ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง 323-324
ตอนที่ 323 เทพเซียนตีกัน
“นั่นน่ะ…..” นางเอ่ยขึ้นมา “เข้าใจผิดแล้ว”
น่าเสียดายที่ตอนนี้ทั้งจีเฉวียนและฉู่เจียงต่างมีโทสะขึ้นมาแล้ว เสียงของนางจึงไม่ได้เข้าหูพวกเขาแม้แต่น้อย
คนหนึ่งก็คิดจะเผาผลาญดอกท้อที่มาเกะกะ คนหนึ่งก็คิดจะสังหารสุนัขในวังทิ้งไป
ฮ่องเต้สุนัขสามคำนี้ สำหรับจีเฉวียนถือว่าเรียกอย่างสนิทสนมเกินไปแล้ว
มีแต่ตู๋กูซิงหลันเท่านั้นที่สามารถเรียกพระองค์ลับหลังด้วยคำเช่นนี้ได้
มาบอกว่าเขาบีบบังคับนางแต่งงาน นั่นยิ่งไม่ต้องพูดกันแล้ว
ไอ้ตัวแสบนี้กล้าสาดโคลนใส่พระองค์ต่อหน้าซิงซิง เพียงเฉพาะเรื่องนี้ จีเฉวียนก็ไม่อาจยอมทนอีกต่อไปแล้ว
ตู๋กูซิงหลันถูกจีเฉวียนบังเอาไว้ทั้งตัว ฉู่เจียงมองไม่เห็นนาง เขาเห็นแต่เพียงมุมหนึ่งของสตรีผมยาวเท่านั้น
แถมนางยังนอนอยู่บนพื้น ดูไปแล้วก็คล้ายกับว่า ‘ตาย’ อยู่บนเตียง
ในใจของฉู่เจียงเกิดไฟลุกโชนขึ้นมา แส้เส้นนั้นตวัดออกไปในทันที
ได้ยินเสียงเฟี้ยวพุ่งมาในอากาศ คราวนี้แส้เส้นนั้นมุ่งเป้ามาทางจีเฉวียน
ฉู่เจียงไม่เหมือนกับเสินฟาง เสินฟานั้น ‘ตาย’ ไปแล้วถึงได้มายังโลกใบนี้ พละกำลังที่ฟื้นฟูขึ้นมามีเพียงห้าหกส่วนจากเดิม
แต่ว่าฉู่เจียง…..มาอยู่ที่เมืองกู่เย่วตั้งแต่เมื่อพันปีก่อนแล้ว
พลังของเขาย่อมบริสุทธิ์สมบูรณ์กว่า เปี่ยมไปด้วยแรงกดดันมากกว่า
แต่เพราะเกรงกว่าจะทำให้คนที่อยู่ด้านหลังจีเฉวียนพลอยได้รับบาดเจ็บ แส้นี้เขาจึงยังมือเอาไว้
แต่ถึงกระนั้น ตอนนี้ตู๋กูซิงหลันก็รู้สึกว่าผิวทั่วทั้งร่างใกล้จะถูกกรีดจนฉีกขาดอยู่แล้ว
ส่วนจีเฉวียนที่อยู่ด้านหน้าของนางนั้น เพียงชั่วพริบตาเดียวก็ดึงกระบี่สีทองเล่มหนึ่งออกมาจากข้างเอว
ยามที่แส้เส้นนั้นพุ่งมาถึง กระบี่ของเขาก็ตวัดออกไป เกิดเสียงกระทบกันกับแส้เส้นนั้นขึ้นมาอย่างรุนแรง
“เคร้ง!”
ไอหยินที่อัดแน่นรุนแรงพวยพุ่งทะลวงขึ้นฟ้าไป
จวนของเหยียนจวิ้นอ๋องสั่นสะเทือนไปทั้งหลัง แผ่นกระเบื้องบนหลังคาปลิดปลิวลงมา บินกระจายว่อนไปทั่ว กำแพงถึงกับแตกร้าวเป็นเส้นยาวรอยแยกกว้างขนาดข้อนิ้ว
ในห้องข้างๆ กันเหล่าคนรับใช้ของเหลียงเซิงเซิงต่างก็ถูกคลื่นพลังซัดจนสลบไปแล้ว
ชือหลีที่แอบอยู่ไม่ไกลค่อยๆ ย่องกลับเข้ามาเงียบๆ แอบพาตัวเหลียงเซิงเซิงออกไป
ในเมืองกู่เย่ว บนอาคารที่สูงที่สุด ต้าจี่ซือที่สวมใส่ชุดสีดำกำลังจับจ้องมายังทางนี้
ดวงตาภายใต้หมวกคลุมนั้นปราศจากอารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้น
ทันใดนั้น เงาร่างในชุดสีม่วงร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมาที่ด้านหน้าของเขา ร่างนั้นก้มกายคำนับเขาครั้งหนึ่งพลางขานเบาๆ “พ่อบุญธรรม”
ร่างภายใต้ชุดคลุมสีม่วงนั้นเป็นใบหน้าผุดผาดงดงามเกลี้ยงเกลาประดุจเนื้อหยก
หางตาแต่งแต้มด้วยชาดยิ่งขับเน้นความงามล้ำออกมา
โฉมหน้าที่งดงามเช่นนี้หากไม่ใช่ฉางซุนซิ่วเอ๋อร์แล้วยังจะเป็นใครไปได้อีก
ต้าจี้ซือกวาดตามองดูเขาอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง ก็เอ่ยขึ้นมาว่า “เจ้าตำหนักเช่นข้าไม่เคยมีบุตรมาก่อน เจ้าสมควรเรียกเราเป็นประมุข”
ฉางซุนซิ่วเอ๋อร์ตกตะลึงไปเล็กน้อย หลังจากนั้นก็รับคำว่า “ขอรับ ท่านประมุข”
ต้าจี้ซือไม่ได้สนใจมองเขาอีก เพียงหันไปมองทางจวนเหลียงจวิ้นอ๋อง “ตอนนี้ เจ้าไม่สมควรจะอยู่ที่เมืองกู่เย่ว”
“โอรสสวรรค์ต้าโจวเสด็จมาที่นี่ ข้าจึงต้องมาด้วยตนเอง” ฉางซุนซิ่วกล่าวต่อไป “คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้ท่านประมุขจะลงมือด้วยตนเอง”
“หากมิใช่เพราะว่าพวกเจ้ามันใช้การไม่ได้ แล้วไยประมุขเช่นข้าจะต้องลงมือด้วย”
ต้าจี้ซือมองดูความเคลื่อนไหวภายในจวนเหลียงจวิ้นอ๋อง มุมปากของเขาก็ขยับยกขึ้น ครั้งนี้ต่อให้โอรสสวรรค์ต้าโจวมีปีกก็ยังหนีไม่พ้นแน่นอน
“ที่ผ่านมาจีเฉวียนเจ้าเล่ห์กลิ้งกลอก เก็บงำพลังความสามารถของตนเองอยู่ตลอดเวลา แม้แต่ข้าก็ยังมองเขาไม่ออก ที่ครั้งก่อนๆ ลงมือล้มเหลว ไม่เพียงเพราะตัวหมากเหล่านั้นไร้ความสามารถ แต่ก็เป็นเพราะจีเฉวียนความคิดลึกล้ำเกินไปด้วย” ฉางซุนซิ่วเอ๋อร์เอ่ยต่อไป “หากท่านประมุขไม่ได้ลงมือปะทะกับเขาด้วยตนเอง คงยากที่จะรู้ฝีมือของเขาได้อย่างชัดเจน”
“เจ้าคิดว่า เขาคู่ควรกับการประมือกับประมุขเช่นข้าหรือ?” ต้าจี้ซือยิ้มเย็น พลางยื่นมือมาตบลงไปบนบ่าของฉางซุนซิ่วเอ๋อร์ครั้งหนึ่ง “คนหนุ่มอย่างเจ้า ยังคงรู้จักประมุขเช่นข้าน้อยไปแล้ว”
ฝ่ามือที่ตบลงไปบนบ่า แทบจะทำให้กระดูกหัวไหล่ของฉางซุนซิ่วหักไป
เขาได้แต่ฝืนเก็บอาการเจ็บหัวไหล่เอาไว้ ยืนอยู่ข้างกายต้าจี้ซือโดยมิได้กล่าววาจาใดๆ อีก
“ดูนั่นสิ ครั้งนี้ต้าโจวต้องจบสิ้นแน่แล้ว” ต้าจี้ซือมองไปที่จวนเหลียงจวิ้นอ๋อง น้ำเสียงของเขายิ่งทียิ่งเย็นชา
สายลมหอบเอากลีบดอกไห่ถางในจวนเหลียงจวิ้นอ๋องลอยมาจนถึงเบื้องหน้าของเขา
ต้าจี้ซือยื่นมือของเขาออกไป คิดจะคว้ากลีบดอกไม้นั่นเอาไว้ แต่ว่ากลีบดอกไม้ยังลอยมาไม่ทันถึงตัวเขาก็เ**่ยวเฉาไปเสียก่อน
เ**่ยวเฉาลงไปต่อหน้าต่อตาของเขาในทันที
กลีบแต่ละกลีบที่ลอยตามลมมา กลับไม่มีแม้แต่กลีบเดียวที่สามารถมาถึงมือของเขาได้ในสภาพที่สมบูรณ์ แต่ละกลีบที่ปลิวมาใกล้ไม่สลายกลายเป็นเถ้าธุลี ก็สลายหายไปบนปลายนิ้วของเขาเอง
สายตาของต้าจี้ซือมีแต่ความเรียบนิ่ง แม้แต่ฉางซุนซิ่วเองก็ยังมองไม่เห็นความเจ็บช้ำในดวงตาของเขา
“ดอกไห่ถางพวกนี้ไม่งดงามเท่าดอกเยี่ยเหลี่ยนในตำหนักซิงหลัวเตียนเสียด้วยซ้ำ ท่านประมุขไยจึงต้องการเก็บมันเอาไว้?” ฉางซุนซิ่วถามออกไป
สายตาของต้าจี้ซือเหม่อมองไปยังต้นไห่ถางมากมายที่อยู่ไกลออกไป “ดอกเยี่ยเหลี่ยนกำเนิดจากจิตคนตายไหนเลยจะเทียบเท่ากับความบริสุทธิ์ของบุปผาตามธรรมชาติได้ ช่างเถอะ….”
เขาปัดฝุ่นละลองบนมือทิ้งไป สายตาคล้ายจะหวนระลึกถึงสาวน้อยผู้องอาจและงดงามกลางสายลมที่คุ้นเคยผู้นั้น
นางก็เหมือนกับดอกไห่ถางเหล่านี้ ไม่อาจย้อนคืนมาได้อีกแล้ว
…………………………
ในจวนของเหลียงจวิ้นอ๋อง จีเฉวียนปะทะกับฉู่เจียงไปหลายต่อหลายครั้ง
ทวยเทพสู้รบตีกันนับเป็นเคราะห์กรรมของราษฏร ทั้งสองยังไม่ทันจะได้ลงไม้ลงมืออย่างจริงจัง สวนตะวันออกก็แทบจะพังทลายแล้ว
ผู้คนภายในจวนได้รับความตื่นตระหนก เหลียงจวิ้นอ๋องนำผู้คนออกมาเป็นกลุ่มแรก
เห็นห้องหับพังทลายลงมา เศษกระเบื้องก้อนหินปลิวว่อน กำแพงพังทลายจนพวกเขาไม่อาจเข้าใกล้ได้
เห็นแต่หมอกสีแดงเลือดที่รายล้อมสวนตะวันออกทั้งหมดเอาไว้
“คุณหนูน้อยยังอยู่ข้างในนั้น!” นายทหารหนุ่มที่มุทะลุผู้นั้นไม่ทันพูดทันจาก็ทำท่าจะพุ่งเข้าไป ยังดีที่มีคนรีบรั้งตัวเอาไว้ทัน
เหลียงจวิ้นอ๋องยืนอยู่นอกสวนตะวันออก มองดูหมอกสีแดงที่พวยพุ่งขึ้นฟ้า ด้วยสายตาที่เย็นยะเยือก
ก่อนที่เจ้าปีศาจนั่นจะบุกเข้ามา เขาได้ส่งคนเข้าไปพาตัวเซิงเซิงออกมาก่อนแล้ว
เมื่อช่วงกลางวันเขาก็ปล่อยข่าวออกไปว่า คืนนี้ ‘หลานเขย’ ผู้นั้นจะทำการ ‘รักษา’ ให้กับเซิงเซิง เพื่อล่อลวงให้เจ้าปีศาจในภูเขาฝูซางซานตนนั้นออกมา
หากว่ามันไม่ยอมมา ก็ให้จีเฉวียนทำการ ‘ถอนพิษ’ ให้กับเซิงเซิง
หากว่าล่อออกมาได้ ก็จะได้ผลอีกอย่างเช่นกัน
ส่วนจีเฉวียนนั้น…..ตอนนี้อยู่ในสวนตะวันออกแล้ว
จีเฉวียนคือโอรสสวรรค์แคว้นโจว เขาย่อมมีความสามารถไม่ธรรมดา ปล่อยให้เขาประมือกับเจ้าปีศาจตัวนั้น ทางที่ดีก็ให้บาดเจ็บหนักล้มตายทั้งสองฝ่าย หลังจากนั้นเขาจะค่อยบุกเข้าไป นี่จึงจะเป็นนั่งอยู่บนภูเขาดูสองพยัคฆ์สู้กัน เขาก็จะกลายเป็นผู้ชนะในที่สุด
เป็นการขจัดเจ้าปีศาจที่มาติดพันเซิงเซิงและกำจัดจีเฉวียนไปด้วยในครั้งเดียว
นับว่าหมากตานี้ได้ประโยชน์ทั้งสองทาง
รอให้จบเรื่องแล้ว เขาค่อยเสาะหาบุรุษที่มีไอหยางให้กับเซิงเซิงอีกครั้งก็ได้….
เหลียงจวิ้นอ๋องมองดูสถานการณ์เบื้องหน้าด้วยสายตาเป็นประกาย พลางยิ้มอย่างเย็นชาออกมา
“ปีศาจตนนั้นมาแล้ว” ผ่านไปอีกพักใหญ่เขาค่อยเอ่ยออกมา “เจ้าปีศาจตนนั้นมุ่งร้ายเมืองกู่เย่วของพวกเรามานานแล้ว วันนี้ถึงคราวจะต้องกำจัดมันทิ้งเสีย”
ผู้คนต่างก็กระตือรือล้นขึ้นมา คอยฟังคำสั่งจากเขา
เหลียงจวิ้นอ๋องยกมือขึ้นมา ออกคำสั่งคำหนึ่ง “เผา”
“ท่านอ๋อง ท่านเสียสติไปแล้วหรือขอรับ? คุณหนูน้อยยังคงอยู่ข้างใน” นายทหารหนุ่มที่ไม่ได้รู้ความจริงอะไรร้อนลนขึ้นมา
เหลียงจวิ้นอ๋องไม่ได้สนใจเขา เพียงสั่งให้คนเอาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ตระเตรียมเอาไว้เทล้อมด้านนอกของสวนตะวันออก
จากนั้นก็ออกคำสั่งให้เผาเรือน
……………………………….
ภายในเรือน ห้องเล็กๆ ที่ตู๋กูซิงหลันพักอยู่ถูกทลายจนพังยับเยินไปหมดแล้ว
แต่เพราะขาของนางไม่ดี จึงได้แต่นอนอยู่เช่นนั้น
จีเฉวียนมือหนึ่งกุมกระบี่ อีกมือหนึ่งก็แบกนางขึ้นบ่า
——
ไรท์: จะหนีแล้วเรอะ?
จีเฉวียน: ไฟไหม้แล้ว ไรท์ก็อยู่ไปแล้วกัน
ตอนที่ 324 นี่มันช่างน่าอับอายเสียจริงๆ!
ตู๋กูซิงหลันใบหน้าก้มมองพื้น ก้นหันหาพระจันทร์
เส้นผมยาวสลวยของนางลู่ลงไป บดบังโฉมหน้าทั้งหมดของนางเอาไว้
ฉู่เจียงมองเห็นใบหน้าของนางไม่ชัด เขาเห็นเพียงรูปร่างของนางซึ่งก็คล้ายคลึงกับเหลียงเซิงเซิงหลายส่วนอยู่เหมือนกัน
เดิมทีตู๋กูซิงหลันกับเหลียงเซิงเซิงก็มีความคล้ายคลึงกันมากอยู่แล้ว ประกอบกับค่ำคืนนี้มืดมิด และฉู่เจียงเองก็จดจ่อกับการต่อสู้ ทำให้เขาไม่ทันได้มองดูนางให้ชัดเจน
ในกระแสชีพจรของนางก็ยังมีไอหยินของยมราชหลงเหลืออยู่ เขาจึงยึดถือเอาว่าคนที่จีเฉวียนแบกเอาไว้ก็คือเหลียงเซิงเซิง
ตู๋กูซิงหลันถูกหัวไหล่ของจีเฉวียนทิ่มจนปอดจะทะลุอยู่แล้ว
พอฉู่เจียงฟาดแส้ลงมา จีเฉวียนก็วาดกระบี่ออกไป ทั้งสองฝ่ายปะทะกัน เกิดเป็นแรงปะทะมหาศาล
ที่บังเอิญกวาดผ่านแก้มก้นและสะโพกของตู๋กูซิงหลันขึ้นไป
‘เฟี้ยวฉึกๆ’ กระโปรงของตู๋กูซิงหลันทะลุเป็นรูสองรู
แก้มก้นกลมๆ ทั้งสองข้างของตู๋กูซิงหลันถึงกับโผล่ออกมาแล้ว นางรู้สึกได้เลยว่าสายลมโชยโดนก้นจนเย็นวูบวาบ ในใจต้องด่ากราดออกมายาวเหยียด
จะอย่างไรนางก็เป็นถึงไทเฮาของแคว้นแคว้นหนึ่งเหมือนกันนะ!
ถูกลูกชายตนเองแบกเอาไว้แบบนี้ก็แล้วไปเถอะ แต่ต้องมาเปลือยก้นนี่มันอะไรกัน?
ฉู่เจียงผู้นั้นใช่จงใจหรือไม่? เป็นพวกโรคจิตที่ชอบแอบดูเด็กสาวๆ ใช่ไหม?
พอฉู่เจียงกวาดตามองมาก็ได้เห็นก้นขาวๆ นุ่มๆ ที่เหมือนกับไข่ปอก
เขาตกตะลึงไปเล็กน้อย ไม่ทันรอให้เขาได้มองมากไปกว่านี้ กระบี่ของจีเฉวียนก็พุ่งเข้าใส่ลูกตาของเขาแล้ว
สำหรับจีเฉวียนแล้ว ฉู่เจียงนับว่ามีฝีมือพอตัว
เมื่อครู่หากมิใช่ว่าเขาหลบหลีกได้รวดเร็ว เกรงว่าที่ขาดทะลุไปจะไม่ใช่แค่กระโปรงของตู๋กูซิงหลัน แต่ว่าเป็นก้นของนางแล้ว
ฮ่องเต้ทรงนึกย้อนกลับไปถึงยามที่อยู่ในสุสานของเย่วฮูหยิน ก้นที่สวยงามคู่นี้เคยปล่อยลมใส่หน้าของพระองค์อย่างเต็มที่มาแล้ว
อืม……ถึงแม้ว่าจะเป็นก้นที่ผายลมออกมา แต่ว่าในเมื่อเป็นของซิงซิง จะอย่างไรพึงต้องปกป้องให้ดี
ไอ้ตัวแสบนี้พึ่งได้เห็นก้นของซิงซิงไป ดวงตาคู่นั้นก็อย่าได้มีไว้อีกเลย
“เราขอใช้นามของโอรสสวรรค์เป็นเดิมพัน จะต้องปกปักษ์รักษาก้นของเจ้าให้ได้” จีเฉวียนกล่าวอย่างมุ่งมั่น
ตู๋กูซิงหลันอยากจะร้องไห้แล้ว ถ้าเช่นนั้นรบกวนพระองค์ช่วยหาผ้าผืนน้อยมาปิดให้หม่อมฉันก่อนได้ไหม?
“รอชมเราควักลูกตาของมันออกมาให้เจ้า”
ตู๋กูซิงหลันอยากจะบ้าตาย นางไม่ได้ต้องการลูกตาของฉู่เจียงสักหน่อย พี่ชาย!
พวกเราใส่ใจประเด็นสำคัญหน่อยไม่ได้หรือ?
วิญญาณทมิฬชักจะรู้สึกว่าได้เปิดหูเปิดตาแล้ว เพื่อรักษาหน้าของตู๋กูซิงหลันเอาไว้ มันได้แต่แสดงน้ำใจออกมา มันได้แต่กระโดดไปยังแก้มก้นของนาง จากนั้นก็กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนแก้มก้นที่เปลือยเปล่าของนาง
ใช้ขาสั้นและมือป้อมๆ ของตนเองช่วยบิดให้กับนาง “หลันหลัน เจ้าอย่างได้ชิงชังข้านะ ที่ข้าสามารถทำเพื่อเจ้าได้ในตอนนี้ ก็มีแต่ช่วยปิดแค่นี้ละ”
ว่าแล้ว มันก็ใช้มือป้อมๆ ของมันขยุ้มลงไป
โอ้ว….เด้งดึ๋งดีจริงๆ ทั้งลื่นทั้งนุ่ม แก้มก้นเช่นนี้คงถูกทาเครื่องบำรุงผิวอยู่ทุกวี่ทุกวันถึงได้มีผิวพรรณที่ดีเช่นนี้
มิน่าเล่าฮ่องเต้สุนัขถึงได้บอกว่าต่อให้ต้องตายก็จะรักษาเอาไว้ให้ได้
ตู๋กูซิงหลัน “……..” นางอยากจะได้ดาบฆ่ามังกรมาเสียบเจ้าวิญญาณทมิฬให้เหมือนเสียบแอปเปิ้ลนัก!
นี่มันช่างน่าอับอายเสียจริงๆ!
พอจีเฉวียนและฉู่เจียงมองเห็นการกระทำของเจ้าถวนจื่อตัวดำ สายตาของทั้งสองคนก็เปลี่ยนไปในทันที
“ในใต้หล้าตอนนี้ ถึงกลับมีไอ้พวกตัวเล็กตัวน้อยที่กล้าแตะต้องเหยื่อของข้าด้วยหรือ?” ฉู่เจียงกล่าวเสียงต่ำ เขาแยกร่างของมาอีกหนึ่งร่าง แล้วพุ่งไปถึงเบื้องหน้าจีเฉวียนในทันที
แต่คราวนี้เป้าหมายของเขากลับเป็นวิญญาณทมิฬ
จีเฉวียนไหนเลยจะยอมเปิดโอกาสให้กับเขา หนึ่งกระบี่สะบัดออกไป ตัดชายเสื้อส่วนหนึ่งของฉู่เจียงขาดออกมา
ทันทีที่พระองค์สะกิดพระบาท คนก็ทะยานถอยหลังออกไปทั้งร่าง บนไหล่กว้างของพระองค์ยังคงแบกร่างนางผู้เป็นยอดดวงใจเอาไว้
ตู๋กูซิงหลันชักจะคุ้นเคยจนไร้ความรู้สึกประหลาดที่ต้องเปลือยแก้มก้นเสียแล้ว ได้แต่ต้องยอมวับๆ แวมๆ อยู่เช่นนี้ต่อไป
“เจ้าสุนัขน้อย คดีเก่ายามอยู่ภายในโลงทองแดง เรายังไม่ทันได้คิดบัญชีกับเจ้าให้ดี เจ้าก็กล้ามาถือโอกาสกินเต้าหู้กับซิงซิงอีกหรือ?” ฮ่องเต้ทรงถอยไปยังจุดที่ปลอดภัย เหลือบพระเนตรมองดูวิญญาณทมิฬที่เกาะอยู่บนแก้มก้นของตู๋กูซิงหลันด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร
วันนั้นยามที่อยู่ภายในโลงทองแดง เจ้าสุนัขน้อยนี้คอยขัดคอเขาไม่ยอมหยุด
ตอนนี้ยังถึงกับกล้ามากินเต้าหู้อย่างเปิดเผยต่อหน้าพระองค์ เฮอะ เฮอะ
ต่อให้มันเป็นสัตว์อสูรในพันธสัญญาของซิงซิง อย่างไรก็ต้องโดนสั่งสอนสักรอบ ไม่อาจรอดไปได้
หากไม่สั่งสอนมันให้เป็นสัตว์อสูรที่ดี อีกหน่อยมันคงจะยิ่งกล้าหือมากกว่านี้
ยามที่ฮ่องเต้ทรงหึงหวงขึ้นมา ก็กลายเป็นเจ้านายที่ไม่สนใจใยดีสิ่งใดทั้งนั้น
พระองค์ซัดพระหัตถ์ออกไปด้วยความรวดเร็วประดุจประกายไฟ
วิญญาณทมิฬตระหนกจนขนลุกฟู มันผละจากก้นของตู๋กูซิงหลันเข้าไปซุกในอกของนางอย่างรวดเร็ว
ฝ่ามือของจีเฉวียนรั้งกลับไปไม่ทัน จึงกลายเป็นตบลงไปบนก้นของตู๋กูซิงหลันอย่างแรง
“เพี้ยะ!” เสียงฝ่ามือนั้นดังสนั่นชัดเจน!
ตู๋กูซิงหลันรู้สึกได้เลยว่าก้นของนางมีแรงสะท้อนดึ๋งดั๋งกลับไปกลับมากหลายรอบ
สามารถมีก้นที่เต่งตึงเด้งดึ๋งขนาดนี้ได้นับว่านางมีบุญจริง ช่างน่าภาคภูมิใจยิ่งนัก
จากนั้นความแสบร้อนก็ลามไปทั่วทั้งก้นของนางในทันที
ฮือ ฮือ แง ไปตายซะเถอะ!
ขอบพระทัยฮ่องเต้สุนัขที่ทำให้ก้นของนางกลับมามีความรู้สึกอีกครั้ง
จีเฉวียนตกตะลึงไป เหลือบพระเนตรมองดูแก้มก้นทั้งสองที่นุ่มหยุ่นอย่างยิ่ง…..พระองค์ก็รู้สึกขึ้นมาในพระทัยอย่างเงียบๆ ว่า มัน อืม นุ่มอย่างประหลาดดีเหลือเกิน
เมื่อคู่พระองค์ใช้พลังฝ่ามือมากไปเล็กน้อย จึงรั้งเอาไว้ไม่ทัน คงทำให้นางเจ็บแน่แล้ว
แต่ว่าเมื่อครู่พอตีป๊าบลงไปช่างให้ความรู้สึกที่ดียิ่งนัก
วิญญาณทมิฬเองก็ตกตะลึงไป มันหนีรอดมาได้ แต่ว่าน่าสงสารตู๋กูซิงหลันที่อยู่ดีๆ ก็ต้องมาถูกตีไปหนึ่งฝ่ามือ
มันชะงักไปชั่วครู่ ก็รีบส่งเสียงหงุงหงิงออกมา “หลันหลัน เจ้าจัดการกับฮ่องเต้สุนัขนั้นหน่อย มันจะตีข้า!”
“เจ้าดูสิ เขาถึงกับตีเจ้าจนก้นแตกลายเสียแล้ว หากว่าตีโดนข้าขึ้นมา มิใช่ว่าข้าจะต้องตายหรอกหรือ? หงิงๆๆ ~”
ตู๋กูซิงหลัน “…..”
จีเฉวียนอยากจะตบเจ้าสุนัขน้อยนั่นให้ตายเสียจริงๆ
พระองค์เหลือบมองดูตู๋กูซิงหลันที่ยังคงอยู่บนบ่า ก็ทำพระองค์น่าสงสารออกมาบ้าง “ซิงซิง เราไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะ เจ้าสัตว์อสูรที่เจ้าเลี้ยงเอาไว้มันไม่ใช่ตัวดีอะไร มันคิดจะกินเต้าหู้เจ้า”
วิญญาณทมิฬ “ก้นของหลันหลันดีกว่าเต้าหู้เละๆ เป็นไหนๆ กินเกินอะไรกัน ตาข้างไหนของเจ้าที่เห็นว่าข้ากิน?”
จีเฉวียน “เราเห็นจากดวงตาทั้งสองข้างนี้แล้ว”
วิญญาณทมิฬ “งั้นข้าก็กินไปแล้วสินะ กินไปแล้วล่ะนะ เจ้ากินไม่ได้ เฮอะ น่าอิจฉาไหมเล่า! วะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า…”
อย่างไรเสียก็ผิดใจกับฮ่องเต้สุนัขนี่จนถึงที่สุดไปแล้ว แล้วยังจะต้องไปสนใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้อีกทำไม?
จีเฉวียน “เจ้าสุนัขน้อย อย่าได้ลำพองว่าเจ้าเป็นสัตว์อสูรของซิงซิง แล้วจะทำอะไรก็ย่อมได้”
ความอดทนของพระองค์มีอยู่อย่างจำกัด
ทั้งยังคิดจะจับมันมาเฆี่ยนตีบนพื้นอยู่ก่อนหน้าแล้ว
ตู๋กูซิงหลันได้แต่ร้องไห้อย่างไร้น้ำตา ว่ากันตามจริง นี่มันใช่เวลาจะมาต่อล้อต่อเถียงกันเรื่องก้นของนางไหม?
ดูด้านหลังนั้นเสียก่อนซิ! ฉู่เจียงไล่ตามมาแล้วเห็นไหมเล่า!
นางกลัวจริงๆ ว่าฉู่เจียงจะพุ่งเข้ามาแล้วตะโกนว่า ‘ปล่อยก้นนั้นนะ ตาข้าบ้างแล้ว’ !
โถ่เว้ย!
จะปล่อยให้นางพูดสักสองประโยคไม่ได้หรือไงกัน? แค่เรื่องเข้าใจผิดกัน อธิบายเพียงไม่กี่ประโยคก็แก้ไขเรื่องราวได้แล้ว!
แต่ว่าตอนนี้สมองของนางกลับอื้ออึงไปหมดแล้ว ตอนที่พวกเขาประมือกันนางยังถูกจับพลิกไปมาอีกหลายตลบ จนอยากจะอ้วกออกมา
ในลำคอของนางจุกแน่นไปหมดแล้ว พูดอะไรไม่ออกสักคำเดียว
ตอนนี้ตู๋กูซิงหลันรู้สึกแต่ว่าฉู่เจียงช่างตาบอดจริงๆ!
ฉู่เจียงไล่ตามมาด้วยความโมโกรธา ยามนี้เขาแบ่งร่างออกไปถึงสิบร่าง พุ่งเข้ามาปิดล้อมจีเฉวียนเอาไว้ทุกทาง
“ข้าเคยบอกแล้ว เหยื่อของข้า ใครก็ห้ามแตะต้อง” สองตาของเขาจับจ้องไปที่จีเฉวียน “วันนี้พวกเจ้าบังอาจจับก้นนาง ข้าก็จะเฉือนก้นของพวกเจ้าออกมาเป็นการชดใช้!”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น