หมอดูยอดอัจฉริยะ 387-388

 ตอนที่ 387 ทำร้ายตำรวจ

โดย

Ink Stone_Fantasy

เยี่ยเทียนสะบัดไหล่ ผลักมือข้างนั้นของเขาออกไป พูดอย่างอารมณ์ไม่ดีว่า “อย่าเล่นมือเล่นเท้านะ”


“เห้ ไอ้หนุ่ม เข้ามาถึงในนี้แล้วยังไม่นิ่งอีก? คันผิวหนังใช่ไหม?” คนที่อยู่ข้างๆ สารวัตรอู๋จ้องใส่เยี่ยเทียน และผลักไหล่


ของเยี่ยเทียนอีกครั้ง


“ฉันว่า ฉันมาช่วยตรวจสอบเท่านั้น ทำไมต้องพามาที่ห้องไต่สวนด้วย?”


ตั้งแต่ที่มาถึงสถานีตำรวจ เยี่ยเทียนไม่เอ่ยปากพูดสักคำ เพราะในใจของเขาเข้าใจดีว่า หวงซือจื้อกล้าหาคนมาจัดการเขา จะต้องมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับคนในนี้แน่นอน


ดังนั้นเยี่ยเทียนจึงรอ เขากำลังรอการมาถึงของหูจวินหรือไม่ก็ฝั่งของถังเหวินหย่วนจะเริ่มมีความเคลื่อนไหว แต่ตอนนี้เขาถูกพามาที่ห้องไต่สวน ในใจของเยี่ยเทียนรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที


ผิดที่เขาตีหวงซือจื้อ เยี่ยเทียนก็ยอมรับ แต่ตอนนั้นเพราะหวงซือจื้อลงมือก่อน สุภาษิตกล่าวไว้ว่าตบมือข้างเดียวไม่ดัง มีสิทธิอะไรมาขังเขาไว้และสอบปากคำเขาคนเดียว?


แล้วอีกอย่าง ห้องสอบปากคำนี้แยกตำแหน่งจุดสอบปากคำโดยราวเหล็ก เห็นได้ชัดว่าเป็นสถานที่สอบปากคำนักโทษคดีใหญ่ เขาแค่ชกต่อยเท่านั้นเอง ต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอ?


“ปั่ง!”


สารวัตรอู๋ตบลงไปที่โต๊ะอย่างรุนแรง พูดเสียงดังว่า “จริงจังหน่อย ไม่ดูเลยหรือไงว่าที่นี่คือที่ไหน? นั่งลงไป!”


สารวัตรอู๋ดูแลความสงบเรียบร้อยของสังคม ทุกๆ วันจะต้องพบเจอกับพวกเกเรตามถนน มีประสบกาณ์มากล้น หน้า


ที่ตึงขึ้นมานี้ แม้แต่นักเลงใหญ่ที่สุดในปักกิ่งถิ่นชาววังยังต้องกลัว


แต่เยี่ยเทียนไม่หลงกลของเขา ส่ายหัวไปมาพูดว่า “ผมจะพูดซ้ำอีกครั้งว่าผมช่วยตรวจสอบ ไม่ใช่มาถูกพวกคุณสอบปากคำ ผมขอเปลี่ยนสถานที่ครับ”


เยี่ยเทียนรูปร่างตัวใหญ่และสูง อีกสองคนที่อยู่ตรงนั้นไม่มีใครผลักเขาไหว สารวัตรอู๋อึ้งไปสักครู่ ทำสีหน้าที่จริงจัง


“คนอื่นกำลังฟ้องว่าคุณทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส คุณอยู่ที่ห้องนี้ได้เท่านั้น ผมขอเตือนให้คุณตอบคำถามดีดีจะดีกว่านะ!”


ตามคำบอกเป็นนัยของผู้การเสิ่น  ให้เขา “ดูแล” เยี่ยเทียนดีดี หลังจากนั้นขังไว้สักสามวันห้าวันค่อยปล่อยเขาไป


แต่เห็นได้ชัดเลยว่า คนหนุ่มอย่างเยี่ยเทียนคนนี้ดูเหมือนจะไม่ให้ความร่วมมือเท่าไหร่ และดูเหมือนว่าเขามีความคิดจะตอบโต้ด้วย สารวัตรอู๋ไม่อยากมีเรื่องในห้องไต่สวนนี้หรอก ดังนั้นเขาจึงหลอกให้เยี่ยเทียนนั่งลงที่เก้าอี้สอบปากคำตัวนั้น


“ผมว่านะ อยากประจบสอพลอคนอื่น ดูก่อนว่าตัวเองมีปัญญาหรือเปล่าดีกว่า?” เยี่ยเทียนหัวเราะแห้งๆ เดินไปและนั่งลงที่เก้าอี้ตัวนั้น พูดว่า “รีบๆ ถาม ถามเสร็จผมจะกลับแล้ว!”


“หืม!”


เยี่ยเทียนนั่งลงเพียงครู่เดียวเท่านั้น คนสองคนที่อยู่ด้านหลังเขา นำที่ล็อกบนเก้าล็อกไว้ทันที ทำให้แขนทั้งสองข้างของเยี่ยเทียนถูกล็อกไว้บนที่วางมือของเก้าอี้จนไม่สามารถขยับได้


“ยังคิดจะกลับไป?” ใบหน้าของสารวัตรอู๋แสดงรอยยิ้มที่เยาะเย้ยออกมา


“คุณเพลิดเพลินไปกับที่นี่ดีกว่า!” สารวัตรอู๋พูดและส่งสายตาให้กับลูกน้องสองคนนั้น ส่วนตัวเองกลับลุกขึ้นและเดินออกไป


บนโลกนี้ไม่มีใครเป็นคนโง่ โดยเฉพาะคนที่ทำงานอาชีพแบบเขา ก่อนอื่นเลย ต้องป้องตัวเองให้ดีก่อน ดังนั้นสารวัตรเรียกผู้คุมมาสองคนมาตั้งแต่แรกแล้ว เรียกมาเพื่อดูแลเยี่ยเทียน


วันหลังถ้าหากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ก็แค่โยนความผิดให้กับผู้คุม ส่วนตัวเองนั้นมากที่สุดก็แค่หน้าที่ของหัวหน้าที่ดูแลลูกน้องไม่ดีเท่านั้น


และผู้คุมที่เลี้ยงเอาไว้พวกนั้น มีไว้เพื่อมาจัดการเรื่องแบบนี้ไม่ใช่เหรอ? ลูกน้องของหัวหน้าก็ต้องมีคนที่ทำงานสกปรกและเป็นแพะรับบาปหน่อยมั้ง?


“คุณหวงครับ เชิญนั่ง……”


หลังจากออกจากห้องไต่สวนแล้ว สารวัตรอู๋ไปเชิญหวงซือจื้อที่ห้องของผู้การมาที่ห้องควบคุม มองจากห้องนี้ไม่เพียงแต่ดูกล้องวงจรปิดในห้องไต่สวนได้ แม้แต่เสียงยังสามารถได้ยินอย่างชัดเจน


เรื่องนี้หวงซือจื้อเป็นคนขอมา วันนี้เขาเสียเปรียบขนาดนี้ ถ้าหากไม่เห็นเยี่ยเทียนถูกทรมานละก็ ยังไงก็กลืนความโกรธนี้ไม่ลง


“พี่อู๋ เรื่องของวันนี้ต้องรบกวนพี่แล้วนะ ลุงเสิ่นบอกผมแล้วว่า ไว้ใจได้ ตำแหน่งรองผู้การไม่มีใครแย่งไปได้แน่นอน”


สามารถใช้ชีวิตไปวันๆที่ปักกิ่งถิ่นชาววังได้ หวงซือจื้อไม่ใช่คนซื่อบื่อ ถ้าอยากให้ใครทำงานให้ตนเองอย่างซื่อสัตย์ การไม่มีข้อแลกเปลี่ยนเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ดังนั้นหวงซือจื้อมาถึงปุ๊ปก็ให้คำสัญญาเลยทันที


หลังจากได้ยินคำพูดของหวงซือจื้อแล้ว สารวัตรอู๋ดีใจเหลือเกิน จีงรีบตอบว่า “คุณหวงไว้ใจได้ครับ ลูกน้องสองคนของผมชำนาญเรื่องแบบนี้ที่สุดครับ”


ต้องรู้ว่ารองผู้การสำนักสืบสวนคดีอาญาโดยปกติแล้วจะขึ้นกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ ผู้การเสิ่นถึงแม้จะดู


แลเขา แต่เรื่องนี้เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน แต่เฒ่าแก่เบื้องหน้านี้มาถึงก็ให้คำสัญญาทันที น่าจะมีความสัมพันธ์กับผู้หลักผู้ใหญ่จริงๆ


……


“แม่งเอ้ย ที่แท้อยากจะให้ฉันเสียเปรียบสินะ?”


มองดูคนสองคนที่ใส่หมวกเอียงๆ แม้แต่ยศยังไม่มีติดไว้ที่ชุดตำรวจ เยี่ยเทียนเข้าใจความหมายของหวงซือจื้อทันทีว่า นายเยี่ยเทียนเก่งเรื่องตีไม่ใช่เหรอ? งั้นก็หาตำรวจมาจัดการนายซะเลย ดูซิว่านายกล้าตีตำรวจไหม?


ผู้คุมคนหนึ่งเดินมาถึงข้างหน้าเยี่ยเทียน ยิ้มอย่างเยือกเย็นว่า “ไอ้หนุ่ม เก่งนักเหรอ แม้สารวัตรอู๋ยังกล้าขัด?”


การกระทำของเยี่ยเทียนเมื่อสักครู่ ทำให้พวกเขารู้สึกไม่พอใจอย่างมาก ปกติพวกเกเรที่จับเข้ามาที่นี่ มีใครที่กล้า    เหิมเกริมแบบเยี่ยเทียนบ้าง?


เยี่ยเทียนเงยหน้าขึ้นมองเขาไปหนึ่งครั้ง ตอบกลับไปอย่างจริงจังว่า “พวกคุณสองคน อยู่ห่างจากผมหน่อย วันนี้อารมณ์ไม่ดี อย่าให้ต้องระบายอารมณ์กับคุณในภายหลัง!”


พอกลับมาคิดอีกที เยี่ยเทียนรู้สึกว่าการใช้ชีวิตในวันนี้มันแปลกๆ ตอนที่ไปเก็บของให้อวี๋ชิงหย่า ก็ชกต่อยกับคนญี่ปุ่น


หลังจากนั้นจะไปกินข้าว ก็เจอแมลงวันอย่างหวงซือจื้ออีก


ตอนนี้ยิ่งไปกันใหญ่ ถูกพามาสถานีตำรวจซะอย่างนั้น เยี่ยเทียนไม่เคยต้องเสียเปรียบเลย ในใจของเขามีไฟลูกหนึ่งกำลังลุกอยู่ตั้งนานแล้ว


 “โห่ ไอ้เด็กเปรต กร่างจริงๆ นะ?”


ผู้คุมที่ยืนอยู่ข้างหน้าเยี่ยเทียนคนนั้น หลังจากได้ยินเยี่ยเทียนพูดแบบนั้น ฝ่ามือของเขาก็สะบัดออกไป เขาคิดว่าเวลานี้เยี่ยเทียนถูกล็อกไว้ที่เก้าอี้แบบนั้น ไม่สามารถตอบโต้ได้แน่นอน


แต่ดูเหมือนว่าเขาจะลืมเรื่องบางอย่างไป สองมือของเยี่ยเทียนถูกล็อกไว้ แต่สองขาของเขาไม่ถูกล็อกด้วย? หลังจากที่เขาใช้ฝ่ามือออกมา ขาขวาของเยี่ยเทียนก็ยกขึ้นแล้วเตะออกไปที่หัวเข่าของเขาทันที


แรงขาที่เตะออกไปของเยี่ยเทียนครั้งนี้ไม่แรงมากนัก แต่เขาเตะไปที่เส้นเอ็นของผู้คุมคนนั้น ทำให้เขารู้สึกขาอ่อนลงทันที และล้มลงไปต่อหน้าเยี่ยเทียน ทำให้บริเวณหัวอยู่ตรงหัวเข่าของเยี่ยเทียนพอดี


“ปัง!”


เสียงที่อึมครึมดังเสร็จ ร่างของผู้คุมคนนั้นก็อ่อนยวบล้มลงไปกับพื้น เลือดไหลออกจากจมูกทั้งสองข้าง และตัวของ


เขาก็สลบไปแล้ว


“แม่งเอ้ย กล้าต่อต้านกฎหมายเหรอ?!”


หลังจากมองเห็นภาพนี้แล้ว ผู้คุมอีกคนหนึ่งอึ้งไปเลยทีเดียว แต่ตอบสนองกลับมาอย่างรวดเร็ว หยิบไม้กระบองจากเอวออกมา ฟาดใส่หัวและใส่หน้าของเยี่ยเทียน


ไม้กระบองยางอันนี้ยาวประมาณสองไม้บรรทัด บวกกับระยะห่างที่ผู้คุมคนนั้นยืนอยู่ ขาของเยี่ยเทียนยังไงก็เตะไม่ถึงเขาและนี่ก็เป็นสาเหตุที่พวกเขายืนกรานจะให้เยี่ยเทียนนั่งลงที่เก้าอี้ตัวนั้น


เพียงแต่ว่าเวลาต่อไปนี้จะเป็นการสูญเสียการควบคุม ในขณะเดียวกันก็เกินคาดของผู้คุมคนนี้มาก เพราะตอนที่ไม้กระบองยางฟาดลงไปที่หัวของเยี่ยเทียน มือเรียวขาวหนึ่งข้างก็จับไม้กระบองของตำรวจไว้


“คุณกล้าโต้ตอบ?”


หลังจากที่ตะโกนออกไป เขาเพิ่งจะรู้สึกตัวว่าแย่แล้ว สองมือของเยี่ยเทียนถูกล็อกเอาไว้แล้วไม่ใช่เหรอ? ก้มหน้ามองดูที่เก้าอี้ เพิ่งพบว่าที่ล็อกนั้นถูกเยี่ยเทียนแกะออกแล้ว


“ได้ ไปอยู่กับเขาเลย”


มือขวาเยี่ยเทียนใช้แรงแย่งไม้กระบองตำรวจนั้นมาจนได้ และสร้างรอยทิ้งไว้ที่คอของผู้คุมคนนี้ ซึ่งไม่ทันแม้แต่


เปล่งเสียงร้องออกมา ร่างกายของเขาก็อ่อนโรยลงไปกับพื้นแล้ว


จัดการคนสองคนล้มลงไปเสร็จแล้ว เยี่ยเทียนก็ลุกขึ้นยืน เหมือนจะยิ้มและเหมือนจะไม่ยิ้ม มองดูกล้องวงจรปิดที่อยู่ตรงมุมหนึ่งของห้อง พูดว่า “ฉันรู้ว่าพวกแกกำลังดูอยู่ หวงซือจื้อ อย่าทำตัวเหมือนเต่าหดหัว แน่จริงแกมาเองสิ?”


เยี่ยเทียนเดาไว้ไม่มีผิด หวงซือจื้อเห็นภาพเมื่อสักครู่อย่างชัดเจน เพียงแต่ว่าเขากับสารวัตรอู๋ไม่คิดว่าเยี่ยเทียนจะใช้วิธีตอบโต้ที่รุนแรงขนาดนี้ คนสองคนล้มลงไปที่นั่นในเวลาเดียวกัน


“ทำร้ายตำรวจ เขา…….นี่เขาทำร้ายตำรวจ!” ในลำโพงส่งเสียงกวนๆ ของเยี่ยเทียนออกมา ทันใดนั้นหวงซือจื้อเองก็ตกใจ


ตั้งแต่เด็กหวงซือจื้อถูกตามใจจากคุณปู่ เดิมทีมีนิสัยเหมือนหมาบ้าอยู่แล้ว ยิ่งเห็นการต่อต้านของเยี่ยเทียนแล้ว ภายในใจของเขาก็เกิดความคิดอันหนึ่ง เขาแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา


เขาจึงใช้แรงดึงสารวัตรอู๋ที่ยืนอยู่ข้างๆ พูดว่า “พี่อู๋ เขากำลังทำร้ายตำรวจ กล้องวงจรปิดบันทึกไว้หมดแล้ว จัดการเขา จัดการเขาเลย!”


“เอ่อ?”


หลังจากได้ยินคำพูดของหวงซือจื้อ สารวัตรอู๋ก็เกิดความลังเล จะให้ช่วยคุณชายท่านนี้สั่งสอนคนไม่มีปัญหาอยู่แล้วแต่ถ้ามีคนตาย งั้นเรื่องนี้ก็จะสูญเสียการควบคุมไป


และดูจากท่าทีการพูดจาของคนๆ นั้น ดูเหมือนว่าไม่ได้เอาเรื่องทำร้ายร่างกายคนอื่นมาใส่ใจเลย แสดงให้เห็นว่าคนๆ นี้มีความกล้ามาก ดังนั้นสารวัตรอู๋ ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่มีวันออกคำสั่งยิงเยี่ยเทียนให้ตายแน่นอน


“ลองไปดูก่อนดีกว่า โทษทำร้ายตำรวจแค่นี้ ตัดสินจำคุกอย่างน้อยก็สองปี!”


สุดท้ายแล้วสารวัตรอู๋ไม่กล้าตอบตกลงตามที่หวงซือจื้อบอก  หลังออกจากห้องควบคุมและทักทายคนสองคนเสร็จ เขารีบวิ่งที่ห้องไต่สวนทันที ลูกน้องทั้งสองคนของเขาตอนนี้เป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่รู้


“แม่งเอ้ย วันนี้จะเล่นมึง ถ้าไม่ถึงตายก็จะเล่นจนพิการให้ได้!”


หวงซือจื้อเองก็ตามหลังสารวัตรอู๋ไป ความพิเรนของเขามีเยอะ คิดอยู่ว่าเดี๋ยวค่อยยั่วยุเยี่ยเทียนอีกที ขอแค่เยี่ยเทียนกล้าลงมือ สารวัตรอู๋ก็มีเหตุผลที่จะลงมือแน่นอน


“แก๊ง!”


ประตูของห้องไต่สวนถูกผลักออกจากด้านนอก สารวัตรอู๋กับตำรวจคนอื่นๆ เดินเข้าห้องอย่างยาวเหยียด กลับพบว่าเยี่ยเทียนนั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างเป็นระเบียบและเรียบร้อย กำลังมองดูพวกเขาอยู่


“ล็อกเขาเอาไว้!” สารวัตรอู๋ไม่พูดเยอะ ให้สัญญามือเสร็จ ตำรวจสามสี่คนก็พุ่งเข้าหาเยี่ยเทียนทันที


เยี่ยเทียนกล้าตีผู้คุม สารวัตรอู๋ยังพอรับได้ แต่สามสี่คนที่พามานี้เป็นตำรวจแท้จริงทั้งนั้น ถ้าเยี่ยเทียนกล้าลงมือจริงๆ ความผิดฐานทำร้ายร่างกายตำรวจก็จะเป็นจริง


แต่ในวันนี้ จะเป็นวันที่สารวัตรไม่อาจลืมไปทั้งชีวิตแน่นอน


เดิมทีเยี่ยเทียนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ จู่ๆ ก็เด้งตัวลุกขึ้นมา หลังจากเสียงหมัดเสียงเท้า“เพียะพะเพียะพะ” ผ่านไป ลูกน้องของสารวัตรอู๋พวกนั้นที่พุ่งเข้าหาเยี่ยเทียน ก็ล้มลงไปกองกับพื้นทั้งหมด


“แก……แก?”


ด้วยจิตใต้สำนึก สารวัตรอู่ควักปืนจากเอวออกมา เล็งไปที่เยี่ยเทียน ในเวลานั้นเขาก็รู้สึกดวงตาพล่า


มัว ปืนที่อยู่ในมือก็หายไปอย่างไร้วี่แวว


……


ตอนที่ 388 ยิ่งเลยเถิด

โดย

Ink Stone_Fantasy

“วาง … วางปืนลง!”


เมื่อสารวัตรอู๋ดึงสติกลับมา เขาพบว่าเยี่ยเทียนเล่นอยู่กับปืนกระบอกนั้น แต่สิ่งที่ทำให้เขามีความตกใจและกลัวก็คือ เยี่ยเทียนกำลังใส่กระสุน ผลักและดึงไกปืนเล่น


แม้ว่าสารวัตรอู๋จะเป็นผู้รับผิดชอบด้านความปลอดภัยสาธารณะ แต่จะพูดยังไงก็เป็นตำรวจเก่ามานานกว่า 20 ปี เขารู้จิตใจของอาชญากรเป็นอย่างดี เมื่อพวกเขาไม่มีทางไปแล้ว ก็มีแนวโน้มที่จะแสดงพฤติกรรมที่รุนแรง


หลังจากเคยถูกยิงบนภูเขาฝ่อกงซาน เยี่ยเทียนก็ยิ่งไม่พอใจอาวุธที่ทันสมัยเหล่านี้มากขึ้น ดวงตาของเขาจ้องมองที่สารวัตรอู๋และพูดว่า


“ฉันไม่ใช่คนร้าย ไม่ใช่ผู้ต้องสงสัยทางอาชญากรด้วยซ้ำ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเล็งปืนมาที่ฉันหรอกมั้ง? “


“คุณ … คุณวางปืนลง”


สารวัตรอู๋ถูกจ้องโดยเยี่ยเทียน จึงมีความรู้สึกที่น่าขนลุกอยู่ในใจ ราวกับว่าเขาไม่ได้เผชิญหน้ากับคนคนนึง แต่ราวกับว่ากำลังเผชิญ


หน้ากับสัตว์ร้าย


“ไม่มีปัญหา!” เยี่ยเทียนดึงปืนออกมาสองสามครั้ง กระสุนสีเหลืองส้มก็พุ่งออกมาตกลงบนพื้นด้วยเสียงดังคมชัด


“คุณโจมตีตำรวจอย่างเปิดเผย นี่เป็นการละเมิดกฎหมายแล้ว ผมขอแนะนำให้คุณบอกความจริงและรอการลงโทษจากทางกฎหมายจะดีกว่า!”


เมื่อเห็นว่าเยี่ยเทียนถอดกระสุน อารมณ์ตึงเครียดของสารวัตรอู๋จู่ๆ ก็ผ่อนคลายลงมาก งัดข้อหาใส่ให้เยี่ยเทียนอย่างรวดเร็ว ในห้องสอบสวนนี้เต็มไปด้วยตำรวจ ความผิดที่เยี่ยเทียนทำร้ายตำรวจนั้นสามารถยืนยันได้


“ทำร้ายตำรวจเหรอ”


เยี่ยเทียนยิ้มอย่างเยือกเย็น โยนปืนใส่สารวัตรอู๋ และกล่าวว่า “ฉันแค่ปกป้องตนเองเท่านั้น กฎหมายกำหนดให้ว่าเมื่อจะได้รับบาดเจ็บ สามารถป้องกันตัวเองได้มิใช่หรือ?”


“เยี่ยเทียน แกตายแน่ เมื่อแกเข้าไปในห้องขัง ฉันจะเล่นแกจนตาย!”


การเคลื่อนไหวของหวงซือจื้อนั้นช้ากว่าของสารวัตรอู๋มาก รอเขาวิ่งเข้าไปในห้องสอบสวน เยี่ยเทียนก็ได้โยนปืนให้กับ สารวัตรอู๋แล้ว มองเห็นตำรวจหลายนายล้มอยู่ที่พื้้น สารวัตรอู๋ถือปืนไว้ ทันใดนั้นก็รู้สึกโล่งใจอย่างมาก


” หวงซือจื้อ ทำไม แกมีความสามารถเท่านี้หรือ?”


เมื่อเห็นหวงซือจื้อเข้ามา เยี่ยเทียนก้าวไปหนึ่งก้าว คว้าคอของเขาแล้วพูดว่า “คุณชายหวง ผู้ใหญ่บ้านแกไม่ได้สั่งสอนแกหรือ กับคนบางคน อย่าไปมีเรื่องกับเขา?”


เยี่ยเทียนจับเส้นเลือดที่คอของเขา จู่ๆ หน้าของหวงซือจื้อก็บวมแดง และหายใจไม่ออก คำพูดจากปากของเขาก็เปร่งออกมาได้สองสามคำ


“พี่ … พี่อู๋ ยิง … ยืงสิ?”


“ผมก็อยากยิงใจจะขาด!” สารวัตรอู๋รู้สึกหดหู่ใจอย่างหาที่เปรียบมิได้ กระสุนก็ตกลงบนพื้นแล้ว ปืนในมือของเขายังสู้กระบอง ตำรวจไม่ได้เลย


“เยี่ยเทียน ปล่อยคนก่อน อย่าเพิ่มความผิดเลย!”


สารวัตรอู๋รู้สึกใจคอไม่ดีเล็กน้อย เสียงพูดของเขาดังมาก เขาต้องการดึงดูดความสนใจจากเพื่อนร่วมงานที่อยู่ข้างนอก ในขณะเดียวกันร่างกายของสารวัตรอู๋ก็ขยับออกไปนอกประตู


“อยากจะออกไปหรือ?”


เยี่ยเทียนใช้มือโยนหวงซือจื้อไปข้างๆ เอาร่างกั้นสารวัตรอู๋ไว้อย่างฉับพลัน ใช้เท้าปิดตะขอประตูห้องสอบสวน


“คุณนี่เป็นความหายนะจริงๆ !”


หลังจากปิดกั้นสารวัตรอู๋เสร็จ เยี่ยเทียนจ้องไปที่หวงซือจื้อแทน มือขวาเอาไว้ด้านหลังกล้องวงจรปิดและบีบนิ้ว วาดค่ายกลในอากาศ แล้วตบไปที่ไหล่ของหวงซือจื้อ


หวงซือจื้อรู้สึกชาไปทั่วร่างกาย และถอยหลังอย่างรวดเร็ว ใบหน้าที่ดูน่ากลัวพร้อมตะโกนว่า “แก … แกจะทำอะไร?”


“เป็นพวกไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ มีอะไรก็ใช้มีดใช้ปืน ทำไมต้องทำแต่เรื่องลับหลังแบบนี้?”


เยี่ยเทียนมองไปที่สารวัตรอู๋ผู้ซึ่งยืนอยู่ที่นั่นอย่างไม่สบายใจ และค่อยๆ นั่งลงในตำแหน่งเจ้าหน้าที่ห้องสอบสวน พูดว่า “ไม่สำคัญหรอกว่าตัวเองจะอับอายหรือไม่ ระวังจะทำลายอนาคตของคนอื่นด้วย?


เมื่อได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียนแล้ว  สารวัตรอู๋ยิ่งรู้สึกไม่ปลอดภัยมากขึ้น เขาหวังเพียงว่าผู้การจะมาเร็วๆ เพราะเขาสูญเสียการควบคุมกับเหตุการณ์ในตอนนี้ไปแล้วอย่างสิ้นเชิง


“ข้างในนี้เเกิดเรื่องแล้ว!”


เสียงของสารวัตรอู๋ที่เพิ่งส่งออกไปปลุกผู้คนจำนวนมาก และตำรวจในห้องกล้องวงจรปิดได้เห็นสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น และรายงานไปที่ข้างบนทันที


การจ่อตำรวจด้วยปืนในสถานีตำรวจ เป็นเรื่องที่พบได้น้อยมากนับตั้งแต่การเปิดประเทศมา


เสิ่นหมิงซิน ผู้การเสิ่นที่แต่เดิมคิดว่าจะชวนหวงซือจื้อไปกินข้าว หลังจากได้รับรายงาน ทันใดนั้นก็เหงื่อออกมาทั้งตัวรีบพาคนไปที่ประตูห้องสอบสวน


“ตอบฉันมาสิ ถ้าเขาไม่ปล่อยคน เตรียมจัดผู้คนแล้วให้รีบเข้าไป ฆ่าทันที!”


เสิ่นหมิงซินเคยเข้าร่วมสงครามเวียดนามในปี 70 แม้ว่าเขาจะไปถึงสถานที่นั้น เขาก็ยังคงยึดมั่นในความแข็งแกร่งของกองทัพอยู่


เสมอ ตอนนี้หลานชายของหัวหน้าเก่า ถูกจี้โดยเยี่ยเทียนอยู่ด้านใน เขาจึงตัดสินใจทันทีเกี่ยวกับแผนการที่จะจัดการกับเหตุการณ์


“เหล่าเสิ่น ใครให้สิทธิคุณในการยิงผู้คน”  เช่นเดียวกับที่ตำรวจหลายคนที่เอาปืนมาเล็งไว้ด้านหน้าของประตู ก็มีเสียงออกมาตอนที่


พวกเขากำลังจะพังประตู


เมื่อเสิ่นหมิงซินได้ยินเสียงและตกตะลึง หันหัวไปมอง เป็นผู้การของแผนกอื่นที่ไม่เคยมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเขา เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะเย้ย “ผู้การจ้าว นี่ไม่ใช่สำนักย่อยของคุณ ยังไม่ถึงคราวคุณพูดหรอกมั้ง?”


ชายชราหวงในตอนนั้นมีลูกน้องคนหนึ่ง ตอนนี้ทำหน้าที่เป็นรองหัวหน้าในกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ เขาดูแลหัวหน้าเสิ่นเป็นอย่างดี ดังนั้น เสิ่นหมิงซินไม่เคยให้ความสนใจกับผู้การสำนักย่อยมากนัก


ผู้การจ้าวยังไม่ทันพูด แต่หูจวินซึ่งอยู่ข้างเขารู้สึกกังวลและตะโกนว่า “แม่งเอ้ย ถ้ากล้ายิง ฉันจะฆ่าแก!”


หูจวินมาอยู่ในปักกิ่งได้ไม่นาน และความสัมพันธ์ในพื้นที่นั้นน้อยกว่าของหวงซือจื้อ กระทั่งผู้การจ้าวเอง ก็เป็นเพียงเพื่อนกับเลขานุการของพ่อเขา ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาเลย


เพียงแต่ว่าหูจวินไม่ได้คาดคิดว่าสถานการณ์จะบานปลายเช่นนี้ เยี่ยเทียนถูกล้อมอยู่ในห้องโดยกลุ่มตำรวจที่มีปืนจริง และผู้การกล้าที่ออกคำสั่งให้ฆ่า?


หูจวินรู้ถึงความสัมพันธ์ของเยี่ยเทียนและถังเหวินหย่วน หากไม่สามารถป้องกันเยี่ยเทียนได้ วันนี้ในที่นี่เขาจะถูกลงโทษ ดังนั้นเขาจึงวิตกกังวลมาก และเอาโทรศัพท์ออกมาเพื่อต่อสายไปยังหน่วยงานทางทหาร


“เฮ้ หูจวิน อย่าทำในสิ่งที่โง่นะ!”


เมื่อเห็นว่าหูจวินจะโทรศัพท์จริงๆ ผู้การจ้าวก็ตกตะลึงในทันที นี่คือเมืองหลวงนะ ถิ่นที่อยู่ใต้เท้าของจักรพรรดิ หากไปยุ่ง


กับกองทหาร จะเป็นเรื่องใหญ่อย่างแท้จริง


“ใช้กองทัพมาข่มขู่ฉันใช่ไหม?”


เสิ่นหมิงซินพูดอย่างเย้ยหยันว่า “เมื่อตอนที่ฉันกำลังทำสงคราม ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแกเป็นโคลนอยู่ที่ไหน ตะโกนเข้าไป ถ้าคนข้างในยัง ดื้อดึงไม่ยอมรับผิด จะพังเข้าไปแล้ว!”


 “เกิดอะไรขึ้น?  เหล่าเสิ่น ทำไมโทรศัพท์สำนักงานของคุณถึงโทรไม่ติดเลย? ” คำพูดของผู้การเสิ่นยังไม่ทันสิ้นเสียงก็มีเสียงดังจากฝูงชนข้างนอก


“นี่ใครอีก?” ในใจเสิ่นหมิงซินรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย เขาคิดว่าสำนักย่อยนี้เป็นพื้นที่ในความรับผิดชอบของตนแล้ว ทำไมผู้คนถึงเข้ามาขัดจังหวะได้ตลอด?


“ผู้การเฮ่อ? คุณมาที่นี่ได้ยังไง?” เดิมที่ยืนอยู่ข้างนอก ผู้การจ้าวก็ได้เห็นถึงการมาผู้การเฮ่ออย่างชัดเจน รีบเข้าไปทำการต้อนรับเขาอย่างรวดเร็ว


“ผู้การเฮ่อ?” เสิ่นหมิงซินรู้สึกประหลาดใจ นอกจากผู้การเฮ่อ ผู้ซึ่งรับตำแหน่งผู้การคนแรกในสำนักเทศบาล ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครสมควรได้รับตำแหน่งนี้


ข้าราชการมีกฎของข้าราชการ ศักดิ์ศรีของความเป็นผู้นำเป็นสิ่งที่ละเมิดไม่ได้ มิฉะนั้นถ้าอาศัยความสัมพันธ์และเห็นแก่หน้ากัน ระบบก็จะยุ่งกันไปหมด


เสิ่นหมิงซินสามารถไม่เห็นแก่หน้าผู้การจ้าว แต่เขาไม่กล้าที่จะรุกรานผู้การเฮ่อคนนี้แน่นอน มิฉะนั้นผู้นำของกองทัพคนนั้นก็ไม่สามารถปกป้องเขาไว้ได้


แม้ว่าเสิ่นหมิงซินมาจากกองทัพ เขาก็เข้าใจความจริงของกฏข้อนี้ดี เขาแยกคนออกจากกันอย่างรวดเร็ว และพูดกับผู้การเฮ่อว่า “รายงานครับผู้การเฮ่อ ด้านในมีผู้ต้องหากำลังจี้ตำรวจหลายคน ผมกำลังดำเนินการครับ”


” ช่างกล้านะ คุณและหวงซือจื้อสมรู้ร่วมคิดกันเพื่อละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของพวกเขาต่างหาก พาเยี่ยเทียนมาที่สำนักงานตำรวจและใช้ศาลเตี้ย คุณเป็นผู้การยังไงกัน?”


หูจวินไม่ได้เป็นบุคคลภายในระบบ แต่ผู้ใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังของเขานั้นมีตำแหน่งสูงกว่าผู้การคนใดในเมืองหลวง หลังจากได้ยินคำพูดของเสิ่นหมิงซินเขาก็เริ่มดุออกชุดใหญ่


“คุณ … คุณพูดเรื่องไร้สาระ!” ณ จุดนั้นเมื่อถูกหูจวินเปิดเผยความคิดของเขา เลือดก็ขึ้นหน้าของเสิ่นหมิงซิน


“เยี่ยเทียน? เรื่องเป็นยังไงกัน? คุณไม่ได้เข้ามาช่วยตรวจสอบหรือ? ทำไมถึงเป็นแบบนี้?”


เรื่องที่คนส่วนใหญ่ในที่เกิดเหตุต่างคาดไม่ถึงก็คือ ผู้การเฮ่อคนนั้นยังไม่ได้พูดอะไร ชายวัยกลางผู้ที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาก็ได้ตั้งคำถามหลายข้อออกมา


“เลขาเจียว คุณสามารถมั่นใจได้ ผมจะตรวจสอบเรื่องนี้อย่างชัดเจนแน่นอน”


เมื่อผู้การเฮ่อพูดแบบนี้ ทุกคนตกตะลึง การที่ผู้การเฮ่อของพวกเขามาถึงนั้นไม่ใช่ตัวเอก แต่เป็นการมาของเลขาธิการเจียวคนนี้ต่างหาก?


หลายคนที่มีความสนใจเกี่ยวกับสถานการณ์ในขณะนั้นก็จำขึ้นได้ว่า ชายวัยกลางคน คนนี้เป็นรองเลขาธิการคณะกรรมการพรรคเทศบาล ซึ่งจะปรากฏตนพร้อมกับหัวหน้ารัฐมนตรีบนช่องสถานีของเมืองหลวง


หลังจากที่ถังเหวินหย่วนได้รับโทรศัพท์จากเยี่ยเทียน คิดมาครึ่งวันและเห็นว่าเรื่องนี้มันไม่เหมาะสม ดังนั้นเพียงแค่ถังเหวินหย่วนยกหูโทรศัพท์ถึงรองเลขาธิการของกรุงปักกิ่ง บอกว่าเยี่ยเทียนเป็นหลานชายของเขา


สำหรับผู้นำจีนอย่างถังเหวินหย่วนนี้ รองปลัดกระทรวงคนไหนก็ไม่กล้าที่จะชักช้า ใช้ให้เลขาเจียวดำเนินการทันทีเพื่อจัดการเรื่องนี้


“ต้องมั่นใจความปลอดภัยของเยี่ยเทียน ต้องตรวจสอบเรื่องการใช้อำนาจอย่างไม่เหมาะสม!”


คำพูดของเลขาเจียว ทำให้เสิ่นหมิงซินที่จำตัวตนของเขาได้ก็เย็นลงอย่างกะทันหัน และแนวโน้มของคำเหล่านี้ก็แรงเกินไปมั้ง? ยังไม่ทันตรวจสอบเรื่องราวก็ให้ความมั่นใจก่อนตรวจสอบแล้ว!


สุภาษิตกล่าวไว้ว่าตำแหน่งสูงกว่าหนึ่งขั้นก็กดขี่คนให้ตายได้ เสิ่นหมิงซินเป็นเพียงท่านรอง กับรองสำนักงานใหญ่นั้นมีช่องว่างที่ผ่านไม่ได้ ถ้าอีกฝ่ายต้องการจะกำจัดเขา นั้นเป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก


 “เขาเป็นคนเริ่มโจมตีตำรวจก่อน และตอนนี้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจห้าคนที่ยังถูกจี้ เราไม่ได้ใช้กฎศาลเตี้ยเลย!” เสิ่นหมิงซินกำลังขี่หลังเสือและลงได้ยาก ทำได้แค่มุ่งเน้นไปที่เรื่องที่เยี่ยเทียนทำร้ายตำรวจ


“แล้วมันเกิดอะไรขึ้น ฉันไม่สามารถฟังคำพูดของคุณข้างเดียวนะ ฉันคิดว่า หยุดงานของผู้การคนนี้ก่อนได้หรือไม่?”


คำพูดที่ลอยมากะทันหันนี้ ทำให้เลขาเจียวตกตะลึงอยู่พักหนึ่ง แม้แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะพูดว่าให้หยุดงานของผู้การเสิ่นโดยตรง บุคคลที่มานี้คือใครกัน น้ำเสียงที่ดังและหนักแน่นเพียงนี้?


 ……..

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)