ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง 401-404

ตอนที่ 401 เรื่องในอดีตของชือหลี

 

เสียงเพลงนั้นเหมือนกับว่าจะพลิ้วมากับสายลม แต่ในขณะเดียวกันก็เหมือนกับว่าจะสะท้อนขึ้นมาจากเกลียวคลื่น ทั้งลึกลับ และดังอยู่ไกลออกไป


“เป็นนางพรายในทะเลตะวันตก….นางพรายกำลังร้องเพลง!”


ผู้คนบนเรือประมงต่างก็ตื่นเต้นขึ้นมา ความหวาดกลัวขุมหนึ่งครอบคลุมลงไปยังร่างของคนทั้งหลาย


เรื่องที่ในทะเลตะวันตกมีนางพรายร้องเพลงเรียกอยู่นั้น…..เป็นเพียงเรื่องเล่าเท่านั้น


หลายปีมานี้แทบจะไม่มีผู้ใดออกเรือยามกลางคืน ดังนั้นจึงแทบจะลืมเรื่องเล่านี้กันไปหมดแล้ว


พวกเขาออกเรือกันมาตั้งหลายวันแล้ว ก็ไม่เห็นจะมีอะไรทั้งสิ้น ตอนนี้อยู่ๆก็บังเอิญเจอะเจอขึ้นมาจึงเริ่มบังเกิดความหวาดกลัว


สีหน้าของชาวประมงและพ่อค้าล้วนย่ำแย่ เหล่านักพรตยังคงสงบนิ่งได้มากกว่า พวกเขาสั่งให้ผู้คนรีบอุดหูเอาไว้ ไม่ต้องไปฟัง


บนโขดหิน เงาร่างที่สวยงามนั้นแย้มยิ้มมากกว่าเดิม


มีผู้ฝึกตนด้วยรึ? เช่นนั้นก็ยิ่งดีนะสิ


หมอกหนาทึบลอยช้าๆ เสียงเพลงที่แสนจะไพเราะดังสะท้อนกลับไปกลับมาบนท้องทะเล……


ในเสียงเพลงที่ดังสะท้อนไปทั่วท่ามกลางความมืดของยามค่ำคืน มีเสียงกรีดร้องของเลือดเนื้อที่ถูกฉีกกระชากปะปนอยู่


………………………..


วันรุ่งขึ้น มีข่าวลือดังไปทั่วน่านน้ำของทะเลตะวันตก


เรือสิบกว่าลำที่ออกทะเลไปจับมนุษย์มัจฉาเมื่อวานล้วนจบสิ้นแล้ว


บนเรือไม่เหลือคนที่มีชีวิตแม้แต่คนเดียว


เมื่อเข้าใกล้เวลาเย็น มีเรือเปล่าๆลอยลำลอยเท้งเต้งกลับมา


บนเรือมีแต่เลือดสาดไปทั่ว …..และรอยขีดข่วนอยู่เต็มไปหมด


………………………


ณ ก้นทะเลตะวันตก ในมุมที่มืดมิด มังกรหินขนาดใหญ่ตัวหนึ่งขดเป็นวงกลม


บนมังกรหินปกคลุมไปด้วยพืชน้ำและสาหร่าย บนนั้นมีเหล่ากุ้ง ปู งูทะเลกำลังปีนป่ายไปมาอย่างขวักไขว่


มังกรหินขนาดใหญ่อ้าปากกว้าง น้ำทะเลสามารถไหลผ่านเข้าไป อีกทั้งภายในก็ยังมีแสงสว่างเรืองรองออกมา


ที่นี่คือวังมังกรทะเลตะวันตก หลังจากบรรพชนแห่งมังกรได้ล่วงลับไป ร่างก็กลายเป็นหิน กลายเป็นสถานที่ปกป้องคุ้มภัยอันแสนปลอดภัยให้กับเหล่าลูกหลาน


เมื่อผ่านเข้าไปทางปากมังกรหิน ก็จะได้พบวังมังกรที่อยู่ภายใน


ภายในมังกรหิน แต่ละวัง แต่ละตำหนัก ถูกสร้างด้วยหินหยกสีเขียวที่ส่องประกายแวววาว


ไข่มุกขาวนวลและอัญมณีมากมายถูกประดับเอาไว้บนยอดตำหนัก ยามเมื่อกระสบแสงไฟแม้เพียงเล็กน้อยก็จะส่องประกายระยิบระยับราวกับแสงดาวพร่างพราวไปหมด


แมงกระพรุนสีเงินอมฟ้าเกาะอยู่บนป้ายด้านหน้า เรียงตัวเป็นอักษร ‘วังมังกรทะเลตะวันตก’ สี่ตัว


………………………….


 


ภายในตำหนักกลาง บนเสาสีทองที่แกะสลักอย่างงดงามนั้น มีสตรีซึ่งมีร่างกายครึ่งล่างเป็นงูอยู่ผู้หนึ่ง


นางก้มหน้าลง เส้นผมสีแดงที่ยาวสลวยปกคลุมไปทั่วเรือนร่าง บนอกของนางมีตะปูกระดูกแท่งยาวเกือบคืบปักอยู่ ตะปูกระดูกแทงทะลุทรวงอกตรึงนางติดเอาไว้กับเสาสลักสีทอง


ใบหน้าของนางซีดขาว ลมหายใจรวยริน


ในตอนนั้นเอง ประตูใหญ่ของวังมังกรก็เปิดออก เงาคนสองคนก้าวเข้ามา


หนึ่งบุรุษ หนึ่งสตรี ทั้งสองสวมใส่ชุดสีครามที่วิจิตรงดงาม เขามังกรบนศีรษะยิ่งส่งเสริมความสูงส่ง


บุรุษผู้นั้นก็คือราชามังกรตะวันตก ลู่กว่าง สตรีผู้นั้นก็คือราชินีมังกรตะวันตก หลิ่วฮุ่ย


ยามที่ทั้งสองมาถึง ชือหลีก็ลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ สายตาของนางมีแต่ความชิงชังรังเกียจ


ราชามังกรลู่กว่างทรงเห็นสายตาที่ชิงชังนั้นอย่างเต็มที่ สีหน้าของเขาไม่สบอารมณ์อย่างยิ่ง “กลับบ้านมาตั้งนานแล้ว แต่กลับไม่เคยทำหน้าทำตาให้ดีเลยสักครั้ง ตอนนี้ยังจะกล้ามาชักสีหน้าถลึงตาใส่ข้าอีกหรือ?”


ชือหลีส่งเสียงเย็นชาออกมาคำหนึ่ง ก็เบือนหน้าไปทางอื่น คร้านจะพูดกับเขาอีก


“เจ้าดูเอาสิ ช่างจองหองเหมือนกับมารดาของนางไม่มีผิด! ในสายตาไม่เคยมีผู้อาวุโส สมควรตายนัก!” ราชามังกรทรงพิโรธแล้ว แทบอยากจะเอาแส้มาเฆี่ยนตีนางเสียเดี๋ยวนี้เลย


เดิมทีชือหลีหลุบตาลงไปแล้ว แต่ทันใดนั้นนางก็ขุ่นเคืองจนเงยหน้าขึ้นมา จดจ้องไปที่เขาอย่างจริงจัง กล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า “อย่าได้เอ่ยถึงมารดาของข้า เจ้ามันไม่คู่ควร!”


ราชามังกรพิโรธจนยกหัตถ์ขึ้นมาตบลงไปบนใบหน้าของชือหลีในทันที “ใครสั่งสอนให้เจ้าใช้วาจาเช่นนี้กล่าวกับข้ากัน?”


ฝ่ามือนี้พอตบลงไปก็ทำให้ใบหน้าของชือหลีหันไปอีกทาง


ริมฝีปากของนางมีเลือดไหลซึมออกมา ในดวงตามีแต่ความขุ่นแค้น


ราชามังกรพิโรธจนตบลงไปอีกสองฝ่ามือติดๆกัน ราชินีถึงได้ค่อยยั้งเขาเอาไว้ ช่วยลูบหน้าอกให้กับเขา “ท่านพี่โปรดคลายโทสะ ผ่านไปหายปีหลีเอ๋อร์พึ่งจะกลับมาเป็นครั้งแรก พวกท่านบิดาและบุตรสาวยากนักที่จะได้กลับมาเจอกัน นางยังเป็นเด็กอยู่ ย่อมต้องไม่รู้เรื่องอยู่บ้าง ท่านสั่งสอนเอาก็พอแล้ว ไม่จำเป็นจะต้องรุนแรงถึงเพียงนี้หรอก”


“เจ้าออกตัวแทนนังเด็กสารเลวนี่รึ!” ราชามังกรไม่เพียงแต่คลายพิโรธ แต่ยังถลึงเนตรขึ้นมา “ตอนนั้นหากมิใช่เพราะว่ามารดาของนาง เผ่ามังกรตะวันตกของพวกเราก็คงจะไม่ต้องตกต่ำถึงเพียงนี้!”


ชือหลีหัวเราะเย็นชาออกมา มุมปากของนางมีแต่เลือดนางขบริมฝีปากเอาไว้ แววตามีแต่ความหยามหมิ่น “ไอ้แก่สารเลว ข้าบอกแล้วไง อย่าได้เอ่ยถึงมารดาของข้า!”


“อย่าได้ลืมสิว่า เจ้าก็คือคนที่แต่งเข้ามา มังกรตะวันตกล้วนใช้แซ่ชือ ไม่ใช่แซ่ลู่!”


เนื่องเพราะความขุ่นเคือง ทรวงอกของนางจึงสะท้อนขึ้นลง บดเบียดกับตะปูกระดูกมากกว่าเดิม สร้างความเจ็บปวดจนใบหน้าของชือหลีมีแต่เหงื่อท่วมทั่ว


เพียงแค่ประโยคเดียว กลับทำให้ราชามังกรโกรธแค้นจนชักกระบี่ออกมา แทบจะสับนางอยู่แล้ว


ยังดีที่ฮองเฮายื่นมืออกไปรั้งเขาเอาไว้ในทันที “ท่านพี่อย่าได้หุนหันไป หลีเอ๋อร์เป็นบุตรสาวของท่านนะเจ้าคะ!”


ว่าแล้ว นางก็กล่าวเสริมอีกประโยคหนึ่ง “หากว่าท่านสังหารนางไป แล้วใครจะแต่งไปเผ่ามังกรทมิฬกันเล่า?”


ประโยคหลังนั้นทำให้ราชามังกรยอมสงบลง …..หากฆ่าชือหลี แล้วใครจะแต่งไปเผ่ามังกรทมิฬกัน?


“ไอ้แก่สารเลว เจ้าลงมือสิ?” ชือหลีหัวเราะออกมา “ฆ่าข้าเสียเลย แล้วก็ให้บุตรสาวสุดที่รักของเจ้า ลู่เวย แต่งไปแทนไม่ดีหรือไง?”


คำพูดของชือหลีนี้ ทำให้กระทั่งฮองเฮาเองก็ไม่ยินดีขึ้นมาบ้างแล้ว สายตาของนางอึมครึมลง สีหน้าปรากฏความลำบากใจออกมา “หลีเอ๋อร์ ทำไมเจ้าถึงได้ใจร้ายเช่นนี้เล่า? เวยเอ๋อร์เป็นพี่สาวแท้ๆของเจ้า นางจะแต่งไปยังเผ่ามังกรตะวันตกได้อย่างไรกัน?”


“เจ้าจะไปพูดกับนางทำไม เวยเอ๋อร์เป็นสมบัติล้ำค่าของพวกเรา แล้วจะให้แต่งไปยังสถานที่เช่นนั้นได้อย่างไร?” ราชามังกรยังคงพิโรธไม่คลาย เขาเบิ่งเนตรโต กำหมัดจนส่งเสียงกรอบออกมา “เวยเอ๋อร์คือความภาคภูมิใจของพวกเรา เป็นความหวังของเผ่ามังกร ในอนาคตเผ่ามังกรทั้งหมดยังต้องพึ่งพานางนำไปสู่ความรุ่งเรือง”


 


ฮองเฮาซ่อนสีหน้าขุ่นเคืองเอาไว้ นางหลุบตาลงด้วยท่วงท่าน่าสงสาร “จะฝ่ามือหรือหลังมือก็ล้วนเป็นเนื้อ หลีเอ๋อร์เองก็เป็นบุตรสาวของท่านพี่ …..ข้าไม่อาจจะหักใจอยู่บ้างจริงๆ”


“ฮูหยินมีเมตตาเกินไปแล้ว ไม่จำเป็นจะต้องสำนึกผิดใดๆต่อนังเด็กสารเลวนี่ทั้งนั้น” ราชามังกรสีหน้าไร้อารมณ์ “สามารถแต่งให้กับเผ่ามังกรทมิฬได้ ก็ต้องถือว่าเป็นบุญวาสนาที่นางสั่งสมมาถึงแปดชาติแล้ว! เจ้าควรจะยินดีกับนางถึงจะถูก”


คราวนี้ชือหลีหัวเราะออกมาแล้ว


เมื่อได้เห็นบุรุษที่ชั่วช้าตรงหน้า บิดาแท้ๆของนาง กล่าวออกมาอย่างไร้น้ำใจและไม่รักศักดิ์ศรีใดๆ หัวใจของนางก็เย็นยะเยือกลงไปอีก


ทั้งๆที่เขาก็เป็นเพียงแค่ชาวมังกรตะวันตกตนหนึ่งแท้ๆ แต่เพราะตอนนั้นได้รับการเหลือบแลจากมารดา จึงได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของวังมังกร พอได้ครองบัลลังก์ ก็ค่อยๆยึดเอาอำนาจการปกครองทุกอย่างไปจนสิ้น


 


ใครจะไปนึกว่า พออดีตราชมังกรพึ่งจะสิ้นไป เขาก็สำแดงนิสัยที่ชั่วช้าออกมา ไม่เพียงแต่ทอดทิ้งมารดาของนาง แต่ยังนำเอาสตรีที่แอบเลี้ยงดูอยู่ภายนอกอย่างหลิ่วฮุ่ยเข้าวัง


 


ทั้งยังยกย่องหลิ่วฮุ่ยให้เป็นภรรยาที่มีฐานะเท่าเทียมกันโดยมิได้สนใจความรู้สึกของมารดาแม้แต่น้อย


มารดาถูกทำร้ายอย่างหนัก ด้วยความโกรธเคืองจึงฉีกหน้าเลิกกับเขา เกิดเป็นสงครามยิ่งใหญ่ที่พลิกท้องทะเลจนคว่ำ คลื่นทะเลซัดโหม จนจมเมืองริมทะเลไปทั้งเมือง


 


และในสงครามครั้งนั้น เขาได้สังหารมารดาของนาง!


จากนั้น….บุรุษผู้นี้ก็ผลักเอาความผิดทั้งหมดมาไว้ที่มารดาของนาง


คนที่ตายไปแล้วจะให้แก้ตัวได้อย่างไร? ในเมื่อตายไปแล้วก็ได้แต่ต้องยอมแบกความผิดนั้นเอาไว้กับตัว


ตอนนั้นนางพึ่งจะมีอายุครบร้อยปีเท่านั้นเอง ยังเป็นเพียงมังกรน้อยที่อ่อนเยาว์ตัวหนึ่ง


น้องสาวของนางชือฉิงพึ่งจะออกมาจากเปลือกไข่มังกร…..


ในขณะที่พวกนางยังไม่รู้เรื่องรู้ราวใดๆ ก็ถูกเขาลากออกไปรับโทษแทน….


นางไม่มีทางลืมเลือนความเจ็บปวดยามเมื่อถูกกระชากกระดูกมังกรออกไป……ความเจ็บปวดที่ลึกลงไปถึงแก่นกระดูกนั้น ย่อมจดจำได้ไปชั่วชีวิต


 


 


……………………………………….

 

 

 


ตอนที่ 402 มังกรทอง

 

 


ความเจ็บปวดนั้นกลายเป็นฝันร้ายไปชั่วชีวิต พอยามดึกที่มีแต่ความเงียบเชียบไร้ผู้คน ทุกครั้งที่นึกขึ้นมา ล้วนทำให้นางต้องสั่นสะท้าน


น้องสาวของนางชือฉิงเนื่องเพราะอายุยังน้อpเกินไป เมื่อถูกควักกระดูกมังกรออกไป จึงส่งผลต้องการบำเพ็ญทำให้ทั้งชีวิตของนางไม่อาจมีความก้าวหน้า จำต้องใช้เวลานานหลายปีถึงจะสามารถกลายร่างเป็นร่างมนุษย์ได้


ชือฉิงได้แต่อาศัยนางที่เป็นพี่สาวเฝ้าเลี้ยงดูจนเติบโตขึ้นมา


ดังนั้นหลังจากที่ชือชิงทำเรื่องที่ผิดต่อนางเช่นนั้น ชือหลีจึงลงโทษนางอย่างรุนแรง แต่สุดท้ายแล้วก็ยังเลือกที่จะให้อภัยนาง…..


ชือฉิงไม่รู้จักโลกภายนอก ถูกบุรุษหลอกลวงจนลุ่มหลง มอบหัวใจทั้งหมดให้ไป ทุกสิ่งที่นางทำลงไปล้วนเป็นเพราะถูกบุรุษเสเพลอย่างจีหร่านผู้นั้นหลอกลวง


ชือหลียังคงจดจำได้อยู่เสมอ ก่อนที่มารดาจะตายได้สั่งเสียให้นางคอยดูแลน้องสาวให้ดี


จะอย่างไรส่วนลึกในจิตใจของนางก็ยังคงคอยย้ำเตือนถึงความถูกพันทางสายเลือดนี้อยู่เสมอ


ดังนั้นนางจึงคิดจะหาทางนำดวงวิญญาณของชือฉิงกลับมายังเผ่ามังกรตะวันตก คิดจะเสาะหากระดูกมังกรของชือฉิง….ช่วยให้นางได้คืนร่างอีกครั้ง


ตอนนั้นหลังจากถูกถอดกระดูกมังกรออกไป นางก็ไม่เคยกลับมาที่เผ่ามังกรตะวันตกอีกเลย


เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าการกลับมาครั้งนี้ จะบังเอิญพบกับเรื่องที่เผ่ามังกรทมิฬส่งคนมาสู่ขอเข้าพอดี


เผ่ามังกรทมิฬ……คือเผ่าที่โหดเ**้ยมและน่ากลัวที่สุดในหมู่เผ่ามังกร


พวกเขากระหายเลือดจนเป็ยนิสัย หลายหมื่นปีก่อน ถือเป็นเผ่าพันธุ์ที่น่ากลัวที่สุดในใต้หล้า


ตอนมาเมื่อถูกเหล่าเทพเซียนร่วมมือกันกักขังเอาไว้ในทะเลลึกไร้ก้นบึ้ง ถึงได้แลกมาซึ่งความสงบสุขของใต้หล้า


แม้ว่าจะถูกกักเอาไว้ใต้ทะเลไร้ก้นบึ้ง แต่เมื่อเอ่ยถึงเผ่ามังกรทมิฬ เหล่ามังกรทะเลทั้งหลายก็ยังต้องครั่นคร้าม


เผ่ามังกรอื่นๆล้วนอยากหยิบยืมกำลังของเผ่ามังกรทมิฬ ดังนั้นจึงได้ทำพันธสัญญากับมังกรทมิฬ ทุกช่วงเวลาหลายปี ก็จะส่งมอบหญิงสาวบริสุทธิ์ไปเป็นบรรณนาการแก่เผ่ามังกรทมิฬ


จากนั้นก็จะได้รับพลังวิญญาณจากพวกทมิฬ มาคุ้มครองหรือเสริมความยิ่งใหญ่ให้กับเผ่าของตนเอง


ครั้งนี้ ถึงรอบของทะเลตะวันตกแล้ว


ฝ่ายโน่นระบุออกมาว่าต้องการตัวองค์หญิงทะเลตะวันตก


พอนางพึ่งจะกลับไปถึงวังมังกร ลู่กว่างก็แสดงท่าบิดาผู้อารีออกมา หลั่งน้ำตาบอกว่าอยากจะชดเชยให้กับนาง


หลิ่วฮุยก็ยิ่งปฏิบัติต่อนางเสมือนกับว่าเป็นบุตรสาวของตนเองก็ไม่ปาน….


แต่แล้วที่จริงกลับวางแผนเอาไว้


ผ่านไปเพียงแค่ไม่กี่วันทั้งสองก็เปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมา พวกเขาต้องการให้นางแต่งไปยังเผ่ามังกรทมิฬแทนที่ลู่เวย


เฮอะ เฮอะ


พอนางไม่ยอม ถึงได้ถูกตะปูตรึงมังกรตอกตรึงเอาไว้กับเสาทองกลางตำหนัก


พอเพียงแค่เผ่ามังกรทมิฬส่งคนมารับ ก็จะให้นางแต่งออกไป


ในบรรดาของขวัญที่เผ่ามังกรทมิฬมอบให้ นอกจากไข่มุกและอัญมณีมากมายแล้ว ก็ยังมีพลังของเผ่ามังกรทมิฬ พลังนี้ถูกผนึกเอาไว้ในไข่มุกพลังวิญญาณ


หากได้รับพลังมาแม้จะเป็นเพียงแค่หนึ่งในร้อยส่วน แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้เผ่ามังกรตะวันตกกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ของใต้หล้านี้แล้ว


ใช่บุตรสาวที่ทอดทิ้งไปตั้งแต่เล็กแลกมาซึ่งของขวัญชิ้นใหญ่เช่นนี้ ย่อมดีงามราวกับได้เปล่า


ส่วนเรื่องแต่งบุตรสาว…..ถึงจะบอกว่าแต่งออกไป …..แต่ใครบ้างที่จะไม่รู้ เมื่อถูกส่งไปยังเผ่ามังกรทมิฬที่ถูกขังอยู่ในแดนไร้ตะวันตลอดกาล นั่นก็คือมีแต่ความตายเท่านั้น


ตลอดหลายปีมานี้ เหล่าสตรีเผ่ามังกรที่ ‘แต่ง’ ให้กับเผ่ามังกรทมิฬไป ไม่เคยมีใครได้กลับออกมาแม้แต่คนเดียว


พวกนางก็เหมือนกับของเล่นที่ถูกส่งไปทอดทิ้งเท่านั้น!


 


…………………….


ดัวนั้น เมื่อชือหลีได้ยินลู่กว่างเอ่ยออกมาว่าถือเป็น ‘บุญวาสนา’ จึงได้หัวเราะออกมาอย่างเย็นชา


“ ‘บุญวาสนา’เช่นนี้ กลับไม่ให่ลู่เวยได้รับไป ใช่ว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดายหรือไม่?” มุมปากของนางยังคงมีเลือดไหลซึมออกมา ในแววตามีแต่ความเย็นชา


พอชือหลีกล่าวจบ ก็ได้ยินเสียงกระดิ่งเงินลอยมาแต่ไกล


นางเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นมังกรสีทองงดงามจนที่ส่องประกายระยิบระยับเหาะเข้ามา


ยามที่เข้ามาในลานกว้างในตำหนักก็ยังจงใจว่ายวนอีกหนึ่งรอบ จากนั้นมังกรทองตัวนั้นจึงได้ร่อนลงตรงหน้านาง


มังกรทองตัวนั้นเชิดคางขึ้นสูง เขามังกรบนศีรษะเปล่งแสงสุกใสส่องประกายสว่างจ้า นางหยิ่งทนงราวกับลงมาจากบนสวรรค์ชั้นเก้า หลังเหลือบแลชือหลีอยู่พักใหญ่ก็ค่อยเปลี่ยนร่างกลายเป็นสาวน้อยในชุดสีทอง


รูปร่างหน้าตาของนางมีความคล้ายคลึงกับชือหลีอยู่สองส่วน เพียงแต่มีนัยตาสีทองที่หาได้ยาก


“ตั้งแต่ข้าเกิดมาก็เป็นมังกรทองแล้ว ข้าคือความภาคภูมิใจของเผ่ามังกรทะเลตะวันตก โชควาสนาเช่นนั้นจึงไม่จะเป็นอีก พี่สาวเป็นคนที่น่าสงสาร จึงต้องการวาสนาที่ยิ่งใหญ่” สาวน้อยในชุดสีทองส่งยิ้มเย็นชาให้กับนาง


มังกรทอง ต่อให้นับรวมเผ่ามังกรทุกเผ่าเข้าด้วยกัน พันปีถึงจะมีขึ้นมาสักตัว


นับตั้งแต่นางถือกำเนิดขึ้นมา ก็ถือครองพลังวิญญาณมังกร ระดับการฝึกฝนจึงยิ่งกว้างหน้ากว่ามังกรอื่นๆมากมายนัก


มังกรทอง ถือเป็นสิ่งที่หาได้ยากที่สุดในเผ่าพันธุ์มังกร เป็นสิ่งที่มังกรทุกตัวต่างต้องริษยา


นำเสียงของนางน่าฟังเป็นอย่างยิ่ง ไพเราะดุจดังสำเนียงของนางฟ้า ยามกระทบหูไม่ว่าผู้ใดล้วนเกิดความสนใจ มิว่านางพูดอะไรออกไป ต่างก็รู้สึกว่าน่าคล้อยตาม


ชือหลีไม่เคยได้ยินเสียงของใครที่น่าฟังเช่นนี้มาก่อน


ใบหน้าของนางถูกลู่กว่างตบจนบอบช้ำ ดวงตาข้างซ้ายถึงกับปูดบวมขึ้นมา เมื่ออยู่ต่อหน้าสาวน้อยในชุดสีทองจึงกลายเป็นความแตกต่างดั่งมังกรทองกับงูดิน


“พระบิดาและพระมารดาส่งเจ้าไปแต่งกับเผ่ามังกรทมิฬ ก็เพื่อตัวเจ้าเอง เจ้าถูกถอดกระดูกมังกรไปแล้ว ชาตินี้ทั้งชาติย่อมไม่มีโอกาสบินขึ้นไปถึงบนสวรรค์เก้าชั้นฟ้าได้อีก ไม่แน่ว่าแต่งให้กับเผ่ามังกรทมิฬแล้ว อาจจะยังพอมีโอกาสมีวาสนาอื่นอีกบ้าง”


สาวน้อยยังคงยิ้มหวานต่อไป ทั้งยังยื่นมืออกไปเชยใบหน้าของชือหลี นางออกจากเปลือกไข่ก่อนชือหลีหลายวัน


ตอนนั้นก่อนที่ลู่กว่างจะแต่งให้กับองค์หญิงตะวันตก ก็มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับหลิ่วฮุยอยู่ก่อนแล้ว


ดังนั้นนางจึงถือกำเนิดขึ้นมาก่อนชือหลี และเนื่องเพราะว่านางคือมังกรทอง ทำให้ลู่กว่างยิ่งตัดสินใจอย่างแน่วแน่ มิว่าจะอย่างไรก็ต้องทำให้พวกนางแม่ลูกได้รับการยอมรับให้ได้


ชือหลีขมวดคิ้ว เบื้องหน้าออกไป เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “อย่ามาแตะต้องข้า”


หากมิใช่เพราะว่าตอนนั้นนางถูกถอดกระดูกมังกรออกไป ….นางย่อมไม่มีทางกลายเป็นเช่นนี้


สาวน้อยผู้นั้นก็มิได้โกรธเคือง มุมปากของนางยกขึ้น ค่อยๆดึงมือกลับไป จากนั้นก็เช็ดมือกับเสื้อผ้า ราวกับว่านางพึ่งจะไปสัมผัสกับสิ่งสกปรกมาอย่างไรอย่างนั้น


พอได้เห็สาวน้อยในชุดมังกรทอง ดวงพักตร์ของราชามังกรและฮองเฮาก็แช่มชื่นขึ้นมา


“เวยเออร์…..” ราชามังกรกวาดเนตรมาทางนาง ก็เห็นประกายสีทองบนร่างของนางเข้มข้นขึ้นกว่าเดิมอีกหลายส่วน


ดวงเนตรของราชามังกรก็เปล่งประกายขึ้นในทันที “การฝึกฝนของเจ้าก้าวหน้าขึ้นมาอีกกว้างใหญ่แล้วหรือ ช่างทำให้บิดาภาคภูมิใจยิ่งนัก!”


เขายื่นหัตถ์ออกไปลูบไล้ศีรษะของนางเบาๆ ยามอยู่ต่อหน้าของชือหลีดวงพักตร์ของเขาความฝึนทนและชั่วร้าย แตกต่างกับตอนนี้ที่เปี่ยมไปด้วยความโปรดปรานรักใคร่อย่างที่สุด


ลู่เวยคลี่ยิ้มบางๆ นางงดงามอย่างอ่อนหวานกว่าชือหลี ดวงตาสีทองทั้งสองยิ่งสวยงามน่าดูอย่างที่สุด


คนที่อยู่บนเรือนับสิบลำล้วนถูกนางดูดกลืนจนหมดสิ้น แล้วพลังของนางจะไม่ก้าวหน้าได้อย่างไร?


อย่าว่าแต่บนเรือเหล่านั้นยังมีเหล่านักพรตอยู่ไม่น้อย


“ตั้งแต่เล็กๆแล้ว เวยเออร์ของพวกเราก็สามารถฝึกฝนได้รวดเร็วกว่าผู้อื่น ตอนนี้ในบรรดาผู้เยาว์ของเผ่ามังกร เกรงว่าไม่มีผู้ใดที่เหนือล้ำกว่านางไปได้อีก” ขณะที่เบือนหน้าไปทางราชามังกร ดวงพักตร์ของฮองเฮาหลิ่วฮุยเองก็เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มเช่นกัน


“รอให้เผ่ามังกรทมิฬส่งไข่มุกพลังวิญญาณมา ก็ให้ลู่เวยดูดกลืนเข้าไปจนหมด ถึงตอนนั้นเผ่ามังกรตะวันตกของพวกเราก็จะสามารถเงยหน้าขึ้นมาได้อีกครั้ง”


ราชามังกรพยักเศียรอย่างเห็นพ้องต้องกัน “ข้าอายุมากแล้ว พลังที่เผ่ามังกรทมิฬให้มาย่อมต้องมอบให้เวยเออร์ทั้งหมด”


กับลูกสาวคนนี้ เขาให้ความโปรดปรานอย่างไม่มีเงื่อนไข


แต่กลับไม่เคยคิดจะแบ่งปันน้ำใจนั้นไปให้กับลูกสาวอีกสองคนแม้แต่น้อย


อ๋อ….บางทีเขาอาจจะจำไม่ได้แล้วด้วยซ้ำ ว่าตนเองยังมีลูกสาวที่ชื่อชือฉิงอยู่อีกคนหนึ่ง


เวลาผ่านมาก็เนิ่นนานปานนี้แล้ว เขาไหนเลยจะยังจดจำบุตรสาวที่พอพึ่งจะออกจากเปลือกไข่ก็ถูกถอดกระดูกมังกรออกไปได้กัน


“ใกล้แล้ว อีกเพียงแค่สามวัน เผ่ามังกรทมิฬก็จะส่งคนมารับตัวเลวร้ายนี่ไปแล้ว ถึงตอนนั้นพวกเขาก็จะมอบไข่มุกพลังวิญญาณให้กับพวกเรา บิดาจะต้องส่งต่อให้เจ้าในทันที”

 

 

 


ตอนที่ 403 เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าผลกรรมม...

 

สายตาที่เปี่ยมไปด้วยความรักใคร่โปรดปรานของลู่กว่างแทบจะสามารถคั้นน้ำออกมาได้อยู่แล้ว 


 


 


เขาเอ่ยต่อไปว่า “สมบัติล้ำค่าที่เผ่ามังกรทมิฬมอบให้ เจ้าสามารถเลือกไปได้ตามใชชอบ บิดาจำได้ว่าคงโหของเจ้าพังแล้วมิใช่หรือ? สิ่งของที่พวกเขากำลังจะส่งมาล้วนเป็นสมบัติโบราณที่ล้ำค่า นับว่าเหมาะสมคู่ควรกับเวยเอ๋อร์ของพวกเราพอดี” 


 


 


ลู่กว่างอารมณ์ดีจนสรวลออกมา สายตายามมองดูเวยเอ๋อร์ เปล่งประกายราวกับคนที่ได้เห็นทองคำสุกปลั่ง 


 


 


อารมณ์ที่ขุ่นเคืองเพราะชือหลีก็ถูกคลี่คลายไปอย่างรวดเร็ว 


 


 


ดูสิ …… ต่างก็เป็นบุตรสาวของเขาเหมือนกัน ทำไมถึงได้แตกต่างกันเช่นนี้? 


 


 


คนหนึ่งทำให้เขาปลาบปลื้มอย่างที่สุด แต่อีกคนกลับทำให้เขามีแต่ความละอาย 


 


 


“เสด็จพ่อ จะมากจะน้อยน้องชือหลีก็กำลังจะแต่งออกไปแล้ว ถึงตอนนั้นสมควรจัดสรรสินเจ้าสาวไปให้กับนางบ้าง” ลู่เวยยิ้มบางๆ “ข้ามีเสื้อผ้าและเครื่องประดับอยู่จำนวนหนึ่ง ถึงตอนนั้นเสด็จพอก็ให้คนจัดใส่**บเป็นสินเดิมเจ้าสาวให้นางไปเถอะ จะได้ไม่มีใครกล้าพูดว่าพวกเราข่มเหงนาง” 


 


 


ใช่แล้ว นางมีเสื้อผ้าเก่าและเครื่องประดับอยู่ชุดหนึ่ง ที่เปื้อนเลือดยามฆ่าคนอยู่พอดี ของพวกนั้นอัปมงคลอย่างยิ่ง กำลังคิดจะเอาไปทิ้งเสียเลย 


 


 


พอดีสามารถยกให้นางถือเป็นการแสดงความเมตตากรุณา 


 


 


“เวยเอ๋อร์คิดได้อย่างรอบคอบแล้ว” ราชามังกรลู่กว่างผงกเศียรติดๆกัน “เวยเอ๋อร์ของพวกเราช่างเหมือนกับมารดาของเจ้า ล้วนจิตใจดีมีเมตตา” 


 


 


หลิ่วฮุยฮองเฮาก็คอยสนับสนุนอยู่ด้านข้าง “ท่านพี่โปรดวางใจ อีกสามวันข้าจะแต่งหน้าแต่งตาชือหลีให้สวยสดงดงาม ให้นางได้แต่งออกไปอย่างเอิกเกริก เพราะอย่างไรก็เป็นถึงองค์หญิงมังกรตะวันตกของพวกเรามิใช่หรือ ย่อมต้องไม่ให้ผู้ใดหัวเราะเยาะได้อยู่แล้ว” 


 


 


ชือหลีเห็นคนในครอบครัวนี้ต่างก็ช่วยกันเล่นละครต่อหน้านาง ทำเอาสะอิดสะเอียนจนอยากอาเจียนออกมา 


 


 


หลายปีมานี้นางกลายเป็นเทพธิดาพิทักษ์สายน้ำลี่เหอ อุปนิสัยมีแต่ความจริงใจและตรงไปตรงมา 


 


 


พอได้มาเห็นคนในครอบครัวนี้ เห็นไอ้แก่ที่ต่ำช้าลู่กว่าง ก็ยิ่งอย่างจะให้เลือดที่อยู่ในกายแห้งผาดไปเสีย…..หากในร่างมีเลือดของบุรุษผู้นี้อยู่ในกาย นางรู้สึกว่าช่างสกปรกจริงๆ! 


 


 


นอกจากรู้สึกสะอิดสะเอียนแล้ว ก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้คิดถึงตู๋กูเจวี๋ยขึ้นมาได้กัน 


 


 


หรือว่าเป็นเพราะได้พบคนจิตใจต่ำช้ามามากเกินไป พอได้พบกับเจ้ากระต่ายน้อยอย่างเขา จึงได้รู้สึกว่าน่ารักขึ้นมา 


 


 


แม้แต่ตู๋กูซิงหลันก็ยังน่ารักกว่ามากนัก 


 


 


นางหลุบตาลง ขนต่างที่ยาวหนาเป็นแพสั่นสะท้านน้อยๆ 


 


 


การเดินทางมาครั้งนี้ มีแต่อันตรายเหลือคณานับ ดังนั้นนางจึงได้มอบมุกมังกรแห่งชีวิตของตนเองให้กับตู๋กูซิงหลัน 


 


 


เพราะคิดว่าหากตนเองโชคร้ายตายไป อย่างน้อยๆจิตวิญญาณบางส่วนก็อาจจะกลับไปยังมุกมังกรก็เป็นได้ 


 


 


บางที….ด้วยกำลังและความสามารถของตู๋กูซิงหลัน อย่างน้อยๆก็คงจะไม่ปล่อยให้จิตวิญญาณของนางต้องสูญสลายไป 


 


 


ชือหลีคิดไปเรื่อยๆ มุมปากก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา 


 


 


“น้องชือหลียิ้มอย่างยินดีเช่นนี้ ดูท่าคงจะพอใจกับการจัดการของเสด็จพ่อและเสด็จแม่สินะ” ลู่เวยเองก็หัวเราะขึ้นมา “อ๋อ ใช่แล้ว ข้ามีชุดสีแดงสดอยู่ชุดหนึ่งอยู่พอดี ถึงตอนนั้นจะมอบให้น้องชือหลีเป็นชุดแต่งงานก็แล้วกัน” 


 


 


น้ำเสียงของนางสามารถหลอมละลายจิตใจผู้คน นางกระซิบลงไปที่ริมหูของชือหลีเอ่ยว่า “เสื้อผ้าชุดนั้น แดงราวกับเลือด เหมาะกับดวงตาของเจ้าเป็นอย่างยิ่งเลย” 


 


 


เลือดของคนตาย พอจับมาเข้าคู่กับดวงตาที่กำลังจะกลายเป็นคนตาย จะไม่เหมาะเจาะกันได้อย่างไร?” 


 


 


ลู่เวยเกลียดชังนาง 


 


 


หากมิใช่เพราะนางมีมารดาที่เป็นองค์หญิงผู้แข็งแกร่ง ตอนนั้นตนเองและมารดาคงมิต้องมีชีวิตอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆ ลำบากยากแค้นไม่มีจะกินเช่นนั้น 


 


 


หนึ่งร้อยปีแห่งความยากลำบากนั้น เพียงพอที่จะให้นางฉีกร่างทึ้งกระดูกชือหลีเป็นพันชิ้น 


 


 


ก่อนหน้านี้ นางก็เป็นคนปล่อยข่าวลือออกไปเอง ….ว่าทะเลตะวันตกมีกระดูกมังกรของชือหลีและชือฉิงอยู่…..ที่ทำเช่นนี้ก็เพื่อที่จะหลอกล่อให้นังโง่ผู้นี้กลับมา  


 


 


แล้วดูสิ นังคนที่ไม่รู้จักใช้หัวสมองผู้นี้ ก็กลับมาอย่างโง่ๆจริงๆด้วย 


 


 


มิใช่เท่ากับว่ารีบกลับมา ‘แต่งงาน’ แทนนางพอดีหรอกหรือ? 


 


 


ลู่เวยไม่คิดจะสงสารเห็นใจนางแม้แต่น้อย ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ตัวนางและองค์หญิงมารดาของนางติดค้างตนเอง! 


 


 


นางสมควรไปตายแทนตนเอง และแลกเปลี่ยนเป็นของขวัญจากเผ่ามังกรทมิฬมาให้กับตนอยู่แล้ว! 


 


 


ตนเองจึงจะเป็นองค์หญิงของทะเลตะวันตกที่แท้จริง และคือเทพเซียนที่จะได้โบยบินขึ้นสู่ท้องฟ้าในอนาคต 


 


 


ชือหลี นับเป็นอะไรได้กัน? 


 


 


“ลู่เวย อย่าได้ด่วนดีใจเร็วไป” ชือหลีลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ริมฝีปากของนางมีแต่คราบเลือด ก่อนจะเอ่ยถามออกไป “เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าผลกรรมนั้นมีจริง?” 


 


 


“นั่นเป็นเรื่องของพวกมนุษย์” ลู่เวยหัวเราะอย่างเย็นชา “ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็เป็นผู้ที่มีเมตตามาโดยตลอด หากจะมีผลใดตามมา….ก็มีแต่ผลดีเท่านั้น” 


 


 


“เห็นไหมเล่า เจ้าก็คือผลดีที่ข้าได้รับมิใช่รึ” 


 


 


“เวยเอ๋อร์ จะไปเสียเวลาพูดจาไร้สาระกับนังตัวร้ายนั่นไปทำไม” ลู่กว่างเอ่ยอย่างเกลียดชังชือหลีอย่างยิ่ง 


 


 


พอพูดถึงผลกรรมตามสนอง ก็ไม่รู้ว่าทำไม ในใจของเขาจึงเกิดความหวั่นไหวขึ้นมา 


 


 


เรื่องชั่วช้าบางเรื่องเมื่อได้กระทำไปแล้ว ความสงบสุขในจิตใจย่อมไม่เหลืออยู่อีกต่อไป ทำให้ใจต้องหวาดผวา…. 


 


 


“น้ำเสียงที่ไพเราะของเจ้า นังตัวร้ายนี้ไม่คู่ควรที่จะได้ฟังหรอก!” ลู่กว่างมีสีพักตร์ไม่พอพระทัย หากมิใช่ว่ายังจะต้องให้นังตัวร้ายชือหลีแต่งงานไปแทนเวยเอ๋อร์ เพียงแค่ท่าทางที่นางแสดงออกมาเช่นนี้ เขาก็คงฆ่านางทิ้งไปกับมือแล้ว 


 


 


ชือหลีเห็นพวกเขาพูดจะสนับสนุนกันไปมา ก็ได้แต่กำหมัดแนบแน่นขึ้นกว่าเดิม 


 


 


…………………….. 


 


 


เหนือทะเลตะวันตก ลมทะเลกรรโชกอย่างรุนแรง 


 


 


ตู๋กูซิงหลันยื่นอยู่บนฝั่ง นางสวมใส่ชุดสีแดงดุจเปลวเพลิง ดวงตาดอกท้อจับจ้องไปยังน้ำทะเลสีฟ้าที่ใสกระจ่างที่สะท้อนกับแสงแดดจนส่องประกายระยิบระยับ 


 


 


ผิวน้ำทะเลเกิดเป็นหมอกหนา มีเหล่าดวงวิญญาณที่ถูกฆ่านับร้อยล่องลอยขึ้นมา 


 


 


พอริมฝีปากของนางเอื้อนเอ่ยคาถาออกมา แผ่นยันต์สีเหลืองในมือก็พุ่งออกไป เพียงครู่เดียวก็ล้อมเอาดวงวิญญาณคนตายเหล่านั้นเอาไว้  


 


 


เนื่องเพราะพวกเขาเป็นวิญญาณคนตายที่ตกตายอย่างอนาถ เมื่อตายแล้วหากมิได้รับการชำระล้างวิญญาณ ก็มีแต่ต้องวนเวียนอยู่ในที่เดิมตลอดไป 


 


 


ตู๋กูซิงหลันจับดวงวิญญาณดวงหนึ่งมาสอบถาม ถึงได้รู้ว่าพวกเขาถูก ‘นางพรายทะเลลึก’ กินเข้าไป 


 


 


ดวงวิญญาณของคนตายเหล่านี้มีแต่กลิ่นอายของเลือดอย่างเข้มข้น แสดงว่าความหวาดกลัวก่อนตายได้ฝังลึกอยู่ในดวงจิต 


 


 


ตู๋กูซิงหลันปิดตาลงก็รับรู้ได้ ในสมองของนางเกิดภาพของใบหน้าที่มีส่วนละม้ายคล้ายคลึงกับชือหลีอยู่สองส่วน 


 


 


เพียงแต่ว่าคนผู้นั้นมีนัยตาเป็นสีทอง 


 


 


ยามลืมตาขึ้นมองอีกครั้ง ดวงตาดอกท้อก็เปล่งประกายขึ้นกว่าเดิม 


 


 


นางล้วงเอามุกมังกรของชือหลีออกมา มุกมังกรที่เดิมทีเป็นสีน้ำเงินตอนนี้กลายเป็นสีแดงทั้งหมดแล้ว สิ่งที่แดงเหมือนกับเลือดยังคงไหลซึมออกมาไม่ยอมหยุด 


 


 


มังกรน้อยสีทองที่อยู่ภายในนั้นยิ่งดูก็ยิ่งอ่อนแอลงไปเรื่อยๆ 


 


 


เจ้าไก่ดำขนฟูและราชาสุนัขป่าตะวันตกล้วนยืนอยู่ข้างกายนาง บนหลังของราชาสุนัขป่า คือตู๋กูเจวี๋ยที่ยังมีสีหน้าทั้งงุนงงและประหลาดใจ 


 


 


“น้องเล็ก ต่อไปพี่รองจะไม่เที่ยวกัดคนไปทั่วแล้ว เจ้าปล่อยข้าไปได้หรือไม่?” ตู๋กูเจวี๋ยนั่งอยู่บนหลังของราชาสุนัขป่า เห็นน้องสาวของตนเองนำกระทั่งดาบยักษ์ของพี่ใหญ่มาด้วย 


 


 


นางที่มีรูปร่างที่บอบบางกับสามารถสะพายดาบที่ใหญ่กว่าตัวเองเอาไว้ได้อย่างสบายและคล่องแคล่ว 


 


 


เขาพึ่งจะตื่นขึ้นมาพอรู้ตัวก็อยู่บนหลังของราชาสุนัขป่าแล้ว เบื้องหน้าของเขาคือท้องทะเลอันกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต หรือว่าน้องเล็กอยากจะจับเขาโยนลงทะเลไปเป็นอาหารปลากัน 


 


 


ลมทะเลพัดมา ทำให้ชุดสีแดงของนางพลิ้วขึ้นราวกับกำลังเริงระบำ ตู๋กูซิงหลันจับตามองดูคลื่นน้ำที่ไม่เคยสงบนิ่ง เอ่ยขึ้นมาประโยคหนึ่งว่า “ยังอยากจะมีภรรยาอยู่อีกหรือไม่?” 


 


 


ตู๋กูเจวี๋ย “หา?” 


 


 


“ถ้ายังอยากจะมี ก็ติดตามลูกพี่ไปตัดหัวคนด้วยกัน!” 


 


 


ตู๋กูซิงหลันว่าแล้ว ก็ก้าวเท้าลงไปในน้ำทะเล ทันใดนั้นก็เห็นน้ำทะเลใต้ฝ่าเท้าแยกออกเป็นสองด้าน 


 


 


น้ำทะเลแยกออกเป็นเส้นทางสายหนึ่ง ทอดตัวยาวลึกลงไปยังด้านล่าง 


 


 


ตู๋กูซิงหลันสะพายดาบยักษ์ของพี่ใหญ่เอาไว้ ออกเดินนำหน้า 


 


 


ราชาสุนัขป่าพาติ๊งต๊องและพี่รองติดตามลงไปอย่างกระชั้นชิด 


 


 


“นี่คือพลังจากมุกมังกรของชือหลี นางจะต้องมีฐานะที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน” วิญญาณทมิฬนั่งอยู่บนบ่าของนาง มองดูพื้นดินบริเวณที่พวกนางเดินผ่าน น้ำทะเลค่อยผสานกลับเข้ามาก็รู้สึกว่าน่าอัศจรรย์ใจอย่างยิ่ง 

 

 

 


ตอนที่ 404 อหังการ

 

เส้นทางนั้นดิ่งลึกลงไปใต้ท้องทะเล มุ่งตรงสู้มังกรหินตนนั้น 


 


 


ยามเมื่อได้เห็นน้ำทะเลถอยห่างออกไปจากร่างของตน และพอเดินผ่านลงไปก็ค่อยม้วนกลับเข้า ตู๋กูเจวี๋ยก็มีสีหน้าตื่นเต้นด้วยความประหลาดใจ จนนึกว่านี่ตนเองกำลังฝันไป จึงอดไม่ได้ที่จะหยิกต้นข้าของตนเองครั้งหนึ่ง  


 


 


ตั้งแต่เล็กๆเขาก็ชื่นชอบเรื่องเร้นลับต่างๆอยู่เสมอมา จึงพกพาสมุดเล่มเล็กเอาไว้จดบันทึกเรื่องราวของพวกภูตผีปีศาจอยู่เสมอ เพียงแต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นกับตา 


 


 


“บ้านเดิมของชือหลีอยู่ในทะเลลึกนั่นหรือ?” เขายื่นหน้ามองออกไปด้วยความสงสัย 


 


 


“น้องเล็ก เจ้าดูปลาตัวนั้นสิ บนหัวของมันมีโคมไฟอยู่ด้วย หากจับมันไปเลี้ยงในอ่าง ตอนกลางคืนก็ไม่ต้องจุดตะเกียงแล้วใช่ไหม?” 


 


 


ปลาที่มีดวงไฟส่องอยู่เหนือหัวถลึงตาใส่เขาครั้งหนึ่ง หันมาสะบัดหาง ส่งเสียงขู่ใส่เขาแล้วก็ว่ายหนีไปไม่ยอมหันกลับมาอีก 


 


 


ตู๋กูเจวี๋ย “ช่างเถอะ ปลาตัวนั้นมันท่าทางจะนิสัยไม่ดี” 


 


 


“น้องเล็ก เจ้าดูเต่าตัวนั้นสิ ตัวใหญ่เกือบหนึ่งจั้งเลย ทั้งยังว่ายน้ำได้เร็วมากขนาดนั้น ไปจับมันมาขี่ดีหรือไม่?” 


 


 


ตู๋กูซิงหลันเหลือบตาไปมองดูเจ้าเต่าทะเลตัวนั้นครั้งหนึ่ง ก็ถอนใจออกมาเบาๆ 


 


 


ราชาสุนัขป่าก็ถลึงตาใส่เขาครั้งหนึ่ง มันแทบจะอยากเหวี่ยงเขาลงมาจากหลังอยู่แล้ว มันเป็นถึงราชาสุนัขป่าตะวันตก ยอมสละตนให้เขานั่งเป็นพาหนะเขายังจะไม่พอใจ? 


 


 


ยังจะไปหมายตาเจ้าเต่าใหญ่นั่นอีกหรือ? 


 


 


“ไม่ชอบงั้นหรือ…” ตู๋กูเจวี๋ยโคลงศีรษะไปมา จากนั้นก็มองซ้ายมองขวาต่อไป เห็นเบื้องล่างมีแต่ปะการังมากมายราวป่าทึบ 


 


 


ปะการังเหล่านั้นแต่ละต้นสูงตระหง่านราวกับต้นไห่ถางในตำหนักเฟิ่งหมิงกง มีสีสันหลากหลายทั้งยังส่องประกายระยิบระยับ 


 


 


ท่ามกลางสถานที่ที่ดงามเช่นนี้ มีมังกรสีทองตัวหนึ่งปรากฏกายขึ้นมา  


 


 


มังกรสีทองเหลืองอร่าม ท่าทางหยิ่งผยอง มันส่งเสียงตวาดคำรามออกมาครั้งหนึ่งใส่พวกเขา ขวางเส้นทางของพวกเขาเอาไว้ 


 


 


มันหยุดอยู่เบื้องหน้าพวกเขา นัยตาที่เป็นสีทองทั้งสองข้างมองตรงมา 


 


 


มังกรตัวนั้นลอยตัวอยู่ในน้ำ เกล็ดสีทองที่เป็นประกายเหล่านั้นยังแวววาวยิ่งกว่าปะการังมากนัก 


 


 


ตู๋กูเจวี๋ยชะงักไปครู่หนึ่ง เขาไม่เคยเห็นสิ่งมีชีวิตใดที่สวยงามขนาดนี้มาก่อนเลย ตลอดร่างเป็นสีทองแวววาว ยังน่าดูกว่าเหล่าตัวประหลาดที่ในหนังสือมีบันทึกเอาไว้มากมายนัก 


 


 


ครู่หนึ่ง เขาค่อยยื่นปลายนิ้วออกมา ชี้ไปยังเจ้ามังกรทองตรงหน้า “น้องเล็ก…..หรือจะจับเจ้าตัวนั้นมาเป็นพาหนะดีไหม?” 


 


 


ทันทีที่สิ้นเสียง ก็เห็นเจ้ามังกรทองตัวนั้นหัวเราะคิกคักออกมา จากนั้นก็กลายร่างเป็นสาวน้อยที่บอบบางแน่งน้อยในชุดสีทองต่อหน้าต่อตาพวกเขา 


 


 


ดวงตาและคิ้วของนางมีส่วนคล้ายคลึงกับชือหลีอยู่สองส่วน นัยตาสีทองทั้งคู่จับจ้องมายังพวกเขา 


 


 


“พาหนะ?” นางยกชายแขนเสื้อขึ้นมาบิดบังรอยยิ้ม ส่งเสียงหัวเราะที่น่าฟังราวไข่มุกกระทบจานหยก 


 


 


นัยตาสีทองคู่นั้นมองผ่านตู๋กูเจวี๋ยไปอย่างเย็นชา ค่อยหยุดลงบนร่างของตู๋กูซิงหลัน 


 


 


ในตอนนั้นเอง หัวคิ้วของนางก็โค้งขึ้นมา ดวงตาสีทองเปล่งประกายเปี่ยมไปด้วยแสงแห่งความละโมภ 


 


 


นี่เรียกว่าอะไรนะ…..พอคิดจะนอนก็มีคนส่งหมอนหนุนมาให้พอดี 


 


 


หากเปรียบเทียบกันในเรื่องความงาม นางไม่อาจสู้ชือหลีได้จริงๆ 


 


 


มารดาของชือหลี คือ ชือฉาง องค์หญิงแห่งทะเลตะวันตก ผู้เป็นโฉมสะคราญอันดับหนึ่งแห่งทะเลตะวันตก 


 


 


ความงดงามนั้นย่อมเป็นอะไรที่หลิ่วฮุย มารดาของนางไม่อาจเทียบได้อยู่แล้ว  


 


 


ดังนั้นบุตรสาวที่ให้กำเนิดออกมาย่อมมีความแตกต่างกัน 


 


 


ลู่เวยมองดูหญิงสาวที่งดงามปานจะล่มบ้านล่มเมืองตรงหน้า ก็ยิ่งเกิดความคิดอยู่ในใจ คนที่มีรูปโฉมงดงามเช่นนี้ หากว่าจับเอาไปทำเป็นยาเม็ดบำรุงความงาม กินลงไปเพียงเม็ดเดียว เกรงว่าไม่เพียงแค่ทะเลตะวันตก แต่ว่าในบรรดาสตรีของเผ่ามังกรทุกเผ่า ย่อมไม่มีผู้ใดจะสามารถเทียบกับนางได้ทั้งนั้น 


 


 


ค่ำคืนนี้ เผ่ามังกรทมิฬก็จะส่งคนมารับตัวเจ้าสาวแล้ว รอให้นางได้ดูดซับเอาพลังของไข่มุกพลังวิญญาณเข้าไป เผ่ามังกรทั่วทั้งสี่ทะเลจะต้องเพิ่มพูนความเคารพที่มีต่อตัวนางอย่างแน่นอน 


 


 


ถึงตอนนั้นโอกาสที่จะได้เผยโฉมออกไปก็จะมีมากขึ้น ใบหน้านี้ยิ่งสมควรจะต้องบำรุงให้งดงามยิ่งขึ้นไปอีกมิใช่หรือ? 


 


 


ช่วงนี้ช่างมีโชคเหลือเกิน พึ่งจะได้กินมนุษย์และเหล่านักพรตไปตั้งมากมาย ก็ยังมีพวกที่ไม่รักชีวิตส่งตัวเองลงมาถึงใต้ท้องทะเลให้อีก 


 


 


นางกวาดตาประเมินมองตู๋กูซิงหลันอยู่ครู่หนึ่ง ก็มองเห็นมุกมังกรในมือของนาง 


 


 


“เอ๋? น้องสาวตัวดีของข้ากำลังจะแต่งงาน ตอนนี้ก็เลยมีมิตรสหายมามอบของขวัญกระนั้นหรือ?” ลู่เวยยิ้มเย็นชา น้ำเสียงของนางแฝงพลังที่ล่อลวงให้คนลุ่มหลง 


 


 


นางไม่รู้ว่าจะบอกว่าชือหลีนั้นฉลาดเจ้าเล่ห์หรือว่าโง่เง่าดี 


 


 


มุกมังกรที่เป็นแก่นแท้ของชีวิตก็ยังกล้าถอดออกไป? 


 


 


มอบออกไปแล้ว ยังจะกล้าพาตัวกลับมายังทะเลตะวันตกอีก…..คงจะเพราะในใจหวังว่าเสด็จพ่อจะยังคิดถึงนาง อาจมอบทางรอดให้กับนางสายหนึ่ง? 


 


 


เฮอะ เฮอะ 


 


 


หากบอกว่านางโง่ มุกมังกรที่นางถอดออกไปก็ยังสามารถเป็นหนทางรอดให้กับตนเองได้อยู่ 


 


 


ดูสิ นี่มิใช่ว่ายกทัพหนุนมาช่วยกันหรอกหรือ? 


 


 


พี่รองรู้สึกว่าน้ำเสียงนั้นคล้ายจะสะท้อนเข้าไปถึงในหัวใจ ทำให้อยากจะมอบทุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่ออกไป 


 


 


“เจ้าเปลี่ยนเป็นมังกรยังจะน่าดูมากกว่า …..หน้าตาคล้ายชือหลี แต่กลับสวยสู้นางไม่ได้ ข้าเห็นแล้วอึดอัด” บุรุษที่เที่ยงแท้อย่างเขายามพูดความจริงออกมาตรงๆก็เสมือนผลักคนให้ไปตายเท่านั้น 


 


 


สีหน้าของลู่เวยบูดเบี้ยว ตั้งแต่เล็กมาแล้วใครๆต่างก็พากันกล่าวว่าชือหลีงดงามกว่านาง ……นางทนฟังมาร้อยปีเต็มแล้ว! 


 


 


นี่เป็นปมในใจของนาง ตลอดหลายปีมานี้ไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยขึ้นมาแม้แต่ประโยคเดียว เจ้ามนุษย์ธรรมดาที่ไม่ได้มีอะไรพิเศษผู้นั้นกลับกล้าลบหลู่นาง? 


 


 


มือของลู่เวยเอื้อมไปทางด้านหลัง 


 


 


ตู๋กูซิงหลันแบกดาบยักษ์เล่มใหญ่เอาไว้บนบ่า ไม่รอให้ลู่เวยล้วงสิ่งที่อยู่ด้านหลังออกมา นางก็ยกดาบยักษ์ฟาดฟันออกไปแล้ว 


 


 


เมื่อมีมุกมังกรที่เป็นแก่นชีวิตของชือหลีอยู่ในมือ น้ำทะเลก็ได้แต่ถอยห่างจากตัวนาง สิ่งนี้ยังทรงอิทธิฤทธิ์เหนือล้ำกว่าลูกแก้ววารีนับร้อยนับพันเท่า 


 


 


ถึงแม้ว่าจะอยู่ในน้ำ แต่ก็สามารถเปิดพื้นที่ว่างช่วงหนึ่งให้กับนางได้เลย 


 


 


โรคกลัวน้ำลึกของตู๋กูซิงหลันย่อมถูกสกัดกั้นเอาไว้ 


 


 


พอเห็นดาบนั้นสะบัดออกมา ลู่เวยที่ยังไม่ทันชักอาวุธออกมาก็ได้แต่ต้องหลบหลีกออกไปด้านข้าง 


 


 


ดาบยักษ์สะบั้นลงไปเฉียดผ่านหัวไหล่ของนาง สะกิดโดนเสื้อผ้าสีทองขาดเป็นรอย เผยผิวบนหัวไหล่ของนางออกมาเล็กน้อย 


 


 


ร่างของนางลอยอยู่กลางน้ำทะเล จุดที่นางอยู่เมื่อครู่ถูกดาบยักษ์สะบั้นจนแยกออก ครู่ต่อมาน้ำทะเลถึงได้กลับมารวมกันเหมือนเดิม 


 


 


ตู๋กูซิงหลันสวมชุดสีแดงดุจแสงเพลิง เส้นผมสีดำยาวพลิ้วไหวราวเริงระบำ สองมือกุมดาบยักษ์เอาไว้อย่างแนบแน่น ดวงตาดอกท้อเปล่งประกายแหลมคมเสียยิ่งกว่าคมดาบ 


 


 


ดาบเดียวที่ฟาดออกไป ห่วงที่ร้อยบนตัวดาบก็ส่งเสียงร้องรับออกมา 


 


 


ลู่เวยเหลือบตาไปด้านข้าง มองดูริ้วรอยที่อยู่บนหัวไหล่ของตนเอง ค่อยเงยหน้าขึ้นมองดูสตรีเผ่ามนุษย์ผู้นั้นอีกครั้ง 


 


 


ก็ได้ยินนางเอ่ยขึ้นมาช้าๆอย่างไม่ใส่ใจนักว่า “พึ่งหัดใช้ดาบ ก็เลยไม่ค่อยถนัด” 


 


 


ดาบยักษ์ของพี่ใหญ่มิใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะสามารถควบคุมได้ เฉพาะน้ำหนักเกือบร้อยจิน คนธรรมดาก็ยกมันไม่ขึ้นแล้ว 


 


 


ตู๋กูซิงหลันพึ่งจะเอามาใช้เป็นครั้งแรก ย่อมไม่คุ้นเคยอยู่บ้าง 


 


 


แต่ในสายตาของลู่เวย ท่าทางเช่นนั้น ช่างเหมือนกับการโอ้อวด อหังการอย่างยิ่ง! 


 


 


“เจ้ารู้หรือไม่ว่าผู้ที่อยู่ตรงหน้าของเจ้านี้คือใคร?” สีหน้าของลู่เวยยิ่งบึ้งตึง ระเบิดความโกรธเกรี้ยวออกมาอย่างเต็มที่ นางถอยไปด้านข้างอีกครั้งหนึ่ง ชักดาบกระดูกออกมาจากด้านหลัง 


 


 


ดาบกระดูกสีทอง บนตัวดาบมีตราสัญลักษณ์เฉพาะของเผ่ามังกร 


 


 


ทันทีที่ดาบกระดูกมังกรปรากฏขึ้น แม้แต่ราชาสุนัขป่าตะวันตกยังบังเกิดความคิดที่จะคุกเข่าลงไปอย่างกระทันหัน จนต้องส่งเสียงหอนออกมา 


 


 


เผ่ามังกร คือราชาของสรรพสัตว์ ย่อมมีพลังอำนาจในการสะกดข่มโดยธรรมชาติ 


 


 


ดาบกระดูกเล่มนั้น หลอมขึ้นจากกระดูกมังกร จึงแฝงพลังของเผ่ามังกรที่ไม่มีสัตว์ใดสามารถต่อต้านได้เอาไว้ 


 


 


เหล่าสัตว์น้ำทั่วท้องทะเลต่างก็มารวมตัวกันอยู่ที่เบื้องหลังของลู่เวย ฝูงฉลามรวมกลุ่มกันเป็นกองทัพอยู่ใต้ฝ่าเท้าของนางกลายเป็นฉากที่งดงามตระการตาใต้ท้องทะเลลึก 


 


 


แต่ในขณะเดียวกันฉากนี้ก็ให้ความรู้สึกน่าสะพรึงกลัวอยู่ด้วย 


 


 


ลู่เวยถือดาบกระดูกมังกรเอาไว้ในมือ สะกิดปลายเท้า พลิกฝ่ามือพุ่งเข้าหาตู๋กูซิงหลัน  


 


 


ดาบนี้พุ่งตรงเข้าลำคอของนาง หมายเอาชีวิต! 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)