ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 407-414
ตอนที่ 407 ฉันตั้งใจ
อู่เจิ้งซือพูดเบาๆ “ก็แค่เพื่อนธรรมดาคนหนึ่งน่ะ เหมยเหมยลูกไม่เคยเจอมาก่อน”
อู่เหมยมุ่ยปาก ทำท่าทางกระเง้ากระงอดนิดหน่อย แถมยังพูดบ่นอีกว่า “ทำไมพ่อถึงได้พาแค่พี่สาวไปพบคุณลุงล่ะ? วันหลังพ่อก็พาหนูไปด้วยสิ!”
เหอปี้อวิ๋นตำหนิอย่างไม่พอใจ “แกทำไมอะไรก็ต้องเปรียบเทียบกับพี่สาวแก? เก็บจานไปล้างซะ นานแค่ไหนแล้วที่แกไม่ได้ทำงานบ้านน่ะ!”
“ล้างจานเป็นหน้าที่ของพี่สาว พ่อกำหนดไว้แล้ว หนูจะไปทำการบ้านแล้ว ตอนบ่ายยังต้องไปห้องเรียนเยาวชนซ้อมเต้นอีก!”
อู่เหมยไม่สนใจเธอ เดินกระโดดโลดเต้นกลับห้องไป รับไม่ได้กับความโง่เขลาเบาปัญญาของเหอปี้อวิ๋นจริงๆ ตัวเองยังจะเอาตัวเองไม่รอดเลย นึกไม่ถึงเลยว่ายังจะกล้าบงการให้เธอทำงานบ้านได้?
ช่างไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอะไรเลยจริงๆ!
เหอปี้อวิ๋นโดนอู่เหมยทำให้โมโหจนสีหน้าเปลี่ยน เดิมคิดจะทำเหมือนแต่ก่อน ที่พูดว่าอู่เหมยต่อหน้าอู่เจิ้งซือหลายๆประโยค แต่เธอก็คิดถึงสถานการณ์ที่ไม่ดีของตัวเองในขณะนี้ และเห็นถึงสีหน้าท่าทางที่เย็นชาของอู่เจิ้งซือ ใจก็อดที่จะเย็นวาบขึ้นมาไม่ได้ ราวกับแผ่นหลังมีลมเย็นพัดผ่าน
อู่เยวี่ยกินข้าวคำสุดท้ายในชามเสร็จ ลุกขึ้นพร้อมพูดยิ้มๆ ว่า “แม่ หนูล้างจานเป็น”
พูดเสร็จเธอก็เริ่มเก็บกวาดจานชามบนโต๊ะ ถึงแม้ว่าท่าทางจะดูเก้งก้างไม่คล่องแคล่ว แต่กลับทำอย่างตั้งใจมาก อู่เจิ้งซือรู้สึกพอใจต่อการกระทำของอู่เยวี่ยเป็นอย่างมาก หมอที่เพื่อนเก่าแนะนำมานั้นมีความสามารถจริงๆ พูดคุยกับแค่แปปเดียวก็ได้ผลลัพธ์ดีขนาดนี้ วันหลังพูดคุยให้มากครั้งหน่อย เยวี่ยเยวี่ยจะต้องกลับมาเป็นเหมือนเมื่อก่อนได้อย่างแน่นอน
อู่เหมยอยู่ที่ช่องประตูเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดในห้องรับแขกอย่างชัดเจน เธอขมวดคิ้วแน่น ไม่มีความสุขเป็นอย่างมากกับการเปลี่ยนแปลงของอู่เยวี่ย แต่ก็ไม่เป็นไร เธอค่อยๆ เหยียบอู่เยวี่ยลงไปอีกครั้งได้
ชาตินี้อู่เยวี่ยอย่าได้คิดมีวันที่จะได้มีหน้ามีตาไปอีกเลยตลอดชีวิต!
ถึงแม้ว่าเหอปี้อวิ๋นจะปวดใจกับลูกสาวสุดที่รัก แต่เธอก็ไม่กล้าให้ความช่วยเหลืออย่างโจ่งแจ้งต่อหน้าอู่เจิ้งซือ ทำได้แค่เพียงกำชับอย่างเป็นห่วงว่า “เยวี่ยเยวี่ยเทน้ำร้อนให้เยอะๆ หน่อย อากาศมันหนาว ระวังมือเปื่อยเพราะความเย็นนะ”
อู่เยวี่ยหัวใจบีบแน่น ในสมองปรากฏภาพมือที่บวมแดงเหมือนหัวไชเท้าก็ไม่ปานของเพื่อนร่วมชั้นเรียน แถมยังปริแตก มีเลือดซิบๆไหลออกมาอีกด้วย มองดูแล้วช่างน่าสะอิดสะเอียน
“รู้แล้วค่ะแม่!”
อู่เยวี่ยตอบรับทันควัน เธอไม่อยากมีมือเหมือนหมูหรอกนะ อีกเดี๋ยวจะต้องเทน้ำร้อนให้เยอะๆ หน่อย หลังล้างจานเสร็จยังต้องทาครีมให้เยอะๆ ด้วย แบบนี้มือของเธอจะได้ไม่กลายเป็นมือที่น่าเกลียดแบบนั้น
อู่เหมยที่อยู่ใกล้กับประตูยิ้มเยาะไม่หยุด แค่อู่เยวี่ยล้างจานยังต้องกำชับเสียเยอะแยะว่าให้เทน้ำร้อนเยอะๆ เมื่อก่อนเธอไม่เคยได้ยินแม่กำชับแบบนี้สักครั้ง มีครั้งไหนบ้างที่ไม่ใช้น้ำเย็นที่เย็นถึงกระดูก?
การปฏิบัติอย่างแตกต่างอีกครั้งของเหอปี้อวิ๋น ทำให้อู่เหมยยิ่งตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะแก้แค้น ดวงตาของเธอกรอกไปรอบๆ มองไปด้านนอกแวบหนึ่ง อู่เจิ้งซือกลับห้องไปแล้ว ก็อดที่จะคิดวางแผนในใจไม่ได้
เธอเปิดประตูรีบเดินออกไปอย่างรวดเร็ว ตรงไปคว้ากาต้มน้ำก่อนที่อู่เยวี่ยจะมาหยิบ แต่ไหนแต่ไรมาเหอปี้อวิ๋นนั้นเป็นคนประหยัดมัธยัสถ์ ในหนึ่งวันกำหนดไว้เพียงแค่ตอนบ่ายที่จะต้มน้ำร้อน เธอมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าตอนนี้น้ำร้อนจะต้องเหลือแค่ครึ่งกาอย่างแน่นอน
เป็นดังที่คาดไว้อู่เหมยยกขึ้นดูน้ำ ร้อนเหลือเพียงหนึ่งส่วนหกของกาน้ำ เธอดึงกาน้ำร้อนมาอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด พลางพูดกับตัวเองว่า “วันนี้เดินเมื่อยมากเลย ฉันจะแช่เท้า”
พูดจบอู่เหมยก็เทน้ำร้อนออกมาจนหมด ตอนนี้อู่เยวี่ยถึงดึงสติกลับมา ตำหนิเสียงต่ำว่า “เธอใช้น้ำร้อนไปหมดแล้ว ฉันจะใช้อะไร?”
“ในท่อน้ำยังมีน้ำอีกตั้งเยอะ พี่ก็ค่อยๆ ล้างนะ!”
อู่เหมยยกกะละมังใส่น้ำขึ้นยิ้มอย่างลำพองใจ สายตาเต็มไปด้วยการยั่วยุ เปิดเผยออกมาอย่างหมดเปลือกว่า : ฉันตั้งใจ เธอมาด่าฉันสิ!
อู่เยวี่ยโมโหปรี๊ดขึ้นมา แต่ก็ต้องกดมันลงไป
ห้ามโมโห อย่าให้พ่อมองว่าเธอไม่รู้จักคิดอีกแล้ว อู่เยวี่ยเตือนสติตัวเองในใจ
…………………………………………..
ตอนที่ 408 เหอปี้อวิ๋นที่คิดเอาเองว่าตัวเองฉลาด
อู่เยวี่ยจ้องอู่เหมยเขม็ง เตรียมจะไปต้มน้ำเพื่อล้างจาน อู่เหมยก็ส่งเสียงอีกครั้งขึ้นมาว่า “พี่คะ ทำไมพี่ยังไม่ล้างจานอีก?”
“แค่ก”
อู่เจิ้งซือที่อยู่ในห้องส่งเสียงไอออกมา อู่เยวี่ยสะดุ้งตกใจ นึกไปแล้วว่าอู่เจิ้งซือไม่พอใจ ไหนเลยจะสนใจต้มน้ำอีก รีบร้อนเติมน้ำเย็นมาล้างจาน น้ำนั้นเย็นจนทิ่มแทงไปถึงกระดูก ทั้งร่างไม่มีตรงไหนที่ไม่หนาวเหน็บ
แต่ใจเธอกลับเหน็บหนาวยิ่งกว่า!
เหอปี้อวิ๋นปวดใจเป็นอย่างยิ่ง เข้ามาช่วยอู่เยวี่ยล้างจานอย่างไม่ต้องคิด ตอนนี้เป็นหน้าหนาวเดือนสิบสอง เยวี่ยเยวี่ยไหนเลยจะล้างด้วยน้ำเย็นไหว ยัยเด็กสมควรตายยิ่งนานวันยิ่งใจดำอำมหิต อาศัยว่ามีอู่เจิ้งซือปกป้อง ถึงได้กล้ารังแกเยวี่ยเยวี่ยอย่างเอาเป็นเอาตาย
เธอจ้องเขม็งอย่างดุเดือด อู่เหมยก็มองเธอกลับมาอย่างสงบ ดวงตาดำขลับดูสงบเหมือนกับน้ำลึก ไม่มีอารมณ์ความรู้สึกเลยแม้แต่นิดเดียว เหอปี้อวิ๋นอดใจสั่นไหวขึ้นมาไม่ได้ ยัยเด็กสมควรตายนี่ยิ่งนานวันก็ยิ่งเหมือนนังสารเลวนั้น!
แน่นอนว่านังสารเลวนั้นจะต้องมีชีวิตที่ไม่ดี ไม่แน่ว่าอาจจะตายไปแล้วก็ได้ ต่อให้ไม่ตายก็เป็นไปได้ว่าจะมีสภาพเหมือนขอทาน ใส่เสื้อผ้าขาดๆ ของหลายปีก่อน ผมก็คงขาวหมดแล้ว เมื่อมองดูแล้วแน่นอนว่าจะต้องดูแก่กว่าเธอ เพราะเธอบำรุงร่างกายรักษาสุขภาพอย่างดีที่สุดทุกวัน
เงินก็คือหน้าของผู้หญิง ต่อให้เหยียนซินหย่าเธอจะสวยธรรมชาติแค่ไหน แต่ไม่มีเงินก็เปลี่ยนเป็นยายแก่ได้เช่นกัน เชอะ หัวเราะทีหลังถึงจะเป็นคนชนะที่แท้จริง
เหอปี้อวิ๋นอดลำพองใจขึ้นมาไม่ได้ เวลานี้เธอหวังว่าเหยียนซินหย่าจะปรากฏตัวออกมา กลับมาเหมือนกับขอทาน แบบนั้นเธอถึงจะมีโอกาสแต่งหน้าแต่งตัวอย่างสวยสง่า แล้วเดินไปเยาะเย้ยตรงหน้านังสารเลวที่ตอนนั้นเคยรังแกเธอ
อู่เหมยมองเหอปี้อวิ๋นที่เหมือนกำลังฝันอยู่อย่างงงงวย ใบหน้าเดี๋ยวโกรธเกลียด เดี๋ยวหัวเราะ เดี๋ยวก็ไม่พอใจ เดี๋ยวก็ลำพองใจ ราวกับคนบ้าก็ไม่ปาน แปลกประหลาดอย่างบอกไม่ถูก
ไม่รู้ว่ามีเล่ห์อุบายอะไรอีก?
อู่เหมยหมดความสนใจในทันที กลับไปที่โต๊ะหนังสือเริ่มทำการบ้าน ตอนบ่ายยังต้องไปซ้อมเต้นอีก เธอควรจะรีบหาเวลาทำการบ้านให้เสร็จ ส่วนอู่เยวี่ยนั้นไม่ต้องรีบร้อนไป
มีเวลาจัดการเธอเหลือเฟือ!
อู่เยวี่ยปฏิเสธเหอปี้อวิ๋น ถึงแม้ว่าในใจจะยินดีเป็นอย่างมาก แต่เธอไม่กล้า ตอนนี้เธอก็เหมือนเหยียบอยู่บนแผ่นน้ำแข็ง ไม่สามารถจู้จี้จับผิดความคิดของอู่เจิ้งซือได้ง่ายๆ เธอลองเช่นนั้นไม่ไหวแล้ว
หลังจากล้างจานเสร็จ มือของอู่เยวี่ยก็แข็งเหมือนกับหัวไชเท้าก็ไม่ปาน แดงๆ บวมๆ แถมยังเจ็บไปหมด ด้านเหอปี้อวิ๋นก็รีบร้อนไปต้มน้ำร้อนจนเสร็จ ยังไม่วายนึกเสียดายถ่านอยู่อีก แต่ก็รีบเผาต้มน้ำอย่างไว!
“เยวี่ยเยวี่ยรีบแช่มือ มือแข็งหมดแล้วมั้ง!”
เหอปี้อวิ๋นเทน้ำร้อนลงอ่าง จับมืออู่เยวี่ยแช่ลงไปอย่างปวดใจ ช่างเป็นความรักที่มาจากหัวใจของคนเป็นแม่จริงๆ
อู่เหมยที่ทนไม่ไหวมาเกาะอยู่หลังประตูดูความวุ่นวายอีกครั้งก็มีความสุขอย่างถึงที่สุด ปิดปากกลั้นหัวเราะไม่มีเสียง เหอปี้อวิ๋นช่างเป็นคนที่คิดว่าตัวเองฉลาดเสียจริงๆ มือเพิ่งจะล้างน้ำเย็นจัดๆ มาไม่สามารถไปแช่น้ำร้อนได้เลยในทันที เดี๋ยวเย็นเดี๋ยวร้อนจะทำให้ระคายเคือง มีความเป็นไปได้สูงมากที่จะกลายเป็นโรคผิวหนังได้อย่างรวดเร็ว
เวลาที่คนทางเหนือจัดการกับบาดแผลที่เกิดจากความเย็น แต่ไหนแต่ไรมาจะไม่ใช้น้ำร้อน แต่ใช้หิมะทาบาดแผลของผู้ป่วยที่เกิดจากความเย็นอย่างต่อเนื่อง ทาเอาไว้จนกว่าหิมะจะละลาย แบบนี้แผลที่เกิดจากความเย็นถึงจะมีการไหลเวียนของเลือด แล้วก็จะมีอาการที่ดีขึ้น
เหอปี้อวิ๋นคงรังเกียจที่มือของอู่เยวี่ยสะอาดเกินไป อยากจะเอาแผลที่โดนความเย็นกัดมาตกแต่งบนมือเธอสักหน่อยล่ะมั้ง!
เหตุผลที่อู่เหมยรู้นั้น เป็นเพราะเมื่อก่อนเธอได้ลิ้มรสความเจ็บปวดมาก่อน แล้วก็ผ่านการล้างด้วยน้ำเย็นหลังจากนั้นก็แช่ด้วยน้ำร้อน ผลลัพธ์ก็คือตกกลางคืนมือก็บวม โชคดีที่ผิวของเธอดีโดยกำเนิดไม่ได้ทายาอะไรก็กลับมาดีเหมือนเดิม แต่อู่เยวี่ยไม่เหมือนกัน ผิวของเธอไม่ได้ดีเท่าตัวเอง หน้าร้อนโดนยุงกัดหนึ่งที ก็เป็นแผลบวมเละไปหมด!
“แม่ มือของหนูทำไมถึงได้คันๆ ล่ะ?” อู่เยวี่ยขมวดคิ้วแน่น อดทนต่ออาการแสบๆ คันๆ บนมือ เหมือนกำลังมีมดกัดยังไงอย่างนั้น
เหอปี้อวิ๋นพูดอย่างร้อนใจว่า “เป็นเพราะน้ำเย็นเกินไปแน่นอน แม่ใส่น้ำร้อนเพิ่มให้ลูกอีกดีกว่า เยวี่ยเยวี่ยอดทนหน่อยนะลูก!”
อู่เหมยจับท้องหัวเราะไม่มีเสียงยกใหญ่ โอ๊ย ไม่กลัวคู่ต่อสู้ที่ชาญฉลาด แต่กลัวเพื่อนร่วมทีมที่โง่!
พรุ่งนี้มือของอู่เยวี่ยไม่กลายเป็นมือหมู เธอจะตัดหัวของเธอไปให้สยงมู่มู่เตะเป็นลูกบอลเลย!
…………………………………………..
ตอนที่ 409 ใกล้จะแสดงแล้ว
ตอนบ่ายพวกสยงมู่มู่และอู่เชาอยู่กันที่ห้องเรียนเยาวชน การแสดงวันปีใหม่ของโรงเรียนไม่ได้อยู่ในวันปีใหม่ แต่จัดล่วงหน้าก่อนสองวัน มีเวลาห่างจากการแสดงอย่างเป็นทางการไม่ถึงหนึ่งอาทิตย์แล้ว
อู่เหมยซ้อมท่าที่เฮ่อเหวินจิ้งจัดซ้อมจนชำนาญเรียบร้อยแล้ว สยงมู่มู่เป็นคนเลือกเพลง เพลงค่อนข้างมีชีวิตชีวา <บัวพ้นน้ำ> เดิมเป็นเพลงกู่เจิง ถูกสยงมู่มู่ปรับเปลี่ยนด้วยตัวเอง เปลี่ยนเป็นทำนองกู่เจิงบรรเลงกับเครื่องดนตรีหลายชนิดแทน
สองคน คนหนึ่งอ้วนคนหนึ่งผอม คนหนึ่งสูงคนหนึ่งเตี้ย อีกคนหน้าตาดีอีกคนขี้เหร่ เป็นคู่ที่เหมาะสมกันดีเลยทีเดียว!
ชุดสำหรับการแสดงก็เป็นสยงมู่มู่จัดการ คุณปู่คุณย่าคุณป้าคุณลุงอะไรก็ไม่รู้ของสยงมู่มู่ ทั้งหมดอยู่ในวงการงานศิลปะการขับร้องแบบพื้นบ้านของจีน สามารถพูดได้ว่าตระกูลสยงนอกจากพ่อสยงคนเดียวที่ไม่ได้อยู่ในวงการนี้ และนั่นก็เป็นเหตุผลที่สยงมู่มู่คิดจะทำชุดเสื้อผ้าสำหรับแสดง สบายกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว
แค่โทรศัพท์ไป ผู้เฒ่าสองคนของตระกูลสยงที่เห็นสยงมู่มู่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจ ก็ลงมือจัดการทุกอย่างให้หลานชายผู้เป็นแก้วตาดวงใจในทันที
ชุดเต้นของอู่เหมยคือสีเขียวอ่อน สยงมู่มู่และอู่เชาต่างก็ใส่ชุดจีนโบราณยุคฮั่นสีขาว เพียงแต่ว่าทั้งสองคนกลับใส่ออกมาได้ผลลัพธ์ต่างกันอย่างสิ้นเชิง คนหนึ่งชุดขาวปลิวตามลม เหมือนเซียนที่ลงมายังโลกมนุษย์ อีกคนกลับอ้วนกลม ๆ น่ารักไร้เดียงสาที่สุด เพียงแค่ความแตกต่างอย่างชัดเจนนี้ต่างก็สามารถทำให้คนหัวเราะจนเจ็บท้องได้!
วันนี้ตอนบ่ายถือว่าเป็นการซ้อมจริง ทั้งสามคนต่างก็ตื่นเต้น ถึงอย่างไรก็ลำบากลำบนมาตั้งหนึ่งเดือน แน่นอนว่าจะต้องหวังให้มีผลที่ดีให้เห็นตรงหน้า เพลงแรกจบลง อู่เหมยหายใจแรงเล็กน้อย บนหัวมีเหงื่อซึมออกมา การเต้นยังคงเป็นงานที่หนักมากจริง ๆ เธอเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว
“ดูดีเลย แต่ว่ามีบางที่ทียังไม่ค่อยสมบูรณ์ พวกเธอต้องฝึกฝนต่ออีก”
เฮ่อเหวินจิ้งพอใจเป็นอย่างมาก ชี้ในจุดที่พวกเขายังบกพร่อง ทั้งสามคนต่างก็ฟังอย่างตั้งใจ และจำเอาไว้ให้ขึ้นใจ
“อาจารย์เฮ่อ ถึงเวลานั้น โรงเรียนของพวกเราแสดงอาจารย์จะต้องมาดูนะครับ!” อู่เชาพูดอย่างมีความสุข
เดิมทีเขายังมีอคติกับเฮ่อเหวินจิ้งอยู่บ้าง แต่ตอนนี้เฮ้อเหวินจิ้งกับจี้เจี้ยนโปก็ตัดขาดความสัมพันธ์ไม่ได้ไปมาหาสู่กันแล้ว แน่นอนว่าเขาก็ไม่ได้ใจแคบสนใจเรื่องหยุมหยิมอีก อันที่จริงเขาค่อนข้างที่จะเข้าใจจี้เจี้ยนโป ถ้าเปลี่ยนให้เขาเป็นฝ่ายชาย เขาก็ชอบเฮ่อเหวินจิ้ง!
เพียงแต่ว่าอู่เจิ้งหงถึงอย่างไรก็เป็นป้าแท้ ๆ ของเขา ก็ควรที่จะมีจุดยืนหรือตำแหน่ง!
เฮ่อเหวินจิ้งสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย พูดยิ้ม ๆ ว่า “วันนั้นฉันคงไม่ไป แต่ว่าฉันจะไปดูงานแสดงปีใหม่ของโรงเรียนที่สถานที่จัดแสดงนะ ฉันรอพวกเธออยู่ที่ตรงนั้นนะ!”
“จะต้องไปนะครับ ผมดูงานกลางคืนในเทศกาลตรุษจีนแล้วมีความเป็นไปได้ที่การแสดงของพวกเราสวยงามกว่าพวกเต้นรำที่ไม่มีการพลิกแพลงพวกนั้นเยอะเลยล่ะครับ” สยงมู่มู่มีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม ทำให้ได้รับการกรอกตามองบนจากอู่เหมยและอู่เชาไป
ทั้งวันรู้จักเอาแต่ฝันกลางวัน คิดว่างานกลางคืนในเทศกาลตรุษจีนเป็นของบ้านเขาจัดขึ้นมาหรือยังไง?
ทั้งสามคนเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ก็ไปบอกลาเฮ่อเหวินจิ้ง ตอนที่ออกจากห้องเรียนเยาวชน อู่เหมยก็ตีอู่เชาอย่างแรง ด่าว่า “นายเป็นคนโง่เหรอ? ยังจะเชิญอาจารย์เฮ่อไปดูการแสดงที่โรงเรียนของพวกเราอีก จี้เหวินฮุ่ยเป็นบ้าขึ้นมาจะทำยังไง!”
อู่เชาเจ็บจนหน้าตาบิดเบี้ยว จ้องเขม็งไปที่อู่เหมย “ไม่ใช่ว่าจบกันไปแล้วหรอ พวกผู้หญิงเนี่ยชอบคิดมาก!”
อู่เหมยแกว่งกำปั้นเล็ก ๆ ไปทางเขา อู่เชาปิดปากอย่างโมโห ไม่กล้าส่งเสียงอีก
เพราะอีกเดี๋ยวอู่เหมยจะเลี้ยงซาลาเปาไข่ปูให้กับพวกเขา เขาไม่คิดจะล่วงเกินเทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ยตัวน้อยหรอกนะ ให้พูดอีกผู้ชายที่เป็นสุภาพบุรุษน่ะไม่ตีกับผู้หญิงหรอก มันคุ้มไหมที่เขาจะต้องโต้เถียงกับยัยเด็กซื่อบื้อนี่!
อู่เหมยห่อซาลาเปาไข่ปูกลับบ้าน เพื่อนำไปให้อู่เจิ้งซือ ด้วยช่วงนี้อู่เจิ้งซือให้ค่าขนมเธออย่างใจกว้าง เธอก็ถือว่าหมูไปไก่มาก็แล้วกัน!
อู่เจิ้งซือพอใจกับความกตัญญูรู้คุณของเธอเป็นอย่างมาก กินซาลาเปาไข่ปูร้อน ๆ ไปสองลูก อารมณ์ดีเป็นที่สุด ถือโอกาสลูบคลำไปบนตัว ก็คลำเจอเงินหนึ่งหยวนยับ ๆ หนึ่งใบ ส่งให้กับอู่เหมย
“วันหลังอย่าเอาแต่ใช้เงินของแม่บุญธรรม จะทำให้คนเขาหัวเราะเยาะเอาได้!”
“เย้ คุณพ่อดีที่สุดเลย!” อู่เหมยรับเงินอย่างว่องไว คำพูดดี ๆ ว่าไม่เอาเงินโดนซัดออกไปไกล อู่เจิ้งซือยิ่งยิ้มแย้มไปทั้งหน้า
…………………………………………..
ตอนที่ 410 มือหมู
มือของอู่เยวี่ยเป็นไปตามที่อู่เหมยคาดคะเนเอาไว้จริง ๆ วันต่อมาก็เริ่มมีปฏิกิริยา บวมแดงแสนสาหัส แถมยังมีบาดแผลปริอยู่หลายที่ อู่เยวี่ยทนคันอย่างอดไม่ไหวไปเกาอยู่บ่อยครั้ง พอเกาก็ผิวแตก เลือดก็ไหลซิบออกมา จากมือหมูก็กลายเป็นสเต็กขาวัวกึ่งดิบกึ่งสุก
“แม่ ทำไมมือหนูถึงได้กลายเป็นแบบนี้?”
อู่เยวี่ยมองมือตัวเองที่กลายเป็นขาวัวอย่างหวาดกลัว มือที่บวมเป่งทำให้จุดด้อยบนนิ้วของเธอยิ่งปรากฏออกมาชัดเจน ทั้งหนาทั้งใหญ่ โดยเฉพาะข้อต่อนิ้วส่วนนั้น มองแล้วเหมือนมือของผู้ชายยังไงอย่างนั้น ไม่เหลือความขาวนวลและสวยงามเลยสักนิด
“เธอไม่อยากได้มือแบบนี้นะ!”
มือก็เหมือนเป็นใบหน้าที่สองของผู้หญิง เธอจะพาใบหน้าที่สองที่น่าเกลียดขนาดนี้ออกจากบ้านได้ยังไงกัน?
เหอปี้อวิ๋นแค่มองก็รู้เลยว่าเป็นบาดแผลที่เกิดจากการล้างจานด้วยน้ำเย็นเมื่อวาน เธอคาดไม่ถึงเลยว่าล้างแค่เพียงครั้งเดียวก็จะทำให้เป็นแบบนี้ ยิ่งคาดไม่ถึงว่าลูกสาวสุดที่รักจะมีมือเป็นขาวัวแบบนี้ มันเป็นผลงานของเธอเอง
“คุณอู่ คุณดูมือของอู่เยวี่ยสิ วันหลังอย่าให้เยวี่ยเยวี่ยล้างจานอีกเลยนะ คุณมองแล้วไม่ปวดใจบ้างเลยเหรอ?” เหอปี้อวิ๋นรู้สึกแค้นใจอู่เจิ้งซือ กดความโมโหลงไปพูดเกลี้ยกล่อมอู่เจิ้งซือ เพื่อให้อู่เยวี่ยไม่ต้องรับผิดชอบงานล้างจาน
อู่เจิ้งซือก็ปวดใจกับลูกสาวคนโตไม่น้อย สีหน้าผ่อนคลายลง เพียงแต่ว่า…
อู่เหมยกินโจ๊กหนึ่งชามเสร็จ พูดอย่างไม่เห็นชอบว่า “แม่ช่างเป็นกระต่ายตื่นตูมซะจริง ๆ บาดแผลแค่เล็กน้อยเองไม่ใช่หรือไง มีอะไรร้ายแรงตรงไหน คุณตาเหยียนพูดว่า ผู้ที่เผชิญกับความยากลำบากทนความยากลำบากได้ สุดท้ายถึงจะเป็นคนเหนือคน พี่สาวเจอความยากลำบากนิดหน่อยแค่นี้ยังทนไม่ได้ หรือว่าวันหลังคิดอยากจะเป็นคนใต้คนกัน?”
อู่เจิ้งซือตกใจ ข้างหูมีเสียงของคุณตากับคำพูดที่มีความหมายลึกซึ้งดังขึ้นมา จิตใจที่ผ่อนคลายก็บีบแน่นอีกครั้ง ถามว่า “คุณตาเหยียนพูดเรื่องพวกนี้กับลูกตอนไหนกัน?”
“คุณตาเหยียนพูดกับพี่หมิงซุ่น พี่หมิงซุ่นก็มาพูดกับหนู บอกให้ตอนนี้หนูควรลำบากให้มากหน่อย วันหลังก็จะเป็นคนเหนือคนได้” อู่เหมยยิ้มแป้นพูด
เหอปี้อวิ๋นอดไม่ไหวด่าออกมา “แกลำบากอะไร? ตอนนี้งานในบ้านก็เป็นพี่สาวแกทำทั้งหมด ส่วนแกนะเหรอ เรียกแล้วยังไม่ขยับตัวเลย”
อู่เหมยพูดอย่างเอื่อย ๆ ว่า “พี่สาวเพียงแค่ล้างจานกับซักเสื้อผ้าของตัวเองก็แค่นั้น เมื่อก่อนหนูเหมางานในบ้านทั้งหมด แม้กระทั่งชุดชั้นในสกปรกของแม่กับพี่สาวเหล่านั้นที่เปื้อน…”
อู่เจิ้งซืออัดอั้นเบื่อหน่าย โบกมือให้อู่เหมยหยุดพูดและยิ่งรู้สึกไม่พอใจเหอปี้อวิ๋นมากขึ้นไปอีก ตอนนี้ทั้งโรงเรียนต่างรู้กันหมดแล้วว่าเธอเอาเสื้อผ้าสกปรกที่เปื้อนประจำเดือนให้เหมยเหมยซัก เยวี่ยเยวี่ยยังเด็กอาจจะยังไม่รู้จักคิด แต่เธอโตขนาดนั้นแล้วกลับโง่เขลาอย่างไม่มีทางรักษาจริง ๆ
“พูดก็พูดเถอะนะว่า ในบ้านนี้คนที่ขี้เกียจที่สุดก็คือคุณ ที่ตอนนี้ผมให้เยวี่ยเยวี่ยเรียนรู้การทำงานบ้านเอาไว้ก็เพราะไม่อยากให้วันหลังโตขึ้นไปเป็นคนแบบคุณยังไงล่ะ ช่างขายขี้หน้าจริง ๆ !”
อู่เจิ้งซือพูดอย่างเย็นชา ระงับเรื่องล้างจานที่จะยกเว้นให้อู่เยวี่ยเอาไว้ โยนซาลาเปาในมือ กินแค่โจ๊ก คำพูดของอู่เหมยทำให้เขาสะอิดสะเอียนได้สำเร็จ
อู่เยวี่ยหน้าแดงขึ้นมา ปีที่แล้วประจำเดือนของเธอก็มาแล้ว เหมือนกับเหอปี้อวิ๋น แน่นอนว่าเธอนำเสื้อผ้าสกปรกพวกนั้นโยนให้อู่เหมยซัก แล้วก็ไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรที่มันไม่ถูกต้องแต่อย่างใด
แต่ครั้งที่แล้วที่อู่เหมยเอาเรื่องนี้พูดออกมาต่อหน้าสาธารณชน ก็เหมือนกับการแก้ผ้าเธอต่อหน้าสาธารณชนอย่างไรอย่างนั้น อายจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนี
ตอนนี้อู่เหมยก็พูดถึงเรื่องนี้อีกครั้ง อู่เยวี่ยทั้งอายทั้งโมโห จิตใจที่สงบลงแต่เดิม ก็โหมกระหน่ำขึ้นมาในทันที สีหน้าบนหน้าก็ไม่สงบสุขเช่นก่อนหน้านั้นอีก แต่กลับเหมือนก่อนที่จะไปพบคุณหมอโจ่วอย่างไรอย่างนั้น
อู่เหมยรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของอู่เยวี่ยอย่างรวดเร็ว พอใจที่เห็นความกลัดกลุ้มบนใบหน้าของเธอ สิ่งที่เธอต้องการก็คือผลลัพธ์เช่นนี้แหละ
อู่เยวี่ยหากเธอคิดจะหลุดออกจากหลุมลึก คิดว่าจะไขว่คว้าแสงสว่างอีกครั้งละก็ เธอไม่สามารถทำมันได้อยู่แล้ว ฉันไม่สนหรอกว่าจะใช้วิธีอะไร แต่ฉันจะทำให้อู่เยวี่ยอยู่ในหลุมลึกนั้นตลอดไป
เหมือนกับเธอในชาติที่แล้ว!
จนกว่าจะตายไป!
…………………………………………..
ตอนที่ 411 แมวไม่อยู่ หนูร่าเริง
เวลาผ่านไปถึงสิ้นเดือนอย่างรวดเร็ว วันต่อมาก็ถึงงานแสดงปีใหม่ของโรงเรียน ถึงแม้ว่าเฮ่อเหวินจิ้งจะพูดว่าการแสดงของพวกเขานั้นดีเลิศแล้วก็ตาม แต่อู่เหมยยังรู้สึกตื่นเต้นอยู่บ้าง กลัวว่าพรุ่งนี้จะเต้นผิดบนเวที ทำให้อู่เยวี่ยและคนอื่น ๆ หัวเราะเยาะเอาได้
ตอนเย็นอู่เจิ้งซือไม่ได้กินข้าวเย็นที่บ้าน เดิมทีอู่เหมยเกิดอาการแปลกใจอยู่บ้าง แต่พอได้ยินเหอปี้อวิ๋นพูดกับอู่เยวี่ยในห้องรับแขกว่า “ตระกูลเหยียนนี่ก็แปลก วันเกิดของหลานชายคนโตจัดเสียยิ่งใหญ่คึกคักทุกปี แต่หมิงต๋ากลับไม่เคยจัดให้แม้แต่ครั้งเดียว แม่ว่าผู้เฒ่าของตระกูลเหยียนก็ลำเอียงอยู่มากเหมือนกันนะ”
อู่เหมยอดยิ้มเยาะไม่ได้ เหอปี้อวิ๋นยังมีหน้าไปว่าคนอื่นว่าลำเอียงอีก? ช่างหน้าไม่อายจริง ๆ หากถกเถียงกันเรื่องลำเอียง บนโลกใบนี้ยังจะมีใครสามารถสู้เธอได้!
แต่ว่าวันนี้เป็นวันเกิดของเหยียนหมิงซุ่นเหรอ?
มิน่าล่ะเย็นวันนี้ถึงไม่เห็นเขาซ้อมบาร์เดี่ยว เมื่อก่อนทุก ๆ วันจะต้องเห็นเขาซ้อมอยู่หลังสนามกีฬาครึ่งชั่วโมง
อู่เหมยคิดแล้วคิดอีก เปิดลิ้นชัก ดึงกริชออกมาเล่มหนึ่ง ซื้อเมื่ออาทิตย์ที่แล้วที่ไปโรงงานเก่ากับเหยียนหมิงซุ่น ตอนนั้นตัวกริชเต็มไปด้วยสนิม มองแล้วเหมือนกับเหล็กทองแดงแตก ๆ ก็ไม่ปาน อู่เหมยจ่ายไปห้าหยวนซื้อเอาไว้
แต่ฉิวฉิวเพียงแค่กลืนกริชลงไปครู่หนึ่ง แล้วก็คายออกมา กริชเล่มนี้ก็เปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก มีกระแสความเย็นที่ทำให้คนเหน็บหนาว อู่เหมยชักออกมาวางบนผม ยังไม่ทันได้โดนคมมีด ผมก็ขาดแล้ว!
เป็นดาบล้ำค่าที่ตัดเหล็กได้!
อู่เหมยซ่อนของล้ำค่าอื่น ๆ ไว้ที่ฉิวฉิว ยกเว้นกริชเล่มนี้เล่มเดียวที่เธอพกเอากลับมาด้วย เดิมยังคิดจะรอให้ตอนที่เหยียนหมิงซุ่นไปเป็นทหาร แต่ในเมื่อวันนี้เป็นวันเกิดของเขา…
“แกจะไปไหน? ไปล้างจานเดี๋ยวนี้!”
เหอปี้อวิ๋นเรียกอู่เหมยให้หยุด ออกคำสั่งเสียงเย็นชา อู่เยวี่ยที่เดิมยังคิดจะเก็บกวาดจาน ได้ยินเสียงก็เลยวางมือ เตรียมจะกลับห้อง
บาดแผลบนมือของเธอยิ่งนานยิ่งรุนแรง ทาขี้ผึ้งไปแล้วก็ไม่มีประโยชน์อะไร เดิมทียังเป็นมือที่ค่อนข้างดูดี ตอนนี้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ทำเอาเธอกลัวจนไม่กล้าถอดถุงมือ
แต่พอใส่ถุงมือนาน ๆ เข้า มือก็จะเจ็บเป็นอย่างมาก เหมือนโดนมดเป็นหมื่น ๆ ตัวเจาะก็ไม่ปาน เจ็บจนเธออยากจะตัดมือทิ้งไป
ต้องโทษอู่เหมยนังสารเลวคนนี้ ถ้าหากไม่ใช่ว่าเธอตั้งใจตะโกนส่งเสียงร้อง มีหรอเธอจะใช้น้ำเย็นล้างจาน?
ถึงอย่างไรพ่อก็ไม่อยู่บ้าน พ่อก็จะไม่รู้อะไรทั้งนั้น!
อู่เยวี่ยมองอู่เหมยอย่างเย็นชา ในใจภาวนาเป็นอย่างยิ่งให้เหอปี้อวิ๋นจัดการอู่เหมยเหมือนเมื่อก่อนแบบนั้น ตอนนี้เธอพอจะมองออกแล้ว พ่อจะไม่หย่ากับแม่อย่างแน่นอน
ต่อให้ทั้งวันจะไม่พูดจากันเลยแม้แต่ประโยคเดียวเหมือนกับคนแปลกหน้า อู่เจิ้งซือก็ยังจะเป็นสามีภรรยากับเหอปี้อวิ๋น แต่ก็เป็นสามีภรรยาแปลกหน้าที่นอนเตียงเดียวกันแต่ฝันไม่เหมือนกัน
แต่เธอไม่สนใจ เธอแค่เพียงอยากได้ครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ ที่ไม่ให้คนอื่นหัวเราะเยาะเธอได้ก็พอ ส่วนความสัมพันธ์ของพ่อแม่จะรักกันหรือไม่ ตอนกลางคืนจะนอนด้วยกันหรือไม่ ทั้งหมดนั้นไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเธอ
อู่เหมยเหลือบมองท่าทางของพวกเธอแวบหนึ่ง ก็รู้เลยว่าอู่เจิ้งซือไม่อยู่บ้าน สองแม่ลูกก็เลยคิดจะเป็นหนูร่าเริงที่แมวไม่อยู่
“ล้างจานเป็นงานของอู่เยวี่ย มีสิทธิ์อะไรมาให้ฉันล้าง?” หลังจากที่อู่เหมยโต้ตอบ ก็รีบวิ่งออกไปด้านนอกประตู
กิจวัตรประจำวันที่คุ้นเคยกลับมาอีกครั้ง ในมือเหอปี้อวิ๋นมีไม้ขนไก่ ใบหน้าดุร้าย อู่เหมยพูดด้วยน้ำเสียงยิ้มเยาะว่า “ถ้าแม่กล้าตีหนู หนูก็จะวิ่งร้องตะโกนให้ทั้งโรงเรียนรับรู้ให้หมด พ่อยังไม่น่าจะเดินไปไกล เชื่อหรือไม่ว่าพ่อจะต้องหย่ากับแม่จริงๆ!”
การหย่าเป็นจุดอ่อนของเหอปี้อวิ๋น มือก็ชะงักช้าลงในทันที ลังเลไม่กล้าขึ้นมา
อู่เหมยตะโกนเสียงดัง “เหมยเหมยทำไมเธอถึงได้พูดจากับแม่แบบนี้? ถ้าพ่อรู้ว่าเธอไม่เคารพผู้หลักผู้ใหญ่แบบนี้ จะต้องไม่ปล่อยเธอไปอย่างแน่นอน!”
ฉับพลันเหอปี้อวิ๋นก็มีเหตุผลพอเพียงที่จะกระทำขึ้นมา เธอเป็นผู้อาวุโสกว่า สั่งสอนลูกตัวเองที่ไม่เชื่อฟังมันจะทำไม?
ใครจะกล้าพูดแม้แต่ครึ่งคำ!
อู่เหมยฉวยโอกาสตอนที่เหอปี้อวิ๋นพุ่งเข้ามา เปิดประตูออก หันไปทำหน้าหลอกใส่อู่เยวี่ย “พวกคุณสิถึงจะเป็นแม่ลูกกันแท้ ๆ ฉันไม่รบกวนพวกคุณที่รักใคร่ซึ้งกันและกันอย่างสุดซึ้งแล้ว บาย ๆ!”
…………………………………………..
ตอนที่ 412 พี่หมิงซุ่น สุขสันต์วันเกิด
ชั่วพริบตาเดียวอู่เหมยก็วิ่งไปถึงระเบียงทางเดิน เหอปี้อวิ๋นที่รีบพุ่งมาเกือนโดนประตูกระแทกจมูก อู่เหมยเดินไปตามระเบียงทางเดินขยิบตาส่งให้อาจารย์แม่จางที่ยืนอยู่ วิ่งออกไปไกลอย่างมีความสุข
อาจารย์แม่จางมองไปทางเหอปี้อวิ๋นที่โมโหจนพูดไม่ออกแวบหนึ่ง มองอย่างเหยียดหยามโดยไม่ปิดบังเลยสักนิด เหอปี้อวิ๋นในขณะนี้มีชื่อเสียงเสีย ๆ หาย ๆ ในอีจงเรียบร้อยแล้ว ใครพูดถึงเธอต่างก็ทำเสียงจุ๊ปากส่ายหัว แล้วก็มีเพียงแค่เธอที่ยังโง่งมอยู่ ยังคิดว่าตัวเองเป็นผู้หญิงมีคลาสงดงามมีความรู้อยู่อีก!
เหอปี้อวิ๋นเก็บสีหน้าโมโห หันไปส่งยิ้มน้อย ๆ ทำตัวสำรวมสงบเสงี่ยมให้อาจารย์แม่จาง หันหลังกลับเข้าห้อง ใบหน้าท่าทางก็เปลี่ยนเป็นผู้หญิงดุร้ายในทันที
“ยัยเด็กบ้าคอยดูนะว่ากลับมาฉันจะจัดการกับแกยังไง!” เหอปี้อวิ๋นด่าแช่งอย่างโมโห ทำได้แค่เพียงไปเก็บกวาดจานชามตะเกียบด้วยตัวเอง
สายตาของอู่เยวี่ยแสดงความรังเกียจส่งผ่านออกมาชั่วประเดี๋ยวเท่านั้น แม่ของเธอคนนี้ช่างไม่มีประโยชน์เสียจริง ๆ สู้กับอู่เหมยตั้งหลายครั้งขนาดนั้น ไม่ชนะสักครั้ง กลับกันยังจะเดือดร้อนถึงชื่อเสียงของเธออีกต่างหาก
“ขนาดแม่พูดแบบนี้ทุกครั้ง แต่เหมยเหมยตอนนี้ยิ่งนานวันกลับยิ่งกำเริบเสิบสาน”
อู่เยวี่ยอดพูดประชดไปหนึ่งประโยคไม่ได้ กลับห้องไปอย่างเมินเฉย ขอเพียงแค่เหอปี้อวิ๋นฉลาดสักหน่อย ในบ้านจะกลายเป็นแบบตอนนี้ได้ยังไงกัน?
เหอปี้อวิ๋นสีหน้าเปลี่ยน รู้สึกอับอายขายหน้าอย่างที่สุด ทั้งหมดเป็นเพราะเธอไม่เอาไหน ทำให้เยวี่ยเยวี่ยต้องกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรม
“เยวี่ยเยวี่ย อีกเดี๋ยวแม่จะต้องสั่งสอนนังเหมยเหมยแน่นอน ลูกอย่าโมโหเลยนะ!”
อู่เยวี่ยใบหน้าไร้อารมณ์หันตัวมา พูดเสียงเย็นชาลอยมาว่า “หนูมีอะไรที่ต้องโมโห หนูก็แค่โมโหแทนแม่ ตอนนี้เหมยเหมยไม่เห็นแม่อยู่ในสายตาเลยแม้แต่นิดเดียว”
อารมณ์โมโหของเหอปี้อวิ๋นปะทุขึ้นอีกครั้ง เยวี่ยเยวี่ยพูดไม่ผิด ยัยเด็กสมควรตายนั้นตอนนี้กำเริบเสิบสานเป็นอย่างมาก ไม่ให้ความเคารพเธอเลยแม้แต่น้อย แถมยังทำร้ายเยวี่ยเยวี่ยให้ต้องกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรมมากมายขนาดนั้น มีอย่างนี้ที่ไหนกัน!
ไม่สนว่าคุณอู่จะพูดยังไง อีกเดี๋ยวเธอจะต้องสั่งสอนยัยเด็กสมควรตายนี้ให้สาสมอย่างแน่นอน!
ถ้าไม่จัดการอีกล่ะก็ ยัยเด็กสมควรตายนี่จะกำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว!
บ้านตระกูลเหยียนวันนี้ครึกครื้นเป็นอย่างมาก เหยียนโฮ่วเต๋อสามีภรรยาต่างก็อยู่กันครบ ยังมีอธิการบดี หัวหน้าฝ่ายต่าง ๆ กล่าวได้ว่าต่างก็เป็นคนใหญ่คนโตของโรงเรียน อู่เจิ้งซือก็รวมอยู่ด้วย อาจารย์แบบอย่างของเขานั้นถูกกำหนดเอาไว้
เรียบร้อยแล้ว ได้รับพิจารณาและคัดเลือกเป็นอาจารย์แบบอย่างเจ็ดปีติดต่อกัน ก็นับว่ามีหน้ามีตาอยู่แน่นอน
“เป็นเกียรติของหมิงซุ่นจริง ๆ ที่มีอาจารย์อู่คอยลำบากชี้แนะ ผมขอเคารพอาจารย์อู่หนึ่งแก้ว ผมหมดแก้ว ส่วนอาจารย์อู่ก็ตามสบาย”
เหยียนโฮ่วเต๋อชูแก้วเหล้าขึ้น ยิ้มน้อย ๆ อู่เจิ้งซือรีบลุกขึ้น “ไม่หรอกครับ ไม่ลำบากเลย ชี้แนะนักเรียนเป็นหน้าที่ที่ผมต้องรับผิดชอบอยู่แล้วครับ โดยเฉพาะนักเรียนอย่างหมิงซุ่น ผมยังอยากให้มีมาหลาย ๆ คนเลยครับ!”
ถึงแม้ว่าบนใบหน้าของถานซูฟางจะมีรอยยิ้ม แต่ในใจกลับรู้สึกหงุดหงิดไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก ทุก ๆ ปีก็จะจัดวันเกิดให้ไอสารเลวนี่ หมิงต๋าของเธอแม้แต่ครั้งเดียวก็ไม่เคยจะจัดให้ ใจลำเอียงจนไปถึงแม่น้ำหวงผู่แล้ว
เชอะ ต่างก็แก่จะลงโลงอยู่ละ กระโดดโลดเต้นได้อีกแค่ไม่กี่ปีหรอก ดูสิว่าพวกแกยังจะสามารถปกป้องไอสารเลวนี่ได้อีกนานเท่าไร?
วันนี้ที่บ้านตระกูลเหยียนกินหม้อไฟกัน กินหม้อไฟในวันที่หนาวที่สุดของปี ไม่มีอะไรเหมาะสมไปมากกว่านี้อีกแล้ว อีกทั้งคุณยายหยางก็เตรียมวัตถุดิบไว้เต็มที่ เนื้อก็ดีเหล้าก็ดีผักก็ดี ทุกคนต่างก็มีใบหน้าเปล่งปลั่งกินกันอย่างมีความสุข พูดคุยกันอย่างคึกคัก
ตรงข้ามกับเจ้าของวันเกิดวันนี้อย่างเหยียนหมิฃซุ่นที่นั่งเงียบมาโดยตลอด กินโดยพูดอะไรสักคำ รอจนกินไปได้พอสมควร เขาก็ออกมาอย่างเงียบเชียบ พวกเหยียนโฮ่วเต๋อกำลังพูดคุยกันอย่างวุ่นวาย ไม่ได้แม้แต่สนใจเขา
เหยียนหมิงซุ่นพูดกับคุณยายหยาง แล้วก็กลับห้องของตัวเอง ผู้หญิงที่ชั่วร้ายอย่างถานซูฟางเดิมทีก็ไม่ได้มีคุณสมบัติที่จะมาฉลองวันเกิดของเขาเสียด้วยซ้ำ เขาไม่ยินดีที่จะอยู่ด้วยแม้แต่นาทีเดียว
พอกลับถึงห้อง เหยียนหมิงซุ่นวิ่งไปทางหน้าต่างอย่างระวังตัว เปิดหน้าต่างออก “ใคร?”
“พี่หมิงซุ่น สุขสันต์วันเกิด!”
ใบหน้าเล็กแดง ๆ หันมายิ้มให้เขา เหมือนกับแอปเปิ้ลก็ไม่ปาน ทั้งกรอบทั้งหวาน
…………………………………………..
ตอนที่ 413 ดาบล้ำค่ามอบให้กับวีรบุรุษ
เหยียนหมิงซุ่นรีบอุ้มอู่เหมยที่จะแข็งตายขึ้นมา ร่างของเด็กน้อยเย็นแข็งไปหมด แล้วก็ไม่รู้ว่าโดนลมเย็นพัดมานานแค่ไหนแล้ว
“ทำไมเธอถึงไม่ไปเรียกพี่?”
เหยียนหมิงซุ่นเอามือที่เย็นเฉียบของอู่เหมยมาวางไว้ในมือของตัวเองเพื่อให้ความอบอุ่น ปวดใจเล็กน้อย ไม่เคยเห็นใครที่ซื่อบื้อเท่ายัยเด็กซื่อบื้อนี่มาก่อนเลย
อู่เหมยคิดจะดึงมือกลับมา แต่เหยียนหมิงซุ่นก็จับเอาไว้แน่น เธอดึงอยู่หลายรอบมือก็ไม่กระตุกเลย ใบหน้าก็ยิ่งแดง เขินอายไปหมด
เธอไม่ใช่เด็กผู้หญิงอายุสิบสองขวบจริงๆ เสียหน่อย!
“อย่าขยับ!” เหยียนหมิงซุ่นพูดเสียงเบา ถูมือของเธอไม่นาน ก็อบอุ่นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
รับรู้ได้ถึงความอบอุ่นกลางฝ่ามือ ใจของเหยียนหมิงซุ่นยิ่งอ่อนจนพูดไม่ถูก ปล่อยมืออู่เหมยอย่างอาวรณ์ ในใจรู้สึกอ้างว้าง
“พี่หมิงซุ่น กริชเล่มนี้ฉันให้พี่”
อู่เหมยหยิบกริชออกมาจากกระเป๋าเสื้อ ยัดเข้าไปในมือของเหยียนหมิงซุ่น มองเขาอย่างคาดหวัง ในใจยังมีความกังวลอยู่บ้าง แล้วก็ไม่รู้ว่าเหยียนหมิงซุ่นจะชอบของขวัญที่เธอให้หรือไม่
เหยียนหมิงซุ่นมองกริชในมืออย่างตกใจ ถึงแม้ว่าจะมีฝักปิดกั้นเอาไว้ แต่เขาก็ยังรับรู้ได้ถึงความเย็นยะเยือกของกริชล้ำค่านี้ได้โดยไม่จำเป็นต้องดึงออกมา เขาก็รู้ว่าจะต้องกริชล้ำค่าที่หายากมากๆ ในโลกใบนี้
เขาชักออกมาเบาๆ คมมีดที่บางเหมือนกระดาษ ความเย็นก็ช่างคุกคามคนเสียจริงๆ จนอู่เหมยตัวสั่น ถอยหลังไปหลายก้าว กริชเล่มนี้ช่างทำให้คนเหน็บหนาวจริงๆ
“กริชเล่มนี้เอามาจากไหน?”
เหยียนหมิงซุ่นพอเห็นสิ่งที่ชอบก็จิตใจเบิกบาน รู้สึกชอบกริชเล่มนี้เป็นอย่างมากจริงๆ ยิ่งแปลกใจว่าอู่เหมยเอากริชที่ดีมากขนาดนี้มาจากไหน มันไม่ด้อยไปกว่าดาบหยูฉางในตำนานเลยทีเดียว!
อู่เหมยตอบอย่างตรงไปตรงมา “ก็เป็นครั้งก่อนที่พี่หมิงซุ่นพาฉันไปพบคุณปู่หวังฉันซื้อจากที่นั้นแหละ”
เหยียนหมิงซุ่นนึกอยู่ครู่หนึ่ง ก็นึกออกถึงกริชเล่มที่ชำรุดทรุดโทรมมีสนิมเล่มนั้น รูปร่างลักษณะถือว่าคล้ายอยู่ แต่เขาก็ไม่สามารถปะติดปะต่อกริชตรงหน้ากับกริชที่ชำรุดทรุดโทรมขึ้นสนิมเข้าด้วยกันได้
ใจของอู่เหมยรู้สึกประหม่าอยู่บ้าง พูดอย่างติดๆ ขัดๆ ว่า “ฉันเอากริชเล่มนั้นกลับมาทำความสะอาดถึงได้ค้นพบว่าเป็นกริชที่ดีเลยทีเดียว ก็เลยคิดจะให้พี่หมิงซุ่น พี่หมิงซุ่นพี่ไม่ชอบใช่หรือไม่?”
“ไม่ พี่ชอบมากๆ ขอบคุณนะเหมยเหมย!”
เหยียนหมิงซุ่นรีบเก็บความงงงวยในใจเอาไว้ ก่อนตอบกลับอย่างจริงใจ หลายปีมานี้เขาตามหากริชที่เหมาะสมมาโดยตลอดแต่ก็ไม่เจอที่ถูกใจ ของขวัญของอู่เหมยนับเป็นของขวัญที่ถูกตาต้องใจ ส่งความอบอุ่นเข้ามาในหัวใจไม่น้อย
อู่เหมยยิ้มอย่างมีความสุข ชอบก็ดีแล้ว ไม่เสียแรงเปล่าที่ยืนท่ามกลางลมหนาวๆ ตั้งนาน
“พี่หมิงซุ่น พรุ่งนี้ฉันก็จะต้องเข้าร่วมการแสดงปีใหม่แล้วนะ!” อู่เหมยอยากจะแบ่งปันความตื่นเต้นและตึงเครียดของเธอ
“เหมยเหมยเต้นจะต้องน่าดูแน่นอน น่าเสียดายที่พี่ไม่ได้เห็น” เหยียนหมิงซุ่นเสียดายอยู่บ้าง
”งั้นฉันเต้นให้พี่ดูตอนนี้แหละ เพียงแต่เสียดายที่ไม่มีดนตรีประกอบ แต่ก็ไม่เป็นไร พี่หมิงซุ่นพี่ห้ามหัวเราะฉันนะ!”
อยู่ดีๆ อู่เหมยก็อยากเต้นให้เหยียนหมิงซุ่นดูมากๆ เธอก็ไม่เข้าใจจิตใจของตัวเองเหมือนกัน แต่ถึงยังไงก็อยากจะเต้นตอนนี้อยู่ดี อยากมากๆ ให้เหยียนหมิงซุ่นเป็นผู้ชมเพียงแค่คนเดียว
เหยียนหมิงซุ่นยังไม่ทันจะได้สติกลับมา อู่เหมยก็เริ่มเต้นเบาๆ แต่สง่างาม ถอดเสื้อหนาวที่ทั้งหนาทั้งหนักออก ใส่แค่เพียงเสื้อไหมพรมสีแดง หมุนอยู่ในห้องของเขา ผมสีดำขลับราวกับน้ำตกที่ไหลอยู่ตรงหน้าเขาก็ไม่ปาน
เขายื่นมือออกไปโดยไม่รู้ตัว มองเทพธิดาที่เต้นอย่างงดงามในห้องของเขา สวยจนพูดไม่ถูก เป็นครั้งแรกที่เขาวางท่าทีระมัดระวังตัวทิ้งไป ตอนนี้ผ่อนคลายอย่างถึงที่สุด
“พี่หมิงซุ่น ดูเป็นยังไงดูดีไหม?”
อู่เหมยหยุดเต้น หอบหายใจเล็กน้อย มองเหยียนหมิงซุ่นอย่างรอคอย พอเขาได้สติ จึงรีบหยิบเสื้อกันหนาวสวมให้กับอู่เหมย ชมเชยไม่หยุดว่า “ดูดีมาก เหมยเหมยจะต้องติดอันดับแน่นอน ถึงเวลานั้นพี่ก็จะสามารถดูการเต้นของเหมยเหมยบนเวทีในงานการแสดงของเมืองได้”
…………………………………………..
ตอนที่ 414 อู่เยวี่ยผู้อิจฉาริษยา
การซ้อมการแสดงวันปีใหม่ของโรงเรียนจัดเอาไว้ตอนบ่าย อาจารย์และนักเรียนทั้งโรงเรียนจะเข้าร่วม ตอนบ่ายอู่เจิ้งซือมีสอน ไม่ได้ไปเข้าร่วม แรกเริ่มเดิมทีเหอปี้อวิ๋นก็จะเข้าร่วม ต่อให้จะมีสอนก็จะไปเปลี่ยนกับคนอื่น รายการการแสดงของลูกสาวสุดที่รัก ต่อให้มีเรื่องใหญ่ขนาดไหนก็สามารถวางลงไว้ก่อนได้!
แต่ว่าปีนี้เธอไม่เข้าร่วมอย่างแน่นอน บนเวทีไม่มีการแสดงของลูกสาวสุดรักสุดดวงใจ เธอจะเข้าไปดูความรื่นเริงอะไร?
จ้าวอิงหนานและพ่อสยงต่างก็ไปกัน ยังมีคุณปู่คุณย่าของสยงมู่มู่ สองผู้เฒ่าตั้งใจรีบมาเพื่อชมเชยหลานชายสุดที่รักเป็นพิเศษ ยังมีคุณปู่อู่กับคุณย่าอู่ที่ตั้งใจมาชมหลานเหมือนกัน ด้วยตอนนี้ก็ปลดเกษียณแล้ว ในบ้านก็ไม่มีเรื่องอะไร มาดูเด็กๆ เต้นรำก็ยังดีกว่าอยู่ในบ้านเฉยๆ
การแสดงของอู่เหมยอยู่ช่วงกลางๆ ช่วงแรกๆ ต่างก็เป็นการแสดงของชั้นเรียนเต้น เพลงทั้งน่าตื่นเต้นและฮึกเหิม ฉากก็ยิ่งใหญ่อลังการ แต่ก็ใกล้เคียงกันไปหมดมีแค่ส่วนน้อยที่ต่าง มีการแสดงคู่ของนักเรียนชายชั้นมัธยมต้นที่น่าสนใจไม่หน่อย อาจารย์และนักเรียนด้านล่าง ต่างพากันหัวเราะจนท้องแข็ง ยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก ถ้าไม่เกินความคาดหมาย เด็กชายสองคนนี้จะต้องคว้าตำแหน่งมาได้แน่นอน
มีแต่สยงมู่มู่ที่กลับดูถูก พูดว่าหากเป็นเขาขึ้นเวทีไปแสดง จะต้องแสดงได้ดีกว่าสองคนนี้แน่นอน
อู่เหมยพูดด้วยความไม่พอใจไปหนึ่งประโยคว่า “แล้วทำไมไม่ไปแสดงเอง? ทำไมนายไม่ไปโชว์ความสามารถโชว์ฝีมืออกมาล่ะ ใครจะไปรู้ว่านายมีฝีมือมีความสามารถอะไร? ทำเหมือนคนในโลกนี้เป็นพยาธิไส้เดือนในท้องนายอย่างนั้นแหละ?”
อู่เชาเห็นด้วยโดยให้ความร่วมมือในการทำท่าแสดงออกว่ารังเกียจ ทำเอาสยงมู่มู่โมโหเหลือจะทน แต่ว่าคำพูดของอู่เหมย กลับกระแทกใจเขาอย่างจัง
เมื่อก่อนเขาเพียงแค่คิดว่าไม่อยากจะดึงดูดความสนใจของผู้คนมากนัก เพื่อไม่หาเรื่องวุ่นวายใส่ตัว ตอนนี้คิดๆ แล้วก็ไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่ ในเมื่อก็เห็นอยู่ว่าเขาเป็นไข่มุกเม็ดหนึ่ง ทำไมจะต้องเก็บความสว่างไสวทำเหมือนตัวเองเป็นตาปลาที่ปลอมเป็นไข่มุกล่ะ?
หรือว่าถ้าเขาทำตัวเป็นตาปลา เรื่องยุ่งยากก็จะไม่มาถึงตัวเขาหรือยังไง?
อันที่จริงอู่เหมยคิดแล้วก็ไม่เข้าใจว่าจริงๆ แล้วใจของสยงมู่มู่ท้ายที่สุดแล้วกำลังคิดอะไร ถึงแม้ว่าสยงมู่มู่ชาติที่แล้วจะมีพรสวรรค์ตั้งแต่เด็ก แต่ช่วงมัธยมต้นมัธยมปลายก็ทำตัวเรียบง่ายธรรมดา พูดได้ว่าเงียบกริบไม่มีชื่อเสียงอะไรตลอดชีวิต มีคนมากมายที่ลืมไปแล้วว่าเขาเคยเป็นคนที่มีพรสวรรค์มาก่อน
จนกระทั่งเข้ามหาวิทยาลัย สยงมู่มู่ถึงค่อยๆ แสดงฝีมือทางการประพันธ์ดนตรีออกมา เริ่มจัดตั้งวงดนตรี และยังแต่งเพลงด้วยตัวเอง จนเป็นที่สนใจของทุกคนอย่างไม่มีใครเทียบเท่าได้ชั่วขณะ แล้วก็ค่อยๆ กลายเป็นนักดนตรีที่คนรู้จักไปทั้งประเทศ
เพียงแต่……
นึกถึงชีวิตอันแสนสั้นของสยงมู่มู่ ใจของอู่เหมยก็รู้สึกกลัดกลุ้ม จ้องเขม็งมองสยงมู่มู่ที่พูดติดตลกกับอู่เชาอยู่อย่างไม่พอใจ พูดอย่างอดไม่ได้ว่า “ฉันจะพูดอะไรกับนายหน่อยนะ ทั้งร่างกายทั้งผมแล้วก็ผิวหนัง ได้รับมาจากพ่อแม่ นายควรที่จะเห็นค่าแล้วก็ทะนุถนอมให้ดีๆ สิถึงจะถูก!”
สยงมู่มู่ตะลึงงันครู่ใหญ่ จึงพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “สมองเธอมีปัญหาเหรอ หยิบเอาคำพูดพวกนี้มาพูดซ้ำแล้วซ้ำอีกทั้งวัน ใครกันไม่เห็นค่าไม่ทะนุถนอมร่างกาย?”
อู่เหมยเอาคำพูดที่ว่า ‘ก็คนที่หัวสมองมีปัญหาอย่างนาย’ กลืนลงไป พูดอย่างโมโหว่า “ฉันก็แค่กันไว้ดีกว่าแก้น่ะ ใจของนายมันเล็กเหมือนเข็ม ถ้าหากว่าวันหลังมีเรื่องที่คิดไม่ตก นายก็นึกถึงคำพูดของฉันให้มากๆ ก็แล้วกัน อย่าเป็นเหมือนกับน้องหลิน”
“อู่เหมยเธอพูดมาให้ชัดเจน ใครที่มีใจเล็กเหมือนกับปลายเข็ม? วันนี้ถ้าเธอไม่พูดให้ชัดเจน ฉันไม่จบกับเธอแน่!”
สยงมู่มู่กระโดดพุ่งสูงสิบเมตรในฉับพลัน เขาชอบความงามของน้องหลินนั้นไม่ผิด แต่เขาไม่ชอบนิสัยของน้องหลิน คาดไม่ถึงว่ายัยเด็กซื่อบื้อคนนี้จะเอาเขาไปเทียบกับน้องหลิน อยากตายมากใช่ไหม!
อู่เหมยรู้ตัวว่าพลั้งปากไป รีบไปหลบอยู่หลังอู่เชา หันไปยิ้มเอาใจสยงมู่มู่ “เป็นฉันเอง ฉันเหมือนกับน้องหลิน”
“เชอะ”
สยงมู่มู่กรอกตามองบน ขี้เกียจจะสนใจยัยเด็กซื่อบื้อนี่ เรียกอู่เชาไปเข้าห้องน้ำ
อู่เยวี่ยก็อยู่หลังเวที เธอเป็นฝ่ายประสานงาน จำเป็นต้องมาช่วยเพื่อนนักเรียนจัดการกับชุดเต้นและการแสดง การแสดงของห้องเธอก็จัดไว้ก่อนการแสดงของอู่เหมย
เธอมองอู่เหมยที่ยิ้มหัวเราะพูดคุยอย่างมีความสุข ในใจก็อิจฉาริษยาเหมือนพืชน้ำที่เติบโตขึ้นแล้วค่อยๆ กัดกินพื้นที่ในใจของเธอ
…………………………………………..
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น