ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง 317-318
ตอนที่ 317 ในใจของเจ้ามีผู้ใด
ภายในห้อง ตู๋กูซิงหลันพิงกับหน้าต่าง นางนั่งอยู่ข้างโต๊ะไม้ ใช้มือข้างหนึ่งเท้าคางเอาไว้ ปล่อยเส้นผมสยายลงมา แทบจะคลุมร่างท่อนบนของนางเอาไว้จนหมด
ลมพัดแรง เส้นผมยาวๆ บนใบหน้าปลิวผ่านริมฝีปากไป
ในความมืดมิด มีแต่แสงจากห้องข้างๆ ที่สาดส่องมายังร่างของนางจางๆ เท่านั้น
ใบหน้าที่อยู่ในเงาแสงนั้น งดงามเกินกว่าใครจะเทียบได้
ขนตาของนางกระพริบน้อยๆ ลมหายใจเบาๆ นั้นแฝงเอาไว้ด้วยความง่วงงุนที่คล้ายจะสัมผัสไม่ได้
ตู๋กูซิงหลันตัดสินใจเขวี้ยงยันต์สีเหลืองแผ่นหนึ่งออกไปทันที
พอยันต์สีเหลืองแผ่นนั้นพุ่งออกไป ก็ได้ยินเสียงร้องอย่างตระหนกของชือหลีดังขึ้นว่า “นี่เจ้าคิดจะฆ่าเทพที่ช่วยชีวิตหรือยังไง?”
ยันต์สีเหลืองพุ่งเฉียดบ่าของชือหลีออกไป ทำเอาหัวไหล่ของนางเกิดมีรอยเลือดเส้นหนึ่ง
ตู๋กูซิงหลันหรี่ตามอง นางคลุกคลีกับชือหลีมาตั้งนาน ย่อมคุ้นเคยกับกลิ่นอายจากเรือนร่างของนาง
เมื่อครู่นี้ ตนรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายที่แตกต่างอยู่แท้ๆ
“ขอโทษที มือลื่นจนคุ้นเคยแล้ว” ตู๋กูซิงหลันหัวเราะเบาๆ พิงร่างลงกับขอบหน้าต่างอีกครั้ง “ข้ารู้สึกว่า คืนนี้น่าจะต้องมีเรื่องเกิดขึ้น”
นางพึ่งจะงีบหลับไปนิดเดียวแท้ๆ พอลืมตาขึ้นมากลับดึกสงัดจนผ่านครึ่งคืนไปเสียแล้ว
ช่วงนี้ร่างกาย อ่อนล้าเหลือเกิน
“เงียบสงบเกินไปหรือ?” ชือหลีเหลือบมองรอยเลือดบนหัวไหล่ครั้งหนึ่ง ก็โผเข้ามาข้างกายตู๋กูซิงหลัน
หลังจากนั้นก็กล่าวอย่าง มีลับลมคมในว่า “เจ้าเดาสิ ว่าข้าผู้เป็นเทพเอาอะไรมาให้เจ้า?”
“บุรุษ” ตู๋กูซิงหลันไม่ต้องหันไปมองนาง ก็ตอบกลับได้ได้ทันที
ช่วงหลายวันนี้ชือหลีคอยหาบุรุษมาให้นางอยู่ทั้งวี่ทั้งวัน ตู๋กูซิงหลันชักจะชินเสียแล้ว
ชือหลีออกจะผิดหวังไปเล็กน้อย เดิมทียังคิดว่าจะสามารถทำให้นางแปลกใจได้บ้าง
แต่พอคิดได้ว่าบุรุษที่จับกลับมาครั้งนี้ไม่เหมือนเคย ดวงตาของนางก็เป็นประกายขึ้นมาในทันที “ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน เจ้าคิดว่าข้าจะจับบุรุษแบบไหนก็ได้มาให้เจ้าหรือ? ข้าผู้เป็นเทพอย่างไรเสียก็เป็นถึงเทพแห่งสายน้ำ สายตาจะย่ำแย่ได้อย่างไร?”
“อ้อ” ตู๋กูซิงหลันไม่มีความสนใจใดๆ ทั้งสิ้น ได้แต่ส่งเสียงรับคำไปครั้งหนึ่ง
ชือหลีอยากจะตบนางสักสองที ช่างเป็นฮ่องเต้ไม่ร้อนพระทัยแต่ขันทีกลับวุ่นวายใจแท้ๆ นี่นางสมควรจะช่วยดีไหม?
ภายในถุงเฉียนคุน ฮ่องเต้ทรงคุดคู้อย่างวุ่นวายอยู่ในนั้น
ถุงเฉียนคุน สมบัติของเทพเซียน ภายในถุงคือโลกอีกใบหนึ่ง
เป็นเขตแดนที่แบ่งแยกออกจากโลกภายนอกอย่างชัดเจน เดิมทีย่อมไม่สามารถเห็นหรือได้ยินเสียงใดๆ จากภายนอกทั้งสิ้น
เมื่อครู่เป็นเพราะจีเฉวียนได้กลิ่นดอกฮว๋ายฮวาจากภายในห้องทั้งเส้นด้ายโชคชะตาปรากฏขึ้นมา ถึงได้เหม่อลอยไปชั่วขณะ กลายเป็นเปิดโอกาสล้ำค่าให้กับชือหลี
ยามนี้ทั่วพระวรกายของฮ่องเต้มีหมอกดำกำจายออกมาโดยรอบ เบื้องหลังของพระองค์ปรากฏเงาร่างสีดำขนาดใหญ่
เงาสีดำนั้นคล้ายดั่งอาชาที่มีปีก ยามมันกระพือปีก ใต้ปีกก็เกิดเพลิงสีดำเผาผลาญแผดเผาออกมา
ในขณะเดียวกันนั้นเอง ในพระหัตถ์ของจีเฉวียนกำด้ามดาบใหญ่ยาวสีดำเล่มหนึ่งเอาไว้ พระองค์ดึงดาบเล่มนั้นขึ้นมาจากเปลวเพลิงสีดำ สะบัดคมดาบออกไปกรีดผ่านความอันธกาลที่มืดมนของโลกใบนั้น ถึงกับทำให้ถุงเฉียนคุนเกิดรอยปริ
พอดาบที่สองสะบัดออกไป ก็ได้ยินเสียงของสตรีผู้หนึ่งจากภายนอก
“ข้าผู้เป็นเทพก็ไม่อยากจะตำหนิเจ้าหรอกนะ ข้าผู้เป็นเทพอุตส่าห์ทุ่มเทเรี่ยวแรงไปมากมายช่วยเจ้าตามหาบุรุษที่โดดเด่นมาหลายคน แต่เจ้ากลับไม่ถูกใจแม้แต่คนเดียว” เจอกับการตอบสนองเช่นนี้ของตู๋กูซิงหลัน ชือหลีก็โกรธจนเท้าสะเอวขึ้นมาแล้ว
“บุรุษพวกนั้นนะก็แล้วไปเถอะ แต่ที่ข้าจับกลับมาให้เจ้ารอบนี้ คือหลายเขยที่เหลียงจวิ้นอ๋องหมายตาเอาไว้ มิว่าอย่างไร รอบนี้เจ้าไม่อาจปฏิเสธเด็ดขาด” ชือหลียกขาข้างหนึ่งเหยียบลงไปบนโต๊ะเตี้ยด้านหน้าตู๋กูซิงหลัน ดวงตาสีแดงคู่นั้นวาววับอย่างบีบบังคับ
ตู๋กูซิงหลันตกตะลึงไปเล็กน้อย “หลานเขย?”
นางได้ยินข่าวนี้มาแล้ว ว่าหลายวันก่อนจวนเจวิ้นอ๋องมีคุณชายสูงศักดิ์ผู้หนึ่งมาเยือน ฟังว่าเหลียงจวิ้นอ๋องต้องการให้เขาเป็นหลานเขย
“เหลียงจวิ้นอ๋องผู้นั้นถึงขนาดไม่ใส่ใจฐานะกุ้ยเฟยของหลานสาวตนเอง เพียรหาตัวบุรุษผู้นั้นมาให้นางดูดซับไอหยาง นี่ก็แสดงว่าบุรุษผู้นั้นต้องใช้การได้” ชือหลีก้มตัวลงมา จดจ้องไปยังตู๋กูซิงหลัน “ดังนั้นข้าผู้เป็นเทพจึงชิงตัวมาให้เจ้าในระหว่างทางแล้ว บุรุษผู้นี้เจ้าก็จัดการเสีย ห้ามเจ้าปฏิเสธ”
ตู๋กูซิงหลัน “……”
ภายในถุงเฉียนคุน ทันทีที่ได้ยินเสียงจากด้านนอกฮ่องเต้ก็ทรงเก็บดาบลงไป ด้ายผูกชะตาในข้อพระหัตถ์ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง
พระทัยของพระองค์โลดขึ้นมา แต่ยังคงไม่ได้เสด็จผลุนผลันออกไปจากถุงเฉียนคุนในทันที
ตลอดหนึ่งเดือนมานี้ พระองค์ส่งคนออกไปตามหาร่องรอยของนาง องครักษ์ลับของเขาแทบจะพลิกแผ่นดินแห่งนี้ไปครึ่งหนึ่ง แต่กลับไม่ได้ข่าวคราวของนางกลับมาเลยแม้แต่น้อย
ราวกับว่านางได้หายตัวไปจากภายในโลงทองแดงหลังนั้นแล้วจริงๆ
พระองค์ทรงเข้าพระทัยว่านางจากไปแล้ว …ดังนั้นจึงได้เสด็มาเมืองกู่เย่วด้วยพระองค์เอง คิดจะเสด็จไปตามหาค่ายกลที่สามารถเปิดเส้นทางข้ามมิติบนภูเขาฝูซาง…..
แต่ว่าอยู่ดีๆ ด้ายผูกชะตาก็มีปฏิกริยาตอบสนอง
คนที่อยู่ด้านนอกนั่น….คือ……
“ไม่จริงใช่ไหม? นี่แม้แต่หลายเขยของเหลียงจวิ้นอ๋องเจ้าก็ยังไม่สนใจหรือ?” ชือหลีอยากจะระเบิดขึ้นมาจริงๆ แล้ว นางจดจ้องไปยังตู๋กูซิงหลัน “เจ้ายึดถือเรื่องพรหมจรรย์มากงั้นรึ?”
ตู๋กูซิงหลันส่ายศีรษะ…..นางมาจากโลกปัจจุบัน ถึงแม้ไม่อาจบอกได้ว่าเคยมีความรักมาก่อน แต่ก็ไม่ได้ปิดกั้นอะไรขนาดนั้น
เพียงแต่…..นี่เป็น ‘ยาถอน’ ของเหลียงเซิงเซิง นางกลับไปตัดหน้ามาก่อนเช่นนี้เท่ากับขโมยชัดๆ
“ในเมื่อไม่ได้ยึดถือเรื่องพรหมจรรย์อะไรมากมายเพียงนั้น อย่างนั้นเจ้ายังจะยักท่าไปทำไม?” ชือหลีไม่รู้ว่าสมควรจะทำอย่างไรกันแน่ มิใช่บอกว่าตู๋กูซิงหลันเป็นดอกบัวดำ ยามปกตินึกจะทำอะไรก็กระทำอย่างถึงที่สุดมิใช่หรือ? ทำไมแค่จะให้นางนอนกับบุรุษสักคนถึงได้ยากเย็นนัก?
“คงไม่ใช่ว่า…ในใจของเจ้ามีใครอยู่แล้ว?” ชือหลีถึงกับตกใจกับความคิดของตนเองจนแทบกระโดด
ตู๋กูซิงหลันถูกคำถามของนางทำเอาหน้าหงาย
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แค่ได้ยินประโยคเดียวของชือหลี ในสมองของนางก็ปรากฏชื่อของคนผู้หนึ่งขึ้นมาในทันที
“โอรสสวรรค์แคว้นโจว?” ชือหลีถามต่อ “ก็เขาไล่ตามเจ้าเสียขนาดนั้น พูดตามจริงนะ ขนาดข้าผู้เป็นเทพเห็นแล้วยังหวั่นไหวแทนเลย”
ประโยคเดียวของชือหลี ทำเอาพระทัยของจีเฉวียนที่อยู่ในถุงเฉียนคุนแทบหยุดเต้น
ถึงแม้ว่าจะไม่อาจมองเห็นสภาพภายนอก แต่พระองค์ก็มั่นพระทัย….เสี่ยวซิงซิงที่พระองค์ทรงตามหามาเนิ่นนาน อยู่ข้างนอกนั่น
อยู่ในห้องห้องนี้ ที่จริง อยู่เบื้องหน้าพระองค์ด้วยซ้ำ
“เมีย เมีย?” เมียเมียที่อยู่ด้านหลังของพระองค์หุบปีกลง เอียงหูเข้ามาอย่างตั้งใจฟัง
มันติดตามฝ่าบาทมานานหลายปี ไม่เคยเห็นฝ่าบาททรงเป็นทุกข์เพราะใครเช่นนี้มาก่อนเลย
พี่สาวตัวน้อยผู้นั้นทอดทิ้งพระองค์ไป หากว่ากันตามพระอุปนิสัยที่เคยเป็นมาของฝ่าบาทแล้ว พระองค์สมควรพิโรธปานฟ้าผ่า ต่อให้พลิกฟ้าคว่ำทะเลก็ต้องหาตัวนางออกมาให้ได้ จากนั้นก็จัดการจนตายสถานเดียว
ฝ่าบาทของมันเป็นเจ้านายที่ช่างจดจำความแค้น พี่สาวตัวน้อยนั้น ต้องเดือดร้อนแน่
พอจีเฉวียนปรายพระเนตรไปมอง เมียเมียก็หุบปากลงในทันที
ภายในห้อง ตู๋กูซิงหลันยังคงถูกชือหลีซักไซร้ไล่เรียงต่อไป “ว่ากันตามเหตุผลแล้ว เขาเป็นถึงฮ่องเต้ ในร่างมีไอมังกร ขอแค่เจ้าตะโกนเรียกคำเดียว เขาก็คงรีบปรากฏตัวขึ้นมาแล้ว”
“เจ้าไม่ได้ชอบเขาแม้แต่นิดเดียวเลยหรือ?”
“ชือหลี เขาเป็นบุตรของข้า!” ตู๋กูซิงหลันยกฐานะมาถมใส่เขา
ชือหลี “ก็ไม่ใช่ลูกแท้ๆ สักหน่อย เจ้าไม่ต้องมาใช้วิธีนี้กับข้าเลย หากว่าคนที่อยู่ในใจของเจ้าไม่ใช่ฮ่องเต้แคว้นโจว ถ้าอย่างนั้นคือ….ซื่อมั่ว? ก่อนหน้านี้ข้าเคยได้ยินเจ้าถวนจื่อตัวดำกับยมราชผู้นั้นเอ่ยถึงอยู่หลายครั้ง”
ตู๋กูซิงหลันเองก็ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมนางจะต้องถูกลากไปพัวพันกับเรื่องแบบนี้ด้วย
เรื่องของนางกับจีเฉวียน …..ตั้งแต่ตอนแรกก็เพียงเกาะแข้งเกาะขาเพื่อหาทางเอาชีวิตรอดเท่านั้น ต่อมา…ไม่รู้ว่าทำไมความสัมพันธ์ถึงได้ค่อยๆ เปลี่ยนไปแล้ว
ที่จริงแล้วกับเขานั้น นางก็ไม่ได้เกลียดชังอะไร
แต่หากจะบอกว่าเป็นความรักใคร่ฉันท์ชายหญิง……ก็เหมือนจะยังไม่ใช่
——
ไรท์: สรุปว่ายังไม่ใช่….แต่ก็ใกล้เคียงใช่ไหม เฉวียนเฉวียนของแม่ ฟังจนคอยืดแล้ว
เฉวียนเฉวียน: “ชู่ว์….”
ตอนต่อไป “เราคิดถึงเจ้า คิดถึงเจ้าจนแทบเสียสติแล้ว”
ตอนที่ 318 เราคิดถึงเจ้า คิดถึงเจ้าจน...
หัวใจดวงนี้ของนาง เหมือนกับจะไม่รู้จักการ ‘รัก’ ใครเสียจริงๆ
พูดอย่างเปิดเผยก็คือ ขาดปฏิกริยาที่ควรมีควรเป็นระหว่างบุรุษหนุ่มและหญิงสาวไป
ในโลกก่อนโน้นหนุ่มน้อยที่ตามไล่จีบนางหากจับมาคงได้กองใหญ่ แต่ว่าไม่เคยมีใครที่ทำให้นางรู้สึกหวั่นไหวได้เลย
นางก็แค่ชอบดูคนงามทั้งหลาย ลูบๆ คลำๆ ลวนลามบ้างเท่านั้น หากจะบอกว่า ‘รัก’ ขึ้นมา กลับไม่มีใครเลยจริงๆ
สำหรับท่านอาจารย์ซื่อมั่ว นางยิ่งให้ความเคารพรัก
นี่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องของชายหญิงเลย
“ไม่ใช่ความรักระหว่างชายหญิง” นานพักใหญ่ ตู๋กูซิงหลันถึงได้พูดออกมา “จีเฉวียนเป็นฮ่องเต้ที่ดี เป็นคนดี เพียงแต่ว่าระหว่างข้ากับเขา มันเป็นไปไม่ได้เท่านั้น”
หากถอยออกมาไกลๆ แล้วพูดจากมุมมองภายนอกก็คือ ต่อให้นางชื่นชอบจีเฉวียน แต่นางเป็นคนของโลกปัจจุบัน ความคิดความเห็นไม่เหมือนกับจีเฉวียน หากพวกนางอยู่ด้วยกัน ก็คงไม่ยืดยาว
ยิ่งไปกว่านั้น จีเฉวียนเป็นฮ่องเต้ จะต้องเป็นคนที่ต้องมีสนมมากมายนับไม่ถ้วน
นางไม่อาจทนการแบ่งปันสามีของตนเองกับหญิงมากมายได้
พอตู๋กูซิงหลันพูดออกมา ก็แทงลงไปในใจของจีเฉวียนอีกครั้ง
ในใจของนาง เขาเป็นแค่ฮ่องเต้ที่ดี แค่คนดี….นางไม่เคยจะมีแม้แต่ ‘น้ำใจ’ ให้เขาสักส่วนหนึ่งเลย
แล้วบุรุษที่ชื่อว่าซื่อมั่วผู้นั้นละ?
เป็นความรักหรือ?
แค่คิดว่าคนที่นางรักคือบุรุษที่เขาไม่เคยได้พบมาก่อน พระทัยของจีเฉวียนก็ทรมานเหมือนกับมีมดนับพันนับหมื่นมารุมกัด
แต่พระองค์มั่นพระทัยแล้วว่า…..นางยังอยู่ ยังมีชีวิตอยู่ในโลกของพระองค์ แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
“ประหลาดจริงๆ ชอบก็คือชอบ ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ ยังจะต้องมาแบ่งแยกรักระหว่างชายหญิงอะไรกัน” ชือหลีถูกนางปั่นจนหัวหมุนไปหมดแล้ว
นางสะบัดแขนเสื้อ “ช่างเถอะ ไม่ขอเถียงเรื่องนี้กับเจ้าแล้ว ในเมื่อเจ้าก็ไม่ได้ชอบฮ่องเต้แคว้นโจวแล้ว ถ้าเช่นนั้นก็ถือเสียว่า ‘หลานเขย’ ผู้นี้ก็เป็นของแถมที่ได้มาเปล่าๆ แล้วกัน”
ชือหลีพูดพลาง ก็แกะถุงเฉียนคุนของตนเองไปพลางๆ
สายตาของนางเหลือบมองลงไปบนร่างของจีเฉวียน “ข้าจะบอกกับเจ้านะ ‘หลานเขย’ ผู้นี้จะต้องเป็นบุรุษโฉมงามอย่างแน่นอน”
เดิมทีตู๋กูซิงหลันก็ไม่ได้สนใจ
ถุงเฉียนคุนของชือหลียังไม่ทันเปิดออก ก็ได้ยินเสียงฟู่ดังขึ้น อยู่ๆ ถุงเฉียนคุนของนางก็มีไฟลุกขึ้นมา
ชือหลีตกใจแทบกระโดด จากนั้นก็เห็นว่าท่ามกลางกองไฟ มีเงาคนปรากฏขึ้นท่ามกลางกองไฟสีดำทองนั้น
ที่ด้านหลังของเขา มีสัตว์ตัวใหญ่ที่คล้ายกับอาชามีปีกตัวหนึ่ง
ในชั่วพริบตานั้นเองสีหน้าของตู๋กูซิงหลันก็เปลี่ยนแปลงไปในทันที นางเงยหน้าขึ้น มองดูหมอกจางๆ สีเทา สายตาจับจ้องอยู่บนเงาร่างของผู้ที่สวมชุดสีดำลายทอง
ดวงเนตรหงส์คู่นั้น ยังคงเย็นยะเยือกดังเดิม
เพียงแต่เบ้าตาลึกลงกว่าเดิม ใต้ตาก็ดำคล้ำ ราวกับว่าอดหลับอดนอนมานานหลายวัน
แม้แต่ริมพระโอษฐ์ก็ดูซูบซีดไร้สีเลือด
ด้ายผูกชะตาที่อยู่บนข้อมือของนางปรากฏขึ้นมา ทอแสงระเรื่อพร้อมกับด้ายผูกชะตาบนข้อพระหัตถ์ในทันที
จีเฉวียนทรงยืนอยู่ตรงนั้น ส่วนนางก็นั่งอยู่ตรงนี้
เขามองลงมา ส่วนนางก็เงยหน้ามองขึ้นไป
ทั้งสองคนสบตากันอยู่เช่นนั้น อย่างเนิ่นนาน ทั่วทั้งเรือนมีแต่ความเงียบสงัด
เมื่อครู่ชือหลียังเสียดายถุงเฉียนคุนของนางแทบตาบ จนอยากจะตะโกนด่าออกมา แต่พอเห็นว่าเป็นฮ่องเต้น้ำแข็งผู้นั้นก็ต้องหุบปากลงไปทันที
ไม่เพียงแต่หุบปาก แถมยังต้องยอมถอยหลังไปอีกหลายก้าว
เฮอะ เฮอะ? ดูสิว่านางจับใครมาได้กัน?
ประทับใจเลยไหมเล่า! จับลงถุงมาครั้งแรกก็เป็นฮ่องเต้ต้าโจวเลยเป็นไงละ!
เป็นถึงโอรสสวรรค์ กลับไม่อยู่อย่างสุขสบายในวัง แต่กลับว่างจัดวิ่งวุ่นไปทั่ว ทั้งยังยอมเป็นหลายเขยให้ผู้อื่นอีกด้วย?
ชือหลีไหนเลยจะกล้าแค้นเคืองกัน ….ได้แต่แอบถอยออกไปเงียบๆ อีกหลายก้าว
คนผู้นี้….นางไม่กล้าไปหาเรื่องด้วยหรอก
แสงจากห้องข้างๆ สาดเข้ามาทางด้านหลังของจีเฉวียน ร่างของเขาแทบจะบดบังแสงทั้งหมดเอาไว้ ภายในห้องจึงมืดมาก มืดจนพระองค์แทบจะทรงทอดพระเนตรไม่เห็นสีหน้าของตู๋กูซิงหลัน
เดิมทีพระองค์ทรงมีวาจามากมายหลายพันคำจะกล่าวกับนาง
แต่เมื่อคำพูดทั้งหมดมาถึงริมพระโอษฐ์ ก็ถูกกลืนกลับลงไป
ตู๋กูซิงหลันมองดูพระองค์ นางเองก็พูดอะไรไม่ออกเช่นกัน หัวใจของนางกำลังเต้นโครมคราม….
ตอนที่อยู่ภายในโลงทองแดง นางละทิ้งจีเฉวียนไปอย่างไม่มีลังเล …..เกรงว่าคนเช่นเขา คงจะต้องอยากจับนางไปฟาดโบยกระมั้ง
แต่ว่าตอนนี้นางก็กลายเป็นคนพิการไปแล้ว หากเขาอยากจะซ้ำเติมนางลงไปอีกก็คงไม่ได้ต่างกันเท่าไรละมั้ง?
ตู๋กูซิงหลันชะงักไปครู่หนึ่ง ก็ฝืนคลี่ยิ้มออกมา “บังเอิญจริงๆ เลย เฮอะ เฮอะ …..ฝ่าบาท พวกเราได้พบกันอีกแล้วนะเพคะ”
พอได้ยินเสียงของนาง พระวรกายของจีเฉวียนถึงได้เคลื่อนไหว
ตู๋กูซิงหลันถูกพระองค์กักเอาไว้ทั้งตัว ร่างของนางถูกโอบเอาไว้ใต้เงาของพระองค์
หัวใจของนางเต้นเสียงดังตึกตักไม่ยอมหยุด
ตู๋กูซิงหลันไม่อาจบรรยายความรู้สึกของตนเองในยามนี้ได้เลย กลัว….ทั้งหวาดกลัวแต่ก็รู้สึกปวดร้าวไปด้วย
หัวใจของนางปวดร้าวอย่างยิ่ง ราวกับว่ามีอะไรมากดทับจนขยับไม่ได้ ความเจ็บปวดนี้ทำเอานางถึงกับเหงื่อไหลไปทั่วทั้งร่าง
ที่ผ่านมายามที่คิดถึงจีเฉวียน ก็คล้ายจะรู้สึกเจ็บนิดๆ แบบนี้อยู่บ้าง
แต่ตอนนี้เมื่อพบกับเขาแบบตัวเป็นๆ ความเจ็บนี้ก็ทวีความรุนแรงขึ้นมา
นางเห็นจีเฉวียนไม่พูดไม่จาอะไรอยู่นาน ตู๋กูซิงหลันก็คิดว่าสมควรจะต้องพูดอะไรออกมาบ้างเพื่อคลายความอึดอัดเก้อเขิน
นางเอ่ยขึ้นมา “หม่อมฉัน….”
พอเอ่ยออกไปสองคำ ก็เห็นเงาร่างของคนที่กักนางเอาไว้โถมลงมา
จากนั้นก็กอดรัดนางเอาไว้ในอ้อมแขน กอดอย่างแนบแน่น ด้วยเรี่ยวแรงมหาศาลราวกับจะทำให้นางจมลงไปในเลือดเนื้อและกระดูกของพระองค์
จีเฉวียนทรงกอดนางเอาไว้ พอสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากร่างของนาง พระวรกายของพระองค์ก็สั่นสะท้าน
นับตั้งแต่ที่นางจากไป พระองค์ทรงฝันถึงนางทุกคืน
ในความฝันนั้นพระองค์ก็ทรงกอดนางอย่างแนบแน่นเช่นนี้ แต่กลับไม่รู้สึกถึงความอบอุ่นจากนางเลยสักนิด ยามที่ตื่นขึ้นมาข้างกายก็ปราศจากผู้ใด เหลือเพียงพระองค์แต่ผู้เดียว
ครั้งนี้ไม่เหมือนกันแล้ว นางอยู่ที่นี่จริงๆ อบอุ่นอย่างแท้จริง
พระองค์ทรงกอดนางแนบแน่นกว่าเดิม พระหัตถ์ใหญ่โตของพระองค์โอบกระหม่อมของนางเอาไว้ ให้ศีรษะของนางสัมผัสกับพระอุระ ให้นางได้ยินเสียงพระทัยของพระองค์
ปลายคางของพระองค์วางอยู่บนศีรษะของนาง จมกับความรู้สึกดื่มด่ำ “ซิงซิง….”
“แค่เจ้ายังอยู่ที่นี่ เราก็พอใจแล้ว”
พระองค์ตรัสพลาง จูบลงไปบนกระหม่อมของนางเบาๆ
เราคิดถึงเจ้า คิดถึงเจ้าจนคลุ้มคลั่ง
เรายังแค้นเจ้า แค้นเจ้าจนแทบจะเสียสติ
แต่เมื่อได้เห็นว่าเจ้าปลอดภัยดี ทั้งหมดนั้นก็กลับกลายเป็นความปิติ
แค่เจ้ายังอยู่ เราก็พอใจแล้ว
คำพูดนี้ จีเฉวียนย่อมมิได้ตรัสออกไป
ความปิติยินดีทั้งหมดล้วนอยู่เพียงในกล่องความคิดของพระองค์เท่านั้น คำพูดทั้งหลายทั้งปวงนี้พระองค์ได้แต่ปล่อยให้มันละลายอยู่ภายในท้องของพระองค์
ผ่านไปอีกพักใหญ่ จีเฉวียนถึงได้ยอมปล่อยนางในที่สุด ตู๋กูซิงหลันเองก็ทอดถอนใจออกมา มองดูจีเฉวียนที่มีแต่ความอิดโรย ก็กล่าวออกไปประโยคหนึ่งว่า “ฝ่าบาท พระองค์ผอมลงแล้ว”
จีเฉวียนทรงใช้พระหัตถ์ประคองใบหน้าของนางเอาไว้ “เจ้ายังผอมกว่าเราอีก เป็นเพราะไม่ค่อยได้กิน ไม่ค่อยได้นอนใช่หรือไม่?”
“เราจะดูแลให้เจ้าอ้วนท้วนเอง”
ตู๋กูซิงหลัน “….” เดี๋ยวก่อนนะ จริงๆ นางไม่ได้อยากจะเป็นยัยอ้วนเสียหน่อย!
ไม่รอให้นางทันได้มีปฏิกริยา ก็ได้ยินจีเฉวียนกล่าวว่า “เทพแห่งสายน้ำจับตัวเรามา เพื่อมามอบให้เจ้าใช่ไหม?”
——
คุยกันนิดนึง:
ไรท์: เจอกันแล้วววววว ดนตรีต้องมาละ เพลงอะไรดี?
ตอนต่อไป “เจ้าคิดว่าเราจะไม่ปวดใจหรืออย่างไร”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น