หมอดูยอดอัจฉริยะ 330-332
ตอนที่ 330 เหวินหลวนสง
โดย
Ink Stone_Fantasy
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียน จั่วเจียจวิ้นถึงกับยิ้มขึ้นมา พูดว่า “นายดูไม่ออกนั้นถูกแล้ว ไม่อย่างนั้นจะเรียกว่าการพนันหินเหรอ”
อาศัยเทคนิคการทายกว้าที่แม่นยำ การพนันหินสำหรับจั่วเจียจวิ้นกลับไม่มีความหมายที่พูดออกมาได้ และเทคนิคการเสี่ยงทายพนันหินเป็นการทำลายข้อห้ามของคนบางคน
จั่วเจียจวิ้นเป็นอาจารย์ประเภทไหนนะ หากคุณกล้าที่จะชนะคาสิโนหลายร้อยล้าน เกรงว่าพอออกจากประตู ก็คงถูกเก็บให้ตาย จั่วเจียจวิ้นผู้รอบรู้ในการหลีกเลี่ยงความชั่ว ก็คงไม่ทำเรื่องอย่างนั้นแน่นอน
แต่การพนันหินไม่เหมือนกัน พวกนี้คือหยกชั้นดีที่มีการตั้งจิตวิญญาณแห่งสวรรค์และโลกไว้ในที่เดียว ก่อนที่จะขัดเงาออกมา ล้วนห่อหุ้มด้วยชั้นหิน หากคุณไม่ใช่เทพเซียน ก็อย่าได้คิดเพ้อเจ้อว่า จะเห็นสิ่งที่ซ่อนในหินว่าคืออะไร
ดังนั้นหลังจากการสัมผัสหินหยกดั้งเดิมครั้งแรกมานานกว่าสิบปี จั่วเจียจวิ้นก็หลงใหลการพนันหิน แต่เขาก็มีขอบเขต ภายในสิบกว่าปีหาได้เยอะแต่ก็จ่ายไปน้อย ไม่เหมือนกับนักพนันบางคนที่เล่นจนครอบครัวล่มจม
“ก้อนหินพวกนี้ก็เหมือนกัน จะดูอย่างไรว่าเป็นหยกหรือไม่”
เยี่ยเทียนก็นั่งยองๆ พร้อมกับดูหินที่ข้างเท้าสองสามก้อน ส่ายหัวแล้วพูดว่า “ของเล่นอย่างนี้ยังต้องพนันกันอีกเหรอ ถ้าในก้อนหินไม่มีหยก ทุกคนไม่ใช่ขาดทุนเหรอ”
พูดความจริงก็คือ เยี่ยเทียนไม่เคยศึกษาพวกหินหยกอะไรพวกนี้เลย เขาแม้กระทั่งหยกกับมรกตก็แยกไม่ออก
แนวคิดเรื่องหยกอ่อนหยกแข็งของเยี่ยเทียนแน่นอนว่าไม่รู้ มรกตเดิมทีก็เป็นแบบนี้ เครื่องประดับมรกตชั้นดีเหล่านั้น ไม่แน่ว่าอาจจะถูกตัดมาจากหินดิบที่น่าเกลียดพวกนี้
“ศิษย์น้อง นั่นนายก็ผิดแล้ว หินดิบพวกนี้ถูกขุดจากหลุมเก่าในพม่า ในสิบก็จะมีแปดหรือเก้าที่เป็นมรกต เพียงแค่คุณภาพของมรกตไม่เหมือนกันเท่านั้น
หลังจากได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียน จั่วเจียจวิ้นยิ้มแล้วก็ลากเยี่ยเทียนไปยังหินดิบด้านข้างที่มีน้ำหนักมากกว่า สองร้อยกิโลกรัม ชี้แล้วก็อธิบายทุกอย่างว่า “ศิษย์น้องดูสิ หินดิบก้อนนี้เคยถูกตัดออกมา ถือว่าเป็นการพนันครึ่งหนึ่ง คนที่มีประสบการณ์สามารถตัดสินคุณภาพของหยกได้จากตัดออกแล้วพิจารณาจากคุณภาพภายในได้ จากตรงนี้จะสามารถตัดสินใจได้ว่าจะซื้อหรือไม่…”
ลูกสาวกับลูกเขยกำลังเลือกหินดิบ จั่วเจียจวิ้นกลับพาเยี่ยเทียนไปเดินเล่นข้างใน ตามที่หินดิบที่มีลักษณะที่แตกต่างกัน แนะนำเยี่ยเทียนให้มีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการพนันหิน
การพนันหินนำมาซึ่งการพนัน ปัจจัยที่ไม่แน่นอนอาจจะมีผลใหญ่เกิดขึ้น
แต่ที่ตรงนี้ก็ได้มีการวิเคราะห์ทางเทคนิคแล้ว ผิวของหินดิบพวกนี้ โดยทั่วไปจะมีลายเส้น หลังจากที่มีการผุกร่อนหรือรอยร้าวเรียกว่า “ลายเส้นมังกร” พวกนี้เป็นปัจจัยหลักในการตัดสินคุณภาพของหินดิบว่าดีหรือไม่
แต่การพนันหินยังมีการพนันแบบทั้งหมดและการพนันแบบครึ่งหนึ่ง การพนันหินดิบ แบบทั้งหมด ก็คือหลังจากที่ขุดออกมาจะไม่มีการเฉาะออกมา นอกจากพิจารณาผิวหินด้านนอก จะไม่มีการพิจารณา ผิวด้านในของหินดิบ
อย่างไรก็ตามความเสี่ยงของการพนันทั้งหมดนั้นสูงมาก ไม่มีใครกล้ายืนยันสิ่งที่จะปรากฏในนั้น อาจจะเป็นชิ้นส่วนของหยกที่ล้ำค่า แต่หลายครั้งกลับไม่มีอะไรอยู่เลย
ส่วนการพนันครึ่งหนึ่ง ก็คือต้องให้อาจารย์ที่เชี่ยวชาญมากประสบการณ์ในการตัดบางส่วนออก ถ้าพูดแบบธรรมดาคือ การพนันครึ่งหนึ่งจากหินดิบที่ถูกตัดออกแล้ว ต่างก็จะปรากฎร่องรอยของมรกต
และผู้ที่ต้องการซื้อหยกเหล่านั้น จะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่ตัดหรือเปิดพวกนี้ออกมา เพื่อแยกแยะความแตกต่างของหินดิบว่ามีมรกตเป็นส่วนประกอบมากน้อยเพียงใดและคุณภาพอย่างอื่น
การพนันหินแบบครึ่งหนึ่ง กลับมีจำนวนมากกว่าการพนันทั้งหมด เพราะไม่ว่าจะพูดอย่างไร การเฉาะหรือเปิด ต่างก็พิสูจน์ว่าด้านในมีหยกอยู่จริง ก็พนันแค่คุณภาพหยกและจำนวนก็พอแล้ว
การพนันหินเข้ามาในประเทศจีนในยุค 80 ในปีที่ผ่านมาหยกได้รับความสนใจจากนักอัญมณีมากขึ้นเรื่อย ๆ การพนันหินก็ได้รับความนิยมมากขึ้นเช่นกัน การค้าขายหินดิบของฮ่องกงมีทุกครั้งที่มีการเสนอราคาหยกของส่วนกลาง ในพม่าก็ค่อยๆกลายเป็นสถานที่สำหรับนักอัญมณีบางคนที่ชอบแข่งขันกันลับๆ
“แปลก ทำไมปีนี้วัตถุการทายแบบครึ่งหนึ่งทำไมน้อยอย่างนี้”
ในขณะที่แนะนำเยี่ยเทียนให้รู้จักกับประวัติศาสตร์การพัฒนาและกฎพื้นฐานของการพนันหิน จั่วเจียจวิ้นก็กำลังเฝ้าสังเกตหินดิบที่ถูกส่งกลับจากพม่าในครั้งนี้ หลังจากดูไปอีกระยะหนึ่งใบหน้าที่ดูงุนงงก็ปรากฏขึ้น
โดยทั่วไปแล้ว วัตถุการพนันทั้งหมดส่วนใหญ่มาจากตลาดพม่า และเมื่อจัดส่งไปยังฮ่องกง ต้องเผชิญหน้ากับร้านค้าอัญมณี วัตถุหลายชิ้นได้ถูกเปิดออกมา
เหตุผลการทำแบบนี้มีสองเหตุ ประการแรกคือนักธุรกิจหินดิบเหล่านั้นสามารถได้รับกำไรมากขึ้นจากการ เจียระไนหยก ประการที่สองนักอัญมณีชอบซื้อวัตถุจาการพนันแบบครึ่งหนึ่ง ซึ่งสามารถลดความเสี่ยงให้กับพวกเขา
อย่างไรก็ตามในปีนี้มีหินดิบเพียง 50 หรือ 60 ชิ้นที่ถูกเฉาะออกมา อีกหลายพันชิ้นเป็นการพนัน แบบเดิมพันทั้งหมด นี่ก็ทำให้จั่วเจียจวิ้นงงงวย แต่ก็จนปัญญา
เนื่องจากการพนันแบบเดิมพันทั้งหมดค่อนข้างเยอะ เงินทุนของจั่วเจียจวิ้นก็มีจำกัด อยากไปแข่งการพนัน แบบเดิมพันทั้งหมดกับนักล่าอัญมณี กลับไม่มีความสามารถที่จะไปแข่ง
เมื่อจั่วเจียจวิ้นรู้สึกสับสนกับวัตถุหินดิบครั้งนี้ ชายวัยกลางคนวัยสี่สิบกว่าที่มีใบหน้าเหลี่ยมเดินมาใกล้ๆ ยิ้มแล้วถามว่า “เป็นอย่างไรบ้าง อาจารย์จั่ว เห็นวัตถุอะไรดีหรือยัง”
“อาสง นายก็มาร่วมสนุกด้วยกันเหรอ คุณยังมองหาเงินเล็กๆ จากการพนันอีกเหรอ” เมื่อเห็นมีคนมา จั่วเจียจวิ้นหัวเราะเยาะต่อว่า เห็นได้ชัดว่ารู้จักฝ่ายตรงกันเป็นอย่างดี
คนนั้นเมื่อได้ยินก็ยิ้มขึ้นมา พูดแบบไม่สนใจว่า “ที่ผมตามหาไม่ใช่เงินทอง แค่เป็นความตื่นเต้นของการ เดิมพันบนหินเท่านั้น อาจารย์จั่ว ท่านนี้คือน้องชายคุณเหรอ”
คนนี้รู้ว่าจั่วเจียจวิ้นถึงแม้จะดูสงบ แต่ไม่ชอบคบค้าสมาคมกับใคร เขารู้จักจั่วเจียจวิ้นมาเกือบ 20 ปี ยังไม่เคยเห็นเขาพาใครมาเป็นเพื่อนเลย
“ผมแนะนำให้พวกคุณรู้จักสักหน่อย ท่านนี้คือเยี่ยเทียน เป็นศิษย์น้องสำนักเดียวกันกับผม เยี่ยเทียน เขาชื่อว่าเหวินหลวนสง เห็นเขายังเด็กแบบนี้ แต่เป็นคนที่มีอิทธิพลต่อคนในตลาดหุ้นฮ่องกงที่กำลังประสบปัญหาอยู่!”
เมื่อตอนที่พาเยี่ยเทียนไปดูหินดิบอยู่นั้นก็ได้มีคนมาทักทาย มีคนมาสอบถามเรื่องสถานะของเยี่ยเทียน จั่วเจียจวิ้นก็นำความสุขติดตัวมาตลอด แต่เมื่อเจอคนที่ชื่อเหวินหลวนสง เห็นได้ชัดว่าปฏิบัติกับฝ่ายตรงข้ามไม่เหมือนเดิม
“อ๋อ ที่แท้ก็เป็นสำนักเดียวกันกับอาจารย์จั่ว ขออภัยที่เสียมารยาท ขออภัยที่เสียมารยาท น้องเยี่ยนี่ประสบความสำเร็จตั้งแต่ยังเล็กเลยนะ”
เยี่ยเทียนยิ้ม พูดถ่อมเนื้อถ่อมตัวว่า “ไม่หรอกครับ อาจารย์ชื่อดังอะไรกัน ชื่อเยี่ยก็คงเหมือนฟ้าแลบแปร๊บเดียว…”
เยี่ยเทียนรู้จักเศรษฐีในฮ่องกงนั้นไม่เยอะเท่าไหร่ นอกจากถังเหวินหย่วนแล้ว ก็เหมือนกับหลี่เชาเหรินเป็นเศรษฐีที่ รู้จักกันผิวเผิน แต่ก็บังเอิญที่เขากลับรู้จักคนที่อยู่ด้านหน้าท่านนี้
ตอนที่อาศัยในบ้านที่หรูหราของถังเหวินหย่วน ก็กลัวเยี่ยเทียนเหงา ถังเหวินหย่วนก็ขอให้อาติงส่งหนังสือพิมพ์ นิตยสารของฮ่องกงให้เขามากมาย และเหวินหลวนสงท่านนี้ก็ปรากฏอยู่หน้าปกหลายครั้ง ซึ่งมีมากกว่าดาราภาพบนตร์อีก
เหตุผลหลักที่เยี่ยเทียนให้ความสนใจเขา ยังคงเป็นประวัติความรักของเหวินหลวนสง มีดาราหญิงหลายคน ที่เยี่ยเทียนชื่นชอบ ต่างก็มีการทะเลาะเบาะแว้งในเรื่องความรักกับเขา นี่ก็เลยทำให้เยี่ยเทียนจำชื่อของเขาได้
แต่เยี่ยเทียนกลับไม่รู้ว่า เหวินหลวนสงอายุไม่ถึงห้าสิบก็จัดอยู่ในหมู่คนร่ำรวยในฮ่องกงแล้ว ไม่ใช่เล่นผู้หญิงไปวันๆ เท่านั้น
ตอนที่เหวินหลวนสงอายุยี่สิบหกยี่สิบเจ็ด ก็เริ่มตั้งแต่ศูนย์ในการเริ่มก่อตั้งบริษัทจดทะเบียนในตลาด ต่อมาหลังจากเข้าสู่ตลาดหุ้นในปี 1980 ก็เริ่มร่ำรวยมากขึ้น ทำให้คนรู้จักอย่างรวดเร็ว
ได้พัฒนาจนมาถึงปัจจุบัน เหวินหลวนสงได้มีบริษัทที่จดทะเบียน 4 บริษัท มีมูลค่าตลาดรวมกัน ขึ้นเป็นเศรษฐีสิบอันดับแรก ก็กลายเป็นกลุ่มมหาเศรษฐีในฮ่องกง มีการขยายธุรกิจในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ สื่อ การก่อสร้างและการผลิต
เหวินหลวนสงนอกจากจะหาเงินและคบกับดาราสาวแล้ว น้อยคนมากที่จะรู้ว่า สิ่งที่เขาสนใจมากที่สุด ก็คือการพนันก้อนหิน
ครอบครัวของเหวินหลวนสงตอนนี้ ก็คงไม่คำนึงถึงผลกำไรจากการพนัน แต่รู้สึกชื่นมื่นกับหยกอันวิจิตรที่มาจากหิน กลับทำให้เขารู้สึกมีความสุขจนหายเหนื่อย
ราคาของหินดิบในฮ่องกงสองสามปีมานี้มีมูลค่าเพิ่มขึ้น ไม่เกี่ยวกับเงินก้อนใหญ่ของเหวินหลวนสง เพียงแต่เขาให้ราคาคนเป็น หลังจากการเดิมพันเพิ่มขึ้นมักไม่เปลี่ยนตามอำเภอใจ บางครั้งก็มีการประเมินหยกที่ขายไว้ ไม่ได้ต่อต้านพื่อนร่วมงานทุกคนในอุตสาหกรรมเครื่องประดับ
“เอ้อ อาสง ปีนี้หินดิบพวกนี้เกิดอะไรขึ้นทำไมส่วนใหญ่ถึงเป็นวัตถุที่มีการพนันแบบทั้งหมด การพนันแบบครึ่งหนึ่งทำไมถึงน้อยแบบนี้”
หลังจากที่แนะนำเยี่ยเทียนและเหวินหลวนสงให้รู้จักซึ่งกันและกันแล้ว จั่วเจียจวิ้นหันความสนใจของเขาไปที่ หินหยกดั้งเดิมอีกครั้ง เขารู้ว่าเหวินหลวนสงชอบการพนันหินมาก บางครั้งถึงกับไปประมูลที่ตลาดพม่า ถามเขาคงได้ความแม่นยำแน่นอน
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของจั่วเจียจวิ้น เหวินหลวนสงพูดว่า “อาจารย์จั่ว หลายประเทศในพม่ากำลังต่อสู้กันอยู่ นอกจากนี้ยังมีปัญหาในสามเหลี่ยมทองคำที่เจรจากันไม่ได้ ผู้ค้าหินดิบจำนวนมากถูกลักพาตัวไปพม่า การประมูลในปีนี้เกือบจะไม่ได้จัดแล้ว…”
เพราะหยกผลิตในพื้นที่แคบกว่า 100 กิโลเมตรในพม่าเท่านั้น ดังนั้นหากคุณต้องการซื้อหยกคุณต้องเข้าไปลึกในดินแดนพม่า แต่ตอนนี้พม่ากำลังลุกเป็นไฟ ไม่มีใครที่จะมีเวลาไปขุดหยกหรอกนะ
อดีตเจ้าของเหมืองหยกพม่าเจาะหยกมรกตมาเพื่อขาย เพื่อได้รับประโยชน์อย่างมหาศาล แต่ตอนนี้พวกเขา ไม่สามารถดูแลได้อีกต่อไป ส่วนใหญ่จะขุดออกมาแล้วขายหินดิบโดยตรง
ตอนนี้วัตถุดิบที่ใช้ในการพนันครึ่งหนึ่งที่อยู่ในเหมือง ส่วนใหญ่ถูกตัดโดยผู้ขายมือสอง เพราะความเสี่ยงของแคลไซต์มากเกินไป ดังนั้นถึงมีวัตุดิบที่ใช้ในการพนันแบบทั้งหมดเป็นส่วนใหญ่ สถานการณ์นี้การพนันครึ่งหนึ่งก็เลยน้อย
ไม่เพียงเท่านี้ ราคาหินดิบซื้อขายในครั้งนี้ ก็เพิ่มขึ้น 60% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว สาเหตุก็ง่ายมาก ผู้ค้าหินดิบเหล่านี้ต้องเสี่ยงต่อชีวิต ที่จะขนย้ายหินออกมาจากพม่า
“ได้ การทำธุรกิจร้านค้าเล็กๆของผมไม่กี่ร้านในปีหน้าต้องไม่ดีอย่างแน่นอน…”
หลังจากที่ฟังเหวินหลวนสงอธิบาย จั่วเจียจวิ้นยิ้มขึ้นมา แต่เขาก็ไม่ใส่ใจอะไร แม้ว่าสัดส่วนการขาย เครื่องประดับหยกในอุตสาหกรรมเครื่องประดับนั้นเพิ่มขึ้นทุกปี แต่เมื่อเทียบกับเพชรทองคำยังห่างไกลกันอยู่มาก
“อาจารย์จั่ว ก็แค่หยกไม่กี่ชิ้นนี่ กลับไปผมจะพนันเยอะกว่าเดิม คุณก็ดูว่าชิ้นไหนดีก็หยิบไป”
คำพูดของเหวินหลวนสงทำให้เยี่ยเทียนอดที่จะมองเขาไม่ได้ ไม่น่าล่ะผู้ชายคนนี้ไม่เพียงที่จะยกคฤหาสน์ให้กับดาราหญิง ยังใจกว้างกับผู้ชายด้วยกันเองอีกด้วย
……
ตอนที่ 331 การเดิมพันหิน
โดย
Ink Stone_Fantasy
“แหะๆ อาสง คุณกับผมก็เหมือนกัน นั้นก็เป็นความบันเทิง เรื่องของบริษัทอย่าไปกังวลก่อนเลย…”
หลังจากได้ยินเหวินหลวนสง จั่วเจียจวิ้นก็หัวเราะดังขึ้นมา กลับไม่ไดัรับน้ำใจในครั้งนี้ ฐานะของเขาในปัจจุบัน เพราะหยกไม่กี่ชิ้นเป็นหนี้บุญคุณน้ำใจ นั่นเป็นเรื่องที่ไม่คุ้มค่าอย่างแน่นอน
เหวินหลวนสงรู้ว่าหยกไม่กี่ชิ้นนี้ก็คงไม่อยู่ในสายตาของจั่วเจียจวิ้นอย่างแน่นอน ตอนนั้นได้หัวเราะขึ้นมา พูดว่า “อาจารย์จั่ว ไม่อย่างนั้นพวกเราลองมาประลองกันไหม ดูว่าใครจะได้หยกดีที่สุด เป็นยังไง”
คำพูดของเหวินหลวนสงนี้กลับไม่ได้มีความหมายยั่วยุอะไร คนฮ่องกงอยู่ใกล้กับเกาะมาเก๊า แทบจะไม่มีใครที่ไม่ เล่นการพนัน ข้อเสนอแนะของเขาคือการเพิ่มโชคลาภในการซื้อขายในครั้งนี้
นี่เป็นสิ่งที่พบได้ทั่วไปในวงการเศรษฐี ก็เหมือนตอนที่หลี่เชาเหรินที่นัดฮั้วต้าเหิงตีกอล์ฟ มักจะมีการเล่นการพนันกอล์ฟ นัดหนึ่งจะมีราคาหนึ่งแสนดอลลาร์
แน่นอน ฐานะบ้านพวกเขา เงินที่เดิมพันนี้ไม่มีอะไรมาก ยิ่งกว่านั้นไม่ได้ทำร้ายน้ำใจอะไรกัน นี่ก็คือความสุข ของการเดิมพันเล็กๆ น้อยๆ
“ดี ถ้าคุณสนใจ ชายชราคนนี้จะพนันเป็นเพื่อนคุณ”
จั่วเจียจวิ้นก็ไม่ได้สนใจในคำเชิญของฝ่ายตรงข้าม ทันใดนั้นก็พูดว่า “อาสง ถ้าคุณชนะผมได้ ผมจะช่วยคุณทำนาย ดวงชะตาให้ ส่วนเรื่องน้องชายของคุณ ก็ไม่ต้องถามอะไรเยอะ เป็นการละเมิดสวรรค์และไม่มีใครสามารถมีชีวิตอยู่ได้”
หลังจากที่ได้ยินจั่วเจียจวิ้น สีหน้าของเหวินหลวนสงดูอึดอัดใจ ถามอย่างสงบเสงี่ยมว่า“ครับ อาจารย์จั่ว ผมจะไม่ถามถึงเขาอีกแล้ว วันนี้ผมคงต้องแพ้แล้ว หินดั้งเดิมที่ผมซื้อมาทั้งหมดก็คืนให้คุณแล้ว”
จั่วเจียจวิ้นไม่กี่ปีมานี้น้อยมากที่จะทำนายดวงชะตาให้คนอื่น ใช้ทองพันชั่งมาบรรยายตัวเขาก็ถือว่าน้อยเกินไป เหวินหลวนสงรู้ว่าถ้าตัวเองแพ้ จะทำให้อาจารย์จั่วมีความสุขได้ นั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องที่คุ้มค่ามาก
หลังจากที่ยืนยันว่าจะลงพนันกับเหวินหลวนสง จั่วเจียจวิ้นมองไปที่เยี่ยเทียน แล้วพูดว่า “ศิษย์น้อง ฉันจะเลือกก้อนหินมาไม่กี่ก้อน แกตามฉันมาก็พอ เดี๋ยวฉันจะเล่นสักรอบสองรอบ ถ้าไม่สนใจ ก็ไปดื่มชาที่ตรงนั้น”
“ศิษย์พี่ ไม่ต้องมาดูแลผมหรอก ไม่แน่ผมอาจจะไปพนันหินสักสองสามก้อนเล่นก็ได้”
ฉากนี้กลับเป็นฉากที่เหวินหลวนสง จดจำได้ขึ้นใจ ไม่รู้ว่าศิษย์น้องของจั่วเจียจวิ้นมาจากไหน ทำให้เขาใส่ใจขนาดนี้ในใจของเหวินหลวนสงกลับมีความคิดที่อยากจะคบหาเยี่ยเทียนขึ้นมา
จั่วเจียจวิ้นเรียกหลานสาวมา พูดว่า “ได้ งั้นก็ให้ติงติง ไปเดินไปเป็นเพื่อนแกหน่อย”
“ได้ ศิษย์พี่ พี่ไปทำธุระเถอะ” รอหลังจากที่จั่วเจียจวิ้นและเหวินหลวนสงจากไป เยี่ยเทียนถามว่า “ติงติง เหวินหลวนสงคนนั้นมาหาศิษย์พี่เพื่อดูดวงเหรอ”
เยี่ยเทียนมองใบหน้าของเหวินหลวนสง ถึงแม้ว่าจะมีดวงดอกท้อ แต่ไม่ได้มีผลกระทบต่อโชคลาภทางการเงิน และโชคลาภในช่วงวัยกลางคนนั้นจะแข็งแกร่งมาก อย่างน้อยก็สิบปีโดยไม่มีปัญหาใดๆ
แต่คางของเหวินหลวนสงสั้นไปหน่อย เกรงว่าหลังจากที่ผ่านอายุหกสิบจะเกิดเรื่องยุ่งยากไม่หยุด และไม่แน่ว่าอาจจะติดคุกได้
“อาเล็ก คุณอาที่เจ้าชู้คนนั้นมาหาคุณตาตลอดตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่คุณตา ไม่ชอบพวกคนที่เล่นหุ้นจึงไมค่อยยุ่งด้วย คิดไม่ถึงว่าเขาจะใช้การพนันหินมาดึงดูดคุณตา…”
เห็นได้ชัดว่าหลิวติงติงมีความรู้สึกที่ไม่ดีกับเหวินหลวนสง แต่เรื่องนี้เธอก็เข้าใจดีว่าเกิดอะไรขึ้น
ที่จริงหลังจากการเริ่มต้นของความวุ่นวายทางการเงินในเอเชียเมื่อปีที่แล้ว ธุรกิจของเหวินหลวนสงก็มีปัญหามาก ทรัพย์สินของเขาหดตัวลงอย่างรวดเร็ว นี่ทำให้เขาตกอยู่ในสภาพที่อึดอัดมาก เลยคิดถึงคำแนะนำของ จั่วเจียจวิ้น เมื่อสิบปีที่แล้ว
สิบปีก่อนจั่วเจียจวิ้นเคยดูดวงให้กับเหวินหลวนสง ให้เขาระวังช่วงวัยกลางคนไว้ ไม่อย่างนั้นในตอนอายุ 46 จะเสียทรัพย์สิน ถ้านับปีที่แล้วตัวเองเพิ่งจะอายุ 46 ปีพอดี เหวินหลวนสงตอนนี้ก็มาเจอกับจั่วเจียจวิ้น เลยอยากจะสอบถาม หาทางแก้ปัญหา
“ศิษย์พี่บอกว่าพี่ชายคนนั้นเป็นใครนะ”เยี่ยเทียนถามต่อ
“คนนั้นคือครอบครัวที่รวยชั่วข้ามคืน เมื่อก่อนเคยเป็นอัจฉริยะด้านอสังหาริมทรัพย์ตั้งแต่อายุยังน้อย วัยอายุยี่สิบก็กลายเป็นเศรษฐีร้อยล้าน แต่ละวันก็เล่นดาราหญิงไปวันๆ ต่อมาเหวินหลวนสงก็เล่นหุ้นจนขาดทุน หลังจากประสบกับความวุ่นวายทางการเงิน ครั้งนี้ทรัพย์สินในตระกูลของเขาก็ชักหน้าไม่ถึงหลัง
หลิวติงติงมีประสบการณ์ที่แย่กับคนนั้น ตอนที่พูดมีใบหน้าที่ดีอกดีใจกับความโชคร้ายของคนอื่นอย่างเห็นได้ชัด หรือในสายตาของผู้หญิง ผู้ชายเจ้าชู้ไม่ใช่คนดีใช่ไหม
“ติงติง เธอมาที่นี่ได้ยังไง” ในขณะที่เยี่ยเทียนและหลิวติงติงคุยกันอยู่ตรงนั้น เสียงของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งก็ดังขึ้นมา
หลิวติงติงก็มองไปยังที่มาของเสียง ตำแหน่งนั้นอยู่ห่างจากเยี่ยเทียนสี่ห้าเมตร ผู้ชายหนึ่งผู้หญิงหนึ่งที่ยืนอยู่ หันมาโบกไม้โบกมือให้กับตัวเองมีสีหน้าดีอกดีใจ ตะโกนเสียงดังว่า “นันนัน เฮ้ ยัยลูกบอลก็มาแล้ว”
เสียงของหลิวติงติงดังมาก ดึงดูดให้คนรอบข้างต่างก็มองไปที่ชายหญิงคู่นั้น ทั้งคู่ดูมีสีหน้าที่ดูอึดอัดใจ เดินมาด้านข้างหลิวติงติงอย่างอารมณ์ไม่ดี เดินมาชนแขนด้านหลังแล้วพูดว่า “หลิวติงติง ไม่อนุญาตให้เธอตะโกนชื่อเล่นพวกเราออกมา ยัยอ้วน”
“เอาล่ะ ที่ฉันตะโกนออกไปเพราะไม่ใช่ดีใจหรือยังไง” หลิวติงติงรีบขอความเมตตาแต่โดยดี
“ดีใจก็ไม่ให้ตะโกน”
เด็กหญิงคนนั้นมองมาที่เยี่ยเทียน ทันใดนั้นใบหน้าก็ปรากฏความเจ้าเล่ห์ออกมา ยิ้มพูดว่า “คุณติงติงของพวกเรามีความรักเมื่อไหร่กันทำไมจู่ๆไม่พูดไม่จาก็มีแฟนแล้ว”
“เธออย่าพูดจามั่วซั่วสิ…”
หลิวติงติงตกใจกับคำพูดของหญิงสาวคนนั้น รีบปิดปากของเธอ พูดว่า “นั่นคือศิษย์น้องของตาฉัน ฉันต้องเรียกว่าคุณอา เธออย่าพูดมั่วซั่วเด็ดขาดนะ”
การฝึกฝนในวัยเยาว์ของเยี่ยเทียนนั้นสูงมาก ในสายตาของหลิวติงติงถือว่าเป็นตัวประหลาด มีบางอย่างที่ทำให้อาวุโสขึ้น เธอกับเยี่ยเทียนไม่ไม่มีความสัมพันธ์อะไรเกิดขึ้นแน่นอน
“อาเหรอ” ผู้หญิงคนนั้นถึงกับมีสายตาที่ตะลึง พูดต่อพลางเบะปาก “ใครจะเชื่อ หลิวติงติง เธอจะหลอกก็หาเหตุผลที่ดีกว่านี้หน่อย”
“ติงติง สองท่านนี้คือ” ในขณะที่ฟังทั้งสองพูดกันเสียงเจี๊ยวจ๊าว ในใจของเยี่ยเทียนได้แต่ขำ คนที่ยืนอยู่ตรงนั้นเที่ยววิพากษ์วิจารณ์คนอื่น ทำให้เยี่ยเทียนกลับไม่ชิน
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียน หลิวติงติงก็ชี้ไปยังชายหนุ่มคนนั้นแล้วพูดว่า “อา เขาชื่อว่าฟ่านเฉ่ากั๋ว เขาเป็นผู้สืบทอดเครื่องประดับจินไท่ฟู่ ตอนเล็กๆ อ้วนราวกับลูกบาส ดังนั้นพวกเราก็เลยเรียกเขาว่าลูกบอล…”
ชายหนุ่มคนที่ถูกหลิวติงติงพูดถึงก็ทำหน้าอย่างจนปัญญา พูดออกมาว่า “หลิวติงติง ตอนที่เธอยังเล็กก็ไม่ผอมไปมากกว่าฉันหรอก”
“ไม่ต้องเรียกฉายาอีกแล้วนะ” ชายหนุ่มช่วยออกรับแทนแฟน
“ได้ ไม่เรียกแล้ว”หลิวติงติงยิ้มหัวเราะชอบใจ ชี้ไปที่หญิงสาวแล้วพูดว่า“อา เธอชื่อเหวินเหวิน เป็นเพื่อนสนิทของฉัน ชื่อเล่นของเธอคือ “นันนัน”
“ฉันอีกทีสิ” เหวินเหวินกับหลิวติงติงชอบหยอกล้อกัน เดินมาข้างหน้าเกาที่ตรงเธอคัน ทั้งสองก็หัวเราะด้วยกัน
“คุณเยี่ยท่านนี้…คุณเยี่ย คุณเป็นผู้อาวุโสของติงติงจริงเหรอ ”ฟ่านเฉ่ากั๋วพูดกับคนอื่นอย่างสุขุม มองไปที่แฟนสาวที่กำลังหยอกล้ออยู่ด้านข้าง กลับชวนเยี่ยเทียนพูดคุยด้วย
“ใช่ ผมกับตาของเธอมีความสัมพันธ์กัน ”เยี่ยเทียนยิ้มแล้วพยักหน้า ในใจก็รู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อหลิวติงติงต้องมาเจอกับเพื่อนสนิทอย่างนี้
เมื่อได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียน ฟ่านเฉ่ากั๋วถึงกับระมัดระวังตัวอย่างเห็นได้ชัด
จั่วเจียจวิ้นเป็นใคร ฟ่านเฉ่ากั๋วก็รู้เป็นอย่างดี และเยี่ยเทียนก็เป็นศิษย์น้องของจั่วเจียจวิ้น และแน่นอนก็ถือว่าเป็นผู้อาวุโสกว่าตัวเอง แค่เยี่ยเทียนเด็กเกินไปก็เท่านี้เอง ทำให้เขาไม่รู้ว่าจะเรียกว่ายังไงดี
เยี่ยเทียนเป็นคนที่มีสายตาเฉียบแหลม ดูออกว่าฝ่ายตรงข้ามไม่เป็นธรรมชาติ ในตอนนั้นก็ได้แต่ยิ้มพูดว่า “น้องฟ่าน พวกคุณคุยกันไปนะ ผมจะไปเดินคนเดียวก่อน…”
“เอ๋ อาฉันล่ะ”หลังจากที่สติของหลิวติงติงกลับมา เยี่ยเทียนก็หายไปจากข้างหน้าเธอแล้ว
หญิงสาวไม่ยอมปล่อยหลิวติงติงไป ยิ้มแล้วพูดว่า “ติงติง อาเธอคนนั้นหล่อจริงๆ นะ ไม่ได้ด้อยไปกว่าเฉ่ากั๋วของฉัน”
“อะไร พวกคุณไม่รู้เหรอ อาของฉันเก่งมากๆ…” หลิวติงติงพูดถึงตรงนี้ถึงกับหยุดพูดทันที ไม่อยากพูดมากกว่านี้ ความสามารถวิชาอาคมไม่อยากให้คนอื่นรู้ ถ้าตารู้ว่าตัวเองพูดจาเหลวไหล ต้องถูกต่อว่าอย่างแน่นอน
……
เยี่ยเทียนเดินออกไปจากหลิวติงติงและคนอื่นๆตั้งนานแล้ว ในตอนนั้นเขายืนคิดอยู่ข้างวัตถุก้อนหนึ่ง ที่หนักถึงหนึ่งพันกิโลกรัม วัตถุก้อนนี้เป็นวัตถุที่ใหญ่ที่สุดในงาน
นี่คือวัตถุหนึ่งก้อนที่พนันแบบครึ่งหนึ่ง ด้านข้างของวัตถุถูกให้เห็นช่องโหว่ใหญ่ๆอันหนึ่ง แค่ปาดครั้งเดียวมีดก็คงหัก เพราะช่องหน้าต่างที่เปิดออก เต็มไปด้วยผลึกหมอกสีขาว ไม่มีร่องรอยของหยกปรากฏขึ้นมาเลย
“วัตถุที่ใช้พนันทั้งหมดถูกห่อหุ้มด้วยหิน ไม่สามารถรับรู้ถึงพลังด้านใน แต่วัตถุการพนันแบบครึ่งหนึ่งสามารถทำได้ ถ้าเปิดออกจากตรงนี้ ก็น่าจะรับรู้ได้แล้วใช่ไหม”
เมื่อครู่จั่วเจียจวิ้นได้อธิบายให้เยี่ยเทียนฟังถึงความแตกต่างระหว่างการพนันแบบเต็มและการพนันแบบครึ่ง เยี่ยเทียนก็ใช้ความคิด ถ้าเข้าไปในหลุมทรัพย์แล้วกลับมามือเปล่าก็คงไม่ใช่สไตล์ของเขา เมื่อได้มาแล้ว ก็น่าจะเอาอะไรกลับไปด้วยหน่อย
และคุณสมบัติพวกมรกตจะแข็งกว่าหยกหน่อย รวมทั้งเหมาะกับการใช้ในค่ายกล หากเจอคุณสมบัติหยกที่ดี วางไว้ในเรือนสี่ประสาน ผ่านไปหลายปีก็อาจจะกลายเป็นเครื่องรางได้
เยี่ยเทียนเคยสอบถามราคาของมรกต มรกตที่ดีมีราคานับสิบล้าน อาศัยฐานะตัวเองในตอนนี้ไม่สามารถซื้อได้แน่ๆ ดังนั้นได้แต่เอาความคิดไปวางไว้บนหินดั้งเดิม
แล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ เยี่ยเทียนดูเหมือนว่าจะยืนพิจารณาหินดั้งเดิมอยู่ตรงนั้น ความเป็นจริงพลังจากด้านในได้ทะลักออกมาจากด้านในร่างกายของเขา ค่อยๆ มุดเข้าไปที่ด้านหน้า หินดั้งเดิมที่เปิดออกนั้นอย่างเงียบๆ
“ไม่น่าล่ะถึงบอกว่าเป็นการพนันหิน ด้านในนี้ไม่มีพลังสักนิด ใครซื้อไปก็คงซวยน่าดู”
หลังจากที่พลังที่อยู่ในหินดั้งเดิมลอยไปสักครู่ใหญ่ๆ ใบหน้าของเยี่ยเทียนมีสีหน้าที่ผิดหวังเมื่อตอนที่เก็บพลัง จู่ๆ คิ้วก็ยกขึ้น
“อืม นี่…หรือว่าเป็นหยกเหรอ” สายตาของเยี่ยเทียหันไปจ้องที่มุมขวาของหินดั้งเดิม เพราะเขารับรู้พลังได้จากตรงนั้น
ไม่เหมือนกับกระแสพลังหยินหยาง พลังในก้อนหินนี้แฝงด้วยความเยือกเย็นและความเงียบเหงา แต่กลับมีความบริสุทธิ์มาก ซึ่งคล้ายกับโสมร้อยปีที่ซ่อนอยู่ในบ้านของเยี่ยเทียน ทั้งหมดเป็นการตั้งจิตวิญญาณ แห่งสวรรค์และโลกไว้ในที่เดียว
……
ตอนที่ 332 การประมูล
โดย
Ink Stone_Fantasy
“หินก้อนใหญ่อะไรขนาดนี้ มีแค่หยกเม็ดนิดเดียว มันไม่สมเหตุสมผลเลยนะ”
เยี่ยเทียนส่ายหัว เขารู้สึกได้ว่า หยกที่อยู่ในก้อนหินที่ใหญ่น้ำหนักพันกว่ากิโลกรัมนี้ ใหญ่ไม่เท่ากำปั้น เยี่ยเทียนก็ไม่มีความสนใจกับหินก่อนนี้ทันที
หลังจากที่ออกจากหินก้อนนั้น เยี่ยเทียนอยู่ในงานเดินกวัดแกว่งไปมา ในครั้งนี้ไม่ค่อยมีหินที่ใช้ในการเดิมพันแบบครึ่ง ที่เดิมพันกันก็มีราคาอยู่ที่ไม่กี่สิบหยวน หลังจากสองสามชั่วโมง เยี่ยเทียนก็ดูครบหมดแล้ว
เพียงแต่ว่าผลลัพธ์มันทำให้เยี่ยเทียนผิดหวัง ในก้อนหินที่ถูกตัดออกมาพวกนี้ ครึ่งหนึ่งมีพลังที่เบาบางมาก ยังมีอีกครึ่งหนึ่งที่ข้างในจะมีพวกหยกเขียวขนาดเล็ก นอกจากนั้นหนึ่งในสามก็จะเป็นเพียงแค่หินรูปไข่ที่ไม่มีค่า
“คุณอา วิ่งไปไหนมา ฉันหาอามาครึ่งวันแล้ว”
ตอนที่เยี่ยเทียนรู้สึกกระหายน้ำอยากหาน้ำดื่มสักหน่อยเดินกลับไปที่หน้าประตู หลิวติงติงก็มาปรากฏอยู่ ตรงหน้าของเขา ฟ่านเฉากั๋วและเหวินเหวินก็ยืนอยู่ข้างๆ เธอ
เยี่ยเทียนมองด้วยสายตาแปลกใจ ใช้มือหยิบขวดน้ำแร่ฟรีจากโต๊ะมาหนึ่งขวด พูดว่า “ฉันกำลังดูหินพวกนี้อยู่ ทำไมหรอ”
หลิวติงติงเบะปาก พูดว่า “คุณปู่เพิ่งดุฉันว่า ทำไมไม่ติดตามคุณอา”
“กลัวฉันหลงหรือไง ศิษย์พี่มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”
เยี่ยเทียนได้ยินแล้วก็หัวเราะขึ้นมา การลำดับชั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ยุ่งยากจริงๆ ตัวเองจริงๆ แล้วอายุน้อยกว่าหลิวติงติง แต่ว่าอยู่ตรงหน้าของเธอ ก็มีความรู้สึกได้ถึงความมีอาวุโสกว่า
หลิวติงติงพูดว่า “การประมูลซื้อขายหินพวกนี้จะเริ่มแล้ว คุณปู่ให้มาตามคุณอา ไปช่วยดู”
“ดี งั้นไปกันเถอะ”
เยี่ยเทียนพยักหน้า เดินตามหลิวติงติงเข้าไปในอาคารที่มีเพียงหลังเดียวเท่านั้น พอเข้าไปถึงก็พบว่าจั่วเจียจวิ้นมานั่งรออยู่ในห้องก่อนหน้านี้แล้ว
“เยี่ยเทียน เป็นอย่างไรบ้าง เจอก้อนหินดีๆ อะไรบ้างไหม”
เมื่อได้เห็นเยี่ยเทียนเดินเข้ามา จั่วเจียจวิ้นก็ลุกขึ้นยืนโบกมือไปมาให้เขา โดยปกติแล้วจั่วเจียจวิ้นจะเรียกชื่อเยี่ยเทียนว่าเป็นศิษย์น้องในที่ส่วนตัวหรือว่าต่อหน้าเพื่อนๆ
จั่วเจียจวิ้นแสดงความรักใคร่สนิทสนมกับเยี่ยเทียนเช่นนี้ ทำให้คนที่อยู่ภายในงานต่างจ้องมองไปที่เยี่ยเทียน
แม้ว่าจั่วเจียนจวิ้นเป็นคนที่มีอาชีพเกี่ยวกับพวกอัญมณี แต่ว่าเขาก็เข้าร่วมงานในกลุ่มนี้น้อยมาก เพียงแต่ว่าเมื่อพวกหินเริ่มเป็นที่นิยมกันทั่วไป หลังจากนั้นถึงค่อยมาร่วมงานบ้างเป็นบางครั้งบางคราว แม้ว่ากับใครก็จะเกรงใจไปหมด แต่ว่าไม่เคยที่จะเห็นการทักทายอย่างรักใคร่สนิทสนมแบบนี้มาก่อน
เยี่ยเทียนพยักหน้า เดินไปข้างๆ จั่วเจียจวิ้นแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ พูดเสียงต่ำว่า “จริงๆ แล้วถ้าไม่ได้อยู่ในสายอาชีพนี้ละก็ จะไม่เข้าใจเลยนะศิษย์พี่ ช่องทางของการเดิมพันหินพวกนี้ค่อนข้างลึกซึ้ง ทั้งหมดที่ผมดูมาผมยังไม่เข้าใจเลย”
แม้ว่าก่อนหน้านี้จั่วเจียจวิ้นจะเคยแนะนำลายเส้นมังกรที่แยกออกเป็นสองส่วนหรืออะไรสักอย่างให้เขาแล้ว ในสายตาของเยี่ยเทียนก็รู้สึกว่าพวกหินเหล่านั้นก็ลักษณะคล้ายกัน เขาแยกไม่ออกเหมือนกันว่าอันไหนดีหรือไม่ดี
“ฮ่าฮ่า ก่อนนั้นฉันก็เป็นแบบนี้ น้องเยี่ย ถ้ามีโอกาสก็ลองๆ เล่นดูก็จะเข้าใจไปเอง”
จั่วเจียจวิ้นยังไม่ทันได้ตอบกลับ คนที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาเหวินหลนสงก็หัวเราะเสียงดังขึ้นมา คำพูดที่ปนกับความสนิทสนม ทำให้คนในบริเวณรอบๆ ชำเลืองมองเยี่ยเทียนแบบไม่หยุด
เหวินหลนสงกับจั่วเจียจวิ้นมีสถานะที่แตกต่างกันเล็กน้อย อีกคนเป็นปรมาจารย์ด้านฮวงจุ้ย มีความเชียวชาญในการทำนาย ดังนั้นจึงมีหลายคนพยายามคาดเดาที่มาของเยี่ยเทียน
โชคดี ที่ผู้ที่มารวมตัวกันในที่นี่ ต่างก็มีฐานะทางสังคมและรู้จักกันดีอยู่แล้วจึงไม่มีใครวิพากษ์วิจารณ์อะไร เวลาผ่านไปประมาณสิบกว่านาทีแล้ว การประมูลก็เริ่มขึ้น
“เพื่อนร่วมงานในวงการเครื่องประดับทุกท่าน รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาศร่วมงานกันอีกครั้ง ทุกท่านต่างรู้ดีว่า ช่วงนี้ประเทศพม่าไม่ค่อยสุขสงบเสียเท่าไหร่ ทำให้ตลาดค้าขายหยกขยายตัวเพิ่มขึ้นมาก ขอไม่ลงรายละเอียดมากมายในส่วนนี้ ลำดับถัดไปขอเปิดพิธีการประมูลค้าขายหินอย่างเป็นทางการ”
ชายวัยกลางคนอายุประมาณสี่สิบกว่าปีที่กำลังพูดอยู่ เป็นคนฮ่องกง หน้าที่ประจำของเขาในงานประมูลหยก ก็คือการจัดการเรื่องต่างๆ ภายในงานนี้ และเขาเองก็เป็นผู้มีส่วนร่วมในการจัดงาน
การประมูลค้าขายหินในฮ่องกงครั้งนี้ ไม่เหมือนกับการประมูลที่พม่า
การประมูลในพม่าทั่วไปนั้น มีทั้งการประมูลแบบเปิดและแบบปิด การประมูลแบบปิดจะให้คนที่ประมูล เขียนหมายเลขลงในก้อนหิน หลังจากนั้นก็เขียนจำนวนเงินของตัวเอง ต่อไปก็จัดลำดับว่าใครให้ราคาสูงที่สุด ก้อนหินก็จะตกเป็นของคนที่มีหมายเลขนั้น ส่วนการประมูลแบบเปิดนั้นจะยุ่งยากน้อยกว่า ได้ราคาที่ต่ำกว่า
การประมูลแบบปิดนั้น ผู้เข้าร่วมประมูลจะต้องมีความรู้ ความเข้าใจอย่างละเอียดในหินหยก และบางครั้งต้องมีสายตาที่ดีด้วย
แต่ว่าพอมาประมูลที่ฮ่องกง การประมูลแบบปิดถูกตัดออก เป็นการประมูลแบบเปิดที่เห็นชัดเจนว่าใครเข้าเลือกหินก้อนไหนแล้วก็ให้ราคา ดังนั้นใครมีกำลังทรัพย์มากกว่า ก็จะเป็นผู้ชนะไปในท้ายที่สุด
ในตอนนั้นจั่วเจียจวิ้นเองก็มีปัญหาเหมือนกัน เพราะถึงแม้ว่าเขาอยู่ที่ฮ่องกงจะมีชื่อเสียงโด่งดัง แต่ในกระเป๋ากางเกงของเขาเมื่อเปรียบเทียบกับคนในนี้ ก็แทบจะสู้ไม่ได้เลย
“เริ่มการประมูลที่ก้อนหินหมายเลขศูนย์ศูนย์หนึ่ง ราคาต่ำสุดในการประมูลคือ หนึ่งหมื่นห้าพันดอลลาร์ฮ่องกง มีเพื่อนคนไหนสนใจสามารถเริ่มประมูลได้เลย”
ภายในงานก็คือคนที่ทำงานสายเดียวกันเกี่ยวกับอุตสาหกรรมเครื่องประดับ ไม่จำเป็นต้องพูดอะไร มากมายภายในงาน ในที่สุดการประมูลก็เริ่มต้นขึ้น
ตลาดหยกปีแปดเก้า ในตอนแรกที่มีเค้าลางว่าจะได้รับความนิยม แต่ตอนหลังไม่มีเงินลงทุนถึงหลายร้อยล้าน ราคาของหินก็เลยค่อนข้างต่ำ ดังนั้นเมื่อเริ่มการประมูลก็จะมีมูลค่าไม่สูงมาก
“สองหมื่นดอลลาร์ฮ่องกง!”
“ห้าหมื่นดอลลาร์ฮ่องกง!”
“ฉันขอประมูลหนึ่งแสนสองหมื่นดอลลาร์ฮ่องกง!”
“หนึ่งแสนสองหมื่น ตกลง ขอแสดงความยินดีให้กับผู้บริหารหวัง หินชิ้นนี้ตกเป็นของท่านแล้ว”
ราคาประมูลไม่ได้สูงมาก ไม่ได้หมายความว่าราคาต่ำ ชิ้นนั้นถือว่าเป็นตัวแทน ของการประมูลที่ไม่เลวเลยทีเดียว แค่ชั่วครู่เดียวก็สามารถถูกประมูลออกไปในราคาหนึ่งแสนสองหมื่น ถ้าหากตัดหินออกมาแล้วเจอหยกขนาดเท่ากำปั้น เกรงว่าราคาต้องเพิ่มเป็นเท่าตัว
เพราะว่าตลาดหยกอยู่ในช่วงค่อยๆ เป็นที่รู้จักของผู้บริโภค พวกร้านอัญมณีในเวลานี้ ให้ความสนใจ กับหยกเป็นพิเศษ ถือว่าสมเหตุสมผล
จากการสังเกตุเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อครู่ ทุกคนให้เริ่มให้ความสนใจ และมีราคาอยู่ในใจกับหินที่ตนชอบ ไม่มีใครให้ราคาที่สูงกว่าราคานี้อีกแล้ว การแข่งขันที่รุนแรงก็ไม่ปรากฏให้เห็น
แต่พอหินที่นำออกมาแสดงนั้นจะเป็นหินชั้นดี การประมูล ก็ค่อยๆ มีราคาเพิ่มสูงขึ้น เหมือนที่จั่วเจียนจวิ้นประมูล ก้อนหินหมายเลข 587 ในราคาหกล้านกว่า
ที่ได้ราคานี้ ก็เป็นเพราะว่าไม่มีใครให้ราคาต่อ เพราะต้องการรักษาหน้าของจั่วเจียจวิ้น แต่ถ้าหากประมูลต่อไป หินก้อนนี้ก็อาจจะได้ถึงแปดล้าน
“ศิษย์พี่ นี้ นี้มันจะคุ้มค่าไหม ไม่มีใครรู้ว่าข้างในนั้นจะมีหรือไม่มีหยกอยู่”
ถ้าเกิดหยกราคาหกล้านกว่า เยี่ยเทียนก็จะไม่พูดอะไร แต่ว่าหกล้านกว่าที่เสียไป เพียงสามารถซื้อก้อนหินก้อนหนึ่ง ที่ไร้ประโยชน์ ถ้าอย่างนั้นเยี่ยเทียนก็จะรู้สึกว่าไม่คุ้มค่ากับที่เสียเงินไปแล้ว
จั่วเจียจวิ้นเมื่อได้ยินก็หัวเราะออกมา พูดว่า “แต่ก่อนฉันก็คิดอย่างนั้น แต่ว่าการพนันก้อนหินก็เป็นแบบนี้แหละ ถ้าตัดออกมาแล้วเจอหยกที่ดี มูลค่ามันจะมีราคาสูงถึงสิบล้าน ถ้าไม่มีอะไรเลย ก็เสียเงินเปล่า นี่คือการพนัน”
หลังจากได้ยินคำพูดของจั่วเจียจวิ้น เหวินหลงสงหัวเราะขึ้นมาพูดว่า “ปรมาจารย์จั่ว ท่านนะเป็นคนโชคดีมากเลยนะ “ราชันย์หยก” ของเมื่อปีที่แล้วก็ถูกท่านประมูลออกมาไม่ใช่หรอ”
ในธุรกิจอัญมณีของฮ่องกงทุกครั้งที่มีการจัดตั้งการค้าขายหรือว่างานประมูล จะมีการปรึกษาหารือ ประเมินค่าด้วยการเปรียบเทียบก่อน ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีจะได้เห็น ศักยภาพของผู้ประกอบธุรกิจเดียวกัน
แต่ว่าการค้าขายหยกมีการจัดตั้งอย่างเป็นระเบียบ ทุกครั้งที่มีการซื้อขายสำเร็จ ก็ต้องเลือกหยกที่มีราคาสูงที่สุด มีการมอบสมญานามให้เป็น “ราชันย์หยก”
เมื่อปีที่แล้วจั่วเจียจวิ้นดวงของเขาถือว่าไม่เลวเลย เขาเสียเงินไปหกแสนดอลลาร์ฮ่องกง ก็สามารถซื้อหยก มาได้ชิ้นหนึ่ง หยกน้ำแข็งราคาสูงสุดที่เขาประมูลได้คือสิบล้านขึ้นไป ปีที่แล้วเลยมีการมอบสมญานามให้เป็น “ราชันย์หยก”
การให้สมญานามนี้ไม่ได้มีประโยชน์อะไร เพียงแค่จะสามารถช่วยยกระดับชื่อเสียงร้านอัญมณีของตัวเองเท่านั้น
ตอนนี้ตลาดค้าขายหยกโควต้าของมันไม่ใหญ่มากนัก เพราะฉะนั้นคนที่มากันเป็นจำนวนมาก จริงๆ แล้วครึ่งหนึ่งก็คือเพื่อมาดู “ราชันย์หยก” ที่เขาให้สมญานามกัน
เมื่อได้ยินเรื่องเมื่อปีที่แล้วจากเหวินหลนสง จั่วเจียนจวิ้นก็แสดงท่าทีโมโห พูดว่า “อาสง นี้เธอกำลัง ทำให้ฉันรู้สึกสบายใจ หรือว่าพูดประชดประชันฉันอยู่กันแน่ ชิ้นส่วนหินที่ดีที่สุดพวกนั้นก็ถูกเธอแย่งไปแล้ว ไม่ใช่ว่าเธอตั้งใจจะเอาชนะผู้เฒ่าคนนี้หรือ”
ร้านอัญมณีของจั่วเจียนจวิ้น มียอดขายในตลาดฮ่องกงเพียง หนึ่งร้อยล้าน ดอลลาร์ฮ่องกง เป็นพวกเครื่องประดับหยกได้เพียง สิบเปอร์เซ็นต์ ดังนั้นครั้งนี้จั่วเจียจวิ้นจึงมีเงินทุนในการประมูลไม่เกินห้าล้านเท่านั้น
เมื่อเจอหินคุณภาพดี จั่วเจียจวิ้นก็ประมูลไปแล้วไม่รู้กี่รอบ หินบางก้อนเขาประมูลมาราคาเป็นแสนก็คิดว่าใช้เงินมากจนเกินความจำเป็นแล้ว
การเดิมพันหินก็เหมือนกับการเดิมพันทุนและเงินทุน เหวินหลนสงคือคนที่พอมีเงินมากมักจะแสดงอำนาจบาตรใหญ่ เมื่อครู่ที่เพิ่งประมูลไป ก็ได้หินที่ดีที่สุดมากว่าโหลแล้ว
เยี่ยเทียนประเมินคร่าวๆ พวกเหล่านี้อย่างน้อยที่สุดก็จะใช้เงินไปแล้วกว่าหกสิบล้านดอลลาร์ฮ่องกง แต่ว่าดูจากท่าทางแล้ว ยังมีความต้องการที่จะประมูลเพิ่มอีกถึงจะรู้สึกพอใจ
“เห่อเห่อ ผมก็แค่หว่านตาข่ายออกไปกว้างๆ ไม่แน่ว่าอาจจะจับปลาได้ แต่ท่านเล็งไปที่เป้าหมายที่ชัดเจน ผมกล้าที่ไหนที่จะไปเปรียบเทียบกับท่าน”
ถึงแม้รู้ว่าจั่วเจียจวิ้นกำลังล้อเล่น เหวินหลนสงก็ยังมีรอยยิ้ม อยู่ในฮ่องกงนี้ ไม่มีใครกล้าที่จะทำให้ ปรมาจารย์จั่วไม่พอใจ
ไม่ได้หมายความว่าจั่วเจียจวิ้นจะพยากรณ์ได้ถูกต้องทุกครั้ง แต่ที่สำคัญคือจั่วเจียจวิ้นมีฝีมือที่ถือว่าลึกซึ้งมาก ในการวางฮวงจุ้ย ถ้าเกิดว่าทำให้เขาไม่พอใจ วันไหนแอบไปทำอะไรกับหลุมศพพวกเขา กลัวว่าพวกลูกหลานจะอยู่กันอย่างไม่เป็นสุขแน่นอน
เมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้วชื่อเสียงของจั่วเจียจวิ้นเริ่มดังขึ้น เคยมีอาจารย์ฮวงจุ้ยนิรนามมาก่อกวนถึงในบ้าน พูดว่าจั่วเจียจวิ้นคือคนที่มีชื่อเสียงแต่ไม่มีฝีมือ อยากจะมาสกัดดาวรุ่ง
ในตอนนั้นจั่วเจียจวิ้นก็ไม่ได้พูดอะไรมากมาย แต่ว่าหลังจากหนึ่งเดือนผ่านไป อาจารย์ท่านนั้นก็เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์จนเสียชีวิต ขณะที่ครอบครัวเขากำลังจัดซุ้มเซ่นไหว้ผู้ตายที่หน้าบ้าน เทียนก็ล้มแล้วเกิดไฟใหม้บ้านวอดทั้งหลัง
เพราะว่าอาจารย์ฮวงจุ้ยคนนั้นในฮ่องกงก็ค่อนข้างมีชื่อเสียงมากเหมือนกัน ตำรวจจึงเข้าไปสืบสวนอย่างละเอียด สุดท้ายก็สรุปผลออกมาว่า เรื่องทั้งหมดทั้งอุบัติเหตุทางรถยนต์และการเกิดไฟไหม้ทั้งเป็นอุบัติเหตุ
ตอนนั้นไม่มีใครนึกถึงจั่วเจียจวิ้น ว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องในเหตุการณ์นี้ แต่ว่าหลังจากนั้นก็ถูกสัปปะเหร่อแก่ๆ พูดกันต่อมาว่า ก่อนหน้านั้นหนึ่งเดือนจั่วเจียจวิ้นเคยไปที่หลุมฝังศพบรรพบุรุษของอาจารย์ฮวงจุ้ยคนนั้นมาก่อนแล้ว
แต่ก็ไม่มีใครสามารถหาหลักฐานมาพิสูจน์ได้ว่าคนแก่คนนั้นพูดจริงหรือโกหก หลังจากเรื่องนี้ได้มีการเล่าต่อๆกัน จั่วเจียจวิ้นที่อยู่ในฮ่องกงก็มีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมาทันที ในเวลาเดียวกันเขาได้ถูกสถาปนาให้เป็น ปรมาจารย์ฮวงจุ้ย อันดับหนึ่งของเกาะฮ่องกง
ดังนั้นอย่าว่าแต่เหวินหลงสงเลย แม้แต่หลี่เชาเหยิน ที่เป็นมหาเศรษฐีของฮ่องกงได้พบกับจั่วเจี่ยจวิ้น มีการเกรงใจเป็นพิเศษ ไม่กล้าดูถูกแม้แต่น้อย
การประมูลวันนี้ของจั่วเจียจวิ้นถือว่าสิ้นสุดแล้ว หันไปหาเยี่ยเทียนที่ดูง่วงๆ ยิ้มแล้วพูดว่า “เป็นอะไรไป ศิษย์น้อง เธอไม่ลองประมูลหินสองอันนี้ดูเล่นๆ หรอ ฉันขอบอกเลยนะว่า การตัดหินพวกนี้ถือว่าเป็นเรื่องหนึ่งที่ทำกันได้สบายๆ เลยนะ”
วันนี้การประมูลหินได้ราคาค่อนข้างสูงเหมือนกัน ส่วนมากราคาจะอยู่ที่ก้อนละ สามหมื่นถึงห้าหมื่นดอลลาร์ฮ่องกงก็ถือว่าไม่น้อย จั่วเจียจวิ้นไม่รู้ว่าเยี่ยเทียนฐานะทางการเงินนั้นเขามีเท่าไหร่ แต่ว่าเงินแค่นี้เขาสามารถจัดการให้ได้
“ผมหรอ? เอาเป็นว่าช่างมันเถอะ มีเงินก็ไม่ใช่ว่าจะใช้มันได้อย่างสิ้นเปลือง
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของจั่วเจียจวิ้น เยี่ยเทียนรีบส่ายหัว สุภาษิตกล่าวว่าการเดิมพันสิบครั้งแพ้เก้าครั้ง เยี่ยเทียนไม่ชอบการพนัน เขาชอบควบคุมสถานการณ์ด้วยมือของเขาเอง
“น้องเยี่ย เอายังงี้ไหม เดี๋ยวฉันจะซื้อซักก้อนสองก้อน ให้คุณเล่น” เหวินหลนสงหัวเราะแล้วพูด ท่าทางของเขาจริงใจมาก แต่กลับไม่ได้แสดงท่าทางแบบมีเงินมากอำนาจบาตรใหญ่ มีแต่การแสดงที่เหมือนว่าเพื่อนถามไถ่กัน
“พวกคุณกำลังบังคับให้ผมให้เล่นการพนันใช่ไหม” เยี่ยเทียนได้ยินแล้วก็ฝืนยิ้มออกมา เขาไม่อยากปฏิเสธน้ำใจของเหวินหลนสง ทำได้เแค่พูดว่า “ดี ถ้าอย่างนั้นก็ประมูลสักชิ้น”
ประจวบเหมาะพอดีที่หินบนเวที ราคาประมูลเริ่มต้นไม่สูงเพียงแค่สองหมื่นดอลลาร์ฮ่องกง พิธีกรประมูลตะโกนสามครั้งก็ไม่มีใครประมูลราคาออกมา อาจเป็นเพราะว่าชิ้นนี้ดูไม่เหมือนจะมีอะไรทุกคนเลยไม่สนใจ เยี่ยเทียนเลยยกมือขึ้นประมูล
“ด้านล่างนี้จะเป็นหินชิ้นสุดท้ายในการประมูลครั้งนี้ แถมมันยังเป็นชิ้นที่ใหญ่ที่สุดและหนักที่สุดในครั้งนี้ มันมีมูลค่าประมูลต่ำสุดอยู่ที่สามล้านดอลลาร์ฮ่องกง หากมีเพื่อนๆ คนไหนสนใจเชิญประมูลราคากันได้เลย”
ผ่านไปแล้วอีกครึ่งชั่วโมง การประมูลก็เข้าสู่ช่วงสิ้นสุดของกิจกรรม พิธีกรประมูลกำลังพูดถึงหินชิ้นสุดท้าย ตอนนั้นเยี่ยเทียนก็ได้มองเห็นแล้ว
“ฉันว่า จริงๆ แล้วมองยังไงมันก็เป็นแค่ก้อนหินที่ไร้ค่าก้อนหนึ่ง ทำไมราคาถึงได้สูงขนาดนี้นะ”
“ใช่ไง ส่วนตัดด้านไหนก็ไม่มี คิดว่ายังไงด้านในก็ไม่น่าจะมีหยกอยู่”
พิธีกรเพิ่งประกาศราคาต่ำสุดออกไป ภายในงานก็มีเสียงโวยวายขึ้นมา ทุกคนก็ยังคงสังเกตไปที่หินก้อนใหญ่ ที่ดูไร้มูลค่าก้อนนั้น เพียงเพราะว่าได้ยินราคาที่มันสูงขนาดนี้ ทุกคนก็กลับไม่ยอม
“ท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน โปรดอยู่ในความสงบ”
เมื่อเห็นว่าภายในงานเริ่มเกิดความวุ่นวาย พิธีกรก็อธิบายว่า “ก้อนหินก้อนนี้ มีคนซื้อมาจากพม่าในราคาเจ็ดล้าน ถ้าหากว่าไร้มูลค่า ทำไมถึงเริ่มราคาประมูลอยู่ที่สามล้านละ ก้อนหินก้อนนี้หญ่มาก ไม่รู้ว่าส่วนไหนจะมีหยกอยู่”
คำพูดของพิธีกรทำให้คนในงานต่างเงียบลง หินลายงูเหลือมก้อนนั้นที่ดูไร้มูลค่า ใช้มีดตัดแบ่งเป็นสองส่วน มันไม่ได้หมายความว่าหินเดิมจะถูกทำลาย
“สี่ล้านดอลลาร์ฮ่องกง!”
“ฉันขอประมูลห้าล้าน!”
“เจ็ดจุดห้าล้านดอลลาร์ฮ่องกง!”
อย่าเพิ่งพูด คนรวยในฮ่องกงมีอยู่เยอะ ตอนแรกค่อยๆ ประมูลราคาหินก้อนนั้นให้สูงขึ้นเรื่อยๆ ครั้งนี้ราคาก็พุ่งขึ้นมา แค่พริบตาเดียวราคาสูงสุดอยู่ที่เจ็ดล้านดอลลาร์ฮ่องกง พ่อค้าหินคนนั้นก็คงไม่ขาดทุนแล้วครั้งนี้
……
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น