ท่านเทพมาแล้ว 360-367
บทที่ 360 คำสั่งของเขา
โดย
Ink Stone_Romance
“ข้าคิดว่านางมีสิทธิ์ที่จะรู้”
หงจวินชักมือกลับ ก่อนเอ่ย “เจ้าอาจจะลืมไปเรื่องหนึ่ง ความรักของนางลึกซึ้งนัก นี่ก็เป็นด่านเคราะห์ของนางด่านหนึ่ง หากไม่ใช่เพราะเจ้า พลังวิญญาณของนางก็คงไม่ถูกกระตุ้นตอนอยู่ที่คุนหลุนตะวันออก หากเจ้าดึงดันให้นางรู้เรื่องนี้ เช่นนั้นเรื่องอาจซ้ำรอยเดิมได้ ถึงตอนนั้นจะปกป้องนางจากแรงสะท้อนกลับได้หรือไม่ ไม่มีใครมั่นใจ”
ฉับพลันนั้นลู่ยาไม่อาจขยับตัวได้อีก
“เช่นนั้นข้าควรทำเช่นไรดี?”
เขามึนงงไปหมด จิตใจสับสน เขาที่ไม่เคยมีอะไรขัดขวางได้ ตอนนี้กลับคิดอะไรไม่ออก
“เจ้าทำได้เพียงปิดบังนางต่อไป ทำเหมือนไม่มีเรื่องนี้เกิดขึ้นและช่วยเหลือนางต่อไป ข้าดูแล้วบุญกุศลของนางใกล้ได้ที่เต็มที รอจนถึงตอนนั้นแล้วเจ้าจะทำอะไรข้าก็จะไม่ยุ่ง”
ลู่ยากลั้นหายใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกำหมัดแน่น หันหน้าไปด้านข้าง
เรื่องราวที่ผ่านมาของนางและเขา นางไม่อาจจำได้ เขาก็ไม่อาจบอกนาง ไม่อาจขอโทษนาง นี่ก็เป็นหนทางหนึ่งในการลงโทษเขาใช่หรือไม่?
“ตัวข้าหลังจากนั้นหมื่นปี ตอนนี้อยู่ที่ไหน?” เขาถาม
ถึงแม้ไม่อาจบอกความจริงกับนาง อย่างน้อยเขาก็ควรรู้ว่า ‘ตัวเขา’ อยู่ที่ไหน
“ข้าก็ไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน แต่มั่นใจได้ว่าอยู่ใกล้ๆ เทพหญิงแน่” จุ่นถีตอบ “ทุกสรรพสิ่งล้วนถูกกำหนดไว้แล้ว คนและเรื่องราวที่ผ่านมาในชีวิตใหม่ของนางล้วนมีที่มา ไม่อาจทำให้ผลลัพธ์ในอนาคตเสียหายได้ ท่านบอกนามเหล่าคนที่มีวาสนากับนางในหมื่นปีให้หลังนี้มา จะต้องคอยดูชะตาจากภายนอก”
“ท่านคนนั้นมาเพื่อช่วยนางกลายเป็นเซียนโดยเร็ว ยิ่งเข้าใกล้ช่วงเวลาที่จะกลายเป็นเซียนมากขึ้นเท่าไหร่ จิตรับรู้ของท่านก็จะยิ่งอ่อนแรงลง แต่ตอนนี้ท่านสามารถใช้พลังวิญญาณเสาะหาได้ เพราะนั่นก็เป็นจิตรับรู้ของท่าน หากเจอแล้วก็กลับมารวมกันอีกครั้งได้”
“หลังจากรวมกันแล้ว ท่านจะกลายเป็นคนที่กลับมาจากหลังหมื่นปีนั้น จะมีความทรงจำทั้งหมด รวมถึงพลังบำเพ็ญของท่านในตอนนั้นยังสูงกว่าตอนนี้อีกด้วย หากตามหาจนเจอ ภายหลังยังช่วยให้ท่านกับเทพหญิงทำลายพลังลมปราณร้ายในคลื่นจิตพสุธา เพียงแต่ตอนนี้พวกท่านยังต้องแยกกันอยู่ รอจน ‘เขา’ ทำหน้าที่สำเร็จก่อน”
ลู่ยาขมวดคิ้วฟัง หมัดทั้งสองกำแน่น
เขาตามหาชายชุดเขียวได้ เขาต้องตามหาจนเจอแน่นอน!
ความหมายของจุ่นถีคือ ตอนนี้ทั้งนางและเขาต่างก็ไม่สมบูรณ์ และมีแต่ต้องรอนางกลายเป็นเซียนก่อนถึงจะสามารถกลับมาเป็นลู่จีได้ แต่เขารอไม่ได้แล้ว เขารวมร่างเข้ากับตัวเองในอีกหมื่นปีต่อมาได้เร็วเท่าไหร่ยิ่งดี! เขาอยากรู้ว่าตนเสียใจไปมากเพียงใด เจ็บปวดมากขนาดไหน อยากจะให้เวลาย้อนกลับไปมากเท่าไหร่!
ใจของเขาแหลกสลาย แต่กำลังฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ทีละน้อย ตัวเขาหนึ่งหมื่นปีให้หลังตายไปพร้อมกับลู่จีแล้ว ส่วนเขาในตอนนี้มาอยู่เป็นเพื่อนรอนางกลับมาเกิดใหม่ ไม่ว่าชาติหน้าหรือชาตินี้ ความรักที่เขามีต่อนางก็ไม่เปลี่ยนไป และครั้งนี้เขาจะไม่ยอมให้นางตัดใจไปจากเขาอีกแล้ว…
ลู่ยาเงยหน้ามองไปที่ไกลๆ เมฆขาวลอยละล่องอยู่ตรงขอบฟ้า ไม่ได้ต่างอะไรกับหมื่นปีต่อมาเลย
“เช่นนั้นนางที่ฟื้นคืนความทรงจำแล้ว จะเป็นอาจิ่วหรือลู่จี?” ลู่ยาหันกลับมามองพวกเขา
หงจวินเดินมาตอบ “บุคลิกและนิสัยของคนเปลี่ยนไปตามประสบการณ์ชีวิต ลู่จีกลายเป็นอดีตไปแล้ว คล้ายกับเป็นชาติก่อนของมู่จิ่ว นางที่มีชีวิตอยู่ในโลกมนุษย์กับโลกเซียนถึงสองพันปีนั้นถึงจะเป็นนางในตอนนี้”
พูดจบหงจวินก็มองเขา “สำคัญด้วยหรือ?”
“ไม่” ลู่ยารีบตอบ “ข้าเพียงกลัวว่านางจะยังโกรธข้าเพราะเรื่องเหล่านี้”
ไม่ว่านางจะเป็นเช่นไร ลู่ยาก็ต้องการทั้งนั้น เพียงแต่ที่จริงเขาก็ไม่ยินดีให้นางยึดติดอยู่กับเรื่องเจ็บปวดที่ผ่านไปแล้ว เขาเพียงอยากอยู่กับนางอย่างสงบเท่านั้น เหมือนกับก่อนที่เขาจะออกจากบ้านมา ทั้งสองคนต่างก็วุ่นกับเรื่องจุกจิกทุกวัน ใช้ชีวิตสามัญอยู่อย่างอบอุ่น
หงจวินมองเขาอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนเอ่ย “หลังจากที่หกวิญญาณฟื้นคืนมาแล้ว สิ่งที่เปลี่ยนไม่ใช่บุคลิกนิสัย แต่เป็นเพียงฐานะและพลัง นางเพียงแค่แข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น ถึงแม้จะมีความทรงจำเหล่านั้น ก็ไม่ได้หมายความว่าจะกลับไปเป็นแบบเดิม…มู่จิ่วเป็นคนที่คิดเล็กน้อยหรือ?”
“ไม่ใช่!” ลู่ยารีบตอบ “นางไม่ใช่แบบนั้นแน่นอน!”
ไม่เพียงไม่คิดเล็กคิดน้อย บางครั้งยังก็ใจกว้างเกินไปด้วยซ้ำ
“เช่นนั้นก็จบเรื่องแล้ว!” หงจวินโบกมือ “เจ้าควรจะดีใจที่นางในตอนนี้เป็นคนจิตใจดีงาม บางครั้งการใส่ใจสิ่งที่สูญเสียไปหรือสิ่งที่จะได้มามากเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องดี”
ลู่ยาสบายใจขึ้น ถอนหายใจเบาๆ
หงจวินพูดอีก “การตามหาจิตรับรู้ของหนึ่งหมื่นให้หลังไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ในสองสามวัน หากไม่มีเรื่องอะไรแล้ว เจ้าก็อาศัยตอนที่ข้าอยู่เข้าไปปิดด่านเสีย ข้ายังมีนัดพาม้าไปเดินเล่นอีก!”
เขาพูดจบก็หมุนตัวเดินออกไปก่อน
…พาม้าไปเดินเล่น??
ลู่ยาได้ยินสองคำนี้ก็พลันนิ่งไปอย่างโง่งม
……..
ทางด้านแรกพยับ มู่จิ่วผิดหวังกลับมาจากหงชาง นางไม่สบายใจอยู่บ้าง แต่ไม่สบายใจเรื่องอะไรกลับพูดไม่ออก เพียงแค่ค่อนข้างกังวลเรื่องลู่ยาเท่านั้น เขาไม่เคยทิ้งนางไว้คนเดียวนานขนาดนี้ แน่นอนว่านอกจากครั้งนั้นที่ทะเลาะกัน
แต่เมื่อคิดได้ว่าเขาเก่งเพียงนั้น คนที่ทำร้ายเขาได้ในโลกนี้น่าจะยังไม่มี จึงค่อยคลายใจลงได้
ยิ่งไปกว่านั้นนางก็ไม่มีเวลาคิดมาก อยู่แรกพยับมาหลายวันนี้ มีคนมาหานางไม่หยุด นอกจากจีหมิ่นจวินแล้วยังมีหัวชิง ถึงแม้ครั้งก่อนนางจะแอบส่งสัญญาณบอกหัวชิงอย่างชัดเจนว่าให้คุยกับหลินเจี้ยนหรูให้กระจ่าง แต่หัวชิงยังปักใจเชื่อว่าพลังเสวียนหมิงในร่างเขาไม่ได้ได้มาเปล่าๆ และหลินเจี้ยนหรูยังมีวาทศิลป์ดี ใครจะรู้ว่าเขาไปพูดอะไรลับหลังบ้าง?
อีกทั้งวันก่อนนางยังเจอเหลียงชิวฉาน นางกับหลินเจี้ยนหรูเดินเล่นอยู่ใต้ต้นท้อ เบื้องหลังเรื่องนี้ซ่อนอะไรอยู่ เพียงแค่คิดดูนางก็รู้แล้ว ด้วยตำแหน่งข้างกายหัวชิงของเหลียงชิวฉาน หากสงสัยสักห้าส่วน หัวชิงยังจำต้องละเลยไปสักสองส่วน ปกติแล้วสำหรับพวกเขา กระทั่งการพบหน้าไท่ซ่างเหล่าจวินยังลำบาก แต่เขากลับสามารถครอบครองพลังที่ส่งต่อมาจากลู่ยา นี่เป็นเกียรติอันยิ่งใหญ่ขนาดไหนกัน?
มู่จิ่วไม่รู้ว่าจะดีใจที่พวกเขาเทิดทูนลู่ยาหรือรู้สึกเสียใจแทนดี น่าเสียดายที่นางติดต่อลู่ยาไม่ได้ มิฉะนั้นแล้วหากให้เขาพาคนสักคนมายืนยัน หลินเจี้ยนหรูก็ต้องออกไปจากแรกพยับทันที
ดังนั้นหัวชิงจึงยังคิดว่าหลินเจี้ยนหรูไม่ใช่คนฆ่าหลินเซี่ย และถึงแม้สงสัยก็กลบมันลงไป
หลินเซี่ยกับจีหย่งฟางตายไปสองปีแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น จีหย่งฟางยังถูกเขาส่งเข้าไปในหลุมตัดวิญญาณ หากผลออกมาว่าฆาตกรคือหลินเจี้ยนหรู เช่นนั้นมิใช่จะเป็นการหาข้ออ้างให้กับจีหมิ่นจวินหรือ ดีไม่ดีอาจใช้ข่มขู่เขาให้ยกตำแหน่งเจ้าสำนักให้กับลูกชายนาง
แต่หลายวันนี้กลับไม่ได้ยินหลินเจี้ยนหรูอ้างเรื่องเป็นศิษย์ลู่ยาอีก กลับกัน ยามที่มีคนพูดเรื่องนี้ขึ้นเขากลับหลบเลี่ยง นางจึงไม่สนใจไปสักพัก
อย่างไรนี่ก็คือเผือกร้อน ตัวมู่จิ่วเองก็ไม่ได้เร่งร้อนจะปิดคดี
นางอยู่หน่วยลาดตระเวนมาสองปี เจ้าหน้าที่คนอื่นพบเจอเรื่องแบบนี้จะเอาตัวรอดอย่างไร นางรู้ดี ดังนั้นจึงไม่ได้เร่งรีบ เพียงรอจีหมิ่นจวินไปหาหลักฐาน เมื่อได้มาแล้วนางก็นำไปให้ทัพทหารสวรรค์ตัดสิน เดิมทียังกังวลแทนหลินเจี้ยนหรูว่าจะเอาตัวรอดอย่างไร ตอนนี้ดูแล้วคงไม่จำเป็นต้องกังวล อย่างไรหัวชิงก็เชื่องไปแล้ว นางยังจำเป็นต้องกังวลอะไรอีก?
………………………………….
บทที่ 361 เพราะรัก
โดย
Ink Stone_Romance
หลายวันนี้พาอาฝูเดินเล่นอยู่บนเขาของแรกพยับ ถึงอย่างไรก็ไม่มีคนว่าอะไรนาง
ช่วงเช้าเดินดูภูเขารอบๆ และถามเรื่องเก่าของจีหมิ่นจวินกับหลินเซี่ยสักหน่อย จากนั้นก็มาถึงยอดเขาหยก
บนยอดเขานี้ไม่มีคนอาศัยอยู่ เป็นสถานที่ที่ศิษย์ชั้นผู้น้อยของแรกพยับมาฝึกปรือวิชากัน ทางด้านตะวันตกมีป่าท้ออยู่ ที่นั่นสงบยิ่งนัก
มู่จิ่วเดินไปทางหนึ่ง พบว่าด้านหน้ามีเงาคนเคลื่อนไหวอยู่จึงหยุดดู เป็นเหลียงชิวฉานกับศิษย์หญิงข้างกายหัวชิงหลายคน ไม่รู้พวกนางมาจากไหน มือหนึ่งถือตะกร้า พูดคุยหัวเราะ ดูแล้วมีชีวิตชีวายิ่งนัก
มู่จิ่วไม่คิดจะเจอหน้าพวกนาง จึงเดินเลี่ยงไปอีกทาง เลือกเอนกายลงบนพื้นหญ้าทางที่หันไปหาแสงอาทิตย์
แต่เสียงหัวเราะของเหล่าแม่นางกลับใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
พื้นหญ้ามีถนนเล็กๆ เส้นหนึ่ง เป็นทางที่มุ่งหน้าลงจากเขา
เหลียงชิวฉานและเหล่าศิษย์หญิงเดินมาถึงทางลาด ก็หยุดเท้าแล้วเอ่ย “ข้าจะไปดูว่ามีหน่อไม้สดหรือไม่ อาจารย์ชอบกินผัดหน่อไม้สด” ก่อนกล่าวอีก “ฝออิง เจ้าตามข้าไปด้วย”
หญิงสาวที่ชื่อว่าฝออิงมีดวงตางดงามมาก หากไม่ทันระวังอาจตกหลุมรักได้โดยง่าย นางมองส่งเหล่าศิษย์พี่น้องไปไกล จากนั้นค่อยตามเหลียงชิวฉานไปทางด้านตะวันออก
เหลียงชิวฉานเดินมาหยุดอยู่ที่ต้นหงเฟิง (เมเปิ้ลแดง) ซึ่งบานออกเหมือนเป็นร่มขนาดใหญ่
ฝออิงที่ตามมาด้านหลังคิดไม่ถึงว่านางจะหยุดเดินกะทันหัน รีบหยุดเท้าทั้งยังชะงักไป
“ศิษย์พี่ฉาน…” เสียงของนางพลันติดขัดเล็กน้อย
มู่จิ่วได้ยินเสียง คิ้วก็ขมวดเล็กน้อย ก่อนจะแหวกพงหญ้าตรงหน้าออก
เหลียงชิวฉานหันกลับมามองฝออิง ตาทั้งสองราวกับมีดที่แทงเข้าไปในดวงตานาง “ข้าไม่อยู่บนเขาไม่กี่วัน เรื่องในห้องของอาจารย์ต้องรบกวนเจ้าไม่น้อยเลยนี่?”
ฝออิงหน้าถอดสี แววตาไหวระริก “ศิษย์พี่ใหญ่ เรื่องนี้หมายความว่าอย่างไร?”
เหลียงชิวฉานยกมุมปาก ดึงปิ่นออกมาจากผมของนางก่อนเอ่ย “ข้ารู้สึกว่าอาจารย์ปฏิบัติต่อเจ้าดียิ่งนัก ผีเสื้อตัวนี้ เป็นเขาให้เจ้าใช่หรือไม่?”
สีหน้าของฝออิงพลันเปลี่ยนไป แววตาปรากฏความหวาดกลัว
เหลียงชิวฉานเดินเข้าไปใกล้ พูดช้าๆ ว่า “เจ้ากลัวอะไร ข้าไม่ได้ห้ามเจ้าปีนขึ้นเตียงเขาเสียหน่อย”
สีหน้าซีดขาวของฝออิงพลันแดงเถือก “ศิษย์พี่ นี่ท่าน…”
“หากข้าคิดจะจัดการเจ้า ไม่จำเป็นต้องรอจนถึงตอนนี้” เหลียงชิวฉานปักปิ่นผีเสื้อกลับไปบนผมนาง
“ศิษย์พี่ต้องการสั่งอะไรก็พูดมาเถิด!” ฝออิงคุกเข่าลงกับพื้นทันใด พูดขึ้นอย่างรวดเร็ว
ในเมื่อเป็นหญิงที่กล้าแย่งผู้ชายคนเดียวกับศิษย์พี่ แน่นอนว่าต้องเข้าใจโลกมากกว่าคนทั่วไปสักหน่อย ถึงแม้หัวชิงจะใจโลเล แต่เหลียงชิวฉานอยู่กับเขามานานหลายปีขนาดนั้น น้ำหนักของนางในใจเขาย่อมมากกว่าคนอื่น
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร” เหลียงชิวฉานเดินเข้าไป “ข้าเพียงถามเจ้าเท่านั้น ตอนที่ข้าไม่อยู่บนเขา จีหมิ่นจวินได้มาพูดอะไรกับอาจารย์หรือไม่? โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับหลินเจี้ยนหรู?”
ฝออิงคิดอยู่นาน ก่อนพยักหน้าเอ่ย “มีเจ้าค่ะ! หลังจากที่อาจารย์อาสี่ตายไปไม่นาน อาจารย์อาจีมาหาอาจารย์เจ้าสำนัก ต้องการส่งศิษย์พี่หลินออกจากสำนักไปเฝ้าหลุมศพอาจารย์อาสี่ บอกว่าอาจารย์อาสี่ตายแล้ว ศิษย์พี่หลินติดค้างพวกเขามาก และพอดีกับที่ขาดคนเฝ้าหลุมศพ ให้เขาไปจะเหมาะสมที่สุด แต่ท่านอาจารย์ไม่รับปาก”
ศิษย์ที่ฝึกบำเพ็ญวิถีเซียนล้วนทุ่มเต็มที่เพื่อเลื่อนขั้นเป็นเซียนกันทั้งนั้น หากให้หลินเจี้ยนหรูไปเฝ้าหลุมศพ ก็คือการทำลายเขาแล้ว มีสำนักไหนบ้างที่ส่งศิษย์ไปเฝ้าหลุมศพ? นอกจากจะกระทำผิดร้ายแรงมาก หัวชิงที่เป็นเจ้าสำนักไม่รับปากก็นับว่ามีเหตุผล
สีหน้าของเหลียงชิวฉานเย็นชา ก่อนถามอีกว่า “ยังมีอะไรอีก?”
ฝออิงรวบรวมสมาธิ แล้วเอ่ยต่อ “ไม่ได้พูดอะไรกับอาจารย์อีกเจ้าค่ะ อันที่จริงอาจารย์ก็ไม่ได้ชอบนาง แต่ข้าได้ยินว่าหลังจากที่หลินเจี้ยนหรูกลับเขามาครั้งนี้ อาจารย์อาจีโกรธยิ่งนัก ไม่กี่วันก่อนหน้านี้นางส่งคนไปอาณาจักรจื่อจิวเพื่อยืมของวิเศษสลายวิญญาณ”
“นางยืมมาทำอะไร?” แววตาของเหลียงชิวฉานเย็นชา
“ข้าก็ไม่รู้ แต่ตอนนี้นางขัดหูขัดตาหลินเจี้ยนหรูเป็นที่สุด เกรงว่าอยากจะทำร้ายเขาก็เป็นได้?” ฝออิงมองนางอย่างระแวดระวัง
เหลียงชิวฉานตกตะลึงอยู่บ้าง เอาสองนิ้วจิ้มอกนาง “ให้เวลาเจ้าครึ่งวัน สืบเรื่องราวของนางมาให้ข้าจนกระจ่าง!”
“รับคำสั่งเจ้าค่ะ!” ฝออิงกุลีกุจอพยักหน้า
เหลียงชิวฉานชักมือกลับมา มองฝงอิงพลางปัดๆ เสื้อให้ จากนั้นปล่อยนางไป
ฝออิงวิ่งโงนเงนลงจากเขา เหลียงชิวฉานมองตามแผ่นหลังของนางอยู่นาน ถึงค่อยหันหลังเดินมุ่งเข้าไปในป่าไผ่
มู่จิ่วละสายตากลับมาเมื่อนางลับสายตาไปแล้ว…หรือเหลียงชิวฉานกำลังช่วยหลินเจี้ยนหรู?
ถึงแม้รู้ว่าเหลียงชิวฉานหวั่นไหวกับเขาไม่น้อย แต่คิดไม่ถึงว่าหลังจากที่กระบี่นั้นแทงไหล่เขาไปแล้ว นางจะยังไม่เปลี่ยนใจไปไหน ดูแล้วนางคงปักใจกับหลินเจี้ยนหรู แต่หลินเจี้ยนหรูคิดยังไงกับนาง?
แรกพยับมียอดเขามาก ทั้งยังเป็นยอดเขาประหลาดทั้งนั้น
พระอาทิตย์ตกดิน ทำให้เงาของยอดเขาที่ทอดลงมาทับซ้อนกัน ทิวทัศน์ยิ่งงดงามนัก
ยอดเขาพู่กันแดงอยู่ทางเหนือของยอดเขาขลุ่ยหยก ตอนนี้สร้างเรือนไว้ให้หลินเจี้ยนหรู แม้ยอดเขาจะไม่ใหญ่ แต่ก็ไม่ทำให้หัวเสินคนหนึ่งเสียหน้าแน่
หลินเจี้ยนหรูนั่งพิงรั้วดื่มชาอยู่ในศาลา เขากลับมาจากสววรรค์ได้ครึ่งเดือนแล้ว หัวชิงไปบอกกล่าวเพื่อให้เขากลับมาช่วยเรื่องเจ้าสำนักคนใหม่ เขาไม่รู้ว่าหัวชิงทำได้อย่างไร และก็ไม่สนใจด้วย ด้วยอำนาจที่เขามีอยู่ตอนนี้ ถึงแม้จะถูกขับออกจากค่ายทหารสวรรค์ก็ไม่มีปัญหาอะไร อย่างไรเขาก็เป็นเซียนไม่ได้แล้ว
ชายชุดเขียวบอกว่าสุดท้ายเขาก็ต้องยอมรับความจริงว่าเป็นเซียนไม่ได้ เดิมทีเขาไม่เชื่อ แต่ตอนนี้กลับไม่เชื่อไม่ได้แล้ว
แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องไม่ดีอะไร
เพราะเขาพบว่าชีวิตแบบนี้สุขสบายกว่ากดดันตัวเองให้เป็นคนดีเยอะนัก!
อย่างเช่นตอนนี้ ศิษย์ในสำนักทั้งหมด เขาอยากใช้ใครเขาก็ใช้ อยากจะกลั่นแกล้งใครก็ทำ เขาเพียงขยับมือชี้นิ้ว หูเจียงเต๋อก็จะไปทำแทนเขา เหล่าศิษย์พี่น้องแห่งยอดเขาบัวหยกที่เคยเยาะเย้ยกัน ตอนนี้ก็มีคนหนึ่งกำลังหมอบทำตัวเป็นโต๊ะชามนุษย์ให้เขา
หลินเจี้ยนหรูไม่กลัวคนเหล่านี้ไปฟ้อง สิ่งที่เขามีคือวิธีการฆ่าพวกเขา ที่สำคัญคือเขาจะไม่ทิ้งร่องรอยไว้ให้จับได้
ถูกรังแกมาหลายปีเพียงนั้น ทุกความเจ็บปวด ใจเขาจะคอยแอบวางแผนเอาคืนทีหลัง จินตนาการว่าตนเองได้เหยียบพวกนั้นไว้ใต้เท้า เพราะการทำแบบนี้ถึงจะทำให้จิตใจสงบขึ้นหน่อย ทำให้เขามีความหวังยืนหยัดต่อไป
ถึงแม้เขาไม่เคยคิดจะฆ่า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่แค้น
“เจี้ยนหรู!”
เหลียงชิวฉานรีบร้อนเดินเข้ามา
สีหน้าเขาทะมึนเล็กน้อย ยื่นเท้าหนึ่งไปเตะคนที่หมอบอยู่ตรงหน้า มองคนผู้นั้นกลิ้งหลุนๆ ลงบันได ลุกขึ้นวิ่งออกจากประตูไป ถึงค่อยส่งพลังไปลบรอยแผลบนตัวเขา ก่อนเก็บสายตากลับมา
เหลียงชิวฉานมองเขาเงียบๆ รอจนคนผู้นั้นไปแล้วถึงได้เดินไปข้างเขา “ข้าได้ยินข่าวบางอย่างมา จีหมิ่นจวินยืมของวิเศษสลายวิญญาณมาจากอาณาจักรจื่อจิว อาจจะนำมาเพื่อต่อกรกับเจ้า”
“ข้าไม่เคยสั่งให้เจ้าทำเรื่องเหล่านี้”
หลินเจี้ยนหรูไม่มองนาง แต่กลับสัมผัสกลีบดอกไม้ ใช้มันเป็นมีดสังหารนกที่ร้องไม่หยุดตรงคาน
…………………………………..
บทที่ 362 คู่แค้นพบหน้า
โดย
Ink Stone_Romance
หลังจากออกมาจากถ้ำลมหนาว เขาไม่ได้มีท่าทีต่อนางดีขึ้นเลย แต่จะด่าก็ไม่ได้ไล่ก็ไม่ไป เขาไม่ได้อยากให้นางทำเรื่องเหล่านี้แต่แรก ไม่รู้ว่านางจะเกาะติดเช่นนี้ไปเพื่ออะไร!
“แต่เจ้าไม่อาจไม่ระวังจีหมิ่นจวิน! ไม่ว่าเรื่องอะไรนางก็ทำได้!” เหลียงชิวฉานไม่สนใจความเย็นชาของเขา เดินเข้าไปตรงหน้าสองก้าว “เจ้าก็รู้ว่านางอยากฆ่าเจ้ากับมือขนาดไหน ครั้งนี้เจ้ากลับมาอย่างโดดเด่น ทั้งยังได้รับตำแหน่งผู้อาวุโส นางจะยินยอมได้อย่างไร? นางต้องกำจัดเจ้าแน่นอน!”
“นั่นก็เป็นเรื่องของข้า!” เขาไม่อ้อมค้อม โยนแก้วไปไว้บนโต๊ะ
เหลียงชิวฉานชะงัก
เขารินเหล้าดื่ม เหลือบมองดอกไห่ถังที่อยู่ตรงหน้า “ไม่ต้องสนใจข้าอีก ไสหัวไป”
เหลียงชิวฉานตัวสั่น เม้มปากแน่น ก่อนจะจากไปอย่างเงียบงัน
เขาเหลือบมองนางที่เดินหายวับไปเล็กน้อย ยกกาเหล้าขึ้น ดื่มผ่านลงคอไป
เมื่อดื่มหมด แววตามุ่งร้ายก็ปรากฏผ่านไอเหล้า “จีหมิ่นจวิน?…”
มู่จิ่วที่ซ่อนอยู่ในชุดซ่อนเซียนใต้ต้นไห่ถังเห็นภาพนี้เข้าก็อดลูบคางไม่ได้
เมื่อดูเช่นนี้คล้ายกับเป็นนางที่เข้าใจผิดไป การที่เหลียงชิวฉานช่วยเขามาจากความเต็มใจ หลินเจี้ยนหรูได้ให้นางกินยามอมเมาหรือไม่? หรือชายบนโลกนี้ได้ตายจากไปหมดแล้ว?
นางครุ่นคิดถึงคำพูดเมื่อครู่ของเหลียงชิวฉาน ก่อนจะถอยจากไป
จีหมิ่นจวินคิดจะกำจัดหลินเจี้ยนหรู นางควรอยู่ที่ยอดเขาบัวหยกถึงจะดีที่สุด
ทางด้านยอดเขาบัวหยก จีหมิ่นจวินกำลังชี้หน้าด่าศิษย์ผู้หนึ่งอยู่
“ไม่มีโอกาสเลยเช่นนั้นหรือ?!”
ด้านหน้ามีศิษย์ยืนอยู่สามสี่คน แต่ละคนก้มหน้าก้มตา ไม่พูดจาอะไร
สีหน้าของจีหมิ่นจวินเขียวคล้ำ
แต่ไหนแต่ไรนางไม่เคยทำไม่สำเร็จตามใจนึก แต่ก่อนนางคิดว่าหลินเจี้ยนหรูเป็นเพียงสุนัขจนตรอก ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันที่เขาปีนขึ้นไปอยู่เหนือหัวนาง เขากลับกลายเป็นผู้อาวุโสของแรกพยับไปแล้ว ทั้งยังได้รับพลังบำเพ็ญจากลู่ยาเต้าจู่ ตอนนี้ฐานะของเขาสูงกว่านางมากนัก เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?
ทำไมต้องเป็นหลินเจี้ยนหรู?
หัวชิงผู้นี้หนังเหนียวนัก เขาตาบอดหรืออย่างไร? กลับยกย่องลูกนอกสมรสคนหนึ่งเช่นนี้!
“ไปเฝ้าอยู่ที่ยอดเขาพู่กันแดง หากมีโอกาสให้มาบอกข้า!”
นางคว่ำโต๊ะ เศษแก้วจานล้วนแตกกระจายไปโดนตัวเหล่าศิษย์ พวกเขารีบจากไปทันที
จีเพ่ยฟางที่อยู่ด้านข้างก็ยืนอย่างไม่สงบสุข เมื่อเห็นจีหวิ่นจวินนั่งลงในที่สุด จึงค่อยรวบรวมความกล้าเดินขึ้นไปข้างหน้า รินชาส่งให้นาง “ท่านแม่ได้โปรดระงับโทสะ หลินเจี้ยนหรูผู้นั้นคงผยองอยู่ได้ไม่นาน รอจนเขาร่วงลงมาก่อน ถึงตอนนั้นพวกเราค่อยกำจัดทิ้ง!”
“ข้าจะรอถึงตอนนั้นได้อย่างไร?” จีหมิ่นจวินกัดฟันพูด “มันต้องฆ่าพ่อของเจ้าแน่ น้องของเจ้าก็ด้วย มันกับหัวชิงไม่ใช่คนดี รอข้ากำจัดมันก่อนค่อยช่วยให้พี่ชายเจ้าขึ้นเป็นเจ้าสำนัก จากนั้นค่อยกำจัดหัวชิง!”
จีเพ่ยฟางกุมมือทั้งสอง ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี
หัวชิงคือเจ้าสำนัก และใกล้จะถึงขั้นจินเซียนแล้ว คิดจะกำจัดเขามันง่ายเสียทีไหน?
แต่นางก็ไม่ควรไปดับฝันจีหมิ่นจวินในตอนนี้ เพราะนางเองก็อยากเป็นน้องสาวเจ้าสำนัก!
“เจ้าคนแซ่กัวนั่นก็ไร้ประโยชน์! ขึ้นมาแรกพยับตั้งนานแล้วยังไม่เห็นจะได้เรื่องอะไรเลย! ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมทัพทหารสวรรค์ต้องส่งนางมา!” จีหมิ่นจวินเดินไปเดินมาอย่างโมโหเดือดดาล ใบหน้าบิดเบี้ยวเพราะโทสะ
จีเพ่ยฟางเห็นนางเป็นเช่นนี้ก็รู้สึกกลัวอยู่บ้าง มู่จิ่วเป็นเจ้าหน้าที่สวรรค์ นางด่าทอเช่นนี้ หากให้คนมาได้ยินเข้า มิใช่จะเป็นการหาเรื่องใส่ตัวหรือ? ดังนั้นจึงรีบเอ่ยปราม “ดึกแล้ว ท่านแม่กลับห้องไปพักผ่อนก่อนเถิด”
“เจ้าไปก่อนเถอะ!” จีหมิ่นจวินโบกมืออย่างรำคาญ
จีเพ่ยฟางพยักหน้าแล้วถอยออกไป
เมื่อเห็นนางเดินออกไปแล้ว จีหมิ่นจวินยังพึมพำกับตัวเองร่วมครึ่งชั่วยาม ถอนหายใจก่อนเดินไปทางเรือนด้านหลัง
ทั้งยอดเขาบัวหยกล้วนเป็นที่ของนาง แต่ก่อนยังมีหลินเซี่ยอยู่ด้วยคนหนึ่ง หลังจากเขาตายก็ไม่มีใครแบ่งอำนาจกับนางอีกแล้ว
ตรงเรือนด้านหน้าประตูทางเข้ารวมถึงห้องทั้งสองฟากถนนล้วนเป็นที่พักของเหล่าศิษย์ ส่วนเรือนด้านหลังเป็นที่พักของนาง หลินเซี่ย และเหล่าลูกสาวลูกชาย นางก้าวเข้าประตูไปยังเรือนหลัก ปิดประตู จากนั้นค้อมตัวลงล้างหน้าที่อ่างหยกขนาดสองฉื่อซึ่งติดไว้ตรงผนังข้างหนึ่ง ในอ่างหยกมีน้ำพุธรรมชาติไหลวนอยู่ โดยไหลมาจากน้ำตามธรรมชาติบนภูเขา น้ำเย็นฉ่ำทำให้โทสะในใจนางหายไปบ้าง
จีหมิ่นจวินล้างเครื่องชาดบนใบหน้าตรงโต๊ะเครื่องแป้ง กระจกสะท้อนภาพห้องอันกว้างขวางด้านหลังนาง แสดงให้เห็นถึงความว่างเปล่าหลายส่วน
ตั้งแต่หลินเซี่ยตายไป นางรู้สึกว่างเปล่าอยู่บางครั้ง
นางไม่ได้รักเขามากนัก ถึงแม้จะรัก แต่หลังผ่านการหักหลังในแต่ละครั้ง ความรักนั้นก็หายไปจนหมด ดังนั้นหลังจากเขาตายไปได้นานระยะหนึ่ง นางก็เริ่มไม่รู้สึกว่าตนที่เป็นภรรยาเขาควรจะเจ็บปวด แต่ช่วงนี้นางพลันรู้สึกว่าห้องนี้กว้างใหญ่เกินไปหน่อย
แม้ปกติหลินเซี่ยจะทำตัวเสเพลข้างนอก แต่ก็ไม่ถึงกับกินในสำนัก ยิ่งไปกว่านั้นยังติดที่นางเป็นผู้สนับสนุนอันแข็งแกร่งอยู่ข้างหลัง เขาจึงไม่อาจไม่เคารพนอบน้อมต่อหน้านางได้ และต้องยอมรับว่าเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องการเอาใจสตรี เขารู้ว่าพวกนางชอบฟังอะไร ชอบดูอะไร และต้องการอะไร
เขาจะยิ่งเก่งกาจในด้านนี้ขึ้นยามที่นางโกรธ และสุดท้ายนางก็ต้องดับไฟโทสะเป็นฝ่ายปราชัยไป เป็นแบบนี้มากเข้า จนนางเริ่มแยกไม่ออกว่ากำลังโกรธ หรือใช้ความโกรธบังหน้าเพื่อเรียกร้องให้เขาเอาอกเอาใจกันแน่
เช่นวันนี้ที่นางโกรธกริ้วมาก เขาต้องคอยทำตัวอ่อนน้อมอยู่กับนาง สรรหาวิธีมาปลอบประโลม ปกติไม่รู้สึกอะไร ตอนนี้กลับรู้ถึงความแตกต่าง
บางทีอาจจะเพราะนางอายุเท่านี้แล้ว จึงค่อยรู้สึกถึงความสำคัญของผู้ชาย
นางมองกระจกพลางลูบใบหน้า เอียงหน้ามองตนเองในกระจก ผิวหน้าไม่เรียบตึงเช่นตอนยังสาวอีกแล้ว ที่หางตามีริ้วรอยบางส่วน แต่ก็ยังไม่นับว่าแก่
หากหลินเซี่ยยังอยู่ก็คงดี…
ทำไมเขาถึงตายแล้วเล่า?!
…ต้องเป็นหลินเจี้ยนหรูฆ่าแน่นอน! จีหย่งฟางไม่ฆ่าหลินเซี่ยแน่ มีเพียงหลินเจี้ยนหรูเท่านั้นที่ทำได้!
นางพลันยืนขึ้นมา จากนั้นเดินเร็วๆ ไปยังผนังทางทิศเหนือ เปิดตู้ที่ฝังในกำแพงออก แล้วหยิบหยกขนาดเท่าปากชามออกมา!
นางต้องกำจัดสัตว์เดรัจฉานนั่น และทำให้จีเทียนอวี้กลายเป็นเจ้าสำนักให้ได้ ถึงแม้จะเป็นการฉีกหน้าทั้งสำนักแรกพยับก็ตาม!
“ปัง!”
เสียงที่ดังเข้ามาจากทางหน้าต่างทำให้นางตกใจ จีหมิ่นจวินได้สติกลับคืนมา เมื่อหันหน้าไปมองก็เห็นเพียงหน้าต่างที่ถูกปิดไว้ แต่ด้านในกลับมีคนผู้หนึ่งยืนอยู่!
“หลินเจี้ยนหรู!”
ใจของนางสั่นสะท้าน ยืนขึ้นมาทันที
หลินเจี้ยนหรูยังคงเหมือนหลินเจี้ยนหรูที่อยู่ที่สวนคนเดิม อาจจะดูเย็นชามากขึ้น ร่างของเขาสูงใหญ่ เสื้อนอกตัวใหญ่คลุมอยู่บนร่าง กำลังยืนอยู่ในเงามืด ดวงตาไม่แสดงออกถึงอารมณ์ ท่ามกลางแสงเทียนสลัวที่จุดไว้เพียงสามเล่ม มองไปแล้วเหมือนสัตว์ร้ายที่พร้อมโจมตี
“เจ้ามาทำอะไร?!” จีหมิ่นจวินมีลางสังหรณ์ไม่ดี แต่ไหนแต่ไรนางไม่เคยหวาดกลัวเจ้าเด็กนอกสมรสนี่มาก่อน และก็ไม่เคยกลัวที่จะให้เขารู้ถึงความเกลียดชังที่นางมีต่อเขา แต่ตอนนี้นางกลับหวาดกลัวอยู่บ้าง บางทีอาจจะเพราะเขามาโดยไม่ทันตั้งตัว หรือบางทีอาจเป็นเพราะเขาในตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว
……………………………………..
บทที่ 363 ต้องการจบเรื่อง
โดย
Ink Stone_Romance
นางยังไม่ลืมเก็บแผ่นหยกนั้นกลับเข้าไปในตู้
“ข้ามาทำอะไร หรือเจ้าจะไม่ได้คาดเดาไว้เลย?” หลินเจี้ยนหรูพูด ฝ่ามืดฟาดไปด้านหลังนาง
ตู้ด้านหลังพลันสลายเป็นผุยผง วงหยกนั้นก็ตกลงมาบนพื้นจนเกิดรอยแถวหนึ่ง
ของวิเศษเหล่านี้จะแสดงแสนยานุภาพได้ก็ต่อเมื่อมีคนใช้ หากไม่มีคนใช้ มันก็เป็นเพียงของไร้ประโยชน์
ลมปราณจากฝ่ามือพัดเอาผมของจีหมิ่นจวินขึ้นมา นางคิดไม่ถึงเลยว่าเขามาถึงก็ลงมือโจมตีของวิเศษที่นางยืมมาทันที ยิ่งไม่คิดว่าเขาจะรู้ว่าแผ่นหยกนี้มีไว้ใช้ทำอะไร…หรือเขารู้อยู่แล้วจึงมาเพื่อทำลายมัน!
“เจ้าคิดจะทำอะไร!” นางเบิกตากว้าง ทะยานไปหยิบกระบี่ที่วางอยู่บนโต๊ะชามา และเตรียมจะไปสั่นกระดิ่งตรงขอบหน้าต่าง
กระดิ่งนี้มีไว้สำหรับติดต่อ หากสั่นให้ดัง ไม่นานจีเทียนอวี้จะต้องนำศิษย์บนเขาบัวหยกมาล้อมรอบเรือนนี้แน่!
แต่นางยังไม่ทันได้แตะกระดิ่ง หลินเจี้ยนหรูเพียงสะบัดมือไป กระดิ่งนั้นก็ร่วงหล่นลงพื้น หายไปไม่เห็นแม้เงา!
จีหมิ่นจวินตระหนก ถือกระบี่ถอยหลังไปสองก้าว ก่อนหน้านี้ถึงแม้หงชิงจะยืนยันว่าพลังคนแซ่หลินแข็งแกร่งขึ้นมาก นางก็ยังคงมองเขาเป็นเพียงสวะที่ผู้คนเหยียบย่ำคนเดิม แต่กระบวนท่าทั้งสองเมื่อครู่กลับทำนางตกใจ หัวชิงบอกว่าเขาบำเพ็ญถึงขั้นหัวเสินแล้ว แต่ชัดเจนว่าเขาในตอนนี้แข็งแกร่งกว่านางมากนัก!
“ไสหัวไป!” นางตะโกนเสียงดังอย่างโกรธกริ้ว ใช้วิธีบางอย่างเรียกคนเข้ามา
“เจ้าเรียกพวกเขามาก็ไม่มีประโยชน์” หลินเจี้ยนหรูบอก “ตอนที่ข้าเข้ามาในห้องเจ้า ข้าก็ได้สร้างเขตพลังไว้แล้ว ต้องขอบคุณกฎอันเคร่งครัดในเรือนเจ้า จนถึงพรุ่งนี้ต้องไม่มีใครมารบกวนเจ้าแน่ ไม่ว่าตอนนี้ข้าทำอะไรกับเจ้า ก็จะไม่มีใครรู้”
ใบหน้าของจีหมิ่นจวินเปลี่ยนสี ในแววตาปรากฏความโกรธอย่างแท้จริง!
นางไม่เคยเห็นท่าทางเช่นนี้ของเขามาก่อน หลินเจี้ยนหรูเหมือนกับควบคุมทุกอย่างไว้ในมือแล้ว
นี่จะเป็นไปได้อย่างไร? เป็นไปไม่ได้!
เขาจะต้องอวดเบ่งและข่มขู่นางอยู่แน่!
จีหมิ่นจวินชักกระบี่ เคลื่อนพลังแล้วตรงเข้าโจมตี
นางมั่นใจในกระบี่นี้มาก นางมีพลังบำเพ็ญถึงห้าพันปีแล้ว หลินเจี้ยนหรูเพิ่งมีเพียงสี่ร้อยปีเท่านั้น!
แต่ตอนที่นางแทงกระบี่นี้ออกไป เพิ่งไปได้เพียงครึ่งทางก็ถูกฝ่ามือตีเข้าใส่!
…หลินเจี้ยนหรูมาถึงตรงหน้านางได้อย่างไรไม่รู้ มือหนึ่งซัดไปตรงอก อีกมือหนึ่งคว้าคมกระบี่ที่นางแทงออกมาไว้แน่น ครั้งนี้จีหมิ่นจวินเห็นแววตาของเขาชัดเจน นางตัวสั่นระริก กระอักเลือดออกมา จะถอนเท้าถอยกลับไป แต่กลับถอยไปไม่ได้!
นางเบิกตามองเขาอย่างโกรธแค้น จากนั้นวาดกระบี่ รวมพลังวิญญาณสะบัดเข้าไป หลินเจี้ยนหรูถอยไปทันที เหาะขึ้นกลางอากาศ เท้าหนึ่งเหยียบลงที่ลำคอนาง จีหมิ่นจวินร้องขึ้นมาอย่างเจ็บปวดก่อนหมอบลงไปกับพื้น!
หลินเจี้ยนหรูเดินเข้าไป ถือกระบี่ไว้ที่มือขวา เงื้อขึ้นหมายจะแทงเข้าที่หัวใจนางจากด้านหลัง!
“อย่านะ!”
นางลุกขึ้นมาอย่างร้อนรน กลิ้งไปหลบข้างกำแพง กัดฟันที่เต็มไปด้วยเลือดพลางเอ่ย “หากเจ้ากล้าฆ่าข้า อย่าคิดว่าจะมีจุดจบดี!”
หลินเจี้ยนหรูยกมุมปากขึ้น เท้าเหยียบลงไปบนอกนาง “เดิมทีข้าคิดจะใช้กระบี่นี้จบเรื่องทั้งหมด แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้ว”
เขาเดินไปตรงหน้าแผ่นหยกนั้นก่อนหยิบมันขึ้นมา จากนั้นเขวี้ยงลงพื้น ทำลายจนกลายเป็นผุยผง!
ใจของจีหมิ่นจวินก็กระตุกตาม นิ้วทั้งสิบจิกลงไปบนพื้นสุดกำลัง! แผ่นหยกนี้เป็นของวิเศษประจำอาณาจักรที่นางยืมมาจากอาณาจักรจื่อจิว แต่เขากลับทำลายมันอย่างไม่ลังเล! แววตาของนางส่องประกายมาดร้าย สูดลมหายใจเข้าลึกแล้วพุ่งเข้าไปหาเขา “เจ้าสัตว์เดรัจฉาน!”
หลินเจี้ยนหรูยื่นมือขวาไปบีบคอนางไว้ทั้งที่ยังไม่ได้เงยหน้าขึ้น
จนกระทั่งเลือดไหลจากมุมปากลงไปตามข้อมือ เขาถึงได้เงยหน้าขึ้นมองนาง แล้วเอ่ยว่า “เจ้าด่าข้าว่าสัตว์เดรัจฉาน? เช่นนั้นเจ้าเป็นตัวอะไร? เป็นภรรยาผู้ดุร้ายที่แม้แต่สามียังคุมไม่อยู่ เอาแต่ยืมสถานะของที่บ้านวางอำนาจบาตรใหญ่ อายุก็เพียงแค่ห้าพันปี กลับดูแก่ถึงเพียงนี้แล้ว ช่วงที่เป็นแม่ม่ายหลายปีนี้ก็ไม่เห็นมีชายใดเข้ามาเกี้ยวพาเจ้า”
“ข้าเริ่มเห็นใจหลินเซี่ยเสียแล้ว ตอนนั้นที่ยินยอมแต่งกับเจ้า เขาจะรู้สึกอย่างไรกันนะ? ข้าเดาว่าต้องรู้สึกราวกับอยู่มิสู้ตาย เจ้าดูตัวเจ้าสิ ในสำนักแรกพยับมีศิษย์หญิงหน้าตางดงามมากมาย เจ้าเทียบกับใครได้บ้าง? ถึงแม้หลินเซี่ยจะตายเร็วไปหน่อย แต่ข้าคิดว่าการตายนี้สำหรับเขาเป็นการปลดปล่อย อย่างน้อยจากนี้ไปเขาก็ไม่จำเป็นต้องยกย่องเทิดทูนภรรยาเช่นเจ้า”
สีหน้าของจีหมิ่นจวินซีดขาว กระอักเลือดออกมาอย่างห้ามไม่ได้
หลินเจี้ยนหรูชักมือกลับ ในที่สุดมุมปากก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม แต่คำพูดกลับทิ่มแทงจนทำให้คนตายทันที!
เขาเห็นนางลุกขึ้นมาอย่างทุลักทุเล จึงนั่งยองตามลงไป ดึงผมนางให้เงยหน้าขึ้นมา “ข้าได้ยินมาว่าก่อนที่แม่ข้าจะโดนเจ้ากับหลินเซี่ยรวมหัวกันวางยาพิษ ต้องคอยค้อมตัวคุกเข่าทำตัวอ่อนน้อมต่อหน้าเจ้า ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน เจ้าทำให้ข้าดูหน่อยสิ?”
“เจ้า เจ้าอย่าได้แม้แต่จะคิด!”
มือเท้าของจีหมิ่นจวินสั่นเทา อยากจะตบเขาสักฉาดแต่กลับไม่มีแรง
นางรู้สึกเหมือนได้รับการดูถูกอย่างรุนแรง ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันที่ถูกหลินเจี้ยนหรูลบหลู่ดูแคลน เขาต้องไม่ได้ตายดีแน่ ไม่แน่นอน!
“หากไม่ทำ ก็มีเพียงความตายเท่านั้นที่รออยู่” หลินเจี้ยนหรูไม่รู้ชักกริชเงินมาจากไหน ยกขึ้นมาเป่า จากนั้นพลิกข้อมือยกเอ็นข้อเท้าของนางขึ้นมาก่อน และเอ่ยภายใต้เสียงร้องโหยหวนของอีกฝ่าย “เดิมทีข้าไม่เคยคิดฆ่าพวกเจ้าเลย เพราะข้ารู้ว่าข้าสู้ไม่ได้ แต่ตอนนี้ข้าฆ่าคนเป็นแล้ว และรู้สึกว่าฆ่าไปสักหลายคนก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”
มือเขาเงื้อมีดขึ้นมา ตัดเอ็นข้อมือของจีหมิ่นจวิน
จีหมิ่นจวินหมอบอยู่บนพื้น หอบหายใจราวกับกล่องสูบลม
สีหน้าหลินเจี้ยนหรูกลับไม่แปรเปลี่ยน ปักมีดลงไปบนพื้น ยกริมฝีปากมองนาง “ถึงแม้ข้าทำเช่นนี้ เจ้าก็คงไม่ตาย ดังนั้นสิ่งที่ข้าจะทำต่อไปคือทำลายจิตต้นกำเนิดของเจ้า เพียงแค่มันแตกสลายไป เจ้าก็จะมีจุดจบเช่นเดียวกับหลินเซี่ย แน่นอน เจ้าสามารถสู้ได้ อย่างไรพลังบำเพ็ญของเจ้าก็ถึงห้าพันปีแล้วนี่”
“แต่ข้าย่อมไม่เปิดช่องให้เจ้าแน่”
หลินเจี้ยนหรูพูดพลางรวบรวมพลังวิญญาณไว้กลางฝ่ามือ กลุ่มควันลอยอวลออกมาจากฝ่ามือเขา ก่อนค่อยๆ รวมกันเป็นลูกกลมๆ ทั้งยังหมุนห่างจากฝ่ามือราวครึ่งฉื่อ
นัยน์ตาของจีหมิ่นจวินมีแววสิ้นหวังในที่สุด!
“อย่า อย่าฆ่าข้า!”
นางพยายามถอยไปด้านหลัง ความโกรธบนใบหน้าไม่มีให้เห็นแล้ว ความรู้สึกทั้งหมดกลายเป็นไม่อยากตาย
“สายไปแล้ว” หลินเจี้ยนหรูพูด “เมื่อครู่ข้าให้โอกาสเจ้า แต่เจ้าไม่รับไว้เอง”
“ข้ายอมแล้ว! ข้ายอมทำทุกอย่าง!” นางรีบร้อนตะโกนขึ้น “เจ้าบอกมาว่าเจ้าอยากให้ข้าทำอะไร! ข้ายอมทำทั้งหมด!”
นางจะยอมตายด้วยเงื้อมมือเจ้าสวะนี่ได้อย่างไร? ไม่ได้!
“ข้าให้เจ้าไปตาย!”
หลินเจี้ยนหรูไม่ลังเล ซัดฝ่ามือเข้าไปยังทรวงอกของนาง
จีหมิ่นจวินดิ้นรนหลบหลีก ร่างกระแทกกับกำแพง คิดจะโจมตีกลับก็ทำไม่ได้! ทางรอดเดียวของนางคือสร้างเขตพลังปกป้องจิตต้นกำเนิดก่อน! นางอาศัยตอนที่กลิ้งหลบรวมพลังปราณไว้ที่ตันเถียน ถึงแม้ไม่อาจขยับมือเท้า แต่พลังปราณยังสามารถรวมกันผ่านจุดชีพจรอื่นทั่วร่างได้
………………………..
บทที่ 364 เพราะความอัปยศ
โดย
Ink Stone_Romance
แต่หลินเจี้ยนหรูที่ได้พลังเสวียนหมิงเสริมอยู่ย่อมเคลื่อนไหวเร็วและรุนแรงกว่านางมากนัก! เขตพลังของนางยังไม่ทันสร้างสำเร็จ พลังวิญญาณที่ทลายภูเขาล่มทะเลในมือสองของเขาก็ถาโถมเข้ามา!
พลังปราณแท้ทั้งสองสายปะทะกัน เสียงดังตู้มดังขึ้นกลางอากาศ! หลังคาลอยหายไปในพริบตาเดียว ร่างของจีหมิ่นจวินลอยขึ้นกลางอากาศ จุดตันเถียนเกิดรูโหว่ขนาดเท่าปากชาม จิตต้นกำเนิดแหลกสลายเป็นชิ้นละเอียดนับไม่ถ้วน ก่อนจะลอยหายไปจากช่องโหว่บนหลังคา!
ควันดำหลายสายลอยกระจายไปทั่วทุกทิศตามกระแสอากาศ ไม่นานนักเรือนก็ตกอยู่ในความสงบ
“ท่านแม่!”
เสียงตื่นตกใจของจีเทียนอวี้ดังเข้ามาจากประตูลานบ้าน เขามองจีหมิ่นจวินชักกระตุกอยู่บนพื้นด้าน วิ่งเข้ามาพร้อมคำรามอย่างบ้าคลั่ง
ก่อนที่เขาจะเข้ามาถึง หลินเจี้ยนหรูสะบัดมือไปทางจีหมิ่นจวิน ทันใดนั้นร่างของนางก็ตกอยู่ในกองเพลิง!
“ท่านแม่!”
จีเทียนอวี้หยุดเท้าทันที หันกลับมามองหลินเจี้ยนหรูอย่างโกรธแค้น ชักกระบี่ออกมา จากนั้นร้องตะโกนพุ่งเข้าไปหมายจะฆ่าเขา
มู่จิ่วไม่ได้ออกจากห้องเลยตั้งแต่กลับมาจากเรือนของหลินเจี้ยนหรู
นางก็อยากรู้ว่าจีหมิ่นจวินจะก่อเรื่องอะไรภายใต้สายตานางที่เป็นเจ้าหน้าที่สวรรค์ ถึงแม้ตอนนี้นางกับหลินเจี้ยนหรูนับได้ว่าเดินกันคนละทางแล้ว แต่จีหมิ่นจวินก็ไม่ใช่คนที่ดีอะไร ได้หลักฐานการกระทำผิดจากนางก็ไม่เลว
แต่นางเข้าไปเขตเรือนด้านหน้าไม่ได้ เรือนแต่ละเรือนที่สำนักแรกพยับล้วนสร้างเขตพลังไว้ ดังนั้นพวกเขาปรึกษาอะไรกันนางย่อมไม่รู้
มู่จิ่วจึงรอไปพลาง ครุ่นคิดถึงเหลียงชิวฉานไปพลาง
ก่อนจะพลบค่ำ ฝออิงไปสืบข่าวมาให้เหลียงชิวฉาน มู่จิ่วตามนางมายังเขาพู่กันแดง เดิมทีคิดว่าหลินเจี้ยนหรูสั่งให้เหลียงชิวฉานทำอะไร ทั้งยังคิดว่าเหลียงชิวฉานทำสิ่งเหล่านี้เพราะเขาสั่ง แต่คิดไม่ถึงว่าเขากลับปฏิเสธความหวังดีของนาง
นี่ทำให้นางสับสนอยู่บ้าง มิใช่ว่าเขาเกลียดสำนักแรกพยับหรือ? ด้วยนิสัยของคนเช่นเขา ต้องหลอกใช้นางเสร็จแล้วค่อยกำจัดทิ้งมิใช่หรือ? ทำไมถึงได้ปฏิเสธนาง? เหลียงชิวฉานเองก็ประหลาด นางไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลินเจี้ยนหรูคิดอะไรกับสำนักแรกพยับ กลับยังทำแทนเขาด้วยซ้ำ!
หลังอาหารค่ำมู่จิ่วครุ่นคิดวุ่นวายอยู่ในห้อง กำลังคิดว่าจะพาอาฝูออกไปเดินเล่นรอบๆ ไหนเลยจะรู้ว่าเพิ่งลุกขึ้นมา อาฝูก็พลันกระโดดขึ้นทันที!
“เกิดเรื่องแล้ว พี่สาว!”
มู่จิ่วยังไม่ทันได้ถามกลับ ก็ได้ยินเสียงตู้มดังมาจากเขตเรือนด้านหลัง จากนั้นก็มีเสียงตะโกนดังตามมา!
นางมุ่งไปยังเขตเรือนด้านหลังทันที หยุดอยู่ตรงยอดหลังคา เห็นเรือนที่พักของจีหมิ่นจวินในเขตเรือนด้านหลังติดไฟ เสียงร้องคำรามของจีเทียนอวี้กับเสียงร้องไห้ของจีเพ่ยฟางตามมาติดๆ!
หรือจะเกิดเรื่องกับจีหมิ่นจวิน?
“ใต้เท้า!”
พวกหลี่อี้ก็มาหยุดอยู่ด้านข้างในพริบตา ประตูลานแต่ละบานต่างก็เปิดออก เหล่าศิษย์ของยอดเขาบัวหยกไหลบ่ามาราวกับน้ำ ล้วนมุ่งไปยังเขตเรือนด้านหลัง
มู่จิ่วขมวดคิ้ว ลูบหัวอาฝูที่อยู่ด้านหน้า ก่อนจะมุ่งไปยังที่เกิดเหตุ
คนเหล่านี้ช่างไม่ให้คนเตรียมใจเอาเสียเลย ก่อเรื่องขึ้นจนได้ ดูท่าทางแบบนี้แล้ว สักแปดเก้าในสิบต้องเป็นหลินเจี้ยนหรูแน่!
ทางเขตเรือนด้านหลัง จีหมิ่นจวินกลายเป็นเถ้าภายในเวลาไม่นาน
จีเทียนอวี้กำลังเข้าเข่นฆ่าหลินเจี้ยนหรู ถึงแม้เขาจะเพิ่งเป็นหัวเสิน แต่กำลังที่ปะทุมาจากความโกรธกลับไม่อาจดูแคลนได้เลย! หลินเจี้ยนหรูกับเขาผลัดกันออกกระบวนท่า ผ่านไปสิบกว่ากระบวนท่าก็ยังไม่ได้เปรียบอะไรมาก แต่จีเทียนอวี้สูญเสียการควบคุม หลินเจี้ยนหรูกลับมีท่าทีสบายๆ สีหน้าไม่เปลี่ยน การปะทะกันนี้ช่างทำให้ผู้ชมเหงื่อซึมฝ่ามือ!
“รีบไปเชิญเจ้าสำนักเร็วเข้า!”
หลังจีเพ่ยฟางชิดกำแพง ร้องไห้ตะโกนใส่ศิษย์ทั้งน้ำตา
ศิษย์หลายสิบคนแห่งเขาบัวหยกตกตะลึงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น! มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ตอบสนองเสียงร้องไห้ของนาง และรีบจากไปทันที!
ถึงแม้หลินเจี้ยนหรูจะรู้ว่าเกิดเรื่องแล้ว กลับไม่มีความหวาดกลัวเลย
เหมือนกับเขารอคอยวันนี้อยู่นานแล้ว ความแค้นมีอยู่มาโดยตลอด เพียงแค่บางครั้งก็ควรค่าแก่การอดทน แต่เมื่อคุณค่านั้นหายไป ความแค้นก็ไม่อาจเก็บซ่อนไว้ได้อีก
เขาเคยถูกถามมาก่อน เรื่องที่ทำให้มีความสุขมากที่สุดคือเรื่องอะไร? คลับคล้ายคลับคลาว่าเขาจะตอบไปว่า คือการพบเจอแหล่งน้ำหลังจากเดินกระหายน้ำอยู่ในทะเลทรายครึ่งเดือน คือการที่หญิงมั่นในรักได้เจอกับคนรักที่จากกันไปนาน คือการได้นอนหลับหลังจากทำงานมาตลอดเจ็ดวันเจ็ดคืน และคือการที่คลอดลูกคนแรกได้อย่างปลอดภัยหลังอายุเกินห้าสิบปี
แต่สำหรับเขาในตอนนี้ เรื่องที่มีความสุขที่สุดของเขาคือการที่ได้ฆ่าคนล้างแค้นตามใจปรารถนา!
ไม่ใช่ว่าเขาไม่มีความแค้น แต่เป็นโลกนี้เองที่ไม่เคยให้โอกาสเขาขจัดความเกลียดแค้นออกจากใจ!
เขารู้ว่าต่อไปต้องเผชิญกับอะไร โทสะของหัวชิง วงล้อมของคนทั้งสำนักแรกพยับ การไล่ล่าของเจ้าหน้าที่สวรรค์ เขาไม่มั่นใจเลยว่าจะสามารถหลบหนีไปได้อย่างปลอดภัย แต่เขาลากคนมากมายขนาดนี้มาตายด้วยกันได้ภายในคืนเดียว ก็นับว่าคุ้มค่า!
ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ช้าก็เร็ววันนี้จะต้องมาถึง เขาไม่อาจอ้างการเป็นศิษย์ของลู่ยาอาศัยอยู่ในโลกนี้ได้ตลอดไป งานเลี้ยงต้องมีวันเลิกราเสมอ
แต่เขาก็ไม่เคยใจร้อนมาก่อน! เขาไม่กังวลอนาคตของตัวเอง ราวกับหลังจากฆ่าหลินเซี่ยไปแล้ว เขาก็ไม่กลัวอะไร เขากังวลเพียงว่าจะช่วยนางชิวไม่ทัน และก็ไม่กลัวว่าลู่ยาจะได้ข่าวแล้วมาฆ่าตน เขายังแปลกใจอยู่เลยว่า ทำไมมู่จิ่วรู้เรื่องที่ตนอ้างชื่อเป็นศิษย์ลู่ยาเพื่อหลอกคนแล้ว ลู่ยาถึงยังไม่มาจัดการเขา?
แต่เขารู้ ถึงแม้จะยังไม่มาตอนนี้ ก็คงไม่ห่างจากวันนี้สักเท่าไหร่
เขายินยอมตายจากไปเช่นนี้จริงหรือ? ถึงแม้จะเตรียมใจตายไว้แล้วก็ตาม
การมาถึงของเหลียงชิวฉานได้จุดไฟในใจเขาขึ้นมา
การยั่วยุของจีหมิ่นจวินทำให้เขาคิดอยากฆ่าคน!
หากต้องตาย เขาก็ไม่คู่ควรจะเอาความอัปยศติดตัวไปด้วย
ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ลังเลมากมาย เข้ามาหาจีหมิ่นจวินก่อน
หากสามารถหลบหลีกได้แน่นอนว่าดีกับเขา แต่หากหลบหลีกไม่ได้ก็ไม่สำคัญ!
อันที่จริงเขาไม่ชอบสวมหน้ากากเข้าหาคน และยิ่งไม่ชอบหลอกลวงเพื่อให้ได้ความเชื่อถือของหัวชิงด้วย! แต่บางครั้งไม่จำเป็นต้องให้เขาโกหก คนเหล่านั้นก็มักจะหาเหตุผลให้เขาเอง สิ่งที่เขายิ่งชอบคือชีวิตที่ทำตามใจปรารถนา ไม่ว่าฆ่าคนหรือเรื่องอื่นใด
“หลินเจี้ยนหรู!”
จีเทียนอวี้เสียกระบวนท่าแล้ว เขาเพิ่งสบโอกาสจะเอาชีวิตจีเทียนอวี้อย่างสบายมือ กลับมีเสียงดังแหวกอากาศโดยพลัน
ได้ยินเสียงนี้เขาก็ชะงัก หันกลับไปมอง
การหยุดครั้งนี้ทำให้กระบี่แทงทะลุอกเขา! …จีเทียนอวี้มีคุณสมบัติเข้าชิงตำแหน่งเจ้าสำนัก แน่นอนว่าย่อมไม่อ่อนแอ การชะงักกลางคันนี้ทำให้กระบี่แทงทะลุอกเขาได้!
“เจ้าสัตว์เดรัจฉาน! เอาชีวิตแม่ข้าคืนมา!”
เสียงลอดไรฟันของจีเทียนอวี้แผ่วเบาอยู่บ้าง
หลินเจี้ยนหรูรู้สึกเพียงว่าช่วงอกเหมือนถูกทิ่มแทง ก้มหน้าลงไปมองเลือดที่ไหลทะลัก จากนั้นมองไปทางจีเทียนอวี้ที่ระเบิดความโกรธออกมา คลื่นอารมณ์ในดวงตาที่เพิ่งปรากฏในชั่วพริบตานั้นกลับคืนสู่ปกติ เขายกฝ่ามือขึ้นฟาดเข้าไปที่คออีกฝ่าย จากนั้นได้ยินเสียงดัง ‘ปัง’ ร่างของจีเทียนอวี้ก็ถูกเผาเป็นลูกไฟ!
…………………………
บทที่ 365 ฆ่าให้หมด
โดย
Ink Stone_Romance
“หลินเจี้ยนหรู!”
มู่จิ่วที่ยืนอยู่ตรงปากประตูลานบ้านเห็นเหตุการณ์ มือเท้าก็พลันเย็นเฉียบ
นางไม่เคยเห็นภาพที่โหดร้ายเช่นนี้ และเขาที่เย็นชาเช่นนี้มาก่อน!
เขากลายเป็นมารที่บ้าคลั่งไปแล้ว?!
กระบี่ยาวในมือสั่นเทา เลือดสีแดงฉานแต่ละหยดกระตุ้นดวงตาทั้งคู่ของนาง!
“เจ้าคิดจะฆ่าคนทั้งหมดหรือ?”
นางลอยตัวขึ้นไป ความโกรธทำให้นางดูไม่เหมือนเดิม นางไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องราวจะบานปลายเช่นนี้ เขาเพียงได้พลังของชายชุดเขียวมาเท่านั้น ตอนนี้กลับจะเป็นศัตรูกับทุกคน?!
นางไม่สามารถห้ามได้หากเขาคิดจะล้างแค้น แต่นางที่เป็นทหารสวรรค์อยู่ที่นี่ จะยอมให้เขาทำตามอำเภอใจได้อย่างไร? เดิมทียังมีทางแก้ปัญหาที่ดีกว่า ตอนนี้เขากลับบีบตัวเองเข้าสู่หนทางแห่งความตาย!
“เจ้าไม่ต้องยุ่งกับข้า!” หลินเจี้ยนหรูกัดฟันตะโกนด้วยความโกรธ
เดิมทีเขาไม่โกรธเกรี้ยวอะไร แต่คำว่าสัตว์เดรัจฉานจากปากจีเทียนอวี้ได้ทำให้ไฟโกรธปะทุขึ้นมาอีกครั้ง!
เขาคิดไปว่าหลังจากกำจัดจีหมิ่นจวินแล้ว พวกนี้จะแข้งขาอ่อนนอบน้อมอยู่ใต้เท้าเขา! คิดว่านับแต่บัดนี้พวกมันจะกลับมามองเทิดทูนเขาเหมือนกับสุนัขตัวหนึ่ง! ดังนั้นเขาจึงจงใจเผื่อเวลาไว้มากขนาดนั้นให้จีเทียนอวี้ เขาคิดว่าหากจีเทียนอวี้คุกเข่าลงขอร้องเขา ก็อาจจะปล่อยไปได้เหมือนกับที่ปล่อยหูเจียงเต๋อ
แต่จีเทียนอวี้ไม่ได้ทำ กลับยังด่าเขาว่าสัตว์เดรัจฉานแม้วินาทีสุดท้ายที่เผชิญหน้ากับความตาย!
การเกิดเป็นลูกนอกสมรสคือความผิดของเขาหรือ?
ไม่ใช่!
เขาไม่ได้คิดจะมาเกิดในท้องนางชิวเสียหน่อย!
เขาไม่ได้คิดจะเกิดมาเป็นลูกชายของหลินเซี่ย!
ทั้งหมดนี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาเลือก แต่ทำไมเขาถึงเปลี่ยนมันไม่ได้ ไม่มีหนทางทำให้พวกเขารามือ ไม่มีหนทางให้เขาล้างความอัปยศอดสูที่เคยได้รับมา!
“เจ้าโทษข้าไม่ได้!” เขาส่ายหน้า หยิบยาห้ามเลือดขึ้นมากิน กัดฟันถอยหลังไปสองก้าวก่อนเอ่ยว่า “ไม่ใช่ว่าข้าอยากให้เป็นแบบนี้ แต่เป็นเพราะโลกนี้ไม่เคยมอบหนทางดำเนินชีวิตให้ข้าเลย ไม่เคยมอบโอกาสที่จะใช้ชีวิตเยี่ยงมนุษย์ทั่วไป ไม่มีใครเคยพิจารณาว่าตนเองมีความผิดอะไรบ้าง ไม่มีใครเคยคิดว่าสักวันหนึ่งพวกมันจะต้องตกนรก!”
“ข้ามักจะบอกตนเองว่าอย่าให้ใครมากำหนดชะตาชีวิต แต่ที่จริงก็ไม่ได้มีใครกำหนดข้า เป็นชะตาชีวิตที่ขีดเส้นไว้ให้ข้า! เจ้าไม่อาจร้องขอให้ข้าเติบโตมาแบบนี้ ทั้งยังให้ใช้ชีวิตแบบสุนัขต่อไปตลอดชีวิตที่เหลืออยู่!”
เขาคำรามพลางพุ่งเข้าไปจับจีเพ่ยฟางที่ตกใจจนเข่าอ่อนอยู่ตรงกำแพงทางใต้ ก่อนมองนางอีกครั้ง “พวกเจ้าแต่ละคนหวังเพียงให้ข้าละทิ้งความแค้น แล้วเมื่อไหร่จะหยุดทำร้ายข้า? ในสายตาของพวกเจ้าข้าก็เหมือนเนื้อร้าย แต่ไหนแต่ไรไม่เคยสนใจว่าทำไมข้าถึงได้กลายเป็นแบบนี้! หากต้องเอ่ยถึงต้นตอของความเลวร้าย นั่นมิใช่พวกเจ้าหรอกหรือ!”
เขายกมือกดลงไปที่กระหม่อมของจีเพ่ยฟาง ดวงตาทั้งสองของจีเพ่ยฟางเหลือกขึ้น ก่อนจะทรุดลงไปทันที
มู่จิ่วชักกระบี่กระโดดขึ้นกลางอากาศ คมกระบี่ไม่เอียงแม้แต่น้อย
นางเข้าใจความเจ็บปวดของเขา แต่การหยุดยั้งการฆ่าคือหน้าที่ของนาง คนที่ตายไปหลายคนนี้เพียงพอแล้ว หากเขายังฆ่าต่อไปจะไม่มีหนทางให้หวนกลับอีก!
หลินเจี้ยนหรูโยนจีเพ่ยฟางทิ้งไป ชักกระบี่บินมุ่งเข้าหานาง
พลังบำเพ็ญของมู่จิ่วบวกกับพลังที่มู่หรงเสวี่ยจีมอบให้นางอีกหนึ่งพันปี รวมเป็นสามพันปีเท่านั้น แต่กระบวนท่าแหสวรรค์ตาข่ายกระบี่ที่หลิวหยางสอนให้กลับไม่ธรรมดา! หลินเจี้ยนหรูเคยเห็นด้วยตาตัวเองมาก่อนตอนทดสอบเข้าทัพทหารสวรรค์ ตอนนั้นใช้แรงเพียงหนึ่งส่วนเท่านั้น แต่กระบวนท่านั้นกลับทำให้นางสอบติดอันดับหนึ่งในห้า ตอนนี้นางทุ่มกำลังทั้งหมด ไม่เพียงอาคารบ้านเรือนจะเริ่มสั่น กระทั่งยอดเขารอบด้านยังเริ่มสั่นไหว!
หลินเจี้ยนหรูไม่กล้าผลีผลาม ถึงแม้ยามปกติกำลังของเขาจะมากกว่านางไม่น้อย แต่คืนนั้นพลังวิญญาณในร่างนางแข็งแกร่งนัก นางกับลู่ยาอยู่ด้วยกัน ยากจะบอกว่าลู่ยาไม่ได้ให้ของวิเศษอะไรกับนางเลย หากคิดจะรอดไปจากแรกพยับ เขาต้องผ่านนางไปให้ได้!
หากมีโอกาสสักนิด ทำไมเขาต้องตายด้วย?
การต่อสู้ครั้งนี้เป็นการต่อสู้เพียงครั้งเดียวของพวกเขาตั้งแต่รู้จักกันมา มู่จิ่วไม่ไว้ไมตรีเขาเลยแม้แต่น้อย หลินเจี้ยนหรูก็ไม่ผ่อนปรนแรงเช่นกัน
เงากระบี่สะท้อน พลังวิญญาณหมุนตลบอยู่บนเขาบัวหยก เสียงหวีดหวิวของต้นสนดังขึ้นมา ไม่จบไม่สิ้น
ตอนที่หัวชิงนำคนมาถึง ท้องฟ้าก็เริ่มเปลี่ยนสีแล้ว บนฟ้าเห็นเพียงเงาสองสายพัวพันกันไปมา!
จีเพ่ยฟางที่หวาดกลัวสุดขีดนอนอยู่บนพื้น ยังมีศิษย์ที่ถูกเข้าใจผิดกลุ่มหนึ่ง ส่วนอาฝูและหลี่อี้เฝ้าอยู่ที่ประตูลานบ้าน ไม่ยอมให้ผู้ใดรุกล้ำ
หัวชิงกลั้นลมหายใจมองคนทั้งสองที่อยู่บนฟ้า ตกใจจนไม่รู้จะพูดอะไรดี! หลินเจี้ยนหรูเป็นคนที่เขาเชิญมา ทั้งฐานะตำแหน่งเขาก็ยกย่องขึ้นมาให้ ตอนนี้เกิดเรื่องใหญ่ เกรงว่าหลินเจี้ยนหรูจะเป็นคนฆ่าหลินเซี่ยและลูกสาวของเขา เช่นนั้นหัวชิงก็หนีไม่พ้นแล้ว! สายตาเขามองเห็นแต่ความรุ่งโรจน์ในตำแหน่งหน้าที่ เรื่องนี้กลับทำลายความฝันเอาในตอนท้าย เลือดลมของเขาพลุ่งพล่าน แต่กลับพูดไม่ออก เพียงยืนนิ่งอยู่ตรงระเบียงทางเดิน
ทุกกระบวนท่าของมู่จิ่วไม่เหลือทางถอยไว้เลยแม้แต่น้อย
ต่อให้หลินเจี้ยนหรูเก่งกว่านี้ แต่สุดท้ายบนสนามรบก็ไม่ใช่คู่มือของนาง และส่วนที่เป็นจุดแข็งของเขาก็อยู่ที่พลังบำเพ็ญกับพลังวิญญาณเท่านั้น อีกทั้งเขาไม่ได้ทุ่มเทกำลังเข้าโรมรันกับนาง ดังนั้นเมื่อเทียบกันแล้วจึงยังดูอ่อนกว่าเล็กน้อย หลังจากปะทะกันไปหลายร้อยกระบวนท่า เขาก็พลาดท่าบ้างแล้ว
“ข้าไม่มีความแค้นกับเจ้า ทำไมต้องเข้ามายุ่ง!”
เขากัดฟันส่งเสียงออกไป
“ข้าไม่ได้ยุ่งเรื่องของคนอื่น ข้าเพียงทำเรื่องที่ข้าควรทำ! เจ้าวางกระบี่ลงเสีย แล้วกลับสวรรค์ไปกับข้า ข้าจะช่วยพูดให้ต่อหน้าฝ่าบาทและเหนียงเหนียง!”
มู่จิ่วตะโกนตอบ
“ไม่มีประโยชน์!” หลินเจี้ยนหรูกวัดแกว่งกระบี่พร้อมตะโกน “ไม่มีประโยชน์ตั้งแต่ชายชุดเขียวมอบพลังให้ข้าแล้ว! ข้าถูกกำหนดให้เป็นมาร ใครก็ช่วยข้าไม่ได้ทั้งนั้น!”
เขาจำได้ว่าชายชุดเขียวบอกว่าเขาจะตายด้วยเงื้อมมือนาง ไม่ว่าเขาจะไม่เชื่อสักเท่าไหร่ ตอนนี้มันก็ใกล้เข้ามาแล้ว!
แต่เขาไม่อยากตาย! เขาไม่มีความผิด! คนเหล่านี้ทั้งหมดต่างหากที่สมควรตาย!
ช่างหัวเหตุผล ช่างหัวกฎของเขา ตั้งแต่นี้เขาจะใช้ชีวิตเพื่อตนเองเท่านั้น!
เขาโจมตีไปทางพวกหลี่อี้ มู่จิ่วระเบิดโทสะ กระบี่ยาวในค่ายกลกระบี่บินว่อนอยู่กลางอากาศในเวลาเดียวกัน ล้อมเขาเอาไว้ทั่วทุกทิศ
มือทั้งสองของหลินเจี้ยนหรูยุ่งอยู่กับการรับมือ สุดท้ายแขนก็โดนเข้ากระบี่หนึ่ง
เลือดสดไหลออกมาเปื้อนบนแขนเสื้อ ให้ความรู้สึกเหนอะหนะ เขาจึงรู้สึกรำคาญ อยากจะหลุดพ้นออกจากวงล้อมนี้ให้เร็วที่สุด เขาเล็งเห็นช่องว่างหนึ่ง จึงกัดฟันเสี่ยงออกจากค่ายกลกระบี่ ขณะคว้าโอกาสทองตอนหน้าสิ่วหน้าขวานท่ามกลางประกายคมกระบี่ เขานั่งขัดสมาธิบนเมฆ รวบรวมพลังวิญญาณโจมตีมู่จิ่ว!
แท่งแสงขนาดเท่านิ้วมือซึ่งรวบรวมจากพลังวิญญาณเหมือนกับใบมีด ไม่เพียงมุ่งเข้าหานาง ขณะเดียวกันยังพุ่งเข้าหาทุกคนที่อยู่โดยรอบ!
พริบตาเดียว เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นมาจากที่ไกลๆ แสงสีแดงฉานส่องสว่างไปครึ่งฟ้า ดวงตาทั้งสองของมู่จิ่วที่ยืนนิ่งอยู่อาบไปด้วยสีแดง!
หัวชิงตะโกนให้ทุกคนถอย สุดท้ายตนเองก็ทนไม่ไหว เรียกคนข้างกายเหาะขึ้นไปบนฟ้า ยื่นมือใช้กระบวนท่ากรงเล็บวิหควิญญาณไปจับหลินเจี้ยนหรู!
กรงเล็บวิหควิญญาณเป็นท่าไม้ตายของเขา เมื่อส่งกระบวนท่านี้ออกไป แม้หลินเจี้ยนหรูจะมีพลังบำเพ็ญมากกว่านี้สามพันปีก็ยังต้องได้รับบาดเจ็บสาหัส
มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่จะทำให้เขายังมีชื่ออยู่ในแรกพยับ มิฉะนั้นแล้ว ใครจะเชื่อว่าเขาไม่ได้สมรู้ร่วมคิดกับหลินเจี้ยนหรู?
ดังนั้นเขาจึงออกแรงกระบวนท่านี้ไปถึงสิบส่วน
แต่เขาเพิ่งเหาะไปได้ครึ่งทาง เลือดลมในอกกลับปั่นป่วน ก่อนกระอักเลือดออกมาเป็นสายอย่างไม่อาจควบคุม! และตอนที่เขาก้มหน้าลงไม่ทันระวังตัว ตรงหน้าก็มีกระบี่แทงเข้ามาในอกลึกถึงห้าชุ่น…
หัวชิงเงยหน้าขึ้น ตรงหน้าคือเหลียงชิวฉานที่ยืนถือกระบี่อยู่บนเมฆด้วยใบหน้าซีดขาว นางเดินโงนเงน เกือบจะร่วงลงพื้น
…………………………………………..
บทที่ 366 ยามหน้าสิ่วหน้าขวาน
โดย
Ink Stone_Romance
“เจ้า!”
เขาไม่ไว้ไมตรีใดๆ ทั้งสิ้น และไม่ได้ขบคิดมากนัก ซัดฝ่ามือเข้าหานางทันที!
เหลียงชิวฉานก็ไม่ขยับ ปิดตาทั้งสองขณะน้ำตาสองสายหลั่งริน
แต่ฝ่ามือนี้ของหัวชิงกลับซัดโดนเพียงอากาศว่างเปล่า ไม่เพียงแค่โดนอากาศ ทั้งร่างกลับเอียงไปด้านข้าง…หลินเจี้ยนหรูมาขวางอยู่ข้างหน้าเหลียงชิวฉานในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน มือทั้งสองโจมตีมาทางเขา หัวชิงที่พลังปราณแท้สลายอ้าปากกระอักเลือดออกมา ก่อนจะกระเด็นถอยหลังตกลงไป!
หลินเจี้ยนหรูสะบัดมือสังหารไปทั่วทุกทิศ ลูกศิษย์ที่เฝ้าระวังอยู่รอบด้านพากันร้องโหยหวน แขนขาถูกตัด เลือดสดไหลนอง!
“หลินเจี้ยนหรู!”
มู่จิ่วที่มองดูเหตุการณ์ทั้งหมดพลันตะโกนขึ้นอย่างเดือดดาล แววตาเย็นชา เลือดลมในร่างเดือดพล่านราวกระแสน้ำในแม่น้ำเจียง!
ขณะมองเขาที่อยู่ตรงหน้า พลังวิญญาณในร่างนางพลันไหลบ่าออกมาไม่หยุดดุจคลื่นตีทำนบแตก นางสะบัดฝ่ามือ กระโดดขึ้นกลางอากาศ ส่งพลังที่ถล่มภูเขาทลายทะเลไปยังกระหม่อมของหลินเจี้ยนหรูด้วยความเร็วอันไร้เทียมทาน!
“เจ้ารีบไป!”
ตอนที่เห็นมู่จิ่วเงื้อมือขึ้นมา เขาก็รู้แล้วว่าตนเองหนีไม่พ้น
หลินเจี้ยนหรูกัดฟันยืนตรง รอการโจมตีนี้มาทำลายกระหม่อมเขาอย่างสงบ เขาไม่โทษนาง นี่เป็นทางเลือกของเขา หากนี่เป็นจุดจบที่ลิขิตไว้ เช่นนั้นจะตายในน้ำมือนางเขาก็ไม่โกรธไม่เสียใจ
“เจ้าหลบไป!”
แต่ตอนนี้เอง เหลียงชิวฉานที่อยู่หลังเขาพลันเข้ามาขวางตรงหน้า ยังไม่ทันได้ตอบสนองอะไร ฝ่ามือของมู่จิ่วก็ซัดลงบนหัวของนาง ถึงแม้ตอนคับขันมู่จิ่วจะเก็บพลังวิญญาณลงไปตามสัญชาตญาณ แต่ไหล่ซ้ายของเหลียงชิวฉานกลับไม่โชคดีนัก
เหลียงชิวฉานร้องอย่างเจ็บปวด ก่อนจะหลับตาหงายหลังลงไปในหมู่เมฆ
หลินเจี้ยนหรูมองภาพนี้ด้วยความตะลึงงัน ทั้งร่างราวกับถูกแช่แข็ง!
“ศิษย์พี่ฉาน!”
เขาตะโกนพร้อมพุ่งลงไปที่พื้น ค่อยๆ ดึงนางเข้ามาหา
มู่จิ่วตามมาติดๆ มือทั้งสองซัดพลังวิญญาณเข้าหาเขาอีกครั้ง!
หลินเจี้ยนหรูไม่สนใจ มองเหลียงชิวฉานในอ้อมอกอย่างตกตะลึงท่ามกลางลมพัดแรง
เหลียงชิวฉานมองมู่จิ่วที่ยิ่งใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ยืดตัวพุ่งเข้าไปหาอีกฝ่าย มู่จิ่วถูกกอดรัดไว้ มือกดลงที่ช่วงอกของนาง จึงไม่อาจโจมตีออกไปได้!
“รีบไปสิ!” เหลียงชิวฉานตะโกนพลางกอดมู่จิ่วไว้แน่น
แววตาของมู่จิ่วแน่นิ่ง สลัดแขนนางออก ก่อนเข้าโจมตีหลินเจี้ยนหรูอีกครั้ง!
เหลียงชิวฉานพุ่งเข้าไปอีกครั้ง ครั้งนี้นางหลบไม่ได้ มู่จิ่วซัดฝ่ามือเข้าใส่กลางอกจนลอยไปกลางอากาศราวกับขนนก สุดท้ายร่วงลงบนพื้น ปิดตานอนตัวงอ ไม่ขยับเขยื้อนอีกแล้ว!
…ลู่ยาที่เสร็จสิ้นการค้นหากำลังหลับตานั่งขัดสมาธิอยู่ในคลื่นจิตพสุธา ตอนนี้เขากลับลืมตาขึ้นมาพร้อมชายชุดเขียวที่นั่งอยู่ข้างๆ!
หงจวินลุกขึ้นมาพูด “พลังวิญญาณของนางเคลื่อนไหวรุนแรง สูญเสียสัญชาตญาณเดิม เจ้าต้องรีบไปทันที!”
ลู่ยาลุกขึ้นมาทันควัน แต่ชายชุดเขียวที่อยู่ข้างๆ อาศัยพลังที่แข็งแกร่งกว่าหายไปในอากาศก่อนแล้ว…
“ศิษย์พี่ฉาน!”
หลินเจี้ยนหรูทะยานกลับมา ดวงตาเบิกกว้างเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ!
นางกลับตายเพื่อเขา?
ลำคอแห้งผากของเขาขยับขึ้นลง มองนางที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น จากนั้นมองไปทางมู่จิ่วท่ามกลางความพร่าเลือน สองเข่าพลันอ่อนแรง กัดฟันอุ้มร่างเหลียงชิวฉานหายตัวไปในเงามืด…
“อย่าให้เขาหนีไปได้!”
เสียงนี้ดังสะท้อนไปทุกทิศ เรียกสติของมู่จิ่วกลับมา แววตาของนางแข็งกร้าว ยกเท้าขึ้นหมายจะตามไป! แต่ตอนนี้เอง กลับมีมือคู่หนึ่งยื่นเข้ามา จี้สะกัดจุดนางด้วยความเร็วที่ไม่อาจมีใครเปรียบได้ จากนั้นดึงนางไปในทิศตรงกันข้าม…
ตอนที่ลู่ยาจับนางยังรู้สึกได้ถึงพลังวิญญาณที่เดือดพล่านในร่าง เขาไม่พูดพร่ำทำเพลง ลากนางกลับไปยังคลื่นจิตพสุธาทันที
นางเป็นบุตรีแห่งหกวิญญาณ ต้องพากลับไปยังคลื่นจิตพสุธาเท่านั้นถึงจะกำราบพลังวิญญาณของนางให้สงบได้ และสถานการณ์ของนางตอนนี้ ชัดเจนว่าวิญญาณมารในร่างสูญเสียการควบคุม หากเขามาช้ากว่านี้อีกก้าวหนึ่ง หลินเจี้ยนหรูต้องหนีไม่พ้น ถูกนางกำจัดจนวิญญาณแตกซ่านแน่!
เขาพานางไปพักยังห้องที่ลู่จีเคยอาศัย เตียงโต๊ะเก้าอี้ถูกจัดวางอย่างง่ายๆ เรื่องราวหลังจากที่พวกเขาพบหน้ากันแล้วจะยุ่งยากนัก แต่เดิมเขาคิดว่าจะรอจนผ่านไปหลายวัน สงบใจให้ได้หมดจดก่อนค่อยกลับสวรรค์ไปพบนาง ไหนเลยจะรู้ว่าความคิดคนหรือจะสู้ลิขิตฟ้า กลับเกิดเรื่องกับนางขึ้นในจังหวะนี้เสียได้! เมื่อรูปการณ์เป็นอย่างนี้แล้วเขาเลยต้องใช้เวลาเตรียมตัวเตรียมใจก่อน
หลินเจี้ยนหรูพาเหลียงชิวฉานออกจากแรกพยับ วิ่งไปข้างหน้าอย่างไม่คิดชีวิต ไม่รู้ว่าถึงไหนแล้ว เมื่อรู้สึกว่าด้านหลังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ตามมาจึงหยุดลงที่เนินเขาลูกหนึ่ง
เขารู้ว่าตนเองทำอะไรอยู่ ฆ่าจีหมิ่นจวิน ฆ่าจีเทียนอวี้ คนสำนักแรกพยับมาหนึ่งคนเขาก็ฆ่าหนึ่งคน! เขาไม่เสียใจที่เป็นศัตรูกับทุกคน ไม่เสียใจที่จะตายในเงื้อมมือมู่จิ่ว ถึงแม้สุดท้ายจะมีจุดจบคือการดับสูญ! แต่เขาไม่คิดเลยว่าในช่วงสำคัญสุดท้าย เหลียงชิวฉานที่เย็นชาต่อกันมาตลอดจะยอมตายแทนเขา…
หลินเจี้ยนหรูรู้สึกว่าจิตวิญญาณของเขายังคงวนเวียนอยู่ในเหตุการณ์นั้น ร่างทั้งร่างรู้สึกว่างเปล่า…
ตอนนี้ในสายตาเขามีเพียงเงาของนาง เป็นภาพตอนที่นางร่วงลงสู่พื้น!
เขาไม่เข้าใจว่าทำไมนางต้องทำเช่นนี้ แต่ใจเขาผุดความรู้สึกประหลาดขึ้นมา…
เขาเข้าใจว่าไม่มีใครในสำนักแรกพยับมองเขาเป็นมนุษย์คนหนึ่ง เข้าใจมาตลอดว่านางแกล้งทำดีด้วย คิดมาตลอดว่านางมีเป้าหมายอื่น ถึงแม้เห็นนางร้องไห้จะเป็นจะตายในถ้ำลมหนาว เห็นนางวิ่งวุ่นช่วยเขา เขาก็ไม่เคยคิดจะยอมรับนาง ไม่เคยคิดจะเชื่อนาง!
แต่ตอนนี้นางกลับใช้ชีวิตตนยืนยันความจริงใจกับเขา…
สุดท้ายแล้วเขาพลาดที่ตรงไหน…เขาเข้าใจว่าบนโลกใบนี้มีเพียงมู่จิ่วที่โง่เง่าเช่นนั้น ถึงจะดีกับเขาอย่างไร้เงื่อนไข เดิมทีนอกจากนางแล้ว ยังมีคนอื่นอีกหรือไม่?
“ข้าดีขนาดนั้นเลยหรือ?”
เขาพึมพำพลางนั่งลงบนพื้น สายตาพร่าเลือนเล็กน้อย
ทว่าเหลียงชิวฉานไม่มีหนทางตอบเขาได้อีกแล้ว
นางไม่อาจวิ่งวุ่นช่วยเขาได้อีกตลอดกาล!
เขายื่นมือไปจัดสาบเสื้อของนาง ดึงนางเข้ามากอดไว้ แล้ววิ่งออกไปไกลอย่างบ้าคลั่ง…
ทางด้านมู่จิ่วกำลังหลับลึกอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
จนในที่สุดนางเริ่มรู้สึกตัวลืมตาขึ้นมา ก็พบว่าตนเองมาอยู่ในห้องที่ไม่คุ้นเคยอีกแล้ว!
นางรีบลุกขึ้นมาสำรวจรอบๆ ด้านล่างมีเตียงหลังหนึ่ง แม้จะพบเห็นได้น้อยแต่ก็ดูออกว่าเป็นผ้าห่มไหมเนื้อดี รวมถึงหมอนและม่านมุ้ง! ม่านสวยงามยิ่งนัก เป็นลวดลายดอกไม้นานาพรรณ ห้องสร้างขึ้นจากหยก แต่ละชิ้นประณีตนัก ราวกับงานฝีมือของเทพ ในห้องมีโต๊ะเก้าอี้ครบครัน ส่วนใหญ่สร้างมาจากหยก มีไม้กำยานชั้นดีบ้าง แต่กลับทำเป็นของใช้ชั้นต่ำเช่นที่เหยียบเท้าเป็นต้น!
นางพลันนึกถึงห้องที่เจอชายชุดเขียวตอนอยู่ถิ่นทุรกันดารทางเหนือ!
ห้องนั้นก็แปลกประหลาดเช่นนี้
มู่จิ่วจึงนึกถึงคนที่พานางออกมาจากแรกพยับ คงไม่ใช่ว่าคนที่ลักพานางมาอีกครั้งนี้ก็คือเขาหรอกนะ?!
นางรีบย้อนความทรงจำช่วงก่อนจะหมดสติไปในสมองอีกครั้ง ใช่แล้ว…ตอนนั้นนางกำลังจะไล่ฆ่าหลินเจี้ยนหรู เป็นเขาที่จู่ๆ ปรากฏตัวออกมาพานางไป ในเมื่อหลินเจี้ยนหรูบอกว่าคนที่ให้พลังเขาคือชายชุดเขียว เช่นนั้นการที่ชายชุดเขียวออกมาช่วยให้เขาหลบหนีก็เป็นเรื่องที่เป็นไปได้! ที่แท้พวกเขาก็ลงเรือลำเดียวกันจริงๆ!
นางคืนสติมาทันที กระโดดลงจากเตียง
เมื่อครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ค่อยหยิบไข่มุกราตรีจากกำไลไม้มาวางบนฝ่ามือ
………………………
บทที่ 367 ข้าไม่ใช่ผี
โดย
Ink Stone_Romance
เบื้องหน้าสายตาพลันสว่างขึ้น
ห้องนี้มีทั้งหน้าต่างและประตู!
ใจนางเต้นระรัว กระทั่งรองเท้าก็ยังไม่ได้สวม ยื่นมือไปผลักหน้าต่างเปิดออก ภายใต้ฟ้ามืดและดวงดาว ห้องที่ทั้งเย็นและสูงใหญ่พลันปรากฏแสงอ่อนๆ ที่แท้นี่เป็นคฤหาสน์ใหญ่หลังหนึ่ง!
ถึงแม้ฟ้ามืดทำให้มองเห็นไม่หมดทั้งหมด แต่เมื่อมองจากความแข็งแรงของฐานประตูแล้ว ที่นี่ต้องเป็นสิ่งปลูกสร้างที่ยิ่งใหญ่มากแน่ เพียงแต่กลับแห้งแล้งนัก กระทั่งร่องรอยของหญ้าสักต้นก็ไม่มี หากบอกว่าเป็นคฤหาสน์ มิสู้บอกว่าเป็นหลุมศพเสียมากกว่า
ที่นี่คือที่ไหน?
นางขมวดคิ้วครุ่นคิด จากนั้นสำรวจรอบๆ อย่างละเอียด ในห้องก็หรูหราอยู่ แต่กลับดูไม่เข้ากับยุคปัจจุบัน พูดอย่างชัดเจนคือมันดูโบราณกว่า จึงยิ่งชวนให้หวาดกลัว และยิ่งเหมือนกับอาคารโบราณที่อยู่ในความทรงจำนางอย่างมาก
ครั้นหันไปมองที่ประตู ผ่านไปครู่หนึ่ง นางก็ถือไข่มุกราตรีเดินเข้าไป
มู่จิ่วกลั้นหายใจรวบรวมสติ พอลองดึงประตู ประตูห้องก็เปิดออก ประตูที่กว้างราวหกฉื่อสร้างขึ้นจากเหล็กสำริด ด้านบนหลอมรูปสัตว์บกสัตว์ปีกวิเศษไว้มากมาย เมื่อมองออกไปข้างนอก สิ่งที่ปรากฏสู่ครรลองสายตาคือกำแพงล้อมรอบและประตู คานแต่ละอันใหญ่ราวแขนหนึ่งโอบได้ สูงอย่างน้อยราวแปดก้าวจั้ง บนยอดหลังคามีมังกรหยกหงส์หยก ชายคาแต่ละอันมีหลายแบบแตกต่างกัน สวยงามยิ่งนัก ประณีตและงดงาม ทำให้รู้สึกเกรงขาม
ตัดเรื่องที่ไม่มีต้นไม้และสิ่งมีชีวิตออกไป อันที่จริงก็นับได้ว่ายิ่งใหญ่ทรงอำนาจ
ใจของนางสั่นด้วยความตื่นเต้น เดินออกจากประตูไป
นางมุ่งไปทางตะวันออกจนพบกับประตูที่ปิดแน่น ไปทางตะวันตกกลับเจอระเบียงทางเดินที่ทอดยาว
มู่จิ่วถือเอาหลักรอบคอบระมัดระวัง เลือกไปทางตะวันออก
สงบยิ่งนัก
ไม่มีเสียงใบไม้ไหว ไม่มีเสียงแมลงในต้นหญ้า ถึงแม้จะมีอากาศไหลเวียน แต่ยังไม่ถึงกับเกิดลมขึ้นได้
โลกทั้งใบราวกับมีเพียงเสียงเสียดสีของเสื้อผ้านางเท่านั้น นางรู้สึกราวกับอยู่ในช่วงเวลาคู่ขนาน
ปลายสุดของระเบียงทางเดินมีประตูพับอีกบานหนึ่ง
ประตูนั้นปิดอยู่ ด้านในไม่มีแสง ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร
นางไม่รู้ว่าจะเปิดประตูออกดูดีหรือไม่
“ทำไมไม่สวมรองเท้า?”
ขณะกำลังครุ่นคิดอยู่ ด้านหลังพลันมีเสียงทุ้มต่ำดังขึ้นมา
นางหันกลับไปทันที หลังชนเสาระเบียง ด้านหน้ามีคนอยู่ผู้หนึ่ง มือซ้ายถือรองเท้าไหมปักลาย มือขวาทิ้งอยู่ข้างตัวตามธรรมชาติ มองนางอย่างจนปัญญาเล็กน้อย
คนเบื้องหน้าผู้นี้ร่างสูงโปร่ง ผมดำจรดเอว ใบหน้างดงามจนยากจะบรรยาย ไม่ว่ามองมุมไหนก็ไร้ข้อตำหนิ เพียงแต่คิ้วของเขาขมวดเล็กน้อยเท่านั้น แววตาก็เจือความจนปัญญา หากเขาไม่ใช่ชายชุดเขียวที่แกะส้มให้นางใต้พื้นพิภพของถิ่นทุรกันดารทางเหนือ แล้วจะเป็นใครไปได้อีก?
ทว่ามู่จิ่วไม่อาจไม่รู้สึกอะไรเหมือนครั้งก่อนได้อีกแล้ว
ตัวเขาน่าสงสัยเกินไป คดีมากมายขนาดนั้น พลังเสวียนหมิง ทั้งยังดูคุ้นเคยกับนาง ไหนจะเป้าหมายของเขาอีก ทุกสิ่งล้วนเตือนนาง ก่อนที่จะรู้กระจ่างชัดต้องไม่วางใจเด็ดขาด
นางชักกระบี่ออกมาทันที พูดอย่างดุดันว่า “เป็นเจ้านี่เอง!”
ลู่ยาเลิกคิ้วไม่พูดไม่จา เห็นนางดุเช่นนี้ ความหนักใจที่ซ่อนอยู่ในใจก่อนหน้าก็พลันมลายหายไปบ้าง
ก่อนที่จะเผยตัวออกมาเขายังกังวลยิ่งนัก กลัวว่าตนเองจะทนไม่ไหวจนเข้าไปกอดนางเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง เช่นนั้นความต้องแตกแน่ ยังดีที่นางทำให้เขาเบาใจได้ แต่ละคำพูดและการกระทำทำให้ใจเขาสงบลง
เขาเดินเข้ามา คุกเข่าลงแล้วยกเท้านางขึ้นมาข้างหนึ่ง
มู่จิ่วตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ให้เขามีโอกาส ดังนั้นจึงยืนนิ่งไม่ขยับ กระบี่ในมือยังชี้ไปยังลำคอของเขา “ทำไมถึงมาขวางข้าทำคดี!”
ลู่ยามองกระบี่ที่ส่องประกายภายใต้แสงไข่มุกราตรี ก่อนเอ่ย “หากข้าไม่เข้าไปขวาง มิใช่ว่าเจ้าตัดสินใจจะฆ่าหลินเจี้ยนหรูให้ได้หรือ?”
มู่จิ่วหน้าตึง ไม่ขยับเขยื้อน
ชั่วขณะนั้น นางคิดจะฆ่าเขาจริง นางก็ไม่รู้ว่าทำไมตอนที่เห็นเขาที่บ้าคลั่ง จึงรู้สึกอยากจะฆ่าเขานัก แต่ตอนนี้ อาจเป็นเพราะสงบลงแล้ว อารมณ์ของนางเลยไม่เดือดพล่านเช่นนั้นอีก
กระต่ายที่ถูกกดดันก็กัดคนได้ ไม่ว่าใครที่ถูกกดดันถึงขั้นนั้น ก็ต้องแสดงสันดานเดิมออกมากระมัง?
“เกี่ยวอะไรกับเจ้า? หรือเจ้าคิดจะใช้ประโยชน์จากเขาก่อกวนหกภพ?”
นางยื่นกระบี่ไปข้างหน้าอีกสองชุ่น
แน่นอน นางรู้ว่าตัวเองฆ่าเขาไม่ได้ แต่หรือเพราะฆ่าไม่ได้ กระทั่งกล่าวโทษจึงยังไม่กล้า?
พูดชัดๆ ก็เพราะเขา หลินเจี้ยนหรูถึงได้เดินมาถึงวันนี้ หากไม่ใช่เพราะเขาให้พลังแก่หลินเจี้ยนหรู เขาก็ไม่อาจเป็นแบบนั้นได้เอง!
มู่จิ่วยังจำตอนที่เขาสาบานกับนาง จำตอนที่เขาล้มเลิกความคิดที่จะหลอกใช้เหลียงชิวฉานได้ ไม่ผิด นางเคยเข้าใจเขาผิด แต่ก็ไม่ได้ทำร้ายเขา และก็ไม่เคยให้เขาไปหลอกคนที่แรกพยับ ทำให้เขากับแรกพยับเป็นศัตรูกัน คนที่นำเขาเข้าสู่หนทางนี้คือเจ้าคนระยำตรงหน้านี่! เขาสิถึงจะเป็นต้นตอของความชั่วร้ายทั้งหมด!
“ถึงเขาจะตายในเงื้อมมือข้า แต่คนที่เป็นต้นเหตุจริงๆ ก็คือเจ้า!”
นางถลึงตาจ้องเขาอย่างเย็นชา ไม่ไว้ไมตรี
ลู่ยานิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง วางรองเท้าไว้หน้าเท้านางแล้วยืนขึ้น “เจ้าใส่เองเถอะ”
มู่จิ่วกัดฟันพลางสวมรองเท้า ทั้งยังจ้องเขาอย่างเอาเป็นเอาตายไปด้วย
“นี่เป็นชะตาชีวิตของเขา หากเขาไม่เดินเส้นทางนี้ เรื่องราวมากมายอาจเปลี่ยนไปได้ เพื่อให้เป็นไปตามบัญชาของฟ้า ข้าก็ไม่มีหนทางอื่น”
ลู่ยาพยายามอธิบายให้นางฟัง
“หุบปาก!” มู่จิ่วพูดอย่างโกรธเคือง “ข้าว่าเจ้าคิดใช้เขาเป็นหุ่นเชิดออกหน้า จากนั้นก็เก็บเกี่ยวผลประโยชน์อยู่เบื้องหลัง! หลินเจี้ยนหรูเป็นคนบอกว่าเจ้าให้พลังแก่เขา ทำให้เขากลายเป็นมาร! ไม่มีพลังของเจ้าเขาจะกลายเป็นมารได้อย่างไร? อีกทั้งเจ้ายังแอบหลอมหกวิญญาณ! หากไม่มีแผนร้าย เจ้าจะทำเรื่องเหล่านี้ทำไม!”
“ข้าย่อมต้องมีเหตุผลของข้า” ลู่ยาตอบ
“เช่นนั้นข้าก็มีเหตุผลของข้าเหมือนกัน!” มู่จิ่วยกกระบี่ชี้ไปที่อกเขาอีก
ลู่ยาไร้คำจะพูด คิดถึงความหัวรั้นของนาง เกรงว่าคงจะพูดไม่รู้เรื่องกัน
คิดแล้วจึงถอยออกไปสองก้าว เดินผ่านนางไปผลักประตูพับที่ด้านข้างออก
โคมในห้องจุดติดขึ้นมา เผยให้เห็นห้องนอนที่กว้างขวางสวยงาม แสงสว่างยังทำให้ด้านนอกสว่างขึ้นส่วนหนึ่ง
มู่จิ่วชะงักเล็กน้อย “ที่นี่คือที่ไหน?”
ลู่ยาหันหลังให้นาง “บ้านของข้า”
บ้านของเขา?
มู่จิ่วหรี่ตามองอย่างสงสัย
นางกวาดตามองไปรอบด้าน มองเพดานที่ว่างเปล่าไม่มีกระทั่งโคม ก่อนเอ่ย “เจ้าเป็นผีหรือ? ทำไมกลิ่นอายวังเวงถึงได้รุนแรงนัก?”
เขายืนหันหลังให้นางอยู่นานถึงค่อยหันกลับมา “ข้าไม่ใช่ผี เหตุที่กลิ่นอายวังเวงเด่นชัด เพราะที่บ้านยังไม่มีนายหญิง เจ้าน่าจะรู้ บ้านที่ไม่มีนายหญิงคอยดูแลมักจะดูไม่เข้าทีเท่าไหร่”
ถึงแม้เขาจะพูดเช่นนี้ แต่อากัปกิริยากลับไม่มีความกังวลของชายโสดให้เห็น ท่าทางเช่นนี้ทำให้รู้สึกคุ้นเคยนัก
มู่จิ่วคิดไม่ออกว่าความคุ้นเคยนี้มาจากไหน และก็ไม่รู้ว่าควรเชื่อเขาหรือไม่ แต่เมื่อสบตาเขาอยู่ครู่หนึ่ง…คิดดูแล้วก็เชื่อเถอะ เพราะหากไม่เชื่อ นางก็เหมือนจะไม่มีหนทางอื่นแล้ว
“เจ้าลักพาตัวข้ามา มีเป้าหมายอะไร?” นางถาม “เพียงแค่กันไม่ให้ข้าฆ่าหลินเจี้ยนหรู?”
“ไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นการลักพาตัว” ลู่ยานั่งลงบนธรณีประตู ปอกเปลือกลูกสนที่ไม่รู้เอามาจากไหนพลางเอ่ย “ครั้งนี้ที่พาเจ้ากลับมาก็เพราะว่าพลังวิญญาณในร่างเจ้าสูญเสียการควบคุม เพื่อไม่ให้เจ้าถูกพลังวิญญาณตีกลับ ข้าเลยพาเจ้ากลับมา”
…………………………..
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น