หมอดูยอดอัจฉริยะ 351-352

 ตอนที่ 351 หมู่บ้านชาวประมงเก่า

โดย

Ink Stone_Fantasy

“คุณนายกง กิโลเมตรที่สามสิบทิศตะวันออกเฉียงใต้จะถึงริมชายหาดแล้ว ดูเหมือนว่าวันนี้มีพายุไต้ฝุ่นเข้า จะ…ออกไปได้เหรอ?”


ภายใต้ความตั้งใจของกงเสียวเสี่ยว เยี่ยเทียนเดินทางมาถึงที่จอดรถชั้นใต้ดินของโรงแรมด้วยตัวคนเดียว  เมื่อคนขับรถได้ยินว่าจะขับไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้เขาตกใจจนหน้าซีดไปเลยทีเดียว


ชายฝั่งของไต้หวันมีอันตรายจากพายุไต้ฝุ่นมากกว่าแผ่นดินไหวเสียอีก ทุกๆ ปีจะมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ผลผลิตจากอุตสาหกรรมและการเกษตรก็เสียหายมากเช่นกัน ดังนั้นเมื่อใดก็ตามที่เกิดพายุไต้ฝุ่นก็ไม่ค่อยมีคนจะออกไปข้างนอก


“ไม่เป็นไร อากั่ว ขับช้าๆ หน่อยก็ได้แล้ว ยังไงวันนี้ก็จะต้องออกไป!”


กงเสียวเสี่ยวในเวลานี้เริ่มจะวิตกกังวล ความคิดถึงที่มีต่อสามีทำให้เธอลืมทุกอย่าง เธอเพียงแต่อยากจะรีบไปหาร่าง ของฝูอี้และนำกลับไปที่ฮ่องกงโดยเร็วที่สุดเท่านั้น


“คุณนายกง ที่จริงไม่ต้องภายในวันนี้ก็ได้” เยี่ยเทียนถอนหายใจเฮือกหนึ่ง วันนี้เขารู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ รู้สึกว่าถ้าออกไปข้างนอก จะเกิดเรื่องบางอย่างขึ้นอย่างไรอย่างนั้น


กงเสียวเสี่ยวส่ายหัวปฏิเสธ ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าสลดตอบกลับว่า”อาจารย์เยี่ย ฉันรอวันนี้มา 8 ปี รอต่อไปไม่ไหวแล้วจริงๆ ฉันขอร้อง ช่วยพาฉันไปเถอะนะ?”


เยี่ยเทียนยกมือขึ้นมาขัดระหว่างที่กงเสียวเสี่ยวกำลังพูดอยู่ และหันไปถามคนขับรถ “พี่ชาย กิโลเมตรที่สามสิบ ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ คือสถานที่อะไรเหรอครับ?”


คนขับรถ อากั่ว ยิ้มอย่างเป็นกังวล ตอบกลับว่า “ที่นั่นคือท่าเรือกับหมู่บ้านชาวประมง ผลิตภัณฑ์อาหารทะเลของเกาสงล้วนนำมาจากที่นั่น ปกติเดินทางไปที่นั่นไม่มีอะไรหรอก แต่ว่าอากาศแบบนี้…”


กงเสียวเสี่ยวขอร้องด้วยความน่าสงสารพูดว่า “อากั่ว วันนี้ไม่มีพยากรณ์พายุไต้ฝุ่นเข้า เพียงแค่ฝนตกหนักไปหน่อย คุณพาพวกเราไปเถอะนะ พวกคุณสบายใจได้ เสี่ยวเสี่ยวจะตอบแทนทุกคนให้ดีที่สุด”


“เอาเถอะ แต่ถ้ามีพายุไต้ฝุ่นเข้าจริงๆ พวกเราต้องรีบหันกลับทันทีนะ!”


คนขับรถครุ่นคิดไปสักครู่จึงตอบตกลง เพราะกงเสียวเสี่ยวเป็นเจ้านายใหญ่ของเขา ถ้าวันนี้ไม่ออกรถ เกรงว่าตนเองก็คงไม่สามารถทำงานต่อที่บริษัทของเธอได้อีก


“อืม ถ้างานนี้เสร็จแล้ว ทุกคนจะมีอั่งเปาคนละห้าแสน!”


หลังจากได้ยินคำพูดของคนขับรถ ใบหน้าของกงเสียวเสี่ยวก็มีรอยยิ้มปรากฏขึ้น ตัวตนของเธอไม่ได้เป็นคนคิดอะไรตื้นๆ แบบนี้  แต่ในเวลานี้ดูเหมือนว่าจะมีเพียงเงินเท่านั้น ถึงจะแสดงการขอบคุณที่มาจากเธอได้จริงๆ


โบราณกล่าวไว้ว่าผู้กล้าย่อมพร้อมก้าวออกมาเมื่อได้รับข้อเสนอรางวัลที่งามพอ อั่งเปาห้าแสนที่กงเสียวเสี่ยว พูดออกมา ไม่เพียงแต่คนขับรถเท่านั้นที่แสดงความพึงพอใจ ใบหน้าของบอดี้การ์ดกลุ่มนั้นก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เพียงแค่ออกไปตากฝนข้างนอกหน่อยก็มีรายได้เข้ามาห้าแสน เงินก้อนนี้ถ้าไม่เอาก็เสียดายเปล่าๆ


รถยนต์ค่อยๆ ขับออกจากที่จอดรถชั้นใต้ดินของโรงแรม ทันทีที่มาถึงที่โล่ง น้ำฝนที่ตกลงมาเหมือนแม่น้ำเล็กๆ ไหลลงมาตามทางหน้าต่างรถ ทันใดนั้นกระจกที่ใสดูเหมือนจะมีฝ้าเพิ่มขึ้นมาหนึ่งชั้น ทิวทัศน์ด้านนอกที่เคยมองได้จากหน้าต่าง ก็เบลอจนไม่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน


ฝนยิ่งตกยิ่งหนัก ราวกับมีม่านลูกปัดขนาดใหญ่ห้อยอยู่ระหว่างฟ้ากับดิน ขุ่นมัวไปหมด ฟ้าร้อง ฟ้าผ่าและฝนที่ตกอย่างกระหน่ำ ราวกับว่าแม่น้ำของฟ้ามีรูและไหลลงสู่พื้นดินอย่างรุนแรง


ในเวลานี้มันเป็นเวลาเที่ยงเท่านั้นแต่ฟ้ามืดเหมือนกับเที่ยงคืน แม้จะเปิดไฟหน้าเอาไว้แต่ก็ไม่สามารถมองเห็น ในระยะสิบเมตรได้ ยังดีที่ประสบการณ์ของคนขับรถนั้นดีมาก รถยนต์สามารถเคลื่อนตัวไปข้างหน้าอย่างช้าๆ ด้วยความเร็วที่เร็วกว่าการเดินเท้าไม่เท่าไหร่


ระยะทางสามสิบกิโลเมตร รถบัสขนาดกลางแล่นอยู่บนถนนแล้วกว่าสองชั่วโมง เมื่อเดินทางมาถึงริมชายหาด ฝนที่ตกหนักเมื่อสักครู่ก็ดูเหมือนจะเบาลง แต่คลื่นที่ซัดอย่างโหมกระหน่ำและเสียงคำรามของน้ำทะเลที่ซัดเข้าหาฝั่ง ทำให้คนที่เห็นนั้นรู้สึกหวาดกลัว


“เอาเถอะ จอดตรงนี้แหละ”


มองดูคลื่นที่ซัดเข้าฝั่งท่าเรืออย่างรุนแรง สีหน้าของเยี่ยเทียนก็เริ่มจะดูไม่ได้ ต่อให้จะเป็นผู้เชี่ยวชาญในการเข้าถึง ท้องฟ้า แต่ก็ไม่สามารถทนต่อแรงกระแทกของคลื่นขนาดใหญ่นี้ได้ กำลังของมนุษย์นั้นน้อยมาก เมื่อต้องอยู่ภายใต้ อำนาจของฟ้าดินเช่นนี้


“ปรมาจารย์เยี่ย สามี…ร่างของสามีอยู่ตรงไหน?”


กงเสียวเสี่ยงมองดูเยี่ยเทียนที่กำลังดูผิวน้ำทะเล ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นซีดขาวทันทีทันใด ถ้าหากร่างของฝูอี้อยู่ในทะเลละก็ ความหวังในการหาจนเจอริบหรี่อย่างมาก


“เดี๋ยวก่อน!”


เยี่ยเทียนยกมือขึ้นมา หยิบเข็มทิศออกมา หลังจากส่งพลังชี่แท้เข้าไปข้างในแล้ว เข็มแม่เหล็กที่อยู่ตรงกลางของเข็มทิศก็เริ่มหมุนไปรอบๆ หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งเข็มแม่เหล็กก็ชี้ไปที่ทิศทางหนึ่ง


เยี่ยเทียนตะโกนกับคนขับรถว่า “ขับไปทางนั้น ประมาณสองกิโลเมตร!”


“ได้ครับ”


หลังจากได้ยินเยี่ยเทียนพูด คนขับรถก็ขับไปตามทิศทางที่เยี่ยเทียนชี้ นำรถจอดรถไว้ที่ท่าเรือและมองดู คลื่นขนาดใหญ่ที่ซัดอยู่ สร้างความกดดันภายในใจให้กับคนได้ไม่น้อยเลยทีเดียว


ตอนที่ออกจากท่าเรือไปสามร้อยเมตร จู่ๆ พื้นถนนก็กลายเป็นโคลนตมและมีความลื่นมากกว่าเมื่อสักครู่ กระแทกโครงเครงไปประมาณครึ่งชั่วโมงก็พบหมู่บ้านชาวประมงใกล้ริมทะเลอยู่หนึ่งหมู่บ้าน


อันตรายที่มากับฝนกระหน่ำเห็นได้ชัดจากหมู่บ้านชาวประมง ชายหนุ่มร่างใหญ่หลายคนกำลังตากฝน ซ่อนแซมหลังคาที่ถูกลมพัดจนเสียหาย ส่วนเด็กๆกำลังวิ่งร้องกันอยู่ท่ามกลางสายฝน ทั้งหมู่บ้านแสดงให้เห็นภาพที่วุ่นวาย


เมื่อมองเห็นรถยนต์หนึ่งคันกำลังจอดนิ่งอยู่ด้านหน้าของหมู่บ้าน คนแก่คนหนึ่งถือร่มที่กางเอาไว้เดินเข้ามา มีเด็กกลุ่มหนึ่งที่พกความสงสัยเดินตามหลังมาด้วย


“คุณครับ ขึ้นมาคุยในนี้กันสิครับ” เยี่ยเทียนบอกให้คนขับรถเปิดประตู และเรียกผู้ใหญ่ท่านนั้นขึ้นรถ


ฟังสำเนียงกลางของเยี่ยเทียนแล้ว คนแก่ถามด้วยความสงสัย “พวกเธอ…มาจากทางนั้น?”


ถึงแม้ว่าไต้หวันจะพูดสำเนียงกลางเช่นกัน แต่สำเนียงที่นิยมมากกว่าคือสำเนียงหมิ่นใต้กับสำเนียงไต้หวันในพื้นที่ เวลาคนในพื้นที่พูดคุยกันจะไม่ใช้สำเนียงกลาง พอเยี่ยเทียนเอ่ยปากพูดคนแก่ก็ฟังออกทันทีว่ามาจากไหน


“คุณตาครับ พวกเรามาจากฮ่องกงครับ”


เยี่ยเทียนหยิบขนมในรถขึ้นมาหนึ่งห่อและแจกจ่ายกับเด็กๆ เหล่านั้น คนแก่ก็รู้สึกดีขึ้นมาทันใด ยิ้มตอบว่า “ยินดีต้อนรับเพื่อนๆ ที่มาจากฮ่องกง ไม่ทราบว่าพวกคุณมาที่หมู่บ้านชาวประมงเก่าของพวกเรา มีธุระอะไรหรือเปล่า?”


เยี่ยเทียนไม่คิดว่าจะปิดบังจึงพูดออกไปตรงๆ ว่า “ท่านผู้เฒ่าครับ มีอยู่เรื่องหนึ่งอยากจะขอยืนยันกับท่านหน่อยครับ เมื่อหลายปีก่อน คนในหมู่บ้านของพวกท่านเคยเจอศพที่ลอยมาจากทะเลไหม?”


เข็มแม่เหล็กที่กำลังชี้อยู่ขณะนี้ ห่างจากหลุมฝังกระดูกของฝูอี้ไม่ถึงห้าร้อยเมตรแล้ว แต่ถ้าตนเองพาคนกลุ่มหนึ่ง ไปขุดสุสานที่อยู่ใกล้ๆ หมู่บ้านของคนอื่น ไม่แน่ เขาอาจจะโดนคนตีและไล่ออกมาแน่นอน


“ศพเหรอ?” คนแก่ได้ยินก็ตะลึงไปครู่หนึ่ง “พวกเราที่อยู่ที่นี่เคยจับคนตายขึ้นมาจากทะเลมานับไม่ถ้วน คุณหมายถึงปีไหนละ?”


ไม่รู้ว่าเป็นเพราะปัญหาของเส้นทางการไหลของทะเลหรือไม่ ทุกๆ ปีบนชายหาดของหมู่บ้านชาวประมงแห่งนี้ จะพบศพจากเรืออับปางอยู่บ่อยครั้ง และมีญาติผู้ตายมาตามหาศพที่นี่อยู่เสมอ


คนแก่รู้จุดประสงค์ในการมาที่นี่ของพวกเขาแล้วรู้สึกโล่งใจ เพราะได้ยินสิ่งที่เยี่ยเทียนพูด “พ่อหนุ่มต้องพูดให้ละเอียดกว่านี้หน่อย ไม่อย่างนั้นฉันก็จำไม่ได้”


เยี่ยเทียนหันไปมองกงเสียวเสี่ยวหนึ่งครั้ง เปิดปากพูดว่า “ท่านผู้เฒ่าครับ น่าจะเป็นช่วงปี 1990 ประมาณเดือน 4 เดือน 5 ครับ ผู้ประสบอุบัติเหตุเป็นผู้ชายอายุราว 50 กว่า ท่านผู้เฒ่าพอจะจำได้บ้างไหมครับ?”


คนแก่ขมวดคิ้วครุ่นคิดไปครู่นึง ส่ายหัวด้วยความรู้สึกผิด ตอบว่า “ปี 1990 นี่มันเป็นเรื่องที่ผ่านมานานแล้ว  ฉันจำไม่ได้แล้วจริงๆ ในทุกๆปีมีคนตายลอยขึ้นฝั่งเป็นสิบกว่าคน ส่วนใหญ่ก็เป็นผู้ชายทั้งนั้น”


คนที่ตายแล้วเมื่อแช่อยู่ในน้ำทะเล ร่างกายจะบวมขึ้น จึงไม่สามารถตัดสินอายุจากหน้าตาได้เลย


เยี่ยเทียนพูดต่อเพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติม “ท่านผู้เฒ่าครับ คนตายที่พูดถึงน่าจะถูกใส่เอาไว้ในถุงกระสอบครับ คุณพอจะจำได้ไหมครับ?”


ถ้าเป็นไปตามที่เยี่ยเทียทำนายไว้ ฝูอี้น่าจะถูกฆ่าก่อนจากนั้นจึงยัดเข้าไปในกระสอบ หลังจากนั้นพอถึงน่านน้ำ ทะเลสาธารณะแล้วจึงโยนทิ้งลงสู่ทะเล ถ้าเป็นเหตุการณ์ปกติศพของเขาน่าจะยังอยู่ในกระสอบ


คนแก่ส่ายหัวไปมา พูดแทรกว่า “ไม่มี ไม่มีคนตายที่ถูกใส่ไว้ในกระสอบแล้วลอยมาที่นี่แน่นอน เหล่าฮั่นอย่างฉันจำได้แน่นอน!”


“หืม?” เยี่ยเทียนขมวดคิ้วขึ้น “หรือกระสอบมัดไม่แน่น ศพถูกน้ำทะเลซัดจนลอยออกไปแล้ว?”


“ท่านผู้เฒ่าครับ แล้ว…แล้วผู้ประสบภัยเหล่านั้นถูกฝังไว้ที่ไหนเหรอครับ? คุณสามารถชี้ทางให้กับพวกเราได้ไหมครับ?”


ที่จริงการมาที่นี่ เยี่ยเทียนไม่มีความจำเป็นต้องให้คนช่วยชี้ทาง จุดประสงค์ที่เขาสอบถามคนแก่ ก็เพื่อต้องการไม่ให้เขามาขัดขวางการขุดสุสานนั่นเอง


หลังจากได้ยินคำของเยี่ยเทียนแล้ว คนแก่ก็ชี้ไปที่ข้างหลังของหมู่บ้าน พูดว่า”ด้านหลัง อยู่บนเขาลูกนั้นทั้งหมดเลย หลายปีที่ผ่านมานี้ น่าจะฝังไว้ 100 กว่าศพแล้วมั้ง?”


หมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ แห่งนี้มีมาแล้ว ช่วงแรกๆ เวลาที่พวกเขาพบศพลอยมา พวกเขาจะรายงาน ให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับทราบ แต่เนื่องจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ไม่พบเบาะแสใดๆ ของศพเลย


เวลานานเข้า ชาวบ้านก็เริ่มขี้เกียจไม่เข้าไปรายงาน และจัดการฝังศพเหล่านั้นไว้ที่ภูเขาข้างหลังหมู่บ้านด้วยตนเอง หลายปีมานี้เนินเขาลูกนั้นได้กลายเป็นหลุมฝังศพไร้ญาติไปเสียแล้ว


เยี่ยเทียนนำเข็มทิศออกมาพูดว่า”ท่านผู้เฒ่าครับ คุณผู้หญิงท่านนี้มีญาติถูกฝังไว้ที่นั่น ผมจึงอยากขุดเขาออกมา ไม่ทราบว่าทำได้ไหมครับ?”


“ที่แท้พ่อหนุ่มคนนี้เป็นอาจารย์ฮวงจุ้ยหรือนี่ ได้สิ ได้แน่นอนอยู่แล้ว ฉันให้คนพาพวกคุณไป!”


ที่ฮ่องกงกับไต้หวันสองแห่งนี้ ค่าตอบแทนของอาจารย์ฮวงจุ้ยในแผ่นดินใหญ่นั้นตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง ตั้งแต่มหาเศรษฐีเจ้าหน้าที่ระดับสูง จนถึงพลเรือนต่างก็เคารพและนับถืออย่างสูงต่ออาชีพนี้


คนแก่ถือร่มไว้ และเรียกเด็กๆ เหล่านั้นลงจากรถไป ผ่านไปไม่นาน ชายวัยกลางคนอายุ 30 กว่าใส่เสื้อกันฝนเอาไว้วิ่งตรงมาพูดว่า “รถยนต์ไม่สามารถขับขึ้นไปได้ พวกคุณต้องเดินไปกับฉัน”


“ได้ครับ ลงรถกันทั้งหมดเลย!”


เยี่ยเทียนพยักหน้าตอบรับ หลังจากใส่เสื้อกันฝนเสร็จก็เดินออกจากรถไป ตอนนี้ความรุนแรงของฝน เบาลงกว่าเมื่อครู่อีก แต่ฝนตกครั้งนี้ทำให้พื้นดินกลายเป็นโคลนไปหมด เหยียบลงไปเท่านั้นน้ำโคลนก็สูงขึ้นจนถึงเท้า


ถนนเป็นโคลนและลื่น ตั้งแต่เดินตามชายวัยกลางคนมาตลอดทาง นอกจากเยี่ยเทียน แล้วบอดี้การ์ด คนอื่นๆ ต่างก็ลื่นล้มกันไปหลายครั้ง


ส่วนกงเสียวเสี่ยวยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึง กระโปรงสีขาวที่เธอตั้งใจใส่มากลายเป็นสีเหลืองเทาไปตั้งนานแล้ว และยังเป็นรอยย่นยับติดกับตัวเธอ


ถึงแม้ระยะทางเพียง 3-4 ร้อยเมตรเท่านั้น แต่ทุกๆ คนก็ใช้เวลาเดินไปกว่าครึ่งชั่วโมง หลังจากที่มาถึงเนินเขาแล้ว เยี่ยเทียนสูดหายเฮือกใหญ่ เช็ดน้ำฝนที่อยู่บนหน้า และนำเข็มทิศพลิกมาไว้ที่ฝ่ามือ


…………


“เห้ ฉันคืออากั่ว ตอนนี้อยู่ที่หมู่บ้านชาวประมงเก่าแล้ว ที่นี่ห่างจากท่าเรือสองกิโลเมตร พวกเขาขึ้นเขาไปหมดแล้ว ใช่ ปรมาจารย์เยี่ยท่านนั้นก็ตามขึ้นไปด้วย!”


เยี่ยเทียนที่กำลังสำรวจร่างของฝูอี้อยู่บนเขายังไม่รู้ว่า คนขับรถที่รออยู่ในรถเพิ่งจะโทรศัพท์ออกไป


 ……


ตอนที่ 352 โครงกระดูก

โดย

Ink Stone_Fantasy

ภายในโรงงานร้างแห่งหนึ่งในเมืองเกาสง ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่ผู้หนึ่งวางหูโทรศัพท์ ใบหน้าเผยรอยยิ้มชั่วร้าย หลังจากกวาดสายตาไปรอบตัวก็กล่าวขึ้น “เป้าหมายปรากฏตัวแล้ว ตรวจสอบอุปกรณ์ เตรียมตัวเดินทาง!”


“ครับผม!”


เมื่อคำพูดของคนวัยกลางคนสิ้นเสียงลง รอบด้านก็มีเสียงตอบรับดังขึ้นถ้วนทั่ว ชายฉกรรจ์แกร่งกล้ากว่ายี่สิบคน ผุดขึ้นมาจากทุกทิศทางของโรงงาน เสียงหยิบจับปืนดังขึ้นภายในโรงงานไม่ขาดสาย


ถ้าหากเยี่ยเทียนอยู่ที่นี่ จะเห็นว่าคนพวกนี้ล้วนเลือดร้อนดุดันมีไออาฆาตกรุ่นทั่วตัว ทุกคนล้วนปรารถนา ให้สองมือชุ่มโชกไปด้วยเลือด


“พี่หลง แค่รับมือคนเดียวเท่านั้น ถึงกับต้องใช้พวกพ้องเยอะขนาดนี้เลยเหรอ?” ชายวัยประมาณสามสิบปีคนหนึ่งเดินมาข้างกายชายวัยกลางคน หยิบมีดเล็กในมือขึ้นมาถือเล่นอย่างไม่ใส่ใจนัก


เทียนหลงหันไปมองคนนั้นทีหนึ่ง กล่าวเสียงเรียบ “อาหลาง ถ้าหากฉันพูดว่าจะไปเผชิญหน้ากับมันคนเดียว ฉันคงตายอย่างไม่ต้องสงสัย แกยังคิดว่าคนไปเยอะเกินอีกหรือเปล่า?”


ได้ยินเทียนหลงพูดแล้ว ดวงตาของอาหลางขมึงทึงขึ้นมาทันใด ร้องขึ้นด้วยความตกใจ “อะไรนะ? พี่หลง มัน…มันยังร้ายกาจกว่าพี่อีกเหรอ?!”


เครือข่ายทหารรับจ้างของเทียนหลงในภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้เป็นตำนานหนึ่ง เขาเคยลอบสังหาร เจ้าพ่อค้ายาผู้ยิ่งใหญ่ตลอดกาลในเขตสามเหลี่ยมทองคำมาก่อน อีกทั้งยังเคยหลุดรอด จากวงล้อม กองทัพทหารรัฐบาลพม่าและลาวได้โดยลำพัง ทั้งยังทำให้ฝ่ายตรงข้ามเจ็บตายเป็นเบือ


และนับตั้งแต่สิบปีก่อนหลังจากเทียนหลงก่อตั้งกองทหารรับจ้าง สิบปีนี้รับภารกิจทั้งใหญ่และเล็ก รวมไปถึงกระทั่ง เข้าร่วมภายในสงครามอิรัก ทุกครั้งล้วนประสบความสำเร็จได้อย่างสะอาดสวยงาม จนเป็นกองทหารรับจ้าง ที่มีชื่อเสียง ระบือไกลในเขตตะวันตก


สามารถพูดได้อย่างไม่อวดตัวแม้แต่น้อย ว่าเทียนหลงนั้นคือจิตวิญญาณของกองทหารรับจ้าง ทว่าตอนนี้เทียนหลงบอกว่าตนเองไม่ใช่คู่มือของฝ่ายตรงข้าม จึงทำให้ใบหน้าของผู้คนมากมาย ภายในนั้น เผยสีหน้าตกตะลึงออกมา


“ทำไม? กลัวเรอะ?” เทียนหลงมองยังสมาชิกทั้งสองทีมที่ยืนอยู่เบื้องหน้า ใบหน้าเผยรอยยิ้มที่ไม่อาจคาดเดา ได้ออกมาเล็กน้อย


เทียนหลงนับว่าเป็นคนพิเศษในหมู่หมอผีชาวไทย เขาเรียนวิชาไสยศาสตร์มาตั้งแต่เล็ก แต่เมื่อพอถึงวัยรุ่น แล้วกลับเข้าสู่วงการทหาร เข้าร่วมการเคลื่อนไหวโอบล้อมทางทหารในเขตสามเหลี่ยมทองคำหลายต่อหลายครั้ง


เทียนหลงที่เดิมสามารถพุ่งทะยานขึ้นสู่ตำแหน่งนายพลในกองทัพ กลับถอนตัวออกจากกองทหารอีกครั้ง ก่อตั้งกองทหารรับจ้างตระเวณไปทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ดังนั้นถึงแม้เขาจะเติบโตมากับวิชาไสยศาสตร์ แต่ก็สนับสนุนอาวุธสมัยใหม่ยิ่งกว่า


เทียนหลงอายุน้อยกว่าชาญ ทองทวนยี่สิบกว่าปี ตอนที่เขาเพิ่งเข้าสำนักนั้นก็ใช้ชีวิตติดตามศิษย์พี่ จึงมีความสนิทสนมเหนียวแน่นกับชาญ ทองทวน หลังจากเห็นศพของชาญ ทองทวนที่ประเทศไทยแล้ว ในใจเขาก็บังเกิดความคิดแก้แค้นให้แก่ศิษย์พี่


แต่ว่าแม้เทียนหลงจะศึกษาไสยศาสตร์ตั้งแต่ตนเองยังเล็ก กลับมีความรู้เรื่องพลังสังหารของอาวุธปัจจุบันยิ่งกว่า เขาไม่เชื่อว่าด้วยพลังที่แท้จริงของกองทหารรับจ้างของตนจะไม่สามารถสังหารเยี่ยเทียนได้?


ดังนั้นเมื่อได้ยินว่ามีคนเสนอเงินเพื่อลอบสังหารเยี่ยเทียน เทียนหลงจึงรับภารกิจนี้ไว้ในมือเป็นครั้งแรก แน่นอนว่าทั้งหมดนี้ต้องปิดบังท่านราชครูผู้นั้น


“กลัวเรอะ? ถ้ากลัวล่ะก็ไสหัวกลับไปซะ!” เทียนหลงคำรามเสียงเย็น ราวกับค้อนหนักหน่วงทุบลงบนหัวใจของสมาชิกกองทหารรับจ้างเหล่านั้นอย่างรุนแรง


ราวกับคำพูดของเทียนหลงสามารถกระตุ้นขึ้นมาได้ อาหลางก้าวมาข้างหน้าคำรามเสียงกึกก้อง “พี่หลง กองทหารรับจ้างเทียนหลงแต่ไหนแต่ไรไม่มีคำว่ากลัว เทพขวางสังหารเทพ พุทธะกั้นกลางสังหารพุทธะ!”


“เทพขวางสังหารเทพ พุทธะกั้นกลางสังหารพุทธะ!” ชายฉกรรจ์ที่เหลือกว่ายี่สิบคนต่างร้องคำรามขึ้นมาเช่นกัน เสียงดังกึกก้อง กระทั่งฝนที่ตกกระหน่ำอยู่ด้านนอกยังไม่อาจกลบเสียงสะเทือนเลื่อนลั่นนี้


“ดี ขึ้นรถ!”


ได้เห็นขวัญกำลังใจเพิ่มขึ้นแล้ว เทียนหลงก็โบกมือกว้าง ทั้งสองทีมพุ่งตัวออกไปท่ามกลางสายฝน ขึ้นไปยังรถบัสเล็ก ขับฝ่าพายุฝนมุ่งไปทางหมู่บ้านชาวประมง


……


เยี่ยเทียนยืนถือเข็มทิศอยู่บนพื้นที่ริมเขาขนาดหนึ่งร้อยตารางเมตร หันไปทางกงเสี่ยวเสี่ยว กล่าวว่า “ที่ธุรกิจของคุณราบรื่นมาตลอดหลายปีมานี้ ฮวงจุ้ยที่นี่มีส่วนมากทีเดียว!””


ถึงแม้ที่นี่จะเป็นเพียงสุสานไร้นาม แต่มองจากภูเขายังมีแม่น้ำ ขุนเขาและสายน้ำตำแหน่งเหมาะสม จึงเป็นพื้นที่ฝังศพอันดีเยี่ยม เพียงแต่ชาวบ้านเหล่านี้ไม่เข้าใจฮวงจุ้ย ไม่อย่างนั้นการย้ายหลุมฝังศพของบรรพบุรุษมาที่นี่ จะต้องส่งผลดียิ่งใหญ่ต่อลูกหลานภายภาคหน้าของพวกเขาแน่


“ปรมาจารย์เยี่ย ไม่ทราบว่าอาอี้ ถูก…ถูกฝังไว้อยู่ที่ไหน?”


กงเสียวเสี่ยวไม่ใส่ใจในคำพูดของเยี่ยเทียนแม้แต่น้อย มองไปยังเนินสุสานเล็กแต่ละแห่ง ที่เกือบจะถูกไถราบ บนริมเขาแล้ว กงเสียวเสี่ยวเพียงรู้สึกโศกเศร้าไปถึงขั้วหัวใจ ไม่รู้ว่าที่ใบหน้าเปียกชื้นเป็นเพราะหยาดน้ำตาหรือว่าสายฝน


ชายวัยกลางคนที่พาเยี่ยเทียนขึ้นเขาคนนั้น เกิดความกลัวว่าเยี่ยเทียนจะขุดริมเขานี้มั่วซั่ว เมื่อสิ้นเสียงกงเสียวเสี่ยว เขาก็เอ่ยปากว่า “ที่ตรงนี้ฝังไว้ถึงร้อยคนขึ้นไป จะไปหาเจอได้ยังไงกัน? คุณชายท่านนี้ คุณจะขุดหลุมฝังศพ พวกนี้ ขึ้นมาทั้งหมดไม่ได้นะ!”


ที่สำคัญคือ สุสานร้างแห่งนี้อยู่ห่างจากหมู่บ้านของพวกเขาไม่ไกลนัก ถ้าหากขุดหลุมฝังศพขึ้นมาทั้งหมดจริงๆ น่ากลัวว่าตกกลางคืนคนในหมู่บ้านคงนอนกันไม่หลับแน่


อีกทั้งชายวัยกลางคนผู้นี้ยังไม่ค่อยเชื่อใจเยี่ยเทียนคนนี้เท่าไหร่นัก ที่ผ่านมาเขาเห็นว่าหมอดูฮวงจุ้ย ล้วนเป็นชายวัยกลางคนมีภาพลักษณ์เหมือนเทพเซียน หรือไม่ก็เป็นผู้เฒ่า ไหนเลยจะมีคนหนุ่มเป็นหมอดูฮวงจุ้ยอย่างนี้?


“วางใจเถอะครับ!”


เยี่ยเทียนโบกมือ ถือเข็มทิศไว้ในมือ เมื่อส่งพลังชี่ดั้งเดิมเข้าไปบางส่วนแล้ว เข็มแม่เหล็กของเข็มทิศ ก็เริ่มหมุนตัวขึ้นมา ชั่ววินาทีหลังจากนั้น ก็ชี้ไปยังทิศทางหนึ่ง ที่หัวเข็มทิศยังคงสั่นต่อไปไม่หยุด


“ทางนี้…” เยี่ยเทียนถือเข็มทิศไว้ในมือ ย่ำเท้าตื้นบ้างลึกบ้างลงไปในโคลนบนริมเขา เดินมุ่งไปยัง ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ทางกงเสี่ยวเสี่ยวเห็นอย่างนั้นก็รีบติดตามไป


“อ๊บ…อ๊บๆ…”


บนพื้นที่เรียบไม่มีเนินฝังศพใดๆ กบตัวขนาดเท่าฝ่ามืออยู่ตรงนั้น เห็นผู้คนมาถึงก็ยังไม่หวาดกลัว ส่งเสียงจากสองแก้มร้องเรียกมาทางกงเสี่ยวเสี่ยว “อ๊บ อ๊บ”


เยี่ยเทียนหยุดฝีเท้า กล่าวเรียบๆ “กบปรากฏตัวอยู่บนหลุมฝังศพ คนที่อยู่ข้างใต้นี้ ต้องมีความสัมพันธ์ เกี่ยวดองกันกับคุณแน่ ใช่แน่ ที่ตรงนี้แหละ!”


พอได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียนแล้ว ชายวัยกลางคนที่นำทางก็ไม่เรียกกระทั่งคุณ นำหน้าอีกต่อไป เอ่ยปากว่า “น้องชาย นายไม่ได้ตาฝาดใช่ไหม ที่นี่ดูเหมือนจะไม่มีใครถูกฝังอยู่นะ”


เห็นคนผู้นั้นพูดออกมาอย่างนี้ ใบหน้าของกงเสียวเสี่ยวก็เผยให้เห็นถึงความลังเล ผู้คุ้มกันซึ่งถือจอบพลั่วสองสามคน ที่ตั้งท่ากำลังจะขุด พลันหยุดมือไปชั่วขณะ


เยี่ยเทียนส่ายหน้ากล่าว “ไม่ผิดแน่ สามฟุตข้างใต้นี้มีโครงกระดูกของคุณฟู่อี้อยู่ เวลาพวกคุณขุดก็ระวังหน่อยแล้วกัน”


ขณะที่พูด เยี่ยเทียนใช้วิชาพลังพินิจ บรรยากาศทั้งสี่ทิศพลันกลับกลายเป็นขุ่นมัวขึ้นมา ข้อมูลระลอกหนึ่งพุ่งเข้ามา ยังในสมองของเขา อีกทั้งพื้นดินเรียบเบื้องหน้ายังปรากฏอักษรว่า “ฝูอี้ 1934-1990” ออกมา


วิชาพินิจสุสานประเภทนี้ เยี่ยเทียนเรียนรู้ได้มาตั้งแต่เล็ก แต่ว่าภายหลังไม่เคยได้ใช้อีก เนื่องจากเพื่อไม่ให้เกิด การผิดพลาดอีกในปัจจุบัน เยี่ยเทียนจึงได้นำมาใช้อีกครั้ง


“คุณนายกง?” เห็นได้ชัดว่าคำพูดของเยี่ยเทียนไม่สามารถขจัดความสงสัยของเหล่าผู้คุ้มกันได้ คนทั้งหมดนั้นจึงมองมายังกงเสียวเสี่ยว


ใบหน้าของกงเสี่ยวเสี่ยวเผยให้เห็นถึงความมั่นใจ เอ่ยปากว่า “ปรมาจารย์เยี่ยเทียนค่ะ ขุดตรงนี้แหละ!”


ได้ยินคำสั่งของกงเสียวเสี่ยวแล้ว คนเหล่านั้นก็ไม่รอช้าอีกต่อไป หลังจากปัดเจ้ากบไม่กลัวตายออกไปแล้ว ก็คว้าจอบเสียบขุดดินขึ้นมา เพียงแต่พายุฝนในสถานที่นี้ทำให้พื้นดินเปียกแฉะไปทั่ว จึงเปลืองแรงขุดเป็นอย่างมาก


ผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วโมงเต็ม คนเหล่านั้นจึงขุดพบโพรงกว้างประมาณสองเมตร ลึกประมาณหนึ่งเมตร ถึงแม้พวกเขาจะมีร่างกายแข็งแรงกำยำ แต่ก็ทำให้เหนื่อยจนเหงื่อโซมกาย


ด้วยพายุฝนยังคงเทลงมา ภายในโพรงจึงเต็มไปด้วยน้ำ พวกที่อยู่ในหลุมล้วนโดนน้ำท่วมถึงเอว หากจะขุดลงไปต่อจะยากลำบากมาก คนเหล่านั้นจงได้แต่หยุดมืออย่างช่วยไม่ได้


“ปรมาจารย์เยี่ย ใต้พื้นดินนี้ไม่เห็นมีอะไรนี่นา?”


ผู้คุ้มกันคนหนึ่งที่ราวกับมนุษย์โคลนมองมายังเยี่ยเทียนด้วยสายตาออกจะไม่พอใจ ปากบ่นพึมพำ “จะลำบากคนอื่นเกินไปหรือเปล่า? ท่านยืนอยู่ตรงนั้นตลอดก็ไม่ปวดเอว พวกเราขุดกันลำบากมากนะ!”


ถึงแม้การช่วยคนขุดหาที่ฝังศพนี้เยี่ยเทียนจะเคยทำมาแล้วเมื่อตอนอายุสิบขวบ แต่ว่าครั้งนั้นอากาศปลอดโปร่ง เขาเองก็นึกไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้น หลังครุ่นคิดอยู่สักพักก็กล่าว “ขุดร่องน้ำสักร่อง ให้น้ำในหลุมไหลออกไปด้านล่าง”


“ปรมาจารย์เยี่ย ขุดจนลึกขนาดนี้แล้ว เห็นชัดๆ ว่าข้างในไม่มีโครงกระดูก คุณ…คุณแกล้งพวกเราอยู่หรือเปล่า?”


ได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียนแล้ว ผู้คุ้มกันทั้งหลายล้วนไม่พอใจ พวกเขามีหน้าที่คุ้มกันกงเสียวเสี่ยวให้ปลอดภัย ใช่กรรมกรเสียเมื่อไหร่?


“เร็วเข้า ฟังที่ปรมาจารย์เยี่ยว่า ขุดร่องน้ำซะ!”


กงเสียวเสี่ยวเห็นคนพวกนั้นไม่ยอมฟังคำสั่ง จึงลนลานพูดขึ้น “ค่าใช้จ่ายจ้างวานของพวกเธอในปีนี้ นอกจากที่บริษัทให้แล้ว ฉันจะให้ต่างหากอีกคนละหนึ่งแสน!”


ในวินาทีนี้กงเสียวเสี่ยวได้แต่นำความหวังทั้งหมดฝากฝังไว้ที่เยี่ยเทียนแล้ว เนื่องจากหลุมยังคงลึกลงไปเรื่อยๆ ถ้าหากเยี่ยเทียนไม่ฉุดเธอไว้ล่ะก็  เกรงว่ากงเสี่ยวเสี่ยวคงจะกระโดดลงไปนานแล้ว


“ตกลงครับ…”


รายได้ต่อปีของผู้คุ้มกันพวกนี้เพียงแค่ประมาณสามสี่แสนเท่านั้น วันนี้มาที่นี่ได้รับแล้วห้าแสน หากขุดร่องน้ำอีกจะได้เข้าไปในบัญชีอีกหนึ่งแสน เป็นกรรมกรก็ยังนับว่าคุ้มค่า


ขุดร่องน้ำนั้นง่ายกว่าขุดหลุมมาก ครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้นร่องน้ำง่ายๆ หนึ่งเส้นก็ขุดได้สำเร็จ หลังจากปล่อยน้ำในหลุมไหลออกไปแล้ว ก้นหลุมก็ปรากฏสู่สายตาอย่างช้าๆ


“พวกนายขึ้นมากันเถอะ”


เยี่ยเทียนส่ายหน้า ปล่อยให้ผู้คุ้มกันสองคนที่ยืนอยู่ก้นหลุมปีนขึ้นมา ตอนยังมีชีวิตอยู่ฝูอี้เป็นคนใจบุญสุนทาน เยี่ยเทียนจึงไม่อยากให้โครงกระดูกของเขาได้รับความเสียหาย


ถึงแม้ว่าตอนนี้ปริมาณฝนจะน้อยลงมากแล้ว แต่ว่าในหลุมก็ยังชุ่มแฉะไปด้วยโคลน หากไม่ระมัดระวัง อาจทำให้โครงกระดูกภายในบุบสลาย เยี่ยเทียนจึงเตรียมลงมือด้วยตัวเอง


“เตรียมโลงศพไว้ให้ดี!”


เยี่ยเทียนมองไปยังสองคนที่อยู่ด้านหลังกงเสี่ยวเสี่ยว ใต้เท้าพนักงานบริษัทใต้หวันสองคนนั้น เวลานี้มีโลงศพเซรามิค เลี่ยมทองคำเล็ก ๆ ยาวประมาณหนึ่งเมตรวางอยู่


เห็นว่ามีคนเปิดโลงเซรามิคออกแล้ว เยี่ยเทียนก็หยิบเข็มทิศ สองมือจับที่ก้นหลุมขึ้นมา เมื่อจับลงไปแล้ว ก็มีดินเหนียวก้อนหนึ่งถูกพลิกขึ้นมาด้วย


“เจอแล้ว!”


เยี่ยเทียนควบคุมกำลังไว้เหมาะเจาะ ใช้มือควานสัมผัสถึงสิ่งที่ไม่เหมือนดินเหนียวได้นิดหนึ่งแล้ว ก็ลดแรงลง ขุดเอาชิ้นส่วนนั้นออกมาจากดินเหนียวสี่ทิศรอบด้าน


หลังเยี่ยเทียนนำเอาชิ้นส่วนในดินเหนียวออกมาแล้ว คนทั้งหลายต่างประหลาดใจที่พบว่า สิ่งนั้นคือกระดูกยาวประมาณหนึ่งฟุต เมื่อดินเหนียวด้านบนถูกน้ำฝนชำระล้างออกไปแล้ว ก็เผยให้เห็นเป็นสีขาวซีด


……

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)