ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง 399-400

ตอนที่ 399 พี่รองเป็นอะไรไป?

 

ประเด็นสำคัญมิใช่ว่ารักษาสัญญาหรือไม่ หากแต่เป็นเรื่องของหย่งเฉิงอ๋องสามีภรรยา 


 


 


ประโยคเดียวของจีเฉวียน ทำเอาสีหน้าของซูเยาแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย 


 


 


คำข่มขู่เช่นนี้ ไม่ว่าเป็นใครก็ล้วนฟังออก 


 


 


จีเฉวียนรวบเสื้อขึ้นมาสวมใส่อย่างไม่รีบร้อน เหลือเพียงท่อนแขนครึ่งหนึ่งอยู่นอกชายผ้า 


 


 


ร่างกายของพระองค์ ให้ซิงซิงได้เห็นเพียงผู้เดียวก็พอแล้ว 


 


 


พวกลูกน้องที่มีฝีมือต่ำต้อยช่างใช้การไม่ได้ ไม่อาจรั้งตัวเจ้าจิ้งจอกตัวนี้เอาไว้ ทำให้มันโผล่มาทำลายเรื่องดีๆในตอนนี้ 


 


 


จีเฉวียนหรี่พระเนตรลง มุมพระโอษฐ์ก็หยักขึ้นเล็กน้อย สายพระเนตรปรากฏแววสังหาร “เราอนุญาตให้เจ้าเป็นอิสระ ก็เพราะจะให้เจ้าปกป้องนาง ไม่ใช่ให้เจ้ามาตามติดนาง ยึดนางเอาไว้ เข้าใจหรือไม่?” 


 


 


เมื่ออยู่ต่อหน้าตู๋กูซิงหลัน พระองค์ก็ยอมเป็นลูกพลับนิ่มที่จะบีบอย่างไรก็ได้ 


 


 


แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อื่น โดยเฉพาะเมื่อเป็นเจ้าจิ้งจอกที่ไม่รู้จักเชื่อฟังแล้ว พระองค์ก็คือจอมมาร 


 


 


สายตาของตู๋กูซิงหลันสลับสับไปมาระหว่างคนทั้งสอง 


 


 


ยามเมื่อสายพระเนตรของจีเฉวียนและสายตาของซูเยาปะทะกันก็เกิดประกายสายฟ้าที่แทบจะลุกเป็นไฟ 


 


 


ราวกับพ่อไก่สองตัวที่พองขนเข้าใส่กัน……. 


 


 


ไอปีศาจที่อยู่ในร่างของซูเยาคล้ายจะเก็บเอาไว้ไม่อยู่อีกต่อไป 


 


 


ตู๋กูซิงหลันวางแส้ในมือของนางลงในทันที ล้วงเอาลูกอมเม็ดหนึ่งออกมาจากในอกเสื้อ แกะกระดาษหุ้มได้ก็ยัดเข้าไปในปากเขาทันที 


 


 


นางไม่ต้องการให้คนทั้งสองมาทะเลาะกันที่นี่ 


 


 


หากว่าเปลี่ยนเป็นที่อื่น นางอาจจะช่วยซูเยาลงมือทุบตีด้วยกัน 


 


 


ยามเมื่อฝ่ามือที่ละเอียดลออและนุ่มนวลส่งลูกอมหวานๆเข้ามาในปาก รสหวานที่ได้นั้นแทบจะกำซาบไปถึงหัวใจ 


 


 


ซูเยาเปลี่ยนเป็นโอนอ่อนลง ไอปีศาจกลับเข้าไปสงบอยู่ในร่าง เขายื่นมือออกมาจับชายเสื้อของนางเอาไว้ ดวงตาจิ้งจอกคู่นั้นเผยแววตาที่น่าสงสารราวถูกรังแกออกมา 


 


 


“อาหลัน เจ้ายังคงคิดถึงเขาอยู่อีกหรือ?” 


 


 


และเพราะเกรงจะได้ยินคำตอบเช่นนั้นจากนาง เขาจึงชิงเป็นฝ่ายยอมโอนอ่อนก่อน “หากว่ายังคงคิดถึงอยู่บ้างละก็ จะเพิ่มพื้นหลังอย่างพวกนั้นอีกสักตัวหนึ่งก็ยังได้ …..ข้าไม่ติดใจอะไร ขอเพียงเป็นความต้องการของเจ้า ข้าก็ทนได้” 


 


 


จีเฉวียน “……” 


 


 


เขาทำแก้มปูด ทั้งยังอมลูกอมเอาไว้ เวลาพูดออกมาจึงยิ่งไม่ชัดสักเท่าไหร่คล้ายกับเจ้าตัวน้อยที่ยังไม่หย่านม 


 


 


ซูเยามีนิสัยประหลาดอยู่อย่างหนึ่ง นั่นคือชอบกินลูกอม 


 


 


โดยเฉพาะลูกอมที่ตู๋กูซิงหลันส่งเข้าปากมาให้ พอมีกลิ่นอายจากปลายนิ้วของนางอยู่ ก็ยิ่งรู้สึกว่าหวานล้ำไปถึงจิตวิญญาณ 


 


 


คล้ายกับว่า …..ก่อนหน้านี้ก็เคยมีคนป้อนลูกอมให้เขากินอยู่บ่อยๆเช่นกัน 


 


 


พอผ่านไปครู่หนึ่ง ก็ทำให้คนที่ใจร้อนเช่นเขาค่อยๆสงบลงได้ 


 


 


เขาจับจ้องไปยังตู๋กูซิงหลัน “ถึงแม้ว่าข้าจะไม่ชอบเขา แต่ว่าขอแค่ให้เจ้าชอบ….ก็พอ” 


 


 


คำพูดนี้กล่าวออกมา…ราวกับภรรยาหลวงที่ต้องคัดเลือกเมียน้อยให้กับสามี 


 


 


ทั้งใจกว้างเป็นพิเศษ และเข้าอกเข้าใจ 


 


 


แต่หากเปลี่ยนมุมมองกันสักหน่อย ก็ดูเหมือนเจ้าดอกบัวขาวที่แสร้งทำตนเป็นคนดีมากกว่า 


 


 


แม้แต่ฮ่องเต้เองก็ยังทรงคิดไม่ถึงว่า สักวันหนึ่งตนเองจะถูกคนเห็นเป็นเช่นนี้ 


 


 


ฉากหลัง? 


 


 


เฮอะ! 


 


 


ดอกท้อที่งดงามเช่นนาง จะช้าเร็วเขาย่อมต้องเด็ดลงมาอย่างแน่นอน! 


 


 


ที่ครั้งนี้ยอมเสี่ยงอันตรายปล่อยเจ้าจิ้งจอกไปตัวหนึ่ง ถือเป็นความผิดพลาดของพระองค์เอง 


 


 


แต่ในสายตาของตู๋กูซิงหลัน เจ้าจิ้งจอกน้อยของตนเอง จะอย่างไรย่อมดีอยู่แล้ว 


 


 


นางนวดขมับ พอกวาดตาออกไป ก็เห็นจีเฉวียนเอ่ยขึ้นว่า “ซิงซิง ข้าก็ชอบกินลูกอม” 


 


 


ตู๋กูซิงหลัน “ไสหัวไป” 


 


 


แค่คำเดียว แต่ทั้งเย็นชา ทั้งหนักแน่น 


 


 


ตอนนี้นางไม่คิดจะต่อความกับจีเฉวียน เพียงต้องการจะไล่เจ้าสุนัขตัวนี้ออกไป หากมองมากไปก็ปวดหัว 


 


 


“ไม่ไป” จีเฉวียนส่ายศีรษะ “เจ้าขังข้า ทรมานข้าเถอะ คุกของแคว้นเหยียนข้าคุ้นเคยอยู่แล้ว ถือเสียว่ากลับมาเยี่ยมบ้านเก่า” 


 


 


ตอนที่ยังเยาว์วัย เขาจะอาศัยอยู่ในนั้น ถึงจะได้เข้าไปอีกครั้งก็ไม่เห็นเป็นอะไร 


 


 


ทางด้านแคว้นต้าโจว อีกหลายวันพระองค์ค่อยเสด็จกลับไปก็ได้  


 


 


หลงเซียวย่อมสามารถจัดการทุกอย่างได้เอง 


 


 


ตู๋กูซิงหลัน “……” 


 


 


ซูเยา “……” 


 


 


ซูเยาเคยคิดว่าตัวเองเป็นคนหน้าหนาพอตัวแล้ว แต่ตอนนี้ท่าทางจะเป็นครั้งแรกได้เจอคู่ปรับ 


 


 


เขาเป็นสนมอยู่ในวังหลังมานาน เคยเห็นแต่จีเฉวียนทำตัวสูงส่งไร้ยางอาย 


 


 


ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า เขาจะยอมลดตัวมาโดนฟาดโบยแล้วส่งเข้าคุก? 


 


 


ทันใดนั้นก็รู้สึกว่า ลูกอมในปากไม่หวานซะแล้ว 


 


 


……… 


 


 


ตอนที่พี่รองเดินเข้ามา เขาก็ได้ยินคำว่า “ขังคุก ฟาดโบย” 


 


 


 


 


 


เขาก้าวเข้ามาแล้ว แต่ก็อดไม่ได้ที่จะยั้งเท้า แล้วถอยหลังกลับ 


 


 


เขาเหมือนจะได้ยินอะไรที่ไม่สมควรเข้าแล้ว 


 


 


น้องเล็กจะเล่นสนุกอะไรนั้นก็ย่อมได้อยู่ แต่นี่ชักจะสนุกจนเกินไปแล้วหรือไม่….. 


 


 


เขากวาดตามองไป เห็นบุรุษถึงสองคน? 


 


 


ตอนนี้นางเป็นฮ่องเต้หญิง หากคิดจะโปรดปรานบุรุษบำเรอของตนเองอย่างไรก็ล้วนทำได้ทั้งนั้น…..เนื่องเพราะว่าคนที่เป็นฮ่องเต้ก็มักจะชวนสนมหลายๆคนมา ‘สนุก’ ด้วยกันอยู่แล้วมิใช่หรือ? 


 


 


ตู๋กูจุนมิใช่คนที่อยู่ในกรอบประเพณีอยู่แล้ว 


 


 


เรื่องอื่นนั้นยังไม่ถือเป็นปัญหา ที่เขาห่วงใยนั้นก็คือน้องเล็กอายุน้อยอยู่เลย ก็เล่นสนุกถึงเพียงนี้แล้ว…..รอจนอายุเพิ่มมากขึ้น ร่างกายจะยังไหวหรือ? 


 


 


มีหวังถูกสูบจนกลวงหรือไม่? 


 


 


เขาคิดไปคิดมาแล้ว ก็เปลี่ยนใจเป็นขยับเข้าไปแอบดูสักหน่อยดีกว่า 


 


 


จีเฉวียนประทับยืนหันหลังให้กับเขา เรือนร่างเพรียวโชลมไปด้วยโลหิต ตั้งแต่เอวขึ้นไปไม่มีส่วนใดที่เป็นไขมันส่วนเกินแม้แต่น้อย ถึงแม้ว่าจะชโลมไปด้วยเลือด แต่ก็ยังทำให้คนเกิดความรู้สึก……….อยากจะยึดครองเขาอย่างอธิบายไม่ถูก 


 


 


กลิ่นโลหิตลอยเข้าจมูก พุ่งเข้าไปถึงในสมอง 


 


 


ทันใดนั้นดวงตาที่ใสกระจ่างของเขา อยู่ๆก็เกิดหมอกสีเลือดขึ้นมาชั้นหนึ่ง 


 


 


ตู๋กูจุนรู้สึกว่าลำคอแห้งผาด เขาจดจ้องเงาหลังของจีเฉวียนอย่างใจลอย พลางเกิดความรู้สึกหิวกระหายขึ้นมา 


 


 


เป็นความรู้สึกกระหายเลือด! 


 


 


กลิ่นโลหิตสดใหม่จากร่างนั้นโชยเข้ามา และถูกสูดเข้าไปในอกแทบจะทันที 


 


 


เขาขยับเท้า ก้าวยาวๆเข้าไปข้างใน 


 


 


เดินตรงเข้าหาจีเฉวียนที่อยู่ตรงหน้า 


 


 


ตู๋กูซิงหลันคุ้นเคยกับการที่พี่รองของตนเองเข้ามาโดยไม่เคาะประตูอยู่แล้ว ตอนแรกจึงไม่ทันได้สังเกตถึงความผิดปกติ 


 


 


จีเฉวียนเหลือบพระเนตรมองมาครั้งหนึ่ง ก็เห็นตู๋กูเจวี๋ยมายืนอยู่ตรงเบื้องพระพักตร์ ยื่นศีรษะเข้ามา 


 


 


ตู๋กูเจวี๋ยรูปร่างบอบบาง ทั้งยังเตี้ยกว่าพระองค์หนึ่งดรรชนี ยามที่ฝ่าบาทกวาดพระเนตรไปก็มองเห็นกระหม่อมของเขาพอดี 


 


 


“หอมมากเลย…..” 


 


 


ทันใดนั้น ตู๋กูเจวี๋ยก็เงยหน้าขึ้นมา เผยอริมฝีปาก ทั้งยังยิ้มอย่างลึกลับชั่วร้ายใส่จีเฉวียน 


 


 


“เจ้าหอมมากเลยจริงนะ…..” เขายื่นจมูกไปสูดดมเป็นการใหญ่  


 


 


ยิ่งพอได้เห็นโลหิตสีแดงมากมายทั่วพระองค์ ก็ยิ่งกลืนน้ำลายอย่างอดใจไม่ไหว แลบลิ้นเลียริมฝีปากไปมา แววตามีแต่ความกระหาย 


 


 


ตู๋กูเจวี๋ยขยับเข้าไปใกล้อีกนิดจนใบหน้าแทบจะติดกับพระวรกายของจีเฉวียนอยู่แล้ว 


 


 


จากนั้นเขาก็ยื่นปากเข้าไปอย่างรวดเร็ว คิดจะเลียสักคำ 


 


 


ฮ่องเต้ทรงยกพระหัตถ์ขึ้นมายันเอาไว้ในทันที ทรงตะปบจับหน้าผากของเขาเอาไว้ ผลักออกไปอย่างปฏิเสธ 


 


 


เมื่อมีบทเรียนจากครั้งก่อน 


 


 


นอกจากตู๋กูซิงหลันแล้ว พระองค์ย่อมไม่ปล่อยให้ผู้ใดมาสัมผัสพระวรกายอีกต่อไป 


 


 


ต่อให้เป็นพี่ชายของนางก็ไม่ได้! 


 


 


ตู๋กูเจวี๋ยอารมณ์เสียขึ้นมาในทันที พยายามยื่นทั้งมือและเท้าออกไปจะโผเข้าไปหาพระองค์ 


 


 


แต่ช่างน่าเสียดายที่มือของเขากลับสั้นไปกว่าจีเฉวียนเล็กน้อย จะคว้าอย่างไรก็ยังคว้าได้ไม่ถึงร่างของพระองค์  


 


 


เขาหงุดหงิดคลุ้มคลั่งกว่าเดิม เพิ่มกำลังทั้งมือและเท้า ดวงตาก็กระเ**้ยนกระหือกว่าเก่า ปากก็ส่งเสียงพึมพำออกมาว่า “เจ้าหอมมากเลย มาให้ข้ากินสักคำ!” 


 


 


คำพูดเช่นนี้ฟังดูแล้วเหมือนจะ…..คลั่งรักอยู่บ้าง 


 


 


สีหน้าของตู๋กูซิงหลันและซูเยาต่างก็ทำหน้าพิกลไปในทันที 


 


 


ฝ่าบาท “เราไม่หอม เหม็นมาก ไม่ให้เจ้ากินแน่นอน!” 


 


 


ชิ……… 


 


 


ตู๋กูซิงหลันทำหน้าเบ้ไปในทันที 


 


 


ซูเยา “อาหลัน ที่แท้แล้วเป้าหมายของฮ่องเต้ก็คือพี่ชายของเจ้า” 

 

 

 


ตอนที่ 400 นางพรายทะเลลึก

 

แขนเสื้อที่หลวมกว้างปิดบังริมฝีปากทั้งสองเอาไว้ เผยให้เห็นแต่เพียงมุมปากข้างหนึ่งกำลังยกยิ้มอยู่ กระทั่งดวงตาจิ้งจอกทั้งคู่นั้นก็ยังเปี่ยมไปด้วยความสงสัย


ลูกอมในปากยังไม่ทันได้กลืนลงไปเลย แต่ร่างครึ่งหนึ่งของเขาก็เอนเข้าไปหาตู๋กูซิงหลันแล้ว


ในก้นบึ้งของแววตามีไอมารที่ไม่อาจกดเอาไว้กำจายออกมาจางๆ


ยามที่เขาสบโอกาสได้กระซิบลงไปที่ริมหูของตู๋กูซิงหลัน กระทั่งลมหายใจที่ปล่อยออกมาก็ยังหวานหอม


ตู๋กูซิงหลันถูกเขาเป่าหูจนรู้สึกคันยุบยิบอยู่บ้าง ซูเยาคงจะเกลียดจีเฉวียนมากสินะ แต่ความร้ายกาจเช่นนี้กลับถูกใจนาง


“พี่รองถูกคนจับจองเอาไว้แล้ว ไม่มีทางมีวาสนากับเขาหรอก” ตู๋กูซิงหลันตอบอย่างเรียบเฉยประโยคหนึ่ง เรียวขายาวๆก้าวออกไป จนถึงข้างกายตู๋กูเจวี๋ย


พระหัตถ์ของจีเฉวียนยังคงยันหน้าผากของเขาเอาไว้ ผลักออกไปให้ไกลที่สุด


หากว่าคลายมือออก คนบ้าผู้นี้มีหวังต้องพุ่งเข้ามากัดพระองค์แน่


ยามที่ตู๋กูซิงหลันมาถึง ตู๋กูเจวี๋ยยังคงยกมือวาดเท้าอย่างบ้าคลั่ง ทั้งเตะทั้งต่อยอย่างอุตลุด


นางกำลังจะยื่นมือเข้าไป จีเฉวียนกลับยื่นพระหัตถ์อีกข้างหนึ่งมากันนางเอาไว้


“อันตราย อย่าได้เข้ามาใกล้”


ทันทีที่ยื่นพระหัตถ์ข้างนั้นออกมา ตู๋กูเจวี๋ยก็สบโอกาส เขาเบี่ยงศีรษะ อ้าปากกัดลงไปคำหนึ่ง


กัดอย่างสุดชีวิต!


จนสามารถกัดเนื้อของจีเฉวียนลงไปได้คำหนึ่งก็ฉีกกระชากออกมาทั้งเนื้อและหนัง กลืนลงไปพร้อมกับเลือดในทันที


กลิ่นโลหิตยิ่งคลุ้งกระจายขึ้นมาในอากาศ


จีเฉวียนทรงอดทนรับเอาไว้ เพียงคำรามเสียงต่ำออกมาคำหนึ่ง


“หอมมากเลย….” ตู๋กูเจวี๋ยกลืนลงไปคำหนึ่งดวงตาก็เพิ่มพูนความกระหายเลือดยิ่งกว่าเดิม


เขาหัวเราะฮิฮะออกมา ท่าทางประหนึ่งต้องอาคมบางอย่าง


กลืนลงไปคำหนึ่งแล้ว เขาก็ยังพุ่งศีรษะเข้ามาจะกินอีกคำหนึ่ง


ตู๋กูซิงหลันคว้าหัวไหล่ของเขาเอาไว้ในคราเดียว ยันต์ในมือแผ่นหนึ่งถูกผนึกลงไปกลางแผ่นหลังแทรกเข้าสู่ร่างของเขาอย่างรวดเร็ว


ทันใดนั้นก็เห็นหมอกสีดำแดงกลุ่มหนึ่งถูกเค้นออกมาจากกลางหน้าผากของเขา


ผ่านไปอีกพักใหญ่ หมอกสีเลือดในดวงตาของตู๋กูเจวี๋ยถึงได้สลายตัวไป


เขาค่อยมีสติขึ้นมาบ้าง พอเห็นว่าตนเองกำลังคว้าแขนของบุรุษผู้หนึ่งเอาไว้ก็งุนงงจนตกตะลึงไป


กลิ่นอายบนร่างของบุรุษผู้นี้ให้ความรู้สึกที่ออกจะคุ้นเคยอยู่บ้าง…..


ในปากมีแต่กลิ่นคาวโลหิต แม้แต่ในลำคอก็ชุ่มไปด้วยเลือดที่เย็นจัดจนเข้ากระดูก แต่ไม่รู้ว่าทำไม เขาไม่เพียงไม่รู้สึกขยะแขยง…..แต่กลับรู้สึกว่าอยากจะกินอีกสักหน่อย


ตู๋กูเจวี๋ยนิ่งงันไปเนิ่นนานอย่างไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตนเอง


ตัวเขามีปัญหาที่เคยชินอย่างหนึ่งมาตั้งแต่เล็ก นั้นคือไม่กินเนื้อ


ตอนนั้นที่ถูกชือหลีจับขังเอาไว้ในคุกใต้ดินของอารามร้าง ทั้งๆที่หิวจนเกือบจะอดตายอยู่แล้วก็ยังไม่ยอมกินเนื้อกระต่ายแม้แต่ครึ่งคำ


แต่ว่าตอนนี้ตนเองกลับกิน…..เนื้อ


เนื้อคนดิบๆ?


บนหน้าผากของเขายังมีไอหมอกสีดำแดงถูกเค้นออกมาไม่หยุด รอจนเขาคืนสติขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว เนื้อที่กลืนผ่านลำคอลงไปอย่างไหลลื่นคำนั้นก็ลงไปในกระเพาะแล้ว


พอถึงตอนนี้ความรู้สึกคลื่นไส้อย่างรุนแรงก็ลุกลามไปทั้วตัว ตู๋กูเจวี๋ยสะบัดตัวออกจากจีเฉวียน วิ่งออกไปกอดเสาด้านข้างโก่งคออาเจียนออกมา


อาเจียนอยู่เป็นนาน กลับไม่มีอะไรอะไรออกมาทั้งสิ้น


แต่กลับเป็นว่ามือที่กอดเสาต้นนั้นเอาไว้ กลับมีเกล็ดดำๆงอกเงยขึ้นมา


สีหน้าของตู๋กูซิงหลัน จีเฉวียน และซูเยาทั้งสามเปลี่ยนไปในทันที


ถึงแม้ว่าเกล็ดบนมือของเขาจะปรากฏขึ้นมาเพียงชั่วแวบเดียวเท่านั้น แต่พวกเขาต่างก็เห็นมันอย่างชัดเจน


 


ตู๋กูเจวี๋ยมัวแต่วุ่นวาย จึงไม่ได้รู้สึกอะไรเลยแม้แต่น้อย เขาเอาแต่อาเจียนจนหน้าแดงก่ำ กระทั่งน้ำตาก็ไหลคลอออกมาอย่างน่าสงสาร


เนื้อชิ้นนั้นก็ยังไม่ยอมออกมา


“น้องเล็ก….”


เขามองดูตู๋กูซิงหลันที่ยืนอยู่ข้างๆอย่างอ่อนแรง จากนั้นก็ถามออกมาอย่างไม่เหลือภาพลักษณ์ว่า “เจ้าบอกหน่อยสิว่า นี่ข้าท้องแล้วหรือเปล่า?”


ตู๋กูซิงหลัน “เจ้าเป็นบุรุษ ท้องไม่ได้หรอก”


“แต่ว่าข้าเคยเห็นในหนังสือเรื่องประหลาดพวกนั้น มีเรื่องที่บุรุษตั้งท้องอยู่ด้วย…นี่เป็นเพราะว่าข้ากินอะไรที่ไม่ควรกิน ดื่มอะไรที่ไม่ควรดื่มลงไปหรือไม่?” เขากล่าวอย่างจริงจัง


จากนั้นเขาก็เหมือนกับว่านึกอะไรขึ้นมาได้ จึงหันไปจ้องมองจีเฉวียน


“หรือว่าเป็นเพราะเขา? ชายบำเรอคนใหม่ของเจ้าเป็นปีศาจ แบบที่พอกินเนื้อของเขาเข้าไปคำหนึ่งก็จะท้องขึ้นมาแบบนั้น!”


 


จีเฉวียนยังคงอยู่ในรูปโฉมที่ปลอมแปลงขึ้นมา ตู๋กูเจวี๋ยจึงจดจำไม่ได้


ตู๋กูซิงหลัน “……”


“ไม่มีเรื่องอะไรเช่นนั้นหรอก”


นางกล่าวเสียงเข้ม จากนั้นก็กวาดตาไปเหลือบมองจีเฉวียนที่อยู่ข้างๆแวบหนึ่ง เห็นพระหัตถ์ของพระองค์ยังคงมีโลหิตไหลนองไม่หยุด บริเวณที่โดนกัดเนื้อแหว่งไปชิ้นใหญ่


ทั้งๆที่เขาสามารถผลักพี่รองออกไปได้แท้ๆ แต่ว่ากลับไม่ได้ทำเช่นนั้น


พี่รองของตนเองนางย่อมรู้จักเขาดี เขาเป็นประเภทที่ไหล่ไม่อาจแบกหาม มือไม่อาจออกแรง อาศัยแต่ริมฝีปากเดินอาดๆไปทั่วหล้า


เขาไหนเลยจะมีพละกำลังมากระโดดกัดแขนของจีเฉวียน ฉีกเอาเนื้อไปกินคำหนึ่งได้กัน


พอคิดถึงหมอกสีดำแดงที่ถูกเค้นออกมาจากหน้าผากของเขา กับเกล็ดสีดำที่เกิดขึ้นบนหลังมือของเขาชั่วแวบหนึ่ง


แววตาของตู๋กูซิงหลันก็มืดครึ้มลงไปมากกว่าเดิม


เกล็ดชิ้นนั้น ไม่ใช่เกล็ดของงู


……………


 


ทะเลฝากตะวันตกของแคว้นเหยียน


เนื่องเพราะช่วงก่อนมีคนสามารถจับมนุษย์มัจฉาจากทะเลตะวันตกได้ ซ้ำยังขายออกไปจนได้ทองคำราคางาม


นั่นสามารถทำให้คนธรรมดามีกินมีใช้ไปจนชั่วชีวิตเชียวนะ!ใครบ้างจะไม่อิจฉาจนตาแดงก่ำเล่า?


ดังนั้นช่วงนี้ รอบๆบริเวณทะเลตะวันตกจึงเกิดกระแสจับมนุษย์มัจฉาขึ้นมา


ทั้งชาวประมง พ่อค้า และกระทั่งเหล่านักพรตต่างก็ยกกระบวนกันมา


ทุกส่วนของมนุษย์มัจฉาล้วนล้ำค่า แน่นอนว่ามีประโยชน์มหาศาลต่อผู้ฝึกตน ในเมื่อมีโอกาสอันดีเช่นนี้พวกเขาย่อมต้องไม่ยอมปล่อยไปโดยง่าย


ถึงแม้ว่าจะดึกดื่นค่อนคืนแล้ว บนผิวน้ำของทะเลตะวันตกก็ยังคงมีเรือหาปลาขนาดใหญ่หลายสิบลำลอยอยู่ บนเรือประมงจุดคบเพลิงเอาไว้ เรือล่องลอยไปตามผิวน้ำเรื่อยๆ


ที่จริงชาวเรือที่หาปลาในทะเลตะวันตกมีข้อห้ามที่สืบทอดกันมาข้อหนึ่ง


นั่นคือไม่ออกทะเลหลังอาทิตย์ตกดิน


เพราะเล่าขานกันมาว่าในทะเลมีนางพราย พอถึงยามค่ำก็จะออกมาล่อลวงเรือที่ผ่านไปพบเข้า ผู้คนที่ผ่านเข้ามาต่างก็ไม่อาจต้านทานความลุ่มหลงต่อนางพราย สุดท้ายแล้วคนบนเรือทั้งลำก็จะต้องจมลงไปในทะเล กลายเป็นอาหารของนางพราย


แต่เพราะว่าตอนนี้เกิดกระแสจับมนุษย์มัจฉาขึ้นมาอย่างร้อนแรง ผู้คนจึงไม่สนใจไยดีว่าเรื่องนี้ยังเป็นอาถรรพ์อยู่หรือไม่


ถึงแม้ว่ามืดค่ำแล้วก็ยังลอยเรืออยู่บนทะเลกันต่อไป


“เหนื่อยยากกันมาตั้งหลายวันแล้ว แม้แต่เงาของมนุษย์มัจฉาสักตนก็ยังไม่มีให้เห็น ช่างอัปโชคเสียจริง! นี่มันความซวยอันใดกัน!”


เหน็ดเหนื่อยติดต่อกันมานานหลายวัน มีผู้คนที่หงุดหงิดมากแล้วอยู่ไม่น้อย


อากาศกลางฤดูร้อนในท้องทะเล มีแต่ลมชื้นๆหนักๆอยู่ตลอด พอสูบเข้าคอไปนานๆ ก็รู้สึกว่าเหนอะหนะ ไม่สบายไปหมด


“จะรีบร้อนไปทำไม แค่จับได้สักตัวก็จะมีเงินพอใช้ไปทั้งชีวิต นี่มันย่อมต้องใช้ความอดทนรอคอยอยู่แล้ว”


บนเรือมีเสียงพึมพำขึ้นมาอย่างไม่ขาดสาย แม้เรือจะโคลงเคลงไปมา แต่ทุกลำก็ยังคงมุ่งหน้าไปทางทะเลลึก


ฟังมาว่ามนุษย์มัจฉาตัวนั้นถูกจับมาได้ในยามกลางดึกเช่นนี้นี่เอง


พอคิดว่าขอแค่จับได้สักตัวก็พอแล้ว ผู้คนต่างก็พยายามอดทนเอาไว้ มุ่งหน้าพายเรือกันต่อไป


กระทั่งเสื้อผ้าเปียกชื้นลีบติดตัว


คลื่นที่มากระแทกกับเรือยิ่งรุนแรงกว่าเดิม เบื้องหน้ามีแต่ความดำมืดอยู่ตลอด เหมือนกับหลงทางอยู่ในหมอกหนา ที่เป็นดังปากขนาดยักษ์ของปีศาจที่กำลังกลืนกินผู้คนเข้าไป


ท่ามกลางหมอกทึบนั้น บนก้อนหินสีดำขนาดใหญ่ที่ลอยอยู่เหนือน้ำ มีเงาร่างที่งดงามร่างหนึ่ง


ทั้งผ่ายผอม และเหยียดยาว


เงาร่างของคนผู้นั้นนั่งอยู่บนก้อนหิน ดวงตาทั้งสอง มองผ่านหมอกที่หนาทึบ จับจ้องไปยังเรือหาปลาที่ยิ่งทียิ่งเข้ามาใกล้


ครู่ต่อมา ก็ได้ยินเสียงเพลงที่ไพเราะจับใจลอยออกมาจากหมอกหนากลุ่มนั้น

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)