ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง 405-409
ตอนที่ 405 มังกร? ก็จะทุบตีเจ้าอยู่ดี!
ในตอนนี้หัวใจของพี่รองแทบจะกระดอนขึ้นมาถึงคอหอยอยู่แล้ว
หากบอกว่าน้องเล็กกำลังทุบตีตัวประหลาดอื่นๆก็แล้วไปเถอะ….มิใช่ว่าเขาจะไม่เคยเห็นมาก่อน
แต่ว่าเจ้าตัวที่อยู่ตรงหน้านั่น คือมังกรของแท้ตัวเป็นๆ!
น้องเล็กไม่ทันได้กระพริบตา ก็ลงมือทุบตีอย่างโหดเ**้ยมไปแล้ว ซวยแน่!
ดาบกระดูกมังกรนั้นพอปรากฏออกมา เพียงแค่แรงกดดันก็ทำเอาคนแทบจะหายใจไม่ออกแล้ว
ขณะที่เห็นว่าดาบนั้นกำลังจะแทงเข้าไปในลำคอของตู๋กูซิงหลัน ติ๊งต๊องก็เตรียมพร้อมจะพ่นไฟเอาไว้อยู่แล้ว…..แต่ว่าเมื่ออยู่ในท้องทะเล พ่นไฟคงมิได้ช่วยอะไรเท่าไหร่กระมั้ง?
ทันใดนั้นเอง ก็เห็นดาบใหญ่ในมือของตู๋กูซิงหลันควงตัวรอบหนึ่ง เปลี่ยนเป็นกำบังอยู่ด้านหน้า สกัดดาบกระดูกมังกรนั้นเอาไว้อย่างตรงๆ
ลู่เวยหัวเราะอย่างเย็นชาคำหนึ่ง “อาวุธของคนธรรมดาก็จะขัดขวางข้าได้หรือ?”
ดาบที่หลอมขึ้นจากกระดูกมังกร แฝงพลังหนักแน่นสามารถผ่าขุนเขา นางคิดจะใช้ดาบยักษ์ของมนุษย์ธรรมดามาสกัดตน?
นี่มิใช่เท่ากับว่าเอาเปลือกไข่มากระทบกับก้อนหินหรอกหรือ?
“สายตาของชือหลีช่างใช้การไม่ได้เสียจริงๆ เรียกทัพหนุนมาทั้งทีกลับมีแต่พวกโง่งม! ถึงจะมีความกล้าหาญอยู่บ้าง แต่ก็เป็นแค่พวกบ้าบิ่นที่ไร้สมอง!” นางเอ่ยอย่างเย็นชา ถ่ายทอดพลังผ่านฝ่ามือ พลังที่แข็งแกร่งโหมออกไปเป่าเสื้อผ้าของตู๋กูซิงหลันปลิวขึ้นไป
ขนาดมุกมังกรในฝ่ามือของนางยังเกิดความสั่นสะท้านขึ้นมา
ตู๋กูซิงหลันควงดาบยักษ์ด้วยมือเดียว กลับสามารถต้านทานดาบเล่มนั้นเอาไว้ได้
เสียง ‘เปรี้ยง’ สะท้อนออกมาจากจุดที่ดาบกระดูกมังกรและดาบยักษ์กระแทกกันจนเกิดแสงสว่างบาดตา
ทันทีที่แสงสว่างนั้นระเบิดออก เหล่าสัตว์ทะเลที่พากันรายล้อมอยู่ต่างก็แยกย้ายถอยหลังออกไป
ตู๋กูซิงหลันใช้พลังยกดาบยักษ์ขึ้นมา ใจกลางฝ่ามือของนางบังเกิดหมอกสีดำขุมหนึ่ง หมอกสีดำนั้นแทรกซึมเข้าสู่ตัวดาบยักษ์ พอสั่นสะท้านขึ้นมา ก็กระแทกดาบกระดูกมังกรของลู่เวยกลับออกไป
ลู่เวยถูกกระแทกจนต้องถอยกรูดกลับไปหลายก้าว ฝ่ามือถูกแรงกระแทกสะท้อนเข้าใส่จนสะท้านไปหมด จนเกือบจะจับดาบเอาไว้ไม่ไหวอีกต่อไป
นางใจหายวาบ รู้แค่ว่าไอเย็นที่เหน็บหนาวขุมหนึ่งทะลวงผ่านดาบกระดูกมังกรเข้าสู่ใจกลางฝ่ามือ แทรกซึมและหมุนวนอยู่ภายในร่างของนาง
กลายเป็นไอแห่งความตายที่หน่วงเหนี่ยวร่าง ราวกับพลังที่จะลากคนลงไปยังขุมนรก
ทำให้นางต้องมองดูสตรีเผ่ามนุษย์ตรงหน้านี้ใหม่อีกครั้ง…..
บนโลกใบนี้ เผ่ามังกรไม่เคยมีใครต้องมาเสียทีให้กับมนุษย์ธรรมดามาก่อน
ต่อให้เป็นเหล่านักพรตของพวกมนุษย์ ก็ยังไม่เคยมีใครได้รับการเหลือบแลจากเผ่ามังกรทั้งนั้น
พวกเขาคือผู้ที่สูงส่งกว่าอยู่เสมอมา
โดยเฉพาะลู่เวย นางคือความภาคภูมิใจของเผ่ามังกรตะวันตก คือว่าที่ผู้นำของเหล่ามังกรทั้งสี่ท้องทะเลในอนาคต …… ตลอดหลายปีมานี้ในบรรดาผู้เยาว์ของมังกรเผ่าต่างๆ ยากที่จะหาผู้ใดมาเทียบเคียงฝีมือกับนางได้สักคน
แต่ว่าตอนนนี้……นางกลับถูกสั่งสอนโดยฝีมือของสาวน้อยในเผ่ามุนษย์คนหนึ่ง?
นัยตาสีทองของนางทอประกายที่ชั่วร้ายออกมา
นางกระชับดาบกระดูกมังกรในมือสะบัดออกไปอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นเหล่าสัตว์น้ำทะเลที่เดิมทีรายล้อมอยู่รอบตัวของนางก็ชะงักไปชั่วครู่ จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นพุ่งเข้าหาตู๋กูซิงหลัน
มีความสามารถแล้วจะอย่างไร?
ที่นี่คือทะเลตะวันตก! ที่ถิ่นฐานของนาง ลู่เวย องค์หญิงแห่งทะเลตะวันตก!
นางไหนเลยจะยอมปล่อยให้มนุษย์ผู้หนึ่งมาสร้างความวุ่นวายได้กัน? ทั้งฉลามยักษ์ วาฬ งูทะเล มีอยู่มากมายนับพันตัว นางจะสามารถสังหารได้หมดด้วยดาบเล่มเดียวหรือ?
ลู่เวยคลี่ยิ้มเย็นชาออกมา “ฆ่านางเสีย! เก็บร่างเอาไว้ ข้าผู้เป็นองค์หญิงยังต้องการใช้สอย!”
ทันทีที่สิ้นเสียง เหล่าสรรพสัตว์ในท้องทะเลต่างก็พากันถาโถมเข้าไป
ตู๋กูซิงหลันมิได้รีบร้อน ในมือของนางมียันต์ผืนหนึ่ง ริมฝีปากเอื้อนเอ่ยคาถา ทันใดนั้นก็เห็นเหล่าวิญญาณคนตายจำนวนมากมายผุดขึ้นที่ข้างกายนาง
ทั้งหมดนี้คือเหล่าคนที่ถูกลู่เวยกินเข้าไป
เมื่ออยู่ใต้การบัญชาของตู๋กูซิงหลันพวกมันก็กลายเป็นกองทัพวิญญาณคนตาย บุกออกไปโรมรันพันตูกับเหล่าสัตว์ทะเลทั้งหลาย
เมื่อมีพลังจากหยกสรรพชีวิตของตู๋กูซิงหลันเกื้อหนุน วิญญาณคนตายแต่ละดวงก็มีพลังต่อสู้สู่งส่งยิ่งกว่าดวงวิญญาณแค้นเสียอีก เมื่อปะทะกับเหล่าสัตว์น้ำทะเล ก็มิได้เสียเปรียบแต่อย่างใด
ฉากการต่อสู้ที่เกิดขึ้นทำให้ลู่เวยถึงกับหุบปากไม่ลง นางกำดาบกระดูกมังกรในมือแน่น ถอยหลังออกไปอีกไกล
ชั่วชีวิตนี้นางฆ่าคนไปมากมาย แต่ก็ไม่เคยมีวิญญาณคนตายติดตามมาล้างแค้นมาก่อน!
คนธรรมดาผู้นี้มาจากที่ใดกัน ถึงได้สามารถบังคับควบคุมเหล่าวิญญาณคนตายได้มากมายถึงเพียงนี้?
ลู่เวยหรี่ตาดูอย่างพิจารณา คิดจะค้นหาความจริงจากร่างของนาง แต่กลับพบว่า ในตอนนั้นตู๋กูซิงหลันได้หอบเอาดาบยักษ์บุกเข้ามาถึงเบื้องหน้านางแล้ว
ดาบเล่มนั้นสะบั้นลงมาอีกครั้ง ครั้งนี้นางลงมืออย่างพลิ้วไหวกว่าเดิม ครั้งนี้ ลู่เวยหลบไม่ทันแล้ว ได้แต่ยกดาบกระดูกมังกรขึ้นมาขวางเอาไว้
แต่ว่าตู๋กูซิงหลันกับรวดเร็วกว่าหลายส่วน ดาบนี้สะบั้นลงไป ก็ตัดแขนขวาของนางลงมาโดยไม่พลาดแม้แต่น้อย
เลือดสดสาดกระจายออกมาในทันที ละลายรวมกับน้ำทะเลอย่างรวดเร็ว
แขนที่ขาดของนางจมลงสู่พื้นทะเล ในมือยังคงกำดาบกระดูกมังกรเอาไว้อย่างแนบแน่น
ลู่เวยเจ็บปวดจนกรีดร้องออกมา นางไถลร่างออกไปด้านข้าง นางคิดอย่างเร่งร้อนจะพุ่งไปคว้าดาบกระดูกมังกรของตนเองกลับมา แต่ว่าตู๋กูซิงหลันกลับเตะขาข้างหนึ่งออกไป
ถีบลงไปบนท้องของนางอย่างพอดิบพอดี
ลูกถีบนั้น ต่อให้วัวตัวหนึ่งก็ต้องถูกนางถีบตายไป
พี่รองที่ชมดูอยู่ด้านข้างยังต้องตกใจว่าเกินจริงไปหรือไม่
ตั้งแต่กลับมาจากเมืองลี่โจว เขาก็รู้อยู่แล้วว่าน้องเล็กของตนเองที่จริงแล้วเป็นผู้เก่งกล้าที่ซุกงำประกายเอาไว้ เพียงแต่คิดไม่ถึงว่า นางจะแข็งแกร่งถึงปานนี้!
เพียงแค่เวลาสั้นๆไม่กี่เดือนในแคว้นเหยียน …..นางก็เปลี่ยนแปลงไปมากอย่างรวดเร็วราวกับว่าเป็นตัวประหลาดไปแล้ว!
พี่รองทั้งตระหนกทั้งภาคภูมิใจ เขาขี่หลังราชาสุนัขป่าเอาไว้ เอ่ยออกไปว่า “น้องเล็ก หากว่าเจ้าเป็นบุรุษ พี่ก็ขอแต่งให้กับเจ้าแล้ว!”
ตู๋กูซิงหลัน “……”
วังหลังของนางมีคนมากมายจนจะล้นอยู่แล้ว ไม่ต้องการคนปากมากมาเพิ่มอีกหรอก
ติ๊งต๊องเองก็ส่งเสียงกะต๊ากๆออกมา มันกระพือปีกเริงระบำอย่างยินดี มันเองก็อยากจะแต่งให้กับพี่สาวตัวน้อยเหมือนกัน นี่ช่างองอาจเกินไปแล้ว!
วิญญาณทมิฬกลับเห็นจนชินชาไปแล้ว …..หลันหลันในโลกก่อนต่างหากจึงจะเรียกว่าผู้แข็งแกร่ง!
แข็งแกร่งขนาดที่สามารถทำให้พวกเจ้าตกใจตายไปได้! แต่พอมาอยู่ที่โลกนี้กลับต้องคุดคู้อยู่ในเปลือกนิ่มๆ ความสามารถถูกจำกัดด้วยขอบเขตของร่างกาย
หลายเดือนที่ผ่านมาตอนที่อยู่ในแคว้นเหยียน ในที่สุดก็สามารถดูดซับพลังจากเศษหยกทั้งหกชิ้นเข้าไปได้จนหมด จากนั้นก็ฝึกฝนตนเองอย่างบ้าคลั่งรอบใหญ่ ความก้าวหน้าของร่างเนื้อนี้ย่อมทำให้ผู้คนตระหนกจนตกใจตายได้
ยิ่งเมื่อผสานกับ…..พลังมารที่เจ้าจิ้งจอกนั้นถ่ายทอดมาให้
สามารถกล่าวได้ว่า หลันหลันในตอนนี้ฟื้นคืนพลังเดิมในโลกก่อนได้สามสี่ส่วนแล้ว เมื่ออยู่ในโลกมิตินี้ นับว่าเป็นระดับตัวพ่อตัวแม่ผู้หนึ่ง ไม่ว่าใครก็ไม่อาจมาหยามได้ง่ายๆ
หากว่าเป็นโลกก่อนนั้น….อย่าว่าแต่มังกรตัวหนึ่งเลย ต่อให้ยกกันมาทั้งรัง ก็ต้องถูกนางทุบตีอยู่ดี!
ใช้แล้ว นางก็อหังการเช่นนี้เอง!
วิญญาณทมิฬมองดูภาพตรงหน้า ก็รู้สึกสบายอกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก เมื่อไม่ต้องถูกบีบคั้นอย่างก่อนหน้านี้ ทั่วทั้งร่างค่อยรู้สึกเบาสบาย
มันมองดูตู๋กูซิงหลัน ก็เห็นดวงตาดอกท้อทั้งคู่ของสาวน้อยผู้นั้น เปล่งประกายที่ทั้งป่าเถื่อนทั้งดุร้าย
เหล่าสัตว์น้ำขนาดใหญ่ต่างก็ได้กลิ่นเลือดจนเกิดความดุร้ายจนคลุ้มคลั่งขึ้นมา
เมื่อไม่มีดาบกระดูกมังกรเป็นอาญาสิทธิ์ พวกมันก็ติดตามกลิ่นเลือดไปโดยสัญชาติญาณ กลายเป็นกลับมารายล้อมรอบตัวของลู่เวย
พอไม่ได้เห็นสิ่งที่เป็นเครื่องหมายแสดงฐานะขององค์หญิงเผ่ามังกร แต่ละตัวก็สาดสายตาหิวกระหายออกมา
ตู๋กูซิงหลันเข้าไปเก็บดาบกระดูมังกรจากมือที่ขาดข้างนั้นขึ้นมาอย่างช้าๆ
ตัวดาบทอประกายสีทองออกมาจางๆ เป็นสีทองที่เหมือนกับสีทองของมังกรน้อยในมุกมังกรที่ชือหลีมอบให้กับนาง
พอสูดดมดูอย่างละเอียด บนตัวดาบนั้นมีกลิ่นอายของชือหลี…..ถูกกักเอาไว้ กลิ่นอ่อนจางอย่างยิ่ง แต่ว่าก็ยังสามารถสัมผัสได้
ตอนที่ 406 รังแกมันกลับไป!
“เจ้ามันคือตัวอะไรกันแน่?”
ลู่เวยล้วงเอายาออกมาสองเม็ดกลืนกินลงไป เพื่อหยุดเลือดเอาไว้
นางปิดปากแผลบนท่อนแขนเอาไว้ จดจ้องไปยังตู๋กูซิงหลัน
ดาบกระดูกมังกร….มีแต่สายเลือดของเผ่ามังกรที่แท้จริงเท่านั้นจึงจะสามารถยกขึ้นมาได้!
ไม่….. มังกรธรรมดาก็ยังไม่อาจจะทำให้มันขยับ…..แม้แต่ตัวนางก็ยังต้องฝึกฝนอยู่นานหลายปี จึงจะสามารถทำให้ดาบเล่มนั้นกลายเป็นอาวุธของตนเองได้
“แค่มนุษย์ธรรมดาผู้หนึ่ง คิดจะอาศัยอะไรมาขยับอาวุธของข้าผู้เป็นองค์หญิง?”
ตู๋กูซิงหลันกุมดาบเล่มนั้นเอาไว้ ชมดูอย่างละเอียดลออครู่หนึ่ง
จากนั้นก็สาดสายตากลับไป “อาวุธของเจ้างั้นรึ?”
น้ำเสียงนั้นเย็นเป็นน้ำแข็ง ราวกับแท่งน้ำแข็งที่สามารถตัดผ่านคนออกมา
ลู่เวยตกตะลึงไปครู่หนึ่ง…..
ก็ส่งเสียงโวยวายออกมาว่า “ในเมื่อหยิบออกมาจากด้านหลังของข้า หากไม่ใช่อาวุธของข้า แล้วจะเป็นของเจ้าหรืออย่างไร?”
“ข้าคือองค์หญิงแห่งทะเลตะวันตก วันนี้เจ้ากล้าตัดแขนข้าข้างหนึ่ง เท่ากับก่อความแค้นที่ยิ่งใหญ่ดุจท้องฟ้า! แล้วยังคิดจะช่วงชิงของของข้า? พวกมนุษย์ล้วนโลภมากไม่มีสิ้นสุดเช่นนี้นะหรือ?”
เมื่อครู่นี้ นางพึ่งจะปล่อยงูน้ำตัวหนึ่งจากแขนเสื้อไปส่งข่าว ขอเพียงสามารถถ่วงเวลาเอาไว้ได้ครู่หนึ่ง เสด็จพ่อกับเสด็จแม่จะต้องมาช่วยเหลือนางอย่างแน่นอน
ถึงตอนนั้น…..นังมนุษย์ผู้นี้ก็อย่าได้คิดว่าจะรอดไปได้เลย!
ตู๋กูซิงหลันหรี่ดวงตาลง ก็เขวี้ยงมีดบินเล่มหนึ่งออกไปจากแขนเสื้อ ตัดเจ้างูน้ำตัวนั้นขาดสะบั้นเป็นสองท่อนในทันที
แต่ว่าลู่อิงกลับมองไม่ทันเสียด้วยซ้ำ
ตู๋กูซิงหลันสะพายดาบยักษ์เอาไว้บนหลัง ใช้มือข้างเดียวกุมดาบกระดูกมังกรเอาไว้ สะบัดดาบออกไป ปาดลงบนข้างแก้มของลู่เวย กรีดลงไปบนปากของนางให้ขาดออกมา
“บนตัวดาบเล่มนี้ มีกลิ่นอายของชือหลีอยู่ เจ้ายังจะกล้าบอกว่าเป็นอาวุธของเจ้า?” น้ำเสียงของตู๋กูซิงหลันเย็นเฉียบอย่างที่สุด
มนุษย์มัจฉาผู้นั้น ได้บอกเล่าสถานการณ์ของชือหลีให้นางฟังจนหมดแล้ว
ชือหลีเองก็เคยบอกเอาไว้ว่า เนื่องเพราะคนในครอบครัวของนางเคยกระทำผิด นางและชือฉิงที่เป็นน้องสาวจึงถูกถอดกระดูกมังกรออกไป
ต้องฝึกฝนบำเพ็ญเพียรอย่างหนักหน่วง จึงสามารถอาศัยร่างงูกลายเป็นเทพพิทักษ์แม่น้ำลี่เหอ
ดาบกระดูมังกรนี้หลอมขึ้นมาจากกระดูกของมังกร ถึงแม้ว่าจะผ่านเวลามานานหลายปีแล้ว แต่ก็ยังคงสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายดั่งเดิมยามก่อกำเนิดได้อยู่
เป็นกลิ่นอายที่เหมือนกันกับชือหลีอย่างไม่ผิดเพี้ยน
นางไม่เพียงแต่ถูกบิดาเสเพลผู้นั้นทำร้าย ครอบครัวนี้ยังเอากระดูกมังกรของนางไปหลอมเป็นดาบ มอบให้กับพี่สาวต่างมารดาของนาง?
ตู๋กูซิงหลันหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา ในรอยยิ้มนั้นมีเลือดปนอยู่
นางกับชือหลีผ่านประสบการณ์เสี่ยงชีวิตมาด้วยกัน ย่อมถือว่าชือหลีคือสหายของนางมาตั้งนานแล้ว
นางเป็นคนรักพวกพ้อง รักพวกพ้องอย่างยิ่ง!
คนของนาง ผู้อื่นล้วนไม่อาจแตะต้อง!
หากว่า กล้าลงมือ ก็ต้องสนองกลับไปเป็นร้อยเป็นพันเท่า!
มุมปากของลู่เวยถูกกรีดขาด ดวงตาของนางมีแต่ความเคียดแค้นยิ่งกว่าเดิม!
มีกลิ่นอายของชือหลีแล้วจะอย่างไร?
นางมันก็แค่เศษสวะ! กระดูกของมันสามารถมาหลอมเป็นดาบให้นางใช้ได้ก็ต้องถือเป็นวาสนาของมันแล้ว!
มารดาที่ไร้ค่าของนาง ตอนนั้นทำร้ายผู้คนจนต้องกลายเป็นวิญญาณไปทั้งเมือง ทำผิดด้วยก่อการฆ่าฟันครั้งยิ่งใหญ่ นางคือลูกหลานของนักโทษ แล้วจะมาเปรียบเทียบกับตนที่เป็นองค์หญิงที่แท้จริงของทะเลตะวันตกได้อย่างไร?
ตัวนางลู่เวยเห็นค่าในกระดูกมังกรของชือหลี ก็ต้องถือว่าเป็นบุญที่ชือหลีสั่งสมมาแปดชาติด้วยซ้ำ!
นางอ้าปากขึ้นมา คิดจะเถียงกลับไป ก็เห็นตู๋กูซิงหลันพุ่งมาถึงด้านหน้าของนางกระโดดถีบลงมาทั้งสองเท้า
“อย่ามากล่าววาจาไร้สาระกับเจ้!” นางไม่มีอารมณ์จะมาอดทนอีกต่อไป พอกำดาบกระดูกมังกรเอาไว้ในมือ ก็รู้สึกเหมือนถือกระดูกของชือหลีเอาไว้ หนักหน่วงอย่างยิ่ง
ตู๋กูเจวี๋ยก็พลิกร่างลงจากหลังของราชาสุนัขป่าเช่นกัน ใบหน้าที่เคยแต่อบอุ่นอ่อนโยนมาโดยตลอด ตอนนี้ยังดูถมึงทึงเสียยิ่งกว่าตู๋กูซิงหลันอีก
เขาไม่ใช่คนโง่ ถึงแม้จะไม่รู้อย่างชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นกับชือหลี แต่จากคำสนทนาที่โต้ตอบกันก็รู้แล้วว่า ชือหลีถูกคนรังแก
ตู๋กูเจวี๋ยคุกเข่าลง กำหมัดซัดลงไปบนใบหน้าของลู่เวย “มารดามัน พวกเจ้าทำอะไรกับชือหลี?”
ถึงตู๋กูเจวี๋ยเป็นคนปากมาก แต่ยามพูดจาก็มีมารยาทและหลักการอยู่เสมอ
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาหยาบคาย
พอคิดว่าช่วงที่ผ่านมาชือหลีคงจะถูกพวกที่ไม่ใช่คนเหล่านี้รังแกมาโดยตลอด ดวงตาของเขาก็แดงก่ำขึ้นมาแล้ว
ช่างสมควรตาย……เขานึกว่านางเป็นเทพ ที่มีความสามารถตบตีผู้อื่นอยู่เสมอ แต่กลับนึกไม่ถึงว่า เทพก็ถูกรังแกได้เหมือนกัน
หนึ่งหมัดที่กระแทกลงไปทำให้แผลตรงปากของลู่เวยฉีกขาดมากกว่าเดิม
นางเจ็บจนต้องสูดลมหายใจเข้าไปอึกหนึ่ง มองดูบุรุษที่ผ่ายผอมชุดขาวผู้นี้
ทำไมมนุษย์ธรรมดาสองคนถึงสามารถทำร้ายนางได้ถึงเพียงนี้?
ไม่รอให้ลู่เวยตอบคำถาม ก็เห็นตู๋กูเจวี๋ยต่อยอีกหมัดตามลงไป “พวกเจ้าถอดกระดูกของชือหลีเอามาทำดาบหรือ?”
เห็นท่าทางของน้องเล็กเขาก็รู้แล้ว
ตู๋กูซิงหลันหรี่ตามองดู พี่รองที่สองตาแดงก่ำ หนุ่มน้อยผู้นี้ช่างชักช้าอืดอาดจริงๆ…..หากไม่ช่วยเหลือเขาสักหน่อยเกรงว่าทั้งชาติคงไม่อาจหาภรรยาได้สักคนเดียว
นางปล่อยให้เขาได้ระบายอารมณ์อย่างเต็มที่
พี่รองกระหน่ำลงไปเจ็ดแปดหมัดติดต่อกัน จนแทบจะทำให้ศีรษะของลู่เวยกลายเป็นหมั่นโถไปแล้ว เขาถึงได้หยุดมือ
อย่าได้เห็นว่ายามปกติหนุ่มน้อยผู้นี้รู้จักแต่สุภาพนุ่มนวล พอลงมือขึ้นมาก็สุดชีวิตเหมือนกัน พละกำลังก็ยังมากมายเกินกว่าที่ตู๋กูซิงหลันคาดการณ์เอาไว้เสียอีก
นางเหลือบมองดูหมัดของเขา เห็นมันแดงก่ำ จนผิวก็ยังถลอกออกมา
ตู๋กูซิงหลันเก็บดาบกระดูกมังกรขึ้นมา เอ่ยกับพี่รองของตนเองคำหนึ่ง “ครั้งนี้ชือหลีถูกรังแกจนย่ำแย่แล้ว”
“ถ้าเช่นนั้นก็ยิ่งต้องรังแกกลับไป!” ดวงตาของพี่รองแดงเข้มขึ้นมาในทันที
เขาเข้ามาถึงข้างกายตู๋กูซิงหลัน ยื่นมือไปจับดาบยักษ์ที่นางแบกเอาไว้บนหลัง
ยกมัน แต่กลับไม่มีอะไรขยับแม้แต่น้อย
ตู๋กูเจวี๋ย “…..” เขาชักจะสงสัยว่า ตนเองไม่ใช่ลูกแท้ๆของบิดามารดาหรือเปล่า ทำไมเวลาเห็นพี่ใหญ่กับน้องเล็กแบกดาบยักษ์นี้เอาไว้ กลับดูง่ายดายเหมือนดั่งยกมีดหั่นผัก
ผ่านไปอีกพักใหญ่เขาถึงได้เก็บมือกลับไป
“ต่อให้ข้าต้องน้ำลายแห้งผาด ก็จะขอถุยใส่เจ้าพวกต่ำช้าที่รังแกนางให้ถึงตาย!”
ตู๋กูซิงหลัน “มีความก้าวหน้า”
…………………….
พูดจบแล้วก็เห็นบรรดาสัตว์น้ำที่รายล้อมพวกเขาเอาไว้พากันแตกตื่นขึ้นมา
เดิมทีพวกมันกำลังจดจ้องมาที่ลู่เวย กลิ่นคาวจากเลือดของนางน่าดึงดูดมากเกินไปแล้ว แต่เพราะว่าตู๋กูซิงหลันยังอยู่ใกล้ๆกับลู่เวย ในมือของนางถือดาบกระดูกมังกรอยู่ จึงไม่กล้าเคลื่อนไหวอย่างวู่วาม
เหล่าวิญญาณคนตายหลายร้อยยังคงคอยอยู่ด้านหลังของตู๋กูซิงหลัน ล่องลอยไปมาอยู่ในท้องทะเล แต่ละตนมีไอแค้นรุนแรง ยังดูดุร้ายยิ่งกว่าพวกผีตายโหงเสียอีก
แต่แล้วในตอนนั้นเอง เหล่าสัตว์น้ำพากันแตกตื่นขึ้นมา แม้แต่พวกวิญญาณคนตายก็ยังพลอยไม่สงบไปด้วย
แต่ละตนมองลึกเข้าไปในท้องน้ำ
ที่นั่นมีเสียงดนตรีล่องลอยออกมา
“ยามตายของเจ้ามาถึงแล้ว!” ลู่เวยทนเจ็บ เอ่ยออกมาด้วยความเกรี้ยวกราด
จะต้องเป็นเสด็จพ่อเสด็จแม่ที่ได้รับข่าวของนางจึงรีบมาช่วยเหลืออย่างแน่นอน!
ดวงตาของตู๋กูซิงหลันเย็นชาดุจน้ำแข็ง นางสะบัดเท้าออกไป ถีบใส่ปาก คราวนี้กระทั่งฟันก็ยังร่วงออกมา
นางเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาคำหนึ่ง “ยามตายของพวกเจ้ามาถึงแล้วต่างหาก”
จากนั้นมือข้างหนึ่งก็คว้าคอเสื้อของลู่เวยขึ้นมา ยันต์สีเหลืองแผ่นหนึ่งถูกผนึกลงไปบนหน้าผากของนาง ตู๋กูซิงหลันก้าวเท้าออกไปข้ามผ่านเหล่าสัตว์น้ำมากมาย มุ่งตรงไปยังทิศทางของวังมังกร
เหล่าวิญญาณคนตายต่างก็ติดตามอยู่ด้านหลังของนาง กลายเป็นกองทัพที่คึกคักฮึกเหิม
ตู๋กูซิงหลันหิ้วลู่เวยเอาไว้ราวกับว่าเป็นลูกเจี๊ยบตัวหนึ่ง นางสะพายดาบยักษ์ นำพี่รอง ราชาสุนัขป่าและติ๊งต๊องผ่านปากประตูวังมังกรเข้าไปภายใน
………………………….
ส่วนลึกของทะเลตะวันตกไม่มีการแบ่งแยกกลางวันหรือกลางคืน
วันนี้วังมังกรแต่งบุตรสาว ถือเป็นมงคล
แต่ละตำหนักในวังประดับประดาไปด้วยไข่มุกราตรี จนทั่วทั้งตำหนักเปล่งประกายสุกใส
บนเสาทองของตำหนักกลางยังคงมีคราบเลือดเกาะอยู่ แต่กลับไม่มีเงาของชือหลีแล้ว
ตอนที่ 407 ข้า ฮ่องเต้หญิงแห่งแคว้นเห...
ภายในตำหนัก ราชามังกรลู่กว่างสวมใส่ชุดที่วิจิตรงดงาม มองดูราชินีมังกรที่กำลังพาชือหลีที่แต่งหน้าแต่งตัวเรียบร้อยแล้วออกมา
ชุดสีแดงตลอดร่าง มิใช่สีแดงสด หากแต่เป็นสีแดงทึบราวกับถูกย้อมไปด้วยเลือด
หางของชือหลีกลายเป็นขาทั้งสองข้าง นางรูปร่างระหงส์ สูงโปร่งแต่ว่าเสื้อผ้าชุดนี้กลับสั้นจนเกินไป เผยให้เห็นเท้าที่ละเอียดเนียนของนาง
เท้าสวมใส่รองเท้าสีแดงคู่หนึ่ง แต่กลับไม่ได้ปักลายบุปผาสักดอก
บนศีรษะถักมวยผมรับมงกุฎรัดเกล้าเอาไว้ แต่เป็นเพียงทองชุบที่ไม่มีค่าสักเท่าไร
ชือหลีงดงามอย่างยิ่ง เส้นผมสีแดงนัยตาก็เป็นสีแดง เดิมสมควรจะดูเจิดจ้างดงาม แต่ว่าตอนนี้ดวงหน้าของนางกลับซีดขาวราวแผ่นกระดาษ
ถึงแม้ว่าจะแต่งหน้าจัดอย่างผู้ที่เป็นเจ้าสาว แต่ก็ยังไม่อาจปิดบังความบอบช้ำและอ่อนระโหยของนางไปได้
นางถูกมัดอยู่บนเสาถึงเจ็ดวันเจ็ดคืน ทั้งยังรับการทรมานอยู่ตลอด หากว่าเป็นคนธรรมดาก็คงจะต้องตายไปตั้งแต่แรกแล้ว
วันเวลาช่างผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับมังกรที่สะบัดหาง คิดถึงตอนนั้นที่นางจับตู๋กูเจวี๋ยขังเอาไว้ที่คุกใต้ดินนานถึงหนึ่งเดือนเต็ม ช่างน่าประหลาดใจที่เจ้าเด็กน้อยขนอ่อนผู้นั้นกลับยังรอดอยู่ได้
ตอนนี้นางก็ไม่ได้ต่างอะไรกับตุ๊กตาไม้ ที่ใครจะจับวางอย่างไรก็ได้
นับตั้งแต่ตอนนั้นที่ถูกถอดกระดูกมังกรออกไป นางก็ถูกกำหนดเอาไว้แล้วว่าชาตินี้ทั้งชาติไม่อาจต่อกรกับพวกเขาได้อีก
เมื่อต้องมามีจุดจบเช่นนี้ ที่จริงแล้วก็อยู่ในการคาดคะเนของนางตั้งแต่แรกแล้ว
แต่นางไม่อยากแพ้ ไม่อยากยอมแพ้ต่อครอบครัวของบิดาเสเพลอย่างง่ายๆเช่นนี้!
มารดาของนางตายอย่างอนาถ นางนอกจากจะไม่มีหนทางจะแก้แค้น แล้วยังตกอยู่ในมือของพวกเขาถูกพวกเขาใช้เป็นเครื่องแลกเปลี่ยน ‘ผลประโยชน์’
ที่จริงนางตัดสินใจได้แล้ว วันนี้ จะขอยอมตายให้หยกและศิลาล้วนแหลกลาญไปพร้อมๆกับพวกเขา
…………………
“ท่านพี่ วันนี้หลีเอ๋อร์งดงามมากจริงๆ” หลิ่วฮุ่ยยิ้มอ่อนหวาน บนในหน้ามีแต่แววตารักใคร่เอ็นดู “นางพึ่งจะกลับมา ยังไม่ได้ทันอยู่ร่วมกับพวกเราสักเท่าไรก็จะแต่งออกไปเสียแล้ว คิดๆดูแล้วก็อดที่จะเสียดายอยู่บ้างไม่ได้”
ชือหลีสะอิดสะเอียดเหลือเกิน
“ต่อให้น่าดูอย่างไรยังจะงามไปกว่าเวยเอ๋อร์ได้อีกหรือ?” ลู่กว่างยังคงไม่เห็นด้วย
เสื้อผ้าที่อยู่บนร่างของชือหลีชุดนี้ เขาเคยเห็นเวยเอ๋อร์สวมใส่แบบเดียวกันมาก่อน ยังดูงดงามกว่าชือหลีมากมายนัก
ลูกหลานของมังกรต้องโทษ ที่ถูกถอดกระดูกมังกรทิ้งไป จะมาเปรียบเทียบกับเวยเอ๋อร์ที่เกิดมาก็เป็นมังกรทองได้อย่างไร?
ก็แค่มีใบหน้านี้ที่น่าดูกว่าหน่อยเท่านั้น
เช่นนี้ก็ดีแล้ว เมื่อส่งไปยังเผ่ามังกรทมิฬ ผู้อื่นจะได้พอใจ
ไม่แน่ว่าพอพวกเขายินดีขึ้นมา ก็อาจจะมอบของขวัญให้กับพวกตนมากกว่าเดิมก็เป็นได้?
ถึงอย่างไรที่ส่งนางออกไป ก็เป็นเพียงแค่ของเล่นของพวกเขาเท่านั้น ขอแค่มีใบหน้าน่าดูก็พอแล้ว
สามารถแลกมาซึ่งผลประโยชน์ให้กับพวกตนได้ ถือว่าเป็นคุณค่าเดียวที่นังสวะผู้นี้มีแล้ว
ลู่กว่างไม่คิดจะเหลียวแลชือหลีแม้แต่เพียงแวบเดียว
นางมีหน้าตาคล้ายคลึงกับมารดาของนางจนเกินไป ไม่เพียงแค่หน้าเหมือน แม้แต่นิสัยก็ยังเหมือน ทั้งยโสโอหังทั้งน่ารังเกียจ
ทุกครั้งที่ได้เห็นชือหลี เขาก็จะต้องคิดถึงช่วงเวลาอัปยศที่ต้องยอมแต่งเข้าไปเป็นราชบุตรเขย ถ้าไม่ใช่เพื่อตำแหน่งราชามังกรตะวันตกที่หมายตาเอาไว้แล้ว เขาก็คงจะไม่มีทางสู่ขอชือฉางมา
ศักดิ์ศรีที่บุรุษพึงมีล้วนถูกเหยียบย่ำ ทำลายจนหมดสิ้น หากมิใช่เพราะว่าหมายตาในตำแหน่งราชามังกร เขาก็ไม่มีทางสู่ขอสตรีที่อารมณ์ร้ายกาจอย่างชือฉางมาเด็ดขาด!
ไม่อนุญาตให้เขามีอนุ ไม่ยอมให้เขากลับค่ำ นั่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ได้ หากนังตัวร้ายนั้นไม่ตาย ชาตินี้เขาก็คไม่มีทางได้ใช้ชีวิตอย่างมีอิสระอีกแล้ว!
ชือหลีสายตามีแต่ความเย็นชา ฟังเสียงเครื่องดนตรีที่บรรเลงไปเรื่อยๆ
เหล่าทหารกุ้งหอยปูปลาต่างก็กำลังวุ่นวายกับการตระเตรียมการต้อนรับเผ่ามังกรทมิฬที่กำลังจะมาถึง
ไข่มุกราตรีที่อยู่บนเพดาน ส่องแสงสว่างสุกสกาว
“หลีเอ๋อร์ เจ้าอย่าได้เอาแต่ทำหน้าดำเคร่งเครียดเช่นนี้ ต้องยิ้มบ้างรู้หรือไม่?” หลิ่วฮุยยังคงแสดงความเมตตาต่อนางต่อไป นางยื่นมือออกมา คว้ามือของชือหลีเอาไว้ กล่าววาจาราวกับเอ่ยจากน้ำใสใจจริงว่า
“พอแต่งงานออกไปแล้ว ก็ต้องคอยสนับสนุนสามีให้ดี ต้องเชื่อฟัง และรู้จักเก็บอารมณ์ของเจ้าเอาไว้บ้าง บุรุษล้วนชอบสตรีที่นุ่มนวลอ่อนโยน ขอเพียงเจ้ารู้ความอยู่บ้าง เผ่ามังกรทมิฬก็คงไม่ทำให้เจ้าต้องลำบากใจ”
ชือหลีผลักมือที่ประคองมือของนางออกไป หากมิใช่เพราะว่าตอนนี้บนทรวงอกของนางยังคงมีตะปูตรึงมังกรฝังอยู่ล่ะก็ นางจะต้องทุ่มเทพลังทั้งหมดในร่างขัดขืนไปแล้ว
นางจะต้องลงมือต่อสู้กับสตรีที่ช่างเสแสร้งผู้นี้ให้จบสิ้นกันไปข้างหนึ่ง
“ดูเจ้าสิ กลับมีทีท่าเช่นนี้ ฮูหยินปรารถนาดี ที่เกลี้ยกล่อมเจ้า ก็เพื่อตัวเจ้าเอง แต่เจ้ามันไม่รักดี ไม่รู้จักมองว่าผู้อื่นเป็นคนดี!” ลู่กว่างโกรธเคืองอย่างยิ่ง เขายกหัตถ์ขึ้นมาคิดจะตบหน้านางสักฉาด
ชือหลีถลึงตาใส่เขากลับไป
“คนดีงั้นหรือ? คนดีในใต้หล้านี้ล้วนตายไปหมดแล้วใช่หรือไม่? จึงได้ถึงรอบให้ไอ้แก่ที่หยาบช้าเช่นเจ้าพูดหลายคำนั้นออกมาได้?”
ลู่กว่างยกหัตถ์ขึ้นสูง โกรธเกรี้ยวจนต้องกัดฟันเอาไว้
พอคิดว่าอีกประเดี๋ยวเผ่ามังกรทมิฬก็จะมารับตัวคนแล้ว หากพวกเขาได้เห็นว่าใบหน้าของนางปูดปวมก็คงจะไม่ดี
อดทนกล้ำกลืนอยู่พักใหญ่ ในที่สุดก็ค่อยๆลดหัตถ์ข้างนั้นลงมา
“รอจนเจ้าแต่งออกไป เจ้าก็จะรู้เองว่าคำพูดของฮูหยินมีความหมายมากเพียงไร!” เขากัดฟันตอบออกไป “หากยังไม่รู้จักสำรวมอุปนิสัยเอาไว้บ้าง ก็จะต้องมีจุดจบเช่นเดียวกับมารดาของเจ้า!”
ใต้หล้านี้จะมีบุรุษใดที่สามารถทนต่อสตรีที่มีนิสัยร้ายกาจได้บ้างกัน?
เฮอะ!
ชือหลีคร้านที่จะสนใจเขา หากยังคงพูดกับไอ้แก่ชั่วช้านี้ต่อไป นางก็รู้สึกเหมือนมารดาถูกดูถูก
แล้วกันไปเถอะ…..รอให้คนของเผ่ามังกรทมิฬมาถึง นางก็จะลากคนทั้งหมดไปลงนรกพร้อมกัน!
“ท่านพี่อย่าได้มีโทสะเลย ไว้นานวันเข้า หลีเอ๋อร์ก็จะเข้าใจเอง พวกเราล้วนแต่ปรารถนาดีกับนาง ในเมื่อนางได้แต่งไปยังเผ่ามังกรทมิฬ นี่ก็ต้องถือว่าเป็นที่พึ่งที่ดีที่สุดของนางแล้ว” หลิ่วฮุ่ยคอยปลอบประโลมอยู่ด้านข้าง
ว่าแล้ว นางก็มองออกไปนอกตำหนัก “วันนี้ช่างแปลกจริงๆ เวยเอ๋อร์ทำไมถึงยังไม่กลับมาอีก?”
“นางเคยบอกเอาไว้แล้วว่าอยากจะหาสินเดิมให้กับตัวเลวร้ายนี้สักหน่อย จึงได้ออกไปข้างนอกเป็นพิเศษ อีกประเดี๋ยวก็คงจะกลับมาแล้วกระมั้ง” ลู่กว่างว่าต่อไป พลางหันมาถลึงตาใส่ชือหลีอีกครั้ง “ดูสิว่าพี่สาวของเจ้าดีกับเจ้าเพียงไร! นางเป็นถึงองค์หญิงทะเลตะวันตก แต่กลับยินดีช่วยตระเตรียมสินเดิมให้เจ้าด้วยตนเอง ทั้งยังมอบเสื้อผ้าและเครื่องประดับให้กับเจ้าอีกไม่น้อย!”
สายตาของลู่กว่างมองไปยัง**บห่อที่เรียงรายอยู่มากมายรอบหนึ่ง ค่อยหันกลับมาถลึงตาใส่ชือหลีพลางกล่าวว่า นังตัวร้ายอย่างเจ้าไม่เพียงแต่ไม่รู้จักสำนึกบุญคุณ แล้วยังจะมาเกลียดชังพวกเรา ไม่รู้จริงๆว่ามารดาของเจ้าให้กำเนิดสิ่งที่เหมือนกับเจ้าเช่นนี้ขึ้นมาได้อย่างไร!”
ชือหลีอยากจะเย็บปากของไอ้แก่ชั่วช้าผู้นี้เสียจริงๆ!
หากถกกันเรื่องพลิกดำเป็นขาว นางรู้สึกว่าตู๋กูเจวี๋ยช่างเทียบกับลู่กว่างผู้นี้ไม่ได้เลย ยังห่างชั้นอีกมาก
“ผั๊วะ!” ขณะที่ลู่กว่างกำลังด่าทอชือหลี ก็ได้เสียงโครมครามดังมาจากทางประตูใหญ่
จากนั้นประตูทั้งบานก็ถูกกระแทกจนเปิดออก
มีเงาของคนที่โชกเลือดทั่วตัวผู้หนึ่งเหาะเข้ามา
คนผู้นั้นถูกเตะส่งเข้ามาด้วยพละกำลังมหาศาล แรงเตะส่งมาถึงตัวลู่กว่าง
ลู่กว่างพลิกร่างหลบไปในทันที จึงได้เห็นเงาร่างของคนผู้นั้นพุ่งเข้าชนกับบัลลังก์มังกร
กระแทกจนยอดหัวมังกรประดับอัญมณีตรงที่วางแขนหักกลิ้งลงมา
คนทั่วทั้งวังมังกรต่างพากันตกตะลึง หันไปจับจ้องอยู่ที่คนผู้นั้น
เห็นแต่ศีรษะที่แตกและเส้นผมที่กระจุยกระจาย แถมยังมือขาดข้างหนึ่ง เลือดท่วมตัวจนไม่รู้ว่าเป็นใครหรือตัวอะไร
หลิ่วฮุ่ยกลับเป็นคนแรกที่สังเกตออก หัวใจของนางกระตุกวาบ รีบเดินเข้าไปอย่างไม่กล้ามั่นใจ พลางคุกเข่าลงที่ข้างกายของคนผู้นั้น
พอได้เห็นใบหน้าที่ปูดบวมและเลอะเลือนไปด้วยเลือด ก็ตกใจจนขวัญหาย
“เวยเอ๋อร์!” นางตระหนกจนกรีดร้องออกมา สองมือสั่นสะท้าน “เกิดเรื่องอะไรขึ้น? ผู้ใดกันช่างไม่รักชีวิต กล้าทำกับเจ้าได้ถึงเพียงนี้?”
น้ำเสียงพึ่งจะขาดหาย ก็เห็นเงาร่างของคนผู้หนึ่งปรากฏขึ้นที่ด้านหน้าประตูใหญ่ ขณะที่ส่งเสียงเย็นชาปานน้ำแข็งออกมาว่า “ข้าเอง ฮ่องเต้หญิงแคว้นเหยียน ตู๋กูซิงหลัน!”
ตอนที่ 408 “พี่สะใภ้ ข้ามารับท่านแล้ว”
ฮ่องเต้หญิงแคว้นเหยียน?
ราชาราชินีมังกรครุ่นคิดอยู่ค่อนวันค่อยนึกออกว่าบนฝั่งมีแคว้นเหยียนอยู่ เมื่อหลายเดือนก่อนพึ่งจะเปลี่ยนฮ่องเต้พระองค์ใหม่ ฟังว่าเป็นเด็กหญิงผู้หนึ่ง ทั้งยังมีความสามารถในการปกครองบ้านเมืองอยู่บ้าง
ที่ผ่านมาเผ่ามังกรล้วนไม่เคยไปแทรกแซงเรื่องราวของพวกมนุษย์ แคว้นใดจะเปลี่ยนฮ่องเต้ กระทำเรื่องอันใด ล้วนไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขาทั้งนั้น
เนื่องเพราะเผ่ามังกรมีอายุยืนยาว เผ่ามนุษย์ล้วนเป็นพวกตัวกระจ้อยร่อยเสมือนมดเล็กๆบนปลายนิ้ว ไม่จำเป็นจะต้องเห็นพวกเขาอยู่ในสายตาเสียด้วยซ้ำ
เรื่องที่เกี่ยวข้องกับฮ่องเต้หญิงผู้นี้ พวกเขาจึงรู้แต่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
แต่คิดไม่ถึงเลยว่า นางไม่อยู่ที่แคว้นเหยียนเป็นฮ่องเต้ให้สบาย กลับบุกมาระรานถึงวังมังกรทะเลตะวันตก?
………………………..
ประกายแสงจากไข่มุกราตรีทอดลงบนร่างของนาง ขับเน้นชุดสีแดงให้เจิดจ้าดั่งแสงเพลิงจนบาดตาผู้คน
นางพลิกฝ่ามือแบกดาบยักษ์ที่แวววาวเป็นประกายเอาไว้บนหัวไหล่ เผยให้เห็นเอวบางแน่งน้อย บนใบมีดของดาบยักษ์ยังมีเลือดอาบ ไหลหยดอยู่ไม่หาย
ตู๋กูซิงหลันก้าวเท้าเข้ามา ชายเสื้อสีแดงพลิ้วไปด้านหลังราวกับเหินบิน เส้นผมยาวพลิ้วออกไป นำกองทัพที่ฮึกเหิมบุกเข้ามายังลานกว้างของตำหนักกลาง
สายตาของนางจับจ้องไปที่ชือหลีก่อน ริมฝีปากสีแดงขยับน้อยๆ ดาบยักษ์กวาดผ่านใบหน้าฝูงชนทั้งหลายออกไป “พี่สะใภ้ ข้ามารับท่านแล้ว”
ตั้งแต่ที่นางปรากฏตัว สายตาของชือหลีก็ผนึกติดอยู่กับร่างของนาง อย่างไม่อาจเคลื่อนไปไหน
นางทั้งองอาจ และฮึกเหิม ราวกับเทพสงครามหญิงที่ลงมาจากสวรรค์ชั้นเก้า แม้อยู่ต่อหน้าเผ่ามังกรก็มิได้มีทีท่าตื่นเต้นกังวลแม้แต่น้อย
ไม่รู้ว่าทำไม แต่แค่ประโยคเดียวของตู๋กูซิงหลัน ก็สามารถทำให้หัวใจที่เหมือนถูกผนึกเอาไว้ในกลางฤดูหนาว กระเทาะน้ำแข็งออกมาได้
ดวงตาของชือหลีพลันมีน้ำตาคลอจนเปียกชื้น
ปลายจมูกแสบร้อน จนอดทนไม่ไหว
นางไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่า ตู๋กูซิงหลันจะมาช่วยนาง
ตอนนั้นที่ทิ้งมุกมังกรเอาไว้ให้กับนาง ก็เพียงแค่เพราะหวังว่า…..หากนางตายไป ตู๋กูซิงหลันอาจนึกถึงมิตรภาพเก่า ช่วยรักษาดวงจิตที่เหลือของนางเอาไว้
แต่ว่านางกลับบุกมาแล้ว!
พอได้เห็นสาวน้อยที่ฮึกเหิมดั่งแสงเพลิงผู้นั้น หัวใจของนางก็พลันอบอุ่นขึ้นมา
ขาของนางหายดีแล้ว ซ้ำยังแข็งแกร่งกว่าเดิม
ชือหลีรู้สึกยินดีแทนนาง
ที่ด้านหลังของตู๋กูซิงหลัน ราชาสุนัขป่าแบกตู๋กูเจวี๋ยวิ่งเข้ามา เขาสวมชุดขาวตลอดทั้งตัว ร่างเพรียวบางพลิ้วมากับสายลม ดวงตาคู่นั้นมีแต่ความมุ่งมั่น
พอเขาเห็นชือหลี เห็นสีหน้าของนางซีดขาว หัวใจก็พลันเจ็บปวดขึ้นมา
เขาพลิกร่างลงจากหลังของราชาสุนัขป่า วิ่งออกไปในทันที
เหล่าทหารกุ้งปูที่อยู่ด้านหน้าพากันดาหน้าเข้ามาขวางเอาไว้ ตู๋กูซิงหลันกวาดดาบยักษ์ในมือออกไป ก็เกิดเป็นรังสีสังหารรุนแรงกดทับลงไป ทำเอาพวกมันพากันขาสั่น แทบจะต้องคุกเข่าลงไป
เมื่อมีปราการอย่างตู๋กูซิงหลัน เส้นทางที่ตรงไปยังชือหลีก็ราบรื่นไร้สิ่งกีดขวาง
ตู๋กูเจวี๋ยพุ่งเข้าไปถึงเบื้องหน้าของชือหลีในทันที จับมือของนางขึ้นมาอย่างไม่มีลังเล “กลับบ้านกับพวกเรา”
ในสายตาของชือหลี ตู๋กูเจวี๋ยจะอย่างไรก็เหมือนกับเจ้ากระต่ายน้อย
เขาเป็นพวกบัณฑิตอ่อนแอ ที่ต้องฟูมฟักเอาไว้ในเรือนอันอบอุ่นเลี้ยงดูอย่างเอาใจใส่ แต่ว่ามือที่จับกุมนางเอาไว้ กลับมีพลังส่งไปถึงกระดูกแทบจะบีบมือของนางแตกเสียด้วยซ้ำ
แค่ตู๋กูซิงหลันบุกมา นางก็ประหลาดใจมากแล้ว
แต่เจ้ากระต่ายน้อยผู้นี้ก็ยังติดตามมาด้วย ชือหลีรู้สึกว่าเกินกว่าที่คาดหมายเอาไว้มากมายเหลือเกิน
คำว่ากลับบ้านนี้ ทำให้นางถึงกับตกตะลึงไปแล้ว
บ้าน….กี่ปีมาแล้วที่นางไม่เคยได้ยินคำนี้?
นางชะงักอยู่กับที่ จิตใจเลื่อนลอย
นางก็สามารถ….มีบ้านได้หรือ?
ตู๋กูซิงหลันมิได้พุ่งออกไปก่อน เรื่อง‘วีรบุรุษช่วยหญิงงาม’ นี้สมควรปล่อยให้พี่รองจัดการไปเถอะ มิเช่นนั้นชาตินี้ทั้งชาติเขาคงไม่อาจตามจีบชือหลีได้สำเร็จ
ส่วนนาง จะรับผิดชอบงานกวาดล้างตรงหน้าเอง
ขอแค่ชือหลียังมีชีวิตอยู่ ทุกอย่างล้วนไม่สายจนเกินไป
………………..
อีกด้านหนึ่ง หลิ่วฮุ่ยโอบอุ้มลู่เวยที่มึนงงจนใกล้จะหมดสติขึ้นมา ใบหน้าที่เคยสุขุมและนุ่มนวลตอนนี้รักษาไว้ไม่อยู่แล้ว
ปากของลู่เวยฉีกจนเละเทะ นางลืมตาขึ้นมองหลิ่วฮุ่ยอย่างอ่อนแรง ยกมือขึ้นชี้ไปทางตู๋กูซิงหลัน “เสด็จแม่ เป็นนาง …..นี่เป็นทัพหนุนที่ชือหลีเรียกมา….คิดฆ่าล้างสังหารข้าโดยไม่แยกแยะเหตุผลใดๆทั้งนั้น”
ลู่เวยกระอักเลือดออกมา แม้แต่นิ้วมือก็ยังสั่นสะท้าน
“ข้าก็แค่อยากจะหาของขวัญแต่งงานให้กับชือหลีเป็นพิเศษ คิดไม่ถึงว่าจะเกือบเอาชีวิตไม่รอด…..นางยังชิงดาบกระดูกมังกรของข้าไปด้วย”
หลิ่วฮุ่ยเคยภาคภูมิใจในตัวบุตรสาวผู้นี้มาโดยตลอด นางทุ่มเทเลือดเนื้อและจิตใจไปมากมายถึงได้สามารถสร้างผู้ที่มีพรสวรรค์เช่นนี้ขึ้นมาได้
ที่จริงแล้ว….แม้แต่ร่างสีทองของลู่เวย….ก็ยัง….
ตลอดหลายปีมานี้ ในบรรดารุ่นเยาว์ของเผ่ามังกรทั้งสี่ทะเล ลู่เอ๋อร์ไม่เคยต้องเสียทีให้กับผู้ใดมาก่อนเลย แต่ว่าตอนนี้กลับถูกสตรีเผ่ามนุษย์ผู้หนึ่งทุบตีจนเกือบตาย?
เผ่ามนุษย์….ในสายตาของเผ่าพันธุ์ที่สูงส่งแล้ว ก็เป็นเพียงแค่สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำในหกภพเท่านั้น พวกเขาต่ำต้อยเสมือนผงธุลี ได้แต่เงยขึ้นมองเผ่ามังกรจากโคลนตม แต่กลับสามารถทำร้ายเวยเอ๋อร์ได้ถึงเพียงนี้?
ดวงตาของหลิ่วฮุ่ยเปี่ยมไปด้วยความเคียดแค้น เมื่อเงยหน้าขึ้นมา ดวงตาก็มีแต่หยาดน้ำตาคลอหน่วย
มองไปยังราชามังกรลู่กว่างด้วยความคาดหวัง “ท่านพี่~ลู่เวยของพวกเราทำผิดบาปอันใด นางเพียงแต่รักเอ็นดูน้องสาว ออกไปหาของขวัญ กลับต้องมาโดนเผ่ามนุษย์คนหนึ่งทำร้ายถึงเพียงนี้…..”
“ทะเลตะวันตกของพวกเรา ตอนนี้กลับตกต่ำถึงขนาดที่พวกมนุษย์ที่เหมือนกับมดปลวกจะมาย่ำยีได้แล้วหรือ?”
นางทางหนึ่งพูดทางหนึ่งก็หลั่งน้ำตาออกมา สีพักตร์ของราชามังกรลู่กว่างบูดบึ้งอย่างที่สุด
ลู่เวยคือสมบัติล้ำค่าในฝ่ามือของเขา ทะเลตะวันตกนี้ก็เป็นถิ่นฐานของตนเอง!
นางถูกทำร้ายถึงเพียงนี้ในท้องที่ของตนเอง แล้วเขาที่เป็นราชามังกรจะวันตกจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนได้กัน!
เขาคุกเข่าลงไปที่ข้างกายลู่เวย ให้นางกลืนยาเม็ดสีทองลงไปเม็ดหนึ่ง ด้วยสีหน้าถมึงทึง
ตู๋กูซิงหลันมองดูราชามังสามีภรรยาด้วยสายตาเย็นชาและเฉยเมย ดูลีลาการแสดงของราชินีผู้นั้นสิ…..จุ๊ จุ๊ ไม่ไปเอาตุ๊กตาทองคำมามอบให้กับนางสักตัวช่างเป็นเรื่องที่ต้องขออภัยนางแล้ว
มิน่าเล่า….ทั้งที่หน้าตาหรือก็ไม่เท่าไหร่ แต่ว่ากลับใช้ปีนป่ายจนมีฐานะขึ้นมาได้ ทั้งยังบีบคั้นจนภรรยาและลูกสายหลักหมดหนทาง
สีหน้าของชือหลีเองก็ย่ำแย่ นางกำลังสั่นสะท้านไปทั้งร่าง
ที่ผ่านมาหลิ่วฮุ่ยใช้หน้ากากเมตตามาแสดงอยู่เสมอ นางเห็นจนไม่เป็นที่ประหลาดใจอีกต่อไปแล้ว แต่ว่าคำด่าทอว่าเป็นมดปลวกนั่นกลับทำให้นางคับข้องใจอย่างที่สุด
นางสามารถทนรับการหยามหมิ่นได้ แต่นางไม่อาจยอมให้สตรีผู้นั้นมาดูถูกตู๋กูซิงหลัน
ขณะที่นางกำลังจะเอ่ยปาก ก็เห็นที่ลานกลางตำหนัก ตู๋กูซิงหลันยกดาบยักษ์ขึ้นมากวาดดาบออกไปเบาๆ ชี้ไปทางหลิ่วฮุ่ย
“ตอนที่เราเล่นละคร เจ้ายังเป็นเพียงแค่ไข่อยู่เลย” ดาบยักษ์พุ่งนำไปเบื้องหน้า ร่างของตู๋กูซิงหลันก็ติดตามไปอย่างกระชั้นชิด
คมดาบที่กระหายเลือดแหวกผ่านไปในอากาศ ด้วยพลังรุนแรงดุจสายฟ้าฟาดลงมา
ยามสังหารคนมุ่งตัดศีรษะ!
พอดาบนี้พุ่งมาถึง หลิ่วฮุ่ยก็ต้องหน้าเปลี่ยนสี
ราชามังกรรีบกระชากนางออกมาเหวี่ยงออกไปไกลที่ด้านหลัง นางถึงได้หลบดาบยักษ์ที่พุ่งมาได้พ้น
ขณะเดียวกัน ในมือของพระองค์ก็เกิดประกายแสงสีเงินออกมา ใจกลางฝ่ามือของพระองค์ปรากฏหอกสามง่ามสีเงินด้ามยาวขนาดเท่าร่างคน
เมื่อตวัดหอกสามง่ามออกไป ก็ปรากฏลำแสงสีเงินพุ่งเข้าหาตู๋กูซิงหลัน
หัวใจของชือหลีกระตุกขึ้นมา นางรู้ว่าตู๋กูซิงหลันแข็งแกร่ง แค่นางสามารถจัดการกับลู่เวยได้ก็ถือว่าเหนือความคาดหมายของตนเองแล้ว
แต่ว่าผู้ที่นางกำลังเผชิญหน้าอยู่ในตอนนี้ก็คือไอ้แก่ชั่วลู่เวย….โอกาสที่จะชนะ….มีเพียงน้อยนิด
ตู๋กูซิงหลันพลิกข้อมือคว้าด้ามของดาบยักษ์ที่เหาะออกไปเอาไว้ ขยับข้อมือขึ้นสกัดกั้น
ตอนที่ 409 จอมมารน้องเล็ก
ลู่กว่างยิ้มออกมาอย่างเย็นชา
ราชามังกรทั้งสี่ทะเลล้วนมีศาสตราพิเศษของตนเอง นั่นเป็นสิ่งที่ราชามังกรแต่ละรุ่นตกทอดสืบต่อกันมา เป็นสุดยอดศาสตราแต่บรรพกาล
เพียงแค่ฟาดออกไปก็สามารถชำแหละหัวฉลามยักษ์ออกเป็นสองส่วน
แค่ดาบยักษ์หยาบๆของพวกมนุษย์เล่มหนึ่ง คิดจะเอามาสกัดหอกสามง่ามของเขา?
ฝันไปเถอะ!
ที่เขาฟาดออกไป ยังมิได้ใช้พลังทั้งหมดเสียด้วยซ้ำ เขาไม่คิดจะเห็นตู๋กูซิงหลันอยู่ในสายพระเนตรแม้แต่น้อย
เนื่องเพราะอย่างไร ฮ่องเต้หญิงของพวกมนุษย์ผู้นี้ นอกจากใบหน้าที่น่าดู และในร่างมีไอหยินหนักแน่นอยู่บ้างแล้ว ก็ไม่มีสิ่งใดที่พิเศษอีก
ต่อให้นางเป็นยอดนักพรต ก็ไม่รู้ว่าใช้วิธีร้ายกาจอันใดจึงสามารถทำร้ายเวยเอ๋อร์ของเขาจนเกือบตายได้
ได้แต่คาดว่าเวยเอ๋อร์คงจะประมาทไปเอง จึงได้หลงกลของนางเข้า
หากว่าใช้พลังต่อสู้กันอย่างจริงจัง นางจะต่อสู้กับเวยเอ๋อร์ได้อย่างไร?
มนุษย์ผู้นี้มิได้รู้ถึงความหนักเบาของเรื่องราวเสียเลยด้วยซ้ำ ว่าผู้ที่นางกำลังท้าทายอยู่ในตอนนี้ก็คือราชามังกรแห่งทะเลตะวันตก
“ที่เบื้องหน้าของเจ้า คือราชามังกรทะเลตะวันตก!” ลู่กว่างตรัสด้วยความเกรี้ยวกราด “นังเด็กร้ายกาจชือหลีไปอยู่ในโลกมนุษย์เสียนาน แม้แต่พวกมดปลวกก็ยังไปนับเป็นสหาย ช่างทำให้เผ่ามังกรของเราเสียหน้ายิ่งนัก!”
“ไอ้แก่ชั่วหุบปากเสียเถอะ!” พี่รองจับมือของชือหลีเอาไว้แนบแน่น เขารู้ว่านางกำลังโกรธจนสั่นไปทั้งร่างแล้ว
ชือหลีอ่อนแอมาก ตอนนี้ไม่อาจช่วยเหลืออันใดตู๋กูซิงหลันได้
เรื่องด่าทอผู้คน พี่รองย่อมรับภาระเอาไว้เอง เรื่องการใช้วรยุทธ์เขาไม่นับเป็นอะไรได้ ย่อมช่วยเหลืออะไรไม่ได้เช่นกัน
แต่ว่าหากได้ด่าไอ้แก่ชั่วนี้จนหัวใจระเบิดก็ไม่เลว
“หน้าตา? อย่างเจ้ายังรู้จักรักหน้าตาอยู่อีกหรือ? ใครไม่รู้คงนึกว่าเจ้ามีตูดอยู่บนหัว เวลาพูดออกมาก็ใช้รูตูด ถึงได้เหม็นขนาดนี้!”
“ชือหลีช่างโชคร้ายจริงๆ ดันมามีบิดาที่น่าสะอิดสะเอียนอย่างเจ้าเนี่ย?”
ไหนๆก็จะด่าให้หยาบคายแล้ว ย่อมไม่กังวลว่าจะน่าฟังหรือไม่
ลู่กว่างไม่เคยถูกผู้ใดด่าทอเช่นนี้มาก่อนในชีวิต เขาพิโรธโกรธา หันไปถลึงตาใส่ตู๋กูเจวี๋ยครั้งหนึ่ง
ดูดูสิ….ธิดามังกรที่ยังไม่ทันได้แต่งออกไป ทั้งๆที่เป็นวันออกเรือนกลับมาจูงมือจูงไม้กับมนุษย์ชั้นต่ำผู้หนึ่ง ไม่รู้ว่าน่าเกลียดถึงเพียงไหน!
ปากของมนุษย์ผู้นั้นก็สกปรกเหลือทน!
เขากุมหอกสามง่ามเอาไว้แน่น คิดจะสับมนุษย์ผู้นั้นให้แหลกเละ
แต่ว่าหอกนี้ยังไม่ทันได้ฟาดออกไป ก็เห็นฮ่องเต้หญิงในชุดสีแดงผู้นั้นกระชับดาบยักษ์ในมือสะกิดปลายเท้าพุ่งเข้ามาหาเขาทั้งร่างแล้ว
นางสามารถรับพลังจากหอกสามง่ามของเขาไว้ได้?
“นี่เป็นไปได้อย่างไร?” ลู่กว่างอัศจรรย์ใจเหลือประมาณ
เมื่อครู่เขาพึ่งจะถูกตู๋กูเจวี๋ยด่าจนเสียสมาธิ ทั้งยังประมาทตู๋กูซิงหลัน เพียงแค่ชั่วเวลาแวบเดียวนี้ ตู๋กูซิงหลันก็ถือดาบยักษ์เหาะมาถึงเบื้องหน้าของเขาแล้ว
ดาบยักษ์กวาดออกไป ดูไปเหมือนไม่มีกระบวนท่าอันใด เพียงแค่ฟาดฟันอย่างมั่วซั่วเท่านั้น แต่เพราะผู้ที่ใช้มันนั้นแสนจะงดงาม ต่อให้เป็นการฟันมั่วๆ ท่วงท่าก็ยังคงงดงามเสมือนเมฆเคลื่นคล้อยสายน้ำรินไหล
ลู่กว่างได้แต่ยกสามง่ามขึ้นสกัด
ดาบยักษ์ฟาดลงมาตรงหน้าต่อเนื่องกัน เขาได้แต่ฝืนใช้หอกสามง่ามรับเอาไว้
ทุกดาบที่ฟันลงมา ล้วนหนักแน่นดั่งภูเขากดเข้าใส่
ดาบนี้หนักมาก!
ฮ่องเต้หญิงเผ่ามนุษย์เองก็มีพละกำลังล้นเหลือ!
เมื่อทั้งสองประสาน ก็กลายเป็นแรงกดทับที่ใครก็ไม่อาจต้านทานได้
ไม่เพียงแค่นั้น แต่ละดาบของนางยังฟันออกมาอย่างรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ นอกจากพลังกดทับดั่งขุนเขา ไอสังหารที่มาพร้อมกับตัวดาบก็กดทับจนกระทั่งอาภรณ์ที่วิจิตรงดงามของเขาฉีกขาด
ผิวหนังถูกพลังจากคบดาบบาดจนเจ็บปวด!
ดาบเล่มนี้…..มิใช่อาวุธของมนุษย์ธรรมดากระมั้ง?
หลังจากฟาดฟันออกมาสิบกว่าครั้ง คมดาบไม่เพียงแต่มิได้บิ่นหัก แต่ประกาบดาบกลับเพิ่มพูนขึ้นมากกว่าเดิม
ส่วนหอกสามง่ามในหัตถ์ของเขาพอรับดาบนั้นเข้าไปหลายๆครั้งเข้าประกายหอกก็หมองมัวลงไป
ทุกครั้งที่ปะทะกันก็เห็นว่าประกายแสงของหอกสามง่ามถูกดาบยักษ์ดูดกลืน
ดาบเล่มนี้……ที่แท้แล้วกำลังดูดกลืนพลังของหอกสามง่าม?
หัวใจของลู่กว่างแทบจะระเบิด!
เขาหันไปพิจารณาดูฮ่องเต้หญิงเผ่ามนุษย์อย่างละเอียดอีกครั้ง ก็พบแต่สายตาที่สูงส่งและ
เย็นชาของอีกฝ่าย ที่เหลือบแลลงมายังเขาเท่านั้น
สถานการณ์เช่นนี้ทำให้หลิ่วฮุ่ยเองก็ตกตะลึงไปเช่นกัน ……ลู่กว่างคือราชามังกร ถึงแม้ว่าพละกำลังจะไม่อาจเทียบเทียมได้กับราชามังกรในรุ่นก่อน แต่อย่างไรก็เป็นถึงราชาของทะเลแห่งหนึ่ง พลังนั้นย่อมแข็งแกร่งเช่นกัน
แต่ว่าตอนนี้กลับถูกฮ่องเต้หญิงเผ่ามนุษย์ผู้หนึ่งบดขยี้?
“เสด็จแม่…..มนุษย์ผู้นั้นร้ายกาจมาก ลงมืออย่างไร้กฏเกณฑ์ ทั้งยังสามารถบังคับภูติผี จิตใจก็ชั่วร้ายและเจ้าเล่ห์ จะต้องบอกให้พระบิดาระมัดระวังให้มากนะเพคะ….” ลู่เวยที่อยู่ในอ้อมกอดของนางฝืนประคองลมหายใจเอาไว้
นางเองก็ตื่นตะลึงอย่างยิ่งเช่นกัน เดิมคิดว่าเป็นเพราะตนเองประมาทเกินไป ถึงได้ต้องมาตกที่นั่งลำบากบาดเจ็บจนเกือบตายเช่นนี้
เสด็จพ่อทรงเป็นราชามังกรทะเลตะวันตก แค่ลงมือก็สมควรจะจัดการสตรีผู้นั้นให้ถึงตายได้อย่างง่ายดายมิใช่หรือ?
แต่ว่าทำไม….เรื่องราวกลับไม่เป็นไปตามที่นางคาดคิดเอาไว้?
หลิ่วฮุ่ยปาดเช็ดขอบตาที่แทบจะไม่มีน้ำตาเสียด้วยซ้ำ นางจับจ้องไปที่ตู๋กูซิงหลันและดาบยักษ์ของนางอย่างจดจ่อ
ก็เห็นว่าดาบยักษ์เล่มนั้นส่องแสงเป็นประกาย ปรากฏลวดลายอักขระสีดำที่ซับซ้อนขึ้นมา
ส่วนฮ่องเต้หญิงเผ่ามนุษย์ผู้นั้นก็เหมือนกับเครื่องมือสังหารที่ไร้ชีวิตจิตใจ ไม่พูดไม่จา ฟันตรงไหนได้ก็ฟันลงไปตรงนั้น
ถึงแม้ว่าดาบยักษ์เล่มนั้นจะยังไม่ได้เฉือนโดนเนื้อ แต่ว่ารังสีดาบของดาบยักษ์ก็ยิ่งหนักแน่นขึ้นทุกที ทำลายอาภรณ์จนฉีกขาด บาดผิวหนัง ฟันลงมาจนร่างของลู่กว่างมีแต่ความสะบักสะบอม
เวลาผ่านไปยังไม่ทันจะถึงครู่หนึ่ง ก็เห็นหอกสามง่ามด้ามนั้นสูญเสียประกายสีเงินที่เคยมีกลายเป็นแท่งเหล็กทึบที่ไร้ประกาย
ในตอนนั้นเอง ตู๋กูซิงหลันก็ยกดาบฟาดลงมาอีกครั้ง
ได้ยินเสียง ‘เคร้ง’ ดังขึ้น หอกสามง่ามของลู่กว่างก็ถูกนางฟันจนหักไปแล้ว!
หัวหอกหักทิ่มลงไป เหลือแต่แท่งเหล็กที่ไร้ประโยชน์!
ชือหลีแทบจะอยากคุกเข่าให้นางแล้ว!
นางเป็นเผ่ามังกร ย่อมเข้าใจอย่างลึกซึ้งดีว่าหอกสามง่ามมีความสำคัญเพียงไร เพียงถือเอาไว้ในมือก็สามารถบัญชาการได้ทั่วท้องทะเล
นี่คือสัญลักษณ์แทนองค์ของราชามังกรที่บรรจุพลังของท้องทะเลเอาไว้ภายใน สร้างขึ้นจากกระดูกมังกรของราชามังกรรุ่นแรก ตลอดหลายปีมานี้ ราชามังกรแต่ละรุ่นได้สืบทอดต่อกันมา
ถึงแม้ว่านางจะไม่เคยได้เห็นหอกสามง่ามนี้แสดงพลังที่น่าอัศจรรย์มาก่อน
แต่ว่าศัสตราวุธที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ก็ไม่อาจทนรับกระบวนท่าที่ฟาดฟันออกมาอย่างมั่วซั่วเพียงสิบกว่าท่าของตู๋กูซิงหลัน?
แม้แต่ชือหลีเองก็ยังตื่นตระหนกขึ้นมา……นี่นางจับพลัดจับผลูไปผูกมิตรเป็นสหายกับท่านเซียนหรืออย่างไร
สายตาของตู๋กูเจวี๋ยถูกชุดสีแดงของน้องเล็กดึงดูดเอาไว้จนหมดสิ้น
เขาเคยเห็นพี่ใหญ่ใช้ดาบยักษ์เล่มนี้สู้รบกับศัตรูในสนามรบมาก่อน เขาสังหารคนมากมายอย่างบ้าคลั่งเสมือนดั่งเป็นมารปีศาจ
แต่ว่าตอนนี้น้องเล็กที่กุมดาบยักษ์ของพี่ใหญ่เอาไว้ ทุกดาบที่ฟันลงไปช่างไร้ความปราณี
หากว่าพี่ใหญ่คือมารปีศาจ เช่นนั้นน้องเล็กก็ต้องเป็นจอมมารที่เป็นหัวหน้าของปีศาจแล้ว
เท่ที่สุด!
ตู๋กูซิงหลันฟันหอกสามง่ามของลู่กว่างหักลงไปแล้ว ก็มิได้หยุดมือ
นางเพียงแต่เหลือบตาดูดาบยักษ์เล็กน้อย ก็เห็นบนตัวดาบปรากฏอักขระสีดำที่ดูซับซ้อน หรือเพราะว่าใช้ดาบมากไป พอถือเอาไว้ในมือจึงได้รู้สึกว่ามันเบาขึ้นมา
นางกุมดาบยักษ์เอาไว้ หันไปมองดูชือหลี ถามออกไปคำหนึ่ง “ไอ้ปลาดุกเฒ่าตัวนี้ เจ้าอยากให้มันอยู่หรือให้มันตาย?”
คำว่าปลาดุกเฒ่า ยังเหยียดหยามลู่กว่างยิ่งกว่าไอ้แก่ชั่วช้า
จริงอยู่ว่า ตู๋กูซิงหลันย่อมมาเพื่อเอาคืนให้ชือหลีเป็นสองเท่า!
แต่ว่าคนผู้นี้ถึงอย่างไรก็เป็นบิดาแท้ๆของชือหลี นางไม่อาจคิดอยากจะสับก็สับ นางนับชือหลีเป็นสหายก็ย่อมต้องเคารพในตัวชือหลี
ชือหลีชะงักไปครู่หนึ่ง เพราะนึกไม่ถึงว่าตู๋กูซิงหลันยังคิดจะฟังความต้องการของนาง
คราวนี้ ก็เห็นแววตาของนางมืดครึ้มลงไป นัยตาสีแดงนั้นเป็นประกายราวเหยี่ยวที่ล่าเหยื่อ “ข้าต้องการให้เขา อยู่มิสู้ตาย”
“เจ้าเดรัจฉาน นี่ถึงกับร่วมมือกับคนนอกมาสังหารบิดาแท้ๆของตนเองหรือ?” ลู่กว่างพิโรธสุดขีดแล้ว เขาถลึงตาไปที่ชือหลี “เจ้าอย่าได้ลืมไปนะว่ากระดูกในร่างของเจ้ามาจากผู้ใด!”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น