ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 370-381
บทที่ 370 มอบให้แก่พวกเขา
โดย
Ink Stone_Fantasy
ในที่สุดฉินสือโอวก็เข้าใจว่าทำไมวินนี่ถึงต้องให้ความสำคัญกับการทำผมนัก ผมทรงนี้เป็นทรงเดียวกับตอนที่พวกเขาเจอกันครั้งแรกนั่นเอง
“ดูดีไหม?” วินนี่ยิ้มเบาๆ
ฉินสือโอวพยักหน้าอย่างแรงแล้วพูด “เหมือนได้ย้อนกลับไปเมื่อแปดเดือนก่อนตอนที่เจอกันครั้งแรกเลย ตอนนั้นคุณก็ทำผมแบบนี้แถมยังสวยสะดุดใจสุดๆ ด้วย ที่รัก ผมนึกว่าผมได้เจอกับนางฟ้าที่สวยที่สุดซะอีก!”
วินนี่รู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองเมื่อได้ฟังว่าฉินสือโอวยังจำลักษณะของตัวเองในตอนที่เจอกันครั้งแรกได้ แต่พอได้ยินคำพูดเกินจริงข้างหลังวินนี่ก็รู้สึกว่าหนุ่มคนนี้กำลังหยอดคำหวานเลยค้อนหนุ่มแสบคนนี้ไปทีหนึ่ง
ฉินสือโอวอยากจะทำมือปลาหมึกแต่วินนี่ก็ยั้งเขาไว้พร้อมขมวดคิ้วแล้วพูดออกมา “ขอโทษค่ะคุณผู้ชาย บริการที่สายการบินแคนาดาของเราจัดไว้ให้ไม่ได้รวมพวกบริการแบบในจินตนาการของคุณเอาไว้ด้วย ถ้าต้องการอาหารหรือเครื่องดื่มฉันเอามาให้ได้ แต่ยกเว้นอะไรพวกนี้ค่ะ”
ทั้งสองหยอกเย้าเล่นสนุกกันตั้งแต่บนพื้นจนถึงบนเตียง แต่ต่อมาเสียงดังไปหน่อยเป้าจือและหู่จือที่เดินเล่นอยู่ด้านนอกได้ยินเสียงนั้นเข้าจึงผลักประตูกระโดดเข้ามา
พอเห็นเจ้าลูกหมาทั้งสองปรากฏตัวเข้ามา วินนี่ที่ชุดหลุดลุ่ยออกในระหว่างเล่นสนุกก็รีบติดกระดุมใหม่ให้เรียบร้อยพลางบ่นออกมา “คุณนะคุณ ทำไมไม่ปิดประตูให้ดีล่ะ? น่าเกลียดจริงๆ! โชคดีที่เป็นเด็กโง่ไม่กี่ตัวนี้ที่เข้ามา ถ้าเป็นพวกเชอร์ลี่ย์เข้ามาจะทำยังไง?”
ฉินสือโอวมองประตูห้องอย่างประหลาดใจแล้วพูดขึ้น “เป็นไปไม่ได้หรอก ผมปิดประตูแล้วชัดๆ”
วินนี่พูดอย่างไม่พอใจ “ความเป็นจริงก็เห็นๆ อยู่ คุณยังจะกล้าปากแข็งอีกเหรอ? ช่างกล้านักนะ หู่จือเป้าจือ ไปจับตัวมาให้ฉัน!”
เธอเท้าเอวด้วยมือหนึ่งขณะที่อีกมือก็ชี้ไปที่ฉินสือโอวพลางออกคำสั่งกับหู่จือและเป้าจือ แลบราดอร์เป็นสุนัขที่ชอบตื่นตัวมากจนเกินไป ในหมู่บ้านก็มักจะเห็นสุนัขประเภทนี้ไปเล่นกับสายพันธุ์อื่นอย่างร่าเริงและเป็นมิตรแล้วถูกตัวอื่นเห่าใส่
เมื่อได้ยินคำสั่งของวินนี่ หู่จือกับเป้าจือก็ตอบโต้ด้วยการเห่าออกมาอย่างร่าเริงสองครั้งแล้วพุ่งจู่โจมทางซ้ายและขวาของฉินสือโอว
ฉินสือโอวหัวเราะออกมาอย่างหนักพลางขัดขืน แต่เจ้าสองตัวนี้ฉลาดมาก ครู่เดียวมันก็ทำเอาเขามึนไปหมดแล้วพุ่งเข้าโจมตีจนเขาล้มลงไปบนเตียง วินนี่เห็นแบบนั้นก็ถือโอกาสขึ้นไปแกล้งฉินสือโอวด้วย แต่ผลสุดท้ายกลับถูกดึงจนล้ม หู่จือและเป้าจือก็เบลอจนไม่สนใจเป้าหมายและไปสู้กันเองแล้ว!
เมื่อเล่นจนพอใจแล้วฉินสือโอวจึงไล่หู่จือและเป้าจือออกไปจากห้องนอน แต่เจ้าหนูทั้งสองตัวยังเล่นไม่หนำใจจึงจงใจทำเป็นไม่ได้ยินฉินสือโอว พวกมันเล่นกันเองแล้วกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนพรมของห้องนอน
วินนี่มีความสุขมากจนต้องตะโกนออกมาเสียงดัง “สู้ๆ สู้ๆ หู่จือล้มเป้าจือให้ได้! เป้าจือวิ่งเร็วเข้า ว้าว พ่อจะจับพวกหนูสองตัวแล้ว พวกหนูวิ่งเร็วๆหน่อยสิ วิ่งมาในอ้อมกอดแม่เร็ว ปกป้องแม่เร็วเข้า……”
ฉินสือโอวพูดอย่างจนใจ “คุณเลิกเล่นได้ไหม”
วินนี่ทำปากยู่แล้วพูดอย่างไม่พอใจ “ก็คุณอยากจะแกล้งฉันเองนี่นา ลูกอยู่ที่นี่จะได้ปกป้องฉันได้ ฉันอยากให้พวกเขาอยู่”
ฉินสือโอวพุ่งเข้าไปอุ้มเจ้าสองแสบแล้วเอาพวกมันไปไว้ด้านนอกประตูก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ไม่ได้ จะให้พวกเขาทำลายวันดีๆ ของเราไม่ได้”
หลังจากเอาพวกลูกหมาออกไปแล้วฉินสือโอวก็ปิดประตูเต็มแรงแล้วหันกลับมายิ้มพลางมองไปทางวินนี่พร้อมเผยให้เห็นความคาดหวังบนใบหน้า
จากนั้นพอเขากำลังจะกระโดดขึ้นเตียงเขาก็ได้ยินเสียง ‘ก๊อกก๊อก’ ดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน เขาและวินนี่หันไปมองด้วยความตกใจก็เห็นว่าลูกบิดประตูห้องถูกหมุนเปิดออก จากนั้นหัวปุกปุยเล็กๆ ทั้งสองก็ค่อยๆ โผล่ออกมา หู่จือและเป้าจือกอดลูกบิดพร้อมแยกเขี้ยวยิ้มอย่างโง่งมอยู่ด้านนอกประตูห้อง
ฉินสือโอวตื่นแต่เช้า แต่เมื่อเห็นว่าในห้องนอนมีแต่เสื้อผ้า รองเท้าและถุงเท้าโยนอยู่ทั่วก็อดขำไม่ได้ เขาเปิดม่านขึ้นปล่อยให้แสงแรกยามเช้าสาดส่องเข้ามา
ตอนนี้ฟ้าสว่างค่อนข้างช้า ตอนเช้าจึงยังหนาวอยู่มาก ฉินสือโอวเลยเปลี่ยนตารางการใช้ชีวิตมาเป็นการตื่นตอนเจ็ดโมงแล้ว
อันที่จริงเขาตื่นหกโมงเช้าเหมือนเดิมก็ได้ไม่มีปัญหา แต่วินนี่ไม่ไหว ทุกคืนทั้งสองต้องนัวเนียกันอยู่นานวินนี่เลยต้องการการนอนหลับให้เพียงพอมากขึ้น
แสงอาทิตย์สาดส่องลงบนใบหน้างดงามของวินนี่ ผิวของเธอเนียนละเอียดดุจหยกที่งามจนน่าปวดใจ
ฉินสือโอวมองเธออย่างอ่อนโยนแล้วก้มตัวลงจูบ วินนี่ลืมตาขึ้นมาอย่างกะทันหันแล้วเบือนหน้าหนีไปอย่างรวดเร็วจนหลบริมฝีปากของฉินสือโอวได้พอดี จากนั้นเธอก็คว้าหมอนข้างที่อยู่ในผ้าห่มมากั้นหน้าของฉินสือโอวเอาไว้พลางหัวเราะออกมา
ฉินสือโอวพูดจาข่มขู่เมื่อหาบัตรสมาชิกวีไอพีสายการบินแคนาดาและบัตรแบล็ก อาเม็กซ์ของตัวเองเจอ “ซื่อสัตย์หน่อยสิ บริการคุณชายใหญ่ให้ดีๆ ไม่อย่างนั้นผมจะร้องเรียนคุณอย่างไม่หยุดเลย”
วินนี่ใช้แขนสองข้างกอดอกอย่างน่าสงสารแล้วพูดออกมาอย่างอ่อนหวาน “อย่าร้องเรียนได้ไหมคะ? ฉันต้องการงานนี้มาก ฉันมีแฟนปัญญาอ่อนที่ต้องเลี้ยงดู แถมที่บ้านยังมีลูกอีกหนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หก เอ่อ… หลายคนเลยค่ะ คุณจะทำอะไรก็ได้ แค่อย่าร้องเรียนฉันก็พอ…”
“โอ้โห คุณมันปีศาจสาวจอมยั่วยวน!” ฉินสือโอวกระโดดขึ้นไปอีก
วินนี่พลิกตัวหลบอย่างรวดเร็วแล้วสวมชุดนอนวิ่งออกไปพร้อมเสียงหัวเราะ ฉินสือโอวกลัวว่าจะเจอเออร์บักหรือพวกเด็กๆ จึงไม่ได้แกล้งลวนลามเธอต่อ หลังจากอาบน้ำเสร็จเขาก็เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปออกกำลังกาย
ขณะกำลังทานอาหารเช้าเขาก็ได้รับสายจากบิลลี่ “ฉิน เมื่อวานฉันไปร่วมงานเลี้ยงของตระกูลสเตราส์มา นายมีแผนจะทำอะไรกับจดหมายของเนท สเตราส์ฉบับนั้นหรือเปล่า ถ้าจะขาย วันนี้ฉันสามารถออกประมูลราคาได้เลย”
จดหมายของคุณชายสเตราส์ฉบับนี้ต้องมีมูลค่ามากแน่นอน ฉินสือโอวมั่นใจว่าถ้าประมูลคงขายได้สักหนึ่งล้านปอนด์เลยทีเดียว ถึงแม้เบลคจะคิดว่าราคาสูงสุดของจดหมายจะประมูลได้ห้าล้านดอลลาร์สหรัฐก็ตาม
แต่ฉินสือโอวไม่คิดจะประมูลขายด้วยเหตุผลสามข้อด้วยกัน
ข้อหนึ่งคือเขาชื่นชมการวางตัวของคุณหญิงสเตราส์ ในฐานะมหาเศรษฐีอันดับต้นๆ เธอยังสามารถรักษาความสดใสและมีชีวิตชีวาในช่วงระหว่างความเป็นและความตายไว้ได้ นี่เป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมาก
ข้อสองตามกฎหมายของประเทศแคนาดาและสหรัฐอเมริกา สมบัติบนเรือไททานิคที่จมลงต้องประมูลขายทั้งหมด ไม่อนุญาตให้ขายออกไปของแค่ชิ้นเดียว ถ้าต้องการจะขายก็ต้องไปที่ตลาดมืด
ข้อสามฉินสือโอวคิดว่าจดหมายฉบับนี้จะทำให้ตัวเองได้เส้นสายเครือข่ายบ้าง สำหรับเขาแล้วนี่เป็นสิ่งสำคัญยิ่งกว่าทอง
ทั้งๆ ที่การค้นหาสมบัติที่จมไปเป็นเรื่องของเขาเอง แต่ทำไมเขายังต้องลากบิลลี่ เบลคและแบรนดอนมาด้วย? เพราะเขาต้องการพันธมิตรแบบนี้และมีเพียงผลประโยชน์ร่วมกันเท่านั้นถึงจะสามารถมัดพันธมิตรพวกนี้เอาไว้รวมกันได้ แบบนี้ต่อไปเมื่อเขาเจอปัญหาอะไรก็จะมีคนร่วมเผชิญปัญหาเพิ่มขึ้นอีก
ยกตัวอย่างเช่น การขายยาเสพติด ทำไมพ่อค้ายาเสพติดที่ขายยาไอซ์ [1]ยาเค[2] อะไรพวกนี้ไม่เคยเป็นกระแสใหญ่โตเลย ฝั่งตำรวจทหารก็บอกจะจับได้ก็จับ ยิงได้ก็ยิง แต่พ่อค้ายาเสพติดที่สร้างเนื้อสร้างตัวจากการขายฝิ่นกลับสามารถครองอำนาจที่ทำให้ทหารรัฐบาลในท้องถิ่นหรือแม้แต่กองกำลังทหารของสหรัฐอเมริกาต้องจนปัญญาได้
เหตุผลมันก็เรียบง่ายมาก การผลิตยาเสพติดจากสารเคมีอย่างยาไอซ์นั้นไม่ยาก มีเพียงไม่กี่คนก็สามารถรวมกันเป็นกระบวนการธุรกิจได้แล้ว หากต้องการจัดการกับพวกเขาก็ทำได้ไม่ยาก แค่กำจัดคนสำคัญหลักๆ ไม่กี่คนก็เรียบร้อยแล้ว
แต่ฝิ่นกลับแตกต่างออกไป สิ่งนี้ต้องใช้คนเป็นพันหรือแม้แต่เป็นหมื่นถึงจะทำได้สำเร็จ ตั้งแต่ผู้เพาะปลูกไปจนถึงผู้จำหน่ายในท้ายที่สุดจนกลายเป็นกลุ่มผลประโยชน์ขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลของแต่ละประเทศหรือตำรวจสากลที่ต้องการจัดการกับกลุ่มผลประโยชน์ที่ใหญ่ขนาดนี้ล้วนต้องลำบากเป็นอย่างมาก
เมื่อพิจารณาเรื่องพวกนี้แล้วฉินสือโอวก็พูดกับบิลลี่ “นายบอกกับคุณชายสเตราส์ไปว่าเดิมทีจดหมายพวกนี้เป็นของพวกเขา ฉันแค่ได้มาโดยบังเอิญ ถ้าพวกเขาต้องการก็มาเอาที่เมืองเซนต์จอห์นได้เลย”
บิลลี่เข้าใจความหมายของเขาได้อย่างชัดเจนจึงพูดพลางหัวเราะ “ไม่มีปัญหา ฉิน นายเป็นคนดีและก็เป็นนักธุรกิจที่ดีด้วย ฮ่าฮ่า ฉันรับประกันได้เลยว่าการมอบจดหมายฉบับนี้ให้ตระกูลสเตราส์ดีกว่าการขายให้พวกเขาแน่นอน”
……………………………………………………
[1] ยาไอซ์ คือ สารเสพติดประเภทกระตุ้นประสาทหนึ่งที่มีชื่อทางเคมีว่า “เมทแอมเฟตามีน(Methamphetamine)” อยู่ในรูปผลึกใสเหมือนน้ำแข็ง
[2] ยาเค คือ สารเสพติดที่นิยมเสพโดยการสูดดม หรือสูบควันเข้าไป ออกฤทธิ์ภายใน 15 นาที ปกติแพทย์มักนำมาใช้เป็นยาสลบ ยาเคมีฤทธิ์หลอนประสาท
บทที่ 371 เจ้าของฟาร์มปลาคนล่าสุด
โดย
Ink Stone_Fantasy
หลังทางอาหารเช้า ฉินสือโอวก็นำไอศกรีมแท่งที่เขาทำอย่างพิถีพิถันออกมา
ไอศกรีมรสสับปะรดสีเหลืองทอง ไอศกรีมรสส้มสีเหลืองอ่อน ไอศกรีมรสแอปเปิลสีขาวราวหิมะ ไอศกรีมรสแบล็กเบอร์รีสีดำ ไอศกรีมรสองุ่นสีม่วง ยังมีไอศกรีมรสซานจาสีแดงอ่อนและอื่นๆ อีกด้วย
“ผมอยากขอเรียนเชิญลูกค้าที่รักทุกท่านมาลองชิมไอศกรีมที่ผมทำขึ้นมาเองสักหน่อย” ฉินสือโอวพูดด้วยน้ำเสียงพึงพอใจ
วินนี่เอื้อมมือไปหยิบขึ้นมาแท่งหนึ่งก่อนใช้ลิ้นเล็กๆ เลียพร้อมรอยยิ้ม “ว้าว อร่อยมาก นี้เป็นไอศกรีมรสสตรอว์เบอร์รีที่อร่อยที่สุดเท่าที่ฉันเคยกินมาเลย”
ฉินสือโอวยิ้มกรุ้มกริ่มมองหญิงสาวพร้อมถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่กำกวม “ที่รัก นี่เป็นไอศกรีมที่อร่อยที่สุดเท่าที่คุณเคยกินมาจริงๆ เหรอ?”
เออร์บักแสร้งไอออกมาครั้งหนึ่ง “ที่นี่ยังมีเด็กอยู่นะ ระวังกันหน่อยสิ ไหนหยิบไอศกรีมรสซานจาให้ฉันสักแท่งสิ คนแก่น่ะชอบกินรสชาติเปรี้ยวๆ หวานๆ นะ”
ฉินสือโอวหน้าแดงก่อนจะรีบอธิบาย “อย่าเข้าใจผิดนะครับคุณปู่เออร์ ที่ผมพูดหมายถึง หมายถึง เอ่อ วินนี่คุณหยิบไอศกรีมสับปะรดไปแล้วชัดๆ นี่คุณคิดจะตุกติกกับผมเหรอ?”
วินนี่หัวเราะ ใบหน้าอันทรงเสน่ห์เริ่มมีสีแดงจางๆ สงสัยเมื่อคืนจะเล่นมากไปหน่อย
“เย็นขนาดนี้ กินแล้วจะไม่ท้องเสียใช่ไหม?” กอร์ดอนถามอย่างเป็นกังวล
พาวลิสที่กำลังอ่านหนังสืออยู่ยื่นมือไปหยิบไอศกรีมมา 1 แท่ง “กอร์ดอน เมื่อก่อนตอนเป็นคนเร่ร่อนก็ยังเคยกินน้ำแข็งมาแล้ว แต่ก็ไม่เห็นว่าคุณจะท้องเสียเลยนี่ พูดน้อยๆ กินเยอะๆ โอเคไหม?”
“พาวลิสเป็นเด็กฉลาดและขยันจริงๆ” ฉินสือโอวยิ้มตบไหล่เขาเบาๆ
ไอศกรีมที่ทำจากน้ำผลไม้แท้รสชาติดีมาก ทุกแท่งไม่ได้ใช้สารปรุงแต่งอาหาร กินแล้วจึงทำให้รู้สึกเย็นสบายและสดชื่นแถมยังได้ลิ้มรสชาติผลไม้แท้ๆ ด้วย
หลังกินข้าวเย็นฉินสือโอวก็ออกมาขับรถเอทีวีรอบๆ ชายฝั่งทะเลของฟาร์มปลาอยู่รอบหนึ่ง อากาศเริ่มหนาวมากแล้ว แต่อุณหภูมิยังไม่ต่ำพอที่จะทำให้ทะเลกลายเป็นน้ำแข็งได้ ดังนั้นจึงยังสามารถมองเห็นปลาที่กระโดดขึ้นมาบนผิวน้ำเพื่อเพลิดเพลินไปกับแสงแดดเป็นครั้งคราวได้อยู่
ตอนสี่ทุ่มกว่า แฮมเล็ตก็โทรศัพท์มาหาเขา “ฉิน เจ้าของฟาร์มปลาคนล่าสุดมาแล้ว ตอนนี้เขาอยู่ที่ฟาร์มปลาของเขา ถ้าต้องการคุยกับเขาก็รีบๆ มาล่ะ”
เจ้าของฟาร์มปลาคนล่าสุดหรือเจ้าของฟาร์มปลาแกธเธอริงคือ อัลเบิร์ต วิลเลียม สมิธ ผู้อพยพชาวอังกฤษ ครอบครัวของเขามีกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ในรัฐนิวฟันด์แลนด์ ซึ่งว่ากันว่ามีมูลค่ามากกว่าพันล้าน
ก่อนหน้านี้ฉินสือโอวต้องการนัดคุยกับวีไอพีชาวอังกฤษคนนี้ผ่านแฮมเล็ตกับเออร์บักเพื่อเจรจาซื้อขายฟาร์มปลา แต่ปรากฏว่าอีกฝ่ายไม่ไว้หน้าเขาสักนิด ดังนั้นอย่าพูดถึงเรื่องเจรจาเลย แค่โอกาสเจอหน้ากันยังไม่มีด้วยซ้ำ
เจ้าของอสังหาริมทรัพย์รายนี้ทำให้ฉินสือโอวรับรู้ได้ถึงความเย่อหยิ่งของคนอังกฤษ แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น ใครใช้ให้อีกฝ่ายมีสิ่งที่เขาต้องการกันล่ะ? เพื่อความฝันในการรวมฟาร์มปลาของตัวเอง งั้นมาทำตัวเป็นเด็กสักครั้งก็แล้วกัน
เขาขับรถผ่านเมืองแฟร์เวลล์ตรงไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะ ตามทางมีป้ายประกาศบอกอยู่เรื่อยๆ ว่า รีสอร์ตแกธเธอริงยินดีต้อนรับท่าน
อัลเบิร์ตซื้อฟาร์มปลามาแต่ไม่ได้วางแผนเลี้ยงปลา เป้าหมายที่แท้จริงคือเขาต้องการเปิดเป็นวิลล่า ดังนั้นป้ายประกาศที่ถูกทำขึ้นมาจึงทำขึ้นตามเนื้อหาแบบนี้
เมื่อก่อนเกาะแฟร์เวลล์มีฟาร์มปลาขนาดใหญ่อยู่ 6 แห่ง ชายฝั่งของฟาร์มปลาแกธเธอริงมีความยาวและมีพื้นที่เป็นรองจากฟาร์มปลาต้าฉิน มันครอบคลุมพื้นที่โกลด์โคสต์ทางเหนือยาวกว่า 14-15 กิโลเมตร อีกทั้งยังมีทางโค้งและคดเคี้ยวสไตล์ยูนีคด้วย
พื้นที่ภายในฟาร์มปลาราบเรียบเพราะการตกแต่งด้วยฝีมือคน เมื่อมองไปไกลสุดลูกหูลูกตาก็ไม่พบสิ่งก่อสร้างใดๆ อย่างห้องเก็บของ ห้องเก็บน้ำแข็ง ยุ้งเก็บอาหารสัตว์ หรืออื่นๆ ถูกสร้างเอาไว้เลย นั่นแสดงให้เห็นว่าเจ้าของไม่ได้วางแผนที่จะพัฒนาฟาร์มเพื่อเลี้ยงปลาตั้งแต่แรก
ฉินสือโอวจอดรถที่ประตูทางเข้า ฟาร์มปลาแกธเธอริงเป็นที่เดียวที่ใช้ลวดตาข่ายเพื่อแยกออกจากโลกภายนอก ส่วนฟาร์มปลาอื่นๆจะใช้เป็นรั้วไม้ทั้งหมด เพื่อให้มีลักษณะเหมือนเมืองมากขึ้น
ฟาร์มปลาแกธเธอริงแสดงให้เห็นถึงพลังของวิทยาศาสตร์และความทันสมัยของตนเองได้อย่างชักเจน สรุปคือเป็นการหาจุดยืนที่ไม่เหมือนใคร และจากจุดนี้ก็สามารถรับรู้ได้ว่าเจ้าของเป็นคนหัวแข็งและดื้อรั้น
ประตูของฟาร์มปลามีเฮลิคอปเตอร์จอดอยู่ลำหนึ่ง มันเป็นรุ่นเบลล์ 214 ยู สีขาวสลับกับสีเขียว คาดว่าคงเป็นพาหนะส่วนตัวของอัลเบิร์ตเจ้าของฟาร์มปลาแกธเธอริง
เฮลิคอปเตอร์ลำนี้ไม่เหมือนกับเอซี 310 ของฉินสือโอว มันเป็นเฮลิคอปเตอร์ที่มีหลายเครื่องยนต์ซึ่งที่มีความยาว 15-16 เมตร ปีกเล็กกว่า 20 เมตร และกำลังจอดเป็นยักษ์ใหญ่อยู่บนพื้น
เฮลิคอปเตอร์ลำนี้มี 16 ที่นั่ง เติมน้ำมันครั้งหนึ่งสามารถบินได้ 800 กิโลเมตรต่อครั้ง ราคาเกือบเท่ากับรถพอร์ช 918 ที่ฉินสือโอวเพิ่งได้รับมาซึ่งมีราคาประมาณ 200 กว่าล้านดอลลาร์แคนาดา แต่มองจากความสะดวกในการใช้งาน รถพอร์ชด้อยกว่าเบลล์ไปหนึ่งปีแสง
พวกคนรวยและมีอำนาจในแคนาดาไม่ค่อยเล่นรถสปอร์ตกัน แม้ว่าที่นี่จะมีถนนที่ยาวที่สุดและเรียบที่สุดในโลก แต่เพราะมีทะเลสาบและทะเลจำนวนมาก การใช้เฮลิคอปเตอร์จึงสะดวกกว่า
ภายในฟาร์มปลามีกลุ่มคนกำลังพูดคุยบางอย่างกันอยู่ ฉินสือโอวจึงไม่ได้เข้าไปรบกวนและรออยู่ด้านนอกประตู
ประมาณครึ่งชั่วโมงผ่านไปคนกลุ่มนั้นก็เดินออกมา แฮมเล็ตกำลังเดินไปกับชายวัยกลางคนผมทองพุงใหญ่คนหนึ่ง ชัดเจนว่าหมอนี้คืออัลเบิร์ต
ฉินสือโอวจึงเดินเข้าไปเพื่อทักทายเขาโดยการยื่นมือออกไปและกล่าวทักทายด้วยความกระตือรือร้น “สวัสดีครับ เดาว่าคุณคือคุณอัลเบิร์ตใช่ไหมครับ? ผมชื่อ…”
บอดี้การ์ดตัวสูงใหญ่คนหนึ่งเดินตรงเข้ามาขวางฉินสือโอวด้วยใบหน้าเย็นชา ส่วนอัลเบิร์ตและคนอื่นๆ ที่มองไม่เห็นฉินสือโอวก็ยังคงเดินคุยไปหัวเราะไปตรงไปทางเฮลิคอปเตอร์
ฉินสือโอวถอนหายใจ นี่คงเป็นความเย่อหยิ่งโดยพื้นฐานสินะ แต่ฉันก็คนดี เพราะงั้นฉันจะทน
“กรุณาหยุดก่อนครับคุณอัลเบิร์ต ผมเป็นเพื่อนบ้านของคุณชื่อฉินสือโอว ผมมีเรื่องอยากคุยกับคุณนิดหน่อยครับ”ฉินสือโอวรีบหลบบอดี้การ์ดคนนั้นที่กำลังไล่ตามมาจับเขา
อัลเบิร์ตดึงซิการ์ที่คาบไว้ออกจากปากพลางมองฉินสือโอวด้วยสายตาเฉยเมยและยังไงไม่ได้พูดโต้ตอบอะไร เขาเพียงแค่ส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ดคนนั้นจัดการเท่านั้น
แฮมเล็ตขมวดคิ้ว ในฐานะที่เขาเป็นนายกเทศมนตรี เขารู้สึกทนดูไม่ได้อีกต่อไปจึงได้พูดออกมา “คุณสมิธ ผมคิดว่าคุณควรคุยกับฉินสักเล็กน้อย การทำแบบนี้กับเพื่อนบ้านถือเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมนะครับ”
อัลเบิร์ตมองแฮมเล็ตด้วยสายตาอวดดี “เพื่อนบ้าน? โอ้ คุณฉินที่มาจากประเทศจีนคนนี้ที่มีบ้านอยู่ที่เบิร์กลินวิลล่าใช่ไหม?”
เบิร์กลินวิลล่าเป็นเขตที่อยู่อาศัยที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองเซนต์จอห์น ส่วนใหญ่จะเป็นวิลล่าที่สร้างขึ้นมาตามสไตล์ยุโรป และมันยังเป็นศูนย์รวมพวกคนรวยและนักการเมืองส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่ในเมืองเซนต์จอห์นด้วย
ฉินสือโอวยิ้ม “ผมไม่ได้มีบ้านอยู่ที่นั่นหรอกครับ แต่ถ้าผมต้องการ ผมก็สามารถหามาได้ทุกเมื่อ เพียงแต่ผมรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นเพราะอาศัยอยู่ที่นี่ไม่ดีกว่าเหรอครับ? เดาว่าคุณก็คงคิดเหมือนผม ไม่งั้นคุณคงไม่ซื้อฟาร์มปลาแห่งนี้ใช่ไหมล่ะครับ?”
อัลเบิร์ตชำเลืองมองฉินสือโอว “คนจีน เวลาของผมมีค่ามากนะ มีอะไรจะพูดก็รีบๆ พูดมาเถอะ เห็นแก่คำพูดของนายกแฮมเล็ต ผมจะไว้หน้าคุณสักครั้ง”
“ผมต้องการซื้อฟาร์มปลาของคุณ คุณสนใจจะเสนอราคาไหมครับ?”
“แน่นอน 100 ล้านดอลลาร์แคนาดา!”
“ฮะ คุณกำลังพูดเล่นใช่ไหม?”
“ผมมีเวลามาพูดเล่นกัคุณยเหรอ? สื่อบอกว่าคุณเป็นมหาเศรษฐีที่มาจากประเทศจีนไม่ใช่เหรอ? งั้นผมเสนอราคา 100 ล้านดอลลาร์แคนาดา คุณสนใจก็ซื้อไปสิ” อัลเบิร์ตมองฉินสือโอวอย่างเหยียดหยามและแสดงท่าทางเหมือนฉินสือโอวไม่มีวันเอาของของเขาไปได้
ฉินสือโอวส่ายหัว รอยยิ้มบนใบหน้าค่อยๆ หายไป เห็นได้ชัดว่าทั้งสองฝ่ายไม่มีอะไรต้องคุยกันอีกแล้ว อีกฝ่ายไม่คิดจะขายฟาร์มปลาให้เขาแน่นอน
แฮมเล็ตยิ้มขื่นๆ ให้ฉินสือโอวอย่างไม่สามารถช่วยอะไรได้ ฉินสือโอวได้แต่ยักไหล่แล้วรั้งอัลเบิร์ตเอาไว้อีกครั้ง ทว่าอีกฝ่ายก็พูดกลับมาอย่างดูถูก “ผมยังพูดไม่ชัดเจนอีกเหรอ? หรือคุณไม่เจียมตัว คิดว่าตัวเองจะสามารถเสนอราคาที่ทำให้ผมสนใจได้?”
ฉินสือโอวตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “ไม่หรอก คนอังกฤษ ผมแค่อยากบอกคุณเรื่องหนึ่ง มีโรงงานเคมี 2 แห่งอยู่ถัดไปจากที่ของคุณ ความจริงแล้วผมสั่งปิดเอาไว้ และในเมื่อผมสามารถสั่งปิดพวกมันได้ ผมก็สามารถสั่งเปิดพวกมันอีกครั้งได้เหมือนกัน”
…………………………………………………………
บทที่ 372 คำขอบคุณจากสเตราส์
โดย
Ink Stone_Fantasy
ฉินสือโอวตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “ไม่หรอก คนอังกฤษ ผมแค่อยากบอกคุณเรื่องหนึ่ง มีโรงงานเคมี 2 แห่งอยู่ถัดไปจากที่ของคุณ ความจริงแล้วผมสั่งปิดเอาไว้ และในเมื่อผมสามารถสั่งปิดพวกมันได้ ผมก็สามารถสั่งเปิดพวกมันอีกครั้งได้เหมือนกัน”
ในเมื่อตกลงกันไม่ได้ มิตรภาพระหว่างผู้ซื้อผู้ขายก็อย่าได้คิดจะเหลือให้แก่กันเลย สิ่งที่ฉินสือโอวยึดมั่นคือคุณให้เกียรติผม ผมก็ให้เกียรติคุณตอบ แต่ในเมื่อคุณยื่นเท้ามาขัดขากันถ้าผมจะเหยียบเท้านั้นก็อย่าหาว่าผมทำเกินไปแล้วกัน
เมื่อได้ยินฉินสือโอวพูดเช่นนั้น อัลเบิร์ตมองไปที่เขาด้วยสายตาที่เหยียดหยาม “นี่คนจีน คุณขู่ผมเหรอ?”
ฉินสือโอวยักไหล่กรอกตาขาวไปให้คนพุงใหญ่คนนี้ เดินกลับขึ้นรถปิดประตูใส่แล้วจากไป
อัลเบิร์ตมองดูรถคาดิลแลควันที่กำลังแล่นออกไปด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เขาหันกลับมาหาแฮมเล็ตที่เมื่อกี้ทำท่าเหมือนจะพูดอะไร แต่สุดท้ายแฮมเล็ตก็แค่ยักไหล่ ก้าวขึ้นรถคัมรี่แล้วขับออกไปทิ้งไว้เพียงไอเสียของรถเท่านั้น
ตอนนี้ อัลเบิร์ตโกรธจนหน้าเขียว
ฉินสือโอวกลับมาถึงฟาร์มปลาได้ไม่นาน ฝูงห่านขาวก็ส่งเสียงร้องดังขึ้น เห็นได้ชัดว่ามีคนจากข้างนอกเข้ามา
ฉินสือโอวออกไปดู ก็พบว่าเป็นนายกแฮมเล็ตที่กำลังขับรถคัมรี่เข้ามา ท่าทางที่สุขุมของเขาตอนนี้ได้หายไปหมดแล้ว เขาลงจากรถแล้วไปเหยียบเข้ากับฝ่าเท้าของห่านตัวหนึ่ง ฝูงห่านพวกนั้นจึงเริ่มจู่โจมเขา
ฉินสือโอวผิวปาก บุชจึงกระโดดพรวดพราดเข้ามาช่วยไล่ฝูงห่านที่กำลังไล่ตามแฮมเล็ต
ช่วงนี้บุชกำลังฝึกบินกับนิมิตส์ มันใช้อำนาจข่มขู่ฝูงห่านจนทำให้พวกมันหวาดกลัวไม่น้อย ขอแค่ห่านฝูงนี้ไม่คลั่งหนักมันจะสามารถควบคุมห่านพวกนี้ได้
แฮมเล็ตเดินไปอย่างหวาดกลัวกับรองเท้าหนังมันวาวที่ยับเยิน “ห่านที่นายเลี้ยงทำไมถึงกัดรองเท้าคนล่ะ?”
“มันไม่ไปอึใส่รองเท้าคุณก็ดีแค่ไหนแล้ว” ฉิวสือโอวกล่าวอย่างเยือกเย็น
แฮมเล็ตกลัวจนตัวสั่นรีบวิ่งเข้าไปในห้อง เพื่อเลี่ยงฝูงห่านขาวที่กำลังจ้องเขม่นเขามาแต่ไกล
ฉินสือโอวชงชาให้แฮมเล็ต เขาจิบอย่างพอใจแล้วเปิดปากเอ่ยเข้าเรื่องทันที “ดูท่าแล้ว นายทำให้อัลเบิร์ต เพื่อนของฉันไม่พอใจอยู่นะ เมื่อกี้สะใจก็จริง แล้วตอนนี้นายรู้สึกเสียใจภายหลังไหม?”
“ใช่ ผมเสียใจ เสียใจที่ไม่ได้เอาห่านขาวไปกับผมด้วย” ฉินสือโอวว่า
ชาที่แฮมเล็ตกำลังดื่มเข้าปากไปก็พุ่งออกมา
ฉินสือโอวถามด้วยความแปลกใจ “ผู้ชายคนนั้นเป็นสุนัขบ้าเหรอ? ทำไมเขาถึงดุร้ายกับผมนัก? ผมไปทำร้ายลูกชายเขาหรือไปวอแวลูกสาวเขาหรือไง?”
ท่าทางที่อัลเบิร์ตเพิ่งแสดงออกมา มันไม่ต่างจากการเหยียดเชื้อชาติ ไม่สมกับเป็นนักธุรกิจเลยด้วยซ้ำ
แฮมเล็ตกล่าวอย่างเต็มไปด้วยพลัง “ที่ฉันมาก็เพื่ออธิบายเรื่องนี้กับนาย ฉันรู้เหตุผลที่แท้จริงว่าทำไมเขาถึงไม่ชอบนาย รู้ไหมว่าอัลเบิร์ตซื้อฟาร์มปลาแกธเธอริงเมื่อไร? เมื่อ 22 ปีก่อน จริงๆ แล้วตอนนั้นฟาร์มปลาที่เขาเลือกไม่ใช่ฟาร์มปลาแกธเธอริงที่ตรงนั้นหรอก แต่เป็นฟาร์มปลาต้าฉินของนายต่างหาก”
คนฉลาดไม่จำเป็นต้องพูดเยอะ ฉินสือโอวเข้าใจในทันที “คงต้องเป็นตอนที่เขามาเยี่ยมคุณปู่ของผม แล้วท่านไม่ต้อนรับสินะ”
แฮมเล็ตหัวเราะแหยแล้วเอ่ยต่อ “อาจจะไม่ใช่แค่ปิดประตูไม่ต้อนรับง่ายๆ แบบนั้นก็ได้ จากที่ได้ยินมาตอนนั้นอัลเบิร์ตถูกคุณปู่ของนายอบรมไปยกหนึ่งด้วย”
ฉินสือโอวส่ายหัว “ช่างเถอะ เรื่องนี้ผมจะไม่พูดถึง แต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไรผู้ชายคนนั้นทำเกินไปแล้ว เรื่องแค่นี้คิดไม่ถึงว่าเขาจะแค้นมา 20 กว่าปีเลยเหรอ? ถ้าเขามีความสามารถก็ให้เขาไปเถียงกับคุณปู่ผมที่โลกหน้าสิ แล้วจะมาเถียงกับผมทำไม?”
นอกจากจะมาอธิบายเหตุผลที่อัลเบิร์ตมีท่าทีไม่ชอบฉินสือโอวตอนก่อนหน้านี้แล้ว แฮมเล็ตยังมาที่ฟาร์มปลาเพื่อปลอบใจเขาเพราะคำพูดที่ฉินสือโอวบอกว่าจะเปิดโรงงานเคมีอีกครั้งทำให้เขากลัว
ฉินสือโอวหัวเราะขึ้นเมื่อรู้เหตุผล เขาก็แค่ขู่อัลเบิร์ต จริงๆ เขาก็แค่ปากไวไปเท่านั้น โรงงานเคมีจะเปิดอีกครั้งได้อย่างไร?
คุยกันได้ไม่นานแฮมเล็ตก็เตรียมตัวกลับ เมื่อเดินไปถึงรถห่านขาวตัวหนึ่งโผล่ออกมาจากท้ายรถ ห่านตัวนั้นเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยความหยิ่งยโส แล้วมันก็สะบัดก้นอึใส่บนรองเท้าของแฮมเล็ตพอดิบพอดี…
ฉินสือโอวตกใจจนหน้าถอดสี แฮมเล็ตชายผู้เป็นสุภาพบุรุษคนนี้เกือบถูกบีบให้ต้องระเบิดอารมณ์ออกมา เขารีบขึ้นรถและเร่งความเร็วออกจากฟาร์มปลาอย่างกับกำลังแข่งรถอยู่ เดาว่าต่อไปเขาคงจะไม่มาที่นี่ง่ายๆ อีก
หลังอาหารกลางวัน ฉินสือโอวได้รับโทรศัพท์ของบิลลี่ เขาพาคนในตระกูลสเตราส์มาที่เซนต์จอห์น
คนในตระกูลสเตราส์ได้รู้ว่าจดหมายครอบครัวที่เขียนโดยบรรพบุรุษของครอบครัวเขาบนเรือไททานิกในตอนนั้นได้ปรากฏขึ้น จึงขอให้บิลลี่รีบพามาทันที สมกับที่เป็นครอบครัวใหญ่ในสหรัฐอเมริกา บินด้วยเครื่องบินเหมาลำโดยตรงข้ามประเทศมา นี่สิถึงเรียกว่าทำการใหญ่
นอกจากเที่ยวบินเช่าเหมาลำ หลังจากเดินทางมาถึงเซนต์จอห์น ครอบครัวสเตราส์ยังเช่าเรือโดยสารเหมาลำขนาดเล็กบึ่งตรงมายังเกาะแฟร์เวล
มันเป็นการดีที่มีท่าเรือในฟาร์มปลาของตัวเอง ฉินสือโอวไม่จำเป็นต้องต้อนรับอย่างใหญ่โต เขารออยู่บนชายหาดและพลางหาไข่ของนกจมูกหลอดหางสั้นไปด้วย เมื่อเรือโดยสารมาถึงเขาก็วางตะกร้าไว้แล้วไปที่ท่าเรือ
มีเพียงผู้ชายแค่สองคนที่มาพร้อมกับบิลลี่ แต่ภูมิหลังของพวกเขาเป็นคนใหญ่คนโต คนที่ดูมีอายุเป็นผู้คุมท้ายเรือของตระกูลสเตราส์ในตอนนี้ เขาคือสกอตต์ สเตราส์หลานชายของนาธาน สเตราส์ และชายวัยกลางคนคือเคอร์ สเตราส์ ลูกชายของเขา ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นซีอีโอของห้างสรรพสินค้าเมย์ซีคนปัจจุบัน
เหตุเพราะคู่สามีภรรยาสเตราส์ ฉินสือโอวแสดงออกถึงการให้ความเคารพต่อแขกที่มาเยี่ยมทั้งสองโดยเป็นฝ่ายยื่นมือออกมาจับมือทักทายก่อนหลังจากที่พวกเขาลงจากเรือพร้อมกับเอ่ย “ยินดีต้อนรับทั้งสองท่านสู่ฟาร์มปลาของผมครับ”
สกอตต์ สเตราส์ ชายอายุเจ็ดสิบกว่า เขายิ้มขึ้นพร้อมจับมือกับฉินสือโอว เขาชื่นชมฟาร์มปลาของฉินสือโอวและเกาะแฟร์เวลที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ เขายังพูดชมความงามและบุคลิกภาพของวินนี่ด้วย ซึ่งแน่นอนว่านี่ไม่ใช่การประจบ
จากนั้น เขาเอ่ยถึงความต้องการอ่านจดหมายครอบครัวของปู่ด้วยความร้อนใจ
ฉินสือโอวหยิบจดหมายครอบครัวฉบับหนาออกมาจากเครื่องสุญญากาศอาร์กอน เมื่อเห็นสัญลักษณ์จางๆ ของตระกูลสเตราส์และลายเซ็นปิดท้ายบนซองจดหมาย ทันใดนั้นดวงตาของสกอตต์ก็เริ่มมีน้ำตาคลอออกมา
หลักฐานวันที่ทิ้งท้ายจดหมายฉบับนี้ คือวันที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2455 มันถูกเขียนขึ้นในวันที่ไททานิกจมทะเล ไม่แปลกใจเลยที่จดหมายฉบับนี้จะมีค่ามาก
สองพ่อลูกเงียบไปพักหนึ่งหลังจากอ่านจดหมายนี้ สุดท้ายสกอตต์จึงหันไปถามฉินสือโอว “ขอโทษที่เสียมารยาท ผมอยากทราบว่าคุณได้รับจดหมายฉบับนี้มาได้อย่างไร?”
ฉินสือโอวคิดคำตอบอยู่นาน นี่คือคำตอบหลังจากการสนทนากับบิลลี่ “บังเอิญเมื่อหลายวันก่อนผมขับเฮลิคอปเตอร์ไปสำรวจฟาร์มปลา แล้วสังเกตเห็นวัตถุขนาดใหญ่ลอยอยู่ในทะเล ตอนแรกผมคิดว่ามีคนมาขโมยปลา แต่สุดท้ายก็พบว่ามันคือซากฉลามวาฬตัวหนึ่งที่ตายแล้ว ซึ่งผมเจอกล่องเก็บจดหมายฉบับนี้อยู่ในท้องของมัน”
“หลังจากที่คุณได้รับจดหมายนี้ คุณสามารถส่งไปยังตลาดมืดได้ เท่าที่ผมรู้ จดหมายแบบนี้สามารถขายในตลาดมืดได้ราคาสูงจนน่าตกใจ” เคอร์ สเตราส์กล่าว
ฉินสือโอวหัวเราะขึ้น “ผมไม่ได้ขาดแคลนเงินหรอกนะ อีกอย่างผมจะไม่ทำลายเกียรติของสุภาพบุรุษผู้สูงส่งด้วยวิธีการเช่นนั้น ผมเชื่อว่าไม่ว่าใครที่มีคุณธรรมหลังจากได้รับของจากสามีภรรยาสเตราส์ก็จะคืนให้ครอบครัวของพวกเขาทันที”
วินนี่กล่าวเสริมด้วยความจริงใจ “แฟนของฉันพูดถูก นี่เป็นสิ่งที่เราควรทำ เมื่อเทียบกับทุกอย่างที่สามีภรรยาสเตราส์ทำเมื่อตอนที่เรืออับปาง สิ่งที่เรากำลังทำอยู่ตอนนี้เทียบอะไรไม่ได้เลย”
……………………………………………
บทที่ 373 การประมงล็อตแรก
โดย
Ink Stone_Fantasy
ฉินสือโอวและวินนี่นับถือคู่สามีภรรยาสเตราส์จากใจจริง ในยามที่สามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับความตายและหายนะ ทั้งคู่ได้แสดงให้เห็นถึงความงดงามของความเป็นมนุษย์จนทำให้พวกเขาประทับใจอย่างแท้จริง
อันที่จริงต่อให้ครอบครัวสเตราส์ไม่มีเงิน ฉินสือโอวก็ตั้งใจจะนำจดหมายครอบครัวนี้ส่งคืนให้โดยไม่รับค่าตอบแทนอยู่แล้ว ถือเสียว่าเป็นการสร้างมิตรภาพกับครอบครัวใหญ่ครอบครัวหนึ่งเท่านั้นเอง
จุดประสงค์ของเขาบรรลุผลแล้ว เพราะแววตาของสองพ่อลูกสเตราส์ที่มองมายังเขาเต็มไปด้วยความชื่นชม ตกเย็นฉินสือโอวเชิญพวกเขาร่วมรับประทานอาหารค่ำแบบกินเลี้ยงครอบครัวด้วยกันที่บ้าน ทั้งสองตอบตกลงอย่างยินดี โดยไม่ได้รีบกลับไปนิวยอร์กทันทีแต่เลือกที่จะอยู่ต่อ
ฝ่ายตรงข้ามเป็นถึงมหาเศรษฐีที่มีฐานะอย่างน้อยระดับสองสามพันล้าน ฉินสือโอวจึงรู้สึกว่าตัวเองควรตั้งใจให้การต้อนรับเสียหน่อย ด้วยเหตุนี้งานเลี้ยงครอบครัวจึงถูกจัดขึ้นมาอย่างดีเป็นพิเศษโดยวัตถุดิบที่ใช้ล้วนมาจากฟาร์มปลา
ไม่ต้องพูดถึงวัตถุดิบทองคำสามชนิดอย่างปลาลิ้นหมา ปูราชินีและปลาแซลมอนชัม ยังมีเป็ดพื้นเมืองย่าง ไก่ตัวเมียตุ๋น ชาร์คยังฆ่าหมูตัวหนึ่งด้วย นี่เป็นครั้งแรกที่ฆ่าหมูที่เลี้ยงมากว่าครึ่งปี ตอนแรกฉินสือโอวตั้งใจจะฆ่าตอนมันได้สักปีหนึ่ง แต่ในเมื่อตอนนี้มีโอกาสเลยลองดูเสียหน่อย
น่าเสียดายที่เข้าช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงแล้ว ผักเกือบทั้งแปลงล้วนตายหมด ฉินสือโอวเก็บหัวไชเท้า กะหล่ำปลีมาได้ส่วนหนึ่ง นอกนั้นก็ไม่มีกับข้าวอะไรแล้ว
นี่จึงทำให้เขาไม่พอใจเป็นอย่างมาก เขามองไปที่ทุ่งผักร้างแล้วพูดกับซีมอนสเตอร์ “พรุ่งนี้ลองไปดูในเมือง แล้วซื้อพวกฟิล์มพลาสติกกับไม้ไผ่มาหน่อยนะ พวกเรามาสร้างเพิงปลูกผักใหญ่ๆ หลายๆ เพิงกัน ไม่อย่างนั้นพอถึงฤดูหนาวมีแต่กะหล่ำปลีกับหัวไชเท้ากินฉันก็ทนไม่ไหวหรอกนะ”
นอกจากนี้แล้ว ชาร์คยังเก็บถังจับปลาที่วางไว้ในน้ำลึกเมื่อหลายวันก่อนขึ้นมา ในนั้นมีปลาแลมป์เพรย์อ้วนท้วนอยู่หลายตัวสามารถนำมาทำอาหารได้เหมือนกัน
ช่วงบ่ายสองพ่อลูกสเตราส์นั่งเล่นกับหู่จือเป้าจืออยู่ในห้องรับแขก พวกเขาสองคนต่างเป็นคนรักสุนัข หลังจากเห็นหู่จือและเป้าจือที่แสนฉลาดก็รู้สึกต้องตาเข้าจึงหยอกเล่นกับพวกมันตลอดช่วงบ่าย
หู่จือและเป้าจือไม่สนใจผู้ชายซื่อๆ สองคนนี้ พวกมันอยากจะออกไปวิ่งเล่นกันเอง ฉินสือโอวจึงดุไปหนึ่งทีให้พวกมันอยู่เล่นเป็นเพื่อนแขก
เพราะอย่างนี้เจ้าเด็กน้อยสองตัวเลยได้แต่เล่นเกมโง่เง่าอย่างเก็บจานบิน ลุกขึ้นนั่งลงเป็นเพื่อนสองพ่อลูกสเตราส์อย่างเบื่อหน่าย พวกนี้ล้วนเป็นเกมที่พวกมันเล่นตอนอายุได้สองสามเดือนทั้งนั้น
ในตอนที่ฉินสือโอวนำผักกลับมา เคอร์ สเตราส์เอ่ยถามอย่างตื่นเต้น “สหาย สุนัขสองตัวนี้ของคุณเลี้ยงได้ดีจริงๆ ถ้าผมสนใจอยากจะซื้อ ขอถามหน่อยว่าคุณจะยอมตัดใจขายให้ไหม”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นหู่จือและเป้าจือก็มองไปยังฉินสือโอวอย่างตึงเครียดไปชั่วขณะ ดวงตาไม่กะพริบเลยแม้แต่น้อย
ฉืนสือโอวเผลอหัวเราะออกมา เขาย่อตัวลูบเจ้าเด็กน้อยสองตัวแล้วพูดกับเคอร์อย่างเด็ดเดี่ยว “ย่อมไม่ได้อยู่แล้ว นี่เป็นลูกของผมกับวินนี่ คุณก็น่าจะเข้าใจว่ามันเป็นเหมือนลูกจริงๆ ไม่ว่าคุณจะเต็มใจจ่ายด้วยอะไร ผมย่อมไม่ขายลูกตัวเองอยู่แล้ว”
หู่จือและเป้าจือยื่นหัวถูไปมาตามตัวฉินสือโอว มันทำตัวเชื่องๆ แสดงให้เห็นว่าพวกมันเป็นเด็กดี
เคอร์วางมืออย่างเสียดาย แต่เขาก็เข้าใจความรู้สึกของฉืนสือโอวจึงพูดออกมาอย่างทอดถอนใจ “ผมรู้ว่าผลมันต้องเป็นอย่างนี้ แต่เจ้าสองตัวนี้ยอดเยี่ยมมากเลยดังนั้นผมเลยอยากลองเสี่ยงถามดู”
สกอตต์ลูบหลังคอหู่จือ หู่จือสะบัดหัวหนีออกจากมือของสกอตต์อย่างไม่พอใจ สองอุ้งเท้าตะกายเอวฉินสือโอวรั้งเขาไว้ข้างกายราวกับกำลังกอดเขาไว้
“ที่บ้านผมก็มีสุนัขพันธุ์แลบราดอร์ริทรีฟเวอร์หลายตัว ฉิน คุณสนใจที่จะจับคู่ให้เจ้าเด็กน้อยของพวกเราหรือเปล่า”
ฉินสือโอวรู้สึกสบายใจ จึงพูดว่า “หากมีโอกาสผมจะพาพวกมันไปเป็นแขกที่บ้านคุณ ถ้าพวกมันสนใจกันทุกอย่างก็ตกลงกันได้”
เขาเข้าใจความหมายของสกอตต์ มันคือการให้หู่จือกับเป้าจือไปผสมพันธุ์นั่นเอง ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติมากอยู่แล้ว เจ้าเด็กน้อยสองตัวล้วนเป็นตัวผู้ ตอนนี้ยังไม่ถึงวัยเจริญพันธุ์ เมื่อถึงวัยเจริญพันธุ์แล้วย่อมมีอาการกำหนัด พอถึงตอนนั้นค่อยถือโอกาสแสดงน้ำใจย่อมไม่มีปัญหา
“น่าเสียดายที่พวกมันยังเล็ก ไม่อย่างนั้นก็ได้โอกาสแล้ว” สกอตต์พูดแล้วหัวเราะไปด้วย
ฉินสือโอวเอ่ยถาม “โอกาสอะไรเหรอ”
เคอร์อธิบาย “พวกเราจะเชิญคุณไปร่วมงานแถลงข่าว ฉิน คุณก็รู้ จดหมายครอบครัวฉบับนี้มีความหมายต่อตระกูลพวกผมอย่างมาก ยิ่งใหญ่จนถึงขนาดที่ว่าพวกเราจะต้องจัดงานแถลงข่าว ถึงตอนนั้นคุณจะต้องมาร่วมงานในฐานะแขกผู้มีเกียรติ”
เรื่องนี้ฉินสือโอวตกลงรับปาก แต่เดิมเขาก็อยากผูกสัมพันธ์กับตระกูลสเตราส์อยู่แล้ว การร่วมมือกันจึงเป็นเรื่องที่สมควร
ตกเย็นรับประทานอาหารกัน บนโต๊ะเป็นอาหารหยาบๆ อย่างปูราชินีนึ่ง ปลาลิ้นหมาย่างถ่าน ห่านขาวอบทั้งตัว เป็ดย่างถ่านไม้ผล ไก่ตุ๋นเห็ดหอม อาหารส่วนใหญ่ที่ทำมาทั้งหมดล้วนเต็มไปด้วยความเป็นเอกลักษณ์ของคนพื้นเมือง
เดิมทีฉินสือโอวอยากจะทำอาหารที่พิเศษและพิถีพิถันกว่านี้ แต่วินนี่ไม่แนะนำให้ทำอย่างนั้น เพราะในอเมริกามีงานเลี้ยงใดบ้างที่สองพ่อลูกสเตราส์ไม่เคยเข้าร่วม อาหารเลิศรสใดบ้างที่ไม่เคยได้ลิ้มลอง ไม่สู้ลองทำอาหารที่แสดงความเป็นเอกลักษณ์ของเมืองเล็กๆ ในเกาะแฟร์เวลดูอย่างเช่นอาหารหยาบๆ จำพวกนี้
วินนี่แนะนำได้ดีมาก สองพ่อลูกสเตราส์เอ่ยชมอาหารมื้อนี้ไม่ขาดปาก โดยเฉพาะปลาแลมป์เพรย์ผัดซอส หลังจากที่สองพ่อลูกเห็นเข้าดวงตาก็ส่องประกาย ราวกับจะเหมาปลาจานนี้อย่างไรอย่างนั้น
ในตอนที่ทานอาหารกัน เคอร์พูดอธิบาย “ตระกูลของพวกเราเป็นโรคตาบอดกลางคืน ปลาแลมป์เพรย์นั้นอุดมไปด้วยวิตามิน สำหรับพวกเราแล้วจึงเป็นทั้งอาหารและยา ปกติตอนอยู่ที่นิวยอร์ก ทุกอาทิตย์พวกเราจะกินปลาแลมป์เพรย์กันสักหนึ่งครั้ง น่าเสียดายที่ปัจจุบันของสิ่งนี้นั้นมีน้อยพวกเราจึงไม่ค่อยได้กินเท่าไร”
ฉินสือโอวกำลังคิดจะเข้าหานักธุรกิจฝีมือดีสักคน หลังจากที่เคอร์พูดจบเขาก็หาโอกาสทางธุรกิจทันที เขาเอ่ยถาม “ตอนนี้ปลาแลมป์เพรย์ที่นิวยอร์กน้อยมากเหรอ”
เคอร์พยักหน้าแล้วพูด “ใช่แล้ว แต่ก่อนปลาแลมป์เพรย์ตามร้านอาหารล้วนถูกนำมาจากฝรั่งเศสและสเปน ตอนนี้ปลาแลมป์เพรย์ในยุโรปลดลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้นแม้จะเป็นในนิวยอร์กก็ยากที่จะหาอาหารเลิศรสจานนี้ได้”
ฉินสือโอวและวินนี่มองหน้ากันชั่วครู่ แล้วเขาก็เอ่ยถามขึ้นมาอย่างตื่นเต้น “ฟาร์มปลาของพวกเรามีเจ้าสิ่งนี้ไม่น้อยเลยทีเดียว ถ้าหากพวกเราส่งปลาแลมป์เพรย์พวกนี้ไปนิวยอร์ก น่าจะมีตลาดใช่ไหม”
นับเป็นเรื่องน่าเสียดาย ตั้งแต่รับช่วงต่อจากฟาร์มปลา ฉินสือโอวเพียงลงทุนอย่างเดียวและยังไม่ได้ผลตอบแทนอะไรกลับมา เงินที่เขาหามาได้ด้วยการใช้ประโยชน์จากมหาสมุทรนั้นคล้ายว่ามาจากของเก่าในเรืออับปางทั้งสิ้น ถ้าหากว่าครั้งนี้สามารถหาเงินจากปลาแลมป์เพรย์ได้ ไม่ว่าจะเท่าไรก็ถือว่าเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างหนึ่ง
เคอร์เองก็ถามขึ้นมาอย่างตื่นเต้น “คุณแน่ใจเหรอ ปลาแลมป์เพรย์ไม่ได้จับง่ายๆ นะ”
ฉินสือโอวประมาณการแล้วเอ่ย “พวกเรามีวิธี น่าจะสามารถจัดหาได้ประมาณสองร้อยกิโลกรัมต่อวัน”
เคอร์พยักหน้าแล้วพูดว่า “ไม่มีปัญหา ผมจะช่วยพวกคุณติดต่อธุรกิจเอง ปลาแลมป์เพรย์นั้นไม่ว่าจะเป็นอาหารตะวันตกหรืออาหารญี่ปุ่นล้วนเป็นอาหารที่มีราคาสูง ผมคิดว่าผมสามารถหาราคาที่ไม่เลวให้คุณได้”
เมื่อมีปลาแลมป์เพรย์เป็นหัวข้อสนทนา บรรยากาศในโต๊ะอาหารก็ครึกครื้นขึ้นมาทันที ส่วนสกอตต์นั้นค่อนข้างเงียบ เขาเพียงยิ้มแล้วมองดูการสนทนาระหว่างทั้งสอง เคอร์นั้นกลับพูดคุยเก่งมาก การเลือกหัวข้อสนทนาทำให้ทั้งสองฝ่ายพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
จะอย่างไรวินนี่ก็เป็นผู้หญิง ย่อมให้ความสนใจต่อพวกดาราฮอลลีวูดอย่างมาก
นิวยอร์กไม่ได้อยู่ใกล้กับลอสแอนเจลิส แต่ว่ามันเป็นศูนย์กลางความบันเทิงของฮอลลีวูด เคอร์ย่อมรู้จักพวกดาราไม่น้อยอยู่แล้ว ทั้งยังรู้ความลับมากมาย แถมยังให้วิธีติดต่อของพวกดาราบางส่วนแก่วินนี่อีก ทั้งสองฝ่ายต่างสนทนากันอย่างเบิกบานใจ
…………………………………………..
บทที่ 374 พบสัตว์ประหลาด
โดย
Ink Stone_Fantasy
ที่แท้ความสามารถของตระกูลสเตราส์ก็สุดยอดมาก วันรุ่งขึ้นเคอร์โทรหาร้านรับซื้ออาหารทะเลหลายแห่ง ด้านฉินสือโอวเองก็ได้รับการยื่นความประสงค์เข้าตรวจสอบของผู้รับซื้อหลายแห่งเช่นกัน
เมื่อถึงเวลาต้องตัดสินใจ ฉินสือโอวตอบก็กลับพวกผู้รับซื้อให้ดำเนินการตรวจสอบคุณภาพปลาแลมป์เพรย์ที่ฟาร์มปลาได้ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป
เขาให้เบิร์ดใช้เฮลิคอปเตอร์ไปส่งพ่อลูกตระกูลสเตราส์ที่สนามบินในตอนเช้า ส่วนฉินสือโอวก็พาคนที่เหลือออกทะเลเตรียมจับปลาแลมป์เพรย์
การจับปลาแลมป์เพรย์ขนาดใหญ่ต้องใช้แหจับปลาปากเล็ก ไม่สามารถใช้ทุ่นกระป๋องได้ กระบวนการเองก็ค่อนข้างโหดร้าย นั่นคือการใส่ปลาใหญ่ที่มีแผลบนตัวเข้าไปในแหจับปลาแล้วใช้เรือประมงลากแหจับปลาในบริเวณทะเลที่เหล่าปลาแลมป์เพรย์ดำรงชีวิตอยู่เพื่อดึงดูดให้ปลาแลมป์เพรย์มารุมกันบนตัวของปลาใหญ่ เช่นนี้เมื่อดึงแหขึ้นมาในท้ายที่สุดก็จะสามารถจับปลาแลมป์เพรย์ขึ้นมาได้
ที่เมืองใหญ่อย่างนิวยอร์กมีปริมาณความต้องการปลาแลมป์เพรย์สูงมาก วันนั้นก็มีผู้รับซื้อจากนิวยอร์กบินมาที่เมืองเซนต์จอห์น จากนั้นก็รีบมาที่เกาะแฟร์เวลทันที
ผู้รับซื้อรายนี้เป็นชาวผิวสีหนวดเฟิ้มลักษณะคล้ายชาวอาหรับซึ่งมีชื่อว่าเจมส์ บัตเลอร์ เคอร์เคยบอกกับเขาว่าคนคนนี้มีชื่อเสียงมากในตลาดอาหารทะเลของนิวยอร์ก
ตกปลากันอยู่ทั้งวัน กลุ่มของฉินสือโอวก็ตกปลาแลมป์เพรย์ตัวอ้วนพีขึ้นมาได้สองร้อยกว่าตัว ตัวที่เล็กที่สุดก็มีน้ำหนักถึงครึ่งกิโลกรัมกว่าๆ ส่วนตัวที่เล็กกว่านั้นจะถูกโยนกลับไปในทะเล
ปลาแลมป์เพรย์ทั้งหมดหนัก 310 กิโลกรัม บัตเลอร์รออยู่ที่ท่าเรือออย่างอดทน หลังจากรอเรือประมงที่เต็มไปด้วยปลาแลมป์เพรย์เทียบท่าแล้วเขาก็ถือโอกาสขึ้นไปหยิบมาหนึ่งตัว หลังจากใช้มีดตัดออกเป็นส่วนๆและมองดูอย่างละเอียดแล้วเขาก็พูดพลางพยักหน้า “ปลาดีมาก ผมจะซื้อพวกนี้ทั้งหมดเลย คุณคิดว่ายังไงล่ะคุณเจ้าของฟาร์มปลา?”
ฉินสือโอวมีความเห็นอย่างไร? ตอนนี้เขามีความสุขมาก แม้ปลาแลมป์เพรย์พวกนี้จะไม่สามารถขายได้ในราคาสูง แต่ก็นับว่าสร้างรายได้ให้ฟาร์มปลาแล้วไม่ใช่เหรอ?
“คุณเสนอราคาเถอะพวก ผมเชื่อใจคุณ”
บัตเลอร์รีบพูด “ถ้าอย่างนั้นก็ยึดตามราคาในเวลาจริงของตลาดอาหารทะเลนิวยอร์กวันนี้ก็แล้วกัน หนึ่งกิโลกรัม220 ดอลลาร์สหรัฐอเมริกา”
ฉินสือโอวตกใจจนต้องแอบหันไปถามชาร์คว่าปลาแลมป์เพรย์แพงขนาดนี้เลยเหรอ?
ชาร์คอธิบาย “ปลาแลมป์เพรย์ในทะเลจับยากมาก การที่มันใช้ชีวิตเป็นหลักแหล่งในบริเวณหนึ่งเหมือนที่ฟาร์มปลาของพวกเรานั้นพบเห็นได้น้อยมาก ถ้าชาวประมงในยุโรปต้องการจะจับปลาพวกนี้ พวกเขาก็ต้องรอช่วงฤดูร้อนตอนที่พวกมันย้ายถิ่นฐานไปวางไข่ในแม่น้ำ พอถึงฤดูใบไม้ผลิปลาพวกนี้ก็จะกลับมายังทะเลและไม่มีทางจับได้อีกแล้ว”
ปลาแลมป์เพรย์หนึ่งลำเรือทำให้ฉินสือโอวก็มีรายได้เกือบเจ็ดหมื่นดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเป็นเช่นนี้ฉินสือโอวจึงครุ่นคิดสักพักหนึ่ง ถ้าอย่างนั้นต่อจากนี้เขาก็คงไม่ต้องไปเสาะหาซากเรืออัปปางอะไรนั่นอีกต่อไปแล้ว เพราะแค่จับปลาแลมป์เพรย์ขาย เขาก็สามารถร่ำรวยได้เหมือนกัน
พวกเขาตกลงการซื้อขายกันอย่างมีความสุข ฉินสือโอวพาบัตเลอร์ ไปลงทะเบียนที่กรมประมงเมืองเซนต์จอห์น เนื่องจากเกี่ยวข้องกับการค้าอาหารทะเลข้ามประเทศ ขั้นตอนการดำเนินงานจึงค่อนข้างซับซ้อน ยังดีที่แคนาดาและสหรัฐอเมริกามีนโยบายรถไฟสายตรงสำหรับการค้าขายสินค้าทางการเกษตร ไม่อย่างนั้นอย่าคิดเลยว่าทั้งสองฝ่ายจะสามารถทำธุรกิจกันได้ภายในหนึ่งสัปดาห์
การร่วมมือเป็นไปได้อย่างราบรื่น ก่อนจะออกจากฟาร์มปลาบัตเลอร์ก็จับมือกับฉินสือโอวและพูดขึ้น “เป็นเกียรติมากที่ได้ร่วมงานกับคุณ เจ้าของฟาร์มปลารุ่นใหม่ หวังว่าหลังจากนี้พวกเราจะสามารถกลายเป็นพันธมิตรกันได้ ขอเพียงเรือประมงของคุณหาปลาแลมป์เพรย์ได้ ก็สามารถโทรหาผมได้ทันที”
สำหรับฟาร์มปลาแล้วปลาแลมป์เพรย์แทบจะถือว่าเป็นปลาอันตราย หากต้องการทำความสะอาดปลาที่ตายอยู่ก้นทะเล เพียงแค่มีปลาแฮ็กฟิชก็สามารถจัดการได้แล้ว
ดังนั้นฉินสือโอวจึงตัดสินใจจะกว้านจับปลาแลมป์เพรย์ยกใหญ่จนกงว่ามันจะหมดถึงจะเลิก
แต่ถึงอย่างไรตอนนี้ปลาแลมป์เพรย์ก็ถือว่าเป็นแหล่งเศรษฐกิจ ฉินสือโอวจึงไปฟาร์มปลาตอนค่ำแล้วก็ส่งพลังแห่งโพไซดอนจำนวนมากไปให้แก่ฝูงปลาแลมป์เพรย์ สิ่งนี้จะสามารถเร่งการเจริญเติบโตของพวกมันได้และยังสามารถทำให้พวกมันผสมพันธุ์ได้เร็วขึ้นด้วย
หลังจากใช้พลังแห่งโพไซดอนอย่างฟุ่มเฟือยอยู่ที่ฟาร์มปลาไปสักพัก ฉินสือโอวก็วิ่งขึ้นไปบนตัวเฮยป้าหวังแล้วมองดูว่าจะสามารถหาเรือที่จมเจออีกสักลำหรืออย่างอื่นที่สามารถทำให้ปลาในฟาร์มปลาพัฒนาขึ้นไปได้อีกหรือไม่
แต่ผลสุดท้ายเมื่อเขาหาเฮยป้าหวังเจอ เขาก็พบว่าเจ้าตัวแสบใจกล้าตัวนั้นกำลังดิ้นพล่านด้วยความตระหนกตกใจอยู่ในทะเล
นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น? เจอศัตรูเหรอ? ฉินสือโอวตกใจมาก เขาปล่อยจิตสำนึกแห่งโพไซดอนออกไปแต่ก็ไม่พบอะไร
แต่ตื่นตระหนกของเฮยป้าหวังก็ไม่ใช่เรื่องโกหก และตอนที่ฉินสือโอวปล่อยจิตสำนึกแห่งโพไซดอนออกไปก็ยังรู้สึกได้ว่าส่วนหลังด้านซ้ายของมันได้รับบาดเจ็บเหมือนถูกอะไรบางอย่างบาดเป็นแผลใหญ่และมีเลือดสีแดงไหลออกมาไม่หยุด
ฉินสือโอวส่งพลังแห่งโพไซดอนเข้าไปในร่างกายของเฮยป้าหวังอย่างระมัดระวังเพื่อช่วยสมานแผลและฟื้นฟูกำลังกาย
เมื่อรู้สึกได้ถึงจิตสำนึกแห่งโพไซดอน ในที่สุดเฮยป้าหวังก็ไม่ตื่นตระหนกขนาดนั้นอีกและสงบลงอย่างช้าๆ
ผ่านไปไม่กี่นาที ฉินสือโอวก็รู้สึกว่าน้ำทะเลเริ่มสั่นไหวขึ้นมาเล็กน้อยและเฮยป้าหวังก็ตื่นตกใจขึ้นมาอีกครั้งหลังจากรู้สึกถึงความสั่นไหวของน้ำทะเล
ฉินสือโอวมีท่าทางเคร่งขรึม เขาส่งจิตสำนึกแห่งโพไซดอนไปให้เฮยป้าหวังให้เพียงพอเสียก่อน จากนั้นก็รอดูว่าสัตว์ประหลาดที่กำลังมาคืออะไร ถ้าเรื่องไม่ร้ายแรง เขาเชื่อว่าตนเองจะใช้พลังที่แข็งแกร่งของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนคุ้มกันเฮยป้าหวังและหลบหนีไปได้โดยไม่มีปัญหา
แต่แล้วไม่นานสัตว์ประหลาดตัวหนึ่งก็ว่ายออกมาด้วยความเร็ว…
เจ้าตัวนี้คือสัตว์ประหลาดจริงๆ มันมีความยาวประมาณยี่สิบเมตร ปากกว้างทรงพลัง บนตัวมีครีบท้อง ครีบหลัง และครีบหาง และมันก็กำลังอาละวาดอยู่ในทะเลอย่างดุร้ายอีกด้วย
“ฉลามอะไร?” หลังจากฉินสือโอวเห็นเจ้าตัวร้ายตัวนี้ก็ตะลึงไปชั่วขณะ เพราะสัตว์ประหลาดที่ปรากฏออกมาตัวนี้จำแนกได้ว่าเป็นประเภทฉลาม แต่เขายังไม่เคยเห็นฉลามที่ใหญ่มหึมาขนาดนี้มาก่อนเลย!
รูปร่างของเฮยป้าหวังนับว่าใหญ่โตเต็มที่แล้ว อีกทั้งยังมีความยาวเป็นสิบเมตรอย่างน่าอัศจรรย์ ในหมู่ฉลามขาว เจ้านี่ถือเป็นพี่ใหญ่ แต่ฉลามใหญ่ตัวนี้ล่ะ? มันต้องใหญ่เป็นสองเท่าของเฮยป้าหวังแน่ๆ หรือมันจะเป็นฉลามวาฬที่เขาว่ากัน?
ฉลามวาฬเป็นปลาที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตัวที่มนุษย์ค้นพบตัวหนึ่งมีความยาวถึงยี่สิบเมตร และยังเชื่อกันว่าที่บริเวณทะเลลึกที่มนุษย์ไม่มีทางล่วงล้ำเข้าไปได้ยังมีตัวที่ใหญ่กว่านี้อีก ตามการประมาณของสิ่งมีชีวิตในทะเล ฉลามวาฬน้ำลึกสามารถใหญ่ได้ถึงสามสิบเมตรเลยทีเดียว
แต่ฉลามวาฬมีนิสัยที่ค่อนข้างเชื่องซึ่งสามารถดูได้จากฉายา ‘เจ้าปลาเซ่อตัวใหญ่’ แม้ว่าร่างกายของพวกมันจะใหญ่มหึมาแต่พวกมันก็ไม่มีนิสัยดุร้ายและวิธีโจมตีที่ดีพอ ในทางตรงกันข้ามการเจอฉลามขาวขนาดใหญ่เป็นเรื่องอันตรายของพวกมันเสียอีก เฮยป้าหวังจึงไม่น่าจะถึงกับหวาดกลัวจนเป็นอย่างนี้ไปได้
อีกอย่างภายนอกของฉลามวาฬมีลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งนั่นคือตัวของพวกมันจะมีลายจุดสีอ่อนๆปะปนกันไปทั่วจนดูเหมือนกระดานหมากรุกเป็นอย่างมาก
ฉลามวาฬตัวใหญ่ตัวนี้ภายนอกเป็นสีน้ำเงินเข้มและสีเทาเงินปนกัน ผิวหนังเกลี้ยงเกลา ไม่ต้องขยับครีบหางและลำตัวก็สามารถว่ายน้ำในทะเลได้…
แม่เจ้า นี่มันบ้าอะไร? ฉลามวาฬตัวใหญ่ที่ไม่ต้องขยับครีบหางและลำตัวก็สามารถทรงตัวอยู่ได้? แกเป็นเรือดำน้ำเหรอพวก!
ฉินสือโองแกว่งมือแผ่จิตสำนึกแห่งโพไซดอนออกไป เมื่อเข้าไปมองใกล้ๆ ก็พบว่าเจ้าตัวนี้คือเรือดำน้ำจริงๆ!
แต่เรือดำน้ำลำนี้มีลักษณะภายนอกเหมือนฉลามวาฬทุกอย่าง ไม่ได้ใช้รูปร่างหัวกระสุนแต่ทำเป็นรูปฉลามวาฬเพื่อลดแรงต้านลม ส่วนหน้ายังวาดเป็นรูปปากใหญ่ ทั้งสองข้างก็มีรูปตาและที่สำคัญที่สุดก็คือเรือลำนี้สามารถทำเสียงออกมาเหมือนเสียงคำรามของฉลามวาฬได้อย่างคาดไม่ถึง
อย่าว่าแต่เจ้าซื่อบื้อเฮยป้าหวังนี่เลย ฉินสือโอวมองดูแล้วก็หลงกลไปเหมือนกัน เขาคิดว่าตัวเองได้พบกับฉลามวาฬก้นทะเลสายพันธุ์ใหม่เข้าให้แล้ว
พอรู้ว่าที่กำลังเผชิญหน้าคือเรือดำน้ำ ฉินสือโอวก็ไม่ตื่นตระหนกอีกต่อไป
เขาพิจารณาลักษณะภายนอกของเรือดำน้ำลำนี้อย่างสนใจ หลังจากค้นหาในอินเทอร์เน็ตสักพักถึงได้รู้ว่าที่แท้เรือดำน้ำลำนี้ชื่อว่าซีบรีชเชอร์ เอกซ์ เป็นเรือดำน้ำรูปทรงฉลามวาฬ เปิดตัวออกวางตลาดเมื่อสองปีก่อน ปัจจุบันนี้ใช้แทนเรือนำเที่ยวและกลายเป็นของเล่นใหม่ของพวกทายาทมหาเศรษฐีอเมริกาไปแล้ว
……………………………………
บทที่ 375 สงครามระหว่างฉลามและเรือดำน้ำ
โดย
Ink Stone_Fantasy
ฉินสือโอวได้เจอเรือดำน้ำในตำนานของจีนลำนี้เป็นครั้งแรกจึงเดินเข้าไปดูใกล้ๆ
ซีบรีชเชอร์ เอกซ์ เรือดำน้ำรูปทรงฉลามออกวางตลาดมาแล้ว 2 ปีมีทั้งหมด 4 รุ่น รุ่นแรกคือรุ่นเอกซ์ 1 ใช้เครื่องยนต์ซูเปอร์ชาร์จ 260 แรงม้า ความเร็วบนผิวน้ำสามารถทำได้ 50 ไมล์ต่อชั่วโมงส่วนใต้น้ำสามารถทำได้ถึง 25 ไมล์ต่อชั่วโมง
จากการพัฒนาเรือดำน้ำมาตลอด 2 ปี เรือดำน้ำซีรีส์นี้ออกวางตลาดแล้วถึงรุ่นเอกซ์ 4 ซึ่งเป็นรุ่นปัจจุบัน ความยาวจาก 11 เมตรเพิ่มขึ้นเป็น 21 เมตร เครื่องยนต์เปลี่ยนเป็นเครื่องยนต์ดีเซล 2 เครื่อง 340 แรงม้า ความเร็วบนผิวน้ำเพิ่มขึ้นถึง 65 ไมล์ต่อชั่วโมงส่วนใต้น้ำ 35 ไมล์ต่อชั่วโมง
แน่นอนว่านอกจากขนาดและประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ราคาเองก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน เรือดำน้ำรุ่นเอกซ์ 1 ราคาเพียงแค่ 1.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่รุ่นเอกซ์ 4 ราคาเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่ามากกว่า 4.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สมกับเป็นของเล่นของพวกคนรวยจริงๆ
ฉินสือโอวสำรวจเรือดำน้ำลำนี้ผ่านจิตสำนึกแห่งโพไซดอน เขามองเห็นหน้าต่างที่ทำจากกระจกนิรภัยแต่น่าเสียดายที่กระจกมองเห็นได้ฝั่งเดียวทำให้เขาไม่รู้ว่าข้างในเรือนั้นมีกี่คน แต่ถ้าอิงจากคำแนะนำบนอินเทอร์เน็ตจะบรรทุกได้เต็มที่ 8 คน
ขณะที่กำลังสำรวจอย่างระมัดระวังเรือดำน้ำลำนี้ก็พบเฮยป้าหวังที่หยุดอยู่ไม่ไกลเข้า หลังจากนั้นก็กระตือรือร้นขึ้นมาเร่งเครื่องเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว
ระหว่างที่เรือดำน้ำกำลังพุ่งทะยาน ส่วนล่างที่รูปร่างเป็นปากขนาดใหญ่ของเรือก็อ้าออกเผยให้เห็นท่อหนึ่งซึ่งก็คือปืนใหญ่แรงดันน้ำที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 10 เซนติเมตรยื่นออกมาและเล็งไปที่ร่างของเฮยป้าหวังพร้อมกับยิงกระสุนแรงดันน้ำใส่!
อย่ามองว่าที่ยิงออกไปเป็นแค่กระสุนแรงดันน้ำ ตราบใดที่มีแรงดันเพียงพอพลังของกระสุนแรงดันน้ำนี้จะทรงพลังมาก แรงดันเกินกว่า 15 หน่วยบรรยากาศอย่าพูดถึงการสร้างความเสียหายให้ฉลามขาวเลย ขนาดไม้กระดานหนา 10 มิลลิเมตรยังแตกเป็นเสี่ยงๆ
เฮยป้าหวังมองด้วยความหวาดผวาอยู่ที่ก้นทะเล ชัดเจนว่าเมื่อก่อนมันเคยถูกคนพวกนี้เอาเปรียบและแผลที่หลังด้านซ้ายคงเป็นฝีมือของกระสุนแรงดันน้ำ
ดังนั้นครั้งนี้เมื่อมันเห็นปืนใหญ่แรงดันน้ำจึงรีบว่ายหนี แต่ร่างของมันใหญ่โตมาก ไม่เร็วพอที่จะหนี กระสุนแรงดันน้ำที่ถูกยิงออกมาอย่างรวดเร็วเฉียดผ่านครีบหางข้างหนึ่งของมันจนขาดออกในทันที
ถ้าพูดถึงฉลามขาว การถูกคุกคามแบบนี้เป็นเรื่องที่ค่อนข้างร้ายแรง เมื่อหางของมันถูกทำลายมันจะไม่สามารถรักษาสมดุลของร่างกายเอาไว้ได้ ไม่สามารถว่ายน้ำอย่างรวดเร็วได้ ส่งผลให้มันไม่สามารถไล่ทันเหยื่อและอดตายไป
ไม่นึกว่าคนที่อยู่ในเรือดำน้ำจะเลวทรามขนาดนี้ ฉินสือโอวรู้สึกโกรธขึ้นมาทันที
เมื่อจิตสำนึกแห่งโพไซดอนโกรธ น้ำทะเลเริ่มเกิดเป็นคลื่นใต้น้ำ ในไม่ช้าก็ก่อตัวขึ้นเป็นกระแสน้ำวนหรือกระแสน้ำเชี่ยวกราก ฉินสือโอวรีบควบคุมอารมณ์โกรธของตัวเอง
ชัดเจนว่าถ้าเขาทำให้เกิดกระแสน้ำวนหรือกระแสน้ำเชี่ยวกรากขึ้นมาจริงๆ เรือดำน้ำลำนี้จะต้องจมลงอยู่ที่นี่ ความลึกของน้ำทะเลตอนนี้อยู่ที่อย่างน้อย 1 กิโลเมตร ถ้าเรือดำน้ำเกิดอุบัติเหตุคนด้านในคงไม่สามารถหนีได้และต้องตายกันหมด
ฉินสือโอวไม่ใช่คนโหดร้ายแบบนั้น ไม่ทันไรก็จะคร่าเอาชีวิตคน เขาทำเรื่องแบบนั้นไม่ได้
พลังแห่งโพไซดอนไหลเข้าสู่ร่างกายของเฮยป้าหวังอย่างรวดเร็ว ฉินสือโอวควบคุมการเคลื่อนไหวร่างกายของเฮยป้าหวัง เขารีบส่ายหางอย่างรวดเร็วเงยหน้าพุ่งตรงขึ้นไปทันที การหลบปืนแรงดันน้ำแบบนี้ อีกฝ่ายคงทำร้ายมันไม่ได้ชั่วคราว
ทว่าคนที่อยู่ในเรือดำน้ำเลวทรามกว่าที่เขาคิดไม่นึกว่าจะเร่งความเร็วไล่ตามมา แม้ว่าปืนแรงดันน้ำจะไม่สามารถเล็งเป้าหมายได้ แต่โครงเรือของพวกมันเป็นเหล็กคงวางแผนจะใช้ส่วนหัวของเรือดำน้ำที่แข็งนั่นพุ่งเข้าชนเฮยป้าหวัง
ฉินสือโอวถูกไล่โดยไม่ทันตั้งตัว ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากสะบัดครีบและหางหมุนตัวหลบหนีไปอีกทาง
การเสริมด้วยพลังแห่งโพไซดอนทำให้การเคลื่อนไหวของเฮยป้าหวังว่องไวอย่างมาก แต่เรือดำน้ำลำนี้ไม่ได้ถูกทิ้งห่างยังตามมาข้างหลังทันอย่างไม่คาดคิด
ฉินสือโอวไม่รู้สึกตกใจ ก่อนหน้านี้เขาเห็นว่าเรือดำน้ำลำนี้ใช้ระบบขับเคลื่อนเวกเตอร์ เลียนแบบส่วนหางและข้อต่อของสัตว์น้ำเช่นฉลามและปลาโลมา สามารถหมุนขึ้นลงซ้ายขวา 360 องศาและเพิ่มความเร็วได้อย่างง่ายดาย
เรือดำน้ำที่ไล่ตามมาด้านหลัง ฉวยโอกาสยกหัวเรือขึ้นเผยให้เห็นปืนแรงดันน้ำพร้อมกับยิงกระสุนแรงดันน้ำอีกครั้ง
ไม่เพียงแค่นั้นเพื่อหลีกเลี่ยงการติดอยู่ก้นทะเล ใบพัดทั้งสองด้านของเรือดำน้ำได้รับการออกแบบจากใบพัดที่หมุนเป็นเกลียว เหมือนกับครีบท้องทั้งสองของฉลาม
ตอนที่เฮยป้าหวังหลบไปด้านข้าง ใบพัดคมทั้งสองด้านก็หมุนตัวขึ้นมา เห็นความคมของมันแล้วถ้าเฮยป้าหวังโดนเข้าคงถูกปั่นตายทันทีแน่นอน
ฉินสือโอวอดทนกับความโกรธ เขาควบคุมจิตสำนึกแห่งโพไซดอนไม่ให้เกิดกระแสน้ำใต้ทะเล แต่วางแผนใช้ร่างกายของเฮยป้าหวังสอนบทเรียนสักเล็กน้อยให้กับคนที่อยู่ในเรือดำน้ำ
หลังจากหลบใบพัดที่จะตัดมัน เฮยป้าหวังก็ว่ายขึ้นด้านบนอย่างรวดเร็วแน่นอนว่าเรือดำน้ำยังคงตามมาไม่เลิก ในเวลานี้เฮยป้าหวังสะบัดหางอย่างแรงอีกครั้งและว่ายไปทางด้านซ้ายด้วยความรวดเร็ว
เรือดำน้ำไม่ยอมวางมือ ระบบปฏิบัติการแสดงประสิทธิภาพอย่างมหาศาล ตัวเรือเคลื่อนไหวหันลำเรือตามมาอยู่ด้านหลังร่างของเฮยป้าหวัง
หลังจากเฮยป้าหวังว่ายหมุนตัวไปแล้วพลังแห่งโพไซดอนก็มอบพลังปะทุมหาศาลให้แก่มัน ทันใดนั้นมันก็พุ่งตัวลงไปเปลี่ยนจากผู้ที่ถูกกระทำมาเป็นผู้กระทำแทน ในเวลาอันสั้นมันก็พุ่งไปถึงส่วนหลังของเรือดำน้ำ
เฮยป้าหวังหาจุดบอดของเรือดำน้ำเจอและไม่รีบร้อนโจมตี มันพุ่งไปข้างหน้าไม่กี่เมตรก็พุ่งชนเข้าที่ส่วนหางของเรือดำน้ำทันที
‘ตึง’ เฮยป้าหวังใช้หัวชนเข้าที่ส่วนหางของเรือดำน้ำ ทำให้เรือดำน้ำที่ถูกชนแกว่งโคลงเคลง
ฉินสือโอวควบคุมจิตสำนึกแห่งโพไซดอนไปสังเกตการณ์ รู้สึกว่าคนที่อยู่ในเรือดำน้ำส่งเสียงร้องกันอย่างอลหม่าน
สิ่งนี้ทำให้ภายในใจของเขารู้สึกมีความสุขอย่างมากที่ได้แก้แค้น แน่นอนว่าการแก้แค้นของเขายังไม่สิ้นสุดลง
เขาใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนควบคุมเฮยป้าหวังไปพร้อมกับใช้มองหาปลาหมึกยักษ์ที่อยู่ใกล้ๆ และควบคุมให้มันเคลื่อนตัวลอยมาหาเขาก่อนจะทำการจู่โจมแบบพลีชีพทันทีโดยมุดเข้าไปในท่อเครื่องระบายน้ำของเรือดำน้ำ
ซีบรีชเชอร์รุ่นเอกซ์ 4 เรือดำน้ำรูปทรงฉลามได้รับการพัฒนาไปไกลมาก เครื่องยนต์ทั้ง 2 เครื่องของมันมีฟังก์ชันทำความสะอาดด้วยแรงดันสูงเป็นการป้องกันสาหร่ายทะเลหรือสัตว์ลำตัวนิ่มเข้าไปอุดการทำงานของเครื่องยนต์
แต่การใช้งานฟังก์ชันทำความสะอาดแรงดันสูงต้องใช้เวลา และต้องหยุดการทำงานของเครื่องยนต์ทั้ง 2 เครื่องก่อนถึงจะเริ่มดำเนินการได้
เพื่อทำความสะอาดปลาหมึกยักษ์ตัวนั้น คนขับไม่มีทางเลือกนอกจากหยุดการทำงานของเครื่องยนต์
เฮยป้าหวังคว้าโอกาสนี้ไว้ เป็นเพราะก่อนหน้านี้ที่ไล่ล่าฉลามขาวทำให้ในเวลานี้เรือดำน้ำลำนี้อยู่ในตำแหน่งที่แหงนหน้าขึ้นหรือก็คือลักษณะการลอยตัวของมันเกือบจะเป็นแนวตั้งอยู่ในน้ำทะเล
เมื่อเครื่องยนต์ทั้ง 2 ของมันหยุดลง เฮยป้าหวังระเบิดแรงกำลังมหาศาลใช้หัวของตัวเองพุ่งเข้าชนที่ส่วนหน้าของเรือดำน้ำให้จมลงไปที่ก้นทะเล เหมือนกับการดันรถคันเล็กให้ถอยไป
ฉินสือโอวมั่นใจว่า พวกวายร้ายที่อยู่ในเรือดำน้ำตอนนี้คงกลัวจนฉี่ราด!
เรือดำน้ำถูกดันจนเกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงอยู่พักหนึ่ง กระทั่งสุดท้ายส่วนหางของเรือดำน้ำที่เฮยป้าหวังดันอยู่นั้นไปชนเข้ากับปะการังใต้ทะเล
เนื่องจากเรือดำน้ำลำนี้สร้างเลียนแบบรูปร่างของฉลาม คุณสมบัติต้านแรงกดกระแทกกับความทนทานของส่วนหางจึงต่ำมาก เมื่อชนเข้ากับปะการังอย่างนั้นก็บิดเบี้ยวทันที
แน่นอนว่าเครื่องยนต์ของเรือดำน้ำตอนนี้ไร้ประโยชน์ แม้ว่าจะสามารถติดเครื่องได้แต่ก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ เพราะตัวคุมทิศทางการเคลื่อนไหวมีปัญหา
เวลานี้ฉินสือโอวทำให้มันดับไปโดยสมบูรณ์ เขาควบคุมเฮยป้าหวังให้ว่ายไปรอบๆ เรือดำน้ำอย่างอิ่มอกอิ่มใจและวางมาดอย่างโอ้อวด
ไม่ต้องกังวลว่าเรือลำนี้จะถูกทิ้งไว้ก้นทะเล ตราบใดที่น้ำที่อยู่ในถังเก็บน้ำทะเลใต้ท้องเรือหมดลง เรือดำน้ำยังสามารถลอยขึ้นไปบนผิวน้ำได้
และคนที่อยู่ด้านในมีโทรศัพท์ไร้สายกับโทรศัพท์ดาวเทียม เมื่อถึงผิวน้ำทะเลก็สามารถขอความช่วยเหลือได้ ไม่อันตรายถึงชีวิตอย่างแน่นอน
อย่างที่คิดเรือดำน้ำเริ่มระบายน้ำออกอย่างเสียไม่ได้ ตัวเรือเริ่มลอยขึ้นไปอย่างช้าๆ
ฉินสือโอวกลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดจึงควบคุมเฮยป้าหวังตามไปคอยดู
………………………………………………
บทที่ 376 การมาเยือนเมืองบิ๊กแอปเปิล
โดย
Ink Stone_Fantasy
เรือดำน้ำค่อยๆ ลอยขึ้นเหนือน้ำทะเล แต่เพราะท้ายเรือได้รับการกระแทกอย่างแรง ตัวเรือจึงไม่สามารถรักษาสมดุลได้และทำให้เรือโคลงเคลงอยู่ในน้ำ
ฉินสือโอวเกลียดพวกที่อยู่ข้างในมากๆ พวกเขาน่ารังเกียจเกินไป แถมยังไม่เคารพชีวิตสักนิดเลย
เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้เฮยป้าหวังไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้พวกเขาเลยสักนิด แต่คนพวกนี้กลับไล่ตามไม่เลิกรา พวกเขาแค่อยากฆ่าเฮยป้าหวังสุดๆ ฉินสือโอวคาดเดาว่าพวกเขาคงไม่ได้ฆ่ามันเพื่อจับไปเป็นอาหารหรือเพื่อป้องกันตัวเองแน่ๆ แต่พวกเขาฆ่ามันก็เพื่อความสนุกเท่านั้น
สำหรับคนประเภทนี้ ฉินสือโอวรู้สึกว่าจำเป็นต้องให้บทเรียนอันล้ำค่าแก่พวกเขาสักหน่อย ดังนั้นเขาจึงทำให้เรือดำน้ำโคลงเคลงแล้วพุ่งขึ้นสู่ผิวน้ำทะเลก่อนจะกระแทกเรือหลายๆครั้งโดยที่เขาคอยมองดูอยู่ข้างๆ
ตอนนี้เป็นเวลาแห่งความสนุก เรือดำน้ำที่โชคร้ายลำนี้โดนกระแทกอยู่ในน้ำจนโคลงเคลงอย่างกับขับรถบัมพ์ แถมคนที่อยู่ในเรือยังถูกกระแทกและกลิ้งอยู่ในน้ำอย่างต่อเนื่องด้วย เมื่อเห็นดังนั้นฉินสือโอวก็ปล่อยให้คนที่อยู่ในเรือตีลังกาไปมา
ในที่สุดเรือดำน้ำก็ลอยขึ้นสู่ผิวน้ำ หลังจากอยู่ในตำแหน่งมั่นคงแล้วประตูทรงกลมที่ด้านบนสุดของเรือดำน้ำรูปฉลามวาฬก็ถูกเปิดออก จากนั้นผู้คนข้างในแย่งกันปีนออกมาพ่น ‘ฟู่ ฟู่’ ในปากไม่หยุด
ฉลามขาวยักษ์มีความสามารถอย่างหนึ่งคือมันสามารถยืนตัวตรงในน้ำและอ้าปากขนาดใหญ่เหนือน้ำได้
ที่มันทำเช่นนี้ได้ เพราะฉลามขาวยักษ์ชอบลาดตระเวนหาอาหารจากที่สูง และฉลามขาวยักษ์จะหาอาหารได้ดียิ่งขึ้นถ้าเอาหัวโผล่ขึ้นเหนือน้ำ
ทันทีที่คนเหล่านี้ปีนออกมา ทันใดนั้นพวกเขาก็รู้สึกได้ถึงคลื่นที่สาดซัดไปทั่วทุกทิศทาง น้ำทะเลบางส่วนกระเซ็นใส่ใบหน้าของพวกเขา มีคนเงยหน้าขึ้นมาทำหน้าราวกับเห็นผีแล้วตะโกนออกมา จากนั้นก็รีบมุดกลับเข้าไปในห้องผู้โดยสารเรืออีกครั้ง
เฮยป้าหวังยื่นหัวขึ้นมาจากในน้ำแล้วจ้องมองคนสองคนที่เหลืออยู่ด้วยสายตาเย็นชา ทั้งสองเป็นชายหนุ่มและหญิงสาว ผู้ชายเป็นคนผิวขาวหน้าตาดี ส่วนผู้หญิงก็สวยและเซ็กซี่
แต่ตอนนี้ทั้งสองตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สู้ดีนัก สีหน้าของชายหนุ่มคนนั้นดูซีดเซียว ส่วนผู้หญิงก็น้ำตาไหลอาบเต็มหน้า การแต่งหน้าอย่างประณีตงดงามของเธอกลับถูกน้ำตาและเหงื่อที่ไหลออกมาทำให้ดูเละเทะไปหมด ผมเผ้าเองก็ยุ่งเหยิงอย่างกับผี
เมื่อเห็นสายตาที่เย็นชาของเฮยป้าหวัง ทั้งสองก็กอดกันด้วยความตกใจกลัวแล้วกรีดร้องขึ้น ฉินสือโอวพอใจกับผลลัพธ์นี้มาก เขาลาดตระเวนต่อไปอีกพักหนึ่ง จนกระทั่งแน่ใจว่าไม่มีใครกล้าขึ้นมาเหนือน้ำเพื่อสูดอากาศอีก เขาถึงจากไปได้อย่างสบายใจ
อีกเหตุผลหนึ่งที่เขาจากไปเพราะเฮลิคอปเตอร์กู้ภัยได้บินมาถึงแล้วนั่นเอง
ดูเหมือนว่าคนในเรือเหล่านี้จะไม่ใช่แค่คนรวยทั่วๆไป คนรวยธรรมดาๆ ไม่น่าถึงกับให้กองทัพเรือสหรัฐฯ ส่งเฮลิคอปเตอร์เฮช-53 ซีสตัลเลียนมาเพื่อช่วยเหลือได้ทันทีแบบนี้
แต่สิ่งนี้ไม่ได้เกี่ยวกับฉินสือโอวมากนัก ยังไงซะเขาก็แค่สั่งสอนคนไม่กี่คนแล้วก็กลับสู่ก้นทะเลอย่างพึงพอใจ
หลังจากพ่อและลูกชายสเตราส์กลับไปนิวยอร์กได้สองวัน พวกเขาก็โทรหาฉินสือโอว “ฉิน ผมได้ส่งจดหมายเชิญคุณมาร่วมงาน อีกสองวันที่คาร์เนกี้ฮอลล์ในเคาน์ตี[1]เดอะบร็องซ์ ของเมืองบิ๊กแอปเปิล พวกเราจะจัดงานแถลงข่าว และหวังว่าคุณจะให้เกียรติพาแฟนสาวมาเข้าร่วมด้วยนะ”
ฉินสือโอวรับปากด้วยความยินดี เขากับวินนี่ได้พูดคุยกันแล้ว จากนั้นวินนี่ก็โผเข้ากอดเขาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเกียจคร้าน “พระเจ้า นี่ฉันต้องลางานอีกแล้วเหรอ ท่านนายกแฮมเล็ตต้องฆ่าฉันตายแน่ๆ”
ฉินสือโอวจูบเธอแล้วลูบผมที่นุ่มนวลของเธอก่อนจะพูดขึ้น “เขาไม่กล้าหรอก”
วินนี่ยิ้มอย่างมีเลศนัย “ไม่แน่นะ เพราะฉันลาหยุดยาวในช่วงคริสต์มาสไปแล้ว และอีกอย่างนักท่องเที่ยวในช่วงคริสต์มาสก็มีเยอะมากด้วย ท่านนายกก็ยังต้องการจัดงานเลี้ยงฉลอง เขาอยากให้ฉันไปเป็นพิธีกรอีก”
เมื่อนึกถึงวันคริสต์มาสอีฟและวันคริสต์มาสที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่นาน ฉินสือโอวก็เกิดความกังวลใจขึ้นมาเล็กน้อยใจ “วันคริสต์มาสคุณต้องกลับไปฉลองที่บ้านใช่ไหม? งั้นผมก็ต้องไปที่บ้านกับคุณด้วยสิ?”
บนใบหน้าของเธอมีสีหน้าเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม เธอชำเลืองมองไปที่เขาแล้วพูดออกมา “คุณพูดว่าอะไรนะ?”
“ผมรู้สึกกังวล” ฉินสือโอวลูบที่จมูก “ผมไม่รู้ว่าพ่อแม่ของคุณจะยอมรับคนผิวเหลืองเป็นลูกเขยได้ไหม”
วินนี่ชี้นิ้วเรียวยาวออกมาแล้วพูดขึ้น “อย่างแรก พวกท่านไม่มีปัญหาเรื่องชนชาติ อย่างที่สองถ้าพวกท่านพูดอะไรมากกว่านี้ ฉันจะหนีออกจากบ้านและจากนี้ไปจะไม่กลับไปอีก!”
“โอ้ สาวน้อยที่รักของผม คุณไม่ใช่ผู้หญิงที่หัวรั้นแบบนั้นสักหน่อย” ฉินสือโอวนวดให้เธอพลางกับหัวเราะขึ้นมาสุดเสียง
วินนี่มองเขาด้วยสายตาประหลาดใจ เธอก้มหน้าแล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ไม่หรอกที่รัก พอถึงเวลานั้นคุณอาจจะเห็นฉันเปลี่ยนเป็นอีกคนก็ได้”
เคอร์ สเตราส์ให้เลขาช่วยจองตั๋วเครื่องบินให้กับพวกเขาทั้งสอง ฉินสือโอวและวินนี่ขึ้นเครื่องบินจากเซนต์จอห์นมาลงจอดที่สนามบินลาการ์เดียนิวยอร์กโดยตรง
ในนิวยอร์กมีสนามบินทั้งหมดสามแห่ง สนามบินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดคือสนามบินนานาชาติจอห์น เอฟ. เคนเนดี สนามบินชั้นนำของอเมริกาเหนือ ส่วนสนามบินลาการ์เดียเป็นสนามบินขนาดเล็ก แต่อยู่ใกล้กับเดอะบร็องซ์มากที่สุด
เดอะบร็องซ์ตั้งอยู่ทางตอนเหนือสุดในบรรดาเขตเมืองทั้งห้าแห่งของนิวยอร์ก มันมีสวนสาธารณะและสนามกีฬาหลายแห่ง ประชาชนส่วนใหญ่เป็นชาวแอฟริกันและละติน ดังนั้นที่นี่จึงค่อนข้างวุ่นวายและไม่เป็นระเบียบ
คฤหาสน์ตระกูลสเตราส์ย่อมไม่ได้ตั้งอยู่ในเขตเมืองนี้ พวกเขาอาศัยอยู่ในแมนแฮตตัน แต่เหตุผลที่งานแถลงข่าวจัดขึ้นที่นี่เป็นเพราะมีรูปปั้นอนุสรณ์สามีภรรยาสเตราส์ตั้งอยู่ในกลอรี่ เพลสแห่งนี้
หลังจากที่ฉินสือโอวและวินนี่ลงจากเครื่องบินก็มีคนขับรถลีมูซีนมารับพวกเขา ชาวนิวยอร์กมีประสบการณ์มากจริงๆ รถหรูคันนี้ปรากฏขึ้นที่สนามบิน แต่ผู้คนก็ทำเหมือนไม่ได้เห็นมันและยังคงทำสิ่งที่ตนเองทำอยู่ต่อไป
“นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้นั่งรถที่ยาวขนาดนี้ ผมจะทำยังไงให้เหมือนว่าผมใช้รถคันยาวนี้เป็นประจำดีล่ะ?” ฉินสือโอวถามวินนี่ด้วยน้ำเสียงกระซิบเบาๆ
วินนี่ดึงประตูรถออกให้ฉินสือโอวเข้าไปนั่งอย่างสง่างาม “คุณแค่ต้องแนะนำว่าฉันเป็นเลขานุการของคุณก็พอ แค่นี้พวกเขาก็รู้แล้วว่าคุณเป็นคนรวยมาก”
“มันน่าอายเกินไป ผมรับไม่ไหวหรอก”
“งั้นคุณก็น่าสงสารแล้วล่ะ เพราะต่อจากนี้ยังมีเรื่องอีกมากมายที่จะรบกวนคุณ”
ตลอดทางจนถึงเคาน์ตีเดอะบร็องซ์ รถได้วิ่งผ่านถนนทางหลวง สนามกีฬาแยงกี้ที่มีชื่อเสียง จนกระทั่งถึงคาร์เนกี้ฮอลล์ในที่สุด
นี่เป็นคอนเสิร์ตฮอลล์เล็กๆ ที่สูงเพียงสามสี่ชั้น แต่กลับมีประวัติอันยาวนานและเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง
คอนเสิร์ตฮอลล์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยแอนดรูว์ คาร์เนกี้ บุคคลที่รวยเป็นอันดับหนึ่งของโลกในปี 1890 เมื่อถึงช่วงเปิดทำการ ไชคอฟสกีได้ทำการแสดงนิวยอร์กซิมโฟนีออร์เคสตร้า ณ ที่แห่งนี้ ตั้งแต่นั้นมานักดนตรีระดับมืออาชีพเกือบทุกคนในโลกล้วนเคยทำการแสดงที่นี่และถือเป็นความภูมิใจอย่างหนึ่ง
ด้านหน้าของคอนเสิร์ตฮอลล์จะเป็นกลอรี่ เพลส ที่มีรูปปั้นทองสัมฤทธิ์ของสามีภรรยาคู่หนึ่งตั้งอยู่ตรงกลาง สามีภรรยาทั้งสองประสานมือกัน ทั้งคู่อิงแอบเข้าหากันด้วยใบหน้าที่แฝงด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนจนแทบจะดูไม่ออกเลยว่าพวกเขากำลังจะเผชิญหน้ากับความตาย
รูปปั้นนี้เป็นคู่สามีภรรยาสเตราส์ หลังจากเรือไททานิกล่มสลายในปี 1912 ก็ได้มีการจัดงานไว้อาลัยครั้งใหญ่ขึ้นที่กลอรี่ เพลส ในระหว่างงานนั้นมีการลงมติสร้างรูปปั้นคู่สามีภรรยาที่น่าสรรเสริญคู่นี้เพื่อแสดงถึงความเคารพ
ตระกูลสเตราส์ให้การต้อนรับฉินสือโอวอย่างสมเกียรติ เคอร์พาลูกชายและลูกสาวมาต้อนรับเขาด้วยตัวเอง ผู้สื่อข่าวกลุ่มหนึ่งก็รออยู่ด้านข้าง เมื่อฉินสือโอวพาวินนี่ลงจากรถก็เริ่มมีเสียงชัตเตอร์จากกล้องของบรรดาผู้สื่อข่าวสว่างวูบวาบขึ้นมา
เคอร์จับมือกับฉินสือโอว จากนั้นจึงอธิบายให้เขาฟัง “งานแถลงข่าวจะจัดขึ้นในช่วงเย็นและเรามีงานเลี้ยงต่อที่โรงแรมฮิลตัน ตอนนี้คุณมีเวลาพักผ่อนหกชั่วโมง คุณสามารถไปที่โรงแรมก่อนได้”
ฉินสือโอวส่ายหัวเล็กน้อยแล้วพูดขึ้น “ไม่เป็นไรคุณสเตราส์ ผมกับแฟนของผมไม่ได้เหนื่อยอะไร ผมอยู่รอที่นี่ได้”
“เอาอย่างนั้นก็ได้ พอดีช่วงบ่ายมีการแสดงเปียโนในคอนเสิร์ตฮอลล์ เขาเป็นคนชาติเดียวกับคุณและเป็นนักเปียโนที่ยอดเยี่ยมมาก เขาชื่อว่าหลางหล่าง ถ้าคุณสนใจก็สามารถไปฟังได้” เคอร์กล่าว
…………………………………………………
[1] เคาน์ตี¹ (county) เป็นหน่วยย่อยของการปกครองในหลายประเทศ เคาน์ตีมักเรียกว่า เทศมณฑล มีฐานะรองลงจากรัฐ (ซึ่งมีรัฐบาลอิสระจากรัฐบาลกลาง) แต่ใหญ่กว่าหมู่บ้านหรือเมือง
บทที่ 377 ชายหนุ่มที่แสนยอดเยี่ยม
โดย
Ink Stone_Fantasy
ภายใต้การแนะนำของพนักงานคนหนึ่ง ฉินสือโอวและวินนี่เลยเข้าไปในห้องจัดแสดงในช่วงที่กำลังพักการบรรเลงเปียโน ภายในมีผู้ฟังจำนวนไม่น้อย โดยครึ่งหนึ่งเป็นชาวจีน พอฉินสือโอวเดินเข้ามาแบบนี้จึงให้ความรู้สึกค่อนข้างกลมกลืน
พนักงานหาที่นั่งดีๆ ให้พวกฉินสือโอวทั้งสองคนตรงแถวหน้าริมฝั่งซ้าย ซึ่งใกล้กับเปียโนมาก
ผู้ที่นั่งอยู่หลังเปียโนเหลือบมองมาทางเขาอย่างประหลาดใจ และเมื่อเห็นวินนี่ที่สวมชุดกี่เพ้าหรูหรา ใบหน้าของเขาก็แสดงอารมณ์ที่ต่างออกไป ในแววตาเขาปรากฏร่องรอยของความตื่นตะลึง
งานบรรเลงเปียโนดำเนินต่อไป ฉินสือโอวฟังด้วยความเพลิดเพลิน ถึงแม้จะไม่มีอารมณ์สุนทรีย์ แต่เขากลับรู้สึกว่าเปียโนบรรเลงเพลงได้ไพเราะจริงๆ
แต่เดิมเขาอยากจะหาอะไรทำเพื่อฆ่าเวลาและมาเป็นหน้าม้าให้เพื่อนร่วมชาติสักหน่อย แต่หลังจากได้ฟังเขากลับเคลิบเคลิ้มยิ่งกว่าวินนี่เสียอีก ถ้าไม่ใช่เพราะสถานที่แห่งนี้เงียบสงัด เขายังอยากจะลุกขึ้นปรบมืออยู่หลายครั้ง
หลังจากฟังบรรเลงเปียโนจนจบก็มีพนักงานมาพาฉินสือโอวกับวินนี่ออกไป คราวนี้พวกเขาไปที่ห้องโถงใหญ่เลย เพราะงานแถลงข่าวจัดขึ้นที่นี่
สองพ่อลูกสกอตต์กำลังพูดคุยกับนักข่าวบางส่วนเบาๆ หลังเห็นฉินสือโอวจึงกวักมือเรียกและแนะนำนักข่าวบางส่วนให้แก่ฉินสือโอว พวกเขาล้วนเป็นพวกสำนักข่าวใหญ่อย่างนิวยอร์กไทมส์ อเมริกันโพสต์และฟิลาเดลเฟียเซนติเนล
ฉินสือโอวเป็นหนึ่งในผู้มีบทบาทสำคัญของงานแถลงข่าวครั้งนี้ หลังจากเริ่มงานแถลงข่าว อันดับแรกเคอร์ได้แสดงภาพจดหมายครอบครัวในรูปแบบหนังสือจำลองอิเล็กทรอนิกส์บนจอแอลอีดีขนาดใหญ่ที่แขวนไว้ในงานชั่วคราว
บนหนังสือฉบับจำลองยังพิมพ์อักษรไว้หนึ่งแถว ‘Many waters cannot quench love, Neither can the floods drown it’ ซึ่งแปลว่า ‘คลื่นที่โหมกระหน่ำไม่อาจบดบังความรักเอาไว้ได้’
นี่คือสิ่งที่ถูกจารึกไว้บนป้ายฝังศพของคู่สามีภรรยาสเตราส์เพื่อสรรเสริญความรักอันลึกซึ้งของสามีภรรยาคู่นี้
จากนั้นเขาก็เอ่ยว่า “เวลาผ่านมากว่าร้อยปี ตระกูลของพวกเราก็ได้รับหนังสือครอบครัวจากบรรพบุรุษที่ทิ้งไว้บนไททานิก ซึ่งเป็นสิ่งสวยงามหาใดเปรียบ…”
สมแล้วที่สกอตต์ได้เป็นประธานใหญ่ เขาช่างมีความสามารถในการกล่าวสุนทรพจน์เสียจริง แม้คำพูดจะกล่าวออกมาอย่างเรียบง่าย แต่กลับให้ความรู้สึกฮึกเหิม และสุดท้ายเขาได้เชิญฉินสือโอวขึ้นไปพูดบนเวที
ฉินสือโอวจึงต้องขึ้นไปยังแท่นประธานทั้งอย่างนี้ พวกตากล้องด้านล่างเวทีต่างก็พยายามถ่ายรูปกันอย่างเอาเป็นเอาตายขณะที่รอยยิ้มแข็งทื่อปรากฏอยู่บนใบหน้าของฉินสือโอว เขาไม่เคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้เลยจริงๆ
เขาสูดลมหายใจลึกแล้วกล่าวออกมาตามสคริปต์ที่วินนี่เตรียมไว้ให้แก่เขา ว่าแล้วฉินสือโอวก็เริ่มกล่าว
“ขอบคุณคุณสเตราส์ที่เชิญผมมานะครับ ความจริงแล้วผมแค่ทำในเรื่องที่ควรทำเท่านั้นเอง ผมคิดว่าผมไม่ได้เก็บจดหมายครอบครัวอันมีค่าฉบับนี้ขึ้นมาได้โดยบังเอิญ หากแต่เป็นพระเจ้าที่ชี้นำผม หลังจากผมเก็บมันขึ้นมาได้ผมจึงนำมันมาคืนให้แก่ตระกูลสเตราส์…”
“สำหรับผมแล้ว นี่ไม่ได้เป็นแค่จดหมายครอบครัว แต่เป็นเหรียญแห่งเกียรติยศ เหรียญที่เปล่งประกายไปด้วยเกียรติภูมิของความเป็นมนุษย์ เหรียญนี้เป็นของคู่สามีภรรยาสเตราส์และเป็นของคุณแอสเตอร์ นักข่าวอาวุโสสเต็ด พันเอกทหารบาร์ต วิศวกรโรเบอร์และคนอื่นๆ…”
“เมื่อหวนคิดไปถึงช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานนั้น ล้วนเป็นพวกเขาเหล่านี้ที่ขานรับต่อบาทหลวงเฮาโบ้และยอมสละที่นั่งของตนเองบนเรือชูชีพให้กับพวกหญิงสาวชาวนายากไร้ที่ไม่รู้แม้แต่ตัวหนังสือ บนหัวโพกผ้า และยังสวมเพียงรองเท้าไม้ การกระทำของพวกเขาเหล่านี้สมควรได้รับการยกย่องสรรเสริญและเปล่งประกายไปตลอดกาล!”
“เมื่อเทียบกับผู้ยิ่งใหญ่เหล่านี้ ผมเป็นเพียงเด็กคนหนึ่งที่ได้แต่เงยหน้ามองความมีมนุษยธรรมของพวกเขาเหล่านี้เท่านั้นเอง!”
ตอนจบของสุนทรพจน์ที่ชวนให้รู้สึกประหม่าถูกกล่าวออกไป ฉินสือโอวถอนหายใจออกมาเบาๆ เขาตื่นเต้นจนแทบตายจริงๆ
แต่ดูเหมือนว่าเขาจะทำได้ไม่เลวเลยทีเดียว เพราะพวกนักข่าวต่างพากันปรบมือ และสองพ่อลูกสเตราส์ก็พากันยกนิ้วโป้งให้เขา
ฉินสือโอวจบสุนทรพจน์ของเขา ส่วนเรื่องที่เหลือต่อจากนั้นก็ไม่ค่อยเกี่ยวข้องอะไรกับเขาแล้ว พวกช่างภาพพากันถ่ายรูป ส่วนนักข่าวก็สัมภาษณ์พ่อลูกสเตราส์ต่อ หลังจากนั้นจึงจบพิธีการแล้วเตรียมพร้อมในส่วนของงานเลี้ยงช่วงค่ำ
งานเลี้ยงช่วงค่ำน่าสนใจกว่างานแถลงข่าวหลายเท่า ตอนที่ฉินสือโอวและวินนี่ไปถึงโรงแรม ทันทีที่ก้าวเข้าประตูไปก็เจอกับชายหนุ่มหล่อเหลาคนหนึ่ง นักแสดงยุคทองคนแรกแห่งฮอลลีวูด แจ็คแห่งไททานิก ลีโอนาร์โด วิลเฮล์ม ดิแคพรีโอ
เมื่อได้เผชิญหน้ากับลีโอนาร์โด ฉินสือโอวก็เพียงยิ้มอย่างสุภาพ จากนั้นค่อยพาวินนี่เดินออกไป แต่หลังจากเดินห่างไปได้สักพักทั้งสองก็เริ่มถกเถียงกันอย่างดุเดือด
“พระเจ้า ลีโอนาร์โดหล่อมาก ดูดีจริงๆ”
“ขอร้องล่ะฉิน นั่นควรจะเป็นประโยคที่ฉันต้องพูดหรือเปล่า? คุณเป็นผู้ชายนะ ฉันต่างหากที่เป็นผู้หญิง”
“เขาหล่อจนไม่ต้องแยกชายหญิงแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นเราไปขอถ่ายรูปคู่กันดีไหม? แล้วฉันจะเอาไปโพสต์ลงในทวิตเตอร์ มันต้องเจ๋งมากแน่ๆ”
“นั่นน่าอายเกินไปหน่อยหรือเปล่า หรือไม่ให้ฉันทำเป็นชนเขาสักทีแล้วถือโอกาสชวนคุยสักสองสามคำ จากนั้นค่อยชวนถ่ายรูปคู่ดีไหม”
“เอ่อ ฉิน ฉันรู้สึกว่าเราสองคนดูเป็นคนจนๆ และโง่เง่าอะ”
“คุณรู้จักสองคำนี้ด้วยเหรอ”
“ที่รักคะ เพื่อคุณแล้วฉันให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมจีนมาตลอด โอเคไหมคะ?”
ทั้งสองพูดคุยกันอย่างสนุกสนานและเบิกบานใจกันอยู่พักหนึ่ง หลังจากนั้นฉินสือโอวก็รู้สึกได้ถึงสายตาที่มองมาทางตนเอง เมื่อหันไปมองก็พบชายชราผอมแห้งผมขาวโพลนที่หน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งซึ่งดูคุ้นตาแต่เขากลับไม่รู้จัก
“คนนั้นคือดาราเก่าที่ไหนเหรอ น่าจะมีชื่อเสียงหน่อยใช่ไหม” ฉินสือโอวกระซิบถามวินนี่
วินนี่หันไปมอง หลังจากนั้นเธอก็ยื่นมือมาดังเสื้อเขาแล้วเดินเข้าไปพร้อมรอยยิ้มที่สดใส ก่อนพูดขึ้น “สวัสดีค่ะ คุณแคเมรอน เป็นเกียรติอย่างมากที่ได้พบคุณ”
ทันทีที่ได้ยินชื่อนี้ ฉินสือโอวก็รู้สึกว่าตัวเองปล่อยไก่เสียแล้ว คนที่มีนามสกุลแคเมรอนแล้วสามารถมางานเลี้ยงค็อกเทลนี้ได้ยังจะเป็นใครไปได้นอกจากเจมส์ แคเมรอน ผู้กำกับใหญ่แห่งวงการฮอลลีวูด!
แคเมรอนและวินนี่พูดทักทายกันพอเป็นพิธีสองสามประโยค เมื่อฉินสือโอวเดินเข้ามา เขาก็เป็นฝ่ายยื่นมือออกไปแล้วยิ้มให้เล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น “คุณคงจะเป็นคุณฉินที่สกอตต์เอ่ยชื่นชมสินะครับ ดีใจที่ได้พบคุณนะครับ”
“ขอบคุณสำหรับคำชมครับ ขอบคุณ” ฉินสือโอวตื่นเต้นเล็กน้อย นี่คือเจมส์ แคเมรอนเชียวนะ ราชาในโลกผู้กำกับแห่งวงการฮอลลีวูด ภาพยนตร์ที่เขาไล่ตามดูมากมายเมื่อก่อนล้วนเป็นภาพยนตร์ที่คนคนนี้สร้างขึ้นทั้งนั้น
เมื่อมีแคเมรอน ก็ต้องมีลีโอนาร์โด เพราะทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเป็นอย่างมาก จากนั้นแคเมรอนจึงโบกมือเรียกลีโอนาร์โดเข้ามา ลีโอนาร์โดจับมือกับฉินสือโอวแล้วกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “ถ้าตอนแรกที่สร้างภาพยนตร์เรื่องนี้พวกเรามีจดหมายฉบับนี้ด้วย มันจะต้องยอดเยี่ยมมากแน่ๆ”
หลังจากนั้นคนที่มาร่วมงานก็มากขึ้นเรื่อยๆ ที่แท้ตระกูลสเตราส์ก็มีหน้ามีตามาก คนที่พวกเขาเชิญมาในงานเลี้ยงไม่ใช่คนร่ำรวยก็เป็นดาราใหญ่ มีทั้งดาราบันเทิงและดารากีฬา
เวลาหนึ่งทุ่มตรง เมื่อท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้ม งานเลี้ยงค็อกเทลจึงเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ สกอตต์หยิบแก้วแชมเปญขึ้นมาแล้วกล่าวเปิดงานเลี้ยง
“เพื่อนๆที่รักทุกท่าน ขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติมาร่วมงานเลี้ยงที่ตระกูลสเตราส์จัดขึ้น ร้อยปีที่แล้วพวกเราเคยรวมตัวกันที่นี่เพื่อไว้ทุกข์แก่เหยื่อของไททานิก ร้อยปีต่อมาพวกเรามารวมตัวกันที่นี่อีกครั้งเพื่อระลึกถึงผู้เป็นที่รักที่จากไป ไม่ว่าจะด้วยเหตุใดก็ตาม…”
“สุดท้ายนี้ ผมขอเป็นตัวแทนของคนในตระกูลเพื่อแนะนำเพื่อนคนหนึ่งให้ทุกคนได้รู้จัก คุณฉินสือโอวชายหนุ่มผู้ร่ำรวยจากรัฐนิวฟันด์แลนด์ ชายหนุ่มผู้ทรงพลัง ซื่อตรงและมีรสนิยม ชายหนุ่มที่แสนจะยอดเยี่ยม!”
สกอตต์ยกแก้วไปทางฉินสือโอว ทุกคนต่างพากันปรบมือ ฉินสือโอวตกเป็นจุดสนใจของผู้คนอีกครั้ง ดังนั้นเขาจึงจับมือวินนี่แล้วลุกขึ้นคำนับ
ชั่วขณะนั้นมีเสียงหนึ่งดังแว่วมา “หนุ่มคนนี้เป็นคนที่ใจบุญคนหนึ่งเลย เขาเป็นชายหนุ่มที่ยอดเยี่ยมจริงๆ”
คนที่สามารถพูดแทรกในขณะที่เจ้าของงานยังพูดอยู่ได้ หากไม่เป็นคนชอบท้าทาย ก็เป็นพวกใหญ่โตพอตัว
ฉินสือโอวเหลือบมองตามเสียง โอ้ บุคคลที่มีชื่อเสียงอย่างประธานกลุ่มวอลมาร์ตก็มาด้วย คนที่พูดออกมาก็คือวอลตันที่เจอกันที่บอสตันในคราวนั้นนั่นเอง
แน่นอนว่าวอลตันต้องใหญ่อยู่แล้ว กลุ่มวอลมาร์ตภายใต้การนำของเขาแข็งแกร่งยิ่งกว่าบริษัทสินค้าปลีกอย่างห้างสรรพสินค้าเมย์ซีของตระกูลสเตราส์เสียอีก แต่ทุกคนต่างก็บอกว่าคนในสายอาชีพเดียวกันมักเป็นคู่แค้นกัน วอลมาร์ตและห้างสรรพสินค้าเมย์ซีสามารถพูดได้ว่าเป็นคู่แข่งทางธุรกิจ แต่ไม่คาดคิดว่าประธานทั้งสองฝั่งกลับมีความสัมพันธ์ที่ไม่เลวเลย
หลังจากแนะนำตัวฉินสือโอวเสร็จแล้ว งานเลี้ยงค็อกเทลก็เข้าสู่ส่วนที่สำคัญที่สุด ทุกคนต่างพากันเข้าหาผู้สนทนาที่ตนเองสนใจ
………………………………………………
บทที่ 378 ทะเลสาบแอสฟัลท์
โดย
Ink Stone_Fantasy
เพราะได้รับการยกย่องจากทั้งครอบครัวสเตราส์และวอลตัน ฉินสือโอวจึงดูโดดเด่นขึ้นมาเล็กน้อยในงานเลี้ยง
พวกผู้ดีไม่รู้ประวัติความเป็นมาของเขา แต่เมื่อได้เห็นบุคลิกภาพของเขากับวินนี่ พวกเขาก็พากันเข้ามาผูกมิตรด้วยเป็นอย่างดี ดังนั้นในงานเลี้ยงจึงมีผู้คนเข้ามาสนทนากับฉินสือโอวอย่างต่อเนื่อง
เพื่อป้องกันไม่ให้ฉินสือโอวหาคนที่สนใจในหัวข้อสนทนาเดียวกันในงานเลี้ยงครั้งนี้ไม่เจอ เคอร์จึงได้เชิญหลางหล่าง เข้าร่วมงานเลี้ยงครั้งนี้ด้วย ส่วนฉินสือโอวเองก็อยากคุยกับผู้เชี่ยวชาญด้านเปียโนชื่อดัง แต่น่าเสียดายที่เขาไม่มีเวลาว่างเลย
กระทั่งงานเลี้ยงสิ้นสุดลง ฉินสือโอวก็นั่งรถลีมูซีนของครอบครัวสเตราส์ไปโรงแรมแห่งหนึ่งที่ชื่อว่า ‘เอเคเอ’
จากจุดนี้แสดงให้เห็นว่าครอบครัวสเตราส์ให้ความสนใจเขาเป็นพิเศษ อันที่จริงโรงแรมฮิลตันถูกใช้เป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงซึ่งก็สามารถใช้เป็นที่พักอาศัยได้ แต่พวกเขาก็ให้ฉินสือโอวเปลี่ยนมาอยู่อีกที่
เคอร์อธิบายเหตุผลเอาไว้ว่า “ผมคิดว่าสำหรับคุณที่ชื่นชอบธรรมชาติแล้ว โรงแรมเอเคเอน่าจะเหมาะกว่านะครับ”
เมื่อฉินสือโอวถึงห้องที่โรงแรมก็เข้าใจทันทีว่าเพราะอะไรเคอร์ถึงพูดแบบนี้
ห้องสวีตตั้งอยู่ที่ชั้น 17 ซึ่งเป็นชั้นบนสุดของโรงแรมโดยแบ่งเป็น 2 โซนคือโซนด้านในและโซนด้านนอก สิ่งที่น่าตกใจคือนอกจากห้องน้ำและห้องรับแขกอยู่ด้านใน แต่ห้องนอนและห้องกินข้าวล้วนอยู่ที่ระเบียงด้านนอก
ระเบียงนี้มีพื้นที่กว่า 100 ตารางเมตร ตรงกลางมีเตียงกว้าง 2 เมตรตั้งอยู่ ด้านนอกห้องฝั่งที่ใกล้กับถนนก็มีเลานจ์กับโต๊ะกินข้าวตั้งอยู่เช่นกัน และจุดที่อยู่ใกล้ด้านในก็จะมีเตาผิงอยู่อีกอัน นอกจากนี้ที่หัวเตียงยังมีกล้องส่องทางไกลความละเอียดสูงอยู่ด้วย
ไม่แปลกใจที่เคอร์พูดว่าอยู่ที่แบบนี้แล้วจะรู้สึกเหมือนอยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ แมนแฮตตันเป็นป่าที่ทำจากเหล็กและปูนซีเมนต์โดยสมบูรณ์ แต่เมื่อนอนอยู่ที่นี่และเงยหน้าขึ้นก็จะมองเห็นดวงดาวบนท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ และหากต้องการมองดูให้ชัดเจนกว่านี้ก็ยังมีกล้องส่องทางไกลให้อีก
ฉินสือโอวโน้มตัวออกไปนอกระเบียงพลางมองทัศนียภาพยามค่ำคืนของนิวยอร์ก เขากับวินนี่นั่งอยู่ข้าง ๆ โต๊ะกินข้าวและกำลังดื่มพร้อมเพลิดเพลินไปกับยามค่ำคืนของนิวยอร์ก ช่างสบายใจจริงๆ
ทั้งสองคนคุยเล่นกันอยู่สักพักก็เริ่มอ่อนเพลีย ฉินสือโอวนอนอยู่ที่ฝั่งหนึ่งของเตียง ดวงดาวที่ส่องแสงอยู่บนท้องฟ้ายามค่ำคืนเหมือนกำลังส่งพวกเขาเข้านอน
วันต่อมาฉินสือโอวลงไปกินข้าวที่ชั้นล่างแล้วคิดว่าห้องสวีตห้องนี้ราคา 1999 ดอลลาร์สหรัฐต่อคืนซึ่งแพงนิดหน่อย แต่ฉินสือโอวรู้สึกว่าค่อนข้างคุ้มค่า
“กลับบ้านไปแล้วเราตกแต่งห้องแบบนี้เอาไว้ในวิลล่าสักห้องเถอะ” ฉินสือโอวพูดกับวินนี่
วินนี่กลอกตาอันสวยงามของเธอแล้วพูดขึ้น “ที่วิลล่าคงตกแต่งแบบนี้ไม่ได้หรอก คงต้องสร้างห้องใหม่ขึ้นมาอีกห้อง”
“ห้องเด็กใช่ไหม?” ฉินสือโอวหยอกล้อ
วินนี่มองเขาด้วยดวงตาที่เปล่งประกายแล้วพูดออกมา “ถ้าคุณอยากมีลูก ฉันก็ไม่ปฏิเสธนะ”
ฉินสือโอวรีบเปลี่ยนเรื่องทันที เขายังไม่พร้อมที่จะทำหน้าที่พ่อที่ดีตอนนี้
โชคดีที่เจมส์ คาเมรอนก็พักอยู่ที่โรงแรมแห่งนี้ ทั้งสองเจอกันที่ร้านอาหาร คาเมรอนให้ผู้ช่วยคุยโทรศัพท์แทน หลังจากนั้นเขาก็ส่งหนังสือเล่มหนึ่งให้ฉินสือโอวพร้อมกับรอยยิ้ม “นี่เป็นหนังสือที่มีคนให้ผมมาตอนที่ถ่ายทำเรื่อง ‘ไททานิก’ ในตอนนั้น ตอนนี้ผมให้คุณ”
ฉินสือโอวขอบคุณคาเมรอนและทิ้งที่อยู่ของตัวเองไว้ให้เขาพร้อมบอกเขาว่า ถ้าเขาต้องการใช้เวลาในวันหยุดต้องมาเที่ยวที่เกาะแฟร์เวล เขาจะไม่ผิดหวังแน่นอน
ฉินสือโอวที่อยู่บนเครื่องบินไม่มีอะไรทำจึงเริ่มอ่านหนังสือเล่มนั้น หนังสือมีชื่อว่า ‘ไม่มีทางจม’ ผู้เขียนชื่อ แดนนี่ อลัน บัตเลอร์ ทั้งเล่มบรรยายเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเรือไททานิก
เนื้อหาด้านในบันทึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในอดีต ภายในใจของฉินสือโอวจึงรู้สึกหดหู่เป็นอย่างมาก
มีเพียงไม่กี่คนที่รู้ว่านอกจากผู้บริหารระดับสูงของไททานิกกว่า 50 คนที่สั่งให้ช่วยเหลือคนอื่นยังมีไลทิลเลอร์เจ้าหน้าที่หนุ่มคนที่สองที่มีชีวิตรอดมาได้ ส่วนคนอื่น ๆ ที่ช่วยเหลือผู้ที่อ่อนแอกว่าล้วนเสียชีวิตในหน้าที่ของตัวเอง
ฉินสือโอวอ่านหนังสือเล่มนี้แล้วรู้สึกหดหู่ใจอย่างมาก แต่หลังจากถึงเกาะแฟร์เวลและมองไปที่ฟาร์มปลาที่เจริญรุ่งเรือง จิตใจของเขาก็รู้สึกปลอดโปร่งขึ้นมาอีกครั้ง
ก่อนหน้านี้กลุ่มก่อสร้างของวิลเข้าไปที่ฟาร์มปลาของมิสเตอร์รอทและเริ่มวางแผนเตรียมการสร้างเป็นสนามบินแล้ว รถบดถนนขนาดใหญ่ 2 คันกำลังทำงาน เสียงเครื่องยนต์ดังสนั่นไปทั่วพื้นที่เรียบสนิท
วิลเดินมาหาฉินสือโอวและส่งแผนการทำงานให้ฉินสือโอวดู กำหนดการการก่อสร้างสนามบินคือ 3 เดือนซึ่งจะเปิดทำการต้นฤดูใบไม้ผลิปีหน้าได้พอดิบพอดี
ฉินสือโอวจึงพูดว่าไม่มีปัญหาให้เริ่มทำงานได้เลย
วิลพูดว่าหลังจากพื้นถนนถูกทับจนเรียบก็จะราดยางมะตอยต่อ ถึงตอนนั้นพวกเขาจะไปทะเลสาบแอสฟัลท์เพื่อขนยางมะตอยมาจำนวนหนึ่งแล้วทำการราดยางได้ทันที
ฉินสือโอวถามด้วยความสงสัย “ยางมะตอยไม่ใช่ผลผลิตทางอุตสาหกรรมเคมีเหรอ? ทำไมถึงมีอยู่ในทะเลสาบแอสฟัลท์ด้วยล่ะ?”
วิลยิ้มตอบ “ธรรมชาติเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์อย่างมาก ในทะเลสาบแอสฟัลท์ทั้งหมดเป็นยางมะตอยธรรมชาติ เพียงแค่ใช้วิธีการง่ายๆ ในการขุดขึ้นมาก็ใช้ได้แล้ว คุณไม่เคยเห็นเหรอครับ? ก็สถานที่แปลก ๆ ที่อยู่ใกล้กับอ่าวฮัดสันไงครับ”
ฉินสือโอวยังไม่เคยเห็นทะเลสาบแอสฟัลท์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติของจริง แต่ไหนแต่ไรเขาคิดว่ายางมะตอยเป็นผลผลิตที่กลั่นมาจากถ่านโค้กหรือน้ำมัน วิลจึงชวนเขาไปด้วยซึ่งเขาก็ตอบตกลงทันที
หลังจากนั้น 2 วันวิลก็เช่าเรือบรรทุกสินค้าหนึ่งพันตันมาเพื่อเตรียมตัวไปอ่าวฮัดสันโดยมีฉินสือโอวก็ตามไปด้วย
เขารู้มาก่อนนิดหน่อยแล้วว่าที่จริงทั่วโลกยังมีทะเลสาบแอสฟัลท์ตามธรรมชาติเหลืออยู่อีกมาก ทางชายฝั่งทะเลแคริบเบียนและอินโดนีเซียมีเยอะที่สุด โดยเฉพาะทะเลสาบพิตช์ที่อยู่ทางชายฝั่งทะเลแคริบเบียนตอนใต้นั้นมีขนาดใหญ่ที่สุด
ทะเลสาบแอสฟัลท์ที่พวกเขาต้องไปครั้งนี้มีชื่อว่า ‘Guccidada Clay Lake’ Guccidada เป็นคำชนพื้นเมืองอเมริกันหมายถึงประตูที่นำไปสู่ขุมนรก ส่วนความหมายของทะเลสาบดินเหนียวก็ง่ายมาก เมื่อก่อนชาวอินเดียนแดงไม่รู้ว่ายางมะตอยคืออะไร พวกเขาคิดว่านี่คือดินเหนียวชนิดหนึ่งจึงตั้งชื่อแบบนี้
พื้นที่ของทะเลสาบแห่งนี้มีมากกว่า 20 เฮกตาร์ เพราะอยู่ค่อนไปทางเหนือ ดังนั้นเมื่อถึงฤดูหนาวหิมะจะตกลงมาปกคลุมรูปลักษณ์ที่แท้จริงของมันจนหมด ทำให้บางครั้งก็มีพวกสัตว์ป่าหลงเข้าไปและถูกยางมะตอยดูดกลืนลงไป
ชาวอินเดียนแดงเมื่อก่อนไม่รู้ว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร และคิดว่าพวกมันหายตัวไปยังขุมนรก ดังนั้นที่นี่จึงถูกเรียกว่า ‘ประตูที่นำไปสู่ขุมนรก’
ตอนนี้ประตูสู่ขุมนรกแห่งนี้ถูกใช้ประโยชน์โดยมนุษย์และกลายเป็นสถานที่ชั้นดีในการผลิตยางมะตอยไปแล้ว
เมื่อถึงที่ตั้งของ Guccidada ฉินสือโอวมองไปทางไหนก็รู้สึกว่าที่แห่งนี้ช่างใหญ่โตโอ่อ่ามากจริง ๆ ทะเลสาบสีดำเงางามเหมือนอ่างแลคเกอร์สีดำขนาดใหญ่และละเอียดอ่อนซึ่งถูกฝังอยู่บนผืนดิน
เมื่อเข้าสู่ฤดูหนาวขั้วโลกเหนือจะมีอากาศหนาวมาก ผิวของทะเลสาบแอสฟัลท์ส่วนมากจะเรียบและแข็ง ไม่เพียงคนจะสามารถเดินได้ แต่ยังสามารถขับรถบนนั้นได้อีกด้วย รถตักดินและรถบรรทุกหลายคันก็ทำงานกันอย่างต่อเนื่องอยู่บนนั้นเช่นกัน
อย่างไรก็ตามใจกลางทะเลสาบเป็นจุดที่เปราะบางที่สุดและเป็นจุดที่อันตรายเป็นอย่างมาก เพราะตรงนั้นมียางมะตอยไหลออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน หากไม่ระวังจนตกลงไปจะเป็นปัญหาได้
แคนาดามีพื้นที่กว้างใหญ่ทำให้ต้องสร้างถนนเป็นจำนวนมาก ทะเลสาบแอสฟัลท์แห่งนี้จึงเป็นที่ที่มีส่วนช่วยในการสร้างถนนอย่างมาก วิลอธิบายกับฉินสือโอวว่าปกติทะเลสาบแห่งนี้จะสามารถผลิตยางมะตอยได้ 150 ตันต่อวันเลยทีเดียว
ถัดจากทะเลสาบแอสฟัลท์ไป 4-5 กิโลเมตรจะมีหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่มีสภาพเหมือนถูกทิ้งร้าง หมู่บ้านแห่งนี้อยู่ใกล้ทะเลสาบแอสฟัลท์จึงใช้เป็นสถานที่กินข้าว ชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นคนงานในโรงงาน นอกจากนี้ยังมีบริการด้านการท่องเที่ยวอีกด้วย
ฉินสือโอวกับวิลจองโรงแรมไว้แล้ว หลังจากไปถึงที่นั่นเจ้าของโรงแรมก็มองเขาด้วยรอยยิ้มและเอ่ยปากถามออกมา “คุณมาท่องเที่ยวที่นี่เหรอครับ? ไม่ทราบว่าต้องการบริการอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าครับ?”
เมื่อได้ยินดังนั้นฉินสือโอวก็ยิ้มพร้อมกับส่ายหัวไปมา “ไม่ครับ ผมไม่ต้องการ ผมมาเพื่อซื้อยางมะตอยของที่นี่ ไม่ได้มาเที่ยวเล่น”
วิลอธิบายให้เขาฟัง “บริการพิเศษที่เถ้าแก่พูดถึงก็หมายถึงโรงงานยางมะตอยนั่นแหละครับ ฉิน คุณต้องคิดเยอะเกินไปแน่ๆ”
ฉินสือโอวที่เพิ่งรู้ว่าตัวเองปล่อยไก่ก็รีบแก้ตัวออกไปทันที “โอเค โอเค ฉันต้องการบริการพิเศษ”
…………………………………………
บทที่ 379 ไม่ได้มาเสียเที่ยว
โดย
Ink Stone_Fantasy
วิลอธิบายให้ฉินสือโอวฟัง การอาบยางมะตอยคือเอกลักษณ์ที่ขึ้นชื่อในท้องถิ่น เดิมทีสิ่งนี้ถูกค้นพบโดยชาวพื้นเมืองอินเดียนแดง เป็นวัสดุที่นำมาใช้ในการกันน้ำสำหรับอ่างอาบน้ำ
ต่อมาค้นพบว่า เมื่อทายางมะตอยที่เพิ่งไหลออกมาลงไปหนึ่งชั้นขณะอาบน้ำ หลังจากล้างออกแล้วจะทำให้รู้สึกสดชื่นและกระฉับกระเฉง ในระยะยาวจะมีเป็นผลดีต่อผิวหนัง
ฉินสือโอวรู้สึกว่านี่ไม่น่าเชื่อถือ ในยางมะตอยไม่ได้มีสารประกอบเคมีจำพวกเบนซิน เบนโซไพรีนอะไรพวกนั้นหรอกเหรอ? เขาจำได้ว่าของพวกนี้เป็นสารที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง
จึงพูดข้อสงสัยของตัวเองให้วิลฟัง วิลยักไหล่แล้วตอบเขาว่า “บางทียางมะตอยจากธรรมชาติอาจจะไม่เหมือนกันกับยางมะตอยจากอุตสาหกรรมเคมี ใครจะรู้หลักการที่แน่ชัดของมันกันล่ะ? ถึงยังไงฉันก็เคยได้ยินมาว่ายางมะตอยพวกนี้มีจุลินทรีย์อยู่ในนั้น มันสามารถกินเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วของคนเข้าไป จึงใช้เพื่อช่วยเสริมความงามได้”
ฉินสือโอวลองส่องกระจกดู หน้าขาวๆ เด้งๆ อมชมพูของตัวเอง ถ้าเขาหล่อกว่านี้ขึ้นอีกนิดแล้วพวกผู้ชายคนอื่นๆ จะอยู่กันยังไงเล่า? แต่ก็ช่างหัวพวกนั้นปะไร หล่อขึ้นอีกนิดก็ดีเหมือนกัน เขาจะอาบ!
ราคาของโรงแรมอยู่ที่ 120 ดอลลาร์ต่อคืน เจ้าของโรงแรมถามฉินสือโอวว่าอยากจะเพิ่มบริการพิเศษอะไรไหม แบบที่ดีที่สุดต้องเพิ่มเงิน 200 ดอลลาร์
ฉินสือโอวหน้าใหญ่ใจป๋า เขาตอบกลับไปว่า “เอาแบบที่ดีที่สุด เงินไม่ใช่ปัญหา!”
เจ้าของโรงแรมรับเงินมาพร้อมทั้งยิ้มจนตาหยี แล้วบอกให้พนักงานพาทั้งสองคนไปที่ห้องของตัวเอง
ห้องพักก็ทั่วๆ ไป ห้องอาบน้ำค่อนข้างมีสไตล์ ข้างในไม่ใช่อ่างอาบน้ำแต่เป็น แต่เป็นบ่อน้ำขนาดเล็ก ในสระยังมีตะกอนยางมะตอยอยู่เล็กน้อย ดูเหมือนว่าน่าจะเหลือจากการอาบยางมะตอย
ฉินสือโอววิดีโอคอลไปหาเหมาเหว่ยหลงบอกกับเขาว่าตอนนี้ฉันกำลังอาบยางมะตอยอยู่ ไอ้บ้านนอกอย่างแกเคยได้ยินมาก่อนไหม?
ทางด้านเหมาเหว่ยหลงก็อิจฉาตาร้อน เขาไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน จึงรอคอยด้วยความคาดหวัง
ต่อมาก็มีคนมาเคาะประตู ฉินสือโอวพูดขึ้นมาแบบอวดๆ ว่า ‘จะเริ่มแล้วล่ะ’ หลังจากนั้นก็วิ่งไปเปิดประตู
ปรากฏว่าพอเปิดประตูออก ฉินสือโอวก็ชะงักไปนิดหน่อย ผู้หญิงที่วาดตาเขียนคิ้ว แต่งหน้าจัดคนหนึ่งกำลังถือกล่องใบเล็กกำลังรอเขาอยู่ด้านนอก
พอเห็นฉินสือโอว หญิงอายุราวๆ สี่สิบปีคนนี้ก็แลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากอย่างยั่วยวน เธอแย้มยิ้มแล้วพูดกับเขาว่า “คนเอเชียเหรอ? ไม่เลวนี่ ช่วงนี้ฉันไม่ได้ค้าขายกับคนเอเชียเลย ฉันชอบแคร์รอตน้อยของพวกคุณนะ…”
ทางฝั่งฉินสือโอวถึงกับนิ่งอึ้งไปทันที เขาพูดขัดผู้หญิงคนนั้นไว้ “เดี๋ยวก่อนนะ คุณจะมาทำอะไรนะครับ?”
ผู้หญิงคนนั้นยักคิ้วขึ้นแล้วพูดกับเขาพร้อมทั้งจงใจทำท่าทางยั่วยวน “คุณไม่ได้อยากได้บริการอาบยางมะตอยขั้นสุดยอดหรอกเหรอ? ฉันก็มาบริการคุณด้วยตัวเองยังไงล่ะ”
ฉินสือโอวดันผู้หญิงคนนั้นออกไปจากประตูด้วยความกระอักกระอ่วน มองเห็นพวกขวดแก้วกับกระปุกพร้อมถุงยางที่อยู่ในกล่องที่ผู้หญิงคนนั้นถือมา เขาก็รู้แล้วว่านี่เป็นเหตุการณ์แบบไหน มันเกินกว่าที่เขาคาดคิดไว้ทั้งหมดเลย
ผู้หญิงคนนั้นตะโกนขึ้นมาจากด้านนอก บอกกับเขาว่าถ้าไม่รับบริการเธอก็จะไม่คืนเงินอยู่ดี แต่ฉินสือโอวอยากได้เงินที่ไหนล่ะ? ทางด้านเหมาเหว่ยหลงที่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างผ่านการวิดีโอคอลอย่างชัดเจน ก็กำลังระเบิดหัวเราะออกมา
พอทานอาหารมื้อเย็นด้วยกัน ฉินสือโอวก็โทษวิลที่ให้ข้อมูลเขาแบบผิดๆ วิลทำหน้าพิลึกและถามเขาอย่างไม่ค่อยเข้าใจว่า “ทำไมล่ะ ฉันบอกอะไรผิดไปอย่างนั้นเหรอ?”
ฉินสือโอวถามเขาว่า “นายรับบริการอาบยางมะตอยไปแล้วใช่ไหม?”
“แน่นอนสิ ดูผิวของฉันสิ นายว่ามันดูเรียบลื่นขึ้นไหม?”
“แล้วแต่นายเถอะ ฉันไม่ชินกับการลูบผิวผู้ชายเท่าไร”
วิลรู้สึกหน้าเสีย “ฉิน นายกำลังเหยียดหยามชาติพันธุ์อยู่นะ นายกำลังเหยียดคนดำอยู่”
ฉันเหยียดชาติพันธุ์ที่ไหนล่ะ ฉินสือโอวพูดเรื่องผู้หญิงคนนั้นออกไปด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง วิลก็พูดพร้อมรอยยิ้มเก้อเขินว่า “คิดว่าปัญหาน่าจะอยู่ที่บริการที่นายเลือกนะ ฉันเพิ่มเงินไปแค่ห้าสิบดอลลาร์ ก็มีแค่คนแก่คนหนึ่งที่เข้ามาช่วยทาน้ำมันให้ฉัน ไม่ได้มีอะไรอย่างอื่น”
ฉินสือโอวโมโหจนจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว เสียเงินไปตั้งมากมายแต่ดันเลือกผิดเสียอย่างนั้น
บนถนนที่ขนาบข้างไปด้วยอาคารบ้านเรือน ฉินสือโอวเห็นหลายๆ ร้านล้วนมีผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่อประจำท้องถิ่นอย่างยางมะตอย
เจ้าของร้านแนะนำให้เขาฟังว่า นี่คือผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการอาบยางมะตอย โดยได้เพิ่มเครื่องหอมเข้าไป เวลาอาบน้ำให้ทาลงไปให้ทั่วตัว หลักการก็เหมือนกันกับวิธีการพอกหน้า
ฉินสือโอวเห็นว่าราคาไม่แพง แค่ชุดละสิบดอลลาร์ถึงห้าสิบดอลลาร์เท่านั้น เขาจึงซื้อมาทั้งหมดสิบชุด เขาจะเอากลับไปใช้กับวินนี่ คนสองคนช่วยกันอาบทา แค่คิดภาพตามก็ทำให้เขาแทบจะทนไม่ไหวแล้ว
วันต่อมาเขาก็ต้องจัดการธุระแล้ว ฉินสือโอวกับวิลไปหาบริษัทรับขุดเจาะยางมะตอยแห่งหนึ่งในท้องที่ เพื่อซื้อยางมะตอยจำนวนห้าร้อยตันมาใช้ก่อน
ราคาของยางมะตอยธรรมชาติชนิดนี้มีราคาที่เรียกได้ว่าค่อนข้างถูกกว่ายางมะตอยที่เป็นวัสดุสำหรับการก่อสร้าง ราคาแค่ 350 ดอลลาร์ต่อตันเท่านั้น ถ้าเป็นประเภทถ่านหิน ราคาจะเพิ่มขึ้นไปหลายเท่า
การมาเที่ยวทะเลสาบแอสฟัลท์ในครั้งนี้ทำให้ฉินสือโอวรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก ไม่มีอะไรน่าสนุกเลยแม้แต่นิดเดียว ที่ทะเลสาบแอสฟัลท์มีเพียงยางมะตอยสีปีกกาเท่านั้น ไม่มีพันธุ์สัตว์ ไม่มีพืชไม้ น่าเบื่อมากๆ
แต่ว่าเขาก็ได้ศึกษาความรู้ทางภูมิศาสตร์ไปไม่น้อย อย่างเช่นการกำเนิดของทะเลสาบแอสฟัลท์ นี่เป็นเพราะบริเวณเปลือกโลกเกิดชั้นหินขาดขึ้น และเมื่อชั้นหินขาดทั้งสองแผ่นกดทับเข้าหากัน จึงทำให้น้ำมันที่อยู่ในชั้นที่ลึกลงไปถูกบีบขึ้นมา หลังจากนั้นภายใต้สภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูงและแรงดันต่ำ น้ำมันและก้อนหินกับดินพวกนี้จึงผสมเข้าด้วยกัน สุดท้ายก็กลายมาเป็นยางมะตอย
ในตอนท้ายขณะที่กำลังจะเดินทางกลับ ฉินสือโอวก็ได้รับของบางอย่างมาด้วย มีคนมาขวางเขาไว้ แล้วถามว่าเขาอยากได้ฟอสซิลไหม
ฉินสือโอวรู้สึกสนใจซากฟอสซิลเป็นอย่างมาก วิลล่าของเขายังขาดของตกแต่ง เขาไม่วางใจที่จะใช้ภาพวาดเก่าแก่ที่มีชื่อเสียง ถ้าใช้ซากฟอสซิลก็น่าจะเหมาะสมกว่า
เมื่อเห็นว่าฉินสือโอวรู้สึกสนใจ คนท้องถิ่นคนนั้นก็รู้สึกดีใจขึ้นมา จากนั้นก็พาเขาไปที่โกดังเก็บของแห่งหนึ่ง
ของในโกดังทั้งหมดล้วนแต่เป็นซากฟอสซิลของสัตว์ที่ถูกขุดขึ้นมาจากทะเลสาบแอสฟัลท์ ม้าป่าตะวันตก ควายไบซันดึกดำบรรพ์ สลอธบกที่มีความสูงสองเมตร ไดร์วูล์ฟ เสือเขี้ยวดาบ สิงโตภูเขาและสุนัขภูเขาเป็นต้น
ซากฟอสซิลพวกนี้ตอนที่ยังไม่ถูกทำความสะอาดจะไม่น่าดูนัก แต่หลังจากถูกคนในนั้นนำไปทำความสะอาดแล้ว ก็จะปรากฏโฉมหน้าที่แท้จริงออกมา มีบางส่วนที่กลายเป็นสีดำ แต่ส่วนมากจะยังรักษาสภาพไว้ได้อย่างสมบูรณ์ จากซากฟอสซิลของควายไบซันดึกดำบรรพ์ตัวหนึ่ง ฉินสือโอวก็ยังสัมผัสได้ถึงการต่อสู้ดิ้นรนของมัน
“ไม่ผิดกฎหมายเหรอครับ?” ฉินสือโอวถามด้วยความสงสัย
คนในท้องที่คนนั้นหัวเราะเสียงดังออกมา “เรื่องนี้คุณสบายใจได้เลย ตอนนี้ทะเลสาบแอสฟัลท์ถูกจัดสรรพื้นที่ให้กับบริษัทแต่ละแห่งแล้ว ยังไงก็เป็นของที่ถูกคนในท้องที่อย่างพวกเราหาเจอ ถ้าพวกเราจะนำมาขาย ก็คงไม่มีปัญหาอะไรหรอกใช่ไหมล่ะ?”
เห็นสีผิวของฉินสือโอว เขาก็พูดเสริมไปอีกว่า “เงื่อนไขข้อแรกเลยคือคุณต้องไม่นำมันออกนอกประเทศ ถ้าจะนำออกไปถ้าก็คงจะวุ่นวายไม่น้อยเลยล่ะ”
ฉินสือโอวถามเออร์บักซ้ำอีกครั้ง ทนายอาวุโสบอกว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ขอเพียงแค่ไม่ใช่ฟอสซิลสำคัญที่ได้รับการคุ้มครองของประเทศ ก็จะสามารถทำการซื้อขายได้อย่างอิสระ
เมื่อเป็นเช่นนี้ ฉินสือโอวก็รู้สึกวางใจแล้ว เขาจึงเลือกซื้อฟอสซิลบางส่วนที่มีสภาพสมบูรณ์ที่สุดในโกดังสินค้า ไดร์วูล์ฟห้าตัว ม้าป่าตะวันตกห้าตัว ควายไบซันดึกดำบรรพ์สองตัว สลอธบกสี่ตัว และสิงโตภูเขาอีกสองตัว
ราคาของฟอสซิลไม่น้อยเลย ฟอสซิลทั้งหมดสิบแปดชิ้น ถูกเจ้าของตั้งราคาขายไว้ที่หกแสนดอลลาร์ ฉินสือโอวลองต่อราคากับเขา สุดท้ายจึงได้มาในราคาห้าแสน
พวกเขาต่างก็รู้สึกพึงพอใจกันทั้งสองฝั่ง ในความคิดของเจ้าของแล้วซากฟอสซิลที่ถูกขุดขึ้นมาจากทะเลสาบแอสฟัลท์พวกนี้ไม่ใช่สิ่งของมีค่าเลยแม้แต่น้อย แต่สำหรับฉินสือโอวแล้วฟอสซิลพวกนี้เมื่อนำมาเป็นของประดับตกแต่งก็จะช่วยสร้างพลังและทั้งยังช่วยเสริมบารมี เมื่อเฉลี่ยแล้วก็แค่ชิ้นละสองหมื่นห้าเท่านั้น ไม่นับว่าแพงเลย
ได้ฟอสซิลพวกนี้มาแล้ว ฉินสือโอวก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมาอีกครั้ง ไม่เสียเที่ยวแล้วล่ะ
เมื่อนำฟอสซิลพวกนี้บรรจุลงหีบห่อแล้วก็นำพวกมันส่งเรือบรรทุกสินค้า ส่วนฉินสือโอวก็บินกลับไปที่เกาะแฟร์เวลก่อน สามวันหลังต่อมาฟอสซิลก็ถูกนำมาส่งที่ฟาร์มปลา จากนั้นเขาจึงได้เริ่มทำการตกแต่ง
วางฟอสซิลสิงโตภูเขาหนึ่งตัวไว้ในห้องรับแขกพร้อมกับฟอสซิลควายไบซันดึกดำบรรพ์ หลังจากหู่จือและเป้าจือเห็นของพวกนี้แล้วก็พากันกระโดดโลดเต้นพร้อมทั้งเห่าออกมา ดูท่าว่าถึงแม้สิงโตอเมริกาเหนือจะกลายเป็นซากฟอสซิลไปแล้ว แต่มันก็ยังมีความน่าเกรงขามอยู่
วางฟอสซิลม้าป่าตะวันตกและควายไบซันดึกดำบรรพ์ไว้ที่หน้าประตู ส่วนในบ้านก็วางไดร์วูล์ฟกับสลอธบกที่มีขนาดเล็กลงมาหน่อย ช่วยกันจัดแต่งกับวินนี่ ภายในวิลล่าก็มีบรรยากาศของความเป็นศิลปะขึ้นมาบ้างแล้ว
………………………………………………………………………..
บทที่ 380 หิมะตกหนัก
โดย
Ink Stone_Fantasy
เมื่อเข้าสู่เดือนธันวาคม กระแสลมหนาวจากขั้วโลกเหนือก็พัดมาสู่ทางใต้ ฉินสือโอวกลับมาจากอ่าวฮัดสันได้ไม่นานก็มีหิมะตกลงมาครั้งใหญ่ เกล็ดหิมะพัดปลิวโปรยปราย ตกติดต่อกันถึงสองวันสองคืน!
ฉินสือโอวได้เห็นหิมะตกหนักขนาดนี้เป็นครั้งแรก ตอนเป็นเด็กที่บ้านเกิดของเขาก็เคยมีหิมะตกติดต่อกันสองวันแบบนี้ ทว่าล้วนแต่เป็นเกล็ดหิมะเล็กๆ ที่ตกติดต่อกันเท่านั้น
หิมะที่ตกลงมาในเกาะแฟร์เวลคราวนี้ไม่ใช่แบบนั้น นี่คือหิมะที่กระหน่ำตกลงมาอย่างหนัก!
ไม่มีลมเหนือ มีเพียงแต่เกล็ดหิมะที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ถ้าใช้คำพูดของกอร์ดอนก็คือ มันเหมือนพระเจ้าเกาหัวหลังจากที่ไม่ได้สระผมมาแล้วหนึ่งเดือน รังแคเยอะเกินไปแล้ว!
ใช้เวลาแค่สองชั่วโมง เกาะแฟร์เวลทั้งเกาะก็กลายเป็นสีขาว ดูขาวโพลนไปทั่วทุกหนแห่ง ภูเขาที่อยู่ไกลออกไปก็ไม่ใช่ภูเขา ผืนดินที่อยู่ใกล้ๆ ก็ไม่ใช่ผืนดิน มีเพียงท้องทะเลสีฟ้าครามเท่านั้นที่ยังดูเหมือนดังวันเก่า เมื่อหิมะโปรยลงมา มันก็ละลายหายไปทันที
เกาะแฟร์เวลในช่วงนี้ อุณหภูมิในตอนกลางคืนลดลงจนถึงลบสิบองศา ฉงต้าที่มีหนังหน้าหนาขนาดนั้น เพียงแค่วิ่งออกไปแค่รอบเดียวก็ยังรู้สึกหนาวสั่นจนเจ็บหน้า
ทะเลสาบเฉินเป่ากลายเป็นน้ำแข็งมานานแล้ว ชั้นน้ำแข็งก็ยิ่งหนาขึ้นเรื่อยๆ แต่ฟาร์มปลาก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เพราะหนึ่งคือพื้นผิวทะเลมีกระแสน้ำอุ่น สองคือคลื่นทะเลที่หมุนวน น้ำให้ทะเลไม่มีทางกลายเป็นน้ำแข็ง
ข้างนอกกำลังมีหิมะตกหนัก ฉินสือโอวกับคนอื่นๆ จึงพากันดื่มกาแฟร้อนๆ และนั่งเล่นไพ่อยู่ในวิลล่า
เมื่อไม่มีอะไรทำฉินสือโอวจึงสอนชาร์คและคนอื่นๆ เล่นไพ่นกกระจอก ด้วยเหตุนี้จึงคึกคักเป็นพิเศษ หลังจากทานอาหารเสร็จคนทั้งสี่คนก็กางโต๊ะเล่นไพ่นกกระจอกด้วยความตื่นเต้นสนุกสนาน
ในที่สุดหิมะที่ตกหนักติดกันสองวันสองคืน ก็หยุดลงในช่วงกลางเดือน ครั้งนี้ฉินสือโอวจึงสัมผัสได้ถึงความลำบากของการมีพื้นที่ในฟาร์มปลาที่มีขนาดกว้างใหญ่เกินไป เขาต้องกวาดหิมะ!
ฉงต้ามองดูผืนหิมะหนาๆ ด้วยความสนอกสนใจ มันยื่นอุ้งเท้าใหญ่ๆ ออกไปดู คิดว่ามันคงรู้สึกเย็นสบายไม่น้อย มันหันกลับไปแล้วพุ่งตัวหาฉินสือโอวพร้อมทั้งร้องฮึมฮัมออกมาอย่างมีความสุข
ฉินสือโอวนวดหัวกลมๆ ของมันไปมา ฉงต้าก็กระโดดโผเข้าใส่เขา กดเขาลงไปกับกองหิมะ หลังจากนั้นก็เริ่มเล่นบ้าๆ บอๆ มุดเข้ามุดออกกองหิมะไม่หยุด
ฉินสือโอวยิ่งปวดหัวหนักกว่าเดิม ทำไมพอเจ้าหมีติ๊งต๊องฉงต้าได้เห็นหิมะแล้วถึงคึกขนาดนี้?
“พวกคุณว่า ฉงต้าจะจำศีลบ้างไหม?” ฉินสือโอวถามด้วยความคาดหวัง
วินนี่มองไปที่ฉงต้า เธอส่ายหน้าไปมาแล้วตอบเขาว่า “อย่าหลอกตัวเองเลยค่ะ คุณก็เห็นว่าในบ้านมันอบอุ่นขนาดนั้น แถมมันยังกินอยู่ดีทุกวัน ถ้าฉงต้าจะจำศีลก็คงเป็นเรื่องมหัศจรรย์แล้วล่ะค่ะ”
“ใช่แล้ว มันจะจำศีลก็ต่อเมื่ออาหารการกินไม่ดีเท่านั้น” เออร์บักมองไปที่ฉงต้าแล้วแย้มรอยยิ้มใจดีออกมา
ฉินสือโอวก็ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง โอเค ยังไงฉันก็คิดไว้แล้วล่ะว่าเจ้าหมีติ๊งต๊องตัวนี้คงไม่มีทางจำศีล
ชั้นหิมะที่อยู่บนพื้นหนามาก น่าจะเกือบครึ่งเมตร พอก้าวเท้าเหยียบก็จมลงไปถึงเข่า หู่จือกับเป้าจือกระโดดลงมาจากประตูวิลล่า จากนั้นพวกมันก็หายเข้าไปในกองหิมะทันที…
ก่อนหน้านี้ที่เกาะแฟร์เวลก็มีหิมะตกหลายครั้ง ทว่าล้วนแต่ตกลงมาเบาๆ คิดไม่ถึงว่าคราวนี้อยู่ๆ จะประสบภัยพายุหิมะครั้งใหญ่ แต่โชคดีที่ไม่มีผลกระทบอะไรกับเกาะแฟร์เวล
ช่วงนี้เสี่ยวหมิงก็ย้ายฐานที่มั่นหนีเข้ามาอยู่ในวิลล่าเหมือนกัน ทั้งมันยังใจดีพาเพื่อนกระรอกตัวเมียของมันเข้ามาอีกด้วย กระรอกแดงอเมริกาเหนือที่ไม่ได้เห็นมากว่าครึ่งปีตัวนั้น
ฉินสือโอวนึกว่าเสี่ยวหงจะถูกพวกงู แมวป่า เหยี่ยวเอยอะไรเอยพวกนั้นกินเข้าไปแล้ว แท้จริงแล้วมันไม่ได้เป็นอะไร ไม่รู้ว่าช่วงก่อนหน้านี้มันหายไปไหนมา พออากาศไม่ดีถึงค่อยกลับมาที่นี่อีก
ครอบครัวกระรอกดินก็ย้ายรังแล้วเหมือนกัน พวกมันยังพอทนได้อยู่ จึงไม่ได้ย้ายเข้ามาข้างในวิลล่า เพียงแต่สร้างรังไว้ตรงระเบียงทางเดินเท่านั้น วินนี่ช่วยพวกมันเอาฟองน้ำทะเลกับขนของบุชที่ร่วงลงมาเข้าไปยัดไว้ข้างใน นี่จึงเป็นรังเล็กๆ ที่อบอุ่นเช่นกัน
พอเห็นว่าในที่สุดตอนนี้ท้องฟ้าก็สดใสแล้ว พวกมันจึงพากันวิ่งออกมา กระรอกก็เหมือนกันกับกระรอกดิน พอมุดเข้าไปในหิมะก็พากันหายตัวไป ตอนที่พวกมันมุดออกมาก็อาจจะไปโผล่ที่ไหนก็ได้
ฉินสือโอวพาทุกๆ คนไปกวาดหิมะ พวกเขาพากันกวาดหิมะออกจากบนถนนก่อนเป็นอันดับแรก
เป็นครั้งแรก ที่ฉินสือโอวรู้สึกว่าวิลล่าอยู่ไกลจากท่าเรือมาก ระยะทางจากประตูทางเข้าก็ไกลแสนไกล พื้นหิมะก็หนาเกินไป ปัดกวาดมาขนาดนี้แล้ว จนชั่วโมงกว่าๆ ยังกวาดได้แค่ร้อยสิบกว่าเมตรเท่านั้น
ไม่ทนแล้วล่ะ เขาเดินกลับไปแล้วโทรศัพท์หาเจนนิเฟอร์ทันที ให้เธอช่วยสั่งซื้อรถกวาดหิมะมาหนึ่งคัน
รถกวาดหิมะที่เจนนิเฟอร์แนะนำคือเชฟโรเลต เอสเอ็นไฟฟ์ มันใช้ฐานแบบเดียวกันกับรถกระบะ บริเวณส่วนหน้าสามารถติดตั้งเกลียวสำหรับปัดหิมะกับใบไถสำหรับตักหิมะได้ แค่ถอดชิ้นส่วนออก ก็จะสามารถกำจัดหิมะออกไปและหลังจากนั้นก็จะปัดหิมะได้แล้ว
นอกจากนี้ บริเวณด้านข้างของรถรุ่นนี้ยังติดตั้งใบปีกที่สามารถกางออกได้ จึงเพิ่มพื้นที่สำหรับกำจัดหิมะได้มากยิ่งขึ้น ขณะที่รถกำลังทำงาน กงล้อที่หมุนแบบเส้นศูนย์กลางในแนวดิ่งที่ติดตั้งอยู่ตรงส่วนหน้า ก็จะหมุนโดยใช้แรงขับเคลื่อนของรถ ใบพัดที่อยู่บนล้อหมุนจะหมุนแล้วปัดเอาหิมะที่อยู่บนพื้นออกไปให้พ้นทาง
การบริการของบริษัทอเมริกัน เอ็กซ์เพรสสามารถทำได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง หลังจากฉินสือโอวโทรศัพท์ไปได้แค่สองชั่วโมงกว่าๆ รถจากนครเซนต์จอห์นก็ถูกส่งเข้ามา ฉินสือโอวโอนเงินเพื่อรับรถ หลังจากนั้นก็ขับย่ำไปทั่วฟาร์มปลา
เห็นได้ชัดว่าฉงต้ารักพื้นหิมะหนาๆ พวกนี้ มันมุดตามกระรอกกับลูกกระรอกดินที่กำลังไปมุดไปมาอยู่ในกองหิมะ และวิ่งเพ่นพ่านอย่างมีความสุข
นานๆ ครั้งหู่จือ เป้าจือกับปอหลัวก็จะออกมาเล่นกับมัน เหล่าสัตว์เลี้ยงทั้งหลายเล่นกันอยู่ในกองหิมะอย่างคึกๆ คักๆ
บุชเองก็อยากเข้ามาเล่นด้วย ทว่าปีกของมันไม่เหมาะกับที่แบบนี้ แค่กระโดดเข้าไปในพื้นหิมะมันก็แทบจะขยับตัวไม่ได้แล้ว
พวกฉงต้าทำหน้าหน่าย ไม่มีใครพามันไปเล่นด้วย มันจึงร้อนใจจนร้องออกแควกๆ ออกมาอย่างจนหนทาง สุดท้ายมันจึงทำได้แค่รีบเดินกลับไปยังทางเดินของวิลล่าอย่างไร้ซึ่งความสุข
ดังนั้นเมื่อเห็นว่าฉินสือโอวขับรถตักหิมะออกไป ฉงต้าก็รู้สึกหมดสนุกขึ้นมาทันที มันพาหู่จือเป้าจือวิ่งตามรถมาด้านหลัง ฉินสือโอวกลัวพวกมันจะได้รับบาดเจ็บเขาจึงหยุดรถก่อน ฉงต้ากอดยางรถเอาไว้แล้วเริ่มก็กัดแทะ
“เอาล่ะๆ ๆ ถ้าไม่ชอบงั้นป๊ะป๋าจะยังไม่ตักหิมะทิ้งก็แล้วกัน” ฉินสือโอวพูดอย่างจนปัญญา
วินนี่มาพาฉงต้าไป เธอจะพาพวกมันไปเล่นที่อื่น ฟาร์มปลากว้างใหญ่ขนาดนี้ หิมะก็อยู่มีทุกที่ทั่วฟาร์มปลา
ทว่าพวกฉงต้าไม่ยอม พอพาไปแล้วก็วิ่งกลับมาอีก อาจจะเป็นเพราะ สนามหญ้าตรงหน้าวิลล่าถึงจะนับว่าเป็นอาณาเขตของพวกมัน ก็เลยไม่อยากจะพากันไปเล่นที่อื่น
ตอนแรกฉินสือโอวนึกว่าพวกมันเล่นกันสักสองสามชั่วโมงก็คงจะเหนื่อยแล้วไม่อยากเล่นแล้ว แต่กลับไม่ใช่อย่างนั้น พอเล่นจนเหนื่อยพวกมันก็วิ่งไปพักที่อยู่ที่ระเบียงทางเดินสักครู่ พอกินอาหารจนอิ่มแล้วเหล่าสัตว์เลี้ยงพวกนี้ก็พากันกลับมาเล่นหิมะอีก
พอเป็นแบบนี้ฉินสือโอวก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดีแล้ว ถ้าให้เจ้าพวกนี้คุ้ยหิมะเล่นต่อไป พื้นหิมะก็คงจะกลายเป็นกองเลน เขาดุไปด้วยวินนี่ก็หลอกล่อพวกมันไปด้วย สุดท้ายจึงต้องให้เชอร์ลี่ย์กับกอร์ดอนมาพาพวกมันไป ถึงจะเอาพวกมันออกห่างจากที่ว่างแถววิลล่าได้
หู่จือ เป้าจือกับฉงต้าเพียงแค่คุ้นชินกับที่บริเวณด้านหน้าวิลล่าก็เท่านั้น ที่จริงแล้วขอแค่เป็นพื้นที่หิมะ ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนพวกมันก็เล่นกันได้อยากสนุกสนานทั้งนั้น แค่แป๊บเดียว เจ้าพวกนี้ก็เริ่มเล่นกันวุ่นวายอีกรอบ
ในที่สุดทางด้านฉินสือโอวก็ตักหิมะออกไปได้ แต่ปรากฏว่าพอเขาขับรถตักหิมะไปได้ไม่ไกลเท่าไร ทันใดนั้นก็มีเสียงร้องสะอึกสะอื้นของฉงต้าดังมาจากไกลๆ
“เป็นอะไรอีกล่ะคราวนี้?” ฉินสือโอวลุกขึ้นมาจากรถอย่างเร่งรีบแล้วถามขึ้นมา
ทางฝั่งตะวันออกของวิลล่า ฉงต้านำหน้าสัตว์เลี้ยงตัวอื่นๆ วิ่งเล่นกันอย่างคึกคักในกองหิมะ หู่จือ เป้าจือกับปอหลัวก็ตามมาด้านหลัง ทว่าพวกมันแต่ละตัวก็ต้องตื่นตระหนกจนขวัญหนีดีฝ่อ
พื้นหิมะหนาเกินไป ฉงต้ายังดีกว่าตัวอื่นอยู่บ้าง ดีที่ว่าหมีสีน้ำตาลมีขาสี่ข้างที่อ้วนใหญ่และมีพละกำลัง จึงสามารถวิ่งฝ่ากองหิมะได้ แต่ว่าปอหลัวกับหู่จือเป้าจือต่างก็ไม่ชำนาญกับการวิ่งบนกองหิมะ พอยื่นขาออกไปก็จมลงไปในกองหิมะทันที ดังนั้นพวกมันจึงวิ่งได้ช้ามาก ทำได้แค่ตามฉงต้าอยู่ทางด้านหลังเท่านั้น
สัตว์เลี้ยงทั้งสี่ตัวล้มลุกคลุกคลาน สุดท้ายก็เลือกอะไรไม่ได้ จนปอหลัวถึงก้มหัวลงแล้วใช้เขากวางที่เหมือนกันกับพลั่วของมันแทนเครื่องขุดหิมะ เพื่อจะถางทางวิ่ง
แสงแดดสาดส่องลงมา ทุกที่ล้วนแต่เป็นสีขาวโพลน ฉินสือโอวรู้สึกค่อนข้างแสบตา เขาจึงมองไม่เห็นว่าที่ไกลๆ ตรงนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง ทำได้แค่รีบเข้าไปหาเท่านั้น
บุชที่นั่งอยู่หน้าประตูเฉยๆ มาโดยตลอดก็ยื่นคอมองตามออกมา มันอ้าปากร้องแควกๆ มองดูพวกฉงต้าอื่นเดือดร้อนด้วยความรู้สึกสาแก่ใจยิ่งนัก
……………………………………………
บทที่ 381 ทุ่มทุนกับกุ้งมังกร
โดย
Ink Stone_Fantasy
พอวิ่งเข้ามาใกล้อีกนิด ฉินสือโอวถึงได้เห็นชัดๆ ว่าสิ่งที่ตามมาด้านหลังคือตัวอะไร มันคือฝูงห่านขาว!
คิดๆ แล้วก็สมเหตุสมผล สัตว์ในฟาร์มปลาที่ทำให้ปีศาจน้อยๆ แบบฉงต้ารู้สึกกลัวได้ นอกจากห่านขาวแล้วจะยังเป็นตัวอะไรได้อีก?
ฝูงห่านขาวกระพือปีกวิ่งโถมตามมาทางด้านหลัง พวกมันแต่ละตัวเป็นเหมือนปรมาจารย์บู้ลิ้ม ส่วนพื้นหิมะก็คือสนามเจ้าถิ่นของพวกมัน เดิมทีกีบเท้าของพวกมันก็ใหญ่อยู่แล้ว พอรวมกันกับปีกของพวกมันที่ช่วยเสริมเรื่องการวิ่ง จนเหมือนว่าพวกมันมีวิชาตัวเบา ไล่ตามพวกฉงต้ามาอย่างกระชั้นชิด ทรมานพวกมันจนแทบจะบ้าตาย
ฉินสือโอวตบหน้าผากตัวเองอย่างจนปัญญา ไม่รู้ว่าเจ้าพวกนี้ไปยุแหย่อะไรพวกห่านขาวเข้าอีก อืม คิดว่าพวกมันคงจะเล่นกันเพลินเลยไม่ทันสังเกตเห็นห่านขาวที่อยู่บนหิมะ จนอาจจะล้มทับหรือไม่ก็ไปเหยียบพวกมันโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ
ห่านขาวมีใจอาฆาตรุนแรง ถ้าพวกมันรู้สึกว่าตัวเองถูกเหยียดหยาม พวกมันย่อมต้องเอาคืนแน่นอน
ฉงต้าที่ถูกไล่ตามก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ มันหมุนตัวกลับไปทำท่าทางเหมือนจะโจมตีกลับ มันส่งเสียงขู่ออกมาอย่างบ้าคลั่ง อุ้งเท้าโตๆ ก็ฟาดกระหน่ำลงไปบนพื้นอย่างสุดชีวิต ร่างกายขนาดมหึมาก็ยื่นตัวออกไปด้านหน้า ดูมีพละกำลัง
ห่านขาวที่วิ่งตามมาก็ถูกขู่จนพากันตกใจ พวกมันร้องแควกๆ แล้วถอยเท้ากลับไปด้านหลัง ทว่าห่านขาวที่อยู่ข้างหลังก็ยังวิ่งตามมาเยอะกว่าเดิม ราวกับกระแสน้ำหลาก
ถ้าหากฉงต้ามีจิตใจที่เข้มแข็งสักหน่อย มันก็คงจะจัดการกับห่านขาวที่กำลังตามมาได้อย่างง่ายดาย แต่มันก็ยังขี้ขลาดเกินไป พอมันเห็นห่านขาวที่บุกเข้ามามีจำนวนมากขนาดนี้ มันก็สะบัดก้นหมุนตัวกลับไปวิ่งหนีอีกครั้ง
ห่านขาวก็เหมือนกับสปริง คุณแข็งมันก็อ่อน พอคุณอ่อนลงมันก็จะแข็งขึ้นมาทันที เห็นฉงต้าหันกลับไปวิ่งหนีเอาชีวิตรอด พวกมันก็เดือดดาลขึ้นมาอีกครั้ง ร้องแควกๆ แล้ววิ่งตามไปด้วยแรงอาฆาต
นี่สร้างความลำบากให้หู่จือเป้าจือกับปอหลัวแล้ว พวกมันเพิ่งจะคิดว่าฉงต้าคงเอาอยู่ จึงพากันหยุดวิ่งเพื่อพักสูดหายใจ แต่ปรากฏว่ายังไม่ทันหายหอบ ฉงต้าก็วิ่งหนีไปซะแล้ว…
หู่จือเป้าจือกับปอหลัววิ่งหนีไปไม่ทัน จึงถูกฝูงห่านล้อมเอาไว้ คราวนี้พวกมันทั้งสามตัวก็ร้องครวญครางออกมาอย่างน่าเวทนา ห่านขาวที่ล้อมรอบเข้ามามีจำนวนมากเกินไป บริเวณรอบๆ ก็ดันเป็นพื้นหิมะหนานุ่ม จะวิ่งหนีก็ไม่มีที่ให้วิ่ง
ฉินสือโอวรีบขับรถบุกเข้าไป เสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มกับใบพัดกวาดหิมะทำให้ฝูงห่านตกใจกลัวจนพากันกระพือปีกหนีไป หู่จือเป้าจือกับปอหลัวก็นับว่าสามารถรักษาชีวิตเอาไว้ได้แล้ว
มองดูสัตว์เลี้ยงทั้งสามตัว ฉินสือโอวก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ ตอนนี้พวกมันดูสิ้นสภาพจนถึงที่สุดแล้ว ขนพลิ้วสลวยสีทองก็พันกันจนน่าเกลียด บนตัวเต็มไปด้วยหิมะกับขนเป็ด แถมหู่จือกับเป้าจือก็ยังเดินกะโผลกกะเผลกคาดว่าน่าจะถูกกัดเข้าที่ขา ดูหมดสภาพแต่ก็น่ารักอย่างถึงที่สุด
เห็นฉินสือโอวยิ้ม หู่จือกับเป้าจือก็ส่งเสียงเฮอะฮะออกมาอย่างไม่พอใจ พวกมันต่างก็ก้มหน้ากลอกตาแล้วมองมาที่เขา
หลังจากพูดปลอบพวกมันไปแล้ว ฉินสือโอวลูบขนปลอบพวกมันแล้วพากลับไปยังวิลล่า หลังจากได้รับบทเรียนจากห่านขาว พวกมันก็เริ่มทำตัวดีขึ้น พากันนอนอาบแดดอยู่ที่ระเบียงทางเดินของวิลล่าอย่างเงียบสงบ
พอฉงต้าเข้ามาใกล้ๆ หู่จือกับเป้าจือก็หันหลังสะบัดก้น พอฉงต้าไปหาปอหลัว ปอหลัวก็ก้มหัวลงแล้วใช้เขาของมันดันฉงต้าออกไป บุชส่งเสียงร้องแควกๆ มันมองไปที่ฉงต้าด้วยสีหน้าของความสะใจ
ฉงต้ารู้สึกน้อยใจอย่างถึงที่สุด ตอนนี้มันถูกทำเหมือนว่ามันเป็นพวกทรยศพวกพ้อง แต่เรื่องนี้จะโทษมันไม่ได้นะ ตอนที่กำลังวิ่งหนีอยู่เมื่อสักครู่พวกมันต่างก็มีปฏิกิริยาตอบสนองที่รวดเร็วด้วยกันทั้งนั้น ใครจะไปรู้ล่ะว่าอยู่ๆ พวกเพื่อนๆ จะหยุดพักกลางคัน?
หลายวันต่อมาอากาศแจ่มใส หิมะในฟาร์มปลาเริ่มละลาย ทั้งยังถูกสุนัขกับห่านวิ่งย่ำ พื้นดินจึงกลายเป็นกองเลนเละเทะอย่างรวดเร็ว
โชคดีที่ทีมก่อสร้างของวิลอยู่ที่นี่ พอวิลผายมือสั่ง ทีมก่อสร้างก็ทำถนนหินขึ้นมาสองทางเพื่อไปที่ประตูใหญ่ทางเข้าฟาร์มปลากับทางไปท่าเรือโดยมีวิลล่าเป็นจุดศูนย์กลาง
วันที่ 15 รัฐบาลแคนาดาได้ให้เงินอุดหนุนกับฉินสือโอว เพราะการผ่านแดนของนกจมูกหลอดหางสั้น ทำให้เขาได้รับเงินอุดหนุนเป็นจำนวนหนึ่งล้านสองแสนห้าหมื่นดอลลาร์แคนาดา
จุดมุ่งหมายที่รัฐบาลทำเช่นนี้ก็เพื่อเป็นการกระตุ้นการพัฒนาฟาร์มปลา ถึงเขาจะไม่ได้รับเงิน แต่รัฐบาลก็สามารถช่วยซื้ออาหารสัตว์ เมล็ดพันธุ์สำหรับการเพาะปลูก ลูกพันธุ์กุ้งและลูกพันธุ์ปลา จากบริษัทผลิตภัณฑ์ทางทะเลหรือไม่ก็ฟาร์มเพาะพันธุ์ให้เขาได้
ฉินสือโอวติดต่อกับบิล ตอนแรกเขาต้องการจะซื้อลูกพันธุ์ปลา แต่เมื่อสอบถามราคาแล้ว ก็พบว่าช่วงนี้ราคาลูกพันธุ์กุ้งมังกรตกลงอย่างมหาศาล
ไม่ต้องสงสัยเลย ผลกระทบจากกุ้งมังกรแก๊ฟคี่เริ่มปรากฏให้เห็นแล้ว ไม่มีฟาร์มปลาไหนเลี้ยงของแบบนี้แล้วล่ะ อีกทั้งฟาร์มเพาะเลี้ยงในตอนนี้ก็ไม่กล้าเปลี่ยนน้ำในบริเวณของบ่อเลี้ยงกุ้ง เพราะกลัวว่าถ้าเปลี่ยนน้ำแล้วกุ้งมังกรแก๊ฟคี่ในน้ำทะเลจะเข้ามาในบ่อ แบบนั้นคงจะจบเห่กันพอดี
สามเดือนก่อนหน้านี้ตอนที่ฉินสือโอวซื้อลูกพันธุ์เมนล็อบสเตอร์มา กุ้งมังกรแค่หนึ่งหมื่นตัวมีราคาอยู่ที่ 5000 ดอลลาร์แคนาดา นี่แค่ลูกพันธุ์กุ้งที่ยังเล็กเท่านั้น แต่ละตัวมีขนาดความยาวประมาณครึ่งนิ้วมือ มีอายุเพียงหนึ่งเดือน
แต่ตอนนี้ ต่อให้เป็นลูกพันธุ์กุ้งอายุสามเดือนหนึ่งหมื่นตัวก็มีราคาแค่ 600 ดอลลาร์เท่านั้น อีกทั้งเมนล็อบสเตอร์ในช่วงอายุเท่านี้ก็มีขนาดความยาวเท่ากับนิ้วชี้ของผู้ใหญ่แล้ว ลูกกุ้งมังกรอายุหกเดือนมีราคาอยู่ที่2000 ดอลลาร์ต่อหนึ่งหมื่นตัว ขนาดราวๆ ฝ่ามือ
ส่วนลูกพันธุ์กุ้งมังกรอายุหนึ่งเดือนนั้น ไม่มีขายมานานแล้ว ใครๆ ก็รู้ว่าจุดสิ้นสุดของกุ้งมังกรกำลังจะมาถึง ลูกพันธุ์กุ้งมังกรอายุสามเดือนพวกนี้ ก็คือลูกพันธุ์กุ้งล็อตสุดท้ายที่ถูกเพาะพันธุ์ออกมาในระยะแรกที่กุ้งมังกรแก๊ฟคี่เริ่มปรากฏขึ้นนั่นเอง
ฉินสือโอวลองถามชาร์ค เมื่อก่อน ลูกกุ้งมังกรอายุหกเดือนพวกนี้ หนึ่งตัวจะขายได้สองดอลลาร์ ดังนั้นนี่ไม่ใช่เพียงแค่ราคาตก แต่มันตกต่ำอย่างถึงที่สุดแล้ว!
เขาตัดสินใจอย่างฉับไว ฉินสือโอวโทรไปหาบิลแล้วถามเขาว่า “เพื่อน ตอนนี้ลูกกุ้งมังกรอายุหกเดือนที่ถูกเพาะเลี้ยงในฟาร์มทั่วทั้งทะเลนครเซนต์จอห์นมีอยู่ประมาณเท่าไรเหรอ?”
บิลลองเช็กจำนวน แล้วตอบเขากลับมาว่า “น่าจะประมาณห้าล้านตัว อาจจะคลาดเคลื่อนนิดหน่อย แต่ก็คงไม่มาก คุณถามทำไมเหรอ?”
“โอเค ผมจะซื้อกุ้งมังกร ขายกุ้งมังกรที่มีอายุหกเดือนขึ้นไปทั้งหมดให้กับผมแล้วกันนะ” ฉินสือโอวพูดอย่างเรียบๆ
“คุณบ้าไปแล้วเหรอ? คุณลืมจุดจบของลูกพันธุ์กุ้งมังกรครั้งก่อนไปแล้วหรือยังไง?”
“ผมไม่ได้จะซื้อลูกพันธุ์กุ้งมาเลี้ยง แต่จะเอามาเป็นอาหารสำหรับปลากับปู อีกอย่าง ลูกพันธุ์กุ้งมังกรอายุหกเดือนตั้งห้าล้านตัว ก็คงจะมีชีวิตรอดอยู่ได้หลายหมื่นตัวใช่ไหมล่ะ? ปีหน้าราคาของกุ้งมังกรต้องเพิ่มขึ้นมหาศาลแน่ๆ กุ้งมังกรที่รอดชีวิตสักห้าหมื่นตัวก็ยังทำเงินได้เหมือนกัน”
เขาปั้นน้ำเป็นตัว สาเหตุที่ฉินสือโอวซื้อลูกพันธุ์กุ้งมังกรมา ก็เพราะเขาวางแผนไว้แล้วว่าคราวนี้จะเพิ่มพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนให้พวกลูกกุ้งโดยตรง ถ้าประสบความสำเร็จเหมือนกรณีก่อนหน้า ถึงลูกพันธุ์กุ้งมังกรพวกนี้จะไม่ได้มีชีวิตรอดทั้งหมด แต่ถ้ารอดชีวิตสักครึ่งหนึ่งก็คงไม่มีปัญหาแล้ว
ถือเสียว่าเป็นความเสียหายทั่วๆ ไป ภายใต้สถานการณ์ปกติ ในปีหน้าฟาร์มปลาของฉินสือโอวจะสามารถส่งกุ้งมังกรไปขายได้มากกว่าล้านตัว
อีกทั้งในปีหน้าตลาดกุ้งมังกรจะต้องรุ่งเรืองมากแน่ๆ กุ้งมังกรมากกว่าล้านตัวของเขา เมื่อถึงเวลานั้นจะทำเงินได้มหาศาลอย่างแน่นอน
ฉินสือโอวยังจดจำความใฝ่ฝันของตัวเองได้ดี เขาจะครอบครองตลาดอาหารทะเลทั้งหมดในฝั่งตะวันออกของแคนาดา!
และตลาดกุ้งมังกรในปีหน้า ก็คือก้าวแรกของเขา
ไม่ว่าฉินสือโอวจะซื้อไปทำอะไร ยังไงเขาก็ยินดีที่จะขายอยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้พวกเจ้าของกิจการจึงพากันดีใจ รีบส่งกุ้งมังกรไปยังฟาร์มปลาทันที
เป็นเวลาติดต่อกันหลายวัน ที่มีเรือประมงลากอวนล้อมลูกพันธุ์กุ้งมังกรมาส่งอย่างไม่ขาดสาย
บิลและคนอื่นๆ คิดว่าฉินสือโอวคงบ้าไปแล้ว ในความคิดของพวกเขา เมื่อปล่อยลูกกุ้งมังกรพวกนี้ลงสู่ริมฝั่งทะเลของฟาร์มปลาพวกมันก็คงตายจนหมด ถ้าหากปล่อยลงสู่ทะเลที่อยู่ไกลจากแผ่นดิน ถึงแม้ว่าจะไม่มีปัญหาเรื่องกุ้งมังกรแก๊ฟคี่ แต่พอกุ้งมังกรโตขึ้นอีกหน่อยมันก็จะหนีออกไป
ฉินสือโอวไม่สนใจ ปีหน้าพวกนายนั่นล่ะที่ต้องมาคุกเข่าอ้อนวอนฉัน
ซื้อกุ้งมังกรล็อตนี้ใช้เงินไปประมาณล้านกว่าดอลลาร์ ยังเหลือเงินอยู่อีกสองแสนกว่าดอลลาร์ ฉินสือโอวจึงซื้อปลิงทะเล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเพาะเลี้ยงปลิงทะเลต่อไป
ทว่าคราวนี้ เขาไม่ได้ซื้อปลิงทะเลขั้วโลกเหนือ แต่ซื้อปลิงขาวกับปลิงทะเลกรีนแลนด์มาแทน
ในโลกนี้มีปลิงขาวอยู่ทั้งหมดสิบชนิด ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ที่อินเดีย ในแนวปะการังเขตร้อนของมหาสมุทรแปซิฟิก มักจะเกาะอยู่กับทรายที่มีหญ้าทะเลใต้ปะการัง
ปลิงทะเลกรีนแลนด์อาศัยอยู่ในน่านน้ำรอบๆ เกาะกรีนแลนด์ เป็นปลิงทะเลน้ำเย็น เติบโตได้อย่างเชื่องช้า แต่เนื้อสัมผัสหนานุ่ม มีสีโปร่งใส เป็นสินค้ามูลค่าสูง หนึ่งในปลิงทะเลชั้นยอดของตลาดระดับสูง
……..…………………………………
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น