ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 362-369
บทที่ 362 สงครามการแก้แค้น
โดย
Ink Stone_Fantasy
เมื่อมื้อกลางวันได้เริ่มต้นขึ้น บุชและฉงต้าก็ได้พบเจอกับความโชคร้าย
วินนี่ให้เด็กทั้งสองตัวในบ้านลดปริมาณอาหารลงหนึ่งในสี่ส่วนของปริมาณอาหารทั้งหมด จากเมื่อก่อนบุชเคยกินปลาเฮร์ริงทีเดียวสี่ตัว ตอนนี้ก็ลดลงเหลือสามตัว ส่วนฉงต้าจากผลไม้หนึ่งกะละมัง ปลาสองตัว และเนื้อวัวที่เติบโตเต็มที่อีกประมาณสองถึงสี่ชิ้น ตอนนี้ก็ลดน้อยลงเหลือปลาหนึ่งตัว และเนื้อวัวหนึ่งชิ้นเท่านั้น
ถึงแม้ว่าบุชจะไม่เข้าใจเรื่องหลอกลวงนี้ แต่มันได้กินปลาสามตัวก็ดีใจแล้ว
ทว่าฉงต้าไม่ได้โดนหลอกง่ายขนาดนั้น ถ้าเป็นปัญหาที่เกี่ยวกับเรื่องของกินแล้ว มันไม่ได้โง่ เมื่อดูผักและเนื้อในกะละมังแล้วมันก็ทำท่างงงวยและมองขึ้นไปหาวินนี่พร้อมร้องเรียก อ๋าวอ๋าว
วินนี่แสร้งทำเป็นเข้มงวดมากขึ้นและพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า “ไม่มีแล้ว มีแค่นี้แหละ!”
ฉงต้ากะพริบตาสีดำเล็กๆ หัวของมันมุดลงไปในชามข้าวและอ้าปากกินคำใหญ่ๆ กินไปกินมาเมื่อลุกขึ้นมาอีกทีข้าวก็หายไปอย่างรวดเร็ว มันรีบคาบชามข้าววิ่งไปหาวินนี่แล้วทิ้งชามข้าวลงบนพื้นดังเคร้ง จากนั้นก็นั่งลงรอกินข้าวต่อหน้าวินนี่
“ไม่มีแล้ว ของที่กินวันนี้หมดแล้ว!” วินนี่ถือชามข้าวเดินออกมา
ฉงต้าเห็นดังนั้นจึงกระวนกระวายใจ มันใช้กรงเล็บอ้วนๆ ของมันตะปบจานข้าวพลิกขึ้นมาอย่างว่องไวแล้วยืดคอขึ้นตั้งตรงพร้อมเห่าหอนด้วยความโกรธแค้น “อ๋าว อ๋าว อู~”
“ไม่มี! ก็คือไม่มีไง!”
ฉงต้าไม่พอใจเป็นอย่างมาก ทว่าวินนี่ตะโกนเสียงดังมากมันก็เลยต้องยอมแล้วปีนขึ้นไปนอนแทบเท้าของวินนี่ จากนั้นก็ใช้ขนบนหัวอ่อนนุ่มของมันถูขาเล็กๆ ของวินนี่ไปมาก่อนจะโผล่หัวขึ้นมาทำรอยย่นบนใบหน้าเล็กๆ ของมันเพื่อขายความน่ารัก
วินนี่รีบกินข้าวของตัวเองให้หมดเร็วๆ จากนั้นก็เก็บชามไปล้างให้สะอาด
ฉงต้าร้อนใจเป็นอย่างมาก มันคาบชามข้าวตามไปแล้วใช้กรงเล็บทั้งคู่ตะปบก่อนจะยืนขึ้นมาหมอบอยู่หน้าเครื่องล้างจานเพื่อมองดูวินนี่พร้อมกับร้อง อู อู
วินนี่ไม่สนใจ ฉงต้าจึงเอนตัวลงนอนหงายและเผยให้เห็นท้องน้อยๆ ที่กระเพื่อมไปมาซึ่งเต็มไปด้วยไขมัน ขนละเอียดที่ท้องน้อยๆ ของมันดูมันวาวและอ่อนนุ่มเหมือนน้ำที่กระเพื่อมไหว ฉินสือโอวลองจับดูเพื่อพิสูจน์ว่าในท้องนั้นเต็มไปด้วยไขมันใช่ไหม?
แต่ถึงอย่างนั้นวินนี่ก็ยังไม่สนใจ ฉงต้าไม่รู้จะทำยังไง มันเลยปีนขึ้นไปดูปอหลัว หู่จือ และเป้าจือ
ปอหลัวจ้องมองมันอย่างระแวดระวังแล้วรีบวางเขากวางไว้บนพื้นพร้อมเคี้ยวสาหร่าย ผักสด และผลไม้ในกะละมังจนหมดเกลี้ยง จากนั้นมันก็เตะกะละมังไปที่ฉงต้าเป็นทำนองว่าถ้านายแน่ นายก็กินชามข้าวของฉันสิ
หู่จือและเป้าจือคาบชามข้าวของตัวเองวิ่งหนีไปและเหลือต้าป๋ายไว้ตัวเดียว แต่ว่าของของต้าป๋ายก็มีน้อยมาก ฉงต้ามองสตรอว์เบอร์รีสองผลและแอปเปิลหนึ่งชิ้นก็คิดว่าน้อยแค่นี้คงไม่พออุดซอกฟันมันหรอก แต่มันก็ยังคงแย่งมากินอยู่ดี เอาไว้แคะฟันก็ยังดี
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ วินนี่ก็พาฉงต้าและบุชออกไปเดินลดน้ำหนัก บุชพบรังหญ้าเลยอยากจะนอนหลับ ส่วนฉงต้าก็เล่นลูกไม้อย่างซุกซน ทันทีที่ออกไปมันก็คิดแต่จะวิ่ง ตอนนี้มันวางแผนไว้อย่างดีแล้ว ขอเพียงออกนอกสายตาของวินนี่ได้ มันอยากจะนอนยังไงก็ได้
วินนี่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ เธอหยิบชามข้าวของฉงต้าขึ้นมาแล้วใช้ช้อนเคาะ แบบนี้ทำให้มันตอนสนองเร็วยิ่งกว่าลิงเสียอีก ฉงต้าได้ยินเสียงชามข้าวของมันดังขึ้นก็ตาลุกวาวแล้วรีบวิ่งหันหลังส่ายก้นกลับมาทันที
วินนี่ถือเนื้อแกะย่างแล้วนั่งบนรถเอทีวี เธอเอาเนื้อแกะย่างแขวนไว้ด้านหลังรถแล้วขับไปอย่างช้าๆ โดยมีฉงต้าวิ่งไล่ตามเธอไปอยู่ข้างหลัง
สำหรับบุชน่ะเหรอ? มันถูกวินนี่ใช้เชือกล่ามไว้เหมือนสุนัข และเพื่อป้องกันไม่ให้เชือกรัดคอบุชจนตาย บุชเลยต้องทั้งวิ่งทั้งกระโดดกระพือปีกตามไปด้วย
ตลอดเช้าเที่ยงเย็น หลังจากรับประทานอาหารทั้งสามมื้อเสร็จ เมื่อพักผ่อนได้สักพักวินนี่ก็จะพาฉงต้าและบุชไปเดินเล่น หลายวันมานี้ทั้งสองตัวก็เริ่มเคยชินและยอมทำตามเงื่อนไขไปโดยปริยาย ดังนั้นพอวินนี่ขึ้นรถเอทีวี พวกมันทั้งสองก็วิ่งตามข้างหลังอย่างขมขื่น
ใกล้จะถึงปลายเดือนแล้ว แต่อินทรีทองก็ไม่ปรากฏตัวมาหลายวันแล้ว ฉินสือโอวนึกว่ามันลืมฟาร์มปลาของเขาไปแล้ว ซึ่งในความเป็นจริงมันเป็นไปไม่ได้
วันหนึ่งหลังจากรับประทานอาหารกลางวันเสร็จ เสียงร้องแหลมของนกอินทรีทองก็ดังขึ้นบนท้องฟ้าอีกครั้ง ทันทีที่ได้ยินเสียงนี้ฉินสือโอวก็รีบออกไปดู และมันก็เป็นไปตามคาด อินทรีทองบินกลับมาอีกแล้ว!
พวกห่านขาวใช้ชีวิตอย่างสงบมาหลายวันตื่นตระหนกขึ้นมาอีกครั้ง ดูเหมือนว่าพวกจะนึกถึงความน่ากลัวที่ถูกนกอินทรีทองไล่ล่าอย่างโหดร้ายเมื่อหลายวันก่อนขึ้นมาอีกครั้ง ดังนั้นพวกมันจึงกรีดร้องและวิ่งวุ่นไปทั่วฟาร์มด้วยความหวาดกลัว
อินทรีทองยังคงเป็นนกที่ยอดเยี่ยม มันสบายปีกบินวนอยู่บนท้องฟ้าและบินอยู่เหนือฟาร์มปลาราวกับกำลังลาดตระเวนอยู่ในอาณาเขตของมัน บางครั้งมันก็บินโฉบลงมามองดูห่านขาวพวกนั้นวิ่งวุ่นอย่างตกใจ ซึ่งนั่นก็ทำให้มันรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก
แล้วในตอนนั้นก็มีจุดดำปรากฏขึ้นเหนือผิวน้ำทะเลของเขตฟาร์มปลา จุดสีดำเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็วจนกลายเป็นเงาดำ และในที่สุดนิมิตส์ก็บินกลับมาแล้ว!
ในไม่กี่วันที่ผ่านมานี้นิมิตส์ได้ไปบินโฉบอยู่ใกล้ๆ ชายฝั่ง ฉินสือโอวคิดว่าถ้ามันอยากรับลมหนาวทำไมไม่ไปเขตทะเลน้ำลึกล่ะ แต่ในความเป็นจริงนิมิตส์แค่กำลังรออินทรีทองตัวนั้นอยู่เท่านั้น!
นกฟรีเกต ปะทะกับ นกอินทรีทอง ฉากอันร้อนแรงได้ถูกจัดขึ้นอีกครั้ง
นิมิตส์บินกลับไปที่ฟาร์มปลาอย่างรวดเร็วเหมือนนักรบ สายตาเย็นยะเยือกของมันมองไปที่อินทรีทอง ถุงใต้คางสีแดงของมันสว่างขึ้นราวกับเปลวไฟกำลังลุกไหม้
อินทรีทองยังคงส่งเสียงร้องอย่างต่อเนื่องด้วยความฮึกเหิม มันมองนิมิตส์ที่บินเข้ามาอย่างไม่สนใจ สายตาทั้งเย่อหยิ่งทั้งเหยียดหยามในคราวเดียวกัน
นิมิตส์บินตามอินทรีทองและเปิดการจู่โจมอย่างรวดเร็วราวสายฟ้าฟาด
ร่างของมันกลายเป็นรอยสีดำพุ่งไปบนฟ้าสีครามแล้วบินเข้าไปใกล้อินทรีทอง จากนั้นปากของมันก็จิกอย่างดุเดือดและแม่นยำลงไปบนหลังของอินทรีทองจนขนสีทองสองเส้นถูกดึงออกมาในเวลาเดียวกัน
ฉินสือโอวที่กำลังชมสงครามอยู่บนพื้นดินอย่างภูมิใจร้องออกมา “สวยงามมาก” จากนั้นชาร์ค นีลเซ็น และคนอื่นๆ ที่กำลังจัดการกับอาหารปลาอยู่บนหาดทรายก็เงยหน้าขึ้นมองก่อนจะออกปากร้องเป็นกำลังใจให้นิมิตส์
บุชหยุดวิ่งและทำคอยืดคอยาวมองขึ้นไปบนท้องฟ้าเพื่อดูการต่อสู้ของนักรบทั้งสองบนอากาศ
นี่เป็นการต่อสู้ระหว่างราชาแห่งท้องฟ้า! นี่คือนกฟรีเกตที่ปกป้องบัลลังก์ราชาของมัน นอกจากนี้ยังมีอินทรีทองที่รุกล้ำเข้ามายังดินแดนใหม่ด้วย!
ฝ่ายหนึ่งถูกนกฟรีเกตจิกจนได้รับบาดเจ็บโดยไม่ทันระวัง ทันใดนั้นอินทรีทองก็โกรธเกรี้ยวขึ้นมา ขนสีทองบนลำตัวของมันพองตัวขึ้นทันที จากนั้นมันก็กรีดร้องและสะบัดปีกทั้งสองจนขนปลิวว่อน
ด้วยเหตุนี้นกอินทรีทองจึงหลุดจากนกฟรีเกตได้สำเร็จ ความสามารถในการบินของมันเพิ่มมากขึ้น มันจึงรีบพุงทะยานขึ้นบนท้องฟ้าเพื่ออยู่ให้สูงกว่าคู่ต่อสู้
นิมิตส์ใช้โอกาสนี้ตามล่า แต่นี่ไม่ใช่การเลือกที่ดีนักเพราะนกอินทรีทองชำนาญการต่อสู้มากกว่า มันต้องการให้นิมิตส์ตามล่ามันไป หลังจากที่รอให้ทั้งสองฝ่ายเข้าใกล้กันมากขึ้น นกอินทรีทองผู้โหดร้ายก็หันกลับมาทันที กรงเล็บสองข้างที่แข็งแกร่งและแหลมคมของมันฉกเข้าที่ลำตัวของนิมิตส์อย่างโหดเหี้ยมและกระชากไปมาจนเกิดแผล
นิมิตส์ยังคงใช้แรงและเพิ่มความเร็วเข้าจู่โจมอินทรีทองอย่างดุเดือด มันยังคงต่อสู้ทั้งที่บาดเจ็บและจิกเข้าไปอีกครั้งจนดึงขนออกมาได้อีกหลายเส้น
อินทรีทองโมโหขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ ขนของมันถูกดึงออกถึงสองครั้งติดต่อกัน มันโจมตีนิมิตส์ไม่หยุดโดยใช้พละกำลังที่แข็งแกร่งกว่าและกรงเล็บอันทรงพลังเป็นอาวุธในระยะกระชั้นชิด และการเผชิญหน้าเพียงไม่กี่ครั้งก็ทำให้ลำตัวนิมิตส์เต็มไปด้วยบาดแผลมากมายแล้ว
นิมิตส์กล้าหาญไม่เกรงกลัว สายตาของมันเยือกเย็นราวกับนักฆ่าคนหนึ่ง ทุกครั้งที่มันโจมตี มันจะเดิมพันด้วยชีวิต ถึงแม้จะต้องแลกมาด้วยบาดแผลแต่มันก็ไม่ถอย!
หลังการต่อสู้ผ่านไปหลายครั้ง ทั้งสองฝ่ายต่างมีก็บาดแผล แต่กล้ามเนื้อของอินทรีทองแน่นกว่านกฟรีเกต ดังนั้นอาการบาดเจ็บจึงเบาบางกว่า
นกฟรีเกตไม่เหมาะกับการถูกกระแทกอย่างรุนแรง เพราะเส้นใยกล้ามเนื้อของพวกมันถูกจัดเรียงคล้ายรูปแบบของเนื้อผ้า เมื่อนกอินทรีทองจิกไปหนึ่งครั้งจึงทำให้มันมีบาดแผลขึ้นมาหนึ่งแห่ง
ฉินสือโอวมองดูขนสีดำที่กำลังบินพลิกตลบไปมาก็รู้สึกปวดใจเหลือประมาณ เขาผิวปากอย่างสุดแรงเพื่อเรียกให้นิมิตส์บินลงมาหลบภัย
นิมิตส์ที่เชื่องและเชื่อฟังเขามาตลอดแสดงความบ้าคลั่งออกมา แทนที่จะหลบหลีก มันกลับต่อสู้อย่างกล้าหาญมากยิ่งขึ้น ถึงแม้ร่างกายจะอาบย้อมไปด้วยเลือด แต่มันยังคงหันกลับไปโจมตีอินทรีทองไม่หยุด
…………………………………………………
บทที่ 363 ได้รับชัยชนะกลับคืนมา
โดย
Ink Stone_Fantasy
นิมิตส์กัดไม่ปล่อยจึงทำให้นกอินทรีทองเกิดบ้าคลั่งขึ้นมา มันใช้จะงอยปากอันแหลมคมและกรงเล็บของมันเปิดการโจมตีอย่างดุเดือดจนทำให้นิมิตส์ได้รับบาดเจ็บหนักอีกครั้ง
ทันใดนั้นนิมิตส์ก็ดูเหมือนจะไม่สามารถต้านทานพลังของนกอินทรีทองได้ นิมิตส์สะบัดปีกอย่างแรงแล้วหันหัวกลับเพื่อหลบหนี อินทรีทองคาดไม่ถึงว่าคู่ต่อสู้ที่ไม่กลัวตายมาตลอดในช่วงก่อนหน้านี้อย่างนิมิตส์จะหลบหนีอย่างกะทันหัน มันจึงตกตะลึงเป็นอย่างมาก
นิมิตส์อาศัยช่องว่างนี้เร่งความเร็วในการบิน ในขณะเดียวกันมันก็เชิดหัวขึ้นและบินมุ่งตรงไปทางทิศใต้
วินนี่มองมันด้วยน้ำตาคลอเบ้า เธอจับมือฉินสือโอวไว้แน่น ฉินสือโอวเองก็ผิวปากเพื่อเรียกนิมิตส์กลับมา หากสู้ต่อไปนิมิตส์อาจตายได้! เขาอดไม่ได้ที่จะนึกถึงเมื่อตอนที่นิมิตส์มาถึงที่ฟาร์มปลาครั้งแรก ครั้งนั้นมันเกือบถูกนกอินทรีทองฆ่าตายเหมือนกัน!
นิมิตส์บินไปทางทิศใต้ ปีกทั้งคู่ของมันกระพือขึ้นลงด้วยความเร็วสูง และเมื่อมันบินมาถึงตำแหน่งทางทิศใต้ มันก็สะบัดปีกแล้วหันกลับมา
ฉินสือโอวรู้สึกเหมือนหัวใจถูกบีบรัดและตะโกนออกมา “อย่าสู้อีกเลย นิมิตส์”
เบิร์ดตาสว่างขึ้น เขาดึงฉินสือโอวและตะโกนขึ้น “บอส นิมิตส์ได้ตำแหน่งทองแล้ว”
”ตำแหน่งทองอะไร?”
“ตำแหน่งทองของการต่อสู้ทางอากาศ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองมีการต่อสู้ด้วยเครื่องบินรบ ทั้งสองฝ่ายต้องแย่งชิงตำแหน่งที่ได้เปรียบด้านความสูงและหันหลังให้ดวงอาทิตย์ นี่คือตำแหน่งทอง เมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งชิงตำแหน่งนี้ได้ ก็จะสามารถใช้ความได้เปรียบของแสงอาทิตย์ในการจู่โจมให้อีกฝ่ายถึงตายได้!”
เป็นอย่างที่เบิร์ดพูดไว้ เมื่อลำตัวของนิมิตส์ครองความได้เปรียบทางตอนใต้มากที่สุดเอาไว้แล้ว ทันใดนั้นมันก็หยุดชะงักลง สายตาที่มองออกไปยังคงเย็นชา มันบินนิ่งอยู่บนท้องฟ้าเพื่อออมกำลังไว้ ปีกทั้งคู่กางออกด้วยความโกรธ กล้ามเนื้อขยายขึ้นเหมือนกับสายธนูที่ง้างออก
นกอินทรีทองไล่ตามมาด้านหลังอย่างไม่ลดละ ดวงตาของมันฉายแววโหดร้ายออกมา ขอเพียงจับคู่ต่อสู้ได้อีกครั้ง มันก็พร้อมจะฉีกคู่ต่อสู้ออกเป็นชิ้นๆ!
ทว่าการที่มันตามนิมิตส์อยู่ด้านหลังทำให้เมื่อมันเงยหน้าขึ้นและกำลังคิดจะบินตามนิมิตส์ไป ในกรอบสายตาของมันก็มีแสงอาทิตย์แสบตาสาดส่องเข้ามาเต็มๆ
ด้านทิศใต้ ดวงอาทิตย์กำลังส่องสว่างจ้าและตำแหน่งนั้นก็ทำให้นิมิตส์ได้เปรียบเป็นอย่างมาก
แสงแดดที่แยงตาทำให้นกอินทรีทองลดระดับศีรษะลงต่ำเพื่อหลีกเลี่ยงแสงอาทิตย์โดยไม่รู้ตัว แล้วในที่สุดนิมิตส์ที่เคยหลบหนีในช่วงก่อนหน้านี้ก็ออมกำลังได้มากพอแล้ว
มันพุ่งตัวออกไปเหมือนลูกธนูที่เทพแห่งดวงอาทิตย์ยิงออกไป นิมิตส์กรีดร้องและบินโฉบลงไปก่อนจะใช้ปากจิกลงไปดั่งสายฟ้าโดยมีเป้าหมายคือดวงตาข้างซ้ายของนกอินทรีทอง
ดวงตาของนกอินทรีทองถูกแสงอาทิตย์แผดเผาอยู่ครู่หนึ่ง เนื่องจากดวงตาของมันไวต่อแสงเป็นพิเศษทำให้มันสามารถหาตัวกราวด์ฮอกได้ในระยะทางสี่กิโลเมตร และมันก็ทำให้ม่านตาของมันสูญเสียการมองเห็นชั่วคราวเมื่อมองไปยังแสงอาทิตย์อันเจิดจ้า
นี่คือการโจมตีตัดสินแพ้ชนะในการต่อสู้ ความอดทนของนิมิตส์กลายเป็นกุญแจสำคัญ ปากอันแหลมคมของมันจิกเข้าที่ดวงตาข้างซ้ายของนกอินทรีทองอย่างโหดเหี้ยมจนได้ยินเสียงกรีดร้องจากปากของนกอินทรีทอง ทันใดนั้นศักดิ์ศรีและอำนาจอันน่าเกรงขามก็ได้หายวับไป จากนั้นอินทรีทองก็กระพือปีกบินไปบนท้องอย่างบ้าคลั่ง
เพียงอึดใจเดียวมันก็บินไปได้ไกลถึง 1000 ไมล์
หลังจากการต่อสู้ถึงชีวิต นิมิตส์ก็หันตัวบินกลับมา นกอินทรีทองที่คลุ้มคลั่งบินวนอยู่บนท้องฟ้าหลายรอบจนในที่สุดผู้พ่ายแพ้ก็เก็บกรงเล็บของมันและบินเอียงศีรษะหนีไปบนท้องฟ้าสูง ดวงตาข้างหนึ่งของมันบอดและพ่ายแพ้อย่างราบคาบ!
ฉินสือโอวและคนอื่นๆ อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงเชียร์ ทั้งฉงต้า หู่จือและเป้าจือต่างส่งเสียงร้องขึ้นมาเช่นกัน นิมิตส์สมควรได้รับเกียรติให้เป็นราชาแห่งท้องฟ้า เพราะมันได้ปกป้องท้องฟ้าซึ่งเป็นที่อยู่ของมัน!
บุชกระพือปีกไปมาอยู่บนพื้นดิน ในที่สุดมันก็รู้สึกถึงเสน่ห์ของท้องฟ้าแล้ว และนี่ก็ปลุกความปรารถนาที่จะโบยบินในสายเลือดของมันขึ้นมา
นิมิตส์ไม่ได้บินลงมาทันที มันบินอยู่บนท้องฟ้าพร้อมกับบาดแผลและรอยฟกช้ำเพื่อป้องกันไม่ให้นกอินทรีทองหวนกลับมาอีก
แต่นกอินทรีทองได้รับบาดเจ็บสาหัส มันบินหนีไปแล้วจริงๆ และมันยังไม่ใช้เล่ห์กลการต่อสู้ใดๆ ทั้งนั้น
เมื่อแน่ใจแล้วว่านกอินทรีทองจะไม่กลับมาอีก นิมิตส์จึงบินลงมา เมื่อบินมาถึงด้านหลังมันก็รู้สึกเหนื่อยจนหมดแรง ท่าบินจึงไม่ได้สง่างามอีกต่อไป มันบินส่ายไปมา และเมื่อถึงพื้นก็เกือบจะเอาหัวของมันโหม่งพื้นเลยทีเดียว
ฉินสือโอวและพรรคพวกรีบวิ่งไปหา ตอนนี้นิมิตส์ดูหมดสภาพตั้งแต่หัวจรดเท้า ขนร่วงเกือบทุกที่โดยเฉพาะด้านหลังและหน้าท้อง แต่ละจุดต่างก็มีบาดแผลยาวสี่ถึงห้าเซนติเมตร อีกทั้งยังมีเลือดไหลออกมาด้วย!
วินนี่อุ้มนิมิตส์ขึ้นมาอย่างระมัดระวัง บุชกระพือปีกและกระโดดอยู่ด้านข้าง นิมิตส์ยืดลำคออันเหนื่อยล้าของมันออกไปแล้วใช่จะงอยปากจิกลงบนปีกของบุชราวกับการส่งต่ออำนาจการควบคุมท้องฟ้าให้แก่บุช
เบิร์ดช่วยพันแผลให้นิมิตส์ เขาทำความสะอาดบาดแผลของนิมิตส์ด้วยน้ำยา จากนั้นก็ใส่ยาผงสมานแผล และพันแผลด้วยผ้าพันแผลแล้วรอให้ร่างกายของมันฟื้นตัว
ฉินสือโอวเทน้ำลงไปในชามให้นิมิตส์ได้ดื่มน้ำอย่างช้าๆ เขาใช้โอกาสนี้ถ่ายทอดพลังของโพไซดอนเข้าไปด้วย
จากการต่อสู้อันดุเดือดในครั้งนี้ นิมิตส์สามารถขับไล่นกอินทรีทองไปได้ ชัยชนะที่ได้มาทำให้ฟาร์มปลากลับมาสงบสุขอีกครั้ง
สองวันหลังจากนั้น ฉินสือโอวและวินนี่ก็ดูแลนิมิตส์เป็นอย่างดี นกฟรีเกตไม่ใช่นกนักสู้อย่างนกอินทรีทองหรือนกอินทรีหัวขาว สภาพร่างกายของนิมิตส์นั้นแย่กว่านกอินทรีมาก หากไม่ได้รับการดูแลก็อาจทำให้บาดแผลลามลงไปถึงกระดูกและตายได้
เมื่อถึงตอนเที่ยง หลังจากรับประทานอาหารเสร็จฉินสือโอวจะพานิมิตส์ไปอาบแดดข้างนอก บุชกระพือปีกอยู่บนขั้นบันไดแล้วกระโดดลงมาก่อนจะล้มลงครั้งแล้วครั้งเล่า แต่กระนั้นมันก็ยังคงปีนขึ้นไปบนบันไดแล้วก็กระโดดลงมาอีกครั้ง
หลังจากการฝึกฝนไปไม่กี่วัน บุชก็มีการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมาก รูปร่างของมันไม่มีไขมันอ้วนป่องอีกต่อไปแล้ว แต่มันกลับมีความแข็งแรงเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ขนสีน้ำตาลเหลืองก็มีชั้นน้ำมันเคลือบอยู่ ต่อมน้ำมันของมันเริ่มมีการพัฒนาขึ้นแล้ว
ขนที่ปกคลุมบนร่างกายของนกเปรียบเหมือนเสื้อขนนก นกอินทรีหัวขาวมีเสื้อขนนกที่แข็งและหยาบเป็นเอกลักษณ์ แม้ว่าภายใต้สถานการณ์แบบนี้ขนนกจะนับเป็นเครื่องป้องกันชั้นดี แต่มันกลับไม่มีความมันเงาจึงทำให้มีความต้านทานอากาศมากขึ้นและเพิ่มความยากลำบากในการบินของพวกมันขึ้นไปอีกด้วย
ดังนั้นตรงหางของนกอินทรีหัวขาวจึงมีต่อมพิเศษเกิดขึ้น นั่นก็คือต่อมน้ำมัน
เมื่อกดที่ต่อมน้ำมัน มันจะหลั่งของเหลวออกมา นกอินทรีหัวขาวจะใช้น้ำมันนี้ทาลงไปบนขนนก มันไม่เพียงแต่จะช่วยให้ขนนกเป็นระเบียบ แต่มันยังสามารถช่วยให้ขนมันวาวสวยงามและลดความต้านทานอากาศได้ด้วย
เมื่อนกอินทรีหัวขาวเริ่มหลั่งสารที่ต่อมน้ำมันและเรียนรู้ที่จะจัดการกับขน นั่นหมายความว่ามันพร้อมที่จะบินแล้ว
สิ่งที่บุชไม่มีในตอนนี้คือโอกาสในการบิน
ฉินสือโอวกำลังคิดว่าจะหาโอกาสนั้นอย่างไรดี แต่แล้วโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น เขามองเห็นเบอร์โทรศัพท์แปลก ๆ โทรเข้ามา หลังจากรับสาย ปลายสายก็พูดขึ้นมา “สวัสดีครับ คุณคือคุณฉินสือโอวจากบริษัทกู้ภัยทะเลน้ำลึก เสี่ยวอวี๋ โอเชี่ยน เอ็กซ์โพลเรชั่น ใช่ไหมครับ? ผมคือเฟอร์ดินัน คลาวด์ ผู้จัดการฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ของพอร์ชครับ”
เมื่อได้ยินการแนะนำตัวของอีกฝ่าย ฉินสือโอวก็รู้ว่ารถพอร์ช 918 ของเขามาถึงแล้ว เขาทำการยืนยันตัวตน จากนั้นทางบริษัทก็บอกเขาว่าตอนนี้รถอยู่ที่สนามบินของเมืองเซนต์จอห์นและขอให้เขาไปเซ็นรับ
ถึงเขาจะบอกว่าเขาไม่สนใจรถสปอร์ต แต่เมื่อรถซูปเปอร์สปอร์ตมาถึงจริงๆ ฉินสือโอวก็ยังตื่นเต้นอยู่ดี สำหรับผู้ชายแล้วการมีรถซูเปอร์สปอร์ตถือเป็นความฝันอย่างหนึ่งเลย
เขาบินตรงไปที่สนามบินเมืองเซนต์จอห์นโดยเครื่องบิน AC-310N และเมื่อลงจากเครื่องบิน ชายวัยกลางคนผมสีทองก็รอเขาอยู่ที่นั่นแล้ว นอกจากนี้ยังมีพนักงานหลายคนที่กำลังดูแลรถสปอร์ตสีฟ้าน้ำทะเลอยู่คันหนึ่งด้วย มันเป็นรถพอร์ช 918 นั่นเอง
………………………………………………………………
บทที่ 364 รถพอร์ช
โดย
Ink Stone_Fantasy
ทั้งสองฝ่ายจับมือกัน เฟอร์ดินันแนะนำตัวเองอีกครั้ง เพราะต่อไปรถคันนี้จะอยู่ในความดูแลของเขา หากรถมีปัญหาหรือฉินสือโอวต้องการประสานงานกับบริษัทรถพอร์ชต้องติดต่อกับเขาโดยตรง
หลังจากแนะนำตัวเสร็จ เฟอร์ดินันพาฉินสือโอวไปที่ข้างๆ รถ
“ตามความต้องการของคุณ เปลี่ยนสีรถคันนี้เป็นสีฟ้า เกียร์คลัทช์คู่ 7 จังหวะ ระบบไฮบริด พละกำลังสูงสุดของเครื่องยนต์คือ 608 แรงม้า และยังมีมอเตอร์ไฟฟ้าอีกสองตัวที่ขับเคลื่อนเพลาท้ายและเพลาขับหน้าทำให้กำลังรวมทั้งหมดมีมากถึง 887 แรงม้า ส่งผลให้เร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายในเวลา 2.3 วินาที…”
ฉินสือโอวฟังคำอธิบายของเฟอร์ดินัน และเรียนรู้อย่างรวดเร็วเกี่ยวกับรถคันนี้
รถพอร์ช 918 ที่สมบูรณ์แบบคันนี้ ดีไซน์ด้วยตัวรถสีดำเสริมด้วยลายเส้นสีขาว ซึ่งได้รับการพัฒนาจากรุ่น 917 เฉกเช่นรถคันนั้นของเบลคก็มีการจับคู่สีแบบเดียวกัน แต่ฉินสือโอวไม่ชอบสีดำสลับขาว เพราะมันทำให้เขานึกถึงม้าลาย เขาจึงต้องการสีฟ้าน้ำทะเล
เมื่อนำรถมาเคลือบสีใหม่จากสีดำขาวเป็นสีฟ้าน้ำทะเล ฉินสือโอวต้องจ่ายเงินเพิ่มอีก 28,000 ดอลลาร์แคนาดา ซึ่งการเล่นรถสปอร์ตซูเปอร์คาร์ประเภทนี้จะมีราคาแพงเป็นพิเศษ
พนักงานได้ทำการตรวจสอบเครื่องยนต์ ระบบเกียร์ แรงดันลมยางหรือแม้แต่ตรวจสอบถุงลมนิรภัยแต่ละตัวเพื่อให้แน่ใจว่าทุกรายละเอียดต่างๆ ของรถไม่มีปัญหา
ในที่สุดการตรวจสอบสภาพรถก็เสร็จเรียบร้อย “คุณฉินสือโอว คุณไม่อยากลองขับรถคันนี้สักหน่อยเหรอครับ?” เฟอร์ดินันถาม
ฉินสือโอวรับกุญแจรถมา “งั้นผมจะเอารถไป ผมอยากลองขับดู”
รถถูกขับออกจากพื้นที่สนามบินโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการขับรถแข่ง ทันทีที่ปรากฏในพื้นที่สาธารณะก็ทำให้สายตาจำนวนมากต่างจับจ้องไปที่รถคันนี้ ผู้คนที่อยู่นอกพื้นที่สนามบินพากันยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปรถพอร์ช 918 เพราะในเมืองเล็กๆ อย่างเซนต์จอห์นไม่ได้เห็นอะไรแบบนี้ง่ายๆ
ฉินสือโอวขึ้นรถตรงทางแยกของทางด่วนสนามบิน ถนนในแคนาดากว้างและมีพื้นราบ แม้ว่าจะมีการจำกัดความเร็ว แต่บนถนนก็ไม่มีกล้องตรวจจับความเร็ว ดังนั้นแม้ว่าจะขับรถบนถนนสายนี้ด้วยความเร็วแค่ไหน ก็จะไม่มีใครสนใจ ขอเพียงแค่ไม่เกิดอุบัติเหตุก็พอ
เมื่อสตาร์ตรถแล้วเหยียบคันเร่งเปลี่ยนเกียร์ รถพอร์ช 918 เหมือนเป็นสัตว์ร้ายที่ฟื้นขึ้นมาและทันใดนั้นมันก็แผดเสียงดังคำรามขึ้น
จากนั้นมีควันพ่นออกมาจากท่อไอเสียทั้งสองท่อที่ด้านหลังของรถ มีแรงดึงมหาศาลกระทำต่อร่างกายของฉินสือโอว แล้วรถก็ขับตรงออกไปอย่างรวดเร็ว!
ฉินสือโอวไม่ใช่นักแข่งรถมืออาชีพ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถทำความเร็วถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 2.3 วินาทีได้
ถ้าออกรถด้วยความเร็วเท่านี้ กระดูกสันหลังจนถึงช่วงคอของคนปกติจะรับแรงกระแทกไม่ไหว อัตราเร่งความเร็วยิ่งเยอะยิ่งน่ากลัว แต่ฉินสือโอวไม่เป็นไร เพราะความแข็งแรงของร่างกายเขาได้รับการปรับเปลี่ยนโดยพลังแห่งโพไซดอน แม้ว่าแรงดึงจะแรงมากแต่ก็ไม่ได้มีผลอะไรกับเขามากนัก
รถคันนี้เป็นอาวุธใช้ในการจีบสาว ด้วยรูปลักษณ์เท่สะดุดตาและมีความเร็วเหมือนฟ้าแลบ ถ้าพาหญิงสาวไปขับรถด้วยความเร็วเช่นนี้ เดาได้เลยว่าแค่เร่งความเร็วไม่กี่ครั้งเธอจะต้องกรีดร้องขอมอบกายถวายชีวิตให้แน่
แต่ตอนนี้ฉินสือโอวไม่ได้ต้องการใครอีกเขามีแค่วินนี่ก็พอแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่ารถคันนี้มีประโยชน์อะไร พอได้ขับแล้วไม่รู้สึกสบายเท่ารถคาดิลแลควันเลย ต่อให้มีเรื่องด่วนจริงๆ ก็ไม่มีโอกาสได้ใช้หรอก รถคันนี้จะเร็วสู้เครื่องบินได้เหรอ?
ฉินสือโอวขับรถบนทางหลวงไปได้หลายสิบกิโลเมตรก็เลี้ยวรถกลับเมื่อรู้สึกสนุกจนพอแล้ว ไม่มีปัญหาอะไรแล้วฉินสือโอวจึงเซ็นชื่อของตัวเองลงบนใบเซ็นรับรถของเฟอร์ดินัน
“จะให้ดีลายเซ็นของคุณควรเท่และอลังการหน่อย เพราะเราจะนำลายเซ็นของคุณใส่ลงบนเว็บไซต์ทางการและกำแพงเกียรติยศของรถพอร์ช” เฟอร์ดินันกล่าว
พอฉินสือโอวได้ยินว่ามีเรื่องแบบนี้ด้วยเขาจึงตรงไปที่ซูเปอร์มาร์เก็ตของสนามบิน เพื่อซื้อพู่กันขนาดเล็ก จากนั้นเขาจึงอวดภูมิด้วยการเขียนตัวอักษรจีนลายเส้นตวัดที่เปี่ยมไปด้วยพลังและจิตวิญญาณ
อะไร ดูไม่ออกเหรอ? โอ้ เรื่องปกติแหละ นี่เป็นตัวอักษรหวัด คนต่างชาติอย่างพวกคุณเข้าใจก็คงจะอัจฉริยะเกินไปแล้ว อะไร? ไม่โดดเด่นพอเหรอ ไม่เป็นไร ฉันยังเขียนแบบลวกๆ ได้อีก
รถเพิ่งจะถึงมือ จะขับไปเก็บเลยได้อย่างไร ฉินสือโอวตั้งใจว่าจะขับวนในเซนต์จอห์นสักสองรอบ
ไม่ใช่ว่าเขาอยากจะอวดรถหรืออวดรวยอะไร แต่ช่วงเวลานี้กำลังจะเข้าสู่เดือนธันวาคมแล้ว กระแสลมหนาวจากขั้วโลกเหนือกำลังจะลงใต้และรัฐนิวฟันด์แลนด์กำลังจะถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็งและหิมะ ถึงตอนนั้นรถคันนี้ก็จะไร้ประโยชน์ ฉินสือโอวเสียเงิน 1.5 ล้านดอลลาร์แคนาดาเพื่อซื้อรถแล้วเอามันจอดไว้เฉยๆ ไม่ได้หรอก?
บังเอิญที่สองวันมานี้วินนี่ต้องพานักท่องเที่ยวไปซื้อของที่เซนต์จอห์นอยู่ตลอด ฉินสือโอวจึงถือโอกาสไปรับเธอด้วย
เหตุผลที่การท่องเที่ยวที่เกาะแฟร์เวลได้รับความนิยมมากคือไกด์ไม่สามารถบังคับคุณให้ซื้อสินค้าและจะปฏิบัติตามความต้องการของคุณอย่างเต็มที่ หากคุณไม่พอใจกับสิ่งที่คุณซื้อ เมืองแฟร์เวลจะช่วยเจรจากับผู้ขายและช่วยเหลือนักท่องเที่ยวเอาสิ่งที่สูญเสียไปกลับคืนมาอย่างเต็มกำลัง
เสียง ‘บรื้นบรื้น’ ของพอร์ช 918 ที่ขับไปหยุดตรงหน้าประตูของห้างสรรพสินค้าและมีกลุ่มนักท่องเที่ยวอยู่แถวนั้น ฉินสือโอวลงจากรถ ทันใดนั้นก็มีหญิงสาวส่งสายตาให้เขา
ถึงขนาดมีหญิงสาวที่นิสัยค่อนข้างเปิดเผยเดินตรงเข้ามาขอเบอร์โทรศัพท์เขา ฉินสือโอวทำได้เพียงแสร้งบอกไปว่า “ขอโทษครับคุณคนสวย ผมเป็นแค่คนขับรถของรถคันนี้ ดังนั้นถ้าคุณคิดว่าผมรวยล่ะก็ คุณคิดผิดแล้วล่ะ”
เหล่าหญิงสาวสุดฮอตก็ไม่สนใจ ยังอยากจะได้เบอร์โทรศัพท์เขาและบอกอีกด้วยว่าว่างเมื่อไรก็มาดื่มเหล้าสังสรรค์กัน ส่วนสังสรรค์กันเสร็จแล้วจะทำอะไรต่อก็ตามใจ
ผู้หญิงกลุ่มนี้ยากที่จะตบตา รถพอร์ชคันนี้เป็นรถใหม่ แม้แต่ป้ายทะเบียนรถก็ยังไม่มี ใครจะกล้าเอารถแบบนี้ให้คนขับมาขับเล่น
อยู่ๆ ก็มีเสียงใสดังขึ้นจากด้านหลัง “เฮ้ สาวๆ พวกเธอสนใจอะไรในตัวคนขับรถของฉันเหรอ?”
ผู้หญิงกลุ่มนั้นพอหันหลังกลับไปก็รีบเคลื่อนตัวเปิดทางออกอย่างว่าง่าย ความเปล่งประกายและความสง่างามของวินนี่เพียงพอที่จะบดบังพวกเธอ
อากาศเริ่มเย็นลงแล้ว วินนี่จึงไม่ต้องแต่งเครื่องแบบพนักงานฤดูร้อนอีก วันนี้เธอสวมเสื้อโค้ตขนสัตว์ตัวยาวสีดำปลายเสื้อบานพลิ้วมีสไตล์เรียบง่าย ทรงสูงเพรียว ลายเส้นลื่นไหล เข้าคู่กับรองเท้าบูตส้นสูง ดูเหมือนว่าไม่เพียงแต่สวยงามเท่านั้น แต่ยังมีรัศมีเปล่งประกายดั่งราชินี
พอดีกับที่ในรถมีแว่นตากันแดดรุ่นเดียวกับของโทนี่ สตาร์กที่มีชื่อเรียกว่า E.D.I.T.H อยู่คู่หนึ่ง ซึ่งบริษัทรถพอร์ชแถมมาให้ เป็นแว่นตาสำหรับคู่รัก ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงก็สามารถใส่กันแดดขณะขับรถได้
ฉินสือโอวถอดแว่นตากันแดดแล้วใส่ให้วินนี่ ตอนนี้อานุภาพของราชินียิ่งเพิ่มมากขึ้น ผู้หญิงคนอื่นๆ ต่างพากันยักไหล่ใส่แล้วเดินจากไปอย่างรู้ตัวเองดี
“ของขวัญนี้สำหรับคุณ” ฉินสือโอวโอบกอดและจูบวินนี่อย่างดูดดื่มลึกซึ้ง หลังจากที่อยู่แคนาดาเป็นเวลานาน เขาได้คุ้นเคยกับความใกล้ชิดแบบนี้ไปแล้ว คนอื่นจะมองแค่ไหนก็ไม่สนใจ ฉันแค่แสดงความรักของฉันใครจะทำไม
วินนี่ถอดแว่นออก “อันนี้หรือว่าอันนั้น?” เธอชี้ไปที่รถ
“ทั้งสองอันเลย” ฉินสือโอวยิ้มตอบ
วินนี่เขย่งปลายเท้าขึ้นแล้วจูบลงที่ริมฝีปากของเขา เธอตบไหล่เขาเบาๆ อย่างพึงพอใจ “ไม่เลวนี่คนขับรถ มีความสามารถอนาคตสดใส กลับบ้านไปเจ้านายคนนี้จะจัดรางวัลหนักๆ ให้”
“จะให้รางวัลอะไรผม?” ฉินสือโอวยิ้มอย่างมีเลศนัย
วินนี่สวมแว่นตาอีกรอบ แล้วหัวเราะอย่างมีเงื่อนงำ “คุณเดาไม่ออกหรอกว่าวันนี้ฉันซื้อชุดเครื่องแบบอะไรจากที่นี่”
พอได้ยินเช่นนั้น ด้านฉินสือโอวก็เริ่มมีอาการเลือดในกายพลุ่งพล่าน
วินนี่กับฉินสือโอวไม่ได้อยู่ด้วยกันแบบนี้มานานแล้ว เพราะปกติจะมีนักท่องเที่ยวไปๆ มาๆ อยู่ตลอด วินนี่จึงต้องคอยไปต้อนรับ
ฉินสือโอวขับรถไปตามถนนเรื่อยๆ เพราะอย่างไรเขาก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว เขาจึงถือว่าลองเครื่องรถใหม่ด้วย
……………………………………………………
บทที่ 365 ฝูงนกอพยพ
โดย
Ink Stone_Fantasy
เมื่อนำรถแข่งขับกลับมาที่ฟาร์มปลา สิ่งเดียวที่ฉินสือโอวรู้สึกว่ามีความหมายคือปลุกใจพาวลิสให้ฮึกเหิม
พาวลิสอยากจะเป็นนักแข่งรถมาโดยตลอด แต่ว่าความแตกต่างระหว่างรถเอทีวีกับรถแข่งมีอยู่มากจริงๆ ดังนั้นตอนเขาเห็นสไตล์ที่โดดเด่นของรถพอร์ช 918 ดวงตาจึงวาววับขึ้นมา
ฉินสือโอวให้เขาเข้าไปนั่งสัมผัสความรู้สึกภายในรถ ภายใต้คำแนะนำของเขา พาวลิสเริ่มสตาร์ตเครื่อง เกิดเสียงเครื่องยนต์ดังสะเทือนเลือนลั่นอยู่สักพักโดยที่รถยังอยู่กับที่ เขารู้สึกตื่นเต้นจนสั่นไปทั้งตัว ได้แต่ถามว่า ‘นี่ก็คือรถแข่ง นี่ก็คือความรู้สึกของการขับรถแข่งเหรอ’
“สิ่งที่นายต้องทำตอนนี้คือ เรียนรู้และฝึกฝน การเรียนรู้จะพัฒนาสมองของนาย การฝึกฝนจะทำให้นายมีร่างกายและจิตใจที่แข็งแกร่ง อย่างนี้แล้วหลังจากที่นายสอบใบขับขี่ได้ ฉันก็จะอนุญาตให้นายขับรถแข่งบนถนน!”
ฉินสือโอววาดฝันหวานให้แก่พาวลิส หลังจากเย็นวันนั้นพาวลิสก็เปลี่ยนไปโดยแตกต่างจากพวกกอร์ดอน เขาอุตสาหะศึกษาตำราด้วยตัวคนเดียวในห้องนอน พอพบปัญหาที่ไม่เข้าใจก็ซักถามวินนี่ เปลี่ยนเป็นคนที่มุมานะบากบั่นขึ้นมาทันที
ดังนั้นแล้วมนุษย์จึงกลัวการที่ไม่มีใจแสวงหา ขอเพียงแค่ยังมีแรงผลักดันและใจแสวงหา นั่นย่อมสามารถทำให้ความทุ่มเทแปรเปลี่ยนเป็นความสำเร็จได้
ยามดึกตอนที่นอนอยู่ฉินสือโอวรู้สึกว่าด้านนอกวิลล่านั้นไม่ค่อยสงบ มักจะได้ยินเสียงร้องก้าบๆ ของห่านขาวหรือไม่ก็เสียงพวกนกกระพือปีก
แต่ว่าเขาไม่ได้สนใจ เพราะนี่ไม่น่าจะเป็นการลอบโจมตีของอินทรีทองไปได้ หนึ่งเป็นเพราะอินทรีทองไม่ได้มีนิสัยออกหากินในเวลากลางคืน สองเป็นเพราะหู่จือและเป้าจือที่อยู่หน้าประตูไม่ได้ส่งเสียงร้อง แสดงว่าปัญหานั้นไม่ใหญ่มาก
ตื่นขึ้นมาในเช้าตรู่เพื่อจะออกไปวิ่งกับวินนี่ เมื่อฉินสือโอวก้าวออกจากประตู ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง
เห็นเพียงเขตน้ำทะเลใกล้ฟาร์มปลาตรงทิศใต้ของวิลล่านั้นล้วนถูกปกคลุมไปด้วยนกทะเลสีน้ำตาลอมเทาจนมืดฟ้ามัวดิน
มืดฟ้ามัวดิน ฉินสือโอวไม่ได้กล่าวเกินจริงเลยแม้แต่น้อย นกทะเลพวกนี้ปกคลุมไปทั่วฟาร์มปลาอย่างมืดฟ้ามัวดินจริงๆ!
มีนกทะเลกี่ตัวกัน? ฉินสือโอวไม่รู้ เขารู้เพียงแต่ว่า เมื่อมีส่วนหนึ่งของนกทะเลพวกนี้บินขึ้นพร้อมกันก็จะสามารถปกคลุมไปทั่วทั้งบริเวณ พวกนกทะเลที่ลอยอยู่เหนือผิวน้ำทะเลนั้นก็ลอยตัวปกคลุมน่านน้ำที่อยู่ติดทะเลของฟาร์มปลาทั้งหมด!
ที่เขามองเห็นนั้นยังไม่ใช่ทั้งหมดของฝูงนก ยังมีนกทะเลที่บินมาจากทางทิศเหนืออย่างต่อเนื่อง มันทยอยบินลงไปในฟาร์มปลา
“นี่มันนกอะไรกัน” ฉินสือโอวเอ่ยถามอย่างตกใจ
เขาไม่เคยเห็นนกทะเลประเภทนี้ โดยทั่วไปจะมีขนาดประมาณยี่สิบเซนติเมตร ใหญ่หน่อยก็สามสิบเซนติเมตร รูปร่างที่เห็นเหมือนกระสวยปั่นด้าย ลำคอสั้น ปากเล็ก ปากส่วนยอดยังมีตะขอ ดูแล้วเหมือนกับเป็ดป่าสีน้ำตาลอมเทา ปีกยาวแต่แคบ เหมือนด้ามเคียวเกี่ยวข้าว
ชาร์คอธิบายให้เขาฟัง “นี่คือนกจมูกหลอดหางสั้นครับ บอสไม่ต้องตกใจครับ นี่คือฝูงประชากรนกที่ใหญ่ที่สุดในบรรดานกอพยพของอเมริกาเหนือ ตอนนี้ที่พวกเราเห็นเป็นเพียงแค่กลุ่มกองกำลังแรกของพวกมัน กองกำลังหลักจริงๆ นั้นอยู่ด้านหลังครับ”
ฉินสือโอวจ้องชาร์คอย่างไม่อยากจะเชื่อ ก่อนเอ่ยถาม “นี่ยังไม่ใช่ทั้งหมดเหรอ”
ชาร์จคำนวณเงียบๆ สักพักก่อนเอ่ย “การอพยพแต่ละครั้ง นกจมูกหลอดหางสั้นของอเมริกาเหนือจะมีประมาณสี่ ล้านตัว ตอนนี้น่าจะมีประมาณห้าแสนตัว ดังนั้นแสดงว่านี่ยังไม่ใช่ทั้งหมด ผ่านไปอีกสองวันคุณถึงจะเห็นภาพที่นกจมูกหลอดหางสั้นทั้งหมดมาถึงฟาร์มปลา!”
“อลังการเกินไปแล้ว! น่าเหลือเชื่อจริงๆ!”
หลังจากช็อกไปแล้ว ฉินสือโอวอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “ฉันยอมรับว่าภาพปรากฏการณ์นี้ทำให้คนตกตะลึงไม่น้อย แต่ฉันคิดว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่ดี ความเสียหายของฟาร์มปลาครั้งนี้ค่อนข้างเยอะ”
มันไม่ใช่ว่าเขาตระหนี่ นกจำนวนเยอะขนาดนี้มาที่ฟาร์มปลา พวกมันไม่ได้มาแค่พักผ่อน แต่ยังมาหาอาหารอีกด้วย พูดอย่างไม่เกินจริง หลังจากการบุกรุกของนกฝูงนี้ พวกปลาเล็กปลาน้อยในฟาร์มปลาจะลดลงไปหนึ่งถึงสองส่วน
ดีที่ว่านกจมูกหลอดหางสั้นนั้นเป็นเพียงนกขนาดเล็ก รูปร่างไม่เกินสามสิบเซนติเมตร ไม่ได้มีผลกระทบต่อปลาใหญ่ แต่ถ้าเป็นนกอินทรีทองหลายล้านตัว อย่างนั้นแล้วฉินสือโอวคงต้องประกาศล้มละลายอย่างเดียว
เออร์บักเดินออกมา เห็นนกพวกนี้แล้วรู้สึกปลงเล็กน้อย ก่อนเอ่ย “ฉันคิดว่าพวกเราไม่ควรเศร้าใจ แต่ควรจะดีใจ นกจมูกหลอดหางสั้นนั้นไม่ได้มาหยุดพักที่ฟาร์มปลาของพวกเรานานมากแล้ว นกน้อยที่ฉลาดอย่างพวกมัน จะหยุดพักเฉพาะเขตทะเลที่อุดมสมบูรณ์เท่านั้น”
ได้ยินเขาพูดแบบนี้ ชาร์คก็รู้สึกดีใจขึ้นมาพร้อมพูดว่า “จริงด้วยครับ หลายปีก่อนฝูงนกจมูกหลอดหางสั้นหยุดพักกันที่เขตทะเลของเซนต์จอห์นตะวันออกจากนั้นค่อยบินตรงไปยังช่องแคบคาบ็อต แล้วค่อยไปบริเวณเกาะเซเบิล เป็นเวลานานแล้วที่ไม่ได้มาหยุดอยู่พักที่เกาะแฟร์เวลของเรา”
“ถ้าอย่างนั้น การที่พวกมันมาที่นี่ก็เป็นเรื่องดีเหรอ” ฉินสือโอวเอ่ยถามพลางหัวเราะอย่างขมขื่น
ถึงแม้ว่าฟาร์มจะสูญเสียเพียงแค่ปลาเล็ก เพราะปลาใหญ่จะไม่ว่ายขึ้นมาบริเวณผิวน้ำโดยง่าย แต่ความเสียหายของฟาร์มปลายังถือว่าไม่น้อย
ชาร์คและเออร์บักหัวเราะอย่างมีเลศนัย ก่อนเอ่ย “ต้องเป็นเรื่องที่ดีอย่างแน่นอน บอสครับ ความเสียหายของฟาร์มปลาคุณไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบ นอกนั้นประมาณหนึ่งอาทิตย์หลังจากนี้ ฝูงนกก็จะจากไปแล้ว พวกมันไม่ได้มากินปลาของเราฟรีๆ พวกมันยังทิ้งของขวัญให้พวกเราอีกด้วย ของขวัญที่ยอดเยี่ยม”
ฉินสือโอวถามว่าคืออะไร แต่ผลปรากฏว่าไม่มีใครตอบ วินนี่ดูเหมือนจะรู้อะไรบางอย่าง เธอยิ้มอยู่ด้านข้างแต่ไม่ยอมพูด
หลังจากเด็กๆ ตื่นนอนแล้วพบว่านกทะเลมาเยือนที่ฟาร์มปลาก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที ต่างพากันวิ่งไปยังชายหาดไล่จับนกทะเลเล่น
ที่มีความสุขที่สุดก็คือสุนัขพันธุ์แลบราดอร์ริทรีฟเวอร์ สุนัขและแมวล้วนชอบที่จะไล่จับนก หู่จือเป้าจือวิ่งเล่นอยู่ที่ชายหาดอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย วิ่งไล่นกทะเลไปทั่วทุกทิศและไม่รู้จักเมื่อยล้า
การมาถึงของฝูงนก เป็นการส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของเกาะแฟร์เวลอย่างหนึ่ง นักท่องเที่ยวต่างพากันตะลึงงัน พวกที่ใช้ชีวิตแบบคนเมืองอย่างพวกเขาจะเคยเห็นภาพปรากฏการณ์ธรรมชาติอันน่าตื่นเต้นเร้าใจเช่นนี้ได้อย่างไร
กิจกรรมที่วางไว้อย่างปีนเขาเอย ออกทะเลเอย ล้วนถูกพับเก็บไว้ นักท่องเที่ยวต่างมารวมตัวกันที่ริมฝั่งแล้วถ่ายรูปอย่างบ้าคลั่ง นำภาพอันน่าตะลึงนี้เก็บไว้ในสมองและกล้องถ่ายรูป
ร้านอาหารต่างๆ ในเกาะแฟร์เวลพากันนำเสนอเมนูอาหารสูตรใหม่ วิธีการทำนกจมูกหลอดหางสั้นมากมายถูกคิดออกมา พวกตุ๋นน้ำแดงเอย ย่างเอย ต้มผัดแกงทอดล้วนทำได้หมด
นกจมูกหลอดหางสั้นนั้นอ้วนมาก เนื้อนกสดใหม่อ่อนนุ่ม อร่อยยิ่งกว่าเนื้อเป็ดป่าและไก่ป่า แต่เพราะรัฐบาลไม่อนุญาตให้จับนกย้ายถิ่นฐานประเภทนี้ในปริมาณมาก บวกกับพวกมันเป็นกลุ่มนกอพยพขนาดใหญ่ ดังนั้นจึงไม่ถึงขั้นเจอวิกฤติสูญพันธุ์ ไม่อย่างนั้นด้วยรสชาติของนกประเภทนี้คงถูกกินจนเกลี้ยงไปตั้งนานแล้ว
อย่าได้มองว่าทั่วทั้งยุโรปและอเมริกาพากันเรียกร้องการคุ้มครองสัตว์อย่างจริงจัง ความจริงแล้วพวกเขาทำลายล้างพวกสัตว์ป่ามากเสียยิ่งกว่าคนจีนเสียอีก
อย่างที่ชาร์คบอก หลังจากนั้นสองวัน พวกนกจมูกหลอดหางสั้นยิ่งอยู่ยิ่งบินมาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เจ้านกพวกนี้ยึดพื้นที่ทะเลรอบเกาะแฟร์เวล เมื่อถึงเวลากลางวันพวกมันก็จะรวมตัวกันบินไปล่าอาหารในทะเลน้ำลึก พาให้ผู้คนรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึง
อาหารหลักของนกจมูกหลอดหางสั้นนั้นคือสาหร่ายทะเล กุ้ง และบรรดาปลาเล็กปลาน้อย การหาอาหารส่วนใหญ่จะดำเนินการบนผิวทะเล มันมักจะว่ายน้ำไปด้วยแล้วหาอาหารไปด้วย
พวกมันมีปีกที่แข็งแรง สามารถบินไปยังเขตทะเลลึกแล้วลอยพักผ่อนอยู่บนผิวน้ำ ฝีเท้าที่คอยล่าอาหารของพวกมันสามารถไปได้ทั่วทุกที่ของทะเลอันกว้างใหญ่
หลังจากฝูงนกมาได้สามวัน แฮมเล็ตก็มาหาฉินสือโอวโดยได้บอกข่าวดีแก่เขาเรื่องหนึ่ง “ฉิน ตามข้อบังคับของรัฐบาล ถ้าหากว่ามีฝูงนกย้ายถิ่นฐานขนาดใหญ่มาลงที่ฟาร์มปลา เจ้าของฟาร์มปลาแห่งนั้นจะได้รับเงินช่วยเหลือ นกทะเลประมาณสิบตัวได้รับเงินเยียวยาหนึ่งดอลลาร์แคนาดาต่อหนึ่งวัน”
“นกทะเลเยอะขนาดนั้นใครจะไปนับได้” ฉินสือโอวเข้าใจแล้ว มิน่าล่ะก่อนหน้านี้ชาร์คถึงได้บอกว่าความเสียหายของฟาร์มปลาไม่จำเป็นต้องให้เขารับผิดชอบ เพราะมีรัฐบาลแคนาดาอย่างไรล่ะ
นอกจากนั้นยังมีเรื่องที่เขาค่อนข้างสนใจก็คือ หนึ่งสัปดาห์หลังจากนั้น เจ้านกทะเลพวกนี้จะมีของขวัญอะไรมามอบให้เขา
…………………………………
บทที่ 366 ของขวัญจากนกทะเล
โดย
Ink Stone_Fantasy
“คอมพิวเตอร์บริวาร[1]สามารถนับจำนวนได้แม่นยำ ฉันไปถามมาแล้ว ฝูงนกที่บินมาครั้งนี้มีประมาณสองล้านสองแสนตัว เป็นฝูงนกจมูกหลอดหางสั้นที่มีไม่มากในช่วงหลายปีมานี้ นายจะได้เงินสองแสนสองหมื่นดอลลาร์แคนาดาทุกวัน” แฮมเล็ตแสดงสีหน้าท่าทางว่านายช่างโชคดีเหลือเกิน
ฉินสือโอวดีใจเมื่อได้ฟัง รัฐบาลแคนาดานี่ไม่เลวเลยคุ้มครองดูแลเจ้าของฟาร์มปลาเป็นอย่างดี ตามการคาดการณ์ของชาร์ค นกพวกนี้จะหยุดพักอยู่ที่นี่หนึ่งอาทิตย์ นั่นคือรายได้ประมาณหนึ่งล้านห้าแสนดอลลาร์แคนาดา คุ้มกว่าการเลี้ยงปลามากโข
แต่ทว่ารัฐบาลไม่ได้ส่งเงินเข้าบัตรโดยตรง แต่ให้เป็นคูปองที่มีมูลค่าเท่ากันแก่เขาเพื่อนำไปซื้ออาหารและยาปฏิชีวนะของปลาหรือพวกลูกพันธุ์ปลา กุ้ง ปูต่างๆ กับบริษัทผลิตภัณฑ์ทางทะเล
สรุปก็คือรัฐบาลแคนาดานั้นทุ่มเทกับการคุ้มครองฟาร์มปลาและการพัฒนาการประมง
นกจมูกหลอดหางสั้นดูภายนอกไม่มีอะไรสะดุดตา ในความเป็นจริงพวกมันเป็นนกอพยพรอบโลก ทุกปีจะต้องบินวนรอบโลกถึงสองรอบ
เริ่มต้นที่ต้นเดือนพฤษภาคมของทุกปีพวกมันจะแยกเป็นฝูงเล็กๆ ทยอยร่อนเร่ไปยังมหาสมุทรแปซิฟิกเหนือ จากเส้นศูนย์สูตรไปทางเหนือผ่านญี่ปุ่น หมู่เกาะโองาซาวาระ แคลิฟอร์เนียถึงชายฝั่งตะวันออกของแคนาดา จากนั้นบินจนไปถึงเขตอาร์กติก
ดังนั้นก่อนหน้านี้ฉินสือโอวจึงไม่เคยเห็นพวกมันเพราะในเวลาครึ่งปีแรกของการย้ายถิ่นนั้นพวกมันไม่ผ่านมาทางมหาสมุทรแอตแลนติก
พอถึงครึ่งปีหลังก็คือเดือนพฤศจิกายน พวกมันจะบินจากอะแลสกาไปทางตะวันออกถึงนิวฟันด์แลนด์ จากนั้นบินไปตามชายฝั่งตะวันตกของมหาสมุทรแอตแลนติก บินจนถึงหมู่เกาะฮาวายแล้วอยู่ที่นั่นในช่วงฤดูหนาวที่หนาวเหน็บ
สำหรับเจ้าของฟาร์มปลาแล้วนกจมูกหลอดหางสั้นเป็นความช่วยเหลืออย่างหนึ่ง สามารถเรียกค่าชดเชยจากรัฐบาลได้ แต่เรื่องที่พวกมันสร้างความเสียหายให้กับฟาร์มปลานั้นก็เป็นเรื่องจริง ภายหลังชาร์คจึงมาถามว่าจะคิดวิธีไล่นกพวกนี้ให้มันจากไปก่อนไหม
ฉินสือโอวส่ายหัวปฏิเสธ การอพยพเป็นธรรมชาติของนกทะเล ก่อนหน้านี้ที่เกาะแฟร์เวลยังไม่มีการสร้างฟาร์มปลา นกพวกนี้ก็เคยมาที่นี่แล้วจากไป เป็นมนุษย์จะเอาแต่ใจขนาดนั้นไม่ได้ ในความเป็นจริงสิ่งที่พวกเขายึดครองคือพื้นที่ดำรงชีวิตของนกทะเลพวกนี้ พวกมันพักหาอาหารที่นี่เป็นเรื่องธรรมชาติที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้
ฟังสิ่งที่เขาพูดแล้ว วินนี่กอดเขาพร้อมกับยิ้มหวาน เธอยิ้มเพราะอะไรนั้นฉินสือโอวก็ไม่รู้
ไม่เพียงแต่ไม่ไล่นกจมูกหลอดหางสั้น ฉินสือโอวยังไม่ขวนขวายที่จะไปจับพวกมันอีกด้วย
นกจมูกหลอดหางสั้นเป็นนกที่มีคุณภาพเนื้อดีมากชนิดหนึ่ง แต่เพราะสภาพแวดล้อมที่พวกมันอยู่อาศัยไม่ขั้วโลกใต้ก็ขั้วโลกเหนือ ดังนั้นปกติจึงไม่ง่ายที่จะจับ มีแค่ตอนที่พวกมันอพยพผ่านสถานที่ใดที่หนึ่ง คนที่นั่นถึงได้มีลาภปาก
ได้รู้ว่านกจมูกหลอดหางสั้นมาถึงที่เกาะแฟร์เวล คนมากมายในเมืองเซนต์จอห์นถือตาข่ายจับนกวิ่งกรูกันมาอย่างคึกคัก ฝูงนกหนาแน่นมาก พอโยนตาข่ายลงไปก็จับนกได้ถึงสิบกว่าตัวหรือแม้กระทั่งหลายสิบตัว แบบนี้ถึงจะเรียกว่า ‘ทรัพยากรมากล้น อาหารมากมี’ ของจริง
ฉินสือโอวเกลียดการกระทำที่เลวร้ายในการล่าสัตว์ป่าเช่นนี้มาก เขาร่วมกับแฮมเล็ตออกประกาศว่าฟาร์มปลาของเขาเป็นฟาร์มปลาส่วนบุคคล ห้ามเข้า
เช่นนี้ คนในเมืองเซนต์จอห์นที่อยากจะล่านกจมูกหลอดหางสั้น ก็ไปได้แค่ที่ฟาร์มปลาสาธารณะ
แต่ฟาร์มปลาของเมืองเล็กๆ มีนักท่องเที่ยวรวมตัวกันอยู่เยอะ กล้องบันทึกภาพของคนจีนกดบันทึกภาพอยู่ตลอด ถ้าพวกเขาล่านกจมูกหลอดหางสั้นก็จะขายหน้าไปถึงต่างประเทศ
ไม่พูดไม่ได้ว่าอุปนิสัยใจคอของคนแคนาดานั้นไม่เลวเลย คนกลุ่มหนึ่งเดินตระเวนพร้อมตาข่ายจับนกรอบหนึ่ง สุดท้ายก็จากไปพร้อมนกไม่กี่ตัว
หยุดพักอยู่ที่ฟาร์มปลาหกถึงเจ็ดวัน นกจมูกหลอดหางสั้นเริ่มออกเดินทางไกลอีกครั้งในเช้ามืดหนึ่งของปลายเดือนพฤศจิกายน
ฉินสือโอวกลายเป็นประจักษ์พยาน เขายืนอยู่บนท่าจอดเรือ นกทะเลนับไม่ถ้วนกางปีกบินจากผิวน้ำเต็มแรงกะทันหันราวกับได้รับคำสั่ง รวมกลุ่มกันเป็นเมฆดำที่เกือบมองไม่เห็นจุดสิ้นสุดมุ่งหน้าบินไปทางทิศใต้…
หู่จือและเป้าจือใจห่อเหี่ยวอยู่บนชายหาด หลายวันมานี้พวกมันกับนกจมูกหลอดหางสั้นเล่นด้วยกันอย่างสนุกสนานหรือไม่ก็พวกมันเล่นนกจมูกหลอดหางสั้นอย่างสนุกสนาน นกพวกนี้บินจากไปแล้ว เช่นนั้นวันเวลาก็กลับมาจืดชืดไร้ความสนุกอีกแล้ว
มองฝูงนกจมูกหลอดหางสั้นค่อยๆ ห่างไกลออกไป อารมณ์สะเทือนใจของฉินสือโอวทำเขาหายใจไม่สม่ำเสมออยู่นานสองนาน เขาตั้งใจถ่ายรูปหนึ่งรูป พร้อมใส่ชื่อว่า ความหมายอันยิ่งใหญ่ของชีวิต
ฝูงนกทะเลลับหายไปที่ระนาบน้ำทะเล ฉินสือโอวเดินลงจากท่าจอดเรืออย่างเชื่องช้า พอลืมตามองหลังจากเดินถึงหาดทราย แม่เจ้า ของสีขาวๆ เยอะไปหมดนี่คืออะไร ขี้นกเหรอ?
พอดูดีๆ ฉินสือโอวก็ดีอกดีใจ นี่คือไข่นกทั้งหมดเลย! ไข่นกเยอะแยะมากมาย!
ใช่แล้ว ไข่นกสีขาวเทามากมายกองกระจัดกระจายอยู่บนชายหาดกว้าง ฉินสือโอวแค่มองหาที่หาดทรายในระยะร้อยกว่าตารางเมตรข้างๆ ตัวเขาก็พบไข่นกตั้งสิบสองฟองแล้ว ถ้าทั่วทั้งหาดจะได้เท่าไร?
รอจนฝูงนกจากไป ซีมอนสเตอร์ ชาร์คและคนอื่นๆ นำกล่องมาถึงชายหาด ขบวนคนจัดแจงเรียงแถวเริ่มหาไข่นก
ฉินสือโอววิ่งไปถาม “นี่คือของขวัญจากนกทะเลที่พวกนายพูดกันใช่ไหม? ฮ่าๆ ไข่นกเยอะมาก ดีจริงๆ”
ชาร์คหัวเราะ “นี่เป็นแค่ของขวัญเล็กน้อยครับบอส ยังมีของขวัญที่สำคัญกว่าอยู่หลังจากนี้”
“อย่ามัวยั่วน้ำลายอยู่เลย บอกความจริงกับเขาไปเถอะ” ซีมอนสเตอร์พูด
ชาร์คพยักหน้าแล้วพูด “มันคือหมอฟาร์มปลา สิ่งขับถ่ายของนกจมูกหลอดหางสั้นดึงดูดหมอฟาร์มปลาอย่างกุ้งเปปเปอร์มินต์ กุ้งสเตโนพุส กั้งตั๊กแตนและกุ้งชนิดอื่นๆ มาที่ฟาร์มปลาของเราแล้วครับ”
ฟังชาร์คอธิบายแล้วฉินสือโอวถึงได้รู้ นกจมูกหลอดหางสั้นชอบกินพวกกุ้งเป็นอาหาร แต่เป็นที่รู้กันดีว่าสัตว์จำพวกกุ้งเป็นสัตว์พื้นทะเลซึ่งก็คือสัตว์ที่ดำรงชีวิตอยู่ตามพื้นท้องทะเล
เช่นนี้ นกจมูกหลอดหางสั้นจึงจับสัตว์ที่เป็นอาหารพวกนี้ได้ยาก การวิวัฒนาการที่ยาวนานทำให้ในสิ่งขับถ่ายของพวกมันมีแร่ธาตุฟอสฟอรัสชนิดหนึ่ง แร่ธาตุฟอสฟอรัสชนิดนี้เป็นแร่ธาตุที่สำคัญต่อการดำรงชีวิตของกุ้งเปปเปอร์มินต์ กุ้งสเตโนพุส กั้งตั๊กแตนและกุ้งชนิดอื่นๆ พวกมันจะตามมาเพื่อหาอาหาร
แต่ละที่ที่นกจมูกหลอดหางสั้นหยุดพักก็จะค่อยๆ ดึงดูดกุ้งเปปเปอร์มินต์ กุ้งสเตโนพุส กั้งตั๊กแตนและกุ้งชนิดอื่นๆ จำนวนมากให้ตามมา นี่คือสิ่งตอบแทนที่พวกมันมอบให้กับฟาร์มปลา
เดิมทีฉินสือโอวอยากจะใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนไปดูในทะเล แต่ชาร์คและคนอื่นๆ ต่างเก็บไข่นกกัน เขาก็เลยเข้าไปร่วมด้วย
ฤดูผสมพันธุ์ของนกจมูกหลอดหางสั้นคือปลายเดือนกันยายนถึงเดือนพฤษภาคมของอีกปี ในช่วงเวลานี้พวกมันจะออกไข่ ในช่วงเจ็ดวันนี้นกจมูกหลอดหางสั้นสองล้านกว่าตัววางไข่ไม่กี่หมื่นฟองอยู่ที่ชายหาดของฟาร์มปลา
ไข่นกรวมกันอยู่ที่พื้นที่หลักๆ ไม่กี่ที่ นี่เกี่ยวข้องกับวิสัยการผสมพันธุ์ของนกจมูกหลอดหางสั้น พวกมันชอบทำรังอยู่ตามโพรงที่ชายฝั่งหรือเกาะ เพราะอย่างนั้นรังจึงแออัด เฉลี่ยหนึ่งรังต่อหนึ่งตารางเมตร
รังนกพวกนี้ล้วนเรียบง่าย แม่นกใช้กรงเล็บตะกุยทรายให้เป็นรังก็สามารถวางไข่ข้างในได้แล้ว หากช่วงเดือนกันยายนหยุดพักอยู่ในเขตขั้วโลกเหนือ นกจมูกหลอดหางสั้นจะใช้เวลาหนึ่งเดือนในการขุดโพรงแล้ววางไข่
นอกจากจะเหลือไข่ไว้ให้เยอะขนาดนี้ พ่อแม่นกจมูกหลอดหางสั้นที่ไม่มีคุณสมบัติเหล่านี้ยังทิ้งนกแก่และลูกนกที่ตามฝูงไม่ทันไว้ด้วย
สำหรับธรรมชาติแล้วนี่เป็นเรื่องปกติ ฝูงนกใช้วิธีนี้ในการคัดนกที่ไม่มีคุณสมบัติมากพอออกเพื่อส่งเสริมการวิวัฒนาการของฝูง
ในตอนเช้านกทั้งหมดจากไปแล้ว แต่พอเริ่มพลบค่ำลูกนกและนกแก่มากมายก็ทยอยบินกลับมา
วินนี่มองดูนกพวกนี้พลางพูดด้วยความเศร้าใจ “พวกมันอาจจะตายกัน พอกระแสลมเย็นมาถึงพวกมันก็จะถูกแช่แข็งตาย แม้จะควบคุมกระแสลมเย็นได้ พื้นผิวทะเลในฤดูหนาวไม่มีอาหารให้พวกมัน แบบนี้พวกมันก็จะอดตายอยู่ดี”
…………………………………………………..
[1] คอมพิวเตอร์บริวาร คือ คอมพิวเตอร์เครื่องเล็กที่ใช้สนับสนุนเครื่องใหญ่เฉพาะด้านใดด้านหนึ่ง เช่น กำหนดให้ตรวจสอบข้อมูลที่ส่งผ่านทางสถานีปลายทาง (terminal) ให้ถูกต้องก่อนที่จะส่งเข้าไปประมวลผลในเครื่องใหญ่ต่อไป
บทที่ 367 ความอัศจรรย์ของกุ้งพยาบาล
โดย
Ink Stone_Fantasy
เมื่อตอนเย็นนกทะเลจำนวนมากบินอพยพไป แต่ยังหลงเหลือนกอีกจำนวนหนึ่งอยู่ในพื้นที่
นกพวกนี้คำนวณคร่าวๆ มีประมาณ 5-6 พันตัวโดยส่วนใหญ่เป็นลูกนก ส่วนนกแก่ที่บินไม่ได้มีแค่ประมาณ 1 พันตัว
ยามค่ำของฤดูใบไม้ร่วงอากาศเริ่มหนาวแล้ว พวกลูกนกเดินตามนกแก่อยู่ริมฝั่งรวมกลุ่มกันอยู่ตรงชายหาดเพื่อสร้างความอบอุ่นให้กัน แต่ตัวยังคงสั่นเพราะความหนาว
ชาร์คส่ายหน้า “นกจมูกหลอดหางสั้นมาพร้อมกระแสลมหนาว พวกมันเลือกช่วงเวลานี้ในการอพยพ นั่นอธิบายได้ว่ากระแสลมหนาวใกล้จะพัดมาถึงแล้ว ไม่อย่างนั้นพวกมันคงไม่รีบจากไป พอกระแสลมหนาวมาถึง พวกมันจะไม่มีวิธีสร้างความอบอุ่นแล้วก็หนาวจนแข็งตาย”
ฉินสือโอวลูบไล้เส้นผมสลวยของวินนี่ และยิ้มอย่างมั่นใจ “วางใจเถอะ ฉันมีวิธีอยู่ พวกเราสามารถช่วยให้พวกมันมีชีวิตรอดผ่านฤดูหนาวนี้ไปได้”
วินนี่มองเขาอย่างคาดหวัง ชาร์คมองเขาด้วยสีหน้าที่ยากจะเชื่อ “มันยากมากนะบอส ยากเหมือนการได้เห็นซานตาคลอสในวันฮาโลวีน ถ้านกจมูกหลอดหางสั้นมีวิธีเอาชีวิตรอดจากฤดูหนาวได้ พวกมันก็คงไม่ต้องอพยพอย่างยากลำบากทุกปี”
ฉินสือโอวรู้ดีว่ามันยาก แต่เขาไม่สามารถทำให้วินนี่เสียใจได้? ไม่มีทางอื่นนอกจากลงมือจัดการกับความยากนั้นซะ
วินนี่ราวกับรู้สาเหตุที่เขารับปาก เธอโอบรอบคอเขาและพูดด้วยน้ำเสียงทรงเสน่ห์ “ถ้าคุณมีวิธีช่วยชีวิตลูกนกพวกนี้ คืนนี้ฉันจะยอมสวมเครื่องแบบแอร์โฮสเตส”
ได้ยินอย่างนั้น สายตาของฉินสือโอวก็ลุกวาวทันที
เมื่อเปรียบเทียบกับผู้หญิงแคนาดาคนอื่นๆ วินนี่เจออะไรมาเยอะกว่ามาก ตัวอย่างเช่น แต่ไหนแต่ไรฉินสือโอวอยากให้เธอแต่งเครื่องแบบแอร์โฮสเตสเวลาที่พวกเขามีกิจกรรมโรแมนติกร่วมกันในห้อง แต่วินนี่ก็หาเหตุผลหลีกเลี่ยงได้ตลอด เขาจึงยังไม่เคยได้สัมผัสความสุขในรูปแบบนี้เลย
ตอนนี้โอกาสมาถึงแล้ว ฉินสือโอวตบหน้าอกเบาๆ แน่นอนว่าเขาต้องช่วยลูกนกจมูกหลอดหางสั้นพวกนี้ให้มีชีวิตรอดผ่านฤดูหนาวไปให้ได้
หลังทางอาหารค่ำ ฉินสือโอวนอนลงบนเตียงคุมจิตสำนึกแห่งโพไซดอนเข้าไปในฟาร์มปลา
เมื่อลงสู่ทะเล สิ่งแรกที่เห็นคือผู้อยู่อาศัยรายใหม่ใต้ก้นทะเล กุ้งตัวเล็กโปร่งแสงสวยงามกลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่ง
กุ้งพวกนี้สร้างรังอยู่กันอย่างเบียดเสียดระหว่างร่องแนวปะการังที่ก้นทะเล ชัดเจนว่าพวกมันอาศัยอยู่ที่นี่ ลำตัวของกุ้งเป็นประกายและโปร่งแสง ด้านบนมีลายทางสีขาวขุ่นกับจุดสีม่วงอมน้ำเงิน ดูงดงามและน่ารักในเวลาเดียวกัน
ฉินสือโอวพินิจพิเคราะห์ดูกุ้งพยาบาลพวกนี้ ถ้าจะพูดให้ถูกพวกมันไม่ควรถูกเรียกว่ากุ้งเปปเปอร์มินต์ กุ้งเปปเปอร์มินต์ดำรงชีวิตอยู่ในเขตทะเลแคริบเบียนมหาสมุทรแปซิฟิก ทั้งสองชนิดมีสายพันธุ์ใกล้ชิดกันเหมือนเป็นกุ้งพยาบาลชนิดหนึ่ง มีลักษณะคล้ายคลึงกันความสามารถใกล้เคียงกัน เลยถูกเรียกว่ากุ้งเปปเปอร์มินต์แต่กลับเป็นกุ้งเมืองหนาวไม่ใช่กุ้งเขตร้อน
หลังจากที่กุ้งน้อยพวกนี้เก็บกวาดถ้ำเสร็จก็มานอนแผ่อยู่หน้าถ้ำ บนหัวของพวกมันมีหนวดยาวอยู่คู่หนึ่ง เมื่อพวกมันขยับตัว หนวดก็จะสั่นเหมือนกับกลุ่มแพลงก์ตอนที่ก้นทะเล ซึ่งดึงดูดปลาทะเลที่กินเจ้าสิ่งนี้เป็นอาหารให้มาหาได้อย่างง่ายดาย
ปลาแฮร์ริ่ง 2-3 ตัวว่ายเข้ามาอย่างช้า ๆ พวกมันลองว่ายเข้าไปหากุ้งเปปเปอร์มินต์ หลังจากทั้งสองเข้าใกล้กันกุ้งเปปเปอร์มินต์ก็ปืนขึ้นไปอยู่บนตัวของปลาเพื่อค้นหาปรสิตที่อยู่บนตัวก่อนจะดึงออกทีละตัวๆ
ร่างกายของปลาทะเลทุกตัวมีปรสิต เพียงแต่บางชนิดไม่อันตรายถึงชีวิตจึงอาศัยอยู่บนร่างของพวกมันตลอด แต่บางชนิดก็อันตรายถึงชีวิต เช่นเมื่อก่อนปลาเรนโบว์เทราต์ของฉินสือโอวเคยเป็นโรคหนอนสมอ ซึ่งเป็นโรคปรสิตที่รุนแรงมาก
ในเวลานั้นถ้าฟาร์มปลามีกุ้งเปปเปอร์มินต์ฉินสือโอวก็คงไม่ต้องใช้พลังแห่งโพไซดอน แม้ว่ากุ้งเปปเปอร์มินต์จะมีขนาดเล็ก แต่ก็จัดการกับหนอนสมอได้เก่งที่สุด
ปลาแฮร์ริ่งเหมือนรู้ว่ากุ้งพวกนี้กับพวกมันมีผลประโยชน์ร่วมกัน ตอนที่พวกมันอยู่บนหัว พวกปลาแฮร์ริ่งจะเปิดเหงือกทั้งสองข้าง ตำแหน่งพวกนี้เนื้อเยื่อค่อนข้างเน่าเปื่อย กุ้งเปปเปอร์มินต์มีก้ามที่แหลมคมอยู่คู่หนึ่งเหมือนมีดผ่าตัดคอยตัดสิ่งเหล่านี้
เมื่อช่วงบ่ายฉินสือโอวได้ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับกุ้งพยาบาลพวกนี้ บางข้อมูลการวิจัยกล่าวว่า เหตุผลที่ปลาทะเลเปิดเหงือกหรือแสดงให้เห็นปรสิตตอนที่อยู่ใกล้กับกุ้งพยาบาล เพราะกุ้งพยาบาลปล่อยสารฮอร์โมนบางชนิดส่งสัญญาณให้ปลาทะเลทำแบบนั้น
เพียงแต่ข้อมูลการวิจัยพวกนี้เป็นแค่การคาดเดาเท่านั้น นอกจากนี้พวกเขายังไม่ค้นพบฮอร์โมนชนิดนี้อย่างเป็นรูปธรรม
ด้วยการใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนทำให้ตอนนี้ฉินสือโอวรู้ว่ามันไม่ใช่แบบนั้น กุ้งพยาบาลไม่ได้ปล่อยสารใดๆ ออกมา การที่ปลาทะเลให้ความร่วมมือทั้งหมดนั้นเป็นเพียงเพราะสัญชาตญาณโดยธรรมชาติล้วนๆ ที่ทำให้มันทำเช่นนั้น
เหมือนกับมนุษย์ ปลาทะเลก็รักชีวิตของมันเหมือนกัน ภายใต้ธรรมชาติมันก็ปรารถนาที่จะมีชีวิตที่ดีขึ้น
นอกจากกุ้งเปปเปอร์มินต์ ยังมีกุ้งสเตโนพุสอีกที่ตามมูลของนกจมูกหลอดหางสั้นมาด้วย
กุ้งสเตโนพุสในมหาสมุทรแอตแลนติกทวีปอเมริกาเหนือคือกุ้งสเตโนพุสหลังเหลืองด้านหลังของกุ้งชนิดนี้มีสีเหลืองอ่อน พวกมันเป็นแพทย์ขนาดเล็กในฟาร์มปลา
มันน่าสนใจมากเมื่อเทียบกับกุ้งเปปเปอร์มินต์ กุ้งสเตโนพุสหลังเหลืองเป็นเหมือนหมอเท้าเปล่า พวกมันเดินไปมาอย่างไม่หยุดหย่อนอยู่ก้นฟาร์มปลาคอยมองหาปลาทะเลตัวที่มีปรสิตอยู่บนร่างหรือที่มีเนื้อเยื่อเสียหาย
กุ้งสเตโนพุสหลังเหลืองพวกนี้กระจายอยู่ทั่วก้นทะเลเคลื่อนตัวด้วยความเร็วสูง เมื่อพบปลาทะเลที่มีปรสิตจะเข้าไปใกล้และเริ่มกำจัดปรสิตพวกนี้ออก
มหาสมุทรก็มีด้านที่อ่อนโยนของมันไม่ว่าจะเป็นกุ้งสเตโนพุสหลังเหลืองหรือกุ้งเปปเปอร์มินต์ทั้งตัวเล็กและอ่อนแอไม่มีกำลังพอที่จะปกป้องตัวเองได้ แต่ด้วยวิธีการรักษานี้ปลาทะเลเกือบทั้งหมดล้วนไม่สร้างความลำบากให้กับพวกมัน ไม่มีปลาตัวไหนไล่จับกุ้งตัวเล็กพวกนี้กินเป็นอาหาร
แน่นอนว่าถ้าพวกมันเจอปูและหอยเชลล์ก็จะกลายเป็นอีกเรื่อง สิ่งมีชีวิตเปลือกแข็งและสิ่งมีชีวิตที่ขาเป็นปล้องพวกนี้เป็นศัตรูทางธรรมชาติของพวกมัน
ฉินสือโอวเจอกุ้งพวกนี้ก็ส่งพลังแห่งโพไซดอนเข้าไป เขาหวังว่ากุ้งพวกนี้จะสามารถมีชีวิตอยู่ในฟาร์มปลาต่อไปได้เป็นเวลานาน เขาต้องการให้กุ้งพยาบาลพวกนี้มีจำนวนมากขึ้นเพื่อที่ฟาร์มปลาของเขาจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องโรคปรสิต
เรื่องนี้จะยากมากเมื่อกุ้งพยาบาลพวกนี้พบว่าที่ฟาร์มปลาไม่มีแร่ฟอสฟอรัส พวกมันจะค่อยๆ ทยอยจากไปเพราะไม่อย่างนั้นพวกมันก็ตาย แร่ฟอสฟอรัสเป็นหนึ่งในแร่ธาตุที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของพวกมัน
ด้วยเหตุนี้ทำให้ฉินสือโอวยิ่งต้องคิดหาวิธีช่วยชีวิตพวกลูกนกจมูกหลอดหางสั้น แค่มีลูกนกจมูกหลอดหางสั้น 5-6 พันตัวในฟาร์มปลาก็มีมูลสัตว์เพียงพอที่จะดึงดูดให้พวกกุ้งพยาบาลอยู่ที่นี่ต่อไปได้
นอกจากกุ้งพยาบาลยังมีกุ้งอีกชนิดที่ถูกดึงดูดมา นั่นก็คือกั้งตั๊กแตน คนแคนาดาชอบเรียกพวกมันว่ากุ้งตั๊กแตนตำข้าว แต่ในประเทศจีนเรียกพวกมันว่ากั้ง
พูดถึงกั้ง สิ่งที่คนในประเทศจีนคิดถึงคงเป็นกุ้งที่ตอนมีชีวิตมีเปลือกโปร่งใสและเมื่อปรุงสุกจะกลายเป็นสีแดงสด กั้งในฟาร์มปลาของฉินสือโอวไม่ใช่กั้งธรรมดาๆ แบบนั้น
กั้งที่ฉินสือโอวเห็นทั้งตัวของมันมีสีสันสดใสอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ตอนที่ไม่เคลื่อนไหวพวกมันดูสงบนิ่ง แม้แต่เขายังคิดว่านี้เป็นแนวปะการังที่สวยงาม
กั้งชนิดนี้มีชื่อเรียกว่า กั้งตั๊กแตนเจ็ดสี ความสวยงามติดอันดับหนึ่งในสิบของสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในมหาสมุทร ทั้งร่างปกคลุมไปด้วยเกราะหนาบนเปลือกมีลักษณะเหมือนตกแต่งด้วยผ้าไหม สีฟ้า สีเหลือง สีแดง สลับกัน ช่างเป็นสิ่งที่สวยงาม
เมื่อพลังแห่งโพไซดอนไหลเข้าสู่พวกกั้งตั๊กแตนเจ็ดสี ฉินสือโอวคาดหวังว่าพวกมันทั้งหมดจะสามารถมีชีวิตอยู่ในฟาร์มปลาได้ กั้งเป็นผู้เชี่ยวชาญในการกำจัดขยะโดยเฉพาะซากของหอยเชลล์ที่ตายแล้ว
แม้ว่าบ่อยครั้งที่พวกกั้งตั๊กแตนมีลักษณะเฉื่อยชา แต่ความเป็นจริงพวกมันเป็นยอดฝีมือ พวกมันแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ประเภทแรกคือกั้งตั๊กแตนสายเจาะอีกประเภทคือกั้งตั๊กแตนสายบดขยี้
ถ้าเป็นกั้งตั๊กแตนสายบดขยี้ก้ามส่วนหน้าของพวกมันจะเหมือนค้อนขนาดเล็ก ค้อนที่สามารถทุบเปลือกของหอยเชลล์และกระดองของปูแตกได้โดยที่ก้ามของมันไม่เป็นอะไร ความห้าวหาญนี้ไม่มีใครเทียบได้!
……………………………………
บทที่ 368 ลมหนาวพัดมาแล้ว
โดย
Ink Stone_Fantasy
ฉินสือโอวดีใจมากที่กุ้งพยาบาลมาถึงฟาร์มปลาแล้ว นี่แสดงให้เห็นว่าระบบนิเวศน์ของฟาร์มปลาแห่งนี้เริ่มสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือดูแลรักษากุ้งพยาบาลเหล่านี้ไว้ให้ดี และการดูแลรักษากุ้งพยาบาลเหล่านี้จะสามารถรักษาชีวิตของนกจมูกหลอดหางสั้นไว้ด้วย
หลังรุ่งสาง เหล่านกจมูกหลอดหางสั้นจะอยู่กันเป็นฝูงเพื่อบินไปหาอาหารที่ผิวน้ำทะเล
ฉินสือโอวใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนควบคุมกุ้งแดงให้ลอยสู่ผิวน้ำเพื่อให้นกจมูกหลอดหางสั้นจับกินเป็นอาหาร เนื่องจากความสามารถของการหาอาหารของนกจมูกหลอดหางสั้นเหล่านี้แย่มาก ถ้าจะพึ่งแค่ตัวมันเองในการหาอาหาร คาดว่าไม่กี่วันก็คงหิวตายหมดแล้ว
มีกุ้งแดงมากมายในบริเวณฟาร์มปลา กุ้งเหล่านี้มีระบบสืบพันธุ์ที่น่าทึ่ง มันเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วและว่องไว เมื่อถึงช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิจะเป็นช่วงผสมพันธุ์ ซึ่งตอนนี้พวกมันก็เริ่มขยายพันธุ์แล้ว และเมื่อผ่านไปอีกสักพักฉินสือโอวก็วางแผนว่าจะเริ่มจับกุ้งแดงเหล่านี้ไปขาย
นี่อาจเป็นการพัฒนาของพลังโพไซดอนก็เป็นได้ เพราะความเร็วในการเจริญเติบโตของกุ้งแดงในฟาร์มปลานั้นนับว่ารวดเร็วมากกว่าสัตว์ชนิดเดียวกันเลยทีเดียว
นอกเหนือจากควบคุมกุ้งแดงเพื่อเลี้ยงนกจมูกหลอดหางสั้นแล้ว ฉินสือโอวยังค่อยๆ เข้าหาพวกมันเพื่อป้อนอาหารให้มันอีกด้วย จากนั้นเขาก็เริ่มพายเรือเข้าไปในฝูงของนกจมูกหลอดหางสั้น
โดยธรรมชาตินกจมูกหลอดหางสั้นจะหวาดกลัวแล้วบินหนี แต่หลังจากฉินสือโอว ชาร์ค และคนอื่นๆ ปล่อยกุ้งแดง ปลาแฮร์ริ่ง ปลาซาบะและสัตว์อื่นๆ ลงจากเรือประมง เหล่านกจมูกหลอดหางสั้นที่ไร้เดียงสาจึงไม่ระแวงอะไรผู้คนอีกเลย แถมมันยังบินกลับมาคาบอาหารไปอีกด้วย
หลังจากป้อนอาหารไปไม่กี่ครั้ง เหล่านกจมูกหลอดหางสั้นก็ไม่กลัวเรือประมงของฉินสือโอวอีกต่อไป เมื่อเรือประมงปรากฏเมื่อไร พวกมันกลับรุมล้อมอย่างดีใจและทำปฏิกิริยาตอบสนองขึ้นมา
เมื่อได้รับความเชื่อใจจากนกจมูกหลอดหางสั้นแล้ว ฉินสือโอวก็ชักนำให้พวกมันใช้ป่าเล็กๆ ทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ของฟาร์มปลาเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยยามค่ำคืน
ในป่าผืนนี้มีต้นไม้จำนวนมากไม่ว่าจะเป็นต้นเมเปิล ต้นสน ต้นสพรูส ต้นเรดบัด ต้นเมตาเซโคเอียใบสีทอง ต้นพลัมแดง ต้นเมเปิลแดง ต้นโซโฟร่าทอง ต้นควันใบม่วง ต้นสนบลูไอซ์และอื่นๆ อีกมากมาย พันธุ์ไม้จำนวนมากสามารถต้านทานความหนาวได้เป็นอย่างดี แม้ว่าจะเป็นฤดูหนาว แต่ก็สามารถรักษาใบไม้ให้งอกงามและยังเขียวชอุ่มได้ อีกทั้งยังบังลมและหิมะตกได้อีกด้วย
นอกจากนี้ ฉินสือโอวยังได้รับแรงบันดาลใจจากสวนที่บ้านของเขาอีกด้วย
ที่บ้านเกิดของเขาต่อให้ถึงช่วงฤดูหนาวก็ยังต้องปลูกผัก และเพื่อหลีกเลี่ยงลมหนาวจากทางเหนือที่อาจจะทำให้ต้นกล้าของผักถูกแช่แข็งและเสียหาย ปลายฤดูใบไม้ผลิของทุกปีเหล่าเกษตรกรจึงขุดคูน้ำทางตอนเหนือของสวนผัก จากนั้นก็นำฟางข้าวโพดมัดเข้าด้วยกันแล้วเพาะปลูกตามแนวจนถึงร่องน้ำเพื่อป้องกันลมเหนือ
วิธีของฉินสือโอวก็คล้ายๆ กัน เขาจ้างคนงานนำตาข่ายมากั้นทางเหนือของป่าและนำหญ้าแห้งมาวางไว้ในป่าจำนวนมาก
แบบนี้เมื่อถึงตอนเย็น นกจมูกหลอดหางสั้นจะสามารถเข้าไปในกองหญ้าเพื่อหลบความหนาวและทำให้ร่างกายของมันอบอุ่นได้ ขอเพียงแค่ในปีนี้เกาะแฟร์เวลไม่เกิดฤดูหนาวที่จะพบเจอในรอบ 50 ปีหรือในรอบ 100 ปี เหล่านกจมูกหลอดหางสั้นก็จะมีชีวิตอยู่ไปถึงฤดูใบไม้ผลิหน้าได้อย่างสบายๆ
หลังจากการเตรียมการเหล่านี้อย่างระมัดระวังแล้ว ฉินสือโอวก็รู้สึกว่าพอใช้ได้แล้ว เขาสามารถทำเพียงได้เท่านี้ ถ้านกจมูกหลอดหางสั้นยังคงทนความหนาวไม่ได้ เขาคงช่วยอะไรไม่ได้แล้ว
ลมหนาวมาเร็วกว่าที่คิด ในตอนเย็นของช่วงต้นเดือนธันวาคม ระหว่างนั้นจู่ๆ ลมทะเลก็เกิดปรวนแปรและสายลมทะเลที่เคย
พัดเอื่อยก็กลายเป็นลมหนาวที่มาพร้อมกับเสียงหวีวหวิว
ฉินสือโอวตื่นขึ้นมากลางดึก วินนี่ดึงตัวเขาเข้าไปในอ้อมกอดราวกับปลาหมึกยักษ์ที่กำลังรัดตัวเขาอยู่ ดูเหมือนว่าเธอคงจะหนาวมาก
เมื่อเปิดเครื่องปรับอากาศและปรับอุณหภูมิเรียบร้อยแล้ว ฉินสือโอวก็เปิดหน้าต่างออกเพื่อดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้นภายนอก ผลปรากฏว่าเมื่อเปิดหน้าต่างออกสายลมหนาวเย็นก็พัดใส่หน้าเขาจนเขาถึงกับสั่นสะท้านไปถึงกระดูก
“เป็นวันที่อากาศหนาวมาก” ฉินสือโอวบ่นพึมพำ
วินนี่ที่สะลึมสะลืออยู่บนเตียงเอื้อมมือออกไปคลำหาฉินสือโอวแต่ก็ไม่เจอ เธอหลับตาแล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงงัวเงีย “ที่รัก คุณอยู่ไหน?”
ฉินสือโอวกระโดดขึ้นไปบนเตียงแล้วจูบเธอลงไปก่อนจะเอ่ยปากอธิบาย “ผมไปปิดหน้าต่างมา นอนต่อเถอะที่รัก ไม่มีอะไรหรอก”
สิ่งที่เขากังวลมากที่สุดก็คือเหล่านกจมูกหลอดหางสั้น ไม่รู้ว่านกจมูกหลอดหางสั้นจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรในกองหญ้ากลางป่า
วันรุ่งขึ้นเขาตื่นนอนแต่เช้า อากาศสดชื่นเป็นพิเศษ แต่มันก็หนาวมากเป็นพิเศษเช่นกัน หญ้าข้างนอกวิลล่าถูกปกคลุมไปด้วยน้ำค้างแข็งสีขาวเหมือนหิมะ
ขนหนาๆ ของฉงต้ามีประโยชน์มากในเวลานี้ มันหาวนอนและกลิ้งไปมาในพงหญ้า เดาว่าความรู้สึกเย็นสบายแบบนี้คงดีมากแน่ๆ
หู่จือกับเป้าจือหนาวจนทนไม่ไหว พวกมันไม่ออกไปวิ่งเล่นข้างนอกในตอนเช้าเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไปแล้ว แต่ตอนนี้พวกมันกลับเข้าไปอยู่ในบ้านเพื่อทำให้ร่างกายอบอุ่น
ฉินสือโอวและวินนี่วิ่งไปที่ชายหาด เมื่อพวกเขามาถึงชายหาด ฝูงนกจมูกหลอดหางสั้นฝูงใหญ่ก็บินออกจากป่าแห่งนี้ไปไกลแสนไกลอย่างเต็มกำลัง!
“อืม ไม่เลว” ฉินสือโอวหันไปถอนหายใจกับวินนี่
วินนี่ก็เม้มริมฝีปากยิ้มอย่างตื่นเต้นเช่นกัน เธอพยักหน้าอย่างแรงแล้วมองไปที่ดวงตาของฉินสือโอวด้วยดวงตาเปล่งประกาย
“นี่เป็นชุดเครื่องแบบพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินของวันนี้สินะ”
“ไปให้พ้นนะ!”
ในที่สุดลมหนาวก็มาถึง ต้นเมเปิลบนภูเขาก็เริ่มผลัดใบและใบเมเปิลสีสวยราวกับเปลวไฟก็ค่อยๆ ร่วงลงมาราวกับประกายไฟที่ลอยละล่องไปทั่วภูเขาและท้องทุ่ง มิน่าล่ะถึงมีบทกวีกล่าวไว้ว่า ‘จงตายอย่างสงบและงดงามดั่งใบไม้ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง’ ที่แท้ก็เป็นความรู้สึกเช่นนี้นี่เอง
ในตอนเช้าฉินสือโอวและเบิร์ดขับเฮลิคอปเตอร์ไปรอบๆ ฟาร์มปลา เรือประมงลำหนึ่งแล่นเข้ามาในเขตพื้นที่ฟาร์มปลาต้าฉิน กระทั่งเฮลิคอปเตอร์บินเข้าไปมันก็หันหัวแล่นจากไปโดยไม่ต้องใช้วิทยุสื่อสารเลยแม้แต่น้อย
“เหมือนพวกเขารู้ว่านี่เป็นฟาร์มปลาส่วนตัว แล้วทำไมถึงต้องมาที่นี่ล่ะ?” ฉินสือโอวกล่าวอย่างกังวลใจ
มีครั้งแรกก็ต้องมีครั้งที่สอง แต่เขาก็ไม่แปลกใจเลย เพราะปีหน้าเขาจะเริ่มจับปลาส่งออกแล้ว หลายคนจึงแอบเข้ามาขโมยจับปลาของเขาไป
หลังจากกลับมายังฟาร์มปลา วิลได้พาชายวัยกลางคนคนหนึ่งมารอเขาอยู่แล้ว ทั้งสองจับมือกัน วิลแนะนำว่าชายวัยกลางคนคนนี้คือวิศวกรที่มีส่วนร่วมในการออกแบบและก่อสร้างท่าอากาศยานนานาชาติออตตาวา
ฉินสือโอวอธิบายว่าสิ่งที่เขาต้องการสร้างคือสนามบินส่วนตัวที่สามารถรองรับเครื่องบินโดยสารได้สองลำ
วิลและวิศวกรคนนั้นปรึกษาหารือกันประมาณครึ่งชั่วโมง จากนั้นก็ศึกษาแผนที่ฟาร์มปลาแล้วเสนอข้อชี้แนะ
การก่อสร้างสนามบินส่วนตัวนั้นควรสร้างในตำแหน่งที่เคยเป็นพื้นที่ฟาร์มปลาค็อดจะดีที่สุด เพราะธรณีวิทยาของสถานที่แห่งนั้นแข็งแรงที่สุดและใกล้กับบริเวณผาสูงชันของเกาะแฟร์เวล ดังนั้นจึงมีโรงงานเคมีสองแห่งถูกสร้างขึ้นตรงนั้นในทีแรก
นอกจากนี้ วิลยังกล่าวว่าสนามบินควรสร้างรันเวย์คู่เป็นรูปตัว T เพื่อให้ปลายทั้งสองของรูปตัว T สามารถใช้เป็นโรงเก็บเครื่องบินและหอระวังภัยได้ ส่วนด้านล่างที่ยื่นออกมาก็ทำเป็นลู่วิ่ง ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถใช้พื้นที่เปิดโล่งทั้งสองด้านตัดแต่งเป็นโรงจอดรถได้ด้วย
ฉินสือโอวรู้สึกว่าแนวคิดนี้เป็นไปได้และถามวิลว่าจะเริ่มก่อสร้างได้เมื่อไร
“คุณสามารถเริ่มการก่อสร้างได้ทันทีโดยใช้ประโยชน์จากช่วงฤดูหนาว เพราะชั้นดินแข็งในตอนนี้จะแข็งแรงที่สุดและยังสามารถประหยัดปูนซีเมนต์ได้อีกมากด้วย” วิลกล่าวอย่างมีชีวิตชีวา
วิศวกรคนนั้นพยักหน้า “มันประหยัดวัสดุได้จริงๆ แต่ในทางตรงกันข้าม ค่าแรงในตอนนี้ก็จะแพงขึ้นอีกหน่อยด้วย”
วิลส่ายหัว “นี่ไม่ใช่ปัญหา ฉันและฉินเป็นหุ้นส่วนเก่ากัน ค่าแรงราคาเดียวกันก็พอแล้ว เพื่อนๆ ของฉันก็ยินดีที่จะทำงานให้ฉิน จ่ายเร็วแถมยังให้โบนัสอีก ถ้าไม่ใช่เพราะฉินไม่มีความตั้งใจที่จะเข้าสู่วงการอุตสาหกรรมการก่อสร้าง กลุ่มผู้ร่วมงานของฉันคงวิ่งเข้าหาเขาแล้ว”
ฉินสือโอวหัวเราะขึ้นอย่างติดตลก เขาได้ตัดสินใจเรื่องนี้ไปแล้ว เออร์บักและวิลจะได้ลงนามในสัญญา ฉินสือโอวจึงให้วินนี่โทรหาเจนนิเฟอร์ และให้วิลจัดสรรเงิน 4 ล้านดอลลาร์แคนาดาเพื่อซื้อวัสดุเตรียมเริ่มงาน
ลมหนาวพัดมาอย่างรวดเร็ว ในช่วงต้นเดือนลมหนาวอาร์กติกก็ได้พัดผ่านมา จากนั้นไม่ถึงสองวันหิมะก็โปรยปรายตกลงมา
ฉินสือโอวกับฉงต้ากำลังนั่งคลอเคลียอยู่ด้วยกันที่หน้าประตูวิลล่าพลางมองดูหิมะที่กำลังตกลงมาอย่างเงียบสงบ ช่างเป็นความรู้สึกที่แสนพิเศษจริงๆ
……………………………………
บทที่ 369 แอร์โฮสเตสถูกขัดเกลามาอย่างไร
โดย
Ink Stone_Fantasy
ในตอนที่ฉินสือโอวยังเด็ก แม้ว่าเศรษฐกิจในบ้านเกิดจะยังไม่พัฒนา แต่เขากลับรู้สึกว่าชีวิตตอนนั้นมีความสุขกว่ามาก
ทางตอนเหนือของประเทศจีน เมื่อถึงช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงและต้นฤดูหนาวอากาศจะเย็นจัด เป็นความเย็นยะเยือกบริสุทธิ์ซึ่งไม่เหมือนกับตอนนี้ ที่เมื่อฤดูหนาวมาถึงจะมีลมหนาวพัดผ่าน แต่พอลองมายืนอยู่ท่ามกลางแสงแดดก็จะสามารถเห็นฝุ่นฟุ้งตลบไปในอากาศได้
ในตอนนั้น ทุกวันตอนเช้าฉินสือโอวจะรีบวิ่งออกไปนอกประตูเพื่อดูน้ำค้าง มันน่าจะเป็นงานอดิเรกที่แปลกมาก น้ำค้างมีอะไรน่าดูกัน? แต่ฉินสือโอวก็ชอบที่ได้เห็นภาพของน้ำค้างที่ปกคลุมอยู่บนพื้นดินและพื้นหญ้า
เมื่อนึกย้อนไปถึงภาพเหตุการณ์ในตอนเด็ก ฉินสือโอวก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา บุชคิดว่าเขาหัวเราะใส่มัน จึงร้องก้าบๆ ออกมายังไม่พอใจแล้วพยายามทุ่มแรงตะกายขึ้นไปบนรั้วเพื่อหัดบินต่อ
การลดน้ำหนักของบุชประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เพราะมันสำนึกได้ว่าควรจะกินให้น้อยลงหน่อยแล้วออกไปวิ่งให้มากขึ้นในทุกวัน ไม่เหมือนฉงต้า
ตอนกินข้าวฉงต้าก็กินน้อย แต่มันชอบแอบขโมยกิน อีกทั้งบริเวณชายหาดยังมีไข่นกจำนวนมากถูกฝังเอาไว้ ฉงต้าจึงชอบพาต้าป๋ายไปขุดไข่นก สำหรับหมีสีน้ำตาลแล้ว ของแบบนี้ก็มีรสชาติดีเหมือนกัน
ดังนั้นตอนนี้ส่งที่มาคลอเคลียอยู่ข้างฉินสือโอวจึงยังเป็นเจ้าฉงต้าที่อ้วนท้วนตุ้ยนุ้ยน่ารัก ไม่ผอมลงเลยสักนิด
บุชฝืนบินจนสำเร็จ มันกระโดดลงมาจากโต๊ะแล้วสามารถกระพือปีกร่อนไปบนอากาศได้สี่ห้าเมตร ขั้นต่อไปก็แค่หาโอกาสที่เหมาะสมปล่อยให้มันบินอีกหนึ่งรอบ คาดว่ามันก็น่าจะบินได้แล้ว
เมื่อมองหิมะที่แสนบริสุทธิ์ ฉินสือโอวก็นึกย้อนไปถึงเรื่องราวมากมายในตอนเด็ก จิตใจของความเป็นเด็กผุดขึ้นมา เขานึกไปถึงเรื่องที่ทำไอศกรีมแท่งฮอว์ธอร์นในตอนเด็กๆ
เรื่องนี้ง่ายมาก ในฤดูหนาวเขาจะใช้เตาเผาผลฮอว์ธอร์นจีนจนได้น้ำเชื่อมออกมา จากนั้นก็เทลงไปในแก้วแล้วเสียบตะเกียบลงไปหนึ่งอัน พอตกเย็นก็เอาไปวางไว้บนระเบียงหน้าต่าง และเมื่อตื่นขึ้นมาในเช้าวันที่สองไอศกรีมแท่งน้ำเชื่อมฮอว์ธอร์นก็จะจับตัวแข็งเรียบร้อยแล้ว
ในตอนนี้นั้นฉินสือโอวมีความหวังแบบสุดๆ ว่าตัวเองจะสามารถทำไอศกรีมแบบนี้ได้ในหน้าร้อน แต่หน้าร้อนมันร้อนเกินไปจึงไม่สามารถทำได้แน่นอน ส่วนตอนนี้ก็มีตู้เย็นและเครื่องทำไอศกรีมแล้ว ดังนั้นอย่าว่าแต่การทำไอศกรีมแท่งเลย ต่อให้ต้องทำไอศกรีมโคนเองก็ไม่มีปัญหา แต่ฉินสือโอวกลับไม่ได้สนใจมันอีกแล้ว
ตอนนี้เด็กๆ พากันหาซื้อไอศกรีมได้ตามใจชอบแล้ว ใครยังจะอยากกินไอศกรีมแท่งอีก? ในเมื่อมีโรงงานไอศกรีมอย่างอีลี่ เหมิงหนิวแล้ว ทำไมตัวเองจะต้องเปลืองแรงทำไอศกรีมแท่งอีกล่ะ
จู่ๆ ฉินสือโอวก็เกิดความสนใจขึ้นมา ที่แคนาดานั้นมีผลฮอว์ธอร์นเหมือนกัน แถมยังลูกใหญ่กว่าด้วย เพราะนั่นคือฮอร์ธอร์นที่มีชื่อในอเมริกาเหนือไงล่ะ
เขานำฮอว์ธอร์นแคนาดามาล้างสะอาดแล้วหั่นให้เรียบร้อยก่อนจะนำไปต้มในกาต้มน้ำ จากนั้นก็เติมเมเปิลไซรัปกับน้ำตาลกรวดลงไปแล้วค่อยนำไปแช่ไว้ตอนกลางคืนก็ได้แล้ว
ไม่เพียงเท่านั้น เขายังเห็นว่าในครัวมีผลไม้อื่นๆ อยู่อีกเขาจึงคั้นน้ำผลไม้ไว้ จากนั้นก็ไปที่ร้านสะดวกซื้อของฮิวจ์ที่อยู่ในเมืองเพื่อซื้อแก้วเล็กๆ เมื่อเติมน้ำผลไม้เข้าไปตอนเย็นก็จะสามารถแช่ไอศกรีมแท่งรสผลไม้ที่มีรสชาติอร่อยมากกว่าเดิมได้ ทั้งหมดนั่นเป็นของธรรมชาติทั้งนั้น
ฮิวจ์เห็นเขาซื้อแก้วมากมายขนาดนั้นก็ไม่เข้าใจ เขาจึงถามว่าฉินสือโอวกำลังจะทำอะไร ฉินสือโอวจึงอธิบายออกไป แต่เขาก็พูดกลั้วหัวเราะขึ้นมา “นายนี่มีเวลาว่างจริงนะ ถ้าเป็นฉัน ฉันจะใช้เครื่องทำไอศกรีมทำเอา”
“มันให้ความรู้สึกที่ไม่เหมือนกันนะเพื่อน” ฉินสือโอวย้ำเสียงหนักแน่น
ตอนนั้นฮิวจ์คนน้องก็เผอิญมาร้านสะดวกซื้อพอดี เขาหยิบมาร์ลโบโรมาหนึ่งกล่อง ฮิวจ์จึงถามหาเงินจากเขา ส่วนฮิวจ์คนน้องก็ควักกระเป๋าเงินออกมาอย่างไม่ยี่หระแล้วหยิบเงินออกมาปึกหนึ่งก่อนจะเอ่ยถาม “จะเอาเท่าไร”
ฉินสือโอวฟุบหัวเราะอยู่กับเคาน์เตอร์ก่อนพูดออกมา “นายนี่อวดรวยจริงๆ”
ฮิวจ์คนน้องพ่นควันบุหรี่ออกมา แล้วเอ่ยอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง “นายไม่เข้าใจความรู้สึกของฉันหรอกฉิน ตอนนี้ฉันกำลังตบหน้าเจ้าเควินบ้านี่อยู่ แต่ก่อนเขาดูถูกฉัน ตอนนี้ฉันหาเงินได้เยอะกว่าเขาซะอีก ดังนั้นเลยต้องอวดกันหน่อย”
กำไรจากร้านขายของชำนั้นสูงมาก สำหรับนักท่องเที่ยวแล้ว สินค้าของชนเผ่าอินเดียนแดงที่ลึกลับแห่งเทือกเขาร็อกกีเหล่านี้มีแรงดึงดูดมากกว่าอย่างชัดเจน
โสมอเมริกาถูกขายอย่างบ้าคลั่งจนนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวเกาะแฟร์เวลทุกคนแทบจะต้องนำกลับไปสักคนละสองชิ้น
ฮิวจ์คนน้องทำเรื่องที่ทำให้ฉินสือโอวต้องมองด้วยความชื่นชม นั่นก็คือแม้ว่าของจะไม่เพียงพอต่อความต้องการ เขาก็ไม่ได้ใช้โสมของพวกคนที่เพาะปลูกกันอยู่ด้านนอกมาปะปน โสมอเมริกันที่จำหน่ายอยู่ในร้านขายของชำล้วนเป็นโสมที่มาจากเทือกเขาร็อกกีทั้งนั้น
แน่นอนว่าพวกโสมอเมริกันเหล่านี้ไม่ได้ถูกรวบรวมมาจากเผ่าซูทั้งหมด ในตอนที่ฮิวจ์คนน้องและเพื่อนๆ ไปซื้อของที่เผ่าซูก็แวะไปเดินเล่นดูเมืองใหญ่เมืองเล็กบริเวณเทือกเขาร็อกกีเพื่อซื้อพวกโสมอเมริกันท้องถิ่นนำกลับมาด้วย
ลำพังแค่โสมอเมริกัน ในไตรมาสแรกฮิวจ์คนน้องก็ทำเงินไปได้ไม่น้อยกว่าห้าแสนแล้ว หรือจะพูดอีกอย่างก็คือร้านขายของชำของพวกเขาทำเงินได้อย่างน้อยครึ่งล้าน โดยมีฉินสือโอวเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ แต่เขาก็ไม่ได้สนใจ บัญชีทั้งหมดเขาให้ฮิวจ์คนน้องจัดการ และไม่ว่าจะทำเงินได้มากน้อยแค่ไหนไม่สำคัญ
ฮิวจ์คนน้องสูบบุหรี่แล้วถามฉินสือโอว “ฉิน เดือนมกราคมนายว่างไหม? ไปที่เผ่าซูบนเขาด้วยกันสักรอบเถอะ ธุรกิจของพวกเรากับพวกเขาใหญ่โตมาก เพราะฉันสั่งของกับพวกเขาโดยให้ราคาสูงทั้งนั้น สินค้าพวกยา อาหารและเครื่องปรุงที่เราส่งไปก็เป็นของคุณภาพดีทั้งนั้น ดังนั้นตอนนี้พวกเราเลยได้รับความไว้วางใจจากพวกเขา”
ฉินสือโอวหัวเราะแล้วพูดออกมา “งานนี้ให้นายทำก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ ที่พวกเขาไว้วางใจก็คือนาย แลร์รี ฮิวจ์ ไม่ใช่ฉัน”
ฮิวจ์คนน้องเอ่ยอย่างจริงจัง “แต่ถ้าไม่ใช่เพราะเงินทุนสนับสนุนครั้งแรกของนาย ธุรกิจนี้ก็คงไม่เกิดขึ้นมา ฉันเคยแนะนำนายให้พวกหัวหน้าและผู้เฒ่าของเผ่าแล้ว พวกเขาต่างก็รู้จักนายและอยากเชิญนายไปเป็นแขกสักครั้ง”
สำหรับเทือกเขาร็อกกีที่ยิ่งใหญ่และอันตราย รวมไปถึงชนเผ่าอินเดียนแดงที่ลึกลับนั้น ฉินสือโอวสนใจมากจริงๆ แต่เมื่อคิดทบทวนดูแล้วก็ได้แต่ปฏิเสธไปอย่างเสียดาย “ไม่ได้น่ะสิ แลร์รี เดือนมกราคมฉันต้องเตรียมตัวกลับบ้านไปฉลองปีใหม่ วันตรุษจีน นายรู้จักไหม สำหรับพวกคนจีนอย่างเราแล้วมันสำคัญมาก”
ฮิวจ์คนน้องหัวเราะก่อนจะพูดออกมา “ฉันต้องรู้จักวันตรุษจีนแน่นอนอยู่แล้ว มันก็คือวันคริสต์มาสของพวกนายใช่ไหมล่ะ ถ้าอย่างนั้นนายจะกลับมาเมื่อไรล่ะ เดือนมีนาคมกลับมาได้ไหม”
น่าจะประมาณเดือนมีนาคม ฉินสือโอวจึงพยักหน้า
ฮิวจ์คนน้องเอ่ย “งั้นเดือนมีนาคมก็แล้วกัน พวกเราไปชนเผ่าของเผ่าซูกันสักรอบ แนะนำหัวหน้าและผู้เฒ่าของเผ่าให้นายรู้จักซะหน่อย ฉันคิดนายจะต้องชอบที่นั่นแน่ เพราะที่นั่นคือวิถีชีวิตแบบนิเวศดั้งเดิมที่สมบูรณ์ที่สุด”
หลังจากตกลงกันเรียบร้อย ฉินสือโอวก็ออกจากร้านสะดวกซื้อแล้วไปที่ฟาร์มปลา ตอนเย็นเขานำแก้วแต่ละใบออกไปวางไว้นอกหน้าต่าง
วินนี่เดินมาแล้วเอ่ยถาม “คุณทำอะไรอยู่”
ฉินสือโอวหัวเราะแล้วตอบกลับ “ทำไอศกรีมแท่ง ความทรงจำวัยเด็กของผม”
ตอนเด็กๆ เขานำผลฮอว์ธอร์นจีนไปต้มในน้ำ แต่น้ำที่ออกมาจากการต้มแบบนี้จะเจือจางมาก และแน่นอนว่าเพื่อเติมเต็มชีวิตวัยเด็กของเขา เขาย่อมต้องมีของเหลือเฟือ ตอนนี้ในห้องครัวก็มีเครื่องคั้นน้ำผลไม้วางอยู่ ฉินสือโอวนำผลฮอว์ธอร์นลูกใหญ่และน้ำแข็งไปคั้นเสียหน่อยก็ออกมาเป็นน้ำผลฮอว์ธอร์นที่เข้มข้นแล้ว เชื่อว่ารสชาติของมันก็ต้องดีขึ้นแน่นอน
เขานำแก้วน้ำผลไม้และน้ำฮอว์ธอร์นแต่ละแก้ววางไว้ดีๆ จากนั้นฉินสือโอวก็ปิดหน้าต่างลงแล้วเดินกลับมา เมื่อหันกลับมาสองตาของเขาก็ต้องเบิกกว้างขึ้นมาทันที ในใจพลันเกิดความรู้สึกประหลาดใจขึ้นมา
วินนี่สวมชุดแอร์โฮสเตสที่เธอไม่ได้สวมมานานแล้ว เสื้อเชิ้ตสีขาวหิมะ กระโปรงชุดสีฟ้า ที่คอยังมีผ้าพันคอไหมผืนหนึ่งด้วย เธอดูมีสง่าราศีมาก
วินนี่ประสานมือทั้งสิบนิ้วไว้ที่เอวขวา เธอยิ้มให้ฉินสือโอวเล็กน้อยจนเขาก็รู้สึกเหมือนเลือดทั้งตัวกำลังเดือดพล่าน
ฉินสือโอวกางแขนแล้วโผเข้าไปหา แต่วินนี่ยื่นมือออกมาห้ามเขาไว้แล้วทำปากจู๋อย่างไม่พอใจก่อนเอ่ยขึ้น “ฉันยังต้องทำผมอีกนะ”
เธอนั่งลงบนโต๊ะเครื่องแป้ง วินนี่หันมาส่งยิ้มหวานหนึ่งทีแล้วเธอก็เริ่มมัดผมให้เป็นหางม้า จากนั้นก็พันผมไปทางซ้าย หลังจากหมุนเป็นวงกลมไปสองรอบเธอก็รัดมันด้วยหนังยาง
ผมถูกมัดเอาไว้ จากนั้นวินนี่ก็หมุนไปทางซ้ายต่ออีกหนึ่งรอบเพื่อม้วนปิดมวยผมรอบแรก เมื่อพันเสร็จจนเรียบร้อย ส่วนที่เหลือจึงมีเพียงปลายผมเล็กน้อยเท่านั้น ดังนั้นเธอจึงนำปลายผมยัดเข้าไปในหนังยางแล้วรัดด้วยยางอีกครั้งเพื่อมัดพวกมันเอาไว้
เพียงเท่านี้แอร์โฮสเตสผู้สมบูรณ์แบบก็ถือกำเนิดขึ้นแล้ว
……………………………………………………………………
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น