หมอดูยอดอัจฉริยะ 389-390

 ตอนที่ 389 หัวหน้าเซวีย

โดย

Ink Stone_Fantasy

ในเมืองหลวงตำแหน่งข้าราชการย่อมสูงกว่าเมืองอื่นหลายเท่าตัว ถ้าเป็นเมืองชนบททั่วไป หัวหน้าแผนกที่มีการแบ่งมากที่สุดคือ ระดับเขต แต่เสิ่นหมิงซินดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าเขต


แม้ว่าสถานีตำรวจจะขึ้นตรงกับรัฐบาล แต่ยังมีแผนกพิเศษอื่นที่มีอำนาจนอกเหนือ หัวหน้าเลขาเจียวยังไม่มีสิทธิ์ไปตรวจสอบการทำงานของเสิ่นหมิงซินเลย


เสียงที่ไม่คุ้นเคยที่ตะโกนออกมาว่าให้พักงาน ทำให้ทุกคนที่นั้นตื่นตกใจ มองหาที่มาของเสียงกันใหญ่


คนที่พูดเป็นชายวัยกลางคนอายุประมาณ 45-46 ปี หน้าตาธรรมดาแต่ด้วยท่าทางนั้นดูเหมือนเขาน่าเกรงขาม คงจะเป็นคนที่มักออกคำสั่งผู้อื่นอยู่เสมอ


ข้างๆ ชายวัยกลางคนมีชายสูงวัยอายุราวหกสิบปียืนอยู่ รูปร่างเตี้ย ผมขาวโพลน แต่นัยน์ตาคมกริบจนทำให้ผู้ที่เผลอสบสายตาด้วยรู้สึกหวาดเกรงน่าขนลุก


เบื้องหลังคนทั้งสองยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบอีกเจ็ดแปดคน อายุประมาณสี่ห้าสิบปี บนบ่าของเจ้าหน้าที่มีดาวประดับทุกคน ตำแหน่งนั้นสูงกว่าเสิ่นหมิงซินแน่นอน


“ผู้การโต้ว? ท่านมาได้ยังไง?”


พอเห็นชายมีอายุผมขาว ผู้การเฮ่อรีบรุดเข้าไปต้อนรับ คำพูดของเขาทำให้ตำรวจทุกคนในที่นั้นตกตะลึงเพราะว่าผู้การโต้วท่านนี้เป็นพี่ใหญ่สุดในสายงานตำรวจท้องที่ในเมืองปักกิ่ง ทั้งยังควบตำแหน่งรองผู้การเข้าด้วย


ความจริงแล้วในใจเสิ่นหมิงซินไม่ได้หวาดเกรงผู้การเฮ่ออย่างที่แสดงออก เพราะผู้การเฮ่อยังไงก็ต้องไว้หน้าผู้ที่ยืนอยู่ด้านหลังของตัวเองบ้าง แม้จะรู้สึกว่าโชคดี แต่ตอนนี้ความหวาดกลัวเริ่มเข้าครอบงำ


ก้าวถอยหลังไปก้าวหนึ่ง หัวหน้าเสิ่นหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เหตุการณ์ตรงหน้าเขารับมือไม่ไหวแล้ว จึงใช้โทรศัพท์โทรออก แล้วเสิ่นหมิงซินก็อุทานอย่างตกใจ เพราะว่าแบตเตอรี่โทรศัพท์หมดเกลี้ยง


“เสี่ยวเฮ่อ นายก็อยู่ด้วยเหรอ”


ผู้การโต้วพยักหน้าให้ผู้การเฮ่อทีหนึ่ง แล้วเอ่ยต่อว่า “เลขาจาง ได้ยินที่หัวหน้าเซวียพูดแล้วหรือยัง นำตัวเสิ่นหมิงซินไปสอบสวนปัญหาที่เกี่ยวข้อง”


คำสั่งของผู้การโต้วจบ ทุกคนแทบไม่กล้าหายใจ สายตาทุกคู่จับจ้องไปที่ชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้างเขา พลางคาดเดาสถานะของเขา


“หัวหน้าเซวีย?”


หัวหน้าเลขาเจียวเห็นเขาเข้า ตอนแรกไม่คิดว่าจะเป็นคนที่เคยรู้จัก เมื่อหัวหน้าโต้วเอ่ยปาก ก็รีบเข้าไปรับหน้า เดินยื่นมือทั้งสองออกให้แต่ไกล


 “หัวหน้าเซวีย ผมเป็นสมาชิกประจำเมืองปักกิ่งเจียวฉีกุ้ย เรื่องนี้ทำให้ท่านตกใจแล้ว?” ท่าทางพินอบพิเทาของเลขาเจียว แม้แต่ตอนที่พบกับเลขารัฐบาลประจำเมือง เขายังไม่แสดงความเคารพมากขนาดนี้


หัวหน้าเซวียยื่นมือออกไปจับทักทายกับหัวหน้าเลขาเจียว แล้วพูดต่อว่า “หัวหน้าเลขาเจียว ท่านผู้บัญชาการท่านกังวลกับเรื่องนี้มาก สถานีตำรวจในเมืองหลวงยังไงก็เป็นตัวแทนของการบังคับใช้กฎหมายในประเทศ ดังนั้นคนที่จะมาบ่อนทำลายกฎหมายก็คงต้องกำจัดให้ออกไปจากกองบังคับการตำรวจนะ!”


หัวหน้าเซวียพูดเสียงค่อย แต่ทุกถ้อยคำกลับทำให้เสิ่นหมิงซินที่กำลังส่งมอบปืนพกออกไปนั้นยิ่งหมดกำลังใจ ไม่รู้ว่าหัวหน้าเซวียคนนี้โผล่มาจากไหน ดูช่างร้ายกาจเสียจริง คำพูดเหล่านั้นเหมือนกับบีบบังคับให้เขายอมรับผิด


ถ้าไม่ได้ฝากความหวังไว้กับหัวหน้าชายชราแล้วล่ะก็ เสิ่นหมิงซินตอนนี้คงชักปืนสู้เพื่อหลบหนีแล้ว


ในที่นั้นผู้การโต้วตำแหน่งใหญ่ที่สุด จากคำแนะนำของหัวหน้าเซวีย ผู้การโต้วพูดขึ้นว่า “หัวหน้าเซวียโปรดวางใจ พวกเราจะต้องชี้แจงให้ผู้บังคับบัญชาฟังอย่างชัดเจน ท่านดูสิ ตอนนี้ควรจะปล่อยตัวผู้ที่ถูกขังอยู่ออกมาก่อนดีไหม?”


หัวหน้าเซวียพยักหน้า พูดต่อว่า “อืม คนที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปก่อนเถอะ ปล่อยคนที่อยู่ข้างในออกมา!”


หลังจากหัวหน้าเซวียพูดจบ ตำรวจที่มุงดูอยู่โดยรอบก็วงแตก วันนี้ฉากใหญ่น่าดูเสียจริง แต่ถ้ายังหลงอยู่ต่อเดี๋ยวอาจจะถูกหัวหน้าเพ่งเล็ง แล้วก็คงจะไม่มีโอกาสได้ลืมตาอ้าปากกันพอดี


เสิ่นหมิงซินที่กำลังจะถูกเลขาจางนำตัวไปรู้สึกไม่ยินยอมจึงได้ตะโกนออกมาว่า “ผู้การโต้ว หวงซือจื้อแห่งบ้านตระกูลหวงก็อยู่ในนั้น ผมอยากช่วยพวกเขาออกมาถึงได้ทำแบบนี้!”


“หวงซือจื้อ? ทำไมเขาถึงอยู่ข้างใน?”


ผู้การโต้วได้ฟังก็อึ้งไป บ้านตระกูลหวงพินาศไปแล้ว แต่หนอนร้อยขาต่อให้ตายแล้วก็ไม่เน่าเปื่อย หมายถึงตอนนี้ยังมีผู้ใหญ่มีอำนาจบางคนยังคงนึกถึงสายสัมพันธ์ครั้งก่อน จึงอาจจะยังให้ความช่วยเหลือเขาอยู่


 “เรื่องเป็นอย่างนี้ครับ หวงซือจื้อมาแจ้งความว่าเขาถูกคนชื่อเยี่ยเทียนทำร้าย พวกเรารับคดีแล้วก็เรียกตัวนายเยี่ยเทียนมาสอบสวนเพิ่มเติม ใครจะไปนึกว่าเยี่ยเทียนจะลงมือทำร้ายคนอีก แล้วก็ขังเอาหวงซือจื้อกับตำรวจอีกหลายคนไว้ข้างใน”


เห็นท่าทีลังเลของผู้การโต้ว เสิ่นหมิงซินคิดว่านี่คงเป็นโอกาสเดียวของเขา จึงรีบเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นออกมา โดยที่ไม่ได้ปรับเสริมเติมแต่งใดๆ


“แค่เรียกมาสอบถามหรือ ไม่ได้สอบในห้องสอบสวนหรือ?”


หัวหน้าโต้วยังไม่ทันพูดอะไร หัวหน้าเซวียชิงถามขึ้นมา “นอกจากหวงซือจื้อเป็นเจ้าทุกข์แล้ว ทำไมเขายังมาปรากฏตัวตอนที่เยี่ยเทียนถูกสอบสวนอีกเล่า? คงไม่ใช่เพราะมีใครใช้อำนาจส่วนตัวหรอกนะ?”


สายตาเฉียบคมของหัวหน้าเซวียมองเห็นประเด็นปัญหาอย่างชัดเจน ทำเอาแผนการของหัวหน้าเสิ่นกับสารวัตรอู๋ถูกเปิดโปงออกมา จนเสิ่นหมิงซินพูดไม่ออก


ดูจากท่าทีไม่ไว้หน้าของหัวหน้าเซวียแล้ว ผู้การโต้วคิดว่าเรื่องนี้คงจบไปไม่สวยแน่ จึงโบกมือบอกปัด “เอาเถอะ เสี่ยวเสิ่น ทำผิดไม่กลัว แต่ต้องอธิบายความผิดมาให้ชัดเจน ไปกับเลขาจางเถอะ”


ตอนที่ผู้อาวุโสตระกูลหวงยังมีชีวิตอยู่ ผู้การโต้วจำเป็นต้องเห็นแก่หน้าท่านผู้เฒ่าด้วย แต่ตอนนี้ตระกูลหวงแทบจะสูญสิ้นแล้ว เทียบไม่ได้กับคนที่ยืนอยู่เบื้องหลังของหัวหน้าเซวีย


ได้ยินที่ผู้การโต้วพูดจบ เสิ่นหมิงซินถึงกับหน้าถอดสี อย่างกับว่าแก่ลงไปอีกสิบกว่าปีในชั่วพริบตา เดินกระแทกส้นตามหลังเลขาจางออกไป


ในขณะเดียวกัน ประตูห้องสอบสวนถูกเปิดออกจากด้านนอก บรรยากาศภายในทำให้ผู้ที่ไม่เคยดูกล้องวงจรปิดอย่างผู้การทั้งหลายและหัวหน้าเลขาตกตะลึง


ชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้สอบสวน ส่วนตำรวจคนอื่นยืนกระสับกระส่ายอยู่ชิดผนังห้อง บนพื้นมีร่างของอีกสองคนนอนอยู่ ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย


เมื่อเห็นประตูใหญ่ถูกเปิดออก สารวัตรอู๋ถือปืนไว้ในมืออย่างกระหยิ่มใจ บุกก้าวเข้าไปในห้องโดยที่ไม่ได้ดูให้ดีก่อน พร้อมกับตะโกนว่า “ขัดขืนการจับกุม ทำร้ายเจ้าหน้าที่ รีบจับตัวเยี่ยเทียนไว้เดี๋ยวนี้”


“เหลวไหลทั้งเพ นายเป็นใคร?!”


น้ำเสียงเด็ดขาดของผู้การโต้วทำให้สารวัตรอู๋อึ้งไป สายตาเหลือบไปเห็นฝ่ายตรงข้าม อดไม่ได้ที่จะบ่นออกมา นายใหญ่ของเมืองหลวง เขาไม่รู้จักได้ยังไง?


 “รายงานท่านผู้การโต้ว ตอนที่พวกเรากำลังดำเนินการสอบสวน อยู่ๆ ก็มีผู้ต้องสงสัยบุกเข้ามาทำร้ายเจ้าหน้าที่ กำลังเตรียมดำเนินการอยู่ครับ!”


สารวัตรอู๋ก็เป็นถึงระดับหัวหน้า คำพูดที่ใช้ในราชการพูดจนติดปาก ตอนนี้เขายังประติดประต่อเรื่องไม่ได้ว่าการที่ผู้การโต้วมาปรากฎตัวที่นี่เกี่ยวอะไรกับเยี่ยเทียน


“ใครสั่งให้แกใช้ปืน? ปืนของตำรวจมีไว้ต่อสู้กับประชาชนหรือยังไง?”


รูปร่างของผู้การโต้วแม้จะไม่สูงใหญ่ แต่พอตะโกนออกมาเสียงดังก้องจนหูชา รวมถึงสารวัตรอู๋ที่ยืนตัวค้างอยู่ตรงนั้น เขาไม่รู้ว่าสิ่งที่เขารายงานไปมีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า?


“ปลดอาวุธเขาออกมา พาตัวไปให้ปากคำ ดูสิว่าได้ไปใช้อำนาจในทางมิชอบรึเปล่า”


ฟังคำสั่งของลูกพี่แล้ว ผู้การเฮ่อโบกมือ เจ้าหน้าที่ต่างก็ล้อมเข้ามา คว้าปืนมาจากมือของสารวัตรอู๋แล้วนำตัวสารวัตรที่เหงื่อโชกออกไป


“พวกนายเป็นใคร?” หวงซือจื้อออกมาจากห้องสอบสวนเห็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงยืนอยู่ตรงหน้าประตู


“นายเป็นหลานบ้านตระกูลหวงใช่ไหม? ทำไมไม่รู้จักสงบเสงี่ยมเจียมตัวบ้าง” ผู้การโต้วมองดูหวงซือจื้อแล้วกล่าวต่อว่า “พาเขาไปอีกห้อง”


หวงซือจื้อไม่ได้ขัดขืน เขาเหลือบไปเห็นหูจวินอยู่ท่ามกลางกลุ่มคน คิดในใจว่า สถานการณ์แบบนี้ต้องเกิดขึ้นเพราะหงจวินแน่ แต่เขาไม่หวั่น  ถ้าเสิ่นหมิงซินเส้นใหญ่ไม่พอ เขายังสามารถอาศัยบารมีจากคนอื่นได้


“เยี่ยเทียน นายไม่เป็นไรนะ?”


หงจวินเห็นเยี่ยเทียนเดินออกมาก็รีบเข้าไปหา “ฉันผิดเองที่ไม่ได้จัดการเรื่องนี้ให้ดีตั้งแต่แรก ทำให้เจ้าหวงซือจื้อนั่นยังแค้นนาย!”


“ไม่เป็นไร”


เยี่ยเทียนพยักเพยิดให้หูจวิน ชี้ไปที่คนพวกนั้นว่า “สองคนที่นอนอยู่กับพื้นนั่นจะเอากระบองตีฉัน แต่ไม่ระวังเลยโดนตีเข้าใส่ตัวเอง ส่วนพวกที่เหลือ อืม ไม่เป็นอะไรมาก”


เมื่อเยี่ยเทียนเห็นหูจวินกับคนอื่นภายนอกห้องสอบสวน เขาก็รู้ว่าตัวเองน่าจะปลอดภัยแล้ว ตัวเขาเองก็ไม่อยากทำให้เรื่องราวบานปลาย  เพราะว่าตำรวจชั้นผู้น้อยเหล่านั้นแค่ทำตามคำสั่ง ไม่ได้ทำผิดอะไรร้ายแรง


เยี่ยเทียนพูดจบ พวกตำรวจมองดูสารวัตรถูกนำตัวไป ก็รู้สึกโล่งใจ เมื่อครู่ตรงจุดที่โดนตีก็ไม่ค่อยรู้สึกเจ็บแล้ว จึงมองเยี่ยเทียนด้วยสายตาขอบคุณและเป็นมิตรขึ้น


“ตีตัวเองเนี่ยนะ?”


คำบอกเล่าของเยี่ยเทียนทำให้ตำรวจพวกนั้นได้แต่ยิ้มแห้ง เจ้าหนุ่มนี่ช่างแถจริงๆ? ใครมันจะบ้าเอาไม้กระบองตีตัวเองจนสลบ?


แต่การมาของพวกเขาครั้งนี้ก็เพราะเยี่ยเทียนคนเดียว แน่นอนว่าไม่กล้าเปิดโปงการตบตาของเยี่ยเทียน ต่างก็มองกันไปมาแล้วยิ้มแหย


ผู้การโต้วเห็นเยี่ยเทียนไม่ได้รับบาดเจ็บ ดวงหน้าที่เครียดขึงก็ผ่อนคลายลง พูดว่า “เอาล่ะ นำคนเจ็บส่งโรงพยาบาล ส่วนคนอื่นให้บันทึกปากคำไว้ก็พอ”


“นายคือเยี่ยเทียนรึ?” หัวหน้าเซวียมองเยี่ยเทียนด้วยความสนใจ พูดต่อว่า “ผู้การโต้ว เราไปคุยกันที่อื่น?”


“ได้ ไปที่ห้องประชุมแล้วกัน”


ผู้การโต้วพยักหน้า ทันใดนั้นก็มีคนออกมาเดินนำทาง คนนั้นก็คือรองหัวหน้าผู้คุมแผนกลงทัณฑ์ที่กำลังจะถูกปลดนั่นเอง


“เอ้อ นายไม่ต้องตามมา”


ตอนที่หูจวิน ผู้การจ้าวที่หูจวินพามาและเยี่ยเทียนกำลังเดินไปที่ห้องประชุม รองหัวหน้าผู้คุมก็ถูกคนสนิทของหัวหน้าเซวียห้ามไว้


……..


ตอนที่ 390 ไม่มีสิทธิ์มาสั่งสอน

โดย

Ink Stone_Fantasy

“หัวหน้าเลขาเจียว ผมเป็นเพื่อนกับเยี่ยเทียน พ่อของผมคือตระกูลหง!”


แม้จะรู้จักตำแหน่งของทุกคนจากผู้การจ้าวแล้ว หงจวินเองก็รู้จักหัวหน้าเลขาเจียวอยู่แล้ว เพราะเลขาเจียวเป็นหัวหน้าระดับสูงในกองทัพ เขาเองต้องรู้จักพ่อของหงจวินเช่นกัน


หัวหน้าเลขาเจียวยังไม่ทันเอ่ยปาก  หัวหน้าเซวียมองหงจวินอย่างแปลกใจ แล้วพูดว่า “อ๋อ? เป็นลูกชายของผู้บังคับบัญชาหงนี่เอง งั้นตามมาด้วยกันเถอะ”


“พี่หง ฝ่ายไหนเป็นคนของพี่กันแน่?”


เยี่ยเทียนที่เดินตามหลังแอบกระซิบถามหงจวิน เหตุการณ์ตรงหน้าทำเขาสับสนไปหมด เหมือนกับว่านอกจากหงจวิน ถังเหวินหยวนแล้ว ยังมีคนอื่นที่เยี่ยเทียนยังไม่รู้จักอีก


“คนข้างหลังที่ฉันพามาด้วยคือผู้การจ้าว เยี่ยเทียน ต้องขอโทษจริงๆนะ ฉันเพิ่งมาถึงปักกิ่ง ยังรู้จักคนไม่เยอะ”


หงหจินหน้าแดงตอบคำถามเยี่ยเทียน วันนี้เขาช่วยเยี่ยเทียนไม่ได้ แม้แต่ผู้การจ้าวที่เขาพามายังถูกห้ามไว้ไม่ให้เข้าไปในห้องประชุม


“พี่หง พูดอะไรอย่างนั้นเล่า พี่ยอมมาก็เพราะเห็นผมเป็นเพื่อน” เยี่ยเทียนหัวเราะ บุ้ยปากไปทางคนที่เดินอยู่ข้างหน้าว่า “คนพวกนั้นเป็นใครกัน?”


“นายไม่รู้เหรอ?”


หงจวินแปลกใจ บทสนทนาเมื่อครู่ทำให้เขารู้ว่า คนพวกนี้มาที่นี่เพื่อเยี่ยเทียน แต่กลายเป็นเยี่ยเทียนไม่รู้จักสักคน


เยี่ยเทียนยิ้มแหยตอบว่า “ผมโทรศัพท์หาเหล่าถัง จะไปรู้ได้ยังไงว่าอยู่ๆก็มีคนมาเยอะขนาดนี้?”


“ชายที่ใส่สูทอายุประมาณห้าสิบกว่านั่นเป็นหัวหน้าเลขาประจำเมืองหัวหน้าเจียว ส่วนคนที่เดินด้วยกันคือผู้การเฮ่อ…”


ตอนแรกหงจวินก็ไม่รู้จักคนเหล่านี้ แต่เมื่อครู่ผู้การจ้าวได้แนะนำไปแล้ว “แล้วก็คนผมขาวเป็นหัวหน้าผู้การแห่งนครปักกิ่ง แล้วก็เป็นรองหัวหน้าภาคส่วนด้วย แต่คนข้างๆเขาหัวหน้าเซวียนั่น ฉันไม่รู้จัก”


วันนี้ในบรรดาผู้ที่ปรากฏตัวทั้งหมด คนที่มีอิทธิพลใหญ่ที่สุดคือหัวหน้าเซวีย คือผู้การทั้งหลายมาให้การต้อนรับด้วยตัวเอง อีกทั้งหัวหน้าเลขาเจียวยังให้ความเคารพอย่างสูง สถานะของคนๆนี้ต้องไม่ธรรมดามากแน่นอน


หงจวินคอยติดตามข่าวสารอยู่ตลอด แต่เขายังไม่เคยได้ยินชื่อหัวหน้าเซวียมาก่อนเลย จึงรู้สึกอึดอัดใจมาก


“ผมโทรศัพท์หน่อย!”


เยี่ยเทียนขี้เกียจจะเดา ห้องประชุมอยู่ทางปีกซ้ายชั้นสองของตึกบัญสำนักงานหลังใหญ่ ใช้เวลาเดินไปเพียงไม่กี่นาที เยี่ยเทียนเดินช้าลงเพื่อรั้งท้าย แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา


“เยี่ยเทียน ไม่เป็นไรแล้วนะ? ฉันโทรหาเลขารัฐบาลประจำเมืองปักกิ่งคนหนึ่ง พวกเขาน่าจะยังไว้หน้าเหล่าถังคนนี้อยู่บ้าง” เสียงของถังเหวินหย่วนดังออกมาจากหูโทรศัพท์ ถ้าเยี่ยเทียนโทรศัพท์มาหาเขาตอนนี้ได้แสดงว่าเยี่ยเทียนปลอดภัยแล้ว


“ไม่เป็นไรแล้ว เหล่าถัง ขอบคุณมาก!” ได้ยินอย่างนี้ เยี่ยเทียนนึกถึงหัวหน้าเลขาเจียวทันที น่าจะเป็นเขานี่แหละที่เป็นเส้นสายของถังเหวินหย่วน


“เกรงใจอะไรกับฉันนักหนา? ใช่ละ ฉันว่าอีกไม่กี่วันจะพาเสี่ยวเสวี่ยไปพักที่บ้านเธอสักพัก”


คนอายุขนาดถังเหวินหย่วน หน้าไม่ได้แค่ด้านธรรมดาแล้ว เพิ่งจะช่วยเหลือเยี่ยเทียนเสร็จ ก็รีบทวงบุญคุณเสียแล้ว


“ช่วงนี้ไม่ว่าง อีกไม่นานผมจะไปจากปักกิ่งแล้ว รอผมกลับมาแล้วค่อยว่ากัน”


เยี่ยเทียนไม่ใช่คนว่าง่ายสักเท่าไหร่ พูดจบก็ตัดสายทิ้งทันที ทำเอาผู้เฒ่าถังโมโหต่อว่าใส่โทรศัพท์ว่าเยี่ยเทียนลืมบุญคุณ


เห็นเยี่ยเทียนคุยกับถังเหวินหย่วนอย่างสนิทชิดเชื้อ หงจวินแอบแลบลิ้น ตาแก่นั่นแม้ไม่มีตำแหน่งทางราชการ แต่ในวงการพ่อค้าเชื้อสายจีนกลับมีบารมีมาก คงไม่มีใครกล้าคุยกับเขาแบบที่เยี่ยเทียนคุยอีกแล้ว


เมื่อมาถึงห้องประชุมชั้นสอง เยี่ยเทียนเดินเข้าไปข้างหัวหน้าเลขาเจียวพูดว่า “หัวหน้าเลขาเจียว ต้องขออภัยจริงๆนะครับ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ต้องลำบากท่านมาถึงที่นี่ เมื่อครู่เหล่าถังบอกแล้วว่าครั้งหน้าที่เขามาปักกิ่ง เขาจะต้องมาขอบคุณท่านด้วยตัวเอง!”


สายสัมพันธ์ของเหล่าถังจะให้เสียเปล่าไม่ได้ ส่วนเหล่าถังมาปักกิ่งแล้วจะไปหรือไม่ไปหาหัวหน้าเลขาเจียวนั้น เยี่ยเทียนก็ไม่รับรู้ด้วยแล้ว


เยี่ยเทียนกล่าวขอบคุณแทนถังเหวินหยวน หัวหน้าเจียวยิ่งทำท่าเกรงอกเกรงใจ รีบตอบว่า “ท่านถังเกรงใจไปแล้ว เสี่ยวเยี่ย เดี๋ยวช่วยฝากคำทักทายจากฉันและเลขาหลี่ไปถึงท่านถังด้วยนะ ว่าฉันยินดีต้อนรับท่านมาที่ปักกิ่ง!”


เบื้องหลังเบื้องลึกของเรื่องนี้ นอกจากถังเหวินหย่วนแล้ว ยังมีอีกคนที่มีตำแหน่งสูงกว่า เพราะว่าเห็นแก่หน้าเขาคนนั้นหัวหน้าเลขาเจียวจึงไม่กล้าวางท่าใส่เยี่ยเทียน


“เหล่าถังไหน?” บทสนทนาของเยี่ยเทียนกับหัวหน้าเจียวทำให้หัวหน้าเซวียนิ่งค้างจนหันกลับมาถาม


“คือท่านถังเหวินหย่วนจากฮ่องกง ที่ได้โทรศัพท์ไปหาเลขาหลี่แล้ว” เมื่อครู่ผู้การโต้วได้คุยกับหัวหน้าเลขาเจียวหลายประโยค แต่กลับรู้เรื่องทั้งหมด


“เอ๋? เขายังรู้จักกับถังเหวินหย่วนด้วย?”


หัวหน้าเซวียหันไปจ้องมองเยี่ยเทียน ยิ่งรู้สึกสงสัยหนักขึ้นไปอีก เขาติดตามหัวหน้ามาเป็นสิบปีแล้ว ยังไม่เคยเห็นหัวหน้าใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวกับเรื่องแบบนี้เลย


“หัวหน้าเลขาเจียว ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมจะขอตัวก่อน ที่บ้านยังมีเรื่องรอให้สะสางอยู่อีกเยอะ”


เยี่ยเทียนกับหัวหน้าเลขาเจียวสนทนากันครู่ใหญ่แล้ว อยู่ๆเยี่ยเทียนก็ขอตัวกลับบ้าน ทำให้หัวหน้าเซวียไม่ค่อยชอบใจนัก เจ้าหนุ่มนี่เห็นท่านผู้การโต้วเป็นอะไร ถึงไม่ให้เกียรติท่านเท่าที่ควร?


เห็นท่าทางฮึดฮัดของหัวหน้าเซวีย ผู้การโต้รีบพูดว่า “เสี่ยวเยี่ย อย่าเพิ่งรีบไป นั่งลงก่อน เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ให้ฟังหน่อย”


เยี่ยเทียนยิ้ม ไม่ได้เกรงใจท่านนัก นั่งลงที่เก้าอี้ตัวใกล้แล้วเริ่มเล่า “ผู้การโต้วครับ ความจริงไม่มีอะไรมาก ผมกับ   หวงซือจื้อมีปัญหาทะเลาะกันนิดหน่อย แล้วเขาก็ไปเรียกตำรวจมาจับผม ตอนที่กำลังสอบปากคำอยู่ มีตำรวจสองคนไม่ระวังไปจับโดนไม้ช็อตไฟฟ้าเข้า เรื่องก็มีแค่นี้เอง”


“เจ้าเด็กนี่ช่างกะล่อนจริง!”


เยี่ยเทียนเล่าไปแบบนั้น คนอื่นต่างไม่เห็นด้วย อายุยังน้อยแต่ปลิ้นปล้อนกลับกลอก ยังไงก็ไม่ยอมรับว่าตำรวจสองคนนั้นถูกตัวเองทำร้ายจนสลบเหมือด


“เสี่ยวเยี่ย นายวางใจเถอะ เรื่องนี้เราจะสอบสวนให้ถึงที่สุด” ผู้การโต้วพยักหน้า ถามหัวหน้าเซวียว่า “หัวหน้าเซวีย ยังมีอะไรเพิ่มเติมอีกไหม?”


มาถึงตอนนี้ ผู้การโต้วไม่ทราบเลยว่าเยี่ยเทียนกับหัวหน้าเซวียเกี่ยวข้องอะไรกัน เยี่ยเทียนคนนี้สามารถทำให้ทั้ง     ถังเหวินหย่วนแห่งฮ่องกงและหัวหน้าเซวียออกหน้าได้ ในใจรู้สึกสงสัยหนักขึ้น


“เยี่ยเทียน ท่านประธานาธิบดีซ่งฝากฉันมาบอกเธอว่า ต้องเป็นคนซื่อสัตย์ ทำอะไรก็ต้องซื่อตรง!”


คำพูดของหัวหน้าเซวียทำให้ทั้งผู้การโต้วและหัวหน้าเลขาเจียวโล่งใจ เป็นท่านประธานาธิบดีซ่งที่สั่งให้หัวหน้าเซวียมาจริงๆด้วย ที่พวกเขามาวันนี้ไม่ได้เสียเปล่าเลย


แม้ว่าอีกไม่กี่เดือน ท่านประธานาธิบดีซ่งจะหมดวาระตำแหน่ง แต่ยังคงทรงอิทธิพลไปอีกอย่างน้อยต้องอีกห้าปีหรือสิบปี คนที่เคยดำรงตำแหน่งระดับประเทศ ยังไงก็ต้องมีเส้นสายอิทธิพลให้ใช้ได้อีกนาน


“ท่าน…ท่านประธานาธิบดีซ่ง?”


คนอื่นอย่างผู้การโต้วรู้ดีแก่ใจ แต่หงจวินไม่รู้สถานะของหัวหน้าเซวีย แต่พอได้ยินชื่อท่านประธานาธิบดีซ่ง อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา


หงจวินทราบถึงชาติกำเนิดของเยี่ยเทียน นอกจากเขาและถังเหวินหย่วนแล้ว ก็มีแต่บิดาที่เลี้ยงดูเยี่ยเทียนจนโต ครอบครัวไม่มีสัมพันธ์พิเศษกับคนระดับสูงที่ไหน ตอนนี้กลับเกี่ยวพันไปถึงผู้นำระดับประเทศ หงจวินตกตะลึง


“อย่ามองผมแบบนั้น ผมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับท่าน” เยี่ยเทียนเห็นสายตาของหงจวินที่มองตัวเองรีบโบกมือปฏิเสธ “ผมไม่ได้รู้จักท่านประธานาธิบดีซ่งเลย สองประโยคนั้นที่ท่านฝากมาผมคงรับไม่ไหว!”


เยี่ยเทียนเหมือนกับระเบิดหนัก พอระเบิดถูกขว้างออกไปทำให้คนทั้งห้องประชุมมึนงงกันไปหมด เจ้าเด็กนี่ช่างอวดดีจริง เอ่ยถึงท่านประธานาธิบดีซ่งจะแสดงเคารพสักนิดยังไม่มีเลย


“เยี่ยเทียน ทำไมพูดจาแบบนี้? คำเตือนของท่านประธานาธิบดีซ่งนั้นก็เพื่อตัวนายเองนะ!” หัวหน้าเซวียชักสีหน้าไม่พอใจ คนหนุ่มที่ไร้มารยาทและบ้าดีเดือดได้สุดโต่งขนาดนี้เขาไม่เคยพบเคยเห็น


พูดตามตรงแล้วหัวหน้าเซวียไม่ทราบว่าท่านประธานาธิบดีซ่งเฮ่าเทียนกับเยี่ยเทียนมีความสัมพันธ์กันอย่างไร เพียงแต่ถ่ายทอดข้อความที่ฝากมาถึงเยี่ยเทียนเท่านั้น


แต่หัวหน้าเซวียทราบอย่างหนึ่งว่า วันนี้ท่านผู้นำรับโทรศัพท์แล้วฉุนเฉียวมาก ยิ่งกว่านั้นคือโกรธจนเขวี้ยงแท่นหยกทับกระดาษที่ท่านโปรดปรานที่สุดลงพื้นแตกกระจาย


จากนั้นท่านผู้นำให้เขาเรียกหาตัวผู้การโต้ว ส่งข่าวด่วนไปที่สำนักงานเขตก็เพื่อชายหนุ่มตรงหน้านี้ผู้เดียว หัวหน้า   เซวียติดตามท่านมาสิบปี นี่เป็นครั้งแรกที่ท่านใช้เส้นสายส่วนตัวจัดการกับเรื่องนี้


ในความคิดของหัวหน้าเซวีย เยี่ยเทียนต้องเป็นลูกหลานของท่านผู้นำคนหนึ่งแน่ อีกทั้งยังเป็นลูกหลานคนสำคัญด้วย มิฉะนั้นท่านจะไม่ยอมให้ประวัติราชการของตัวเองเกิดความด่างพร้อย


“หัวหน้าเซวีย รบกวนฝากคุณไปบอกท่านด้วยว่า คนอย่างเยี่ยเทียนเสียเหงื่อทำงานเลี้ยงปากเลี้ยงท้องด้วยตัวเอง ไม่ต้องให้ใครมาดูแลปกป้อง เหมือนกับที่ท่านไม่มีสิทธิ์มาอบรมสั่งสอนผม!”


เยี่ยเทียนเพิ่งโยนระเบิดปรมาณูลูกใหญ่ลงไป พอพูดจบเหมือนลูกระเบิดทำงาน ทำให้ทุกคนในที่นั้นทำหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อ


ความหมายของเยี่ยเทียนคือรู้ถึงสถานะฐานันดรของท่านประธานาธิบดีซ่งแล้วยังจะกล้าตำหนิท่านว่าท่านไม่มีสิทธิ์มาสั่งสอนเขา คำพูดเสียดแทงเหล่านั้นทำให้บุคคลอื่นไม่กล้ารับฟัง


“อะแฮ่ม” ผู้การโต้วกระแอมแทรกขึ้นมาพูดว่า “หัวหน้าเซวีย ผมขอตัวไปดูก่อนว่าการไต่สวนเสิ่นหมิงซินไปถึงไหนแล้ว  ทุกท่านเชิญนั่งกันตามสบาย!”


เรื่องเกี่ยวพันไปถึงครอบครัวของท่านผู้นำ ซึ่งถ้าพวกเขาอยู่ฟังต่อคงจะไม่มีประโยชน์ หัวหน้าเลขาเจียวก็คิดเช่นกัน จึงยืนขึ้นแล้วพูดว่า “ผู้การโต้ว ไปด้วยกันเถอะ ผมก็จะกลับไปรายงานเลขาหลี่เหมือนกัน”


เลขาเจียวดึงแขนจนต้องเดินตามออกไปด้วย ภายในครู่เดียวห้องประชุมอันโอ่อ่าเหลือเพียงแค่เยี่ยเทียนกับหัวหน้า เซวียสองคน


“หัวหน้าเซวีย มีบางเรื่องที่คุณไม่รู้ กลับไปบอกซ่งเฮ่าเทียนด้วย ว่าเขาส่วนเขา ผมส่วนผม หวังว่าต่อไปเขาจะไม่มายุ่มย่ามกับชีวิตของผมอีก!”


คราวนี้แม้แต่ชื่อตำแหน่งประธานาธิบดีเยี่ยเทียนยังขี้เกียจจะเรียก จึงพูดชื่อซ่งเฮ่าเทียนออกมาโดยตรง กับคนที่ทำให้เขาเสียแม่ไปตั้งแต่อายุยังน้อย เขาคงเคารพไม่ลง


 ……..

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)