หมอดูยอดอัจฉริยะ 345-346

 ตอนที่ 345 ตบปาก

โดย

Ink Stone_Fantasy

“เสี่ยวเฉิน เธอได้ยินที่ฉันพูดหรือเปล่า ยังไม่รีบไปกับฉันอีก”


เห็นเฉินจิ้งหลันไม่สนใจตัวเอง จางจือซวนอดไม่ได้ที่จะโมโหขึ้นมา ผู้หญิงคนนี้ถูกตนดุว่าไปหลายต่อหลายครั้ง ล้วนแล้วแต่เชื่อฟัง วันนี้ทำไมกล้าขัดคำสั่งเขาแล้ว


หลังจากได้ยินคำกล่าวของจางจือซวนแล้ว เฉินจิ้งหลันก็ไม่รู้ว่าความกล้ามาจากไหน เปิดปากกล่าวว่า “ผู้กำกับจาง หนังเรื่องนี้ฉันไม่ถ่ายแล้ว คุณเปลี่ยนตัวเถอะ!”


เฉินจิ้งหลันไม่ใช่ดาราในสังกัดของฮว้าเซิ่ง หนังฮ่องกงหลายปีมานี้แนวโน้มไม่ค่อยดี อยากใช้ดาราแผ่นดินใหญ่มา หวังเพิ่มกระแสให้กับตลาดหนัง ดังนั้นจึงได้มีการร่วมมือกันครั้งนี้


เฉินจิ้งหลันเดิมทีพูดภาษากวางตุ้งไม่ได้ ถ่ายหนังอยู่ที่ฮ่องกงได้ครึ่งเดือน ทั้งวันถูกผู้กำกับด่าทอยังไม่เท่าไหร่ บางครั้งยังถูกคนเอาเปรียบ ความอดทนของเธอจึงมาถึงจุดสิ้นสุด


“เธอบอกจะไม่ถ่ายก็ไม่ถ่ายแล้วเหรอไงเฉินจิ้งหลัน เงินค่าผิดสัญญาเธอจ่ายไหวไหม หากวันนี้เธอไม่ยอมไป ขอโทษคุณชายหลัวกับฉันล่ะก็ ฉันจะทำให้เธอไม่มีที่ยืนทั้งในวงการที่ฮ่องกงและแผ่นดินใหญ่!”


จางจือซวนเชิดใส่เฉินจิ้งหลาน อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึงเธอเป็นแค่ดาราที่เพิ่งมีชื่อเสียง แม้แต่โจวเหวินฟะระดับนั้น ก็ไม่กล้าเซ็นสัญญาแล้วยกเลิก


ยิ่งไปกว่านั้นที่นี่คือฮ่องกง เถ้าแก่ของจางจือซวนเป็นพี่ใหญ่ในวงสังคมอยู่ที่ฮ่องกงแห่งนี้ อยากจะจัดการดาราสาว ซักคนจะยากขนาดไหนเหรอใครจะสนว่าเธอเป็นคนฮ่องกงหรือแผ่นดินใหญ่ ดึงไปถ่ายรูปเปลือยซักสองสามรูป ดูซิว่าจะกล้าต่อล้อต่อเถียงได้ยังไง


เยี่ยเทียนทนไม่ไหว เขาไม่รู้จะพูดอะไรกับคนที่สติปัญญาติดลบคนนี้ดี ยื่นมืออกไปชี้หน้าที่เป็นต่อของจางจือซวน กล่าวว่า “พอแล้ว ที่นี่ไม่มีอะไรเกี่ยวกับนาย รีบไสหัวไป!”


“ไอ้เด็กนี่ แกเป็นใครกัน” คำกล่าวของเยี่ยเทียนเบี่ยงเบนความสนใจของจางจือซวนได้สำเร็จ “ใช่แล้ว มือของคุณชายหลัวแกเป็นคนหักใช่มั๊ย ฉันดูท่าแล้วแกคงไม่อยากมีที่ยืนอีกแล้วนะ!”


จางจือซวนเป็นที่รู้จักในวงการของฮ่องกงมานาน เขาเคยผ่านยุคที่เอาปืนจ่อหัวให้ดาราถ่ายภาพยนตร์มาแล้ว ตัวเขาเองก็เป็นพวกแก๊ง ดังนั้นจึงรู้สึกว่าเยี่ยเทียนอายุน้อยวู่วามไม่ชอบขี้หน้า


“พี่เหวิน ผมรู้สึกผิดหวังกับสังคนไฮโซของฮ่องกงเอามากๆเลย”


เยี่ยเทียนถอนหายใจ นี่มันคนแบบไหนกันถึงแม้จะก่อนเรื่องที่ปักกิ่งคราวนั้น ฝ่ายตรงข้ามยังต้องถามความเป็นมา ของตัวเอง แต่คนตรงหน้านี้ จองหองพองขนนัก


“ไอ้กระจอก แกรนหาที่ตายเหรอ แกเรียกคุณเหวินว่าอะไร”


จางจือซวนเห็นเยี่ยเทียนทำท่าไม่สนใจเขาซักนิดเดียวก็เริ่มเอ่ยปากด่าทอ แต่เพียงแค่เพิ่งเริ่ม กลับรู้สึกว่าไม่ถูก


คนฮ่องกงปกติเรียกผู้จ้างของตัวเองว่าเถ้าแก่ และคำพูดคนที่มีฐานะทางสังคมมักจะชอบเติม “คุณ” ไว้หน้าแซ่ จริงๆ แล้วก็หมายถึง “คุณชาย” นั่นแหละ


เหมือนเหวินหลวนสงฐานะทางสังคมแบบนี้ คือเถ้าแก่ของจางจือซวนก็ต้องเรียกว่าคุณเหวินหรือพี่สง ที่ฮ่องกงคนที่สามารถเรียกเหวินหลวนสงว่าพี่น้อง ใช้มือเดียวนับก็พอแล้ว


แต่คนหนุ่มตรงหน้ากลับเรียกพี่สงออกมาได้อย่างตรงไปตรงมา และเหวินหลวนสงก็ไม่ได้มีทีท่าอะไรออกมา เรื่องนี้….หรือบางทียังมีอะไรที่เขาไม่รู้ซ่อนอยู่


“น้องเยี่ย ขอโทษจริงๆ วันนี้ต้องขอโทษเป็นอย่างมากจริงๆ!” เหวินหลวนสงไม่ใช่ว่าไม่มีปฏิกิริยากลับ แต่เมื่อซักครู่ถูกการเล่นใหญ่ของผู้กำกับจางทำให้ตกตะลึงงันไป จนกระทั่งเยี่ยเทียนเริ่มพูดถึงได้สติกลับมา


เถ้าแก่เหวินในใจตอนนี้ไม่ได้หงุดหงิดธรรมดา เมื่อซักครู่เพิ่งทำให้เรื่องที่หลัวเจียฮุยก่อเอาไว้เงียบลงไปได้ แต่จางจือซวนก็โผล่มาต่อหน้าอีก เยี่ยเทียนกล่าวไม่ผิด วันนี้คนที่ปรากฏตัวต่อหน้าเขาไม่ได้แค่ไร้มารยาทธรรมดา


แต่เหวินหลวนสงและหลัวเจียฮุยนับถือกันเป็นพี่น้องแต่กับผู้กำกับจางไม่ได้คบค้าสมาคมลึกซึ้งอะไรขนาดนั้น หลังจากที่ขอโทษขอโพยเยี่ยเทียนไปยกใหญ่ เหวินหลวนสงก็ทำหน้าเครียด กล่าวว่า “ผู้กำกับจาง ขอเชิญคุณออกไป มีเรื่องอะไรผมจะบอกอาเซิ่งเอง!”


ไม่ให้เฉินจิ้งหลานแสดงเป็นนางเอกนำแล้วยังกล่าวข่มขู่เหวินหลวนสงในตอนนี้อยากจะกระชากร่างจางจือซวนออก เป็นแปดส่วน ไม่แน่ว่าหลังจากนี้อาจจะไปหาหวาเซิ่ง ให้ผู้กำกับจางคนนี้ไปเอาดีต่อที่แผ่นดินใหญ่


“เหวิน…คุณเหวิน นี่…นี่มันเรื่องอะไร”


หลังจากที่เหวินหลวนสงเรียกพี่น้องกับเยี่ยเทียนแล้ว ผู้กำกับจางก็ตะลึงงันไป เขาไม่ใช่คนโง่ กลับกันกับตาแหลมคม ในตอนนี้ทำไมจะไม่รู้ว่าตัวเองทำเรื่องอะไรผิดไป


“พอแล้ว นายออกไปเถอะ” เหวินหลวนสงเริ่มหมดความอดทน โบกมือไล่เหมือนกับปัดแมงวัน วันนี้ล่วงเกินเยี่ยเทียนไปสองเรื่องติดต่อกัน เขากำลังคิดว่าอีกประเดี๋ยวจะทำอย่างไร


“คุณเยี่ย เฮ้อ อาซวน  เฉินจิ้งหลันเป็นดาราที่บริษัทเราเชิญมาร่วมงานด้วย วันนี้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น พวกเราก็ต้องรับผิดชอบด้วย…”


ในตอนที่ผู้กำกับจางไม่รู้จะแก้สถานการณ์ตรงหน้าอย่างไร ประตูห้องถูกเปิดออก หวาเซิ่งพาคนมาด้วยสองคน       “อาซวน กลับไปแล้วค่าแรงของคุณหนูเฉินเพิ่มขึ้นอีกห้าเท่า ถือเป็นค่าตกใจของคุณหนูเฉิน!”


“อะ…อะไรนะ” ตอนแรกจางจือซวนรู้สึกตุ้มตุ้มต่อมต่อม แต่หลังจากได้ยินคำพูดของเถ้าแก่ตัวเองแล้ว ความตระหนกนั้นแปรเปลี่ยนเป็นหวาดกลัวในทันที


ต้องทราบก่อนว่า หวาเซิ่งไม่ใช่คนที่มีเมตตาบารมีในแวดวงบันเทิงของเขา ล้วนแล้วแต่อาศัยแรงของสังคม ถึงได้มีทุกวันนี้ ไม่เพียงแต่โหดเหี้ยมกับศัตรู แม้แต่ลูกน้องทีทำผิดก็ไม่เห็นแก่ความรู้สึกใดใดทั้งสิ้น


ในตอนปีแปดศูนย์ มีผู้กำกับอาวุโสที่มีชื่อมาก ในตอนนั้นหวาเซิ่งเชิญเขามากำกับหนังให้บริษัทตัวเอง แต่ใครจะไปรู้ว่าผู้กำกับคนนั้นตอบปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใย


ในวันที่สามหลังจากตอบปฏิเสธหวาเซิ่งไป เขาก็ถูกคนสามคนรุมฟันบาดเจ็บหนักสาหัส คนร้ายหลังจากฟันเขา จนบาดเจ็บแล้วไม่ได้หลบหนีแต่อย่างใด แต่วิ่งไปมอบตัวที่สถานีตำรวจ


ตามคำกล่าวของนักเลงสามคน บอกว่าผู้กำกับคนนั้นชนพวกเขาก่อน จากนั้นทั้งสองฝ่ายก็เกิดมีปากเสียงกัน มีต้นเรื่องและมีผู้ทำร้าย ตำรวจไม่มีทางเลือก ได้แต่ทำตามขั้นตอนพิจาณาตัดสินให้นักเลงทั้งสามคนติดคุกสองสามปี


แต่ในแวดวงบันเทิงนั้น ทุกคนล้วนกระจ่างแจ้งแก่ใจว่าเรื่องเป็นมายังไง แต่ไม่มีหลักฐาน ใครจะทำอะไร หวาเซิ่งได้นับแต่นั้นมา แวดวงบันเทิงของฮ่องกงก็ถูกอำนาจของสังคมบดบังจนมิด


จางจือซวนถือว่าเป็นคนเก่าคนแก่ของหวาเซิ่ง ในเรื่องวิธีการของเถ้าแก่หวาไม่มีใครเข้าใจชัดเจนไปมากกว่าเขา คิดถึงเมื่อก่อนที่มีเพื่อนร่วมงานที่หัวกบฏบางคนถูกจับยัดกระสอบโยนแม่น้ำฮ่องกง ขาทั้งสองข้างของ ผู้กำกับจาง ก็สั่นขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่


“อาซวน วันนี้นายเป็นอะไรไปที่ฉันพูดนายฟังไม่เข้าใจเหรอ” หวาเซิ่งก็รู้สึกได้ว่าบรรยากาศในห้องไม่ผิดปกติ สายตาก็มองไปที่จางจือซวนไปมาอย่างประเมิน


“เถ้าแก่หวา ผู้กำกับจางท่านนี้บอกว่าจะให้พี่จิ้งหลันไม่มีที่ยืนอีกต่อไป จะทำลายอนาคต ของเธอในวงการ ทั้งสองที่ล่ะ!”


เยี่ยเทียนไม่ใช่คนมีเมตตา บวกกับเขาเองก็ไม่ประทับใจกับผู้กำกับจางคนนี้เท่าไหร่นัก สำหรับคนแบบนี้ เยี่ยเทียนยึดหลักการเหยียบให้จมดินจัดชุดใหญ่ให้เท่านั้น


“ตัดอนาคตคุณหนูจิ้งหลันเหรอ”


หลังจากได้ยินเยี่ยเทียนกล่าวแล้ว หวาเซิ่งก็เข้าใจแล้วว่าบรรยากาศที่ตึงเครียดในห้องมาจากที่ไหน สายตาทั้งสองพลันปรากฏแววเยือกเย็น จ้องเขม็งไปที่จางจือซวนอย่างไม่วางตา


“เถ้าแก่ ผมผิดไปแล้ว ผมผิดเอง ผมไม่รู้สถานการณ์เลยพูดไม่คิดออกไป ผมสมควรตาย!”


หวาเซิ่งเดิมทีก็เป็นคนที่หน้าตายอยู่แล้ว ดวงตาที่ถลึงมองในเวลานี้ มาจากคนที่อยู่ในระดับสูงมาเป็นเวลานาน จึงจะสามารถใช้สายตาแบบนั้นได้ ทำให้จางจือซวนตกใจจนคุกเข่าลงกับพื้น ใช้มือตบปากตัวเองไม่หยุด


หวาเซิ่งไม่ได้สนใจจางจือซวนที่คุกเข่าอยู่บนพื้นแม้แต่น้อย แต่กลับมองไปทางเยี่ยเทียน กล่าวว่า “คุณชายเยี่ย เป็นผมที่ดูแลลูกน้องไม่เข้มงวด คุณว่ามาเถอะ ต้องการมือข้างไหน”


ในตอนที่อยู่ด้านนอก หลังจากที่หวาเซิ่งได้รับรู้ฐานะทางสังคมของเยี่ยเทียนจากอาติงมาแล้ว ทำให้เขาตกใจ ขนานใหญ่ สังคมของเขาในตอนนี้ก็ล้วนแล้วแต่มาจากแก๊งชิงทั้งนั้น และเคารพปฏิบัติตามกฏระเบียบของแก๊งชิงมาตลอด


เมื่อหลายปีก่อนเปิดการประชุมหงเหมิน หวาเซิ่งก็ไปอเมริกาเข้าร่วมด้วย นี่ทำให้คณะสังคมของเขาพัฒนาไปสู่สากล หลายปีมานี้ ได้รับความช่วยเหลือจากพรรคชิงในต่างประเทศไม่น้อย


ในแก๊งนั้นให้ความสำคัญกับลำดับอาวุธโสเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในหงเหมิน ศิษย์ล้างอาจารย์นั้น เป็นโทษร้ายแรงมหันต์


หลังจากได้ทราบฐานะของเยี่ยเทียนแล้ว หวาเซิ่งเมื่อซักครู่ยังดีใจที่ตัวเองไม่ได้มีเรื่องกับเยี่ยเทียน แต่กลับคิดไม่ถึงว่าลูกน้องของตัวเองที่โง่เง่านี้ กลับไปมีเรื่องกับ “พี่ใหญ่” คนนี้เข้า


หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป ถึงแม้จะไม่ได้กระทบอะไรกับธุรกิจของหวาเซิ่ง แต่ชื่อเสียงของเขาทีสั่งสมมา ต้องโดนทำลาย ดังนั้นจึงได้พูดกับเยี่ยเทียนออกมาแบบนั้น


“ผมจะเอามือเขาไปทำอะไรกัน คนนี้แค่ปากเสียไปหน่อยเท่านั้น…”


เยี่ยเทียนหัวเราะแกนๆ ออกมา ก่อนหน้านั้นหักมือขวาของหลัวเจียฮุย นั่นก็เพราะมาล่วงเกินเฉินจิ้งหลันแต่คนที่อยู่ตรงหน้านี้ไม่ได้ใช้มือทำอะไรเฉินจิ้งหลัน


“ปากเสียงั้นก็ง่าย” หวาเซิ่งกล่าวอย่างเยือกเย็น “อาหู่ เอามันออกไป เอาต้นไผ่ตบปาก ให้เขาพูดไม่ได้ซักสามเดือน!”


“อา…ไม่…ไม่ต้องถึงขนาดนั้น”


เดิมทีเฉินจิ้งหลันที่กำลังตกใจกับการที่เถ้าแก่หวาเซิ่งปฏิบัติกับเยี่ยเทียนอยู่ แต่พอได้ยินคำสั่งนั้นแล้ว ก็อดตกใจขึ้นมาไม่ได้ ถึงแม้ในภาพยนต์เธอจะเคยแสดงมาแล้วหลายบทบาท แต่เคยเจอเรื่องแบบนี้ที่ไหน


“คุณหนูเฉิน ช่วยด้วย ผม…ผมหลงผิดไปชั่ววูบเท่านั้น คุณเป็นคนดีให้อภัยเถอะ !”


จางจือซวนลุกขึ้นยืนจากพื้น แล้วก็คุกเข่าลงต่อหน้าเฉินจิ้งหลันโค้งคำนับขึ้นมา ล้อเล่นอะไรกัน เอาไม้ไผ่ตบปาก มีแต่จะทำให้ฟันเขาหลุดหมดปากไม่เหลือซักซี่


“เยี่ยเทียน นี่…นี่ นายดูเถอะ”


โดนจางจือซวนที่อายุใกล้ห้าสิบปีคุกเข่าใส่เฉินจิ้งหลันพลันชะงักไปไม่รู้จะทำอย่างไร เงยหน้าขึ้นมองไปทางเยี่ยเทียน ถึงตอนนี้แล้วเธอจะไม่เข้าใจได้อย่างไร คนที่นี่ล้วนเคารพการตัดสินใจของเยี่ยเทียน


“ไม่ใช่เรื่องของฉัน นี่เป็นเรื่องภายในของคุณชายหวา มีอะไรเธอคุยกับเขาเอง”


เยี่ยเทียนส่ายหัว หวาเซิ่งจะลงโทษจางจือซวนอย่างไร ไม่เกี่ยวกับเขาซักนิดเดียว แต่เยี่ยเทียนก็ไม่ได้มีทีท่าว่า จะช่วยเขาผ่อนหนักเป็นเบา เขาไม่ได้มีจิตใจเมตตาเฉกเช่นเฉินจิ้งหลัน


“พอแล้ว อาหู่ ลากเขาออกไป!” หวาเซิ่งกำลังรอสัญญาณที่จะดูว่าจัดการอย่างไรเมื่อได้ฟังคำกล่าวนั้นเขาก็เข้าใจในทันทีว่าเยี่ยเทียนไม่ได้จะปล่อยจางจือซวนไป


 ……..


ตอนที่ 346 หวาดกลัว

โดย

Ink Stone_Fantasy

รอจนกระทั่งจางจือซวนถูกคนลากออกมาจากวิลล่าทั้งร้องไห้ทั้งตะโกน หวาเซิ้งมองไปที่เฉินจิ้งหลัน พูดว่า “คุณเฉิน ขอโทษจริงๆ ลูกน้องผมไม่รู้ความจริงๆ พลอยทำให้คุณตื่นตระหนกตกใจไปด้วย”


“ผมว่า…การร่วมมือระหว่างเราจะต้องปรับเปลี่ยนสักหน่อย รายละเอียดที่เกี่ยวข้อง ผมจะให้คน ไปคุยกับผู้จัดการของคุณ”


หวาเซิ้งฉลาดมาก เรื่องนี้แค่จัดการให้เฉินจิ้งหลันพอใจ เยี่ยเทียนก็ไม่พูดอะไรมากแล้ว จัดการกับผู้หญิงที่เพิ่งออกมา จากแผ่นดินใหญ่ ง่ายกว่าการคบหาสมาคมกับเยี่ยเทียนเสียอีก


หากผู้เสียหายอย่างเฉินจิ้งหลันพอใจเรื่องนี้ เยี่ยเทียนก็ไม่สามารถเข้าไปก้าวก่ายได้อีก ไม่อย่างนั้นหวาเซิ้งต้องยืนอยู่ข้างความมีเหตุผล ไม่ใช่ว่าไม่เคารพเยี่ยเทียนอาจารย์ใหญ่คนนี้


“ขอบคุณเถ้าแก่หวา นี่……ละครเรื่องนี้ ยัง……ยังเป็นผู้กำกับจางที่กำกับอยู่ไหม”


เฉินจิ้งหลันก็เหมือนกับการนั่งเสลี่ยง ที่มีความไม่แน่นอนเดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลง ในสมองก็รู้สึกเลอะเลือนไปหมด เธอก็ไม่คิดว่าเกิดเรื่องนี้ขึ้น จางจือซวนทำไมยังกำกับหนังเรื่องนี้ต่อได้อีก


“แหะๆ ผู้กำกับที่มีชื่อเสียงของบริษัทเราเยอะมาก คุณเฉินสบายใจได้ ไม่ให้ความคืบหน้าของการถ่ายทำ ล่าช้าหรอก”


หวาเซิ้งพูดแล้วก็ยิ้มขึ้นมา เดิมทีก็อยากให้จางจือซวนกำกับหนังเรื่องนี้ เพราะดูจากการถ่ายทำที่ออกมาได้ดี และความขยันขันแข็ง  แต่ตอนนี้เขาทำตัวเขาเอง ดีกว่าการลงโทษแบบสามมีดหกรู


“พอแล้ว เวลามันก็ช้ามากพอแล้ว พี่เหวิน ขอบคุณสำหรับการต้อนรับของคุณ เดี๋ยวผมก็น่าจะต้องกลับไปแล้ว”


เมื่อเห็นเรื่องได้แก้ไขแล้ว เยี่ยเทียนก็ยืนขึ้น พูดกับเฉินจิ้งหลันว่า “พี่จิ้งหลัน ผมต้องกลับแล้ว ต่อไปถ้ากลับไปที่ปักกิ่งพวกเราค่อยติดต่อกัน  น้องสาวผมชมพี่ว่าแสดงละครดีตลอด ยังอยากจะขอลายเซ็นพี่เลย ”


คำพูดของเยี่ยเทียนนี้ไม่ใช่คำพูดที่โกหก หลิวหลันหลันชอบเฉินจิ้งหลันมาก หลังจากที่ได้ยินอวี๋ชิงหย่า บอกว่าเยี่ยเทียนรู้จักเฉินจิ้งหลัน ก็รบเร้าให้เยี่ยเทียนขอลายเซ็นอยู่หลายครั้ง


แค่เยี่ยเทียนไม่มีช่องทางการติดต่อกับเฉินจิ้งหลัน จะไปขอลายเซ็นเธอได้ที่ไหน ยิ่งกว่านั้น น้ำเสียงตอนที่อวี๋ชิงหย่าพูดเหมือนจะมีเสียงแปลกๆ เยี่ยเทียนยิ่งไม่กล้าที่จะไปหาเฉินจิ้งหลัน


หลังจากที่ได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียน เฉินจิ้งหลันก็ไม่รู้ว่าในใจรู้สึกอย่างไรกันแน่ สักพักใหญ่ถึงพูดออกมาว่า “เยี่ยเทียน ขอบคุณนะ”


ทุกครั้งที่เจอกับเด็กหนุ่มคนนี้ มักจะทำให้เฉินจิ้งหลันไม่สามาถลบเลือนเขาจากความทรงจำได้ แต่เธอก็ไม่มีโอกาสได้ทำความรู้จักเยี่ยเทียนเลย นี่ก็เป็นผู้ชายที่ลึกลับคนหนึ่ง


“ไม่เป็นไร อย่าลืมเซ็นลายเซ็นให้ผมก็พอแล้ว  พี่เหวิน แขกคุณเยอะขนาดนี้ ไม่ต้อง ไปส่งแล้ว…” เยี่ยเทียนยิ้มแล้วก็โบกไม้โบกมือ พาหลิวติงติงและอาติงเดินออกจากวิลล่า


“เอ๊ะ เยี่ยเทียน ผมจัดรถให้ไปส่งคุณแล้ว” เมื่อเห็นเยี่ยเทียนจะไป เหวินหลวนสงรีบลุกขึ้น พูดกับ หวาเซิ่งว่า“น้องหวา คุณนั่งรอสักครู่นะ ผมจะรีบกลับมา”


“ดูสิ คนที่หักแขนคุณหลัวออกมาแล้ว”


“ใช่ วัยรุ่นคนนั้นเอง มาทำอะไรกันแน่”


เยี่ยเทียนและเหวินหลวนสงเพิ่งเดินออกมาจากวิลล่า กลุ่มดารากลุ่มนั้นเดิมทีที่ คุยกันตรงมุมของสวนดอกไม้ สายตาก็มาจับจ้องที่ตัวของเยี่ยเทียน เรื่องทุกอย่างที่เกิดในคืนนี้ ยอดเยี่ยมมากกว่าประสบการณ์ ที่พวกเขาถ่าย ในภาพยนตร์เสียอีก


สถานะของเยี่ยเทียนที่พวกเขาทายกันต้องสำคัญแน่ๆ เพราะดาราพวกนี้เชื่อว่า ซุปเปอร์ฮีโร่ตัวเล็กๆ คนนั้นอยู่ที่นี่ ไม่เห็นต้องได้รับการปฏิบัติเช่นนี้จากเหวินหลวนสง


“ได้ ต่อไปนี้บอกเลยว่า ถึงฟ้าจะถล่ม ก็ไม่เข้าร่วมงาน รวมตัวที่น่าเบื่อแบบนี้อีก” เยี่ยเทียนได้ยินคำพูดพวกนั้นจากรอบๆตัวอย่างชัดเจน อดไม่ได้ที่จะยิ้มเจื่อนๆ และเพิ่มฝีเท้าอย่างรวดเร็ว


“เยี่ยเทียน รอก่อน”


เพิ่งจะออกมากจากสวนดอกไม้ ยังไม่ได้ถึงที่จอดรถ ด้านหลังก็มีเสียงเรียกของเฉินจิ้งหลันตามมา


เยี่ยเทียนหันกลับหลัง เมื่อมองไปที่หน้าอกที่กำลังหอบของเฉินจิ้งหลัน ถามอย่างแปลกใจว่า


 “พี่จิ้งหลัน เกิดอะไรขึ้น”


“เยี่ยเทียน ฉันให้ ในกระเป๋าฉันมีรูปถ่ายในละครอยู่ เซ็นเรียบร้อยแล้ว”


เฉินจิ้งหลันเอารูปภาพแผ่นหนึ่งส่งให้เยี่ยเทียน พูดอย่างลังเลว่า “เยี่ยเทียน เธออยู่ฮ่องกงมาครึ่งเดือนกว่าแล้ว พรุ่งนี้ว่างไหมฉันอยากจะเชิญเธอกินข้าวสักหน่อย”


เฉินจิ้งหลันรู้ว่าตำแหน่งศิลปินในฮ่องกงนั้นไม่สูงมาก ถ้าวันนี้ไม่ได้เยี่ยเทียน ไม่แน่ว่าเธออาจจะถูกคน ที่นามสกุลหลัวทำให้เธอขายหน้าไปแล้ว คำขอบคุณของเฉินจิ้งหลันเป็นคำขอบคุณที่มาจากความจริงใจ


“เหอะ ขอบคุณมากเลยพี่จิ้งหลัน”


หลังจากรับรูปภาพ เยี่ยเทียนส่ายหัวแล้วพูดว่า


“พี่จิ้งหลัน พรุุ่งนี้ไม่ว่างจริงๆ เอาแบบนี้เถอะ รอสักสองสามวันถ้าผมมีเวลา ก็จะมาดูพวกพี่ถ่ายละคร”


พรุ่งนี้นัดกงเสี่ยวเสี่ยว เยี่ยเทียนต้องช่วยเธอคำนวณหาร่างศพสามีที่ตกลงน้ำไป การคำนวณต้องยุ่งยากมากแน่ๆ คาดว่าต้องใช้เวลาสองสามวัน ไม่ใช่ว่าเยี่ยเทียนอยากจะปัดการนัดของเฉินจิ้งหลัน


หลังจากที่ได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียน เฉินจิ้งหลันก็มีใบหน้าที่ผิดหวังนิดหน่อย แต่ก็ยังควักนามบัตร ออกมาจากกระเป๋า แล้วพูดว่า


“งั้นเอาแบบนี้ นี่คือเบอร์โทรศัพท์ของฉัน ถ้าเธอว่างก็โทรศัพท์มาหาฉันได้เลย”


“แน่นอน พี่จิ้งหลันถ้าพี่อยู่ฮ่องกงแล้วมีเรื่องอะไร ไปหาเถ้าแก่เหวินก็พอแล้ว”


เยี่ยเทียนยิ้มมองไปที่เหวินหลวนสง พูดว่า “พี่เหวิน ไม่ต้องส่งแล้ว พาคุณเฉินกลับไปดูแลก็พอแล้ว คุณมีชื่อสียงในการดูแลเอาใจใส่ผู้หญิง อย่าให้เสียชื่อของตัวเองสิ”


“วางใจเถอะ น้องเยี่ย คุณเฉินมีเรื่องอะไร ผมก็ไม่มีหน้าที่จะสู้เหมือนกัน…”


เหวินหลวนสงถูกเยี่ยเทียนพูดจนรู้สึกอับอาย ในใจกลับเดาความสัมพันธ์ของเยี่ยเทียนกับเฉินจิ้งหลัน ทั้งสองคนดูเหมือนไม่ใช่คู่รัก  เขากลับไม่เข้าใจว่าทำไมเยี่ยเทียนถึงดูแลเฉินจิ้งหลันดีขนาดนี้


“อาเฟิน คุณไปคุยเป็นเพื่อนกับคุณเฉินนะ ”


หลังจากที่ส่งเยี่ยเทียนเสร็จ เหวินหลวนสงหันกลับไปที่สวนดอกไม้ เรียกผู้หญิงที่ดูแลวันนี้ให้มาอยู่ เป็นเพื่อนเฉินจิ้งหลัน ตัวเองกลับไปที่ในห้องรับแขก


“คุณเหวิน เด็กหนุ่มนี้  ไม่ระมัดระวังตัวเองจริงๆ”


เหวินหลวนสงเพิ่งเข้ามาที่ในห้อง ก็ได้ยินคำบ่นจากหัว หวาเซิ่ง ตอนที่เยี่ยเทียนเข้ามาเมื่อครู่ก็ไม่ได้มีคำทักทายอะไรกับเขา เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ไว้หน้าเถ้าแก่หวา


หวาเซิ่งที่เมื่อครู่ลงโทษจางจือซวนแบบนั้น ไม่ใช่ว่ากลัวเยี่ยเทียน แต่ไม่อยากทำให้เขาโกรธเท่านั้น แต่เขาก็ไว้หน้าเยี่ยเทียนพอแล้ว ในขณะที่ตัวเองกลับไม่ได้ไว้หน้า


หลังจากที่ได้ยินคำพูดของเถ้าแก่ คนด้านข้างของหวาเซิ่งก็พูดอย่างกับลูกผู้ชายอกสามศอกว่า


“พี่เซิ่ง ให้ผมหาลูกน้องสักสองสามคน ไปสั่งสอนเขาไหม”


“หุบปาก นี่คือคำพูดที่ออกจากปากนายเหรอ” อารมณ์ของหวาเซิ่งไม่ค่อยดี เมื่อได้ยิน ขาก็ยกขึ้นมาถีบ ไปที่ด้านหลังของผู้ชายคนนั้นไปนั่งลงกับพื้น


คนอย่างหวาเซิ่ง ถ้าคนที่ไม่ใช่เพื่อนก็เป็นศัตรู แต่สำหรับเยี่ยเทียน เขากลับไม่กล้าลงมือจริงๆ อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง แม้แต่เหวินหลวนสงคนเดียว ก็ทำให้เขาหวาดกลัวพอแล้ว


เหวินหลวนสงส่ายหัว ปริปากพูดว่า “น้องหวา ฟังผมพูดสักประโยคนะ เยี่ยเทียนเป็นเพื่อนผม อย่าไปก่อเรื่องไม่ดีกับเขาเด็ดขาด…”


เหวินหลวนสงกับหวาเซิ่งรู้จักกันมาหลายสิบปี ความสัมพันธ์ทั้งสองดีมาก เขาไม่อยากให้เพื่อนนำความเดือนร้อนมาให้ตัวเอง ดังนั้นพูดเรื่องที่ตัวเองรู้จักกับเยี่ยเทียนให้ฟัง


“เขาก็รู้เรื่องการทำนายเหรอ”


หลังจากที่ฟังเหวินหลวนสง ทันใดนั้นหวาเซิ่งถึงกับตะลึง ตอนแรกเขาคิดว่าเป็นแค่คนที่เคารพนับถือ ในสำนักชิงปังเท่านั้น ไม่รู้ว่าเยี่ยเทียนเป็นหมออาคมที่มีวิชา คำบ่นเมื่อกี้กลับหายไปอย่างรวดเร็ว


คนที่อยู่ในยุทธภพ ไม่ยอมรับคนที่ก่อเรื่องไม่ดีกับคนที่มีวิชาอาคม หวาเซิ่งถึงแม้จะมีรากฐานอยู่ที่ฮ่องกง แต่ถ้าเยี่ยเทียนทำสิ่งที่ไม่ดีบนหลุมฝังศพของบรรพบุรุษของเขา หวาเซิ่งเองก็ทำอะไรเขาไม่ได้


พอคิดถึงจุดนี้ หวาเซิ่งในใจก็รู้สึกดีใจอย่างเงียบๆ โชคดีที่เมื่อกี้ตัวเองทำตัวเหมาะสม ไม่อย่างนั้นถ้ายั่วโมโหหรือก่อเรื่องไม่ดีกับเยี่ยเทียน ไม่แน่ว่าตัวเองอาจจะได้รับภัยพิบัติไปด้วยก็ได้


……


ตอนที่หวาเซิ่งและเหวินหลวนสงถกเถียงกันเรื่องเยี่ยเทียน อาติงก็คุยกับเยี่ยเทียนในเรื่องที่เกิดขึ้นตอนบ่ายวันนี้บนรถ  ด้านหน้ารถเบนซ์คันนี้มีกระจกกั้นเสียง คำพูดของเขาไม่ต้องกลัวว่าคนขับรถจะได้ยิน


“นายน้อย จางจือซวนคนนั้นไม่ใช่คนดีนะ เขาเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น ตามที่ผมรู้จัก  หาคนจัดการเขาไหม”


ในฮ่องกง วงการบันเทิงอยู่ในการควบคุมโดยแก๊งต่างๆ ในฐานะผู้กำกับที่มีชื่อเสียงอย่างหวาเซิ่งก็ต้องอาศัยทรัพยากรจากทางใต้ดินอย่างจางจือซวน


อาติงรู้จักจางจือซวนมาสิบกว่าปี รู้ว่าคนนี้ถึงแม้จะมีความสามารถ แต่ในใจกลับขี้ขลาด วันนี้เยี่ยเทียนไม่เพียงทำให้เขาอับอาย ยิ่งอายกว่านั้นคือเขากลับไปถูกตบปากด้วยไม้ไผ่ ความแค้นในครั้งนี้คงไม่เล็ก


การกระทำของเยี่ยเทียนทำให้อาติงสาแก่ใจเป็นอย่างมาก อดไม่ได้ที่จะคิดถึงยุคสมัยในตอนที่อยู่ยุทธภพ ตามความหมายของอาติง ต่อให้จางจือซวนมีบุญคุณและความแค้น วิธีทางที่ดีที่สุดก็คือทำให้เขาระเหยเป็นไอ


“อาติง พลังพิฆาตของแก มีมากเกินไป”


เยี่ยเทียนส่ายหน้า พูดว่า “ไม่เป็นไร มันเป็นเพียงแค่ตัวตลกเท่านั้น แต่วันข้างหน้าแกฆ่าคนให้น้อย ๆ หน่อย  มันจะช่วยให้ฉันใช้เวลาในการสลายพลังพิฆาตให้แกได้เร็วขึ้น”


เยี่ยเทียนไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยกับจงจือซวน จนกระทั้งขี้เกียจแม้แต่จะดูรูปลักษณ์ใบหน้าของเขา ตอนนี้ในสังคมก็มีคนแบบนี้เยอะ ถ้าเห็นคนหนึ่งแล้วฆ่าคนหนึ่ง ไม่เกินสามวันเยี่ยเทียนคงต้องถูกฟ้าผ่าตาย


ในขณะที่หลิวติงติงที่ฟังเยี่ยเทียนกับอาติงคุยกันตลอด จู่ๆก็ปริปากพูดว่า “อา จางจือซวนคนนั้นเป็นคนไม่ดีจริงๆ ปล่อยให้ฉันจัดการเขาเป็นทางที่ดีที่สุด”


“ฉันคิดว่านะติงติง ผู้หญิงอย่างเธอทั้งวันก็คิดแต่เรื่องชกต่อย กับเรื่องฆ่าแกงเหมือนกัน”


สิ่งที่ทำให้เยี่ยเทียนคิดไม่ถึงก็คือ หลิวติงติงที่อยู่ด้านข้างกลับเห็นดีเห็นงามกับคำพูดของอาติง อะไรที่ทำให้พวกพี่ๆน้องถึงคิดก่อกรรมทำชั่วขนาดนี้และทำให้หลิวติงติงหญิงสาวคนนี้จู่ๆตั้งใจที่คิดจะฆ่าแกงขึ้นมา


“เมื่อก่อนเขาบังคับจางเสวี่ยโหย่วไปถ่ายละคร…”


หลิวติงติงแบะปากพูด พอพูดถึงสาเหตุแล้วก็ทำให้เยี่ยเทียนหมดคำจะพูด ที่เธอกล้าเพราะเขาไปก่อเรื่องที่ไม่ดีให้กับไอดอลของเธอ


“พอแล้ว เรื่องนี้ผ่านไปแล้ว ไม่ต้องพูดแล้ว”


เยี่ยเทียนรีบโบกมือขัดจังหวะคำพูดของหลิวติงติง แต่ใจกลับรู้สึกสั่นสะเทือนโดยไม่มีเหตุผล แต่ว่าความรู้สึกนี้เป็นเพียงแว่บเดียว เยี่ยเทียนไม่ได้ใส่ใจอะไร


กลับไปพักที่วิลล่าของจั่วเจียจวิ้นหนึ่งคืน วันที่สองตอนเช้าเยี่ยเทียนก็พาเหมาโถวกลับมาที่บ้านถังเหวินหย่วน ฮวงจุ้ยที่นี่ดีกว่าของที่จั่วเจียจวิ้น หลังจากที่ช่วยกงเสี่ยวเสี่ยวคำนวณเสร็จ ที่นี่จะช่วยให้เยี่ยเทียนเพิ่มพลังที่สูญเสียไปได้ดีกว่า


 …….

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)