ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 301-308

 บทที่ 301 สภาพการณ์ของประเทศที่ต่างกัน

โดย

Ink Stone_Fantasy

หลังจากที่เบิร์ดมาถึง และเก็บกระเป๋าเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว เขาก็ขึ้นไปบนเครื่องบิน


ฉินสือโอวพูดกับเขาว่า “ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้ นายทหาร พักผ่อนก่อนเถอะ”


เบิร์ดพูดด้วยท่าทีจริงจัง “ขอบคุณครับ เซอร์ ผมไม่เหนื่อยครับ ผมต้องพิสูจน์ให้ท่านเห็นว่า นีลเซ็นแนะนำคนไม่ผิด ผมสามารถควบคุมได้ทั้งเครื่องบินที่ใช้ในการเกษตรและเฮลิคอปเตอร์ปีกหมุนเดี่ยวขนาดเล็ก ขอให้ท่านวางใจเถอะครับ”


ฉินสือโอวแผ่มือออก ไมคอฟยิ้มออกมาแล้วขึ้นไปบนเฮลิคอปเตอร์ AC-310 เครื่องบิน AT-802C จอดอยู่ที่ท่าอากาศยานนานาชาตินครเซนต์จอห์นชั่วคราว เนื่องจากที่ฟาร์มปลาไม่มีรันเวย์ที่เหมาะสม ทุกครั้งที่จะขับเครื่องบินแทรกเตอร์ จะต้องนั่งเฮลิคอปเตอร์ไปที่สนามบินก่อน


เบิร์ดขึ้นมาบนเฮลิคอปเตอร์ เขาถามไมคอฟถึงระบบควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ก่อนเป็นอย่างแรก หลังจากทำความเข้าใจการใช้งานของแต่ละปุ่มแล้ว เขาก็ติดเครื่องพาเฮลิคอปเตอร์ AC-310 ขึ้นบินทันที


เหมือนนกฮัมมิงเบิร์ดขนาดใหญ่ตัวหนึ่ง เฮลิคอปเตอร์ AC-310 บินขึ้นอย่างมั่นคงและปลอดภัยภายใต้การควบคุมของเบิร์ด เขาบินวนบนท้องฟ้าที่ฟาร์มปลาหนึ่งรอบ จากนั้นจึงบินมุ่งหน้าไปยังนครเซนต์จอห์น


“ฝีมือไม่เลว” ฉินสือโอวพูดกับนีลเซ็น


นีลเซ็นพูดพร้อมใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม “นี่เหมือนขี่ช้างตั๊กแตนจับเลยล่ะ บอส ตั้งแต่แรกบิ๊กเบิร์ดก็เกณฑ์เข้าไปอยู่ในกองนาวิกโยธินของอเมริกาแล้ว จากนั้นก็เข้าไปอยู่ในหน่วยเดลตาฟอร์ซ สุดท้ายก็กลายมาเป็นเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือพิเศษที่ถูกส่งตัวมาเป็นครูฝึกให้กับหน่วยของพวกเรา เขาขับเครื่องบินรบเอฟ-18 ซูเปอร์ฮอร์เน็ทกับเฮลิคอปเตอร์โจมตีเอเอช-64 อาปาเช่ได้ด้วยซ้ำ ไม่ต้องพูดถึงเครื่องบินลำเล็กๆ พวกนี้เลย”


หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง ตัวเครื่องขนาดมหึมาของเครื่องบิน AT-802C ก็ปรากฏสู่ทัศนวิสัยของฉินสือโอว หลังจากไถลลงบนพื้นผิวทะเลได้ไม่กี่กิโลเมตร มันก็บินขึ้นอย่างรวดเร็วและเป็นอิสระ


ฉินสือโอวใช้กล้องส่องทางไกลเพื่อสังเกตการณ์ เบิร์ดกำลังขับเครื่องบินอยู่ ส่วนไมคอฟนั่งอยู่ข้างๆ บนที่นั่งนักบินข้างๆ


เครื่องบินเพื่อการเกษตรโดยทั่วไปจะไม่มีที่นั่งข้างนักบิน ไม่มีความจำเป็นที่จะสิ้นเปลืองพื้นที่ว่างแบบนั้น แต่เครื่องบิน AT-802C มีที่นั่งพวกนี้ ก็เพราะมันมีส่วนที่เชื่อมโยงกับเครื่องบินรบ บนเครื่องบินมีแม้กระทั่งการติดตั้งแท่นวางปืนกล และแท่นวางปืนใหญ่


การสำรวจสิ้นสุดลงแล้ว เฮลิคอปเตอร์ก็บินกลับมาอีกครั้ง หลังจากที่บินค้างอยู่บนท้องฟ้าครู่หนึ่ง มันก็ค่อยๆ ลดระดับลงมา


ไมคอฟลงมาจากเฮลิคอปเตอร์แล้วก็เอ่ยชมเบิร์ดอย่างไม่ขาดปาก “ฝีมือของเขายอดเยี่ยมมาก พระเจ้า สมกับชื่อบิ๊กเบิร์ดของเขาจริงๆ ผมว่าบริษัทของผมพลาดนักบินขั้นสุดยอดไปแล้วล่ะ”


ฉินสือโอวยื่นสัญญาให้กับเบิร์ด แล้วพูดกับเขาว่า “ค่าจ้าง 2,400 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์ เพิ่มจากเงินเดือนที่สกายซิตี้ให้นายมายี่สิบเปอร์เซ็นต์ ถ้าไม่ใช่ฤดูจับปลา ในหนึ่งเดือนจะมีวันหยุดหกวัน สามารถสะสมวันหยุดได้”


เบิร์ดรับสัญญามาโดยที่ไม่ได้อ่าน เขาหยิบปากกามาเขียนชื่อของตัวเองลงไปทันที


ฉินสือโอวลองอ่านดู เขาอ่านไม่ออกไม่รู้ว่าเขียนอะไรไว้บ้าง


เบิร์ดมาถึงได้วันที่สอง เด็กๆ ก็เปิดเทอม การปิดเทอมฤดูร้อนที่สวยงามสิ้นสุดลงแล้ว วันที่ 10 เดือนกันยายน ตรงกับวันครูของประเทศจีนพอดี


เมื่อเปิดเรียนวันแรก โดยทั่วไปแล้วผู้ปกครองจะไปส่งลูกๆ ที่โรงเรียน พาวลิสอยากจะขับซีบิสกิตสุดที่รักของเขาแต่วินนี่ไม่อนุมัติ “ก่อนนายจะอายุสิบหกปี อย่าคิดว่าจะได้ขับรถออกไปยังที่สาธารณะเลย”


ฉินสือโอวกับวินนี่ขับรถไปส่งพวกเขาที่โรงเรียน แต่ปรากฏว่าขณะที่กำลังจะสตาร์ทรถก็มีสายจากพ่อของเขาโทรเข้ามาเสียก่อน


เขารับโทรศัพท์ด้วยความประหลาดใจ พ่อถามถึงสุขภาพของเขาบ้างเล็กน้อยจากนั้นก็เปลี่ยนเรื่องคุย แล้วถามเขาอย่างระวังคำพูดว่า “ลูกชาย ตอนนี้แกอยู่ที่แคนาดา จริงๆ แล้วแกทำงานอะไรกันแน่?”


“เลี้ยงปลาไง ทำไมเหรอครับ?”


“เอ่อ เลี้ยงปลาที่แคนาดาได้เงินเยอะขนาดนี้เลยเหรอ? ฉันฟังข่าวมา แกมีเงินตั้งหลายสิบล้านเลย เอ่อ แกไม่ได้ค้ายาอยู่ที่นั่นอะไรแบบนั้นใช่ไหม?”


ฉินสือโอวถึงกับหน้ามืด เขาตอบกลับไปว่า “จะเป็นไปได้ยังไงล่ะพ่อ ถ้าผมค้ายาตอนนี้พ่อจะยังโทรมาหาผมได้เหรอ? ผมเลี้ยงปลาจริงๆ แค่ช่วงก่อนหน้านี้ได้เงินมาจากการขายวัตถุโบราณ พ่อกับแม่ทำใจให้สบายก็พอ”


“โอ๊ย ยังไงที่บ้านก็ไม่ขอให้แกร่ำรวยอะไรขนาดนั้นหรอก แค่กินอิ่มนอนหลับมีเงินแต่งเมียก็พอแล้ว เอ่อ พ่อจะบอกแกให้ แกต้องเดินในเส้นทางที่ถูกต้องนะ พวกเราจะทำเรื่องผิดกฎหมายไม่ได้…”


พอพ่อพูดจบแม่ของเขาก็พูดต่อ แม่ด่าพ่อก่อนหนึ่งรอบแล้วจึงพูดกับเขาว่า “พ่อของแกก็กังวลไปเรื่อย แกจะเสพยาเสพติดพวกนั้นได้ยังไงกัน ใช่ไหมล่ะ? ปกติแกไม่สูบบุหรี่ด้วยซ้ำ เป็นไปไม่ได้แน่ๆ”


“ใช่แล้ว แม่ แม่รู้จักลูกดีที่สุดเลย”


“แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม ลูกชายแม่ ปกติแกชอบพวกอาวุธยุทโธปกรณ์อะไรพวกนั้น แกอยู่แคนาดา ไม่ได้ลักลอบค้าอาวุธเถื่อนอะไรแบบนั้นใช่ไหม? ที่นั่นไม่ได้อยู่ระหว่างอเมริกากับรัสเซียหรอกเหรอ? แม่ได้ยินมาว่าพวกนั้นเละเทะมากจริงๆ…”


“แม่ ปล่อยลูกชายคนนี้ไปเถอะ ผมอยู่อเมริกาเหนือ รัสเซียอยู่ยุโรปมันห่างกันตั้งหลายพันกิโลนะ…”


“ยังไงแกก็ทำตัวดีๆ ล่ะ ค่อยๆ หาเงิน ได้มาเท่าไรก็เก็บไว้ จะทำเรื่องไม่ถูกทำนองคลองธรรมไม่ได้นะ”


ฉินสือโอวรับปากทุกอย่าง เขาสาบานต่อบรรพบุรุษสามมหาเทพซานซิงจนไปถึงพระแม่มารีย์ว่าตอนที่อยู่แคนาดาเขาจะเป็นเด็กดี


วินนี่ขับรถไปยิ้มไป รอจนเขาวางสาย เธอกลอกตาแล้วพูดกับเขาว่า “คุณนี่ซื่อบื้อจัง ไม่เห็นต้องพูดอะไรเยอะแยะขนาดนี้ อีกไม่กี่วันคุณก็กลับบ้านสักครั้งสิคะ เดี๋ยวข่าวลือทั้งหมดก็คงหายไปเองนั่นแหละ”


ฉินสือโอวตาเป็นประกาย “เฮ้ ผมพาคุณกลับไปด้วยดีไหม? ภรรยาขี้เหร่ก็ยังต้องพบพ่อแม่สามี”


“ไปไกลๆ เลย!”


วินนี่ยื่นมือออกไปผลักเขา แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ ฉินสือโอวหัวเราะฮ่าๆ เอาล่ะ พอมีโอกาส


มาถึงโรงเรียนแกรนท์แล้ว ฉินสือโอวเอาพวกกระเป๋าหนังสือกับอาหารกลางวันส่งให้เด็กๆ ทั้งสี่คน พาวลิสและเชอร์ลี่ย์ยังพอไหว แต่กอร์ดอนกับมิเชลต่างก็พากันทำหน้าเศร้าหดหู่ เหมือนจะไปไหว้หลุมฝังศพก็ไม่ปาน


ฉินสือโอวแย้มรอยยิ้ม “พวกนายร่าเริงกันหน่อย วันนี้เป็นวันครู ถ้าเจอคุณครูก็ต้องทักทายด้วยนะ เข้าใจไหม?”


“วันครูคืออะไรเหรอ?” เด็กๆ ทั้งสี่คนเต็มไปด้วยความงงงวย


ที่แคนาดาไม่มีวันครู สำหรับที่นี่ คุณครูกับนักเรียนมีความเท่าเทียมกัน ทั้งสองฝ่ายมีปฏิสัมพันธ์กันเพื่อให้บรรยากาศให้บรรยากาศในห้องเรียนมีชีวิตชีวาและผ่อนคลายก็เท่านั้น ไม่ต้องสงสัยเลย ความสัมพันธ์ฉันมิตรที่เท่าเทียมกันถึงจะสร้างบรรยากาศได้ดีที่สุด


ข้อนี้แคนาดาน่าจะทำได้ดีที่สุดจากทุกประเทศทั่วโลก ในห้องเรียน นักเรียนสามารถเรียกชื่อคุณครูได้เลย ช่วงประถม ในเวลาเรียนนักเรียนสามารถเดินเข้าออกได้ตามสบาย จะดื่มน้ำเข้าห้องน้ำก็ไม่เป็นไร ขอแค่บอกไว้ก็พอแล้ว


นอกจากนี้ ที่แคนาดาผลประเมินของคุณครูจะขึ้นอยู่กับนักเรียนทั้งหมด การประเมินผลปลายปีไม่ได้ดูที่คะแนนของนักเรียน แต่จะดูการวิจารณ์ของนักเรียนที่มีต่อคุณครูเท่านั้น ถ้าหากว่าผลประเมินแย่เกินไป คุณครูท่านนั้นอาจจะถูกลดขั้นหรืออาจจะเสียหน้าที่การงานเลยทีเดียว


เพิ่งเปิดเทอมใช่ไหมล่ะ ฉินสือโอวก็เลยเตรียมของขวัญไว้ให้เด็กๆ ทุกคน หนึ่งคนหยิบไปสองชุด เขากำชับกับเด็กๆ ว่า “กล่องสีแดงคือของพวกนาย กล่องสีฟ้าเอาให้คุณครู”


เชอร์ลี่ย์เอียงหัวเล็กๆ ของเธอแล้วถามอย่างซื่อๆ ว่า “ทำไมต้องส่งของขวัญให้คุณครูตอนนี้ด้วยล่ะคะ? ไม่ใช่ว่าต้องให้ตอนวันคริสต์มาสหรอกเหรอคะ?”


“ตอนนี้ก็ต้องให้ เพื่อขอบคุณที่เมื่อก่อนคุณครูช่วยดูแลสั่งสอนพวกเธอไงล่ะ” ฉินสือโอวพูดอย่างสมเหตุสมผล


วินนี่รับกล่องของขวัญมา เธอพูดกับเขาด้วยรอยยิ้ม “ฉิน คุณต้องทำความเข้าใจสภาพการณ์ในนิวฟันด์แลนด์ให้มากกว่านี้นะคะ คุณครูจะรับของขวัญไม่ได้นะ ปีที่แล้วที่โทรอนโตมีข่าวใหญ่ข่าวหนึ่ง นักเรียนต่างชาติคนหนึ่งตอนที่เพิ่งมาถึง เพื่อเป็นการขอบคุณคุณครูที่ช่วยดูแลเขา จึงได้ส่งผ้าพันคอราคาสามสิบห้าดอลลาร์ให้คุณครูหนึ่งผืน แต่ปรากฏว่า เพราะสาเหตุนี้คุณครูคนนั้นเลยถูกตั้งข้อสงสัยว่ารับสินบน คนของคณะกรรมการอิสระเพื่อป้องกันและปราบปรามการทุจริตก็มาตรวจสอบเรื่องนี้ ถึงคุณครูจะรับผ้าพันคอมา แต่ก็ต้องให้เงินนักเรียนคืนไปห้าสิบดอลลาร์”


“มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอครับ?” ใจของฉินสือโอวรู้สึกแห้งเหี่ยว ความแตกต่างทางวัฒนธรรมแบบนี้ค่อนข้างมากเกินไป


เจสกับซีมอนสเตอร์น้อยขับจักรยานเข้ามาด้วยความรวดเร็ว เด็กๆ พวกนี้เป็นเจ้าถิ่นประจำโรงเรียนแกรนท์ แต่ก็เป็นแค่การทะเลาะกันแบบเด็กๆ เท่านั้น พวกเขาไม่รังแกเพื่อนนักเรียนด้วยกัน เรื่องนี้ต้องขอบคุณการอบรมสั่งสอนของชาร์คกับซีมอนสเตอร์


มองเห็นฉินสือโอว เจสก็เลยขี่จักรยานเข้ามาหา เขาตะโกนมาว่า “คุณอาฉิน สวัสดีครับ”


วินนี่ส่งของขวัญให้พาวลิสกับเด็กๆ ที่เหลือ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ตอนนี้ พวกเธอก็เอาของขวัญพวกนี้ไปมอบให้กับเพื่อนสนิทของพวกเธอได้แล้วนะ”


พวกเด็กๆ ส่งของขวัญให้กับพวกเจส เด็กน้อยได้รับของขวัญก็ดีใจจนน้ำมูกไหลออกมา มิตรภาพที่มีต่อกันก็ลึกซึ้งยิ่งกว่าเดิมอย่างรวดเร็ว คนหนึ่งกลุ่มถือของขวัญคนละกล่อง กอดกันกลมเกลียว พากันหัวเราะพูดคุย


คราวนี้ ฉินสือโอวถึงรู้สึกว่าในที่สุดของขวัญของเขาก็มีประโยชน์เสียที


……………………………….


บทที่ 302 ขึ้นเขาอีกครั้ง

โดย

Ink Stone_Fantasy

ส่งเด็กๆ เข้าเรียนแล้ว ฉินสือโอวจึงเตรียมตัวไปขึ้นเขากับวินนี่


ครั้งที่แล้วที่ไปขึ้นเขานั้นได้เริ่มต้นจากป่าเล็กๆ ในฟาร์มปลา คราวนั้นยังไม่นับว่าเป็นช่วงฤดูร้อน วิวในตอนนั้นจึงเทียบไม่ได้กับตอนนี้


ตอนนี้เต็มไปด้วยสีสันเข้มข้นของฤดูร้อน ป่าลึกเงียบสงบ ต้นเมเปิล ต้นสน ต้นสพรูส ซีดาร์แดงตะวันตก ต้นสนดักลาส ชุ่มชื้นเขียวชอุ่ม ให้สีเขียวสดราวกับมรกต


ด้านหน้าของป่าเล็ก ยิ่งเต็มไปด้วยต้นไม้สีสวยสดนานาพันธุ์ หงส์ฟู่ ต้นควันใบม่วง ใบไม้ของต้นไม้ทั้งสองชนิดปรากฏให้เห็นเป็นสีม่วงอ่อน ใบของต้นเมตาเซโคเอียใบสีทองและต้นโซโฟร่าทองก็เป็นสีทองสุกสกาว


นอกจากนี้ยังมีใบของต้นพลัมแดงและเมเปิลแดงที่แล้วเหมือนกับกลุ่มไฟ ต้นสนบลูไอซ์มีเสน่ห์งดงามที่สุด ใบสีฟ้าสดถูกปกคลุมด้วยหยดน้ำค้าง ยามลมพัดก็เหมือนกับเกลียวคลื่นที่ม้วนวน…


เมื่อก่อนก็มีนักท่องเที่ยวที่สังเกตเห็นป่าผืนเล็กแห่งนี้เช่นกัน ตอนที่สาวๆ กลุ่มแรกมาที่นี่ก็ได้ถ่ายรูปไปเยอะจนนับไม่ถ้วนทั้งยังโพสต์ลงบนเว็บไซต์ท่องเที่ยวกับพวกเว็บไป๋ตู้เทียปาต่างๆ หลังจากนั้นนักท่องเที่ยวที่มาถึงทีหลังก็มักจะพากันมาเยี่ยมชมป่าผืนน้อยแห่งนี้ และยังตั้งชื่อให้มันว่าป่าสีรุ้งอีกด้วย


เนื่องจากทุกคนเคยมาแล้วหลายครั้ง ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องขึ้นเขาจากตำแหน่งนี้อีก ฉินสือโอวเองก็ไม่อยากให้พวกนักท่องเที่ยวผ่านเข้าไปในฟาร์มปลาเหมือนกัน ในเมืองมีทางขึ้นเขาที่ดีกว่า นั่นก็คือทางที่ขับรถขึ้นไปยิงปืนเล่นเมื่อครั้งที่แล้วนั่นเอง


ฉินสือโอวจัดการอย่างค่อนข้างจริงจัง เนื่องจากต้องไปค้างแรมบนภูเขา ดังนั้นจึงต้องดูแลเรื่องความปลอดภัยให้ดี ปืน AR-15 ปืนเรมิงตัน ปืน M1911A1 ปืนยูเอสพีและปืนชนิดอื่นๆ ล้วนแต่ต้องพกติดตัว แถมในมือยังถือธนูคอมพาวด์ไปด้วย


นอกจากนี้ ฉงต้าต้าป๋าย หู่จือและเป้าจือก็ออกสนามมาด้วยกัน นีลเซ็นและเบิร์ดก็มาเป็นบอดี้การ์ดให้ ส่วนอีวิลสันรับหน้าที่คุ้มครองด้านหลัง ปลอดภัยหายห่วงแน่นอน


เมื่อมาถึงจุดรวมพล ฉินสือโอวเห็นว่าในกลุ่มนักท่องเที่ยวยังมีคนที่คุ้นหน้าคุ้นตากันอยู่ หลี่เต๋อหลงนั่นเอง แต่เขาไม่ได้พาภรรยากับลูกสาวมาด้วย ฉินสือโอวเข้าไปทักทายเขา พวกเขายืนคุยกันอยู่สักพัก


ทางด้านหู่จือเป้าจือกำลังพยายามทำท่าทำทางให้ตัวเองดูน่ารักอยู่ ส่วนฉงต้าก็เป็นดาราดังตลอดกาลอยู่แล้ว พอลงรถมามันก็กลายเป็นนายแบบให้กล้องถ่ายรูปของคนจำนวนมาก จนเปลืองฟิล์มไปหลายม้วน


ตอนนี้มันตัวโตจนเกือบจะถึงหนึ่งเมตรแล้ว ตัวอ้วนๆ กลมๆ ตอนที่ไม่ขยับตัวก็ดูน่ารักมากๆ น่ารักแบบซื่อๆ บื้อๆ แต่ถ้าไปยั่วโมโหมัน ความน่ากลัวของมันจะมากยิ่งกว่าหมาป่าที่หิวโหยกับสุนัขพันธุ์โมโลสเซอร์เสียอีก


มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งถือเอาแอปเปิลลูกเล็กหนึ่งลูกแล้วเดินเข้ามาอย่างระมัดระวัง ฉงต้ากะพริบตาปริบๆ มันล้มตัวลงทำท่าซิทอัพสองครั้ง อย่างไร้การควบคุมความประพฤติ จากนั้นก็รอกินแอปเปิลอย่างไร้ซึ่งความอดทน


ท่าซิทอัพของฉงต้าน่ารักไร้เดียงสาเป็นอย่างมาก จนทำให้นักท่องเที่ยวหลุดยิ้มออกมา


ฉินสือโอวหั่นแอปเปิลออกเป็นสองส่วน ให้ฉงต้าครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่งให้ต้าป๋าย ทั้งสองตัวนั่งกินด้วยกันอย่างมีความสุข


เมืองแฟร์เวลจ้างไกด์นำเที่ยวผู้ชายไว้สองคน ต่างก็พกปืนกับธนูและลูกธนูมาทั้งคู่ พวกเขาอธิบายสิ่งต้องห้ามในการปีนเขาให้ฟังก่อนหนึ่งรอบ อย่างเช่นไม่อนุญาตให้สูบบุหรี่ ไม่อนุญาตให้จุดไฟนอกเหนือจากตอนทานอาหารกับตั้งแคมป์ ไม่อนุญาตให้ออกห่างจากขบวนมากกว่าห้าสิบเมตรและข้อห้ามอื่นๆ พยายามอย่าให้เกิดความเสี่ยงให้มากที่สุด


ฉินสือโอวกอดธนูคอมพาวด์ เขาแสยะปากแล้วพูดขึ้นมาว่า “ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าตัวเองเหมือนพี่เลี้ยงเด็กเลยล่ะ?”


เบิร์ดสวมชุดป้องกันอย่างเนี้ยบ รองเท้าบูตสูงถึงข้อ ชุดลายพรางสีเขียว เขาสวมหมวกเบสบอล มีดทหาร ปืนพก ปืนไรเฟิล ทั้งยังแบกกระเป๋าสะพายหลังใบใหญ่อีกหนึ่งใบ เหมือนกำลังจะไปทำสงครามอย่างไรอย่างนั้น


“บอส คุณจะไม่สวมหมวกจริงๆ เหรอ? ผมแนะนำให้คุณพกไว้สักใบนะ” เบิร์ดเห็นฉินสือโอวมองมาที่เขาอย่างพินิจพิเคราะห์ก็ยิ้มออกมาน้อยๆ ทั้งยังถอดหมวกเบสบอลของตัวเองแล้วยื่นมาให้เขา


ฉินสือโอวส่ายมืออย่างแรง ให้ตาย ใบนี้เป็นหมวกสีเขียว[1]ด้วยสิ ถ้าเขาใส่มัน นี่ก็จะไม่ใช่ข่าวลือที่จะเอาไปออกทีวีได้เหรอ เรื่องนี้ก็เอาไปออกข่าวได้เหมือนกันนะ


หลังจากเน้นย้ำปัญหาที่ควรระวังในการขึ้นเขาไปแล้ว คลื่นมหาชนนักท่องเที่ยวก็เตรียมตัวจะขึ้นเขากัน


ฉินสือโอวเดินไปด้วยกันกับวินนี่ เขาเดินนำอยู่ด้านหน้า เพิ่งจะเดินมาได้ไม่ไกลเท่าไร นกคาร์ดินาลตัวน้อยสองตัวก็บินเข้ามา พวกมันเกาะอยู่บนกิ่งไม้แล้วมองมาที่กลุ่มนักท่องเที่ยวอย่างสนอกสนใจ คาดว่าพวกมันคงไม่เคยเห็นสิ่งมีชีวิตเช่นนี้มาก่อน


เมื่อมองเห็นนกคาร์ดินาล บรรดานักท่องเที่ยวก็ส่งเสียงดังเกรียวกราวขึ้นมาทันที “โอ้โห นกแองกรี้เบิร์ดล่ะ!”


นกนอร์ธเธิร์น คาร์ดินาลก็คือต้นแบบของแองกรี้เบิร์ดนั่นเอง ตอนที่ฉินสือโอวได้เห็นมันครั้งแรกก็รู้สึกสนใจมากๆ เช่นกัน ต่อมาเริ่มชินแล้ว เลยไม่ได้ตื่นเต้นเท่าไรนัก ในป่าผืนเล็กของเขาก็มีนกคาร์ดินาลอยู่ฝูงใหญ่ ทุกครั้งที่เข้าไปให้อาหารหมูให้อาหารไก่ก็มักจะพบพวกมันเป็นประจำ


การปีนเขามีปัญหาอยู่หนึ่งอย่าง นั่นก็คือต้นไม้รกทึบเกินไป วิวทะเลจึงถูกบังไว้หมด เดินไปได้ไม่นาน เหล่านักท่องเที่ยวก็เหนื่อยจนหายใจหอบ ต้องขอหยุดพักอยู่เรื่อยๆ


วินนี่จึงต้องให้นักท่องเที่ยวได้พักผ่อน ฉินสือโอวหมดคำจะพูด “ทำไมกำลังกายของพวกเขาถึงได้แย่ขนาดนี้เนี่ย? สู้คุณที่เป็นผู้หญิงไม่ได้เลยด้วยซ้ำ”


แต่วินนี่กลับเข้าใจพวกเขาดี เธอพูดกับเขาว่า “พวกเขาต่างก็กำลังแบกของกันทุกคน จะเหมือนกับฉันที่เดินตัวเปล่าได้ยังไงล่ะคะ? อีกอย่างหนึ่ง คุณคิดว่าฉันอ่อนแรงขนาดนั้นเลยเหรอคะ? ฉันวิ่งกับก็ฝึกโยคะทุกวัน คนพวกนี้ทำงานอยู่แต่ในออฟฟิศกันทั้งนั้น”


ฉินสือโอวให้นีลเซ็นไปสำรวจเส้นทางก่อน จึงหาตำแหน่งของลำธารเจอ เขาให้วินนี่พานักท่องเที่ยวไปพักที่ริมลำธาร ที่ริมลำธารมีลมพัดผ่าน สามารถตกปลาได้ ไม่แน่อาจจะเจอกับฝูงกวางหรือไม่ก็นกป่าที่มาดื่มน้ำ


แม่น้ำบนภูเขาใสสะอาด มีนักท่องเที่ยวบางส่วนถอดรองเท้าลงไปในแม่น้ำ ปรากฏว่าน้ำจากที่ดูเหมือนจะลึกถึงแค่ข้อเท้า แต่พอเดินลงไปในแม่น้ำกลับลึกจนแทบถึงหัวเข่า


ไกด์เตรียมเบ็ดตกปลาคันสั้นไว้เรียบร้อยแล้ว เบ็ดตกปลาหนึ่งคันมีขนาดความยาวแค่หนึ่งเมตร เหมาะสำหรับการตกปลาในลำธารแบบนี้ จากนั้นก็นำเบ็ดตกปลาไปแบ่งให้กับทุกๆ คน พอตะขอปลาตกลงไป แค่ครู่เดียวก็มีคนตกปลากะพงกับปลาไพค์ขึ้นมาได้


มีปลาแบบนี้มาติดเบ็ด ทุกๆ คนก็รู้สึกตื่นเต้นดีใจขึ้นมาทันที วินนี่พาพวกเขาออกเดินทางอย่างกระตือรือร้น แต่นักท่องเที่ยวพวกนี้ขอเที่ยวตรงนี้ต่ออีกสักหน่อย


แม่น้ำใสสะอาดอย่างไม่มีอะไรมาเทียบเทียม สามารถมองเห็นปลาที่กำลังว่ายน้ำได้อย่างชัดเจน ทำให้การตกปลามีจุดมุ่งหมายมากยิ่งขึ้น ทำให้รู้สึกผ่อนคลายยิ่งกว่าการตกปลาในแม่น้ำหรือทะเลทั่วๆ ไปเสียอีก อีกทั้งยังเพลิดเพลินยิ่งกว่า


ยังไงซะ ความสนุกของการที่สามารถตกปลาหนึ่งตัวขึ้นมาได้ภายในสองนาทีกับการที่กว่าจะตกปลาได้แต่ละตัวต้องใช้เวลากว่าหนึ่งชั่วโมงก็ต่างกันมากอยู่แล้ว


วินนี่ยิ้มออกมาอีกคราว เห็นนักท่องเที่ยวพวกนี้รู้สึกยังไม่เต็มอิ่ม จึงอธิบายให้พวกเขาฟังว่าจะยังต้องทานมื้อเที่ยงที่ริมแม่น้ำ ถึงตอนนั้นก็ยังสามารถตกปลาได้ แบบนี้ถึงจะระดมความสนใจให้พวกเขาให้ออกเดินทางได้


มาปีนเขาครั้งนี้ ฉินสือโอวมาเป็นเพื่อนวินนี่ ดังนั้นระหว่างการเดินทางเขาจึงค่อนข้างนิ่งเงียบ บางครั้งมีคนเขามาคุยกับเขา เขาก็คุยด้วยบ้าง พอไม่มีคนมาคุยด้วย เขาก็ถือธนูออกไปยิงเล่น


คนที่สนใจในตัวของฉินสือโอว ต่างก็เป็นพวกนักท่องเที่ยวผู้ชาย แน่นอนว่า พวกนั้นไม่ได้สนใจเขา แต่สนใจปืนที่อยู่ในมือของเขาต่างหาก


สนามยิงปืนในเมืองแฟร์เวลยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง สถานที่ถูกกำหนดไว้เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้กำลังรวบรวมแรงงานเพื่อทำการก่อสร้าง ทีมงานก่อสร้างที่รัฐจ้างมาก็คือทีมงานของวิล ฉินสือโอวเป็นคนช่วยติดต่อ มาคส์ วิลให้พาทีมงานกลับมาที่เมืองแฟร์เวลอีกครั้ง


ดังนั้น นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้จึงยังไม่ได้จับปืน พวกเขาทำได้แค่หาวิธีอื่น อย่างเช่นยืมปืนของฉินสือโอวมายิงเล่นนั่นเอง


ที่แคนาดา ผู้ชายมีของสี่อย่างที่ไม่ให้คนอื่นยืม อย่างแรกคือภรรยา เหตุผลก็ไม่ต้องอธิบาย อย่างที่สองคือรถยนต์ เนื่องจากถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้น บริษัทประกันจะเอาเรื่องที่รถไม่ใช่ที่คนขับ ต่อไปถ้าจะเอาประกัน ก็จะเหลือเงินประกันไม่มากแล้ว อย่างที่สามคือสุนัข นั่นก็เพื่อรักษาความจงรักภักดีของสุนัขเอาไว้


ของอย่างที่สี่ที่ไม่ให้คนอื่นยืม ก็คือปืนนั่นเอง


มีนักท่องเที่ยวยื่นบุหรี่ไปให้นีลเซ็น นีลเซ็นรับบุหรี่มาสูบ แต่พอเขาพูดเรื่องที่ว่าอยากจะยืมปืนมายิงเล่นขึ้นมา นีลเซ็นก็แกล้งทำเป็นฟังไม่เข้าใจแล้วเดินหนีไปทันที


พวกนักท่องเที่ยวรู้สึกเซ็งนิดหน่อย ฉินสือโอวหัวเราะออกมา แล้วเอาปืน AR-15 ไปให้พวกเขาผลัดกันยิงเล่น พร้อมทั้งอธิบายสาเหตุที่นีลเซ็นไม่ให้ยืมปืนให้พวกเขาฟังด้วยว่า “ที่แคนาดาเคยมีอุบัติเหตุเกี่ยวกับปืนหลายครั้ง เป็นปืนที่มีคนยืมไปแต่ปล่อยให้เจ้าของปืนเป็นคนรับโทษแทนซะอย่างนั้น”


พวกเขาพากันยิ้มเยาะ “ทำไมยังมีเรื่องแบบนี้อยู่อีก? แต่ยังไงพวกเราจะไม่ทำแบบนั้นแน่ๆ พวกเรามาเที่ยวต่างประเทศ ครอบครัวก็มีฐานะมีหน้ามีตา พวกเราไม่ทำเรื่องสิ้นคิดแบบนั้นหรอก”


……………………………


[1] หมวกสีเขียว มีความหมายว่าถูกสวมเขา ภรรยามีชู้


บทที่ 303 กลมๆ เกลียวๆ

โดย

Ink Stone_Fantasy

ภายใต้การชี้แนะของฉินสือโอว หลี่เต๋อหลงกอดปืน AR-15 เอาไว้แล้วปลดเซฟตี้ของปืนออก ปืนกระบอกนี้ถูกปรับแต่งให้กลายเป็นปืนอัตโนมัติ ดังนั้นฉินสือโอวจึงปรับให้มันกลายเป็นแบบยิงทีละนัด ให้พวกเขาได้ยิงปืนเล่นตรงที่โล่งกว้างสักนัดสองนัด


เสียงยิงปืนดังขึ้น บรรดานักท่องเที่ยวผู้ชายก็พากันเข้ามามุงดูด้วยความสนอกสนใจ ฉินสือโอวให้พวกเขาผลัดกันยิงปืนเล่นคนละหลายนัด จนหมดกระสุนไปแล้วสองกล่อง ถึงจะสามารถเติมเต็มความอยากรู้อยากลองของพวกเขาได้


เทศบาลเมืองได้เลือกตำแหน่งของจุดตั้งแคมป์บนภูเขาไว้เรียบร้อยแล้ว จึงไม่สามารถตั้งแคมป์ตามอำเภอใจได้เหมือนกับครั้งที่แล้วที่ฉินสือโอวทำ พวกเขาเลือกพื้นที่ตรงพื้นราบกว้างบริเวณกึ่งกลางภูเขา ที่นั่นเคยเป็นที่พักของเจ้าหน้าที่อนุรักษ์ป่ามาก่อน มีห้องพักที่ทำจากท่อนไม้อยู่สองห้อง กางเต็นท์เพิ่มอีกหน่อย ก็สามารถจุคนได้ถึงยี่สิบคนแล้ว


ระยะทางไม่ไกล คนกลุ่มนี้ก็เดินเอื่อยๆ เฉื่อยๆ กว่าจะมาถึงบริเวณตั้งแคมป์ก็เป็นช่วงพลบค่ำแล้ว ฉินสือโอวให้หลี่เต๋อหลงยืมปืน พร้อมทั้งบอกกับเขาว่า “คุณตะโกนถามหน่อย ผมกับเพื่อนของผมจะไปล่าหมูป่ากัน ถ้านักท่องเที่ยวคนไหนสนใจ ก็ให้พวกเขาตามไปด้วย”


“จะเป็นอันตรายไหมคะ?” วินนี่ถามด้วยความเป็นห่วง เธอเป็นไกด์นำเที่ยว ความรับผิดชอบทุกอย่างจึงตกมาอยู่ที่เธอ


ฉินสือโอวจูบเธอ แล้วบอกกับเธอว่า “ไม่เป็นไรหรอกครับ ถ้าเจอหมูป่ารีบลงมือก่อนจะได้เปรียบ ไม่อันตรายเลยสักนิด”


หลี่เต๋อหลงลองชวนพวกเขาดูแล้ว ถึงแม้ว่าจะมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่สนใจอยากจะไปด้วย แต่ว่าพวกเขาก็มีความกังวลเหมือนกันกับวินนี่ หลายคนมีความทรงจำเกี่ยวกับเรื่องเล่าของหมูป่าที่จีนที่ว่ากันว่าดุยิ่งกว่าหมีกับเสือเสียอีก สุดท้ายก็เลยมีคนตามพวกเขามาแค่สี่คนเท่านั้น


บนความเป็นจริงหมูป่าในทวีปอเมริกาเหนือไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น ชาร์คเล่าให้ฉินสือโอวฟังว่า สำหรับที่นี่สุนัขแลบราดอร์สองตัวที่ถูกฝึกมาอย่างดีพร้อมกับนายพรานก็สามารถล้มหมูป่าได้อย่างง่ายดาย


พานักท่องเที่ยวไปด้วยห้าคน ฉินสือโอวกับนีลเซ็นออกไปด้วยกัน ส่วนเบิร์ดกับอีวิลสันยังอยู่ที่นี่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นในแคมป์


นีลเซ็นมีฝีมือในการค้นหาหมูป่าเป็นอย่างมาก เขาตามหาลำธารก่อน เมื่อมาถึงริมลำธารก็หามูลของหมูป่าแล้วให้หู่จือกับเป้าจือดมดู หลังจากนั้นหู่จือกับเป้าจือก็จะสามารถนำทางเพื่อค้นหาหมูป่าตัวนั้นได้


หู่จือและเป้าจือวิ่งนำคนกลุ่มนี้อยู่หลายนาที ทันใดนั้นพวกมันก็วิ่งเข้าไปในป่า ผ่านไปสักพักก็วิ่งกลับมาอีกครั้ง พร้อมกับสายตาเปล่งประกายพวกมันใช้อุ้งเท้าดึงขากางเกงของฉินสือโอว


ฉินสือโอวชักลูกธนูออกมาหนึ่งเล่ม แล้วพูดด้วยเสียงเบาว่า “มีหมูป่าอยู่รอบๆ ทุกคนใจเย็นๆ เข้าไว้ อย่าตกใจกลัว พี่หลงพี่ยิงไปก่อนหนึ่งนัด พยายามเล็งให้โดนหัวของมัน ที่เหลือเดี๋ยวผมจัดการเอง”


ภายใต้การนำทางของหู่จือและเป้าจือ คนกลุ่มนี้เดินอยู่ในป่าอย่างเงียบเชียบสักพัก จากนั้นก็มองเห็นหมูป่าที่มีความยาวลำตัวขนาดหนึ่งเมตรครึ่งตัวหนึ่งที่กำลังนอนหลับสัปหงกส่งเสียงฮึมฮัมอยู่ใต้ต้นไม้


หลี่เต๋อหลงกลืนน้ำลายลงไปหนึ่งอึก เขายกปืนขึ้นมาด้วยความตึงเครียด แล้วพูดเสียงเบาว่า “จะให้ยิงตอนไหน?”


“รีบยิงเลย” ฉินสือโอวไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ ยังจะถามอีกว่าจะให้ยิงตอนไหน ยิงตอนนี้เลยสิวะ พวกเขามาล่าสัตว์นะ ไม่ได้มาดูพวกมันเฉยๆ


พอหลี่เต๋อหลงได้รับคำสั่งมา เขายกปืนขึ้นเล็งแล้วเล็งอีก แต่ก็ยังไม่ยิงสักที ทางด้านนี้มีคนกำลังใจร้อน จึงกระซิบว่า “เชื่อเขาเลยพี่หลี่ ไหวหรือเปล่าเนี่ย ถ้าไม่ไหวก็ส่งมาทางนี้ ฉันยิงปืนแม่นนะ”


“ไสหัวไปไกลๆ เลยไอ้ขี้โม้” หลี่เต๋อหลงด่า ยืดอกด้วยความรู้สึกอัดอั้น เมื่อเล็งดีแล้วก็กดลั่นไกยิงออกไปหนึ่งนัด


เสียงดังแหวกขึ้นมา ฝูงนกในป่าก็ตกใจจนบินหนี


เมื่อครู่นี้หมูป่าไม่ได้ขยับตัว เมื่อเป็นเช่นนี้ลูกกระสุนจึงยิงเข้าที่หน้าผากอย่างจัง ทว่าพลังชีวิตของมันแข็งแกร่งมาก หนังเหนียวเนื้อหนา กระสุนนัดนี้ทำให้มันบาดเจ็บสาหัส แต่ไม่ถึงกับคร่าชีวิตของมัน


หมูป่าตัวนั้นลุกขึ้นมา แล้วร้องครวญครางอย่างน่าเวทนา มันมองหาทิศทางเพื่อเตรียมจะวิ่งหนี


ฉินสือโอวคว้าโอกาสนี้เอาไว้ เขายิงลูกธนูออกไป มันแทงเข้าไปในหูของหมูป่าอย่างพอดิบพอดี ลูกธนูทะลวงเข้าไปจนเกือบจะทะลุถึงหัวสมองของมัน


แค่ครู่เดียว หมูป่าก็ทนต่อไปไม่ไหว มันเดินโซซัดโซเซไปได้ไม่กี่ก้าว สมองน้อยถูกทำลายจนเสียหาย จึงไม่สามารถรักษาสมดุลไว้ได้ พื้นดินหมุนวนอยู่ไม่กี่รอบจากนั้นมันก็ล้มลงในท้ายที่สุด ถึงปากของมันจะยังพอส่งเสียงครวญครางได้ แต่ในความเป็นจริงมันก็ใกล้ตายแล้ว


“จบแล้วเหรอ?” มีคนถามด้วยความสงสัย


ฉินสือโอวยกยิ้มตอบ “จบแล้ว ก็แค่ล่าหมูป่าตัวเดียวเอง จะยังมีอะไรอีกเหรอ?”


ชายคนนี้จึงจุ๊ปากอย่างชื่นชม “แม่เอ๊ย ฉันเคยได้ยินเพื่อนของฉันคนหนึ่งบอกว่า ล่าหมูป่ามันยุ่งยากสุดๆ ต้องใช้ทั้งสติปัญญากับความกล้าเข้าสู้กับหมูป่าอะไรเทือกนั้น พวกเราไม่เห็นต้องใช้อะไรแบบนั้นเลย แค่หาปืนเก่าๆ มาสักกระบอกก็จัดการได้แล้ว”


นีลเซ็นพกเชือกมา เขาใช้มันมัดขาของหมูป่าทั้งสี่ข้าง แล้วตัดกิ่งไม้ออกมาท่อนหนึ่ง พอสอดกิ่งไม้เข้าไปข้างในห่วงเชือกแล้วก็ค่อยหามมันขึ้นมา


หลังจากหามหมูป่ากลับมาแล้วก็มีไกด์ผู้ชายที่พาคนมานำมันไปล้างทำความสะอาดที่ริมลำธาร ยังมีการล่ากวางอีกหนึ่งรายการ ที่ไกด์ผู้ชายอีกคนเป็นคนดูแลรับผิดชอบ


รายการนี้มีคนเข้าร่วมมากขึ้นแล้ว ระหว่างทางนักท่องเที่ยวได้พบกับกวางหลายฝูง กวางพวกนี้ล้วนแต่ไม่มีความดุร้าย ดังนั้นจึงไม่เป็นอันตราย คนที่เข้าไปเล่นกับพวกมันก็ยิ่งมีมากขึ้นกว่าเดิม


แต่ปรากฏว่า คนกลุ่มนั้นออกไปเที่ยวอย่างมีความสุขได้ไม่เท่าไร ก็พากันเดินหน้าม่อยคอตกกลับมา ฉินสือโอวถามว่าเกิดอะไรขึ้น หลี่เต๋อหลงก็พูดอย่างเซ็งๆ ว่า “หาฝูงกวางไม่ค่อยเจอ แถมคนยังเยอะมากเกินไปด้วย กว่าจะได้เจอกวางสักฝูง ก็ดันมีคนไม่ระวังจนเผลอส่งเสียงดัง ทำให้กวางพวกนั้นตกใจจนวิ่งหนีไป


ฉินสือโอวหัวเราะออกมา โชคดีที่พาคนไปล่าหมูป่าด้วยแค่ห้าคน ถ้าก่อนหน้านี้เขาพาคนไปสักสิบกว่าคนล่ะก็ คิดว่าตอนนี้แม้กระทั่งก้นหมูป่าก็คงไม่ได้จับ


หลี่เต๋อหลงอยากให้ฉินสือโอวพาพวกเขาไปล่ากวาง แต่ฉินสือโอวขี้เกียจจนไม่อยากขยับตัว ไปล่าหมูป่ามาตัวหนึ่งก็ถือเขาเห็นแก่วินนี่แล้ว


โชคดีที่หมูป่าตัวนี้ตัวไม่เล็ก หลังจากจัดการเอาเครื่องในออกแล้วก็ยังมีน้ำหนักตั้งร้อยห้าสิบกว่ากิโล คนจำนวนยี่สิบคนทานยังไงก็คงไม่หมด อีกทั้งพวกเขายังพกพวกพิซซ่ากับแฮมเบอร์เกอร์มาตั้งด้านล่างของภูเขาอีกด้วย


ล้อมวงรอบกองไฟทานเนื้อย่าง กับซุปซี่โครงหมู กิจกรรมของวันนี้ก็สิ้นสุดลงแล้ว มีนักท่องเที่ยวที่ยังจับกลุ่มคุยกันอยู่อย่างบางตา ฉินสือโอวจึงพาวินนี่ไปที่ริมลำธาร


เวลากลางคืนของฤดูร้อน ลมภูเขาเย็นสบาย พัดพาใบไม้จนเกิดเสียงหวิวหวู่ รวมกับเสียงร้องของนกและแมลงในพงหญ้าที่ดังขึ้นมาอย่างไม่ขาดสาย เหมาะกับการออกเดตมากๆ


ฉินสือโอวนั่งตระกองกอดวินนี่อยู่ในที่เงียบๆ ริมลำธาร หู่จือกับเป้าจือกำลังเล่นกันอยู่ไม่ไกล ส่วนฉงต้าเริ่มรู้สึกร้อนเลยกระโดดลงไปในลำธาร น้ำในลำธารเยือกเย็น ฉงต้าหนังหนาเนื้อหยาบ จึงรู้สึกว่าอุณหภูมิกำลังพอดี มันรู้สึกเย็นสบายจนถึงกับร้องฮึมฮัมออกมา


พระจันทร์เต็มดวงลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้า แสงจันทร์สว่างสดใส สาดสะท้อนลงมาบนผืนน้ำใสสะอาด จนดูเหมือนว่ามีดวงจันทร์หลายๆ วงลอยอยู่ด้านบน


“ยุ่งมาทั้งวัน ตอนนี้ได้มีช่วงเวลาแบบนี้ ผมก็รู้สึกคุ้มค่าแล้วล่ะ” ฉินสือโอวโอบกอดเอวเล็กของวินนี่ไว้แล้วพูดกับเธอด้วยความอิ่มเอมใจ


วินนี่ที่แอบอิงอยู่ในอ้อมกอดของเขา ก็พูดขึ้นมาว่า “อืม ตอนนี้ฉันรู้สึกดีมากจริงๆ ค่ะ”


“เป็นไกด์นำเที่ยวคงจะลำบากกว่าเป็นแอร์โฮสเตสใช่ไหม? คุณชินกับมันหรือยังครับ กับชีวิตและงานในตอนนี้?”ฉินสือโอวถาม


วินนี่แย้มรอยยิ้มหวาน เธอยื่นมือไปลูบใบหน้าของเขา “งานนี้ง่ายกว่าเป็นแอร์โฮสเตสเยอะเลยค่ะ ความกดดันก็น้อย ฉันรู้สึกยินดีกับการตัดสินใจของตัวเองในตอนนั้นจริงๆ ตอนกลางวันพานักท่องเที่ยวไปเที่ยว พอตกเย็นก็ได้มานั่งตากลมเล่นกับคุณ ได้เล่นกับลูกหมาพวกนี้ ฉันคิดว่าชีวิตแบบนี้สมบูรณ์แบบที่สุดแล้ว”


หู่จือและเป้าจือเล่นกันอยู่สักพักก็รู้สึกว่าไม่มีอะไรน่าสนใจแล้ว พวกมันเลยวิ่งยักย้ายส่ายก้นเข้ามาอ้อนฉินสือโอว


ฉินสือโอวไม่กระโตกกระตาก เขากอดวินนี่ไว้ในอ้อมอก จากนั้นก็ใช้เท้าทั้งสองข้างถีบสุนัขทั้งสองตัวลงไปในลำธาร โตขนาดนี้แล้วยังไม่รู้ภาษาอีก ไม่เห็นเหรอว่าตอนนี้พ่อกำลังสวีทกับแม่ของพวกแกอยู่?


……………………………………….


บทที่ 304 การเปลี่ยนแปลงของบุช

โดย

Ink Stone_Fantasy

นั่งดูพระจันทร์และดวงดาวบนท้องฟ้ากับวินนี่อยู่ครึ่งค่อนคืน บนหน้าของฉินสือโอวก็ถูกยุงกัดจนเป็นตุ่มใหญ่อยู่สองสามจุด นี่เป็นผลจากการที่เขาใช้โคมไฟไล่ยุง ไม่อย่างนั้นอาจจะถูกยุงกินไปแล้วก็ได้


ประสบการณ์ในค่ำคืนนี้ทำให้ฉินสือโอวได้รู้สองสิ่ง 1 ต่อให้วิวทิวทัศน์ของแคนาดาจะงดงามยิ่งกว่านี้ แต่ที่นี่ก็ยังมียุงอยู่ โดยเฉพาะริมฝั่งแม่น้ำยุงยิ่งเยอะ 2 ยุงจะไม่ปล่อยคุณไปเพียงเพราะคุณเป็นสาวสวยเท่านั้นหรอกนะ วินนี่มีผิวบอบบาง ยิ่งโดนยุงกัดจนน่าสงสารยิ่งกว่า…


แต่ที่ทำให้ฉินสือโอวรู้สึกประทับใจก็คือ ถึงวินนี่จะโดนยุงกัด แต่ก็ไม่ได้บ่นว่าหรือกล่าวโทษ และยิ่งไม่ได้ขอให้รีบกลับแต่อย่างใด เธอเพียงแต่อิงแอบอยู่ในอ้อมกอดของฉินสือโอวเท่านั้น ไม่ได้สนใจว่าตัวเองจะถูกยุงกัด


ฉินสือโอวเองก็ไม่อยากจะปล่อยมือ ตอนที่ได้นั่งกอดวินนี่อยู่ริมลำธาร เขารู้สึกภูมิใจจริงๆ ตอนนี้ฉันกำลังโอบกอดโลกทั้งใบอยู่!


ต้มโจ๊กเมื่อตอนรุ่งสาง เมื่อคืนนี้ไกด์นำเที่ยวทั้งสองคนพานักท่องเที่ยวไปสร้างกับดักไว้ที่ริมแม่น้ำ จับได้กระต่ายป่าสโนว์ชูมาสองตัว พอย่างจนสุกแล้วก็แบ่งให้คนละนิดคนละหน่อย ทุกๆ คนก็ทานอย่างเอร็ดอร่อย


เมื่อทานจนอิ่มท้อง ก็ต้องเดินทางกลับแล้ว ทางลงเขาง่ายกว่าทางขึ้นมาก ฉินสือโอวไม่จำเป็นต้องเดินไปพร้อมกับพวกนักท่องเที่ยวแล้วก็ได้


ภายใต้การนำทางของหู่จือและเป้าจือ เขาเดินอยู่ในป่าทึบ ระหว่างนั้นก็ใช้ธนูล่าไก่ฟ้ามาได้ถึงสี่ตัว


ครั้งนี้ต้าป๋ายก็ได้แสดงความสามารถออกมาเป็นครั้งแรก มันปีนป่ายไปบนต้นไม้เพื่อหยิบเอารังนกออกมา มันใช้ปากคาบไข่นกเอาไว้แล้วนำไปมอบให้กับฉินสือโอว


“ถือว่าไม่ได้เลี้ยงเสียข้าวสุก เฮเกลพูดถูกแล้ว มีชีวิตอยู่จึงสมเหตุสมผล ตอนนี้ต้าป๋ายเองก็พอใช้ได้เลย มันแสดงให้เห็นถึงคุณค่าของตัวมันเองแล้ว” ฉินสือโอวพูดกับนีลเซ็นด้วยรอยยิ้ม


อีวิลสันเข้ามาดูใกล้ๆ จากนั้นก็หยิบไข่นกไปสองใบ ฉินสือโอวนึกว่าเขาอยากรู้ว่ามันคืออะไร แต่ปรากฏว่าเจ้าหมอนี่กลับตอกไข่ แล้วกลืนไข่ขาวกับไข่แดงดิบๆ พวกนั้นลงไปทันที


“อีวิลสัน เมื่อเช้านายกินข้าวไม่อิ่มเหรอ?”


“ไม่ อีวิลสันกินอิ่มแล้ว”


“ถ้าอย่างนั้นนายจะกินไข่เข้าไปทำไม? มันยังดิบอยู่นะ”


“กินอิ่มแล้วแต่ก็ยังไม่ได้กินอีก แถมยังเดินมานานขนาดนี้ บอส อีวิลสันหิวอีกแล้ว”


“เวรเอ๊ย แบบไหนที่เรียกว่าเดินมานานขนาดนี้? พวกเราเพิ่งจะกินมื้อเช้าไปเมื่อสิบห้านาทีที่แล้วนี่เองนะ”


เดินเล่นเอ้อระเหย แค่แป๊บเดียวก็ลงมาถึงตีนเขาแล้ว ฉินสือโอวรออยู่ครึ่งชั่วโมง วินนี่กับคนอื่นๆ เดินโอ้เอ้จนมาสาย เขาจึงบอกว่าจะขอขับรถกลับไปก่อน


กลับมาถึงวิลล่า แม่กระรอกดินกำลังพาลูกๆ ของมันฝึกขุดรูอีกครั้ง


พูดถึงเรื่องนี้ฉินสือโอวก็ค่อนข้างจนปัญญาแล้วเหมือนกัน กระรอกดินพวกนี้พากันขุดจนสนามหญ้าเป็นหลุมเป็นบ่อ จะกลบรูก็เปลืองแรงเสียเปล่า พูดก็ไม่ฟัง นี่เป็นสัญชาตญาณโดยธรรมชาติของกระรอกดิน ความต้องการที่จะขุดรูของพวกมันมีมากกว่าความต้องการด้านอาหารเสียอีก


ฉินสือโอวผายมือออกไปเพื่อสั่งให้หู่จือและเป้าจือไปขู่ครอบครัวกระรอกดินให้กลัว ภายใต้การนำของแม่กระรอกดิน ลูกๆ ทั้งสี่ตัวจ้องมองไปที่หู่จือกับเป้าจืออย่างใจเย็น จากนั้นก็ขยับอุ้งเท้าด้วยความรวดเร็ว พวกมันขุดหลุมเล็กๆ ของตัวเองแล้วมุดลงไปทันที


หู่จือและเป้าจือไม่เข้าใจเรื่องนี้ คิดว่าจะใช้วิธีนี้หนีไปได้อย่างนั้นเหรอ? พวกมันก็เริ่มขุดหลุมเช่นกัน ใช้เท้าหน้าถางพื้นด้วยความรวดเร็ว แต่กลับพบแค่เศษดินที่กระเด็นออกมาเท่านั้น พวกมันจึงขยายปากรูให้กว้างขึ้นกว่าเดิมอีกสองรอบ


“หยุดๆ ๆ!” ฉินสือโอวทำได้แค่ตะโกนสั่งให้พวกมันหยุด แหย่กระรอกดินพวกนี้ไม่ได้เลยจริงๆ เขาเลยพาหู่จือเป้าจือกลับมาที่วิลล่า


ที่หน้าประตูของวิลล่า ปอหลัวกำลังนอนขี้เกียจสันหลังยาวอยู่บนพื้น ปากของมันขมุบขมิบไม่หยุด ดูเหมือนกับกำลังเคี้ยวอะไรอยู่ตลอดเวลา นี่เป็นเรื่องปกติมาก กวางอูฐมีสัญชาตญาณเหมือนกันกับวัวและแกะ พวกมันต่างก็เป็นสัตว์เคี้ยวเอื้อง


บุชกระโดดขึ้นมาอยู่บนตัวของปอหลัว กระดกหางใหญ่ๆ ไปมา


ในวัยเด็กอินทรีหัวขาวจะเติบโตอย่างรวดเร็ว ใช้เวลาแค่ครึ่งปี พวกมันก็จะโตจนตัวเท่ากันกับพ่อแม่ของพวกมัน กระทั่ง อินทรีหัวขาวที่ยังไม่โตเต็มวัยก็มักจะตัวใหญ่กว่าอินทรีหัวขาวบางตัวที่โตเต็มที่แล้วนี่เป็นเพราะอินทรีหัวขาวที่ยังหนุ่มจะมีขนหางและขนปีกที่ยาวกว่า


แน่นอนว่า ถ้าพูดถึงน้ำหนักตัวแล้ว อินทรีหัวขาวที่โตเต็มวัยก็ย่อมมีน้ำหนักมากว่าอินทรีหัวขาวที่ยังเด็ก


นอกจากนี้ ขนของอินทรีหัวขาวที่ยังไม่โตเต็มวัยจะเป็นสีน้ำตาลเข้มทั่วทั้งตัว ต้องรอจนกระทั่งอายุสี่ถึงหกปี ขนส่วนหัว ส่วนคอและส่วนปีกของพวกมันถึงจะค่อยๆ กลายเป็นสีขาว


บุชเหยียบไปมาอยู่บนตัวของปอหลัว กวางอูฐที่ขี้หงุดหงิดก็ยังอดทนอดกลั้น นี่อาจจะเป็นพลังของสัตว์ที่เป็นศัตรูกันโดยธรรมชาติ ลูกกวางก็เป็นอาหารชนิดหนึ่งของอินทรีหัวขาว พวกมันมีพละกำลังมหาศาล เพียงพอที่จะจับลูกกวางแล้วบินขึ้นไปได้


พอมองเห็นฉินสือโอว บุชก็กางปีกออกจากนั้นก็โดดลงมาจากบนหลังของปอหลัว มันร้องแควกๆ ไปพร้อมกับวิ่งเข้ามาหาฉินสือโอว


ฉินสือโอววางแขนลง บุชก็กระโดดขึ้นมาตรงกลางท่อนแขนเขาทันที กรงเล็บใหญ่งุ้มปิด เกาะแขนของฉินสือโอวไว้แน่น ถึงมันจะยังเด็ก แต่กรงเล็บของมันมีพละกำลังไม่น้อยเลย


ตามกาลเวลาที่ล่วงเลยไป บุชเริ่มแสดงให้เห็นถึงการเติบโตของมันบ้างแล้ว อย่างเช่นตรงโหนกคิ้วของมัน ก็นูนขึ้นมามากกว่าตอนที่ฉินสือโอวเพิ่งจะเก็บมันมาเลี้ยงนิดหน่อยแล้ว


โหนกคิ้วของอินทรีหัวขาวเป็นเอกลักษณ์ของพวกมัน ซึ่งจะนูนออกมาข้างนอก แบบนี้จะทำให้พวกมันดูดุร้ายยิ่งขึ้น


ส่วนที่ยื่นออกมาแบบนี้เป็นผลมาจากวิวัฒนาการทางธรรมชาติ ซึ่งจะช่วยปกป้องดวงตาของนกอินทรีจากความร้อน และยังสามารถกำบังลมและป้องกันฝุ่นได้อีกด้วย


อีกทั้ง อินทรีหัวขาวชอบที่จะบินขึ้นไปพักบนต้นไม้ พวกมันมีลำตัวขนาดใหญ่ ทำให้มักจะชนเข้ากับกิ่งไม้ได้อย่างง่ายดาย เมื่อเป็นเช่นนี้ถ้าหากมีกิ่งไม้ที่ดีดขึ้นมา โหนกคิ้วที่นูนขึ้นมาก็จะช่วยปกป้องไม้ให้ดวงตาของพวกมันได้รับบาดเจ็บ


ตามปกติแล้ว ลูกอินทรีหัวขาวที่ยังมีอายุไม่ถึงหนึ่งเดือนเต็มจะไม่มีโหนกคิ้วที่นูนขนาดนี้ อย่างน้อยต้องรอให้มีอายุครบหนึ่งปี โหนกคิ้วถึงจะเริ่มโต


ฉินสือโอวพอจะทราบถึงสถานการณ์แบบนี้มาก่อน เขาจึงเดาว่าที่บุชมีการเจริญเติบโตที่รวดเร็วขนาดนี้ อาจจะเป็นเพราะได้รับผลกระทบมาจากพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอน


พลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนมีผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตที่ต่างกันออกไป น่ามหัศจรรย์มาก จนถึงตอนนี้ฉินสือโอวก็ยังไม่ได้ศึกษาให้แน่ชัด แน่นอนว่า เขาไม่เคยศึกษามันอย่างจริงจังมาก่อนเช่นกัน


ทานมื้อเที่ยงเรียบร้อยแล้ว ฉินสือโอวจึงกางร่มกันแดดนั่งเล่นโทรศัพท์ที่ริมชายหาด ปรากฏว่าทันใดนั้นหู่จือกับเป้าจือก็ลุกขึ้นมาแล้วมองไปที่วิลล่าอย่างระมัดระวังตัว


ฉินสือโอวหันกลับไปมอง ก็พบกับเงาของมาคส์ วิล เขาเดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มแล้วกล่าวทักทาย “ฉันรู้อยู่แล้ว เพื่อน เวลานี้นายต้องกำลังนอนพักอยู่ที่นี่แน่ๆ นายเป็นคนที่มีอารมณ์สุนทรีย์จริงๆ เพื่อน”


อีวิลสันเห็นว่าวิลมาที่นี่ จึงยกเก้าอี้นอนหนึ่งตัวแล้ววิ่งมาที่วิลล่า อีกทั้งยังหยิบไอซ์ไวน์มาด้วยหนึ่งขวด


ฉินสือโอวยกนิ้วโป้งให้อีวิลสันเพื่อชมว่าเขาทำได้ดีมาก อีวิลสันหัวเราะแหะๆ และยิ้มซื่อๆ จากนั้นก็นั่งลงบนชายหาดเพื่อเล่นกับหู่จือและเป้าจือ


ฉงต้ายังฝังใจกับเขามาโดยตลอด ขอแค่อีวิลสันปรากฏตัว มันก็จะหลบอยู่ด้านหลังของฉินสือโอวอย่างแน่นอน ถ้าตอนนั้นไม่ใช่เพราะพ่อฉินช่วยไว้ มันคงจะถูกอีวิลสันฆ่าตายแน่ๆ อีกทั้ง ยังจินตนาการได้ว่า เจตนาในการฆ่าของอีวิลสัน ก็เพื่อจะเอาเนื้อมันมากิน…


เมื่อวิลมาถึงก็ขอบคุณฉินสือโอวที่ช่วยดึงตัวเขามาสร้างสนามยิงปืนก่อนเป็นอย่างแรก ถึงแม้จะเป็นงานเล็กๆ แต่ก็เป็นงานที่ทำเงินได้เหมือนกัน ในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำของนิวฟันด์แลนด์นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ


หลังจากแสดงความขอบคุณแล้ว วิลก็ส่งคำเชื้อเชิญออกมา “ฉิน อีกสองวันก็จะตรวจรับโครงงานแล้ว ฉันพอจะมีเวลาว่างอยู่ นายไปเป็นแขกให้บ้านฉันหน่อยเถอะ ภรรยากับลูกของฉันได้ฟังเรื่องนาย ก็เลยอยากจะรู้จักนายน่ะ”


ช่วงนี้ฉินสือโอวไม่มีอะไรให้จัดการ ก็มีวันที่ 20 เดือนกันยายนที่บิลลี่เชิญให้เขาไปร่วมงานประมูล แต่เขายังไม่ได้ตัดสินใจที่จะไปเข้าร่วมงานประมูล


ดังนั้น เขาจึงตอบรับคำเชิญของวิล เขาจะลองปรึกษากับวินนี่ เพื่อหาเวลาไปเยี่ยมบ้านของวิลสักหน่อย


เมื่อคุยเรื่องนี้จบแล้ว วิลดื่มไอซ์ไวน์ได้สองแก้วก็ขอตัวกลับ ฉินสือโอวไม่มีอะไรทำเลยเล่นโทรศัพท์ต่ออีกสักพักแล้วกำลังเตรียมตัวนอน ปรากฏว่าโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง


………………………………


บทที่ 305 ไปเป็นแขก

โดย

Ink Stone_Fantasy

เป็นสายของเอี๋ยนตงเหล่ยที่โทรเข้ามา เขาเป็นประธานสมาคมช่วยเหลือคนแคนาดาเชื้อสายจีนและชาวจีนโพ้นทะเลสาขานิวฟันด์แลนด์นั่นเอง


พอฉินสือโอวรับโทรศัพท์ เสียงหัวเราะสดใสของเอี๋ยนตงเหล่ยก็ดังขึ้นมา “ฉิน ช่วงนี้นายฮ็อตมากๆ เลยนะ”


ได้ยินอย่างนี้ ฉินสือโอวก็เข้าใจความหมายทันที เขาหัวเราะฝืดๆ แล้วพูดว่า “เพื่อนพี่น้องชาวจีนทำกันเจ็บแสบเกินไปแล้ว โชคดีที่ฉันไม่มีเวยป๋อ ไม่อย่างนั้นต้องวุ่นวายแน่ๆ ล่ะ”


ทั้งสองคนคุยกันเล่นอยู่สองสามคำ เอี๋ยนตงเหล่ยก็พูดเรื่องที่ตั้งใจจะพูดออกมา “ช่วงนี้สมาคมช่วยเหลือคนแคนาดาเชื้อสายจีนและชาวจีนโพ้นทะเลมีการจัดกิจกรรมอยู่ ไม่รู้ว่านายจะสนใจไหม มีกิจกรรมวันรำลึกกรณี 18 กันยายน กับเทศกาลไหว้พระจันทร์วันที่ 30 แล้วก็มีอีกอันหนึ่งที่เป็นกิจกรรมวันชาติตอนเดือนตุลาคม”


ฉินสือโอวไม่ถือสาที่จะเข้าร่วมกิจกรรมชุมนุม ได้ทำความรู้จักกับคนระดับสูงไว้บ้างก็คงจะดี แต่เขาก็รู้สึกลำบากใจจริงๆ จึงตอบกลับไปว่า “เทศกาลไหว้พระจันทร์ฉันต้องกลับบ้าน ช่วงเทศกาลนี้ฉันต้องกลับไปอยู่กับพ่อแม่”


เทศกาลไหว้พระจันทร์เกือบจะอยู่ติดๆ กันกับเทศกาลเฉลิมฉลองวันชาติจีน ถ้าเขากลับประเทศไปฉลองเทศกาลไหว้พระจันทร์ ก็จะไม่สามารถเข้าร่วมกิจกรรมงานเลี้ยงฉลองวันชาติจีนได้


เอี๋ยนตงเหล่ยให้ความสำคัญกับเศรษฐีอายุน้อยอย่างฉินสือโอวมาก เขาจึงถามว่า “พาคุณลุงกับคุณป้ามาที่นิวฟันด์แลนด์ได้ไหม? เรามีพี่น้องชาวจีนอยู่ที่นี่เยอะมาก งานชุมนุมก็คึกคักมากๆ เลยล่ะ”


ฉินสือโอวฝืนยิ้ม แล้วพูดกับเขาว่า “อันนี้ฉันคงทำไม่ได้ พี่ใหญ่เอี๋ยน พี่อาจจะไม่รู้ พ่อกับแม่ของผมเป็นชาวสวนที่หัวรั้นมาก พวกท่านมีความรู้สึกผูกพันกับที่ดินแบบที่ผมเองก็ไม่เข้าเหมือนกัน ช่วงฤดูใบไม้ร่วงไม่ว่าจะอะไรยังไงพวกท่านจะไม่ยอมห่างจากบ้านเด็ดขาด”


เรื่องนี้ที่บ้านเกิดของฉินสือโอวพบได้บ่อยมาก หลายคนที่ออกไปทำงานข้างนอก เมื่อถึงช่วงเทศกาลเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วงก็จะพากันลางานเพื่อกลับมาทำงานเกษตรที่บ้าน ถึงแม้ว่าเงินที่ได้จากการขายสินค้าเกษตรทั้งหมดจะชดเชยเงินเดือนที่พวกเขาเสียไปไม่ได้ก็ตาม


ในเมื่อฉินสือโอวพูดขนาดนี้แล้วเอี๋ยนตงเหล่ยก็จนปัญญาแล้วเหมือนกัน เขาบอกกับฉินสือโอวว่า “นายสนใจกิจกรรมวันรำลึก 18 กันยายนไหม? ถึงตอนนั้นคนจีนที่จะมาร่วมงานก็มีอยู่เยอะเหมือนกัน”


ไม่สนใจก็คงต้องเข้าร่วมอยู่ดี ถ้าปฏิเสธคำเชิญชวนของเขาทั้งสามครั้ง ก็คงจะเป็นการเสียมารยาทไม่น้อย ต่อไปถ้ามีกิจกรรมอะไรอีกเขาก็คงไม่มาชวนให้เข้าร่วมอีกแล้ว


เมื่อตกลงกันเรียบร้อย เอี๋ยนตงเหล่ยก็วางสายไป ตอนท้ายเขาบอกกับฉินสือโอวว่าเดี๋ยวจะส่งอีเมลมาให้เขา ด้านในมีบัตรเชิญกับข้อควรระวังบางอย่าง ให้เขาเช็กอีเมลด้วย


หลังจากพักผ่อนตอนเที่ยง ฉินสือโอวก็ลองเปิดอ่านอีเมลดู ข้างในมีบัตรเชิญอิเล็กทรอนิกส์ ต้องดาวน์โหลดไว้ก่อน พอถึงเวลาก็ต้องสแกนบัตรนี้ถึงจะเข้างานได้


นอกจากนี้ข้อควรระวังก็ค่อนข้างสำคัญ หลังจากงานเลี้ยงครั้งนี้จะมีกิจกรรมเพื่อการกุศล ทุกๆ คนจะต้องร่วมประมูลของด้วยเล็กน้อย เงินทุนที่ได้มาจะถูกสมทบทุนให้กับกองทุนธุรกิจชาวจีนโพ้นทะเล เพื่อนำมาใช้ในการช่วยเหลือการพัฒนากิจการของผู้ที่มีเชื้อสายจีน


แน่นอนว่า ไม่มีเงื่อนไขสำหรับสินค้าที่นำมาร่วมประมูล จะเป็นภาพวาดที่วาดด้วยตนเอง หรืออาจจะเป็นของเล่นชิ้นเล็กๆ ที่เก็บสะสมไว้ก็ได้ ถ้าถึงเวลานั้นแล้วไม่มีใครประมูล ก็สามารถใช้เงินของตัวเองประมูลมาในหลักร้อยหรือหลักพันก็ได้ นี่ก็ถือว่าเป็นการบริจาคเงินเช่นกัน


ฉินสือโอวเล่าเรื่องคำเชิญชวนของวิลกับงานเลี้ยงวันรำลึกกรณี 18 กันยายนให้วินนี่ฟังแล้ว เขาต้องควงสาวไปด้วยทั้งสองงาน วินนี่จำเป็นต้องลางานด้วย


วินนี่บอกว่าไม่มีปัญหา ตอนนี้เธอไม่ได้นำนักท่องเที่ยวทั้งหมด หลักๆ แล้วก็จะรับหน้าที่พากรุปทัวร์ไปซื้อของที่นครเซนต์จอห์นกับเยี่ยมชมเมืองแฟร์เวลเท่านั้น


พอทานมื้อเย็นเสร็จ วินนี่ก็พาหู่จือ เป้าจือกับฉงต้าไปเดินเล่นที่ชายหาด ส่วนฉินสือโอวก็เพ่งจิตสำนึกแห่งโพไซดอนลงไปวนดูรอบๆ ฟาร์มปลา


ฟาร์มปลาไม่มีปัญหาด้านการพัฒนา ฝูงปลายังคงรวมตัวกันอยู่ที่บริเวณน่านน้ำของฟาร์มปลาต้าฉินเป็นหลัก ปลาในฟาร์มปลาที่เหลืออีกสี่แห่งยังมีอยู่ไม่มากนัก ทว่าก็เริ่มปรากฏร่องรอยของพวกมันบ้างแล้ว ฉินสือโอวถ่ายทอดพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนให้แก่พวกสาหร่ายทะเลที่อยู่ในฟาร์มปลา มีแค่การพัฒนาชั้นล่างสุดของห่วงโซ่อาหารเท่านั้น ถึงจะสามารถสร้างวัฏจักรทางนิเวศวิทยาที่สมบูรณ์ขึ้นมาได้


จากนั้นฉินสือโอวก็นึกขึ้นมาได้ว่า ช่วงนี้เขาเก็บเกี่ยวมากเกินไป แต่ยังขาดการบุกเบิก ดังนั้นเขาจึงควบคุมฉลามขาวกับปลามาร์ลินให้ไปยังทางทิศตะวันตกเฉียงใต้กับทิศตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อดูว่าพอจะหาของดีๆ เจอไหม


วันที่ 14 เดือนกันยายน ฉินสือโอวพาวินนี่ไปเป็นแขกที่บ้านวิลด้วยกัน นี่เป็นการไปมาหาสู่ทั่วไป ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องสวมชุดแบบทางการ


ฉินสือโอวนำปลาลิ้นหมากับปูราชินีแช่แข็งที่เป็นผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่อของฟาร์มปลาไปเป็นของขวัญ นอกจากนี้เขายังรู้ว่าวิลมีลูกชายอายุแปดขวบหนึ่งคนกับลูกสาวอายุสองขวบอีกหนึ่งคน จึงลองปรึกษาวินนี่ วินนี่เลยช่วยเลือกชุดของเล่นทรานส์ฟอร์มเมอร์สให้กับเด็กๆ ตอนนี้หนังเรื่องทรานส์ฟอร์มเมอร์สกำลังเป็นที่นิยมรับชมจากทั่วทุกมุมโลก จึงทำให้ของเล่นเป็นที่นิยมไปด้วย


วิลขับรถกระบะเชฟโรเลตซิลเวอร์ราโดมารับพวกเขา รถรุ่นนี้เป็นรถกระบะอันดับสองตลอดกาลในตลาดรถกระบะของอเมริกาเหนือ ยี่ห้อที่ขายดีที่สุดก็คือรถฟอร์ดเอฟ150 ลำดับต่อมาถึงจะเป็นรถเชฟโรเลตรุ่นนี้


ที่อเมริกากับแคนาดา รถกระบะจะขายดีเป็นพิเศษ ตอนที่ฉินสือโอวไปเที่ยวที่นครเซนต์จอห์นกับมอนทรีออลหรือที่อื่นๆ รถยนต์บนท้องถนนที่พบมากที่สุดก็เป็นรถกระบะไม่ใช่รถยนต์ซีดาน


ข้อนี้ก็มีความเกี่ยวข้องกับสภาพการณ์ของประเทศแคนาดาเช่นกัน พื้นที่ของประเทศนี้กว้างใหญ่เกินไปจริงๆ เมืองเล็กต่างๆ ตั้งกระจัดกระจายอยู่บนพื้นดินกว้างใหญ่


ดังนั้นสำหรับชาวแคนาดาที่ไม่ได้อาศัยอยู่ในเขตเมือง การใช้ชีวิตจึงไม่ได้สะดวกสบายนัก โดยทั่วไปแล้วระยะห่างจากบ้านกับซูเปอร์มาร์เก็ตที่ใกล้ที่สุดจะอยู่ที่ห้าสิบกิโลเมตร หรือกระทั่งหนึ่งร้อยกิโลเมตรขึ้นไป ถ้าหากไม่อยากจะเหนื่อยเดินทางไกลทุกวัน ทุกครั้งที่เข้าไปซื้อของส่วนใหญ่แล้วก็ต้องซื้อของมาเก็บไว้จนเกือบจะเท่ากันกับร้านค้าขนาดย่อม ถ้าไม่มีรถกระบะก็คงทำไม่ได้


นอกจากนี้ ก็ยังได้รับอิทธิพลด้านวัฒนธรรมการใช้รถกระบะมาจากอเมริกา ชาวแคนาดาก็มีวัฒนธรรมการใช้รถกระบะเช่นกัน หลายครัวเรือนได้รับรถกระบะที่ส่งต่อมาจากรุ่นปู่ ข้อนี้ส่งผลต่อการตัดสินใจเวลาที่พวกเขาต้องการเลือกซื้อรถ ถึงอย่างไรปู่กับพ่อก็ขับรถกระบะกันทั้งนั้น ตอนเป็นเด็กพวกเขาก็ได้สัมผัสแต่กับรถกระบะ ถ้าอย่างนั้นทำไมเวลาซื้อรถไม่เลือกซื้อรถกระบะเสียล่ะ?


เชฟโรเลตซิลเวอร์ราโดเป็นรถกระบะรุ่นคลาสสิค แรงบุกเต็มกำลัง มีชื่อเล่นว่า ‘หัวรถจักร’ ในโฆษณาตัวอย่างที่กระบะของรถรุ่นนี้จะบรรทุกเครื่องยนต์เทอร์โบแฟนของเครื่องบินไว้ จากนั้นก็วิ่งทะยานไปบนพื้นน้ำแข็งของแคนาดา เพื่อแสดงให้เห็นถึงสมรรถนะที่โดดเด่นเหนือชั้นของมัน


หลังจากขึ้นรถมาแล้ว วินนี่ก็คุยกับวิลเรื่องวัฒนธรรมของรถกระบะ เรื่องนี้ฉินสือโอวไม่ได้มีส่วนร่วมในการสนทนาด้วย ในความคิดของเขารถที่ยอดเยี่ยมที่สุดก็คือรถซูเปอร์คาร์ หรือไม่ก็รถหรูอย่างรถเอสยูวี รถกระบะพวกนี้ไม่ใช่ของที่เขาโปรดปรานเลย


แต่กับวิล เขารักรถกระบะที่สุด หลังจากวินนี่ยกเรื่องนี้ขึ้นมาเขาก็พูดขึ้นด้วยความสนอกสนใจเป็นอย่างยิ่ง “ครอบครัววิลของเราอาศัยรถกระบะมือสองในการก่อร่างสร้างตัว ฉันยังจำได้อยู่เลย ตอนนั้นปู่ของฉันซื้อรถฟอร์ดเฮฟวี่ ดิวตี้!”


“เฮฟวี่ ดิวตี้? อ้อ นั่นเป็นรถรุ่นคลาสสิคที่ดีเลย วิล ฉันต้องยอมรับเลย คุณปู่ของคุณซื้อของได้ล้ำค่าจริงๆ ป๊อปอาย เป็นรถกระบะชั้นยอดรุ่นแรกของฟอร์ด ถ้ามีมันอยู่จะทำอะไรก็สะดวกสบายทุกอย่าง มันใช้เครื่องยนต์ 95 แรงม้า หกสูบเรียงแบบ 3.6 ลิตรใช่ไหมคะ? คุณปู่ของฉันก็เคยมีคันหนึ่ง ท่านมองมันเป็นสมบัติล้ำค่าเลยล่ะค่ะ” วินนี่พูดต่อ


วิลพยักหน้ารับอย่างมีความสุข “ใช่แล้ว ใช่แล้ว วินนี่ คุณพูดได้ถูกต้องทั้งหมดเลย เพราะได้พึ่งพารถกระบะคันนั้นนั่นล่ะ ครอบครัววิลของเราถึงเริ่มงานรับเหมาก่อสร้างได้ ตั้งแต่เริ่มแรกที่รับขนซีเมนต์ มาจนถึงช่วงที่พวกเรารับทำเอง หลานชายของทาสคนดำ ก็ค่อยๆ มีทีมก่อสร้างเป็นของตัวเอง


“เป็นตำนานเลยค่ะ ฉันพูดได้แค่นี้” วินนี่พูดพร้อมพยักหน้า


วิลหัวเราะฮ่าๆ รอจนมาถึงบ้านของเขา ฉินสือโอวรู้สึกว่าเจ้าหมอนี่แทบจะตัดหัวไก่ เผากระดาษเหลือง[1]จนกลายมาเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับวินนี่อยู่แล้ว


ส่วนตัวเขาน่ะเหรอ? มาจากทางไหนก็ไสหัวกลับไปทางนั้น นายรู้จักรถกระบะฟอร์ดรุ่นที่หนึ่งกับรุ่นที่สองไหม? รู้จักเชฟโรเลต รู้จักเส้นทางการต่อสู้ของดอดจ์กับรถกระบะรุ่นใหญ่ของฟอร์ดทั้งสามรุ่นไหม? ไม่ ไม่รู้จัก…


……………………………………..….


[1] ตัดหัวไก่ เผากระดาษเหลือง เป็นพิธีสาบานที่เคยเป็นที่นิยมของชาวฮ่องกง


บทที่ 306 สนามบ้าน

โดย

Ink Stone_Fantasy

บ้านของวิลอยู่ทางฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของนครเซนต์จอห์น จากใจกลางเมืองใช้เวลานั่งรถราวๆ ยี่สิบนาที


เหมือนกันกับบ้านเดี่ยวแบบวิลล่าขนาดเล็กที่มักจะปรากฏในหนังฮอลลีวูด บ้านของวิลเป็นลักษณะแบบนั้น มีสวนขนาดเล็ก โรงจอดรถ บรรยากาศสีเขียวรอบๆ ก็ดีมาก แถมยังนับว่าเป็นบ้านริมทะเล เดินไปไม่กี่นาทีก็ถึงริมชายฝั่งแล้ว


เมืองใหญ่ทุกเมืองในแคนาดา นอกจากใจกลางเมือง ก็จะมีบ้านแบบวิลล่าขนาดเล็กลักษณะนี้มากที่สุด เทียบได้กับบ้านหลังคามุงกระเบื้องที่ก่อด้วยอิฐสีเทาในเขตชนบทของจีน แน่นอนล่ะว่า มันไม่ได้แข็งแรงทนทานเท่าบ้านอิฐสีเทา แต่มีความสวยงามมากกว่า


บ้านของวิลไม่ได้อยู่ติดกันกับเพื่อนบ้าน มันอยู่ห่างกันห้าสิบหกสิบเมตร นี่จึงกลายเป็นสภาพแวดล้อมแบบบ้านเดี่ยวที่อยู่กันครอบครัวเดียว ทางเดินหน้าประตูปลูกต้นเมเปิลแดงไว้หนึ่งแถว บริเวณรอบๆ บ้านมีพุ่มดอกกุหลาบ ดอกไม้พวกนี้มีสีสันหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นสีแดง สีขาว สีเหลือง เบ่งบานให้สีสันงามตา


เมื่อลงจากรถ ก็มาถึงคราวของฉินสือโอวแล้ว เขาเอ่ยชมว่า “บ้านหลังนี้ไม่เลวเลย มีสไตล์มาก บรรยากาศก็เยี่ยมยอด”


วิลกล่าวขอบคุณด้วยรอยยิ้ม เขาตะโกนขึ้นมาหนึ่งครั้ง ผู้หญิงผิวดำคนหนึ่งก็เปิดประตูออกมาจากด้านใน เมื่อมองเห็นฉินสือโอวกับวินนี่เธอก็กางแขนออกเพื่อมอบอ้อมกอดอบอุ่น


“มาร์คมักจะพูดถึงคุณอยู่เสมอ มิสเตอร์ฉิน เขาบอกว่าคุณเป็นคนรวยที่น่าเคารพและมีเมตตา ขอบคุณความช่วยเหลือของคุณที่มีต่อครอบครัวเรานะคะ” เมื่อภรรยาของวิลพูดกับฉินสือโอวจบแล้ว ก็หันมาหาวินนี่ “ภรรยาของคุณฉิน สำหรับความสวยและสง่างามของคุณแล้ว ฉันพูดได้แค่ว่าน่าตกตะลึง ฉันไม่เคยเห็นผู้หญิงที่สง่างามเท่าคุณมาก่อนเลย”


ฉินสือโอวยิ้มออกมา เขาอยากอธิบายว่าเขากับวินนี่ยังเป็นแค่แฟนกัน แต่วินนี่ก็กอดกับภรรยาของวิลแล้วพูดขอบคุณแล้ว


เอาเถอะ ลูกสะใภ้คนนี้หนีไม่ทันแล้วล่ะ


พอเข้ามาในบ้าน ฉินสือโอวก็หยิบเอาของขวัญที่เขาเตรียมไว้ออกมาก่อน นี่เป็นของขวัญที่พวกเขาตั้งใจเตรียมมาเป็นพิเศษ ซีมอนสเตอร์ที่ฉลาดและมีฝีมือใช้ท่อนไม้กับเหล็กกล้าทำโมเดลจำลองขึ้นมาหนึ่งชิ้น


ตรงกลางฐานโมเดลมีแบบจำลองวิลล่าหลังเล็กที่สร้างขึ้นมาอย่างเรียบง่ายหนึ่งหลัง มีหาดทรายที่ยื่นลงไปกลางน้ำ และมีท่าเรือแบบดั้งเดิมที่ทำมาจากท่อนไม้ที่นำมาทาสีเหมือนปูนซีเมนต์ กับท่าเทียบเรือบล็อกคอนกรีตที่ทำมาจากเหล็กกล้าอีกหนึ่งท่า


“มาร์ค พวกเรารู้ว่าจะมาเป็นแขกที่นี่ นี่คือของที่คนของฉันตั้งใจทำให้นายโดยเฉพาะ เพื่อเป็นการขอบคุณทีมงานก่อสร้างของนายที่ช่วยสนับสนุนฟาร์มปลาของเรา” ฉินสือโอวนำโมเดลออกมาวางไว้


พอเห็นแบบจำลองชิ้นนี้ ดวงตาของวิลก็เป็นประกาย เขารีบเติมน้ำลงไปทันที เมื่อเป็นเช่นนี้ตำแหน่งของท่าเรือฟาร์มปลาต้าฉินบนแบบจำลองอย่างง่ายก็ปรากฏออกมา


“ฉิน นี่เป็นของขวัญที่ดีที่สุดที่ฉันได้รับในปีนี้เลย ถ้าหากส่งให้ฉันในช่วงเทศกาลคริสต์มาส บอกตามตรงเลยว่า ฉันคิดว่าฉันคงจะร้องไห้แน่ๆ” วิลกล่าวอย่างเกินจริง


ภรรยาของวิลพูดด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มว่า “มาร์คก็เป็นคนอ่อนไหวแบบนี้ล่ะค่ะ แน่นอนเลย พวกคุณอาจจะคิดว่าเขาประหลาดก็ได้”


สำหรับชื่อมาร์คของวิล ทุกครั้งที่ฉินสือโอวได้ยินก็ค่อนข้างจะรู้สึกแปลกๆ เหมือนกัน ชื่อนี้เหมือนกันกับชื่อของอาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งชนชั้นกรรมาชีพเลยนี่นะ


ปลาลิ้นหมา ปูราชินี กับหอยกูอีดั๊กถูกวางไว้ในครัว วิลใช้น้ำแช่พวกมันไว้ก่อน จากนั้นก็พาฉินสือโอวกับวินนี่ไปที่สวนด้านหลัง ส่วนภรรยาของวิลก็เริ่มเตรียมอาหารเที่ยง


สวนหลังบ้านคล้ายกันกับสวนดอกไม้ขนาดเล็ก มีทางเดินก้อนกรวดเล็กๆ โค้งวนอยู่รอบๆ ฝั่งหนึ่งคือพุ่มดอกไม้ที่มีสีสันสวยงาม ส่วนอีกด้านคือศาลาบังแดดที่สะดวกสบาย


บนพื้นหญ้าตรงประตูด้านหลัง เด็กชายผิวดำไม่สวมเสื้อผ้าท่อนบนกำลังเล่นรถของเล่นอยู่ ในรถเข็นเด็กที่อยู่ข้างๆ กัน ก็มีเด็กหญิงผิวสีที่กำลังอมนิ้วโป้งของตัวเองเล่น


วิลแนะนำให้ฉินสือโอวฟังว่า เด็กผู้ชายมีชื่อว่าแมรี่แลนด์ ที่เป็นชื่อเมืองแห่งหนึ่ง ส่วนเด็กผู้หญิงมีชื่อว่าเคธี่


แมรี่แลนด์ทักทายทั้งสองคนอย่างน่าเอ็นดู เห็นได้ชัดว่า ครอบครัวของวิลมีการอบรมที่ดีมาก พอเคธี่ได้พบกับวินนี่ก็ส่งเสียงร้องอ้อแอ้เพื่อขอกอด ส่วนฉินสือโอวน่ะเหรอ?


ตาลุงกินเด็ก ลาก่อนล่ะ…


ฉินสือโอวส่งของขวัญให้ ทำให้ได้รับคะแนนกลับคืนมาไม่น้อย แมรี่แลนด์กอดทรานส์ฟอร์มเมอร์สกองใหญ่เอาไว้พร้อมกับรอยยิ้มที่แทบจะหุบไม่ลง แล้วก็เอารถของเล่นที่เขากำลังเล่นอยู่เมื่อก่อนหน้านี้ให้ฉินสือโอวเล่น


พอฉินสือโอวได้เห็น โห ขนาดรถของเล่นไฟฟ้าก็ยังเป็นรถกระบะ เผยแพร่วัฒนธรรมความรู้เรื่องรถกระบะได้ดีจริงๆ


เล่นกับเด็กๆ ทั้งสองคนอยู่พักหนึ่ง วิลก็เชิญฉินสือโอวกับวินนี่ให้ไปนั่งที่ศาลา ภรรยาของวิลถืออุปกรณ์มาหนึ่งชุด ฉินสือโอวก็มองดูด้วยความสนอกสนใจ มีเครื่องตีส่วนผสมไฟฟ้า ถังน้ำแข็งที่มาพร้อมกับที่คีบน้ำแข็ง เหยือกค็อกเทล เครื่องปั่นน้ำผลไม้ ที่แยกกากกับถ้วยตวงและอุปกรณ์อื่นๆ


หลังจากนั้น ภรรยาของวิลก็นำขวดโหลบางส่วนมาอีก ข้างในมีเหล้าแอบแซ็งธ์ ไวน์เวอร์มุธ ไวน์ขาว ไวน์แดง แชมเปญ โทนิค โซดาอื่นๆ ซึ่งเป็นเครื่องดื่มทั้งหมด


ฉินสือโอวเข้าใจแล้ว วิลต้องการจะผสมเหล้านั่นเอง เขาเคยเห็นมาจากร้านเหล้าดวงดาวเปล่งประกาย อุปกรณ์ของที่นั่นมีขั้นตอนซับซ้อนกว่าตรงนี้มากนัก


“ฉันเคยได้ยินมาว่านายชอบดื่มไอซ์ไวน์กับมาร์ตินีใช่ไหม?” วิลแกว่งแก้วผสมค็อกเทลไปมา “พอดีว่าฉันมีเหล้าสูตรลับเฉพาะ ชื่อว่ามาร์ตินีไอซเบิร์ก นายอยากลองชิมหน่อยไหม?”


ฉินสือโอวไม่ค่อยสนใจมาร์ตินีเท่าไรนัก แต่ครั้งนี้คงปฏิเสธไม่ได้ เขาจึงตอบรับพร้อมรอยยิ้ม


มาร์ตินีไอซเบิร์กของวิลมีความพิถีพิถันมาก น้ำแข็งที่ใช้ไม่ได้ทำด้วยเครื่องทำน้ำแข็ง แต่เป็นน้ำแข็งขั้วโลกบริสุทธิ์ที่ส่งมาจากเกาะกรีนแลนด์!


คนส่วนมากอาจจะมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับทวีปอเมริกาเหนือ คิดว่าทวีปอเมริกาเหนือมีแคนาดากับอเมริกาแค่สองประเทศเท่านั้น แต่ความจริงแล้วไม่ใช่อย่างนั้น มันยังมีเกาะขนาดใหญ่อันดับหนึ่งของโลกอย่างกรีนแลนด์อยู่ด้วย


กรีนแลนด์ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของนิวฟันด์แลนด์พอดี ทรัพยากรประมงก็อุดมสมบูรณ์มาก และด้วยมลพิษที่เพิ่มทวีขึ้นทั่วโลกในตอนนี้ ทำให้นับวันความต้องการของมนุษย์ที่มีต่อน้ำแข็งบริสุทธิ์ก็ยิ่งมีมากขึ้น ในอเมริกาเหนือน้ำแข็งขั้วโลกจากกรีนแลนด์จึงขายดีมาก


เมื่อเขย่าขึ้นลงจนลายตาไปแล้วหนึ่งรอบ วิลก็ยื่นแก้วเหล้าสีใสส่งให้กับฉินสือโอว ในตอนท้ายเขาใส่ใบสเปียร์มินต์ลงไปอีกสองใบ เมื่อเป็นเช่นนี้สีเขียวสดกับสีใสก็รวมเข้าด้วยกัน จึงให้ความรู้สึกแห่งสุนทรียภาพอย่างมาก


ฉินสือโอวดื่มลงไปหนึ่งอึก ความนุ่มนวลของมาร์ตินีและความสดชื่นจากน้ำแข็งและใบสเปียร์มินต์ผสมเข้าด้วยกัน รสชาติไม่เลวเลยจริงๆ


หลังจากผสมเหล้าให้ฉินสือโอวแล้วหนึ่งแก้ว วิลก็เริ่มผสมเหล้าให้วินนี่อีกครั้ง แมรี่แลนด์ที่กอดบัมเบิ้ลบียืนอยู่ข้างโต๊ะก็มองดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น ฉินสือโอวยื่นไปให้เขา แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “อยากชิมไหม?”


แมรี่แลนด์ก็รับแก้วไปจริงๆ เขาจิบเข้าไปหนึ่งอึก หลังจากนั้นก็แลบลิ้นออกมาเพราะความฉุน


วิลและคนอื่นๆ หัวเราะออกมา แมรี่แลนด์บ่นพึมพำว่า ‘ไม่เห็นอร่อยเหมือนน้ำผลไม้เลย’ จากนั้นก็ใช้นิ้วแตะเหล้านิดหน่อยแล้วจิ้มเข้าไปในปากของน้องสาว


เด็กหญิงตัวน้อยถูกแกล้ง จนจามออกมาไม่หยุด คราวนี้ถึงคราวแมรี่แลนด์แสยะยิ้มบ้างแล้ว


อาหารเที่ยงถูกนำมาเสิร์ฟอย่างต่อเนื่อง วิลให้ความสำคัญกับแขกอย่างฉินสือโอวมาก เขาเตรียมอาหารไว้อย่างมากมายและหลากหลาย


อาหารจิ๊กถูกนำมาเสิร์ฟเป็นเมนูแรก นี่เป็นหนึ่งในเมนูที่มีความโดดเด่นในวัฒนธรรมอาหารและเครื่องดื่มของคนดำในแคนาดา นำผักกาดขาวมาม้วนเป็นเมนูเรียกน้ำย่อย นอกจากนี้ยังมีลิ้นปลาค็อด หอยแมลงภู่ในท้องถิ่น กับเมนล็อบสเตอร์ที่เคียงด้วยปลาค็อดแห้ง


อาหารจานหลักคือเนื้อย่าง นี่เป็นอาหารที่ฉินสือโอวชอบทานที่สุดในช่วงฤดูร้อน อีกทั้งวิลยังแสดงความสร้างสรรค์ ด้วยการทำเนื้อย่างแฮลิแฟกซ์แบบโฮมเมด


แฮลิแฟกซ์เป็นนครเอกและเมืองที่ใหญ่ที่สุดในรัฐโนวาสโกเชีย เป็นเมืองท่าที่ใหญ่ที่สุดในแนวชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก เป็นท่าเรือน้ำลึกตามธรรมชาติที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก เนื้อย่างชนิดนี้เพิ่งจะถูกคิดค้นขึ้นมาเมื่อไม่กี่ปีนี้เอง มันเป็นที่นิยมมากในแคนาดา


กล่าวแบบคร่าวๆ เนื้อย่างแฮลิแฟกซ์มีความคล้ายคลึงกับเนื้อย่างแบบเสียบไม้มาก แต่วัตถุดิบที่นำมาใช้ทำมาจากเนื้อวัวสดเนื้อละเอียด นำมาหมักน้ำมันไว้สักครู่หนึ่ง เช่นนี้จึงไม่ต้องทาน้ำมันตอนย่าง แต่มักจะทาซอสเนยกระเทียมที่มีรสชาติค่อนข้างหวานลงไปแทน


………………………………………..


บทที่ 307 อบรมเหล่าสัตว์เลี้ยง

โดย

Ink Stone_Fantasy

อาหารเที่ยงอุดมสมบูรณ์มาก รสชาติอร่อยอย่างมีเอกลักษณ์ของเนื้อย่างแฮลิแฟกซ์ ทำให้ฉินสือโอวทานอาหารได้อย่างแฮปปี้ เปรี้ยวๆ หวานๆ รสชาติสดใหม่เต็มคำกับผงยี่หร่าที่ให้รสชาติความอร่อยแตกต่างกัน


คนผิวดำมีอารมณ์สุนทรีย์จริงๆ ระหว่างที่กำลังทานเนื้อย่างวิลก็เปิดชุดเครื่องเสียงในสวนเล็ก เสียงถูกปรับแต่งไว้กำลังดี ทำให้ไม่รบกวนการสนทนา และยังสามารถสร้างบรรยากาศได้อีกด้วย


วิลกำลังย่างเนื้อ ภรรยาของวิลก็ยกอาหารหลักมาเสิร์ฟ ชาวแคนาดาชอบทานพายเป็นอย่างมาก สำหรับคนที่นี่แล้ว พายก็เหมือนกับพวกซาลาเปากับเกี๊ยว (อาหารหลักของชาวจีน)


พายผลไม้ พายครีบแมวน้ำ สองรสชาติ สองสไตล์ ภรรยาของวิลละเอียดรอบคอบ ปกติแล้วผู้ชายจะชอบทานเนื้อ ส่วนผู้หญิงจะชอบอาหารที่รสชาติอ่อนลงมาหน่อย ดังนั้นเธอจึงเสิร์ฟพายถึงสองแบบ ซึ่งคำนึงถึงทั้งฉินสือโอวและวินนี่ไปพร้อมๆ กัน


นอกจากนี้ยังมีซุปมิชเชลล่า สเต๊กเนื้อกวาง สเต๊กปลาทอด ริซอตโต้ผักย่าง อาหารคาวพวกนี้ถูกทำขึ้นมาอย่างประณีต รสชาติดีเยี่ยม ที่สำคัญคือฉินสือโอวไม่เคยทานมาก่อน ดังนั้นเขาจึงทานมันอย่างเอร็ดอร่อย


ทานอาหารเสร็จแล้ว วินนี่ก็ช่วยภรรยาของวิลเก็บโต๊ะอาหาร ส่วนวิลกับฉินสือโอวก็เริ่มแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นปัญหาใหญ่ๆ อย่างเช่นเศรษฐกิจ การต่างประเทศ การป้องกันประเทศของแคนาดา เช่นรัฐบาลของนิวฟันด์แลนด์ ทิศทางการขยายตลาดการค้า ก็เหมือนกับที่จีน พอทานจนอิ่มท้องแล้วก็พูดคุยกันต่อ


ภรรยาของวิลกับวินนี่ฟังอยู่ข้างๆ สักพักหนึ่ง ทั้งสองคนไม่สนใจเรื่องนี้ จึงพาเด็กๆ ไปเล่นที่สวนสาธารณะที่อยู่ด้านข้าง


ผืนแผ่นดินแคนาดากว้างใหญ่ สามารถรักษาทัศนียภาพแบบดั้งเดิมไว้ได้ค่อนข้างดี ด้วยเหตุนี้ทุกๆ เมืองจึงมีสวนดอกไม้อยู่หลายแห่ง ‘ประเทศแห่งสวนดอกไม้’ ชื่อนี้ไม่ได้ได้มาเฉยๆ


ภรรยาของวิลจับแขนของแมรี่แลนด์เอาไว้ ส่วนวินนี่ก็ช่วยเธอเข็นรถเข็นเด็กของเคธี่ ทั้งสองหัวเราะพูดคุยแล้วเดินออกจากบ้านไป


พวกเขาอยู่ที่บ้านของวิลจนถึงสี่โมงเย็น ฉินสือโอวเห็นว่าอากาศเย็นลงแล้ว จึงพาวินนี่ไปลากลับบ้าน


ครอบครัววิลไม่ได้รั้งให้อยู่ต่อ นี่คือลักษณะพิเศษของการคบค้าสมาคมในแคนาดา โดยทั่วไปแล้วทุกคนจะมีการจัดตารางงานในช่วงระยะเวลาใกล้ๆ เรียบร้อยแล้ว ในเมื่อรับปากไว้แล้วว่าจะมาเป็นแขกหนึ่งวัน ก็จะอยู่เพียงแค่หนึ่งวัน ไม่อยู่นานกว่านั้น


วิลจะขับรถไปส่งฉินสือโอว แต่เขายิ้มพร้อมทั้งปฏิเสธไป จากนั้นก็โทรไปหาเบิร์ด ให้เขาขับเฮลิคอปเตอร์มาจอดที่สวนดอกไม้ฤดูร้อนเดอร์ริคที่อยู่ข้างบ้านวิลแทน


วิลรู้เรื่องที่ฉินสือโอวซื้อเครื่องบิน ไม่กี่วันก่อนตอนที่เขาไปที่ฟาร์มปลาก็เห็นเฮลิคอปเตอร์ AC-310 ลำงามแล้ว ดังนั้นเมื่อเห็นเฮลิคอปเตอร์บินมา เขาจึงไม่ได้รู้สึกประหลาดใจ


การบินพลเรือนในแคนาดามีความเจริญมาก การควบคุมน่านฟ้าค่อนข้างมีความผ่อนปรน น่าจะเป็นอันดับสองของโลกรองลงมาจากบราซิล ดังนั้นธุรกิจการบินจึงมีความเจริญเป็นอย่างมาก ความเจริญในด้านนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนให้เห็นจากจำนวนของสนามบินในประเทศ แต่ยังเห็นได้จากจำนวนของสนามบินส่วนตัวในประเทศอีกด้วย


จากการจัดอันดับ การรวบรวมสถิติสนามบินพลเรือนโลก จากเครือข่ายยักษ์ใหญ่ของอุตสาหกรรมการบินอย่างโบอิ้งกรุปเมื่อปีที่แล้ว ประเทศแคนาดา มีสนามบินถึง 1800 แห่ง เป็นรองแค่อเมริกาที่มีสนามบิน 15000 แห่งกับ บราซิลที่มีอยู่ 4000 แห่ง ส่วนประเทศจีนนั้น เนื่องจากนโยบายด้านการเมือง ทำให้แทบจะไม่มีสนามบินส่วนบุคคลเลย ดังนั้นจึงมีจำนวนสนามบินอยู่น้อยกว่ามาก มีเพียงแค่ 500 แห่งเท่านั้น


เมื่อพิจารณาถึงประเทศอเมริกาถึงแม้จะมีจำนวนสนามบินอยู่มากที่สุด ทว่ามีจำนวนประชากรมากกว่าแคนาดาอยู่สิบเท่า ดังนั้นในแง่ของการเฉลี่ยอัตราส่วนของสนามบินต่อจำนวนประชากร ถึงจะเป็นอเมริกาที่ได้สมญานามว่าจ้าวแห่งสายการบินแต่ก็ยังเทียบกับแคนาดาไม่ได้อยู่ดี


ที่แคนาดามีเครื่องบินส่วนตัวเป็นเรื่องที่พบเห็นเป็นประจำ เศรษฐีเงินล้านแทบจะทุกคนมักจะมีสี่สิ่งที่เป็นมาตรฐานสำคัญ นั่นก็คือ วิลล่า รถหรู เรือยอชต์ และเครื่องบิน


ดังนั้น จึงไม่มีใครรู้สึกตกตะลึงที่ฉินสือโอวเรียกให้เฮลิคอปเตอร์ AC-310 มารับ อย่าว่าแต่เฮลิคอปเตอร์ที่มีราคาแพงกว่ารถยนต์อยู่ไม่เท่าไรเลย กระทั่งเครื่องบินโดยสารส่วนตัวลำหรูก็มีอยู่ไม่น้อย


ที่จีนเฮลิคอปเตอร์บ่งบอกถึงการเป็นมหาเศรษฐี ที่แคนาดา นี่เป็นมาตรฐานของคนมีอันจะกินเท่านั้น ความแตกต่างที่มากขนาดนี้ ถ้าประเทศจีนจะบรรลุจากลัทธิสังคมนิยมที่ครอบงำทุนนิยมอยู่ ก็คงต้องค่อยเป็นค่อยไปทีละขั้น


เบิร์ดรอจนฉินสือโอวกับวินนี่สวมเฮดเซ็ทเสร็จแล้ว ก็นำเครื่องเฮลิคอปเตอร์บินขึ้นอย่างมั่นคง เขารายงานไปยังศูนย์ควบคุมจราจรทางอากาศนครเซนต์จอห์นผ่านทางวิทยุก่อน จากนั้นก็สามารถขึ้นบินได้ตามอัธยาศัยแล้ว ตอนนี้ดาวเทียมได้ระบุตำแหน่งเฮลิคอปเตอร์ของพวกเขาไว้เรียบร้อยแล้ว


ฉินสือโอวมองลงไปยังนครเซนต์จอห์นที่อยู่ด้านล่าง เขาแอบถอนหายใจอยู่ลึกๆ นี่เป็นเพียงเมืองเล็กๆ อย่างแท้จริง ถึงจะเป็นเมืองเอกของรัฐ ทว่าจำนวนของตึกสูงระฟ้าอย่าว่าแต่เทียบกับเมืองเอกของรัฐที่จีนไม่ได้เลย แค่อำเภอที่มีขนาดใหญ่หน่อยก็ยังเทียบกันไม่ได้


ใบพัดของเฮลิคอปเตอร์หมุนบินหวูดๆ แค่ครู่เดียวก็มาถึงฟาร์มปลาแล้ว หลังจากลงจอด หู่จือกับเป้าจือก็วิ่งเข้ามาต้อนรับพวกเขาเหมือนตามปกติ


นี่คือข้อดีของการเลี้ยงสุนัข ทุกครั้งที่กลับมาถึงบ้านพวกมันจะเข้ามาต้อนรับเหมือนญาติสนิททุกครั้ง ส่วนสัตว์เลี้ยงตัวอื่นๆ น่ะเหรอ?


ฉงต้าลากต้าป๋ายไปนอนใต้ร่มไม้อย่างเกียจคร้าน ต้าป๋ายพอมาอยู่กับฉงต้าก็มีนิสัยเกียจคร้านเหมือนกันแล้ว…


ส่วนเสี่ยวหมิงก็ทำตัวเหมือนว่าตัวเองเป็นพ่อของลูกกระรอกดินจริงๆ แถมยังสอนพวกมันปีนต้นไม้อีกด้วย แต่เสี่ยวหมิงนายรู้ไหม ลูกกระรอกดินทำได้แค่ขุดรูแต่มันบินไม่ได้หรอกนะ…


เชสเตอร์ก็ยังพอได้แบบอย่างมาจากป๊ะป๋า เมื่อมีเวลาว่างมันจะบินไปยังมหาสมุทร พอกลับมาถึงในช่วงเย็นของทุกวันก็จะจับปลาตัวเล็กๆ อย่างปลาแฮร์ริ่ง ปลาซาบะมาให้ฉินสือโอวอย่างมีความสุข ก็ยังถือว่ามีความกตัญญูอยู่บ้าง…


ส่วนบุชน่ะเหรอ? ตอนนี้มันยังบินไม่ได้ ทุกๆ วันยังวิ่งเล่นไปมาเหมือนลูกสุนัข หลับหูหลับตาวิ่ง…


ปอหลัวลูกกวางอูฐขี้โมโหก็แสดงท่าทีเย็นชาอยู่ตลอดเวลา นอกจากวิ่งไปหาวินนี่ตอนเรียกกินอาหารแล้ว เวลาอื่นถ้าไม่เอาแต่นอนอยู่ใต้ร่มไม้ก็มุดเข้าไปในป่าอย่างไม่มีเหตุผล…


ฉินสือโอวลองเทียบดูแล้ว เขาพบว่าเจ้าพวกงี่เง่าพวกนี้สู้บอลหิมะกับไอซ์สเกตไม่ได้เลย ถ้าเขาขับเรือไปที่ฟาร์มปลา ไอซ์สเกตกับบอลหิมะก็จะโผล่ขึ้นมาจากน้ำเพื่อทักทายเขา


แล้วก็เป็นเช่นนั้น เมื่อถึงเวลาอาหารเย็น จะเป็นเวลาที่สัตว์เลี้ยงพวกนี้อยู่พร้อมหน้ากันที่สุด


วินนี่หยิบผลไม้กับเนื้อสัตว์ออกมา ฉงต้า ปอหลัว บุช เชสเตอร์ก็พากันกระเสือกกระสน ล้มลุกคลุกคลานวิ่งเข้ามา พวกมันยึดพื้นที่ในห้องรับแขกไว้หนึ่งตำแหน่งต่อหนึ่งตัว ทำตาปริบๆ รอวินนี่ป้อนอาหาร


วินนี่เตรียมกะละมังสเตนเลสใส่อาหารไว้ให้พวกมันเรียบร้อยแล้ว เธอกะจากความอยากอาหารของพวกมัน แล้วแบ่งอาหารลงไปในกะละมัง เมื่อก่อนฉินสือโอวพิถีพิถันขนาดนี้ที่ไหนกัน เขามีแต่โยนไว้บนพื้นหญ้าด้านนอกทั้งนั้นแหละ


ฉงต้าเคี้ยวๆ กลืนๆ กินอาหารหมดเป็นตัวแรก แต่กินไม่อิ่มก็เลยไปแย่งอาหารจากจานของปอหลัวที่อยู่ข้างๆ กัน


ปอหลัวที่ขี้หงุดหงิดก็ไม่ยอมให้ใครแหย่ได้ง่ายๆ ต่อให้เป็นหมีสีน้ำตาลก็ไม่กลัว มันใช้หัวดันกะละมังใส่อาหารไปไว้ข้างหลังตัว ทิ่มหัวลงมาแล้วยกเขากวางของมันให้ตั้งขึ้นเหมือนพลั่ว จ้องมองไปที่ฉงต้าด้วยท่าทางที่ดุดัน


ฉงต้าขี้เกียจจะต่อกรด้วย มันเลียหน้าเลียตาแล้วเข้าไปอ้อนวินนี่แทน


วินนี่ควบคุมปริมาณอาหารของฉงต้าอย่างเคร่งครัด ฉินสือโอวเห็นมันร้องฮึมๆ ฮัมๆ น่าสงสารแบบแปลกๆ จึงหยิบสเต๊กปลามาให้มันหนึ่งชิ้น


วินนี่ไม่ยอมให้เขาเอาอาหารให้มัน เธอบอกกับเขาว่า “ดูพุงของฉงต้าสิคะ มันอ้วนเกินไปแล้ว จะให้มันกินอาหารตามอำเภอใจไม่ได้แล้วนะคะ”


ฉงต้าทำท่าทางลับๆ ล่อๆ มันเห็นว่าสถานการณ์ไม่ จึงกระโดดขึ้นมาอย่างรวดเร็วมันยื่นอุ้งเท้าออกไปกอดแขนของฉินสือโอว จากนั้นก็อ้าปากงับสเต๊กปลาแล้วกลืนลงไป จากนั้นก็กลับมาทำท่าทางแอ๊บแบ๊วต่อ


กินอาหารเสร็จ ฉินสือโอวก็พาฉงต้าออกไปลดน้ำหนัก ฉงต้าคิดจะตุกติก มันมุดเข้าไปใต้โต๊ะแล้วไม่ยอมออกมา


แต่ปรากฏว่าพอวินนี่หยิบปลาเเซลมอนแปซิฟิกทอดเกือบสุกมาแกว่งไปมาอยู่ด้านนอก ฉงต้าก็มุดออกมาแต่โดยดี ดวงตาเล็กๆ ของมันเป็นประกาย มุมปากเริ่มมีน้ำลายไหลออกมา


ฉินสือโอวหาเบ็ดตกปลาสั้นๆ มาหนึ่งอัน เขาใช้เส้นเอ็นมัดปลาไว้แล้วเดินอยู่ด้านหน้า ฉงต้าก็วิ่งขวัญหนีดีฝ่อตามมาด้านหลัง เหมือนกันกับเด็กที่ถูกหลอกไปเป็นขอทานเหมือนในเรื่องเล่าอย่างไรอย่างนั้น


เล่นกับสัตว์เลี้ยงพวกนี้อยู่สักพัก ฉินสือโอวก็กลับเข้าไปในห้อง เขาแบ่งจิตสำนึกแห่งโพไซดอนออกเป็นสองส่วนให้ไปหาฉลามขาวกับปลามาร์ลิน เพื่อเตรียมตัวออกไปสำรวจใต้ทะเล


…………………………………………..


บทที่ 308 ขี่ฉลามข้ามมหาสมุทร

โดย

Ink Stone_Fantasy

ฉลามขาวกำลังท่องไปในมหาสมุทรลึก เหมือนกับรถถังเฮฟวี่แทงค์ท่ามกลางสนามรบ มันบุกทะลวงไปในน้ำ ฝูงปลาทุกชนิดที่อยู่รอบๆ ก็เกิดความโกลาหล ว่ายน้ำหนีหัวซุกหัวซุน


ตอนที่ฉินสือโอวมาถึง ฉลามขาวตัวนี้ก็กำลังงับปลาใหญ่ขนาดเจ็ดสิบแปดสิบเซนติเมตรไว้ในปากของมัน


ปลาตัวนี้เป็นสีเงิน รูปร่างคล้ายกระสวย ด้านหลังของหัวไปจนถึงด้านหน้าฐานครีบโค้งนูนขึ้นมา ตรงส่วนครีบที่ยื่นออกมาคือจุดที่สูงที่สุดของร่างกาย ค่อยๆ โค้งจากจุดนั้นลงไปจนถึงหาง ลักษณะของมันค่อนข้างประหลาด หัวเอียงแบนปลายปากที่ยื่นออกมามีความโค้งงอเล็กน้อย รูปทรงคล้ายกับปากของนก แต่แน่นอนว่าไม่ได้มีความโค้งงอมากขนาดนั้น


บริเวณรอบๆ ฉลามขาวยังมีปลาชนิดนี้อยู่ฝูงใหญ่ พวกมันกำลังว่ายหนีด้วยความตื่นตระหนก ผืนทะเลยุ่งเหยิงวุ่นวาย สับสนอลหม่านเหมือนกับว่าปลาทะเลน้อยใหญ่พวกนี้กำลังพบกับวันสิ้นโลกอย่างนั้นเลยล่ะ


ฉินสือโอวได้เห็นปลาพวกนี้ชัดๆ ในใจก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมา เขารีบปล่อยจิตสำนึกแห่งโพไซดอนในระดับที่มากที่สุด เข้าไปปกคลุมปลาที่อยู่ในบริเวณนี้


วันนี้ฉลามขาวสร้างความดีความชอบให้แล้ว ปลาพวกนี้คือหนึ่งในพันธุ์ปลาล้ำค่าของมหาสมุทรแอตแลนติก มีชื่อทางวิชาการว่าคิงแซลมอน มีชื่อเรียกทั่วไปว่าปลาแซลมอนชินูก ปลาชนิดนี้เป็นปลาเทราต์พันธุ์ที่มีน้อยที่สุดในอเมริกาเหนือ และยังเป็นหนึ่งในพันธุ์ปลาเทราต์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด และยังมีราคาแพงที่สุดเช่นกัน


เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่า ปลาเเซลมอนแปซิฟิกเป็นผลิตภัณฑ์ประจำท้องถิ่นของมหาสมุทรแปซิฟิก พบได้น้อยในมหาสมุทรแอตแลนติก ปลาแซลมอนชินูกก็เป็นหนึ่งในสายพันธุ์นั้น แหล่งกำเนิดหลักของมันอยู่ที่น่านน้ำอะแลสกามหาสมุทรแปซิฟิก ทว่าในน่านน้ำของทวีปอเมริกาทั้งหมดก็สามารถพบร่องรอยของพวกมันได้เช่นกัน เพียงแต่มีจำนวนน้อยมาก


ฉินสือโอวโชคดีมาก ฉลามขาวมาเจอปลาแซลมอนชินูกฝูงใหญ่ที่กำลังเตรียมตัวล่าอาหารอยู่ แต่ถูกฉลามขาวพบเข้าเสียก่อน ถ้าหากเขามาที่มหาสมุทรก่อนหน้าหรือช้ากว่านี้สักห้านาที ก็อาจจะคลาดกันกับปลาแซลมอนชินูกฝูงนี้


หลังจากเสริมความแข็งแกร่งไปแล้วสามครั้ง พื้นที่การปกคลุมของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนก็ขยายกว้างขึ้นอีก สามารถควบคุมปริมาตรได้มากกว่าสิบลูกบาศก์กิโลเมตร


ปลาแซลมอนชินูกฝูงนี้มีจำนวนหลายพันตัว พวกมันอยู่กระจัดกระจายกันมาก ฉินสือโอวซ้อนพื้นที่ว่างถึงสองครั้ง ถึงจะจับมาได้เกินครึ่ง


เมื่อเทียบกันกับปลาแซลมอนชัมแล้ว ปลาแซลมอนชินูกมีขนาดใหญ่กว่ามาก ปลาในฝูงส่วนใหญ่ล้วนแต่มีความยาวกว่าครึ่งเมตร ตัวที่มีขนาดใหญ่ที่สุดมีความยาวมากกว่าหนึ่งเมตร มีน้ำหนักถึงเจ็ดสิบแปดสิบกิโลกรัม ถ้าวางขายในตลาด ต้องขายได้ราคาดีอย่างแน่นอน


ฉินสือโอวบังคับทิศทางการว่ายน้ำของปลาฝูงนี้ให้ว่ายไปที่ฟาร์มปลา เขาปล่อยฉลามขาวไปล่าปลาเเซลมอนแปซิฟิกที่กำลังหนีมากินให้อิ่มท้อง เมื่อเป็นเช่นนี้เขาจะยังควบคุมฝูงปลาแซลมอนชินูกกับปลามาร์ลินได้ในเวลาเดียวกัน


แต่ปรากฏว่าเมื่อเขาลองเคลื่อนย้ายจิตสำนึกไปดู โคตรแม่เอ๊ย ปลามาร์ลินเพิ่งจะกินอิ่ม ก็หลบลงไปพักผ่อนในร่องลึกที่ก้นมหาสมุทรซะแล้ว กระทั่งลมตดก็ไม่เหลือให้เห็น


ฉินสือโอวเลยดึงจิตสำนึกแห่งโพไซดอนที่ใส่ลงไปในร่างกายของปลามาร์ลินคืนมาเสียเลย เขารอจนฉลามขาวกินอิ่ม จากนั้นก็เข้าควบคุมมันอีกครั้ง จิตสำนึกอีกหนึ่งส่วนก็ทำหน้าที่ควบคุมฝูงปลาให้กลับไปยังฟาร์มปลา


เขาควบคุมฉลามขาวให้ว่ายน้ำท่องไปในมหาสมุทร ความรู้สึกแบบนั้นดียิ่งกว่าความรู้สึกที่ได้ตะบึงม้าไปบนทุ่งหญ้าเสียอีก นั่นก็เพราะฉลามขาวมีความยาวเกือบสิบเมตร มีฟันแหลมคม รูปร่างบึกบึนแข็งแรง กระทั่งในทะเลลึกก็ยังได้รับคำกล่าวขานว่าเป็นเจ้าอาณาเขต


หลังจากการวิวัฒนาการขั้นที่สาม ฉินสือโอวก็สามารถรับรู้ถึงความรู้สึกในตอนที่จิตสำนึกแห่งโพไซดอนติดอยู่กับปลาทะเลได้แล้ว อย่างเช่นในตอนนี้ที่เขากำลังขี่ฉลามขาวจากทะเลลึกบุกขึ้นไปยังผิวน้ำ น้ำทะเลรินไหลไปตามผิวหนัง ความรู้สึกสบายและเป็นธรรมชาติแบบนั้น ไม่มีอะไรเทียบได้เลยจริงๆ


นอกจากนี้ ฉลามขาวภายใต้การขับเคลื่อนของพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนก็มีความรวดเร็วว่องไว ฉินสือโอวรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังจะบินขึ้นมา เหมือนได้บินร่อนไปในน้ำทะเลอย่างอิสระ


เดิมทีฝูงปลาแอนโชวี่กำลังล่าอาหารอยู่ที่ผิวน้ำ ทันใดนั้นก็พบเข้ากับฉลามขาวขนาดยักษ์ที่กำลังว่ายตรงเข้ามา พวกมันก็รู้สึกตกใจจนฉี่แทบราดทันที เจ้าปลาเล็กๆ พวกนี้กลัวจนไม่กล้าขยับตัวแล้ว


ทว่าฉินสือโอวคงไม่สนใจพวกมันอยู่แล้ว จึงพุ่งผ่านพวกมันไปอย่างถือดี เขามุ่งหน้าต่อไปราวกับพายุหมุน


ออกมาได้หลายสิบกิโลเมตร ฉินสือโอวว่ายฉวัดเฉวียนอย่างคึกคักเลือดอุ่นๆ ในร่างกายของเขาเย็นลง ลอยไปลอยมาอยู่บนผิวน้ำก็ไม่มีประโยชน์อะไร เขาจึงเริ่มดำดิ่งลงไปในน้ำ


เพิ่งจะดำลงมาได้พักหนึ่ง ทันใดนั้นก็มีปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือตัวอ้วนกลมพุ่งตรงเข้ามา ปลาตัวนี้มีความยาว 2.78 เมตร เป็นปลาทูน่าที่หาได้ยากในเขตน่านน้ำของมหาสมุทรแอตแลนติก


คล้ายกับว่าปลาตัวนี้กำลังหนีเอาชีวิตรอด มันว่ายน้ำหนีตายเข้ามาโดยไม่ได้ดูทิศทางให้ดี ปรากฏว่าพอเงยหน้าขึ้นมา ก็พบเข้ากับฉลามขาวท่าทางดุร้ายที่กำลังจ้องมันจนตาเป็นมัน


ปลาทูน่าครีบน้ำเงินหวาดกลัวจนม้วนตัวกลับแล้วคิดจะหนี แต่ปรากฏว่าพอมันหมุนตัวกลับไป ฉลามวัวฝูงหนึ่งก็โอบล้อมเข้ามาจากทุกทิศทาง


ตอนนี้ฉินสือโอวเข้าใจแล้ว ไม่แปลกใจที่ปลาทูน่าครีบน้ำเงินจะว่ายน้ำหนีอย่างไม่ได้คิดหน้าคิดหลังให้ดีจนเข้ามาเจอกับเขา ก็เพราะมันถูกฝูงฉลามวัวจ้องไว้แล้วนี่เอง


พอมองเห็นท่าทางอันธพาล กับสายตาเย็นชาจากฉลามขาวของพี่ฉิน พวกฉลามวัวก็เริ่มรู้สึกลังเล พวกมันล้อมรอบทุกอยู่ทุกทิศทางอย่างสองจิตสองใจ ไม่กล้าพุ่งเข้ามาฉีกกินปลาทูน่าครีบน้ำเงินอันแสนโอชะเลยทันที


ฉลามวัวมีนิสัยโหดเหี้ยมดุร้าย อย่าไปสนใจคำว่า ‘วัว’ พวกมันไม่ได้ซื่อตรงมุมานะบากบั่นเลยแม้แต่น้อย ในทางตรงกันข้าม กลับเป็นสัตว์ที่ได้ชื่อเรียกน่ากลัวว่าฉลามกินคนอย่างฉลามขาว ที่ในความจริงแล้วเมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่ได้รับแรงกระตุ้นก็จะมีความสุขุมและนิ่งเงียบเป็นอย่างมาก


ฉลามทั่วๆ ไป แม้จะเป็นฉลามเสือ เมื่อได้พบกับฉลามขาวที่มีขนาดยาวกว่าสิบเมตร ก็จะหลีกไปเองอย่างเงียบๆ


ทว่าฉลามวัวกลับไม่กลัว พวกมันโอบล้อมไว้รอบด้านถึงแม้จะไม่ได้โจมตีเข้ามา แต่ก็เตรียมพร้อมที่จะลงมืออยู่ทุกเมื่อ


ปลาแซลมอนชินูกฝูงนั้นเข้าไปสู่ฟาร์มปลาเรียบร้อยแล้ว ฉินสือโอวดึงจิตสำนึกส่วนนั้นกลับมาควบคุมปลาทูน่าครีบน้ำเงิน ให้ว่ายน้ำมาอยู่ข้างๆ ฉลามขาวหลังจากนั้นก็ว่ายไปยังฟาร์มปลาด้วยความรวดเร็ว นี่มันตั้งหลายหมื่นดอลลาร์แคนาดา ให้ไปอยู่ที่ฟาร์มปลาของตัวเองคงจะดีกว่า


เห็นอาหารอันโอชะที่วางอยู่ตรงหน้ากำลังจะหนีไป พวกฉลามวัวก็กระวนกระวายใจ ปากใหญ่อ้าออกพร้อมจะว่ายน้ำตาม ไม่สนใจกระทั่งลูกพี่ฉินที่มีรูปโฉมเหมือนป้อมปราการที่อยู่ตรงหน้า


พี่ฉินว่าเหตุการณ์แบบนี้ไม่ปกตินี่หว่า ไอ้พวกฉลามวัวตัวจ้อยพวกนี้ชักจะกำแหงเกินไปแล้ว พวกมันถือดีคิดว่าตัวเองแน่ ถ้าไม่จัดการพวกมะขามข้อเดียวสักหน่อย พวกมันก็คงไม่รู้ว่าใต้ฟ้ามหาสมุทรแห่งนี้เป็นถิ่นของใคร!


เมื่อเทียบกับฉลามขาวแล้ว ฉลามวัวก็นับว่ามีขนาดสั้นป้อมจริงๆ เพราะฉลามวัวที่โตเต็มวัยก็ยังมีความยาวไม่เกินสองเมตร มีขนาดแค่หนึ่งในห้าส่วนของฉลามขาวเท่านั้น


ฉลามวัวคิดจะใช้กลยุทธ์ฝูงหมาป่า ใช้ประโยชน์จากจำนวนปลาที่มีอยู่มาก พวกมันเริ่มโจมตีจากทั้งด้านบนด้านล่างทั้งฝั่งซ้ายและฝั่งขวาจากหน้าและหลัง


สุภาพบุรุษฉินยิ้มออกมาน้อยๆ หลังจากนั้น จิตสำนึกแห่งโพไซดอนก็เดือดดาลขึ้นมาโดยพลัน พายุในมหาสมุทรปรากฏขึ้นในน่านน้ำโดยรอบ


เห็นเพียงแต่คลื่นใต้น้ำที่สาดซัดอย่างบ้าคลั่ง ฟองคลื่นใต้น้ำส่งเสียงคำรามออกมา ทันใดนั้นก็เหมือนว่าน่านน้ำทั้งผืนได้กลายเป็นถังซักผ้าไปแล้ว กระแสน้ำจากทั่วทิศทางโหมปะทะเข้าด้วยกัน ก่อตัวเป็นคลื่นน้ำวนราวกับพายุทอร์นาโด…


ฉลามวัวที่ทำท่าทางดุดันอยู่เมื่อสักครู่ก็เฉาลงพวกมันเหมือนกับเสื้อผ้าหลายๆ ชิ้นที่ถูกปั่นวนจนไม่รู้ทิศทาง


แน่นอนว่า ฉินสือโอวเองก็หนีไม่รอด เขาถูกกระแสน้ำเชี่ยวกรากที่ไหลทะลักอย่างบ้าคลั่งม้วนวนลงไปเช่นกัน


กระแสน้ำซัดสาด ฉินสือโอวรู้สึกปวดไปทั่วร่าง อีกทั้งยังโคลงเคลงไปมาจนเขาหน้ามืดตาลาย หนักหนายิ่งกว่าเมารถเมาเรือเสียอีก


ไม่มีทางเลือกแล้ว ฉินสือโอวพยายามควบคุมจิตสำนึกแห่งโพไซดอนเพื่อให้ระลอกคลื่นสงบลงอย่างสุดชีวิต กระแสน้ำสงบลงได้อย่างยากเย็น เขาถึงได้รู้สึกสบายขึ้นมาบ้าง


ร่างกายของเขามีขนาดใหญ่จึงดีกว่าหน่อย ฉลามวัวพวกนั้นต่างหากที่น่าสงสาร พวกมันตัวเล็กขนาดนั้น แต่ถูกกวัดแกว่งโยกไหวจนเสียสมดุลไปแล้ว ถึงแม้ว่าน้ำทะเลจะสงบลงแล้ว แต่พวกมันบางส่วนก็ยังกลิ้งไปกับพื้น อีกส่วนก็มุดลงไปในก้นทะเลอย่างแน่นิ่ง เหมือนกับก้อนอิฐที่ถูกโยนลงไปในน้ำไม่มีผิด


เห็นสภาพน่าอนาถของฉลามวัวพวกนี้ ฉินสือโอวถึงได้รู้สึกสบายใจขึ้นมาหน่อย เหอะๆ พวกแกน่ะมีพลังต่อสู้อยู่แค่ห้า คอยดูเถอะหลังจากนี้พวกแกจะยังกล้าทำตัวกร่างต่อหน้าฉันอีกไหม!


แต่เขาเองก็คิดไว้แล้วล่ะว่าต่อไปถ้าจะใช้วิธีนี้อีก เขาต้องถอนจิตสำนึกแห่งโพไซดอนออกมาก่อน ถึงอย่างไรวิธีนี้ก็ค่อนข้างรุนแรง พลังการโจมตีไม่ได้แบ่งแยกเรากับศัตรู พลังการทำลายล้างก็มีอยู่มากเกินไป


……………………………………………

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)