ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง 380-381
ตอนที่ 380 ชอบแต่กลับไม่รู้ตัว
วิญญาณทมิฬ “???!!!”
ตอนนั้นมันถึงกับตกใจจนพูดอะไรไม่ออกแล้ว ได้แต่หันหน้ากลับไปมองดูตู๋กูซิงหลัน
พอมองก็ยิ่งย่ำแย่เข้าไปใหญ่ สีหน้าของนางเรียบสนิท แต่ว่ามุมปากกลับมีเลือดไหลออก
เลือดสดๆ!
แต่ว่านางกลับไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด….ยังคงมองดูจีเฉวียนและสาวน้อยผู้นั้นอย่างเลื่อนลอย
“หลันหลัน เจ้ากระอักเลือดแล้ว?” วิญญาณทมิฬร้องเตือนนางอย่างเจ็บปวดใจ
ถ้าหากยังจะบอกว่านางไม่ได้หวั่นไหวใจไปกับจีเฉวียนละก็…..มันจะยอมแต่งกับราชาสุนัขป่าพร้อมมีลูกด้วยกันไปเลย!
ราชาสุนัขป่าตะวันตกคล้ายจะจับความรู้สึกบางอย่างได้ จึงตื่นเต้นยินดีขึ้นมา
ตู๋กูซิงหลันพึ่งจะรู้สึกตัว นางยกมือขึ้นมาปาดเช็ดเลือดทิ้งไป
นี่คงจะเป็นเพราะ….โรคไม่อาจมีความรักกับใครเขาของนางกำเริบขึ้นมา นางถึงได้กระอักเลือด…..จะต้องเป็นเพราะแบบนั้นแน่ๆ
อีกด้านหนึ่ง สาวน้อยคลายมือจากจีเฉวียน มุมปากของนางยังคงมีโลหิตของจีเฉวียนติดอยู่
ส่วนฝ่าบาท กลับตัวแข็งทื่อไปแล้ว
นอกจากตู๋กูซิงหลันแล้ว นี่เป็นสตรีคนที่สองที่พระองค์มิได้ปฏิเสธการเข้าใกล้
สาวน้อยไม่สนใจจะเช็ดเลือดที่มุมปาก นางเดินไปถึงข้างกายฉางซุนซิ่ว ก็คุกเข่าลงไป ทั้งยังยื่นมือไปคล้องคอเขากอดเอาไว้อย่างแนบแน่น “พี่จ๋า ข้ากลับมาแล้ว”
นับตั้งแต่ที่นางปรากฏตัวขึ้นมา ฉางซุนซิ่วก็ตัวแข็งกลายเป็นหินไปแล้ว
หากมิใช่เพราะว่าได้รับสัมผัสกอดรัดที่สมจริงเช่นนี้ เขาจะต้องรู้สึกว่าทั้งหมดนี้เป็นแค่ความฝัน
ตอนนั้น….เขาเป็นคนฝังอิงเอ๋อร์กับมือ แล้วนางจะ…..จะมีชีวิตขึ้นมาได้อย่างไร?
นี่เป็นไปไม่ได้!
แต่ว่าใบหน้านี้….เป็นน้องสาวของเขาจริงๆ นางตายไปตั้งหลายปีแล้ว แต่นางในตอนนี้คล้ายกับว่าไม่ได้เติบโตขึ้นมาเลย ยังคงดูเหมือนตอนที่อายุสิบสามปีอย่างไรอย่างนั้น
หากว่าตอนนั้นนางยังคงมีชีวิตอยู่ละก็…..ตอนนี้สมควรมีอายุยี่สิบสี่ปีแล้ว
“พี่ ข้าคืออิงเอ๋อร์ไงเจ้าคะ ท่านจำข้าไม่ได้แล้วหรือ?” สาวน้อยปล่อยตัวเขา ใช้มือสัมผัสใบหน้าของเขา พลางกล่าวสำทับว่า “ข้ากลับมาแล้ว จะไม่ไปจากพี่อีกแล้วนะเจ้าคะ”
นางสวมใส่ถุงมือสีขาวราวหิมะ บนถุงมือปักลายดอกบัวเอาไว้ แม้จะเป็นการสัมผัสผ่านถุงมือแต่ฉางซุนซิ่วกลับไม่ได้รู้สึกถึงไออุ่นจากตัวนางแม้แต่น้อย
เขาไม่อาจแยกแยะว่านางยังมีชีวิตอยู่จริงๆ หรือว่าไม่ได้มีชีวิตอยู่แล้วกันแน่
“อิงเอ๋อร์….เป็นเจ้าจริงๆ? ตอนนั้น…..”
สาวน้อยหันมาสบตาเขาครั้งหนึ่ง สายตากวาดเลยไปยังศพทั้งสองทางซ้ายและขวาแต่ก็เหมือนมองไม่เห็นอย่างไรอย่างนั้น นางนั่งลงบนพระศพของฮ่องเต่ผู้ชรา พลางกอดแขนของฉางซุนซิ่วเอาไว้ “พี่เจ้าคะ ข้าตายไปนานหลายปีแล้ว”
เพียงแค่ประโยคเดียว กลับทำให้หัวใจของฉางซุนซิ่วสั่นสะท้าน
“แต่มีท่านเซียนผู้หนึ่งสงสารข้า จึงเก็บรักษาวิญญาณของข้าเอาไว้ แล้วใช้รากบัวเซียนกับดินจากสุสานสร้างร่างเนื้อขึ้นมาให้ข้าใหม่” สาวน้อยกล่าวเบาๆ หลายปีมานี้ข้าไม่ได้กลับมาอยู่ข้ากายพี่และเฉวียน ข้าผิดไปแล้ว”
วิญญาณทมิฬที่อยู่ห่างออกไป “คำพูดนี้เอาไว้หลอกผีสิไม่ว่า? นี่นางเป็นนาจาหรือไง? แล้วจะบอกข้าว่าท่านเซียนหญิงผู้นั้นคือไท่เอ่อเจินเหรินหรือเปล่า?
ตู๋กูซิงหลันเองก็พูดอะไรไม่ออก เมื่อครู่ตอนที่สาวน้อยผู้นั้นผ่านหน้านางไป นางเองก็ได้กลิ่นดินจากสุสานเช่นกัน
จมูกของจีเฉวียนฉับไวขนาดนั้น ไม่มีทางที่เขาจะไม่ได้กลิ่น
ดังนั้นนางย่อมไม่มีทางปิดบังได้อย่างแน่นอน
ในเมื่อไม่อาจปิดบัง ก็เลยสารภาพออกมาอย่างเปิดเผยเสียเลย
การจะสร้างร่างเนื้อขึ้นมาใหม่นั้น มีแต่เทพเซียนผู้ยิ่งใหญ่เท่านั้นที่ทำได้ ตู๋กูซิงหลันเคยเห็นแต่ในบันทึกของตำราเวทย์เท่านั้น
ใช้ดินจากสุสานมาเป็นตัวชักนำ แล้วผสานเข้ากับวัตถุวิเศษ ก็อาจจะสามารถสร้างร่างเนื้อขึ้นมาได้
จากนั้นชักนำวิญญาณของผู้ตายเข้าสู่ร่างใหม่ ที่นี้ก็จะทำให้สามารถคงอยู่ต่อไปได้
ในนิทานปรัมปราของโลกปัจจุบันก็มีอยู่เช่นเรื่องของนาจา
ถึงแม้ว่าจะเป็นเทพนิยาย แต่ว่าย่อมต้องมีเคร้าโครงที่เป็นจริงอยู่บ้าง
สำหรับนางแล้ว สิ่งที่อยู่ตรงหน้านี้เกรงว่าจะเป็นโครงเรื่องเก่าที่เคยได้เห็นมาจนหมดแล้ว
จิตใจของตู๋กูซิงหลันว้าวุ่นอย่างยิ่ง สมองก็สับสนวุ่นวายไปหมด…. นางพยายามจะบังคับตนเองให้สงบลง ตอนนี้นางไม่รู้แล้วว่าการที่ตนเองอยู่ที่นี่จะยังมีความหมายอะไรอีก
จีเฉวียนตอนนี้ก็ยังมีชีวิตอยู่….ทั้งยังได้พบกับแสงจันทราในชีวิตแล้ว
ถึงแม้ว่าแสงจันทราดวงนี้จะไม่ใช่มนุษย์แต่ว่าสำหรับเขาแล้วก็คงไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร
นางตบคอของติ๊งต๊องเบาๆ ส่งสัญญาณให้มันพาตนเองจากไป
ช่วงเวลาที่สำคัญเช่นนี้ …..ติ๊งต๊องช่างฉลาดสมกับชาติตระกูลไก่ของมัน
มันกางอุ้งเท้าออกมา ตะกุยดินลงไป จากนั้นก็พุ่งเข้าใส่จีเฉวียน ยกจงอยปากที่แหลมคมของมันขึ้นมา จิกลงไปอย่างบ้าคลั่ง
ทางหนึ่งจิก ทางหนึ่งก็ส่งเสียงกะต๊าก กะต๊ากไม่ยอมหยุด
เจ้าฮ่องเต้สุนัขจอมเสเพล!
ตอนอยู่ในวังปากก็บอกว่ารักชอบพี่สาวตัวน้อย พอหันหน้าไปเท่านั้นก็ไปกอดรัดกับหญิงสาวนางอื่นได้หรือ?
หากไม่ได้จิกขาที่สามของเขาให้ขาดไป มันไม่ขอใช้แซ่ติ๊งแล้ว!
มันอาละวาดใหญ่แล้ว ตู๋กูซิงหลันแทบจะถูกมันสะบัดตกลงมา
ยังดีที่จีเฉวียนสายพระเนตรไวพระหัตถ์ก็คล่องแคล่ว แค่ยื่นพระหัตถ์ออกไปก็โอบอุ้มนางมาไว้ในอ้อมพระอุระอย่างรวดเร็ว
ทั้งยังอุ้มนางในท่าอุ้มเจ้าหญิง
“ซิงซิง?” จีเฉวียนประหลาดพระทัยนัก จึงโอบกอดนางแนบแน่นกว่าเดิม
“หากไม่มาไหนเลยจะรู้ว่าเจ้ากินในชามแล้วยังขยักในหม้อเอาไว้อีก?” วิญญาณทมิฬเริ่มใช้วิชาด่ากระทบอีกครั้ง
แต่ว่าคราวนี้ จีเฉวียนคล้ายจะไม่เข้าใจอยู่บ้าง
“เจ้าเห็นหมดแล้ว?” พอทอดพระเนตรมองดูสาวน้อยในอ้อมพระกร พระทัยของจีเฉวียนก็ยิ่งหนักหน่วงกว่าเดิม
พระองค์ช่าง…..เชื่องช้าเสียจนไม่รู้ถึงการคงอยู่ของนาง
นี่จะต้องเป็นเพราะว่าหน้ากากกันพิษใบนี้ ส่งผลต่อประสาทรับกลิ่นทำให้พระองค์ไม่รู้สึก
ตอนแรกพระองค์คิดจะถอดหน้ากากออกมา แต่พอคิดได้ว่าพระพักตร์มีแต่สิว ก็ทรงรีบกดหน้ากากกลับไปในทันที
พระองค์ที่เป็นเช่นนี้ ไม่ควรทำให้นางต้องตกใจจะดีกว่า
“อะไรคือ ‘เจ้าเห็นหมดแล้ว’ ?” วิญญาณทมิฬอยากจะชำระแค้นแทนตู๋กูซิงหลัน “นี่มันเท่ากับยอมรับสารภาพโดยมิต้องบอกแท้ๆ! บัดซบ เจ้าชู้เสเพล แล้วยังจะกล้ามาทำอย่างเปิดเผยถึงขนาดนี้ ข้าพึ่งจะเคยได้เห็นเป็นครั้งแรก!”
ตู๋กูซิงหลันส่งสายตาให้มัน “ไม่ต้องพูดแล้ว”
นางขยับตัวเล็กน้อย กล่าวว่า “ได้ยินว่าที่แคว้นเหยียนเกิดเรื่อง ข้าเป็นห่วงความปลอดภับของพี่ใหญ่ จึงได้มาชมดู”
พี่ใหญ่ตู๋กูจุนที่จัดการเรื่องด้านนอกเรียบร้อยแล้วจึงรีบเข้ามาด้านใน “?”
เมื่อครู่ตอนที่เขานำทัพต่อสู้อยู่ด้านนอก ไม่เห็นน้องเล็กจะลงมือช่วยอะไรเลย แน่ใจหรือว่าเป็นห่วงความปลอดภัยของเขาจริงๆ?
“หม่อมฉันไม่ได้เป็นอะไร ฝ่าบาททรงปล่อยหม่อมฉันลงเสียดีกว่า หม่อมฉันยืนเองได้”
ตู๋กูซิงหลันก็ไม่รู้ว่าทำไมตอนนี้นางถึงได้รู้สึกต่อต้านอ้อมกอดของจีเฉวียนอย่างมาก
ไม่ว่าจีเฉวียนจะเคยผ่านประสบการณ์กับสตรีคนใดมาก่อน นางก็ไม่ได้ใส่ใจ แต่ว่าในเมื่อเขาเคยมีรักลึกซึ้งถึงกระดูกมาก่อน ทำไมจะต้องมาบอกกับนางว่าไม่เคยหวั่นไหวกับผู้ใดมาก่อนด้วย?
ตู๋กูซิงหลันฉุนจนขึ้นสมองแล้ว นางเองก็ไม่เข้าใจว่าสิ่งที่เป็นอยู่ในตอนนี้มันคืออะไรกันแน่
เดิมทีนางก็ไม่ได้ชอบจีเฉวียน แล้วจะต้องมาอึดอัดไปทำไม?
“เราไม่ปล่อย” จีเฉวียนยังคงอุ้มนางเอาไว้ และเพราะเกรงว่ากลิ่นคาวเลือดจากพระศอของพระองค์จะรบกวนนาง จึงจงใจขยับพระศอออกห่างจากนางอีกหน่อย
“ดูสิ ในใจมีพิรุธแล้ว!” วิญญาณทมิฬชี้อย่างเอาเป็นเอาตาย
สหายติ๊งต๊องก็ยิ่งให้ความร่วมมือจะจิกขาที่สามของพระองค์ให้ถึงตายให้จงได้
ฝ่าบาททรงสะบัดพระบาทออกไป ได้ยินเสียงติงตัง รองพระบาทเหล็กถึงกลับเป็นรู
แต่ลูกถีบนี้ก็สามารถส่งติ๊งต๊องลอยกระเด็นไปไกลได้เหมือนกัน พระองค์หันพระพักตร์กลับมามองดูตู๋กูซิงหลัน พยายามยับยั้งพระทัยที่จะจูบนางอย่างกระทันหัน
“ซิงซิงมาแล้ว เป็นเพราะว่าเป็นห่วงเราสินะ”
………………………….
ตอนต่อไป “เราเป็นคนช่างจดจำความแค้น”
นาจา (哪吒) : ว่ากันว่านาจาคือสุดยอดของเด็กแสบ พวกเทพมาเกิดแต่สร้างปัญหาไปทั่ว ทั้งถล่มวังมังกร ก่อสงคราม หลังจากที่นาจาเฉือนเนื้อคืนแม่ เฉือนกระดูกคืนพ่อเพื่อชดใช้ความผิด วิญญาณก็ลอยกลับไปซบอกอาจารย์ ท่านอาจารย์สงสารจึงใช้รากบัวเซียนมาปั้นเป็นร่างเนื้อชุบชีวิตให้เขาใหม่อีกครั้ง ตอนหลังนาจาสำนึกตนได้ เลิกก่อความเดือดร้อน จึงได้กลับใจเป็นเทพที่ดี
ตอนที่ 381 เราเป็นคนช่างจดจำความแค้น
“ฝ่าบาททรงคิดมากไปแล้วเพคะ” สีหน้าของตู๋กูซิงหลันไร้ความรู้สึก นางพยายามใช้กำลังทั้งหมดขัดขืน
“เสื้อผ้าที่เจ้าสวมใส่ล้วนเป็นเสื้อผ้าที่เราสั่งให้คนตัดให้เจ้าเป็นพิเศษ เจ้าสวมชุดนี้มาหาเรา ก็เพราะว่าคิดถึงเรา เป็นห่วงเรา….”
หากว่ากันตามจริงเสื้อผ้าชุดไหนของตู๋กูซิงหลันที่ไม่ใช่เขามอบให้นางกัน?
หรือต้องให้นางวิ่งมาตัวเปล่าถึงจะแสดงให้เห็นว่านางไม่ได้คิดถึงเขา?
นางคร้านจะสนใจเขาแล้ว พอพยายามดิ้นอีก จีเฉวียนก็ยังไม่ยอมปล่อยนาง กระทั่งเห็นว่ามุมปากของนางมีเลือดไหลออกมาอีก
พระองค์ก็ทรงเข้าพระทัยว่าทรงใช้พละกำลังมากจนเกินไป ทำร้ายนางเข้า จึงได้เปลี่ยนพระทัยเป็นปล่อยนาง
ตู๋กูซิงหลันผละออกจากอ้อมพระอุระในทันที พอสองเท้าของนางสัมผัสกับพื้น ก็เกิดความรู้สึกเจ็บปวดอย่างที่สุด
ก่อนที่จะเดินทางมายังหวงตูเมืองหลวงของแคว้นเหยียน ภรรยาของหัวหน้าเผ่าอาปู้ไซ้ช่วยเชื่อมต่อเส้นเอ็นให้นางอยู่ นั่นเป็นขั้นตอนที่เจ็บปวดอย่างยิ่ง เดิมที่จะต้องทำการรักษาอย่างต่อเนื่องตลอดหนึ่งเดือน แต่ว่านางพึ่งจะรักษาได้เพียงไม่กี่วันเท่านั้น
เมื่อครู่นางลงสู่พื้นเร็วไป ขากระแทกพื้นอย่างแรง ต้องเจ็บปวดราวกับถูกเข็มมากมายทิ่มแทง ถึงจะเป็นตู๋กูซิงหลันก็ยังเจ็บจนสั่นสะท้านไปทั้งร่าง
แต่เพราะนางเป็นคนใจแข็ง จึงฝืนใจรวบรวมกำลังยืนหยัดเอาไว้
ตู๋กูจุนเห็นแล้ว ก็รีบฉวยดาบใหญ่ของเขาวิ่งเข้ามาประคองนางเอาไว้
ช่วงก่อนหน้านี้เขาเคยได้รับจดหมายจากทางบ้านว่าขาของน้องเล็กมีหนทางรักษา
ดูท่าตอนนี้คงจะเห็นผลบ้างแล้ว
ตู๋กูจุนมองดูนาง เดิมทีสมควรจะดีใจ แต่พอเห็นสีหน้าของน้องสาวเรียบเฉย มุมปากก็ยังมีรอยเลือดในใจของเขาพลันเกิดความเจ็บปวด
นางรีบร้อนเดินทางมาจากแคว้นต้าโจวแต่เพียงลำพังตลอดทางมีแต่พวกผีดิบ
เขาไม่กล้าคาดคิดจริงๆ ว่าสาวน้อยนางหนึ่งเช่นนางจะต้องเผชิญกับอะไรบ้าง
ต่อให้เป็นเหล่าผู้แข็งแกร่ง นี่ก็ยังอันตรายมากอยู่ดี ไม่รู้ว่าอาจจะตายได้ไปแล้วกี่หน
“น้องเล็ก ให้พี่ใหญ่อุ้ม” ตู๋กูจุนอยากจะแบกนางขึ้นไปบนบ่าในทันที
“ข้าไม่เป็นไร พี่ใหญ่ไม่ต้องกังวลใจไป” นางคว้าข้อมือของตู๋กูจุนเอาไว้ ตบลงไปบนหลังมือของเขาเบาๆ
นางไม่หันไปมองดูจีเฉวียนอีก สายตาเพียงจับจ้องอยู่ที่ร่างของฉางซุนซิ่วและฉางซุนอิง
ยามที่มองไปนั้น คนทั้งสองก็มองมาที่นางเช่นกัน
ดวงตาของฉางซุนซิ่วมีไอสังหาร ส่วนฉางซุนอิงค่อยๆ เบือนหน้ามา ขนตาบนดวงตาโค้งคู้นั้นกระพริบถี่ๆ
ก่อนที่พวกเขาจะเอ่ยปาก ตู๋กูซิงหลันก็พูดขึ้นมาก่อน
“ราชครู”
น้ำเสียงของนางเย็นชา ราวกับภูเขาน้ำแข็งในร่างของจีเฉวียน
“ไทเฮาทรงมีเรื่องใดจะสั่งสอน” ฉางซุนซิ่วคว้ามือของฉางซุนอิงเอาไว้ กล่าวอย่างไม่ได้เกรงกลัวตู๋กูซิงหลันเลยสักนิด
“ความแค้นในช่องว่างกาลเวลา พวกเราสมควรจะมาชำระบัญชีกันได้แล้ว” ตู๋กูซิงหลันสงบนิ่งอย่างยิ่ง
นางพึ่งกล่าวออกไป ก็เห็นติ๊งต๊องวิ่งเข้ามาส่งง้าวในปากให้อย่างรวดเร็ว
ตู๋กูซิงหลันรับด้ามง้าวมา เหยียดร่างยืนตรงดุจพู่กัน
ฉางซุนซิ่วเองก็มิได้หลบหลีก เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เจ้าจะคิดบัญชีกับข้าอย่างไร?”
เขากล่าวด้วยท่าทางยโสอย่างยิ่ง!
ตู๋กูซิงหลันกำง้าวในมือเอาไว้อย่างแนบแน่น ง้าวเล่มนี้เหมือนกับง้าวในพระหัตถ์ของจีเฉวียนล้วนจัดสร้างขึ้นจากทองคำดำ ถืออยู่ในมือก็หนักพอสมควร
ใบมีดยังมีเลือดติดอยู่
ต่อให้เป็นคนหนุ่มที่แข็งแรง เมื่อต้องถือง้าวเช่นนี้ก็ต้องนับว่ากินแรงอยู่มาก แต่ว่าตู๋กูซิงหลันกลับทำเสมือนว่าไม่มีเรื่องใด
นางยกขึ้นมาเบาๆ ปลายง้าวชี้ไปที่ลำคอของฉางซุนซิ่ว “เจ้าวางแผนทำร้ายเรารอบแล้วรอบเล่า ตอนนี้ก็ยังแพร่เชื้อผีดิบ ทำร้ายผู้บริสุทธิ์มากมาย แม้ตายก็ยังไม่พอจะชดใช้ความผิด”
พูดแล้ว นางก็เหลือบตามองไปทางจีเฉวียนแวบหนึ่ง
เขาสวมใส่หน้ากากเอาไว้ ตู๋กูซิงหลันจึงไม่อาจคาดเดาความรู้สึกของเขาได้ เห็นแต่เพียงว่าดวงตาหงส์คู่นั้นเย็นยะเยือกอย่างล้ำลึก
เลือดที่ติดอยู่บนใบมีดง้าวหยดลงไปบนลำคอของฉางซุนซิ่ว ตู๋กูซิงหลันขยับด้ามง้าวแทงเข้าไป
ใบมีดจมเข้าไปในผิวเนื้อ ลำคอของเขาหลั่งเลือดออกมา “ข้าเป็นคนที่ช่างจดจำความแค้น หากมีแค้นแล้วไม่ชำระย่อมอึดอัดคับข้องไปตลอดชีวิต เจ้าฆ่าคนย่อมต้องชดใช้ด้วยชีวิตนี่คือหลักการของฟ้าดิน”
ไม่ว่าเขาจะผ่านประสบการณ์ดำมืดใดมาก็ตามก็ไม่สมควรจะจับเอาผู้บริสุทธิ์มาลงมีด
ที่นางถูกแรงงกดดันเค้นกระดูกอยู่ในช่องว่างของกาลเวลา เกือบจะต้องสิ้นชีวิตกลายเป็นวิญญาณไปอีกครั้ง
เมื่อย้อนคิดถึงความทรมานในตอนนั้น ช่างเกินว่าที่คนทั่วไปจะทนได้จริงๆ
ตู๋กูซิงหลันมิใช่คนมากเมตตาจนถึงขนาดจะให้ละเว้นชีวิตของคู่แค้นได้ขนาดนั้น
ก่อนหน้านั้น กับฉางซุนซิ่วนางมีเมตตากรุณาเขาอยู่เสมอ มั่นใจว่าตนเองไม่เคยกระทำเรื่องใดที่ทำร้ายเขามาก่อน
แต่ตอนนี้พอมาคิดๆ ดู เรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นในวังหลวงล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาอย่างหลีกหนีไม่พ้น
นับตั้งแต่เรื่องผึ้งพิษ จนถึงเรื่องวิญญาณอาฆาต ยังมีเรื่องของเสียนไท่เฟย อันหร่วน และอื่นๆ อีก….เรื่องทั้งหมดล้วนเกี่ยวพันกับตัวเขาทั้งสิ้น
ตลอดทางที่นางเดินทางผ่านมาเห็นแต่เมืองต้าเหยียนที่ถูกทำลาย เหล่าผีดิบเร่ร่อนไปทั่ว ทั้งแผ่นดินมีแต่ซากศพ ทั่วทั้งแคว้นต้าเหยียนมีแต่ไอของความตายปกคลุม
ในบรรดาผีดิบเหล่านั้นมีอยู่คนหนึ่งที่แบกทารกเอาไว้บนหลัง ทารกผู้นั้นตายไปนานแล้ว แม้แต่ผิวหนังบนใบหน้าก็เน่าเปื่อยจนเละเทะดูไม่ได้ ร่างหลุดเป็นชิ้น…..
บนลำคอของทารกน้อยผู้นั้น ยังแขวนกุญแจอายุยืนเอาไว้อยู่เลย…..
แม้แต่นางเองก็ไม่อาจช่วยเหลือพวกเขาได้…..
คนที่กลายเป็นผีดิบแม้แต่วิญญาณก็ยังต้องตกลงไปในขุมนรกที่ไร้ขอบเขต รับทรมานอยู่ในนรก อย่างไม่อาจกลับคืนถึงสามชาติสามภพ
ถึงประสบการณ์ที่ฉางซุนซิ่วได้รับมาจะน่าสงสาร แต่ว่าดวงวิญญาณนับหมื่นเหล่านี้ก็ยังคงเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ดี
ไยเขาจะต้องเอาความแค้นของตนเองไปลงกับคนที่ไร้ความผิดด้วย?
ตู๋กูซิงหลันไม่ได้สงสารเขาแม้แต่น้อย
เรื่องที่ฉางซุนซิ่วได้ประสบมาทั้งหมดนั้น คนที่ผิดต่อเขาก็คือจีเฉวียน ไม่ใช่นางตู๋กูซิงหลัน ยิ่งไม่ใช่วิญญาณเหล่านี้ด้วย!
ตู๋กูซิงหลันหรี่ดวงตาลง ง้าวในมือของนางขยับพุ่งอย่างหมายจะเอาชีวิตเขา แต่กลับเห็นว่าฉางซุนอิงที่อยู่ด้านข้างโผเข้ามา
มือของนางตะครุบใบมีดบนง้าวเอาไว้อย่างแนบแน่น แต่สายตากลับหันไปมองดูจีเฉวียน “เฉวียน….ท่านกับพี่ชายมิใช่ว่าสนิทสนมกันที่สุดหรอกหรือ? อย่าให้พี่ต้องตายได้หรือไม่? ขอร้องท่านแล้ว……ข้าไม่ต้องการสูญเสียคนใดในพวกท่านไป”
นางหลับตาลงแต่กลับไม่มีน้ำตาไหลออกมาสักหยด
“โปรดเห็นแก่ตอนนั้นที่ข้า….” พอพูดมาถึงตรงนี้นางก็เงียบงันไป
“โปรดเห็นแก่ความผูกพันในครั้งก่อน….” ผ่านไปพักใหญ่นางถึงได้กล่าวออกมาอีกประโยคหนึ่ง
จีเฉวียนถึงได้หันกลับมาเหลือบมองดูนางแวบหนึ่ง และก่อนที่ง้าวของตู๋กูซิงหลันกำลังจะพุ่งเข้าไปในลำคอของฉางซุนซิ่ว พระหัตถ์ที่ใหญ่หนาของพระองค์ก็ชิงคว้าหอกด้ามนั้นเอาไว้ก่อน
“ซิงซิง” พระองค์ตรัสเรียกนางครั้งหนึ่ง
หัวใจของตู๋กูซิงหลันหล่บวูบลงไป นางหันหน้ากลับไปมอง “ท่านคิดจะขัดขวางข้าหรือ?”
จีเฉวียนจับจ้องมองนาง ทรงเห็นอย่างชัดเจนเลยว่านางกำลังโกรธเกรี้ยว
จริงอยู่ที่พระองค์เคยตรัสว่า พระองค์จะมอบดาบใส่ในมือของนาง ให้นางได้ชำระแค้น แต่ว่า….ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา
“เขายังตายไม่ได้” พระหัตถ์ของจีเฉวียนที่กำง้าวเอาไว้โดยมิได้คลายออก พระองค์ใช้พละกำลังกระชากถอยหลัง ดึงง้าวทั้งด้ามออกมา
“เฮอะ เฮอะ เฮอะ” ฉางซุนซิ่วหัวเราะเสียงเย็นขึ้นมาในทันที เขารู้แล้วว่ามิว่าอย่างไรจีเฉวียนก็จะไม่ฆ่าเขา หรือไม่จริง?
“เฉวียน ขอบคุณท่านเหลือเกิน” ฉางซุนอิงเองก็เผยใบหน้าซาบซึ้งออกมา “ข้ารู้อยู่แล้ว ท่านจะต้องเห็นแก่ความผูกพันในตอนนั้น”
ฉางซุนอิงพึ่งจะพูดจบ ก็เห็นจีเฉวียนกระชับง้าวด้ามนั้น สะบัดเพียงครั้งเดียวก็ตัดผ่านขาของฉางซุนซิ่วออกไป
ทันทีที่ใบง้าวผาดผ่าน ก็ตัดขาของฉางซุนซิ่วออกมา
ด้วยความรวดเร็วที่เกินว่าผู้ใดจะทันได้มีปฏิกริยา
ฉางซุนซิ่วคำรามโหยหวน ใบหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวด
เขาลืมตาโตเบิกโพลง ไม่อยากจะเชื่อว่า จีเฉวียนจะ……
“ขาทั้งสองข้างนี้ ถือเป็นสิ่งที่เจ้าต้องชดเชยให้กับซิงซิง” จีเฉวียนดึงง้าวกลับมา “เรายอมไว้ชีวิตเจ้า แต่ไม่อาจยอมให้เจ้ามิต้องจ่ายค่าตอบแทนใดๆ”
ตู๋กูซิงหลันหรี่ดวงตาลงในทันที นางมองดูฉางซุนซิ่วที่เลือดไหลนองด้วยสายตาเย็นชา
……………………………………….
ไรท์: ฉางซุนซิ่วกลายเป็นไอ้ด้วนไปแล้ววว!!! แต่ว่าแค่นี้จะทำให้หลันหลันยอมหายโกรธได้หรอ?
ตอนต่อไป “มารดาของเขาก็คือข้า”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น