หมอดูยอดอัจฉริยะ 325-329

 ตอนที่ 325 นักฆ่า (2)

โดย

Ink Stone_Fantasy

จอร์จี้ คาร์เตอร์เป็นคนสัญชาติอเมริกัน แต่แท้จริงแล้วเป็นคนยูโกสลาเวีย พ่อของเขาเคยเป็นองครักษ์ให้กับ “ตีโต้” ผู้นำยูโกสลาเวียสมัยสงครามโลกครั้งที่2


แต่เนื่องจากปัจจัยหลายอย่าง สุดท้ายท่านคาร์เตอร์ได้ย้ายไปอาศัยอยู่ที่อเมริกา จอร์จี้ คาร์เตอร์จึงเกิดที่อเมริกา นั่นเอง เพียงแค่ชื่อเท่านั้นที่ยังคงความยูโกสลาเวียเอาไว้เท่านั้น


ประชาชนของอเมริกาอนุญาตให้พกปืนได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย จอร์จี้ คาร์เตอร์ตั้งแต่รู้ความเขาก็หยิบปืน ของพ่อมาเล่นแล้ว ตั้งแต่ปืนเมาเซอร์ที่เก่าแก่ที่สุดไปจนถึงอาวุธอัตโนมัติสมัยใหม่ เขาก็เล่นจนมีความชำนาญอย่างยิ่ง


ปี1970 เมื่อสงครามอเมริกากับเวียดนามกำลังจะสิ้นสุดลง เด็กหนุ่มอายุ 18 อย่างจอร์จี้ คาร์เตอร์เดินทางมาถึง เวียดนาม ตั้งแต่ผู้ที่ชื่นชอบปืนจนได้ไปถึงสนามรบจริง เขาได้รับการล้างบาปด้วยเลือดและไฟมาแล้ว


แต่หลังจากสงครามเวียดนามจบลง หลายคนที่ทุกข์ทรมานจากโรคสงคราม ก็รู้สึกอึดอัดอย่างมาก กับชีวิตที่สะดวกสบาย คนที่อยู่ในสงครามเวียดนามเป็นเวลาสองปีอย่างจอร์จี้ คาร์เตอร์ก็เป็นเช่นนั้น


หลังจากที่เป็นพนักงานธรรมดาของบริษัทมานานหลายปี จอร์จี้ คาร์เตอร์ก็พบโอกาสที่บังเอิญมากหนึ่งโอกาส จับพลัดจับผลูกระทำลงไปโดยไม่รู้ตัว เขายอมรับการจ้างงานของเศรษฐีคนหนึ่งและช่วยเขาสังหารคู่แข่งทางการค้า


ความตื่นเต้นของฮอร์โมนอะดรีนาลีนและรางวัลทางการเงินที่มากมายเมื่อฆ่าคน ทำให้จอร์จี้ คาร์เตอร์ค้นพบ เป้าหมายของชีวิตอีกครั้ง เขาจึงลาออกจากงานเดิมอย่างรวดเร็ว


ที่ไหนมีผู้คน ที่นั่นก็จะมีการต่อสู้และการแย่งชิง วิธีที่ดีที่สุดในการแก้ปัญหา ก็คือการปลดปล่อยจิตวิญญาณออกจากร่างกาย ดังนั้นนักฆ่าจึงกลายเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคนรวย ตั้งแต่ต้นของยุค 80 จอร์จี้ คาร์เตอร์ก็กลายเป็นนักฆ่า ที่มีชื่อเสียงในวงการนักฆ่าระดับโลก


แต่ว่าจอร์จี้ คาร์เตอร์ปฏิบัติตัวระมัดระวังมาตลอด บวกกับเขามีประสบการณ์ด้านการต่อต้านนักสืบอย่างมาก และไม่มีใครรู้จักหน้าตาและชื่อที่แท้จริงของเขามานานกว่าสิบปี ดังนั้นเขาจึงมีฉายาว่า “ผี”


เป็นนักฆ่ามามากว่ายี่สิบปี คนที่ตายด้วยการลอบฆ่าของจอร์จี้ คาร์เตอร์มีมากกว่าสามร้อยคนในนั้นก็มีบรรดาคนรวยระดับโลกเป็นโหลแล้ว ดังนั้นเขาจึงถูกจัดเป็นอันดับสามของโลกในการเป็นนักฆ่าของเขา


เหตุผลหลักก็เพราะว่าจอร์จี้ คาร์เตอร์จะไม่รับงานที่ค่าจ้างมากกว่า 10 ล้านดอลล่าร์ขึ้นไป ไม่เช่นนั้นลำดับของเขาก็คงจะอยู่ที่หนึ่งตั้งนานแล้ว “ผี” ฉายานี้ ในโลกของนักฆ่ามันหมายความว่าความตาย


เล่นปืนไรเฟิลไปสักครู่ จอร์จี้ คาร์เตอร์ก็ค้นหาชิ้นส่วนของเครื่องกลกองนั้นอีกครั้งและประกอบมันขึ้นมา ผ่านไปเพียงครู่เดียว ปืนพกขนาดเล็กก็ปรากฏในมือของเขา


สำหรับค่าตัวของนักฆ่าอย่างพวกเขา อยู่ที่การปกปิดความลับของงานที่รับมาและการสังหารเหยื่อโดยการยิงเพียงนัดเดียว ดังนั้นแทนที่จะใช้อาวุธปืนที่มีอานุภาพสูง นักฆ่าเหล่านี้กลับชื่นชอบอาวุธที่พกพาง่ายมากกว่า


สุดท้ายเขาก็พบท่อเหล็กหนึ่งอัน ในกองเครื่องกลเหล่านั้น จอร์จี้ คาร์เตอร์หยิบกระสุนปืนสีเหลืองส้ม ออกมา 20 กว่านัด


เขานำท่อเหล็กและของเหล่านั้นไปที่วิลล่าด้วย จอร์จี้ คาร์เตอร์ใช้มีดตัดจุกปิดท่อเหล็กที่เป็นฟูกค่อนข้างหนาบริเวณด้านล่างออก แล้วจึงซ่อนส่วนประกอบของปืนไรเฟิลที่ยังไม่ได้ประกอบและกระสุนเข้าไป


หลังจากที่จัดการเสร็จ จอร์จี้ คาร์เตอร์ตบมือแล้วไปเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวเป็นชุดที่สบายๆ ต่อร่างกาย โดยไม่รีบเร่งเขาออกจากวิลล่าไป เช่ารถมาหนึ่งคันและขับเที่ยวในฮ่องกง


สำหรับภูเขาไท่ผิงซาน จอร์จี้ คาร์เตอร์ตั้งไว้เป็นจุดสำคัญ เขาเฝ้าสังเกตการณ์ที่จุดชมวิวบนยอดเขาเป็นเวลานาน และระหว่างนั้นเขาจงใจใช้เหตุผลว่าหลงทางในการหาลู่ทางเข้าไปที่วิลล่าของคนรวย


แน่นอนว่า ขับไปไม่ถึง 30 เมตร จอร์จี้ คาร์เตอร์ก็ถูก รปภ.เชิญออกไปอย่างมีมารยาท มาตรการรักษาความปลอดภัย อย่างเข้มงวด ทำให้จอร์จี้ คาร์เตอร์รู้สึกถึงความยุ่งยากเล็กน้อย


เนื่องจากวิลล่าหลังนั้นของถังเหวินหย่วนตั้งอยู่ใต้ตีนเขา วิลล่าทั้งหลังถูกปกคลุมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ถ้าต้องการหาจุดยิงที่เหมาะสมบนยอดเขา เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้


จากปัญหาที่พบเจอตรงหน้านี้ จอร์จี้ คาร์เตอร์ไม่ได้สนใจเท่าไหร่เพื่อสังหารหัวหน้าขุนศึกของแอฟริกา เขาเคยใช้เวลาหนึ่งเดือนอยู่ในป่าที่เต็มไปด้วยยุงพิษ เงื่อนไขในฮ่องกงนั้นดีกว่าเป็นร้อยเท่า


ตอนที่กลับไปภายในคืนนั้น จอร์จี้ คาร์เตอร์ซื้อกล่องเครื่องดนตรีมาหนึ่งอัน ในวันที่สองเขาไปเช่ารถอีกครั้ง เริ่มขับรอบๆ เขาไท่ผิงซาน แต่ครั้งนี้เขาเปลี่ยนความสนใจไปที่รถยนต์ที่เข้าออกวิลล่าเหล่านั้นแทน


……


ผ่านไปแล้วหนึ่งสัปดาห์หลังจากที่ได้ประลองฝีมือกับชาญ ทองทวน ช่วงเวลานั้นจั่วเจียจวิ้นพักรักษาตัว อยู่กับเยี่ยเทียน ระหว่างนี้เขาได้เรียนรู้วิชาที่หายสาบสูญจากเยี่ยเทียนได้มากมาย


ด้วยใบจ่ายยาของเยี่ยเทียนและยาเม็ดสองเม็ดสุดท้ายที่อาจารย์เหลือเอาไว้ให้ สภาพของจั่วเจียจวิ้น ก็ดีขึ้นเจ็ดแปดส่วนแล้ว เพียงแต่ว่าแขนขวาของเขากลับถูกทำร้ายไปถึงกล้ามเนื้อและกระดูก


ในเวลานี้พื้นหินอ่อนภายในห้องรับแขกถูกถอนออกหมดแล้ว ถังเหวินหย่วนเดิมทีอยากจะให้คนงานปูพื้นไม้หนึ่งชั้น เป็นการชั่วคราว แต่ก็ถูกเยี่ยเทียนไล่ออกมา ทำให้พื้นผิวตอนนี้เป็นเพียงซีเมนต์หนึ่งชั้น


หลังจากที่เยี่ยเทียนสอนวิชาโจมตีให้กับจั่วเจียจวิ้นในห้องรับแขก  จั่วเจียจวิ้นเปิดปากพูดว่า “เยี่ยเทียน วันนี้ไปนั่งเล่นที่บ้านฉันสิ?”


ศิษย์น้องมาถึงฮ่องกงทั้งที ศิษย์พี่อย่างตนเอง แน่นอนว่าจะต้องต้อนรับกันสักหน่อย เพียงแต่ว่า ไม่รู้ว่าเยี่ยเทียนทำไมถึงไม่ยอมก้าวออกจากวิลล่านี้สักที และไม่ให้ถังเหวินหย่วนและคนอื่นๆเข้ามาด้วย


หลังจากได้ยินคำเชิญชวนของจั่วเจียจวิ้น เยี่ยเทียนส่ายหัวและตอบว่า “ศิษย์พี่ ฉันรู้สึกมีบางอย่างผิดปกติ เรื่องนี้มันยังไม่จบ เอาไว้ผ่านไประยะหนึ่งก่อนค่อยว่ากันนะ!”


การฝึกฝนถึงขั้นนี้ของเยี่ยเทียน นอกจากการมอง การได้ยิน การได้กลิ่น การได้รส การสัมผัส สัมผัสทั้งห้านี้จนมีสัมผัสที่หก การรับรู้ถึงความอันตรายนั้นเป็นสิ่งที่มีมากกว่าคนปกติอีก


ถึงแม้เราจะไม่ดูดวงของตนเอง แต่ความสามารถของการรับรู้ล่วงหน้า การรู้สึกล่วงหน้า การตัดสินล่วงหน้าแบบนั้น กลับทำให้ใจของเยี่ยเทียนรู้สึกไม่สงบนิ่งเอาซะเลย เหมือนกับว่าวิกฤติยังไม่จบซะงั้น


เดิมทีเยี่ยเทียนก็อยากจะให้จั่วเจียจวิ้นกลับไปรักษาตัวที่บ้าน เพื่อเป็นการลดการติดร่างแหไปอีกคน แต่จั่วเจียจวิ้นเองคงไม่ทิ้งโอกาสการเรียนรู้วิชากับเยี่ยเทียนอันนี้แน่นอน ถึงจะพูดอย่างไรก็คงไม่ยอมจากไป เยี่ยเทียนจึงทำได้เพียงตามใจเขา


แต่ว่าตอนนี้จั่วเจียจวิ้นเชิญเยี่ยเทียนไปที่บ้านของเขา เยี่ยเทียนกลับไม่สามารถปฏิเสธได้เลย ดูจากอันตรายในวันที่เขาสู้กับชาญ ทองทวน ถ้าหากเป็นคนธรรมดา ก็คงเป็นศพไปแล้ว


จั่วเจียจวิ้นฟังออกว่าเยี่ยเทียนหมายความอะไร จึงใช้มือขวาตบโต๊ะที่อยู่ด้านหน้าอย่างแรง พูดด้วยความโกรธว่า “ตระกูลซ่งทำมากเกินไปแล้ว เยี่ยเทียน หรือนายไปหาซ่งเวยหลันกับฉันที่อเมริกา เล่าเรื่องนี้ให้เธอฟัง?”


ตำแหน่งของจั่วเจียจวิ้นในโลกของคนจีนนานาชาตินั้นสูงมาก เขาจึงมีช่องทางของตนเองที่สามารถ ติดต่อกับซ่งเวยหลัน เขาไม่เชื่อหรอกว่าคนเป็นแม่เมื่อเจอลูกชายของตนเองกำลังถูกไล่ฆ่า จะไม่รู้สึกอะไรเลย?


เยี่ยเทียนได้ยินจึงส่ายหัวและพูดว่า “ช่างเถอะศิษย์พี่ เขาคงไม่รู้เรื่องนี้หรอก ฉันจัดการเรื่องนี้เองได้ อย่าไปรบกวนใจเขาเลยดีกว่า”


เยี่ยเทียนพูดคุยกับพ่อก่อนที่จะมาฮ่องกงแล้ว เดิมทีเขาต้องการบอกแม่เรื่องที่พ่อปิดบังเรื่องของซ่งเสี่ยวหลง แต่เยี่ยตงผิงได้บอกเขาเรื่องหนึ่งทำให้เยี่ยเทียนลบความคิดนี้ออกไป


ที่แท้ปี 1998 เป็นช่วงเวลาที่บุคลากรระดับสูงของประเทศกำลังเปลี่ยนแปลง ในเวลาต่อมา ประมุขของตระกูลซ่ง ในตอนนั้นซ่งเฮ่าเทียนก็อาจจะถอนตัวออกจากอำนาจส่วนกลางของประเทศ และนั่นก็จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ทั้งหมดต่อตระกูลซ่ง


การสูญเสียอำนาจ อุตสาหกรรมภายในประเทศของตระกูลซ่งก็ถูกส่งมอบให้กับประเทศตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว อนาคตของตระกูซ่งจะเป็นอย่างไรต่อไป เป็นสิ่งที่ซ่งเฮ่าเทียนจะต้องคิดไตร่ตรององ


และที่ซ่งเหวยหลันเป็นผู้ควบคุมทรัพย์สินต่างประเทศของตระกูลซ่ง เธอจึงมีประโยชน์และกลายเป็นบุคคลสำคัญขึ้นมาทันที เธอกำลังเตรียมการทุกอย่าง ต้องการให้ลูกชายเข้าสู่ตระกูลซ่งอย่างสมเกียรติในภายภาคหน้า


ดังนั้นเรื่องที่สำคัญนี้ เยี่ยเทียนจึงไม่ต้องการให้แม่ของตนต้องเป็นห่วง และที่สำคัญเขายังกลัวว่าซ่งเสี่ยวหลง จะกลายเป็นสุนัขจนตรอก หลังจากที่ซ่งเวยหลันรู้เรื่องของเขาแล้ว จะเป็นโทษต่อแม่


ถึงแม้เยี่ยเทียนสามารถเดาออกได้ ถึงไม่สิบก็แปดส่วน แต่เขาก็ได้ลืมความสัมพันธ์ระหว่างแม่กับซ่งเสี่ยวหลงไปแล้ว


ซ่งเวยหลันเลี้ยงดูซ่งเสี่ยวหลงตั้งแต่เด็กจนโต ความรู้สึกที่มีต่อเขาก็มีมากมาย แล้วซ่งเสี่ยวหลงชำนาญ เรื่องการแสดง เวลาอยู่ต่อหน้าซ่งเวยหลันเขาแสดงออกมาอย่างถูกต้องเที่ยงธรรม บวกกับความสามารถที่โดดเด่น เขาจึงได้รับความสำคัญจากซ่งเวยหลันอย่างมาก


ครั้งก่อนที่ซ่งเสี่ยวเจ๋อเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ ซ่งเวยหลันแต่งตั้งผู้สอบสวนภายในประเทศแยกต่างหาก ไม่ใช่เพราะว่าสงสัยซ่งเสี่ยวหลง แต่เธอไม่ต้องการให้คนของตระกูลซ่งเข้ามาเกี่ยวข้องมากเกินไป และก็เพื่อปูทางให้ลูกชาย สามารถเข้ามารับช่วงต่อดูแลทรัพย์สินของตระกูลซ่งในภายภาคหน้าได้อย่างราบรื่น


คนภายในของตระกูลซ่งที่อยู่ต่างประเทศ คนแก่บางคนของตระกูลซ่งถูกซ่งเวยหลันค่อยๆซื้อตัวไปเรียบร้อย เพียงแต่ว่าเธอคงคิดไม่ถึงว่า ซ่งเสี่ยวหลงที่เธอดูแลกับมือดั่งลูกแท้ๆ จะจัดการเยี่ยเทียนด้วยทุกวิถีทาง


ส่วนตู้เฟยเคยถูกเยี่ยเทียนห้ามปรามไว้แล้วว่า ห้ามนำเรื่องซ่งเสี่ยวหลงที่ไปหาชาญ ทองทวนไปบอกให้คนตระกูลซ่งได้รับรู้ ดังนั้นจนถึงตอนนี้ การกระทำของซ่งเสี่ยวหลงจึงไม่เล็ดลอดออกไป


“เยี่ยเทียน นายจะหลบแบบนี้ไม่ได้ หรือ…ฉันไปอเมริกาเหนือแทนนาย ไปจัดการไอ้หนุ่มนั่นแทนนายดีไหม?”


เมื่อเห็นว่าเยี่ยเทียนไม่เห็นด้วยกับวิธีการของตนเอง จั่วเจียจวิ้นจึงคิดถึงกลยุทธ์ถอนฟืนใต้กระทะ ตามที่เยี่ยเทียนพูด เรื่องเหล่านี้ซ่งเสี่ยวหลงเป็นคนทำ งั้นก็ให้ซ่งเสี่ยวหลงหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย โลกนี้ก็จะสงบนิ่งลงไม่ใช่หรือ?


“เป็นวิธีที่ดีอย่างหนึ่ง…”


เยี่ยเทียนครุ่นคิดสักครู่ เงยหน้ามองผ้าและเฝือกที่พันแขนของจั่วเจียจวิ้น ส่ายหัวและพูดว่า”ศิษย์พี่ เรื่องนี้ไม่ต้องรีบร้อน รอผ่านไปสักระยะหนึ่งฉันไปเองดีกว่า ฉันจะได้แวะไปที่สำนักงานใหญ่หงเหมินสักหน่อย!”


“แผลแค่นี้ไม่เป็นไรหรอก…”จั่วเจียจวิ้นรู้ว่าเยี่ยเทียนเป็นห่วงแผลของตนเอง ตอนที่กำลังจะพูดออกมา โทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะก็ดังขึ้น


“อืม ทราบแล้ว พี่ถัง ขอบคุณมากนะ!”


รับสายพูดคุยแค่ไม่กี่คำ จั่วเจียจวิ้นก็วางสายและมองไปที่เยี่ยเทียนพูดว่า”ถังเหวินหย่วนโทรมา วันนี้เขาให้เชฟของโรงแรมฟูราม่าทำอาหารฝรั่งมาส่ง”


ถึงแม้ผู้คนจะเข้ามาไม่ได้ แต่อาหารสามมื้อของเยี่ยเทียน ถังเหวินหย่วนเลือกแต่อาหารชั้นเลิศทั้งนั้น เขาให้เชฟที่มีชื่อเสียงทำเสร็จและส่งเข้ามา


 ……


ตอนที่ 326 นักฆ่า (3)

โดย

Ink Stone_Fantasy

“เหล่าถัง มีความตั้งใจจริงนะ เยี่ยเทียน อาหารฝรั่งของโรงแรงฟูราม่ารสชาติไม่เลว”


จั่วเจียจวิ้นตั้งแต่ติดตามเยี่ยเทียนมาพักที่บ้านของถังเหวินหย่วน เขากินอาหารชื่อดังของทุกโรงแรมในฮ่องกง จนเกือบทั้งหมด ถึงแม้เขาไม่ได้สนใจเท่าไหร่ แต่ถ้าดูจากความละเอียดต่างๆ ก็ดูออกว่าถังเหวินหย่วนให้ความสำคัญ กับเยี่ยเทียนแค่ไหน


ในสมัยก่อนโรงแรมฟูราม่าเป็นธุรกิจราชาการพนันฟู่เหล่าหรง ครั้งหนึ่งเคยเป็นโรงแรมที่มีชื่อเสียงบนเกาะฮ่องกง และมีร้านอาหารที่หมุนได้ที่ชั้นบนสุดของโรงแรม เป็นแห่งแรกในฮ่องกง แต่ปีนี้โรงแรมเพิ่งถูกลี่ซินกรุ๊ปซื้อหุ้นส่วนไป


นอกจากชายามเช้าสไตล์จีนที่มีชื่อเสียงแล้วห้องอาหารของโรงแรมฟูราม่ายังมีชื่อเสียงในด้านอาหารตะวันตกซึ่ง บริหารงานโดยพ่อครัวชาวต่างชาติที่มีชื่อเสียงในฮ่องกงอีกด้วย


เยี่ยเทียนเบ้ปากแล้วเบ้ปากอีก หลังจากได้ยินคำพูดของจั่วเจียจวิ้น และพูดต่อว่า “เหล่าถังหน่ะ กลัวว่าผมจะไม่ช่วยเขา”


จั่วเจียจวิ้นได้ยินถึงกับอึ้งไปสักครู่ มองไปที่เยี่ยเทียนถามกลับว่า “ศิษย์น้อง นายก็เห็นความหายนะ ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าของเหล่าถังแล้วเหรอ?แล้ว นายเคยช่วยเขาปรับความสมดุลของร่างกายด้วยใช่มั้ย?”


วิชาการทำนายดวงชะตาของจั่วเจียจวิ้น สืบทอดจากหลี่ซั่นหยวนอย่างน้อยก็แปดส่วน เมื่อสามปีก่อนเขาพูดคำขาด ไว้ว่าถังเหวินหย่วนจะป่วยครั้งใหญ่ในปีนี้ ถ้าผ่านมันไปไม่ได้ชะตาชีวิตของเขาอาจจะจบลงเพียงเท่านี้


แต่พอเจอถังเหวินหย่วนในครั้งนี้ ทำให้จั่วเจียจวิ้นพบว่าเส้นดำบนใบหน้าของถังเหวินหย่วนจางลงเยอะแล้ว หลายปีต่อจากนี้คงจะไม่เจ็บไม่ป่วย และอุปสรรคอันนั้นก็ได้เลื่อนออกไปเป็นเวลาสามปีเต็มๆ


เยี่ยเทียนหัวเราะกับท่าทางที่สงสัยของจั่วเจียจวิ้นและพูดว่า “ผมตั้งค่ายกลรวมพลังหยินไว้ที่ปักกิ่งถิ่นชาววัง ถือว่าเป็นความโชคดีของเหล่าถัง แต่ถ้าเขาเกิดอะไรขึ้นในครั้งหน้า เขาอาจจะไม่สามารถผ่านไปได้ง่ายเหมือนครั้งนี้ เมื่อเวลานั้นมาถึงผมจะช่วยเขาเท่าที่ผมช่วยได้!”


เยี่ยเทียนประทับใจถังเหวินหย่วนไม่น้อย เงินก้อนแรกก็ได้มาจากเขานั่นแหละ และตอนนี้ก็เอาคฤหาสน์ใหม่ ของคนอื่นมาทำให้เป็นสนามรบ ความสัมพันธ์นี้ถือว่าเป็นหนี้ไปแล้ว


“เหรอ?ผลลัพธ์ของค่ายรวมพลังหยินดีขนาดนี้เชียว? ฉันจะกลับไปกับนายเพื่อไปดูสักหน่อย……””


หลังจากฟังคำอธิบายของเยี่ยเทียนเสร็จ จั่วเจียจวิ้นแสดงความปรารถนาอยากดูและพูดต่อว่า “ศิษย์น้อง กลับไปครั้งนี้ นายพาฉันไปสุสานของอาจารย์หน่อยนะ ฉันจะไปจุดธูปให้อาจารย์…”


“ได้ครับ ผมก็จะไปเยี่ยมอาจารย์เหมือนกัน”


พอพูดถึงหลี่ซั่นหยวน ทั้งเยี่ยเทียนและจั่วเจียจวิ้นก็เงียบลง ทั้งสองคนนี้ได้รับความเมตตาจากอาจารย์มากมาย ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งคิดถึงอาจารย์ผู้เฒ่า


เยี่ยเทียนส่ายหัวไปมา ยืนขึ้นพูดว่า “คนตายได้ตายไปแล้ว แต่คนมีชีวิตยังต้องอยู่ต่อไป ถ้าอาจารย์รู้ว่า พวกเราสองคนได้พบกันอีกครั้ง ท่านคงดีใจมาก ศิษย์พี่ อย่าคิดมากเลยนะ ฉันจะขึ้นไปดูเหมาโถวข้างบนหน่อย ว่าเป็นอย่างไรบ้าง!”


ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเพราะกินแมลงพิษของชาญ ทองทวนเยอะเกินหรือเปล่า หลังจากที่กินงูเห่าตัวนั้น จู่ๆเหมาโถวก็นอนหลับไปจนถึงวันนี้เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์เต็มๆ


ถ้าไม่ใช่เพราะเยี่ยเทียนสัมผัสได้ว่าลมหายใจของเหมาโถวยังคงที่อยู่ เขาคงพาเจ้าตัวน้อยไปหาสัตวแพทย์แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม เยี่ยเทียนก็ส่งพลังชี่แห่งชีวิตเข้าสู่ร่างกายของมันทุกวัน เพราะกลัวว่าเจ้าตัวน้อยนี้จะเป็นอะไรไป


เยี่ยเทียนขึ้นไปชั้นบนไม่นานเท่าไหร่ กระดิ่งของประตูที่อยู่ด้านนอกห้องรับแขกก็ดังขึ้น จั่วเจียจวิ้นมองดูนาฬิกา ที่แขวนไว้ที่ห้องรับแขก ขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกว่าเวลาของการส่งอาหารในวันนี้ช้ากว่าปกติยี่สิบนาที


แต่จั่วเจียจวิ้นไม่ได้คิดมาก ลุกขึ้นออกจากห้องรับแขกเดินมาถึงหน้าประตู หลังจากเปิดตูออกพบว่ารถบัสขนาดกลาง ที่ติดป้ายของโรงแรมฟูราม่าจอดอยู่หน้าประตูหนึ่งคัน


ด้านข้างของรถบัสขนาดกลางมีรถเข็นอาหารอยู่หนึ่งอัน รถเข็นอาหารแบ่งออกเป็นห้าชั้น ชั้นบนถูกวางเต็มไปด้วย จานสีเงินต่างๆ ทุกๆจานมีฝาขนาดที่พอดีครอบเอาไว้ นอกจากนั้นยังมีไวน์หนึ่งขวดที่วางไว้ในถังเครื่องดื่มแอลกอฮอล์


ด้านข้างของรถเข็นอาหารมีเชฟหน้าฝรั่งใส่หมวกทรงสูงยืนอยู่หนึ่งคน หลังจากที่เห็นจั่วเจียจวิ้นออกมา เขาโค้งคำนับอย่างสุภาพบุรุษ และพูดด้วยภาษาอังกฤษกับเขาว่า “คุณครับ ผมคือเชฟ “ชาร์ดสัน” ของโรงแรมฟูราม่าครับ และนี่คืออาหารมื้อค่ำที่คุณถังสั่งไว้ครับ!”


“เชฟ?แล้วพนักงานคนอื่นๆล่ะ? มาส่งอาหารถึงกับต้องให้พ่อครัวใหญ่มาส่งเลยหรือ?”


มองดูฝรั่งหน้าตาไม่ดีเท่าไหร่ที่ยืนอยู่ตรงหน้า จั่วเจียจวิ้นขมวดคิ้ว เพราะปกติคนที่ส่งอาหารส่วนใหญ่ จะเป็นพนักงานของโรงแรม ยังไม่เคยมีเหตุการณ์ให้พ่อครัวมาส่งด้วยตัวเอง


“อ๋อ คุณครับ คืออย่างนี้ครับ ท่านเซอร์ รัสท์ ที่พักอยู่ด้านล่าง วันนี้เขาก็สั่งอาหารจากทางโรงแรมเช่นกัน บังเอิญท่านมาสั่งช้าไปหน่อย ดังนั้นพนักงานคนอื่นๆ จึงต้องอยู่เตรียมอาหารมื้อค่ำให้กับ ท่านเซอร์ รัสท์ เป็นเหตุให้ต้องมาส่งอาหารให้คุณช้า ในฐานะเชฟผมจึงต้องมาขอโทษด้วยตัวเองครับ”


ฝรั่งวัยกลางคนแสดงความเสียใจออกมาในเวลาที่เหมาะสม และเซอร์ รัสท์ ที่เขาพูดถึงทำให้จั่วเจียจวิ้น คลายสีหน้าที่ไม่พอใจลง เพราะเขารู้จักคนอังกฤษที่เพิ่งย้ายมาถึงไม่กี่วันคนนั้น


รัสท์เป็นนักธุรกิจไวน์องุ่นที่มีชื่อเสียงของอังกฤษ ตั้งแต่บรรพบุรุษของเขาและสืบทอดไปจนถึงตำแหน่งเซอร์ รัสท์ชอบวัฒนธรรมตะวันออกมาก ในทุกๆปีเขาจะเดินทางมาพักผ่อนที่ฮ่องกงและพักเป็นระยะเวลาหนึ่ง


ทุกครั้งที่รัสท์เดินทางมาที่ฮ่องกง เขาจะจัดงานเลี้ยงในวิลล่าของเขาและเชิญคนมีชื่อเสียง จากทุกสาขาอาชีพในฮ่องกงมาร่วมงาน จั่วเจียจวิ้นเคยไปร่วมงานอยู่หลายครั้ง ถือว่ารู้จักสนิทพอสมควร และรู้จักลักษณะนิสัยขอเขาเป็นอย่างดี


หลังจากทราบเรื่องราวทั้งหมดแล้ว จั่วเจียจวิ้นเปิดทางและพูดว่า “โอเค เข้ามาสิ คำขอโทษคงไม่ต้อง เดี๋ยวช่วยแนะนำอาหารเหล่านี้ให้แขกของฉันหน่อยก็แล้วกัน!”


ในร้านอาหารต่างประเทศหลายแห่งหากลูกค้าชื่นชมหรือรู้สึกไม่พอใจกับอาหารจานใด เชฟจะต้องออกมา แสดงความขอบคุณและอธิบาย


ถ้าเป็นงานเลี้ยงส่วนตัวเชฟยิ่งออกมายอมรับความขอบคุณและการยกย่องจากแขก จั่วเจียจวิ้นที่คุ้นเคยกับประเพณี ของชาวต่างชาติเป็นอย่างดี ทำให้เขาไม่มีข้อสงสัยใดๆเพิ่ม


“ขอบคุณที่เข้าใจครับ คุณครับ อาหารมื้อค่ำในวันนี้จะทำให้คุณประทับใจแน่นอนครับ”


หลังจากได้ยินคำพูดของจั่วเจียจวิ้น จอร์จี้ คาร์เตอร์ก็รู้สึกโล่งอก ชีวิตนักฆ่ายี่สิบปี ทำให้เขามีความรู้สึกถึงอันตรายเป็นพิเศษ


จากชายชราข้างหน้า เขาพบความรู้สึกที่อันตราย หากไม่ได้รับการฝึกฝนและมีประสบการณ์มาหลายปี จอร์จี้ คาร์เตอร์ เมื่อครู่คงจะเลือดไหลเวียนเร็วมากเกินไป จนอาจจะถูกคนที่อยู่ด้านข้างหน้าดูออก


ถึงแม้ว่าจอร์จี้ คาร์เตอร์มีความมั่นใจที่จะจัดการคนนี้ แต่นักฆ่าระดับต้นของโลก จอร์จี้ คาร์เตอร์ จะทำก็ต่อเมื่อสถานการณ์บังคับเท่านั้น เขาถึงจะฆ่าเป้าหมายที่ไม่มีใครจ่ายเงิน


นอกจากนี้ จอร์จี้ คาร์เตอร์คิดว่าการลอบฆ่าคืองานทางเทคนิคอย่างหนึ่ง การฆ่าคนและจากไปโดยไม่ทิ้งร่องรอย นั่นคือการลอบฆ่าที่ประสบความสำเร็จ และสมควรที่จะได้รับตำแหน่งนักฆ่าคนที่สามของโลก


ถ้าฆ่าชายชราข้างหน้า บางทีอาจทำให้ไก่ตื่นตัว และปล่อยให้เป้าหมายซ่อนตัวทัน ต้องรู้ว่าคฤหาสน์ แบบนี้จะต้องมีชั้นใต้ดินเพื่อหลบซ่อนอันตราย ถ้าทำอย่างนั้นทุกสิ่งจะล้มเหลวทันที


เพื่อรอโอกาสครั้งนี้ จอร์จี้ คาร์เตอร์ใช้เวลากว่าหนึ่งสัปดาห์ในการวางแผน


หลังจากติดตามรถส่งอาหารของโรงแรมไปที่คฤหาสน์เป็นเวลาสองวัน จอร์จี้ คาร์เตอร์คิดวิธีลอบฆ่า เยี่ยเทียนออกหนึ่งวิธี เขาใช้เวลาสองวัน ดักฟังเบอร์โทรศัพท์การจัดส่งอาหารของร้านอาหารที่มีชื่อเสียงเก้าแห่งในฮ่องกง


หลักจากทราบว่าโรงแรมฟูราม่าจะส่งอาหารไปให้เยี่ยเทียน จอร์จี้ คาร์เตอร์สร้างฉากอุบัติเหตุเล็กๆ บริเวณเปลี่ยวแห่งหนึ่ง ที่ออกจากโรงแรมมุ่งหน้าไปสู่ภูเขาไท่ผิง พนักงานโรงแรมที่อยู่ในรถกำลังสลบอยู่ตอนนี้


“ศิษย์พี่ ข้าวเย็นมาส่งแล้วเหรอ?”


รถเข็นอาหารถูกเข็นเข้าไปที่ห้องรับแขกเสร็จแล้ว เยี่ยเทียนก็เดินลงมาพอดี ถึงเม้เหมาโถวยังไม่ได้สติ แต่ลมหายใจมั่นคงทำให้เขารู้สึกโล่งใจ


“ฮือ วันนี้ทำไมมาส่งคนเดียว?”


มองดูรถเข็นอาหารและเชฟที่ใส่หมวกอย่างจอร์จี้ คาร์เตอร์ เยี่ยเทียนอึ้งไปสักครู่ ต้องรู้ว่าปริมาณอาหารที่เขา กับจั่วเจียจวิ้นกินนั้นเยอะมาก โดยปกติจะมีปริมาณอาหารสำหรับเจ็ดแปดคนด้วยซ้ำ คนส่งอาหารอย่างน้อยก็มีสามสี่คน


“คนอื่นๆอยู่ที่บ้านเซอร์รัสท์ เชฟของพวกเขาส่งอาหารขึ้นมาก่อน” จั่วเจียจวิ้นอธิบายให้เยี่ยเทียนฟังคร่าวๆ แต่ไม่ทันเห็นว่าตาของเยี่ยเทียนเริ่มหรี่ลงเล็กน้อย


ในฐานะนักฆ่าคนหนึ่ง สิ่งที่สำคัญที่สุดคือทักษะ จะต้องเรียนรู้การซ่อนเจตนาฆ่าของตนเอง แต่จอร์จี้ คาร์เตอร์เป็นมืออาชีพของหนึ่งในนักฆ่าพวกนั้น เขาสนุกกับการดูเป้าหมายของตนเองที่มีรอยยิ้มและความงุนงง และเสียชีวิตในมือของเขาเอง


ตอนนี้จอร์จี้ คาร์เตอร์ทำตัวเป็นเชฟของโรงแรมฟูราม่าจริงๆ เพียงแต่ว่าจอร์จี้ คาร์เตอร์ไม่รู้ว่า กลิ่นอายพิฆาตบนตัวของเขากำลังทรยศต่อตัวเขาแล้ว


ตั้งแต่ได้สืบทอดวิชาของสำนักพยากรณ์เสื้อป่านอย่างไม่ได้ตั้งใจ ถึงแม้ว่าเยี่ยเทียนจะไม่ใช้วิชา แต่เขาสามารถมองเห็นหยินหยางที่กำลังพันอยู่ภายในตัวของจอร์จี้ คาร์เตอร์ ซึ่งเป็นชี่ที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ แล้วจะรอดสายตาของเขาไปได้ยังไง?


“คุณผู้ชายครับ นี่คือคาเวียร์ที่ทำจากไข่วาฬเบลูกา มันจะทำให้คุณรู้สึกถึงรสชาติที่อร่อยที่สุด…”


จอร์จี้ คาร์เตอร์ไม่รู้ตัวว่าตัวตนของเขาถูกดูออกแล้ว ในเวลานี้เขากำลังนำคาเวียร์ที่วางไว้ใต้จานที่มีน้ำแข็งอยู่หนึ่งชั้น วางไว้ที่โต๊ะอาหาร


หลังจากเปิดฝา จานนั้นเต็มไปคาร์เวียที่กลม แน่น เงา โปร่งใส มันวาวสีทองเล็กน้อย ปรากฏอยู่ข้างหน้าเยี่ยเทียน


จอร์จี้ คาร์เตอร์หยิบถ้วยเล็กที่อยู่ในน้ำแข็งขึ้นมาสองถ้วย ตักคาร์เวียประมาณครึ่งหนึ่งแบ่งส่วนและวางไว้ ด้านหน้าของเยี่ยเทียนกับจั่วเจียจวิ้น พูดว่า “คุณผู้ชายทั้งสองครับ คาร์เวียนี้ตั้งแต่แปรรูปออกมายังไม่เกิน 20 นาทีครับ ขอให้คุณทั้งสองเพลิดเพลินกับมันทันที มิฉะนั้นรสชาติความอร่อยของมันจะลดลงอย่างมาก”


ในฐานะนักฆ่าระดับโลกอย่างจาร์จี้ คาร์เตอร์ไม่เพียงแต่ฆ่าคนเป็นเท่านั้น สำหรับการเพลิดเพลินกับอาหารการกิน สามารถเรียกเขาว่าผู้เชี่ยวชาญ และในเวลานี้การแนะนำยังคงดำเนินต่อ และไม่มีความผิดพลาดใดใด


“โอ้ งั้นต้องลองชิมแล้วหละ…”


เยี่ยเทียนได้ยินจึงหัวเราะ เขาเห็นศิษย์พี่ใช้มือซ้ายที่ไม่ได้รับบาดเจ็บหยิบช้อนขึ้นมา จึงรีบพูดต่อว่า “ศิษย์พี่ มีอาหารอร่อยขนาดนี้ ไม่มีไวน์ได้ยังไงหละ คุณช่วยเปิดไวน์แดงขวดนั้นให้ทีครับ”


“เห้ ศิษย์น้อง ไม่ต้องรีบดื่ม นายไม่รู้ละสิ คาร์เวียนี้วางทิ้งไว้นานไม่ได้ กินให้หมดแล้วค่อยดื่ม!”


สิ่งที่ทำให้เยี่ยเทียนคิดไม่ถึง สำหรับจั่วเจียจวิ้นนั้น สิ่งที่ดีที่สุดคือคาร์เวียคำนี้ แล้วเขาจะอยากดื่มไวน์แดงไปทำไมกันเล่า?


……


ตอนที่ 327 พิษพิฆาต

โดย

Ink Stone_Fantasy

ถึงแม้คาร์เวียจะเป็นของแพงและมีไม่มากแต่จั่วเจียจวิ้นก็กินเป็นประจำ อย่างไรก็ตามคาเวียร์ ที่ทำจากไข่ของวาฬเบลูกาที่อยู่ข้างหน้าเป็นอาหารที่หรูหราที่สุด แม้แต่เขาก็ยังต้องจองล่วงหน้านานกว่าจะได้กิน


“เยี่ยเทียน ลองชิมดูสิ เดี๋ยวค่อยดื่มก็ได้ ถ้าเป็นแชมเปญก็คงจะดี”


คาร์เวียยิ่งวางไว้นานรสชาติจะยิ่งแย่ จั่วเจียจวิ้นไม่อ้อมค้อมกับเยี่ยเทียน เขาหยิบช้อนขึ้นและเตรียมตักกิน


มองดูท่าทางของจั่วเจียจวิ้น คนที่ยืนอยู่ข้างๆ อย่างจอร์จี้ คาร์เตอร์ก็อดยิ้มไม่ได้ พูดกับเขาว่า”คุณผู้ชายท่านนี้พูดถูกครับ ผมช่วยคุณทั้งสองเปิดไวน์แดง พวกคุณทานเลยครับ!”


ในคาร์เวียเหล่านี้ จอร์จี้คาร์เตอร์โรยโพแทสเซียมไซยาไนด์ลงไป และมันถูกเจือจางด้วยน้ำแล้ว ส่วนกลิ่นของคาเวียร์สามารถปกปิดรสชาติโพแทสเซียมไซยาไนด์ที่คล้ายกับอัลมอนด์รสขมได้


ควรรู้ว่าโพแทสเซียมไซยาไนด์เป็นหนึ่งในพิษที่มีพิษมากที่สุดในโลกเมื่อเทียบกับสารหนูมันเป็นพิษมากกว่าสารหนู หนึ่งร้อยเท่า ถ้ากินเข้าไปในร่างกายจากปาก สามารถตายทันทีและไม่มีโอกาสรอดชีวิตเลย


หนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา จอร์จี้ คาร์เตอร์นอกจากวางแผนลอบฆ่าแล้ว พลังงานหลักที่ใช้ไปส่วนใหญ่คือการทำ สารเคมีที่มีพิษสูงแบบนี้


มองดูภารกิจของตนเองกำลังจะสำเร็จ จอร์จี้ คาร์เตอร์รู้สึกสบายใจที่สุด ขอแค่เยี่ยเทียนและจั่วเจียจวิ้น กินคาร์เวียเข้าไป แผนการลอบฆ่าในครั้งนี้จะสำเร็จลุล่วงไปอย่างสวยงามทีเดียว


ส่วนโรงแรมฟูราม่าที่ต้องมารับกรรมจากเรื่องนี้ จอร์จี้ คาร์เตอร์ไม่เก็บมาใส่ใจแน่นอน ตอนที่คนอื่นพบศพ ของสองคนนี้ ไม่แน่ เขาอาจจะบินกลับไปถึงบ้านที่อเมริกาแล้วก็เป็นได้


มองดูช้อนของจั่วเจียจวิ้นกำลังจะถึงปาก เยี่ยเทียนยื่นมือกุมข้อแขนเขาไว้ทันที พูดว่า”ศิษย์พี่ ใจเย็นก่อนสิ รอไวน์แดงเปิดให้เสร็จก่อน ฉันอยากชวนคุณ “ชาร์ดสัน” มาลิ้มรสอาหารชั้นเลิศนี้ด้วยกัน!”


ในคาร์เวียถูกใส่อะไรเข้าไปเยี่ยเทียนไม่กล้ามั่นใจ แต่อาหารชั้นเลิศที่วางอยู่ตรงหน้าเขา ทำให้เขามีรู้สึก อกสั่นขวัญหายอย่างบอกไม่ถูก


แต่เยี่ยเทียนมั่นใจว่า จานคาร์เวียที่ถูกเรียกขานว่า “ทองดำ” นี้ พิษของมันรุนแรงกว่าพิษงูเห่าของชาญ ทองทวนมากแน่นอน


“หืม?”


เมื่อเห็นว่าเยี่ยเทียนมีท่าทีไม่ให้กินคาร์เวียนี้หลายครั้ง จั่วเจียจวิ้นเริ่มสงสัยจึงได้วางถ้วยลงที่โต๊ะ และพูดว่า”คุณชาร์ดสัน ผมเสียมารยาทจริงๆ นั่งลงและเพลิดเพลินกับอาหารของคุณด้วยกันสิครับ!”


ในทางมารยาทของชาวต่างชาติ แขกสามารถเชิญเชฟที่มีทักษะสูงมาร่วมรับประทานอาหารที่เขาปรุงได้ ดังนั้นการเชิญของจั่วเจียจวิ้นจึงไม่เป็นการเชิญที่กระทันหันเกินไป


“เอ่อ…ไม่เป็นไรครับ การได้บริการคุณทั้งสองเป็นเกียรติอันสูงสุดของผมแล้วครับ!”


ถ้าเปลี่ยนเป็นอีกสถานการณ์หนึ่ง จอร์จี้ คาร์เตอร์คงจะนั่งลงเพลินเพลินกับคาร์เวียเหล่านี้แน่นอน แต่เวลานี้ ถึงตีให้ตายยังไงเขาก็ไม่มีวันนำคาร์เวียหนึ่งเม็ดเข้าปากตนเองแน่นอน


จอร์จี้ คาร์เตอร์ เวลาที่พูดสีหน้าของเขาไม่มีความเปลี่ยนแปลง ส่วนสองมือก็ไขว่ข้างหลังอย่างไม่มีพิรุธ แต่ท่าทีของเยี่ยเทียนทำให้เขารู้สึกมีบางอย่างผิดปกติ เหมือนกับว่าตนเองจะมีพิรุธบางอย่างถูกเผยออกมา


“เห้ บนโลกนี้มักมีคนประเภทให้กินดีดี ไม่ชอบ ชอบกินแบบหลั่งน้ำตา คุณชาร์ดสันว่าอย่างนั้นไหม?”


เยี่ยเทียนส่ายหัวไปมา มองดูนักฆ่าที่เข้มงวดและนิ่งสงบที่ยืนอยู่ตรงหน้า อีกฝ่ายอาจคิดว่าปลอมเป็นพนักงาน ส่งอาหารเพื่อลอบฆ่าเขาซึ่งเกินความคาดหมายของเยี่ยเทียน แต่เขาไม่รู้ว่าพลังพิฆาตของเขาได้ทรยศต่อตัวตนของเขาแล้ว


“คุณผู้ชายท่านนี้ ผมไม่รู้ว่าพวกคุณหมายถึงอะไร”


จอร์จี้ คาร์เตอร์ตอบกลับไปโดยทำเป็นไม่เข้าใจ แต่มือขวาของเขาจับปืนที่สอดไว้ด้านหลังของเอวเรียบร้อย นี่เองที่ทำให้เขามั่นใจอย่างมากว่าด้วยความเป็นนักแม่นปืนของเขาในระยะใกล้แค่นี้ ถ้าเขาไม่สามารถ ยิงโดน เยี่ยเทียนกับจั่วเจียจวิ้น ชื่อเสียงนักฆ่ามือสามของโลกจะกลายเป็นเรื่องตลกไปเลย


แต่ในขณะนี้ จอร์จี้ คาร์เตอร์นำความสนใจเพ่งตรงไปที่ตัวของจั่วเจียจวิ้นแล้ว ตามความรู้สึกของเขาที่สัมผัสได้ ถึงอันตรายนั้น จั่วเจียจวิ้นเป็นบุคคลที่อันตรายมากที่สุด ส่วนเยี่ยเทียนไม่ต่างจากคนธรรมดาคนหนึ่ง


“เยี่ยเทียน นายหมายถึง?” จั่วเจียจวิ้นตบโต๊ะแล้วลุกขึ้นมา มองดูท่าทีของเยี่ยเทียนแล้ว เขาจะไม่เข้าใจได้ยังไง?


“คุณผู้ชายครับ ผมแนะนำว่าคุณอย่าขยับดีกว่า!” จอร์จี้ คาร์เตอร์เผยสีหน้าแสยะยิ้ม มือขวายื่นออกมาจากเอว ด้านหลังเร็วปานฟ้าแลบ ในฝ่ามือของเขาเป็นปืนพกที่กระทัดรัดมากๆ


จอร์จี้ คาร์เตอร์ไม่เข้าใจภาษาจีน แต่อาชีพนักฆ่าหลายปีของเขา ทำให้เขาเข้าใจอยู่หนึ่งเรื่อง นั่นก็คือพูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง บนโลกใบนี้มีเพียงคนตายแล้วเท่านั้นที่ปลอดภัยที่สุด


ดังนั้นจอร์จี้ คาร์เตอร์ถึงแม้จะพูดเตือนจั่วเจียจวิ้น แต่ที่จริงแล้วในมือขวาของเขาดึงไกปืนพกและชี้ไปยังเขาแล้ว เขาเชื่อว่าถ้าจัดการจั่วเจียจวิ้นเสร็จ สำหรับเยี่ยเทียนแล้วจะไม่สามารถคุกคามเขาได้เลย


“ฮือทำ…ทำไมเป็นแบบนี้?”


ตอนที่จอร์จี้ คาร์เตอร์เตรียมกดไกปืนยิงจั่วเจียจวิ้น จู่ๆเขาก็พบว่านิ้วชี้ของเขาไม่สะมารถงอได้แล้ว


ไม่เพียงแต่เท่านี้ จอร์จี้ คาร์เตอร์ยังรู้สึกถึงความเย็นยะเยือกบนตัวของเขา จากนั้นตัวของเขาก็เริ่มแข็งตัว จนขยับไม่ได้อีกต่อไป นอกจากสมองยังคงใช้งานได้ปกติ แต่ร่างกายของเขากลับไม่สามารถรับการสั่งการได้อีก


“ในประเทศจีนมีคำกล่าวว่าถ้าเป็นแขกต้องแล้วแต่เจ้าของบ้าน ในเมื่อคุณมาถึงที่บ้านของผม ผมเชิญคุณกินคาร์เวีย มันเป็นการต้อนรับจากผม คุณไม่กิน แปลว่าคุณไม่เห็นแก่หน้าผม?”


นั่งอยู่ข้างๆ จอร์จี้ คาร์เตอร์อย่างนี้เยี่ยเทียนก็อดขำไม่ได้ ลุกขึ้นและใช้มือค่อยๆ นำปืนพกที่มือของจอร์จี้ คาร์เตอร์ออกมา


ครั้งแรกที่เจอจอร์จี้ คาร์เตอร์ เยี่ยเทียนก็รู้ตัวตนของเขาแล้ว


สำหรับนักฆ่าแบบนี้ตราบใดที่เขาไม่ได้ลอบฆ่าตัวเองด้วยปืนไรเฟิลจากระยะไกล ไม่มีใครในโลกนี้ที่สามารถฆ่าเขาได้ ในระยะ 3-5 เมตร


ตอนที่จั่วเจียจวิ้นลุกขึ้นเพื่อดึงดูดความสนใจของอีกฝ่าย เยี่ยเทียนจรดนิ้วท่องคาถา นำพลังพิฆาตเข้าสู่ภายในตัวของจอร์จี้ คาร์เตอร์แล้ว ถึงแม้คนต่างชาติจะไม่เชื่อในแพทย์แผนจีนเท่าไหร่ แต่เขาไม่สามารถแก้ไขสิ่งที่มีเหมือนกันอย่างเส้นชีพจรได้


ถึงแม้ภาษาอังกฤษของเยี่ยเทียนติดๆขัดๆ แต่ความหมายถูกสื่อออกมาอย่างชัดเจน  มองดูเยี่ยเทียนทำเหมือนตนเป็นหุ่นเชิดกดตนเองนั่งลงไปกับที่นั่ง จอร์จี้ คาร์เตอร์ตกใจมากจนขวัญหนีดีฝ่อ


“ไม่…คุณทำแบบนี้ไม่ได้ นี่…นี่มันคือการลอบฆ่า!”


ทันใดนั้น จอร์จี้ คาร์เตอร์รู้สึกว่าปากของตนสามารถพูดออกมาได้แล้ว และทันทีที่รู้สึกตัวเขาตะโกนออกมาเสียงดัง แต่คำพูดเพิ่งพูดออกมา เขาก็รู้สึกไร้สาระมาก เพราะว่าตนเองคือนักฆ่าคนหนึ่งแต่ตอนนี้กลับกล่าวหาคนอื่นว่าลอบฆ่า?


เยี่ยเทียนใช้ช้อนที่ทำจากเงินตักคาร์เวียขึ้นมาหนึ่งช้อน หัวเราะและถามว่า “ถ้าอย่างงั้นคุณบอกผมได้ไหมว่าใครส่งคุณมาฆ่าผม?”


“ไม่…ผมไม่รู้ว่าผู้ว่าจ้างคือใคร?”


จอร์จี้ คาร์เตอร์ส่ายหัวไปมา และปิดปากอย่างสนิทในฐานะนักฆ่ามืออาชีพอันดับต้น ๆ หลังจากความตื่นตระหนก เริ่มแรกผ่านไปแล้ว เขาก็สงบลงอย่างช้าๆ


การเป็นนักฆ่าไม่ควรทำพลาด และการทำพลาดเท่ากับความตาย


ตั้งแต่วันแรกที่ทำอาชีพนี้ จอร์จี้ คาร์เตอร์ มีสติแห่งความตายอยู่แล้ว แต่ไม่คิดว่าการที่เขาลอบสังหารผู้ที่มีชื่อเสียง ทหารที่แข็งแกร่งระดับนานาชาติไม่เคยพลาดเลยสักครั้ง แต่เขากลับพลาดท่าให้กับคนฮ่องกงที่เล็กเท่ากระสุนปืนแห่งนี้


“โอเค ถ้าอย่างนั้นคุณไปตายซะ!”


บนใบหน้าของเยี่ยเทียนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่ในใจกลับโมโหจนลุกเป็นไฟ การเป็นนักฆ่าสักวันหนึ่ง เขาก็จะโดนฆ่าเช่นกัน ถึงแม้คนตรงหน้าจะเป็นเพียงเครื่องมือเท่านั้น แต่เยี่ยเทียนไม่มีนิสัยปล่อยให้ศัตรู หลุดพ้นจากมือของเขาไปได้


มองเห็นเยี่ยเทียนยื่นช้อนคาร์เวียเกือบจะถึงริมฝีปากของจอร์จี้ คาร์เตอร์ จั่วเจียจวิ้นรีบพูดขัดขึ้นว่า”เยี่ยเทียน ช้าก่อน ฉันมีวิธีทำให้เขาพูดที่ไปที่มาของเขาแล้ว!”


“ศิษย์พี่ ไม่จำเป็นเลย เขาเป็นนักฆ่า ฉันเชื่อว่าเขาไม่รู้จริงๆ ว่าใครจ้างเขามา”


เยี่ยเทียนส่ายหัวไปมา มือซ้ายเร็วปานฟ้าผ่าดึงคางของจอร์จี้ คาร์เตอร์ลง ปากที่ปิดสนิทของจอร์จี้คาร์เตอร์ในตอนนี้ ขากรรไกรก็ร่วงลงมา


“ลาก่อน เพื่อน!”


เยี่ยเทียนป้อนคาร์เวียช้อนนั้นเข้าปากของจอร์จี้ คาร์เตอร์อย่างไม่ลังเลพร้อมกับใช้มือผลักขากรรไกรเข้าหากันคาร์เวียก็ไหลเข้าไปในลำคอตามแรงของเยี่ยเทียน


“แค่ก…แค่ก…”


หลังจากคาร์เวียช้อนนั้นไหลเข้าไปที่ท้องแล้ว คนที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้อย่างจอร์จี้ คาร์เตอร์ก็ฟื้นความสามารถ ในการเคลื่อนไหว แต่มันก็สายไปแล้ว เขาใช้สองมือบีบที่คอของตนเอง ในขณะเดียวกัน จอร์จี้คาร์เตอร์ก็หงายหลัง พร้อมกับเก้าอี้ลงไปที่พื้น


โพแทสเซียมไซยาไนด์เป็นสารเคมีที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในโลก จอร์จี้ คาร์เตอร์ไม่แม้แต่จะมีเวลาคิดถึงชีวิต 40 ปีของเขา เลือดสีดำไหลออกมาตามประสาทสัมผัสทั้งห้าและเจ็ดทวารของเขา ร่างของเขากระตุกเล็กน้อย จากนั้น ลมหายใจของเขาก็หายไป


“นี่……นี่คือยาพิษอะไร?.


มองดูเลือดที่ไหลออกตามเจ็ดทวาร ใบหน้าและดวงตาที่สยดสยองของจอร์จี้ คาร์เตอร์ สีหน้าของจั่วเจียจวิ้นก็เปลี่ยนสีอย่างฉับพลัน เมื่อนึกถึงสถานการณ์ที่เขาเกือบจะเอาคาเวียร์ใส่เข้าไปในปากของเขา แล้วตอนนี้หัวใจของจั่วเจียจวิ้นก็สูบฉีดอย่างรุนแรง


“เห้ย อาติง นายช่วยพาคนมาที่นี่อีกครั้ง แล้วก็เอาอาหารมาด้วย!”


ในขณะที่จั่วเจียจวิ้นกำลังอึ้งอยู่ เยี่ยเทียนยกโทรศัพท์ขึ้นและได้โทรหาอาติง มองดูสภาพของจอร์จี้ คาร์เตอร์เป็นเช่นนี้ ถึงแม้อาหารเหล่านี้จะไม่มีพิษ แต่เยี่ยเทียนก็ไม่กล้ากินอีกต่อไป


“นายน้อย นี่…นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” เวลาผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง อาติงพาคนมาถึงวิลล่าประมาณสามสี่คนอย่างเร่งรีบ มองเห็นคนที่ตายอย่างสยดสยองอย่างจอร์จี้ คาร์เตอร์ ใบหน้าของเขาก็ไม่สามารถควบคุมอาการตกใจได้


“นักฆ่า ขับรถส่งอาหารของโรงแรมฟูราม่ามาถึงที่นี่…”


เยี่ยเทียนเล่าเหตุการณ์เมื่อสักครู่ให้อาติงฟังเสร็จ และชี้ไปที่คาร์เวียที่วางอยู่บนโต๊ะพูดว่า “นายเอาคาร์เวียพวกนี้ไปให้แล็ปช่วยพิสูจน์หน่อย ดูว่าข้างในนี้คือพิษอะไร?”


“นายน้อย เป็นเพราะพวกผมสะเพร่าเอง!”


อาติงแสดงสีหน้าละอายใจ เยี่ยเทียนเป็นคนที่ถูกเชิญมาฮ่องกงโดยถังเหวินหย่วน มาถึงที่นี่ยังไม่ทันไร ก็ถูกโจมตีถึงสองครั้งติดต่อกัน ความปลอดภัยของฮ่องกงแย่ขนาดนี้ตั้งเต่เมื่อไหร่?


“ไม่เกี่ยวกับพวกนายหรอก เรื่องของครั้งนี้ให้มันจบเพียงเท่านี้”


หลังจากที่จอร์จี้ คาร์เตอร์เสียชีวิตแล้ว ช่วงเวลานี้เงาหยินที่ปกคลุมบนตัวของเยี่ยเทียนกลุ่มนั้นก็หายไปสักที


……


ตอนที่ 328 วิชา เพื่อน เงิน สถานที่

โดย

Ink Stone_Fantasy

หลังจากทราบวิธีการที่ผู้ร้ายเข้ามาในบ้านแล้ว อาติงนำศพและอาหารพวกนั้นออกไป สำหรับที่ว่าจะจัดการ อย่างไรนั้น เยี่ยเทียนไม่ต้องกังวล เพราะในโลกทุกวันนี้ในแต่ละวันก็มักมีคนสูญหายอย่างลึกลับอยู่แล้ว


ผ่านไปไม่นาน อาหารชุดใหม่ก็มาส่ง ถึงแม้จะฉุกละหุกไปบ้าง แต่ก็ยังคงมากมายไม่ขาด


ช่วงนี้ถูกตามล่าสังหารอยู่ไม่หยุดหย่อน แก้ไขปัญหาเรื่องนี้ไปได้ เยี่ยเทียนรู้สึกราวกับยกก้อนหินออกจากอกได้ ผ่อนคลายลงไม่น้อย ค้นหาเหล้าชั้นดีที่อาติงเพิ่งเอามาให้เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ขึ้นมากินกับจั่วเจียจวิ้น


หลังจากดื่มไปไม่กี่แก้ว จั่วเจียจวิ้นก็สงสัยจนอดรนทนไม่ไหวถามกับเยี่ยเทียนว่า “เยี่ยเทียน นายมองออกได้ยังไงกัน ว่ามันคือนักฆ่า”


จั่วเจียจวิ้นมาฮ่องกงตั้งแต่อายุยี่สิบกว่า ในเวลานี้อายุอานามก็ปาเข้าไปหกสิบกว่าปีแล้ว หลายสิบปีมานี้ โลดแล่นไปทั่ว ถือได้ว่าเป็นมือเก่าคนหนึ่ง แต่ยังไงเขาก็ไม่เข้าใจว่าเยี่ยเทียนทำอย่างไรถึงได้มองนักฆ่าคนนั้นออก


เยี่ยเทียนหัวเราะและรินเหล้าให้กับศิษย์พี่กล่าวว่า “ศิษย์พี่ ไม่ทราบศิษย์พี่ดูภูมิลักษณ์เป็นหรือไม่”


จั่วเจียจวิ้นพยักหน้ากล่าวว่า “แน่นอนว่าต้องดูเป็น หากดูศาสตร์ชัยภูมิพื้นที่ไม่เป็น ฉันจะดูฮวงจุ้ยได้ยังไงกัน”


“ศิษย์พี่ เวลาพี่ดูลักษณะชัยภูมิจะต้องเบิกเนตรดูพลังหยินหยาง และในระหว่างที่กำลังใช้วิชา มีเคล็ดวิชาลับที่สามารถดูไอพลังที่ปล่อยออกมาจากตัวคนได้ นักฆ่าเมื่อซักครู่นี้มีไอหยางปกคลุมทั่วทั้งร่าง นี่เป็นไอของคนที่ถูกเขาฆ่าเหลือทิ้งไว้ แล้วแบบนี้เขาจะเป็นคนดีได้อย่างไรกันใช่มั๊ย”


เบิกเนตรที่เยี่ยเทียนกล่าวนั้น อยูในตำแหน่งอิ้นถังด้านบนของสันจมูก จากอิ้นถังเข้าไปสองนิ้ว จะมีสิ่งที่คล้ายกับลูกสนอยู่ ในทางการแพทย์เรียกว่า ต่อมไพเนียล ในการศึกษาและวิจัยพบว่า ต่อมไพเนียลมีผลต่อการทำงานต่อจอประสาทตา สามารถเปิดและปิดจอประสาทตา เพื่อมองเห็นภาพต่างๆ ได้


หลังจากเบิกเนตรแล้ว จะมองเห็นสิ่งที่เป็นพลังหยางง่ายขึ้น เด็กก่อนอายุสี่ขวบที่พึ่งแยกจากแม่ไม่นาน เบิกเนตรนั้นยังไม่เสื่อมโดยสมบูรณ์ ทำให้มักมองเห็นสิ่งที่เป็นพลังหยางที่ผู้ใหญ่มองไม่เห็น


พอโตขึ้น หลังจากที่เป็นผู้ใหญ่ ต่อมไพเนียลจะทำให้เบิกเนตรเสื่อมสภาพและปิดลงโดยสมบูรณ์ จึงยากต่อการเห็นสิ่งที่เป็นพลังหยาง หากอย่างจะเปิดอีกครั้ง จะต้องฝึกตามเคล็ดวิชาลับจึงจะสำเร็จ


ในแวดวงต่อสู้ฉีเหมิน การเบิกเนตรไม่ได้เป็นเคล็ดวิชาลึกลับที่ไม่สืบทอด อาจารย์ฮวงจุ้ยจริงๆ จะสามารถหาจุดมังกรและเบิกเนตรชั่วคราวได้ ใช้ในการตรวจสอบพลังหยินและหยาง ที่มีในโลกและสวรรค์


เบิกเนตรในลัทธิเต๋าเรียกว่าดวงตาหยินหยางหรือตาเบิกวิญญาณ แต่ว่านักพรตธรรมดาในลัทธิเต๋ามักจะไม่เปิดดวงตาหยินหยาง เพราะการเปิดดวงตาหยินหยางแต่ละครั้งจะทำให้สูญเสียพลังหยินในตัวเองลงไป


ดังนั้นถึงแม้จะเป็นอาจารย์ฮวงจุ้ย ก็จะใช้เวลาที่สั้นมากในการเบิกเนตรดูลักษณะภูมิลักษณ์ จั่วเจียจวิ้นตอนนี้ที่อยู่ว่างๆ ก็เบิตรเนตรดูการแบ่งพลังหยินหยางสองสายบนร่างตนเอง


นอกจากนี้ยังมีเคล็ดวิชาลับ ที่คนโบราณใช้น้ำตาวัวที่ผ่านการปลุกเสกหรืออาจารย์ฮวงจุ้ยที่ใช้ใบหลิวมาปลุกเสก ก็จะสามารถเปิดดวงตาหยินหยางได้ชั่วคราว


นอกจากนั้นก็ยังมีอาการป่วยแต่กำเนิดทำให้เกิดดวงตาหยินหยาง เนื่องจากมีอาการผิดปกติของอวัยวะทั้งห้า หรือการที่ธาตุทั้งห้านั้นมีมาแต่กำเนิด


คนเหล่านี้มักจะเห็นภาพที่เกิดมาจากไอพลังร้ายที่ดูแปลกประหลาด หรือจะเรียกว่าเห็นผี แต่คนประเภทนี้ร่างกายจะอ่อนแอ ดวงความรัก การงาน การเงินล้วนแย่ โดยมากมักมีอายุไม่ถึงยี่สิบปี


“ยังมีเคล็ดวิชานี้อีกหรือศิษย์น้อง นายจะต้องถ่ายทอดให้ศิษย์พี่!”


หลังจากฟังคำอธิบายของเยี่ยเทียนแล้ว จั่วเจียจวิ้นก็ตาเป็นประกาย เคล็ดวิชาลับของเยี่ยเทียนเท่ากับว่าสามารถ ใช้วิชาเบิกเนตรได้ตามต้องการ นี่สำหรับจั่วเจียจวิ้นดูลักษณะชัยภูมิฮวงจุ้ยก็มีประโยชน์เป็นอย่างมากทีเดียว


เยี่ยเทียนมีสีหน้ากระอักกระอ่วน คิดซักครู่ก็เปิดปากกล่าวว่า “ศิษย์พี่ พลังของพี่ยังฝึกไม่ถึงขั้นให้กำเนิดพลังชี่แล้วแปลงเป็นพลังเทพ เคล็ดวิชาลับแบบนี้ พี่เรียนไม่ได้หากดึงดันจะเรียนอาจจะทำให้เลือดลม ไหลเวียนกลับ ยิ่งทำให้ พลังหยางลดลงไป!”


เยี่ยเทียนเป็นเคล็ดวิชาลับนี่ที่ไหนล่ะ เพียงแต่เขาจะตอบคำถามและหาเหตุผลขึ้นมาว่าทำไมถึงมองนักฆ่านั่นออก  เนตรของเยี่ยเทียนนั้น ตั้งแต่ตอนสิบขวบก็ได้รับการถ่ายทอดและก็ปรากฏขึ้นมาอย่างประหลาด


หากจะว่ากันตามจริง ดวงตาทั้งสองของเยี่ยเทียนที่สามารถมองเห็นโชคชะตาของคนได้ นี่ไม่เรียกว่าเนตรแล้ว แต่เป็นตาทิพย์ ซึ่งได้ซึมซับเข้าไปยังอวัยวะทั้งห้าเรียบร้อยแล้ว เพียงแต่เยี่ยเทียนไม่รู้เท่านั้น


“เฮ้อ ชาตินี้ฉันคงไม่มีทางได้ถึงขั้นนั้นแล้วล่ะ”


หลังจากได้ฟังคำของเยี่ยเทียน จั่วเจียจวิ้นก็ส่ายหัวอย่างหงุดหงิด เขาอายุหกสิบกว่าแล้ว ช่วงตอนกลางคนได้รับ บาดเจ็บหนักครั้งหนึ่ง ถึงแม้จะเป็นทุกขลาภ แต่อยากจะเพิ่มไปอีกถึงขั้นนั้น กลับเป็นไปไม่ได้แล้ว


จั่วเจียจวิ้นเป็นคนที่เรียนวิชาการต่อสู้ รู้ดีว่าเรื่องพวกนี้ไม่สามารถบังคับกันได้ จึงแบมือกล่าวว่า “ช่างเถอะ ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว ศิษย์น้อง นายจะกลับปักกิ่งเมื่อไหร่ล่ะ”


เยี่ยเทียนคิดซักครู่ กล่าวว่า “อีกประมาณอาทิตย์หนึ่ง ฮ่องกงนี่ผมยังไม่เคยมา อยากจะไปเดินเที่ยวดูหน่อย”


วิชาของเยี่ยเทียนจะสูงส่งยังไง แต่ยังไงก็เป็นแค่เด็กผู้ชายอายุยี่สิบกว่าปี สำหรับฮ่องกงที่ถูกเรียกว่าไข่มุกตะวันออก เมืองนานาชาตินั้นเต็มไปด้วยความน่าสนใจ


และเยี่ยเทียนยังรับปากว่าจะช่วยกงเสี่ยวเสี่ยวตามหาร่างที่สาบสูญของสามี หากคำนวณดูแล้วน่าจะต้องอยู่ที่ฮ่องกง อีกประมาณสัปดาห์หนึ่งถึงจะพอ


“เอาอย่างนี้เหรอ? ศิษญ์น้องเยี่ย พรุ่งนี้นายไปอยู่บ้านศิษย์พี่ซักวัน ให้ติงติงพานายออกไปเดินเล่นรอบฮ่องกง อาทิตย์หน้าฉันมีธุระ หากเสร็จธุระแล้วค่อยตามนายไปเป็นไง”


ได้ยินว่าเยี่ยเทียนจะอยู่เที่ยวที่ฮ่องกงอีกหลายวัน จั่วเจียจวิ้นถอนหายใจ หากเขากลับพรุ่งนี้อย่างนั้น ตัวเขาเองก็ไม่มีเวลา


“ศิษย์พี่ พี่มีธุระก็ไปทำเถิด ไม่ต้องสนใจผม ผมอยู่กับเหล่าถังนี่ก็โอเคแล้ว!”


เยี่ยเทียนพยักหน้า ถึงแม้ความสัมพันธ์ของศิษย์น้องและศิษย์พี่ใกล้ชิดสนิทสนมกัน แต่เยี่ยเทียนไม่คุ้นเคย กับการอยู่บ้านคนอื่น นั่นทำให้มีหลายอย่างที่ไม่สะดวก


“นั่นจะได้ยังไงนอกจากรังเกียจว่าบ้านของศิษย์พี่เล็กอยู่ไม่สบาย” จั่วเจียจวิ้นทำท่าเหมือนโกรธ


“ได้ พรุ่งนี้ผมไปกับศิษย์พี่โอเคใช่มั๊ย” เยี่ยเทียนตอบรับแบบแกนๆ


……


บ้านของจั่วจวิ้นเจียถึงแม้จะไม่หรูหราเท่าถังเหวินหย่วน แต่ก็ถือว่าเป็นบ้านเศรษฐีใหญ่แล้ว คฤหาสน์เล็กที่มีประตูและลานแยกเดี่ยวขนาดเท่านี้ในฮ่องกง หากไม่มีเงินเป็นล้านก็อย่าหวังจะมีได้เลย


และสิ่งที่เยี่ยเทียนคิดว่าไม่สะดวกก็ไม่มี เพราะในคฤหาสน์หลังนี้นอกจากคนรับใช้แล้ว ก็มีตัวเขาเองที่อาศัยอยู่


หรือบางทีเป็นเพราะเหตุ ห้าขาดตกสามบกพร่องของอาจารย์ฮวงจุ้ย จั่วเจียจวิ้นจึงเสียภรรยาไป มีแต่ลูกสาว ดังนั้นเขาถึงได้รักและตามใจหลานสาวคนเดียวที่เหลืออยู่อย่างหลิวติงติงเป็นอย่างมาก


สำหรับการที่เยี่ยเทียนจะมาเป็นแขกที่บ้าน จั่วเจียจวิ้นให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก แฟนของลูกสาวถูกเขา เรียกตัวมาวันนี้


ลูกเขยของจั่วเจียจวิ้นชื่อหลิวคังกั๋ว อายุสี่สิบต้นๆ เป็นคนฮ่องกงโดยกำเนิดและโตมาในฮ่องกง มีความเคารพพ่อตาเป็นอย่างมาก หลังจากได้ยินจั่วเจียจวิ้นแนะนำแล้ว สำหรับการเรียกเยี่ยเทียนว่าอาจารย์อาก็ไม่ได้ขัดเขิน


หลิวติงติงยิ่งเรียกอา อาไม่ขาดปาก เพราะเธอรู้ความสามารถของเยี่ยเทียนดี คิดหาทางที่จะเรียนรู้วิชาจากเยี่ยเทียนหนึ่งถึงสองวิชา มีเธออยู่คอยขัดตลอด บรรยากาศในห้องนั้นก็พลันเป็นกันเองขึ้นมา


หลังจากรับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อย จั่วเจียจวิ้นเรียกเยี่ยเทียนและลูกเขยนั่งลงบนโซฟา กล่าวออกมาอย่างเรื่อยเปื่อย “คังกั๋ว เรื่องพรุ่งนี้เตรียมการเป็นอย่างไรบ้างเรื่องเงินเตรียมไว้พร้อมแล้วหรือยัง”


หลังจากได้ฟังพ่อตากล่าวจบ หลิวคังกั๋วก็รีบนั่งหลังตรง ตอบกลับว่า “พ่อ ตอนนี้ฝั่งพม่ากำลังทำสงคราม ราคาของหินเริ่มพุ่งขึ้นอย่างมาก ผมเกรงว่าเงินที่เตรียมไว้จะไม่พอ”


“ศิษย์พี่ พรุ่งนี้พี่จะไปทำอะไรกัน”


เยี่ยเทียนที่นั่งอยู่ด้านข้างกล่าวแทรกขึ้นมา เพราะจั่วเจียจวิ้นพูดภาษาจีนกลางแต่หลิวคังกั๋วพูดภาษากวางตุ้ง เยี่ยเทียนพอฟังได้แต่ไม่ค่อยเข้าใจ


“เหอๆ ศิษย์พี่เมื่อก่อนได้ทำการค้าเล็กๆ น้อยๆ ตอนนี้ให้คังกั๋วเป็นคนดูแล มีเรื่องที่เขาตัดสินใจไม่ได้ ฉันยังต้องคอยกำกับดูแลอยู่…” หลังจากได้ฟังคำถามของเยี่ยเทียนแล้ว จั่วเจียจวิ้นก็ยิ้มพร้อมกล่าวอธิบาย


ไม่ว่าเป็นการฝึกวรยุทธ์หรือการฝึกเคล็ดวิชา ที่จะขาดไปไม่ได้เลยก็คือ “วิชา เพื่อน เงิน สถานที่” ปัจจัยทั้งสี่อย่างนี้


“วิชา” หมายถึงวิชาเต๋าที่อาจารย์ถ่ายทอด เป็นวิชาหลักที่ฝึก


“เพื่อน” ความหมายโดยนัยก็หมายถึงคนที่เป็นเพื่อนคอยดูแลกัน เพราะเมื่อกำลังฝึกอยู่แล้วบรรลุขั้นใดขั้นหนึ่ง อาทิ พลังประทุหกฐาน วิญญานออกจากการจำศีลและอื่นๆ จะต้องมีคนดูแล นี่เป็นสิ่งจำเป็น


“สถานที่” หมายถึงสถานที่ที่มีฮวงจุ้ย คนที่ฝึกบำเพ็ญตั้งแต่โบราณกาลมาถึงปัจจุบันจะระเหเร่ร่อน จุดมุ่งหมายหลักคือการหาสถานที่ที่มีพลังไอธรรมชาติ เพราะหากอยู่ในสถานที่เดิม หากฤดูเปลี่ยนผันใบไม้ผลิ ร้อน หนาว ใบไม้ร่วง การเพิ่มลดของพลังหยินหยางก็เปลี่ยนแปลงไม่หยุด แต่ก็เพียงพอกับความต้องการในการฝึกให้ก้าวหน้าแล้ว


เมื่อเป็นดังนี้ จึงได้แต่ร่อนเรไปทั่ว ที่ไหนดี ก็นั่งพำนักอยู่ที่นั่น ฝึกสองสามวัน หากจำเป็นจริงๆ ก็สร้างที่พำนักอาศัยที่นั่นเลย สำหรับการสร้างที่พำนักอาศัยกลางหุบเขานั้น ก็มีเหตุผลด้วยประการฉะนี้


สำหรับ “เงิน” กลับเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในสี่ปัจจัยนี้ มิเช่นนั้นหากไม่มีเงิน จะไปเชิญอาจารย์ที่มีชื่อ มาเป็นเพื่อนฝึกบำเพ็ญได้อย่างไร จะไปร่อนเร่ทั่วสารทิศเรียนรู้ประสบการณ์เพิ่มเติมได้อย่างไร


ดูอย่างเยี่ยเทียน เขาไม่มีเงิน เขาก็จะไม่สามารถซื้อเรือนสี่ประสานนั้นได้ และก็ไม่สามารถวางค่ายกล รวมวิญญาณได้ คิดอยากจะบรรลุวิชากำนิดพลังชี่แปลงเป็นพลังเทพได้ ก็มีเพียงแต่ต้องคิดฝันเอาเท่านั้น พูดถึงนี่ก็คงจะเห็นความสำคัญของเงินทองกันแล้วนะ


จั่วเจียจวิ้นในปีเจ็ดศูนย์เปิดร้านทองที่ฮ่องกง จนตอนนี้พัฒนากลายเป็นร้านเพชรพลอยเครื่องประดับถึงหกสาขาแล้ว ถึงแม้จะไม่เทียบเท่ากับ “โจวต้าฝู “ ที่มีชื่อเสียงเก่าแก่ แต่แวดวงเพชรพลอยก็ถือว่ามีชื่อเสียงอยู่บ้าง


แต่ทว่าไม่กี่ปีมานี้คนที่สวมใส่ทองคำเป็นเครื่องประดับค่อยๆ ลดน้อยลง แต่หันไปให้ความสนใจกับ หยกเฝ่ยชุ่ยกันเป็นอย่างมาก ผู้ประกอบการธุรกิจไข่มุกล้วนแล้วแต่พกเงินฟ่อนใหญ่ไปซื้อหยกไกลถึงพม่าแหล่งผลิต


แต่ว่าขนาดธุรกิจในเครื่องประดับเพชรพลอยของจั่วเจียจวิ้นไม่ใหญ่มาก เงินทุนมีจำกัด โดยมากมักจะซื้อหินดั้งเดิม ผ่านคนกลางที่ขาย ถึงแม้ตรงกลางจะต้องผ่านคนอื่นก่อน แต่ความเสี่ยงก็ถือว่าน้อยกว่าที่จะไปซื้อถึงพม่าโดยตรง


จั่วเจียจวิ้นที่ว่าพรุ่งนี้มีธุระ ก็คือการเข้าร่วมการซื้อขายหินดั้งเดิมที่จัดขึ้นในกลุ่มธุรกิจเครื่องประดับ การประมูลหยกเฝ่ยชุ่ยจากพม่าเพิ่งจบไป หินหยกแรกเริ่มจำนวนมากก็เข้ามาในฮ่องกง


เมื่อได้ยินว่าเกี่ยวข้องกับเครื่องประดับ เยี่ยเทียนก็ใจเต้นอย่างห้ามไม่อยู่ กล่าวขึ้นมาว่า “ศิษย์พี่ พรุ่งนี้ผมก็ว่างไม่มีอะไร ไปดูไปทำความรู้จักกับศิษย์พี่ด้วยดีกว่า!”


เคล็ดวิชาที่เยี่ยเทียนฝึกทั้งหมด ต้องการหินประดับที่คุณภาพค่อนข้างสูง ก่อนหน้านั้นหากไม่ได้ ใช้หยกเกรดต่ำไม่มีคุณภาพมาวางเป็นค่ายกล ชาญ ทองทวนก็ไม่สามารถใช้ยันต์หนังมนุษย์ทำลายลงได้โดยง่าย


……


ตอนที่ 329 หินหยาบ

โดย

Ink Stone_Fantasy

“ทำไมเหรอ นายก็รู้เรื่องหินหยกกับเขาด้วยเหรอ” หลังจากได้ฟังที่เยี่ยเทียนกล่าวแล้ว จั่วเจียจวิ้นก็รู้สึกสงสัยขึ้นมา มองไปที่ศิษย์น้อง เขาอายุยังน้อยแต่รู้อะไรต่อมิอะไรเยอะแยะไปแล้วนะ


เยี่ยเทียนส่ายหัว กล่าวว่า “ศิษย์พี่ ผมไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้หรอก แต่พรุ่งนี้ว่างๆ ไม่มีอะไรทำ อยากไปเปิดโลกกว้าง กับศิษย์พี่ก็น่าจะดีไม่น้อย”


หินหยกเกิดมาจากธรรมชาติ เดิมทีก็ผนึกเอาพลังธรรมชาติเข้าไปด้วย หินหยกที่เกรดแย่สีจะไม่ออกชัดเจน ไม่ค่อยมีประโยชน์กับเยี่ยเทียนเท่าไหร่ แต่หินหยกที่ดีนั้นมีไอพลังเต็มเปี่ยม สามารถนำมาทำเป็นอาวุธหรือวางค่ายกลได้


จนถึงทุกวันนี้ เงินที่เยี่ยเทียนใช้ซื้อหยกเกินสิบล้านเข้าไปแล้ว แต่ว่าเยี่ยเทียนไม่รู้ว่าหยกไหนดีไม่ดีจริงๆ เขาได้แต่ดูไอพลังที่แฝงอยู่ในหินหยกแล้วจึงตัดสินใจ


“ได้ เยี่ยเทียน วัฒนธรรมที่เกี่ยวกับหินหยกนี่ประเทศเรามีประวัติมาอย่างยาวนาน แต่หยกเฝ่ยชุยและหยกแกรไฟรต์ ไม่เหมือนกัน เพิ่งพบเจอเมื่อไม่นานมานี้ ไม่กี่ปีที่ผ่านมาถึงมีคนชอบสะสมของพวกนี้…”


นอกจากเป็นอาจารย์ฮวงจุ้ยดูชัยภูมิพื้นที่และทำนายทายทัก ที่ชำนาญในวิชาของตัวเองแล้ว จั่วเจียจวิ้นมีความชอบสนใจและรู้ลึกรู้จริงในหินหยกเป็นอย่างมาก ไม่กี่ปีก่อนเขาเคยไป ตามสถานที่ ผลิตหยกต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตัวเขาเองก็เป็นกรรมการสมาคมหยกของฮ่องกง


ลูกเขยของจั่วเจียจวิ้นก็เป็นคนในวงการหยก แต่หลานสาวไม่ชอบเรื่องพวกนี้ ยากที่เห็นเยี่ยเทียนสนใจ ในตอนนั้นเองจึงได้แนะนำเรื่องต่างๆให้ได้ฟังมากมาย


“คุณพ่อ เยี่ยเทียนเพิ่งมาที่บ้านวันแรก พ่อก็ลดความเป็นอาจารย์ลงหน่อยเถอะ” ลูกสาวของจั่วเจียจวิ้นฟังจนเอือม จึงได้เปิดปากขัดคอพ่อของตัวเองออกมา


หลังจากได้ฟังลูกสาวกล่าว จั่วเจียจวิ้นก็ทำมือต่อกันกล่าวว่า “อย่าพูดเหลวไหล ศิษย์น้องเยี่ยเทียนเป็นอาจารย์พ่อสิไม่ว่า !”


ในช่วงเวลานี้เยี่ยเทียนได้รับถ่ายทอดวิชาของตระกูลจั่ว ล้วนแต่อาศัยชื่อของนักพรตเฒ่า ถือได้ว่าเป็นตัวแทนอาจารย์สืบทอดวิชา จั่วเจียจวิ้นกล่าวแบบนี้ก็นับว่าไม่เลว


แต่ลูกสาวและลูกเขยของเขาไม่ได้รับรู้เรื่องพวกนี้ กล่าวอย่างสนใจขึ้นมา ตามมาด้วยการคุยโวของหลิวติงติง ที่นั่งอยู่ด้านข้าง ทำให้เยี่ยเทียนที่ว่าหน้าหนาแล้วยังรับไว้ไม่ค่อยอยู่ สุดท้ายจึงเป็นจั่วเจียจวิ้นที่แก้ไขสถานการณ์


คฤหาสน์ของจั่วเจียจวิ้นนี้มีห้องรับแขกโดยเฉพาะ เยี่ยเทียนกลับชอบบรรยากาศของที่นี่ วันนั้นจึงได้อยู่ที่นั่น แต่วันต่อมาพอกินข้าวเช้าเสร็จ อาติงก็มาปรากฏอยู่หน้าคฤกหาสน์ของจั่วเจียจวิ้น


“นายน้อย ท่านถังกลัวว่าคุณจะไม่อยากเจอท่าน ให้ผมมาติดตามคุณครับ คุณอยู่ที่ฮ่องกงนี่ก็ต้องเดินทางไม่ใช่เหรอ”


เห็นเยี่ยเทียนสีหน้าไม่ขัดขืน อาติงก็รีบส่งรอยยิ้มตามออกมา เมื่อวานเห็นเยี่ยเทียนไม่ได้กลับไปบ้าน ถังเหวินหย่วนคิดว่าเยี่ยเทียนโกรธ จึงได้ส่งอาติงมาอธิบายตั้งแต่เช้า


“ฉันใจแคบขนาดนั้นเลยเหรอไง”


เยี่ยเทียนถลึงตามองอาติงไปหนึ่งคำรบ ในตอนที่กำลังจะกล่าวต่อนั้น ก็เห็นลูกสาวและลูกเขย ของจั่วเจียจวิ้น เดินออกมา ยกมือโบกไปมากล่าวว่า “อยากตามก็ตามเถอะ นายขับรถตามศิษย์พี่ฉันไป!”


หลังจากขึ้นรถตู้ที่หลิวคังกั๋วเป็นคนขับแล้ว หลิวคังกั๋วก็เกิดความสงสัยจึงสอบถามกับเยี่ยเทียนว่า “คุณลุงเล็ก คนนั้นเป็นใครกันผมมองดูรู้สึกคุ้นหน้ามาก”


เยี่ยเทียนไม่ได้กล่าวอะไร หลิวติงติงก็รีบแย่งกล่าวว่า “พ่อคะ เป็นตาโง่ที่รับใช้อยู่ข้างตัวคุณตาถังไงคะ ครั้งที่แล้วหนูประมือกับเขามา…”


“เป็นคนของคุณลุงถังนี่เองเหรอ” หลิ่วคังกั๋วพยักหน้า มองทางเยี่ยเทียนผ่านกระจกมองหลังครั้งหนึ่ง แต่กลับไม่ได้พูดอะไรขึ้นมา


หลิวคังกั๋วอยู่ที่ฮ่องกงแห่งนี้ก็นับได้ว่าเป็นเศรษฐีคนหนึ่ง แต่หากเทียบกับถังเหวินหย่วนแล้ว นั่นไม่ได้อยู่ในระดับ เดียวกัน ถึงแม้เขาจะรู้จักพวกเศรษฐีทั้งหลายผ่านทางพ่อตา แต่ปกติแล้วก็ไม่ได้คลุกคลีกับพวกนั้นเท่าไหร่


เมื่อซักครู่ที่อาติงพยักหน้าค้อมตัวต่อหน้าเยี่ยเทียนถูกหลิวคังกั๋วเห็นเข้าพอดี สำหรับคุณอาที่อายุน้อยคนนี้ หลิวคังกั๋วถึงแม้ปากจะไม่ได้ถามอะไรมากมาย แต่ในใจกลับรู้สึกสงสัยอยู่หลายส่วน


“พ่อ คุณอาเล็ก ถึงแล้ว!”


หลังจากเดินทางมาเกือบประมาณหนึ่งชั่วโมง รถหรูของหลิวคังกั๋วก็หยุดอยู่หน้าลานใหญ่หนึ่งที่อยู่ใกล้ชายทะเล


“ศิษย์พี่ นี่พี่…พี่มาซื้อหยกที่นี่เหรอ”


ครั้งนี้หลังจากมาที่ฮ่องกง คฤหาสน์และชีวิตที่หรูหราของพวกเศรษฐีที่เยี่ยเทียนพบเห็นทั้งหมด เดิมทีคิดว่าสถานที่ซื้อขายหินหยกที่มีมูลค่ามากจะจัดอยู่ในโรงแรม คิดไม่ถึงว่าจะเป็นสถานที่เรียบง่ายแบบนี้


“ศิษย์น้อง อย่าได้คิดดูถูกสถานที่นี่เชียว หินหยาบที่ประมูลแล้วหลั่งไหลเข้าสู่ฮ่องกง โดยพื้นฐาน ก็มาจากสถานที่นี้แหละ…”


หลังจากเห็นสีหน้าของเยี่ยเทียนแล้ว จั่วเจียจวิ้นก็หัวเราะออกมา แกล้งทำเป็นลึกลับแล้วกล่าวว่า “นายรู้หรือไม่ว่าหินหยกที่นี่รวมกันมูลค่าเท่าไหร่”


“ยี่สิบล้าน” เยี่ยเทียนพูดตัวเลขออกมาโดยประมาณ ในสายตาของเขา สถานที่ซื้อขายเรียบง่ายแบบนี้ คุณภาพของหยกน่าจะไม่ดีเท่าไหร่


“ยี่สิบล้านเหรอใส่ศูนย์เข้าไปอีกตัวแล้วเพิ่มอีกเท่าหนึ่งถึงจะถูก!” จั่วเจียจวิ้นหัวเราะอย่างสบอารณ์ ทิ้งเยี่ยเทียนที่ยืนตะลึงอ้าปากค้างอยู่เดินเข้าไปในลานกว้าง


หลิวคังกั๋วที่เดินตามหลังพ่อตาของตนเห็นพ่อตาแกล้งหยอกเยี่ยเทียนก็หัวเราะขึ้นกล่าวว่า “อาเล็ก การประมูลหยกที่พม่าสถานที่เรียบง่ายยิ่งกว่าที่นี่อีก เงินประมูลแต่ละปีเกือบถึงพันล้าน คุณอาเข้าไปก็จะเข้าใจแล้วล่ะ!”


อาติงที่ยื่นอยู่อีกด้านก็ไม่ค่อยเข้าใจ ปากพึมพำกล่าวว่า “หินอะไรกันที่มีค่าสี่ห้าสิบล้าน”


“โอ้โห นี่…นี่มันหินหยกทั้งหมดเลยเหรอ”


เหมือนกับที่หลิวคังกั๋วกล่าว เมื่อเข้ามาในสถานที่แห่งนี้ เยี่ยเทียนเข้าใจแล้วว่าทำไมหินหยาบพวกนี้ จึงไม่ไปประมูลกันในโรงแรม


เพราะหินหยาบที่อยู่ที่นี่ ไม่ใช่เหมือนกับที่เยี่ยเทียนคิดเป็นหยกที่เจียรแล้วแต่ยังไม่ได้แกะสลัก แต่เป็นก้อนหินเล็กใหญ่ต่างกัน


หินหยาบพวกนี้เล็กสุดก็ขนาดเท่ากำปั้น ใหญ่ก็ถึงขนาดห้าร้อยกิโล อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง แค่ขนาดและน้ำหนัก ก็ยากต่อการขนย้ายไปที่โรงแรมแล้ว


“คุณจั่ว มาแล้วเหรอครับ…”


“คุณจั่ว นี่มือเป็นอะไรครับ”


“อาจารย์จั่ว ขอบคุณรอบที่แล้วที่ทำนายให้ผม!”


“อาจารย์จั่ว ช่วงนี้ผมทำมาค้าขายไม่ขึ้น ท่านช่วยดูให้ผมหน่อยได้มั๊ยครับ”


จั่วเจียจวิ้นเพิ่งเข้ามาหน้างาน ก็ถูกผู้ชมหลายคนรุมล้อม เดิมที่คนที่กำลังสังเกตสังกาหินหยาบอยู่ ก็ค่อยๆ ทะยอยเดินกันมากล่าวทักทาย


ทรัพย์สินของจั่วเจียจวิ้นไม่ถือว่าเยอะ ที่ฮ่องกงที่รวบรวมเศรษฐีผู้มั่งคั่งเอาไว้มากมาย เกรงว่าแม้แต่สองร้อยอันดับแรกก็จะไม่ติด แต่หากเป็นวงการหยกนั้น ร้านเครื่องประดับของเขาหลายสาขานั้นก็ดูไม่หมดแล้ว


แต่ว่าที่จั่วเจียจวิ้นมีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในฮ่องกงนี่ ไม่ได้เป็นเพราะพวกเพชรพลอย แต่เป็นศาสตร์การทำนายที่แม่นยำของเขา ตั้งแต่มหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดไปจนถึงประชาชนคนธรรมดา มีใครไม่รู้จัก “อาจารย์จั่ว” กันเล่า


และจั่วเจียจวิ้นยังดำรงตำแหน่งหัวหน้าของสมาคมม้าแข่งของฮ่องกงอีกหนึ่งตำแหน่งด้วย ฐานะทางสังคมนี้ กลับเป็นที่หมายปองในพวกหมู่เศรษฐีพวกนี้


ต้องทราบก่อนว่า สมาคมม้าแข่งของฮ่องกง ทั้งหมดมีหัวหน้าเพียงยี่สิบท่าน แต่ละท่านล้วนเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง อย่างมากของฮ่องกง จั่วเจียจวิ้นสามารถดำรงตำแหน่งนี้ได้ เห็นได้ว่าฐานะทางสังคมของเขาสูงส่งขนาดไหน


สำหรับที่ว่าทำไมคนพวกนี้ถึงได้ให้ตำแหน่งนี้กับจั่วเจียจวิ้นนั้น นั่นก็เข้าใจได้ง่ายทีเดียว


คนมีเงินทั้งหลายล้วนรักตัวกลัวตาย ใครๆ ก็อยากจะหลีกหนีโชคร้ายรับโชคดี หากว่าถูกอาจารย์จั่วแนะนำ ไม่กี่ประโยค ต่อให้แนะนำหลุมศพ นั่นก็ถือว่าเป็นเรื่องดีสำหรับคนรุ่นหลัง


“เหอๆ สวัสดีทุกคน คุณหลิว คุณเป็นพี่ใหญ่ในตลาดหุ้นทำไมถึงมีความสนใจในหินหยกด้วยเล่า” จิ่วเจียจวิ้นหัวเราะและทักทายกับผู้คนที่รายล้อม แต่สำหรับคนที่ขอร้องให้เขาทำนายทายทักนั้นกลับไม่ให้ความสนใจ


ในตอนที่จั่วเจียจวิ้นแยกจากหลี่ซั่นหยวนนั้น นักพรตเฒ่าเคยเตือนลูกศิษย์คนนี้ คนที่ทำนายทายทัก เป็นคนที่แพร่งพรายความลับฟ้าดินเป็นอย่างมาก หากไม่ระวังจะถูกฟ้าดินลงโทษ ดังนั้นเขาจึงกำหนดให้จั่วเจียจวิ้น วันหนึ่งทำนายไม่เกินสามครั้ง หลายปีมานี้ จั่วเจียจวิ้นปฏิบัติตามคำสั่งสอนของอาจารย์อย่างเคร่งครัด


แต่นี่ก็พอดีกับคำพูดที่ว่ายิ่งหายากยิ่งมีมูลค่า เนื่องจากว่าการทำนายของจั่วเจียจวิ้นนั้นแม่นยำมาก หนึ่งวันสามครั้งไม่มีไม่ถูกต้อง ในเวลาอันรวดเร็วก็ได้การรับถือเป็น “อาจารย์” คนมีชื่อเสียงทั่วทั้ง เกาะฮ่องกง ถือว่าการได้รับการทำนายจากจั่วเจียจวิ้นเป็นเกียรติอันสูงสุด


“เห็นหรือยังคุณตาของฉันถึงเป็นอาจารย์ตัวจริงต่างหาก!” เห็นคุณตาได้รับการชื่มชมจากคนจำนวนมาก หลิวติงติงที่เดินข้างเยี่ยเทียนก็หัวเราะอย่างสบอารมณ์ แต่พอคิดถึงความสามารถของเยี่ยเทียน ก็พลันปิดปากลง


เยี่ยเทียนได้ฟังก็พยักหน้า กล่าวว่า “ศิษย์พี่จั่วประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก จนได้รับชื่อเสียงมากมาย แน่นอนว่าไร้เทียมทาน!”


ฮ่องกงถึงแม้จะเป็นพื้นที่เล็ก แต่มีทั้งเศรษฐีและพวกงูเห่าทั้งหลายปะปนกัน หากอยากตั้งหลักที่นี่ ไม่เพียงแต่มีความสามารถ สายป่านก็ต้องยาวด้วย


ตอนนี้จั่วเจียจวิ้นก็ถูกรบกวนจนทนแทบจะรับมือไม่ไหวแล้ว ตอนนั้นที่ยกมือพนม กล่าวรอบทิศว่า “ทุกท่าน รอให้งานซื้อขายหินหยาบวันนี้จบลง พวกเราค่อยหาที่ดื่มชาคุยเรื่องความหลังกันดีกว่า ร้านเครื่องประดับหลายร้าน ของผมกำลังรอพวกหินหยกพวกนี้อยู่แหนะ”


“ตามที่คุณจั่วกล่าว ทุกคนมาเลือกหยกกันเถอะ อย่ารุมล้อมกันเลย…”


“ได้ รอให้การซื้อขายวันนี้จบก่อน ฉันจะเป็นเจ้าภาพ ขอให้อาจารย์จั่วให้เกียรติด้วยก็แล้วกัน!”


“คุณหลิว ปีนี้คิวไม่ได้ไปถึงคุณ พวกเราโจวจี้ ปีที่แล้วได้ทำการนัดกับอาจารย์จั่วเอาไว้แล้วนะ!


คำพูดเพียงประโยคเดียวของจั่วเจียจวิ้นทำให้คนที่ยืนอยู่ที่นั่นปะทะคารมกันขึ้นมา ฉวยโอกาสนี้ จั่วเจียจวิ้นก็ออกมาจากกลุ่มคนที่รายล้อม มาถึงด้านหน้าของเยี่ยเทียน


“ศิษย์พี่ มีความสามารถจริงๆ!” เยี่ยเทียนยกนิ้วโป้งให้


“พอแล้ว นายก็อย่าหัวเราะเยาะฉันเลย หากนายยอมทำนายให้คนที่ฮ่องกงนี่ ไม่รู้ว่าจะแข็งแกร่งกว่า ศิษย์พี่ขนาดไหน!”


จั่วเจียจวิ้นยิ้มส่ายหัว เขาไม่อยากคุยเรื่องนี้ต่ออีก จึงชี้ไปที่ก้อนหินหยาบบนพื้นพวกนั้น กล่าวว่า “ศิษย์น้อง ฉันจะแนะนำพวกหินหยาบพวกนี้ให้ฟังแล้วกัน แล้วค่อยไปประมูล หากนายสนใจก็สามารถซื้อเล่นได้หลายก้อน”


“ได้ ศิษย์พี่ ฉันกำลังหงุดหงิดแหละ พวกก้อนหินหยาบพวกนี้ทำไมถึงไม่เหมือนกับที่เคยเห็น นี่ไม่เหมือน หินหยกซักนิดเดียว” หลังจากได้ฟังที่จัวเจียจวิ้นกล่าว เยี่ยเทียนก็พยักหน้า


เมื่อก่อนที่ปักกิ่งเยี่ยเทียนก็เคยซื้อหินหยกหยาบ แต่เขาสามารถสัมผัสพลังที่ปล่อยออกมาของหยกแนฟไฟต์ได้ จึงได้ทำการตัดสินใจที่จะซื้อตามคุณภาพของหยก


แต่เมื่อซักครู่เยี่ยเทียนอาศัยจังหวะที่จิ่วเจียจวิ้นถูกรุมล้อม ก็แอบไปเบิกเนตร กลับพบว่าภายในสถานที่นี้ หินเกือบพันกว่าก้อน กลับมีแค่จำนวนน้อยนิดทีมีไอพลังอ่อนๆ ออกมา


นี่ทำให้เยี่ยเทียนไม่เข้าใจและรู้สึกเสียใจอยู่บ้าง เดิมทีเขาอยากจะอาศัยการสัมผัสกับไอพลัง เลือกเอาหยกดีดีหลายก้อนติดมือกลับไป


 ……

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)