หมอดูยอดอัจฉริยะ 349-350

 ตอนที่ 349 ข่าวที่รั่วไหล

โดย

Ink Stone_Fantasy

โดยปกติของการหาคนโดยใช้ศาสตร์การทำนาย จะสามารถชี้ให้เห็นตำแหน่งคร่าวๆ อย่างเช่นตำแหน่งคร่าวๆ ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ แต่จะไม่สามารถระบุตำแหน่งที่แน่นอนได้


เยี่ยเทียนใช้วิชาลับร่วมกับศาสตร์การทำนายและข้อมูลส่วนตัวของคนคนนั้นเพื่อหาคน ดังนั้นจึงรู้ได้ถึงตำแหน่งที่แน่ชัดของเขา


แต่ว่าการตามหาคนที่ตายไปแล้วกับคนที่ยังมีชีวิตอยู่จะไม่เหมือนกัน คนที่ยังมีชีวิตอยู่สามารถระบุตำแหน่งแล้วให้คนไปเดินตามหาที่ตำแหน่งนั้นได้ แต่ว่าคนที่ตายไปแล้วจะถูกฝังอยู่ในดิน ถ้าระบุตำแหน่งในแผนที่ก็จะกลายเป็นว่ามันอยู่ในขอบเขตที่กว้างมาก


เห็นเยี่ยเทียนสายศีรษะ กงเสี่ยวเสี่ยวคิดว่าเขาจะไม่หาต่อ เธอคุกเข่าตรงหน้าของเยี่ยเทียนอย่างแรงจนเกิดเสียงดัง ร้องไห้สะอื้นพูดว่า “ปรมาจารย์เยี่ย ขอร้องละท่านต้องหาซากกระดูกของสามีฉันให้ได้ ตอนนี้สามีของฉันเขาเร่ร่อนจากบ้านเกิดของเขา โดดเดี่ยวและลำบาก เสี่ยวเสี่ยวต้องการที่จะฝังเขาให้ปลอดภัย”


“คุณนายกง ลุกขึ้นมาก่อน เรื่องนี้ ที่สำคัญเลยคือผมไปไต้หวันไม่ได้”


เยี่ยเทียนกุมมือของกงเสี่ยวเสี่ยว คิ้วขมวด เขาสูญเสียพลังจิตในการทำนายหาร่องรอยซากกระดูกของฝูอี้ เดิมที่แค่รอบเดียวก็น่าจะเห็น แต่ว่าเยี่ยเทียนก็นึกไม่ถึงเช่นกันว่าซากกระดูกของฝูอี้จะไปอยู่ที่ไต้หวัน


ถึงแม้ว่าแม้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองฝั่งทะเลถูกแยกออกจากกัน แต่ดูเหมือนว่าการที่จะเข้าสู่ไต้หวันจะเป็นเรื่องที่ลำบาก ระยะเวลาที่เยี่ยเทียนจากบ้านมาก็ถือว่านานพอสมควร ถ้าเกิดว่าต้องไปไต้หวันอีก เขาก็ไม่รู้ว่ายังคงต้องเสียเวลาอีกนานแค่ไหน


เมื่อได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียน ถังเหวินหย่วนเปิดปากว่า “เยี่ยเทียน เธอก็ช่วยเสี่ยวเสี่ยวหน่อยเถอะ ไปไต้หวันง่ายๆ เรื่องพวกนี้ฉันจะให้คนของฉันจัดการให้ ไม่ลำบากหรือมีปัญหาอะไรหรอก”


“ต้องใช้เวลาประมาณกี่วัน” เยี่ยเทียนถาม ถ้าเขาทำ เขาก็อยากตั้งใจทำตั้งแต่ต้นจนจบ และนี่ก็ถือว่าเป็นเรื่องของคุณธรรมและการทำบุญุศล


เมื่อเห็นเยี่ยเทียนตอบตกลงแล้ว ถังเหวินหย่วนดีใจมาก รีบพูดว่า “พรุ่งนี้ไปเลยก็ได้ ฉันกับเสี่ยวเสี่ยวมีธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อยู่ที่ไต้หวัน เพียงแค่เพิ่มผู้ติดตามไม่กี่คนเท่านั้นเอง เยี่ยเทียน เธอว่าไง”


แม้ว่าเยี่ยเทียนจะมีปัญหาในการเข้าไปในไต้หวันในฐานะที่เป็นคนแผ่นดินใหญ่ แต่ก็ต้องดูว่าใครเป็นคนจัดการให้ แต่สำหรับฐานะของถังเหวินหย่วนและกงเสี่ยวเสี่ยวนั้น ถือว่าเป็นระดับชั้นสูงของไต้หวันก็ต้องให้เกียรติกันหน่อย


“พรุ่งนี้ ดีเลย” เยี่ยเทียนคิดแล้วคิดอีก พยักหน้าตอบตกลงแล้ว


เมื่อได้ยินคำตอบของเยี่ยเทียน ถังเหวินหย่วนพูดว่า “ดี ฉันจะเป็นคนจัดการเอง” กงเสี่ยวเสี่ยวก็ต้องไปจัดการ เรื่องของเธอด้วยเช่นกันจึงออกจากบ้านพักตากอากาศพร้อมกับถังเหวินหย่วน


“วันหน้าถ้ามีเงิน อยากจะซื้อบ้านอยู่ที่นี่เหมือนกัน”


เมื่อทั้งสองคนเดินจากไป เยี่ยเทียนก็เดินเล่นอยู่ในลานบ้าน บ้านพักตากอากาศนี้ตั้งอยู่บนเชิงเขา ด้านหน้าหันเข้าหาทะเล ถือว่าเป็นพื้นที่ที่มีฮวงจุ้ยที่ดี เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนี้ ทำให้คนรู้สึกผ่อนคลายและความสบายใจ


เรือนสี่ประสานของเยี่ยเทียนมีฮวงจุ้ยที่ดีกว่า เพราะใช้ค่ายกลดูดเอาพลังชีวิตจากพระราชวังโบราณที่สะสมไว้หลายร้อยปี แต่ในอีกสามถึงห้าปีข้างหน้า พลังก็จะหมดไปกลายเป็นสภาพเดิม ไม่มีพลังพิเศษอีกแล้ว


แต่ฮวงจุ้ยที่นี่ถูกสร้างขึ้นตามธรรมชาติ ถ้าเกิดว่าหาพื้นที่ที่ดีได้ เยี่ยเทียนจัดวางค่ายกล ก็สามารถดูดพลังจากทะเลได้ หลายร้อยปีผ่านไป พลังจะลดลงไปแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น


หลังจากเดินไปรอบๆ บ้านพักตากอากาศพร้อมกับขยี้ผมที่เปียกจากการลงเล่นน้ำในสระ เยี่ยเทียนก็พึ่งนึกออก “ใช่แล้ว ต้องโทรหาพี่จิ้งหลันนี่นา”


แม้ว่าเยี่ยเทียนเชื่อว่าหวาเซิ่งจะไม่กล้าหน้าไหว้หลังหลอกกับตัวเอง แต่ในวงการบันเทิงนั้นเชื่อไม่ได้ ดังนั้นไม่กล้ารับประกันว่ายังจะมีคนที่จะคอยรังแกเฉินจิ้งหลันอยู่อีกหรือเปล่า


หลังจากกลับมาถึงห้องก็รีบหานามบัตรของเฉินจิ้งหลันจนเจอ เยี่ยเทียนหยิบโทรศัพท์แล้วโทรออกไป


ในการเตรียมความพร้อมสำหรับการถ่ายทำในสตูดิโอที่ฮ่องกง ทุกคนต่างไม่ว่างยุ่งวุ่นวายกันไปหมด ใบหน้าก็ค่อนข้างเป็นกังวล ไม่มีเหตุผลอื่นที่จะอธิบาย ในวงการนี้ มันเป็นเรื่องปกติถ้าหากจะมีการเปลี่ยนนักแสดง แต่ว่าการเปลี่ยนผู้กำกับนั้นจะมีน้อยมาก


การเปลี่ยนตัวผู้กำกับจือซวน ทำให้ทีมงานทั้งหมดรู้สึกไม่สบายใจ ปกติแล้วผู้กำกับทุกคนจะมีทีมงานของตัวเอง รวมถึงข่างภาพ ดังนั้นทีมงานเก่าของจางจือซวนจึงรู้สึกอึดอัด


แต่ก็ยังโชคดีที่ผู้กำกับที่มาใหม่คือผู้กำกับที่มีชื่อเสียงมากคนหนึ่งของฮ่องกงเช่นกัน การถ่ายทำจึงผ่านไปด้วยความราบรื่น แต่ว่าในความรู้สึกของทีมงานก็ยังคงมีบรรยากาศที่ไม่ค่อยดี


มีคนในทีมงานได้รับข่าวมาจากไหนก็ไม่รู้ว่า สาเหตุที่มีการเปลี่ยนตัวผู้กำกับจางจือซวนนั้นเป็นเพราะเฉินจิ้งหลันมีส่วนเกี่ยวข้อง และเมื่อวานนี้เองที่ท่านประธานหวาเซิ่งเองก็ได้เข้ามาเยี่ยมกองถ่ายของเฉินจิ้งหลันด้วย เท่ากับเป็นการยืนยันข่าวลือที่เกิดขึ้น


ทีมงานบางคนในกองถ่ายที่เคยไม่ค่อยชอบเฉินจิ้งหลัน ตอนนี้ต่อหน้าเฉินจิ้งหลันยังไม่กล้าหายใจแรง ไม่กล้าแม้แต่จะพูดกวางตุ้งกับเธอ พยายามพูดกับเธอด้วยภาษาจีนกลางแบบติดๆ ขัดๆ


“นักแสดงประจำที่ ตากล้องพร้อม ใครโทรศัพท์ของใคร ไม่รู้หรอว่าเวลาถ่ายทำห้ามพกโทรศัพท์”


หลังจากการเตรีมการที่วุ่นวายผ่านไปครึ่งชั่วโมง ทุกอย่างก็เรียบร้อย ตอนที่ผู้กำกับกำลังจะสั่งให้ถ่ายทำ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา


ทำให้ผู้กำกับคนใหม่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ถ้าในกองถ่ายมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น มันเหมือนกับการท้าทาย อำนาจของเขา


“ผู้กำกับเฉิน ขอ ขอโทษ คือเป็นเสียงโทรศัพท์ของฉันเอง เมื่อกี้ลืมปิด”


เป็นเสียงโทรศัพท์ของเฉินจิ้งหลันเองที่ดังขึ้นมา เธอขอโทษผู้กำกับ สีหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกเกรงใจ เรื่องนี้ถือว่าเธอทำผิดพลาดไปแล้ว เวลาทำงานก็ต้องปิดเครื่อง


“เหรอ เป็นโทรศัพท์ของพี่เฉินเองเหรอ” เมื่อผู้กำกับได้ยินว่าเป็นโทรศัพท์ของเฉินจิ้งหลัน สีหน้าที่กำลังโกรธจัดก็ค่อยๆ หายไป พักการถ่ายไว้ก่อน “พี่เฉิน ไปรับสายก่อนนะ ไม่แน่ว่าอาจเป็นเรื่องที่สำคัญมาก”


อารมณ์ที่เปลี่ยนไปของผู้กำกับ ทำให้ทีมงานและนักแสดงในกองถ่ายทุกคนประหลาดใจ ผู้กำกับคนนี้เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องของอารมณ์โมโหร้ายของเขา ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เขากลายเป็นคนพูดจาดีขนาดนี้


“ไม่ต้อง ฉันก็จะปิดแล้ว”


เฉินจิ้งหลันรีบเปิดกระเป๋าของตัวเอง เอาโทรศัพท์ออกมาดู กลับเห็นว่าเป็นบอร์ของฮ่องกง อดไม่ได้ที่จะรับสายเพราะอยู่ในฮ่องกง เธอให้เบอร์ส่วนตัวกับเยี่ยเทียนเท่านั้น


“ไม่เป็นอะไรครับ พี่เฉิน ค่อยๆ รับสาย”


เมื่อรู้ว่าเป็นเยี่ยเทียนโทรมา ผู้กำกับเฉินยิ้มอ่อนๆ แล้วแตะไปที่ไหล่ของเฉินจิ้งหลัน หันตัวกลับมาแล้วตะโกนเสียงดังว่า “คนดูแลฉาก ฉากฝั่งนี้มันยังจัดไม่ถูก จัดใหม่สิ เร็วๆ เข้า”


ในฐานะคนเก่าแก่ของบริษัทหวาเซิ่ง ผู้กำกับเฉินรู้ดียิ่งกว่าใครว่าอะไรที่เป็นสาเหตุให้มีการเปลี่ยนตัวจางจือซวนกลางคัน อีกทั้งเขาเห็นหน้าจางจือซวนที่ถูกตีจนเหมือนหมู ถึงกล้าเพียงไหน ผู้กำกับเฉินก็ไม่กล้าทำให้คุณเฉินรู้สึกไม่พอใจ


“ฮัลโหล เยี่ยเทียน ใช่เธอหรือเปล่า” ถึงแม้ว่าจะเป็นเบอร์ที่ไม่รู้จัก แต่ว่าเฉินจิ้งหลันก็มั่นใจว่าต้องเป็นเยี่ยเทียน โทรมาแน่นอน


“พี่จิ้งหลัน ฉันเอง ไม่ได้รบกวนเวลาทำงานของพี่ใช่ไหม” เป็นไปอย่างที่คิดไว้ เสียงของเยี่ยเทียน ดังออกมาจากโทรศัพท์


เฉินจิ้งหลันมองไปรอบๆ คนที่กำลังทำงานอยู่จ้องมองเธอ ฝืนใจพูดว่า “ไม่มี เยี่ยเทียน ธุระของเธอเสร็จแล้วเหรอ”


“ใช่ เพียงแค่ส่วนหนึ่ง แต่ว่าธุระทั้งหมดยังไม่เสร็จ ใช่แล้ว เถ้าแก่หวาไม่ว่าอะไรพี่ใช่ไหม การถ่ายทำมีปัญหาอะไรหรือเปล่า”


“เมื่อวานเถ้าแก่หวามาเยี่ยม ทุกคนในกองถ่ายถือว่าทำดีกับฉันมาก”  เฉินจิ้งหลันลังเลใจอยู่ครู่หนึ่ง ก็พูดต่อว่า “เยี่ยเทียน เรื่องของวันนั้นฉันยังไม่ได้ขอบคุณเธอเลย ฉัน วันนี้ฉันอยากเลี้ยงข้าวเธอ ไม่รู้ว่าเธอจะสะดวกมั้ย”


“วันนี้ไม่ว่างแล้ว พรุ่งนี้ผมต้องไปไต้หวัน รอให้กลับมาแล้วกลับไปที่ปักกิ่งแล้วผมจะเลี้ยงข้าวพี่เองนะ”


“ถ้าอย่างนั้นก็ได้ ถ้ากลับมาถึงปักกิ่งแล้วอย่าลืมโทรมาหาฉันนะ”


คำตอบที่ผ่านสายโทรศัพท์ ทำให้เฉินจิ้งหลันรู้สึกผิดหวัง หลังจากพูดคุยกับเยี่ยเทียนไม่กี่คำ ก็รีบตัดสาย


เมื่อรับสายนี้แล้ว ทำให้เฉินจิ้งหลันจิตใจไม่อยู่กับตัว ในช่วงกลางวันที่ถ่ายทำจึงไม่มีสมาธิ มีหลายครั้งในการถ่ายทำมีหลายที่น่าจะผ่านไปได้ด้วยดี แต่กลับถูกสั่งพักไว้ ทำให้ผู้กำกับคนใหม่รู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก


ตอนกินข้าวกลางวัน นักแสดงหญิงคนหนึ่งที่ดูมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเฉินจิ้งหลันพูดว่า “พี่จิ้งหลัน ตอนเช้าแฟนโทรมาเหรอ”


หลังจากที่เถ้าแก่หวามาเยี่ยมกองถ่าย ในกองถ่ายนี้ก็ไม่ได้สนใจว่านักแสดงจะอายุมากน้อยแค่ไหน เมื่ออยู่ต่อหน้าเฉินจิ้งหลันแล้ว ก็เติมคำว่าพี่หน้าชื่อของเธอ เพราะรู้ว่า นี่คือคนที่นายใหญ่ดูแลอยู่


เฉินจิ้งหลันส่ายหน้า พูดว่า “ไม่ใช่แฟน เป็นเพื่อนกันปกติ อาเหลียน สภาพของฉันไม่ค่อยดี ต้องรบกวนพวกเธอหน่อย”


อาเหลียนยิ้มตอบว่า “ต้องเป็นแฟนอย่างแน่นอนเลยพี่จิ้งหลัน ผู้ชายคนนี้ก็นะใช้ไม่ได้เลย ต้องให้เขาพาพี่ไปกินข้าวเป็นการไถ่โทษเลย”


เฉินจิ้งหลันหน้าแดงขึ้นมา อธิบายว่า “ไม่ใช่จริงๆ เป็นเพื่อนคนหนึ่งที่บังเอิญเจอกันที่ฮ่องกง พรุ่งนี้เขาจะไปไต้หวันแล้ว โอ้ย แล้วทำไมฉันต้องคุยกับเธอเรื่องพวกนี้ด้วยนะ”


“พอแล้ว พอแล้ว กินข้าวกันเถอะ ช่วงบ่ายเธอต้องมีสมาธิ ถ้าไม่อย่างนั้นผู้กำกับเฉินจะโมโหได้นะ”


อาเหลียนเปลี่ยนหัวข้อในการคุย และไม่มีใครสังเกตเห็นว่าในช่วงที่พักกลางวัน อาเหลียนก็หลบไปที่ลับตาคน แล้วโทรศัพท์ไปยังออสเตรเลีย


……


จางจือซวนมาถึงออสเตรเลียได้สองวันแล้ว แม้ว่าแต่ก่อนเขาจะชอบเที่ยวที่ออสเตรเลียอยู่บ่อยๆ แต่ครั้งนี้เขาถูกคนบังคับให้มาถึงที่นี้ สองวันนี้ทุกครั้งที่เขาหลับตา มันทำให้เขานึกถึงเยี่ยเทียนที่ทำให้เขาอับอาย


เมื่อได้รับสายของอาเหลียนคนที่ตัวเองเคยช่วยเหลือ จางจือซวนแสยะยิ้ม รีบต่อสายหาหลวนเก้อหนานทันที


“แน่ใจไหมว่าเป้าหมายจะไปไต้หวันจริงๆ” เมื่อได้ยินจางจือซวนพูด หลวนเก้อหนานถามกลับไป


“แน่ใจสิ หลวนเก้อหนาน ขอแค่แกฆ่ามันให้ตาย ฉันจะเป็นหนี้บุญคุณแก และยังเหลืออีกเก้าแสน ฉันก็สามารถให้แกก่อนได้”


จางจือซวนเกลียดเยี่ยเทียนเข้ากระดูกดำ ปีนี้เขามีอายุแค่ห้าสิบปีเท่านั้น ถือว่าเป็นผู้กำกับมือทองคนหนึ่ง แต่เพราะว่าเยี่ยเทียน ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปหมดแล้ว ถ้าเกิดว่าเขาไม่มีสติขึ้นมา เกรงว่าอาจเป็นตัวเขาเอง ที่ใช้ปืนยิงและฆ่าเยียเทียนตาย


หลังจากที่หลวนเก้อหนานถามรายละเอียดเพิ่มเติมก็พูดว่า “ดี หลังจากนี้สามวันแกรอฟังข่าวคนนั้นว่าตายไปแล้วได้เลย ถึงเวลานั้นก็อย่าลืมโอนเงินเข้าบัญชีของฉันละ”


หลวนเก้อหนานเป็นนายหน้าธุรกิจที่ใหญ่มาก เขามีเส้นสายอยู่ทั่วทุกที่ในเอเชียอาคเนย์ ขอเพียงแค่กำลังเงินพอ เขาก็สามารถจัดการทุกอย่างได้


ครั้งนี้ก็ไม่มีข้อยกเว้น วันก่อนเมื่อมีการส่งข่าวออกไปว่ามีความต้องการลอบฆ่าเยี่ยเทียน แต่ว่าแค่ช่วงเวลาสั้นๆ ครึ่งวัน ก็มีคนติดต่อเข้ามารับงานนี้กับเขา หลวนเก้อหนานรู้จักฝั่งตรงข้ามดี เป็นกลุ่มทหารรับจ้างที่มีชื่อเสียงในเอเชียอาคเนย์


 ……


ตอนที่ 350 ระบุตำแหน่ง

โดย

Ink Stone_Fantasy

เช้าวันรุ่งขึ้น กงเสียวเสี่ยวส่งรถมารับเยี่ยเทียนไปที่สนามบินนานาชาติฮ่องกง เครื่องบินส่วนตัวของเธอได้ขอทำการขึ้นบินสำเร็จแล้ว รอแค่ให้เยี่ยเทียนมาถึงแล้วออกเดินทางไปไต้หวันได้ทันที


“เยี่ยเทียน ครั้งนี้ฉันไม่ได้ไปด้วย นายช่วยน้องสาวคนนี้ด้วย ต้องหาร่างของน้องฝูอี้ให้เจอนะ ถึงตอนนั้นฉันกับเสียวเสี่ยวจะขอบคุณนายอย่างสุดซึ้ง”


ถังเหวินหย่วนได้มาถึงสนามบินแล้วเช่นกัน แต่เพราะเขาอายุมากแล้ว จึงไม่สะดวกจะเดินทางบุกบั่นไปกับเยี่ยเทียน ได้แต่ให้อาติงติดตามเยี่ยเทียนไปเพื่อคอยช่วยเหลือรับใช้ในเรื่องจิปาถะ


เยี่ยเทียนผงกศีรษะตอบ “เหล่าถัง วางใจเถอะ ช่วยดูแลเจ้าเหมาโถวด้วย แล้วก็เก็บรักษาง้าวจันทร์เสี้ยวของผมให้ดี อย่าให้คนอื่นมาขโมยไป”


ไม่รู้ทำไมเมื่อคืนนอนหลับไม่สนิท ลางบอกเหตุเหมือนกำลังเตือนเขาว่าจะเกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้น พอผูกกว้าตรวจดูดวงชะตาแล้วก็ไม่พบอะไร จึงไม่เหมาะจะกลับคำอย่างกะทันหัน


เพราะมีลางสังหรณ์แบบนี้ เยี่ยเทียนจึงไม่ยอมให้จั่วเจียจวิ้นกับหลิวติงติงตามไปไต้หวันด้วยกัน ยิ่งกว่านั้นยังฝากเหมาโถวไว้ที่นี่ หากเกิดอะไรขึ้นจริง เขาตัวคนเดียวสามารถเอาตัวรอดได้ง่ายกว่า ถ้าพาเหมาโถวไปด้วยจะเป็นการดึงดูดสายตาคนอื่น


ตอนที่เยี่ยเทียนกำลังสั่งเสียกับถังเหวินหย่วนอยู่ มีชายวัยกลางคนสวมแว่นดำ เดินเข้ามาข้างตัว เยี่ยเทียนแล้วพูดด้วยความเคารพว่า “คุณเยี่ย คุณนายกงรออยู่ เครื่องบินกำลังจะออกเดินทางแล้วครับ!”


ตั้งแต่ฝูอี้ถูกลักพาตัวสองครั้ง เศรษฐีใหญ่ในฮ่องกงต่างยิ่งระวังตัว ยอมลงทุนจ้างเจ้าหน้าที่จากกองกำลัง “เสือบิน” ที่ปลดประจำการแล้วหรือไม่ก็บอดี้การ์ดชาวต่างชาติในราคาสูง เพื่อให้ความคุ้มครองตัวเอง


เยี่ยเทียนทราบว่าชายตรงหน้าเคยได้รับหน้าที่คุ้มครองพยานในฮ่องกง แม้จะไม่ได้มีฝีมือเก่งกาจ แต่ความรู้สึกในการระวังภัยนั้นดีเยี่ยม


เยี่ยเทียนพยักหน้า มองไปที่ถังเหวินหย่วน “เราไปก่อนนะ อย่างมากอีกสามวันก็กลับมา แล้วผมจะกลับปักกิ่งทันที”


จากบ้านมาสามเดือนกว่าแล้ว แม้จะโทรศัพท์กลับไปบ่อยๆ แต่ป้าใหญ่ในบ้านก็บ่นหนักมาก แม้แต่อวี๋ชิงหย่ายังร่ำร้องจะมาช้อปปิ้งที่ฮ่องกงให้ได้ เพราะว่าคิดถึงเยี่ยเทียนมาก


เครื่องบินส่วนตัวของกงเสียวเสี่ยวลำนี้ดูหรูหรากว่าของถังเหวินหย่วน สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้สิบสองคน นอกจากเยี่ยเทียน กงเสียวเสี่ยวและอาติง ยังมีบอดี้การ์ดอีกห้าคนและนักบินอีกสามคน


กงเสียวเสี่ยวดูอ่อนล้าเพราะขาดการพักผ่อน วันนี้เธอสวมชุดที่ดูเคร่งขรึม เปียผมยาวที่เคยถักตลอด วันนี้เปลี่ยนเป็นผมสยายยาวตรงกับหน้าม้าแบบทรงตุ๊กตา เธอบอกว่าตอนที่ฝูอี้ยังมีชีวิตอยู่ชอบให้เธอแต่งตัวแบบนี้


“อาจารย์เยี่ย คือ…ครั้งนี้จะหาร่างของสามีฉันเจอแน่ใช่ไหมคะ?” ตั้งแต่ขึ้นมาบนเครื่องกงเสียวเสี่ยวที่อดกลั้นอารมณ์ไว้ แต่สุดท้ายก็อดถามออกมาไม่ได้


เยี่ยเทียนพยักหน้า ตอบว่า “คุณนายกง วางใจเถอะ สามีคุณนายเป็นคนถ่อมตน ปกติก็ใจบุญสุนทาน ผมจะไม่ยอมให้ร่างของเขาต้องอยู่ในที่รกร้างแน่นอน”


ครั้งแรกที่ฝูอี้ถูกลักพาตัว เขาเป็นแค่เศรษฐีที่ไม่ค่อยมีชื่อเสียง จนถึงตอนที่คดีดังขึ้น คนอื่นถึงจะรู้ว่าเขามีฐานะ และข่าวว่าฝูอี้ที่เป็นคนใจบุญก็ได้แพร่ออกไปด้วย


ถังเหวินหย่วนเล่าให้เยี่ยเทียนฟังว่าช่วงกลางของยุคปี 80 ฝูอี้เคยบริจาคเงินกว่าร้อยล้านหยวนให้องค์กรในพื้นที่ ถ้าไม่อายุสั้นเสียก่อนตำแหน่งหัวหน้าพรรครัฐบาลคงไม่ตกไปถึงมือคนปัจจุบันแน่นอน


หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เยี่ยเทียนคงไม่รับปากออกตามหาให้เปลืองแรง แต่สามีภรรยาคู่นี้ เป็นผู้ที่สมควรแก่การเคารพยกย่อง


“งั้นก็ดี งั้นก็ดี” ที่กงเสียวเสี่ยวถามไม่ได้อยากได้คำตอบนัก เพียงแต่เพื่อชวนคุยลดความตึงเครียด และความเจ็บปวดในใจของตัวเองลง


ระยะทางระหว่างฮ่องกงถึงไต้หวันไม่ได้ไกลมาก แค่หนึ่งชั่วโมงครึ่ง เครื่องบินส่วนตัวก็เดินทางมาถึงไต้หวัน เครื่องลงจอดสนิทแล้ว มีรถบัสระดับกลางคันหนึ่งเคลื่อนตัวเข้ามาจอดข้างเครื่องบิน


กงเสียวเสี่ยวรวบรวมกำลังใจให้เข้มแข็งขึ้น รอจนคนอื่นๆ ย้ายไปขึ้นรถกันหมดแล้ว เธอกล่าวกับคนขับรถ อย่างเรียบเฉยว่า “ไปโรงแรม”


ตามความต้องการของเยี่ยเทียน ตอนที่เขาอยู่ฮ่องกงจะร่ายเวทย์ไปถึงไต้หวันระยะทางก็ไกลเกินไป แม้จะสัมผัสได้ว่าร่างไร้วิญญาณของฝูอี้น่าจะอยู่ในบริเวณเมืองเกาสง แต่การจะระบุตำแหน่งที่แน่ชัดยังต้องคำนวณดูอีกครั้ง


นี่เป็นการมาไต้หวันครั้งแรก เยี่ยเทียนตื่นตาตื่นใจมองดูทัศนียภาพภายนอกหน้าต่างรถ


มองออกไปจากตัวรถ ทิวทัศน์บรรยากาศไม่ต่างจากจีนแผ่นดินใหญ่มากเท่าไหร่ ผู้คนเป็นคนผิวเหลืองผมดำ คล้ายกับชาวจีนดั้งเดิม เยี่ยเทียนมองดูแล้วรู้สึกเหมือนอยู่ในเมืองใดเมืองหนึ่งในประเทศจีน


กงเสียวเสี่ยวเห็นเยี่ยเทียนตื่นตาตื่นใจพูดทักขึ้นว่า “เยี่ยเทียน คุณมาไต้หวันครั้งแรก เดี๋ยวฉันจะให้คน พาคุณเที่ยวชมรอบเมืองเกาสง”


เยี่ยเทียนส่ายหัว “ไม่ต้องหรอกครับ รอให้หาร่างของคุณฝูอี้เจอก่อน แล้วผมจะรีบกลับฮ่องกงทันที”


การมาไต้หวันครั้งนี้เยี่ยเทียนไม่ได้รู้สึกเบิกบานใจนัก ในใจลึกๆ ยังรู้สึกถึงความหวั่นใจอย่างประหลาด เหมือนว่าจะมีเหตุร้ายเกิดขึ้น


กงเสียวเสี่ยวให้คนจองห้องชุดของโรงแรมห้าดาวเอาไว้แล้ว พอมาถึงโรงแรม เยี่ยเทียนเข้าห้องพัก แล้วสั่งอาติงว่าห้ามคนนอกเข้ามาเด็ดขาด


นำเอาของที่มีคราบเลือดครั้งสุดท้ายของฝูอี้ออกมา เยี่ยเทียนเริ่มทำพิธีวาดค่ายกลเรียกวิญญาณบนพื้นห้องโรงแรม เมื่อค่ายกลเสร็จสมบูรณ์ เยี่ยเทียนซึ่งเสียพลังไปมากก็หลับไปอย่างอ่อนแรง


เยี่ยเทียนหลับลึกจนถึงเที่ยงคืนถึงจะรู้สึกตัวตื่นพลิกตะแคง รู้สึกได้ถึงพลังชี่ดั้งเดิมในร่างกาย เขาลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิ แล้วหายใจเข้าออก


เมืองเกาสงตั้งอยู่ริมทะเล ตกดึกมักจะมีฝนตกพรำ เมื่อฟ้าสางฝนตกหนักขึ้น เยี่ยเทียนตื่นขึ้นมองออกไป นอกหน้าต่าง วิวภายนอกปกคลุมไปด้วยหมอกหนามองอะไรไม่ชัด


“อย่างนี้ก็ลำบากแล้วสิ!”


เยี่ยเทียนสั่นหัว น้ำฝนมักจะดูดกลืนพลังลมปราณไว้ การทำนายเหตุการณ์ในท้องทะเล มักยากกว่าการทำนายบนพื้นดิน ฝนตกหนักแบบนี้การผูกกว้าทำนายต้องสิ้นเปลืองพลังมากกว่าปกติ


ค่ายกลที่วาดจากเลือดสดนั้นไม่คงทน เยี่ยเทียนไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ฝนจะหยุด คงทำได้แค่ดันทุรังทำนายไป แล้วหยิบเอา”เหรียญโบราณต้าฉีทงเป่า” กับเหรียญสัมฤทธิ์สามอันออกมาเริ่มการทำนาย


ค่ายกลเรียกวิญญาณที่วาดด้วยเลือดของฝูอี้ ตอนที่เยี่ยเทียนทำนาย มีลมหายใจเบาบางที่ไม่มีรูปร่าง แผ่กระจายออกมา นี่เป็นข้อความที่ฝูอี้เหลือไว้ในลมหายใจสุดท้าย


หลายร้อยปีมานี้ โลกตะวันตกมีความเชื่อเรื่องวิญญาณ หลายคนเชื่อว่าพอตายแล้ววิญญาณจะยังคงอยู่ วิญญาณเหล่านั้นเพียงแต่มีชีวิตอยู่ด้วยวิธีอื่น


พวกเขาเชื่อว่าร่างกายของคนเป็นเพียงเครื่องมือ ให้วิญญาณเป็นผู้สั่งการเคลื่อนไหวของร่างกาย ดังนั้นชีวิตจะต้องประกอบด้วยวิญญาณเป็นหลัก ถ้าตายไปแล้ววิญญาณจะล่องลอยออกท่องเที่ยวไปในโลก


แต่เยี่ยเทียนรู้ว่า วิญญาณนั้นไม่มีจริง เป็นแค่จินตนาการที่ตอนที่เพิ่งตายใหม่ๆอาจจะมีอยู่จริง แต่บางคนที่จิตใจเคียดแค้นอาฆาตหรือยิ่งไปกว่านั้นคือ ความพยาบาทของพวกเขาถูกถ่ายทอดออกมาเป็นพลังอาฆาต หรือที่คนทั่วไปเรียกว่าวิญญาณร้าย


แต่การปรากฎของสิ่งเหล่านี้นั้นมักเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ ความพยาบาทเหล่านั้นจะแปรเปลี่ยนไปเป็นพลังงานชั่วร้าย นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมในโรงพยาบาลจึงเป็นแหล่งสะสมของพลังพิฆาต


เพราะความแตกต่างมนุษย์แต่ละบุคคล พอตายไปแล้วจะยังหลงเหลือข้อความหรือสารสุดท้ายเอาไว้ เพียงแต่ข้อความสุดท้ายนี้ช่างบางเบาเหลือเกิน ถ้าไม่ได้วิชาอาคมของเยี่ยเทียน ก็ไม่มีใครสามารถสัมผัสถึง


“ฮือ อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้!”


หลังจากผูกกว้าทำนายแล้ว เยี่ยเทียนเงยหน้าขึ้นฉับพลัน เขาพบว่าทิศตะวันออกเฉียงใต้ของโรงแรม ห่างออกไปสามสิบกิโลเมตร มีพลังงานของข้อความปรากฏขึ้นอย่างเบาบางมาเชื่อมกับค่ายกลของเขา


เยี่ยเทียนตั้งจิตให้มั่น พลิกมือหยิบเอาจานเข็มทิศที่ตกทอดมาจากอาจารย์ แล้ววางไว้ศูนย์กลางของค่ายกล มือขวาดีดนิ้ว ปากพึมพำคาถาแล้วสั่งว่า “นิ่ง!”


ตามเสียงสั่งของเยี่ยเทียน ข้อความสุดท้ายของฝูอี้เป็นสายใยเชื่อมเข้ามาที่ค่ายกล อยู่ๆ ก็เหมือนถูกสะกดนิ่ง แล้วไหลรวมเข้ามาอยู่ในจานเข็มทิศ


หลังจากพลังงานอันเบาบางเข้าไปอยู่ในจานเข็มทิศแล้ว ค่ายกลที่ถูกวาดด้วยเลือดสดก็ค่อยๆ จางลงจนหายไป


“เรียบร้อย!”


เยี่ยเทียนถอนหายใจอย่างโล่งอก ถือจานเข็มทิศขึ้นมาพลางอธิษฐานจิตถึงชื่อฝูอี้ มีพลังงานไหลเข้าสู่จานเข็มทิศ แล้วตัวเข็มก็หมุนติ้ว สุดท้ายปลายเข็มได้ชี้ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้


เยี่ยเทียนเดินออกจากห้องนอนของตัวเองไปเคาะประตูห้องอาติง “อาติง เชิญคุณนายกงมาได้แล้ว แล้วก็สั่งอาหารเช้ามาสามที่ ฉันหิวจะตายอยู่แล้ว!”


การบริการสำหรับห้องชุดสูทของโรงแรม แน่นอนว่าต้องดีที่สุด เมื่อกงเสียวเสี่ยวมาถึง โต๊ะอาหารเช้าเป็นอาหารทะเลชุดใหญ่ยกเข้ามาเสิร์ฟ ตอนนั้นเยี่ยเทียนไม่สนใจกงเสียวเสี่ยวแล้ว สนใจอาหารของตัวเองก่อน


หลังจากรับประทานจนอิ่มแล้ว กงเสียวเสี่ยวถามอย่างร้อนใจแล้ว “อาจารย์เยี่ย เป็น…เป็นอย่างไรบ้าง?”


เยี่ยเทียนหยิบกระดาษมาเช็ดปาก แล้วตอบว่า “หาเจอแล้ว อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ ห่างออกไปสามสิบกิโลเมตร”


“จริง…จริงหรือ? งั้น…งั้นเรารีบไปกันเลยเถอะ!” ฟังเยี่ยเทียนพูดจบ กงเสียวเสี่ยวลุกพรวดขึ้น จนทำแก้วชาตรงหน้าหกแล้วยังไม่รู้ตัว


เยี่ยเทียนหันไปมองนอกหน้าต่างแล้วพูดว่า “ฝนตกหนักขนาดนี้ จะขุดดินขึ้นมาไม่สะดวก คุณนายกง ไม่งั้น…เรารอให้ฝนซาลงหน่อยค่อยไป?”


จานเข็มทิศได้ชี้ไปในทิศทางที่ร่างของฝูอี้อยู่แล้ว เพียงแค่เดินทางไปตามทิศทางที่เข็มทิศชี้ก็จะหาพบ เยี่ยเทียนจึงไม่ได้รีบร้อนอะไร


“ไม่…ต่อให้ต้องขุดด้วยมือ ฉันก็จะขุดเอาร่างของอาอี้ออกมาให้ได้” กงเสียวเสี่ยวส่ายศีรษะยืนกรานหนักแน่น


“ก็ได้ เราไปกันเลย” ดูสภาพฝนภายนอก เยี่ยเทียนทนต่อความดื้อรั้นไม่ไหว ความรู้สึกหวาดหวั่นในใจยิ่งทวีคูณขึ้น


เยี่ยเทียนอึดอัดใจอย่างประหลาด ชาญ ทองทวนถูกจัดการไปแล้ว นักฆ่าก็ถูกอาติงจับโยนลงทะเล ยังจะมีใครมาปองร้ายเขาอีกหรือ?


เยี่ยเทียนไม่มีทางรู้ได้เลยว่า เรื่องเล็กน้อยที่เกิดขึ้นในวันก่อน กลับก่อให้เกิดความโกรธแค้นฝังลึก ก่อนที่เขาจะมาถึงไต้หวันเพียงหนึ่งวัน ได้มีกลุ่มคนยี่สิบกว่าคนเดินทางมารอเขาที่เมืองเกาสงแล้ว


 ……

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)