทั้งร่างมีแต่เลือด
นางไม่คิดจะยุ่งเกี่ยวกับเรื่องไร้สาระ โบกมือขึ้นมา ก็เห็นชาวเผ่ามังกรที่อยู่ด้านหลังส่งเปลือกหอยสีดำนั้นมาที่เบื้องหน้าของลู่กว่าง ด้านในมีไข่มุกวิญญาณที่มีพลังของเผ่ามังกรทมิฬ
“สิ่งของมอบให้เจ้า คนพวกเราจะพาไปแล้ว”
สาวน้อยกล่าวเสียเข้ม คล้ายไม่ได้แปลกใจเลยสักนิดว่าผู้ที่เป็นถึงราชามังกรทะเลตะวันตกทำไมถึงได้ถูกคนเลาะกระดูกออกไป
ทันทีที่พูดจบ ชาวมังกรที่สวมใส่เกราะหลายคนนั้นก็ขยับเข้ามาที่ด้านหน้าตู๋กูซิงหลัน
“พวกเจ้าพาไปผิดคนแล้ว!” ลู่เวยที่อยู่ด้านข้างตะโกนออกมาอย่างรีบร้อน “นางเป็นคนเผ่ามนุษย์ที่ต่ำต้อย เจ้าสาวคือน้องสาวของข้าชือหลี นางอยู่ที่นั่น!”
ขณะที่พูดออกไปนางก็ยกมือขึ้นมาอย่างกินแรง ชี้ไปยังชือหลีที่ถูกตู๋กูเจวี๋ยปกป้องเอาไว้ด้านหลัง
“ท่านผู้ที่มารับเจ้าสาว…..ท่านคงไม่รู้ บุตรสาวของข้านิสัยดื้อรั้น นางไม่เต็มใจแต่งไปเป็นอนุขององค์ไท่จื่อ เห็นหรือไม่ ถึงได้ไปร่วมมือกับคนนอกมาบุกทำลายวังมังกร ทั้งยังถอดกระดูกของบิดาตนเองออกมา…..แม้แต่น้องสาวแท้ๆของตนเองก็ยังถูกทุบตีจนเกือบตาย ทั้งยังแย่งชิงศาสตราวุธที่สำคัญเท่าชีวิตของนางไป”
หลิ่วฮุ่ยรีบเอ่ยแทรกขึ้นมา นางลุกขึ้นยืน ในเมื่อมีผู้รับตัวจากเผ่ามังกรทมิฬมาแล้ว นางก็ชักจะมีความกล้าขึ้นมา
นางพลิกเรื่องราวกลับขาวเป็นดำเติมน้ำมันราดพริกลงไปอย่างเต็มที่ จากนั้นก็หลั่งน้ำตาออกมา “องค์ไท่จื่อพอพระทัยในบุตรสาวของพวกเรา ก็ถือเป็นวาสนาของนาง แต่ใครจะไปคิดว่านางจะก่อคดีเช่นนี้ขึ้นมากัน?”
ตอนที่ 414 มองผิด เห็นตาปลาเป็นไข่มุก
สาวน้อยผู้นั้นรับฟังอย่างตั้งใจ ทั้งยังไม่ขัดคำพูดของนาง เพียงแต่ขณะที่ฟังคำพูดเหล่านั้นไปสายตาของนางก็ยังหยุดอยู่บนร่างของตู๋กูซิงหลัน
นับตั้งแต่ที่นางเข้ามาในวังมังกร ก็เห็นนางตั้งแต่แรกแล้ว
สตรีผู้นี้งดงามเพียงพอ มีคุณสมบัติจะเป็นอนุของไท่จื่อ
หลิ่วฮุ่ยยังคงรำพันด้วยความขื่นขมต่อไป “ท่านผู้มารับตัวเจ้าสาว ท่านโปรดจัดการให้กับพวกเราด้วย เวยเอ๋อร์ของข้าเป็นมังกรทอง เป็นผู้มีพรสวรรค์และความหวังของทะเลตะวันตก หากเผ่ามังกรทมิฬต้องการจะผงาดขึ้นมาอีกครั้ง ย่อมไม่พ้นต้องการกำลังจากพวกเราทะเลตะวันตกใช่หรือไม่?”
“ชือหลี บุตรสาวที่ไม่รักดีของข้าผู้นั้นถูกพวกมนุษย์ชั้นต่ำหลอกลวงจนสองตามืดมัวไปแล้ว ของเพียงท่านช่วยแก้แค้นให้กับพวกเรา นำศาสตราวุธของเวยเอ๋อร์กลับคืนมา ต่อไปพวกเราทั้งทะเลตะวันตกก็จะขอฟังคำบัญชาของเผ่ามังกรทมิฬ!”
ในสายตาของนาง ถึงเผ่ามังกรทมิฬจะแข็งแกร่ง แต่ก็ยังถูกกักขังเอาไว้ใต้ก้นทะเลจะอย่างไรก็ยังต้องพึ่งพาความช่วยเหลืองของเผ่ามังกรทั้งสี่ทะเลอยู่
เงื่อนไขที่นางมอบออกไปในตอนนี้มิได้เกินไป
เพียงแต่พอเอ่ยออกไป ก็เห็นสาวน้อยผู้นั้นมองดูนางด้วยสายตาเย็นชาแวบหนึ่ง
ทั้งเย็นชาและโหดเ**้ยม!
แทบจะไม่ต่างอะไรกับตู๋กูซิงหลัน!
ในใจของนางรู้สึกหวาดผวาขึ้นมาในทันที ที่จริงแล้ว ตอนที่เห็นว่าผู้ที่มารับตัวเจ้าสาวเป็นเพียงสาวน้อยนางหนึ่ง นางก็ไม่ได้เห็นอยู่ในสายตาเท่าใดนัก
แต่ว่าแววตานั้น ทำให้นางคิดไปถึงพลังยามที่ตู๋กูซิงหลันฆ่าฟันขึ้นมา
จนอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย รู้สึกเจ็บแปลบไปทั้งตัว
“เจ้าเป็นใครกัน? ถึงมีสิทธิจะมาถกเงื่อนไขกับข้า?” สาวน้อยสะบัดแขนเสื้อขึ้นมา สายลมหอบหนึ่งก็ซัดออกไป ตบใบหน้าของหลิ่วฮุ่ยจนเลือดกลบปากทั้งยังต้องถ่มฟันออกมาสองซี่
ไม่ชอบฟังวาจาไร้สาระ….อืม แม้แต่จุดนี้ก็ไม่ต่างกับตู๋กูซิงหลันเท่าไหร่
ว่าแล้ว นางก็หันไปมองดูลู่เวยแวบหนึ่ง ในดวงตามีแต่ความรังเกียจอย่างที่สุด “มังกรทอง? คนของเผ่ามังกรตาบอดกันไปหมดตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ทองจริงหรือทองปลอม ก็แยกแยะไม่ออกแล้วหรือ?”
พอนางเอ่ยขึ้นมา คนที่หน้าเสียก่อนใครก็คือลู่กว่าง
“ท่านผู้รับเจ้าสาวหมายความเช่นไร? เวยเอ๋อร์เกิดมาก็เป็นมังกรทองตั้งแต่แรกแล้ว! หลายปีมานี้นางฝึกฝนจนก้าวหน้าอย่างว่องไว เป็นผู้มีพรสวรรค์แถวหน้าของเผ่ามังกรทั้งสี่ทะเลเลยนะ!”
ตลอดหลายปีมานี้ ลู่กว่างถือเอาการมีบุตรสาวเป็นมังกรทองคือความภาคภูมิใจของตนมาโดยตลอด
เหล่าราชามังกรอีกสามทะเลต่างก็พากันอิจฉาเขาอย่างยิ่ง ตลอดหลายปีมานี้ สามราชามังกรทะเลเหล่านั้นต่างก็คอยอ้าปากชะเง้อขอแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับเขา
เหล่าองค์ชายมังกรทั้งหลายต่างก็ทำตัวเป็นผักขาดขาวขอให้เขาไปทำการเลือกสรร แต่พอคิดถึงฐานะมังกรทองของเวยเอ๋อร์ เขาย่อมไม่เห็นองค์ชายมังกรเหล่านั้นอยู่ในสายตา
มังกรทองสมควรคู่กับมังกรทอง
รอให้เหล่าผู้เยาว์ของเผ่ามังกรเผ่าไหนกำเนิดเป็นมังกรทองออกมา ค่อยพิจารณาให้คู่กับเวยเอ๋อร์ของพวกเขา
แต่ว่าตอนนี้กลับมีคนบอกว่าอะไร? ทองจริงทองปลอมแยกแยะไม่ออก?
ลู่กว่างยอมไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว!
เขาคิดว่าคนของเผ่ามังกรทมิฬคงจะอยู่ใต้ก้นทะเลลึกมานานเกินไป จึงแยกแยะตาปลากับไข่มุกไม่ออกแล้ว
ตู๋กูซิงหลันก็เหลือบตามองดูสาวน้อยผู้นั้นแวบหนึ่ง
หัวคิ้วของสตรีผู้นั้นขยับยกขึ้น กวาดตามองผู้คนอื่นราวกับมาจากเบื้องบน ดวงตามีแต่ความเย็นชา ทั้งยังแฝงความรังเกียจ
ช่างไม่เหมือนกันเผ่ามังกรทมิฬที่นางเคยคิดเอาไว้สักเท่าไร
สาวน้อยผู้นี้มิได้ใส่ใจใยดีราชามังกรตะวันตกและครอบครัวของเขาเลยสักนิด
ทั้งยังฉีกหน้าเปิดเผยฐานะมังกรทองจอมปลอมของลู่เวยออกมา
หากฝ่ายตรงข้ามยังไม่ลงมือ นางก็จะไม่เคลื่อนไหววู่วาม
เนื่องเพราะอย่างไรความเข้าใจที่มีต่อเผ่ามังกรทมิฬที่นางรู้ก็มีแต่ในตำราโบราณเท่านั้น
ตู๋กูซิงหลันย่อมมิได้หวาดกลัว นางกุมดาบยักษ์ของพี่ใหญ่เอาไว้ ในมือเปรอะไปด้วยเลือดของลู่กว่าง
มืออีกข้างหนึ่งของตู๋กูซิงหลันแผ่ออกมา ใจกลางฝ่ามือมีมุกมังกรที่เกิดจากแก่นชีวิตของชือหลี สีแดงเลือดที่อยู่บนมุกเลือนหายไปแล้ว กลับคืนเป็นสีฟ้าดังเดิม
ด้านในมีมังกรสีทองตัวน้อยตัวหนึ่งนอนอยู่
แม้แต่ลู่กว่างก็ยังสามารถมองเห็นมังกรตัวนั้นได้อย่างชัดเจน
มุกมังกร คือสิ่งที่เมื่อเผ่ามังกรของพวกเขาสามารถแปลงเป็นร่างมนุษย์ได้แล้ว ก็จะทำการฝึกฝนบำเพ็ญเพียรจนสามารถสร้างลูกแก้วแก่นชีวิตขึ้นมา
ปกติแล้วในมุกมังกรจะไม่มีสิ่งใดทั้งนั้น แต่ว่าในมุกมังกรนี้ทำไมถึงได้มีมังกรทองตัวน้อยอยู่ด้วย?
เขาไม่เข้าใจเลย
สีหน้าของหลิ่วฮุ่ยเปลี่ยนเป็นย่ำแย่ พอนางคิดถึงเรื่องเมื่อหลายปีก่อนขึ้นมา….นางก็อดที่จะใจสั่นไม่ได้
ฝ่ามือของตู๋กูซิงหลันปัดออกไปเบาๆ ก็ส่งมุกมังกรนั้นผนึกกลับเข้าไปในร่างของชือหลีอีกครั้ง
มุกมังกรคืนสู่ร่าง นางก็เปลี่ยนเป็นสดชื่นขึ้นมา สีหน้าไม่ซีดขาวเป็นกระดาษอีกต่อไป
เหลือแต่ตะปูตรึงมังกรที่อยู่บนอกของนางดอกนั้นที่ยังไม่ได้ถูกถอดออกมา
มีแต่เผ่ามังกรเท่านั้นที่จะสามารถถอดตะปูตรึงมังกรออกได้
“เห็นแล้วหรือไม่? มุกมังกรนี้เป็นของบุตรสาวที่เจ้าเรียกว่า ‘เศษสวะ’” ตู๋กูซิงหลันมองดูลู่กว่างด้วยสายตาเย็นยะเยือก
ลู่กว่างแทบจะ….ไม่อยากเชื่อเลยว่า ชือหลีที่ถูกถอดกระดูกมังกรออกไปแล้ว ยังจะสามารถฝึกฝนจนสร้างมุกมังกรได้ นี่มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
พอคิดย้อนกลับไป นางถูกถอดกระดูกมังกร ขับไล่ออกจากทะเลตะวันตก ทอดทิ้งให้แตกดับไปเอง แต่หลังจากนั้นมีหลายปีก็ยังสามารถสร้างกระดูกใหม่ขึ้นมา ถึงจะบอกว่าเป็นกระดูกงู….แต่ก็ยังเป็นเทพธิดาแห่งสายน้ำไปได้
ถึงแม้ว่าการเป็นเทพของมนุษย์…..จะไม่ถือว่าเก่งกาจอันใด
แต่ว่าจาก ‘เศษสวะ’ผู้หนึ่งก็ยังสามารถทำได้ถึงเพียงนี้ ……หัวใจก็พลันหนาวยะเยือกขึ้นมา
ยามที่สาวน้อยจากเผ่ามังกรทมิฬผู้นั้นได้เห็นมุกมังกร นางมิเพียงไม่ได้แปลกใจ ซ้ำยังกล่าวอย่างไร้อารมณ์ว่า “มังกรทองตัวนี้ก่อนที่จะถือกำเนิดขึ้นมาก็ถูกลอบเล่นงานแล้ว ถูกลักเอาร่างมังกรทองไป แต่ว่าน่าเสียดาย….ที่ขโมยผู้นั้นไม่อาจทำได้อย่างหมดจด ได้ไปแต่ร่างทองภายนอก สิ่งที่อยู่บนแก่นกระดูกย่อมไม่อาจเอาไปได้”
นางมองเพียงแวบเดียวก็ดูออกแล้ว
ช่างแข็งแกร่งอย่างยิ่ง
“ใช่แล้ว ดังนั้นมุกมังกรที่ชือหลีสร้างขึ้นมา จึงเป็นพลังจากร่างมังกรทองที่มิได้ถูกลักขโมยไป”
เพียงแค่ประโยคเดียว ก็ทำเอาหลิ่วฮุ่ยระเบิดอารมณ์ออกมา นางกำลังหวาดกลัวความผิด จนตัวสั่นไปทั่งร่าง “เจ้าพูดจาไร้สาระอันใดกัน? ใต้หล้านี้จะมีเรื่องแบบนั้นได้อย่างไรกัน!”
ตอนนั้นนางใช้พลังในร่างไปจนหมดถึงสามารถแลกกับเวทย์ที่สามารถลักร่างมังกรทองมาได้ แต่กลับไม่อาจเอามาได้ทั้งหมด?
มิน่าเล่า…..มิน่าถึงเวยเอ๋อร์จะมีร่างเป็นมังกรทอง แต่พอใช้พลังในร่างทะลวงการฝึกฝนกลับสุดแสนยากลำบาก…..ตลอดหลายปีมานี้เพียงเพราะต้องการเสาะหาเม็ดยาเพื่อช่วยเสริมการฝึกฝนให้กับลูก นางก็ต้องสละสมบัติควรเมืองต่างๆไปมากมายไม่รู้เท่าใด
ผู้ที่ช่วยเหลือนางลักพลังของร่างทองในตอนนั้นหลอกลวงนาง! มิได้ดึงออกมาอย่างหมดจด!
ลู่กว่างสายตาเลื่อนลอยไปแล้ว ความหมายของพวกนางก็คือ ชือหลีต่างหากที่เป็นมังกรทอง ส่วนลู่เวยที่เขาโปรดปรานมานานหลายปี……ไม่เพียงเป็นแค่หัวขโมย ทั้งยังเป็นของปลอม?
ตอนนั้น…..เพราะเข้าใจว่าลู่เวยคือร่างมังกรทอง ดังนั้นพอเขารับสืบทอดตำแหน่งราชามังกรมาไว้ในมือ ก็รีบต้อนรับพวกนางแม่ลูกเข้าวังมังกร เป็นเหตุให้ชือฉางมักจะทะเลาะกับเขาอย่างใหญ่โตอยู่เสมอ ถึงได้ทำให้เกิด น้ำท่วมใหญ่ในภายหลัง
เหล่าทวยเทพเกิดโทสะ เขาไม่มีหนทางอื่นได้แต่ถอดกระดูกชือหลีและชือฉิงเพื่อแสดงการชดเชย
นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ทะเลตะวันตกก็หมดความสำคัญในสายตาของเหล่าทวยเทพเบื้องบน หลายปีมานี้ต้องผ่านวันเวลาไปอย่างทุลักทุเล
ที่แท้แล้ว เขาก็พลาดไปเห็นตาปลาเป็นไข่มุกหรือ?
คำพูดนั้นหากออกจากปากของผู้อื่น บางทีเขาอาจจะไม่เชื่อถือ แต่ว่ามันกลับมาจากปากของคนเผ่ามังกรทมิฬที่มารับตัวเจ้าสาว
เผ่ามังกรทั้งสี่ทะเลต่างก็รู้ดีว่า ในสายตาของเผ่ามังกรด้วยจะไม่ยอมให้มีผงทรายปะปน
ลู่กว่างตื่นตระหนกเข้าจริงๆแล้ว…..
คำพูดของหลิ่วฮุ่ยทำให้สาวน้อยผู้นั้นหันกลับมาจ้องมองนางในทันที “เจ้ากำลังสงสัยในตัวข้าหรือ?”
เผ่ามังกรที่ประคองเปลือกหอยสีดำเอาไว้กวาดตามองไป ก็จับจ้องหลิ่วฮุ่ยด้วยสายตาโหดเ**้ยมว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าผู้ที่ยืนอยู่เบื้องหน้าของเจ้านี้คือผู้ใดกัน?”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น