หมอดูยอดอัจฉริยะ 347-348

 ตอนที่ 347 หาคน (1)

โดย

Ink Stone_Fantasy

“พี่เหวิน เถ้าแก่หวา พวกคุณมากันได้อย่างไร”


เมื่อมาถึงวิลล่าของถังเหวินหย่วนไม่นาน ก็ได้ยินเสียงกริ่งดังมาจากด้านนอก เยี่ยเทียนเดินไปดู คิดไม่ถึงว่าจู่ๆ เหวินหลวนสงกับหวาเซิ่งทั้งสองคนจะมาเยี่ยมด้วยกัน


เหวินหลวนสงยิ้มแย้มแล้วก็พูดว่า “ผมนัดกับน้องหวาไปดื่มชาเช้า เห็นรถของอาจารย์จั่วขับออกไปแล้ว ก็เลยอยากจะมาเยี่ยมน้องเยี่ยและอาจารย์จั่วสักหน่อย”


เมื่อมองไปหวาเซิ่งที่อยู่ด้านข้าง เหวินหลวนสงพูดต่อว่า “น้องเยี่ย เรื่องเมื่อวานเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันจริงๆ น้องหวาเองก็รู้สึกไม่สบายใจ ผมว่าเรื่องนี้ก็ให้มันแล้วกันไปเถอะนะ ”


ความสัมพันธ์เหวินหลวนสงกับหวาเซิ่งนั้นดีมาก เขาประคับประคองกันอยู่ในวงการบันเทิง ไม่สามารถตัดความสัมพันธ์กับหวาเซิ่งได้ ดังนั้นจะเหยียบผู้กำกับตัวเล็กๆไปจนตายเขาก็ไม่ใส่ใจอะไร แต่กลับอยากจะขจัดความคับข้องหมองใจ ของเยี่ยเทียนกับหวาเซิ่ง


“พี่เหวิน พูดอะไรกัน ผมเป็นคนคิดเล็กคิดน้อยแบนนั้นเลยเหรอ”


เยี่ยเทียนได้ยินถึงยิ้มเจื่อนๆ เขาแค่ไม่อยากมีส่วนเกี่ยวข้องกับมาเฟียฮ่องกงก็แค่นั้น ไม่ได้มีความคิดเห็นอะไรกับหวาเซิ่ง


ศักดิ์ศรีเป็นคนอื่นที่เป็นคนให้ ต่อให้ฝ่ายตรงข้ามจะมาถึงบ้าน เยี่ยเทียนไม่อยากที่จะทำอะไรที่เลยเถิด คิดสักพัก ก็ปริปากพูดว่า “คุณหวา เมื่อวานก็แค่โกรธที่ไม่เป็นธรรม ผมเองก็ทำเกินไปหน่อย ผู้กำกับจางบริษัทของคุณ คนนั้นไม่เป็นไรใช่ไหม”


“ไม่เป็นไร คนที่ไม่ได้เรื่องแบบนี้ก็ต้องได้รับการสั่งสอนสักหน่อย”


หลังจากที่ฟังเยี่ยเทียน หวาเซิ่งที่ใบหน้าไม่ยิ้มแย้มก็เผยรอยยิ้มออกมาอย่างเห็นได้ชัด หยิบกล่องหนึ่งที่ห่อด้วยวัตถุ ที่สวยงามและประณีตจากคนด้านข้างแล้วพูดว่า “คุณเยี่ย เรื่องของเฉินจิ้งหลันเมื่อวานได้จัดการเสร็จแล้ว นี่คือของขวัญที่ระลึกครบรอบ 18 ปีของบริษัทหวาเซิ่ง ถือว่าเป็นของขวัญไถ่โทษให้กับคุณเยี่ยแล้วกันนะ”


หวาเซิ่งวันนี้มาเจอเยี่ยเทียน ที่จริงไม่ใช่จะมาชดเชยความผิดเสียทั้งหมด แต่ยังมีอย่างอื่นที่อยู่ในใจอีกด้วย


หวาเซิ่งเป็นคนที่เชื่อในศาสตร์เชิงตัวเลขของฮวงจุ้ย หลังจากการกลับมาที่ฮ่องกงในปี 1997 ชีวิตของเขาก็พบความยากลำบาก เขากลัวหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบบัญชีย้อนหลัง และก็กลัว ผลที่จะกระทบในอนาคตมาตลอด


ดังนั้นสองปีมานี้หวาเซิ่งได้มาเยี่ยมจั่วเจียจวิ้นไม่น้อยกว่าสิบครั้ง อยากให้อาจารย์จั่วคำนวณดวงชะตาให้ แค่จั่วเจียจวิ้นไม่สนใจเขา ไม่เคยคำนวณให้เขาเลย


หลังจากเมื่อวานที่ได้ยินว่าเยี่ยเทียนทำนายดวงชะตาได้แม่น หวาเซิ่งได้เปลี่ยนใจ เขาคิดว่า เยี่ยเทียนเป็นคนที่เก่งและก็ยังเด็กอีกด้วย แค่ไว้หน้าให้ตัวเองก็พอแล้ว ต่อให้เอาทองหนักหลายกิโล ก็จะมาขอให้เยี่ยเทียนทำนายโชคชะตาให้


“ของที่ระลึกเหรอ”


เยี่ยเทียนรับกล่องของขวัญด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย เมื่ออยู่ในมือก็รู้สึกประหลาดใจ กล่องนี้ขนาดเล็กใหญ่ไม่ต่างกับขนมเค้กเลย น้ำหนักกลับไม่เบาเลย


“ฮือเป็นทองเหรอ” เมื่อเปิดกล่องดู เยี่ยเทียนถึงกับส่ายหน้า พูดว่า “เถ้าแก่หวา ของชิ้นนี้แพงเกินไป ผมรับไม่ได้หรอก”


หวาเซิ่งไม่ได้พูดโกหกอะไร ในกล่องแน่นอนว่าเป็นพวกเหรียญที่ระลึก นี้เป็นรางวัลทั้งหมดที่หวาเซิ่งได้ใช้ในการจัดกิจกรรมวิจารณ์ภาพยนตร์หลายเรื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ทั้งหมดล้วนทำด้วยทองคำบริสุทธิ์


เยี่ยเทียนประมาณการน้ำหนัก ของที่ระลึกในนี้ที่ทำด้วยทองคำหลายสิบเหรียญ น้ำหนักน้อยที่สุดก็อยู่ประมาณสองสามกิโลกรัม ถ้าพูดอีกก็คือ มูลค่าของมันมากถึงหลายแสนหยวน


โบราณกล่าวว่าไม่มีผลงานก็จะไม่ได้ของล้ำค่า เยี่ยเทียนรับเงินทองของถังเหวินหย่วนได้หยกจักพรรดิชิ้นนั้นของเหวินหลวนสงก็รับมาอย่างสบายใจ สาเหตุก็คือพวกเขาติดหนี้เยี่ยเทียน


แต่เยี่ยเทียนกับหวาเซิ่งไม่มีมิตรอะไรต่อกัน ของพวกนี้อาจจะเป็นของร้อนได้ ถึงแม้จะเดาความคิดบางอย่างของ  หวาเซิ่งได้ แต่เยี่ยเทียนก็ยังคงปฏิเสธ


หลังจากที่ได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียน หวาเซิ่งรีบพูดว่า “คุณเยี่ย ผมไม่ได้มีความหมายอย่างอื่นจริงๆ นี่เป็นของเล็กๆน้อยๆ ถือว่าปลอบขวัญเรื่องคุณเฉินเมื่อวานแล้วกัน”


“งั้นเดี๋ยวคุณส่งให้เฉินจิ้งหลันเถอะ เมื่อวานผมไม่ได้ตกใจอะไร”


เยี่ยเทียนยิ้มแล้วส่ายหน้า พูดเข้าประเด็นว่า “คุณหวาน้ำใจของคุณผมเข้าใจดี แต่ธุระช่วงนี้ค่อนข้างเยอะ รอวันหลังถ้ามีโอกาส ผมจะช่วยคุณทำนายโชคชะตาให้ได้”


หวาเซิ่งยังไม่ได้พูดอะไร เยี่ยเทียนขี้เกียจไปพัวพันกับเขา  บอกออกไปอย่างกำกวม ถ้าหวาเซิ่งจะตามไป ที่ปักกิ่งจริงๆ เยี่ยเทียนก็คงจะไม่สนใจช่วยเขาและทำนายดวงชะตาให้


“ได้ งั้นก็ขอบคุณคุณเยี่ยก่อนแล้วกันนะครับ” หวาเซิ่งรู้น้ำหนักความสำคัญ ต่อให้เยี่ยเทียนพูดแบบนี้ วันหลังตัวเองก็น่าจะมีโอกาส


“นายน้อย ท่านถังมาแล้ว ยังมีคุณนายกง……”


ทั้งสามคนเดิมทีที่กำลังยืนคุยกันอยู่หน้าประตูวิลล่า ยังไม่ทันได้เข้าไปข้างใน ด้านนอกประตูใหญ่ก็มีรถสองคันแล่นมา


หลังจากที่เห็นถังเหวินหย่วนและกงเสี่ยวเสี่ยวลงจากรถ เหวินหลวนสงและหวาเซิ่งรีบก้มหัวลง พูดอย่างเคารพนบน้อมว่า “สวัสดีครับลุงถัง คุณนายกง”


ไม่ว่าจะเรื่องของอายุ ความอาวุโสหรือทรัพย์สินวงศ์ตระกูล เหวินหลวนสงและหวาเซิ่ง ต่างก็ห่างไกลจากสองคนที่อยู่ข้างหน้านี้มาก ยิ่งไปกว่านั้นถังเหวินหย่วนและหวาเซิ่งยังมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง ซึ่งถือได้ว่าเป็นรุ่นพี่ของลุงของเขา


“พวกคุณสองคนมาอยู่ที่นี้ได้ยังไง” เมื่อเห็นเหวินหลวนสงและหวาเซิ่ง ถังเหวินหย่วนอดที่จะตะลึงไม่ได้ ถามว่า “อาเซิ่ง นายมีธุระอะไรหรือเปล่า”


พ่อของหวาเซิ่งปีนั้นเป็นพลตรีของพรรคก๊กมินตั๋ง ยังมีอีกหนึ่งตัวตนที่เป็นสมาชิกของแก๊งชิงปัง


ในช่วงปีแรก ๆ หวาเยี่ยและถังเหวินหย่วนเป็นพี่น้องรุ่นแปดที่เปลี่ยนตำแหน่งกัน หลังจากพ่อของหวาเซิ่งถูกไล่ออกจากรัฐบาลฮ่องกง ถังเหวินหย่วนก็ดูแลตระกูลหวามาตลอด ดังนั้นเขาจึงปฏิบัติต่อหวาเซิ่งในฐานะหลานชาย


“ลุงถัง ผมมาเยี่ยมคุณเยี่ย” ต่อหน้าถังเหวินหย่วน หวาเซิ่งไม่ได้มีความเป็นหัวหน้าแก๊งค์  ในคำพูดมีแต่ความเคารพนบน้อม


“อืม ดูแลลูกน้องนายดีๆ ตอนนี้ก็ผ่านยุคเก้าเจ็ดมาแล้ว ฮ่องกงไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว”


ถังเหวินหย่วนได้ยินอาติงพูดเรื่องเมื่อวาน คิดสักพักก็พูดว่า “เยี่ยเทียนไม่รู้จักนาย นายก็ไม่ต้องไม่พอใจเยี่ยเทียนที่ลงโทษลูกน้องนายเลย”


หวาเซิ่งฟังดูก็รู้ว่าถังเหวินหย่วนมีการตำหนิแฝงอยู่ รีบพูดว่า “ลุงถัง อาเซิ่งไม่กล้าหรอก วันนี้มาขอให้คุณเยี่ยผ่อนโทษให้โดยเฉพาะ”


“งั้นก็ดี ในเมื่อมาแล้ว เข้ามานั่งทั้งหมดเถอะ” ในขณะที่พูดถังเหวินหย่วนก็เดินมาข้างๆเยี่ยเทียน ยิ้มแล้วพูดว่า “เยี่ยเทียน ผมเรียกเพื่อนสองสามคนเข้ามา คุณคงไม่คัดค้านหรอกมั้ง”


“ที่นี่เป็นบ้านของคุณ ผมมีอะไรที่จะไปคัดค้าน” เยี่ยเทียนส่ายหน้า มองไปที่กงเสี่ยวเสี่ยว ถามว่า “คุณนายกง ของที่ผมให้นำมาทั้งหมด คุณเอาแล้วใช่ไหมครับ”


“เอามาทั้งหมดแล้ว…”


หลังจากที่ฟังคำพูดของเยี่ยเทียน กงเสี่ยวเสี่ยวรีบให้คนนำกล่องเข้ามา พูดว่า “กล่องนี้เต็มไปด้วยสิ่งของที่สามีเหลือไว้ หลายปีมานี้ฉันเก็บมันไว้อย่างดี”


เยี่ยเทียนยื่นมือมารับกล่อง พูดว่า “ครับ ผมขึ้นไปข้างบน เหล่าถัง ผมไม่รับแขกนะ อย่าให้คนขึ้นไปด้วย”


ทันใดนั้น เยี่ยเทียนก็พูดกับจั่วเจียจวิ้นว่า “ศิษย์พี่ เรื่องนี้พี่ไม่ต้องมาสนใจหรอก พี่ไปดูอย่างอื่นแล้วกัน”


“ฉันรู้แล้ว แกไม่ต้องบังคับแล้ว ระวังพลังจะสะท้อนกลับก็พอ”


จั่วเจียจวิ้นรู้ดีถึงความยากลำบากของการคำนวณการหาคน ปีนั้นเขาเคยช่วยกงเสี่ยวเสี่ยวทำนายตำแหน่งสามีของเธอ แต่ก็พบอุปสรรคกับพลังที่สะท้อนกลับมา เขาเองก็กระอักเป็นเลือดออกมา


“ผมเข้าใจแล้ว ศิษย์พี่ วางใจเถอะ” เยี่ยเทียนพยักหน้า ไม่ได้พูดอะไรมาก หยิบกล่องเดินขึ้นไปบนห้องที่ชั้นสอง


เปิดกล่องหนังออก ด้านในเต็มไปด้วยพวกเสื้อผ้า มีพวกชุดชั้นในและเสื้อโค้ชด้านนอก ในถุงพลาสติกใบหนึ่งมี ขนของฝูอี้สามีของกงเสี่ยวเสี่ยวบางส่วน นอกนั้นยังมีหลอดแก้วหนึ่งหลอด คิดไม่ถึงว่าด้านในจะเป็นเลือดที่แห้งแล้ว


ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เยี่ยเทียนให้กงเสี่ยวเสี่ยวรวบรวมมา การคำนวณหาคนของเขากับของคนอื่นนั้นแตกต่างกัน ต้องใช้คาถาอาคมบางส่วนและต้องมีข้อมูลส่วนตัวบางอย่างของผู้ที่ต้องการหา เพื่อเชื่อมพลังให้สื่อถึงกัน จากตรงนั้นก็สามารถคำนวณตำแหน่งของศพฝูอี้ได้


เยี่ยเทียนเปิดจุกหลอดแก้วออก เทน้ำแร่ด้านหน้าลงในหลอด หลังจากนั้นใช้สำลีเช็ดให้น้ำแห้งเลือดเจือจาง จากนั้นก็หยิบพู่กันออกมา จุ่มลงในน้ำเลือด วาดลงบนพื้น


เยี่ยเทียนค่อย ๆ วาดลง ทุกๆการลงน้ำหนักเขาใช้พลังในร่างกายของเขาทั้งหมด ค่ายกลวิชาในอักษร แต่ละตัวอย่างน้อยร้อยขีด คาดไม่ถึงว่าการวาดทั้งหมดจะใช้เวลาสองชั่วโมง


“ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าวิธีนี้จะใช้ได้ผลไหม”


หลังจากที่เขียนตัวอักษรเสร็จ ทั้งร่างเยี่ยเทียนก็ทรุดนั่งตรงพื้น อ้าปากค้างแล้วหายใจ ถึงแม้จะแค่วาดค่ายกลวิธีนี้ ก็สูญเสียพลังในร่างกายของเขามากกว่าห้าสิบเปอร์เซ็น


เยี่ยเทียนใช้เทคนิคลับของคาถาอาคมในการตามหาคน แต่วิธีความลับนี้แค่หาคนที่มีชีวิตอยู่ และไม่สามารถหาคนที่ตายแล้ว  ดังนั้นเยี่ยเทียนใช้เลือดสดของฝูอี้วาดเพื่อใช้วาดค่ายกล นอกจากนั้นยังเสี่ยงทาย และคำนวณตำแหน่งซากศพของเขา


เอาพู่กันโยนลง เยี่ยเทียนนั่งลงเพื่อฟื้นฟูพลังกลับมา ที่นี่กลับสู้เรือนสี่ประสานของเขาไม่ได้ จนกระทั่งถึงจุดที่รอคอย เวลานี้เยี่ยเทียนจึงลุกขึ้นมา


หลังจากที่ลงมาที่ห้องรับแขก เยี่ยเทียนพบว่า คนที่มาตอนเช้าคาดไม่ถึงว่าจะยังไม่มีใครที่ไปเลยสักคน นั่งดื่มชาในห้องรับแขกทุกคน เมื่อเห็นเยี่ยเทียนลงมา ทุกคนต่างก็ยืนขึ้น


กงเสี่ยวเสี่ยวกระวนกระวายใจ ต้อนรับ แล้วถามว่า “อาจารย์เยี่ย เป็นยังไงบ้างหาสามีฉันเจอไหม”


“ตอนนี้ยังไม่รู้ ผมไปกินอะไรสักหน่อยก่อนนะ”


เยี่ยเทียนโบกไม้โบกมือ ทั้งวันไม่ได้กินไม่ได้ดื่มอะไรเลย ตอนนี้เขาหิวจะแย่อยู่แล้ว หาซากศพคนตายอีก ไม่ใช่ว่าเวลาครึ่งวันจะสามารถหาซากศพเจอ


หลังจากที่ได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียน ถังเหวินหย่วนยังลากกงเสี่ยวเสี่ยวตามไปถามอีก พูดว่า “ในห้องอาหารยังมีของกินอยู่นะ ยังร้อนอยู่ อาติง นายพาเยี่ยเทียนไปหน่อย”


“พวกคุณมากินด้วยกันสิ”


เมื่อมองไปที่ขนมต่างๆที่จัดวางอยู่บนโต๊ะ เยี่ยเทียนก็ไม่สนใจว่าจะร้อนหรือเย็น ก็กินเข้าไปแล้ว ใช้เวลาไม่มากก็กินอาหารบนโต๊ะจนเกลี้ยงหมดจด


หลังจากกลับมาที่ห้องรับแขก เมื่อเห็นใบหน้าที่คาดหวังของกงเสี่ยวเสี่ยว เยี่ยเทียนส่ายหน้า พูดว่า “พอแล้ว คุณนายกงพวกคุณถ้ายังไม่กลับไป ก็หาที่นั่งลงเถอะ ผมคาดว่าพรุ่งนี้ตอนเช้าผลน่าจะออกมาได้”


“ได้ ฉันจะหาที่รอ!” สามีหายตัวไปแปดปี กงเสี่ยวเสี่ยวใช้ชีวิตอยู่ด้วยความเจ็บปวดตลอดเวลา ที่ตรงหน้าก็จะสามารถรู้จุดของซากศพสามีแล้ว เธอจะไม่หนีไปไหนแน่นอน


“พวกเราก็จะกลับไปแล้ว”


เมื่อเห็นเยี่ยเทียนส่งสายตามาที่ตัวเอง เหวินหลวนสงรีบพูด เขากับหวาเซิ่งมาเพื่อบรรยากาศที่ครึกครื้น เมื่อรอครึ่งวันผลยังไม่ออกมา ก็คงรอที่นี่ไม่ได้


 ……….


ตอนที่ 348 หาคน (2)

โดย

Ink Stone_Fantasy

“อัยโย่ ดวงดาว แสง จุด เด็กเร่ร่อน อีกนิดเดียวฉันจะปวดตายแล้ว”


จางจือซวนตบหน้าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าของเขาล้มลงไปกองอยู่ที่พื้น ในมือของเธอถือน้ำยาอยู่ก็หกเต็มพื้น ใบหน้าขาวๆ มีรอยแดงของนิ้วมือทั้งห้าอยู่


“อีกนิดเดียว ก็ช่วยไม่ได้ แม่งเอ้ย ฉันยอมแพ้แล้ว และยังจะตบหน้าฉัน”


ใบหน้าของจางจือซวนเต็มไปด้วยความโกรธแค้น ถึงแม้ว่ามันจะห่างกันวันหนึ่ง แต่ใบหน้าของเขา ยังคงบวมเหมือนหัวหมู ฟันที่เต็มปากก็เหลือแค่เจ็ดแปดซี่ พูดก็ไม่รู้เรื่อง


จางจือซวนรู้ว่า ตัวเองอยู่ในฮ่องกงก็ถือว่าอยู่ไปวันๆ ถูกหวาเซิ่งไล่ออกมา บริษัทภาพยนตร์และโทรทัศน์ต่างๆ ก็ไม่มีใครกล้าจ้างเขา ผู้กำกับอย่างเขาได้ล่วงเกินเยี่ยเทียน ก็ถือว่าจบสิ้นอย่างเป็นทางการ


เป็นผู้กำกับใหญ่มาสิบกว่าปี จางจือซวนตลอดเวลาที่เขาเลิกงานไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการกินและการแต่งตัว เขาเองก็เตรียมตัวอพยพไปอยู่ที่ออสเตรเลียแล้ว ถึงอย่างไรฮ่องกงไม่มีที่ซุกหัวนอนให้เขา


แต่ว่าจางจือซวนคับแค้นใจ เขาโกรธเกลียดกับหวาเซิ่งที่ไร้ความปราณี เขาขายชีวิตของเขาให้สำหรับยี่สิบปีที่ผ่านมา คาดไม่ถึงว่ามันจะจบลงแบบนี้


แม้จะรู้อยู่ลึกๆ ว่าหวาเซิ่งทำเพื่อเขา ทำให้ไม่กล้าแสดงอาการเกลียดชังออกมา นอกจากนี้เขาก็ยังคงเดินไปขอโทษหวาเซิ่ง ทั้ง ๆ ที่ ปากเหมือนหมู


เพราะว่าจางจือซวนรู้ เพียงแค่เขาแสดงอาการไม่พอใจขึ้นมา มีโอกาสที่จะถูกจับเข้ากระสอบและโยนลงทะเล เป็นเรื่องปกที่เห็นได้บ่อยในบริษัทหวาเซิ่ง


เมื่อเป็นเช่นนี้ จางจือซวนก็นำความแค้นทั้งหมดย้ายไปที่เยี่ยเทียน หลังจากวันนี้ที่สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม เขาก็ได้สืบหาข้อมูลของเยี่ยเทียน


“บ้าเอ้ย จีนแผ่นดินใหญ่ ไม่ได้หลอกกันใช่ไหม ฉันกำจัดคนในครอบครัวไปครึ่งหนึ่งแล้วก็จะฆ่าแก คนฮ่องกงศรัทธาในฮวงจุ้ย แต่ว่าก็ไม่ทุกคนที่จะนับถือหรือเชื่อ”


จางจือซวนไม่ใช่ประเภทคนที่เชื่อในเรื่องผี หลังจากที่ภาพยนตร์ทุกเรื่องถูกเปิดตัว ก็เอาผลไม้ที่เตรียมไว้ไหว้เจ้าที่ ไปกิน ที่ผ่านมาก็ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น มักจะเยาะเย้ยคนที่สวดอ้อนวอนต่อพระเจ้าและนมัสการพระพุทธเจ้าตลอดทั้งวัน


ดังนั้นวันนี้เมื่อเหล่านักแสดงรู้เรื่องของเยี่ยเทียน จากการบอกเล่าของเฉินจิ้งหลัน จางจือซวนก็ตกลงใจว่าจะต้องแก้แค้นเยี่ยเทียน เพื่อบรรเทาความเกลียดชังในหัวใจ


จางจือซวนกัดฟัน ข้างนอกก็มีเสียงกริ่งดังขึ้น ผู้หญิงที่เดินออกไปจากห้อง ก็กลับเข้ามาแล้วพูดว่า “พี่ซวน มีคนมาหาค่ะ”


“ให้เขาเข้ามา เธอกลับไปก่อน’’ ตอนที่จางจือซวนกำลังพูดบาดแผลบนใบหน้าก็เกิดปวดขึ้นมา เจ็บปวดจนแสยะปาก กวักมือให้ผู้หญิงคนนั้นรีบออกไป


ชายคนหนึ่งรูปร่างสูงประมาณหนึ่งจุดหกเมตร สีผิวที่ดำมืดเดินเข้ามาในห้อง สายตามองไปรอบ ๆห้องอย่างระวังตัว พูดว่า “พี่จาง ไม่รู้ว่าแกตามหาฉันมีเรื่องอะไร”


เจ้าผู้ชายผิวดำผอมคนนี้พูดกวางตุ้งยังคงไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ จางจือซวนได้ยินก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที พยักหน้าพูดว่า “พูดเวียดนามเถอะ ฉันก็พอพูดได้อยู่บางคำ”


“ได้ พี่จาง แก๊งเวียดนามของพวกเรากับ ชินปังของพวกแกเราต่างไม่เคยติดต่อกันเลย ฉันไม่รู้ว่าที่ตามหาฉันนี้หมายความว่าอย่างไรกันแน่” หลังจากที่พูดภาษาตัวเอง ผู้ชายผิวดำผอมคนนั้นคำพูดคล่องขึ้นกว่าเดิม


จางจือซวนพยักหน้า พูดว่า “หลวนเก้อหนาน เรื่องนี้กับชิงปังมีส่วนเกี่ยวข้องกัน ครั้งแรกที่แกมาฮ่องกงถ้าเกิดว่าไม่ใช่เพราะฉัน ปานนี้แกคงตายไปนานแล้ว เรื่องนี้ยังจำได้อยู่ไหม”


ในปีเจ็ดศูนย์ในตอนนั้นหลวนเก้อหนานลี้ภัยจากเวียดนามมาที่ฮ่องกง ในตอนนั้นเขามีบาดแผลจากอาวุธปืน แต่ก็ไม่กล้าไปรักษาที่โรงพยบาล บังเอิญไปเจอเข้ากับจางจือซวน


จางจือซวนที่เคยอาศัยอยู่ในเวียดนามช่วงระยะเวลาหนึ่ง ในตอนนั้นก็เกิดสงสาร หาหมอส่วนตัวเพื่อเอากระสุน ออกจากตัวของหลวนเก้อหนาน ความจริงคือข่วยชิวิตเขาไว้


หลังจากนั้นคนเวียดนามก็เข้ามาในฮ่องกงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนใหญ่คนพวกนี้คือคนที่เคยทำสงคราม ไม่มีอะไรเกินความสามารถของพวกเขา พึ่งพาการขโมยเพื่อรักษาชีวิตเท่านั้น ในปีแปดศูนย์ ก็เริ่มมีความขัดแย้งกันกับมาเฟียฮ่องกง


แต่มังกรที่แข็งแกร่งไม่สามารถบังคับหัวงู ด้วยการสนับสนุนของรัฐบาลฮ่องกง ในที่สุดแก๊งชาวเวียดนาม ก็ถูกกวาดออกจากฮ่องกง พลัดถิ่นไปสถานที่ต่างๆ เช่นอเมริกาเหนือ แต่ก็ยังมีคนส่วนน้อยที่ยังติดอยู่ที่นี่


คนเหล่านี้ใช้ฮ่องกงเป็นทางผ่านจากเวียดนามไปอเมริกาเหนือหรือออสเตรเลีย เริ่มต้นธุรกิจการลักลอบเข้าเมือง เนื่องจากสายงานที่แตกต่างกัน จึงไม่มีความขัดแย้งกับนายหน้าของฮ่องกง ค่อยมีชีวิตที่ดีขึ้น


หลวนเก้อหนานเป็นผู้อพยพรุ่นแรกๆ ของเวียดนาม ใช้เวลาสิบกว่าปีในการพัฒนา เขามีเส้นสายอยู่ทั้งในเวียดนาม และฮ่องกง สถานะของเขาก็ค่อยๆ ดีขึ้นเปลี่ยนมาเป็นนายหน้าแทน


นายหน้าทั่วไป ก็แค่เป็นตัวแทนในการแนะนำธุรกิจค้าขายกันแล้วก็คิดค่าใช้จ่าย แต่หลวนเก้อหนาน ทำธุรกิจตั้งแต่ค้าอาวุธจนถึงการค้ายาเสพติดไม่มีอะไรที่เขาไม่ทำ


การติดต่อของจางจือซวน เพื่อตามหามือสังหารในฮ่องกงถือว่าไม่ใช่เรื่องยากเลย แต่มันยากตรงที่ถ้าเขาหาคนฮ่องกง หลังจากนั้นถ้าทำสำเร็จ เรื่องนี้หวาเซิ่งก็ต้องรับรู้ ดังนั้นจึงนึกถึงหลวนเก้อหนานขึ้นมา


เมื่อได้ยินจางจือซวนพูดถึงเรื่องในอดีต หลวนเก้อหนานเงียบไม่พูดจาครู่หนึ่ง พูดออกไปว่า “พี่จาง ฉันยังเป็นหนี้แกอยู่ แต่ว่าปีที่ผ่านมานี้ฉันก็ช่วยแกไปเยอะมาก”


จางจือซวนกัดฟันพูดว่า “นี้คือครั้งสุดท้าย ฉันให้แกหนึ่งล้าน ช่วยฉันฆ่าคนๆ หนึ่ง ขอเพียงฆ่ามันให้ตาย หลังจากนั้นแกก็จะไม่ติดหนี้ฉันอีกแล้ว”


หนึ่งล้านฆ่าคนอะไร อยู่ในฮ่องกง แค่ไม่กี่หมื่นก็สามารถซื้อชีวิตได้แล้ว เมื่อได้ยินจางจือซวนยินดีที่จะจ่ายหนึ่งล้าน หลวนเก้อหนานคิ้วก็ขมวดขึ้นมา


จางจือซวนเก็บรวบรวมข้อมูลจากบนโต๊ะโยนมันไว้ที่หน้าของหลวนเก้อหนาน พูดว่า “เขาชื่อเยี่ยเทียน เป็นคนจีนแผ่นดินใหญ่ ตอนนี้อายุน่าจะอยู่ประมาณยี่สิบเอ็ดยี่สิบสองแล้ว นี้คือรูปถ่ายของเขา”


เอาข้อมูลพวกนั้นมาดูอย่างละเอียดอีกรอบหนึ่ง หลวนเก้อหนานเหงยหัว พูดว่า “ฉันสามารถส่งข่าวออกไปให้แกได้ แต่ว่าไม่กล้ารับประกันว่าจะมีคนรับงาน”


“ดี มันน่าจะใกล้เดินทางออกจากฮ่องกงในเร็ววันนี้แล้ว ฉันไม่สนว่าแกต้องการจะเพิ่มเงินมากเท่าไหร่ ขอแค่ฆ่ามันให้ตายก็พอ หนึ่งล้านนั้นก็ถือว่าเป็นของแกแล้ว”


จางจือซวนพยักหน้า มือถือกระเป๋าหนังใบหนึ่งออกมาโยนให้หลวนเก้อหนาน พูดว่า “ในนั้นมีหนึ่งแสนดอลลาร์ฮ่องกง ถือว่าเป็นเงินมัดจำ รอให้เจ้าเด็กคนนั้นตายแล้ว ฉันก็จะโอนส่วนที่เหลืออีกเก้าแสนให้กับแก”


จางจือซวนเกลียดเยี่ยเทียนเข้ากระดูกดำ แต่เขารักชีวิตของตัวเองมาก เขาซื้อตั๋วเครื่องบินไป มาเก๊าพรุ่งนี้เรียบร้อยแล้ว ถ้าหากว่าเยี่ยเทียนถูกฆ่า ก็ไม่มีใครสามารถหาเขาเจอ


ตกลง ฉันจะพยายามเต็มที่ หลวนเก้อหนานหยิบกระเป๋าหนังและข้อมูลบนโต๊ะขึ้นมา เดินออกไปจากบ้านของจางจือซวนเงียบ ๆ


……


“ขึ้นและลง ล่องลอยอยู่ในอุปสรรค นี่เป็นหน้าที่แสดงถึงคนตาย”


ในอีกด้านของเกาะฮ่องกง เยี่ยเทียนกลับไม่รู้ว่ากำลังมีคนวางแผนฆ่าตัวเอง เขากำลังใช้เหรียญทองแดงทำนายอย่างต่อเนื่อง คาดคะเนหาสาเหตุการตายของฝูอี้และตำแหน่งที่อยู่ตอนนี้


“ขั่น” กลายเป็น “ซุ่น” คาดไม่ถึงว่าหลังจากถูกฆ่าแล้วถูกโยนลงทะเลเหรอ”


หลังจากทำนายปากว้าอีกครั้ง ใจของเยี่ยเทียนเต้น ในตอนที่ฝูอี้ถูกฆ่าตายอยู่แถวที่มีการค้าขายเจริญรุ่งเรือง หลังจากนั้นศพฝูอี้ก็ถูกโยนทิ้งลงทะเล


“ขั่น” คือ ธาตุน้ำ โบราณว่าไว้ คนก็เหมือน เกลี่ยวคลื่น ม้า และ มังกร  แปลได้ว่า ตอนนี้กำลังอยู่ในรถที่กำลังแล่นอยู่ในเมือง คือ  “น้ำ”  ขีดแรกที่เยี่ยเทียนดึงออกมา คำทำนายนี้ชี้ให้เห็นจุดแรกที่ฝูอี้ถูกมัดมือทั้งสองไพล่หลังไว้


ตัวต่อไปคือ “ซุ่น” คือ ธาตุไม้  น่าจะเป็นทางฝั่งเอเชียอาคเนย์


คุนขึ้นเจิ้นลงมีชีวิตออกมาสู่พื้นโลก ตายสภาพกลับสู่พื้นดิน


เกิ้นขึ้นเกิ้นลง สรรพสิ่งต่างๆ ในโลกนี้เริ่มจากจุดจบ


ยังคงทำนายปากว้าอย่างต่อเนื่อง เยี่ยเทียนจับเรียบเรียงที่ละขีดเข้าไว้ด้วยกัน เหตุการณ์เมื่อแปดปีที่แล้ว ในสมองของเยี่ยเทียนก็เกิดเป็นภาพค่อยๆ ชัดเจนขึ้นมา


ครั้งแรกที่ฝูอี้ถูกลักพาตัวไป เดิมที่แล้วเขาถูกซ่อนไว้ก่อนที่ มงก๊ก อย่างแน่นอน แต่ว่าผ้าคลุมหน้าเขาหลุดออก มองเห็นหน้าตาของพวกโจรลักพาตัวคนหนึ่งเข้า เลยทำให้พวกโจรลักพาตัวเกิดความคิดที่จะฆ่า


หลังจากฝูอี้ถูกฆาตกรรม พวกโจรก็พาเขาศพเขาขึ้นเรือหนีไปยังไต้หวัน พอไปถึงกลางมหาสมุทรแล้วก็เอาศพของฝูอี้ยัดกระสอบโยนทิ้งทะเลไป


เพื่อที่จะหลุดพ้นจากข้อกล่าวหา ทุกคนต่างก็บอกว่ามีคนผลักฝูอี้ตกลงไปในน้ำทะเล นี่ก็เป็นเหตุผลสำคัญ ที่ตำรวจฮ่องกงยังไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการถึงการเสียชีวิตของฝูอี้


เยี่ยเทียนในการทำนายครั้งนี้ทำให้เขาสูญสิ้นพลังมากที่สุด ช่วงเวลาที่กำลังทำนาย ก็รู้สึกนอนหลับไม่สนิท หลังจากที่ตื่นขึ้นมาก็เดินลมปราณ พลังก็กลับมาเหมือนเดิม แล้วก็ทำนายต่อ ทำเช่นนี้มาแล้วสามวัน


“ฮือ มีการตอบสนองแล้ว”


ในวันที่สามเวลาก่อนรุ่งอรุณ หลังจากที่เยี่ยเทียนทำนาย ทันใดนั้นในใจก็มีความรู้สึกหวิวๆ ขึ้นมา รู้สึกเหมือนว่ามีลมหายใจขาดหายไป และอยู่ค่อนข้างไกล


“นี่ ทำไมถึงไปถึงไต้หวันแล้วละ”


หยิบเอาแผนที่พื้นที่มหาสมุทรของเอเชียอาคเนย์ใช้เวลาอยู่กับมันครึ่งค่อนวัน เยี่ยเทียนมองไปที่ช่องแคบมหาสมุทร กับเกาะเล็ก ๆ สีหน้าแสดงอาการมึนงง แต่นี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่โชคดีอย่างยิ่ง


ต้องรู้ว่า น้ำทะเลที่ขึ้นลง เป็นไปได้อย่างมากที่มันจะดึงดูดสิ่งของบางอย่างให้จมลงสู่ก้นทะเล ถ้าเกิดว่าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ  แม้ว่าเยี่ยเทียนจะมีความสามารถแค่ไหน ก็ไม่มีวิธีหรือหนทางที่จะหาซากกระดูกของฝูอี้เจอเลย


“ได้ อย่างไรก็นอนก่อนเถอะ”


 เยี่ยเทียนง่วงจนไม่สามารถฝืนต่อไปได้ เดินคอตกไปเข้านอน สามวันในการทำนาย ทำให้เยี่ยเทียน สูญเสียพลังไปมาก


นอนถึงช่วงเวลากลางวันของวันที่สอง เยี่ยเทียนก็ตื่นขึ้น อาบน้ำเปลี่ยนชุด เดินลงมาที่ห้องรับแขก ก็เห็นกงเสี่ยวเสี่ยวสีหน้าเต็มไปด้วยความหวัง


เยี่ยเทียนใช้เวลาในการทำนายมาแล้วสามวัน กงเสี่ยวเสี่ยวก็ต้องทนทุกข์ทรมานถึงสามวัน ที่ผ่านมานี้เธอก็ให้ผู้ช่วยคอยดูแลธุรกิจของเธอทั้งหมด ใช้เวลาอยู่ที่นี้ตลอดเพื่อรอผลการทำนายของเยี่ยเทียน


แม้ว่ารอมาแล้วสองวัน เยี่ยเทียนก็ยังไม่สามารถทำนายได้ถึงร่องรอยของซากกระดูกของสามีเธอ กงเสี่ยวเสี่ยวภายในใจรู้สึกหมดหวัง ต้องรออีกกี่วัน เดิมทีใบหน้าที่แดงเลือดฝาด ก็เปลี่ยนเป็นซีดเซียวไร้เรี่ยวแรง


เยี่ยเทียนวันนี้ไม่ได้ทำกงเสี่ยวเสี่ยวผิดหวัง ไม่พูดอ้อมค้อม บอกไปว่า “ร่องรอยของซากกระดูกหาเจอแล้ว อยู่ที่ไต้หวัน”


“ไต้หวันอยู่ที่ไหนของไต้หวัน” กงเสี่ยวเสี่ยวกับถังเหวินหยวนส่งเสียงออกมาพร้อมกัน


“เรื่องของตำแหน่งผมไม่ค่อยแน่ใจ”


เยี่ยเทียนส่ายหัว เขาไม่มีข้อมูลที่ละเอียดของแผนที่ในไต้หวัน เลยไม่มีวิธีที่จะระบุตำแหน่งที่แน่ชัดออกมาได้ แต่ถึงเขาระบุออกมาแล้ว มันก็ยังเป็นการยากสำหรับ กงเสี่ยวเสี่ยวที่จะหาซากกระดูกเจอ


 ……….

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)