หมอดูยอดอัจฉริยะ 311-316

 ตอนที่ 311 ตลบหลังกลับ (2)

โดย

Ink Stone_Fantasy

“ศิษย์น้อง เชิญนั่ง”


ได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียนแล้ว ใบหน้าของจั่วเจียจวิ้นก็เผยให้เห็นถึงอารมณ์ที่ตื่นเต้น วิชาคาถาในแต่ละสำนักเวทย์ ทั้งหลายนั้น ล้วนเป็นความลับไม่เผยแพร่ต่อใคร เขาท่องเที่ยวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ถึงสิบปี แต่ไม่สามารถเรียนรู้ ได้แม้เพียงเสี้ยวเดียว ดังนั้นพอได้ยินว่าเยี่ยเทียนจะถ่ายทอดวิชาให้ จั่วเจียจวิ้นจึงรีบให้เยี่ยเทียนนั่งอยู่บนที่สูง ส่วนตนวางมือทั้งคู่กุมไว้บนหัวเข่า ทำท่าราวกับตั้งอกตั้งใจฟังคำสั่งสอน


“ศิษย์พี่ ผู้รู้ คือผู้มีวิชา เมื่อเข้าถึงวิชา ย่อมเข้าถึงพาหนะล่าง ผู้มีธรรม คือผู้เชี่ยวชาญในวิชาความรู้ จึงเข้าถึงหลักธรรมอันประเสริฐ ย่อมเข้าถึงพาหนะกลาง และผู้มีวิชาสามารถรวมทั้งสองเป็นหนึ่ง เข้าถึงหนทางแห่งเต๋า ย่อมเข้าถึงพาหนะใหญ่”


เยี่ยเทียนอธิบายวิชาที่ได้รับสืบทอดมาตามลำดับ “หลักไร้อิสระ เต๋าไร้สามัญ กฎไม่เที่ยงแท้ ศาสตร์ไม่มั่นคง


 วิชาแปรเปลี่ยนผัน อำนาจอิงความคิด หลักเกณฑ์น้อยนิด ระลึกอยู่ในใจ แบบแผนกฎเกณฑ์ ไม่อาจละทิ้ง”


“ศิษย์น้อง เรื่องพวกนี้พี่รู้ดีทั้งหมด”


จั่วเจียจวิ้นมีความเข้าใจวรยุทธ์อย่างลึกซึ้ง สิ่งจำเป็นสำหรับเขาตอนนี้คืออาคมที่สามารถใช้ในการต่อสู้จริง หลังจากได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียนแล้ว ก็พยักหน้าถาม “ถ้าอย่างนั้นจะดึงเอาพลังร้ายออกมาใช้เองได้ยังไงล่ะ”


 “ศิษย์พี่ ทุกสรรพสิ่งบนโลกล้วนมีจิตวิญญาณ หญ้ามีจิตจึงเกิด ไม้มีวิญญาณจึงเติบโต ลมปราณก็มีจิตวิญญาณ อีกทั้งแบ่งเป็นปราณหยินและหยาง ปราณเร้นลับ นำไปยังพระสูตร ขับไปสู่ชีพจร แยกออกเป็นหกทิศ เปลี่ยนลมปราณ ให้กลายเป็นความจริงแท้”


เยี่ยเทียนอธิบายพลาง กล่าวเคล็ดคาถาวิชาให้กับจั่วเจียจวิ้นร่วมกันไปด้วย ขณะเดียวกันก็สำแดงวิชา ทำให้พลังชี่ดั้งเดิมในอากาศปั่นป่วนขึ้นมา เพื่อให้จั่วเจียจวิ้นสัมผัสเป็นตัวอย่าง


“ฮ่า ๆ พี่เข้าใจแล้ว”


หลังจากจั่วเจียจวิ้นนั่งงุนงงสับสนอยู่ชั่วโมงหนึ่ง พลันดวงตาก็สว่างวาบ ตะโกนก้องหัวเราะออกมา


“หยินสงบปั่นป่วน หยางหยุดรอต้าน วิธีรวมหยินหยาง เคลื่อนไหวว่างเปล่า โจมตีโดยไร้รูป”


 ขณะที่พูด จั่วเจียจวิ้นก็ไขว้ดรรชนีกำหนดคาถา หลังจากวาดเส้นโค้งรอบตัวแล้ว ก็ยื่นมือออกไปข้างหน้า เปล่งเสียงดังออกมาจากปาก “ป่วย”


 สิ้นเสียงของจั่วเจียจวิ้น ก็มีเสียงแหลมแสบแก้วหูดังขึ้น อากาศเบื้องหน้าเขาพลันราวเกิดคลื่นน้ำเป็นระลอก พลังชี่หยินร้ายหนาวเหน็บอันรุนแรงพุ่งออกไปด้านหน้ากว่าสิบเมตร แล้วจึงค่อยสลายไปในอากาศ


“ศิษย์พี่เฉลียวฉลาดมาก นับถือ นับถือจริงๆ”


 ได้เห็นจั่วเจียจวิ้นเข้าถึงแก่นแท้ของวิชาได้ภายในเวลาสั้นๆ เพียงสองชั่วโมง อีกทั้งยังสำแดงออกมาได้ เยี่ยเทียนยังตะลึงมองอ้าปากค้าง


ที่สำคัญวรยุทธ์กับกังฟูนั้นเหมือนกัน ล้วนต้องขยันหมั่นฝึกซ้อมถึงจะสามารถใช้ได้อย่างเชี่ยวชาญ ทว่าท่วงท่าของจั่วเจียจวิ้นเมื่อครู่แม้ยังไม่คล่องแคล่วนัก แต่พลังทำลายกลับไม่อ่อนด้อยเลยแม้แต่น้อย


ตอนนี้เยี่ยเทียนจึงรู้แล้วว่าเหตุใดท่านอาจารย์จึงพูดอยู่เสมอว่าศิษย์พี่สองคนนี้ของตนเองล้วนเป็นคนมีพรสวรรค์ ความสามารถเหนือชั้น ถ้าหากตัวเขาไม่ได้เป็นคนรับสืบทอด น่ากลัวว่าทางด้านความรู้เรื่องวรยุทธ์ คงไม่อาจเทียบ ศิษย์พี่รองตรงหน้าได้


เพียงเสียดายที่ไม่รู้เบาะแสของศิษย์พี่ใหญ่ ไม่อย่างนั้นหลังจากถ่ายทอดวิชาโรมรันให้แก่เขาแล้ว ศิษย์พี่ศิษย์น้องพวกเขาสามคนคงบุกตะลุยยุทธภพยุคปัจจุบันกันแล้ว


“คุณชาย กินข้าวครับ ผมนำเหล้าดี ๆ หลายขวดจากผู้เฒ่าถังมาให้ท่าน”


เยี่ยเทียนกับศิษย์พี่สลับกันพูดสลับกันฟัง ไม่ทันรู้ตัวสีท้องฟ้าก็มืดหม่นลง จนกระทั่งเสียงของอาติงดังขึ้นมา จากด้านนอกห้องรับแขก ทั้งสองจึงได้สติคืนมา


“เอ่อ อาติง ฉันบอกว่าไม่ให้นายมาแล้วไม่ใช่หรือ”


เงยหน้าขึ้นเห็นอาติงยืนอยู่นอกประตู เยี่ยเทียนก็ขมวดคิ้วมาฮ่องกงครั้งนี้อาศัยความช่วยเหลือของถังเหวินหย่วนมาไม่น้อย เขาจึงไม่อยากทำให้ลูกน้องที่ไว้ใจได้ของถังเหวินหย่วนบาดเจ็บขณะประลองคาถาอาคม


“คุณชาย ผมได้ยินที่ผู้เฒ่าถังว่าแล้ว ท่านกำลังรอคอยศัตรูอยู่ที่นี่” อาติงยิ้มหึๆ แล้วกล่าวต่อ “ผมข้องเกี่ยวกับเรื่องอันตรายมาตั้งแต่เล็ก ไม่เคยกลัวการโจมตีหรือถูกฆ่า รั้งอยู่ที่นี่อาจสามารถช่วยท่านได้อีกแรงไม่ใช่หรือ”


“ไม่มีใครโง่กับเรื่องนี้หรอกครับ”


ได้ยินคำพูดของอาติงแล้ว เยี่ยเทียนก็ยิ้มแห้งออกมา เขาเพียงพูดว่าจะขอยืมบ้านหลังนี้สักหนึ่งเดือน ไม่ได้เล่าเรื่องชาญ ทองทวนให้ถังเหวินหย่วนฟัง นึกไม่ถึงว่าจิตใจของคนชรานั้นจะกระจ่างชัดเจนราวกระจกตั้งแต่แรก


ตั้งแต่แรกอาติงมีเจตนาดีมาตลอด หลังจากเยี่ยเทียนครุ่นคิดอยู่สักพักก็กล่าวขึ้นอย่างอดทน “อาติง ขอบเขตของเรากับวงการของพวกนายนั้นแตกต่างกัน ใช่ว่าใช้มีดใช้ปืนแล้วจะสะสางปัญหาได้ พวกนายคิดว่าอยู่ต่อหน้าฉัน จะสามารถชักปืนออกมาได้เหรอ”


เยี่ยเทียนสามารถสัมผัสรัศมีอันตรายเล็กน้อยแผ่ออกมาจากช่วงเอวของอาติง คิดว่าเขาต้องกลับไปนำมา พกไว้กับตัว แต่ว่านอกจากถูกคนซุ่มยิงจากระยะไกลกับล้อมด้วยปืนแล้ว เยี่ยเทียนก็ไม่รู้สึกหวั่นเกรง


“เฮ้ คุณชาย ท่านอย่าดูถูกผมเชียว คิดดูว่าในอดีตนั้นอาติงคนนี้ก็อยู่ในสมาคมเช่นกัน” ถูกเยี่ยเทียนดูแคลน อาติงเกิดไม่พอใจขึ้นมาเล็กน้อย พูดพลางยื่นมือขวาไปสัมผัสตรงช่วงเอว แต่ว่าตอนที่เขากำลังจะยกมือขวานั้น พลันรู้สึกเยียบเย็นไปทั่วร่าง ไม่อาจขยับเขยื้อนตัวได้อีกต่อไป “นี่ นี่มันเกิดอะไรขึ้น”


ข้างนอกอุณหภูมิสามสิบกว่าองศา ถึงแม้ภายในห้องรับแขกจะเปิดเครื่องปรับอากาศ แต่ก็ยังมีอุณหภูมิถึงยี่สิบห้า หรือยี่สิบหกองศา แต่อาติงกลับรู้สึกถึงความหนาวเย็นเข้าไปยันกระดูก จนพูดออกมาอย่างตะกุกตะกัก


“อาติง เจตนาดีฉันจะรับไว้ด้วยใจ แต่ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่นายจะเข้ามาร่วมด้วยได้” มือขวาของเยี่ยเทียนไขว้อาคม เอาไว้ ดึงเอาชี่ร้ายที่ห่อหุ้มทั่วร่างอาติงเข้าลงในง้าวพระจันทร์เสี้ยวทั้งหมด


“เอ๋ ผม ผมสามารถขยับได้อีกครั้งแล้ว” หลังจากเยี่ยเทียนกระจายชี่ร้ายออก อาติงก็ลนลานขยับเขยื้อนร่างกายแล้วหันมาสบตาเยี่ยเทียนอีกครั้งด้วยสายตาเต็มไปด้วยความเทิดทูน


คนที่คลุกคลีอยู่ในสมาคมใต้ดินทั้งหลาย ส่วนใหญ่นับถือเทพเจ้ากวนอู พวกเขาเชื่อว่ามีเทพเจ้าคอยปกปักรักษา เมื่อเยี่ยเทียนใช้วิชาจากมือนี้ เทียบได้กับเป็นสิ่งปาฏิหารย์ อาติงจึงอดหวาดหวั่นไม่ได้


 เยี่ยเทียนยิ้มมองยังอาติง กล่าวว่า “คนที่นำอาหารมาส่งจากโรงแรมต้องกำหนดไว้ ให้มาส่งทุกเช้าตอนเจ็ดโมง เที่ยงตรงและหกโมงเย็นสามเวลานี้ นายไม่ต้องติดตามมาแล้ว”


 “ครับ คุณชาย”


 ครั้งนี้อาติงไม่กล้าอวดตัวอีก เดิมเขาคิดว่าเยี่ยเทียนเพียงมีวิทยายุทธ์กล้าแข็ง แต่กลับคาดไม่ถึงว่าความสามารถอื่น ของเขายิ่งยากจะต้านทาน นับว่าเวลาอยู่ต่อหน้าตนมองเขาไม่ขาด


พลันเยี่ยเทียนฉุกคิดขึ้นมาในใจได้ กล่าวว่า “จริงสิ นายให้สหายพวกนั้นของนายคอยจับตาดูหน่อย ถ้าหากมีคนจากประเทศไทยผ่านช่องทางใต้ดินบางส่วนเข้ามายังเขตแดนฮ่องกง ให้รีบโทรบอกฉันทันที”


ถ้าหากเยี่ยเทียนต้องการออกนอกประเทศไปสังหารใครสักคน เขาย่อมไม่ใช้ช่องทางปกติผ่านไปยังประเทศนั้น ดังนั้นเยี่ยเทียนจึงคาดเดาว่า ชาญ ทองทวน เองก็คงจะไม่ใช้พาสปอร์ตเข้ามายังฮ่องกงอย่างเปิดเผยเช่นกัน


แต่ว่าหากคิดจะลักลอบเข้ามายังในฮ่องกง แน่นอนว่าจะต้องหลีกไม่พ้นหูตาของคนในสมาคมเหล่านี้ สถานะในอดีตของอาติง จะต้องพอมีประโยชน์ในเวลานี้อยู่บ้างอย่างแน่นอน


“คุณชาย คนที่มาจากประเทศไทยนั่น คงไม่ใช่ว่าท่านไปตัดทางสินค้าคนอื่น”


ได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียนแล้วใบหน้าของอาติงก็เผยให้เห็นแววประหลาดใจ จะถูกคนจากประเทศไทยตามสังหาร ถึงฮ่องกง ดูเหมือนว่านอกจากผงขาวทองคำอ่อนนั่น ก็ไม่มีอย่างอื่นอีกแล้ว


“ตัดทางสินค้าคนอื่น”


 เยี่ยเทียนได้ยินแล้วตกใจเล็กน้อย แต่เมื่อมองอาติงหนีบจมูกทำท่าเหมือนสูดกลืนผงขาวแล้ว ก็อดใช้ขาถีบ ออกไปไม่ได้ “ไปไกล ๆ เลย ฉันใช่คนเสพของพวกนั้นเหรอไง”


 “ฮิ ๆ คุณชาย ไม่ใช่ก็ดีแล้วล่ะ” อาติงหลบลูกถีบนั้นของเยี่ยเทียนได้ ในใจเองก็โล่งเบาขึ้นเยอะ


ที่สำคัญคือ เจ้าพ่อค้ายานั้นสามารถฆ่าคนได้เพียงพริบตา ในอดีตคนในแก๊งเล็ก ๆ เคยลักสินค้าล็อตหนึ่งจาก ประเทศไทย คนในแก๊งจำนวนกว่ายี่สิบทั้งหมดถูกฆ่าตายภายในห้อง เกิดเป็นแรงกระเทือนใหญ่ในฮ่องกง


ถึงแม้สมาชิกแก๊งพวกนี้ในฮ่องกงจะดุดันเก่งกล้า แต่เมื่อเทียบกับเจ้าพ่อค้ายาติดอาวุธโจมตีทางทหารพวกนี้ ยังถือว่าประมาทเกินไป


“คุณชาย ท่านรู้หรือเปล่าว่าคนทางนั้นมีรูปหน้าตาแบบไหน มีกันกี่คน” อาติงถามขึ้นด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม


“ศิษย์พี่ ท่านรู้ไหม”


เยี่ยเทียนมองไปยังจั่วเจียจวิ้น พอเห็นว่าเขาส่ายหัวก็หันไปพูดกับอาติง “หน้าตาเป็นยังไงฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน จำนวนคนคงไม่เกินห้าคน ถ้าหากว่านายพบเข้าล่ะก็ อย่าทำให้พวกเขารู้ตัวเด็ดขาด”


การต่อสู้ด้วยคาถาสำหรับคนมีวิชานั้นไม่ต้องอาศัยจำนวนคนมากมาย เยี่ยเทียนกะเกณฑ์ว่าทางชาญ ทองทวน นั้นอย่างมากก็มีแค่สามถึงห้าคนก็เต็มที่แล้ว


“คุณชาย วางใจได้ครับ หลายวันมานี้หากมีหนูตัวหนึ่งเข้ามาในฮ่องกง ผมเองจะต้องตามหาเขาได้แน่”


อาติงตบหน้าอกเป็นการรับประกัน พวกลักลอบนำเข้าสินค้าผิดกฏหมายในฮ่องกง ไม่มีใครไม่พึ่งพิงสมาคมใต้ดิน เพื่อหากิน ขอเพียงตัวเขากระจายข่าวออกไป ก็ไม่มีใครกล้าปิดบัง


เยี่ยเทียนพยักหน้ากล่าว “ดี อาติง รอเรื่องนี้จบแล้วฉันจะบอกกับเหล่าถัง ให้นายอยู่กับฉันสักระยะหนึ่ง ถึงเวลาจะช่วยสลายอาการผิดปกติของนายเมื่อในอดีตพวกนั้นให้หมดไป”


อยากจะให้ผู้กล้าในวงการพวกนี้ลงแรงทำงานให้ ใช้แค่แรงกดดันไม่ได้ แต่ต้องให้ผลประโยชน์เพียงพอด้วย


หลังจากที่เยี่ยเทียนพูดออกไป อาติงก็กังวลใจไม่สามารถใกล้เยี่ยเทียนได้อีก จึงรีบบอกลาไปจัดการธุระที่เยี่ยเทียนฝากฝังไว้


“ศิษย์น้อง นายแน่ใจว่าชาญ ทองทวน จะมาใช่ไหม”


หลังจากอาติงไปแล้ว จั่วเจียจวิ้นมองมาทางเยี่ยเทียน ทุกอย่างนี้ล้วนเป็นการคาดเดาของเยี่ยเทียนล้วน ๆ ถ้าหากอีกฝ่ายไม่มา วิชาที่เตรียมไว้ทุกอย่างนี้จะเสียเปล่า


 “ก่อนหน้านี้ยังไม่กล้ายืนยัน แต่พอรู้ว่าพระชราผู้นั้นลอบทำร้ายพี่แล้ว ผมมั่นใจแปดในสิบส่วนว่าเขาจะมา”


เยี่ยเทียนรับคำ นายทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์เป็นคนใจแคบอย่างนี้ ถึงกับลอบทำร้ายลูกศิษย์ของศัตรู ชาญ ทองทวน รับสืบทอดจากเขา แปดถึงเก้าในสิบส่วนจะต้องมีนิสัยอำมหิตโลภโมโทสันหยาบช้าเช่นกัน


“ศิษย์พี่ เตรียมการไว้ก่อนเป็นดี รอผมวางค่ายกลเสร็จก่อน แล้วค่อยแลกเปลี่ยนวิชากับพี่”


เยี่ยเทียนพูดพลางดึงกล่องที่นำมาจากบ้าน หินหยกที่เขานำมาครั้งนี้มีคุณสมบัติธรรมดา แต่ว่าง้าวพระจันทร์เสี้ยวอยู่ใจกลางค่ายกล ก็ยังสามารถสำแดงพลังของค่ายกลออกมาได้


และเรื่องสำคัญที่สุดคือ ซ่งเสี่ยวหลงรวมทั้ง ชาญ ทองทวน ล้วนไม่รู้ว่าเขาเชี่ยวชาญวิชาคาถา จะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม หากเยี่ยเทียนไม่สามารถเอาชนะฝ่ายตรงข้ามได้ เขาก็ไม่ต้องวนเวียนอยู่ในยุทธภพอีกต่อไป


……


ตอนที่ 312 ตลบหลังกลับ (3)

โดย

Ink Stone_Fantasy

“ศิษย์น้อง ฉันก็พอรู้วิธีการสร้างค่ายกลอยู่บ้าง ให้ฉันได้ช่วยเถอะ!”


จั่วเจียจวิ้นถึงแม้เพิ่งจะเรียนวิชากระบวนท่ามาไม่นาน กำลังอยากจะลองวิชาอยู่พอดี อดใจไม่ไหว อยากให้เยี่ยเทียนถ่ายทอดวิชาทั้งหมดให้กับตัวเอง


แต่เขาก็รู้หนักรู้เบาอยู่ หากในสถานการณ์แบบนี้ยังมีกลเม็ดพิฆาตออกมาได้ อย่าว่าแต่ชาญ ทองทวน ต่อให้เป็นนายทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์มาเอง จั่วเจียจวิ้นก็มั่นใจว่าจะต้องทำให้พวกนั้นยอมสยบได้


“ศิษย์พี่ พี่ก็สร้างค่ายกลเป็นเหรอ” เยี่ยเทียนได้ยินก็ชะงักไป เหมือนว่าอาจารย์จะไม่ได้บอกเรื่องที่เคยสอน เกี่ยวกับค่ายกลให้ศิษย์พี่ทั้งสอง


จั่วเจียจวิ้นหัวเราะ กล่าวว่า “พี่ฝึกเอาเองแหละ ทำได้แค่กักคนไว้ แต่ไม่ได้ใช้ฆ่าคน ศิษย์น้อง ค่ายกลของศิษย์น้องเรียนมาจากอาจารย์ใช่หรือไม่”


จั่วเจียจวิ้นนับตั้งแต่แพ้ที่ประเทศไทยให้กับนายทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์แล้ว ยี่สิบสามสิบปีมานี้ได้ทำการค้นหา กระบวนท่าโจมตีมาโดยตลอด อยากจะประกาศศักดาที่ประเทศไทย เพื่อลบความอาย


แต่ทว่าสำนักต่อสู้ในฉีเหมินหากไม่สูญหายตายจากกันไปก็ปิดสำนักไม่รับคน จั่วเจียจวิ้นไม่สามารถได้ฝึกวิชาใดใด ในความสิ้นหวังนั้นเอง เขาได้แต่ต่อยอดจากค่ายกลขึ้นมา


แต่ค่ายกลฆ่าล้างศัตรู กับค่ายกลฉีเหมินมีคุณสมบัติไม่เหมือนกัน ศึกษาคิดค้นมาสิบยี่สิบปี จั่วเจียจวิ้นก็ทำได้เพียงวางค่ายกลกักขังจิตใจคนเอาไว้เท่านั้น แต่กลับไม่สามารถแสดงความโหดร้ายอื่นออกมาได้


“อืม ศิษย์พี่คฤหาสน์หลังนี้ของเหล่าถัง ฮวงจุ้ยถูกจัดตามตำราเก้าตำหนัก อาจารย์เคยถ่ายทอดค่ายกลเก้าตำหนักพิฆาต ให้กระบวนหนึ่ง กลับได้มาใช้ที่นี่!”


เยี่ยเทียนพยักหน้า ไม่ได้พูดอะไรต่อ ค่ายกลที่นักพรตเฒ่าฝึกปรือเหล่านั้น ความร้ายกาจไม่เท่ากับเคล็ดวิชาค่ายกลที่ เขาสืบทอดมา เพียงแต่ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดกับจั่วเจียจวิ้นได้เท่านั้น


ยื่นมือออกไปหยิบหินหยกถุงนั้นขึ้นมา เยี่ยเทียนเดินออกจากห้องรับรองแขกมา ดูเหมือนกำลังเดินเล่นไป รอบ ๆ คฤหาสน์ แต่นานทีจะหยิบหินหยกวางไว้ยังมุมใดมุมหนึ่งไปเรื่อย


รอบนี้เยี่ยเทียนมาอย่างเร่งรีบ หินหยกนี้ส่วนใหญ่ก็หยิบมาจากพานเจียหยวน คุณภาพไม่สูงนัก เทียบไม่ได้กับหินหยกที่เขาใช้ประกอบพิธีทะลวงจุดชีพจรให้กับถังเสวียเสวี่ย แต่ใช้สำหรับนำพลังเข้าไปให้ไหลเวียน แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว


และคฤหาสน์หลังนี้เดิมทีจั่วเจียจวิ้นก็วางแบบตามจิ่วกง มีหลายที่ที่สอดประสานกับฮวงจุ้ยได้ดี เยี่ยเทียนเพียงแค่ปรับเปลี่ยนเล็กน้อย ก็สามารถจัดวางให้เป็นค่ายกลเก้าตำหนักพิฆาตได้


เยี่ยเทียนเดินทอดน่องราวกับเดินเล่น สนามหญ้าด้านตะวันออกฝังหินหยกเอาไว้หนึ่งก้อน แยกกำแพงฝั่งตะวันตก ก็ยัดของใส่เข้าไป หลังจากชั่วโมงกว่าๆ ผ่านไป หินหยกที่ถือเต็มมือ หนึ่งกระเป๋าพลันหายไปหมดซักก้อนก็ไม่เหลือ


“ศิษย์น้อง นี่….ที่วางนี่คือค่ายกลอะไรกันทำไมฉันมองไม่เห็นวิชาเต๋าเลยหล่ะ”


จั่วเจียจวิ้นอยากรู้ขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ เพราะเขาไม่รู้เลยว่าหินหยกที่วางอยู่ตามตำแหน่ง ต่างๆนั้น มีความหมาย อย่างไร มองไปก็มึนงง


“ศิษย์พี่ ไป เดี๋ยวกลับไปที่ห้องรับรองแขกก็จะรู้เองว่านี่คือค่ายกลอะไร! “


เยี่ยเทียนกล่าวยิ้มๆ อยากมีเลศนัย ดึงจั่วเจียจวิ้นกลับเข้าไปในห้องรับแขก บริเวณนี้เป็นตำแหน่งศูนย์กลาง ของคฤหาสน์หลังนี้พอดี และก็เป็นตาของค่ายกลที่เยี่ยเทียนตั้งใจเว้นไว้


“ศิษย์พี่ดูให้ดีล่ะ!”


หลังจากกลับมาที่ใจกลางของคฤหาสน์ เยี่ยเทียนก็ไขว้มือสาม สี่ ห้านิ้วเข้าด้วยกันทั้งซ้ายและขวา นิ้วโป้งขวากดอยู่ใต้นิ้วโป้งของมือด้านซ้าย นิ้วชี้ซ้ายและขวาเปิดอ้าออก กล่าวสวดว่า “ดาวนพเก้าเรียงลำดับ พลังชี่สับสน ดวงตาเบิกกว้าง พลังชี่กระสานซ่านเซ็น จิ่วกงปากว้า ตาข่ายฟ้าดิน เปิดออกให้ข้า !”


ตามเสียงสวดจากปาก นิ้วชี้ซ้ายและขวาของเยี่ยเทียนกดเข้าหากัน ชี้ตรงไปที่ง้าวพระจันทร์เสี้ยวที่อยู่ในห้องรับแขก ในตอนนั้นที่เขาเอาง้าวแทงลงพื้นที่นี่ ก็ไม่ได้ว่าไร้แผนการซะทีเดียว


ตามนิ้วดัชนีของเยี่ยเทียนที่ชี้ไป ง้าวพระจันทร์เสี้ยวก็ระเบิดพลังไอหยางพุ่งตรงเข้ามา ทำให้ในตอนนั้น ทั่วทั้งห้องแผ่กระจายเต็มไปด้วยไอ ราวกับถูกตาข่ายขนาดมหึมาครอบเอาไว้ก็ไม่ปาน


ตามที่นิ้วของเยี่ยเทียนบัญชา ง้าวพระจันทร์เสี้ยวที่แผ่ไอออกมามากมายกลับไม่ได้หายไป แต่กลับแผ่ขยาย ออกไปยังทิศทั้งแปดของค่ายกลเก้าตำหนัก อุณหภูมิภายในของคฤหาสน์ทั้งหลัง พลันก็ลดลงอย่างทันที


จั่วเจียจวิ้น ที่ยืนอยู่บริเวณห้องนั่งเล่น รับรู้ได้เพียงแค่ว่ามีเสียงของลมหยางพัดวูบไป นอกจากตาของค่ายกล ที่เขาและเยี่ยเทียนยืนอยู่ วิวในรัศมีสามเมตรกลายเป็นขมุกขมัวขึ้นมา


เยี่ยเทียนปล่อยพลัง ปรับเปลี่ยนค่ายกลทั้งหมดแล้ว ถึงได้กล่าวขึ้นมาว่า “ศิษย์พี่จั่ว ลอง เดินออกจากตาของ ค่ายกลไป ดูว่าประสิทธิภาพของค่ายกลนี้เป็นอย่างไรบ้าง”


หลังจากได้ฟังคำของเยี่ยเทียนแล้ว จั่วเจียจวิ้นลองเดินออกไปก้าวหนึ่ง มีไอพลังพัดมาระลอกหนึ่ง เท้าข้างขวา ที่ก้าวออกไปนั้นพลันรู้สึกเจ็บขึ้นมา เหมือนมีมีดมาตัดออกไป


“นี่…นี่เป็นความจริงหรือว่าภาพลวงตา” จั่วเจียจวิ้นตกใจ รีบชักขาข้างขวากลับมาดูเป็นการใหญ่ แต่กลับไม่เห็นร่องรอยบาดเจ็บอยู่แม้แต่น้อย


“ศิษย์พี่ พลังหยางฆ่าคนได้ไร้ร่องรอย ทำไมต้องแบ่งเป็นของจริงหรือภาพลวงตากัน”


เยี่ยเทียนหัวเราะ กล่าวต่อว่า “ค่ายกลของผมอาศัยค่ายกลเก้าตำหนักปรับเปลี่ยนมา ศิษย์พี่ขอแค่เพียงเดินตามทิศปากว้าภายในนี้ก็จะไม่ถูกไอพลังทำร้าย”


“จริงเหรอ”


จั่วเจียจวิ้นได้ยินก็ตะลึง จิ่วกงแปดทิศเป็นเคล็ดวิชาที่คนทำนายดวงทุกคนล้วนเข้าใจเป็นอย่างดี ปากว้าในสำนักวิชาของฉีเหมินถูกเรียนว่าแปดประตู โดยแบ่งออกเป็นประตูพัก, ประตูชีวิต, ประตูบาดเจ็บ, ประตูอุปสรรค, ประตูทางออก, ประตูความตาย,ประตูความตื่นตระหนก, และประตูเปิด


ตามปกติแล้วประตูเปิด ประตูพักและประตูชีวิตเป็นประตูให้โชคสามบาน ประตูตาย ประตูตื่นตระหนก ประตูบาดเจ็บเป็นประตูโชคร้าย ประตูอุปสรรค ประตูทางออกถือว่าอยู่ในระดับกลาง จั่วเจียจวิ้นลองก้าวเดินออกไป จากทางประตูเปิด กลับไม่ถูกไอพลังหยางทำร้าย


“ฮ่าๆ ศิษย์น้อง ฝีมือดี!” หลังจากกระจ่างแจ้งในค่ายกลทั้งหมดแล้ว จั่วเจียจวิ้นก็เดินทะลุไปมาอยู่ในค่ายกล ราวกับปลาได้น้ำ เดินอย่างสะดวกสบายหัวเราะขึ้นมาอยู่ด้านใน


จั่วเจียจวิ้นพลันคิดออกเรื่องหนึ่ง พลันหยุดเสียงหัวเราะลง เท้าที่ย่างก้าวออกไปก็หยุดชะงักลง มองไปทางเยี่ยเทียนพลางกล่าวว่า “ใช่แล้ว ศิษย์น้องเยี่ย นายวางค่ายกลนี้ ชาญ ทองทวนนั่นก็น่าจะดูออก เขา….ถ้าเขาไม่เข้ามาเราจะทำยังไงกัน”


“เหอะๆ ฉันตลบหลังเขา เป็นเช่นนี้แล้วเขาจะไม่เข้ามาได้เหรอ” เยี่ยเทียนกล่าวอย่างยิ้มๆ มือขวาทำท่าออกมา หลายกระบวน ปากร้องตะโกน “เก็บ!”


ตามเสียงตะโกนของเยี่ยเทียน ไอพลังที่ลอยอยู่เต็มห้องก็พลันกลับคืนสู่สภาพเดิม พลันกลับไปที่ง้าวพระจันทร์เสี้ยว ได้ยินเสียงเหล็กกระทบกันดังสะท้อนขึ้นมา ไอพลังเดิมที่ครอบทั้งคฤหาสน์นี้อยู่ ได้ถูกง้าวพระจันทร์เสี้ยวดูดกักเก็บคืนไปหมดแล้ว


“ฮ่าๆ เป็นอย่างไรบ้าง ถ้าเป็นแบบนี้ชาญ ทองทวนยังจะมองออกอีกหรือไม่” เห็นจั่วเจียจวิ้นที่อ้าปากค้างอยู่ เยี่ยเทียนก็หัวเราะพลันกล่าวว่า “ศิษย์พี่ นี่ถือเป็นความร้ายกาจของเครื่องรางที่ใช้โจมตีอย่างหนึ่ง”


จั่วเจียจวิ้นมองตาค้างไปแล้ว กล่าวอึกอักว่า “ดู…ดูไม่ออก นอกซะจากชาญ ทองทวน จะเดินเข้าใกล้ง้าวพระจันทร์เสี้ยวในรัศมีสามเมตร!”


ง้าวพระจันทร์เสี้ยวเดิมทีก็เป็นอาวุธร้ายแรง ถึงแม้จะถูกเยี่ยเทียนใช้วิชากดไว้ แต่ก็มีไอพลังบางส่วนที่เก็บไปไม่หมด ปกติคนที่ฝึกวิชาล้วนจะสัมผัสได้


แต่ว่าหากจะจับสัมผัสไอพลังของง้าวพระจันทร์เสี้ยว หากอยู่ด้านนอกคฤหาสน์นั่นเป็นไปไม่ได้แน่ เหมือนกับที่จั่วเจียจวิ้นพูด จะต้องเข้ามาใกล้ง้าวพระจันทร์เสี้ยวจึงจะสัมผัสได้


จั่วเจียนจวิ้นตะลึงแต่ดึงสติกลับมาได้แล้ว พลันร้องขึ้นเสียงดัง “ศิษย์น้อง นี่…กระบวนท่านี้นายจะต้องสอนให้ฉัน หากตอนนั้นฉันสามารถสร้างค่ายกลแบบนี้ได้ จะกลัวอะไรกับนายทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ พระเฒ่านั่น!”


เยี่ยเทียนเงยหน้าขึ้นมา สีหน้าลำบากใจกล่าวว่า “ศิษย์พี่ ค่ายกลสอนให้พี่ได้ แต่ว่า…”


“เฮ้อ แต่ก็ใช่ หากไม่มีง้าวพระจันทร์เสี้ยวเอามาเป็นตาของค่ายกลแล้ว ค่ายกลนี้ก็ไม่สามารถดำเนินการได้อยู่ดี!” จั่วเจียนจวิ้นตอบสนองอย่างรวดเร็ว พลันสีหน้าก็เหมือนคนหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก


แต่จั่วเจียจวิ้นไม่รู้ว่า ในมือของเยี่ยเทียนไม่ได้มีแต่ง้าวพระจันทร์เสี้ยวที่เป็นอาวุธวิเศษเพียงอย่างเดียว มีดสั้น “อู่เหิน” ที่แอบอยู่ในกระเป๋าเสื้อของเขาจึงจะถือว่าเป็นไม้ตายของเขาจริงๆ


“ศิษย์น้องเยี่ย นายสอนเคล็ดวิชาฉันเถอะ เมื่อซักครู่มีปัญหา…”


จั่วเจียจวิ้นส่ายหัว ดึงเยี่ยเทียนลงมานั่งที่โซฟา อยากจะเรียนวิชาที่ไม่มีทางได้ใช้ ไม่สู้เรียนวิชาหลายกระบวนท่า ที่เอาไปใช้ประโยชน์ได้ดีกว่า


……………………


ในเขตร้อนชื้นที่บริเวณพัทยาแหล่งท่องเที่ยวที่ห่างจากกรุงเทพฯ ประเทศไทยออกไปร้อยกว่ากิโลเมตร มีภูเขาลูกหนึ่งที่มีไอหมอกตลอดเวลา เนื่องจากประเทศไทยมีอากาศสูงกว่าสิบแปดองศาตลอดทั้งปี ภูเขาแห่งนี้มีดอกไม้บาน สะพรั่งตลอดฤดู


แต่ภูเขาที่วิวสวยสะกดตานี้ กลับถูกคนดัดแปลงเป็นพักอาศัย ถนนสี่แยกที่ใช้รถกระบะวิ่งผ่าน วิ่งจากภูเขาไปเป็นป่าฝนลึกเข้าไปเป็นทาง


ประเทศไทยป่าฝนค่อนข้างเยอะ การเดินทางถนนหนทางยังไม่พัฒนา สามารถสร้างถนนในสถานที่แห่งนี้ได้ หากในสายตาคนธรรมดาดูเป็นไปไม่ได้ แต่สำหรับภายในภูเขาแห่งนี้ถือเป็นความหวังของทั้งหมู่บ้าน


ในหุบเขาสร้างสิ่งก่อสร้างทรงยุโรปหลังหนึ่ง สนามรอบห้องทรงยุโรปหลังนั้น ประดับประดาไปด้วยดอกไม้หลากสีสัน ละลานตา


แต่ทั้งหุบเขา กลับไม่เห็นสิ่งมีชีวิตซักคนเดียว แม้แต่เสียงแมลงนกร้องก็ไม่มี วังเวงผิดปกติ บรรยากาศดูอันตราย และกดดัน


เสียงเครื่องปั่นไฟดังลอยมาแต่ไกล ทำลายความเงียบของภูเขาลูกนี้


หลังจากผ่านไปสามนาที รถคันหนึ่งที่ดูภายนอกแล้วเหมือนจะแยกชิ้นส่วนทำลายตัวเองตลอดเวลาคันหนึ่ง ขับตรงมาจากสี่แยกนั้น ขับมาจนถึงหน้าภูเขาก็ดับเครื่อง


ชายรูปร่างสันทัดผิวสีเข้มวัยกลางคนคนหนึ่งนั่งอยู่ตรงที่นั่งคนขับ ดับเครื่องลงอย่างเบามือ ราวกลับกลัวจะไปรบกวน ใครเข้าอย่างนั้น


เงยหน้ามองทางเข้าหุบเขาที่ไร้แววคนเฝ้า สีหน้าของชายวัยกลางคนปรากฏแววหวั่นเกรงออกมา ยืนอยู่ข้างรถอย่าว่าง่าย เขาเชื่อว่าเสียงรถที่ดัง น่าจะทำให้เจ้าของหุบเขานี่ได้ยินแล้ว


“สมชาย เป็นนายใช่มั๊ย” เสียงหนึ่งดังออกมาจากหุบเขา ประตูฝรั่งโบราณบานใหญ่ก็เปิดออก


“ครับ อาจารย์ชาญ ทองทวน ผมสมชายมาแล้ว!”


หลังจากได้ฟังเสียงแล้ว เข่าทั้งสองข้างของสมชายก็ลงสัมผัสพื้นอย่างแรง ศรีษะก้มลงจรดกับพื้นหินที่อยู่โดยรอบ ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมา ไปจนถึงร่างกายเริ่มสั่นเทาเล็กน้อย


“เข้ามาเถอะ ไม่ต้องกลัว…” ตามเสียงที่ดังออกมา เงาร่างคนขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นที่ด้านนอกประตู


“ขอรับ!”


สมชายลุกขึ้นยืนจากพื้น เดินเข้าไปในหุบเขาอย่างระแวดระวัง ก่อนที่จะวางเท้าจะต้องมองพื้นอย่างละเอียดก่อน


สมชายรู้ดีว่า พื้นที่นี้เต็มไปด้วยวิชาอาคม ครั้งที่แล้วเขาพาคนมากราบไหว้อาจารย์ชาญ ทองทวน แต่ทว่าผู้ติดตามที่มาด้วยไม่เคารพนับถืออาจารย์เท่าที่ควร หลังจากเหยียบก้าวเข้าสู่หุบเขาก็ตายในทันที


……


ตอนที่ 313 ลักลอบเข้าประเทศ

โดย

Ink Stone_Fantasy

“อาจารย์ เรื่องนั้นเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ท่านกับผมสามารถไปได้ ไปถึงพัทยาก่อน จากนั้นนั่งเรือไปฮ่องกง พอถึงที่นั่นก็จะมีคนมารับ!”


เดินไปด้านหน้าของชาญ ทองทวนอย่างกล้าๆกลัวๆในระยะห้าเมตร สมชายก็ทิ้งตัวลงคุกเข่าอยู่บนพื้น ดูเคารพนบนอบเหลือประมาณ


อาจารย์คุณไสยในประเทศไทยค่อนข้างเป็นที่นับถือมาก สมชายถึงแม้อยู่ที่ประเทศไทย แต่ก็พอมีหน้ามีตาอยู่บ้าง แต่หากชาญ ทองทวนจะฆ่าเขา ง่ายดายกว่าการบี้มดตัวหนึ่ง ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีกแน่


“สมชาย เพื่อนของข้า เจ้าไม่ต้องกลัวขนาดนี้ อาจารย์คุณไสยไม่เคยแสดงวิชาใส่เพื่อน เจ้าลุกขึ้นยืนเถอะ!”


เสียงดังจากโลหะกระทบกันดังขึ้นระลอกหนึ่งด้านหน้าสมชาย เสียงเป็นพิษต่อโสตประสาทเป็นอย่างมาก แต่เสียงที่สมชายได้ยินนั้นราวกับเสียงกล่อมจากธรรมชาติ รีบก้มลงคำนับชาญ ทองทวนเป็นพัลวัน จึงได้ค่อยๆ ลุกขึ้นยืนอย่างระวัง


แต่จิตใจของสมชายนั้นยินดียิ่งกว่าอะไรดี เขาไม่เชื่อคำของชาญ ทองทวนหรอก ครั้งที่แล้วอาจารย์คุณไสย คนนี้ก็ออกปากคุยกับคนอื่นว่าเป็นเพื่อนกัน แต่แค่พริบตาเดียวคนนั้นก็ถูกพิษตายแล้ว


“อาจารย์ เรือที่ผมหามาเป็นเรือสินค้า สามารถพาคนไปด้วยได้หกคน ไม่ทราบว่า อาจารย์จะพาผู้ติดตามไปด้วยกี่คน”


สมชายจะต้องยืนยันจำนวนคนที่จะลักลอบเข้าไป จึงได้รวมความกล้าถามออกมา ลอบสบสายตาไปยัง ชาญ ทองทวน แต่ทว่าพอได้สบตาก็รีบดึงสายตาคืนมาทันที


อาจารย์คุณไสยที่ยืนอยู่ด้านหน้านี้รูปร่างไม่สูงประมาณร้อยเจ็ดสิบกว่า แต่ด้านข้างค่อนข้างหนา ดูแล้วก็น่าจะพอ กับส่วนสูง ยืนอยู่ตรงนั้นก็เหมือนภูเขามนุษย์ก็ไม่ปาน รูปร่างกำยำแข็งแรง


นอกจาความอ้วน บนหน้าของชาญ ทองทวน ก็ไม่มีอะไรที่ผิดแปลกจากคนปกติ ในตอนที่เขากำลังคุยอยู่กับสมชาย สีหน้าตลอดเวลานั้นมีแต่ความยิ้มแย้ม เหมือนกับว่ายืนคุยอยู่กับเพื่อนเก่าที่รู้จักกันมานานก็ไม่ปาน


แต่หากกวาดสายตาไปบนตัวของชาญ ทองทวน ก็จะทำให้คนรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาอยู่บ้าง


บริเวณเอวของชาญ ทองทวน มีเข็มขัดหลากสีผูกอยู่รอบเอว หากพิจารณาให้ดี นั่นเป็นงูที่ถูกผ่าให้แบนราบออก หัวงูยังแลบลิ้นยาวออกมาไม่หยุด


นอกจากนั้นบนขาของ ชาญ ทองทวน ทั้งสองข้างยังเต็มไปด้วยรอยสัก มีตะขาบยาวสิบกว่าเซ็นต์อยู่ข้างละตัว หากมองไปผาดๆ เหมือนรอยสักสีเขียว แต่ตะขาบมองดูเร็วๆ เหมือนกำลังขยับ อาจจะบอกว่าทั้งสองตัวนี้เป็นของจริง


นอกจากนั้น ดวงตาทั้งสองข้างของชาญ ทองทวนก็ไม่เหมือนคนทั่วไป เมื่อสบตาทำให้คนรู้สึกว่าถูกดึงดูดเข้าไป ในหัวจะเปลี่ยนเป็นเบลอและมึนชา


ดังนั้นหลังจากมองสบตาชาญ ทองทวนไปแล้ว สมชายก็รีบดึงสายตากลับมา ก้มหน้ามองปลายเท้าตัวเอง ท่าทางแบบนั้นยิ่งกว่าตอนที่ไหว้แสดงความเคารพพระ ที่อยู่ในวัดเสียอีก


“ครั้งนี้ที่จะไปฮ่องกงนอกจากข้าก็ยังมีอีกคน สมชาย นายหยิบกล่องที่วางไว้ปากทางยกขึ้นไปไว้บนรถ ข้าจะไปเชิญเพื่อนของข้ามา!”


สีหน้าอวบอูมของชาญ ทองทวนปรากฏรอยยิ้มประหลาด โดยเฉพาะในตอนที่กล่าวถึงเพื่อน รอยยิ้มนั้นดูมีเลศนัยเป็นอย่างมาก


“ขอรับ อาจารย์!”


สมชายที่ก้มหน้าไม่ได้เห็นสีหน้าของชาญ ทองทวน รีบเดินถอยออกไปอย่างระวัง นำกล่องใหญ่ ที่อยู่ปากทางเข้ายกขึ้นมา


“บ้าจริง อีกหน่อยไม่ทำธุระกับอาจารย์คุณไสยแล้ว ข้าจะย้ายประเทศ!” กล่องนั้นไม่ได้หนักมาก แต่ด้านในปรากฏเสียงซ่าๆ ออกมา กลับทำให้สมชายขนลุกขึ้นมา อีกนิดเดียวเกือบโยนกล่องออกไป


สมชายถึงแม้จะรู้วิชาคุณไสย แต่ในฐานะคนไทย ก็รู้ว่าด้านในกล่องนี้บรรจุอะไรอยู่ นอกจากพวกงูพิษและแมลงแล้ว เขาคิดไม่ออกว่าด้านในจะมีอะไรอยู่อีก


ยกกล่องอย่างระวังวางลงในท้ายรถ สมชายเอามือพิงยืนอยู่ข้างรถ สายตาสอดส่องไปในหุบเขา เขารู้สึกอยากรู้ว่าเพื่อนที่อาจารย์ชาญ ทองทวน กล่าวถึงเป็นใคร


ต้องเข้าใจว่า อาจารย์คุณไสยถึงแม้จะได้รับความเลื่อมไสจากประชาชนคนไทย แต่ก็ยังปลีกวิเวกจากลุ่มคน พวกเขามักจะเก็บตัวสันโดษ ดังนั้นระหว่างอาจารย์คุณไสยด้วยกันเอง ยากที่จะเป็นเพื่อนกันได้


แต่ทว่าสมชายยืนรออยู่ที่ข้างรถเป็นเวลานาน ก็ยังไม่เห็นชาญ ทองทวนเดินออกมาจากตึกทรงยุโรป เขานัดคนเรือไว้มีเวลาจำกัด แต่ว่าต่อให้สมชายกล้าขนาดไหน เขาก็ไม่กล้าเข้าไปเร่งชาญ ทองทวนเป็นแน่ สีหน้าปรากฏแววเร่งรีบ


ในตอนนั้นเองชาญ ทองทวน ก็กำลังยืนอยู่บริเวณหน้าประตูของห้องหนึ่ง เขายืนอยู่ตรงนั้นมาสิบกว่านาทีแล้ว สีหน้าปรากฏแววขัดแย้ง มีหลายครั้งที่อยากยกมือผลักประตูเปิดออก แต่ก็ลดมือลง


“อาจารย์ ท่านไม่อนุญาตให้ลูกศิษย์รับเงินในประเทศ แต่ผมยังต้องกินต้องใช้ วันนี้ขอยืม “ตัว” มาใช้หน่อยแล้วกัน!”


หลังจากลังเลอยู่นาน ในที่สุดชาญ ทองทวนก็เปิดประตูออก พาร่างที่อวบอ้วนเบียดเข้าไปด้านใน


ห้องนี้ไม่มีหน้าต่าง ไม่มีไฟ มีแสงไฟสาดรอดมาจากด้านนอก ด้านในห้องจะเห็นว่ามีเท้าของคนคนหนึ่ง และร่างเงาของคนที่นั่งอยู่


“สบายดีเหรอ”  ชาญ ทองทวนเปล่งเสียงหนึ่งออกมาที่คนรอบข้างฟังไม่เข้าใจ ราวกับกำลังสวดบทสวด บนหน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อที่ผุดพราย


“เพื่อนเก่า นายเรียบร้อยแล้วใช่มั๊ย” หลังจากกล่าวคำพูดนั้นออกมาแล้ว ชาญทองทวนพลันกัดนิ้วชี้ของตัวเอง แล้วกดไปบนหน้าผากของร่างเงาดำนั้น


ในตอนที่เลือดจากปลายมือแตะโดนหน้าผากของคนนั้น ร่างเงาที่นั่งในห้องก็ลืมตาขึ้นมา แสงสว่างพาดผ่านไปเมื่อคนผู้นั้นลุกขึ้นยืน


คนผู้นี้ร่างกายสูงใหญ่ สูงประมาณ 190 เซ็นติเมตรโดยประมาณ เมื่อซักครู่ที่นั่งลงอาจจะไม่ชัดเจน แต่พอยืนขึ้นมา ทำให้ชาญ ทองทวนผู้อ้วนท้วนสมบูรณ์กลายเป็นตัวเล็กขึ้นมา


“ไปกันเถอะ” สีหน้าของชาญ ทองทวนปรากฏรอยยิ้มขึ้น เขาเดินออกมาจากห้องก่อน และคนนั้นก็เดินตาม ด้านหลังเขาอย่างกับเงา


เมื่อออกมาจากห้องมืด รูปร่างหน้าตาของคนนั้นก็ปรากฏ อายุของเขาราว 35-36 ปี คิ้วหนาและตาโต รูปหน้ารวมกันทำให้คนรู้สึกหวาดกลัว


นอกจากร่างกายสูงใหญ่และจุดสีแดงบริเวณกลางหว่างคิ้วแล้ว ดวงตาของเขา ก็ทำให้คนมองเหมือนต้องมนตร์สะกด เพราะในตอนที่เขามองไปข้างหน้านั้น สายตามีประกายหลุดลอย ลูกตาราวกับเพ่งไปที่จุดเดียวอย่างไงอย่างนั้น


“อาจารย์ มาแล้วเหรอ”


เห็นชาญ ทองทวนพาผู้ชายร่างสูงใหญ่เดินออกมาจากตึกทรงยุโรป สมชายก็รีบออกไปต้อนรับ กระตือรือร้นเปิดประตูรถออกรอ ให้ทั้งสองคนเข้าไปนั่ง


ชาญ ทองทวน นั่งด้านหลังคนเดียว ส่วนชายวัยกลางคนนั่งตำแหน่งข้างคนขับ หลังจากสมชายสตาร์ทรถ เรียบร้อยแล้ว ชาญ ทองทวน ก็ถามขึ้นว่า “ไปเถอะ พรุ่งนี้เช้าน่าจะถึงฮ่องกงแล้วใช่มั๊ย”


“พรุ่งนี้ เช้าตรู่ก็ถึงฮ่องกงแล้วครับ คนที่จะมารับที่เรือผมได้จัดการไว้หมดแล้ว ถ้าอาจารย์จะกลับ แค่โทรหาคนนี้ เขาจะช่วยอาจารย์ดำเนินการเองครับ”


สมชายหมุนตัวกลับไป ส่งกระดาษแผ่นหนึ่งให้ชาญ ทองทวน ภายในใจพลันอุทานว่า “ตัวเองรอบนี้ขาดทุนแล้ว”


สมชายเป็นนายหน้ารายใหญ่ที่สุดของไทย ช่วยคนข้ามพรมแดนไปแน่นอนว่าค่าใช้จ่ายสูง แต่ชาญ ทองทวนหาเขาเจอ และไม่ได้ให้เงินซักแดงเดียว แล้วยังต้องจัดเรือสินค้าให้เฉพาะ ให้ส่งตัวเองข้ามไป


“อืม เพื่อนเอย นายทำได้ไม่เลว ฉันพอใจมาก! ” ชาญ ทองทวนรับกระดาษแผ่นนั้นมามองชั่วครู่ ใบหน้าแสดงความพอใจออกมา ยื่นมือออกไปตบไหล่สมชาย


หมอคุณไสยที่ไทยได้รับความเคารพนับถือมาก แต่คนส่วนมากมักจะต้องใช้ชีวิตลำบาก เหมือนอาจารย์ของชาญ ทองทวนเป็นอาจารย์ดังระดับประเทศแต่กลับต้องยกภูเขานั้นให้ลูกศิษย์ ส่วนตัวเองไปอยู่ในป่าฝึกวิชา


ชาญ ทองทวนถึงแม้ในไทยจะมีชื่อเสียงอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้มีชื่อเสียงระดับอาจารย์ ไม่ได้รับการบูชาจากเชื้อพระวงศ์ รายได้ของเขามาจากการบริจาคของพวกลูกศิษย์


เดิมทีชาญ ทองทวนเป็นพวกละโมภในทรัพย์สินเงินทอง แต่วิกฤตเศรษฐกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ปีที่ผ่านมา ทำให้เงินที่เขาเก็บหอมรอมริบกว่าล้านดอลล่าร์กลายเป็นฟองสบู่ไป


ถึงแม้หลังจากเกิดเรื่องชาญ ทองทวนได้ทำให้ผู้จัดการหุ้นอยู่ก็เหมือนตายทั้งเป็น แต่เงินของเขาเอากลับคืน มาไม่ได้แล้ว นี่จึงทำให้ชาญ ทองทวนเข้าสู่ภาวะวิกฤต


ต้องทราบก่อนว่า อาจารย์คุณไสยเลี้ยงพวกแมลงหรือสัตว์มีพิษ จะต้องมีค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ บวกกับชาญ ทองทวนฝึกวิชาในการใช้ร่างคนตาย แค่รายจ่ายนี้ก็แทบทำให้เขาจมลงอยู่แล้ว


ในตอนที่ซ่งเสี่ยวหลงมาหาเขา และสัญญาจะให้ค่าตอบแทนหนึ่งล้านดอลล่าร์นั้น ชาญ ทองทวนก็เกิดความละโมภ หากว่าไม่ได้จะไปยังสถานที่ต้องห้ามนั่นแล้ว ชาญ ทองทวนตกปากรับคำไปตั้งนานแล้ว


ดังนั้นเมื่อได้รับโทรศัพท์ซ่งเสี่ยวหลง รู้ว่าเป้าหมายไปยังฮ่องกงแล้ว ชาญ ทองทวนก็ตอบรับคำอย่างไม่ลังเล


แต่ชาญ ทองทวนดูเผินๆ เหมือนอวบอ้วนโง่เขลา แต่จริงๆ แล้วระวังทุกอากัปกิริยา ถึงแม้เป้าหมายที่ซ่งเสี่ยวหลง พูดถึงจะเป็นแค่คนธรรมดา เขาก็ไม่ได้ชะล่าใจ นำเอา “เครื่องมือฆ่าคน” ที่อาจารย์ฝึกสำเร็จเมื่อหลายปีก่อนมาด้วย


ในตอนที่พระอาทิตย์ตกดิน รถก็มาถึงแหล่งท่องเที่ยวของไทยพัทยา ชาญ ทองทวนที่สวมใส่ชุดลายตารางหลากสี นอกจากจะอวบอ้วนแล้ว ปะปนกับนักท่องเที่ยวไปก็ดูไม่สะดุดตาเท่าไหร่นัก


ภายในท่าเรือเล็กๆ แห่งหนึ่งในเมืองพัทยา มีเรือสินค้าลำหนึ่งจอดอยู่ ไต้ก๋งคุมเรือกำลังมองออกไปยังชายฝั่ง


“สมชาย นายมาได้ซักที หากมาช้ากว่านี้ ฉันรอไม่ไหวแล้ว!”


รอจนกระทั่งชาญ ทองทวนขึ้นเรือไปแล้ว ไต้ก๋งก็บ่นใส่อารมณ์กับสมชายที่ยืนอยู่บนฝั่ง เดิมทีเขาแค่อยากจะแอบไปเงียบๆ ไม่ข้ามแดน แต่สมชายมีอิทธิพลที่ไทยเยอะมาก ตัวเขาเองจำต้องยอมทำ


“ปรีดา นายจะต้องคุ้มครองความปลอดภัยของคุณชาญ ทองทวนให้ดี!” สมชายมองไปที่ชาญ ทองทวนครั้งหนึ่ง แต่ไม่กล้าบอกสถานะที่แท้จริงออกมามิเช่นนั้นไต้ก๋งเรือจะต้องตกใจจนไม่ยอมเดินเรือแน่นอน


“สมชาย ฉันเดินเรือมายี่สิบกว่าปีแล้ว ไม่เคยเกิดปัญหาอะไรมาก่อน นายวางใจเถอะน่า!” ปรีดาโบกมือย่างไม่ใส่ใจ เงยหน้าขึ้นมองชาญ ทองทวนสองคนไป ในใจพลันรู้สึกเย็นเยือก


ชาญ ทองทวนในตอนนี้ก็คือชายร่างอ้วนที่ยิ้มแย้ม แต่คนที่รูปร่างสูงใหญ่นั่น กลับทำให้คนที่เห็นเกิดความเกรงกลัว โดยเฉพาะดวงตาที่เหมือนคนตาย ทำให้คนที่เห็นรู้สึกเย็นยะเยือก


 ……


ตอนที่ 314 ประลองเวทมนตร์คาถา (1)

โดย

Ink Stone_Fantasy

ฮ่องกงเป็นเมืองใหญ่ระดับนานาชาติเมืองหนึ่ง ความต้องการสินค้าฟุ่มเฟื่อยมีจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นหนังจระเข้ หนังนกกระจอกเทศ หนังจิ้งจก หนังงู หนังปลามุกและผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ยังคงไหลจากประเทศไทยไปยังฮ่องกง


การเดินทางจากไทยไปฮ่องกงมักใช้เครื่องบิน เพราะทั้งสองประเทศไม่มีเรือสำราญผ่าน อย่างไรก็ตาม นอกจากเรือบรรทุกสินค้ายังแล้วยังคงมีเรือหรือเครื่องบิน ไปมาระหว่างกัน และทุกวันมีเรือบางลำที่แล่นไปกลับระหว่างไทยและฮ่องกง


แม้ว่าเรือของไต้ก๋งลำนี้จะลงทะเบียนอย่างเป็นทางการ แต่ไม่กี่ปีมานี้ใช้สำหรับการลักลอบขนของที่ไม่เคยเข้า ฮ่องกงด้วยท่าเรือที่กำหนด เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากรที่มีราคาแพง


“พ่อ สองคนนั้นทำอะไรกันทำไมพ่อต้องให้ห้องโดยสารทั้งหมดกับพวกเขาพักด้วยล่ะ “


ในห้องไต้ก๋ง ลูกชายของเขาไม่เข้าใจวิธีทำงานของพ่อ เมื่อก่อนพวกเขาไม่บรรทุกคนที่หลบหนี แต่พวกเขาเหล่านั้นทั้งหมดต่างถูกโยนลงไปในท้องเรือ


“หุบปาก ฉันเตือนนายนะ อย่ายั่วคนสองนั้น เขา…พวกเขาอาจเป็นอาจารย์ไสยศาสตร์” หลังจากที่ยินคำพูดของลูกชาย ไต้ก๋งรีบอุดปากเขาทันที ในสายตามีสีหน้าด้วยความหวาดกลัว


เพราะหลังจากออกเรือไม่นาน ไต้ก๋งก็แอบเปิดดูที่กล่องพวกนั้น พบว่าในกล่องพกของเซ่นไหว้บรรพบุรุษมาด้วย


ในขณะที่ไต้ก๋งกล่องขึ้น ในจมูกก็ได้กลิ่นเหม็นๆโชยมา หลังจากยืมแสงไฟส่องของด้านใน เกือบจะทำให้หัวใจของของไต้ก๋งหยุดเต้นด้วยความตกใจในกล่องทั้งหมดถูกอัดแน่น ไปด้วยสัตว์มีพิษต่าง ๆ เช่นแมงป่อง ตะขาบ และงูพิษ สัตว์มีพิษเหล่านี้น่าจะเป็นสัตว์มีพิษตามธรรมชาติ ในเวลานี้ทั้งหมดราวกับจำศีลก็ไม่ปาน แทบจะไม่ขยับเลย


ไต้ก๋งเป็นคนไทย เมื่อเห็นของพวกนี้ เขาก็คิดออกเลยว่าชาญ ทองทวน เป็นหมอผี เขาจึงได้เชิญหมอผีชาวไทยชาญ ทองทวน จากห้องโดยสารด้านล่างมาพักในห้องผู้โดยสารเรือ ส่วนตัวเองกับลูกชายจะไปพักในห้องกัปตัน


ต้องรู้ว่า หมอไสยศาสตร์เป็นที่นับถือของคนไทย แต่ถึงแม้จะนับถือก็ไม่มีใครที่จะยอมรับและมีสายสัมพันธ์กับหมอไสยศาสตร์


ในขณะที่ไต้ก๋งคิดในใจ อย่างน้อยก็เคยถามเมียของสมชายที่อยู่ที่บ้านอย่างน้อยยี่สิบรอบแล้ว  เขาจึงคิดว่า หลังจากที่วิ่งเรือรอบนี้เสร็จ ต้องหาวิธีหลบหนี


“หมอไสยศาสตร์เหรอ” หลังจากที่ฟังคำพูดของพ่อ ใบหน้าของลูกชายถึงกับเผยสีหน้าที่ประหลาดใจออกมา ปากก็ปิดสนิท


วันที่สองตอนตีสี่กว่า เรือบรรทุกสินค้าเทียบท่าที่ท่าเรือเล็ก ๆ ในฮ่องกง นอกจากรถบรรทุกขนาดใหญ่ที่มาขนถ่ายตู้บรรทุกสินค้าแล้ว ก็ยังมีรถออฟโรดหนึ่งคันจอดรออยู่ที่นั่น


เมื่อเรือบรรทุกสินค้าหยุดลง คนไทยที่ตัวไม่สูงมากสองคน ก็ร้องตะโกนว่า “คนไหนคือหมอผีชาญ ทองทวนเหรอ”


“พวกคุณป็นคนของสมชายเหรอ” หมอผีชาญ ทองทวนที่มีเสียงที่ดังราวกับฆ้องแตก ถามขึ้นคาดไม่ถึงว่าเขาจะพูดภาษาอังกฤษได้คล่อง


“หมอผีชาญ ทองทวน เถ้าแก่สมชายให้พวกเรามารับท่าน ห้องที่โรงแรมได้จัดเตรียมไว้หมดแล้ว ต้องการอะไร คุณบอกสองคนนี่ก็พอแล้ว”


สองคนนี้น่าจะเป็นคนที่รับเงินใต้โต๊ะรับคนข้ามพรมแดนที่ฮ่องกง ก็ไม่รู้ว่าสมชายได้บอกสถานะของหมอผีชาญ ทองทวนกับสองนี้หรือไม่ ทั้งสองแสดงออกถึงการนับถือเป็นอย่างมาก


“อืม ไปกันเถอะ ผมต้องการพักผ่อนสักครู่ ตอนเย็นมีเรื่องให้พวกคุณไปจัดการ”


หมอชาญ ทองทวนพยักหน้า ขึ้นฝั่งพร้อมกล่องขนาดใหญ่ในมือของเขา ร่างกายที่อ่อนแออ้วนๆ นั้นกลับว่องไวผิดปกติ แต่ผู้ชายที่อยู่ด้านหลังของผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่คนนี้ ท่าทางของเขากลับดูแข็งทื่อ


โชคดีที่รถที่สองคนขับมาคือรถออฟโรด ไม่เช่นนั้นหมอผีชาญ ทองทวนก็คงเข้าไปลำบาก หลังจากที่วางกล่อง เข้าไปในกระโปรงรถด้านหลัง หมอผีชาญ ทองทวนเข้าไปในรถอย่างลำบาก


สองคนนั้นหลังจากพูดภาษาไทยกับไต้ก๋งไม่กี่คำ รถออฟโรดก็หายไปในท่าเรือในไม่ช้า


แต่หมอผีชาญ ทองทวนกับคนที่มารับเขาต่างก็ไม่ได้สังเกตเห็น หลังจากตะโกนชื่อชาญ ทองทวนสามคำนี้ออกมา ชายหนุ่มที่คนหนึ่งที่อยู่ท่ามกลางผู้คนที่กำลังเคลื่อนย้ายสินค้า สายตาก็เป็นประกายขึ้นมา


หลังจากที่รอรถออฟโรดจากไป ชายหนุ่มก็เดินมาที่ด้านหน้าของไต้ก๋ง ถามด้วยใบหน้าที่ไม่รู้ว่า “ไต้ก๋ง สองคนนั้นมาทำอะไร”


“พี่เหมา ไม่มีอะไรหรอก เพื่อนสองคนนั้นแค่โดยสารเรือมาเท่านั้น ไม่ทำให้คุณเดือดร้อนแน่นอน” เมื่อไต้ก๋งเห็นชายหนุ่มคนนั้น รีบหยิบซองบุหรี่ออกจากกระเป๋า แล้วแล้วยัดเข้าไปในมือฝ่ายตรงข้าม


“ไต้ก๋ง คุณไม่ใช่ขนส่งครั้งนี้แค่ครั้งเดียว  เรือลำนี้ไม่ได้ “กระโดด” มาอย่างธรรมดา ถ้าเกิดเรื่องเดือดร้อนขึ้นมา พวกเราจะซวยกันหมด คุณกล้ารับรองว่าพวกเขาจะไม่ก่อเรื่องที่ฮ่องกงไหม”


พี่เหมาไม่ไว้หน้าไต้ก๋งเลยสักนิด โยนซองบุหรี่ที่ได้รับขึ้นไปบนอากาศ ตกลงน้ำทะเล เสียงดัง“จ๋อม”


“กระโดด” เป็นภาษาลับที่ใช้ในวงการ หมายถึงการลักลอบขนส่งสินค้าผิดกฎหมาย เรือกระโดด หมายถึงการลักลอบขนส่งสินค้าผิดกฎหมาย ทางเรือ  ถ้า “เครื่องบินกระโดด” แน่นอนว่าหมายถึงการลักลอบขนส่งสินค้าผิดกฎหมาย ทางเครื่องบิน


ทุกอาชีพต่างก็มีกฎระเบียบของมัน พ่อค้าของเถื่อนโดยทั่วไปไม่กลัวที่จะเกิดปัญหาอยู่แล้ว ผิดกับเรือที่ขนสินค้า ถ้าพ่อค้าของเถื่อนถูกจับได้ และถูกตัดสินว่ามีความผิด ก็จะสามารถสืบสาวเรื่องราวมาถึงตัวพวกเขาได้


หลายปีก่อนในในฮ่องกงได้เกิดคดีใหญ่ขึ้น เป็นเหตุให้บริษัทที่รับขนส่งสินค้าหลายแห่งต้องล่มจม ในเวลานั้นในวงการขนของเถื่อนในฮ่องกง ก็ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงเหมือนกัน


ดังนั้นชายหนุ่มจึงแสดงความโกรธออกมาอย่างชัดเจน ไต้ก๋งเรือเองก็เข้าใจ  ควักสร้อยทองเส้นหนึ่งออกจาก กระเป๋าอย่างอาลัยอาวรณ์ ยัดเข้าไปในมือชายหนุ่ม พูดว่า“พี่เหมา ท่านนั้นคือหมอไสยศาสตร์ ผมก่อเรื่องที่ไม่ดีไม่ลงหรอก คุณอย่าคิดเล็กคิดน้อยเลย ปล่อยเรื่องนี้ไปเถอะ”


“หมอผีอะไรมาจับผีที่ฮ่องกงเหรอไต้ก๋ง ทางที่ดีคุณอย่าให้พวกเขาก่อเรื่อง ไม่งั้นทุกคนซวยหมด…”


ชายหนุ่มดูสร้อยทองที่อยู่ในมือ น้ำเสียงก็ค่อยๆอ่อนลง “พอแล้ว เรื่องนี้ผมจะทำเป็นไม่เห็น แต่ต่อไปไม่มีข้อยกเว้นนะ”


“ขอบคุณพี่เหมา ไม่มีครั้งต่อไปแน่นอน” ไต้ก๋งพูดกับพี่เหมาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม แต่ในใจก็รู้สึกอัดอั้น การพาชาญ ทองทวนข้ามพรมแดนครั้งนี้ เงินสักก้อนก็ยังไม่ได้ แถมยังเสียทองอีก


“พี่ใหญ่คุน ผมคือซานเหมา เมื่อวานคุณบอกว่าต้องจับตาดูคนไทยที่ชื่อชาญ ทองทวนใช่ไหมครับ ผมเพิ่งเห็นเขา ที่ขุยชง ป้ายทะเบียนของรถคันนั้นคือ…”


หลังจากที่รับสินบนสร้อยทองคำจากไต้ก๋ง ชายหนุ่มคนนั้นก็ถือโอกาสตอนที่คนย้ายของ เดินมาอีกทาง ควักโทรศัพท์เคลื่อนที่แล้วโทรออก ข่าวที่เขาได้เมื่อวาน คิดไม่ถึงว่าอยู่ตัวเองจะเจอ


“อะไรนะ? แกแน่ใจไหมว่าเป็นชาญ ทองทวน”


ถึงแม้ว่าถูกรุ่นน้องรบกวนตั้งแต่ตอนเช้าตรู่ แต่หลังจากได้ยินข่าวนี้ พี่ใหญ่คุนถึงกับตื่นเต้นเมื่อได้ยินคำพูด จากซานเหมา “ดีมาก น้องเหมา ถามรายละเอียดจากเจ้าของเรือ สืบที่มาของฝ่ายตรงข้าม”


ผู้ที่ขอให้เขาจับตาการเข้ามาของผู้ชายที่ชื่อ ชาญ ทองทวน ก็คือ ปู่ติง ที่มีชื่อเสียงอย่างมากในวงการ ปู่ติงคนนี้ เบื้องหลังยังมีผู้อาวุโสในวงการที่ต้องการข่าวเรื่องนี้หนุนหลังอยู่ เมื่อถูกคนของตัวเองหาเบาะแสของชาญ ทองทวนได้ เมื่อไปรายงานต่อหน้าปู่ติงก็จะได้หน้าได้ตาเป็นอย่างมาก


หลังจากได้ฟังคำพูดของหัวหน้า ซานเหมายิ้มและพูดว่า “พี่ใหญ่คุน ไต้ก๋งต้องหาเลี้ยงตัวเอง ผมถามชัดเจนแล้ว ได้ยินข่าวว่าชาญ ทองทวนเป็นหมอไสยศาสตร์อะไรนี่แหละ ไม่รู้ว่าข่าวนี้จะมีประโยชน์ไหม”


“ดีมากไอ้น้อง งานนี้เสร็จเดี๋ยวลูกพี่จะเลี้ยงแกเอง” เสียงจากปลายสายมีความดีใจ พี่ใหญ่คุน พอใจกับความสามารถในการจัดการของลูกน้องเป็นอย่างมาก


หลังจากที่วางสายมองไปดูที่นาฬิกาข้อมือ พี่ใหญ่คุนคิดสักพัก จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์แล้วโทรออก “ปู่ติง เรื่องที่ท่านสั่งผมไปสืบได้ความแล้ว มีคนชื่อชาญ ทองทวนเพิ่งเข้ามาที่ฮ่องกง สถานที่ ที่เขาอยู่ต้องสืบได้แน่นอน”


“อาคุน ดีมาก เรื่องนี้ต้องขอบคุณแกจริงๆ กลับไปฉันจะให้อาเซิ่งทักไปหานะ” หลังจากที่อาติงได้ยินโทรศัพท์สายนี้ ทันใดอาการที่ง่วงอยู่ก็หายเป็นปลิดทิ้ง จึงลุกนั่งจากเตียง


“ปู่ติง คนที่ชื่อชาญ ทองทวนคนนั้น ถ้าไปรบกวนท่าน จะให้ผมส่งลูกน้องสองสามคนไปจัดการเขาไหม”


หลังจากที่ฟังปู่ติงพูด กระดูกของพี่ใหญ่คุนแทบจะอ่อนปวกเปียก เขารู้ว่าพี่เซิ่งเป็นคนที่มีอิทธิพลมากที่สุดใน วงการใต้ดินของฮ่องกง เมื่อเปรียบเทียบกับเขาแล้ว อาคุนเทียบไม่ติดเลยทีเดียว


เมื่ออาติงได้ยินก็รีบพูดว่า “ไม่ต้อง นี่เป็นเรื่องค่อนข้างยุ่งยาก แกอย่ามายุ่งเลย ให้คนจับตาดูชาญ ทองทวนให้ฉันก็พอ ฉันต้องการรู้ทุกการเคลื่อนไหวของพวกเขา”


นี่เป็นเรื่องตลก ดัวยความสามารถของเยี่ยเทียนที่ทำให้คนกลัวได้ แล้ว พวกเขาอันธพาลตัวเล็กๆ จะไปจัดการได้อย่างไร ตัวอาติงเองที่ต่อหน้าเยี่ยเทียนก็ยังไม่กล้าที่จะควักปืนออกมา


เช้าตรู่วันนี้ การฝันดีของหลายคนต่างถูกรบกวน เหล่าลูกน้องที่กำลังหลับในคืนนั้น ทั้งหมดก็ถูกเรียกมาให้ทุกคนสืบหา ที่อยู่ของชาญ ทองทวน ให้เร็วที่สุด


……………………


เมื่อไหร่ก็ตามที่มีเวลาและสภาพแวดล้อมทุกด้านพร้อม เยี่ยเทียนไม่เคยละเลยในการฝึกวิทยายุทธในทุก ๆ เช้า เช้าวันใหม่ในฮ่องกงวันนี้ ตอนตีสี่กว่าเขาก็มายืนที่ตรงจุดชมวิวแล้ว


โบราณกล่าวว่า กำปั้นไม่ออกจากมือ เพลงไม่ออกจากปาก แค่ขยันหมั่นเพียรก็ฝึกจนชำนาญได้  เยี่ยเทียนที่มีฝีมือได้ในวันนี้ ก็เพราะเขาฝึกวิทยายุทธในทุกเช้ามาสิบกว่าปีแล้ว


“เยี่ยเทียน ฝึกเสร็จแล้วหรือยัง อาติงโทรมาหลายสายแล้ว บอกว่าชาญ ทองทวนมาถึงฮ่องกงแล้ว”


เมื่อเยี่ยเทียนกลับมาในห้องรับแขก จั่วเจียจวิ้นก็มาต้อนรับ เมื่อวานก็แทบจะไม่ได้นอน มัวแต่ครุ่นคิดเรื่องศาสตร์ ที่เยี่ยเทียนถ่ายทอด


หลังจากที่ได้ยินข่าว เยี่ยเทียนยิ้ม พูดว่า “มาเร็วจริง ๆ  ศิษย์พี่ ช่วยบอกอาติงให้ถอนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในบริเวณนี้ออกไปหน่อยนะ เดี๋ยวพวกเขาจะเดือดร้อนกันหมด”


เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกว่าครึ่งภายในวิลล่าแห่งนี้ ไม่มีปัญหาในการจัดการกับพวกโจรขโมยธรรมดา แต่ไม่สามารถสู้ชาญ ทองทวนได้ ถ้าถูกวิชาอาคมของชาญ ทองทวน เกรงว่าพวกนั้นมีแต่ต้องตายเท่านั้น


เมื่อวานเพิ่งเรียนรู้เทคนิคการโจมตี ในตอนนี้จั่วเจียจวิ้นถึงกับครึกครื้นตื่นเต้นขึ้นมา ยิ้มพูดว่า “ได้ฉันจะโทรศัพท์หาอาติง วันนี้เราพี่น้อง จะได้มีเวลาดี ๆ ในการต้อนรับเพื่อนชาวไทย”


“ศิษย์พี่ ฆ่าไก่ใยต้องใช้มีดฆ่าโค ผมจะจัดการพวกเขาด้วยตัวผมคนเดียว”


เยี่ยเทียนได้ยินถึงกับเบะปาก  เขามีเครื่องรางโจมตีสองชิ้นในมือ ร่วมกับการใช้ค่ายกลเก้าตำหนักพิฆาตที่วางไว้ก่อนแล้ว ถ้ายังรับมือ ชาญ ทองทวนไม่ได้ ก็คงไม่มีหน้าไปพบอาจารย์แล้ว


……


ตอนที่ 315 ประลองเวทมนตร์คาถา (2)

โดย

Ink Stone_Fantasy

“ศิษย์น้อง เรากำลังจะสู้กับเสือร้ายนะ ทำไมไม่รอสู้กับหัวหน้าใหญ่มันเลยหละ น้องก็ไปพักผ่อนก่อนในระหว่างที่พวกมันส่งสัตว์มีพิษมา ศิษย์พี่ จะรับมือเอง”


จั่วเจียจวิ้นเพิ่งจะมีพลังเวทย์ พลังใจยังไม่สูงพอ แต่ก็คันไม้คันมือ อยากหาคู่ต่อสู้มาประลอง ยิ่งกว่านั้นคนที่มาครั้งนี้ ยังเป็นลูกศิษย์ของศัตรูตัวเอง


เยี่ยเทียนหลังจากได้ยินคำพูดของจั่วเจียจวิ้น ยิ้มแล้วพูดว่า “ดี ศิษย์พี่ งั้นรอหลังจากที่ผมเปิดค่ายกล ศิษย์พี่จะได้ประลองกับชาญ ทองทวน”


จั่วเจียจวิ้นตอนนี้เรียนรู้การใช้วิทยายุทธพลังพิฆาตได้แล้ว และตัวเขาเองก็มีพลังกล้าแกร่งในการป้องกันตัวเองสัตว์พิษพวกนั้นทำอะไรเขาได้ยาก


หลังจากที่เยี่ยเทียนใช้ค่ายกลเก้าตำหนักพิฆาตแล้ว ถ้าตัวของชาญ ทองทวนย่างเข้าสู่ในค่ายกล จะเกิดอาการมึนงง สับสน และเวียนหัวได้ ซึ่งคงไม่เป็นอัตรายต่อศิษย์พี่และเขา ในการที่จะทดสอบ


“ฮ่าๆ ศิษย์น้อง วางใจเถอะ ศิษย์พี่จะไม่ทำให้อาจารย์ขายหน้าแน่นอน”


จั่วเจียจวิ้นได้ยินแล้วก็หัวเราะเสียงดัง  ในอดีตที่เคยถูกลอบทำร้ายโดย ทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ จนเกือบเสียชีวิต ยังเป็นเงาสะท้อนในใจของจั่วเจียจวิ้นไม่เคยหาย การโจมตีของชาญ ทองทวนในครั้งนี้ ถือว่าเป็นการเก็บดอกเบี้ย


…………


สมชายจัดเตรียมที่อยู่ให้กับชาญ ทองทวน เป็นบ้านหลังหนึ่งในฮ่องกงที่เจ้าของเป็นนักธุรกิจไทยที่ร่ำรวย เนื่องจากนักธุรกิจคนนั้นมักจะอาศัยอยู่ที่อเมริกา ดังนั้นบ้านก็เลยว่างตลอด


ที่นี่ไม่เพียงแต่เป็นสถานที่ที่เป็นความลับ ยังเป็นของที่อยู่อาศัยของชนชั้นสูง สำหรับคนที่ลอบเข้ามา ในฮ่องกงอย่างชาญ ทองทวน เมื่ออาศัยอยู่ที่นี่   แน่นอนว่าไม่มีใครมาตรวจสอบสถานะของเขาได้


หลังจากที่จัดการเสร็จเรียบร้อย ชาญ ทองทวนกลับมาในห้อง กล่องไม้ที่นำมาจากประเทศไทย ก็นำไปวางไว้อีกด้านหนึ่งของห้อง


“ลูกรักทั้งหลาย อาหารของพวกแกมาแล้ว”


ชาญ ทองทวนนำของมีดออกมาจากกระเป๋าเป้สะพายหลัง หลังจากที่เปิดกล่องออก มีเสียงผิวปากแหลมๆออกมา สัตว์พิษพวกนั้นที่ดูเหมือนตายแล้ว ก็เริ่มเคลื่อนไหว


มือขวาของชาญ ทองทวนนั้นออกแรงเล็กน้อยและทันใดนั้นของในมือก็กลายเป็นผงแป้งกระจายออกไปบนตัวแมลงมีพิษเหล่านั้น แมลงมีพิษนับพันเริ่มต่อสู้กันไปมา ตัวที่อ่อนแอก็จะถูกตัวที่แข็งแรงกว่ากลืนกินเข้าไปในระหว่างการต่อสู้


เมื่อเห็นผงพวกนั้นถูกแมลงมีพิษกลืนลงไปหมดแล้ว ชาญ ทองทวนก็หยิบนกหวีดออกมา เป่าเสียงต่ำๆ เหล่าแมลงพิษที่มีพลังมหาศาลพวกนั้น จู่ๆ ก็มีอาการงุนงง และเคลื่อนไหวช้าลง


ไม่ถึงห้านาที แมลงพิษก็กลับไปสู่สภาพเดิม นิ่งสนิทเหมือนกับสัตว์จำศีล อยู่ภายในกล่อง


 หลังจากป้อนอาหารพวกแมลงคุณไสยเสร็จ ชาญ ทองทวนที่มีร่างกายใหญ่โต ก็เอนตัวลงบนเตียง หัวถึงหมอนก็นอนทันที พอถึงตอนกลางคืน ถึงลุกจากเตียง


ชายวัยกลางคนผู้ที่อยู่ข้างหลังเขา ก็นั่งนิ่งอยู่ที่มุมห้องทั้งวัน จนกว่าชาญ ทองทวนจะลุกขึ้น เขาถึงมายืน อยู่ที่ข้างหลังชาญ ทองทวน


ชาญ ทองทวนที่เพิ่งเดินออกมาจากในห้อง คนไทยที่คุมอยู่ตรงนั้น ก็รีบพูดว่า “อาจารย์ชาญ ทองทวน อาหารได้เตรียมไว้แล้วครับ”


สมชายเตรียมคนฮ่องกงให้จัดอาหารไว้ให้ ต่างก็เป็นลูกน้องฝีมือดีของเขา เขาไม่อยากให้การต้อนรับไม่ดี ของคนเหล่านี้ทำให้ชาญ ทองทวนต้องโกรธ ดังนั้นต้องบอกสถานะของชาญ ทองทวนให้รู้


ไม่ได้บอกชื่อของหมอผี บอกแค่สถานะของศิษย์ทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ ก็เพียงพอที่จะทำให้คนไทย เหล่านี้เคารพเหมือนเป็นเทพเจ้าแล้ว


ชาญ ทองทวนเดินมาที่หน้าโต๊ะอย่างไม่เกรงอกเกรงใจ กินตะกรุมตะกรามราวกับด้านข้างไม่มีคน จำนวนอาหารของเขาก็พอเหมาะกับรูปร่าง อาหารที่อยู่บนโต๊ะไม่ถึงห้านาทีก็ถูกเขากินจนเกลี้ยง


แต่สิ่งที่ทำให้คนไทยประหลาดใจคือ ชายวัยกลางคนร่างกายที่ตามชาญ ทองทวนมา ไม่เหลือบดูอาหารที่อยู่บนโต๊ะสักนิด ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างซื่อๆและสงบนิ่ง


“อาจารย์ คุณผู้ชายท่านนี้ไม่หิวเหรอ” คนไทยคนนั้นถามอย่างระมัดระวัง


“จัดการเรื่องของตัวเองก็พอ อย่าไปยุ่งในเรื่องที่ไม่ควรยุ่ง” ชาญ ทองทวนยิ้มแล้วมองไปยังคนนั้น กลับทำให้ใจของเขาหนาวเย็นไปหมด


หลังจากกินข้าวเสร็จ ชาญ ทองทวนถามข่าวคราวคนไทยคนนั้นว่า “เรื่องที่ผมให้พวกคุณไปจัดการเป็นยังไงบ้าง”


เยี่ยเทียนที่อาศัยอยู่ในวิลล่าของถังเหวินหย่วน ไม่ใช่ความลับอะไร วันก่อนที่ชาญ ทองทวนจะมาที่ฮ่องกง ซ่งเสี่ยวหลงก็เอาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเยี่ยเทียนส่งให้เขา แต่ชาญ ทองทวนก็รู้แค่ที่อยู่ แต่รายละเอียดที่นั่นกลับไม่รู้เลย


“อาจารย์ คุณบอกว่าสถานที่นั้นเป็นวิลล่าคนระดับสูงที่สุดในฮ่องกงอยู่ เกรงว่า……เกรงว่า พวกเราจะไม่สามารถเข้าไปได้”


หลังจากที่ได้ยินชาญ ทองทวนถาม สีหน้าของคนไทยคนนั้นก็มีสีหน้าที่ไม่ดี กลัวเป็นอย่างมาก เพราะตัวเองจัดการไม่สำเร็จ


ชายคนนี้ชื่อ “สถิรพันธ์” เป็นหัวหน้ากลุ่มค้าของเถื่อนที่สมชายจ้างไว้ในฮ่องกง  ถ้าเขามีความสามารถเข้าไปยังสถานที่ที่คนร่ำรวยชั้นนำทั้งหมดของฮ่องกงอาศัยอยู่ได้ ก็คงไม่แบกหน้าเป็นนักค้าของเถื่อนที่ทำอยู่ในขณะนี้


“อาจารย์ นี่คือรูปภาพสถานที่นั้น คุณดูก่อนได้ครับ”


เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของชาญ ทองทวนลดลง สถิรพันธ์รีบวางรูปภาพหลายใบให้ชาญ ทองทวนดูด้วยจิตใจกระสับกระส่าย แม้ว่าจะเข้าสู่ย่านที่อยู่อาศัยที่หรูหรานี้ไม่ได้ แต่สื่อซุบซิบของฮ่องกงก็ได้รับการพัฒนาเป็นอย่างดี จึงไม่ยากในการหารูปภาพพวกนี้มา


ชาญ ทองทวนชี้ไปบนถนนเส้นหนึ่งในรูปภาพ ปริปากถาม “ตรงนี้ผ่านไปที่ไหน”


สถิรพันธ์มองดูรูปภาพ พูดอย่างระมัดระวังว่า“อาจารย์ ตรงนั้นผ่านไปยังจุดชมวิวไท่ผิงชาน เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวหลายคนไปเที่ยว แต่ทางแยกถนนเส้นนี้กลับไปที่ส่วนบุคคล คนธรรมดาเข้าไปไม่ได้”


“บนภูเขามีทางลงไปที่วิลล่านั้นไหม”


เป้าหมายของชาญ ทองทวนไม่มีอะไรที่จะยับยั้งเขาได้ ในความคิดของเขา เมื่อเขาจากไป คนที่เคยอยู่ตรงหน้าเขา จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกินสามวัน ดังนั้นจึงไม่กลัวว่าเมื่อทำอะไรลงไปแล้วความลับจะรั่วไหลออกไป


หลังจากได้ยินคำพูดของชาญ ทองทวน สถิรพันธ์ค้นหารูปภาพใบหนึ่งเจอ จึงชี้ไปแล้วพูดว่า“ลงรถตรงนี้ ถ้าเดินไปตามแนวสันเขานี้ ก็เป็นไปได้ว่าจะสามารถเข้าไปทางหลังเขาได้ แต่…”


พูดถึงตรงนี้ สถิรพันธ์ก็เงียบ เพราะตรงนี้มีกำแพงหินที่ขุดไปตามภูเขาสูงถึงสิบเมตรกว่า แต่สำหรับร่างกายของชาญ ทองทวนแล้ว ไม่ต้องสงสัยมันเป็นอุปสรรคสำหรับเขา


“ที่นี่เหรอ”


สำหรับชาญ ทองทวนที่เติบโตในป่าตั้งแต่เล็กจนโต กำแพงหินในแนวดิ่งเกือบสิบเมตรไม่ได้เป็นปัญหาอะไรสำหรับเขาคนเดียว แต่การเอากล่องไปด้วยกลับกลายเป็นอุปสรรค


ชาญ ทองทวนใช้มือไปเคาะรูปภาพโดยไม่รู้ตัว แต่หลังจากนั้นสักพัก พูดว่า “คืนนี้นายไปส่งฉันที่ตรงนี้  แล้วค่อยกลับมารับฉันตรงนี้”


ในความคิดของชาญ ทองทวน ในการเข้าไปจัดการคนธรรมดาอย่างเยี่ยเทียน ไม่จำเป็นต้องใช้เวลานาน แม้แต่ ชายวัยกลางคน ที่เขานำมาด้วยก็ไม่จำเป็นต้องใช้ เขาแค่ระมัดระวังตัวตามสัญชาติญาณธรรมชาติเท่านั้น ที่นำชายคนนี้ติดตามมา


สำหรับหมอไสยศาสตร์คนหนึ่ง สถิรพันธ์ไม่กล้าถามอะไร ได้แต่ตอบด้วยเคารพนบนอบว่า “ครับ อาจารย์ ท่านจะไปตอนไหนครับ”


ชาญ ทองทวนมองที่นาฬิกา พูดว่า “รออีกซักชั่วโมง ตอนสองทุ่มครึ่งพวกเราค่อยออกไป”


ฮ่องกงเดือนพฤษภาคมและเดือนมิถุนายน เป็นฤดูฝน ในช่วงแรกอาจจะท้องฟ้าแจ่มใส แต่ช่วงหลังอาจจะมีฝนตกหนักได้


รอจนกระทั่งชาญ ทองทวนเตรียมตัวออกเดินทาง ทันใดนั้นท้องฟ้าที่สว่างไสวเต็มไปด้วยแสงดาว ก็เริ่มมืดลง ท้องฟ้าถูกปกคลุมด้วยความมืดของพายุและฝน


“อาจารย์ ฝนค่อนข้างแรง ไม่งั้น…พวกเราไปช้ากว่านี้ได้ไหม” เมื่อเห็นฝนตกค่อนข้างแรงที่ด้านนอก สถิรพันธิ์ มองดูด้วยความกังวล การขับรถในขณะที่ฝนตกหนักไม่ปลอดภัยเลย


“ฝนนี้ตกนานเท่าไหร่”


ชาญ ทองทวนขมวดคิ้ว เขาไม่กลัวฝนตก ฝนตกสามารถชะล้างร่องลอยที่เขามาได้ แต่ฝนนี้ตกหนักไปหน่อย ทำให้ไม่สามารถใช้หนอนพิษพวกนั้นได้


สถิรพันธ์ส่ายหน้า พูดว่า“ไม่รู้ครับ น่าจะสักพักหนึ่ง หรืออาจจะตลอดทั้งคืน!


“ไป วันนี้ต้องไป”


ชาญ ทองทวนลังเลสักพัก ในที่สุดก็ตัดสินใจ ตอนนี้เขากำลังฝึกวิชาอาคมที่ใช้ควบคุมจิตใจของคนอื่นที่ประเทศไทย ออกมามากที่สุดได้เพียงหนึ่งอาทิตย์ วันนี้ต้องจัดการเยี่ยเทียนให้เสร็จ พรุ่งนี้จะได้กลับประเทศไทย


“ได้ครับ”


เมื่อเห็นชาญ ทองทวนตัดสินใจ สถิรพันธิ์ไม่ได้พูดอะไรมาก ฝ่าฝนไปที่โรงรถ ขับออฟโรดคันนั้นออกมา


ฝนที่ตกหนักมากนั้น ถึงแม้จะเปิดไฟหน้ารถออฟโรดแล้วก็ตาม ก็ยังมองเห็นทางได้ไม่เกินระยะห้าเมตรเลย สถิรพันธิ์ได้แต่ขับรถออฟโรดอย่างระมัดระวัง ขับมุ่งไปที่ภูเขาไท่ผิงซาน


แม้แต่สถิรพันธิ์ก็ไม่รู้ว่าเพราะฝนที่กำลังตกหนักนั้น กลับทำให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ดูแลบริเวณด้านนอกวิลล่า ไม่รู้เรื่องถึงการมาของพวกเขา


ฝนที่ฮ่องกงมาแล้วไปอย่างรวดเร็ว หลังจากที่รถเลี้ยวเข้าไปที่ถนนไท่ผิงซาน ฝนที่ตกหนักค่อยๆ ซาลงเมื่อรถวิ่งไปถึงกำแพงหิน ฝนก็ได้หยุดลงแล้ว


“อาจารย์ ตรงนี้แหละ”


เพราะฝนตกหนัก คืนนี้คนที่มาดูวิวข้างบนไท่ผิงซานต่างก็ลงภูเขาไปแล้ว บนถนนค่อนข้างเงียบ ได้ยินแต่เสียง กบ เขียด และแมลงร้องระงม


“แหะๆ ลูกรักของฉัน พวกแกออกมาได้แล้ว”


แค่ใช้วิธีที่ง่ายๆ ก็สามารถกำจัดเยี่ยเทียนได้แล้ว ชาญ ทองทวนไม่ต้องใช้วิชาอะไรมาก หลังจากที่เปิดท้ายรถออฟโรด เขาก็เปิดฝากล่องไม้ที่ตัวเองนำมาด้วย


พอชาญ ทองทวนผิวปากเสียงแหลม หนอนพิษในกล่องไม้ก็ทยอยตื่นขึ้นมา เสียงผิวปากของชาญ ทองทวนเปลี่ยนท่วงทำนองและระดับเสียงไปสองสามครั้ง


เสียงพวกเป็นคำสั่ง ให้แมลงพิษเหล่านั้นคลานออกมาจากกล่องไม้และรถยนต์ ตรงไปที่กำแพงหินซึ่งปกคลุมไปด้วยตะไคร่น้ำ เสียงของแมลงพิษเหล่านั้นทำให้รอบด้านเงียบสงัดลงทันที่


……


จั่วเจียจวิ้นที่ยืนอยู่ด้านหน้าจุดชมวิว มองบรรยากาศหลังฝนตกที่สวยงาม จู่ๆเยี่ยเทียนก็พูดว่า “ศิษย์พี่ ชาญ ทองทวนน่าจะมาถึงแล้ว”


“ไม่หรอกมั้งอาติงไม่ได้โทรศัพท์มาบอกนี่” จั่วเจียจวิ้นเมื่อได้ยินถึงกับตะลึง เขารู้ว่าอาติงได้ส่งคนสอดแนม ชาญ ทองทวนอยู่


เยี่ยเทียนหันกลับมาพูดกับอีกฝ่ายด้วยเสียงเย็นชาว่า “ไม่ผิดแน่ ผมรับรู้ถึงพลังพิฆาตของมันได้”


……


ตอนที่ 316 ประลองฝีมือ (1)

โดย

Ink Stone_Fantasy

“ของ…ของพวกนี้”


มองเห็นว่าท้ายรถของตัวเองมีแมลงมีพิษคลานออกมา สถิรพันธิ์ก็ตาค้าง เขาไม่รู้มาก่อนเลยว่าในกล่องท้ายรถของเขานั้นมีอะไรอยู่ข้างใน


เพียงคิดว่าเมื่อซักครู่ข้างหลังก้นของตัวเองมีกล่องที่บรรจุตะขาบและแมงป่องอยู่ข้างใน ขาทั้งสองข้างก็อ่อนแรงลง เกือบจะล้มลงอยู่กับพื้น


แมลงมีพิษนับพันคลานออกมา บนรถและพื้นหลังฝนตก น้ำเหลวเหนียวที่กระจัดกระจายไปทั่ว กลิ่นที่ไม่สามารถ บรรยายได้ กบและแมลงที่กำลังส่งเสียงบริเวณรอบๆ ในรัศมีร้อยเมตรก็เงียบลงทันที


พร้อมกับชาญ ทองทวนที่กำลังผิวปาก แมลงมีพิษเหล่านั้นก็เรียงเป็นแถวเหมือนทหาร ไต่ขึ้นไปบนกำแพงหินแล้วค่อยๆ หายเข้าไปในป่าทึบ


เห็นสัตว์เลี้ยงของตัวเองหายเข้าไปในป่าทึบหมดแล้ว ชาญ ทองทวนหันไปหาสถิรพันธิ์ พูดว่า “ขับรถขึ้นไปบนยอดเขา แล้วกลับลงมารับฉันที่นี่อีกประมาณหนึ่งชั่วโมง”


ในความคิดของชาญ ทองทวน เพื่อจัดการกับเยี่ยเทียนที่ดูเหมือนคนธรรมดาทั่วไป มีวิธีการมากมายที่สามารถใช้ได้ เวลาหนึ่งชั่วโมงที่ใช้ ความจริงก็คือเวลาทั้งหมดที่ใช้ก็เพื่อข้ามสันเขานี้


“ครับ ท่านอาจารย์ ท่านไม่ต้องกังวล ผมกลับมาตรงเวลาแน่นอน” สถิรพันธิ์ที่เกิดความกลัวอยู่แล้ว ก็รีบสตาร์ทรถ เพียงแต่ว่ามือกับเท้าที่สั่น ต้องสตาร์ทอยู่หลายครั้งกว่าจะติด


แต่พอมองผ่านกระจกหลัง สถิรพันธิ์ ก็มองเห็นภาพที่ไม่อยากเชื่อ


เขาเห็นชาญ ทองทวน ขยับตัวพุ่งไปที่กำแพงหินด้วยความเร็วเหมือนดั่งลมที่พัดแรง ทันที่ที่รูปร่างที่สูงใหญ่ของเขากำลังจะพุ่งชนเข้ากับกำแพงหิน ทันใดนั้นตัวเขาก็แอ่นแล้วบินลอยขึ้น


ไม่ผิด ในสายตาของสถิรพันธิ์ ชาญ ทองทวน ลอยขึ้น รูปร่างที่อวบอ้วนเหมือนกับลูกโป่ง ลอยขึ้นเรื่อยๆ แรงโน้มถ่วงของโลกเหมือนจะไม่มีผลอะไรกับเขา


ถ้าเกิดว่าสถิรพันธิ์ สังเกตให้ดีก็จะพบว่า นิ้วมือของเขาที่หนากับแครอท แข็งแรงมากได้ตะกุยไปยังรอยแยกของกำแพงหินนั้น เพียงแค่ใช้สิบนิ้วนี้เท่านั้น เขาก็สามารถดึงเอาร่างใหญ่ๆ ของเขาปีนขึ้นไป


กำแพงหินสูงจากพื้นไม่เกินสิบกว่าเมตร ชั่วพริบตาเดียว ร่างกายของชาญ ทองทวนก็ยืนอยู่บนกำแพงหินแล้ว แต่ทว่ารถของสถิรพันธิ์ก็เลี้ยวขึ้นเขาไปอีกทางหนึ่งแล้ว จึงไม่เห็นเหตุการณ์ด้านหลังอีก


ยืนอยู่บนกำแพงหิน ชาญ ทองทวนหันไปด้านล่าง มองไปที่ชายวัยกลางคนท่าทางเซื่องซึม ที่ยืนอยู่นิ่งๆ ไม่เคลื่อนไหวอะไรเลย ตะโกนว่า “ขึ้นมา”


เมื่อได้ยินคำสั่งของชาญ ทองทวน ชายคนนั้นค่อย ๆ เดินเข้าไปที่กำแพงหินด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึกใดๆ กางแขนและขาออกเหมือนกับตุ๊กแกไต่ขึ้นกำแพงไป ด้วยความเร็วกว่าชาญ ทองทวนสามเท่า


“ไปกันเถอะ”


หลังจากรอให้ชายคนนั้นปีนขึ้นมา ชาญ ทองทวนก็ผิวปากออกมา เหล่าแมลงพิษที่คลานอยู่ด้านหน้าก็ร้องรับขึ้นมา  ในระหว่างทางไม่ว่าจะเป็นหนูหรือนก ต่างก็แตกกระเจิงหลบหนีไปด้วยอาการกลัวจนตัวสั่น


ร่างกายที่อ้วนมากเหมือนจะทำอะไรก็ลำบากของชาญ ทองทวนแต่พออยู่ในป่านี้กลับกลายเป็นว่าเขา ทำอะไรก็คล่องแคล่วว่องไว เหยียบย่ำพื้นที่เปียกลื่นปีนขึ้นไป ชายวัยกลางคนที่ดูแข็งแรงตามหลังเขาอยู่อย่างไม่คลาดสายตา


………………


เยี่ยเทียนหันหลังกลับไป ชี้ไปที่บ้านพักตากอากาศที่อยู่ในป่าทึบเขียวชอุ่มนั้น พูดกับจั่วเจียจวิ้นว่า “รีบมา ชาญ ทองทวนอยู่อีกฝั่ง”


จั่วเจียจวิ้นภายในใจก็ยังมีส่วนที่ไม่ค่อยเชื่อ ส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่ใช่หรอก อาติงบอกว่ามีคนมากมายคอย ติดตามชาญ ทองทวนอย่างใกล้ชิด ทำไมถึงปล่อยให้เขาหนีออกมาได้”


ต้องขอบอกว่าพวกแก๊งตบตีฆ่าฟันยังเทียบไม่ได้กับหัวหน้าของสามเหลี่ยมทองคำ การต่อสู้ก็เทียบไม่ได้กับแก๊งใหญ่ แต่ว่าการเฝ้าติดตามสถานการณ์ของคนหนึ่งอย่างใกล้ชิด กลับคือความถนัดของพวกเขา


“ไม่ผิดแน่นอน ที่นั้นมีลมปราณพิฆาตอยู่”


ทันใดนั้นหน้าผากของเยี่ยเทียนก็มีรอยย่นขึ้นมา ทำไมถึงเป็นสองคน ลมปราณของคนนั้นค่อนข้างแปลกประหลาด เขาไม่เคยเจอพลังลมปราณแบบนี้มาก่อน


เยี่ยเทียนสามารถเข้าถึงขั้นตอนของการใช้สมาธิในการควบคุมพลัง หลังจากที่เข้าถึงขั้นตอนนี้แล้ว อวัยวะบนใบหน้าทั้งห้าของคน ก็จะมีความรู้สึกไวเป็นพิเศษ สามารถล่วงรู้อนาคตที่คลุมเครือ การรับรู้และการทำนาย


เมื่อครู่ความสามารถการรับรู้ของเยี่ยเทียนสังเกตการมาถึงของชาญ ทองทวนเพียงแต่ว่าเมื่อเขา ได้รับปฏิกิริยาโต้ตอบของพลังเพิ่งรู้ว่า คนที่อยู่ข้างๆ ชาญ ทองทวน ระดับความอันตรายของเขา ยังเหนือกว่าชาญ ทองทวน


ส่วนภายในป่าทึบนี้ซ่อนไปด้วยพลังอัปมงคลของพวกแมลงมีพิษ เยี่ยเทียนไม่ได้ใส่ใจ เหมือนกับของเล่นอาจทำร้ายคนธรรมดาทั่วไปได้ แต่ถ้าเกิดจะทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ กลับเป็นไปไม่ได้


“หรือว่าจะเป็นทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ มาแล้ว”


เยี่ยเทียนรู้สึกหัวใจเต้นแรง ถึงแม้เขามั่นใจว่าเขามีความสามารถที่สูง เมื่อถามกับตัวเองถึงการทำความเข้าใจ กับวิธีและการนำพลังพิเศษไปใช้ ในโลกนี้ไม่มีใครสามารถเทียบเขาได้ แต่สำหรับพระสงฆ์แก่รูปนั้น ไม่กล้าแม้แต่น้อยที่จะดูถูก


อย่างอื่นไม่ต้องพูด ก็ดูที่ทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ในปีเดียวกันได้ใช้วิชาควบคุมจิตใจ สังหารนายพล อาวุโสกว่าสิบนายของกองกำลังทหารของอังกฤษและฝรั่งเศส ทำให้ประเทศไทยไม่ถูกยึดเป็นอาณานิคมในครั้งนั้น แม้แต่หลี่ซั่นหยวนเองก็รู้สึกละอายที่ไม่สามารถทำได้


ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นรัฐกันชนในเวลานั้น ก็ด้วยการที่ ทักษิณ สวรรค์ศักสิทธิ์ เป็นผู้ลอบสังหารและข่มขู่ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เขาได้รับชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วเอเชียอาคเนย์


“ศิษย์พี่ ไป กลับไป”


เยี่ยเทียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หันตัวเดินไปอีกทางหนึ่ง ถ้าเกิดว่าเป็นทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์จริง เยี่ยเทียนไม่มีทางที่จะให้จั่วเจียจวิ้นลงมือ


ในการประลองฝีมือในยุทธภพฉีเหมิน การมีชีวิตอยู่หรือตายเกิดขึ้นได้ในชั่วพริบตาเดียว การสืบทอดวิชาเลี้ยงพวกแมลงมีพิษไว้ทำร้ายผู้คน ก็เป็นอีกเล่ห์เหลี่ยมหนึ่งที่ใช้กัน


“ศิษย์น้องเยี่ย เป็นอะไรไป’’ เห็นสีหน้าของเยี่ยเทียนที่เครียดขึ้นมา จั่วเจียจวิ้นก็รีบตามขึ้นไป


เยี่ยเทียนไม่ได้ปิดบัง ไม่อ้อมค้อมพูดออกไปว่า คนที่ติดตามชาญ ทองทวนมาที่ฮ่องกงคือผู้มีฝีมือสูง “ศิษย์พี่ การประลองครั้งนี้ให้ฉันรับช่วงต่อเถอะ’’


เยี่ยเทียนได้ยินข่าวตั้งแต่แรกแล้วว่า มีคนมาถึงฮ่องกงสองคน เพียงแต่ว่าคนนั้นมีรูปร่างหน้าตา ที่โหดร้ายและน่ากลัว ไม่เหมือนทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ ที่จั่วเจียจวิ้นพูดถึง


ตอนแรกเยี่ยเทียนคิดว่าชายคนนั้นเป็นแค่ผู้ติดตาม ชาญ ทองทวนเท่านั้น แต่เมื่อกี้จากพลังงานที่เขาสัมผัสได้ กลับทำให้เขารู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล


ลมหายใจของชายคนนั้นแปลกมาก ภายในร่างกายแฝงไว้ด้วยไอของวิญญาณร้าย ดูเหมือนว่าเขาเป็นเครื่องรางโจมตีในร่างกายมนุษย์ ขนาดที่ว่าเยี่ยเทียนสัมผัสไม่ได้ถึงพลังชีวิตในตัวเขาเลย เยี่ยเทียนไม่เข้าใจว่าเขาสามารถ มีชีวิตอยู่ได้อย่างไร


ทำให้หัวใจของเยี่ยเทียนเต้นแรงขึ้นไปอีก เพราะกังวลกับวิชาควบคุมจิตใจ  วิชาควบคุมจิตใจเป็นหนึ่งในสองวิชาในเอเซียอาคเนย์ที่เทียบเท่ากับวิชาใช้แมลงมีพิษ ในที่ราบสูงหยุนกุ้ย เขตหูหนานตะวันตก


“จีจี……จีจี!”


ในตอนที่เยี่ยเทียนเดินไปข้างๆ สระน้ำ ทันใดนั้นก็มีเงาสีขาวเงินสะท้อนออกมา มุ่งตรงมาที่ไหล่ของเยี่ยเทียน กรีดร้องอย่างต่อเนื่อง


เยี่ยเทียนรู้สึกสงสารลูบคลำไปที่หัวของเหมาโถว ยิ้มแล้วพูดว่า “เกิดอะไรขึ้น แกก็สัมผัสมันได้ใช่ไหม”


เหมาโถวเป็นสัตว์ที่มีนิสัยชอบอยู่ในที่อากาศหนาวเย็น เยี่ยเทียนพามันมาถึงฮ่องกง กลับทำให้เจ้าตัวน้อย ตัวนี้ลำบาก ในสองวันนี้มันหดหู่ไม่มีชีวิตชีวา ได้แต่นอนแช่อยู่ในน้ำถึงสองวัน พายุฝนวันนี้ก็ทำให้มันอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย


“จีจี……จีจี……”


เหมาโถวกระโดดลงมาจากไหล่ของเยี่ยเทียน ยืนอยู่ตรงหน้าของเขา กรงเล็บน้อย ๆ คู่หนึ่งชี้ไปที่หลังภูเขา ส่งเสียงร้องน่าสงสาร


“ฮือ? เธออยากรับมือกับพวกแมลงมีพิษเหล่านั้นหรอ


เยี่ยเทียนขมวดคิ้ว ใช้เวลาอยู่กับเหมาโถวค่อนข้างนาน เขาก็ค่อยๆ เข้าใจภาษามือและเท้าของเหมาโถว


เสียงร้องของมัน เหมือนตอนที่เยี่ยเทียนเจอเจ้าเฟอร์เณ้ตสายฟ้าบนเขาที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะ ราวกับว่าเป็นตัวเดียวกัน ในตอนนั้นแม่ของเหมาโถวถูกงูบินฆ่า ก็มีเสียงร้องแบบนี้เช่นกัน


“ไม่ได้ อันตรายเกินไป แกต้องอยู่ที่นี้”


เยี่ยเทียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็สั่นหัว แม้ว่าเหมาโถวจะความเร็วเหมือนสายฟ้าแลบ เขาเองยังตามจับไม่ได้ แต่ว่าวิชาควบคุมจิตใจนั้นสามารถควบคุมแมลงมีพิษเหล่านั้นได้ น่าจะมีวิธีจัดการมันได้


หลังจากที่ได้ยินเยี่ยเทียน เหมาโถวก็ร้อนใจ ดูจากการกระทำของมัน แมลงมีพิษที่อยู่หลังภูเขานั้น ถือว่าเป็นอาหารรสชาติชั้นดีเลยทีเดียว กลืนกินแมลงมีพิษพวกนี้เข้าไป ก็สามารถกระตุ้นพัฒนาการของมันได้ ของล่อใจอย่างนี้ไม่สามารถหยุดได้ด้วยคำพูดของเยี่ยเทียน


“จีจี!”


เหมาโถวส่งเสียงแหลมออกมา ค่อยๆ หายตัวไปต่อหน้าเยี่ยเทียน มารู้ตัวอีกที ก็อยู่ห่างไปสิบกว่าเมตรแล้ว


“เจ้าตัวน้อย ไม่เชื่อฟังอีกแล้วนะ”


เห็นท่าทางของเหมาโถว เยี่ยเทียนรีบเร่ง รีบวิ่งตามไป แต่กลับถูกจั่วเจียจวิ้นสกัดไว้แล้ว


“ศิษย์น้องเยี่ย ไม่ต้องเสียแรงเปล่า เจ้าสัตว์ตัวเล็กพวกนี้วิ่งเร็วอย่างกับสายฟ้าแลบ ฉันกับเธอก็ตามมันไม่ทัน ฉันคิดว่าชาญ ทองทวนก็จับมันไม่ได้เหมือนกัน”


ครั้งแรกที่เห็นเหมาโถว จั่วเจียจวิ้นอาจอิจฉาเป็นพิเศษ เจ้าตัวน้อยที่แสนรู้อะไรขนาดนี้ มันเหมือนการเปิด จิตวิญญาณของปัญญา จั่วเจียจวิ้นเต็มไปด้วยเชื่อมั่นในเหมาโถว


“ดี พวกเรากลับไปที่สนามกันเถอะ”


เยี่ยเทียนคิดไว้ก็คือ เหมาโถวไม่กลัวที่อากาศเย็น แต่ว่าพวกแมลงมีพิษที่อยู่ตรงพื้น และความเร็วของมัน อยู่ในป่าลึกลับนี้ก็เหมือนกับปลาได้น้ำ ชาญ ทองทวนอยากทำร้ายมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย


ความเร็วของเหมาโถวเรียกได้ว่าเหมือนกับสายฟ้าแลบ เงาขาวหิมะโพลนที่ข้ามผ่านท้องฟ้า ก็กระโดดข้ามกำแพงรั้วสูงๆ ค่อยๆ หายไปอยู่ด้านหลังของภูเขาท่ามกลางพุ่มไม้เขียวชอุ่ม


“ฮือเรื่องอะไรกัน”


เพิ่งข้ามผ่านสันเขา ก็สามารถมองเห็นเนินเขาลาดเอียงที่มีบ้านพักตากอากาศตั้งอยู่ ทันใดนั้นชาญ ทองทวนก็เห็นว่ากองทัพแมลงมีพิษที่อยู่ตรงหน้าของเขา หยุดชะงักอยู่กับที่


“วี๊ด วี๊ด”


ชาญ ทองทวนผิวปาก ใช้คาถาเรียกให้สัตว์เลี้ยงของเขาออกมา แต่ว่าสิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือ พวกแมลงมีพิษพวกนั้นก็ฝืนใจกันเข้ามาอีกไม่กี่เมตร แล้วพากันหันหลังคลานกลับไปด้านหลัง


งูสามเหลี่ยมตัวหนึ่งความยาวประมาณหนึ่งเมตรที่เลื้อยขึ้นไปบนขากางเกงของชาญ ทองทวน แต่ว่าเลื้อยไป ถึงแค่ช่วงเอวก็ไหลลงมา แค่ชั่วพริบตาเดียวก็ตัวแข็งขึ้นมาทันที


งูที่หัวแบนราบตัวหนึ่งก็ถูกชาญ ทองทวนดึงออกมาจากแขนเสื้อ ตามองไปที่ข้างหน้าป่าทึบ ลิ้นที่ขยับเข้าออกของงู ทำท่าพร้อมจะโจมตี


……

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)