หมอดูยอดอัจฉริยะ 339-344
ตอนที่ 339 แก้ดวง (1)
โดย
Ink Stone_Fantasy
“นี่…นี่คือเหรียญต้าฉีทงเป่าของท่านอาจารย์?”
เมื่อเห็นเยี่ยเทียนหยิบเหรียญกษาปณ์ออกมา จึงทำให้ดวงตาของจั่วเจียจวิ้นเหยียดตรงทันที ตอนนั้นเขาเห็นท่านอาจารย์ใช้เหรียญกษาปณ์นี้ในการทำนายโชคชะตาไม่น้อย เวลานี้เห็นสิ่งของนึกถึงคน ทำให้เขาอดเบ้าตาแดงขึ้นมาไม่ได้
เมื่อเห็นสีหน้าเศร้าใจของจั่วเจียจวิ้น เยี่ยเทียนจึงรีบพูดทันที “ศิษย์พี่ครับ ผมต้องการความช่วยเหลือจากพี่ครับ”
“ให้พี่ช่วยอะไร?” จั่วเจียจวิ้นตกตะลึง เพราะถูกเยี่ยเทียนดึงดูดความสนใจ
เยี่ยเทียนได้ยินจึงหัวเราะขึ้นมาแล้วพูด “ผมขอยืมเหรียญกษาปณ์สองเหรียญครับ มีแค่ต้าฉีทงเป่าอย่างเดียว ผมก็ทำนายโชคชะตาไม่ได้ครับ!”
วิธีการเสี่ยงทายนั้นมีหลายวิธี แต่วิธีที่ชอบใช้กันบ่อยๆ ก็คือใช้เหรียญในการทำนาย โดยทั่วไปแล้วคนที่ใช้วิชาดูโหงวเฮ้งทำมาหากิน พวกเขามักจะพกเหรียญกษาปณ์สามอันติดตัวเสมอ
และก่อนหน้านั้นเยี่ยเทียนก็สัมผัสได้ถึงเหรียญที่มีพลังงานอยู่สองสามอันที่อยู่ในกระเป๋าของจั่วเจียจวิ้น และคิดว่าสาเหตุน่าจะมาจากที่เขาเล่นมันบ่อยแน่นอน จึงทำให้มีพลังชี่ของจั่วเจียจวิ้นอยู่เล็กน้อย
“เสียแรงที่นายเป็นศิษย์ของสำนักเสื้อป่านจริงๆ…แม้แต่เครื่องมือทำมาหากินก็ไม่พกติดตัว”
หลังจากได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียนแล้วจั่วเจียจวิ้นจึงควักเหรียญกษาปณ์สามเหรียญออกมาจากในกระเป๋าอย่าง หัวเราะไม่ได้และร้องไห้ไม่ออก เหรียญกษาปณ์สองสามอันนี้ก็เป็นเฉียนหลงทงเป่าในสมัยฮ่องเต้เฉียนหลงทั้งสิ้น
ในยุคนี้พวกที่ชอบใช้วิชาฉีเหมิน เหรียญกษาปณ์ที่ใช้ในการเสี่ยงทายล้วนแต่เป็นเหรียญของเฉียนหลงทงเป่า ตามตำนานเล่าว่ามันสามารถเพิ่มการทำนายให้แม่นยำมากขึ้น แต่ในสายตาของเยี่ยเทียนนั้น กลับเป็นเรื่องที่ไร้สาระทั้งเพ เพราะทุกครั้งที่อาจารย์ปู่ทำนายโชคชะตา ก็ยังไม่รู้เลยว่าฮ่องเต้เฉียนหลงไปเกิดอยู่ที่ไหน
ครั้นแล้วเขาจึงยื่นมือออกไปหยิบเหรียญออกไปหนึ่งอัน จากนั้นเยี่ยเทียนจึงหยิบเหรียญอีกสองอันกับ เหรียญต้าฉีทงเป่ามาวางอยู่ด้วยกัน พลางมองไปที่เหวินหลนสงแล้วพูดว่า “พี่เหวินครับ ผมมีสามอย่างที่ไม่อาจทำนายให้ได้ หนึ่งไม่จริงใจยากที่จะทำนาย สองพูดไม่ชัดเจนยากที่จะทำนาย สามถ้าเคยดูมาแล้วก็จะไม่ทำนายซ้ำ พี่หยิบเหรียญทั้งสามอันแล้วโปรยลงไปบนโต๊ะหกครั้ง พร้อมกับนึกนึกเรื่องที่อยากจะให้ทำนาย!”
ถึงแม้เยี่ยเทียนจะยังหนุ่ม แต่พอทำท่าเคร่งขรึมขึ้นมา ทำให้ไม่อาจปฏิเสธพลังอานุภาพที่ซ่อนเร้นอยู่ในตัวของเขาได้ และจั่วเจียจวิ้นที่นั่งอยู่ถัดไปยังมีความด้อยกว่าเมื่อเทียบเขา
“ครับ ผมจะทำตามที่คุณสั่งครับ!” เหวินหลนสงรับเหรียญมา จากนั้นจึงพูดอย่างนอบน้อม และไม่กล้าเรียกเขาว่าน้องเยี่ยอีก
เยี่ยเทียนพยักหน้า แล้วพูด “ตกลง เริ่มเลยครับ!”
หลังจากได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียนแล้ว เหวินหลนสงจึงหลับตาเล็กน้อย พลางนึกในใจถึงเรื่องที่เขาอยากขอ จากนั้นจึงนำเหรียญที่กุมอยู่ในมือขวาโปรยลงไปบนโต๊ะ
“หยินอ่อนกว้าเปลี่ยนเป็นหยาง อืม คุณทำต่อไปครับ…” เยี่ยเทียนมองดูการคว่ำหงายของเหรียญสองสามอันหนึ่งที แล้วจึงงอนิ้วก้อยข้างช้ายขึ้นมา
“หยินแก่หงายหน้าทั้งสามอัน กว้าไม่เปลี่ยนแปลง โปรยต่อไป…”
“หงายหนึ่งอันคว่ำสองอันคือหยางอ่อน ภายในกว้าเปลี่ยนเป็นหยิน ห้ามหยุด…”
เมื่อเหวินหลนสงโปรยเหรียญที่อยู่ในมือไม่หยุด ปากของเยี่ยเทียนก็กำลังสวดมนต์อยู่ซึ่งเป็นภาษา ที่มีเพียงจั่วเจียจวิ้นเท่านั้นที่ฟังเข้าใจ นิ้วมือทั้งสิบขยับไปมาไม่หยุด จากนั้นข้อมูลทีละอย่างก็แวบผ่านในหัว ของเยี่ยเทียนราวกับการฉายภาพยนตร์
หลังจากรอให้เหวินหลนสงโปรยเหรียญครบทั้งหกครั้งแล้ว เยี่ยเทียนจึงโบกมือเป็นสัญญาณให้เขาหยุดได้ จากนั้นตัวเองจึงหลับตาและเริ่มการทำนาย
ขณะที่มองดูเยี่ยเทียนขยับนิ้วทั้งสิบไม่หยุด ทุกคนที่อยู่ภายในห้องเกือบจะหยุดลมหายใจ เพราะกลัวว่าจะรบกวนสมาธิในการทำนายของเยี่ยเทียน แม้แต่จั่วเจียจวิ้นก็ยังรู้สึกว่าวิชาการ เสี่ยงทายของเยี่ยเทียนนั้นลึกซึ้งยากที่จะคาดเดาได้
ต้องรู้ก่อนว่า หลังจากวิชาเหรียญทองปรากฏในตำราปากว้าแล้ว จะต้องทำนายออกมาตามข้อมูลที่ปรากฏอยู่ ในตำราปากว้า และระหว่างนี้จำเป็นต้องค้นหาหกสิบสี่ข่ายไปด้วย แต่เยี่ยเทียนใช้จิตในการเสี่ยงทายแบบนี้ กลับเป็นสิ่งที่จั่วเจียจวิ้นสู้ไม่ได้
หลังจากผ่านไปสิบนาทีกว่า เยี่ยเทียนจึงลืมตา แล้วพูดว่า “พี่เหวินครับ อย่างแรกพี่ถามเรื่องโชคชะตาและอนาคต สองเรื่องชีวิตครอบครัวและการแต่งงาน ความจริงแล้วทั้งสองอย่างนี้มันเชื่อมต่อกันอยู่แล้วครับ! “
“น้อง…น้องเยี่ย นาย…นายรู้ว่าพี่ถามอะไร?”
หลังจากได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียนแล้ว ดวงตาของเหวินหลนสงจึงปรากฏความตกใจ เพราะตอนที่เขาโปรยออกไป สามครั้งแรกนั้น ในใจของเขากำลังถามเรื่องโชคลาภกับอนาคต และการโปรยสามครั้งหลังเขากำลังถามเรื่องชีวิตการแต่งงาน และเยี่ยเทียนก็พูดตรงไม่ผิดแม้แต่คำเดียว
“อย่างนั้น…อย่างนั้นปรมาจารน์เยี่ยครับ ดวงของผมเป็นยังไงบ้างครับ? ได้โปรดช่วยชี้แนะด้วย!” ตอนที่เหวินหลนสงพูดนั้น เขาได้เปลี่ยนคำเรียกขาน จากน้องเยี่ยกลายเป็นปรมาจารย์แทน ซึ่งเห็นได้ชัดว่า เยี่ยเทียนถูกยกระดับให้สูงเท่ากับ “ปรมาจารย์จั่ว” แล้ว
“พี่เหวินครับ ในเรื่องของความรักพี่จะมีคนมาชอบตลอด และผู้หญิงธรรมดาทั่วไปไม่สามารถเข้ากับพี่ได้ แต่…ผู้หญิงคนนี้ที่พี่กำลังคบอยู่…”
เยี่ยเทียนมองเหวินหลนสงหนึ่งที แล้วจึงถามต่อ “ผู้หญิงคนนี้คางแหลม โหนกแก้มสูงและแก้มตอบใช่ไหมครับ?”
เมื่อได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียนแล้ว สีหน้าของเหวินหลนสงจึงดูเขินอายเล็กน้อย เขามองไปที่เด็กหนุ่มสาวสองสามคน แล้วจึงตอบ “คุณพูดถูกแล้วครับ หน้าตาเธอ…หน้าตาเธอคล้ายกับที่คุณพูดครับ”
“จุดอิ้นถางเป็นริ้วรอย ดั้งจมูกหัก หน้าตาแบบนี้คือดวงกินผัวไม่สามารถมีลูกได้ และยังได้รับความเดือดร้อน จากครอบครัวของเธอ หากอยู่กับเธอ ไม่เพียงแต่คุณจะเสียเงิน แถมยังจะโชคร้ายติดต่อกันไม่หยุด!”
เยี่ยเทียนไม่รู้ว่าผู้หญิงที่เหวินหลนสงคบอยู่เป็นใคร เพราะสิ่งเหล่านี้คือผลลัพธ์ที่ออกมาจากการทำนายของเขา แต่ในหูของเหวินหลนสงที่ได้ยิน กลับเหมือนถูกฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ สั่นสะเทือนจนสะดุ้งตกใจ ทำให้ดวงตาของเขา เต็มไปด้วยความหวาดผวา
ตอนนี้คนที่เหวินหลนสงคบอยู่ คือดาราหญิงคนหนึ่งที่โด่งดังมากในฮ่องกง เขารักและชอบเธอมาก แถมยังเลี้ยงดูเธอมาหลายปีแล้ว แค่เพียงคฤหาสน์ก็มอบให้เธอสามหลังแล้ว
เดิมทีก็ไม่มีอะไร เพราะเถ้าแก่เหวินเป็นคนใจกว้างชอบใช้เงินเอาใจผู้หญิงอยู่แล้ว เขาชอบให้คฤหาสน์ มากมายจนเรื่องเป็นธรรมดา แต่ประโยคนั้นของเยี่ยเทียน กลับพูดตรงกับความจริงเรื่องหนึ่ง
ตอนนี้แม่ของดาราหญิงที่เหวินหลนสงเลี้ยงดูอยู่ เป็นคนที่ชอบเล่นการพนันเป็นชีวิตจิตใจ แต่เธอมักจะไม่มีโชค ในการเล่นพนันเลย หลายปีที่ผ่านมาเธอแพ้การพนันไปเกือบร้อยล้านดอลลาร์ฮ่องกงแล้ว และการขาดทุนนี้ ความจริงแล้วคือเหวินหลนสงที่แอบเอาเงินชดเชยให้เธอ
เหวินหลนสงทำเรื่องนี้ด้วยความลับสุดยอด นอกจากคนที่อยู่ในเหตุการณ์แล้ว ก็ไม่มีคนนอกที่รู้เรื่องนี้ แต่ตอนนี้ถูกเยี่ยเทียนพูดชี้ชัดออกมา จึงทำให้เขาอดเชื่อคำพูดของเยี่ยเทียนอย่างช่วยไม่ได้
เหวินหลนสงไม่คิดว่าต้นเหตุที่เรื่องมากมายไม่ราบรื่นตลอดสองปีที่ผ่านมาจะเป็นเหตุมาจากผู้หญิงคนนั้น? เวลานี้หัวใจของเขาจึงวุ่นวายแล้ว จึงรีบถามไม่หยุด “อย่างนั้น…อย่างนั้นผมควรทำยังไงดีครับ?”
“พี่เหวิน พี่ยังคิดที่จะแต่งงานกับเธอด้วยใช่ไหมครับ?”
เยี่ยเทียนมองดูหนุ่มเจ้าสำราญด้วยความรู้สึกขำอยู่บ้าง พลางพูด “ถ้าไม่ตัดตอนนี้ ก็จะนำมาหายนะมาให้ ภายหลังในเมื่อเธอไม่เหมาะสมกับพี่ เช่นนั้นก็ควรตัดเสียแต่ตอนนี้ แต่พี่เหวินอย่าบอกผมนะครับ ว่าถ้าพี่เลิกกับเธอ แล้วพี่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้ อย่างนั้นก็คงจะเป็นเรื่องน่าตลกมากที่สุดในฮ่องกงเลยล่ะครับ!”
“ไม่หรอก ไม่หรอกครับ…”
เหวินหลนสงหัวเราะแห้งขึ้นมากับคำพูดของเยี่ยเทียน ความจริงหลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้ของเยี่ยเทียนแล้ว ในใจของเขาก็เกิดความคิดที่จะตัดขาดกับผู้หญิงคนนั้นเหมือนกัน เพราะแม่ของผู้หญิงคนนั้นเป็นเหมือนหลุมดำ และสองสามปีที่ผ่านมาเหวินหลนสงก็ได้ลงทุนไปที่ตัวของเธอเกือบหลายร้อยล้านดอลลาร์ฮ่องกงแล้ว
“ส่วนเรื่องโชคลาภของคุณ….” เยี่ยเทียนมองหลิวติงติงและคนอื่นๆ หนึ่งทีแล้วจึงพูด “ติงติง เธอไปนั่งข้างนอกกับเพื่อนของเธอก่อนนะ”
ฉายา “นักซุ่มยิงดาราหญิง” ของเหวินหลนสงกับชื่อเล่น “นักแม่นปืนของตลาดหุ้น” ได้โด่งดังไปพร้อมกัน เยี่ยเทียนไม่กลัวที่จะเปิดเผยประวัติความรักของเขา แต่เรื่องโชคลาภที่เกี่ยวข้องกับเขาที่จะพูดในลำดับต่อไปนี้ ไม่เหมาะที่จะให้คนอื่นได้ยิน
“ค่ะ คุณอา!” หลิวติงติงก็ไม่ใช่คนที่ไม่รู้จักกาลเทศะ ดังนั้นเธอจึงขานรับทันที จากนั้นจึงเรียกเพื่อนสนิทออกไปจากห้องส่วนตัว
“เยี่ยเทียน โชคชะตาของผมหลังจากนี้ไปอีกสองสามปีจะเป็นยังไงบ้างครับ?” เมื่อเห็นเยี่ยเทียนรีบไล่ หลิวติงติงกับคนอื่นๆ ออกไปด้วยความเคร่งขรึมเช่นนี้ ทำให้ในใจของเหวินหลนสงรู้สึกใจคอไม่ดี
เยี่ยเทียนมองเหวินหลนสงหนึ่งที แล้วจึงพูดเบาๆ “หลังจากนี้ไปอีกสามสิบปีคุณจะราบรื่นทุกอย่าง แต่ตอนที่คุณอายุหกสิบปี จะต้องเจอภัยเรื่องการติดคุก!”
“อะไรนะ?!” เดิมทีเหวินหลนสงอยากจะเทน้ำชาให้เยี่ยเทียน แต่กลับต้องตกตะลึงทันที แล้วพูดอย่างรีบร้อน “เยี่ยเทียน เป็น…เป็นเรื่องจริงเหรอ?”
คนที่ทำให้ครอบครัวเกิดร่ำรวยขึ้น มีใครบ้างที่เป็นคนสะอาดบริสุทธิ์โดยเฉพาะเหวินหลนสง ที่สามารถรวบรวมความมั่งคั่งมากมายได้เพียงระยะเวลาสิบกว่าปี จึงต้องมีเรื่องสกปรกมากมายอยู่ในนั้นด้วย ถ้าหากถูกคนหยิบยกออกมาจริงๆ ก็มากพอที่จะทำให้เขาเข้าไปอยู่ในคุกในสแตนลีย์ได้สองสามปี
เยี่ยเทียนพยักหน้าพลางพูด “คุณร่ำรวยมีวาสนา แต่มันจะลดลงเรื่อยๆ ภายหลังทำการสิ่งใดก็ไม่ค่อยราบรื่น และนิสัยที่วู่วามเกินไปของคุณ พอแก่ตัวไปไม่รู้จักซ่อนเร้นความสามารถ จึงเป็นต้นเหตุของภัยพิบัติได้เช่นกัน”
“พอ…พอจะมีวิธีแก้ไหมครับ?”
เหวินหลนสงก็รู้นิสัยของตัวเองดี ถึงแม้เขาจะมีความกระตือรือร้นในเรื่องสาธารณประโยชน์และชอบช่วยเหลือผู้อื่น จึงมีเพื่อนในวงการเยอะมาก แต่ก็ชอบทำตัวเป็นจุดเด่นในขณะเดียวกันเวลาทำอะไร จึงไม่รู้จักบันยะบันยัง และเคยผิดใจกับคนอื่นไม่น้อย
“แก้ไข? ก็ไม่ยากอะไรครับ…”
เยี่ยเทียนมองสีหน้าที่ร้อนใจของเหวินหลนสง แล้วจึงหยิบแก้วเทน้ำชาที่อยู่บนโต๊ะ จากนั้นจึงเอานิ้วจุ่มลงไป แล้วเขียนตัวหนังสือออกมาหนึ่งคำ
“หมิ่น ?!” หลังจากเหวินหลนสงดูตัวหนังสือแล้ว เขาจึงถามแบบงงๆ “ปร…ปรมาจารย์เยี่ย ตัว…ตัวหนังสือนี้ เกี่ยวอะไรกับผมครับ?”
“คุณรู้ไหมว่าคำนี้อ่านยังไง?” เยี่ยเทียนถาม
เหวินหลนสงพูดงงๆ อย่างบอกไม่ถูก “รู้ครับ อ่านว่า หมิ่น ทำไมเหรอครับ?”
เยี่ยเทียนหัวเราะ แล้วจึงถามต่อ “แล้วคุณรู้ถึงความหมายของคำนี้ไหมครับ?”
“อันนี้…ไม่รู้จริงๆ ครับ” เหวินหลนสงได้ยินแล้วจึงส่ายหน้า เพราะตัวอักษรจีนมีความกว้างขวางและลึกซึ้งมาก ทุกตัวมีความหมายได้หลายอย่าง ถึงแม้เหวินหลนสงจะอ่านและเขียนได้ แต่ก็ไม่รู้ความหมายของมันจริงๆ
“หมิ่น คำนี้ แสดงถึงฌาปนกิจ เหมือนกับคำว่าหมิ่น และยังอธิบายถึงความสงสารเวทนาได้ ดังนั้นคำนี้จึงบ่งบอกถึงลางที่ไม่ดี!”
เยี่ยเทียนก็ไม่ได้ทำให้เหวินหลนสงลำบากใจ และจึงอธิบายให้เขาฟังว่า “คุณแซ่เหวิน เหวินบวกกับเหมิน กลายเป็นหมิ่น คุณเป็นคนดวงดีมาก สามารถหลีกเลี่ยงโชคชะตาเหล่านี้ได้ แต่เมื่อแก่ตัวไปโชคลาภก็เสื่อมทรุดลง ถ้าหากฝ่าฝืนข้อห้ามเหล่านี้ ก็จะทำให้คุณเจอแต่ปัญหารุมเร้า!”
“ปร…ปรมาจารย์เยี่ย ท่านสามารถพูดให้เข้าใจกว่านี้ได้ไหมครับ? ผมต้องเข้าออกประตูทุกวัน คงไม่ต้องถึงกับรื้อถอนประตูใช่ไหมครับ?”
เวลานี้เหวินหลนสงเชื่อในคำพูดของเยี่ยนเทียนอย่างไม่มีข้อกังขา แต่เขาคิดไม่ออกจริงๆ ว่าจะหลบคำว่าประตูนี้ได้อย่างไร เพราะมันเกี่ยวข้องกับการพักผ่อนของชีวิตของเขา
เยี่ยเทียนส่ายหน้า แล้วพูด “การเข้าออกประตูในบ้านเป็นเรื่องปกติ แต่เราสามารถเชิญเทพประจำประตูได้ ประตูที่ผมพูด ไม่ใช่ประตูนี้ครับ”
“นั่น…นั่นคือประตูอะไรครับ?”
เหวินหลนสงได้ยินแล้วจึงเกาหัวแกรกๆ เพราะอาจารย์ที่ดูดวงพวกนี้ชอบพูดจาปิดบังอำพราง ทำให้คนคิดเท่าไรก็ไม่เข้าใจ
……
ตอนที่ 340 แก้ดวง (2)
โดย
Ink Stone_Fantasy
“พี่เหวิน ลิขิตสวรรค์ไม่อาจแพร่งพราย หากแพร่งพรายย่อมต้องรับโทษจากสวรรค์ ผมพูดเพียงพอแล้ว พี่ไตร่ตรองให้ละเอียดอีกหน่อยเถอะ…” เยี่ยเทียนส่ายหน้า แต่กลับไม่ตอบไปตรงๆ
คนทั่วไปล้วนคิดว่าที่หมอดูทำนายดวงชะตาบอกว่าลิขิตสวรรค์ไม่อาจแพร่งพราย เป็นเพียงคำหลอกลวงลูกค้า ความจริงไม่ใช่เช่นนั้น พูดมากไปหรือน้อยไปหนึ่งประโยค ล้วนส่งผลกระทบต่อหมอดูได้ทั้งสิ้น
ชะตาคนหนึ่งชีวิต ล้วนมีร่องรอยให้ติดตาม มีตาข่ายขนาดใหญ่ไร้รูปร่างคอยควบคุมการเกิดแก่เจ็บตาย สิ่งที่หมอดูกระทำ ก็คือท่องไปยังขอบเขตของตาข่ายยักษ์นี้ กระทำการตรงเส้นขอบ แต่ทว่าน้อยคนนักจะกล้าล้ำขอบเขต
ที่เยี่ยเทียนฝืนลิขิตพลิกชะตาให้หลี่ซั่นหยวนในอดีต คือการล้ำขอบเขตตาข่ายที่ว่า ผลที่ตามมาไม่จำเป็นต้องกล่าวซ้ำ อายุขัยลดลงไปสิบปีในทันใด
ถึงแม้การรับผลย้อนกลับจากการฝืนลิขิตพลิกชะตาและเผยลิขิตสวรรค์จะแตกต่างราวฟ้ากับดิน แต่ความสัมพันธ์ ระหว่างนักพรตเต๋าและลูกศิษย์นั้นล้ำลึก เยี่ยเทียนจึงยอมรับผลที่ตามมา
แต่ว่าเยี่ยเทียนกับเหวินหลวนสงไม่ใช่ญาติหรือเพื่อนสนิท กลับไม่จำเป็นต้องสละพลังชีวิต บั่นทอนอายุขัยของตนเอง ความสูญเสียนี้ถึงแม้จะเพียงน้อยนิด แต่เมื่อสะสมมากแล้วเยี่ยเทียนเองก็ยากจะทนรับไหว
ที่เยี่ยเทียนไม่ยอมบอกให้ชัดเจน ทำให้เหวินหลวนสงรู้สึกแย่จริงจัง กล่าวขึ้นด้วยสีหน้าขมขื่น “นี่…นี่มันหมายความว่าอะไรกัน?”
เห็นเหวินหลวนสงเป็นอย่างนั้น จั่วเจียจวิ้นจึงยิ้ม กล่าวอย่างอ้อมๆ “อาสง อย่าซื่อบื้อนักเลย ลองหนีไปจากฮ่องกงดูสิ!”
เมื่อครู่เยี่ยเทียนไม่เพียงใช้วิชาทำนายเหรียญทองแดง ภายในยังมีความรู้เรื่องการอธิบายความหมาย จั่วเจียจวิ้นรู้ซึ้งถึงหลักเสี่ยงทายทายทัก เมื่อปราดตาก็มองออกถึงความหมายที่เยี่ยเทียนต้องการจะสื่อ
“หนีออกไปจากฮ่องกงดู?”
ความคิดของเหวินหลวนสง พลันกระจ่างขึ้นมา ร้องขึ้นว่า “ท่าน……ท่านปรมาจารย์เยี่ยเทียน หรือ……หรือท่านจะบอกว่าหลังจากนี้ ผมไม่สามารถไปอ้าวเหมิน?”
เยี่ยเทียนพยักหน้า เหวินหลวนสงคาดเดาได้เอง จึงไม่นับว่าเป็นการเผยลิขิตสวรรค์อีกแล้ว กล่าวขึ้นทันที “ธาตุทั้งห้าของคุณขาดดิน เดิมทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไม่เหมาะสม แต่ว่าธาตุเหล็กของคุณพุ่งสูง เชื่อว่าด้วยการเปิดทางของธาตุเหล็ก จะดึงดูดปัญหาในอนาคตเข้ามาไม่รู้จบ สถานที่นั้น เกี่ยวข้องให้น้อยที่สุดเถอะ”
“ท่าน…ท่านปรมาจารย์เยี่ยเทียน ท่าน…ท่านรู้ได้อย่างไรว่าผมทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์?”
คำพูดของเยี่ยเทียนทำให้สีหน้าของเหวินหลวนสงขาดสีเลือด กระทั่งเมื่อครู่ตอนพูดถึงดาราสาวคนนั้น สีหน้าของเขายังไม่ซีดเผือดเท่านี้
ที่สำคัญ ตั้งแต่การเริ่มต้นของวิกฤตทางเศรษฐกิจในยุโรปเมื่อปี 97 เหวินหลวนสงก็มีความคิดถอนตัวออกจาก ตลาดหุ้นอย่างช้าๆ แต่ว่าคนอย่างเขา ไม่มีทางยอมอยู่อย่างสมถะ หากจะออกจากตลาดหุ้น เขาต้องหาเวทีที่ สามารถทำให้มูลค่าของเขาเป็นรูปเป็นร่างได้
หลังจากคิดทบทวนอยู่หลายตลบ สายตาของเหวินหลวนสงก็พุ่งมาทางตลาดอสังหาริมทรัพย์ ฉวยโอกาสความหวาดกลัวในใจจากการกลับไปของชาวฮ่องกงในปี 97 เหวินหลวนสงจึงปล่อยขาย และดึงดูดอสังหาริมทรัพย์ราคาต่ำติดต่อกันจำนวนไม่น้อย
แต่ว่าอสังหาริมทรัพย์ในฮ่องกงได้ถูกพลังมหาเศรษฐีผู้มีอิทธิพลหลายคนแบ่งส่วนกันไปแล้ว บวกกับที่ดินขาดแคลนในฮ่องกง จะคิดขยับขยายให้ใหญ่ขึ้นยังค่อนข้างลำบาก ดังนั้นความคิดของเหวินหลวนสง จึงจรดลงยังอ้าวเหมิน
อ้าวเหมินกับฮ่องกงแยกจากกันด้วยสายน้ำ ระยะห่างจากกันเพียงหกสิบกิโลเมตร ที่สำคัญการเติบโต ของอ้าวเหมินคือธุรกิจการพนันและการโรงแรม แต่นั่นกลับไม่น่าสนใจนัก
ประเด็นอีกอย่างก็คือ ความหนาแน่นของประชากรอ้าวเหมินไม่เทียบเท่าฮ่องกง จึงคว้าที่ดินได้ง่ายกว่าฮ่องกงมาก ดังนั้นความคิดภายในใจของเหวินหลวนสงจึงก้าวเข้าไปยังอ้าวเหมินแล้ว
แต่ในปัจจุบัน นี่เป็นเพียงความคิดภายในใจของเหวินหลวนสง เขาเองก็ยังไม่เคยปรึกษากับใคร กระทั่งเพื่อนเก่าคบหากันหลายปีหรือลูกน้องที่เชื่อใจก็ยังไม่มีใครรู้
ตอนนี้ความคิดนี้กลับถูกเยี่ยเทียนเปิดเผยในคำพูดเดียว เหวินหลวนสงรู้สึกราวกับตนเองยืนเปลือยกาย ต่อหน้าเยี่ยเทียน ยิ่งเหนือไปกว่าความอับอายนั้นคือความหวาดหวั่น
“พี่เหวิน ทุกอย่างล้วนเป็นแผนภาพกว้าแสดงออกมาเท่านั้น พี่อย่าได้คิดมาก…” เห็นอารมณ์ของเหวินหลวนสง เยี่ยเทียนก็พอจะเดาความคิดของเขาออก ไม่มีใครหรอกที่เวลาความคิดภายในใจของตน ถูกเปิดเผยออกมา แล้วจะสามารถทำใจให้สงบ
“กระผมจะจดจำด้วยความเคารพ ขอบคุณปรมาจารย์เยี่ย!”
หลังจากได้ยินคำพูดนี้ของเยี่ยเทียน เหวินหลวนสงก็ยืนขึ้นโค้งคำนับเยี่ยเทียนด้วยความเคารพ ถึงแม้เรื่องที่เขาเข้าคุกจะยังไม่เกิดขึ้น แต่คำพูดของเยี่ยเทียนกลับทำให้ตัวเขาสามารถหลีกเลี่ยงได้ล่วงหน้า
เหวินหลวนสงไม่รู้ว่า ถ้าหากไม่มีการทำนายครั้งนี้ของเยี่ยเทียน หนึ่งปีให้หลังเขาอาจก้าวเข้าไปยังธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์ที่อ้าวเหมิน และเพื่อคว้าที่ดินผืนหนึ่ง เขาอาจจะใช้เงินทองเบิกทาง กดดันผู้มีอำนาจที่แท้จริ งผู้หนึ่งในอ้าวเหมิน
หลังจากนั้นสิบปีต่อมาธุรกิจของเขาจะดำเนินไปอย่างราบรื่น แต่ว่าเมื่อถึงอายุหกสิบปี บัญชีเก่าพวกนี้ล้วนจะถูก พลิกออกมา แล้วเหวินหลวนสงจะยากหนีพ้นหายนะจากการถูกจองจำ
ด้วยการชี้แนะของเยี่ยเทียน เส้นทางชะตาชีวิตของเหวินหลวนสงเองก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลง ภายหลังมหาเศรษฐีชาวจีนผู้นี้จะยังคงใช้ชีวิตอย่างมั่งคั่งรุ่งเรืองต่อไป บั้นปลายจะสามารถถอนตัวออกมา แน่นอนว่า เรื่องเหล่านั้นเป็นเรื่องภายหลัง
“เอาเถอะ พี่เหวิน อย่าเรียกว่าปรมาจารย์เยี่ยเลย เรียกผมว่าเยี่ยเทียนเถอะ ว่าไปแล้วผมยังติดค้างพี่อยู่……”
เห็นบรรยากาศภายในห้องรับรองค่อนข้างหนักอึ้ง เยี่ยเทียนจึงนำชิ้นหยกนั้นออกมา ยิ้มกล่าว “วันนี้ทำนายให้พี่แล้ว ภายหลังเจียระไนหยกชิ้นนี้ออกมาจะไม่แบ่งกับพี่ล่ะ!”
ความผันผวนในตลาดหุ้นใหญ่หลวง อีกทั้งการทำนายดวงชะตาให้คนในตลาดหุ้น ก็สูญเสียพลังกาย มากกว่าคนทั่วไป เมื่อครู่เยี่ยเทียนเองก็ใช้สมองสืบทอดสับเปลี่ยนพลังชีวิตไปไม่น้อย จึงสามารถพูดเช่นนี้ออกมาได้
“ที่ไหนกันล่ะ วันนี้น้องเยี่ยชี้แนะให้พี่ตั้งหลายครั้ง เป็นพี่สมองช้าไม่เข้าใจเองต่างหาก!”
เหวินหลวนสงได้ยินแล้วก็หัวเราะแห้งออกมา เยี่ยเทียนพูดอย่างชัดเจนแล้วว่าเขาจะต้องสูญเสียเงินทุน แต่ตนไม่เชื่อในคำทำนายเอง นำหยกชั้นดีชิ้นนี้ถวายให้ ก็เหมาะสมแก่เยี่ยเทียนแล้ว
“หึ ๆ พี่เหวินอยู่กลางหมากโดยไม่รู้ตัวเท่านั้น เอาเถอะ ผมไม่พูดแล้วล่ะ”
เยี่ยเทียนยิ้มออกมา นำหยกชิ้นนั้นยื่นส่งให้กับจั่วเจียจวิ้น กล่าวว่า “ศิษย์พี่ ก่อนหน้านี้ผมศึกษาทักษะการเจียระไน จากอาจารย์มาบ้าง แต่ไม่สามารถทำกำไลได้ ผมอยากให้พี่ช่วยนำวัตถุดิบชิ้นนี้แกะเป็นกำไลสองวง ส่วนที่เหลือเจียระไน เป็นสิ่งของชิ้นเล็ก ๆ สักหน่อย พี่เห็นว่าเป็นยังไง?”
เยี่ยเทียนใช่ว่าจะไม่สามารถแกะหยกชิ้นนี้มาเป็นกำไลได้จริง ๆ เพียงแต่เขาไม่มีอุปกรณ์อยู่กับมือเท่านั้น และยังไม่สามารถขัดกำไลด้วย หากให้เขาทำ เกรงว่าจะทำหยกชิ้นนี้เสียของไปอย่างน้อยหนึ่งในสาม
“ตกลง เรื่องนี้ยกให้ศิษย์พี่จัดการเถอะ จะต้องนำวัตถุดิบชิ้นนี้ไปใช้ประโยชน์ได้มากที่สุดอย่างแน่นอน”
จั่วเจียจวิ้นตกปากรับคำเป็นมั่นเหมาะแล้ว ด้วยความสัมพันธ์ของเขากับเยี่ยเทียน ถึงเวลานั้นนำกำไลหยกจักรพรรดิ ที่เจียระไนเสร็จแล้ววางไว้ในร้านสักสองสามวัน จะต้องทำให้ร้านเครื่องประดับของเขามีชื่อเสียงโด่งดังแน่
“งั้นต้องขอบคุณศิษย์พี่แล้ว” เยี่ยเทียนพยักหน้า
“เอาล่ะ พวกนายนั่งกันไปก่อน ฉันจะเรียกติงติงเข้ามากินข้าวล่ะ!” หยิบหยกยืนขึ้นมาแล้ว ปรมาจารย์จั่ว ยังจะมีความคิดอะไรแสดงให้เพื่อนร่วมวงการดูอีกหรือ?
หลังจั่วเจียจวิ้นออกไปแล้ว เหวินหลวนสงพลันนึกเรื่องหนึ่งขึ้นมา กล่าวว่า “จริงสิ เยี่ยเทียน พรุ่งนี้มีงานเลี้ยงที่บ้านฉัน อยากเชิญนายไปร่วมหน่อย ไม่รู้ว่านายพอมีเวลาบ้างไหม?”
เมื่อครู่ได้ยินจั่วเจียจวิ้นบอกว่าความสามารถของเยี่ยเทียนเก่งกาจกว่าเขา เหวินหลวนสงยังนึกว่าจั่วเจียจวิ้นถ่อมตน แต่หลังจากการทำนายทายทักเรื่องเมื่อครู่ ในใจเถ้าแก่เหวินเทิดทูนเยี่ยเทียนเสมือนเทพไปแล้ว
จั่วเจียจวิ้นในฐานะนักพรตเต๋า ต่างรักษาสัมพันธ์อันดีต่อใคร ๆ ทว่าก็ยากจะเข้าใกล้ เหวินหลวนสงจึงขบคิดว่าจะตีสนิทกับเยี่ยเทียนสักหน่อย ภายหลังเมื่อเจอปัญหาจะได้ขอร้องอีกฝ่ายสะดวกขึ้น
“งานเลี้ยง?”
เยี่ยเทียนได้ยินแล้วตกใจเล็กน้อย ยิ้มแห้งตอบ “พี่เหวิน ขอผ่านก่อนเถอะครับ ผมไม่ค่อยสนใจเรื่องพวกนี้สักเท่าไหร่ อีกอย่าง ผมอยู่ฮ่องกงยังไม่รู้จักใครเท่าไหร่ ไปก็คงไม่สนุก”
เยี่ยเทียนหวนคิดดูเล็กน้อย เหมือนว่าครั้งนั้นตนเองไปร่วมงานเลี้ยงอะไรสักอย่างแล้วมักก่อให้เกิดปัญหา ดังนั้นหลังจากไปงานประมูลเพื่อการกุศลของสถานีโทรทัศน์กลางครั้งนั้นแล้ว เยี่ยเทียนก็น้อยนักที่จะปรากฏตัว ในโอกาสที่มีผู้คนสาธารณะมากมายอย่างนั้น
“ไม่เอาน่า เยี่ยเทียน งานเลี้ยงนี้น่าสนใจมากนะ มีแต่คนหนุ่มสาวล้วน ๆ”
พูดถึงตรงนี้ เหวินหลวนสงก็พลันสบสายตากับเยี่ยเทียน ยิ้มกล่าว “งานเลี้ยงครั้งนี้มีดาราฮ่องกงไต้หวันมามากมาย ฉันเองยังเชิญดาราแผ่นดินใหญ่มาหลายคน แล้วยังเป็นแถวหน้ากันทั้งนั้นด้วย นายไม่คิดทำความรู้จักสักหน่อยเหรอ?”
เหวินหลวนสงคิดดูแล้ว เยี่ยเทียนแม้จะมีความสามารถแค่ไหน อย่างไรก็ยังเป็นคนหนุ่มสาว ต้องมีความชื่นชอบ ดาราไม่มากก็น้อย พรุ่งนี้ขอเพียงเขาถูกใจดาราสาวคนไหนสักคน แล้วตกกลางคืนตนเองจะให้ดารา คนนั้นไปถึงในห้อง ของเยี่ยเทียน
“อันนี้……”
ได้ยินเหวินหลวนสงพูดอย่างนี้ เยี่ยเทียนยังรู้สึกใจเต้นขึ้นมาจริงๆ ในฐานะคนยุคนี้ที่เติบโตมากับการดูหนัง ฮ่องกงแต่เล็ก เยี่ยเทียนรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อนักแสดงชาวจีนผู้โด่งดังเหล่านั้นเป็นอย่างมาก แต่ว่าเขากลับไม่ได้คิดสกปรก อย่างที่เหวินหลวนสงคิด
แต่เมื่อนึกถึงเคราะห์ร้ายเมื่อตนเองเข้าร่วมงานเลี้ยงนั้น เยี่ยเทียนก็ยังคงส่ายหน้ากล่าว “ไม่ไปล่ะครับ พรุ่งนี้อาจจะต้องพบกับคุณนายกง”
เยี่ยเทียนเคยรับปากว่าจะช่วยเธอตามหาโครงกระดูกของสามี ตอนนี้ธุระของตนเองจัดการเรียบร้อยแล้ว ช่วยหญิงสาวผู้เคราะห์ร้ายคนนั้นสะสางเรื่องนี้เร็วหน่อย จะได้ถือเป็นการทำบุญทำกุศล
“คุณนายกง? กงเสี่ยวเสี่ยว?” เหวินหลวนสงตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็เข้าใจขึ้นมา เรื่องการหายตัวไปของ สามีกงเสี่ยวเสี่ยวนั้นสามารถพูดได้ว่าคนเดินถนนต่างล่วงรู้กันหมด
เหวินหลวนสงยังคงไม่ยอมตัดใจ ชักชวนต่อ “เยี่ยเทียน อย่างไรเสียนายยังต้องหยุดอยู่ที่ฮ่องกงอีกหลายวัน พรุ่งนี้ไม่ไปร่วมงานเลี้ยงจะน่าเสียดายจริงๆ นะ คนหนุ่มสาวรู้จักคบหาเพื่อนมากหน่อยอย่างไรก็เป็นเรื่องดี”
งานเลี้ยงของวันพรุ่งนี้นั้นความจริงเป็นเหวินหลวนสงเป็นสปอนเซอร์จัดขึ้น ในนามเพื่อเฉลิมฉลองงานวันเกิด ให้แก่หญิงสาวคนสนิท ถึงเวลานั้นนอกจากจะมีญาติมิตรบางส่วนมาแล้ว นักแสดงภาพยนตร์ฮ่องกงมากมายก็จะมาที่งานด้วย ภายในงานนั้นยังรวมไปถึงกระทั่งเจ้าของบริษัทภาพยนตร์ฮ่องกงอีกหลายแห่ง
“อาเหวิน คบหาเพื่อนคนไหนเหรอคะ?” ขณะที่เหวินหลวนสงกำลังโน้มน้าวเยี่ยเทียน ประตูห้องรับรองก็ถูกหลิวติงติง ผลักเปิดออก ได้ยินคำพูดประโยคสุดท้ายพอดี
เห็นหลิวติงติงเข้ามา เหวินหลวนสงก็ตกอกตกใจ กล่าวว่า “ติงติง พรุ่งนี้ภายในบ้านอาเหวินจะจัดงานเลี้ยง เชิญเพื่อนในวงการบันเทิงมาบางส่วน เธออยากมาเที่ยวหรือเปล่าล่ะ?”
……….
ตอนที่ 341 คำเชิญ
โดย
Ink Stone_Fantasy
“คนในวงการบันเทิง? ไม่สนใจหรอก!”
หลิวติงติงปฏิเสธในคำเดียว ถึงแม้เธอจะไม่นับว่าเกิดในตระกูลเศรษฐี แต่ว่าติดตามคุณตาเข้าออก คฤหาสน์มหาเศรษฐีมาตั้งแต่เด็ก รู้เรื่องสกปรกของดาราสาวกับพวกนักธุรกิจร่ำรวยไม่น้อย จึงไม่สนใจ อะไรเกี่ยวกับวงการบันเทิง
โดยเฉพาะปาร์ตี้งานเลี้ยงกลางคืนที่ผับเพลย์บอยฮ่องกงเหวินหลวนสงคนนี้จัดขึ้น หลิวติงติงยิ่งไม่สนใจสักนิด คนคนนี้นอกจากหาเงินแล้ว งานอดิเรกหลักๆ ก็คือตามจีบหญิงสาวที่เป็นราวกับไม้ประดับในแจกันพวกนั้น
ได้ยินคำพูดของหลิวติงติงแล้ว เหวินหลวนสงก็เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่ช้าไม่เร็ว “ไม่สนใจจริงหรือ? จางเสวี่ยโหย่วอาจจะไปก็ได้นะ ไม่แน่อาจร้องสักเพลงด้วย?”
หลายปีก่อนหลิวติงติงเคยมาขอแผ่นเสียงพร้อมลายเซ็นฉบับนักสะสมของจางเสวี่ยโหย่วกับเหวินหลวนสง เขารู้ว่าเด็กสาวคนนี้ชอบนักร้องคนนั้นมาก จึงพูดออกไปอย่างนี้
ตามคาด พอได้ยินชื่อจางเสวี่ยโหย่ว สีหน้าของหลิวติงติงก็เปลี่ยนไปทันที “จางเสวี่ยโหย่วไปด้วยเหรอคะ? อาเหวิน อาอย่าโกหกหนูนะ?”
ความแตกต่างของลูกสาวเศรษฐีกับชาวบ้านธรรมดานั้นคือ ทัศนะของพวกหล่อนกว้างไกล ประสบการณ์มากกว่า แต่ลูกสาวเศรษฐีก็ชื่นชอบดาราเช่นเดียวกัน อีกทั้งเรื่องที่ลูกสาวเศรษฐีแต่งงานกับดาราชาย ในวงการบันเทิง นับว่าไม่ใช่เรื่องหายาก
เช่นพ่อของเฉินฮุ่ยเหลียน ภรรยาของโจวเหวินฟะ เป็นเศรษฐีชาวสิงคโปร์ มีทรัพย์สินมูลค่าพันล้าน นอกไปจากนั้นยังมีหญิงสาวตระกูลเศรษฐีบางคนล้วนยอมลดตัวมาแต่งงานกับดาราชาย
หลิวติงติงชื่นชอบเพลงของจางเสวี่ยโหย่วมาตั้งแต่เล็ก และเป็นคนเดียวในวงการบันเทิงที่เธอสนใจ แต่ว่าเธอไม่ใช่สาวสวยชื่อดังพวกนั้นที่เข้าออกวงการบันเทิงเป็นประจำ จึงไม่มีโอกาสได้รู้จักจางเสวี่ยโหย่ว
“อาเหวินหรือจะกล้าโกหกเธอ? ว่ายังไง ติงติง จะมาร่วมด้วยหรือไม่มา?” เหวินหลวนสงยิ้มกล่าว อย่าว่าแต่เขาเชิญจางเสวี่ยโหย่วมาจริง ๆ เลย ต่อให้เรียกเขามาทักทาย จางเสวี่ยโหย่วก็ต้องเห็นแก่หน้าเขา
“ค่ะ หนูจะไป!” ครั้งนี้หลิวติงติงตกปากรับคำ หันหน้าไปมองเยี่ยเทียน เอ่ยปากขอร้อง “ท่านอา ท่าน…ท่านไปเป็นเพื่อนหนูหน่อยนะ…”
หลิวติงติงเป็นเด็กสาวที่ฉลาดบริสุทธิ์ รู้ว่าหลักๆ แล้วเหวินหลวนสงอยากจะเชิญเยี่ยเทียน เธอไม่ได้หน้าใหญ่ขนาดนั้นหรอก
“ก็ได้ พรุ่งนี้ผมจะไป…”
ได้ยินหลิวติงติงขอร้อง เยี่ยเทียนคิดทบทวนแล้วจึงตอบตกลง คนอายุเท่าเขาได้รับอิทธิพลจากภาพยนตร์ฮ่องกง มาอย่างลึกซึ้ง หากได้เห็นไอดอลสมัยเด็กเหล่านั้นสำหรับบเยี่ยเทียนแล้วยังนับว่าน่าดึงดูดใจอย่างยิ่ง
“ฮ่าฮ่า น้องเยี่ย งั้นพวกเราตกลงกันตามนี้ คืนวันพรุ่งนี้ฉันจะให้รถมารับนาย”
เห็นเยี่ยเทียนตอบตกลงรับคำ เหวินหลวนสงก็ดีใจกว่าที่คาดไว้ หลังจากที่เยี่ยเทียนทำนายดวงชะตาให้เขาวันนี้ เขาก็ตัดสินใจทุ่มหมดหน้าตักเพื่อตีสนิทกับ “ปรมาจารย์เยี่ย” คนนี้
เหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน กินข้าวเสร็จทุกคนก็แยกย้ายกันกลับ ด้วยเพราะพาเจ้าเหมาโถวไปถึงบ้านเดี่ยว ของจั่วเจียจวิ้นแล้ว วันนี้เยี่ยเทียนจึงตัดสินใจอยู่ที่นั่น หลังออกจากโรงแรมก็ขึ้นไปบนรถของจั่วเจียจวิ้น
“นายน้อย ผู้เฒ่าถังให้…ให้ผมถามท่านว่า สองสามวันนี้จะมีเวลาว่างเมื่อไหร่ครับ?” ขณะที่รถสตาร์ทติดกำลังจะเคลื่อนที่ออกไป อาติงก็ปรากฏตัวขึ้นด้านหน้ารถ
เยี่ยเทียนคิดอยู่สักครู่แล้วตอบ “พรุ่งนี้ไม่ได้ วันมะรืนแล้วกัน วันมะรืนจะไปบ้านเดี่ยวของเหล่าถัง”
“ครับ ผมจะกลับไปหาผู้เฒ่าถังเดี๋ยวนี้!” เห็นเยี่ยเทียนให้คำตอบที่ชัดเจน สีหน้าของอาติงก็ยิ้มแย้มเปิดทางให้ หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรกลับไปหาถังเหวินหย่วน
จั่วเจียจวิ้นเองก็รู้เรื่องนี้ รอจนขับรถออกจากโรงแรมแล้ว ก็มองมายังเยี่ยเทียน กล่าวว่า “เยี่ยเทียน ฉันเคยทำนายเรื่องสามีของกงเสี่ยวเสี่ยว เขาประสบเหตุไปนานแล้ว ตอนนี้ผ่านไปเจ็ดแปดปี หากจะหาโครงกระดูกให้เจอ คงจะไม่ใช่เรื่องง่าย”
เมื่อห้าปีก่อนจั่วเจียจวิ้นเคยช่วยทำนายให้กงเสี่ยวเสี่ยว ได้ผลสรุปว่าสามีเธอไม่ได้อยู่บนโลกมนุษย์แล้ว แต่ว่าท้องทะเลกว้างใหญ่ เขากลับไม่มีความสามารถตามหาโครงกระดูกเจอ
เยี่ยเทียนพยักหน้ากล่าว “ศิษย์พี่ ผมรู้อยู่แก่ใจว่า หากลงแรงเสียหน่อยจะต้องตามหาเจอแน่”
การสืบทอดข้อมูลภายในสมองเยี่ยเทียนค่อนข้างแปลกประหลาด ขอเพียงรู้ข่าวที่เกี่ยวข้องกับสามีของกงเสี่ยวเสี่ยว ก็สามารถอนุมานได้เอง เพียงแต่ต้องใช้พลังชีวิตของเยี่ยเทียนตามระดับความยากง่ายเท่านั้น
“งั้นก็ดีแล้ว ถ้าหากพลังไม่พอ ก็อย่าฝืนล่ะ” เห็นเยี่ยเทียนมั่นอกมั่นใจอย่างนั้น จั่วเจียจวิ้นก็ไม่พูดอะไรมาก คุยถึงเรื่องที่พบเจอวันนั้นกับเยี่ยเทียนต่อ
เมื่อรถขับเข้ามายังกลางบ้านเดี่ยวของจั่วเจียจวิ้น เยี่ยเทียนเพิ่งจะลงจากรถ เงาแสงสีขาวก็ลอยออกมาจากในบ้าน ตกลงบนยังหัวไหล่ของเยี่ยเทียนราวกับสายฟ้า
“เหมาโถว? เจ้าหนูนี่ฟื้นจนได้รึ!” เห็นหนูน้อยร่าเริงสดใส เยี่ยเทียนก็หัวเราะออกมาเสียงดัง ช่วงเวลาสั้นๆ นี้เพราะเจ้าเหมาโถวหลับสนิท จึงทำให้เยี่ยเทียนคิดหนัก
เหมาโถวเองก็ร่าเริง ใช้กรงเล็บน้อยๆ ตะกุยผมของเยี่ยเทียนไม่หยุด ส่งเสียงร้องดัง “จีๆ” ราวกับกล่าวโทษที่เยี่ยเทียนปล่อยมันทิ้งเอาไว้ในบ้าน
“อืม หัวนี้สงสัยจะเล็กไปนิดแล้วสิ? ขนนี่ก็เริ่มสั้นไปแล้ว”
เยี่ยเทียนยื่นมือไปจับเจ้าเหมาโถว พิจารณาดูอย่างละเอียด พบว่าร่างของเหมาโถวเล็กลงกว่าเมื่อก่อนเท่าหนึ่ง อีกทั้งขนนุ่มฟูทั้งตัวก็สั้นลงไปมาก สะอาดสว่างลื่นมือราวกับผ้าซาติน
“นี่…นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
พอตรวจสอบภายในร่างของเหมาโถวอย่างละเอียด สีหน้าของเยี่ยเทียนก็เผยให้เห็นถึงความตกตะลึงอย่างหนัก เพราะเขาพบว่า ภายในร่างของเจ้าเหมาโถว กลับมีพลังชีวิตที่คล้ายกับเขามากเคลื่อนไหวอยู่
ถึงแม้ว่าในตำราเต๋าจะเขียนไว้ว่าต้นไม้ใบหญ้าสรรพสิ่งทั้งหลายล้วนมีจิตวิญญาณ แต่นั่นก็เป็นเพียงทฤษฎี อย่างหนึ่งเท่านั้น อย่างน้อยเยี่ยเทียนก็ไม่เคยเห็นพลังภายในร่างกายสัตว์มีพลังชี่ดั้งเดิมปรากฏอยู่ แต่เจ้าเหมาโถวตรงหน้ากลับพลิกความรู้ของเขาให้กลับตาลปัตร
“หรือ…หรือว่าเจ้าเหมาโถวคือสัตว์เทพเจ้า?” มองยังเจ้าหนูตรงหน้า เยี่ยเทียนก็จมดิ่งลงในความคิด
สมัยโบราณยุคที่นักปราชญ์ผู้วิเศษหลบซ่อนตัวอยู่ในป่าเขา มักชุบเลี้ยงสัตว์ป่าในเขาจำนวนหนึ่ง เช่นตำนานเรื่องวานรเฝ้าถ้ำนั้นก็ไม่ใช่เรื่องแปลก สัตว์ป่าพวกนั้นเชื่อมต่อกับมนุษย์ได้ จึงถูกเรียกว่าเป็นสัตว์เทพเจ้า
ตำนานกล่าวว่าสัตว์เทพเจ้าสามารถเบิกปัญญา ความฉลาดเฉลียวไม่ด้อยไปกว่าคนทั่วไป ถึงขั้นสามารถสื่อสารกับจิตวิญญาณฟ้าดินบำเพ็ญตบะ แต่ว่าพวกนี้ล้วนเป็นเรื่องเล่าในตำนานเท่านั้น เยี่ยเทียนไม่สามารถยืนยันได้ว่าเจ้าเหมาโถวเป็นอย่างนั้นหรือไม่?
“ว้าย ปลา…ปลาของฉันตายหมดแล้ว!”
ขณะที่เยี่ยเทียนกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ข้างหูพลันได้ยินเสียงแหลมดังมา เป็นหลิวติงติงยืนอยู่ริมสระน้ำในสวน อึ้งมองยังเหตุการณ์ใต้ฝ่าเท้าตัวเอง
ริมสระน้ำบนถนนเส้นเล็กสะอาดเดิมทีปูด้วยหินคอบเบิล เวลานี้กลับเต็มไปด้วยก้างปลา เมื่อถูกอาบด้วยแสงแดดมาตลอดวันแล้ว ก็เกิดกลิ่นเหม็นอย่างร้ายกาจ อีกทั้งปลาที่เคยอยู่ในบ่อ เวลานี้กลับมองไม่เห็นสักตัว
“จีจี……จีจี!”
หลังได้ยินเสียงร้องของหลิวติงติง เจ้าเหมาโถวก็เปล่งเสียงร้องแหลมออกมาจากปาก ใช้สองกรงเล็บเล็กด้านหน้าชี้ลงที่ท้องก่อน จากนั้นใช้กรงเล็บปิดดวงตาเอาไว้ ราวกับเด็กที่กระทำผิด
“พวก…พวกนั้นฉันเลี้ยงมาตั้งแต่เล็กจนโตเลยนะ” เห็นท่าทางของเจ้าเหมาโถว หลิวติงติงโอดครวญอย่างไม่มีน้ำตา แต่ก็ไม่สามารถโทษเจ้าหนูนี่ได้ ใครจะไปรู้ว่ามันจะฟื้นขึ้นวันนี้ล่ะ?
“แค่ก ๆ ติงติง ไว้อาจะส่งปลามาให้จำนวนหนึ่ง อย่าลดตัวลงไปทะเลาะกับเจ้าเหมาโถวเลย” เยี่ยเทียนกระแอมไอสองเสียง คว้าเจ้าเหมาโถวรีบร้อนกลับเข้าห้อง เขาไม่อยากเห็นสีหน้าขุ่นเคืองของหลิวติงติง
…
เช้าตรู่วันต่อมาอาติงรออยู่หน้าประตูอีกครั้ง เยี่ยเทียนเองก็ให้เขาอยู่ข้างกายจนเคยชินแล้ว มีหัวโจกเจ้าถิ่นคนนี้คอยนำทาง ออกไปเที่ยวเล่นที่ไหนก็สะดวกขึ้นมาก
เยี่ยเทียนมาถึงวัดหวังต้าเซียนในเกาลูนโดยมีหลิวติงติงกับอาติงติดสอยห้อยตาม เห็นลูกศิษย์ลูกหาคราคร่ำ เยี่ยเทียนจึงได้รู้ถึงสาเหตุที่จั่วเจียจวิ้นมีสถานะอันสูงส่งในฮ่องกงจนได้
เทียบกับแผ่นดินใหญ่แล้ว การสืบทอดวัฒนธรรมประเพณีจีนของฮ่องกงนั้นสมบูรณ์แบบยิ่งกว่าโดยไม่ต้องสงสัย ปัจจุบันนี้ยังคงมีตัวอักษรจีนแบบเก่าใช้ให้เห็นอยู่ทั่วไป
ในฮ่องกง ตั้งแต่ข้าราชการชั้นสูงลงไปถึงราษฎรทั่วไป ล้วนเชื่อในการเสี่ยงทายทำนายดวงชะตาโดยไร้ข้อกังขา จั่วเจียจวิ้นมีความรู้ความสามารถอย่างแท้จริง พรสวรรค์อันโดดเด่นเป็นที่จับตามองในสังคมฮ่องกงจึงเป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้
ถ้าหากไม่ใช่เพราะครอบครัวทั้งหมดล้วนอยู่ในปักกิ่ง เยี่ยเทียนคงจะมีความคิดออกมาปักหลักอยู่ในฮ่องกงแล้ว พื้นดินที่นี่นับว่าเป็นสถานที่เหมาะสมที่สุดแก่การใช้ชีวิตและขยับขยายของหมอดู
หลังจากเที่ยวเล่นมาหนึ่งวัน ขณะที่พวกเยี่ยเทียนกลับมาถึงบ้านเดี่ยวของจั่วเจียจวิ้นนั้น รถเบนซ์ลีมูซีนคันหนึ่ง ก็มารออยู่หน้าประตู
“คนคนนี้เล่นใหญ่จริงๆ…”
มองยังรถเบนซ์แล้วเยี่ยเทียนก็ส่ายหน้า ถ้าหากเหวินหลวนสงได้ยินเข้า จะต้องโมโหตายแน่ ความอึดอัดในใจ ของตัวเองจึงต้องเก็บกลับเข้าไปในปากเยี่ยเทียน
ที่พักอาศัยของเหวินหลวนสงอยู่ในเขตอ่าวรีพัล ถือว่าไม่ไกลจากบ้านของถังเหวินหย่วน เป็นหนึ่งในเขตที่อยู่อาศัยหรูหราที่สุดของฮ่องกง บ้านเดี่ยวสุดหรูจำนวนมากเรียงรายอยู่บนทางลาดของอ่าวติดทะเล มหาเศรษฐีชาวจีนอย่างหลี่เชาเหรินกับเจ้าพ่อผู้ประกอบการขนส่งอย่างเป่าอวี้กังล้วนอาศัยอยู่ที่นี่
“ฮือนั่นทำอะไรน่ะ?
ขณะที่รถเลี้ยวเข้ายังทางโค้ง ตอนกำลังจะเข้าไปในอ่าวรีพัล แสงไฟจากหน้ารถก็สว่างวาบขึ้นระลอกหนึ่ง เยี่ยเทียนยกมือขึ้นบังใบหน้าไว้โดยอัตโนมัติ
ระหว่างช่องนิ้วมือ เยี่ยเทียนพบว่าข้างหน้ามีคนเจ็ดแปดคนยืนอยู่ มีทั้งชายแหละหญิง ทุกคนล้วนถือกล้องถ่ายรูปไว้ในมือ เพียงรถผ่านเข้ามาก็พร้อมจะรัวกดปุ่ม
“คุณเยี่ย คนพวกนั้นล้วนเป็นปาปารัซซีฮ่องกงครับ” คนขับรถที่ขับอยู่กลับเห็นสิ่งพวกนี้จนไม่แปลกตาอีกต่อไป เพราะขับรถให้เหวินหลวนสง ระดับการเปิดโปงข่าวยังสูงกว่าดาราตัวเล็กๆ ที่ชื่อเสียงยังไม่ดังเท่าไหร่
เยี่ยเทียนส่ายหน้าอย่างบอกไม่ถูกเล็กน้อย เรื่องส่วนตัวในทุกวันล้วนต้องเปิดเผยต่อหน้าสาธารณะชน ถ้าหากเป็นเขา คงอยู่ชีวิตแบบนี้ไม่ได้แม้เพียงวันเดียว
ห้านาทีต่อมา รถเบนซ์ลีมูซีนก็ขับเข้ามายังกลางบ้านเดี่ยว เมื่อครู่คนขับรถเพิ่งจะใช้โทรศัพท์ภายในรถ ติดต่อกับเหวินหลวนสง ตอนนี้เขาก็มายืนรอเยี่ยเทียนอยู่หน้าประตูแล้ว
นอกจากเหวินหลวนสง ภายในบ้านเดี่ยวยังมีผู้คนอีกไม่น้อย ต่างนั่งและยืนพูดคุยกันอยู่ตรงนั้น
“น้องเยี่ย คุณหลิว อาติง ยินดีต้อนรับครับ เชิญๆ นั่งด้านใน ผมจะแนะนำคุณให้เพื่อนๆ หลายคนได้รู้จัก!”
ได้เห็นพวกเยี่ยเทียนจากภายในรถ เหวินหลวนสงก็รีบร้อนเข้ามาต้อนรับ ท่าทีนี้ของเขาทำให้ผู้คนมากมาย อดลอบมองดูไม่ได้ ราวกับวันนี้เป็นครั้งแรกที่เหวินหลวนสงยืนรอรับคนหน้าประตูอย่างนั้นแหละ?
“พี่เหวิน ขอบคุณครับ” เยี่ยเทียนยิ้มพลางจับมือกับเหวินหลวนสง พูดคุยหยอกล้อกับเหวินหลวนสง พลางเดินเข้าไปในห้องรับแขกของบ้าน
………..
ตอนที่ 342 วงการบันเทิง
โดย
Ink Stone_Fantasy
งานเลี้ยงอาหารค่ำที่เหวินหลวนสงจัดขึ้นน่าจะยังไม่เริ่ม ส่วนแขกทยอยนั่งตามแต่ละจุดของสวนดอกไม้ แต่แขกส่วนใหญ่เป็นคนวัยหนุ่มสาว เหวินหลวนสงนำเยี่ยเทียนตรงเข้าไปที่ห้องรับแขก และในห้องนี้ก็มีคน กำลังนั่งคุยกันอยู่สี่ห้าคน
เหวินหลวนสงกับเยี่ยเทียนเพิ่งก้าวเข้าห้องรับแขก คนวัยกลางคนที่อยู่ด้านในต่างก็ลุกขึ้นมา และหนึ่งในนั้นออกเสียงถามว่า “คุณเหวิน คุณคนนี้คือ?”
คนที่กำลังพูดอยู่ตัวไม่สูงมากนัก แต่มีสายตาที่แหลมคม ร่างกายก็แข็งแรง แม้ว่าเขาจะสวมสูทและรองเท้าหนัง ก็ตาม แต่มันก็ยากที่จะซ่อนกลิ่นอายความบ้านนอกของเขา
เหวินหลวนสงแสดงความอบอุ่นด้วยการดึงเยี่ยเทียนเข้ามาและพูดว่า “อาเซิ่ง ผมขอแนะนำให้คุณรู้จัก คนนี้คือปรมาจารย์เยี่ย เป็นศิษย์น้องสำนักเดียวกันกับปรมาจารย์จั่ว ความสามารถไม่แพ้ปรมาจารย์จั่วแน่นอน!”
“ปร…ปรมาจารย์เยี่ย?”
คนวัยกลางคนที่ชื่ออาเซิ่งได้ยินดังนั้นก็ตะลึงไปสักครู่ ดวงตามองไปที่เหวินหลวนสงและพูดว่า “คุณเหวิน คน…คนนี้ก็คือปรมาจารย์เยี่ย คนที่คุณจะแนะนำให้กับพวกเรา?”
ในฮ่องกง ชื่อเสียงของจั่วเจียจวิ้นรู้กันถ้วนหน้าแม้แต่คนข้างทาง เขามีความสันพันธ์ที่ลึกซึ้งกับมหาเศรษฐีของฮ่องกง จำนวนมาก ดังนั้นเขาสมควรแล้วที่จะถูกเรียกขานว่าปรมารจารย์
แต่เยี่ยเทียนอายุยังน้อย และไม่เคยทำอะไรออกมาให้เห็น แต่เพราะเหวินหลวนสงเรียกขานเขาว่าปรมาจารย์ ทำให้คนวัยกลางคนที่อยู่ในห้องนั้นชำเลืองมองซึ่งกันและกัน
“ถูกต้อง อาเซิ่ง คุณอย่าดูถูกปรมารจารย์เยี่ยที่อายุน้อย แม้แต่ปรมาจารย์จั่วก็ยังชื่นชมในตัวเขา”
เหวินหลวนสงกลัวว่าเพื่อนเหล่านี้ของเขาจะดูถูกเยี่ยเทียน เขาจึงรีบพูดชื่อเสียงของจั่วเจียจวิ้นออกมา และตอนนี้เองคนเหล่านี้เพิ่งมองเห็นหลิวติงติงกับอาติงที่อยู่ด้านหลังของเยี่ยเทียน สีหน้าแปลกประหลาดไปทันที
ดูเหมือนว่าอาเซิ่งกับอาติงจะสนิทกัน เดินไปด้านข้างของอาติงและพูดว่า “พี่ติง พี่มาได้ยังไง? ไม่ต้องอยู่ดูแลคุณท่านถังหรือ?”
“อาเซิ่ง ช่วงนี้ฉันอยู่ดูแล นายน้อยมาตลอด” อาติงมองคนตรงข้ามไปแว๊บนึง กดเสียงต่ำและพูดว่า “ลำดับรุ่นของนายน้อยในแก๊งสูงมาก เวลาพูดอะไรให้ระวังหน่อย!”
“อะไรนะ?” หลังจากได้ยินอาติงพูดดังนั้น ครั้งนี้ทำให้อาเซิ่งรู้สึกตกใจจริงๆ ใบหน้าที่ดูน่าตกใจปรากฏขึ้น บนใบหน้าของเขา
เมื่อก่อนอาติงเคยติดตามคุณท่านของบ้านเขามาก่อน ถ้านับตามลำดับรุ่นจะต้องเรียกเขาว่าพี่ติงด้วยซ้ำ ตั้งแต่ออกจากยุทธภพและติดตามถังเหวินหย่วน ก็ยิ่งทำให้ตัวตนของเขานั้นบริสุทธิ์ ถึงแม้อาติงจะเป็นเพียงบอดี้การ์ด แต่เวลาที่อยู่ฮ่องกงไม่ว่าจะเป็นพวกสายดำหรือพวกสายขาวก็ไม่มีใครกล้าล่วงเกินเขา
บุคคลที่ทำตัวกระด้างกระเดื่องตลอดเวลาอย่างอาติงกลับเรียกเขาคนนั้นว่า”นายน้อย” มันพิสูจน์ได้แล้วว่าตัวตนของคนนั้นไม่ธรรมดา และที่สำคัญจากคำพูดของอาติง เขายังเป็นคนของแก๊งด้วย?
ข้อนี้ทำให้อาเซิ่งไม่เข้าใจที่สุด เหตุผลเพราะว่าพ่อของตนมีตำแหน่งที่สูงมากในแก๊งของฮ่องกง ในโลกใต้ดินของฮ่องกงอาจกล่าวได้ว่าเป็นบุคคลที่ใช้มือข้างเดียวปกคลุมท้องฟ้าก็ว่าได้ แต่ว่าปรมาจารย์เยี่ย นี่สิที่เขาไม่เคยได้ยินเลย?
“น้องเยี่ย คุณคนนี้ชื่อหวาเซิ่ง เจ้าของบริษัทภาพยนตร์หวาเซิ่ง คุณคนนี้คือหยางต้าเฉิง พี่ต้าเฉิงคือคนคัดท้ายเรือ ของอิงหวงกรุ๊ป…”
เหวินหลวนสงแนะนำคนที่อยู่ตรงหน้าให้กับเยี่ยเทียนไปหนึ่งรอบ ทุกคนล้วนเป็นเถ้าแก่ของบริษัทภาพยนตร์ ขนาดใหญ่ของฮ่องกงทั้งนั้น ภาพยนตร์มากมายที่เยี่ยเทียนเคยดูก็ผลิตจากบริษัทของพวกเขา
ส่วนหวาเซิ่งคนนั้น เยี่ยเทียนคุ้นเคยเป็นอย่างมาก เพราะว่าหวาเซิ่งเคยรับบทนักฆ่าในหนังเรื่องหนึ่ง ซึ่งเขาเคยดูเมื่อนานมาแล้ว และคนที่รับบทต่อกับเขาก็คือราชาภาพยนต์โจวเหวินฟะนั่นเอง
“น้องเยี่ยเป็นคนที่อายุน้อยแต่มากประสบการณ์จริงๆ วันหลังขอเชิญไปเป็นแขกที่บริษัทหวาเซิ่งนะ…”
หวาเซิ่งรอเหวินหลวนสงแนะนำแขกในห้องจนหมด เขายิ้มและยื่นมือไปหาเยี่ยเทียน เขาไม่เชื่อคำพูดของ อาติงเท่าไหร่ จึงยื่นมือไปทดสอบฝีมือของเยี่ยเทียน
“คุณหวานี่เกรงใจเกินไปแล้ว” เยี่ยเทียนยิ้ม ยื่นมือออกไปทักทายกับมือทั้งสองข้างของหวาเซิ่งเหมือนไม่รู้เรื่อง
“ขอโทษด้วยครับ!”
หลังจากกุมมือของเยี่ยเทียนแล้ว หวาเซิ่งค่อยๆเพิ่มแรงมากขึ้น หลายปีที่ผ่านมานี้ถึงแม้จะทำงานอย่างหนักหน่วง แต่เขาไม่เคยละเลยการฝึกฝนฝีมือเลยแม้แต่วันเดียว
พ่อของหวาเซิงเป็นพลตรีของพรรคก๊กมินตั๋งในสมัยนั้น หลังจากที่พรรคก๊กมินตั๋งพ่ายแพ้กองทหารในเกาะไต้หวัน เขาได้เดินทางมาพัฒนาตนเองที่ฮ่องกง พึ่งพาเงินทองและลูกน้องในมือจนก่อตั้งบริษัทซินอันขึ้น และถูกมองว่า เป็นผู้ก่อตั้งแก๊งซินยี่อัน
หวาเซิ่งรับช่วงธุรกิจของครอบครัวมาทำต่อในช่วงต้นของยุค 80 ตอนนั้นสภาพแวดล้อม การอยู่อาศัยของแก๊งฮ่องกง ลำบากถึงขั้นสูงสุด
หวาเซิ่งจึงหาวิธีทางใหม่โดยการร่วมมือกับพี่ชายของตนหวาเฉียงก่อตั้งบริษัทภาพยนตร์บันเทิงหวาเซิ่งขึ้นมาและพึ่ง พาความสัมพันธ์ต่างๆ นาๆ พัฒนาจนยิ่งใหญ่ขึ้น
จนถึงทุกวันนี้ บริษัทหวาเซิ่งถือว่าเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ในวงการบันเทิงของเกาะฮ่องกงก็ว่าได้ และหวาเซิ่งเอง ก็กระโดดข้ามจากสมาชิกของแก๊งกลายมาเป็นเจ้าสัวของวงการบันเทิง การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วนี้ ทำให้หลายคน ทึ่งไปตามๆ กัน
เรื่องเหล่านี้เป็นที่รู้กันในหมู่คนฮ่องกง แต่สำหรับเยี่ยเทียนเขากลับไม่รู้เรื่องอะไร เขาเพียงแต่สงสัยว่าหวาเซิ่ง ที่เป็นเจ้าของใหญ่ของบริษัทหนึ่ง ทำไมถึงมีฝีมือที่ไม่เลวเช่นนี้
“หืม?”
ขณะที่มือของหวาเซิ่งค่อยๆเพิ่มแรง จู่ๆเขาก็รู้สึกว่ามือของเยี่ยเทียนเปลี่ยนเป็นนุ่มขึ้น เหมือนกับแป้ง ที่ให้เขานวดอย่างอิสระ
“แย่แล้ว……”
หลังจากที่สัมผัสถึงมือที่เปลี่ยนไปของเยี่ยเทียน หวาเซิ่งตะโกนอย่างลับๆ และรีบคลายมือออกทันที แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเขาไม่สามารถคลายมือออกแล้ว มือขวาที่อ่อนนุ่มเหมือนไม่มีกระดูกของฝ่ายตรงข้าม จู่ๆ ก็เปลี่ยนเป็นมือแข็งดั่งเหล็กทองในทันทีทันใด
เยี่ยเทียนกุมมือของหวาเซิ่งและเขย่าสองครั้ง ยิ้มและพูดว่า”ฝีมือของคุณหวาไม่เลวทีเดียว อยู่ตำแหน่งที่สูงขนาดนี้แต่ก็ยังขยันฝึกฝนฝีมือ หายากจริง…หากยากจริงๆ”
“ไม่หรอกครับ ไม่หรอกครับ เทียบกับคุณเยี่ยแล้ว ของผมไม่สมควรเอ่ยถึงเลยครับ”
สองมือที่กุมมือซึ่งกันและกันเอาไว้ยังไม่ถึงสิบนาที แต่หน้าผากของหวาเซิ่งเริ่มมีเม็ดเหงื่อละเอียดซึมออกมา คนที่อยู่ด้านข้างหากเขาตั้งใจสังเกตจะสามารถมองเห็นอาการสั่นเล็กน้อยของมุมปากของหวาเซิ่ง
เหวินหลวนสงดูออกแล้วว่ามีบางอย่างผิดปกติไปจึงเปิดปากพูดว่า “น้องเยี่ย พวกคุณกำลัง?”
“เหอะเหอะ ไม่มีอะไรอะไรหรอก”เยี่ยเทียนไม่ทำให้หวาเซิ่งลำบากใจอีกต่อไป ตั้งแต่เหวินหลวนสงเปิดปากพูด เขาก็ได้คลายมือออกแล้ว และยิ้มพร้อมกับพูดว่า”วันหลังถ้าหากมีโอกาส ผมจะขอคำสั่งสอนจากคุณหวาเยอะๆเลยนะครับ”
“ปรมาจารย์เยี่ยพูดเกรงใจไปแล้ว น่าจะกระผมหวาต่างหากที่จะต้องมาขอคำสั่งสอนจากปรมาจารย์เยี่ย!”
หลังจากที่เยี่ยเทียนคลายมือออก หวาเซิ่งถอนหายใจเฮือกใหญ่ มือขวาอดไม่ได้ที่เกิดอาการสั่น สายตาจ้องมองไปที่เยี่ยเทียนพร้อมกับความหวาดกลัว และไม่กล้าดูถูกแม้แต่เล็กน้อยอีกต่อไป
“เอาหล่ะ แขกก็มากันพอสมควรแล้ว อาเซิ่ง เยี่ยเทียน ไปกัน พวกเราออกไปกันเถอะ”
เหวินหลวนสงดูออกว่าหวาเซิ่งเสียเปรียบกว่าเล็กน้อย เกรงว่าทั้งสองคนจะเกิดความขัดแย้งขึ้นอีก มือแต่ละข้างก็ดึงคนไว้หนึ่งคนและเดินออกไปฝั่งสวนดอกไม้
เยี่ยเทียนยิ้มและส่ายหัว ภายในใจของเขาไม่ได้คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่โตอะไร อย่างไรก็ตามทุกครั้งที่เขามา ร่วมงานชุมนุม เขามักเจอกับเหตุการณ์อย่างนี้อยู่บ่อยๆ
หลังจากเดินมาถึงที่สวน หญิงสาวรูปร่างสูงเพรียวหน้าตาสะสวยเดินมาข้างๆเหวินหลวนสง เยี่ยเทียนเงยหน้าขึ้นมองเธอหนึ่งครั้ง ถอยไปข้างหลังอย่างเงียบๆ
ผู้หญิงคนนี้ถึงแม้หน้าตาสะสวย แต่คางแหลมเกินไป ที่สำคัญโหนกแก้มสูงและเนื้อแก้มน้อย และเป็นประเภทใบหน้าที่ไม่ถูกชะตากับผู้ชายแบบนั้น ไม่ต้องถามก็รู้ว่าผู้หญิงคนนี้ก็คือ นางเอกที่เหวินหลวนสงกำลังดันอยู่ตอนนี้
“น้องเยี่ย และคนอื่นๆ ผมขอตัวสักครู่” เขาเห็นผู้หญิงคนนั้นกำลังเดินมาทางนี้ เหวินหลวนสงจึงขอตัวกับทุกคนและเดินเข้าไปต้อนรับพวกเขา และจับมือของผู้หญิงคนนั้นเอาไว้
“แขกผู้มีเกียรติทุกท่าน เพื่อนๆทุกคน ขอต้อนรับทุกคนเข้าสู่งานเลี้ยงฉลองวันเกิดของคุณไช่ในค่ำคืนนี้ ให้พวกเราร่วมกันอวยพรคุณไช่ให้สาวและไม่แก่ลงครับ!”
ถ้าจะให้พูดถึงเหวินหลวนสงมีความสัมพันธ์กับดาราสาว หนึ่งคือฟาดด้วยเงิน สองคือมีฝีมือจริงๆ คำอวยพรพวกนั้นทำให้ดาราสาวตาเป็นประกาย แสดงการมีความสุขอย่างเต็มใบหน้า และหันไปหอมเหวินหลวนสงฟอดใหญ่ ต่อหน้าแขกในงาน
“เค้ก!”
เหวินหลวนสงแค่ชูฝ่ามือขึ้น ไฟที่อยู่ในสวนทั้งหมดก็ดับลง ตรงหน้าประตูมีรถเข็นอาหารที่ส่องแสงไปทั้งคัน กำลังเข็นเข้ามาอย่างช้าๆ บนรถเข็นอาหารถูกวางไว้ด้วยเค้กก้อนใหญ่ที่มีทั้งหมด 18 ชั้น ข้างหูยังมีเพลงอวยพรวันเกิด ภาษาอังกฤษดังขึ้น
ในตอนนี้ดาราสาวผู้นั้นตื้นตันจนน้ำตาคลอ ภายใต้ความช่วยเหลือของเหวินหลวนสง เค้กก้อนนั้นถูกตัดแบ่งและถูกมอบให้กับแขกรอบๆ ตัว จากนั้นในสวนดอกไม้ก็เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ
แต่ดาราสาวที่กำลังดื่มด่ำอยู่กับความสุขกลับไม่รู้เลยว่า หลังจากงานเลี้ยงวันเกิดครั้งนี้ไป เหวินหลวนสงจะบอกเลิกกับเธอ และนี่ก็เป็นครั้งสุดท้ายที่เหวินหลวนสงจะใช้จ่ายเพื่อเธอ
“อดีตกลายเป็นหมอกควัน สลายไปต่อหน้าเราสอง แม้เอ่ยคำลาออกไป แต่กลับไม่เห็นว่าเธอเศร้าเสียใจ”
เพลงรักหนึ่งเพลงดังขึ้น ยิ่งทำให้บรรยากาศในงานถึงขีดสูงสุด มีบางคนที่สนใจและขมวดคิ้ว รู้สึกว่าเพลงนี้ดูไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ตอนนี้หรือเปล่า?
“จางเสวียโหย่ว คุณอา นั่นมันจางเสวียโหย่วนี่!”
หลังจากได้ยินเสียงเพลง หลิวติงติงตื่นเต้นจนลุกขึ้นเต้น ไม่แม้แต่จะสนใจเยี่ยเทียน หากไม่ใช่เพราะเห็นว่าตนเอง คือผู้หญิง ก็คงกรี๊ดออกมานานแล้ว
มองดูคนที่เห็นไอดอลจนไอคิวตกไปที่ศูนย์อย่างหลิวติงติง เยี่ยเทียนหัวเราะออกมาอย่างขมขื่น เหลือบมองครู่นึงพบว่าหลังจากที่อาติงถูกหวาเซิ่งดึงเอาไว้และพูดคุยอยู่นั้น เยี่ยเทียนก็แอบหนี ออกจากลุ่มคน มานั่งลงที่มุมหนึ่ง
ทุกครั้งที่เข้าร่วมงานเลี้ยงหรูหราเหล่านี้ เยี่ยเทียนมักจะรู้สึกแปลกแยกอยู่เสมอ แต่งานวันนี้ไม่น่าเบื่อเท่าไหร่ เพราะว่าสิ่งที่เห็นได้ด้วยสายตา ล้วนแต่เป็นซุปเปอร์สตาร์ที่คุ้นเคย
ซุปเปอร์สตาร์เหล่านี้ ในวันปกติที่หรูหราฟุ้งเฟ้อ แต่ตอนนี้กลับราบเรียบอย่างมาก เนื่องจากคนในงานนั้นเป็นทั้งหัวหน้าวงการบันเทิงหรือเถ้าแก่ มหาเศรษฐีของห้างสรรพสินค้าทั้งนั้น เวลาอยู่ต่อหน้าพวกเขา ตนเองเป็นเพียงตัวละครระดับสูงนิดหน่อยคนหนึ่งเท่านั้น
ที่จริงแล้วซุปเปอร์สตาร์เหล่านี้เบื้องหน้าน่าประทับใจ แต่เบื้องหลังของพวกน่าสงสารมาก ก็เหมือนกับ เมื่อหลายปีก่อน ซุปเปอร์สตาร์มากมายล้วนถูกบังคับให้ถ่ายภาพยนต์ทั้งนั้น พวกเขาไม่มีอะไรมากไปกว่า เป็นเครื่องมือสร้างรายได้เพื่อชื่อเสียงของนักล่าเหล่านี้
“อ้า ปล่อย ปล่อยมือของเธอเดี๋ยวนี้นะ!”
จู่ๆ ก็มีเสียงร้องดังออกมาจากสวนดอกไม้ เยี่ยเทียนตะลึงไปครู่นึง มองไปรอบๆ อย่างรวดเร็วเพราะเขาได้ยินเสียง ผู้หญิงที่คุ้นเคยมาก
ในเวลานี้ไฟในสวนยังไม่ถูกเปิด แต่ว่าสายตาของเยี่ยเทียนสามารถมองเห็นคนสองคน ที่ดึงกันไปดึงกันมา อยู่ไม่ไกลจากเขามากนัก ใบหน้าของเขาก็แสดงความโกรธแค้นออกมา
“อาฮุย หยุดนะ คุณทำอะไร? ที่นี่เป็นสถานที่ที่ทำอะไรก็ได้งั้นเหรอ?” เยี่ยเทียนยังไม่ทันเดินไปถึงจุดนั้น ไฟก็ถูกเปิดออกพร้อมกับเสียงตำหนิจากเหวินหลวนสง
………..
ตอนที่ 343 มือหัก
โดย
Ink Stone_Fantasy
“นี่…นี่คือที่ไหน? พี่ใหญ่ ผมอาฮุยไม่สามารถมาที่บ้านคุณได้อีกใช่ไหมครับ?”
คนนั้นหน้าแดงก่ำ เห็นไดัชัดว่าดื่มเหล้าไปแล้ว พร้อมกับมือขวาที่ดึงมือของหญิงสาวเอาไว้แน่น พลางพูดเสียงดัง “ตอนฉันมีเงิน ทำไมพวกเธอแต่ละคนถึงไม่แสร้งทำเป็นไร้เดียงสาหา?
“ตอนนี้ผมอาฮุยตกที่นั่งลำบาก ใครๆก็หลบหนีไปไกลกันหมด ผมจะบอกพวกคุณให้นะ อาฮุยยังสามารถ กลับมายิ่งใหญ่ได้อีก!”
“อาฮุย อย่าทำแบบนี้เลย ทุกคนจะช่วยสนับสนุนนาย แต่ตัวนายก็ต้องใจสู้!”
หลังจากได้ยินคำพูดของคนนั้นแล้ว เหวินหลนสงจึงมีสีหน้าจนใจ จะว่าไปแล้วก่อนที่คนนี้ทำให้ครอบครัวล่มจม ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับตัวเองเหมือนกัน
“ผมใจไม่สู้ตรงไหน ก็แค่เล่นกับผู้หญิงสองสามคนไม่ใช่เหรอ? พี่ใหญ่ พี่ยังเล่นได้ แล้วผมอาฮุยจะเล่นไม่ได้?”
คนนั้นทำเสียงเยาะเย้ยขึ้นจมูก นิ้วชี้ซ้ายชี้ไปที่ดาราหญิงที่แต่งตัวทันสมัย แล้วพูด “เธอแม่สาวอกห่าง เห็นว่าฉันอาฮุยไม่มีเงินแล้ว ถึงไม่อยากทักทายกันสักนิดใช่ไหม?”
เมื่อถูกอาฮุยพูดถึงตัวเองอย่างคาดไม่ถึง ใบหน้าของดาราหญิงคนนั้นที่กำลังดูฉากสนุกอยู่จึงกลายเป็นขาวซีดทันที แล้วพูดเสียงดัง “คุณ…คุณ ฉันไม่รู้จักคุณ!”
“ไม่รู้จักผม? ฮิๆ ผู้หญิงใจง่าย ตอนอยู่บนเตียงไม่เห็นเธอพูดอย่างนี้?”
เวลานี้อาฮุยเหมือนบ้าไปแล้ว มือขวาจับหญิงสาวที่อยู่ข้างกายเอาไว้แน่น และมือซ้ายก็ลูบไปบนตัว ของหญิงสาวคนอย่างฉับพลัน แล้วยิ้มพูดอย่างประหลาด “พี่ใหญ่ ผมชอบผู้หญิงคนนี้ คืนนี้ให้เธอไปอยู่เป็นเพื่อนผม เดี๋ยวกลับไปจะเขียนเช็คให้เธอนะ!”
“มา ผมจะเขียนเช็คให้คุณ!”
ขณะที่มือซ้ายของอาฮุยกำลังจะสัมผัสหน้าอกของหญิงสาวคนนั้น จู่ๆ เขาก็รู้สึกเจ็บปวดมาก เหมือนกับ ถูกคีมปากเสือหนีบเอาไว้ขยับไม่ได้เลยสักนิด
“แก…แกเป็นใคร?”
ความเจ็บปวดทำให้ศีรษะของอาฮุยที่ร้อนเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ได้เย็นลงเล็กน้อย แต่หลังจากที่เห็นหน้าตา ของเยี่ยเทียนชัดเจนแล้ว อาฮุยจึงสบถด่า “ไอ้หนุ่ม ถอยไปอยู่ข้างๆ โน่น ฉันอยากจะเล่นกับแม่สาวใจง่าย เกี่ยวอะไรกับแกด้วย?”
เมื่ออาฮุยพูดคำนี้ออกไป ทำให้ดาราหญิงมากมายต่างทำปากบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ และมีบางคนที่มี ความเกี่ยวข้องกับคนนี้ ต่างก็แอบกัดฟันกรอด เพราะเพิ่งจะรู้ว่าแต่ก่อนฐานะของตัวเองเวลาที่อยู่ต่อหน้าเขาคนนี้ เป็นเพียงโสเภณีเท่านั้น
“กลับไปเล่นกับแม่แกไป!”
สายตาของเยี่ยเทียนหลอมรวมเป็นความเย็นชา แล้วจึงปล่อยมือที่จับอาฮุย จากนั้นตบหน้าของเขาดัง “เพี๊ยะ” เสียงกังวานสดใส ทำให้ร่างกายของอาฮุยทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
“เยี่ย…เยี่ยเทียน คือ…คือนายใช่ไหม?”
จนกระทั่งถึงตอนนี้ ผู้หญิงคนนั้นที่ถูกอาฮุยลวนลามเพิ่งจะได้สติกลับมา แล้วจึงมองเยี่ยเทียน ที่อยู่ตรงหน้าอย่างเหลือเชื่อ
“พี่จิ้งหลันครับ ไม่เจอกันสองปี ตอนนี้พี่เป็นดาราดังแล้วเหรอครับ?”
เมื่อมองดูผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า สีหน้าของเยี่ยเทียนจึงปรากฏรอยยิ้มออกมา เหมือนตอนนั้นที่เขาเห็น เฉิงจิ้งหลันตอนอยู่บนรถไฟครั้งแรก เหมือนกับนักเรียนที่ขวยอายยามที่เข้าไปเรียนรู้สังคมช่วงแรก
เมื่อสองสามปีก่อนหลังจากเจอกันในงานเลี้ยงครั้งนั้น เยี่ยเทียนก็ไม่ได้เจอเฉินจิ้งหลันอีกเลย แต่กลับเห็นเงาของเธอ อยู่ในจอภาพยนตร์อยู่หลายครั้ง และก็เป็นเหมือนที่เยี่ยเทียนพูดไว้ เส้นทางในวงการบันเทิงของเฉินจิ้งหลันนั้นราบรื่นมาก
เนื่องจากรูปลักษณ์ภายนอกที่โดดเด่น ตอนที่เธอยังเรียนมหาวิทยาลัยไม่จบ เฉินจิ้งหลันได้รับความโปรดปราน จากผู้กำกับใหญ่คนหนึ่ง และได้เป็นนักแสดงนำของภาพยนตร์ที่ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม หลังจากเธอเรียนจบแล้ว ก็ยังได้ร่วมงานกับนักแสดงฮ่องกงมากมาย และได้ยินแว่วๆ ว่าเธอยังเป็นซุปเปอร์สตาร์ของประเทศจีนอีกด้วย
เยี่ยเทียนไม่คิดว่า จะได้เจอเฉินจิ้งหลันที่นี่ เขาจึงอดถามอย่างสงสัยไม่ได้ “พี่จิ้งหลันครับ พี่มาอยู่ที่นี่ได้ยังไงครับ?”
เยี่ยเทียนรู้ว่าเฉินจิ้งหลันเป็นคนค่อนข้างสังวรณ์ในการพูดและการกระทำของตัวเอง และดูจากหน้าตาของเธอเมื่อครู่ เธอน่าจะยังเป็นสาวพรหมจรรย์อยู่ แต่ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงปรากฏอยู่ในงานเลี้ยงของเศรษฐีพวกนี้?
“พี่กำลังถ่ายละครที่ฮ่องกง คือ…คือผู้กำกับจางเชิญพี่มาค่ะ”
เฉินจิ้งหลันไม่มีคนรู้จักในฮ่องกงมากนัก เวลานี้ผู้กำกับจางคนนั้นก็ไม่รู้ว่าไปมุดหัวหลบอยู่ซอกไหน เดิมทีเธอรู้สึกขาดความช่วยเหลือมาก แต่หลังจากที่เห็นเยี่ยเทียนแล้ว ดวงตาของเธอจึงแดงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
“พี่จิ้งหลันครับ ไม่เป็นไรแล้ว” สายตาของเยี่ยเทียนเย็นชาแล้วจึงตะโกนพูด “ติงติง ไปพักผ่อนเป็นเพื่อนเธอตรงนั้น”
ถึงแม้เยี่ยเทียนกับเฉินจิ้งหลันจะไม่สนิทกันมาก แต่เขาก็รู้สึกเคารพผู้หญิงคนนี้มาตลอด ที่อยู่ในวงการบันเทิง แบบนี้แต่ก็ไม่เคยแปดเปื้อนโคลนตม และตอนนี้เห็นเธอถูกคนอื่นรังแก เยี่ยเทียนจึงไม่ยอมยุติเรื่องราวเป็นธรรมดาอยู่แล้ว
“ค่ะ หนูรู้แล้วค่ะ คุณอาต้องสั่งสอนไอ้คนนั้นให้เด็ดขาดไปเลยนะคะ!”
หลิวติงติงขานรับหนึ่งที แล้วจึงไปประคองเฉินจิ้งหลัน ถ้าหากเมื่อครู่เยี่ยเทียนไม่ได้ลงมือก่อน เธอก็คิดว่าจะต้องเข้าไปสั่งสอนไอ้คนที่พูดจาไม่มีมารยาทคนนั้นแน่นอน
และคนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็มีคนที่รู้จักหลิวติงติงไม่น้อย เมื่อได้ยินเธอเรียกเยี่ยเทียนว่า “คุณอา” จึงทำให้หลายคนตกใจ แล้วจึงมองไปที่เยี่ยเทียนกันยกใหญ่
หลานสาวของจั่วเจียจวิ้น ไม่ใช่คนที่นิสัยดีเท่าไร และคนที่สามารถถูกเธอเรียกว่า “คุณอา” ได้นั้นจะต้องมีลำดับศักดิ์เดียวกันเหมือนจั่วเจียจวิ้นอีกด้วย
แต่เยี่ยเทียนที่หน้าตายังหนุ่ม ดูยังไม่ก็ไม่เหมือนคนมีเงินมีฐานะอะไร จึงทำให้ทุกคนมอง เยี่ยเทียน ด้วยสายตาที่ไม่เข้าใจ
“ไอ้เด็กน้อย แก..แกกล้าตบฉัน?”
เวลานี้อาฮุยคนที่นอนอยู่บนพื้น ได้หายเมาเป็นปลิดทิ้งเพราะการตบของเยี่ยเทียน แต่ตอนที่เขาอ้าปากพูด ฟันสองซี่ของขากลับพุ่งออกมาพร้อมกับเลือดอีกด้วย
“ตบแก? ฉันกำลังสั่งสอนคนเลวต่างหาก แกคู่ควรให้ฉันต้องลงมือเหรอ?”
เยี่ยเทียนพูดออกไปด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน เมื่อครู่ถ้าเขาไม่จับเฉินจิ้งหลันเอาไว้แน่นๆ เยี่ยเทียนก็ไม่อยากให้มือ ของตัวเองต้องสกปรกจริงๆ
เดิมทีเยี่ยเทียนก็ไม่สนใจอาฮุยอยู่แล้ว และสายตาของเขากลับมองไปที่เหวินหลนสงแล้วพูดเบาๆ “คุณเหวินครับ นี่คือบ้านของคุณ เขาสบประมาทเพื่อนของผม คุณคิดว่าควรจะทำยังไงดีครับ?”
ก่อนหน้านี้เยี่ยเทียนจะเรียกเหวินหลนสงว่าพี่เหวินตลอด แต่ตอนนี้กลับเรียกเขาว่าคุณเหวิน จึงเห็นได้ชัดว่า ไม่ค่อยพอใจเขาแล้ว
เยี่ยเทียนไม่ได้พูดเสียงดังมาก และก็ไม่ได้ซักถามอะไร แต่กลับนำความกดดันที่มองไม่เห็นมาให้เหวินหลนสง ทำให้หน้าอกของเขาหายใจติดขัด
“น้องเยี่ย นี่…นี่คือการเข้าใจผิด อาฮุยดื่มมากไปเท่านั้น พี่…พี่จะให้เขาไปขอโทษคุณเฉิน คุณคิดว่าเป็นยังไงครับ?”
เยี่ยเทียนคนที่เหวินหลนสงรู้จักนั้น เป็นคนที่ยิ้มแย้มตลอดเวลาไม่มีพิษมีภัย แต่เยี่ยเทียนในเวลานี้ กลับทำให้หัวใจของเขาหนาวสะท้าน และแอบด่าอาฮุยอยู่ในใจ
เยี่ยเทียนยังไม่พูดอะไร อาฮุยที่เพิ่งลุกคลานขึ้นมาจากพื้นจึงบ่นเสียงดังด้วยความไม่พอใจ “พี่ใหญ่ พี่พูดอะไรนะ?ให้ผมอาฮุยไปขอโทษเขา?”
“ไอ้เลว ถ้านายยังคิดว่าฉันคือพี่ใหญ่ ก็รีบขอโทษคุณเยี่ยเสีย!” ถ้าในตอนนี้เหวินหลนสงมีปืนอยู่ในมือ เขาจะต้องเล็งปืนและยิงไอ้คนโง่เขลาคนนี้แน่นอน
เยี่ยเทียนเป็นใคร? ซินแสฮวงจุ้ยที่สามารถฆ่าคนได้อย่างไร้ร่องรอย ถึงแม้เหวินหลนสงจะไม่ใช่คนที่ฝึกวิชาฉีเหมิน แต่เมื่ออยู่ในฐานะระดับเขาแล้ว จึงพอรู้จักซินแสที่มีความสามารถเหนือคนธรรมดาอยู่บ้าง
เดิมทีเยี่ยเทียนก็ไม่อยากให้อีกฝ่ายขอโทษ ดังนั้นจึงตะโกนพูด “อาติง หักแขนของเขา แล้วโยนออกไป!”
“ครับ นายน้อย!”
หลังจากอาติงที่กำลังพูดกระซิบกับหวาเซิ่งได้ยินคำพูดของเทียนนั้น เขาจึงตกตะลึงก่อนเป็นอย่างแรก จากนั้นจึงเดินไปหาอาฮุย ถึงแม้เขาจะรู้จักคนนี้ แต่ก็ไม่เคยเห็นเขาอยู่ในสายตาเลย
เมื่อเห็นอาติงเดินออกมา เหวินหลนสงจึงรู้ว่าเรื่องนี้ไม่จบแค่นี้ง่ายๆ เขาจึงมีน้ำใจอันเป็นสัจจะต่อมิตรสหาย แล้วจึงอ้อนวอนขอร้องเยี่ยเทียน “ปร…ปรมาจารย์เยี่ย ช่วย…ช่วยเห็นแก่หน้าผม ไว้ชีวิตเขาสักครั้งเถอะครับ?”
“ปรมาจารย์? เด็กหนุ่มคนนี้จะเป็นปรมาจารย์อะไร?”
“แปลกจัง ทำไมคุณเหวินถึงปฏิบัติกับเด็กหนุ่มแบบนี้?”
การแสดงออกของเหวินหลนสง ทำให้คนที่อยู่ในเหตุการณ์นอกจากคนที่รู้จักเยี่ยเทียนสองสามคนแล้ว ทุกคนต่างตกตะลึงอย่างคาดไม่ถึง และต้องรู้ก่อนว่าด้วยฐานะของเหวินหลนสงในฮ่องกงนั้น แม้ว่าตอนที่ต้องเผชิญหน้ากับ หลี่เชาเหริน เขาก็ยังไม่ทำตัวให้ต่ำต้อยถึงขนาดนี้เลย
เหล่าดาราหญิงที่อยู่ในเหตุการณ์จึงปล่อยสายตาแววาวจ้องมองเยี่ยเทียนตาไม่กระพริบ เพราะหนุ่มคนนี้มีความสัมพัทธ์กับเหวินหลนสงขนาดนี้ ถ้าหากสามารถตีสนิทกับเขาได้ เช่นนั้นเรื่องของการมีหน้ามีตาก็กำลังจะมาถึงในไม่ช้านี้?
“คุณเหวินครับ ผมยอมเขามากแล้ว หรือค่าตอบแทนเพียงมือข้างเดียวคุณยังไม่พอใจ?”
เยี่ยเทียนทนดูไม่ได้ก็คือผู้ชายทุบตีผู้หญิง หนำซ้ำคนที่อาฮุยตียังเป็นคนรู้จักของตัวเอง และอย่าว่าแต่เหวินหลนสงเลย ต่อให้เป็นศิษย์พี่ขอร้อง เขาก็ยังจะหักมือข้างนั้นของอาฮุยที่จับเฉินจิ้งหลันเอาไว้
ความเด็ดขาดของเยี่ยเทียนทำให้ทุกคนหายใจกระตุกเพราะความเย็น พวกเขาไม่คิดว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะไม่ไว้หน้า เหวินหลนสงเลยสักนิด และเถ้าแก่เหวินที่เป็นคนดังมากในฮ่องกง แม้แต่โกรธก็ยังไม่กล้า
“อาติง ยังยืนบื้อทำอะไรอยู่?”
เยี่ยเทียนเห็นอาติงชักช้าไม่ลงมือ จึงอดถลึงตามองเขาไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้อยู่รอดูผลลัพธ์ จากนั้นจึงหมุนตัว แล้วเดินเข้าไปที่ห้องรับแขกของคฤหาสน์
“โอ๊ย!” ยังเดินไม่ถึงห้าก้าว เยี่ยเทียนก็ได้ยินเสียงร้องอย่างเวทนาของอาฮุยดังมาจากข้างหลัง เพราะข้อมือขวาของอาฮุยที่ถูกหักอย่างจัง
เสียงร้องอย่างน่าอนาถของอาฮุยทำให้หัวใจของทุกคนหนาวสั่น เพราะเป็นเพียงแค่การลูบคลำผู้หญิงคนนั้น นิดหน่อย แต่กลับถูกหักมือทั้งเป็นแบบนี้ และวิธีที่คลาสสิคแบบนี้บางทีอาจจะปรากฏแค่ในภาพยนตร์เท่านั้น
“คน…คนนี้เหี้ยมโหดขนาดนี้เชียว?”
หวาเซิ่งที่ใช้ชีวิตในฮ่องกงมาสิบกว่าปีหลังจากเห็นพลังอำนาจของเยี่ยเทียนจึงตกใจมาก เพราะการกระทำของเขา ยังกำเริบเสิบสานมากกว่าตัวเอง สรุปแล้วใครคือมาเฟียกันแน่?
ท่ามกลางความตื่นตระหนกตกใจนั้น หวาเซิ่งก็แอบดีใจเช่นกัน โชคดีที่เมื่อครู่ตัวเองเพิ่งจะลองหยั่งเชิงอีกฝ่าย ถ้าหากไปหาเรื่องเขาจริงๆ แม้ว่าตัวเองจะมีเบื้องลึกเบื้องหลังมากในฮ่องกงก็ตาม ก็ต้องรู้สึกขาดทุนกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าแน่นอน
“เหล่าหวัง คุณพาอาฮุยไปโรงพยาบาล เฮ้อ นี่…นี่มันคนดวงซวยชัดๆ!”
ขณะที่มองดูอาฮุยถูกโยนทิ้งไปที่ลานบ้าน เหวินหลนสงจึงโกรธจนกระทืบเท้าติดต่อกัน จากนั้นจึงยื่นมือเรียกคนใช้ เข้ามา หลังจากกำชับแล้ว จึงถอนหายใจโล่งออกยาวๆ แล้วจึงหมุนตัววิ่งไล่ตามเยี่ยเทียน
ฉากที่เกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัวในงานเลี้ยงวันเกิด ทำให้ทุกคนเปิดหูเปิดตาเป็นอย่างมาก และกลุ่มนักแสดงสาม ถึงห้าคน ต่างก็เริ่มคาดเดาถึงฐานะของเยี่ยเทียนขึ้นมา
แต่คนที่ชื่อคุณไช่กลับโกรธเล็กน้อย ที่งานเลี้ยงวันเกิดของตัวเองอยู่ดีๆ ก็ถูกเยี่ยเทียนกับอาฮุย ทำลายจนพัง และวุ่นวายขนาดนี้
แน่นอนว่า เวลานี้เหวินหลนสงไม่มีกะจิตกะใจไปโอ๋เธอ เพราะมัวแต่วิ่งไล่ตามเข้าไปในห้องรับแขก มองดูเยี่ยเทียนที่ทำหน้าสีหน้านิ่งเหมือนสายน้ำแล้วพูด “น้องเยี่ย คุณอย่าโกรธไปเลยนะครับ อาฮุย อาฮุยเขาก็เป็นคนน่าสงสารเหมือนกัน!”
……….
ตอนที่ 344 ผู้กำกับจาง
โดย
Ink Stone_Fantasy
เหวินหลวนสงจัดงานเลี้ยงลักษณะแบบนี้ หากว่ากันก็คือเป็นสถานที่ล่า ให้กับพวกเศรษฐีเข้ามา
ขอเพียงทั้งฝ่ายตกใจยินยอม ก็สามารถสานสัมพันธ์กันไปได้อีกระดับ นี่เป็นความลับที่รู้กันในแวดวงนี้ พวกดาราสาวที่มาเข้าร่วมงานเลี้ยงนี้ จริงๆ แล้วในใจก็รับรู้
เพียงแต่ว่าเศรษฐีและดาราทั้งสองคนนี้อยู่ในที่แจ้งเป็นที่สนใจของคนหมู่มาก เรื่องที่ลงรายละเอียดมากไปกว่านี้ โดยปกติจะรู้กันแค่ทั้งสองฝ่าย และจะต้องไม่มีการข่มขู่บังคับกัน
เหมือนวันนี้ที่อาฮุยคนนั้นเริ่ม ก็คือว่าทำผิดกติกาของวงการนี้แล้ว
แน่นอนว่า เรื่องแบบนี้เมื่อก่อนก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยเกิดขึ้น หลังจากเมาแล้วและฐานะทั้งสองฝ่าย มีความสุ่มเสี่ยง พวกดาราสาวพวกนั้นจึงถือว่าตัวเองโชคร้ายไป
แต่วันนี้อาฮุยทำเกินไปแล้ว เหวินหลวนสงคิดไม่ถึงว่าเยี่ยเทียนจะรู้จักเฉินจิ้งหลัน แล้วยังดูท่าว่าจะสนิทสนม กับอีกฝ่ายเป็นอย่างมาก เพราะผู้หญิงคนนี้ทำให้อาฮุยต้องเสียแขนไป ยิ่งไปกว่านั้นยังโกรธมาถึงตัวเองอีก
เหวินหลวนสงมองเยี่ยเทียนอย่างระมัดระวัง กล่าวอธิบายว่า “พี่เยี่ย ผมไม่รู้จริงๆ ว่าคุณผู้หญิงเฉิน ท่านนั้นเป็นผู้หญิงของพี่ ไม่อย่างนั้นก็จะบอกอาฮุยให้เลิกเสียแต่เนินๆ ไปแล้ว…”
หลังจากได้ฟังเหวินหลวนสงแล้ว สีหน้าของเยี่ยเทียนก็ปรากฏแววเย้ยหยันออกมา กล่าวว่า “ผู้หญิงที่ผมรู้จัก เป็นผู้หญิงของผมหมดเลยใช่มั้ย หากว่าไม่ใช่ผู้หญิงของผม พวกคุณก็สามารถดูถูกได้ตามใจเหรอ”
ถึงแม้ว่าจะรู้จักเฉินจิ้งหลันมาหลายปีแล้ว แต่เยี่ยเทียนและเธอไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน แม้กระทั่งเบอร์ติดต่อ อีกฝ่ายก็ยังไม่รู้ แต่สำหรับผู้หญิงที่บริสุทธิ์ขาวสะอาดและภูมิใจในตนเองคนนี้ เยี่ยเทียนกลับรู้สึกดีด้วย
แต่สำหรับพวกเศรษฐีในฮ่องกงนี้ เยี่ยเทียนก็ไม่ชอบใจนัก คุณมีสิทธิเอาเงินซื้อคนอื่น ผู้หญิงอดรน ทนต่อแรงยั่วเย้าไม่ไหวยินยอมพร้อมใจวิ่งเข้าหานั่นคือทั้งสองฝ่ายยินยอมพร้อมใจ แต่หากใช้การขู่บังคับ นั่นถือว่าเป็นวิธีการที่ต่ำช้า
“พี่เยี่ย เรื่องไม่ได้เป็นแบบที่พี่คิด อาฮุยเขาดื่มเยอะเกินไป และช่วงนี้ก็อารมณ์ไม่ดี ถึงได้ทำอะไรลืมตัวไป”
เหวินหลวนสงแสดงสีหน้ากระอักกระอ่วนออกมา จริงๆ แล้วอาฮุยเป็นคนมักมาก ในใจเขารู้ดีกว่าใครทั้งหมด ถ้าอาฮุยไม่ล้มละลาย ตอนนี้จะยิ่งกร่างมากกว่านี้อีก
“อารมณ์ไม่ดีเหรอก็เลยมาลงกับผู้หญิง” เยี่ยเทียนร้องเหอะออกมาอย่างเย็นชา
เหวินหลวนสงหัวเราะไม่ออก ถอนหายใจพลางกล่าวว่า “พี่เยี่ย หากเป็นพี่เดิมมีเงินเป็นหลายพันล้าน แต่พลันสิ้นเนื้อประดาตัว คิดแล้วพี่ก็น่าจะไม่สบายใจเหมือนกัน เห็นแก่หน้าของนายเหวินคนนี้ อย่าไปถือสาหาความเขาเลย”
“คนมีฐานะหลายพันล้านล้วนสามารถทำอะไรก็ได้เหรอ นี่ต้องมีความสามารถด้วยถึงจะได้อ่า” สีหน้าของเยี่ยเทียนแสดงอาการประหลาดใจ คนที่สิ้นเนื้อประดาตัวได้ขนาดนี้ นั่นต้องไม่ใช่คนธรรมดา
เหวินหลวนสงส่ายหัว กล่าวอธิบายว่า “พี่เยี่ย ไม่ใช่อาฮุยจะทำอะไรก็ได้ สาเหตุหลักมาจากสถานการณ์ การเงินในเอเชียปีที่แล้วมีอันตราย เงินจากหุ้นของเขาถูกใช้ไปหมดแล้ว เขาถึงได้อารมณ์ซึมเศร้า จริงๆ แล้วอาฮุยเดิมทีเป็นคนมีความสามารถ…”
อาฮุยชื่อจริงคือหลัวเจียฮุย อายุ16 ปีก็เริ่มทำงานเป็นเซลล์ขายอสังหาริมทรัพย์ ในตอนนั้นเงินเดือน 900 เหรียญฮ่องกง อาศัยความกล้าและสายตาที่เฉียบแหลม ทำให้หน้าที่การงานราบรื่นอนาคตไกล จากเซลล์ขายอสังหาริมทรัพย์ ตัวเล็กๆ กลายเป็นซีอีโอใหญ่ที่มีมูลค่าหลายพันล้าน
ในตอนที่เข้าปีเก้าศูนย์นั้น เหวินหลวนสงและหลัวเจียฮุยต่างจับจ้องไปที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จึงได้รู้จักกัน เนื่องจากเหวินหลวนสงชื่อเสียงกระฉ่อน รู้จักคนในฮ่องกงไม่น้อย พาหลัวเจียฮุยไปรู้จักเศรษฐีหลายคน ช่วงนั้นเองที่หลัวเจียฮุยเริ่มมีชื่อเสียง
เหวินหลวนสงและหลัวเจียฮุยอุปนิสัยล้วนเป็นคนกร่าง โดยเฉพาะเรื่องที่ชอบตามจีบดาราผู้หญิง เรื่องราวในฮ่องกงของทั้งสองคนล้วนเป็นที่ติดตามของสื่อฮ่องกง ความสัมพันธ์อันดีงามของทั้งสองเป็นที่รู้อย่างแพร่หลาย
แต่ทว่าหลัวเจียฮุยอายุน้อยกระหายในความสำเร็จ ในตอนที่อายุได้สามสิบปี โชคดีก็พลันแปรเปลี่ยน ปลายปีเก้าเจ็ดได้รับผลกระทบจากวิกฤตการเงิน ฐานะทางการเงินหลายพันล้านหดหายไปเป็นอย่างมาก
หลัวเจียฮุยลงทุนในเรื่องการเก็งกำไรอสังหาริมทรัพย์อย่างมากมาย แต่ผลประกอบการของธุรกิจอสังหาริมทรพย์ในฮ่องกงไม่ดี ราคาจึงตกวูบ หุ้น และตึกล้วนประสบปัญหา ทำให้มีหนี้สินสูงถึงเกือบ หลายพันล้านดอลลาร์ฮ่องกง อสังหาริมทรัพย์ที่มีในตอนนี้ไม่เพียงพอที่จะนำไปขายทอดตลาดใช้หนี้แล้ว
ช่วงนี้ธนาคารกำลังเร่งให้หลัวเจียฮุยเข้าสู่กระบวนการล้มละลาย ทำให้คนหนุ่มกระหายความสำเร็จ อย่างหลัวเจียฮุยยิ่งกระวนกระวายใจเข้าไปใหญ่ เหวินหลวนสงเดิมทีชวนเขามาผ่อนคลายให้สบายใจ แต่ไม่คิดว่าจะเจอเรื่องแบบนี้เข้า
“ช่างเถอะ ฉันจะไปดูพี่จิ้งหลัน”
หลังจากฟังคำอธิบายของเหวินหลวนสงแล้ว เยี่ยเทียนก็ส่ายหัว จริงๆ แล้วหากว่าเขาไม่ได้เห็นจากหน้าของ หลัวเจียฮุยว่าในวัยกลางคนนั้นชะตาจะอ่อนแอ อายุไม่เกินห้าสิบแล้วล่ะก็ เยี่ยเทียนก็จะไม่เพียงแต่ หักแค่แขนหนึ่งข้าง เพื่อเตือนหรอก
“ได้ ผมไปกับพี่ด้วย จะได้ขอโทษคุณหนูเฉินด้วย” เห็นว่าเยี่ยเทียนไม่ได้ซักโทษเอาความอีกต่อไป เหวินหลวนสงในใจถึงได้ถอนหายใจออกมา รีบเดินไปข้างหน้านำทางเยี่ยเทียนไป
เหวินหลวนสงอยู่ในแวดวงธุรกิจของฮ่องกงมาสามสิบกว่าปี แม้ว่าต่อหน้าหลี่เชาเหรินจะทำได้เพียงสัพเพเหระไปวันๆ เท่านั้น แต่กลับไม่เคยรู้สึกกดดันต่อหน้าผู้ใดขนาดนี้มาก่อน
“พี่จิ้งหลัน ไม่เป็นไรใช่มั๊ย” หลังจากเข้ามาในห้องอีกห้องของคฤหาสน์แล้ว เยี่ยเทียนก็เห็นหลิวติงติงกำลังสนทนา อยู่กับเฉินจิ้งหลัน อารมณ์ของเฉินจิ้งหลันสงบลงมาได้แล้ว
“เยี่ยเทียน ฉัน…ฉันไม่เป็นไร เธอ…เธอทำไมมาอยู่ที่นี่ล่ะ”
ในตอนนี้ได้เห็นเยี่ยเทียน เฉินจิ้งหลันมีความรู้สึกว่าตัวเองล่องลอยอยู่ในความฝัน นี่เป็นฮ่องกงที่อยู่ห่างจากปักกิ่ง หลายพันกิโลเมตร และยังเป็นสังคมชั้นสูงที่สุดของฮ่องกงอีกด้วย
ทุกครั้งที่เห็นเยี่ยเทียน เฉินจิ้งหลันมักมีความรู้สึกแตกต่างกันไป บนรถไฟครั้งนั้นดูราวกับนักศึกษาที่สับสน มาจนถึงงานสังสรรค์อิ๋งหลันที่พาสาวสวยมาด้วย ทั้งสองเหตุการณ์นี้มีหลายอย่างที่ไม่เหมือนกันเป็นอย่างมาก
แต่หากเทียบกับวันนี้ ท่าทางของเยี่ยเทียนในใจของเฉินจิ้งหลันก็มีการเปลี่ยนแปลงไปอีก เปลี่ยนไปมาก ทำให้เฉินจิ้งหลันไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่อยู่ตรงหน้าก็คือเยี่ยเทียน
ต้องรู้ก่อนว่า คนที่มีคุณสมบัติเข้าร่วมงานเลี้ยงในวันนี้ไม่ใช่ดาราดังมีชื่อเสียงก็ต้องเป็นมหาเศรษฐี เยี่ยเทียนมีฐานะเป็นอะไรกันแน่ถึงได้ทำให้เจ้าของงานเลี้ยงและคฤหาสน์เดินตามมาด้วย ดูจากคำพูดและท่าทาง เหมือนกับว่ากำลังเอาใจเยี่ยเทียนอยู่กลายๆ
“ผมกับพี่เหวินเป็นเพื่อนกัน มาเที่ยวเท่านั้น พี่จิ้งหลัน ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว…”
เยี่ยเทียนหันกลับไปมองเหวินหลวนสงหนึ่งที กล่าวตามมาว่า “อีกหน่อยหากมีปัญหาอะไรที่ฮ่องกง พี่ติดต่อพี่เหวินก็ได้ โอเคแล้ว เขาเป็นคนชอบช่วยเหลือคนอื่น”
“พี่เยี่ยกล่าวเกินไปแล้ว อีกหน่อยคุณหนูเฉินมีเรื่องอะไรที่ฮ่องกง มาหานายเหวินคนนี้ได้ตลอด!”
คำกล่าวของเยี่ยเทียนทำให้เหวินหลวนสงหน้าแดง เขาชอบช่วยเหลือคนอื่น แต่ที่ช่วยก็มีแต่ผู้หญิง และยังต้องมีการตอบแทนด้วย แต่ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้านี้ ตีให้ตายเหวินหลวนสงก็ไม่กล้าคิดไม่ดีไม่ร้าย
“เสี่ยว…เสี่ยวเฉิน เธอไม่เป็นไรใช่มั๊ย” ในตอนที่เหวินหลวนสงกำลังยืดอกแสดงตนเป็นคนดีอยู่นั้น ประตูห้องก็ถูกเคาะเสียงดังขึ้น มีศีรษะหนึ่งพุ่งเข้ามาจากด้านนอก
“ผู้กำกับจาง ฉันไม่เป็นไร โชคดีที่เจอเพื่อน ฉัน…ฉันคิดว่าอาจจะต้องขอตัวกลับก่อนแล้ว”
หลังจากเห็นผู้มาใหม่ เฉินจิ้งหลันสีหน้าก็แสดงถึงความรำคาญใจ เดิมทีเธอก็ไม่ได้อยากมาร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ วันนี้เท่าไหร่ ก็เป็นเพราะผู้กำกับที่อยู่ตอนนี้ทั้งหว่านล้อมชักแม่น้ำทั้งห้า ทั้งข่มขู่ ทั้งเตือน เธอถึงได้มาที่นี่
เมื่อได้ยินว่าเฉินจิ้งหลันไม่เป็นไรแล้ว ผู้กำกับจางก็มองไปทางเหวินหลวนสง เดิมทีท่าทางขึงขังฉับพลัน ก็เปลี่ยนเป็นอ่อนน้อมถ่อมตนขึ้นมา สีหน้าแสยะยิ้มกล่าวว่า “คุณชายเหวินสวัสดีครับ ต้องขอประทานโทษจริงๆ วันนี้ทำให้คุณยุ่งยากแล้ว”
ผู้กำกับจางชื่อว่าจางจือซวน เป็นผู้กำกับมีชื่อของฮว้าเซิ่ง เคยผลิตหนังที่ขายตั๋วได้มานับไม่ถ้วน
ที่สำคัญไปกว่านั้น จางจือซวนและดารามีชื่อหลายคนก็สนิทสนมกันเป็นพี่เป็นน้อง พวกดาราที่เพิ่งเข้าวงการยิ่งรู้สึกว่าการได้รู้จักเขาเป็นเรื่องที่น่ายินดี มีเส้นสายอยู่ในวงการบันเทิงมากมาย
และก็เป็นเพราะแบบนี้ จางจือซวนก็เป็นแขกที่พวกมหาเศรษฐีที่อยากจะจีบดาราสาวเชิญชวนมาเป็นแขกอยู่เนืองๆ เพราะเรื่องพวกนี้ต้องการคนนำทาง แน่นอนว่าไม่ใช่ว่าจะให้พวกเศรษฐีทั้งหลายซื้อตั๋ว เชิญดาราสาว ไปทานข้าว โดยตรง ได้ซะที่ไหน
แต่จางจือซวนรู้ดี ฐานะของตัวเองกับพวกเศรษฐีพวกนี้เทียบกันไม่ติด ก็เหมือนกับที่ว่าต่อหน้าเหวินหลวนสง ทำไมถึงต้องถ่อมตนขนาดนี้ นี่ก็ถือเป็นหนึ่งในเคล็ดลับที่เขาสามารถหากินในวงการนี้มาได้เป็นยี่สิบกว่าปี
เหวินหลวนสงรู้ว่าเฉินจิ้งหลันมากับเขาคนนี้ โบกไม่โบกมือกล่าวว่า “ไม่เป็นไร ผู้กำกับจาง เรื่องนี้…”
เหวินหลวนสงยังกล่าวไม่จบ จางจือซวนก็รีบกล่าวว่า “คุณชายเหวิน วางใจได้ ผมจะให้เสี่ยวเฉินไปขอโทษ คุณหลัวเดี๋ยวนี้ รับประกันว่าคุณหลัวจะต้องพอใจ!”
ในตอนที่เกิดเหตุวิวาทในสวนดอกไม้ จางจือซวนไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ตอนนั้นเขาออกไปรับดาราผู้หญิง อีกคนที่ตัวเองเรียกตัวมา ดังนั้นจึงไม่ทราบว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
จนกระทั่งมาที่คฤหาสน์ของเหวินหลวนสงแล้ว เมื่อจางจือซวนได้ยินเรื่องนี้ กลายเป็นว่าดาราที่เขาพามาเฉินจิ้งหลัน และหลัวเจียฮุยเกิดทะเลาะกัน และเพื่อนของเฉินจิ้งหลันหักมือของหลัวเจียฮุยไปข้างหนึ่ง
หลังจากได้ฟังถึงตรงนี้ จางจือซวนก็ใจร้อนดังไฟลน ไม่ได้สนใจฟังต่อ รีบวิ่งมาที่คฤหาสน์หาเฉินจิ้งหลัน
ต้องทราบว่า หลัวเจียฮุยเป็นน้องชายของเหวินหลวนสง ถึงแม้ตอนนี้จะตกระกำลำบาก แต่ก็ไม่ใช่คนที่จางจือซวนจะไปมีเรื่องด้วยได้แค่เพียงเหวินหลวนสงเบะปาก ตัวเขาเองก็อย่างหวังว่า จะได้หากินอยู่ในฮ่องกงอีกต่อไป
ดังนั้นเมื่อเข้าประตูมา จางจือซวนก็อยากจะชดเชยต่อหน้าของเหวินหลวนสง ตอนนี้ความคิดของเขาอยากจะหาคนมามัดเฉินจิ้งหลันไปไว้บนเตียงของหลัวเจียฮุยก็เกิดขึ้นมาแล้ว
“เสี่ยวเฉิน ไปโรงพยาบาลกับฉัน หากคุณชายหลัวไม่ให้อภัยเธอ หนังเรื่องนี้เธอก็ไม่ต้องแสดงแล้ว!”
อย่าดูถูกจางจือซวนเมื่ออยู่ต่อหน้าเหวินหลวนสงก้มหน้าก้มตา แต่ต่อหน้าดาราพวกนี้ เขามีสิทธิขาดในการสั่งการ
ในแวดวงดาราฮ่องกงนอกจาผู้สร้างหนังแล้วก็เป็นผู้กำกับที่ใหญ่ที่สุด ดาราใหญ่หลายคนที่มีชื่อเสียงเป็นสิบปี ล้วนแล้วแต่ไม่กล้ากับจางจือซวน
ดังนั้นสำหรับจางจือซวนแล้ว เฉินจิ้งหลันจะต้องฟังคำสั่งของตัวเองรีบไปขอโทษ แต่เขากลับไม่เห็นว่าคนรอบข้าง สีหน้าแปลกประหลาด
เยี่ยเทียนขมวดคิ้ว เมื่อซักครู่เกิดเรื่องมากมาย ผู้กำกับจางคนนี้กลับมีท่าทางแบบนี้ เยี่ยเทียนสงสัยจริงๆ ว่าสติปัญญาของเขานั้นโตเป็นผู้ใหญ่หรือยัง
……….
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น