ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 386-389
บทที่ 386 จิงเกิลเบลส์
โดย
Ink Stone_Fantasy
“ทุกคนล้วนแต่เคยทำผิดพลาดกันทั้งนั้น แต่เมื่อผ่านมันมาได้แล้วมองย้อนกลับไป มันก็อาจจะไม่ใช่ความผิดพลาดก็ได้” ฉินสือโอวกอดวินนี่ไว้แล้วพูดกับเธอด้วยความห่วงใย
ไม่จำเป็นต้องอธิบายต่อ เขาพอจะเดาเรื่องราวที่เหลือได้ เมื่อก่อนอาร์ม็องคบอยู่กับเพื่อนของวินนี่ แต่ตอนนี้เขาคบอยู่กับพี่สาวของวินนี่ เห็นได้ชัดว่าคงจะเกิดเรื่องน่าเศร้าขึ้นแน่แล้ว
พูดง่ายๆ ก็คือ อาร์ม็องเลิกกับเพื่อนของวินนี่เพื่อมาคบกับพี่สาวของเธอ แถมยังแต่งงานกันอีก
วินนี่พูดด้วยความเศร้าสลดว่า “ฉันไม่ควรพาพวกเขามาที่บ้านเลย ไม่อย่างนั้นอาร์ม็องก็คงไม่ได้มาเจอฟอกส์!”
ฉินสือโอวพูดปลอบเธอว่า “ที่จริงน่าจะเป็นเรื่องดีนะครับ ถึงความสัมพันธ์กับเพื่อนจะสำคัญมาก แต่จะเทียบกับพี่สาวแท้ๆ ได้ยังไงกันล่ะครับ? เลือดย่อมข้นกว่าน้ำอยู่แล้ว”
วินนี่เม้มปากเล็กน้อย แล้วพูดกับเขาว่า “ฉันน่ะเหรอที่ผูกพันกับฟอกส์? เหลวไหลน่า! แล้วคุณก็เข้าใจผิดแล้ว พวกเราไม่ใช่พี่น้องแท้ๆ กันสักหน่อย เรามีแม่คนละคนกันต่างหากล่ะ!”
นั่นก็นับว่าเป็นพี่สาวของตัวเองนะ ฉินสือโอวเกาหัวแกรกๆ วินนี่เล่าให้เขาฟังคร่าวๆ ว่าเมื่อก่อนพ่อของเธอมีชีวิตรักที่ล้มเหลวอยู่ช่วงหนึ่ง พอหย่ากับภรรยาคนก่อนแล้วก็มาแต่งงานกับมิแรนด้าแม่ของเธอ หลังจากนั้นพวกเขาก็ให้กำเนิดเธอขึ้นมา
เมื่อพูดถึงฟอกส์พี่สาวของเธอ วินนี่ก็ไม่เหลือเค้าของนางฟ้าใจดีแล้ว เธอเริ่มทำท่านับนิ้วแบบเด็กผู้หญิงใจแคบแล้วพูดขึ้นมาว่า “ตั้งแต่เด็กๆ ฟอกส์ก็เป็นเหมือนกับลูกสาวของคนข้างบ้าน เธอได้คะแนนดี เธอน่าเอ็นดู เธอรู้กาลเทศะ เธอสวย เหอะ เธอน่ะดีที่สุดแล้วล่ะ ส่วนฉันน่ะเหรอ? ฉันก็เป็นเด็กผู้หญิงนิสัยเสียยังไงล่ะ!”
ฉินสือโอวตะลึงจนอ้าปากค้าง เขาพูดด้วยความงงงันว่า “เป็นไปได้เหรอ? คุณเป็นนางฟ้าที่สวยสง่าที่สุดเลยนะ ผมได้เจอคุณครั้งแรกก็หลงเสน่ห์ของคุณแล้ว”
ดวงตากลมโตของวินนี่หลุกหลิกไปมา เธอพูดอย่างอายๆ ว่า “ตอนทำงานกับตอนอยู่ที่บ้าน ก็ต้องไม่เหมือนกันอยู่แล้วล่ะค่ะ โอเคค่ะ ที่รัก ถ้าบอกว่านี่คือตัวตนที่แท้จริงของฉัน คุณจะเกลียดฉันไหมคะ?”
ฉินสือโอวกอดเธอเอาไว้ แล้วพูดกับเธอว่า “จริงๆ ผมรักคุณจะตายอยู่แล้ว ที่รัก เมื่อก่อนคุณเป็นเหมือนนางฟ้าเลย บางครั้งผมก็รู้สึกว่าคุณเหมือนไม่มีอยู่จริง ตอนนี้ถึงได้รู้สึกเหมือนกับว่าคุณก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน”
เขาหมายความว่าอย่างนั้นจริงๆ เมื่อก่อนวินนี่เหมือนหญิงสาวชนชั้นสูงในทีวีอย่างไรอย่างนั้น สูงส่งสง่างาม รู้จักการให้อภัย สวยเพียบพร้อม จิตใจดีงาม สมบูรณ์แบบจนไกลเกินเอื้อม กลับมาบ้านครั้งนี้ เขาได้เห็นวินนี่ที่ต่างไปจากเดิม เป็นวินนี่ที่ดูสมจริงยิ่งขึ้น
เดี๋ยวก็อารมณ์ร้าย เดี๋ยวก็รู้สึกอิจฉา เดี๋ยวก็เอาแต่ใจ ฉินสือโอวกลับรู้สึกว่าวินนี่ที่เป็นแบบนี้ดูน่ารักกว่าเดิมเสียอีก
กอดรัดกันอยู่ครู่หนึ่ง ฉินสือโอวก็ลุกขึ้นนั่ง เขาเริ่มสวมบทสามีผู้มีคุณธรรม “วินนี่ ไม่ว่าคุณจะทำอะไร ผมก็สนับสนุนคุณทั้งนั้น แต่ผมก็ต้องพูดกับคุณด้วยว่า คุณไม่ควรจะโกรธพ่อแม่ของคุณ พวกท่านรักคุณนะครับ”
วินนี่จ้องเขาอย่างขุ่นเคือง แล้วพูดกับเขาว่า “รักเหรอคะ? คุณรู้ไหมว่าทำไมฉันถึงได้โกรธพ่อกับแม่ของฉัน? ฤดูร้อนปีนั้นหลังจากที่อาร์ม็องมาบ้านของฉันและได้รู้จักกับฟอกส์แล้ว พวกเขายังไม่ได้คุยกันทันที จนกระทั่งฉันกลับไปมหาวิทยาลัย พวกเขาถึงได้เริ่มคุยกัน”
“พวกเขาคุยกันอยู่ปีครึ่งถึงได้ยืนยันสถานะความสัมพันธ์ คนในครอบครัวของฉันทุกคนก็รู้ว่าพวกเขาสองคนกำลังคบกันอยู่ มีแค่ฉันคนเดียวที่ไม่รู้อะไรเลย!”
วินนี่กอดอกแล้วพูดอย่างไม่พอใจ “คุณรู้ไหมว่าหลังจากเกิดเรื่องนี้ขึ้นแล้วฉันกลายเป็นคนยังไง? พวกเพื่อนๆ ของฉันก็คิดว่าฉันเป็นแม่เล้ากันทั้งนั้น เป็นนังสารเลวที่ช่วยพี่สาวของตัวเองแย่งแฟนเพื่อน! เพราะอย่างนั้นเพื่อนในมหาวิทยาลัยของฉันทุกคนถึงได้หนีห่างจากฉันไป! ทำไมพอเรียนจบแล้วฉันถึงมาเป็นแอร์โฮสเตสน่ะเหรอ? เพราะว่าขอแค่ฉันได้ออกบิน ฉันถึงจะได้เจอพวกเขาให้น้อยลงยังไงล่ะ!”
ยิ่งพูด วินนี่ก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรม เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเปิดทวิตเตอร์กับเอ็มเอสเอ็นให้ฉินสือโอวดู ในรายชื่อของผู้ติดตามของเธอกลับไม่มีเพื่อนผู้หญิงสมัยเรียนมหาวิทยาลัยอยู่แม้แต่คนเดียว
ฉินสือโอวเห็นว่าในดวงตาของวินนี่เริ่มมีน้ำใสคลอขึ้นมาแล้ว เขารีบกอดเธอเอาไว้ แล้วพูดกับเธอว่า “หวานใจของผม นี่มันเป็นเรื่องของโชคชะตา ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องของฟอกส์ คุณก็คงจะไม่ตัดขาดกับเพื่อนๆ ถ้าคุณไม่ได้ทะเลาะกับเพื่อนๆ คุณก็คงจะไม่ได้มาเป็นแอร์โฮสเตส และถ้าคุณไม่ได้เป็นแอร์โฮสเตส พวกเราก็คงไม่ได้เจอกันนะ”
“แต่ฉันไม่มีทางให้อภัยพวกเขาเด็ดขาด!” วินนี่พูดด้วยความโกรธแค้น
สองมือของฉินสือโอวกอบกุมใบหน้างดงามของเธอเอาไว้ เขาจุ๊บลงไปบนริมฝีปากของเธอเบาๆ แล้วบอกกับเธอว่า “ผมเป็นแฟนของคุณนะ ต่อไปก็จะกลายเป็นสามีของคุณ ไม่ว่าคุณจะเลือกอะไร ผมก็พร้อมจะยอมรับมัน พอฉลองคริสต์มาสเสร็จเราก็กลับฟาร์มปลากันนะ ผมก็จะไม่ให้อภัยพวกเขาเหมือนกัน”
ได้ยินฉินสือโอวพูดแบบนี้ วินนี่ก็เริ่มรู้สึกสับสนอีกครั้ง เธอพูดอย่างอ้ำๆ อึ้งๆ ว่า “ที่จริง ถ้าคุณกับพวกเขาจะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันสักหน่อยก็ไม่เป็นไรนะคะ”
“ไม่หรอก ใครบอกให้พวกเขาทำให้ภรรยาของผมโมโหกันล่ะ?” ฉินสือโอวพูดกับเธออย่างแน่วแน่
ได้ยินฉินสือโอวยืนยันอย่างนี้ วินนี่ก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมาทันที ขณะที่พวกเขากำลังล้างความรู้สึกผิดพวกนี้ มิแรนด้าก็มองมาที่พวกเขา วินนี่จึงหันหลังกลับไปกอดฉินสือโอวแล้วเริ่มจูบกับเขาทันที
มิแรนด้ารับรู้ความโกรธเคืองของลูกสาวคนเล็กได้อย่างชัดเจน เธอจึงได้แต่ส่ายหัวอย่างจนปัญญา
เวลาผ่านไปเร็วเหมือนสายน้ำไหลรินจนล่วงเลยเข้าสู่วันที่ 24 เดือนธันวาคม คืนคริสต์มาสอีฟก็ย่างกรายมาถึงแล้ว
แท้จริงแล้วคืนคริสต์มาสอีฟไม่ใช่แค่คืนก่อนวันคริสต์มาสธรรมดาๆ เท่านั้น อย่างน้อยก็ที่อเมริกาเหนือที่หมายถึงวันที่ 24 ทั้งวัน เพียงแต่ว่าในตอนกลางคืนจะสามารถสร้างบรรยากาศของเทศกาลได้ง่ายยิ่งกว่า กิจกรรมขนาดใหญ่ทั้งหมดจึงไปรวมกันอยู่ในเวลากลางคืน หลังจากนั้นจึงถูกเรียกว่าคริสต์มาสอีฟ
คืนวันนี้ก็เป็นเหมือนกับวันส่งท้ายปีเก่าของชาวคริสต์ เหมือนกับการเดินทางในช่วงก่อนหรือหลังวันตรุษจีนของชาวจีน ในสองวันนี้ชาวยุโรปและอเมริกานับพันนับหมื่นคนก็จะเร่งรีบเดินทางด้วยความเหน็ดเหนื่อยเพื่อกลับมารวมตัวกันที่บ้าน
ในคืนคริสต์มาสอีฟทุกคนจะแลกของขวัญกัน ที่อิตาลี ของขวัญจะถูกแลกในเช้าวันเดียวกันกับคืนคริสต์มาสอีฟ แต่ที่อังกฤษ ไอร์แลนด์ สวีเดน เดนมาร์ก นอร์เวย์ ฟินแลนด์ โปรตุเกสไปจนถึงโปแลนด์ โดยทั่วไปแล้วของขวัญวันคริสต์มาสมักจะถูกแลกในคืนคริสต์มาสอีฟหรือไม่ก็ในเช้าวันคริสต์มาส
เริ่มตั้งแต่ตอนเช้า ฉินสือโอวเดินทางไปพร้อมกับมาริโอ้และอาร์ม็องเพื่อตัดสนเข็มแดงต้นเล็กมาหนึ่งต้น จากนั้นก็ขับกระบะขนกลับบ้าน มิแรนด้ากับคนอื่นๆ เตรียมไฟประดับไว้แล้ว ของขวัญชิ้นเล็กก็ถูกนำมาแขวนไว้ข้างบน นอกจากนี้ก็ยังแขวนขนมหวานชิ้นเล็กๆ กับเทียนไขไว้อีกด้วย
ต่อมา คนในบ้านก็ต้องเตรียมอาหารมื้อใหญ่ของคืนคริสต์มาส
ในคืนคริสต์มาสอีฟและคืนวันคริสต์มาสชาวแคนาดามักจะดื่มด่ำกับอาหารมื้อใหญ่ ทานอาหารมื้อค่ำอย่างอุดมสมบูรณ์ติดต่อกันทั้งสองคืน ไม่ค่อยเหมือนกันกับอเมริกา อาจจะเป็นเพราะได้รับอิทธิพลมาจากอังกฤษ เนื่องจากคืนคริสต์มาสอีฟกับคืนวันคริสต์มาสตามแบบฉบับดั้งเดิมก็เป็นเช่นนี้
อาหารมื้อใหญ่ที่เป็นสัญลักษณ์ของคืนวันคริสต์มาสก็คือไก่งวงอบ ส่วนในคืนคริสต์มาสอีฟก็จะมีโจ๊กข้าวโพดเป็นสัญลักษณ์
โจ๊กข้าวโพดมีวิธีทำที่หลากหลาย ครอบครัวของวินนี่กำลังโรยครีมลงไปด้านบนของโจ๊ก เวลาตักก็จะวางผลไม้ลงไปในชามด้วยทุกใบ รสชาติหวานอร่อยแถมยังให้ความรู้สึกสดชื่น เป็นเอกลักษณ์มาก
อาหารมื้อนี้ไม่ใช่การที่ทุกคนมาล้อมกันทานอาหารอยู่บนโต๊ะอาหาร แต่จะวางอาหารไว้บนโต๊ะ แล้วทุกๆ คนก็จะมานั่งรวมกันอยู่หน้าเตาผิง หลังจากนั้นก็พูดคุย เล่นเปียโน ร้องเพลง เต้นรำอะไรทำนองนั้น จุดสำคัญก็คือการสร้างบรรยากาศของวันเทศกาลขึ้นมา
ฟอกส์สีไวโอลินได้ดีมาก ส่วนอาร์ม็องก็เล่นหีบเพลงแบบดั้งเดิมของฝรั่งเศสได้ ทั้งสองคนจึงบรรเลงเพลงคลาสสิคอย่างเพลงไซเลนท์ ไนท์ร่วมกัน
มองดูสามีภรรยาคู่อื่นร้องเพลงเล่นดนตรีประสานเสียงกัน ทางด้านฉินสือโอวก็เริ่มมีเหงื่อเย็นๆ ผุดขึ้นมา เนื่องจากการเล่นดนตรีไม่ใช่เรื่องที่เขาถนัดเลย
วินนี่กับฟอกส์เป็นคู่กัดกัน วินนี่ที่รักษาความสง่างามและมารยาทเอาไว้ตลอดเวลา เมื่อมาอยู่ต่อหน้าฟอกส์ก็กลายเป็นเหมือนไก่ชนตัวเล็กๆ เธอพร้อมจะสู้อยู่ตลอดเวลา
ไม่ต้องให้ฉินสือโอวลงมือ วินนี่นั่งลงตรงหน้าเปียโน นิ้วทั้งสิบของเธอขยับอย่างพลิ้วไหว เพลงคลาสสิคอย่างเพลงจิงเกิลเบลส์ก็ถูกบรรเลงขึ้นมา
ครั้งแรกที่ฉินสือโอวฟังเพลงนี้อย่างตั้งใจ ก็คือตอนที่เขาขึ้นเรียนในชั้นมัธยมต้น ไม่ใช่ในช่วงเทศกาลคริสต์มาสแต่เป็นวันปีใหม่
ในตอนนั้นชั้นเรียนของเขาร่วมกันจัดกิจกรรมวันปีใหม่ขึ้นมา ทางด้านนอกหิมะเพิ่งจะหยุดตกคุณครูก็เปิดเพลงคลาสสิคเพลงนี้
ตอนนี้ได้ฟังวินนี่กำลังบรรเลงเพลงนี้ ฉินสือโอวยืนอยู่ตรงหน้าต่างมองออกไปยังชั้นหิมะขาวสะอาดที่อยู่ด้านนอก ความรู้สึกของเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วก็ย้อนกลับมา
………………………………………………….
บทที่ 387 กวางมาแล้ว
โดย
Ink Stone_Fantasy
วันต่อมาก็เป็นวันคริสต์มาสแล้ว ฉินสือโอวแกะของขวัญออกในตอนเช้า เขาได้รับของขวัญจากทุกคนในครอบครัวของวินนี่ ส่วนใหญ่แล้วก็เป็นของขวัญธรรมดาๆ อย่างถุงมือ หมวก ผ้าพันคออะไรพวกนั้น
แน่นอนว่าของขวัญที่เขามอบให้ก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน
เมื่อวินนี่แกะห่อของขวัญที่ฉินสือโอวส่งให้ ใบหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยความสงสัย เนื่องจากในกล่องของขวัญมีเพียงกุญแจที่มีความประณีตอยู่ดอกเดียวเท่านั้น
“อันนี้เอาไว้เปิดอะไรเหรอคะ?” วินนี่ถามด้วยความคาดหวัง
ฉินสือโอวยิ้มอย่างมีเลศนัย เขาบอกกับเธอว่า “เป็นกล่องสมบัติใบหนึ่งที่จะทำให้คุณมีความสุขครับ เพียงแต่ว่ากล่องสมบัติจะไม่ได้อยู่ที่นี่ พอกลับไปถึงฟาร์มปลาผมจะเอาหีบสมบัติมาให้คุณ”
วันก่อนเขาออกไปซื้อกล่องมาหนึ่งใบ พอกลับไปแล้วเขาค่อยเอาไข่มุกสีดำพวกนั้นมาทำเป็นเครื่องประดับ จากนั้นก็เก็บล็อกไว้ในกล่องใบนี้
เป็นครั้งแรกที่เขาได้ฉลองเทศกาลคริสต์มาสที่อลังการขนาดนี้ ฉินสือโอวรู้สึกว่ามันน่าสนใจมาก เพียงแต่ว่าวินนี่ไม่ลงรอยกับคนในบ้าน เขาที่เป็นคนกลางเลยค่อนข้างจะทำตัวลำบาก
เขาเคยคิดมาก่อนว่าตัวเองสามารถควบคุมทุกอย่างได้ ไม่ว่าจะเป็นการกระทบกระทั่งทางอารมณ์ ความแตกต่างกันทางความคิดของคนในครอบครัว เขาสามารถแก้ปัญหาพวกนี้ได้ทั้งหมด
แต่ความเป็นจริงในตอนนี้กลับไม่ใช่อย่างนั้น เอาแค่ปัญหาของวินนี่กับคนในครอบครัว เขาก็จัดการได้ยากแล้ว สำหรับเรื่องนี้วินนี่จะดื้อรั้นเป็นพิเศษ เพียงแค่ฉินสือโอวพูดเรื่องที่มีความเกี่ยวข้องกันขึ้นมา เธอก็จะทำเพียงแค่ยิ้มแล้วจูบเขาเท่านั้น
หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรแล้ว
พอได้รู้ว่าตัวเองไม่ใช่คนมีเสน่ห์เป็นหนึ่งไม่เป็นสอง ใครเห็นใครก็รักแบบเงินดอลลาร์แคนาดา ฉินสือโอวก็ทำตัวสงบเสงี่ยมขึ้น ไม่แปลกใจว่าทำไมคนอื่นๆ ถึงบอกว่าแม้จะเป็นข้าราชการที่สุจริตก็ยังตัดสินเรื่องในครอบครัวได้ยาก นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เขาขออยู่เงียบๆ แล้วดื่มด่ำกับอาหารวันคริสต์มาสดีกว่า
อาหารค่ำในคืนวันคริสต์มาสหลากหลายและอุดมสมบูรณ์กว่าในคืนคริสต์มาสอีฟเสียอีก อันดับแรกเลยก็คือเมนูหลัก ไก่งวงอบ
ในช่วงเทศกาลคริสต์มาสหลายครอบครัวในแคนาดามักจะอบไก่งวงกันเอง มิแรนด้านำผักผลไม้จำนวนมากอย่าง แคร์รอต ผักเซเลอรี่ หอมหัวใหญ่ และเกาลัดยัดเข้าไปในท้องของไก่งวงขนาดหลายสิบปอนด์ จากนั้นก็ทาซอสลงไปด้านบนตัวไก่ เสร็จแล้วก็นำเข้าเตาอบ
ทุกคนในครอบครัวของวินนี่ล้วนแต่เป็นคนสุภาพและมีมารยาท เวลาทานอาหารก็ทานไม่เยอะ ในทุกๆ ปีเวลาทานไก่งวงอบก็ทานกันแค่ไม่กี่ชิ้น พวกเขาอบไก่งวงก็เพื่อทำตามธรรมเนียมเท่านั้น
แต่ปีนี้ไม่มีปัญหาแล้ว ฉินสือโอวทานน่องไก่ขนาดใหญ่หนึ่งชิ้นจนหมด ฉงต้าก็กินอีกชิ้น ส่วนหู่จือกับเป้าจือก็ยังกินไม่ทันอิ่ม…
คุณปู่กับคุณย่าของวินนี่ก็ชอบอกชอบใจกันใหญ่ คนชราทั้งสองชอบเด็กๆ ที่ทานอาหารเก่งแบบนี้ แต่ก็แน่นอนว่า ฉงต้ากับสองพี่น้องหู่จือไม่ได้นับว่าเป็นเด็กๆ ถ้ารักเขาก็รักสิ่งที่เขารักด้วย เพราะวินนี่ คนในครอบครัวของเธอจึงชอบพวกมันมากๆ เหมือนกัน
อาหารในคืนคริสต์มาสอีฟถูกทำขึ้นเพื่อความอร่อย แต่อาหารในคืนวันคริสต์มาสจะถูกปรุงอย่างพิถีพิถัน อาหารทุกจานล้วนแต่มีที่มาทั้งสิ้น
อย่างเช่นเค้กท่อนไม้ เค้กครีมช็อกโกแลตประเภทนี้ถูกทำขึ้นเป็นรูปทรงแบบท่อนไม้อย่างตั้งใจ มันเป็นสัญลักษณ์ของความโชคดีที่กำลังจะมาถึงในปีหน้า มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องเล่าเรื่องหนึ่ง
นอกจากนี้ยังมีพุดดิ้งอัลมอนด์ ไอศกรีมพุดดิ้งชามใหญ่ แต่ละคนก็ตักไปคนละถ้วย ใครทานอัลมอนด์เต็มเมล็ดที่มีอยู่เมล็ดเดียวได้ก่อน คนคนนั้นก็จะเป็นคนที่โชคดีที่สุดในปีหน้า
มาริโอ้รับหน้าที่ตักพุดดิ้งให้กับทุกๆ คน สุดท้ายฉินสือโอวก็เป็นคนที่ทานอัลมอนด์เมล็ดนั้นเข้าไป เห็นได้ชัดว่าเป็นความช่วยเหลือของว่าที่พ่อตาที่ตั้งใจช่วยเขา
ฉินสือโอวทานอัลมอนด์อย่างมีความสุข วินนี่เอนตัวมาข้างๆ เขา เธอพูดด้วยท่าทีที่สูงส่งว่า “ถือว่าคุณโชคดีนะคะ ตอนฉันเป็นเด็กอัลมอนด์เมล็ดนี้ถูกเตรียมไว้ให้ฟอกส์ทั้งนั้น ฉันไม่เคยได้มันเลยสักปี”
เครื่องดื่มของมื้อเย็นคือมูลด์ ไวน์ ซึ่งมีไวน์ขาวเป็นส่วนประกอบหลักและผสมแอปริคอทกับลูกเกดลงไป รสชาติเผ็ดฉุนเป็นอย่างมาก ฉินสือโอวเห็นพวกผู้หญิงดื่มได้คล่องคอขนาดนั้นเขาจะปล่อยตัวเองให้ขายหน้าไม่ได้เด็ดขาด จึงทำได้แค่กลืนมันลงไปทั้งน้ำตา
หู่จือกับเป้าจือก็ดื่มไวน์ลงไปนิดหน่อย ตั้งแต่ที่นักศึกษาปิ้งบาร์บีคิวและดื่มเบียร์ในตอนนั้น หลังจากนั้นพวกมันทั้งสองตัวก็หาโอกาสแอบดื่มเข้าไปอึกสองอึก จนดูเหมือนว่าจะค่อยๆ พัฒนาความสามารถในการดื่มเหล้าขึ้นมาได้ไม่เลวเลย
ฉงต้าเกลียดการดื่มแอลกอฮอล์ พอฉินสือโอวป้ายลงไปบนปากมัน ฉงต้าก็โมโหขึ้นมาทันที มันผลักเก้าอี้ของฉินสือโอวเพื่อให้เขาตกลงไป วินนี่รีบเอาสเต๊กปลาให้มันกิน ถึงทำให้มันสงบอารมณ์ลงได้
พอทานอาหารเย็นเสร็จ มาริโอ้ก็เรียกฉินสือโอวให้ออกไปหา เมื่อมาถึงสวนดอกไม้เล็กๆ ฉินสือโอวก็นั่งหลังตรงอย่างสำรวม เตรียมตัวรับโอวาทจากว่าที่พ่อตา
ว่าที่พ่อตาทั้งรู้สึกชื่นใจทั้งรู้สึกใจคอแห้งเหี่ยว เขาพูดกับฉินสือโอวว่า “ฉิน การที่วินนี่ได้คบกับคุณถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ถึงแม้ว่าพวกเราจะยังรู้จักคุณไม่มากพอ แต่ก็พอจะมองออกว่าคุณเป็นคนดี”
ฉินสือโอวยิ้มอย่างสำรวม ชาวแคนาดาชอบแจกบัตรคนดีให้กับคนอื่น อย่างวิล อย่างแฮมเล็ต อย่างพี่น้องตระกูลฮิวจ์ รวมถึงว่าที่พ่อตาที่อยู่ตรงหน้าเขาด้วย ทุกคนต่างก็ยกย่องว่าเขาเป็นคนดีทั้งนั้น
“ช่วงนี้ที่คุณอยู่กับวินนี่ ผมคิดว่าคุณก็คงจะพอรู้มาบ้างแล้ว เธอเป็นเด็กที่หัวรั้นมาก เป็นผู้หญิงที่มีนิสัยเหมือนเด็กๆ หวังว่าคุณจะยอมรับเธอได้นะ ถ้าหากมีข้อเสียที่คุณรู้สึกว่าทนรับได้ยากเกินไป ได้โปรดให้โอกาสเธอแก้ไขตัวเองด้วย”
ฉินสือโอวเกาหัวแกรกๆ คุณพ่อตาค่อยๆ พูดนะครับ นี่พวกเรารู้จักผู้หญิงคนเดียวกันหรือเปล่าครับเนี่ย? วินนี่น่ะนะ เธอเป็นเหมือนนางฟ้าเลยนะ จะเป็นผู้หญิงดื้อรั้น นิสัยเหมือนเด็กๆ ได้ยังไงกัน?
“ตอนเธอเป็นเด็กผมกับแม่ของเธอไม่ได้เอาใจใส่เธอให้มากพอ ทำให้ตอนนี้พวกเราต้องเข้าใจกันผิดไป แล้วก็หวังว่าจะฝากฝังคุณ ให้ช่วยแก้ไขความเข้าใจผิดพวกนี้ เพราะพวกเราดูออกว่าวินนี่รักและเคารพคุณมากๆ”
จุดนี้ฉินสือโอวรีบตบหน้าอกตัวเองแล้วพูดกับเขาว่า “คุณพ่อ เอ่อ คุณลุงวางใจเถอะครับ เรื่องนี้ให้ผมจัดการเอง ผมจะปลอบใจวินนี่เอง ยังไงก็เป็นคนในครอบครัวเดียวกัน เลือดย่อมข้นกว่าน้ำ ผมรู้ว่าวินนี่ก็รักพวกคุณ เธอแค่ดื้อรั้นไปบ้างเท่านั้น”
พอคุยเรื่องวินนี่เสร็จแล้ว มาริโอ้ก็ตบลงไปที่ไหล่ของฉินสือโอว เขาเริ่มมีท่าทางเหมือนผู้อาวุโสทั่วๆ ไป ที่ต้องการให้กำลังฉินสือโอว
เทศกาลคริสต์มาสสิ้นสุดลงแล้ว วินนี่เก็บข้าวของให้เรียบร้อย แล้วพาเหล่าสัตว์เลี้ยงกลับฟาร์มปลาไปพร้อมฉินสือโอว
ตอนกำลังจะออกเดินทาง วินนี่รู้สึกเป็นอิสระอย่างถึงที่สุด เธอโบกมือแล้วก็ขึ้นรถไป
ทว่าตอนที่กำลังนั่งเครื่องบินกลับ ใบหน้างดงามของวินนี่กลับแสดงความรู้สึกเศร้าสลดที่ยากจะปกปิดไว้ออกมา เธอนั่งอยู่ข้างหน้าต่างมองดูบริเวณเมืองที่เป็นที่อยู่ของครอบครัวอย่างใจลอย เธอเอาแต่นิ่งเงียบไม่ได้พูดอะไร
ฉินสือโอวส่งสายตาไปให้ฉงต้า ไม่รู้ว่าเป็นเพราะได้รับผลกระทบจากฤดูหนาวหรือเปล่า ช่วงนี้เจ้าหมีนี่ถึงได้ขี้เกียจยิ่งกว่าเดิม
แม้ว่าจะรับรู้ถึงคำสั่งของฉินสือโอวแล้ว แต่ฉงต้าก็ยังทำเป็นมองไม่เห็น มันหาวออกมาแล้วก็เลียริมฝีปากของตัวเอง อุ้งเท้าทั้งสองข้างของมันกุมหัวของตัวเองนอนหมอบอยู่บนที่นั่งกว้างขวางแล้วก็หลับไป
ฉินสือโอวโกรธจนแทบจะทนไม่ไหว เขาเดินไปหยิกหูกลมๆ ของมัน ฉงต้าเหลือบตามองเขาหนึ่งครั้ง มันแกล้งตายไม่ยอมตอบอะไรกลับไป
หู่จือกับเป้าจือที่อยู่ด้านหลังก็พากันเข้าไปออดอ้อน วินนี่เกาท้องของพวกมันให้พวกมันมานอนอยู่ข้างๆ เธอ หลังจากนั้นก็กลับมาใจลอยเหมือนเดิม
ห้าชั่วโมงครึ่งต่อจากนั้น เครื่องบินก็ลงจอดที่สนามบินนครเซนต์จอห์น ฉินสือโอวลากสัมภาระพาคนในครอบครัว รีบกลับไปยังฟาร์มปลา เขาพบว่าที่ฟาร์มปลาไม่มีใครอยู่เลยสักคน
พอเออร์บักที่ลงมาจากข้างบนมองเห็นพวกเขาก็ถามด้วยความแปลกใจว่า “ฉิน วินนี่ สุขสันต์วันคริสต์มาส ทำไมถึงได้พากันกลับมาเร็วขนาดนี้ล่ะ? หรือว่าฉันจำวันผิด เมื่อวานนี้ไม่ใช่วันคริสต์มาสหรอกเหรอ?”
ฉินสือโอวตอบเขากลับไปว่า “วินนี่อยากกลับมาฉลองวันปีใหม่กับทุกๆ คนน่ะครับ เลยพากันกลับมาก่อน จริงสิ แล้วคนอื่นๆ ล่ะครับ? ไปร่วมกิจกรรมวันคริสต์มาสในเมืองเหรอ?”
เออร์บักส่ายหัวไปมา เขาพูดขึ้นมาว่า “โชคดีที่พวกนายไม่ได้อยู่ที่นี่ กิจกรรมวันคริสต์มาสปีนี้ถูกยกเลิกแล้ว เมื่อไม่กี่วันมานี้มีหิมะตกหนักบนภูเขาใช่ไหมล่ะ? กวางป่าบนเทือกเขาเคอร์บัลไม่มีอาหาร ช่วงสองวันนี้เลยพากันลงมาจากภูเขา คนในเมืองเลยรวมตัวกันออกไปล่ากวาง”
ฉินสือโอวพูดด้วยรอยยิ้ม “ล่ากวางฉลองวันคริสต์มาสเหรอครับ? กิจกรรมนี้ก็ไม่เลวนี่”
เออร์บักถอนหายใจออกมา “กิจกรรมเฉลิมฉลอง? ฝูงกวางลงมาจากภูเขานายคิดว่ามันน่าสนุกเหรอ? มีนักท่องเที่ยวได้รับบาดเจ็บแล้วด้วยซ้ำ!”
…………………………………………………………..
บทที่ 388 ฝูงกวางเจ้าเล่ห์
โดย
Ink Stone_Fantasy
พอได้ยินว่ามีนักท่องเที่ยวได้รับบาดเจ็บ วินนี่ก็เริ่มรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมา เธอทิ้งฉงต้ากับพี่น้องหู่จือไว้แล้วขับรถเข้าไปในเมือง
ฉินสือโอวยังอยากจะขับรถพอร์ช 918 ไปอวด วินนี่สูดหายใจสั้นๆ แล้วพูดกับเขาว่า “คุณล้อฉันเล่นเหรอคะ? คุณจะขับพอร์ชในวันที่หิมะตกหนักอย่างนี้น่ะเหรอ? เขียนพินัยกรรมก่อนแล้วค่อยมาว่ากันอีกทีนะคะ”
เออร์บักจึงช่วยเกลี้ยกล่อม “จริงๆ แล้วในวันแบบนี้ ถ้าขับรถซูเปอร์คาร์น่าจะดีกว่า ศูนย์ถ่วงของรถเอสยูวีสูงเกินไป ต้องระวังรถลื่นไถล ขับรถซูเปอร์คาร์ช้าๆ หน่อย อากาศหนาวเครื่องยนต์จะระบายความร้อนได้เร็ว ขับไปแล้วปลอดภัยยิ่งกว่า”
ฉินสือโอวยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจ วินนี่ยักไหล่น้อยๆ แล้วพูดกับเขาว่า “โอเคค่ะ ฉันยอมรับว่าคุณปู่เออร์พูดถูก แต่ฉันยังยืนยันที่จะขับรถเอสยูวีอยู่ดี”
ในที่สุดเสียงหัวเราะก็หยุดลง แผนการอวดเบ่งของฉินสือโอวไม่ประสบความสำเร็จ
เมื่อมาถึงในเมือง ฉินสือโอวเห็นรถจำนวนไม่น้อยที่จอดอยู่บนถนน ชายร่างใหญ่บางส่วนเดินขวักไขว่ไปมา บนตัวของพวกเขาถ้าไม่ได้ถือปืนก็สะพายคันธนู
พอเขาโทรศัพท์ไป ชาร์คกับคนอื่นๆ ก็มารับเขา บนตัวของพวกเขาพกปืนมากันทุกคน ทั้งหมดเป็นปืนเรมิงตันที่ถูกใช้สำหรับล่ากวางโดยเฉพาะมาเป็นระยะเวลาหนึ่งร้อยปีแล้ว
วินนี่ลงรถแล้วถามอย่างรีบร้อนว่า “ทำไมนักท่องเที่ยวถึงได้รับบาดเจ็บล่ะ? บาดเจ็บรุนแรงไหม? ตอนนี้อาการเป็นยังไงบ้าง?”
ชาร์คอธิบายให้ฟังว่า “ไม่มีปัญหาร้ายแรง ครั้งนี้ฝูงกวางเรนเดียร์ลงมาจากบนภูเขา นักท่องเที่ยวพวกนั้นอยากจะไปถ่ายรูปกับพวกมัน แต่กวางเรนเดียร์กำลังหิวมีอารมณ์ฉุนเฉียวดุร้าย เลยพุ่งชนจนเอวของนักท่องเที่ยวพวกนั้นได้รับบาดเจ็บ”
“แล้วจัดการเรื่องนี้ยังไง?”
“นักท่องเที่ยวรับผิดของตัวเองเป็นหลัก เพราะในสัญญาที่พวกเขาเซ็นไว้กับบริษัททัวร์บอกไว้ชัดเจนแล้วว่าไม่อนุญาตให้เข้าไปสัมผัสกับสัตว์ป่าโดยพลการ แต่นายกเทศมนตรีแฮมเล็ตพยายามช่วยพวกเขาไว้ โดยที่บริษัทท่องเที่ยวของเมืองจะช่วยรับภาระค่ารักษาพยาบาลครึ่งหนึ่ง”
ตอนนี้ในเมืองยังมีบรรยากาศของเทศกาลคริสต์มาสอยู่อย่างเข้มข้น หน้าประตูของทุกๆ ครัวเรือนยังมีต้นคริสต์มาสอยู่ พื้นที่ว่างหลายแห่งยังมีเศษเถ้าถ่านของกองไฟอยู่ คืนวานนี้น่าจะมีการจัดงานเลี้ยงรอบกองไฟขึ้น
ถึงแม้ว่าหิมะบนถนนในเมืองจะถูกกวาดออกไปแล้ว แต่ว่าบนพื้นถนนกับหลังคาบ้านก็ยังมีร่องรอยหลงเหลืออยู่ หิมะตกโปรยปรายแบบนี้ เมืองเก่าแก่ ชาวประมงกับอาคารทรงกอธิก เมืองแฟร์เวลในตอนนี้ดูสวยกว่าเวลาปกติอยู่มากนัก
หิมะในที่ร่มบางแห่งยังไม่ทันละลาย มีคนปั้นมนุษย์หิมะขึ้นมาขนาดความสูงเท่าคนสองคน บนหัวมีถังพลาสติกสวมเอาไว้ มีตา จมูก ปากครบสมบูรณ์ ทั้งยังปักกิ่งไม้ไว้บนลำตัวเพื่อทำเป็นแขน ปั้นถูกต้องตามลักษณะที่ควรมี
บรรดานักท่องเที่ยวถูกหิมะที่ตกลงมาอย่างหนักปิดล้อมเอาไว้ นอกจากดื่มกาแฟดูโทรทัศน์อยู่ในห้องพักแล้ว ก็มีคนออกมาถ่ายรูปตามท้องถนนเพื่อบันทึกภาพผู้คนที่มาล่ากวาง
ชาร์คบอกว่ามีนักท่องเที่ยวบางส่วนลงชื่อเพื่อขอไปล่ากวางด้วยกัน แต่แฮมเล็ตไม่กล้าอนุมัติเนื่องจากต้องใช้อาวุธปืน ซึ่งก็บอกได้ชัดเจนแล้วว่าไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ถ้าแค่โดนกวางชนนิดหน่อยก็คงไม่เป็นอะไร แต่ถ้ายิงปืนพลาดไปโดนคนเข้า ก็คงจะไม่ดีแน่ๆ
ตอนที่ฉินสือโอวมาถึงในเมืองเป็นเวลาที่คณะล่ากวางเพิ่งจะกลับมา ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว ผู้คนทยอยกันกลับบ้าน พวกเขานัดกันไว้ว่าพรุ่งนี้ตอนเก้าโมงเช้าจะมารวมตัวกันเพื่อไปล่ากวางในบริเวณรอบๆ เมืองต่อ
แน่นอนว่าฉินสือโอวเองก็ได้รับเชิญเช่นกัน
ที่จริงฉินสือโอวไม่อยากไป เพราะเขาคิดว่าการฆ่าสัตว์ป่าไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง ชาร์คจึงบอกกับเขาอย่างจนปัญญาว่า นี่ก็ถือว่าเป็นภัยพิบัติชนิดหนึ่งของฟาร์มปลาเช่นกัน ถ้าพวกเราไม่ไปก็คงไม่ดีเท่าไรนัก
พอกลับมาถึงฟาร์มปลาฉินสือโอวก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาทันที สวนผักของเขาถูกทำลายจนเสียหาย ผักกาดขาว ผักปวยเล้ง ผักชี ต้นหอมใหญ่ หน่อกระเทียมที่อยู่ในสวนถูกกัดกินจนเละเทะ กระทั่งแคร์รอตกับหัวไชเท้าที่อยู่ในดิน ก็ยังถูกขุดขึ้นมาทั้งหมด…
“พ่อมันสิ้น ฉันจะฆ่าพวกมันให้หมด! สารเลวเกินไปแล้ว!” ฉินสือโอวโมโหขึ้นมาทันที
นี่น่าจะเป็นเหมือนคำสแลงประโยคนั้นของแคนาดา ถ้าไม่ใช่เรื่องที่ตนเองเดือดร้อน นั่นก็เป็นเพียงเรื่องน่าสนุก
ก่อนนอนหลับในตอนกลางคืน ฉินสือโอวลากปอหลัวเข้ามาอยู่ในห้องรับแขก ไม่ให้มันเข้าไปในฟาร์มปลา ถ้าถูกคนเข้าใจผิดจนโดนยิง คงจะสนุกแน่แล้ว
มื้อเช้าวันถัดมา ฉินสือโอวก็ได้เห็นไข่นกจมูกหลอดหางสั้นที่คุ้นเคย มันผ่านกรรมวิธีปรุงอาหารที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นไข่นกทอดเอย ข้าวผัดไข่นกเอย ไข่นกต้ม ไข่นกดอง นับว่าเป็นอาหารมื้อใหญ่ที่ทำจากไข่นกทั้งสิ้น
ช่วยไม่ได้ ช่วงก่อนหน้านี้ฟาร์มปลาได้ไข่นกมาเยอะเกินไป จนถึงตอนนี้ก็ยังหาไข่ของนกบนชายหาดได้อยู่ และเนื่องจากพอนกออกไข่แล้วไข่ก็ถูกหิมะแช่แข็งเอาไว้ทันที ทำให้คุณภาพของไข่นกที่เก็บมาในตอนนี้ก็ยังดีอยู่เหมือนเดิม
เมื่อทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว ทุกคนก็ขึ้นกระบะของชาร์ค เพื่อไปรวมตัวกันในเมือง
เบิร์ดขับรถอยู่ด้านหน้า ฉินสือโอว นีลเซ็น ชาร์ค ซีมอนสเตอร์กับอีวิลสันนั่งอยู่ที่ท้ายรถกระบะ ในมือของแต่ละคนถือปืนเอาไว้ เหมือนกับทหารนักรบในแอฟริกาไม่มีผิด
คณะล่ากวางขับรถกระบะออกไปทั้งหมดสิบสองคัน มีจำนวนคนสี่สิบกว่าคน บรรดานักท่องเที่ยวก็ถ่ายภาพเอาไว้อย่างต่อเนื่อง มีคนโพสต์ลงในเวยป๋อแล้วบอกว่านี่คือกองกำลังติดอาวุธของแคนาดา พอรวมกับรูปที่ถ่ายก็ยังมีคนในประเทศจีนที่เชื่อว่านี่เป็นเรื่องจริง…
ฉินสือโอวรู้สึกว่าชาวเมืองทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ก็แค่กวางไม่กี่ตัวลงมาจากภูเขา ถึงกับต้องพาคนมาเยอะขนาดนี้เลยเหรอ? ก็แค่สิงสาราสัตว์ลงมาแค่ไล่พวกมันไปก็พอแล้วไหม?
แต่พอรถกระบะขับออกมานอกเมือง ฉินสือโอวก็รู้สึกว่า จำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้จริงๆ นั่นล่ะ
ฝูงกวางจากเทือกเขาเคอร์บัลยุ่งเหยิงวุ่นวาย มีทั้งกวางแดง กวางเรนเดียร์และกวางอูฐ พวกมันลงมาจากภูเขาเพื่อหาอาหาร แต่พืชพันธุ์ที่ตีนเขาก็ถูกหิมะกลบหมดแล้ว ดังนั้นพวกมันจึงบุกเข้าไปในสวนผักของชาวเมือง เพื่อกินพืชผักใบหญ้าในสวน
สวนของชาวเมืองล้วนแต่ใช้รั้วไม้ล้อมรอบ เครื่องป้องกันคนดีไม่และกันคนโกง ฝูงกวางที่กำลังหิวโหยสามารถชนรั้วไม้พวกนั้นจนพังได้อย่างง่ายดาย เป็นอันตรายต่อที่พักอาศัยของชาวเมืองอย่างมาก
นอกจากนี้ อีกหนึ่งจุดประสงค์ที่ต้องไล่ฝูงกวางไปก็คือเพื่อป้องกันไม่ให้พวกมันทำร้ายผู้คน ในทุกๆ ปีทั้งสามรัฐบนท้องทุ่งหญ้าของแคนาดาจะมีเหตุการณ์กวางทำร้ายผู้คนจนได้รับบาดเจ็บ โดยเฉพาะกับเด็กๆ จะยิ่งเป็นอันตราย
พอขับรถออกมานอกเมืองก็ได้เจอกับฝูงกวางเรนเดียร์หนึ่งฝูง มีกวางอยู่ประมาณหกเจ็ดตัว พวกมันกำลังขุดพื้นหิมะเพื่อกินรากหญ้า
ฉินสือโอวยกปืนขึ้นมาทันที แต่กลับได้ยินเสียงเครื่องยนต์รถดังขึ้นมาก่อน ฝูงกวางพวกนี้หนีพวกเขาไปตั้งแต่ตอนที่ยังห่างกันอยู่ไกลๆ
เนื่องจากหิมะตกหนัก การเดินทางบนถนนจึงไม่ดีนัก ถนนรอบๆ เมืองแฟร์เวลก็ล้วนแต่เป็นถนนหน้าดิน ผิวถนนจึงกลายเป็นกองเลน ต่อให้เป็นรถกระบะก็ยังขับผ่านได้อย่างยากลำบาก
ฝูงกวางวิ่งหนีไปในทุ่งกว้าง พอรถกระบะวิ่งไปได้ระยะหนึ่งล้อรถก็ตกลงไปในหลุมโคลนจนเครื่องยนต์ดับ
ฉินสือโอวไม่รู้จะทำยังไงดี ทุกๆ คนจึงต้องกระโดดลงมาลากรถ ล้อถึงจะหมุนออกมาได้
คณะล่ากวางไม่ได้มีการทำงานที่เหมือนกัน พอออกมาจากเมืองพวกเขาก็แยกย้ายกันแล้ว พวกเขามีจุดประสงค์แค่หนึ่งเดียว เพื่อไล่ฝูงกวางออกไปจากเมืองยิ่งไล่ไปได้ไกลเท่าไรก็ยิ่งดี ให้พวกมันกลับขึ้นไปบนภูเขาได้ก็จะดีที่สุด ไม่อย่างนั้นคงต้องฆ่าไม่ให้เหลือ
เห็นรถดับ ฝูงกวางที่วิ่งไปไกลแล้วก็หยุดฝีเท้าลง กวางตัวผู้ขนาดใหญ่ตัวหนึ่งก็ยังวิ่งกลับมาถึงหนึ่งระยะ ถึงแม้จะเห็นท่าทางและแววตาของพวกมันได้ไม่ชัดเจน แต่ฉินสือโอวรู้แน่ชัดว่าเจ้าพวกนั้นกำลังหัวเราะเยาะเขาอยู่
กวางตัวผู้ตัวนี้รนหาที่ตายแล้ว ระยะทางไม่เกินสองร้อยกว่าเมตร ถึงจะเกินระยะยิงของปืนลูกซอง แต่นีลเซ็นก็ยังพกปืนเอสไอจีมาอีกกระบอก
ผลักประตูรถออกไป นีลเซ็นยื่นปืนออกไปนอกรถจากนั้นก็เล็งแล้วลั่นไกด้วยความรวดเร็ว เพียงแค่ได้ยินเสียง ‘ปังๆๆ’ เสียงปืนดังกังวานสามครั้ง กวางตัวผู้ตัวนั้นเดินโซซัดโซเซไปได้สองก้าว ก็ล้มตัวลงนอนกระตุกตัวอยู่บนพื้นทันที
ฉินสือโอวตาเป็นประกาย เขาพูดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นว่า “วิถีปืนเยี่ยมมาก ไอ้น้อง!”
นีลเซ็นยิ้มอย่างสำรวมและตอบเขาว่า “บอส อย่าลืมสิครับว่าผมเป็นมือปืนซุ่มยิงในหน่วยรบพิเศษ”
“ถ้าอย่างนั้นนายไล่กวางพวกนี้ด้วยตัวคนเดียวไหม?”
“จะทำแบบนั้นได้ยังไงล่ะครับ? ผมเป็นมือปืนซุ่มยิงนะ ไม่ใช่เดอะฮัลค์…”
“อืม นายเป็นทหารหน่วยรบพิเศษ แต่กลับไม่มีประโยชน์อะไรเลยสักอย่าง”
พอขนซากกวางตัวผู้ขึ้นมาไว้บนรถกระบะแล้ว ทุกๆ คนยังต้องขับท่องไปรอบๆ กวางเรนเดียร์ในคราวแรกตกใจจนวิ่งหนีไปแล้ว เพราะพวกเขาไม่ได้มีจุดประสงค์ที่จะฆ่าล้างบาง ดังนั้นแค่ขู่ให้หนีไปก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องตามไปฆ่า
ชาร์คหารอยเท้ากวางบนพื้นหิมะ เขาประมาณการทิศทาง แล้วพูดขึ้นมาว่า “พวกเราลองขับรถไปดูก่อน อาจจะมีร่องรอยของกวางแดงอยู่”
………………………………………….
บทที่ 389 หม้อไฟเนื้อกวาง
โดย
Ink Stone_Fantasy
ฝูงกวางไม่ได้หาได้ง่ายขนาดนั้น รถวิ่งรอบเมืองไปแล้วประมาณครึ่งรอบ นอกจากฝูงกวางเรนเดียร์ที่เจอในช่วงเริ่มต้น ก็ไม่ได้เจอฝูงกวางที่ไหนอีก
ชาร์คตามรอยเท้าของกวางแดงอยู่สักพักแต่ก็ไม่เจออะไรเลย สิ้นเปลืองน้ำมันไปอย่างเปล่าประโยชน์ ในตอนเที่ยงจึงทำได้แค่รีบกลับมาทานอาหารในเมืองเท่านั้น
ซีมอนสเตอร์อธิบายให้ฉินสือโอวฟังว่า “อย่าเพิ่งท้อนะ บอส กวางป่ามันเจ้าเล่ห์มาก เมื่อสองวันก่อนฆ่าไปส่วนหนึ่งแล้ว พวกที่เหลืออยู่เลยเริ่มเรียนรู้ ตอนกลางวันพวกมันจะเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในป่าไม้หรือไม่ก็กลับไปบนภูเขา ตอนเย็นถึงจะโผล่หัวออกมา”
“ให้ตาย ไม่น่าจะใช่นะ พวกมันรบแบบกองโจรได้ด้วยเหรอ?” ฉินสือโอวรู้สึกใจคอแห้งเหี่ยว
รถคันอื่นๆ ขับกลับมากันแล้ว ส่วนใหญ่แล้วไม่ได้อะไรกลับมา รถของพี่น้องตระกูลฮิวจ์ล่ากวางแดงมาได้หนึ่งตัว แต่พอเห็นกวางตัวนั้นฉินสือโอวก็รู้สึกขายขี้หน้าแทน กวางตัวเล็กขนาดนี้พวกนายก็ยังมีหน้าไปฆ่ามันอีกเหรอ?
ทานพิซซ่าหอมๆ กับซุปครีมหัวผักกาดร้อนๆ จิตใจของฉินสือโอวก็รู้สึกฮึกเหิมขึ้นมาอีกครั้ง ช่วงบ่ายก็ออกโจมตีอีกรอบ ครั้งนี้รถขับมาตามถนนไกลกว่าเดิมนิดหน่อย ฝูงกวางที่ได้เจอก็เยอะขึ้นกว่าเดิม
ไม่รู้ว่าบนเทือกเขาเคอร์บัลมีกวางอยู่มากมายขนาดไหน แต่จำนวนกวางที่ลงมาจากภูเขาในครั้งนี้มีอยู่ไม่น้อยเลย สามร้อยสี่ร้อยตัวก็น่าจะถึง
ชาร์คขับรถไปที่ทะเลสาบเฉินเป่าก่อน กวางหลายตัวกำลังดื่มน้ำอยู่ที่ริมทะเลสาบ พอเห็นกวางพวกนี้ รถกระบะก็เหมือนนักเลงที่มองเห็นสาวสวย ขับพุ่งเข้าไปหาทันที
กวางที่ถูกจ้องพวกนั้นวิ่งหนีไม่ทันแล้ว แค่หมุนตัวกลับไปก็ถูกฉินสือโอวยิง จนล้มลงไปบนพื้นทันที
กวางพวกที่เหลืออยู่กลัวจนฉี่แทบราด สะบัดหางแล้ววิ่งแจ้นหนีเอาชีวิตรอดจนสุดฝีเท้า พวกมันวิ่งตรงไปยังเทือกเขาเคอร์บัลทันที
ขอแค่ฝูงกวางไม่เข้ามาในเมือง ก็เป็นเรื่องดีแล้ว พอฉินสือโอวกับคนอื่นๆ แค่ขู่ฝูงกวางให้กลัวไม่ได้ตามไปฆ่าล้างบาง แต่เปลี่ยนทิศทางไปที่อื่น
กวางอูฐสีเทาดำตัวใหญ่ตัวหนึ่งวิ่งช้าๆ ออกมาจากในป่า เงาร่างของมันที่ปรากฏอยู่บนผืนหิมะสีขาวสะอาดดูเด่นชัดเป็นพิเศษ นีลเซ็นกลับทิศทางปากกระบอกปืนแล้วยิงออกไป
ปรากฏว่าหลังเสียงปืนดังขึ้น กวางอูฐตัวนั้นก็ล้มลงไปแล้วลุกขึ้นมาใหม่ วิ่งกระวีกระวาดกลับเข้าไปในป่า
ชาร์คหยุดรถ ทุกคนถือปืนเอาไว้แล้วเดินเข้าไปในป่า
กระต่ายที่กำลังตื่นกลัวก็ยังกัดคน แล้วนับประสาอะไรกับกวางอูฐล่ะ? กวางอูฐตัวนี้มีความยาวลำตัวกว่าสองเมตรครึ่ง เหมือนกับสัตว์ประหลาดไม่มีผิด รอจนฉินสือโอวกับคนอื่นๆ เข้ามาในป่า มันก็ส่งร้องแล้ววิ่งบุกเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง
ตอนที่กวางอูฐบุกเข้ามา จะยืนเซ่อๆ ปะทะหน้ากับมันแบบแข็งเจอแข็งเลยไม่ได้ เนื่องจากกวางอูฐเป็นสัตว์ดุร้าย น้ำหนักตัวมาก ถึงอยู่ต่อหน้าจะสามารถยิงพวกมันได้ แต่การควบคุมภายใต้แรงเฉื่อย ร่างกายของมันมักจะชนเข้ากับคนอยู่ดี
อย่างกวางอูฐตัวนี้ ลำตัวยาวสองเมตรครึ่ง ตัวสูงกว่าสองเมตร น้ำหนักมากกว่าหนึ่งพันกิโลกรัม กล้ามเนื้อแน่นๆ ทั่วตัว เขากวางแข็งๆ บนหัว พุ่งชนคนด้วยระดับความเร็วแบบนี้ ต่อให้ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต
ฉินสือโอวดวงกุด พอเงยหน้าขึ้นมาเขาก็พบว่ากวางตัวนี้กำลังวิ่งมาทางเขา จึงรีบทิ้งปืนแล้วปีนขึ้นไปบนต้นไม้
ไม่ได้น่าขายหน้าเลย ปฏิกิริยาตอบสนองเมื่อพบกับการโจมตีของสัตว์ร้าย ทางเลือกอันดับหนึ่งก็คือทิ้งสิ่งของที่จะเป็นอุปสรรคต่อความคล่องตัว ไม่ว่าของสิ่งนั้นจะเป็นมีดหรือปืน
กวางอูฐพุ่งตัวถาโถมชั้นหิมะกับเศษซากกิ่งใบของต้นไม้ตามเข้ามา เบิร์ดตอบสนองอย่างว่องไว มือขวาแตะเข้ากับด้านข้างของท่อนขาใหญ่ จากนั้นก็สะบัดกริชออกไป
“ฉึก” แสงสะท้อนของมีดสั้นเป็นประกายระยิบระยับ กริชปักเข้าไปที่คอของกวางอูฐทันที
เมื่อเป็นเช่นนี้มันจึงต้องพบกับความเจ็บปวด พละกำลังในการโจมตีก็ช้าลงถึงสองส่วนทันที เบิร์ดคว้าโอกาสนี้ไว้แล้วลั่นไกปืนออกไปด้วยมือเพียงข้างเดียว ปืนเรมิงตันดังขึ้นมาหนึ่งนัด ลูกกระสุนแรงทำลายล้างสูงก็ระเบิดออกไป ยิงจนกวางอูฐล้มลงกับพื้น
เสียง ‘ครืนๆ’ จากกวางอูฐดังขึ้นมาร่างของมันก็ล้มลงไปบนพื้น มันแหงนหน้าขึ้นร้อง ‘อี๊ๆ อี๊ๆ ’ อยู่ไม่กี่ครั้ง จังหวะการหายใจก็ค่อยๆ อ่อนแรงลง ขาทั้งสี่ข้างชักกระตุกอยู่ไม่กี่ครั้งก็สิ้นใจในที่สุด
นีลเซ็นผิวปากออกมาสองสามครั้ง แล้วตะโกนขึ้นมาว่า “บิ๊กเบิร์ด น็อคดาวน์ได้สวยจริงๆ !”
ทางฝั่งฉินสือโอวก็หน้าม่อยคอตกนิดหน่อย เขากลอกตาแล้วพูดขึ้นมาว่า “กับผีน่ะสิ อีกนิดจะโดนฉันด้วยแล้ว! เร็ว ลงมือเลย ช่วยกันหามขึ้นรถ!”
อีวิลสันขึ้นไปจับหัวใหญ่ๆ ของกวางอูฐเอาไว้ ส่วนคนอื่นๆ ก็แบ่งกันจับขาทั้งสี่ข้าง ร่วมแรงร่วมใจกันถึงช่วยกันยกสัตว์ประหลาดยักษ์ตัวนี้ขึ้นมาได้
ฉินสือโอวหยิบปืนขึ้นแล้วเดินตามมาอย่างช้าๆ เอื่อยๆ ไก่ป่าเฮเซลตัวหนึ่งก็วิ่งทะเล่อทะล่าออกมา พอเห็นคนอยู่หลายคนขนาดนี้ก็หมุนตัววิ่งกลับไป
เห็นไก่ป่าเฮเซลอ้วนๆ ตัวนี้ ฉินสือโอวก็พูดอย่างเสียดายๆ ว่า “น่าเสียดายที่ไม่ได้เอาธนูมา…”
สิ้นเสียง เบิร์ดที่กำลังหามขาหน้าของกวางอูฐด้วยมือเดียวอยู่เงียบๆ ก็หันหน้ากลับมา เขาสะบัดแขนปามีดทหารออกไป ปักลงไปบนปีกของไก่ป่าเฮเซลที่กางออกมาอย่างแม่นยำ จนมันถูกปักติดกับลำต้นของต้นไม้ที่อยู่ข้างๆ
“ผมไม่มีทางพลาดแน่นอน” เบิร์ดพูดขึ้นมาอย่างคูลๆ เพื่อตอบความข้องใจของฉินสือโอวเมื่อก่อนหน้านี้
ฉินสือโอวเข้าไปดึงไก่ป่าเฮเซลที่กำลังส่งเสียงร้องออกมา แล้วชมเขาว่า “จัดการได้สวยมาก แบบนายถึงจะมีท่าทางสมกับเป็นคิงของทหารหน่วยรบพิเศษ!”
นีลเซ็นจะร้องไห้แล้ว เขาร้องขึ้นมาว่า “บอส ถ้าคุณให้ผมยืม AWP ของคุณ ต่อให้ห่างออกไปเป็นกิโลผมก็จัดการไก่ตัวนี้ได้!”
“แล้วพวกเราจะได้กินขนไก่กันน่ะเหรอ?” ฉินสือโอวพูดจบ ชาร์คกับคนอื่นๆ ก็ระเบิดหัวเราะออกมา
ปืนไรเฟิลสำหรับซุ่มยิงมีพลังทำลายล้างสูงเกินไป ยิงโดนคนหรือสัตว์ใหญ่อย่างกวางก็จะเป็นรูกระสุนขนาดใหญ่ แต่ถ้ายิงไก่เฮเซลหนักสองสามกิโลกรัมพวกนี้ คิดว่าแม้แต่กระดูกก็คงไม่เหลือ
หนึ่งวันล่ากวางมาได้สองตัว ช่วงบ่ายก็ยังพบกวางอีกหลายฝูง ท้องฟ้าค่อยๆ เปลี่ยนสี พวกมันเริ่มเข้ามาใกล้เขตเมืองเพื่อหาอาหาร ทว่ากวางพวกนี้ฉลาดหลักแหลมมากนัก พอได้ยินเสียงเครื่องยนต์ของรถพวกมันก็วิ่งหนีทันที เดินทางผ่านพื้นหิมะได้ยาก รถกระบะจึงตามไปไม่ทัน
คนอื่นๆ ก็ล่ามาได้ไม่มาก ทุกคนมารวมตัวกันที่บาร์เหล้า แล้วก็เริ่มบ่นว่ารับมือกับฝูงกวางนั้นลำบากขนาดไหน
หลักๆ เลยคือหาพวกมันได้ยากมาก ฝูงกวางเป็นสัตว์ป่าที่มีความชำนาญในการซ่อนตัวและวิ่งหนีเอาชีวิตรอดเป็นอย่างมาก ถ้าไม่ใช่เพราะร่างกายสูงใหญ่แข็งแรงกับความขี้ขลาด พวกมันคงถูกสัตว์ร้ายชนิดอื่นล่าจนสูญพันธุ์ไปนานแล้ว
สุดท้ายฉินสือโอวก็พูดขึ้นมาด้วยความโกรธแค้นว่า “แม่มัน ฉันอยากจะใช้เฮลิคอปเตอร์จริงๆ ฉันไม่เชื่อว่าพวกมันจะซ่อนตัวจากเรดาห์ของเฮลิคอปเตอร์ได้หรอกนะ”
ทุกๆ คนต่างก็พากันส่ายหัว นิวฟันด์แลนด์ห้ามไม่ให้ใช้เฮลิคอปเตอร์เพื่อล่าสัตว์ นี่เป็นเครื่องจักรสังหารที่ทำให้ฝูงสัตว์ป่าสูญพันธุ์ได้อย่างง่ายได้ ภายใต้ทัศนวิสัยของเฮลิคอปเตอร์ ไม่มีสัตว์ป่าตัวไหนที่สามารถหลบซ่อนไปได้
ดื่มวิสกี้อยู่ในบาร์เพื่อช่วยอบอุ่นร่างกายไปนิดหน่อยแล้ว ฉินสือโอวกับคนอื่นๆ ถึงพากันกลับบ้านไปเตรียมอาหารเย็น
สี่ห้าวันต่อจากนั้น พวกเขายังช่วยชาวเมืองไล่ฝูงกวางออกไปอยู่โดยตลอด แต่ก็ได้ผลสำเร็จเพียงน้อยนิด ฝูงกวางนับวันก็ยิ่งฉลาดขึ้นกว่าเดิม ต่อมาพวกมันถึงกับออกมาจากป่าและทุ่งหญ้าในตอนเที่ยงคืนเท่านั้น ตอนกลางวันพวกมันจะซ่อนตัวอยู่อย่างดี จนฉินสือโอวกับคนอื่นๆ ไม่รู้จะทำอย่างไรดีแล้ว
ช่วงบ่ายของวันที่ 31 เดือนธันวาคม ฉินสือโอวบอกกับคนอื่นๆ ว่า เย็นวันนี้เขาจะเลี้ยงอาหารมื้อใหญ่ ทานหม้อไฟเนื้อกวางต้อนรับวันคริสต์มาส
ช่วงหลายวันนี้พวกเขาล่ากวางมาได้สิบกว่าตัว พอเบิร์ดกับนีลเซ็นล่ากวางมาได้ก็จะเอาเลือดของพวกมันออกก่อน ดังนั้นถึงแม้ว่าจะผ่านการแช่แข็งมาแล้ว แต่คุณภาพของเนื้อก็จะยังสดอร่อยนุ่มเด้งอยู่
พอวินนี่เลิกงานก็ซื้อสเต๊กเนื้อกลับมาด้วยนิดหน่อย ฉินสือโอวพูดกับเธอว่า “วันนี้ไม่ต้องลำบากเลยครับ เราจะกินหม้อไฟเนื้อกวางกัน”
พอกลับมาจากบ้าน ท่าทางสง่างามราวกับนางฟ้าของวินนี่ก็กลับคืนมาอีกครั้ง เธอเม้มปากยิ้ม แล้วพูดกับเขาว่า “คุณรู้ได้ยังไงคะว่าคนอื่นจะชินกับอาหารแบบนี้? ให้ฉันเตรียมสเต๊กเนื้อไว้หน่อยดีกว่า เอาไก่ป่าเฮเซลตัวนี้ไปจัดการแล้วค่อยเอามาให้ฉันนะคะ ฉันจะต้มซุปให้คุณปู่เออร์กับพวกเชอร์ลี่ย์”
ฉินสือโอวรักเธอที่สุดแล้ว ตอนที่เอาไก่เฮเซลไปให้ก็ยังจูบกันอย่างร้อนแรงไปครั้งหนึ่ง ฉงต้านั่งมองอยู่ข้างๆ ด้วยความสนอกสนใจ มันนึกว่าพวกเขาทั้งสองคนกำลังทานอะไรกันอยู่ ถึงได้เคลิบเคลิ้มขนาดนั้น จึงกระวนกระวายใจขึ้นมาทันที
ฉงต้าปีนขึ้นมา มันยื่นอุ้งมือใหญ่ออกไปเขย่าตัวฉินสือโอว ปากก็ส่งเสียงร้องฮึมๆ ฮัมๆ ออกมา ที่มุมปากก็เกือบจะมีน้ำลายไหลออกมาอยู่แล้ว แค่แป๊บเดียวก็ทำลายบรรยากาศของคู่รักลงไปทันที
วินนี่แย้มยิ้มหวานแล้ววิ่งออกมา ทิ้งฉินสือโอวให้เผชิญหน้ากับฉงต้า
ฉงต้ามองไปที่ฉินสือโอวด้วยความคาดหวัง มันแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปาก จากนั้นก็นั่งลงอย่างน่าเอ็นดู ไม่รู้ว่าไปเรียนมาจากไหน แถมมันยังย่นจมูกทำปากจู๋ เพื่อบอกให้ฉินสือโอวเข้ามาจูบมัน
ฉินสือโอวหัวเราะไม่ออกร้องไห้ก็ไม่ได้ เขาตบก้นของมันสองครั้ง แล้วตะโกนเสียงดังว่า “หุบปาก แล้วออกไปเลย!”
เพื่อที่จะได้กินอาหารฉงต้าสามารถทุ่มเทได้สุดชีวิต ฉินสือโอวไม่ยอมจูบมัน มันก็กลิ้งตัวไปมาอยู่บนพื้น ปากก็ร้องฮือๆ ท่าทางเหมือนกับว่าถ้าไม่ให้ฉันกินปากฉันก็จะไม่ยอมลุก
พวกชาร์คที่กำลังถลกหนังกวางอยู่ก็มองเห็นพวกเขาเช่นกัน พวกนั้นไม่ทำงานต่อแล้ว แถมยังวิ่งเข้ามาตะโกนเสียงดังโวยวายอีกด้วย “บอส เมื่อกี้นี้บอสกับวินนี่กำลังกินอะไรกันอยู่เหรอ? ดูสิๆ ฉงต้าหิวจะตายแล้วเนี่ย”
กอร์ดอนก็มุงเข้ามาอย่างนึกสนุก ปากก็ตะโกนว่า ‘ผมก็อยากกินเหมือนกัน’ ไม่ต้องรอให้ฉินสือโอวจัดการ เชอร์ลี่ย์ก็ตามมาดึงหูของเขา พร้อมทั้งยิ้มเย็นแล้วพูดว่า “ลองบอกให้พี่สาวฟังหน่อย นายบอกว่าอยากกินอะไรนะ?”
“เจ็บๆ ปล่อยมือนะ เธอดึงหูฉันจนจะขาดแล้ว!” กอร์ดอนตะโกนเสียงดังอย่างน่าเวทนา
ยิ่งคนเยอะฉงต้ายิ่งเอาแต่ใจ พอทุกคนเสียงดังโหวกเหวก มันก็ยิ่งกลิ้งแรงยิ่งกว่าเดิม แถมเสียงที่ร้องออกมาก็ดังกว่าเดิมอยู่มาก
“เจ้าหมีบ้า อีกไม่นานฉันคงเป็นบ้าเพราะแกนี่ล่ะ!” ฉินสือโอวไม่รู้จะทำยังไงแล้ว เขาจะหนีก็หนีไม่ได้ ฉงต้ายื่นอุ้งเท้าออกมากอดขาเขาไว้ ปลิ้นปล้อนไร้ยางอายสิ้นดี
ช่วยไม่ได้ ฉินสือโอวหิ้วฉงต้าให้ขึ้นมานั่งดีๆ จากนั้นก็จุ๊บลงไปบนหน้าอ้วนๆ ของมันหนึ่งครั้ง
ฉงต้าก็ยังไม่พอใจ ฉินสือโอวกับวินนี่จุ๊บมันบ่อยๆ อยู่แล้ว มันอยากหาอะไรกิน จึงยื่นจมูกเข้าไปใกล้ริมฝีปากของฉินสือโอว แล้วแลบลิ้นออกมาเลียลงไปบนนั้น
บนลิ้นของหมีสีน้ำตาลโคโลราโดมีหนามอันเล็กๆ หมีสีน้ำตาลโตเต็มวัยกินปลาเป็นอาหาร บนลิ้นจึงมีแต่เนื้อปลา
แน่นอนว่า พอมาอยู่กับฉินสือโอว ฉงต้าก็เก็บหนามพวกนั้นไว้ ลิ้นของมันเพียงแค่หยาบ แต่ไม่เป็นอันตรายอะไร
เลียไปแล้วก็รู้สึกว่าไม่เห็นมีอะไรน่ากิน ฉงต้าเลยลุกขึ้นแล้วจะเดินหนีไป
ฉินสือโอวเพิ่งจะถอนหายใจออกมา มือข้างหนึ่งก็ยื่นมาตรงด้านหน้าเขา แล้วป้ายน้ำเชื่อมลงไปบนริมฝีปาก
ตาดวงเล็กๆ ของฉงต้าที่กำลังจะเดินหนีก็เป็นประกายขึ้นมาทันที มันร้องครวญครางพร้อมทั้งโผเข้ามาแลบลิ้นเลียอย่างบ้าคลั่ง
ฉินสือโอวทั้งขัดขืนทั้งหันกลับไปมองอย่างโกรธๆ ก็เห็นวินนี่ที่กำลังหัวเราะคิกคักพร้อมกับสะบัดน้ำเชื่อมในมือ
……………………………………………
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น