ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง 410-412
ตอนที่ 410 ติดค้างกระดูกก็ต้องคืนด้วย...
ดูมันสิ นี่นะหรือคือบุตรสาวแท้ๆของเขา!
ทั้งๆที่ไม่เคยสร้างความภาคภูมิใจใดๆให้กับทะเลตะวันตกเคยสักครั้ง แล้วตอนนี้ยังคิดจะให้เขาอยู่มิสู้ตายอีก?
เจ้าเดรัจฉานน้อยนั่น ตอนนั้นเขาไม่สมควรจะให้นางได้เกิดมาบนโลกนี้เลย ต้องโทษที่เขามีเมตตามากเกินไป!
“เฮอะ” สายตาของชือหลียิ่งเกลียดชังอย่างลึกล้ำกว่าเดิม “กระดูกมังกรของข้าถูกถอดออกไปตั้งนานมาแล้ว เจ้าเป็นคนถอดเองกับมือ ลืมแล้วหรือ?”
“ข้าชือหลีไม่ได้ติดค้างอะไรไอ้แก่ชั่วอย่างเจ้าทั้งนั้น!”
นางไม่รู้สึกว่าการที่ตู๋กูซิงหลันช่วยแก้แค้นแทนนางเป็นเรื่องน่าละอายอันใด นางไม่มีกระดูกมังกรแล้ว เรื่องการแก้แค้นย่อมเป็นไปไม่ได้ในชาตินี้
แต่ครั้งนี้นางติดค้างตู๋กูซิงหลันแล้ว ย่อมต้องตอบแทนนางไปชั่วชีวิต!
“เจ้า!” ลู่กว่างพิโรธเดือดดาล “ตอนนั้นมารดาของเจ้าจมผู้คนไปทั้งเมือง ทำผิดอย่างมหันต์ เจ้าต้องรับโทษแทนมารดา แต่กลับเอาความผิดนั้นมาสุมใส่ศีรษะของเรา ใครสั่งสอนให้เจ้าไม่รู้จักแยกแยะเช่นนี้?”
ว่าแล้ว เขาก็หันไปมองทางตู๋กูซิงหลัน ด้วยสายตาคมกริบราวมีดดาบ “เป็นเพราะว่ามนุษย์ผู้นี้หลอกลวงเจ้าใช่หรือไม่? เผ่ามนุษย์ล้วนเจ้าเล่ห์หลอกลวงมาโดยตลอด เจ้าก็ยังจะไปเชื่อ?”
“ใช่แล้ว หลีเอ๋อร์ ตอนนั้น…..เหล่าเทพบนสวรรค์ต่างก็ต้องการชีวิตของเจ้า แต่ว่าท่านพี่กลับออกหน้าวิงวอนอยู่หลายครั้ง ถึงได้สามารถรักษาชีวิตของเจ้ากับชือฉิงเอาไว้ได้ พวกเจ้าเพียงแค่ถูกถอดกระดูกมังกร แต่ว่าเสด็จพ่อของเจ้ากลับสูญเสียความสำคัญในสายตาทวยเทพเชียวนะ”
“ตอนนี้เสด็จพ่อของเจ้าเลือกการแต่งงานที่ดีงามให้กับเจ้า ได้แต่งไปยังเผ่ามังกรทมิฬนั่นเป็นความใฝ่ฝันของหญิงสาวในเผ่ามังกรตั้งเท่าไร เจ้าจะเห็นคนอื่นดีกว่าคนในครอบครัวได้อย่างไร ทั้งยังชักนำหมาป่ามาทำร้ายคนในบ้านตนเองอีก?”
ตู๋กูซิงหลันเคยเห็นคนที่ไร้ยางอายมามาก แต่ที่ไร้ยางอายได้จนถึงขนาดนี้นางนับว่าได้เปิดหูเปิดตาแล้ว
วิญญาณทมิฬโกรธจนอยากจะหัวเราะออกมา มันเอ่ยออกมาอย่างเรื่อยเฉื่อยว่า “นี่มันจะต่างอะไรกับ ‘เจ้าสูญเสียขาไปข้างหนึ่ง ส่วนไอ้ชั่วนั่นต้องสูญเสียความรักของนางไป’?”
ชือหลีเชิดจมูกขึ้นมา “นับจากวันนี้เป็นต้นไป ตู๋กูซิงหลันคือครอบครัวของข้า อย่างเจ้านับเป็นอะไรได้กัน?”
ตู๋กูเจวี๋ยกระซิบที่ข้างหูของนางว่า “ข้าด้วยนะ! ข้าก็เป็นคนในครอบครัวด้วย!”
ชือหลี “…….”
หากว่าตู๋กูซิงหลันเป็นบุรุษละก็ นางจะต้องแต่งให้อย่างแน่นอน
หน้าตางดงาม มีทั้งฐานะและอำนาจ วรยุทธ์ก็ล้ำเลิศ ให้ความรู้สึกปลอดภัยอย่างเต็มเปี่ยม แล้วสตรีใดจะไม่ชอบกันเล่า?
ส่วนเจ้ากระต่ายน้อยตู๋กูเจวี๋ยนั้น กลิ่นน้ำนมยังไม่จางเลยด้วยซ้ำ
ขณะที่ตู๋กูซิงหลันสามารถลงมือทุบตีได้นั้น นางย่อมไม่จำเป็นจะต้องพูดจาไร้สาระอันใด
สู้ไม่ไหวก็หนี หากสู้ได้ก็ตีมันให้ตายไปเลย นางคือคนที่ยืดได้หดได้อยู่แล้ว
ขณะที่ลู่กว่างยังคิดจะตีโพยตีพายต่อไปอยู่นั้น นางก็กระชับดาบยักษ์เอาไว้ในมือ กระโดดโผร่างขึ้นไปเหนือเศียรของเขา ฝ่าเท้าข้างหนึ่งกระทืบลงไปบนหน้าผาก
ลู่กว่างที่เหาะอยู่กลางอากาศถึงกับดิ่งวูบลงมาจนเกือบจะโหม่งกับพื้นกระจกอยู่แล้ว
ทันทีที่ตู๋กูซิงหลันกระทืบลงมานั้น ก็เหมือนกับถูกภูเขาลูกหนึ่งกดทับลงไป จนร่างของเขาเหมือนถูกถีบลงไปสู่ก้นเหว
เขาถูกเหยียบจนจมลงไปบนพื้น แผ่นกระจกแวววาวที่ปูอยู่บนพื้นถูกกระแทกแตกกระจายจนยุบลงไปเป็นหลุม ฝุ่นผงกระจายจนคลุ้งขึ้นมา
เขาเค้นพลังมังกรในร่างออกมา คิดจะสะบัดตู๋กูซิงหลันลงไปจากร่าง
แต่ว่าพลังมังกรพึ่งจะเคลื่อนไหว ก็เห็นปลายนิ้วของตู๋กูซิงหลันปรากฏยันต์แผ่นหนึ่ง เพียงพริบตาเดียวก็ผนึกลงไปในร่างของเขา กักขังพลังมังกรในร่างของเขาเอาไว้
ราชามังกร นั้นย่อมแข็งแกร่ง
แต่แข็งแกร่งแล้วจะอย่างไร หากเขาไม่อาจใช้พลังในร่างออกมาได้ก็เท่ากับว่าสูญเปล่า!
ยันต์กักจิตวิญญาณของตู๋กูซิงหลัน สิ้นเปลืองเวลาของนางไปถึงสามวันสามคืน ต่อให้เจ้าเป็นเทพมารปีศาจอันใด เมื่อถูกผนึกยันต์นี้เข้าไปแล้ว พลังทั่วทั้งร่างก็จะถูกกักขังเอาไว้จนหมดสิ้น
หากว่าผู้ถูกกักขังพลังยิ่งแข็งแกร่ง ระยะเวลาในการกักขังก็จะยิ่งสั้นลงไปเรื่อยๆ
ก่อนหน้านี้นางมีพลังไม่เพียงพอ ไม่อาจวาดยันต์เช่นนี้ออกมาได้ แต่ว่าตอนนี้……นางมิใช่ตู๋กูซิงหลันเมื่อสองปีก่อนแล้ว
ถึงแม้ว่าพื้นฐานนิสัยของนางจะกล้าจนบ้าบิ่น แต่ก็มิใช่คนที่ไร้สมอง
มิว่าจะลงมือทำสิ่งใด นางล้วนต้องชั่งน้ำหนักของตนเองและตระเตรียมการเอาไว้ก่อนอยู่เสมอ คิดจะบุกวังมังกรมาช่วยคน ไหนเลยจะไม่มีการตระเตรียมใดๆได้กัน
พอยันต์แผ่นหนึ่งผนึกลงไป แม้แต่ลู่กว่างเองก็ต้องตื่นตะลึงไปแล้ว
ตอนที่หอกสามง่ามถูกดูดพลังออกไป และหักจนกลายเป็นเศษเหล็กไร้ค่านั้น เขาก็ยังไม่แตกตื่นเท่านี้
ตอนนี้พอถูกสกัดกั้นพลังในร่างทั้งหมด เขาถึงได้ร้อนรนขึ้นมาจริงๆ
ทันใดนั้น ตู๋กูซิงหลันก็ยกเท้าขึ้นมา เตะเขาจนกลิ้งไปกับพื้น
คนที่เป็นถึงราชามังกร ถูกนางเตะลงไปกองอยู่ในหลุมบนพื้น ครึ่งค่อนวันก็ยังปีนขึ้นมาไม่ได้
เมื่อเห็นว่าเหตุการณ์กลายเป็นเช่นนี้ หลิ่วฮุ่ยก็ยิ่งไม่กล้าเข้าไปช่วยเหลืออะไรทั้งนั้น…..
ตอนนั้นเพื่อให้ลู่เวยสามารถกำเนิดเป็นร่างมังกรทอง……นางได้สละพลังทั้งหมดในร่างออกไปเป็นการแลกเปลี่ยน ถึงแม้ว่าจะเป็นเผ่ามังกร แต่ก็เป็นตัวไร้ประโยชน์ที่ไม่มีพลังใดๆทั้งสิ้น
หลังจากนั้นนางก็ซื้อตัวหมอตำแย ให้แสดงละคร ‘คลอดยาก’ฉากใหญ่ขึ้นมา ทำให้ลู่กว่างเข้าใจว่าเพราะนางให้กำเนิดมังกรทอง จึงได้สูญสิ้นพลังทั้งหมดในร่างไป
ดังนั้นตอนหลังเขาไม่เพียงไม่รังเกียจนาง แต่กลับยังรู้สึกติดค้างจนอยากจะชดเชยให้กับนางอยู่เสมอ
ตลอดหลายปีมานี้ทะเลตะวันตกก็สงบสุขมาโดยตลอด เวยเอ๋อร์ก็เอาถ่าน จึงไม่มีเรื่องใดให้นางต้องใช้พลังวรยุทธ์เลยด้วยซ้ำ
นางไม่เคยคิดเลยว่า สักวันหนึ่งจะมีเผ่ามนุษย์บุกเข้าประตูมาและลู่กว่างก็ยังถูกทำร้ายถึงเพียงนี้
ขณะที่กำลังร้อนรนไปหมดแล้วนั้น หลิ่วฮุ่ยก็ใช้บัญชาราชามังกรเพื่อเรียกกองทัพของทะเลตะวันตกออกมา
ทั้งหมดล้วนเป็นตัวประหลาดในท้องทะเลที่สำเร็จเป็นภูติหรือปีศาจ จึงแข็งแกร่งกว่าพวกทหารกุ้งปูปลามากมายนัก
คราวนี้ หัวใจของหลิ่วฮุ่ยค่อยรู้สึกว่ามีแต้มต่ออยู่บ้าง
แต่ว่านางยังไม่ทันจะได้หายใจให้คล่องคอ ก็เห็นว่าบนแผ่นหลังที่กว้างของราชาสุนัขป่าตัวใหญ่ มีเจ้าไก่สีดำตัวหนึ่งใช้สองปีกเท้าสะเอวอยู่ มันอ้าปากพ่นไฟสีทองออกมา เผาผลาญเหล่าปีศาจในท้องทะเลเหล่านั้นจนวอดตายไปทั้งแถวในชั่วพริบตา
ครู่ต่อมาก็สามารถได้กลิ่นหอมที่เข้มข้นลอยออกมา
เจ้าไก่ดำขนฟูทำตาเป็นประกาย ใช้ปีกตบลงไปบนศีรษะของราชสุนัขป่า “กะกะต๊าก!
อาหวังเพื่อนยาก เย็นนี้มากินอาหารทะเลมื้อใหญ่ด้วยกันเถอะ อาเฮียจะเลี้ยงเจ้าเอง!”
ราชาสุนัขป่า “อาวบรู๊~” ได้เลย ไม่มีปัญหา ขอบคุณนะเฮียไก่!
วิญญาณทมิฬเหลือบมองดูพวกมันแวบหนึ่ง เจ้าสองตัวนี้พอใช้เวลาด้วยกันมากเข้า ก็สนิทสนมกลมเกลียวกันจนต้องเรียกว่าไร้เส้นแบ่ง
อืม …….มันก็อยากจะกินอาหารทะเลอยู่เหมือนกัน!
เพลิงสีทองของติ๊งต๊อง แม้แต่ชือหลีก็ยังต้องกริ่งเกรงอยู่บ้าง เจ้าปีศาจในท้องทะเลเหล่านั้นต่อให้เก่งกาจเพียงไรก็ยังไม่เหนือกว่าชือหลีไปได้
พอถูกเผาผลาญกันไปแถบหนึ่ง พวกที่เหลืออยู่ก็มีบางส่วนที่ไม่คิดจะขายชีวิตให้อีกต่อไปแล้ว ต่างก็ชักขาถอยหลังกลับไป
โดยเฉพาะหมึกยักษ์แปดขานับว่าหนีได้ไวที่สุด!
แน่นอนว่ายังมีบางพวกที่จงรักภักดีถึงขนาดยอมตายถวายชีวิตอยู่บ้าง แต่ก็ถูกวิญญาณคนตายกลุ้มรุมเข้าไป ฉีกกระชากฆ่าฟันอย่างไร้ปราณี
ฮ่องเต้หญิงผู้นั้นได้ให้สัญญาเอาไว้แล้ว หากว่าพวกมันทำงานสำเร็จ จะช่วยทำการชำระวิญญาณให้กับพวกมัน ให้พวกมันได้มีโอกาสไปเวียนว่ายตายเกิดอีกครั้ง
ยากนักที่จะได้เจอเทพเซียนผู้ยิ่งใหญ่เช่นนี้สักครั้ง พวกมันย่อมต้องเชื่อฟังอย่างว่าง่ายอยู่แล้ว
ครั้งนี้……หลิ่วฮุ่ยต้องตะลึงงันไปแล้ว แม้แต่ส่งเสียงก็ยังไม่กล้าเอ่ยออกมาสักแอะหนึ่ง ได้แต่หุบปากเงียบเอาไว้
นางเริ่มจะหวาดกลัวขึ้นมาจริงๆแล้ว
ลู่เวยเองก็ใจสั่นขึ้นมาเช่นกัน……
ปีศาจในท้องทะเลของวังมังกร ไม่ว่าตัวไหนๆต่างก็สามารถล่มเรือใหญ่ลงได้อย่างง่ายดาย แต่ว่าตอนนี้พวกมันกลับถูกไก่ตัวหนึ่งเผาวอดวายไปอย่างง่ายๆ?
ตู๋กูซิงหลัน …… สตรีผู้นี้เป็นใครกันแน่? ขนาดแค่ไก่ที่อยู่ข้างกายตัวหนึ่งก็ยังเก่งกาจจนประหลาดล้ำถึงเพียงนี้?
……………………..
อีกด้านหนึ่ง
ตู๋กูซิงหลันปักดาบยักษ์ลงไปบนพื้นข้างกายของตนเอง สิ่งที่อยู่ด้านหลังล้วนปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกติ๊งต๊องจัดการ
ตอนนี้นางสนใจแต่จะแก้แค้นให้กับชือหลีเท่านั้น
คราวนี้ นางกุมดาบกระดูกมังกรขึ้นมา แทงดาบลงไป กรีดลึกลงไปตามแนวกระดูกสันหลังของลู่กว่าง
ริมฝีปากสีแดงฉ่ำของนางยกขึ้น น้ำเสียงก็เย็นชาลึกล้ำ “ติดหนี้คืนเงิน ติดค้างกระดูกก็คืนกระดูก”
ตอนที่ 411 มันกำลังเคลื่อนไหว!
ดาบนั้นแทงลึกลงไปยังแนวกระดูกสันหลังอย่างแม่นยำ ทำเอาลู่กว่างเจ็บปวดจนหลั่งเหงื่อท่วมใบหน้า
จากนั้นก็ค่อยๆแทรกใบมีดลงไปอย่างช้าๆทีละนิ้วทีละนิ้ว
เขาสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนเลยว่าผิวหนังของตนเองถูกกรีดออก เส้นเอ็นและกล้ามเนื้อรอบกระดูกสันหลังถูกเลาะออกมา
ลู่เวยมองดูอย่างตกตะลึง สตรีผู้นี้จงใจใช่หรือไม่?
จงใจใช้อาวุธของนางไปทำร้ายเสด็จพ่อใช่ไหม?
“เจ้ามันหญิงชั่วใจอำมหิต รู้หรือไม่ว่าทำร้ายราชามังกรมีโทษหนักสถานใด? เผ่ามังกรทั้งสี่ทะเลจะไม่มีผู้ใดยอมปล่อยเจ้าไป!” ลู่เวยฝืนประคองลมหายใจร้องตะโกนออกมา
ที่นางกังวลไปยิ่งกว่านั้นก็คือจะไม่อาจเอาดาบกระดูกมังกรของนางคืนมาได้…..
หากไม่มีดาบกระดูกมังกร พลังของนางก็จะลดทอนลงไป
ตลอดหลายปีมานี้ที่นางสามารถกลายเป็นผู้เยาว์ที่โดดเด่นของเผ่ามังกรได้นั้น ดาบกระดูกมังกรมีความสำคัญไม่น้อยเลยทีเดียว
ตอนนี้หากดาบกระดูกมังกรถูกใช้เลาะกระดูกของเสด็จพ่อ แล้วต่อไปนางจะใช้มันได้อย่างไรกัน?
ถึงแม้ว่านางจะเป็นมังกรทอง…..แต่คล้ายกับว่านางจะแตกต่างจากมังกรทองตัวอื่นๆ
พอฝึกฝนไปจนถึงระดับหนึ่งก็ยากที่จะทะลวงขึ้นไปได้อีก ตั้งแต่เล็กเสด็จแม่ก็ต้องเสาะหาเม็ดยาจำนวนมากมายส่งเสริมการฝึกฝนของนาง ถึงได้ทำให้นางหลบเลี่ยงความบกพร่องที่ไม่เหมาะสมกับฐานะของมังกรทองไปได้
เพื่อจะได้เพิ่มพูนพลังในการฝึกฝน หลายปีมานี้นางจึงกินคนไปไม่น้อย….
ดงนั้นในสายตาของคนภายนอก นางจึงยังคงเป็นมังกรทองอยู่
“แม่นาง ข้าเองก็ขอเตือนเจ้าสักคำ เป็นคนสมควรมีความเมตตาปราณีอยู่บ้าง เจ้าใช้ดาบของเวยเอ๋อร์ไปทำร้ายเสด็จพ่อของนาง นี่มันเป็นจิตใจที่ชั่วช้าเพียงไร?” หลิ่วฮุ่ยรู้ถึงความหมายในวาจาของลู่เวย จึงรีบเอ่ยขึ้นมา
“ดาบนี้มีที่มาอย่างไร ในใจของพวกเจ้ามิใช่รู้ดีอยู่แล้วหรือ?” ตู๋กูซิงหลันกวาดสายตาเย็นชาไปยังสองแม่ลูก ทั้งเย็นยะเยือกทั้งเด็ดขาด
หัวใจของสองแม่ลูกพลันกระตุกขึ้นมา จนใจสั่นสะท้าน แต่ว่าบนใบหน้ายังคงไม่ยอมแสดงสิ่งใดออกมาทั้งสิ้น
ชือหลีเองก็เห็นดาบในมือของนางแล้ว……นั่นคือกระดูกของตนเอง นางย่อมต้องคุ้ยเคยยิ่งกว่าผู้ใด
นางไม่เคยคิดเลยว่า ……กระดูกของนางจะถูกนำไปหลอมเป็นดาบ!
ตอนนั้นที่ลู่กว่างลงมือเลาะกระดูกของนางด้วยตนเองก็เพื่อที่จะเอาไปทำศาสตราวุธให้กับลู่เว่ย?
ชั่วขณะนั้น เยื่อใยความผูกพันในสายเลือดที่ยังหลงเหลืออยู่เล็กน้อยของชือหลีก็เหือดแห้งไปในทันที
จะต้องมีจิตใจที่ชั่วช้าถึงเพียงไรถึงจะสามารถเลาะกระดูกของบุตรสาวคนหนึ่งไปทำเป็นอาวุธให้กับบุตรสาวอีกคนโดยไม่เปลี่ยนสีหน้าได้กัน?
ที่นางต้องการย่อมมิใช่แค่ให้ลู่กว่างอยู่มิสู้ตายอีกต่อไปแล้ว!
“ไอ้สารเลว!” นางกำหมัดขึ้นมา นัยตาสีแดงมีแต่ความเคียดแค้นสุดหยั่ง!
หากมิใช่เพราะว่าบนทรวงอกยังคงมีตะปูตรึงมังกรที่ยังมิได้ถอนออกไป ตอนนี้นางจะต้องพุ่งเข้าไปถอดกระดูก เลาะเส้นเอ็น ดื่มเลือดของเขาด้วยตนเองเป็นแน่!
“อาหลัน! เจ้ารีบสังหารไอ้แก่สารเลวนั้นเสีย!” ชือหลีปราศจากความลังเลแม้แต่น้อย
ตู๋กูซิงหลัน “เข้าใจแล้ว”
แค่ประโยคเดียวของชือหลี ก็ทำให้ลู่กว่างระเบิดโทสะออกมาในทันที
เขาพยายามทุ่มเทพลังทั้งหมดเพื่อทะลวงออกจากขอบเขตยันต์กักจิตวิญญาณของตู๋กูซิงหลัน แต่ว่ายิ่งดิ้นรนร่างกายก็ยิ่งสิ้นไร้เรี่ยวแรง
เขานอนแผ่ลงไป ส่งเสียงคำรามออกมา เสื้อผ้าบนร่างล้วนขาดวิ่น บนร่างค่อยๆเปลี่ยนเป็นเกล็ดสีน้ำตาลอย่างรวดเร็ว
จากนั้นด้วยความเร็วที่ดวงตาสังเกตเห็นได้เขาก็กลายเป็นมังกรยักษ์ที่ยาวถึงห้าจั้ง
ถึงพลังกำลังภายในร่างถูกผนึกเอาไว้ แต่อย่างไรเขาก็เป็นถึงราชามังกร ย่อมสามารถเปลี่ยนร่างกลับเป็นมังกรได้อยู่
พอเห็นว่าลู่กว่างยังสามารถจะกลายเป็นร่างจริงได้ หลิ่วฮุ่ยกับลู่เวยก็ผ่อนลมหายใจออกมา
ยามที่มังกรอยู่ในร่างจริง จึงจะแข็งแกร่งอย่างที่สุด
ร่างแท้ของราชามังกรย่อมมิอาจมองข้าม ต่อให้ใช้เพียงกำลังจากเนื้อหนังก็ยังสามารถมอบความตายให้กับฮ่องเต้หญิงเผ่ามนุษย์ได้อยู่!
ร่างสีน้ำตาลของมังกรยักษ์เหยียดขยายออกไปจนเต็มลานกว้างของตำหนักกลาง เขายกเศียรขนาดใหญ่ขึ้นสูง เกล็ดทั่วร่างเหมือนดั่งแผ่นหิน พอมองเห็นตู๋กูซิงหลันที่อยู่ตรงหน้าก็กางกรงเล็บตะปบลงไป
ตู๋กูซิงหลันเองก็ไม่ได้ใช้ดาบใหญ่
นางเหาะถอยหลังออกไปอย่างพลิ้วไหวก็หลบพ้นการตะครุบของมังกรยักษ์ไปได้
ร่างของมังกรยักษ์ใหญ่โตมาก แต่การเคลื่อนไหวก็ยังคล่องแคล่วว่องไว ถึงเขาจะไม่อาจใช้พลังเวทย์ เช่นนั้นก็ยังสามารถใช้ร่างเนื้อทั้งร่างเข้ากดทับ
ตู๋กูเจวี๋ยคว้ามือของชือหลีเอาไว้แน่นอยู่ตลอดเวลา ดวงตาของเขาเป็นประกาย “น้องเล็กของข้าแข็งแกร่งไร้ต้าน ไอ้ปลาดุกเฒ่านั้นไม่มีทางสู้นางได้แน่นอน ไม่ต้องกลัวไป”
ชือหลี “ข้าก็ไม่เคยคิดว่านางจะพ่ายแพ้”
……………
ดาบกระดูกมังกรในมือของตู๋กูซิงหลันยังคงมีเลือดหยาดหยด นางขมวดคิ้วเบาๆ ขณะที่มังกรยักษ์ใช้กรงเล็บตะปบลงมาอีกครั้ง นางก็ยื่นมือออกไปคว้ากรงเล็กของมังกรยักษ์เอาไว้ไต่ขึ้นไปตามแผ่นเกล็ดหนาๆของเขา เพียงสองสามครั้งก็ปีนขึ้นไปจนถึงลำคอของมังกร
ที่ด้านหลังลำคอ มีรอยแผลลึกจากดาบอยู่รอยหนึ่ง เป็นบาดแผลที่เมื่อครู่ตู๋กูซิงหลันแทงเอาไว้
ต่อให้แปลงเป็นร่างมังกร รอยแผลจากคมดาบนั้นก็ยังไม่อาจสมานตัวได้
นางสวมชุดแดงตลอดร่าง ยืนตระหง่านอยู่บนหลังคอของมังกรยักษ์ แสงแวววาวจากไข่มุกราตรีทั่วทั้งตำหนักคล้ายจะทอทาบลงไปบนร่างของนาง
มังกรยักษ์ขยับร่างอย่างคลุ้มคลั่ง คิดจะสะบัดนางให้หล่นลงมา
ตู๋กูซิงหลันย่อตัวลงเล็กน้อย คว้าเขามังกรบนเศียรของเขาเอาไว้ คนก็ยืนอยู่ได้อย่างมั่นคง ทั้งยังไม่ยอมเสียเวลา ใช้ดาบแทงซ้ำลงไปบนปากแผลกรีดลึกลงไปในเนื้อ
“โฮ่ว~” มังกรยักษ์ส่งเสียงคำรามกึกก้องออกมา ดาบกระดูกมังกรแทงลึกลงไปบนผิวเนื้อของมันทีละนิ้วๆ
เนื่องเพราะว่าเขาเปลี่ยนร่างกลับเป็นมังกรยักษ์ ความยาวของดาบกระดูกมังกรนี้จึงสั้นเกินไป ไม่อาจกรีดลงไปให้ถึงแนวกระดูกของเขา แต่แค่กรีดผิวหนังออกมาก็สร้างความเจ็บปวดจนเขาต้องม้วนร่างลงไปแล้ว
จนถึงตอนนี้เขาก็ยังคงไม่เข้าใจว่า ทำไมสตรีเผ่ามนุษย์ผู้นี้จึงสามารถใช้ดาบกระดูกมังกรได้อย่างสะดวกสบาย
เพราะขนาดเป็นเวยเอ๋อร์…..ยังต้องใช้เวลาฝึกฝนอยู่เป็นนานจึงจะสามารถยกดาบเล่มนี้ขึ้นมาได้
นางเป็นเพียงแค่เผ่ามนุษย์เท่านั้น……ไยจึงสามารถใช้าตราของเผ่ามังกรได้กัน?
ตู๋กูซิงหลันมิได้รีบร้อน
นางไม่ได้ใช้ดาบยักษ์เฉือนเจ้ามังกรยักษ์ตัวนี้ แต่เลือกใช้ดาบกระดูกมังกร
ใช้กระดูกของชือหลี มาล้างแค้นให้กับชือหลี! นี่คือการแสดงความเคารพนับถือต่อชือหลี
พอดาบกระดูกมังกรไม่อาจแทงลึงลงไปได้มากกว่านี้แล้ว ตู๋กูซิงหลันก็กระชับข้อมือลากยาวไปตามแนว กรีดเป็นปากแผลยาวไล่ลงไป
แต่ว่าความยาวของตัวดาบจะมีข้อจำกัด เพียงกรีดเอาเนื้อหนังออกมา ยังคงไม่ลึกถึงข้อกระดูก
ลู่กว่างรู้สึกได้แล้วเช่นกัน เจ็บปวดนั้นก็ส่วนเจ็บปวด แต่ว่าเขาก็ไม่ได้ร้อนรนแล้ว
หากคำนวนตามเวลา คนที่จะมารับตัวเจ้าสาวจากเผ่ามังกรทมิฬกำลังจะมาถึงแล้ว
ถึงอย่างไรเผ่ามังกรทมิฬก็ถือเป็นผู้นำของเผ่ามังกรทั้งสี่ทะเล เมื่อเห็นเขาที่เป็นราชามังกรทะเลตะวันตกถูกรังแก ไหนเลยจะนั่งดูอยู่เฉยๆโดยไม่สนใจได้กัน?
ขอเพียงเขาใช้ร่างจริงต้านทานเอาไว้ ไม่ปล่อยให้นางถอดกระดูกของตนเองออกไป ก็จะสามารถพ้นวิกฤตนี้ไปได้
เขายังคงพลิกร่างม้วนลงไป ไม่ให้นางลงมือได้โดยง่าย
ลู่เวยฝืนลุกขึ้นมานั่ง นางแทบจะใช้กำลังออกไปทั้งหมด ฉวยโอกาสนี้ปล่อยลูกดอกลับใส่ตู๋กูซิงหลัน
ลูกดอกลับเจ็ดแปดดอกพุ่งเข้าใส่หัวใจของตู๋กูซิงหลัน อย่างไม่อาจหลบพ้น
“ระวัง!” ชือหลีร้องเสียงดังออกมา เตะเท้าออกไปใส่**บสินเจ้าสาวตรงหน้า คิดจะใช้มันสกัดกั้นลูกดอกลับของลู่เวยเอาไว้
นางถูกตะปูตรึงมังกรกักพลังเอาไว้จึงไม่มีกำลังมากพอจะสกัดพวกมันได้ทัน
ลูกดอกลับเหล่านั้นยังคงพุ่งเข้าใส่ตู๋กูซิงหลัน
ขณะที่เห็นอยู่ว่ากำลังจะเข้าสู่หัวใจของนางอยู่แล้ว
ตู๋กูซิงหลันก็ยื่นมือเปล่าออกมาข้างหนึ่ง คว้าลูกดอกลับทั้งหมดรวบเอาไว้ในฝ่ามือ
ผลักฝ่ามือส่งกลับออกไป ลูกดอกลับทั้งเจ็ดแปดดอกก็พุ่งเข้าไปในร่างของลู่เวย แทบจะทำให้นางทะลุเป็นกระชอน
ขณะที่ตู๋กูซิงหลันคว้าลูกดอกเหล่านั้นขึ้นมาไว้ในมือ ก็สกิดโดนฝ่ามือเป็นปากแผลเล็กๆ หยดโลหิตสองหยดไหลออกมา พอดีหยดลงไปบนดาบกระดูกมังกร
ทันใดนั้นเองก็เห็นดาบกระดูกมังกรเปล่งแสงสว่างจ้าออกมา…..มันกำลังเคลื่อนไหว ราวกับหัวใจที่เต้นอยู่!
ตอนที่ 412 นางมิใช่เผ่ามนุษย์ทั่วๆไป
โลหิตของตู๋กูซิงหลันไหลผ่านคมดาบเข้าสู่ใจกลางของตัวดาบกระดูกมังกร
พอได้รับโลหิตของนาง ดาบเล่มนี้ก็เหมือนจะมีชีวิตขึ้นมา พลังของโลหิตปลุกจิตของดาบกระดูกมังกรให้เปล่งประกายดาบออกไป
เพียงพริบตาเดียวประกายดาบนั้นก็ทะลวงผ่านร่างของลู่กว่างออกไป จิตดาบทะลุลงไปถึงพื้นดิน
เกิดเป็นฝุ่นธุลีระเบิดขึ้นไปถึงท้องฟ้า
“โฮ่ว~” ลู่กว่างส่งเสียงโหยหวนดังกึกก้อง ปากมังกรกระอักเลือดออกมาคำโต
เขาปิดร่างเป็นเกลียว คิดจะดิ้นรน
ลู่เวยที่ถูกลูกดอกซัดเข้าใส่ก็ตื่นตะลึงแล้ว หลายปีมานี้มิว่าทำอย่างไรนางก็ไม่อาจปลุกจิตของดาบกระดูกมังกรขึ้นมาได้…..แต่เผ่ามนุษย์ผู้นี้ใช้เพียงแค่โลหิตไม่กี่หยดก็สามารถปลุกมันได้แล้ว?
ศัสตราวุธประเภทดาบและกระบี่นี้ ถือเอาจิตดาบและจิตกระบี่เป็นสิ่งที่แข็งแกร่งที่สุด ขอเพียงปลุกจิตของดาบขึ้นมาได้ เช่นนั้นก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นไปอีกเรื่อยๆ
เพียงแต่ว่าเดิมดาบกระดูกมังกรเองก็แข็งแกร่งมากอยู่แล้ว ต่อให้ไม่อาจปลุกจิตของดาบ ก็เพียงพอจะให้นางกำราบเผ่ามังกรทั้งหมดเอาไว้ในมือ
เดิมทีนางคิดว่า ชั่วชีวิตนี้คงจะไม่อาจปลุกจิตของดาบได้แล้ว
แต่ว่าตอนนี้…….
ลู่เวยอ้าปากที่มีแต่เลือดขึ้นมา นางไม่กล้าจะเชื่อสายตาของตนเอง
หลิ่วฮุ่ยเองก็ตาค้างไปแล้ว พอเงยหน้ามองไปก็เห็นว่าตู๋กูซิงหลันมิได้เปิดโอกาสให้กับลู่กว่างได้ดิ้นรนเลยแม้แต่น้อย
สีหน้าของนางเย็นยะเยือก สองมือกุมดาบเอาไว้ กรีดยาวลงไปตามปากแผลของลู่กว่างอีกครั้ง จิตดาบวาดคมออกมาตัดเหล็กเสมือนเฉือนโคลน!
คราวนี้ต่อให้ลู่กว่างมีเกล็ดเป็นแผ่นเหล็กกล้าก็ยังกั้นไม่อยู่อีกต่อไปแล้ว
แผลนี้พอลากยาวลงไป ก็ลึกถึงครึ่งเมตร กรีดจนเนื้อหนังชั้นนอกของมังกรอย่างลู่กว่างปลิ้นออกมา
จนสามารถมองเห็กระดูกที่อยู่ในกล้ามเนื้อได้อย่างชัดเจน กระดูกแต่ละท่อนเรียงต่อกันไปกับเนื้อและเส้นเอ็น
เลือดมังกรไหลทะลักออกมาจากแผล เจิ่งนองไปทั่วทั้งแผ่นพื้นกระจก ทั่วทั้งตำหนักหลังใหญ่มีแต่กลิ่นคาวคละคลุ้งของเลือดเต็มไปหมด
เขาส่งเสียงร้องอย่างโหยหวน แต่ภรรยาและลูกของเขากลับเอาแต่มองดูอยู่อย่างนั้น
หลิ่วฮุ่ยถึงกับเกิดความคิดจะหลบหนีขึ้นมาแล้ว
เมื่อมองดูสถานการณ์ในตอนนี้…..ชัดเจนเลยว่าพวกนางไม่อาจต่อกรได้อีกต่อไป
นางติดตามลู่กว่างมานานหลายปี ที่ทุ่มกำลังไปก็มากเกินพอแล้ว…..
ทั้งที่นางยังอ่อนเยาว์ก็ยอมเป็นอนุลับๆของเขา ยอมถูกสายตาดูหมิ่นเหยียดหยามมานานหลายปี ทั้งยังคลอดบุตรสาวที่โดดเด่นเก่งกล้าให้กับเขาขนาดนี้ เขาสมควรต้องซาบซึ้งใจต่อนางแล้ว
นางอยากจะหลบหนี แต่ว่าก็ไม่มีโอกาส
บนหลังมังกร ตู๋กูซิงหลันใช้ดาบเดียวกรีดลงไปจากกระดูกสันหลังข้อแรกไปจนถึงกระดูกปลายหางมังกร
ลู่กว่างเจ็บปวดสุดทนทาน เขาเกลือกกลิ้งร่างกายอันใหญ่โตลงไปบนพื้น เจ็บจนหอบหายใจ
ตู๋กูซิงหลันชักดาบออกมาจากปลายหางมังกร มือของนางโชกชุ่มไปด้วยเลือดของลู่กว่าง ดวงตาดอกท้อเปี่ยมด้วยละอองเลือดที่สาดกระเซ็น
ขณะที่ฝูงชนกำลังจับจ้องมองอยู่นั้น นางก็ยกมือขึ้นมาข้างหนึ่ง เสือกลงไประหว่างเนื้อหนังของลู่กว่าง จับปลายกระดูกท่อนสุดท้ายตรงหางมังกรเอาไว้
พอใช้กำลังกระชากขึ้นมา ก็เห็นเป็นกระดูกมังกรที่มีเนื้อติดถูกกระชากขึ้นมาจากร่างของลู่กว่างทีละนิ้วๆ
ฝีมือนั้น ทั้งรวดเร็วและแม่นยำ คล่องแคล่วอย่างที่สุด!
นางเหมือนกับจอมมารที่สังหารมังกรมาแล้วนับร้อยนับพันตัว เพียงลงมือแค่ครั้งเดียวก็ถอดออกมาได้ทั้งเส้น!
นั่นคือกระดูกมังกร!
แต่กลับถูกนางดึงออกมาเหมือนกับขี้กุ้งบนแผ่นหลัง!
ถอดออกมาทั้งเส้น ไม่เหลือเศษเสี้ยวเอาไว้แม้แต่น้อยนิด!
ที่จริงแล้ว ……การจะถอดกระดูกมังกรออกจากร่างของเผ่ามังกรเป็นเรื่องยากเย็นแสนเข็น
ตอนนั้นลู่กว่างถอดกระดูกมังกรของชือหลี ……เขาต้องสิ้นเปลืองพลังไปอย่างมากมาย ใช้เวลาถึงสามวันเต็มๆถึงจะถอดออกมาได้
แต่ว่าตู๋กูซิงหลันเล่า? ลงมือเพียงครู่เดียว?!
ที่สุดแล้วนางมีพลังมากมายถึงเพียงไหนกันแน่? ผู้คนทั้งหลายต่างก็ไม่มีใครคาดเดาออก
ชือหลีเองก็ตกตะลึงไปเช่นกัน ตู๋กูซิงหลัน ยังแข็งแกร่งกว่าที่นางคาดคิดเอาไว้มากมายนัก
ตามสถานการณ์แล้ว กระดูกมังกรมิว่าเอาไว้ทำเป็นอะไร ……มีแต่เผ่ามังกรเท่านั้นที่จะใช้งานได้
แต่ว่านางไม่เพียงสามารถใช้มันได้ ยังถึงกับ ‘ปลุกจิต’ ของมันขึ้นมาได้ด้วยซ้ำ…..
แล้วนางจะเป็นเผ่ามนุษย์ธรรมดาไปได้อย่างไร?
……..
อีกด้านหนึ่ง ตู๋กูซิงหลันโยนกระดูกมังกรท่อนนั้นทิ้งลงไปบนพื้น
ลู่กว่างที่ถูกถอดกระดูกมังกรออกไปนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นดังตัวหนอนที่ตายไปแล้วตัวหนึ่ง
ผ่านไปอีกครึ่งวันร่างของเขาถึงได้กลับกลายเป็นร่างมนุษย์ได้
ร่างของเขาแดงเถือกไปทั่วตัว นอนคว่ำแผ่อยู่บนพื้น แม้แต่เศษผ้าจะปิดกายสักชิ้นก็ยังไม่มี
บริเวณตั้งแต่ต้นคอตรงกระดูกสันหลังไปจนถึงปลายกระดูกก้นกบ เป็นปากแผลยาวที่มีเลือดไหลอาบ เมื่อไม่มีกระดูกสันหลังแล้ว เขาก็ได้แต่นอนพังพาบอยู่บนพื้น แม้แต่จะพลิกตัวก็ยังทำไม่ได้
เป็นถึงราชามังกร แต่ว่าตอนนี้กลับกลายเป็นสวะที่แม้แต่จะลุกขึ้นยืนก็ยังทำไม่ได้!
ชือหลีมองดูเขา……ตอนนั้นเมื่อนางและน้องสาวถูกถอดกระดูกมังกรไปแล้ว ก็ถูกขับไล่ออกไปจากทะเลตะวันตกในคืนนั้นเลย
ในคืนที่ฝนฟ้ากระหน่ำพายุลงมา นางเกือบจะตายอยู่ในลำรางระบายน้ำแล้ว
หลังจากนั้นตลอดเกือบร้อยปี นางก็ไม่เคยยืนขึ้นได้อีกเลย จนกระทั่งร่างเนื้องอกกระดูกใหม่ขึ้นมาอีกครั้ง
แต่ว่ามันก็ไม่ใช่กระดูกมังกรอีกแล้ว ……อย่างมากก็เป็นเพียงแค่กระดูกงูเท่านั้น
พอเห็นท่าทางของลู่กว่าง นางจึงมิได้รู้สึกสงสารเลยสักนิด…..หากเทียบกับสิ่งที่นางได้รับไปในตอนนั้นแล้ว ลู่กว่างในตอนนี้นับเป็นอะไรได้?
………………….
อีกด้านหนึ่ง ดาบในมือของตู๋กูซิงหลันอาบไปด้วยเลือด พอได้อาบเลือดของมังกรเข้าไปแล้ว ก็กลายเป็นยิ่งคมกริบและแข็งแกร่งขึ้นมากว่าเดิม
ยามที่ถือดาบเล่มนี้เอาไว้ในมือยังรู้สึกได้ถึงเสียงของหัวใจที่กำลังเต้นอยู่
พอนางตวัดมือครั้งหนึ่ง ดาบกระดูกมังกรในมือก็บินออกไป กลับไปอยู่ข้างกายชือหลีในทันที ซ้ำยัง ปักลึกลงไปบนพื้นข้างตัวนาง
ตู๋กูซิงหลันเอ่ยกับนางว่า “ใช้กระดูกของเจ้าเลาะกระดูกของเขาออกมา ในเมื่อใช้เสร็จแล้ว ก็ขอคืนให้กับเจ้า”
นี่คือกระดูกของชือหลี นางย่อมต้องคืนให้กับชือหลีอยู่แล้ว
เพียงแต่ว่านางเองก็ออกจะประหลาดใจอยู่เหมือนกัน โลหิตเพียงแค่สองหยดของตนเองก็สามารถจะ ‘ปลุกจิต’ ของดาบกระดูกมังกรขึ้นมาได้แล้วหรือ……..
พอคิดไปถึงว่าตอนนั้นหลังมือของพี่รองอยู่ๆก็มีเกล็ดปรากฏขึ้นมา ในใจของตู๋กูซิงหลันก็เกิดความคาดเดาบางประการ
ตัวดาบกำลังสั่นน้อยๆ ส่งเสียงเวิงๆออกมาเบาๆ
มือของชือหลีสั่นสะท้าน นางลังเลอยู่เป็นนานถึงได้ดึงมันขึ้นมา
ทันทีที่มือสัมผัสลงไป ก็รู้สึกได้ถึงกระแสอุ่นร้อนสายหนึ่งกำลังพุ่งเข้าไปในร่างกาย
นั่นคือ…….สิ่งที่สมควรเป็นของนางแต่แรก ได้กลับคืนมาแล้ว
ลู่เวยเห็นแล้วก็ร้อนรนขึ้นมา นางไม่สนใจรอยบาดแผลที่อยู่บนร่างอีกต่อไป “ชือหลี เจ้าเป็นบ้าไปแล้วหรือ? คิดจะดูดกลืนดาบกระดูกมังกรของข้าหรือยังไง? เจ้ามันก็เป็นเพียงแค่สวะที่ไร้ค่า เจ้ามันไม่คู่ควร!”
“เดิมทีมันก็เป็นกระดูกของข้าอยู่แล้ว หากข้าไม่คู่ควร แล้วเจ้าคู่ควรหรืออย่างไร?” ชือหลีส่งสายตาเย็นชาไปให้นาง
“มารดาที่ร้ายกาจของเจ้าทำผิดอย่างร้ายแรง ถึงได้ทำให้เจ้าต้องถูกถอดกระดูก นับตั้งแต่ที่มันถูกถอดออกมาก็ไม่ใช่ของเจ้าอีกแล้ว!” ลู่เวยยังคงหาเรื่องมาแย้ง ดาบกระดูกมังกรเป็นสิ่งที่มีจิตใจ มันพึ่งจะถูกปลุกขึ้นมา กำลังจะยอมรับเจ้านาย
หากว่ามันยอมรับชือหลีเป็นนาย วันข้างหน้าคิดจะแย่งชิงกับมาก็เป็นเรื่องยากแล้ว
น้ำเสียงของนางแหลมสูง ไม่เหมือนกับยามปกติที่ไพเราะราวไข่มุกบนจานหยกอีกแล้ว
ใบหน้าของนางก็บูดเบี้ยวอย่างที่สุด
ดาบกระดูกมังกรคือชีวิตของนาง! เรื่องอะไรจะยอมเสียไป?
“ข้าคือองค์หญิงทะเลตะวันตก เกิดมาก็เป็นมังกรทองแต่แรกแล้ว มีแต่ติดตามการนำพาของข้า ทะเลตะวันตกจึงจะสามารถลุกขึ้นมาผงาดใหม่ได้อีกครั้ง!” ลู่เว่ยตะโกนร้องต่อไป “เจ้ามันก็เป็นเพียงแค่เศษสวะ ต่อให้ได้ดาบกระดูกมังกรไปก็สูญเปล่า! อย่าว่าแต่มันเป็นของข้ามาแต่แรกแล้ว! เจ้าเป็นชาวมังกรตะวันตกผู้หนึ่ง แต่ไม่เคยทำคุณประโยชน์อันใดให้กับทะเลตะวันตก แล้วยังจะชักนำจิ้งจอกเข้าบ้านมาเลาะกระดูกเสด็จพ่อ วันนี้สิ่งของของข้าก็ยังแย่งชิง! เจ้าไม่กลัวว่าฟ้าจะผ่าใส่บ้างหรือไง?”
เนื่องเพราะตู๋กูซิงหลันมัวแต่กำลังขบคิดถึงปัญหา ถึงได้กลายเป็นโอกาสให้นางพล่ามวาจาไร้สาระออกมา
ลู่กว่างแม้จะลุกขึ้นมาไม่ได้ แต่ว่าสติยังคงครบถ้วนอยู่
เขากัดฟัน ฝืนความเจ็บปวด พูดออกไปว่า “ชือหลี หากเจ้าคืนมันให้กับเวยเอ๋อร์ แล้วข้าจะยังถือว่าเดรัจฉานอย่างเจ้าเป็นบุตรีอยู่!”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น