ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 405-412

 บทที่ 405 เปลี่ยนเหยื่อ

โดย

Ink Stone_Fantasy

นึกว่าจะช้าไป แต่ก็เร็วกว่าที่คิด พอเห็นปลาซ่งตัวอ้วนโผล่หัวออกมา ชาร์คก็สะบัดแขนแทงฉมวกออกไป


‘ฉึบ’ ฉมวกแหลมคมทิ่มลงไปกลางหัวของปลาซ่งพอดี เพียงครู่เดียวก็ทะลุลงไปกว่ายี่สิบเซนติเมตร ปลาซ่งตัวนั้นดิ้นรนด้วยความเจ็บปวดมันอยากจะดำลงไปในน้ำ แต่ปรากฏว่าแขนทั้งสองข้างของชาร์คก็จับด้ามฉมวกเอาไว้ แล้วดึงมันขึ้นมาข้างบนอย่างแรง ใช้กำลังของกล้ามเนื้อยกมันขึ้นมาไว้บนฝั่ง


ทางฝั่งฉินสือโอวกำลังตกปลาอยู่ พอมองเห็นปลาซ่งที่กำลังกระโดดดีดตัวอยู่บนฝั่ง เขาก็พูดขึ้นมาอย่างเซ็งๆ ว่า “ฉันมัวตกปลาอยู่ทำไมกันล่ะเนี่ย พวกเราใช้ฉมวกตกปลาก็จับได้แล้วไม่ใช่เหรอ?”


ชาร์คเหยียบปลาซ่งเอาไว้แล้วดึงฉมวกออกมา เขาพูดพร้อมรอยยิ้มว่า “ไม่เหมือนกันสักหน่อย ปลาที่ใช้ฉมวกแทงขึ้นมาได้ก็มีแต่ปลาคาร์ฟเอเชียเท่านั้นแหละครับ แต่ถ้าคุณใช้เบ็ดก็จะตกปลาดีๆ ขึ้นมาได้”


เดิมทีหู่จือกับเป้าจือนั่งอยู่ข้างๆ เขาเฉยๆ แต่พอมองเห็นปลาซ่งกำลังดีดด้วยความดิ้นรนอยู่บนพื้นน้ำแข็งพวกมันก็รีบเขาไปแหย่ แค่ครู่เดียวก็แกล้งจนปลาซ่งตัวนั้นตาย


ซีมอนสเตอร์ขึ้นฝั่งไปตั้งเตาย่าง เขานำปลาซ่งมาสับหัวกับหางทิ้ง ต่อจากนั้นก็ตัดแบ่งออกเป็นชิ้นใหญ่ๆ หลายชิ้น แล้วนำเนื้อปลาไปแช่แข็งไว้ในหิมะ ใช้เวลาไม่กี่นาทีเนื้อปลานุ่มๆ ก็ถูกแช่เย็นจนแข็งขึ้นมา คราวนี้ซีมอนสเตอร์จึงใช้มีดหั่นเนื้อปลาให้เป็นแผ่นหนาๆ ประมาณหนึ่งนิ้ว จากนั้นก็นำไปวางไว้บนแล้วเตาย่างด้วยไฟ


ฉินสือโอวนั่งอยู่ข้างๆ รูน้ำแข็งได้พักใหญ่แล้ว แต่กลับตกปลาไม่ได้เลยสักตัว เขาถูจมูกแล้วดึงตะขอปลาขึ้นมาดู แม่เอ็ง กระทั่งเหยื่อล่อปลาก็ยังสภาพดีไม่เหยื่อถูกแตะเลยสักนิด หรือว่าปลาในทะเลสาบแห่งนี้จะเปลี่ยนรสชาติอาหารที่ชอบแล้ว?


ชาร์คเห็นเขาสับสน จึงอธิบายให้เขาฟังว่า “พวกเรารีบมาที่นี่ไปหน่อย เหยื่อตกปลาก็มีแต่เนื้อกระป๋องธรรมดา มีแรงดึงดูดไม่มากพอสำหรับปลา ฤดูหนาวอุณหภูมิน้ำในทะเลสาบต่ำ ปลาเผาผลาญอาหารช้า ความต้องการอาหารเลยไม่ได้เด่นชัดขนาดนั้น ดังนั้นถ้าจะตกปลาใต้น้ำแข็ง ก็ต้องใช้ความอดทน”


ตอนนี้ฉินสือโอวไม่มีอะไรทำ ที่เขามีอยู่ก็คือเงินกับความอดทน เขาหย่อนเอ็นตกปลาห้าเส้นไว้ตรงขอบปากรูบนพื้นน้ำแข็ง ทุกเส้นใช้เหยื่อตกปลาที่แตกต่างกัน มีทั้งขนมปัง ไส้กรอก เนื้อกระป๋อง เขาไม่เชื่อว่าจะไม่มีปลามาติดเบ็ดเลยสักตัว


พอซีมอนสเตอร์ย่างเนื้อปลาซ่งสุกแล้วก็นำมันมาเสิร์ฟให้ฉินสือโอวก่อน เขาแสยะยิ้มแล้วพูดขึ้นมาว่า “ลองชิมดูสิครับ บอส นี่เป็นวิธีย่างปลาแบบใหม่ที่ผมพึ่งคิดค้นขึ้นมา”


เนื้อปลาถูกทาเนยกับน้ำเชื่อมเมเปิลไว้ด้านบน ระดับความร้อนของไฟที่ใช้ย่างปลาก็กำลังดี เนื้อปลาร้อนๆ กลิ่นหอมปะทะจมูก ทานเนื้อปลาร้อนๆ สักชิ้นในวันที่อากาศหนาวขนาดนี้ ไม่ต้องบรรยายเลยว่าจะรู้สึกดีแค่ไหน


ฉินสือโอวกัดชิมไปแล้วหนึ่งคำ กลิ่นคาวของปลาถูกความหวานฉ่ำของเนยกลบได้อย่างดี ทานเข้าไปแล้วให้ความรู้สึกเหมือนกำลังทานนมอัดเม็ด ทั้งยังนุ่มกว่านมอัดเม็ดหลายเท่า ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าแล้วพูดขึ้นมาว่า “เยี่ยมมาก เพื่อน ฉันต้องบอกเลยว่า วิธีย่างปลาแบบนี้มันเยี่ยมยอดมากๆ”


ชาร์คที่ยืนถือฉมวกอยู่ข้างๆ ก็หัวเราะเสียงดังขึ้นมาแล้วบอกกับเขาว่า “บอส คุณโดนหลอกแล้วล่ะ ซีมอนสเตอร์ไม่ได้เป็นคนคิดขึ้นมาหรอก นี่เป็นวิธีย่างปลาที่คุณปู่ฮิคสันคิดขึ้นมาเมื่อเดือนก่อน พวกเพื่อนร่วมชาติของคุณก็พากันชอบมันมากๆ”


ซีมอนสเตอร์ก็พูดอย่ากะล่อนปลิ้นปล้อนว่า “ชาร์ค นายเลื่อยขาเก้าอี้ฉันเหรอ? ชั่วจริงๆ! ฉันไม่ได้ลอกสูตรเสียหน่อย ฉันทำมันขึ้นมาใหม่ต่างหาก คุณปู่ฮิคสันใช้ซอสมะเขือเทศกับซอสพริก ส่วนฉันใช้เนย มันไม่เหมือนกัน โอเคไหม?!”


ฉินสือโอวชอบ ซีมอนสเตอร์จึงย่างเพิ่มอีกหลายชิ้น ปลาซ่งตัวนี้ยาวถึงแปดสิบเซนติเมตรกว่าๆ มีเนื้ออยู่เยอะ ซีมอนสเตอร์หาเนื้อส่วนหลังที่ดีที่สุดแล้วย่างเป็นสองชิ้นใหญ่ๆ ฉินสือโอวทานของตัวเองไปด้วยพร้อมกับฉีกให้พวกหู่เป้าฉงกินด้วย พวกเขาพากันกินด้วยความเพลิดเพลิน


ชาร์คโปรยของจำพวกเศษขนมปัง แฮมกระป๋อง กับชีสลงไปในทะเลสาบอย่างต่อเนื่อง พวกปลาคาร์ฟเอเชียจอมตะกละก็มักจะโผล่หัวออกมาหายใจและหาอาหารเพิ่มเป็นประจำ ฝีมือการจับปลาของชาร์คก็แม่นยำนัดต่อนัด ไม่นานก็จับปลามาได้ตั้งเจ็ดแปดตัว


ฉินสือโอวตกปลามาพักใหญ่ๆ ก็ตกได้แค่ปลาไพค์อเมริกาเหนือตัวเดียวเท่านั้น ทำให้เขารู้สึกใจคอแห้งเหี่ยว งั้นก็เลิกตกมันซะเลยแล้วกัน ขึ้นไปย่างปลาเล่นกับซีมอนสเตอร์บนฝั่งดีกว่า


นักท่องเที่ยวหลายคนเห็นพวกเขาจับปลาขึ้นมาได้หลายตัว เลยถามพวกเขาว่าขอซื้อต่อได้ไหม ฉินสือโอวรู้สึกว่าปลาพวกนี้ไม่ได้มีราคาอะไร จึงบอกไปว่า “พวกคุณเลือกได้ตามสบายเลยหนึ่งตัว ไม่เป็นไร ไม่ต้องให้เงินหรอก คนบ้านเดียวกันทั้งนั้น ไม่จำเป็นต้องเกรงใจหรอกครับ”


พอได้ยินเขาพูดอย่างนี้ บรรดานักท่องเที่ยวก็รู้สึกตื่นเต้นดีใจขึ้นมาทันที พวกเขาเลือกปลาคาร์ฟที่มีเกล็ดสีเหลืองอร่ามไปหนึ่งตัว แล้วถ่ายรูปกับมันก่อนเป็นอันดับแรก หลังจากนั้นก็ขนเตาย่างที่เช่ามาจากในเมืองออกมา เตรียมตัวย่างปลาทานบ้าง


เนื่องจากก่อนหน้านี้เขาตกปลาไม่ได้เลย ฉินสือโอวจึงเริ่มหมดความสนใจ พอเริ่มเข้าสู่ช่วงบ่ายเขาก็อยากกลับแล้ว


ชาร์คเห็นว่าข้อเสนอของตัวเองไม่ได้ทำให้บอสเที่ยวเล่นได้อย่างสนุกสนาน จึงทำให้เขารู้สึกเหมือนว่าความสามารถของตัวเองถูกท้าทาย จึงพูดขึ้นมาว่า “บอส พวกเรากลับไปหาเหยื่อตกปลาดีๆ ไหมครับ หลักๆ แล้วก็เป็นเพราะว่าเหยื่อตกปลาของวันนี้ไม่ดีเท่าไร ถ้าเปลี่ยนเป็นพวกตัวสงกรานต์ กับตัวทาก การเจาะน้ำแข็งตกปลาก็จะเป็นเรื่องง่ายแล้ว”


ฉินสือโอวไม่มีอะไรให้ทำ ในเมื่อชาร์คพูดมาขนาดนี้แล้ว หลังจากกลับมาถึงฟาร์มปลาฉินสือโอวก็ถือเอาถังเล็กๆ ออกไปหาเหยื่อตกปลา


พอดีกับที่พวกเชอร์ลี่ย์เลิกเรียนกลับมาถึงแล้ว พอมองเห็นฉินสือโอวถือถังเล็กๆ อยู่เลยถามว่าเขากำลังทำอะไร ฉินสือโอวบอกว่าเขากำลังจะไปหาเหยื่อตกปลา หลังจากนั้นก็จะไปตกปลาที่ทะเลสาบ พอได้ยินว่าจะไปหาเหยื่อตกปลา พวกเด็กๆ ก็เริ่มรู้สึกสนใจขึ้นมา จากนั้นก็พากันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมกับส่งเสียงดังเจี๊ยวจ๊าวอยากจะตามไปกับเขา


หลัวปอที่กำลังนอนขดตัวอยู่บนโซฟาถูกเสียงโหวกเหวกโวยวายปลุกจนตื่นขึ้นมา มันลุกขึ้นมาด้วยท่าทางสง่างาม แหงนหน้าหอนออกมาสองครั้ง มันจงใจทำตาให้โตขึ้นมาอีกนิด เพื่อแสดงท่าทางเหมือนว่าราชาหมาป่าอย่างมันโมโหแล้ว พวกแกลองคิดเอาเองแล้วกันว่าจะทำยังไง


วินนี่อาบน้ำให้หลัวปอทุกวัน ฉินสือโอวจึงฉวยโอกาสในตอนนี้เพิ่มพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนให้มันเล็กน้อย ดังนั้นอย่าคิดแต่ว่าหลัวปอมาอยู่ที่ฟาร์มปลาได้แค่ไม่กี่วัน แท้จริงแล้วมันมีสภาพร่างกายที่แข็งแรงมากๆ เวลาส่งเสียงคำรามก็เปล่งเสียงได้เต็มพลัง


ทว่าก็ไม่ได้มีใครสนใจมันสักคน พวกเด็กๆ ตามหลังฉินสือโอวไป พวกเขาวิ่งไปทางชายหาดอย่างร่าเริง


ปลาน้ำจืดกับปลาทะเลมีนิสัยที่ไม่เหมือนกันอยู่หลายอย่าง แต่ก็มีส่วนที่เหมือนกันอยู่ค่อนข้างมาก อย่างเช่นลักษณะการกินอาหารของปลาใหญ่ พวกมันจะสนใจเหยื่อที่เป็นเนื้อสัตว์มากกว่า


ที่จีนจะนิยมใช้ไส้เดือนเป็นเหยื่อตกปลา แต่งานอดิเรกของนักตกปลาที่แคนาดาจะค่อนข้างแปลก พวกเขาชอบใช้หนอนอีกทั้งยังได้ผลลัพธ์ที่ดีมากอีกด้วย


ครั้งนี้สิ่งที่ฉินสือโอวต้องการไม่ใช่ไส้เดือนกับหนอน หาของพวกนี้ในฤดูหนาวได้ยากเกินไป จุดมุ่งหมายของเขาจึงเป็นตัวสงกรานต์กับตัวทาก


ตัวสงกรานต์เป็นเหยื่อตกปลาในแม่น้ำที่แพร่หลายที่สุด มีแรงดึงดูดต่อปลากะพง กับปลาดุกน้ำจืดเป็นอย่างมาก ช่วงบ่ายของฤดูหนาวเป็นเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการจับตัวสงกรานต์


ในช่วงฤดูหนาวมีอากาศหนาวเย็น ตัวสงกรานต์กลัวอุณหภูมิที่มีความหนาวเย็น พอถึงช่วงบ่ายพวกมันจะปีนออกมาจากรูเพื่ออาบแสงแดดและรับเอาอุณหภูมิด้านนอก พอถึงช่วงพลบค่ำซึ่งเป็นตอนที่อุณหภูมิบนหาดทรายลดต่ำลง พวกมันก็มุดกลับลงไปในรู


ฉินสือโอวและคนอื่นๆ สวมรองเท้าบูตเดินอยู่ริมทะเล แค่ครู่เดียวก็หาร่องรอยของตัวสงกรานต์เจอ


ชาร์คนำทรายชื้นๆ กับเศษใบผักที่เปื่อยแล้วลงไปในถัง ทั้งยังใช้ผ้าป่านคลุมถังไว้อีกชั้น เขาพูดขึ้นมาว่า “โอเค แบบนี้ตัวสงกรานต์ก็จะไม่ตายง่ายๆ แล้ว ขอแค่เปลี่ยนใบผักได้ทันเวลา พวกมันจะสามารถอยู่ได้เป็นเดือนจนเกือบสองเดือนเลยล่ะ”


ฉินสือโอวจับตัวสงกรานต์ไปได้สักพัก เห็นว่าเด็กๆ ทั้งสี่คนเอาการเอางานขนาดนั้น เขาเลยแอบอู้เองซะเลย เขากับชาร์คพากันวางพืชคลุมดินจำพวกใบผักกาดหอม หญ้าซอฟท์รัช กับหญ้าเจ้าชู้โกโบไว้ใกล้ๆ กับโขดหินริมทะเล


นี่คือของที่ใช้เพื่อดึงดูดตัวทาก สัตว์ตัวเล็กๆ พวกนี้เป็นเหยื่อล่อปลาออร์ฟีสีทองได้อย่างดี เพียงแค่หย่อนตะขอลงไป ตัวทากเพียงแค่ตัวเดียวก็สามารถดึงดูดปลาออร์ฟีสีทองมาได้แล้วหนึ่งตัว


แต่ถ้าเทียบกันกับตัวสงกรานต์ที่โง่เซ่อแล้ว ตัวทากก็ไม่ได้จับได้ง่ายนัก ตอนกลางคืนพวกมันจะปีนขึ้นมาบนชายหาด หลังจากนั้นก่อนที่ฟ้าจะสว่างพวกมันก็จะมุดกลับลงไปในน้ำ พวกมันไม่ชอบแสง ดังนั้นถ้าจะจับพวกมันก็จะต้องใช้ผักกับหญ้ามาล่อ


……………………………………………………………………


บทที่ 406 นำทัพกุ้งมังกร

โดย

Ink Stone_Fantasy

เช้าวันต่อมา ตอนที่ฉินสือโอวมาวิ่งออกกำลังกายเขาก็แวะเข้าไปดูใบผักที่เขาวางแถวริมชายหาด และก็เป็นอย่างที่คิดไว้ ตัวทากส่วนหนึ่งกำลังหดหัวหดตัวอยู่ใต้ใบผัก


ตัวทากพวกนี้ไม่ใช่ตัวทากแบบมังกรน้ำเงินที่เขามอบให้วินนี่ เป็นเพียงตัวทากทะเลทั่วๆ ไปเท่านั้น มันเหมือนหอยทากที่ไม่มีเปลือกนั่นเอง ความยาวประมาณหนึ่งสองเซนติเมตรถึงสิบเซนติเมตร หน้าตาค่อนข้างน่าขยะแขยง ผิวภายนอกเรียบลื่นมีเมือกเคลือบทั่วทั้งตัว ดังนั้นมันจึงมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ‘หนอนน้ำมูก’


ฉินสือโอวหยิบกล่องใส่อาหารปลาที่เตรียมไว้ออกมา ใช้ตะเกียบคีบพวกหนอนน้ำมูกใส่เข้าไปข้างใน ด้านล่างปูดินทรายชื้นๆ ไว้ ส่วนด้านบนก็นำใบผักมาคลุม สามารถรักษาให้พวกมันมีชีวิตต่อไปได้อีกระยะหนึ่ง


ตอนบ่ายอากาศอบอุ่นแล้ว ฉินสือโอวจึงนำเหยื่อตกปลาที่ยังเป็นๆ พวกนี้ พกติดตัวไว้แล้วเดินทางไปทะเลสาบเฉินเป่าด้วยความตื่นเต้น


ครั้งนี้เขาตั้งใจขับรถอ้อมไปดูโบสถ์ด้วย ทีมงานก่อสร้างของวิลกำลังดำเนินการก่อสร้างด้วยกันอย่างแข็งขัน สิ่งก่อสร้างที่ได้รับการอนุรักษ์บางส่วนถูกล้อมเอาไว้ ส่วนพวกที่เหลือก็เรียกได้ว่าเป็นการสร้างใหม่แทบจะทั้งหมด วิลกับวิศวกรออกคำสั่งให้คนงานฉาบปูนและปูกระเบื้องบริเวณภายนอกใหม่


ในช่วงฤดูหนาวชาวประมงก็เหมือนกันกับเกษตรกร ต่างก็ไม่มีงานอะไรให้ทำ บางคนพอเห็นว่ากำลังซ่อมแซมโบสถ์ จึงขออาสามาช่วยงานด้วย


เรื่องนี้ก็คล้ายกันกับเวลาคนจีนซ่อมแซมวัด คนที่มาช่วยก่อสร้างจะได้รับบุญกุศล ในศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสแตนต์ชาวคริสต์ที่มาช่วยสร้างโบสถ์ก็จะได้รับพรจากพระเยซูเช่นกัน


เห็นรถของฉินสือโอวขับผ่านมา ชาวเมืองกว่าสิบคนก็หยุดมือที่กำลังคีบบุหรี่สูบ แล้วพากันเข้ามาขอบคุณเขาที่ให้ความช่วยเหลือกับเมืองนี้อย่างใจกว้าง


ฉินสือโอวชนกำปั้นทักทายกับพวกเขา ระหว่างชาวประมงด้วยกันเวลาเจอหน้าจะไม่จับมือทักทาย แต่จะยกกำปั้นขึ้นมาชนกัน เหมือนกันกับแก๊งอันธพาลในหนังฮอลลีวูด ซึ่งก็นับว่าเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งเช่นกัน


“ฉิน คำขอบคุณที่มากเกินไปคงไม่จำเป็นต้องพูดแล้ว พระเจ้ารับรู้ถึงสิ่งที่อยู่ในใจของพวกเรา นายเป็นคนดีแบบที่พวกเราไม่เคยพบมาก่อน ไม่มีคนรวยคนไหนเหมือนนายเลย!” ชาวประมงร่างกายบึกบึนคนหนึ่งพูดกับเขาพร้อมกับคาบซิการ์เอาไว้ในปาก


ฉินสือโอวตอบกลับไปว่า “ผมก็เป็นคนของที่นี่เหมือนกัน แน่นอนว่าต้องสร้างประโยชน์ให้กับบ้านเมืองของตัวเองอยู่แล้ว อีกทั้งผมยังพอมีเงินอยู่บ้าง เลยทำได้แค่เริ่มได้จากจุดนี้ แต่โดยเนื้อแท้แล้วพวกเราก็เหมือนกันทุกคน ต่างก็มีคุณูปการต่อเมืองนี้ด้วยกันทั้งนั้น”


“คนมีเงินไม่ได้มีแค่นายคนเดียวหรอก ฮ่าๆ แต่พวกเขาก็พากันหนีไปอยู่นครเซนต์จอห์นกันทั้งนั้นล่ะ ถึงจะมีบางคนที่มาอยู่บนเกาะแฟร์เวล อย่างเจ้าของฟาร์มปลาแกธเธอริงหน้าโง่นั่น แต่แค่พวกเขาไม่ได้ทำลายเกาะแห่งนี้พวกเราก็รู้สึกขอบคุณพระเจ้าที่ช่วยคุ้มครองเราไว้แล้วล่ะ”


“ใช่แล้ว ฉิน นายสมถะแถมยังถ่อมตัว ทำให้พวกเราได้รู้จักกับแบบอย่างของชาวตะวันออกที่ดี เมื่อก่อนพวกเราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับประเทศของพวกนายเลย ตอนนี้เปิดเส้นทางการท่องเที่ยวแล้ว พวกเราถึงได้เพิ่งรู้ว่าแท้จริงแล้วเศรษฐกิจในประเทศของพวกนายน่ะเยี่ยมยอดมาก คุณภาพของประชากรก็สูง โลกนี้เปลี่ยนไปมากแล้วจริงๆ!”


“เรื่องนี้พวกเราก็ต้องขอบคุณฉินเหมือนกัน ถ้าไม่ใช่เพราะเขาช่วยเสนอความคิดเห็น ช่วยค้นหาทรัพยากรเพื่อบุกเบิกการท่องเที่ยว ฤดูหนาวปีนี้พวกเราคงแทบจะไม่มีรายได้เลย แต่ตอนนี้ดีขึ้นเยอะแล้ว ถึงจะจับปลาไม่ได้ แต่ก็ยังหาเงินได้เยอะกว่าปีก่อนๆ”


“ฉันเห็นด้วยกับที่บอนเนอร์พูดมาทั้งหมดเลย ถ้าไม่มีนักท่องเที่ยว ฉันก็ไม่รู้ว่าจะเอาเงินจากไหนมาซื้อของขวัญวันคริสต์มาสให้กับคนในครอบครัวเหมือนกัน”


ต่างคนต่างแสดงความคิดเห็นของตัวเอง จึงเลี่ยงที่จะพูดเรื่องอาชีพประมงขึ้นมาได้ยาก กลุ่มชาวประมงพูดถึงรายได้ด้วยความพึงพอใจ เพราะหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจในเมืองนี้ค่อนข้างเอนไปทางการท่องเที่ยวแล้ว แต่พอพูดถึงอาชีพของตัวเอง พวกเขาแต่ละคนก็พากันหน้านิ่วคิ้วขมวดทันที


“ดูสิ ฟาร์มปลาของพวกเราแทบจะไม่มีปลาเหลืออยู่แล้ว ทำได้แค่อาศัยจับกุ้งมังกรกับปูขึ้นมาขายเท่านั้น ไม่รู้ว่าพวกเราทำอะไรผิดหรือเปล่า พระเจ้าถึงต้องลงโทษพวกเรา ตั้งแต่เริ่มปีนี้มา กระทั่งกุ้งมังกรก็ไม่มีแล้ว” ชาวประมงร่างกายบึกบึนที่คาบซิการ์ไว้พูดขึ้นมาอย่างจนปัญญา


ฉินสือโอวปลอบพวกเขาว่า “พระเจ้าไม่มีทางทอดทิ้งคนที่ศรัทธาในตัวท่านหรอก นอกเสียจากว่าใจที่อยากรับใช้ท่านของพวกนายยังไม่มากพอ ต้นฤดูใบไม้ผลิปีนี้ ฟาร์มปลาของฉันจะเริ่มจับปลามาขายได้แล้ว ถึงตอนนั้นฉันต้องจ้างแรงงานคนจำนวนมากมาช่วยจับปลา พวกนายสนใจทำไหม?”


พอได้ยินอย่างนี้ เหล่าชาวประมงก็ตบอกแน่นๆ ของตัวเองจนเกิดเสียงดังปุๆ พวกเขาแต่ละคนต่างก็ดีใจกับเรื่องที่เกินความคาดหมายนี้ “แน่นอนสิ แน่นอน ฉิน เหลืองานไว้ให้ฉันด้วยนะ ขอแค่นายออกคำสั่ง ฉันจะไปหานายทันที”


“ฉันด้วย ฉิน ฉันพร้อมเสมอ นายเป็นคนดีที่ใจกว้างจริงๆ”


เงินเดือนที่ฉินสือโอวให้กับชาร์คและคนอื่นๆ เป็นเงินก้อนโต ทุกคนในเมืองต่างก็รู้เรื่องนี้ ชาวประมงทุกคนต่างก็อิจฉาพวกเขาที่ได้ทำงานให้กับเจ้านายหนุ่มที่มีใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แถมยังเป็นคนง่ายๆ สบายๆ พอได้ยินข่าวที่ว่าฉินสือโอวอาจจะต้องการแรงงานไปช่วยงานฟาร์มปลาเพิ่มอีก พวกเขาก็ย่อมต้องดีใจมากเป็นธรรมดา


“แต่มันก็อีกตั้งสี่ห้าเดือน ตอนนี้พวกนายคิดว่าจะทำยังไงกันล่ะ?” ฉินสือโอวเห็นท่าทางฮึกเหิมจนเกินเหตุของพวกเขา จึงรีบพูดถึงสภาพการณ์ให้เข้าใจชัดเจน


ต่อมาชาวประมงคาบซิการ์ก็พูดกับเขาว่า “รอจนแน่ใจว่าสภาพอากาศไม่มีปัญหาอะไร ก็อาจจะไปจับกุ้งมังกรที่อ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์ ถือโอกาสตอนที่เชื้อราตระกูลแก๊ฟคี่ของกุ้งมังกรยังไม่ปกคลุมไปทั่วน่านน้ำแถบชายฝั่งทะเล ไปจับกุ้งมังกรมาขายอีกสักหน่อย”


การปรากฏตัวของเชื้อราตระกูลแก๊ฟคี่ทำให้เศรษฐกิจของฟาร์มปลาที่เดิมทีก็ไม่ค่อยดีอยู่แล้วยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ ลูกกุ้งมังกรที่อยู่แถบชายฝั่งทะเลหายสาบสูญไปจนหมด ก่อนที่แบคทีเรียจะหายไปกุ้งมังกรตัวใหญ่ที่เหลืออยู่ก็ยิ่งน้อยลงไปทุกครั้งที่ถูกจับขึ้นมา นี่เป็นแหล่งทรัพยากรสุดท้ายของพวกเขา ดังนั้นชาวประมงจึงต้องแข่งขันกันอย่างดุเดือด


ตอนนี้ราคากุ้งมังกรในตลาดเริ่มพุ่งขึ้นสูงแล้ว เมืองที่ไม่มีทางออกติดทะเลอย่างวินนิเพ็ก บ้านเก่าของวินนี่ก็ยิ่งได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ ตอนเทศกาลคริสต์มาสพ่อของวินนี่ซื้อเมนล็อบสเตอร์ขนาดสองตัวห้าร้อยกรัมมาคู่หนึ่ง จ่ายเงินไปสี่ร้อยดอลลาร์แคนาดาเต็มๆ ซึ่งโดยปกติแล้วกุ้งมังกรขนาดเท่านี้หนึ่งคู่ จะมีราคาประมาณหนึ่งร้อยห้าสิบดอลลาร์เท่านั้น


ถึงแม้ว่าจะเป็นการจับกุ้งมังกรแถบริมชายฝั่ง แต่ก็นับว่าเป็นงานชิ้นใหญ่เช่นกัน เนื่องจากต้องใช้ตาข่ายดักกุ้งเพื่อจับกุ้งมังกร ของชิ้นนี้กินพื้นที่มาก ต้องมีเรือขนาดใหญ่พอที่จะบรรจุมันได้


ดังนั้นถ้าหากชาวประมงในเกาะแฟร์เวลต้องการทำงานนี้ พวกเขาก็ต้องรวมเงินกันเพื่อเช่าเรือ หรือไม่ก็ไปรับจ้างทำงานให้คนอื่นแทน


ได้ยินกลุ่มชาวประมงพูดถึงเรื่องนี้ ฉินสือโอวจึงพูดขึ้นมาว่า “เฮ้ ฉันมีเรืออยู่ลำหนึ่ง เป็นเรือฮาวิซท พวกนายคิดว่าขนาดของมันเป็นยังไงบ้าง?”


ชาวประมงที่กำลังคาบซิการ์พูดกับเขาด้วยรอยยิ้มว่า “มันเป็นเรือที่ดีเลยล่ะ แต่รูปโฉมใหม่เอี่ยมเหมือนลูกแกะแรกเกิดของมัน ถ้าขับออกไปจับกุ้งมังกรก็น่ากลัวอยู่เหมือนกัน”


เนื่องจากในการจับกุ้งมังกรจำเป็นต้องหย่อนและยกตาข่ายจับกุ้งขึ้นลงตลอดเวลา ระหว่างการทำงานจึงหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการกระแทกได้ยาก โดยทั่วไปแล้วเรือที่ใช้จับกุ้งมังกรเลยมักจะมีสภาพชำรุดทรุดโทรม ซึ่งนี่แหละคือสาเหตุ


แต่ฉินสือโอวกลับไม่ได้สนใจเรื่องนี้ แบบนั้นเรียกว่าเรือที่ดีตรงไหนกัน? ในสายตาของเขาเรือมีไว้สำหรับใช้งาน ไม่ว่าจะงานหนักหรืองานเบาก็เหมือนๆ กันทั้งนั้น


เมื่อลองคำนวณดูแล้ว ถ้าเอาไปขายที่ท่าเรือ กุ้งมังกรครึ่งกิโลจะมีราคาประมาณสี่สิบดอลลาร์แคนาดา โดยพื้นฐานแล้วถ้าโชคดีหน่อย ครั้งหนึ่งจะจับกุ้งมังกรได้ประมาณสองร้อยกิโลกรัม หรือเท่ากับหนึ่งหมื่นหกพันดอลลาร์ ถึงจะเป็นเงินก้อนเล็ก แต่เมื่อเป็นรายได้พิเศษก็ถือว่าไม่เลวเลย


พอตัดสินใจได้แล้ว ฉินสือโอวจึงพูดขึ้นมาว่า “ตอนนี้ฉันกำลังจะไปตกปลา แต่ถ้าอีกสิบกว่าวันข้างหน้าอากาศยังดีอยู่ ฉันก็จะไปจับกุ้งมังกรที่อ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์ เอาเรือของฉันไปเอง ถ้าพวกนายสนใจก็มาด้วยกันสิ ได้ค่าตอบแทนดีแน่นอน”


เขาลองคำนวณดูแล้ว อาสาสมัครที่อยู่ตรงนี้มีอยู่ไม่เกินสิบคน ตามตำแหน่งงานบนเรือฮาวิซทแล้ว เขาแค่ต้องพาคนจากที่บ้านไปด้วยกันอีกสองคนก็จะครบพอดี


ได้ยินข้อเสนอของฉินสือโอว คนเหล่านี้ก็ถึงกับชะงักไปทันที หลังจากนั้นก็ตอบรับเขาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มมีความสุข ชายร่างใหญ่ที่สูบซิการ์ก็แปะมือกับเพื่อนแสดงความดีใจ แล้วพูดพร้อมหัวเราะออกมาว่า “เห็นไหม ฉันบอกแล้วว่าถ้าพวกเรามาซ่อมโบสถ์เราจะได้โชค พรของพระเจ้ามาถึงเร็วเกินไปแล้ว”


เรื่องนี้ตกลงกันไว้เท่านี้ก่อน ฉินสือโอวต้องรีบไปตกปลาแล้ว


…………………………………………………


บทที่ 407 เจี้ยนผานโฮ่ว

โดย

Ink Stone_Fantasy

หลังจากนัดหมายกับเหล่าชาวประมงไว้แล้ว ฉินสือโอวก็ขับรถไปที่ทะเลสาบเฉินเป่า มีนักท่องเที่ยวบางส่วนกำลังเล่นสเกตน้ำแข็งพร้อมกับส่งเสียงดังโหวกเหวก ไกด์นำเที่ยวคนหนึ่งนั่งอยู่บนฝั่ง เขาจะตะโกนเตือนให้นักท่องเที่ยวระวังหลุมน้ำแข็งอยู่เสมอๆ


ฉินสือโอวหาหลุมน้ำแข็งที่ทุบไว้เมื่อวานเจอแล้ว นี่เป็นที่ที่ชาร์คตั้งใจเลือกอย่างดี ระดับความลึกของน้ำก็เหมาะสม ใต้ทะเลสาบเป็นพื้นที่ต่ำ ปลาออร์ฟีสีทอง บาร์เบล ปลาเพิร์ชยุโรปชอบอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ นอกจากนี้วัชพืชน้ำใต้รูน้ำแข็งก็อุดมสมบูรณ์ สามารถดึงดูดปลาจำพวกปลาไพค์อเมริกาเหนือกับปลาดุกได้เป็นจำนวนมาก


ภายในค่ำคืนเดียว หลุมน้ำแข็งขนาดใหญ่ก็เกาะตัวกันเป็นน้ำแข็งอีกครั้ง มีความหนาถึงเจ็ดแปดเซนติเมตร ทำให้ได้รู้ว่าค่ำคืนในฤดูหนาวของเกาะแฟร์เวลนั้นหนาวเหน็บขนาดไหน


เมื่อคราวนี้เปลี่ยนเหยื่อตกปลาแล้ว ฉินสือโอวถึงรู้สึกพออกพอใจ หู่จือกับเป้าจือยื่นหัวมองลงไปยังรูบนพื้นน้ำแข็ง พวกมันก็รอคอยด้วยความคาดหวังเช่นกัน วันนี้ฉงต้าไม่ได้มาด้วย เมื่อวานจับปลาได้น้อยเกินไป มันเลยเลิกสนใจแล้ว


หลังจากเจาะพื้นน้ำแข็งเพื่อเปิดรูแล้ว ฉินสือโอวก็กำลังจะแขวนเหยื่อไว้กับตะขอตกปลา อีกทั้งการใช้ตัวสงกรานต์ก็ไม่ใช่ว่าจะแขวนไปกับตะขอแล้วหย่อนลงไปในทะเลสาบแบบทั่วๆ แล้วจะจบ มันมีขั้นตอนที่ค่อนข้างซับซ้อนอยู่


ซีมอนสเตอร์ทำเครื่องสูบลมที่ทำมาจากหลอดของเข็มฉีดยาให้ฉินสือโอวหนึ่งอัน ต้องขอบอกเลยว่าคนที่มีร่างกายสูงใหญ่บึกบึนอย่างเขาก็มีความคิดและมีฝีมือมาก บางครั้งฉินสือโอวจะเรียกเขาเล่นๆ ว่าจางเฟย[1] เนื่องจากเขามีท่าทางดุดันเหมือนจางเฟย และยังทำงานฝีมือได้ประณีตอีกด้วย


นำปากหลอดเข็มฉีดยายัดเข้าไปในปากของตัวสงกรานต์ พออัดลมจากหลอดเข็มฉีดยาเข้าไป ตัวสงกรานต์ก็พองลมจนดูเหมือนลูกบอลลูกเล็กๆ ขึ้นมา นี่เกิดจากโครงสร้างร่างกายของตัวสงกรานต์ ร่างกายของพวกมันคล้ายกับแผ่นหนังหนึ่งเส้น จึงสามารถกักเก็บอากาศไว้ได้


คราวนี้ก็ติดมันไว้กับตะขอตกปลา ฉินสือโอวหย่อนมันลงไปในทะเลสาบ เมื่อมองทะลุผ่านน้ำใสสะอาดของทะเลสาบ ก็จะสามารถมองเห็นฟองอากาศเล็กๆ กลุ่มหนึ่งลอย ‘บุ๋งๆๆๆ’ ขึ้นมาสู่ผิวน้ำ ตัวสงกรานต์เริ่มปล่อยอากาศออกมาจากปาก ค่อยๆ ล่องลอยแล้วดิ่งลงอย่างช้าๆ ไม่ได้ทิ้งตัวดิ่งลงไปสู่ใต้ผืนน้ำเลยตรงๆ


เมื่อเป็นเช่นนี้ ตัวสงกรานต์ก็จะดูเหมือนกับพวกหนอนที่ลอยลงสู่ทะเลสาบตามธรรมชาติ ระหว่างที่กำลังจมลงอย่างช้าๆ ก็ดูเหมือนกับว่ามันกำลังดิ้นรนเอาชีวิตรอดอยู่


ปลาออร์ฟีสีทองตัวอ้วนกลมตัวหนึ่งกำลังว่ายวนอยู่รอบๆ พอมองเห็นตัวสงกรานต์ตัวนี้ มันก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที จากนั้นก็ว่ายน้ำเข้ามาด้วยความรวดเร็วพร้อมทั้งอ้าปากกว้างแล้วกลืนมันลงไป


หลังจากนั้น มันก็ต้องตกอยู่ในสภาพน่าเวทนา พอกลืนเหยื่อเข้าไปแล้วถึงได้พบว่าต่อให้อยากคายออกมาก็คายไม่ได้แล้ว


ฉินสือโอวมองดูลูกลอยของเบ็ดตกปลาที่กำลังสะบัดอย่างรุนแรง ก็รู้ได้ทันทีว่ามีปลามาติดเบ็ดแล้ว ปากของเขาก็หัวเราะเหอะๆ ออกมาทันที เหยื่อตกปลาอันนี้มีอิทธิพลต่อปลาเป็นอย่างมาก เมื่อวานใช้เนื้อกระป๋องกับไส้กรอกเป็นเหยื่อล่อ แม้กระทั่งปลาสักตัวก็ยังตกไม่ได้ ตัวสงกรานต์ตัวนี้เพิ่งจะลงน้ำไปไม่นาน ก็มีปลามาติดเบ็ดแล้ว


ตกปลาในทะเลสาบไม่จำเป็นต้องใช้รอกตกปลา เนื่องจากเส้นเอ็นตกปลาล้วนแต่เป็นเส้นเอ็นสั้นๆ แค่ยกขึ้นมาก็ได้แล้ว ฉินสือโอวสะบัดแขนขึ้นหนึ่งครั้ง ปลาออร์ฟีสีทองน้ำหนักราวๆ ห้าหกกิโลก็ถูกดึงขึ้นมาสู่ผิวน้ำ


“โว้ว ฝีมือเยี่ยมมากพี่ชาย!” เสียงพูดสำเนียงตงเป่ย[2]เด่นชัดดังขึ้นมาไม่ไกลจากด้านหลังของเขา


ฉินสือโอวมัวแต่รวบรวมสมาธิตกปลา จึงไม่ได้สังเกตว่ามีคนเข้ามาใกล้ พอได้ยินเสียงเขาจึงหันหน้ากลับไปดู ก็เห็นชายหนุ่มร่างกายสูงผอมคนหนึ่งกำลังยิ้มให้เขาด้วยใบหน้าทะเล้นๆ


หนุ่มคนนี้น่าจะอายุประมาณยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดปี บนใบหน้ายังมีสิววัยรุ่นอยู่ เสื้อผ้าการแต่งกายก็ไม่ได้ประณีตนัก ลักษณะค่อนข้างคล้ายกับตอนฉินสือโอวยังอยู่ที่จีน อืม ท่าทางคล้ายๆ พวกขี้แพ้ หรือจะพูดอีกอย่างก็คือท่าทางแบบผู้ชายติดบ้านนั่นเอง


สิ่งที่ค่อนข้างน่าสนใจก็คือ บนหัวของชายหนุ่มคนนี้สวมหมวกทหารเหลยเฟิงอันหนาหนักอยู่หนึ่งใบ หัวของเขาค่อนข้างผอมเล็ก หมวกทหารใบนี้ก็กว้างมากเป็นพิเศษ จนดูเหมือนว่าเขาสวมหม้อไว้บนหัว บวกกับมือทั้งสองข้างของเขาที่กำลังซุกอยู่ในแขนเสื้อเหมือนกับคนแก่ เลยทำให้ดูน่าตลกขบขันเล็กน้อย


ฉินสือโอวพยักหน้ารับเป็นมารยาท คนคนนี้รอจนเขาดึงปลาขึ้นมาแล้วถึงจะพูดกับเขา เห็นได้ชัดว่าเป็นคนมีมารยาทมาก เขาจะทำท่าทีเย็นชาใส่ไม่ได้


พอเขาพยักหน้า พ่อหนุ่มคนนี้ก็ไต่ไม้ค้ำเล่นสกีเข้ามา แล้วนั่งลงข้างๆ เขาทันที ชายหนุ่มหัวเราะคิกคักพร้อมทั้งพูดขึ้นมาว่า “ฝีมือพี่สุดยอดมาก ผมเห็นตั้งแต่แรกเลย พอหย่อนเบ็ดลงไปแล้ว จากนั้นก็ ‘ตู้ม’ ตกปลาขึ้นมาได้แล้วตัวหนึ่ง พี่ฝึกมาเหรอหรือว่าทำยังไง? บ้านเก่าของพี่อยู่ที่ไหนอะ?”


“ฉันเป็นคนหลู่เป่ย นายล่ะ?” ฉินสือโอวถอดปลาออกมาจากเบ็ดแล้วโยนไว้บนพื้นน้ำแข็งจากนั้นก็เริ่มตกปลาอีกรอบ


หนุ่มคนนั้นยิ้มหน้าบานด้วยความดีใจพร้อมทั้งพูดขึ้นมาว่า “ผมเป็นคนตงเป่ย ไม่แน่ว่าพวกเราอาจจะเป็นคนบ้านเดียวกันก็ได้ พ่อของปู่ผมเป็นคนมณฑลซานตงที่ไปทำกินทางฝั่งตะวันตกของซานไท่กวน ตอนนั้นย้ายจากหลู่เป่ยไปตงเป่ย ต่อมาก็ลงหลักปักฐานอยู่ที่นั่น ใช่แล้ว ผมชื่อว่าโหวจื่อเซวียนนะ คนอื่นๆ เรียกผมว่าเจี้ยนผานโฮ่ว พี่ชื่ออะไรเหรอ? มาที่นี่ตั้งแต่เมื่อไร?”


เวลาตกปลาสิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือการพูดคุย แต่สำหรับการเจาะพื้นน้ำแข็งตกปลาก็ไม่เป็นไร ยังมีพื้นน้ำแข็งหน้าๆ กั้นไว้อยู่ มีผลกระทบไม่มาก


มีคนคุยให้ด้วย ฉินสือโอวก็รู้สึกยินดีเช่นกัน เขาจึงตอบกลับไปว่า “ฉันชื่อฉินสือโอว ฉันมาที่นี่ค่อนข้างนานแล้วล่ะ น่าจะประมาณเก้าเดือนแล้ว”


“โอ้โห ทำไมพี่ถึงเจ๋งขนาดนี้เลยอะ? ทำไมพี่ถึงได้วีซ่า? สอนผมหน่อยสิ… เดี๋ยวนะ พี่แซ่ฉินเหรอ? พี่ใช่คนที่ขายเกี๊ยวแล้วเอาเงินไปซื้อรถหรูแถมยังควงสาวฝรั่งคนนั้นใช่ไหม?” โหวจื่อเซวียนถามเขาพร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้าง


ฉินสือโอวไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เจ้าหมอนี่มีอะไรก็พูดมาจนหมดเลยนะ เขาจึงพยักหน้าแล้วตอบกลับไปว่า “คิดว่าน่าจะเป็นฉันนี่แหละ”


พอเขายืนยัน โหวจื่อเซวียนก็ยิ่งดีใจ จากนั้นก็ตีเขาเล่นๆ หนึ่งครั้งแล้วพูดขึ้นมาว่า “ผมได้เจอไอดอลแล้ว พี่ไม่รู้หรอกว่าตอนนี้พี่ดังขนาดไหนในแถบตงเป่ยของบ้านเรา พวกผู้ชายติดบ้านมองพี่เป็นไอดอลกันทั้งนั้น พี่รู้ไหมว่าผู้ชายติดบ้านคืออะไร?… โอ้โห ทำไมหมาพี่ถึงดุขนาดนี้เนี่ย?”


พอเขาตีฉินสือโอว หู่จือที่อยู่ข้างๆ ก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที มันแยกเขี้ยวใส่เขาอย่างดุร้าย หนุ่มติดบ้านที่นั่งอยู่ก็ตกใจจนกระโดดขึ้นมา


ฉินสือโอวรู้สึกว่าท่าทางแบบนี้ก็เจ๋งอยู่เหมือนกัน เขาก็น่าจะเคยฝึกมาใช่ไหม? เมื่อสักครู่โหวจื่อเซวียนนั่งลงบนพื้นตามสบาย พอหู่จือแยกเขี้ยวใส่ เขาก็กระโดดขึ้นมาเลยทันที


ฉินสือโอวเคยเห็นท่าทางแบบนี้จากในทีวีมาก่อน ในละครสั้นเรื่องสุขสันต์วันเกิดของเจ้าซื่อ ก็มีคนเต้นด้วยท่าทางแบบนี้เหมือนกัน


“มันหยอกนายเล่นน่ะ ว่าแต่ว่านายเคยฝึกมาด้วยเหรอ?” ฉินสือโอวปลอบหู่จือแล้วถามเขากลับไป


โหวจื่อเซวียนหัวเราะฮ่าๆ แล้วพูดกับเขาว่า “ใช่แล้วล่ะ ผมชอบฝึกมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว แต่ตอนนี้ผมชอบของเกี่ยวกับทหาร พี่เห็นหมวกใบนี้ของผมไหม? ผมจะบอกให้ว่าหมวกใบนี้ไม่ใช่หมวกธรรมดาๆ นะ หมวกพีแอลเอฤดูหนาวแบบเก่าของทหารรุ่น 65 ของเก่าหลายปีแล้ว เป็นของทหารแท้ๆ แน่นอน”


มีปลามาติดเบ็ดอีกตัวแล้ว ฉินสือโอวยืนขึ้นแล้วเก็บเส้นเอ็นตกปลาขึ้นมา แต่ปรากฏว่าเส้นเอ็นรับน้ำหนักไม่ไหว จึงขาดออกจากกันทันที


โหวจื่อเซวียนร้องตะโกนขึ้นมาด้วยความตกใจ ฉินสือโอวปล่อยจิตสำนึกแห่งโพไซดอนลงไปดู ที่แท้ก็เป็นปลาดุกน้ำจืดยาวราวๆ หนึ่งเมตรนี่เอง ปลาชนิดนี้มีนิสัยดุร้าย มีพละกำลังมหาศาล เป็นปลาพื้นเมืองชนิดเดียวที่เป็นคู่ต่อสู้ของปลาคาร์ฟเอเชียในทะเลสาบเฉินเป่า


แน่นอนว่ารสชาติของปลาดุกน้ำจืดก็ดีมากเช่นกัน โดยเฉพาะถ้าใช้หม้อเหล็กในการปรุงปลาชนิดนี้ล่ะก็ เรียกได้ว่าอร่อยเหาะเลยล่ะ


ฉินสือโอวเห็นว่าหลังจากปลาดุกน้ำจืดดิ้นจนเส้นเอ็นขาดแล้วก็ไม่ได้ว่ายหนีไปไหน ยังมัวแต่โอ้อวดกำลังอยู่ในน้ำกับอ้าปากพะงาบๆ เขาจึงเปลี่ยนเป็นเส้นเอ็นขนาด 0.5 แล้วตกปลาต่อ ปลากระจอก ข้าน่ะเป็นเทพโพไซดอนนะ คิดว่าจะจัดการปลาตัวเล็กๆ อย่างแกไม่ได้เหรอ?


ระหว่างที่รอปลาดุกน้ำจืดมาติดเบ็ดอย่างใจเย็น ฉินสือโอวก็ถือโอกาสคุยกับโหวจื่อเซวียนไปด้วย เขาถามออกไปว่า “นายมาแคนาดาได้กี่วันแล้ว? เกาะแฟร์เวลเป็นยังไงบ้าง? วิวช่วงฤดูหนาวไม่ค่อยสวยเท่าไร ทำไมนายไม่มาช่วงฤดูอื่นแทนล่ะ?”


โหวจื่อเซวียนตอบเขากลับมาว่า “พี่ ผมไม่ได้มาชมวิวสักหน่อย ผมมายิงปืนเล่น ผมเห็นในอินเทอร์เน็ตบอกว่าที่เมืองนี้เพิ่งจะสร้างร้านขายปืนขนาดใหญ่ ผมเลยรู้สึกสนใจมากๆ เอ่อ อะไรนะ ผมพูดไปแล้วหรือยัง ผมมีชื่อเล่นว่าเจี้ยนผานโฮ่ว หมายถึงนักยุทธศาสตร์การรบคีย์บอร์ด”


“อ้อ นายเป็นพวกชอบเรื่องเกี่ยวกับทหารใช่ไหม?”


“ใช่แล้ว พวกชอบทหาร พี่ใหญ่รู้เรื่องหลายอย่างเหมือนกันนะเนี่ย”


ฉินสือโอวเผลอหัวเราะออกมา เขาตอบกลับไปว่า “มิน่าล่ะคนอื่นถึงพากันบอกว่าคนที่ชอบการทหารมีแต่คนมีเงิน แค่เพราะอยากมายิงปืนเล่น นายเลยยอมจ่ายเงินหลายหมื่นหยวนเพื่อมาแคนาดาน่ะเหรอ?”


โหวจื่อเซวียนตอบเขากลับมาว่า “อะไรนะ ผมมีเงินที่ไหนกันล่ะ? ก่อนหน้านี้ผมเป็นยาจกเลยล่ะ แต่ช่วงคริสต์มาสผมได้โชคมา ซื้อลอตเตอรี่มาสองชุด ปรากฏว่าดันถูกเฉย พี่อย่าไปบอกใครนะ ผมได้รางวัลมาแปดล้านกว่า ผมเลยอยากใช้เงินหน่อย จะได้สานฝันที่จะได้จับปืนกับกระสุนของจริงสักที”


ฉินสือโอวกำลังจะพูดอะไรสักอย่าง แต่เอ็นตกปลาก็ถูกดึงจนตึงเสียก่อน เฮ้อ ปลาดุกตัวนั้นไม่กลัวปีศาจจริงๆ มันมาติดเบ็ดอีกรอบแล้ว!


……………………………………………………..


[1] จางเฟย ตัวละครนิยายเรื่องสามก๊ก ภาษาจีนฮกเกี้ยนจะออกเสียงว่าเตียวหุย


[2] ตงเป่ย คือบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน


บทที่ 408 การค้นพบครั้งใหม่ของทะเลสาบเฉินเป่า

โดย

Ink Stone_Fantasy

ครั้งนี้เตรียมตัวมาดีแล้ว ฉินสือโอวจึงไม่ต้องเปลืองแรงอะไรเลย ดึงชักอยู่ไม่กี่ครั้ง ก็ออกแรงที่แขนแล้วดึงปลาดุกน้ำจืดยักษ์ขึ้นมาได้


เมื่อเทียบกับปลาออร์ฟีสีทอง พลังชีวิตของปลาดุกก็นับว่าแข็งแกร่งกว่ามาก หลังจากฉินสือโอวทิ้งมันไว้บนพื้นน้ำแข็งแล้ว ปลาตัวนี้ก็กระโดดไปมาอย่างบ้าคลั่ง ปากใหญ่อ้าๆ หุบๆ  ดูแล้วโอหังยิ่งนัก


หู่จือกับเป้าจืออดจะเข้าไปสั่งสอนมันไม่ได้ แต่ปรากฏว่าหางของปลาดุกยักษ์ที่กำลังสะบัดอย่างดุร้าย ก็ฟาดเข้ากับเป้าจือที่ล้อมเข้ามาก่อน หู่จือเห็นว่าท่าทางไม่ดีแล้ว มันจึงไม่ลังเลที่จะวิ่งกลับมาแล้วนั่งมองฉินสือโอวตกปลาต่อ


โหวจื่อเซวียนมองเห็นปลาดุกด้วยตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นมา เขาหัวเราะแหะๆ แล้วถามว่า “เอ่อ พี่ พี่จะจัดการกับปลาตัวนี้ยังไงเหรอ? ไปเช่ากระทะเหล็กมาจากในเมืองไหม เดี๋ยวผมทำปลาดุกตุ๋นกระทะเหล็กให้พี่กินดีไหม? ตุ๋นแบบตงเป่ยแท้ๆ เลย”


“นายทำปลาเป็นด้วยเหรอ?” ฉินสือโอวถามเขาพร้อมรอยยิ้ม


โหวจื่อเซวียนสะบัดหัวหนึ่งครั้ง เขาพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “พี่คิดว่านักยุทธศาสตร์หลังคีย์บอร์ดแบบผมกินเป็นแต่บะหมี่ซองอย่างนั้นเหรอ? พี่เห็นไหมว่าทำไมผมถึงได้ผอมสุขภาพของผมถึงได้ดีขนาดนี้? ก็เพราะผมได้รับสารอาหารครบถ้วนยังไงเล่า แถมพ่อของผมยังเป็นพ่อครัวที่สุดยอดมาก ผมเรียนทำอาหารกับพ่อตั้งแต่ยังเด็กแล้ว อาหารตงเป่ยของพวกเราผมก็ถนัดสุดๆ”


ฉินสือโอวหัวเราะฮ่าๆ ออกมา เขาตกปลาไปด้วยในขณะเดียวกันก็พูดคุยเรื่อยเปื่อยกับโหวจื่อเซวียน แค่แป๊บเดียวก็ได้รู้เรื่องปูมหลังครอบครัวกับชีวิตความเป็นมาของเขาแล้ว


โหวจื่อเซวียนก็คล้ายกับเขาสมัยก่อน หลังจากเรียนจบมหาลัยแล้วก็เข้าทำงานในฝ่ายบุคคล บริษัทที่เขาไปทำเป็นบริษัทเอกชน เจ้านายขูดรีดแถมยังใช้งานอย่างหนัก ให้ทำโอทีเป็นประจำ แต่กลับไม่ยอมจ่ายเงินค่าทำโอที ชีวิตแต่ละวันผ่านไปอย่างขมขื่นสุดๆ


เงินเดือนต่ำ เวลาว่างก็น้อย โหวจื่อเซวียนไม่มีโอกาสไปจีบสาวไม่มีโอกาสขยายวงสังคม จึงทำได้แค่ฝากความหวังไว้บนอินเทอร์เน็ตเท่านั้น เขาไม่ได้ใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อดูหนังคุยแช็ตหรือเล่นเกม แต่ใช้มันท่องเว็บบอร์ดเกี่ยวกับการทหารทั่วโลกอย่างเว็บไซต์เถียเสี่ย จนกลายมาเป็นแฟนพันธุ์แท้ทหารที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง


เขารู้จักเกาะแฟร์เวลผ่านเว็บไซต์เกี่ยวกับการทหารขนาดใหญ่อันนี้นี่เอง มีนักท่องเที่ยวคนหนึ่งแชร์รูปอาวุธปืนที่ถ่ายไว้ตอนมาเกาะแฟร์เวลลงไปในนั้นอยู่หลายรูป เขาก็หลงใหลจนเกินจะต้านทานไหว


ช่วงก่อนหน้านี้อยู่ๆ เขาก็ถูกลอตเตอรี่ตั้งแปดล้านกว่า ดังนั้นเขาจึงไม่ลังเลที่จะลาออก หลังจากวันขึ้นปีใหม่ก็มาที่เกาะแฟร์เวลพร้อมกับคณะทัวร์


ต่อมาอากาศอบอุ่นขึ้นเยอะแล้ว คนที่มาเจาะน้ำแข็งตกปลาก็ยิ่งมีเยอะขึ้น


ที่ที่ชาร์คช่วยเลือกให้ฉินสือโอวก็เป็นตำแหน่งที่ดีเลย สมแล้วที่เป็นชาวประมงฝีมือยอดเยี่ยม ต่อมาฉินสือโอวก็ตกปลาใหญ่สีทองแดงได้หนึ่งตัว น้ำหนักประมาณสี่ห้ากิโลกรัม ลำตัวแคบและอ้วน ส่วนหลังนูนขึ้นมา มีเมือกทั่วทั้งตัว ดูแล้วค่อนข้างน่าขยะแขยง แต่ก็เป็นปลาที่ดีตัวหนึ่ง ปลาบรีมสีทองแดง


ปลาบรีมแบ่งออกเป็นสองชนิดใหญ่ คือปลาบรีมสีทองแดงกับปลาบรีมสีเงิน โดยทั่วไปแล้วนักตกปลาจะสนใจปลาชนิดแรก เพราะมีขนาดใหญ่กว่าแถมยังแพร่พันธุ์อย่างกว้างขวาง ปลาบรีมสีเงินกระจัดกระจายอยู่แค่บางประเทศในยุโรป เช่นที่สเปนกับฮอลแลนด์เท่านั้น มีจำนวนน้อย ขนาดตัวก็เล็ก รสชาติก็ไม่ต่างกันมาก


โหวจื่อเซวียนไม่รู้จักปลาชนิดนี้ ฉินสือโอวจึงช่วยพูดให้เขาฟังนิดหน่อย บอกกับเขาว่านี่คือปลาน้ำจืดอเมริกาเหนือที่อร่อยกว่าปลาดุก เนื้อปลาหนานุ่มมาก โดยเฉพาะเนื้อส่วนหลัง เวลาเอาไปนึ่งทาน ถึงกับมีคนเรียกว่าปลาเนื้อครีมด้วยซ้ำ ดังนั้นจึงรู้ได้ว่ารสชาติของมันอร่อยและนุ่มนวลขนาดไหน


ปลาบรีมชอบอาศัยอยู่ในน่านน้ำที่เป็นที่ปิดหรือในแม่น้ำที่มีกระแสน้ำไหลช้าๆ  ไม่ต้องสงสัยเลย ตำแหน่งที่ชาร์คเลือกมีแอ่งน้ำอยู่ใต้ทะเลสาบ ไม่อย่างนั้นคงไม่ได้เจอปลาบรีมเยอะขนาดนี้


ใช่แล้ว ปลาบรีมเป็นปลาน้ำจืดที่อยู่กันเป็นฝูง ถ้าได้เจอแล้วหนึ่งตัว โดยปกติแล้วก็จะหาพวกมันเจอทั้งฝูง


หลังจากได้พบกับฝูงปลาบรีม ฉินสือโอวก็ไม่สนใจปลาชนิดอื่นแล้ว ปลาบรีมเป็นที่เทิดทูนของผู้ที่ชื่นชอบอาหารอร่อยในอเมริกาเหนือมาโดยตลอด โดยเฉพาะปลาบรีมขนาดใหญ่ที่อยู่ในแอ่งน้ำ รสชาติของเนื้อปลาจะสดสะอาดเป็นพิเศษ


แต่เนื่องจากปลาชนิดนี้มีอาหารการกินที่อุดมสมบูรณ์ พวกมันหาอาหารเก่งมาก ดังนั้นพวกมันจึงไม่สนใจเหยื่อทั่วไปที่นักตกปลานำมาใช้กัน ทำให้ตกปลาชนิดนี้ได้ยากมาก


ฉินสือโอวสบายตรงที่เขาใช้ตัวสงกรานต์ที่สดมากๆ  และเนื่องจากตัวสงกรานต์พวกนี้โตขึ้นมาเพราะกินสาหร่ายทะเลที่มีพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนเข้าไป ถึงแม้ว่าในร่างกายของพวกมันจะมีพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนน้อยมาก มีอยู่เพียงนิดเดียวเท่านั้น แต่ก็ยังมีแรงดึงดูดต่อปลาอย่างมหาศาลอยู่ดี


พอตกปลาบรีมขึ้นมาแล้วหนึ่งตัว ฉินสือโอวก็หย่อนเบ็ดลงไปอีกครั้ง ต่อมาปลาตัวใหญ่ราวๆ สามกิโลก็มาติดเบ็ดแล้วอีกหนึ่งตัว


โหวจื่อเซวียนเห็นว่าน่าสนใจ จึงยกเบ็ดตกปลาของเขาขึ้นมาดู เขานั่งอยู่ตรงข้ามกับฉินสือโอว แต่ปรากฏว่าเขากลับตกปลาบรีมไม่ได้เลยแม้แต่ตัวเดียว แต่ไปตกได้ปลาสีน้ำตาลทองตัวหนึ่งมาแทน


ปลาสีน้ำตาลทองเป็นลูกผสมระหว่างปลาคาร์ฟกับปลาทอง รูปร่างอ้วนท้วนดูคล้ายทรงกลม ดูแล้วน่ารักมาก แต่รสชาติก็งั้นๆ  ถึงยังไงถ้าฉินสือโอวตกปลาทองได้เขาก็แค่เอากลับไปทำซุปดื่มเท่านั้น


หลังจากโหวจื่อเซวียนตกปลาสีน้ำตาลทองขึ้นมาได้แค่แป๊บเดียว พอฉินสือโอวเก็บตะขอขึ้นมา ก็มีปลาบรีมอีกหนึ่งตัวติดมาด้วย มันมีความยาวแค่สิบเซนติเมตรกว่าๆ เท่านั้น ฉินสือโอวถอดตะขอออกจากนั้นก็ปล่อยมันกลับลงไปในทะเลสาบอีกครั้ง


โหวจื่อเซวียนถามด้วยความสงสัยว่าทำไมถึงต้องปล่อยปลาตัวนี้ไป ฉินสือโอวยิ้มแล้วบอกกับเขาว่า “ปลาที่มีขนาดเล็กกว่ายี่สิบเซนติเมตร นอกจากปลาตัวเล็กๆ แบบปลาไข่แล้ว เราก็ไม่ต้องการปลาชนิดอื่น ปล่อยให้พวกมันได้โตขึ้นต่อไปดีกว่า”


“เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนสินะ!” โหวจื่อเซวียนกล่าว เขามองดูปลาสีน้ำตาลทองของตัวเอง จากนั้นก็ปล่อยมันลงไปในน้ำบ้าง


พอเขาทำแบบนี้ ฉินสือโอวก็เริ่มมีความรู้สึกประทับใจต่อเจ้าเด็กนี่ขึ้นมาบ้างแล้ว


ต่อมามีคนเห็นว่าทางฝั่งของฉินสือโอวตกปลาบรีมได้ติดต่อกันหลายครั้ง จึงเข้ามามุงดูด้วยความประหลาดใจ


ไกด์นำเที่ยวให้บอกเล่าข้อมูลเกี่ยวกับปลาชนิดนี้ให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเจาะน้ำแข็งตกปลาที่ทะเลสาบให้ฟังว่า “ปลาบรีมขี้เกียจมาก หลังจากที่พวกมันรวมฝูงอาศัยอยู่ในแอ่งน้ำขนาดใหญ่ได้สักพักหนึ่งแล้ว พวกมันจะไม่ว่ายน้ำไปไหนอีก โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวแบบตอนนี้  ดังนั้นการที่จะตกปลาชนิดนี้ได้ในฤดูหนาว ไม่เพียงแต่ต้องมีทักษะเท่านั้น แต่ยังต้องใช้ดวงอีกด้วย”


“แต่ฉินก็โชคดีมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว” ชาวเมืองที่เข้ามามุงดูก็พากันหัวเราะออกมา


ฉินสือโอวหัวเราะคิกคักแล้วตกปลาต่อ ปลาบรีมเป็นปลาชนิดที่อาศัยอยู่ด้วยกันเป็นฝูง พอหาพวกมันเจอก็ตกต่อไปเรื่อยๆ  โดยปกติแล้วจะสามารถตกได้ถึงยี่สิบสามสิบตัวเลยทีเดียว


เขามาตกปลาด้วยเหตุผลที่แตกต่างกับคนอื่นๆ  ฉินสือโอวมาตกปลาเพื่อฆ่าเวลาเล่นเท่านั้น ถ้าอยากทานปลาสดๆ ฟาร์มปลาของเขาก็มีปลาดีๆ อยู่เยอะแยะ พอเห็นว่ามีคนเข้ามามุงดูอยู่เรื่อยๆ  เขาจึงบอกให้โหวจื่อเซวียนมอบปลาให้พวกเขาไป


เขากล้าให้ชาวเมืองก็กล้ารับ พวกเขาแย้มยิ้มแล้วอวยพรให้ฉินสือโอวโชคดี ปีใหม่นี้ขอให้ได้ผลผลิตจำนวนมาก


ตั้งแต่สิบโมงเช้าจนถึงบ่ายสี่โมงเย็นพระอาทิตย์คล้อยไปทางทิศตะวันตก ฉินสือโอวตกปลาบรีมได้สามสิบสองตัว นอกจากนี้ยังมีปลาไพค์อเมริกาเหนือ ปลาเพิร์ช ปลาดุกน้ำจืดยักษ์ ปลากะพงแซนเดอร์และปลาชนิดต่างๆ อีกประมาณยี่สิบกว่าตัว


นอกจากปลาดีๆ ที่เขาเลือกไว้สิบกว่าตัว ปลาที่เหลืออยู่ฉินสือโอวก็แจกให้คนอื่นไปจนหมด นักท่องเที่ยวที่มาเล่นสเกตน้ำแข็งได้ปลามาโดยไม่คาดคิด ก็พากันถือปลาไปให้ร้านอาหารแปรรูปให้ด้วยความตื่นเต้นและดีใจ


ในตอนท้ายตอนที่กำลังจะเลิกตกปลา ฉินสือโอวก็ใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนลงไปดูใต้ทะเลสาบ ว่ายังเหลือปลาบรีมอยู่มากน้อยแค่ไหน


แล้วก็เป็นไปตามที่คิดเอาไว้ ใต้ทะเลสาบบริเวณนี้เป็นแอ่งทรายขนาดใหญ่ ปลาบรีมสีทองแดงนับร้อยนับพันรวมกลุ่มกันจนกลายเป็นฝูงปลาขนาดใหญ่อาศัยอยู่ด้วยกันที่นี่ พวกมันกำลังกินวัชพืชน้ำกับหอยตัวเล็กๆ อย่างสบายใจเฉิบ


ฝูงปลาบรีมที่ใหญ่ขนาดนี้พบได้ไม่บ่อยนัก ปลาสองร้อยตัวก็นับว่าเป็นปลาฝูงใหญ่แล้ว เห็นได้ชัดว่าในแอ่งทรายแห่งนี้คงจะมีหอยอยู่เยอะมากๆ  ไม่อย่างนั้นคงไม่มีอาหารเพียงพอสำหรับปลาบรีมที่มีจำนวนมากขนาดนี้


จิตสำนึกแห่งโพไซดอนเข้าไปดูข้างในแอ่งทราย หอยตัวเล็กๆ ที่อาศัยอยู่อย่างแน่นขนัดทั่วทุกทิศ ปลาบรีมบางส่วนกำลังมุงกินหอยอยู่ด้วยกัน แค่ครู่เดียวก็จัดการหอยแถบหนึ่งจนหมด จากนั้นก็สะบัดหัวสะบัดหางไปกินอาหารในจุดถัดไป


ฉินสือโอวเข้าไปสำรวจบริเวณพื้นที่ว่างเปล่าแห่งนี้หนึ่งรอบ หินแร่ที่ดูคล้ายกับด้านข้างของหัวปลาก็ปรากฏสู่ทัศนวิสัยของเขา


……………………………………………


บทที่ 409 ฟอสซิลอยู่ที่นี่

โดย

Ink Stone_Fantasy

ได้เห็นแร่หินรูปหน้าปลา คราวนี้ฉินสือโอวก็เริ่มจริงจังขึ้นมาแล้ว เขาใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนทำความสะอาดบริเวณรอบๆ พอตะกอนทรายถูกกระแสน้ำพัดออกไป ฟอสซิลปลาขนาดห้าเมตรกว่าๆ หนึ่งก้อนก็เริ่มปรากฏให้เห็นรางๆ!


ฟอสซิลปลาชิ้นนี้ไม่ได้มีลักษณะที่ชัดเจนมากนัก เนื่องจากมันฝังอยู่ในก้อนหินใต้ทะเลสาบ และเพราะว่าสถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ที่ริมแอ่งน้ำขนาดใหญ่ใต้ทะเลสาบ มันจึงปรากฏโฉมหน้าออกมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น


แค่ดูจากส่วนที่ปรากฏออกมา ฉินสือโอวก็สามารถตัดสินตัวตนของฟอสซิลชิ้นนี้ได้ ฉลามปลาทู!


ใช่แล้ว นี่คือฟอสซิลฉลามปลาทูนั่นเอง! มันคือฟอสซิลฉลามปลาทูที่เขากับแฮมเล็ตเคยตามหาอย่างยากลำบากแต่ก็ต้องพบกับความล้มเหลว!


มองดูฟอสซิลฉลามปลาทูที่มีท่าทางโอหังชิ้นนี้ ฉินสือโอวก็อดนึกถึงคำสอนประโยคหนึ่งของบรรพบุรุษขึ้นมาไม่ได้ ย่ำจนรองเท้าเหล็กสึกไม่พบพาน ยามได้มากลับไม่เสียเวลาเลย!


เรื่องน่ายินดีนี้มาหาเขาอย่างไม่ทันได้คาดคิด เดิมทีฉินสือโอวแค่อยากลงมาดูจำนวนปลาบรีมในฝูงเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าจะค้นพบสมบัติจากริมแอ่งน้ำใต้ทะเลสาบที่พวกมันอาศัยอยู่


เขาใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนขจัดหอยที่ติดอยู่บนขอบแอ่งน้ำขนาดมหึมาแห่งนี้ออกจนหมด จากนั้นก็ควบคุมกระแสน้ำให้สาดเข้ามาชะล้างตะกอนทรายจนสะอาดหมดจด เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ภาพเงาร่างที่เต็มไปด้วยความน่าระทึกของมันก็ค่อยๆ ปรากฏออกมา


ฉลามปลาทูตัวแล้วตัวเล่าที่พัวพันกันอย่างยุ่งเหยิง ท่ามกลางฉลามปลาทูก็มีร่างของไดโนเสาร์ที่แตกหักอยู่หนึ่งตัว ฟอสซิลไดโนเสาร์ชิ้นนี้โผล่พ้นออกมาเพียงไม่ถึงครึ่ง ทว่าต่อให้โผล่ออกมาไม่ถึงครึ่งก็นับว่ามีขนาดใหญ่มหึมาแล้ว ดูจากลักษณะแล้วน่าจะเป็นเจ้าแห่งโลกบาดาลโมซาซอรัสที่มีชื่อเสียงโด่งดังจากยุคครีเทเชียส


นอกจากฉลามปลาทูกับโมซาซอรัสแล้ว ก็ยังมีปลาขนาดใหญ่บางส่วนที่ฉินสือโอวไม่รู้จักชื่ออยู่ด้วย แต่ก็พอจะดูออกว่าปลาใหญ่พวกนี้คืออาหารของฉลามปลาทูนั่นเอง ขนาดร่างกายของพวกมันก็มีขนาดมหึมาเช่นกัน น่าจะยาวถึงสี่ห้าเมตรเลยทีเดียว หน้าตาดูดุร้าย ถ้าอยู่ในมหาสมุทรยุคปัจจุบัน ย่อมต้องเป็นสิ่งมีชีวิตอีกชนิดที่ทรงพลังอย่างแน่นอน


ใช้แอ่งยักษ์เป็นจุดศูนย์กลาง บริเวณรอบๆ ล้วนแต่เป็นฟอสซิลทั้งสิ้น โดยเฉพาะฟอสซิลของปลาขนาดเล็กกับฟอสซิลสาหร่ายใต้ทะเลในยุคนั้นก็ยิ่งมีอยู่เป็นจำนวนมาก


เห็นฟอสซิลพวกนี้ ฉินสือโอวก็รู้สึกฮึกเหิมขึ้นมาทันที เขาอดที่จะหัวเราออกมาไม่ได้


ฟอสซิลพวกนี้อาจจะไม่มีประโยชน์อะไรกับเขาเลย กฎหมายของแคนาดากำหนดไว้ว่าบุคคลทั่วไปไม่สามารถครอบครองฟอสซิลตั้งแต่ช่วงก่อนยุคครีเทเชียส


อีกทั้งเขายังซื้อพวกฟอสซิลไดร์วูล์ฟกับสลอธบกที่ไม่มีการควบคุมทางกฎหมายมาจากทะเลสาบแอสฟัลท์แล้ว เนื่องจากฟอสซิลพวกนั้นมาจากยุคไพลสโตซีน อยู่ในยุคควอเทอร์นารีตามมาตราทางธรณีกาล เป็นยุคที่เกิดหลังจากยุคจูแรสซิกมานานมาก สัตว์บางชนิดจากยุคนั้นก็ยังคงหลงเหลืออยู่ในยุคปัจจุบัน อย่างเช่นหมีแพนด้า


แต่สำหรับเมืองแฟร์เวลแล้ว ฟอสซิลพวกนี้จะทำประโยชน์ได้มาก อย่างแรก ถ้าหากรัฐบาลจะขุดฟอสซิลจากทะเลสาบแห่งนี้ ก็ต้องรวบรวมแรงงานคนจากในพื้นที่ ต่อมาถ้าหากพิพิธภัณฑ์ต้องการเก็บรักษาฟอสซิลพวกนี้ไว้ ก็ต้องแบ่งเงินให้กับเมืองแฟร์เวลด้วยส่วนหนึ่ง และอย่างสุดท้าย เทศบาลเมืองแฟร์เวลสามารถยื่นคำร้องเพื่อขอสร้างพิพิธภัณฑ์ไว้ใกล้ๆ กับทะเลสาบได้


ทางฝั่งฉินสือโอวกำลังฮึกเหิมตื่นเต้นอยู่ แต่เจี้ยนผานโฮ่วที่อยู่ข้างๆ กลับเริ่มรู้สึกหวาดกลัว พี่ชายคนนี้เป็นอะไรไปแล้วเนี่ย? คงไม่ได้เสียสติไปแล้วหรอกนะ? อยู่ๆ ก็ทำท่าทางพิลึกพิลั่นเงยหน้ามองฟ้าแล้วแหกปากหัวเราะออกมา มันแปลกๆ นะโว้ย!


โหวจื่อเซวียนกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เขาถลกแขนเสื้อขึ้นแล้วตัดสินใจใช้นิ้วมือบีบร่องตรงกลางริมฝีปากของฉินสือโอว โชคดีที่ฉินสือโอวมีปฏิกิริยาตอบรับที่ว่องไว จึงจับมือเขาทันพอดี เขาถามด้วยความงงงันว่า “นายทำอะไรน่ะ?”


รุ่นน้องเจี้ยนผานโฮ่วถามเขาด้วยท่าทางอ้ำๆ อึ้งๆ ว่า “พี่ใหญ่ ผมเห็นท่าทางพี่เหมือนกับคนเสียสติ เลยจะช่วยหยิกร่องปากให้พี่ไง”


ฉินสือโอวกลอกตาบน เขาหาข้ออ้างอื่นมาใช้แก้ตัว “ฉันแค่ดีใจที่วันนี้ตกปลาได้เยอะก็แค่นั้น เสียสติอะไรกันล่ะ ไป ไปบ้านฉันกัน นายทำปลาดุก เดี๋ยวฉันทำปลาบรีมเอง วันนี้กินข้าวเย็นด้วยกันเถอะ”


พอได้ยินอย่างนี้ โหวจื่อเซวียนก็ร่าเริงขึ้นมาทันที เขายกนิ้วโป้งขึ้นมาแล้วพูดว่า “พี่ใหญ่ พี่ใจกว้างมาก! ไม่ใช่คนถือตัวเลยจริงๆ ถ้างั้นก็ตกลง ผมขอเก็บของก่อนแล้วเดี๋ยวผมตามพี่ไปกินข้าวฟรี”


“ไม่ได้มีแต่ข้าวฟรีนะ นายชอบทหารไม่ใช่เหรอ? ถ้าไปที่บ้านฉันแล้วเดี๋ยวฉันจะเอาปืนเอดับเบิลยูพีให้นายดู!” เวลาตื่นเต้นฉินสือโอวก็พูดแบบไม่ทันระวังเหมือนกัน


โหวจื่อเซวียนก็ถึงกับตาโตขึ้นมาทันที “อะไรนะ ปืนเทพรุ่นแรกของซีเอส เอดับเบิลยูพี น่ะเหรอ?! ที่บ้านพี่มีเหรอ?!”


ในเมื่อพูดออกไปแล้ว ฉินสือโอวจะคืนคำก็คงไม่ดีนัก เขาจึงพยักหน้าแล้วตอบกลับไปว่า “ใช่แล้ว เพื่อนที่ทำธุรกิจด้วยกันเป็นคนให้มาน่ะ เอ้อ เพื่อนที่ทำธุรกิจด้วยกันกับฉันก็คือเจ้าของร้านปืนของเมืองนี้ที่ชื่อว่าพอล ซาโกรนั่นแหละ”


“โอ้โห คุณซาโกรเจ้าของร้านเขาเป็นคู่ค้าของพี่เหรอ?” โหวจื่อเซวียนก็อ้าปากค้าง


“ร้านปืนที่เขาเปิดอยู่ตอนนี้ก็เป็นเงินที่ฉันลงทุนเองแหละ ฉันถือหุ้นอยู่แปดสิบเปอร์เซ็นต์น่ะ” ฉินสือโอวพูดอย่างเรียบๆ


เรื่องนี้มีแรงสั่นสะเทือนต่อความอดทนของโหวจื่อเซวียนที่สุด ปืนกระสุนขนาด .50 ดอกเบญจมาศของเขาก็ผลิบานแล้ว เขาลากมือฉินสือโอวแล้วพูดขึ้นมาด้วยความเทิดทูนอย่างแรงกล้าว่า “พี่ใหญ่ พี่โคตรเท่เลย พี่เท่โคตรๆ เท่ระเบิดเลย!”


ร้านปืนในเมืองเพิ่งจะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการได้ไม่นาน ช่วงก่อนหน้านี้ก็สร้างขยายอยู่ตลอด เพิ่งจะเปิดให้บริการเมื่อช่วงคริสต์มาสที่ผ่านมา ตั้งชื่อว่า ‘ร้านคิว-เอสผลิตภัณฑ์อาวุธและเครื่องใช้กลางแจ้ง’ คิวมาจากตัวอักษรแรกของนามสกุลของฉินสือโอว ส่วนเอสก็มาจากตัวอักษรแรกของนามสกุลซาโกร


พิธีเปิดกิจการของชาวแคนาดาต่างจากที่จีน พวกเขาใช้การโฆษณาไม่ได้ใช้การจัดงานเลี้ยง ซาโกรซื้อพื้นที่หนึ่งในสี่ส่วนบนหน้าหนังสือพิมพ์เซนต์จอห์นเอาท์ดอร์เพื่อโฆษณาร้านปืน หลังจากนั้นก็เปิดกิจการเลย ไม่ได้เชิญฉินสือโอวที่เป็นหุ้นส่วนใหญ่ไปตัดริบบิ้นด้วยซ้ำ


แน่นอนว่า ตอนที่เจ้าคนติ๊งต๊องอย่างฮิวจ์คนน้องเปิดร้านขายของชำก็ยิ่งไม่มีข่าวอะไรเลย ก็แค่อยู่มาวันหนึ่งก็เปิดประตูร้านแล้วติดป้ายไว้ว่า ‘เปิดให้บริการแล้ว’ จากนั้นก็เป็นอันเสร็จสิ้น…


เมื่อค้นพบฟอสซิลแล้ว ปัญหาต่อไปก็คือการขุดขึ้นมา เรื่องนี้จะเร่งรีบไม่ได้ อย่างน้อยต้องรอให้ถึงฤดูใบไม้ผลิจนน้ำแข็งในทะเลสาบเฉินเป่าละลายก่อน


นอกจากนี้ยังต้องหาจุดพลิกสถานการณ์ที่เหมาะสม อยู่ดีๆ จะไปประกาศให้คนนอกรู้ว่าเขาเจอฟอสซิลในทะเลสาบแบบเซ่อๆ ก็คงไม่ได้หรอกใช่ไหม? ต้องรู้ก่อนว่าตำแหน่งที่ตั้งของแอ่งยักษ์ใต้ทะเลสาบอยู่ในจุดที่ลึกถึงสี่สิบห้าสิบเมตร


เมื่อเป็นเช่นนี้ฉินสือโอวจึงเก็บความรู้สึกตื่นเต้นไว้ แล้วพาเจี้ยนผานโฮ่วกลับไปที่ฟาร์มปลาก่อน


เจี้ยนผานโฮ่วเกาะหน้าต่างรถแล้วมองออกไปข้างนอก หลังจากที่รถเข้ามาข้างในฟาร์มปลาแล้วเขาก็พูดด้วยความตื่นตะลึงว่า “พี่ใหญ่ฟาร์มปลาที่นี่เป็นของพี่เหรอ? ตอนที่ผมมาถึงเมืองนี้ก็เคยได้ยินคนพูดกันว่ามีฟาร์มปลาที่สุดยอดมากชื่อฟาร์มปลาคิง ที่แท้ก็เป็นฟาร์มปลาต้าฉินนี่เอง ผีฝรั่งพวกนี้ติ๊งต๊องจริงๆ!”


ใช่แล้ว มีชาวแคนาดาหลายคนที่เรียกฟาร์มปลาต้าฉินว่าฟาร์มปลาคิง สาเหตุของเรื่องนี้ก็เป็นเพราะการออกเสียงของคำว่า ‘ฉิน’ คล้ายกับคำว่า ‘จิน’ ชาวแคนาดาบางส่วนเวลาออกเสียงคำว่าฟาร์มปลาต้าฉินก็จะอ่านเป็น ‘ฟาร์มปลาต้าจิน’


เนื่องจากในภาษาอังกฤษ วิธีการเขียนแซ่จินก็คือ ‘King’ อีกทั้งคำศัพท์คำนี้นอกจากจะแปลว่า ‘จิน’ จากนามสกุลแล้ว ก็มีความหมายประมาณว่า ‘ราชา’ ‘จักรพรรดิ’ ‘จ้าว’ อีกด้วย


และก็ไม่ต้องสงสัยเลย ชื่อคิงฟาร์มปลาก็ยิ่งสอดคล้องกับการแปลของชาวแคนาดามากกว่าชื่อฟาร์มปลาต้าจิน ดังนั้นที่นครเซนต์จอห์นจึงมีชาวแคนาดาหลายคนที่ออกเสียงชื่อฟาร์มปลาต้าฉินว่า ‘คิงฟาร์มปลา’


เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ฉินสือโอวแก้ไขอะไรไม่ได้เช่นกัน เนื่องจากชื่อนี้มีมาได้หลายสิบปีแล้ว เริ่มตั้งแต่รุ่นของคุณปู่นู่น เมื่อก่อนตอนที่นักข่าวมาสัมภาษณ์เขาเรื่องการกว้านซื้อฟาร์มปลารอบๆ ครั้งนั้นก็ใช้การแปล คำศัพท์เช่นกัน ซึ่งใช้ชื่อว่า ‘คิงฟาร์มปลา’ นั่นเอง


พอรถจอดแล้ว อีวิลสันก็ออกมาขนกล่องใส่ปลาย้ายเข้าไปไว้ในตู้แช่แข็ง เห็นคนตัวผอมๆ แบบเจี้ยนผานโฮ่ว เขาก็มองตาปริบๆ อย่างอยากรู้อยากเห็น เขายิ้มแหยๆ แล้วยื่นมือออกไปจับหมวกทหารใบนั้นขึ้นมาเล่น


ฉินสือโอวขมวดคิ้วแล้วพูดกับเขาว่า “อีวิลสัน ทำแบบนี้ไม่ได้นะ มันเสียมารยาท”


เจี้ยนผานโฮ่วถูกภาพลักษณ์ภายนอกที่ดูเหี้ยมโหดของอีวิลสันทำให้ตกใจจนฉี่แทบราด เขารีบโบกมือปัดแล้วพูดขึ้นมาว่า “อะ เอ่อ พี่ใหญ่ ถ้าหากว่าคุณ… พี่เบิ้มคนนี้เขาชอบก็ยกให้เขาก็ได้ แหะๆ หมวกแบบนี้ที่บ้านผมยังมีอยู่อีกเป็นโหล ที่จริงผมยังหารายได้เสริมด้วยการขายของในเถาเป่าด้วยนะ ขายพวกของเกี่ยวกับทหาร…”


……………………………………………..


บทที่ 410 เสน่ห์ของเด็กสาว

โดย

Ink Stone_Fantasy

ฉินสือโอวพูดขึ้นมาว่า “จะทำอย่างนั้นได้ยังไงล่ะ?”


เจี้ยนผานโฮ่วโบกมือปัดอย่างแรง เขาหัวเราะแหะๆ พร้อมทั้งตอบกลับไปว่า “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร จริงๆ นะพี่ ของเก่าพวกนี้ที่ตงเป่ยมีอยู่เยอะแยะเลย ถ้าพี่เบิ้มคนนี้เขาชอบก็ให้เขาไปเถอะ แหะๆ”


ฉินสือโอวจึงไม่ได้ปฏิเสธอีก เขาพูดกับอีวิลสันว่า “ยังไม่ขอบคุณพี่เขาอีก”


อีวิลสันส่งยิ้มไร้เดียงสาพร้อมกับยกมือขึ้นมาตบไหล่ของเจี้ยนผานโฮ่ว เขาพูดพึมๆ พำๆ ว่า “อีวิลสันขอบคุณพี่ใหญ่ครับ”


พอโดนอีวิลสันตีไหล่ ขาทั้งสองข้างของเจี้ยนผานโฮ่วก็สั่นจะแทบจะลงไปกองอยู่กับพื้น ต่อมาเขาแอบถามฉินสือโอวว่า “พี่ใหญ่ ทำไมพี่เบิ้มคนนี้ถึงเรียกผมว่าพี่ล่ะ?”


“อีวิลสันเพิ่งจะอายุสิบแปดปีเอง”


“เวร ผมนึกว่าเขาอายุสามสิบแปดแล้ว!”


พอมาถึงวิลล่าฉินสือโอวก็ชงกาแฟร้อนให้เจี้ยนผานโฮ่วก่อนหนึ่งแก้ว เพราะอากาศที่หนาวเย็น จึงทำให้เจี้ยนผานโฮ่วรู้สึกซาบซึ้งมาก “พี่ใหญ่เป็นคนดีจริงๆ  พวกเราได้มาพบกันโดยบังเอิญ แต่พี่ก็ดีกับผมขนาดนี้ๆ  เป็นเหมือนพี่ชายแท้ๆ ของผมเลยจริงๆ”


ฉินสือโอวรู้สึกว่าเจ้าเด็กนี่เป็นคนตลกมาก ช่วงนี้เขารู้สึกเบื่อเกินไป เพราะอยู่ที่นี่มานานแล้วลักษณะนิสัยของเขาจึงค่อนข้างนิ่งเงียบ ได้เที่ยวเล่นกับคนที่ทำอะไรตลกๆ แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นเขาก็คงขี้เกียจจะสนใจนักท่องเที่ยวพวกนี้


ถึงแม้ว่าในใจจะคิดอย่างนี้ แต่ปากของฉินสือโอวก็พูดออกไปว่า “การบังเอิญพบกันก็อาจจะไม่ใช่โอกาสที่หาได้ยากนักหรอก ขอแค่ถูกชะตาก็พอแล้ว หรือบางทีพวกเราอาจจะมีวาสนาทำให้ได้เจอกันก็ได้ นั่นน่ะ นายรีบดื่มกาแฟหน่อย เดี๋ยวพวกเราต้องไปทำปลาดุกตุ๋นกระทะเหล็กต่อ”


โหวจื่อเซวียนสะบัดมือแล้วพูดกับเขาว่า “พี่วางใจเถอะ ปลาพวกนั้นปล่อยให้ผมจัดการเอง ผมทำปลาเก่งนะ เอาปลาทองไปทำซุปดีไหม? ปลาดุกตุ๋นกระทะเหล็ก? ปลากะพงนึ่งน้ำใส? ผมเห็นว่ามีปลาคาร์ฟด้วย ถ้าอยากนั้นก็ทำปลานึ่งพริกอีกจาน แล้วก็ยังมีปลาสากใหญ่อีกตัว เดี๋ยวผมทำปลาราดน้ำแดงให้พี่กิน ดีไหม?”


ดื่มกาแฟอุ่นท้องเสร็จแล้ว ทั้งสองคนก็เริ่มลงมือทำอาหาร


โหวจื่อเซวียนเตรียมตัวทำปลาดุกตุ๋นกระทะเหล็กก่อน นี่เป็นเมนูอาหารจานเด็ดของชาวฮั่นที่มีรสชาติดีและหน้าตาน่าทานจานหนึ่ง เป็นอาหารแบบเสฉวน ต่อมาแพร่กระจายไปทั่วทั้งประเทศ อาหารของแต่ละท้องถิ่นก็มีการดัดแปลงสูตรที่ต่างกันออกไป เมนูที่โหวจื่อเซวียนกำลังจะทำก็คือปลาดุกตุ๋นกระทะเหล็กแบบตงเป่ย


ปลาดุกมีพลังชีวิตที่แข็งแกร่งมาก วางไว้บนหิมะมาเกินครึ่งวันแล้วแต่ก็ยังไม่ตาย โหวจื่อเซวียนทอดถอนใจอย่างหนัก เขาพูดขึ้นมาว่าสัตว์ตามธรรมชาติสุดยอดจริงๆ  หลังจากนั้นก็กดมันลงบนเขียงแล้วใช้หลังมีดฟันลงไปอย่างแรงหนึ่งครั้ง จนปลาดุกน็อกไป


ต่อจากนั้น เขาก็ถามหาอุปกรณ์ที่ทำมาจากลวด แต่ฉินสือโอวไม่มี เขาจึงบอกให้ซีมอนสเตอร์ไปทำมาสักอัน


พอได้ไม้พันลวดมาแล้ว โหวจื่อเซวียนก็ยัดมันเข้าไปในปากปลาดุก เอาเครื่องในของมันออกมาจากทางปาก ดังนั้นถึงแม้ว่าจะฆ่าปลาดุกแล้ว แต่ก็ยังคงรักษาความสวยงามของตัวปลาเอาไว้ได้


ซีมอนสเตอร์เห็นภาพนี้ก็เบิกตาโต แล้วพูดขึ้นมาว่า “พระเจ้า แบบนี้ผิดกฎหมายนะ!”


โหวจื่อเซวียนฟังไม่เข้าใจ เขาจึงหันไปมองฉินสือโอว ฉินสือโอวก็ยักไหล่น้อยๆ แล้วบอกกับเขาว่า “เขาบอกว่านายเป็นคนละเอียดมาก”


ไม่รู้จะพูดยังไงดี จีนกับแคนาดาไม่เหมือนกัน ที่แคนาดามักจะพูดถึงเรื่องประชาธิปไตยกับพวกสิทธิมนุษยชนอยู่เสมอ แม้กระทั่งปลาที่นี่ก็มีสิทธิเป็นของตัวเอง เวลาฆ่าปลาใหญ่ที่มีความยาวเกินกว่าสี่สิบเซนติเมตร จะฆ่าอย่างทารุณไม่ได้ ต้องใช้วิธีการฆ่าที่เอาเลือดออกได้เร็วที่สุด


ไม่ต้องสงสัยเลย ในสายตาของซีมอนสเตอร์ เขาถือว่าโหวจื่อเซวียนฆ่าปลาอย่างทารุณ ในสายตาของโหวจื่อเซวียน นี่คือสัจธรรมของชีวิต แต่ในสายตาของฉินสือโอว นี่ก็คือเรื่องที่ไม่ได้มีความน่าสนใจอะไร


หลังจากฆ่าปลาดุกแล้ว โหวจื่อเซวียนก็ใช้น้ำอุ่นผสมน้ำส้มสายชูนิดหน่อยล้างทำความสะอาดเมือกที่ติดอยู่บนหนังปลา ฉินสือโอวเรียนรู้เคล็ดลับจากเขามานิดหน่อย บนตัวของปลาทะเลบางชนิดก็มีเมือกอยู่เช่นกัน ขั้นตอนการกำจัดก็วุ่นวาย วิธีของโหวจื่อเซวียนจึงเป็นประโยชน์มาก


ต่อมาก็เป็นการหมักปลาดุก โหวจื่อเซวียนใช้กระเทียมสับขิงหั่นแว่นกับต้นหอมใหญ่ยัดเข้าไปในปากปลาหนึ่งกอง พร้อมทั้งใส่มะแข่นกับซอสที่ปรุงเรียบร้อยแล้วเข้าไปในท้องปลา


หลังจากเห็นว่าในครัวมีแป้งข้าวโพดอยู่ ตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นมา จากนั้นจึงนำไปผสมน้ำทำเป็นตอติญ่าแผ่นเล็กๆ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “แป้งทอดจิ้มหัวปลาตุ๋น ได้เมนูดีๆ อีกจานแล้ว”


ฉินสือโอวรับหน้าที่ทำปลาออร์ฟีสีทองกับปลาบรีม ปลาทั้งสองชนิดนี้มีคุณภาพเนื้อที่ดีมากอยู่แล้ว ดังนั้นวิธีทำจึงไม่ซับซ้อน เพื่อรักษารสชาติความสดอร่อยของเนื้อปลาเอาไว้


ปลาบรีมทั้งตัวนำมาหั่นเป็นชิ้นๆ วางลงไปบนจานจากนั้นก็ใช้หม้อหนึ่งอบไว้จนสุก ใส่น้ำมันมะกอกลงไปในกระทะเหล็กทอดขิงแก่หั่นเส้นกับต้นหอม จากนั้นก็เติมเหล้าทำอาหาร ซอสถั่วเหลือง ซอสอาหารทะเลใส่ไปบนเนื้อปลาปลาบรีมหั่นชิ้นที่อยู่บนจาน จากนั้นก็นำออกจากเตาได้


พวกเด็กๆ กลับมาจากโรงเรียนแล้ว พาวลิสกำลังทบทวนและเตรียมบทเรียนล่วงหน้าอย่างตั้งใจ มิเชลถือลูกบาสออกไปซ้อมการสัมผัสลูก ส่วนกอร์ดอนก็นั่งเล่นเกมอยู่บนโซฟา อุ้งเท้าสองข้างของหลัวปอก็ขยับปัดไหล่ของเขา มองดูเขาเล่นเกมอย่างเมามัน


เชอร์ลี่ย์สนใจการทำอาหารจีนจึงเข้าไปในครัวเพื่อเรียนรู้วิธีการทำปลา โหวจื่อเซวียนได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวก็เผลอตัวหันกลับไปดู หลังจากนั้นตาของเขาก็เบิกกว้างทันที


เมื่อมองผ่านหน้าต่างห้องครัวออกไป ก็เห็นเด็กสาวกำลังแย้มยิ้มภายใต้แสงอาทิตย์ยามบ่ายที่สาดส่องลงมา ผมยาวตรงสลวยของเธอส่งประกายสีทองระยิบระยับ ผิวนุ่มเนียนละเอียดเหมือนกับหยกสีขาวนวล ดวงตาทั้งสองข้างแวววาวสวยงามเหมือนกับไข่มุกสีดำที่ฉินสือโอวเก็บขึ้นมาจากทะเล อวัยวะบนใบหน้าสวยไปทุกสัดส่วน โครงหน้าก็งดงามจนกินใจ


หายใจกระชั้น ใจเต้นแรงขึ้น เลือดสูบฉีดจนทั่วใบหน้า เขาสั่นสะท้านไปทั่วกาย หนุ่มติดบ้านรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ ขนาดตอนที่วินนี่เข้ามาข้างในเขาก็ไม่เห็นจะมีอาการผิดปกติอะไร หันไปมองหนึ่งครั้งก็เลิกสนใจแล้ว


“หนุ่มติดบ้านนี่เป็นโรคอย่างหนึ่งจริงๆ นั่นล่ะ” ฉินสือโอวส่ายหัวอย่างจนปัญญา


สิ่งที่น่าเสียดายก็คือ เด็กสาวผมบลอนด์เพียงแต่สนใจเทคนิคการทำปลาของหนุ่มติดบ้านเท่านั้น ตอนที่เรียนอยู่ก็เรียกเขาเสียงหวานว่าพี่ชายคะ พี่ชายขา พอเรียนเสร็จแล้วก็สะบัดผมแล้วอุ้มเอากระรอกน้อยเสี่ยวหมิงออกไปเล่นข้างนอกแล้ว


“โอ๊ย อย่าไปเลย ฉันยังทำอาหารจีนเป็นอีกหลายอย่างเลยนะ” หนุ่มติดบ้านพูดด้วยความเสียดาย


“หนูแค่เรียนวิธีทำปลาก็พอแล้วล่ะ เรื่องอื่นหนูทำได้เยอะกว่าพี่ซะอีก แล้วหนูก็มีพี่ฉินช่วยสอนหนูด้วย” เด็กสาวผมบลอนด์พูดทิ้งท้ายไว้อย่างภาคภูมิใจแล้วเดินจากไป


หนุ่มติดบ้านมองฉินสือโอวด้วยความอิจฉาแล้วพูดกับเขาว่า “พี่ชาย…”


“พี่ฉิน ไม่ใช่พี่ชาย!” วินนี่เข้ามาแก้ พร้อมทั้งส่งสายตาดุๆ ให้กับฉินสือโอวไปด้วย


เด็กสาวผมบลอนด์ยิ่งโตก็ยิ่งสวยจนเหลือเชื่อ วินนี่เริ่มเป็นห่วงแล้วล่ะ


อาหารเย็นมื้อนี้เป็นเมนูปลาน้ำจืดเลิศรสที่หลากหลาย วินนี่ทานปลาดุกตุ๋นกระทะเหล็กเข้าไปหนึ่งคำ เธอพยักหน้าแล้วพูดขึ้นมาว่า “อืม ไม่เลวเลย เจ้าลิงน้อย คิดไม่ถึงเลยว่าทักษะการทำปลาของนายจะดีขนาดนี้”


โหวจื่อเซวียน “พี่สะใภ้ ผมเคยอธิบายไปแล้วนี่ เจี้ยนผานโฮ่วมาจาก ‘อ๋องกับโหว’ ไม่ได้มาจากคำว่าลิงสักหน่อย”


วินนี่ป้อนปลากะพงนึ่งให้ลูกหมาป่าขาวกิน เจ้าตัวเล็กเคี้ยวอยู่สักพักก็คายออกมา สายตาที่มันใช้มองปลาก็มีแต่การดูแคลน


“ลูกหมาสีขาวตัวนี้เลือกกินจริงๆ” โหวจื่อเซวียนพูดพร้อมทั้งหัวเราะออกมา


ลูกหมาป่าขาวกับสุนัขแลบราดอร์ต่างก็สัมผัสได้ถึงคำสบประมาท จึงพากันจ้องเขาด้วยสายตาดำมืด


ถึงจะยอมรับว่าปลาน้ำจืดที่เอามาทำอาหารจีนนั้นจะมีรสชาติอร่อย แต่คนขาวอย่างชาร์คกับซีมอนสเตอร์ก็ไม่สนใจพวกมันอยู่ดี พวกเขาชิมแค่พอเป็นมารยาทจากนั้นก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ตั้งแต่ภรรยากับลูกของพวกเขามาอยู่ที่ฟาร์มปลาด้วยกัน พวกเขาก็ไม่ค่อยอยู่ทานข้าวกับพวกฉินสือโอวแล้ว


ในตอนท้ายฉินสือโอวก็ตะโกนบอกพวกเขาว่า “เตรียมตัวให้ดีล่ะ อีกไม่กี่วันพวกเราจะไปจับกุ้งมังกรที่อ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์กัน”


“จะออกเดินทางเมื่อไรเหรอครับ?” นีลเซ็นที่กำลังทานปลาบรีมทอดใส่ขิงกับหอมอย่างเอร็ดอร่อยก็ถามขึ้นมา เขากับเบิร์ดเป็นทหารเก่า เลยไม่ได้สนใจเรื่องอาหารมากนัก ขอแค่ทานได้ก็พอแล้ว


“นายกับเบิร์ดอยู่ดูแลที่นี่แล้วกัน ฉันกลัวจะมีคนเข้ามาวุ่นวายที่ฟาร์มปลา” ฉินสือโอวกล่าว


ครั้งนี้เขาจะพาชาร์คกับอีวิลสันไปด้วย เพราะไม่ว่ายังไงชาวประมงพวกนั้นก็ขับเรือเป็นกันทุกคนอยู่แล้ว จึงเหลือเบิร์ด ซีมอนสเตอร์กับนีลเซ็นไว้ช่วยดูแลบ้าน


…………………………………………………


บทที่ 411 หลัวปอรนหาที่

โดย

Ink Stone_Fantasy

อาหารมื้อใหญ่จากเมนูปลาน้ำจืด ฉินสือโอวอิ่มจนเรอออกมา ฝีมือของโหวจื่อเซวียนไม่เลวเลยจริงๆ ถ่ายทอดรสชาติของอาหารตงเป่ยได้อย่างถึงพริกถึงขิง อร่อยกว่าอาหารจีนจากร้านอาหารในนครเซนต์จอห์นพวกนั้นเสียอีก


ตลอดเวลาที่อยู่บนโต๊ะอาหารโหวจื่อเซวียนก็อ้อนวอนเขาเพื่อขอดูปืนเอดับเบิลยูพีไม่หยุด พรุ่งนี้จะขอเข้าไปดูร้านปืนพร้อมกันกับเขา


ฉินสือโอวถามว่าไม่ใช่ว่าเขาไปร้านขายปืนมาแล้วหรอกเหรอ โหวจื่อเซวียนก็ถอนหายใจออกมา เขาตอบกลับไปว่าเขาได้เล่นแค่ปืนพก ส่วนปืนไรเฟิลกับปืนลูกซองเขายังไม่มีโอกาสได้เล่น เนื่องจากเจ้าของร้านเห็นว่าไม่เหมาะกับสุขภาพของเขา กลัวว่าถ้าเอาไปยิงเล่นแล้วจะเกิดเรื่องขึ้น จึงไม่ปล่อยให้เขาเช่า


ที่ซาโกรทำแบบนี้ก็เป็นเรื่องพื้นฐานอยู่แล้ว ช่วงเทศกาลคริสต์มาสเมื่อก่อนหน้านี้มีผู้หญิงคนหนึ่งบนเกาะพรินซ์เอ็ดเวิร์ดถือปืนออกไปล่ากวาง แต่ปรากฏว่าปืนมีแรงสะท้อนกลับมากเกินไป อีกทั้งท่าถือปืนของเธอก็ไม่ถูก ด้ามจับของปืนจึงกระแทกเขากับคอของเธอ จนถึงกับทำให้คอเล็กๆ ของเธอหัก!


ในตอนนั้นข่าวนี้สร้างผลกระทบอย่างมาก ทางการเผยแพร่ข้อมูลการใช้ปืนอย่างปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง ทางด้านประชาชนเองก็มีคนออกมาเดินขบวน เพื่อประท้วงท่าทีของรัฐบาลที่ไม่สนใจเรื่องการแพร่หลายของอาวุธปืน


ในสายตาของซาโกร ร่างกายของโหวจื่อเซวียนยังสู้ผู้หญิงพวกนั้นไม่ได้ คอของเขาน่าจะหนาไม่เท่าผู้หญิงด้วยซ้ำ…


พอทานข้าวจนอิ่มแล้ว ฉินสือโอวก็ตกลงรับคำ ตั้งแต่เปิดร้านปืนมาเขาก็ยังไม่เคยเข้าไปดูเลย ไม่สมกับเป็นเจ้าของร้านเลยจริงๆ


พอตอนเย็นกลับเข้ามาในห้องนอน วินนี่ก็กำลังแกล้งหลัวปอเล่น ลูกหมาป่าขาวกระโดดไปกระโดดมา หางเล็กตั้งตรงเหมือนเสาธง ขนหมาป่าสีขาวนุ่มบนตัว ปุกปุยฟูฟ่องจนดูเหมือนกับก้อนขนหนึ่งก้อน


ฉินสือโอวยื่นมือออกไปกะว่าจะลูบมัน หลัวปอก็หลบมือเขาทันที มันหันหน้ากลับมาอ้าปากร้องอ๋าวๆ หมอบเท้าหน้าลงกระดกก้นขึ้น แยกเขี้ยวยิงฟันขู่ฉินสือโอว


“เอาล่ะๆๆ เหล่าจื้อ[1]ไม่จับแกแล้ว ทำอย่างกับว่าใครเขาอยากสนใจแกอย่างนั้นล่ะ?” ฉินสือโอวแบะปากพร้อมกับนั่งลงบนเตียง


วินนี่ตีเขาหนึ่งครั้งแล้ว เธอพูดกับเขาด้วยความรู้สึกไม่พอใจว่า “ห้ามพูดคำหยาบต่อหน้าเด็กนะคะ”


ฉินสือโอวหัวเราะคิกคักแล้วตอบเธอกลับไปว่า “ผมพูดคำหยาบที่ไหนกันล่ะ? คำว่า ‘เหล่าจื้อ’ มีความหมายว่าพ่อต่างหาก คุณเป็นแม่ของมันแล้วผมไม่ใช่พ่อของมันหรอกเหรอ?”


“เธอ! ไม่ใช่มัน! หลัวปอเป็นเด็กผู้หญิงน่ารักๆ!” วินนี่แก้คำพูดของเขาอีกรอบ “แต่ไม่ว่ายังไงก็ห้ามพูดคำหยาบค่ะ!”


ฉินสือโอวยื่นมือออกไปกอดเธอ เขายิ้มอย่างชั่วร้ายพร้อมทั้งพูดกับเธอว่า “ผมไม่พูดคำหยาบก็ได้ แต่ตอนนี้ผมอยากทำเรื่องที่ผู้ใหญ่เขาทำกันแล้ว…”


วินนี่หลบหลีกเขาพร้อมกับแย้มรอยยิ้มออดอ้อน ฉินสือโอวกำลังจะปีนขึ้นไปหา แต่กลุ่มเงาสีขาวก็กระโดดเข้ามาจากด้านข้างเสียก่อน เป็นหลัวปอนั่นเองที่กระโดดขึ้นมาชนใบหน้าด้านข้างของเขา


ฉินสือโอวตกใจจนตัวโยน วินนี่ผลักเขาออก แล้วอุ้มเอาหลัวปอที่ล้มอยู่บนเตียงเข้ามากอดไว้ในอ้อมอกพร้อมทั้งเรียกมันว่าลูกรัก


ฉินสือโอวเคืองแทบแย่ เขาพูดขึ้นมาว่า “นี่ หวานใจของผม ผมต่างหากล่ะที่เป็นเหยื่อ รีบช่วยผมดูหน่อยว่าหน้าหล่อๆ ของผมถูกชนจนเสียหายตรงไหนไหม?”


พอเขาเข้ามาใกล้เธอ หลัวปอที่อิงแอบอยู่ในอ้อมกอดของวินนี่ก็แยกเขี้ยวยิงฟันแล้วเริ่มร้องออกมาทันที “อ่าฮู้ว อ่าฮู้ว…”


เมื่อเห็นเขาต้องทุกข์ใจแบบนี้ วินนี่ก็ยิ้มด้วยความรู้สึกสนุกสนานแล้วพูดกับเขาว่า “ดูสิคะ ลูกสาวของฉันไม่ยอมให้คุณเข้าใกล้ล่ะ คุณออกไปห่างๆ จากฉันหน่อย! แล้วก็ห้ามทำเรื่องไม่ดีด้วย ไม่อย่างนั้นฉันจะให้ลูกสาวของฉันไปกัดคุณ!”


ฉินสือโอวยิ้มหน้าแป้นแล้วโน้มตัวเข้าไปหาเธอ แต่ปรากฏว่าหลัวปอกลับดันเขาออกมาจริงๆ ทั้งกัดทึ้งทั้งตบตี โจมตีฉินสือโอวทุกรูปแบบอย่างกล้าหาญดุดัน มันตัวเล็กนิดเดียว ฉินสือโอวกลัวว่าจะทำให้มันเจ็บจึงไม่กล้าทำอะไร แต่ปรากฏว่ามันกลับยิ่งเหยียบจมูกขึ้นหน้า ไล่จนเขาต้องยอมลงไปจากเตียง


วินนี่กอดหมอนหัวเราะคิกคัก บนใบหน้าของเธอมีแต่สีหน้าของความพึงพอใจ “ลองปล่อยให้คุณมารังแกฉันอีกสิ ต่อไปนี้ฉันจะรอดูว่าคุณจะกล้ามารังแกฉันอีกไหม!”


ฉินสือโอวทำหน้าเซ็ง เขายกมือขึ้นขู่หลัวปอ ลูกหมาป่าขาวเห็นใบหน้าน่ากลัวของเขาเข้ามาใกล้ ก็หันหัวสะบัดหางวิ่งกลับไปหาอ้อมกอดของวินนี่ทันที ทั้งคลอเคลียทั้งร้องไห้อ๋าวๆๆ ทำเหมือนกับว่ามันเป็นคนที่ถูกรังแกไม่ใช่ฉินสือโอว


วินนี่ก็เริ่มลำเอียงเข้าข้างมันทันที เธอตำหนิฉินสือโอวว่าไม่ควรจะขู่ลูกหมาป่าขาวให้กลัว ฉินสือโอวจึงทำได้แค่พึมๆ พำๆ อย่างไม่พอใจอยู่สองสามคำว่า ‘พวกพ่อแม่รังแกฉัน’


ดวงตาสีดำแวววาวของหลัวปอจ้องมองไปยังฉินสือโอว บางครั้งลูกตาของมันก็ ‘หลุกหลิกๆ’ ไปมา จากนั้นก็มุดหัวเข้าไปคลอเคลียอยู่ในอ้อมกอดของวินนี่ ท่าทางกระหยิ่มยิ้มย่อง เหมือนพึงพอใจที่ตัวเองเอาชนะฉินสือโอวได้อย่างราบคาบ


ฉินสือโอวขี้เกียจต่อกรกับมัน เขานั่งลงข้างๆ วินนี่ พออ้าปากกำลังจะพูดกับเธอ หลัวปอก็อ้าปากออกเตรียมตัวกัดเขา


คราวนี้ฉินสือโอวไม่ยอมแล้ว เขาชี้ไปที่ลูกหมาป่าขาวแล้วพูดกับเธอว่า “ที่รัก คุณดูเอาเองนะ มันทำอย่างนี้หมายความว่ายังไง ไม่ยอมให้ผมขึ้นเตียงแล้ว? อย่างนั้นน่ะเหรอ?”


วินนี่ลูบขนสีขาวของหลัวปอพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า เธออธิบายให้เขาฟังว่า “มันเป็นสัญชาตญาณของหมาป่าที่ต้องคุ้มครองอาณาเขตของตัวเองค่ะ หลัวปอยังเด็กอยู่ รอให้โตกว่านี้อีกหน่อยค่อยสอนเขาดีๆ เขาก็จะไม่เป็นแบบนี้แล้วล่ะค่ะ”


ฉินสือโอวจึงตอบเธอกลับไปพร้อมรอยยิ้มว่า “อ้อ สัญชาตญาณของหมาป่า คุ้มครองอาณาเขตงั้นเหรอ? แล้วถ้าเจ้าเด็กนี่คิดว่าคุณเป็นคู่รักของมัน เลยอยากจะปกป้องคู่ของมันแล้วจะทำยังไงดีล่ะ?”


พอได้ยินอย่างนี้วินนี่ก็หน้าแดงขึ้นมาทันที เธอตีเขาหนึ่งทีแล้วพูดกับเขาว่า “คุณพูดอะไรเลอะเทอะ หลัวปอเป็นผู้หญิงนะ เป็นเด็กผู้หญิงที่สง่างามและมีคุณธรรม…”


“เป็นผู้หญิงแล้วยังไงล่ะ ผู้หญิงก็เป็นลาลา[2]ได้ไม่ใช่เหรอ?” ฉินสือโอวพูดด้วยความอาฆาต


หู่จือกับเป้าจือที่เดิมทีนอนดูพวกเขาอยู่กับพื้น พอได้ยินคำว่า ‘ลาลา’ ก็นึกว่าเขาเรียกพวกมันจึงรีบวิ่งเข้ามาเล่นด้วย


วินนี่โบกมือไล่พวกมันกลับไป กอดหลัวปอเอาไว้แล้วเริ่มออดอ้อน ฉินสือโอวเห็นว่าไม่มีอะไรแล้ว จึงเลิกผ้าห่มแล้วขึ้นไปนอนข้างๆ กันบนเตียง พอเขาขยับเข้าไปข้างใน เจ้าตัวแสบก็เริ่มร้องอ๋าวๆ ออกมาทันที


ฉินสือโอวไม่โกรธแล้ว เขาเหลือบมองหลัวปอพร้อมกับรอยยิ้ม ในใจก็แอบคิดว่าแกรนหาที่แล้ว พรุ่งนี้ เหอะๆ พรุ่งนี้แม่แกไม่อยู่แล้ว คอยดูแล้วกันว่าฉันจะจัดการแกยังไง!


เขาอารมณ์ไม่ดี เลยควบคุมจิตสำนึกแห่งโพไซดอนให้ทะยานเข้าไปที่ฟาร์มปลา


เข้าไปดูน่านน้ำแถบแนวปะการังก่อนเป็นอันดับแรก เมื่อก่อนเขาเคยคิดจะขยายแนวปะการัง แต่ต่อมาก็พบว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำอย่างนั้น ซึ่งมีสาเหตุอยู่สองอย่าง


สาเหตุแรกเป็นเพราะว่าฝูงปลาใหญ่กับฝูงกุ้งไม่จำเป็นที่จะต้องอาศัยอยู่แค่ในน่านน้ำตรงแนวปะการังเท่านั้น อีกทั้งมีเพียงกุ้งปูปลาส่วนน้อยเท่านั้นที่จะใช้ความรวดเร็วของการขยายตัวของปะการังในการดำรงชีวิต


ว่ากันตามปกติแล้ว ปะการังจะเจริญเติบโตได้ช้ามาก ในแต่ละปีจะโตขึ้นเพียงสองสามมิลลิเมตรเท่านั้น แต่ถ้าได้รับการกระตุ้นจากพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอน โพลิปจะแพร่พันธุ์ด้วยการแตกหน่อได้เร็วมากเป็นพิเศษ มันจะขยายตัวอยู่ตลอดเวลา ทุกๆ วันจะเติบโตได้มากกว่าสองสามมิลลิเมตร


สาเหตุที่สองก็คือในตอนนั้นเขาค้นพบว่าในปะการังมีการสร้างสีจากสาหร่ายซูแซนเทลลี่ไม่มากพอ อาจจะเป็นเพราะมลภาวะทางน้ำที่มากเกินไป ถึงแม้ว่าจะวางก้อนหินกับซากเรือลงไปใต้ทะเล ก็ไม่มีทางสร้างปะการังเฮอมาไทปิค[3]ขึ้นมาได้


ต้องขอพูดให้ฟังก่อนว่าถ้าต้องการจะสร้างแนวปะการัง ก็จำเป็นต้องมีสาหร่ายเซลล์เดียวอย่างสาหร่ายซูแซนเทลลี่ ถ้าหากสาหร่ายซูแซนเทลลี่ไม่เข้าไปกลุ่มเนื้อเยื่อของปะการัง โพลิปก็จะไม่เกิดการสะสมจนเติบโตเป็นแนวปะการัง จำเป็นต้องให้มันเข้าสู่กลุ่มเนื้อเยื่อจนเกิดการสร้างขยาย ถึงจะเกิดเป็นปะการังเฮอมาไทปิค


เมื่อเร็วๆ นี้ ฉินสือโอวพบว่าพอฤดูหนาวมาถึง ภายใต้การซัดสาดของกระแสน้ำเย็นใต้มหาสมุทร รวมถึงผลกระทบจากการชำระสิ่งสกปรกของสาหร่ายทะเลที่ยิ่งเด่นชัดขึ้น คุณภาพน้ำของฟาร์มปลาจึงดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด การทำงานของโพลิปกับสาหร่ายซูแซนเทลลี่ก็ยิ่งเกิดประสิทธิภาพมากขึ้นเช่นกัน ซึ่งก็นับว่าเป็นเรื่องดี


เนื่องจากการทำงานของสาหร่ายซูแซนเทลลี่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังนั้นจึงสามารถวางแผนการสร้างขยายปะการังเทียมไว้ในตารางการดำเนินงานได้แล้ว แต่ก็แน่นอนว่าต้องรอให้ฤดูร้อนมาถึงเสียก่อนถึงจะทำได้ ฤดูหนาวอากาศหนาวเหน็บขนาดนี้ งานอะไรก็ทำไม่ได้ทั้งนั้น


……………………………………………………


[1] เหล่าจื้อ ในภาษาจีนเป็นคำเรียกแทนตัวเองหมายถึง พ่อ และสามารถเป็นคำหยาบเช่นกูหรือมึงได้เช่นกัน


[2] ลาลา ศัพท์สแลงในภาษาจีนหมายถึงเลสเบี้ยน ส่วนอีกความหมายหนึ่งหมายถึงสุนัขพันธุ์แลบราดอร์


[3] ปะการังเฮอมาไทปิค คือปะการังที่สามารถก่อตัวเป็นแนวปะการังได้


บทที่ 412 กั้งตั๊กแตนเจ็ดสี VS หอยนางรมลอย

โดย

Ink Stone_Fantasy

น่านน้ำบริเวณแนวปะการังเป็นเขตทะเลจุดศูนย์กลางของฟาร์มปลา ที่นี่มีสิ่งที่เป็นสมบัติล้ำค่าอาศัยอยู่เยอะที่สุด อย่างเช่นหอยนางรมลอย


เมื่อสัมผัสได้ถึงการปรากฏตัวของจิตสำนึกแห่งโพไซดอน ไอซ์สเกตกับบอลหิมะก็ว่ายน้ำเข้ามา ฉินสือโอวเล่นกับพวกมันทั้งสองตัวอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ไปตรวจสอบสภาพการเจริญเติบโตของหอยนางรมลอยต่อ


ดูจากปฏิกิริยาของลีฟ ไดม์เลอร์ หัวหน้านักออกแบบของบริษัททิฟฟานี่แอนด์โคแล้ว ฉินสือโอวก็คิดว่าตัวเองจำเป็นต้องปกป้องหอยนางรมลอยพวกนี้ไว้ให้ดี หอยนางรมลอยมีราคาแพง โดยเฉพาะหอยนางรมลอยที่มีความสมบูรณ์ หลังจากถูกออกแบบให้เป็นเครื่องประดับแล้ว ราคาของมันย่อมไม่ด้อยไปกว่าวัตถุโบราณแน่นอน


เขาจะทำให้หอยนางรมลอยกลายเป็นไพ่ไม้ตายที่นำฟาร์มปลาเข้าสู่สังคมชั้นสูง อัตราการประสบความสำเร็จก็มีสูงมาก หอยนางรมลอยกว่าร้อยตัว ก็นับว่าเพียงพอต่อการรองรับตลาดสินค้าหรูหราขนาดเล็ก


เดิมทีหอยนางรมลอยจะอาศัยอยู่บริเวณน่านน้ำด้านเหนือของแนวปะการัง ฉินสือโอวอยากจะย้ายพวกมันมาไว้ที่บริเวณศูนย์กลางของแนวปะการัง ที่นั่นจะปลอดภัยกว่า


การขยายตัวของแนวปะการังมีกฎเกณฑ์อยู่ สิ่งมีชีวิตทุกชนิดไม่สามารถหนีห่างจากแสงอาทิตย์ได้ การสร้างปะการังก็เช่นกัน พวกมันมีเงื่อนไขเกี่ยวกับอุณหภูมิที่สูงมาก ความต้องการแสงแดดก็มากเช่นกัน


เนื่องจากน้ำทะเลและการดูดซับแสงอาทิตย์ของแพลงก์ตอนกับดินทรายที่ลอยอยู่บนผิวน้ำ การดูดซับลำแสงจะเพิ่มขึ้นตามระดับความลึกของน้ำทะเล แม้จะอยู่ในน้ำทะเลที่ใสเป็นพิเศษอย่างทะเลของออสเตรเลียในตอนนี้ แต่ก็มีปะการังแบบเฮอมาไทปิคอยู่ไม่กี่ชนิดเท่านั้นที่สามารถมีชีวิตอยู่ในน้ำทะเลที่มีระดับความลึกกว่าหนึ่งร้อยเมตร


ถ้าพูดถึงจำนวนของโพลิป ระดับความลึกเจ็ดสิบแปดสิบเมตรก็ถือว่าถึงขีดจำกัดแล้ว ในฟาร์มปลาของฉินสือโอว ถึงแม้ว่าโพลิปจะได้รับการปรับปรุงจากพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนแล้ว แต่ก็สามารถอยู่ในระดับน้ำที่ลึกที่สุดแค่ราวๆ ห้าสิบเมตรเท่านั้น


แท้จริงแล้ว การที่ฟาร์มปลาต้าฉินมีแนวปะการังได้ก็นับว่าเป็นปาฏิหาริย์ เส้นฝั่งทะเลของประเทศแคนาดาทั้งประเทศล้วนแต่อยู่ในพื้นที่น้ำของเขตอบอุ่นและเขตหนาวเย็น โดยทั่วไปแล้วน่าจะไม่มีแนวปะการังเลยด้วยซ้ำ


โพลิปของฟาร์มปลาต้าฉินน่าจะถูกนำเข้ามาโดยหัวใจโพไซดอนของฉินหงเต๋อเจ้าของฟาร์มปลารุ่นที่แล้ว ฉินสือโอวรู้เรื่องนี้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้นานแล้ว พอเริ่มดำเนินงานในฟาร์มปลาสู่บริเวณทะเลลึก ก็มีร่องรอยของแนวปะการังอยู่เป็นจำนวนมาก น่าเสียดายที่โพลิปในปะการังพวกนั้นตายไปหมดแล้ว


เมื่อลองคาดคะเนดู ก็คงจะเป็นเพราะตอนที่ฉินหงเต๋อยังมีชีวิตอยู่ เขาได้ใช้พลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนหล่อเลี้ยงโพลิปไว้ ต่อมาหลังจากที่เขาเสียชีวิตไปได้สิบกว่าปี พวกโพลิปจึงพากันตายลง เหลือไว้เพียงซากปะการังที่ตายจนหมดแล้วกับโพลิปผืนเล็กบางส่วนที่ฉินสือโอวได้พบเมื่อตอนที่เขามาถึง


ต่อมาฉินสือโอวใช้โพลิปที่ยังมีชีวิตอยู่ผืนนั้นเป็นฐานในการสร้างขยายแนวปะการัง แต่โพลิปจะเคลื่อนย้ายไปทางใต้และบริเวณแถบชายฝั่งทะเลมากเป็นพิเศษ เพราะนั่นเป็นธรรมชาติของพวกมัน ยิ่งเข้าใกล้แสงอาทิตย์ทางใต้เท่าไรก็ยิ่งดีเท่านั้น น้ำยิ่งตื้นเท่าไร แสงอาทิตย์ก็ยิ่งส่องผ่านได้มากขึ้น


เมื่อเป็นเช่นนี้ พวกหอยนางรมลอยจึงสามารถอาศัยอยู่ที่พื้นที่ริมขอบด้านเหนือเท่านั้น


เมื่อจิตสำนึกแห่งโพไซดอนผ่านเข้าไป เขาก็ต้องตกใจจนตัวโยน ไม่นานมานี้กั้งตั๊กแตนเจ็ดสีที่มายังฟาร์มปลาพร้อมกับนกจมูกหลอดหางสั้นได้ค้นพบหอยนางรมลอยที่มีรสชาติอร่อยพวกนี้ จึงพากันล้อมเข้ามา เคาะก๊อกๆ แก๊กๆ เตรียมตัวกินหอยนางรมลอยเข้าไป


กั้งตั๊กแตนเจ็ดสีมีรูปโฉมภายนอกที่สวยงามเป็นอย่างยิ่ง แต่ภายใต้รูปลักษณ์ที่งดงามของพวกมันคือจิตใจที่ป่าเถื่อนรุนแรง พวกมันดุร้ายทารุณและมีปฏิกิริยาที่ว่องไว มีลักษณะการโจมตีและการรักษาอาณาเขตที่แข็งแกร่งมาก ที่ฟาร์มปลาต้าฉิน สัตว์ขนาดเล็กอย่างพวกมันกลับเป็นนักฆ่าเบอร์หนึ่งที่สมควรได้รับคำกล่าวขาน


ทำไมถึงพูดอย่างนี้น่ะเหรอ? กั้งตั๊กแตนเจ็ดสีมีก้ามที่ได้รับการพัฒนามาอย่างดี เรียกว่ากำปั้น กำปั้นของมันที่เป็นหนามแหลมอยู่หน้าสุด ส่วนปลายมีลักษณะแหลมคมเหมือนสิ่ว ส่วนที่เชื่อมกับร่างกายก็นูนหนาขึ้นมา


เมื่อเป็นเช่นนี้ เวลาที่พวกมันพับซ้อนตัวเข้าหากัน ส่วนที่หนานูนขึ้นมาก็จะเป็นเหมือนค้อนที่สามารถทุบเปลือกของสัตว์พวกกุ้งกั้งปู หอยที่มีเปลือกแบบตลับ และหอยจำพวกหอยโข่งและสัตว์ชนิดอื่นๆ ที่มีเปลือกแข็งได้ อีกทั้งเมื่อมันยืดตัวออก ก็สามารถแทงทะลุเนื้อเยื่อของสัตว์นิดต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย


ขณะโจมตีเหยื่อ ภายในห้าสิบวินาทีกั้งตั๊กแตนเจ็ดสีจะสามารถแทงกำปั้นที่อยู่ด้านหน้าออกมาหนึ่งครั้งได้ ความเร็วสูงสุดมากกว่า 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระดับการเร่งอัตราความเร็วมากกว่าปืน 0.22 สามารถสร้างแรงโจมตีได้สูงถึง 60 กิโลกรัม แรงเสียดทานที่เกิดขึ้นในเวลาชั่วพริบตาเดียวทำให้อุณหภูมิสูงขึ้นจนทำให้น้ำบริเวณรอบๆ เกิดประกายไฟขึ้นได้!


นี่ไม่ใช่การกล่าวเกินจริงแต่อย่างใด เคยมีนักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษได้รับบาดเจ็บที่นิ้วมือแม้จะสวมถุงมือขณะจับมันก็ตาม เลือดไหลก็ออกมาไม่หยุด นอกจากนี้ยังมีบันทึกจากห้องทดลองหลายครั้ง ที่ระบุไว้ว่าเหล่านักสมุทรศาสตร์จับกั้งตั๊กแตนเจ็ดสีกลับไปใส่ไว้ในกระบอกตวงของห้องทดลอง แต่ทว่ากระบอกตวงพวกนั้นก็ถูกมันทุบจนแตก…


กั้งตั๊กแตนเจ็ดสีพวกนี้ก็กระโดดไปกระโดดมาเมื่อหาหอยนางรมลอยจนเจอก็พากันตื่นเต้นดีใจขึ้นมาทันที พวกมันมีขอบข่ายของอาหารที่กว้างมาก ตั้งแต่สัตว์ที่เคลื่อนไหวได้ช้าอย่างหอยที่มีเปลือกเป็นตลับ หอยโข่ง ไปจนถึงกุ้งปูที่เดินผ่านมันไป ตลอดจนสัตว์จำพวกปลาถ้าหากมันอยากจะนำมาเติมให้เต็มท้อง ขอแค่กั้งตั๊กแตนเจ็ดสีหมายตาไว้ พวกมันก็จะเข้าไปปล่อยหมัดให้กับเหยื่ออย่างโหดเหี้ยมแน่นอน


อีกทั้งในบรรดาอาหารของพวกมัน หอยชนิดต่างๆ ก็เป็นอาหารที่พวกมันโปรดปรานที่สุด


จุดบอดข้อเดียวของกั้งตั๊กแตนเจ็ดสีก็คือความเร็ว พวกมันคลานได้ไม่เร็ว ดังนั้นพวกมันจึงชื่นชอบสัตว์ประเภทหอยที่เคลื่อนที่ได้ช้ากว่าพวกมันเป็นพิเศษ นอกจากนี้ เนื้อของหอยชนิดต่างๆ ยังนุ่มมากอีกด้วย ขอเพียงแค่ทุบเปลือกให้แตก พวกมันก็จะกินได้อย่างเอร็ดอร่อยแล้ว


เมื่อล้อมหอยนางรมลอยเอาไว้แล้ว กั้งตั๊กแตนเจ็ดสีก็เริ่มเปิดการโจมตี มันขดก้ามเข้าหากันแล้วเคาะลงไปบนเปลือกของหอยนางรมลอย


พวกหอยนางรมลอยมีการเคลื่อนไหวที่ไม่ดีนัก แต่นี่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกมันจะไม่มีความสามารถในการโต้ตอบกลับ


ใช้เปลือกหอยที่แข็งแรงเพื่อการป้องกัน หอยนางรมลอยบางส่วนเปิดเปลือกออกเล็กน้อยจนปรากฏเป็นรอยแยก มีกั้งตั๊กแตนเจ็ดสีใจร้อน บุ่มบ่ามอยากจะรีบมุดเข้าไป


แต่ปรากฏว่าพอพวกมันกำลังจะมุดตัว ‘ขวับ’ แค่แป๊บเดียว หอยนางรมลอยก็ปิดงับเปลือกด้วยความรวดเร็ว คราวนี้กั้งตั๊กแตนเจ็ดสีจึงตกอยู่ในสภาพน่าเวทนา ไม่มีอะไรเหนือความคาดคิด พวกมันเหล่านั้นถูกตัดออกเป็นสองท่อน กล้ามเนื้อยึดฝาของหอยนางรมลอยขึ้นชื่อเรื่องความแข็งแรง โดยเฉพาะเมื่อเป็นหอยนางรมลอยที่ได้รับการดัดแปลงจากพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนมาแล้วด้วย


หอยนางรมลอยตัวใหญ่มีเปลือกที่หนาเป็นพิเศษ กั้งตั๊กแตนเจ็ดสีทุบไม่แตก ดังนั้นพวกมันจึงเลือกโจมตีหอยนางรมลอยขนาดเล็ก


การต่อสู้ครั้งนี้เกิดขึ้นต่อเนื่องหลายวันแล้ว ตอนที่ฉินสือโอวมาถึง หอยนางรมลอยยี่สิบกว่าตัวพวกนั้นตายไปขณะที่กำลังต่อสู้ เหลือไว้เพียงเปลือกแต่ละชิ้นที่แตกหัก


หอยนางรมลอยตัวใหญ่รู้ว่าสถานการณ์ไม่ดีแล้ว จึงคิดจะหาทางหนี


พวกมันลองเชิงด้วยการยื่นกลีบขาออกไป คิดจะเคลื่อนย้ายตัวเพื่อหนีไปที่อื่น หลังจากกั้งตั๊กแตนเจ็ดสีบางส่วนที่มีไหวพริบดีพบเข้า ก็ยืดหมัดแหลมคมออกไปทันที ‘ฉึก’ แค่ครู่เดียวก็ตอกตัวหอยนางรมลอยติดอยู่ด้านนอก


คราวนี้หอยนางรมลอยจึงตกอยู่ในอันตรายแล้ว พวกมันปิดงับเปลือกหอยไม่ได้ และดูเหมือนว่าแค่กั้งตั๊กแตนเจ็ดสีมุดเข้ามาตามรอยแยกของเปลือกหอยก็จะสามารถลิ้มรสความอร่อยของหอยนางรมลอยได้แล้ว


แต่เรื่องมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น พวกหอยนางรมลอยฉลาดมาก เมื่อรู้ว่ากลีบขาของตัวเองถูกตอกยึดไว้ด้านนอก พวกมันก็ปิดงับเปลือกหอยตัดเอาร่างกายส่วนที่ยื่นออกไปด้านนอกจนขาดออกทันที!


เห็นหอยนางรมลอยถูกรังแกแบบนี้ ฉินสือโอวก็เจ็บปวดใจอย่างถึงที่สุด นี่เป็นแหล่งทำเงินของเขาเลยนะ กั้งตั๊กแตนเจ็ดสีพวกนี้ทำกันเกินไปแล้ว!


จิตสำนึกแห่งโพไซดอนปะทุอารมณ์โกรธ มวลน้ำวนใต้มหาสมุทรโจมตีกั้งตั๊กแตนเจ็ดสีพวกนี้พัดไปอีกฝั่ง จากนั้นเขาก็เรียกปลาใหญ่ที่อยู่รอบๆ ให้เข้ามากินมัน!


ฉลามกบเจ็ดพี่น้องกำลังทำเยี่ยมๆ มองๆ รับเอาพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนอยู่ด้านหลัง เมื่อได้รับคำสั่งจากจิตสำนึกแห่งโพไซดอน พอเห็นว่าคู่ต่อสู้เป็นเพียงกุ้งฝอยตัวเล็กๆ พวกมันก็รีบบุกเข้ามา ทำงานที่ได้รับมอบหมายทันที


กั้งตั๊กแตนเจ็ดสีล้วนแต่มีขนาดค่อนข้างเล็ก โดยทั่วไปแล้วมักจะมีความยาวประมาณเจ็ดแปดเซนติเมตร ตัวที่ใหญ่ที่สุดมีขนาดราวๆ สิบเซนติเมตรเท่านั้น ในสายตาของพี่น้องฉลามกบแล้ว พวกนี้คืออาหารที่ย่อยค่อนข้างยาก หากต้องรับมือก็คงไม่ง่ายดายขนาดนั้นหรอกใช่ไหม?


มหาสมุทรเป็นสนามล่าเหยื่อที่อันตรายที่สุด หากสามารถมีชีวิตรอดมาได้จนถึงทุกวันนี้โดยไม่ถูกธรรมชาติกำจัดทิ้ง ถึงแม้จะเป็นกุ้งแดงก็ยังไม่ควรดูแคลน แล้วนับประสาอะไรกับกั้งตั๊กแตนเจ็ดสีที่เลื่องชื่อว่ามีกำลังสู้รบเป็นอันดับหนึ่งล่ะ?


………………………………………………………..

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)