หมอดูยอดอัจฉริยะ 321-322
ตอนที่ 321 ประลองฝีมือ (6)
โดย
Ink Stone_Fantasy
เยี่ยเทียนฟันฉับลงไปแล้วไม่ได้หันกลับไปมองด้วยซ้ำ เพราะเขารู้ว่าในโลกนี้ ไม่ว่าทั้งคนหรือผีก็ไม่อาจ ต้านทานพลกำลังทั้งหมดของเขาได้
ง้าวจันทร์เสี้ยวเป็นอาวุธที่ใช้ในสนามรบ ย่อมสะสมพลังพิฆาตจากการเข่นฆ่าเอาไว้แน่นหนา ความคมของมันสามารถตัดเหล็กกล้าได้ราวกับตัดก้อนดิน แม้คนตรงหน้าจะเป็นคนเหล็ก เยี่ยเทียนก็เชื่อว่า สามารถฟันขาดเป็นสองท่อนได้
ตอนที่เยี่ยเทียนหันหลังกลับนั้น เขารู้สึกถึงไอน้ำพ่นเข้าใส่แผ่นหลังของเขา แต่ไม่เหมือนกับเลือดสด ของเหลวที่เขารู้สึกมันเย็นยะเยือกอย่างประหลาด ไม่มีความอบอุ่นของเลือดเนื้อเลย
“แก…แกฆ่าอาฮวา?!”
ชาญ ทองทวนยืนประจันหน้ากับเยี่ยเทียน กรี๊ดร้องเสียงแหลมออกมา ในความคิดของเขา วิญญาณนั้นไม่สามารถถูกทำลายได้ แต่กลับถูกเยี่ยเทียนฟันขาดเป็นสองท่อน
หรือจะพูดให้ถูกคือ ฟันขาดเป็นสองแผ่น ตอนที่เยี่ยเทียนลงดาบไปที่วิญญาณนั้น เป็นเพียงปฏิกริยาตอบสนอง มันเอียงศีรษะเล็กน้อย ง้าวจันทร์เสี้ยวก็พาดผ่านตัวของมันตั้งแต่บ่าซ้ายลงมาเป็นทางยาว
ด้วยความเร็วในการฟันง้าว เมื่อเยี่ยเทียนยกง้าวขึ้นอีกครั้ง ร่างกายครึ่งหนึ่งของผีร้ายก็ขาดออกจากกัน นอกจากส่วนศีรษะแล้ว ส่วนลำตัวถูกตัดขาด อวัยวะภายในไหลออกมากองเต็มพื้น
เยี่ยเทียนไม่รู้ที่มาของอาฮวา แต่ชาญ ทองทวนนั้นรู้ดีที่สุด
การใช้วิธีไสยศาสตร์สร้างวิญญาณขึ้นมาเป็นเรื่องที่ผิดธรรชาติ ชาญ ทองทวนเคยลองใช้สว่านไฟฟ้า เจาะลงบนผิวของมัน ปรากฏว่ามีเพียงรอยจุดสีขาวเท่านั้น เป็นสิ่งเหนือธรรมชาติเกินกว่าที่มนุษย์จะเข้าใจได้
ชาญ ทองทวนจึงกล้าที่จะวางก้ามกร่างมาถึงฮ่องกง หลักๆ เพราะมีวิญญาณคอยคุ้มกัน และวันนี้วิญญาณก็ทำผลงานได้ดี ทำให้เยี่ยเทียนเสียท่าอยู่หลายยกในช่วงแรก
แต่ใครจะรู้ว่าสถานการณ์กลับตาลปัตร คนมีเลือดมีเนื้อกลับชนะวิญญาณได้ ผีร้ายถูกเยี่ยเทียนฟันตัวขาด ทำให้ชาญ ทองทวนหวาดหวั่นยิ่งขึ้นจนร้องเสียงหลงออกมาแล้วต้องทะยานตัวถอยหลัง
“คิดหนีเหรอ?!” เยี่ยเทียนโทสะยังคงเดือดดาล เขาเตรียมตัวมาอย่างดี แต่กลับคาดไม่ถึงว่าจะมีวิญญาณร้ายเข้ามาวุ่นวายด้วย
ตอนนี้ไม่เพียงแต่ศิษย์พี่ได้บาดเจ็บสาหัส แม้แต่เยี่ยเทียนเองก็ได้สูดเอาพิษจากวิญญาณร้ายเข้าสู่ร่างกาย เขาไม่เคยเสียท่าใครมากขนาดนี้เลย
เมื่อเห็นว่าชาญ ทองทวนคิดจะหนี เยี่ยเทียนจะยอมเลิกราง่ายๆ งั้นหรือ? ออกแรงที่มือขวา ลากง้าวจันทร์เสี้ยวแล้วยกดีดขึ้นมา
ชาญ ทองทวนเห็นง้าวถูกยกขึ้นสูง ความหวาดกลัวเข้าเกาะกุมไปถึงก้นบึ้งหัวใจ แล้วตะโกนไปเบื้องหลัง ของเยี่ยเทียนว่า “อาฮวา ช่วยด้วย!”
“ไม่มีใครช่วยแกได้แล้ว!” เยี่ยเทียนยิ้มเย็น ง้าวในมือเตรียมจะฟันลงมา อยู่ๆก็มีแรงมหาศาลออกมาจากตัวง้าว
“บ้าเอ๊ย ยัง…ยังไม่ตาย?”
เยี่ยเทียนหันหลังกลับก็ต้องตะลึง ครึ่งลำตัวด้านที่มีหัวติดอยู่ของอาฮวากระโดดลุกขึ้นมา มือข้างนั้นคว้าได้ที่ด้ามง้าว
วิญญาณร้ายตอนนี้อาศัยเรี่ยวแรงสุดท้ายที่เหลืออยู่ แต่สิ่งที่น่าแปลกจนให้เยี่ยเทียนตกใจคือ ชาญ ทองทวนถือโอกาสหนีออกไปจากห้องรับแขกแล้ว ถ้าไม่ติดว่าเขารูปร่างอ้วนท้วมกลับหนีเอาตัวรอด คล่องแคล่วรวดเร็วอย่างกับลิง
“นี่มันตัวอะไรกันแน่?”
ในวิชาแปลกประหลาดนั้นมีวิธีการลึกลับมากมาย แต่เยี่ยเทียนไม่เคยคิดมาก่อนว่า ศพของคนๆ หนึ่งเมื่อขาดออก จากกันแล้วยังราวกับมีชีวิต?
มีเสียงลมพัดเข้ามา เยี่ยเทียนไม่ทันคิดต่อ ออกแรงดึงง้าวแต่มันไม่ขยับ จึงปล่อยมือจากด้ามเสีย แล้วตามไปด้วยมือเปล่า
คนเลวอย่างชาญ ทองทวนไม่ว่ายังไงเยี่ยก็ต้องจับตัวมาให้ได้ การเคลื่อนไหวของเขาเร็วกว่าชาญ ทองทวน เพียงไม่กี่ก้าวก็ตามหลังชาญ ทองทวนไปติดๆ
เยี่ยเทียนไม่พูดมาก ซัดฝ่ามือเข้าที่กลางหลังของชาญ ทองทวน ชาญ ทองทวนเหมือนรู้ชะตากรรมตัวเอง แม้จะรู้สึกถึงแรงลมมาจากด้านหลัง แต่ก็ไม่กล้าหันหลังกลับ ออกจากเท้ากระโดดพุ่งตัวออกไปไกล
“เดี๋ยวก่อน! “เยี่ยเทียนตะโกน ชาญ ทองทวนที่กระโดดไปถึงกำแพงแล้วก็ได้หยุดลง
“แกรนหาที่ตายเอง…”ชาญ ทองทวนส่งสายตาอาฆาตกลับมา สิ่งที่เขากลัวคือง้าวของเยี่ยเทียน ตอนนี้เยี่ยเทียนมาด้วยมือเปล่า ชาญ ทองทวนมีความคิดบางอย่างขึ้นมา
เยี่ยเทียนเกลียดคนๆ นี้เข้ากระดูกดำ เขาไม่มีวันจะญาติดีด้วยเด็ดขาด กระโดดเพียงก้าวเดียว แล้วซัดฝ่ามือไปที่หน้าอกของชาญ ทองทวน
เห็นฝ่ามือของเยี่ยเทียนใกล้เข้ามา ใบหน้าขาญ ทองทวนฉายแววเจ้าเล่ห์ เขาแค่หันข้างแล้วใช้ไขมันหน้าท้อง รับฝ่ามือของเยี่ยเทียน
ชาญ ทองทวนฝึกมวยไทยมาตั้งแต่เด็ก เคยขึ้นเวทีชกมาเป็นร้อยสังเวียน ช่วงวัยกลางคนก็ได้เรียนกับอาจารย์โยคะ เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บจากการต่อยมวยสมัยก่อนจนหาย แต่รูปร่างของเขากลับกลมอย่างกับลูกบอล
หากเป็นคนนอกมองคงคิดเป็นว่าความอ้วนของชาญ ทองทวน แต่ความจริงแล้วเป็นวิธีการป้องกันตัวชั้นหนึ่ง มีครั้งหนึ่งที่ประลองมวยกับปรมาจารย์มวยไทยท่านหนึ่ง ชาญ ทองทวนใช้ความอ้วนหลอกล่อเอาจนสังหารฝ่ายตรงข้ามได้
เหมือนกับตอนที่ประมือกับจั่วเจียจวิ้น ชาญ ทองทวนตั้งใจให้จั่วเจียจวิ้นโจมตีเข้าถึงตัว อาศัยตอนที่จั่วเจียจวิ้น กำลังงุนงงแปลกใจ ลงมือทำร้ายจั่วเจียจวิ้นจนตอนนี้ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย
ชาญ ทองทวนจะใช้ไม้นี้อีกครั้งด้วยจุดประสงค์เดิม แต่เยี่ยเทียนไม่เหมือนกับจั่วเจียจวิ้น
ฝ่ามือที่ซัดเข้าที่ท้องของชาญ ทองทวน เยี่ยเทียนสัมผัสได้ว่ามันนุ่มเหมือนปุยนุ่นไม่รับแรงเลย ไขมันหนาๆ นั้นสั่นกระเพื่อมขึ้นลง ทำให้กำลังที่เยี่ยเทียนส่งออกไปสลายหมดสิ้น
เยี่ยเทียนยิ้มเย็น ไม่ชักช้ารีรอ จากฝ่ามือขวาที่ซัดออกไปเปลี่ยนเป็นกรงเล็บในทันใด นิ้วทั้งห้าเหมือนกรงเล็บ ตะขอล้วงทะลุเข้าไปในท้องของชาญ ทองทวน
“อ๋า!”
ชาญ ทองทวนที่คิดว่าตัวเองเป็นต่ออยู่ คาดไม่ถึงว่าจะเปลี่ยนเร็วขนาดนี้ รู้สึกถึงความปวดรุนแรงในท้องน้อย ทนไม่ไหวจนต้องร้องออกมา ปล่อยหมัดเข้าใส่ใบหน้าของเยี่ยเทียน
เยี่ยเทียนยกมือซ้ายขึ้นมากันหมัดฝ่ายตรงข้าม ขาขวายันขึ้นส่งร่างกายไปด้านหน้า มือขวาที่จ้วงอยู่ใน ไขมันตรงท้องน้อยถูกดันลึกเข้าไปจนถึงช่องท้อง
มือของเยี่ยเทียนไม่ว่าจับถูกอวัยวะชิ้นไหน เขาหมุนข้อมือคว้านอยู่ในช่องท้อง แล้วดึงมือกลับออกมา มีลำไส้สีเขียวส่วนหนึ่งติดมืออกมาด้วย
“น่าคลื่นไส้จริง?!” เยี่ยเทียนเห็นวัตถุในมือแล้วรู้สึกอยากอาเจียน รีบโยนท่อนลำไส้นั้นลงไปที่พื้น
เมื่อก่อนที่เขาเคยไปนอนในป่าช้าเคยเห็นศพมานับไม่ถ้วน แต่ลำไส้ของคนเป็นๆ นี่เห็นเป็นครั้งแรก รสเปรี้ยววิ่งขึ้นมาตามลำคอ เกือบจะอาเจียนออกมา
“อา…อา…!”
ตอนที่ชาญ ทองทวนใช้คุณไสยเล่นกับลำไส้ของคนอื่นเป็นเรื่องปกติ แต่ตอนนี้ลำไส้ของตัวเองถูกโยนกองอยู่ตรงหน้า กลับไม่ใช่ความรู้สึกที่ดีเลย
ชาญ ทองทวนไม่ใช่คนธรรมดา เพราะเขาค่อนข้างคุ้นเคยกับอวัยวะภายในของมนุษย์ จึงตอบโต้ได้ไวกว่าเยี่ยเทียน ตอนที่เยี่ยเทียนโยนลำไส้ท่อนนั้นออกไป เขาก็รีบไปคว้าเก็บกลับมา แล้วยัดกลับเข้าไปในท้องตัวเองอย่างรวดเร็ว
ที่น่าแปลกคือเยี่ยเทียนคว้านมือเข้าไปในท้องของชาญ ทองทวน แต่เขากลับไม่มีเลือดไหลสักหยด ชั้นไขมันนุ่มนิ่มนั่นประสานตัวกลับเข้าหากันเหมือนไม่เคยมีร่องรอยมาก่อน
เป็นเพราะข้อดีจากการฝึกโยคะ เขาสามารถควบคุมกล้ามเนื้อได้ทุกส่วนบนร่างกาย ส่วนความเจ็บปวดนั้นอาศัยความอดทนซึ่งมีมากกว่าคนทั่วไป
จนถึงตอนนี้ชาญ ทองทวนไม่มีความคิดจะฆ่าเยี่ยเทียนแล้ว คอยหาโอกาสที่เยี่ยเทียนเผลอ หมุนตัวโดดข้ามกำแพงหนีไปด้วยความเร็วที่พวกลิงป่ายังต้องอาย
“ยังคิดหนีอีก?” เรื่องมาถึงขนาดนี้ เยี่ยเทียนจะยอมรามือง่ายๆ ได้อย่างไร?ขาขวายันขอบกำแพง สองมือรั้งด้านบนกำแพงไว้ แล้วทะยานตัวปีนออกไป
ตอนที่ชาญ ทองทวนมา เขามาจากทางหลังเขาจึงคุ้นกับลู่ทางดีกว่าเยี่ยเทียน อีกทั้งยังมีแรงหนี จากความอยากเอาตัวรอด พอหนีไปถึงตีนเขา เยี่ยเทียนถึงตามเขาทัน
“อย่าหนี!”
เยี่ยเทียนซัดหมัดเข้าที่กลางหลังตรงกับตำแหน่งหัวใจ ชาญทองทวนกัดฟันทนความเจ็บปวดของบาดแผลไว้ และไม่สามารถสลายแรงที่ผสมความแค้นของเยี่ยเทียนได้ จึงโดนเข้าไปเต็มรัก
หมัดนี้ของเยี่ยเทียนทำให้ร่างกายอันใหญ่โตของชาญทองทวนลอยขึ้น แล้วกลิ้งลงไปตามทางลาดหินภูเขา ตอนที่ลอยอยู่กลางอากาศ ชิ้นส่วนอวัยวะกระเด็นหลุดออกมาจากปากของชาญทองทวน
หมัดของเยี่ยเทียนส่งตัวเขากลิ้งลงไปตามทางลาด ชาญทองทวนไม่มีโอกาสจะได้ตรวจดูอาการบาดเจ็บของตัวเอง รีบเปิดประตูรถ ตะโกนใส่สถิรพันธิ์ ผู้ซึ่งกำลังอ้าปากค้างว่า “รีบออกรถ!””
ลิ่มเลือดก้อนดำๆ ไหลออกมาจากปากที่ขยับพูด คนปกติหากบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้คงจะตายไปแล้ว แต่ชาญ ทองทวนมีแรงใจในการเอาชีวิตรอดสูงมาก
“จี..จี”
ตอนที่สารถีออกรถ ไม่รู้ว่าเจ้าเหมาโถวโผล่มาจากไหน อยู่ๆ ก็พุ่งลงจากเชิงเขาเข้าไปในรถ เสียงร้องน่าอนาจของชาญ ทองทวนดังขึ้น รถยนตร์พุ่งทะยานไปข้างหน้า
“เหมาโถว กลับมา!”
แม้ว่าเหมาโถวจะไปช่วยเก็บงานให้ แต่เยี่ยเทียนก็ยังกลัวว่ามันจะเป็นอันตราย เหมาโถวกระโดดออกมาจากรถ ตามเสียงเรียกของเยี่ยเทียน แล้วทะยานมาอยู่ตรงหน้าเขา
“จีจี…จีจี!” มันยกอุ้งเท้าด้านขวาขึ้น เหมาโถวกระโดดโลดเต้นอย่างดีใจ
“นี่…เร็ว รีบโยนทิ้งเร็ว!”
เยี่ยเทียนก้มดูก็ตกใจจนตาตั้ง พิษร้ายกลางอกเกือบจะคุมไม่อยู่ เพราะสิ่งที่อยู่ในอุ้งเท้า ของเจ้าเหมาโถวคือลูกตาข้างหนึ่ง
“ไป กลับได้แล้ว!”
เยี่ยเทียนมองรถที่เลี้ยวอ้อมมุมเขาไกลออกไป เขาไม่คิดจะตามต่อ ลำไส้ไหลทะลัก อวัยวะภายในแหลกสลาย ดวงตายังถูกเหมาโถวควักออกมาข้างหนึ่ง เยี่ยเทียนไม่เชื่อว่าชาญ ทองทวนจะมีชีวิตรอดได้?
……
ตอนที่ 322 ใคร่ครวญเหตุผล
โดย
Ink Stone_Fantasy
ไม่รู้ว่าจั่วเจียจวิ้นเป็นหรือตาย และไม่รู้ว่าเจ้าครึ่งผีครึ่งคนนั่นเป็นอย่างไรแล้ว ส่วนงูเห่าก็เหมือนจะยังไม่ได้ ออกจากตัวบ้าน อีกทั้งพิษในตัวเยี่ยเทียนก็ยังไม่ถูกขับออกมา
เยี่ยเทียนอยากจะไปฆ่าชาญ ทองทวนทิ้งเสีย แต่ก็ไม่มีกำลังมากพอ และที่สำคัญกว่ามากคือชีวิตของศิษย์พี่ที่รออยู่
เมื่อกลับเข้าไปในห้องโถงที่เละเทะไปหมด เยี่ยเทียนพบว่างูเห่านอนตายอยู่ตรงหน้าประตูนั่นเอง ช่วงลำตัวงูต่ำจากหัวลงไปเจ็ดนิ้วมีรอยฟันอยู่ชุดหนึ่ง ซึ่งแน่นอนว่าเป็นของเจ้าเหมาโถว
“จีจี…จีจี!”
เห็นซากงูเห่าที่พื้น เหมาโถวปีนลงมาจากบ่าของเยี่ยเทียน ใช้อุ้งเท้าหน้าสองข้างถือลำตัวงูยาวสองเมตรกว่าไว้ ลากออกไปกินข้างนอก
สภาพข้าวของกระจัดกระจายในห้องโถง พื้นหินอ่อนแตกร้าวราวกับถูกพลิกขึ้นมา กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งฉุนจมูก เป็นที่น่าคลื่นเหียนต่อผู้ที่พบเห็น
เยี่ยเทียนมองดูอาฮวาที่ตอนนี้ไม่มีลมหายใจแล้ว และไม่หลงเหลือพลังชั่วร้ายใดๆ ร่างกายที่เคยแข็งแกร่ง ดังเหล็กกล้ากลับค่อยๆเน่าเปื่อย
เยี่ยเทียนออกไปแค่เจ็ดแปดนาที แขนของอาฮวาที่ใช้จับด้าวง้าวจันทร์เสี้ยว เปลี่ยนเป็นโครงกระดูกสีขาว ไปแล้วทั้งท่อน
เยี่ยเทียนเข้าใจแล้วว่าคนๆนี้คงถูกคุณไสยเข้า เดิมทีน่าจะหมดอายุขัยไปแล้ว แต่เพราะวิชามนต์ดำจึงทำให้ร่างกาย ยังคงดำรงยู่ต่อไปได้
เยี่ยเทียนฟันร่างกายของมันขาดเป็นสองท่อน ก็เหมือนกับไปทำลายคุณไสยที่ฝังอยู่ในตัวมัน พลังคุณไสยสูญสลาย จึงกลายเป็นภาพอย่างที่เห็นตรงหน้า
วิชาไสยศาสตร์แบบนี้ เยี่ยเทียนเห็นแล้วยังหวั่นใจ ตัวเขาเองฝึกวิชาเพื่อบรรลุสัจธรรม กลับต้องใช้พลังทั้งหมด ที่ฝึกฝนมาถึงจะฆ่าผีร้ายตนนี้ วิชาไสยศาสตร์นั้นมีชื่อเสียงมากในเอเชียอาคเนย์ สมคำล่ำลือจริงๆ
“ศิษย์พี่ ศิษย์พี่?”
ความคิดวนเวียนอยู่ในหัว เยี่ยเทียนรีบจ้ำกลับไปตรงจุดที่จั่วเจียจวิ้นสลบอยู่ แต่ที่ตรงนั้นกลับว่างเปล่า
“เยี่ยเทียน ฉัน…ฉันอยู่นี่!”
เสียงจั่วเจียจวิ้นดังมาจากเบื้องหลังโซฟา โบกมือเรียกเยี่ยเทียน เยี่ยเทียนรีบวิ่งเข้าไป เห็นใบหน้าขาวซีดราว กับกระดาษของจั่วเจียจวิ้น
“ศิษย์พี่ ไม่ต้องพูดอะไร…” เยี่ยเทียนจับมือขวาจั่วเจียจวิ้นไว้ แล้วจับชีพจรตรวจดู จึงจะลดความตึงเครียดลง
จั่วเจียจวิ้นแม้จะดูอาการหนัก แต่อวัยวะภายในกลับถูกกระทบกระเทือนเพียงเล็กน้อย ตอนที่ถูกชาญ ทองทวนชน กำลังภายในของจั่วเจียจวิ้นก็ได้ปกป้องอวัยวะสำคัญเอาไว้
ถ้าเปรียบเทียบความเสียหายแล้ว อวัยวะภายในที่ถูกกระแทกยังสาหัสน้อยกว่าที่บาดแผลแขนมาก หมัดของเจ้าผีหนักเสียจนทำให้กระดูกแขนร้าว
เยี่ยเทียนหยิบขวดยาออกมาจากกระเป๋าเสื้อ เทยาสองเม็ดออกมา แล้วใส่เข้าในปากของจั่วเจียจวิ้น แล้วกรอกน้ำตามลงไป
ยาสองเม็ดนั้นเป็นยาสองเม็ดสุดท้ายที่นักพรตเฒ่าเหลือไว้ ภายในห้าหกนาทีสีหน้าของจั่วเจียจวิ้น ค่อยพอมีสีเลือดขึ้นบ้าง
เยี่ยเทียนประคองจั่วเจียจวิ้นให้นั่งบนโซฟา แล้วขอโทษอย่างรู้สึกผิด “ศิษย์พี่ ผมขอโทษ เพราะผมประมาท ศัตรูเกินไป!”
แม้ว่าเยี่ยเทียนจะให้ความสำคัญกับการมาเยือนของชาญ ทองทวนครั้งนี้มากและเตรียมตัวเต็มที่ แต่เพราะการเตรียมพร้อมเหล่านี้กลับทำให้เยี่ยเทียนลดความระมัดระวังลง
คิดไปแล้ว ถ้าเขาขับเคลื่อนกลสังหารในค่ายกลเสีย เพื่อกักตัวชาญ ทองทวนไว้ แล้วให้ศิษย์พี่ ไปจัดการกับผีร้ายนั่นแทน
แต่เยี่ยเทียนกลับคิดไม่ถึงว่า เจ้าผีนั่นไม่ได้เป็นมนุษย์จริง โดนชกเข้าไปแค่ทีเดียวก็ทำให้จั่วเจียจวิ้นบาดเจ็บสาหัส
อย่าโทษว่าเพราะจั่วเจียจวิ้นด้อยฝีมือ เยี่ยเทียนเองตอนหลังก็ถูกผีร้ายพ่นพิษใส่เหมือนกัน จนถึงตอนนี้ที่เขายังใช้ลมปราณแท้ควบคุมพิษไว้อยู่
“ศิษย์น้องเยี่ย นี่…นี่จะโทษนายก็ไม่ได้ ถึงเราตั้งใจ แต่ฝ่ายนั้นก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เจตนา!”
จั่วเจียจวิ้นรู้ว่าที่เยี่ยเทียนเดินค่ายกลสังหารไม่ทัน จึงโบกมืออย่างอ่อนแรง “ถึงเราจะเดินค่ายกลเร็วกว่านี้ ยังไงก็ต้องสู้กันเอาเป็นเอาตายอยู่ดี…”
เยี่ยเทียนอึ้งไป เขาเข้าใจมากขึ้นว่าตั้งแต่วิญญาณปรากฏตัวจนถึงตอนที่ชาญ ทองทวนนำวัตถุ สิ่งหนึ่งที่สามารถดูดพลังพิฆาตได้ออกมา แสดงว่าชาญ ทองทวนก็ได้เตรียมตัวมาเป็นอย่างดีเช่นกัน
“ถ้าเขาไม่รู้ว่าฉันเชี่ยวชาญด้านค่ายกล แล้วจะเตรียมตัวมาได้ยังไง?”
เยี่ยเทียนเดินไปที่ข้างประตู หยิบเอายันต์ของชาญ ทองทวนขึ้นมาแล้วก็ต้องขมวดคิ้วเพราะความรู้สึกร้อนลวกมือ เขาโยนมันกลับไปที่เดิม
จั่วเจียจวิ้นเห็นการกระทำของเยี่ยเทียน ก็อดถามไม่ได้ “ศิษย์น้อง ทำไมหรือ?”
“ศิษย์พี่ นี่มันเป็นยันต์หนังคน!” เยี่ยเทียนแสดงสีหน้ารังเกียจ เขาพอจะทราบถึงวิธีทางไสยศาสตร์บ้าง แต่มันเป็นศาสตร์สายดำ เขาก็ยังรู้ด้วยเหมือนกัน
“ศิษย์น้อง นายเล่าว่าอาจารย์เคยทำร้ายนายทักษิณ สวรรศักดิ์สิทธิ์มาก่อน?” จั่วเจียจวิ้นถามขึ้นมา
เยี่ยเทียผงกหัว “ใช่ ตามที่อาจารย์เคยเล่า นายทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ ความจริงไม่ได้เก่งกาจอะไร แต่รู้วิธีหลายอย่างมากกว่าชาญ ทองทวน?”
แม้ว่าหลี่ซั่นหยวนจะไม่ได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนที่ต่อสู้กับนายทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ อย่างละเอียดแต่บอกคร่าวๆว่าเคยใช้ค่ายกลกักตัวนายทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ไว้ แล้วซัดเข้าที่กลางหลังของเขาทีหนึ่ง
แต่นายทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ก็ได้ปล่อยแมลงพิษออกมากัดหลี่ซั่นหยวน แล้วใช้พลังมนต์ดำหลบหนีจากค่ายกลไป ทั้งสองประมือกันต่างบาดเจ็บกันทั้งคู่
แต่วันนี้ถ้าไม่ใช่เพราะเยี่ยเทียนแสดงฝีมือ ผลการประลองวันนี้จะพลิกผัน นี่เป็นข้อกังขาของเยี่ยเทียนอีกข้อ
“ศิษย์น้อง นายไม่เข้าใจหรือ!” จั่วเจียจวิ้นหัวเราะออกมา แล้วเอ่ยกับเยี่ยเทียนต่อว่า “ศิษย์น้อง นายคงไม่เสียท่าในเรื่องเดิมถึงสองครั้งติดหรอกนะ?”
“ศิษย์พี่ พี่หมายถึง…นายทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์กลับไปถึงเมืองไทยแล้ว ก็ได้ค้นคว้าศึกษาเรื่องค่ายกลพวกนี้?”
เยี่ยเทียนกระจ่างขึ้นมา แล้วตบอกตัวเองพูดว่า “วิธีการของชาญ ทองทวนสามารถข่ม ค่ายกลพิฆาตเก้าตำหนักนี้ได้จริง!”
ส่วนวิญญาณร้ายตนนั้นมันไม่ได้มีความคิดจิตใจแบบมนุษย์ พลังของค่ายกลจึงทำอะไรมันไม่ได้
ส่วนยันต์หนังมนุษย์ของชาญ ทองทวนสามารถดูดซับพลังพิฆาตได้ เครื่องรางของวิเศษบางอย่างมีฤทธิ์แบบนี้ ทำให้ชาญ ทองทวนไม่ถูกพลังพิฆาตรบกวน ดังนั้นการจะเดินค่ายกลสังหารหรือไม่ ก็ไม่สำคัญอยู่ดี
เยี่ยเทียนพูดไม่ผิดตอนนั้นนายทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์พ่ายแพ้ต่อหลี่ซั่นหยวน หลังจากกลับเมืองไทยไปจึงได้เริ่มค้นคว้าเรื่องศาสตร์ค่ายกลต่างๆ
แต่วิถีของค่ายกลนั้นลึกซึ้ง มีทั้งหลักการของปัญจธาตุและปากั้วซ่อนอยู่ นายทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ไม่สามารถศึกษาได้อย่างถ่องแท้
แต่นายทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์เป็นหมอไสยศาสตร์ที่มีพรสวรรค์คนหนึ่ง แม้จะไม่เข้าใจพื้นฐานทั้งหมด ก็หาวิธีอื่นเพื่อไขความลับจนได้
นายทักษิณหาลู่ทางอื่น ใช้คุณไสยมนต์ดำสร้างยันต์ที่ใช้ดูดซับหลังพิฆาตจากผิวหนังของมนุษย์ จากนั้นก็ออกเดินทางไปทั่วเอเชียอาคเนย์ จึงได้วิธีการสร้างวิญญาณร้ายตนนั้นขึ้นมา
บอกได้ว่า นายทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ได้ทำการาค้นคว้าวิจัยศาสตร์ค่ายกลของประเทศจีน ชาญ ทองทวนเป็นลูกศิษย์ที่ติดตามนายทักษิณนานที่สุด ค่ายกลของเยี่ยเทียนล้มเหลวก็ด้วยเหตุนี้เอง
คิดถึงตอนนี้ เยี่ยเทียนรู้สึกสะท้านใจ พระภิกษุชราในประเทศไทยช่างน่ากลัวจริงๆ ถ้าอาจารย์ได้เจอเขาเร็วกว่านี้หน่อย คงจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฝ่ายตรงข้ามแน่นอน
จั่วเจียจวิ้นเข้าใจเงื่อนงำทั้งหมดแล้ว ทอดถอนใจออกมา “ศิษย์น้อง โลกนี้มีเรื่องแปลกพิสดารอีกมาก เราทั้งสองเป็นเหมือนกบในกะลา!”
“ศิษย์พี่สั่งสอนได้ถูกแล้ว!”
เยี่ยเทียนพยักหน้าเห็นด้วย คิดลงในรายละเอียดแล้ว ตั้งแต่ที่เขาได้ฝึกวิชาในใจมักจะรู้สึกว่าตัวเองยิ่งใหญ่ในใต้หล้า แต่ไม่คิดว่าบนโลกที่กว้างใหญ่ไพศาล ไม่ได้มีเขาคนเดียวที่เป็นยอดฝีมือ
ตอนนั้นที่หลี่ซั่นหยวนบรรลุสัจธรรม ไม่อย่างนั้นคงไม่อยู่ถึงอายุร้อยยี่สิบกว่าปี เพียงแต่ขาดการ สืบทอดจากอาจารย์จุดนี้จึงสู้ลูกศิษย์ไม่ได้
หลี่ซั่นหยวนเก่งขนาดนี้แล้ว บนโลกจะหาผู้ที่สามารถแปรเปลี่ยนพลังเป็นจิตวิญญาณได้ และรอบรู้เรื่องวิชาอาคมในคนๆเดียวกันนั้นไม่มีอีกแล้ว เมื่อก่อนเยี่ยเทียนถือตนเป็นใหญ่เกินไป
ศึกครั้งนี้ผ่านไป นิสัยและแง่คิดของเยี่ยเทียนเปลี่ยนไป ลดความใจร้อนวู่วามแบบวัยรุ่นลง และเกิดความยำเกรงต่อโลกภายนอกมากขึ้น
จั่วเจียจวิ้นเห็นเยี่ยเทียนไม่พูดจา คิดว่าเขากำลังโทษตัวเองอยู่ จึงปลอบประโลมว่า “ศิษย์น้อง อย่าคิดมากเลย แล้วชาญ ทองทวนเป็นอย่างไรบ้าง? นายเอาเขาอยู่หมัดไหม?”
จั่วเจียจวิ้นรู้ถึงความสามารถของเยี่ยเทียน ตัวเองไม่สามารถจัดการชาญ ทองทวนได้ แต่เยี่ยเทียนนั้นไม่แน่
“ศิษย์พี่ มีคนมารับเขาออกไป หนีไปแล้ว!”
เยี่ยเทียนละอายใจ หยุดคิดครู่หนึ่งแล้วกล่าวต่อ “แต่ว่าผมดึงไส้มันออกมา แล้วซัดเข้าที่หัวใจทีหนึ่ง น่าจะมีชีวิตอยู่ได้แค่สามวันเท่านั้น!”
ฝ่ามือที่ซัดไปตอนนั้นเยี่ยเทียนใช้พลังลมปราณที่มีทั้งหมดในตัว อย่าว่าแต่ที่ชาญ ทองทวนเกร็งกล้ามเนื้อเลย ต่อให้เป็นชั้นไขมันหนาๆรองรับแรงได้ พลังของเยี่ยเทียนก็สามารถทะลุทลวงเข้าไปทำลายอวัยวะได้อยู่ดี
“ต้องตัดรากถอนโคนให้หมด ศิษย์น้อง โทรศัพท์ไปหาอาติงหน่อย บอกว่าทำยังไงก็ได้ให้ชาญ ทองทวนอยู่ในฮ่องกงไม่ได้!”
เยี่ยเทียนออกท่องยุทธภพกับอาจารย์เพียงไม่กี่ปี แต่ชื่อเสียงของจั่วเจียจวิ้นในยุทธภพนั้นสั่งสมมาด้วยตัวเอง ประสบการณ์ย่อมโชกโชนกว่าเยี่ยเทียนหลายเท่า ในโลกนี้มีแต่คนตายแล้วเท่านั้นที่จะทำให้วางใจได้
“ครับ ผมไปโทรศัพท์ ที่นี่ต้องให้คนมาเก็บกวาดหน่อย…” เยี่ยเทียนยิ้มแห้ง รู้สึกใจคอไม่ดี
เยี่ยเทียนไม่เคยเห็นเลือดมากขนาดนี้มาก่อน แม้ว่าเขาจะเคยเอาชีวิตคนมาแล้วหลายคน แต่การใช้วิชาเวททำร้ายคนอื่นจนตาย ตำรวจก็ยังสืบมาไม่ถึงตัวเขา
แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งในห้องโถง ถ้าถูกพวกชั้นสูงในฮ่องกงเห็นเข้า รับรองว่าดุเดือดกว่าคดีจอมโจรเยี่ยจี้ฮวนปล้นร้านทองในฮ่องกงเสียอีก
……
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น