หมอดูยอดอัจฉริยะ 297-302
ตอนที่ 297 ชาญ ทองทวน
โดย
Ink Stone_Fantasy
“ตู้เฟย เขามาทำอะไรน่ะ?” เยี่ยเทียนได้ยินแล้วก็สะดุ้งเล็กน้อย โบกมือไปมา กล่าวว่า “ฉันจะไปอาบน้ำก่อน ให้เขาไปรอฉันที่บ้านเก่าก็แล้วกัน!”
เรือนสี่ประสานของเยี่ยเทียนหลังนี้เต็มไปด้วยพลังชี่ดั้งเดิม เขาไม่อยากให้คนรู้กันไปทั่ว กระทั่งถังเหวินหย่วน ก็ยังถูกตักเตือนหลายต่อหลายครั้ง ว่าไม่อนุญาตให้นำเหตุการณ์ในเรือนสี่ประสานเผยแพร่ออกไป
หลังกลับถึงห้องพุ่งตัวเข้าไปทำความสะอาดพอประมาณแล้ว เยี่ยเทียนก็เปลี่ยนชุดใหม่ทั้งตัว ถีงแม้พลังชี่แท้ในตัวจะยังไม่ฟื้นคืนมา แต่ก็รู้สึกกะปรี้กะเปร่าขึ้นมาก
“เสวี่ยเสวี่ย ตื่นแล้วเหรอ?” พอมาถึงในเรือน เยี่ยเทียนก็พบถังเสวี่ยเสวี่ยกระโดดโลดเต้นอยู่ต่อหน้าคุณปู่ อย่างร่าเริงเป็นที่สุด
พอเห็นเยี่ยเทียนออกมาแล้ว ถังเสวี่ยเสวี่ยก็คว้าแขนของเยี่ยเทียนไปกอด พูดขึ้นว่า “พี่เยี่ยเทียน ขอบคุณค่ะ!”
“แหม พี่เยี่ยเทียนของหนูลงแรงไปมากขนาดนั้น ได้แค่คำขอบคุณคำเดียวเองเหรอ?” เยี่ยเทียนดึงสีหน้านิ่ง ประหนึ่งว่าไม่พอใจ
“งั้น…ถ้ายังไง หนูหอมแก้มพี่หนึ่งครั้งแล้วกัน?” ถังเสวี่ยเสวี่ยพูดพลางจูบลงบนหน้าเยี่ยเทียน
“ไม่ต้องหรอก แค่ขอบคุณก็ดีมากแล้ว!”
เยี่ยเทียนเขินอาย รีบร้อนดันถังเสวี่ยเสวี่ยออกไป เด็กสาวคนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ถ้าหากถูกอวี๋ชิงหย่ารู้เข้า เขามีหวังซวยแน่
หลังจากที่ปล่อยแขนเยี่ยเทียนแล้ว ใบหน้าของถังเหสวี่ยเสวี่ยก็เผยยิ้มเจ้าเล่ห์ กลับไปกระโดดโลด เต้นไล่ตามเจ้าเหมาโถวต่อ เธอเองก็รู้ว่าตัวเองจะอยู่ในเรือนสี่ประสานหลังนี้อีกไม่นาน
“เหล่าถัง ทำไมคุณถึงยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างนั้นล่ะครับ?” เยี่ยเทียนหันหน้าไป พูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ “เสวี่ยเสวี่ยโดนคุณตามใจจนเสียคนแล้ว”
“อะ…อะแฮ่ม…”
ถังเหวินหย่วนที่กำลังมองหลานสาวอย่างเอ็นดู ได้ยินคำพูดนี้ของเยี่ยเทียนก็กระแอมไอออกมา “เจ้าหนู เธอกินดินปืนเข้าไปหรือไง? ทำไมถึงโมโหร้ายนักล่ะ?”
“เหลวไหลน่า ผมทะลวงชีพจรหยางให้หลานสาวคุณ ก้นยังไม่ทันได้สัมผัสถูกเก้าอี้ เจ้าตู้เฟยคนนั้นก็มาหาอีก ผมว่า……เขาคงมาหาคุณใช่หรือเปล่า?”
เยี่ยเทียนรู้สึกไม่ดีกับคนตระกูลซ่งมาตลอด ด้วยความฝังใจหลายอย่างต่อตัวตู้เฟยผู้อยู่ข้างกายซ่งอิงหลัน อีกทั้งเยี่ยเทียนเองก็ไม่รู้ว่าตู้เฟยมาหาตัวเองด้วยเหตุอะไร?
ถังเหวินหย่วนส่ายหน้ากล่าว “ไม่ได้มาหาฉันหรอก ฉันเพิ่งพบกับตู้เฟย เขามาหาเธอนั่นแหละ บอกว่ามีเรื่องเร่งด่วน อยากให้ฉันไปกับเธอด้วยไหมล่ะ?”
แม้ว่าโรคเส้นลมปราณเก้าหยินขาดของหลานสาวจะหายดีแล้ว แต่ถังเหวินหย่วนก็ยังไม่กล้าเสียมารยาทต่อเยี่ยเทียน เพราะว่าคำพูดก่อนหน้านี้ของเยี่ยเทียน ยังคงวนเวียนอยู่ในใจของเขา ไม่แน่ว่าอีกไม่กี่ปีข้างหน้า อาจมีเวลาที่ต้องขอความช่วยเหลือจากเยี่ยเทียน
ดังนั้นผู้เฒ่าถังที่เพิ่งไปพบตู้เฟย จึงออกจากเรือนสี่ประสาน และไม่กล้าทำตัวเป็นเจ้าบ้านเชิญตู้เฟยเข้ามาข้างใน
“เรื่องด่วนงั้นเหรอ?”
เยี่ยเทียนได้ยินก็ตะลึงไปครู่หนึ่ง พลันนึกถึงที่เขาเคยสั่งให้ตู้เฟยคอยจับตามองเรื่องตระกูลซ่งซึ่งอยู่โพ้นทะเล ในใจพลันกระจ่างชัดเจนขึ้นมาก
คิดถึงตรงนี้ เยี่ยเทียนก็โบกมือไปทางถังเหวินหย่วน กล่าวว่า “เหล่าถัง คุณไม่ต้องไปหรอกครับ เดี๋ยวโสมคนที่ว่านั่นมาส่ง คุณก็ให้เซี่ยวเทียนช่วยห่อเก็บ ผมจะไปดูทางนั้นหน่อย…”
ถังเหวินหย่วนแม้จะรู้เรื่องความสัมพันธ์ของตระกูลซ่งที่เกี่ยวกับตนเองบ้าง แต่เขาก็เป็นคนนอกมาตลอด เรื่องพวกนี้เยี่ยเทียนไม่อยากให้เขาเข้ามายุ่งเกี่ยว
“ป้าใหญ่ ท่านจะออกไปข้างนอกเหรอครับ?”
พอเท้าก้าวเข้าไปในบ้านเก่า เยี่ยเทียนก็เผชิญหน้าเข้ากับท่านป้าใหญ่ ครอบครัวเดียวกันไม่มีข้อจำกัดอะไร คุณป้าที่ไปเรือนนั้นของเยี่ยเทียนบ่อยๆ สีหน้าดูดีขึ้นกว่าเคยมาก
“บ้านเหล่าหลี่ทะเลาะกันอีกแล้ว ป้าจะไปห้ามปราม อ้าว เสี่ยวเทียน ทำไมสีหน้าแย่อย่างนั้นล่ะ?”
เหลือบเห็นสีหน้าซีดขาวของเยี่ยเทียน คุณป้าก็ร้องขึ้นมาอย่างตกใจ เพราะเป็นลูกโทนผู้สืบทอดเพียงคนเดียว ของตระกูลเยี่ย ทุก ๆ เรื่องของเยี่ยเทียน ทั้งบ้านจึงเป็นห่วงเป็นใยกันที่สุด
“ไม่มีอะไรครับ ป้าใหญ่ ป้าไปเถอะ เย็นนี้ผมจะไปกินข้าวที่บ้านเก่านะ” เยี่ยเทียนหัวเราะแห้ง ๆ สาวเท้าอย่างว่องไว เข้าไปภายในเรือนสี่ประสาน
พอตู้เฟยที่รออยู่ห้องปีกด้านหน้าเห็นเยี่ยเทียนเข้ามา ก็รีบร้อนลุกขึ้น ตะโกนให้ความเคารพ “คุณชาย!”
ครั้งที่แล้วหลังจากกินยาลูกกลอนของเยี่ยเทียนเข้าไป ตู้เฟยก็อาเจียนเลือดคั่งออกมากว่าครึ่งชาม แล้วต้องรักษาตัวต่ออีกกว่าครึ่งเดือน จึงจะรักษาอาการบาดเจ็บภายในได้ ดังนั้นตู้เฟยจึงเชื่อมั่นอย่างสนิทใจ ในวิธีการรักษาของเยี่ยเทียน
เยี่ยเทียนโบกมือไปมา พูดว่า “เหล่าตู้ นั่งลงเถอะ!”
ตู้เฟยเองก็เป็นคนมีอายุหกสิบปีกว่าแล้ว เยี่ยเทียนไม่รู้ว่าควรจะเรียกเขาอย่างไรดี จึงเรียกง่าย ๆ แบบถังเหวินหย่วน โดยเติมคำว่า “เหล่า” ไว้ข้างหน้านามสกุล
ไม่ใช่ว่าเยี่ยเทียนไม่รู้จักสัมมาคารวะ ความจริงแล้วรุ่นของเขาสูงส่งเกินไป ในยุทธภพนั้นไม่ใส่ใจอายุมากน้อย หากไม่ต่อยตีกัน ก็ต้องนับรุ่น ขืนเยี่ยเทียนเรียกเป็นอย่างอื่นตู้เฟยเองก็รับไม่ได้เช่นกัน
พอนั่งลงแล้ว เยี่ยเทียนก็พูดขึ้น “บาดแผลหายดีแล้วใช่ไหม? ครั้งก่อนเป็นเพราะผมเองที่ลงมือหนักไปหน่อย ช่วงนี้เหล่าถังนำสมุนไพรมาให้ผมไม่น้อยเลย ไว้ผมทำยาลูกกลอนแล้วจะส่งไปให้”
เยี่ยเทียนติดตามนักพรตเต๋าท่องไปยังยุทธภพ เรียนรู้วิธีการครองตน เขาสามารถปั้นสีหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่การเอาชนะใจคนนั้นมีมากมายหลายวิธี
เขาให้ตู้เฟยจับตามองตระกูลซ่งโพ้นทะเลไว้ ปัจจุบันตู้เฟยมาหาเขา คงเป็นเพราะโล่งใจกับเรื่องนี้แล้ว ตลอดมาเยี่ยเทียนไม่เคยใช้งานใครเปล่า บางทีอาจได้ผลประโยชน์ต่อตู้เฟย
“คุณชาย คราวก่อนผมเป็นฝ่ายผิดเอง ท่านสมควรสั่งสอนแล้ว!” คำพูดนี้ของเยี่ยเทียนทำให้ตู้เฟยรู้สึกซาบซึ้ง แทบอยากให้อาการบาดเจ็บที่ตนเองได้รับครั้งก่อนสาหัสยิ่งกว่านี้
เยี่ยเทียนโบกมือกล่าว “อย่าพูดถึงเรื่องนี้อีกเลยครับ เหล่าตู้ วันนี้มาหาผมด้วยเรื่องอะไรเหรอ?”
ตู้เฟยลังเลอยู่ภายในใจสักพัก แล้วเอ่ยปาก “คุณชาย ผมมีลูกศิษย์คนหนึ่งติดตามซ่งเสี่ยวหลง เมื่อวานนี้เขาบอกผมเรื่องหนึ่ง ผมคิดว่า…บางทีเรื่องนี้อาจกระทบต่อคุณ…”
“เรื่องอะไรเหรอครับ?” เยี่ยเทียนเลิกคิ้ว
“ลูกศิษย์ของผมคนนั้นก่อนหน้านี้ไปประเทศไทยกับซ่งเสี่ยวหลงครั้งหนึ่ง เพื่อไปพบหมอผีที่มีชื่อเสียงที่สุดในนั้น แต่ว่าพวกเขาปรึกษากันเรื่องอะไร ลูกศิษย์ของผมไม่ได้ยิน เพียงแต่แอบได้ยินคร่าว ๆ ว่ามีคนพูดถึงชื่อคุณ”
เดิมทีตู้เฟยก็เป็นลูกชายของผู้มีอำนาจในสำนักหงเหมิน เครือข่ายภายในสำนักหงเหมินโพ้นทะเลกว้างไกล ลูกศิษย์ลูกหายิ่งมากจนเหลือคณานับ ลูกศิษย์คนหนึ่งของเขาที่รับมาเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน ตอนนี้เป็นผู้คุ้มกัน ข้างกายซ่งเสี่ยวหลง
สำนักหงเหมินกับตระกูลซ่งมีธุรกิจที่ต้องติดต่อกันมากมาย แต่ความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่าย ไม่ได้กลมเกลียวเหมือนอย่างภาพลักษณ์ ก็เหมือนกับที่ตู้เฟยคอยคุ้มกันอยู่ข้างกายซ่งอิงหลัน นอกจากปกป้องเธอแล้ว ก็ไม่มีความหมายใดอื่นอีก
เยี่ยเทียนได้ยินแล้วในใจเย็นเยียบ เอ่ยถามออกมา “หมอผี? คนผู้นั้นชื่ออะไรเหรอครับ?”
เยี่ยเทียนเคยได้ยินอาจารย์พูดถึง ศาสตร์การเล่นของในเมืองไทย ซึ่งความจริงแล้วก็มีต้นกำเนิดมาจาก ไสยศาสตร์ในเมืองจีน
แต่ว่าผ่านการวิวัฒนาการไปเป็นร้อยพันปี ศาสตร์การเล่นของก็กลายเป็นสาขาหนึ่ง บางส่วนในนั้นได้บ่มเพาะ จนกลายเป็นหมอผีผู้แกร่งกล้า มีความเก่งกาจไม่แพ้นักพรตและหัวหน้านักบวชลามะในประเทศจีน
หลี่ซั่นหยวนเคยเตือนเยี่ยเทียนไว้ หากภายหลังไปยังสถานที่พวกนั้น ห้ามไปมีเรื่องขัดแย้ง กับหมอผีพวกนั้นโดยเด็ดขาด เพราะว่านอกจากหมอผีบางคนจะมีวิชาแก่กล้าแล้ว แนวทางการปฏิบัติของหมอผี ทั้งหลายยังออกจะพิสดารพันลึก นิสัยใจคอก็ไม่ค่อยจะดีนัก
“หมอผีคนนั้นชื่อว่าชาญ ทองทวน มีชื่อเสียงโด่งดังในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ อินเดีย พม่าและเวียดนามแถบนั้น อาจารย์ของเขาเคยเป็นผู้ใช้เวทมนตร์คาถาผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งแห่งสยามเมื่อในอดีต!”
ได้ยินข่าวจากลูกศิษย์แล้ว ตู้เฟยเองก็ตั้งใจไปหาข้อมูลเกี่ยวกับหมอผีคนนั้น เพื่อที่เยี่ยเทียนถามขึ้น มาแล้วเขาจะได้ตอบได้
เยี่ยเทียนเองก็ไม่เคยได้ยินชื่อนายชาญ ทองทวนคนนี้ หลังจากครุ่นคิดอยู่สักพัก ก็เอ่ยปากถาม “คุณรู้ไหมว่าอาจารย์ของเขาชื่ออะไร?”
ตู้เฟยพยักหน้ากล่าว “รู้ครับ อาจารย์ของเขาเป็นปรมาจารย์ นายทักษิณ สวรรค์ศักสิทธิ์ ได้ยินว่ายังมีชีวิตอยู่ อายุกว่าเก้าสิบปีแล้ว!”
“นายทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ ที่แท้เป็นเขาเอง?” ได้ยินชื่อนี้แล้ว ใบหน้าเยี่ยเทียนก็เผยให้เห็นอารมณ์ตกตะลึง
ที่ประเทศไทยคนที่ชื่อทักษิณมีมากมายราวกับขนวัว ในจำนวนผู้ชายสิบคนอาจมีสักสี่ห้าคนมีชื่ออย่างวิชัย ทักษิณหรือว่าประสงค์
แต่ว่าคนที่สามารถมีคำต่อท้ายชื่อทักษิณว่าปรมาจารย์นั้น มีเพียงนายทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์เพียงคนเดียว คนผู้นี้เป็นมหาเศรษฐีในตำนานของประเทศไทย
ในฐานะประเทศหนึ่งเดียวในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ไม่ตกเป็นชาติอาณานิคมในยุคสงครามโลกครั้งที่สอง นอกจากเป็นเพราะตำแหน่งของประเทศไทยเป็นรัฐกันชนระหว่างอำนาจอาณานิคมของอังกฤษและฝรั่งเศสสองประเทศแล้ว ตำนานกล่าวว่าปรมาจารย์ นายทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธ์ ก็มีบทบาทสำคัญมากในเรื่องนี้
ไม่ว่าตำนานจะเป็นจริงหรือไม่ แต่ในประเทศไทยนั้น เรื่องที่ว่ากระทั่งกษัตริย์เมื่อได้พบเขา ยังต้องให้ความเคารพ นบนอบนั้น เป็นเรื่องจริง
หลี่ซั่นหยวนเคยบอกกับเยี่ยเทียนว่า นายทักษิณแห่งประเทศไทยคนนี้ เป็นชาวต่างชาติผู้รู้วิชาคาถาอาคม ที่เคยพบเห็นเพียงคนเดียวเมื่อในอดีต แม้ว่าท่วงท่าแกว่งกระบี่กับคาถาอาคมจะแตกต่างจากของจีน แต่วรยุทธ์นั้นกลับคู่ควรแก่การนับถือ
ดังนั้นเมื่อได้ยินว่าชาญ ทองทวนคือลูกศิษย์ของทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ สีหน้าของเยี่ยเทียนก็ตึงเครียดขึ้นมา สำนักวิชามากมายในยุทธภพ ไม่ได้มีเพียงสำนักเสื้อป่านที่สังหารคนได้!
เห็นสีหน้าของเยี่ยเทียนเปลี่ยนไป ตู้เฟยจึงเอ่ยปากถาม “คุณชาย คุณรู้จักคนผู้นี้หรือ? ได้ยินว่าเขา มีชื่อเสียงโด่งดังมากในประเทศไทย”
“ผมรู้จักเขาครับ ท่านอาจารย์เคยพูดถึงเขา”
เยี่ยเทียนพยักหน้า แล้วกล่าวต่อ “ตู้เฟย เรื่องนี้ต้องขอขอบพระคุณ ให้ลูกศิษย์ของคุณระมัดระวังตัวด้วย ในตัวหมอผีนั้นย่อมต้องมีวิชาบางอย่าง”
เทียบกับศาสตร์ซึ่งดึงเอาพลังชีวิตฟ้าดินเผชิญหน้ากับศัตรูอย่างซื่อตรงแล้ว การฝึกฝนวิชาพ่อหมดหมอผี ค่อนไปทางชั่วร้าย โดยเฉพาะหมอผีนอกลู่นอกทางบางคนที่เดินท่องไปในป่าช้า ใช้อวัยวะภายในของมนุษย์ และน้ำมันลนจากศพเพื่อบริกรรมคาถา
อีกทั้งผู้เป็นหมอผีจะเป็นพวกขี้ระแวงสงสัย มักใช้เวทมนตร์คาถากับคนข้างกาย เพื่อจับตามอง การกระทำของพวกเขา ดังนั้นเยี่ยเทียนจึงตักเตือนตู้เฟย ให้ลูกศิษย์เขาถอยห่างออกมา
เห็นสีหน้าของเยี่ยเทียนเคร่งเครียด ตู้เฟยจึงกล่าว “รับทราบแล้วครับ เดี๋ยวผมจะไปหาวิธีแจ้งให้เขารู้!”
“เอาเถอะครับ งั้นคุณกลับไปก่อนเถอะ เรื่องทางนั้นผมจะจัดการเอง คุณไม่ต้องยื่นมือเข้ามาจัดการหรอก”
เยี่ยเทียนพยักหน้า ถ้าหากชาญ ทองทวนได้รับคำเชิญจากซ่งเสี่ยวหลงจริง ก็จะเป็นการประลองฝีมือระหว่างสำนักวิชาลับ ถึงตู้เฟยเข้ามาคั่นกลางก็ไม่สามารถมีบทบาทใดๆ ได้แม้แต่น้อย
……
ตอนที่ 298 เปลี่ยนสนามต่อสู้
โดย
Ink Stone_Fantasy
“เรื่องนี้ท่าจะยุ่งยากแล้ว!”
หลังจากที่ส่งตู้เฟยไปแล้ว เยี่ยเทียนก็ตรงกลับเรือนสี่ประสานของตัวเอง ขมวดคิ้วไปตลอดทาง แต่ก็คิดวิธีดีๆ ไม่ออก
หากว่าเป็นเยี่ยเทียนคนเดียว เขาไม่กลัวเลยกับชาญ ทองทวนนี้ อย่าว่าแต่ชาญ ทองทวน เลยต่อให้เป็นอาจารย์เขา นายทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทิ์เอง เยี่ยเทียนก็จะไม่กังวล
แต่การทำคุณไสยไม่เหมือนกับวิชาของจงหยวน หากขาดไปหนึ่งตัวก็อันตรายและมีพิษร้ายเพิ่มขึ้นมา วิธีการก็มากมายหลายหลากอัศจรรย์พันลึก ทำให้คนไม่ทันระวังป้องกัน เยี่ยเทียนตัวเขาเองไม่กลัว แต่กลัวจะทำให้ครอบครัวต้องมาเดือดร้อนได้รับอันตรายไปด้วย
นี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำไมคนรุ่นก่อนถึงได้เก็บตัวอยู่คนเดียว ไม่มีเรื่องทางบ้านให้ต้องคอยกังวล เมื่อทำอะไรซักอย่างหนึ่งก็ไม่ต้องคอยห่วงหน้าพะวงหลัง ปกติคนประเภทนี้ในยุทธภพไม่กล้าหาเรื่อง
ถังเหวินหย่วนที่กำลังคุยกับหลานสาวอยู่อย่างออกรสออกชาตินั้น หลังจากเห็นเยี่ยเทียนเดินขมวดคิ้ว เข้ามาในลานบ้านแล้ว จึงกล่าวถามอย่างอดสงสัยไม่ได้ว่า “เยี่ยเทียน นายเป็นอะไรเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า”
เยี่ยเทียนเหยียดรอยยิ้มแข็งออกมาพลางกล่าวว่า “ไม่เป็นไร เหล่าถัง อีกประเดี๋ยวป้าใหญ่มาทำกับข้าว คืนนี้กินที่นี่ พรุ่งนี้นายกับเสวี่ยเสวี่ยก็ไปแล้วใช่มั๊ย”
คุณไสยอาศัยพิษห้าอย่างเป็นตัวนำ ซึ่งก็คือพิษงู ตะขาบ แมงป่อง แมงมุมและคางคกและอื่นๆ สัตว์ที่มีพิษตามธรรมชาติทั้งห้าชนิด มักจะถูกอาจารย์คุณไสยนำมาใช้ทำของ
อาจารย์คุณไสยที่มีฝีมือ สามารถเลี้ยงพิษหลากหลายชนิดได้ วิธีการทำให้คนไม่ทันได้ป้องกันตัว เยี่ยเทียนสามารถเอาตัวเองรอดได้ แต่กลับไม่สามารถที่จะไปดูแลคนอื่นๆ ได้
ความรู้สึกแบบนี้ทำให้เยี่ยเทียอัดอั้นตั้นใจเป็นอย่างมาก หากว่าเป็นมีดพร้าหรือปืนผาหน้าไม้มาตัดสินกันจริงๆ เขาไม่เคยเกรงกลัวใครหน้าไหนทั้งนั้น แต่ศัตรูกลับชอบแอบซ่อน ต่อให้วิชาของตัวเองสูงส่งแค่ไหน ก็ได้แต่ต้องรอให้ศัตรูโผล่หน้าออกมาจึงจะจัดการได้
ถังเหวินหย่วนเป็นบุคคลระดับไหน หากได้ฟังจากคำกล่าวของเยี่ยเทียนก็จะรู้ถึงความหมายที่แฝงอยู่ จึงกล่าวในตอนนั้นว่า “เยี่ยเทียน หากมีเรื่องอะไรไม่สบายใจ ก็ไปอยู่ที่ฮ่องกงกับฉันซักพักหนึ่งไป ตอนนี้ฉันซื้อบ้านไว้ที่ปั้นซาน หากว่านายว่างก็มาช่วยฉันจัดฮวงจุ้ยหน่อย”
จากความสามารถของถังเหวินหย่วนที่ฮ่องกง ไม่ต้องกลัวเรื่องยุ่งยากอะไรจริงๆ ไม่พูดถึงที่ว่าเขาเป็นที่ปรึกษาของพรรคชิง ก็แค่ทรัพย์สินที่มีอยู่ตอนนี้ ก็เพียงพอแล้วที่จะไม่มีใครกล้าดูถูก
“ไปฮ่องกง”
เยี่ยเทียนกล่าวแล้วชะงักงันไป “ใช่สิ ตัวเองยังอยู่ปักกิ่งกลัวคนในครอบครัวพลอยเดือดร้อนไปด้วย แต่หากกระโดดออกจากสังคมปักกิ่ง ก็จะได้ใช้ชีวิตเอาตัวรอดตามแต่ต้องการ วิชาคุณไสยถึงแม้ร้ายกาจ แต่ตัวเองก็ไม่จำเป็นต้องไปกลัวพวกนั้น!”
เยี่ยเทียนคิดได้ซักครู่ ก็เริ่มกล่าวว่า “เหล่าถัง บอกนายตามจริง ฉันมีเรื่องเดือดร้อนนิดหน่อย หากไปฮ่องกงกับนายก็จะพลอยทำให้นายโดนหางเลขไปด้วย”
ถังเหวินหย่วนหัวเราะขึ้นมา กล่าวอย่างโอ้อวดว่า “นี่นายรู้ตัวมั๊ยพูดอะไร ฉันแก่จนจะแปดสิบแล้ว ยังจะกลัวอะไรกับเรื่องเดือดร้อนไม่เดือดร้อนกัน หากเป็นที่ฮ่องกงมีคนคิดจะทำมิดีมิร้ายกับคนแก่อย่างฉัน ก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายเลย”
ถึงแม้พรรคชิงที่ฮ่องกงตอนนี้ก็แตกเป็นหลายก๊กหลายเหล่าแล้ว แต่พวกพี่ใหญ่ของสำนักเหล่านั้น เป็นรุ่นหลังของถังเหวินหย่วนทั้งนั้น เมื่อถึงตอนเทศกาลต่างๆ ก็จะมาเยี่ยมคาราวะผู้หลักผู้ใหญ่กัน
ดังนั้นต่อให้มีคนที่เข้ามาในฮ่องกงเพื่อจะมีเจตนาไม่ดีต่อถังเหวินหย่วน แต่น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ ยังไงก็ต้องอาศัยสำนักในฮ่องกงคอยช่วยเหลือ แล้วที่ฮ่องกงนี่หากเกิดเหตุการณ์อะไรเล็กน้อย ถังเหวินหย่วนก็จะรู้ได้ในทันที
ก็เหมือนกับเมื่อหลายปีก่อนที่พวกเศรษฐีฮ่องกงถูกลักพาตัวไปหลายคนติดต่อกัน หลังจากนั้น ถูกค้นว่ามีเงินพนันก้อนใหญ่ ตอนนั้นพวกเศรษฐีในฮ่องกงล้วนตกอยู่ในอันตราย จ้างบอร์ดี้การ์ดต่างชาติกันเป็นทิวแถว
แต่ก็ไม่มีใครบังอาจกล้าคิดไม่ดีกับตระกูลถัง นั่นก็เป็นเพราะ “เศรษฐีใหญ่” ที่ถูกขนานนามคนนั้น เดิมทีก็เป็นคนตัวเล็กๆ ในฮ่องกง รู้ดีว่าถังเหวินหย่วนมีอำนาจขนาดไหนในฮ่องกง
หลังจากได้ฟังคำกล่าวของถังเหวินหย่วนแล้ว เยี่ยเทียนก็เงียบไปซักครู่ พยักหน้ากล่าวว่า “ก็ดีเหมือนกัน คฤหาสน์หลังนั้นที่เพิ่งซื้อ ยังไม่ได้เข้าไปอยู่ใช่มั๊ยถึงตอนนั้นก็ให้ฉันไปอยู่ชั่วคราวแล้วกัน ก็ถือซะว่าช่วยนาย ปรับฮวงจุ้ยคฤหาสน์แล้วกัน
“ได้ เดี๋ยวฉันให้คนจัดเตรียมให้พร้อม พวกเราพรุ่งนี้เดินทางกลับกัน!” ถังเหวินหย่วนพยักหน้าหงึกหงึก สามารถเชิญเยี่ยเทียนไปดูฮวงจุ้ยให้เขาได้ นั่นถือว่าโชคดีเกินคาดแล้ว
“อ้อใช่แล้ว ง้าวจันทร์เสี้ยวอันนั้นนายมีวิธีเอาออกไปด้วยมั๊ยนอกจากนั้นก็มีเหมาโถว ฉันอยากพามันไปด้วย ไม่รู้ว่าได้หรือเปล่า”
ไม่ว่าจะเป็นวิชาในประเทศหรือคุณไสยของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ล้วนแต่แสลงกับอาวุธปัจจุบันทั้งนั้น ง้าวจันทร์เสี้ยวนับเป็นอาวุธที่ดุดันในบรรดาอาวุธด้วยกัน ใช้สำหรับฆ่าศัตรูรับรองว่ายากต้านทาน และยังใช้ทำลาย ไอร้ายได้บางส่วนอีกด้วย
สำหรับเหมาโถวเป็นตัวขจัดพิษของแมลงพิษพวกนั้น เยี่ยเทียนพบว่า หลังจากเหมาโถวอาศัย อยู่ในเรือนสี่ประสานเป็นต้นมา ไม่ว่าจะเป็นลานใหม่หรือว่าลานหลังเก่า แมลงเลื้อยคลานประเภทตะขาบ แมงป่อง แมงมุมพวกนี้ไม่เห็นแล้ว
“เหมาโถวก็ไปฮ่องกงเหรอดี ดีจริงๆ!”
ถังเสวียเสวี่ยที่นั่งฟังคุณตาและเยี่ยเทียนพูดคุยกันมาตลอด ได้ฟังว่าเยี่ยเทียนจะพาเหมาโถวไปฮ่องกงด้วย ก็กระโดดโลดเต้นดีใจอย่างห้ามไม่ได้ ช่วงเวลาที่อยู่ที่นี่มาเดือนกว่า แน่นอนว่าเพื่อนเล่นที่อยู่เป็นเพื่อน เธอมาตลอดก็คือเหมาโถวนั่นเอง
ถังเหวินหย่วนลูบหัวหลานรักอย่างทะนุถนอมกล่าวว่า “ปัญหาเล็กน้อย เครื่องบินส่วนตัวของฉันจอดอยู่ที่ปักกิ่งแล้ว พรุ่งนี้ตอนเช้าฉันจะให้คนไปขอใบอนุญาต น่าจะเอาออกไปได้หมด”
“อาจารย์ ผมก็อยากตามอาจารย์ไปฮ่องกง!”
โจวเซี่ยวเทียนไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เดินมาถึงกลางลาน สีหน้าอ้อนวอนไปทางเยี่ยเทียน คนหนุ่มมักอยาก จะออกไปเจอโลกกว้าง แล้วยิ่งเป็นเมืองศูนย์กลางนานาชาติอย่างฮ่องกง
“ครั้งนี้ไม่ได้ ครั้งหน้ามีโอกาสฉันจะพานายไป”
เยี่ยเทียนส่ายหัว การเดินทางไปฮ่องกงรอบนี้เขาไม่ได้ไปเที่ยว คนในฉีเหมินเมื่อต่อสู้กันขึ้นมาอันตรายเกินจะคาดเดา เยี่ยเทียนมั่นใจว่าดูแลตัวเองได้ แต่ไม่กล้าจะโอ้อวดว่าสามารถปกป้องความปลอดภัยของคนข้างตัวได้ มิเช่นนั้นเขาก็ไม่จำเป็นต้องไปจากปักกิ่งแล้ว
“ก็ได้ อาจารย์ ครั้งหน้าต้องพาผมไปด้วยนะ” โจวเซี่ยวเทียนมองไปที่เยี่ยเทียนด้วยท่าทางน่าสงสาร
ถังเสวียเสวี่ยช่วงนี้คลุกคลีกับโจวเซี่ยวเทียน ทั้งสองมีความสัมพันธ์ไม่เลว ตอนนั้นเองก็ได้กล่าวว่า “พี่เซี่ยวเทียน ครั้งหน้าหนูจะเชิญพี่ไป”
“พอแล้ว เซี่ยวเทียน นายโทรไปหาพ่อฉัน ให้พวกเขามากินข้าวด้วยกันคืนนี้ ฉันเหนื่อยแล้ว จะไปพักซักหน่อย!”
เยี่ยเทียนทำท่าทางแล้วก็เดินไปทางหลังลาน วันนี้ทะลายชีพจรให้ถังเสวียเสวี่ย ดูแล้วจะเปลืองพลัง เขาไปจนแทบหมด ต้องพักผ่อนซักหน่อย
โดยเฉพาะเมื่อได้ยินว่าซ่งเสี่ยวหลงไปประเทศไทยไปเชิญชาญ ทองทวนมา ในใจของเยี่ยเทียนก็ร้องเตือนว่า เขาจะต้องรักษาพลังให้เต็มเปี่ยมมากทีสุด เพื่อเตรียมรับมือกับเรื่องไม่คาดคิดที่จะเกิดขึ้น
เมื่อถึงตอนที่เยี่ยเทียนออกจากสมาธิแล้ว ท้องฟ้าก็มืดลงไปแล้ว ลานด้านหลังเงียบสงัดเหมือนเคย แต่กลางลานนั้นกลับคึกคักน่าดู
ก็เนื่องมาจากคนที่อาศัยอยู่ในสถานที่แห่งนี้แล้ว ครอบครัวของป้ารองก็มาด้วย เสี่ยวจุนหานกำลังวิ่งไล่เหมาโถว ไปทั่ว เล่นกันซะแตกตื่นกันไปหมด
ได้ฟังเสียงคนจ๊อกแจ๊กดังมาจากกลางลาน ในใจของเยี่ยเทียนก็พลันรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา
ตอนเด็กนั้นก็มีแต่เขาและพ่อสองคน ในส่วนลึกของเยี่ยเทียนนั้นเดิมทีก็แฝงความเย็นชาเอาไว้ แต่หลังจากลงหลักปักฐานอยู่ที่ปักกิ่งแล้ว เยี่ยเทียนก็คุ้นเคยกับการได้รับความรักและการปกป้องจากญาติมิตรรอบกาย
“ไสยศาสตร์ เฮอะ ซ่งเสี่ยวหลง!” เยี่ยเทียนสายตาส่องประกายวาวโรจน์ขึ้นมาแว๊บหนึ่ง เขาอดรนทนไม่ไหวที่จะใด้เจอซ่งเสี่ยวหลงและชาญ ทองทวน จะได้สะสางเรื่องนี้ให้มันจบจบไป
ต้องรู้ก่อนว่า การขยายตัวของวิชาก็ถูกข้อจำกัดทางด้านพื้นที่และเวลา ที่พูดกันว่าไกลเป็นพันลี้ก็คร่าชีวิตคนได้ ก็เป็นเพียงแค่ตำนานเท่านั้น
ดูจากพลังของเยี่ยเทียนในตอนนี้ พอจะขยายพลังออกไปได้ร้อยเมตร หากเกินออกไปพลังก็เริ่มอ่อนแรงแล้ว มิเช่นนั้นเขาก็คงจะสามารถทำร้ายซ่งเสี่ยวหลงให้ตายได้แล้ว
อาจารย์คุณไสยก็แบบเดียวกัน ต้องการจะต่อกรกับเยี่ยเทียน จะต้องอยู่ในเมืองเดียวกับเขา หากชาญ ทองทวนอยู่ที่ประเทศไทยแต่กลับทำอันตรายเยี่ยเทียนได้ นั่นเขาก็ไม่ใช่คนแต่เป็นเทวดาแล้ว
“เจ้าตัวแสบ ฐานะในบ้านไม่เลวเลย ทั้งครอบครัวรอนายไปกินข้าวแหนะ”
เห็นเยี่ยเทียนเดินออกมาจากลานด้านหลัง เยี่ยตงผิงหัวเราะกล่าวต่อว่าออกมา แต่ว่าเขาก็รู้ว่าวันนี้เยี่ยเทียนทะลวงชีพจรหยางให้ถังเสวี่ยเสวี่ยก็เหนื่อยแทบตายแล้ว ก็ไม่ได้พูดว่าอะไรอีก
ตอนที่ทานข้าวเยี่ยเทียนก็เปรยเรื่องที่เขาจะไปฮ่องกงออกมา คนทางบ้านก็คิดว่าเขาได้รับคำเชิญจากถังเหวินหย่วน ไม่ได้สนใจอะไร แต่คุณป้าใหญ่บ่นย้ำนักย้ำหนาให้เยี่ยเทียนดูแลตัวเองให้ปลอดภัย
เช้าวันที่สองเยี่ยเทียนก็โทรหาตู้เฟย แจ้งข่าวที่ตัวเขาจะไปฮ่องกง ให้เขาปล่อยข่าวออกไป สำหรับตู้เฟย จะทำอย่างไรนั้น เยี่ยเทียนไม่ได้ไปสนใจอะไร เพื่อนพี่น้องร่วมพรรคอยู่กันทั่วโลก เขาจะต้องมีวิธีนั่นเอง
ถังเหวินหย่วนกลับออกหน้าไปหาแผนกที่เกี่ยวข้อง เพื่อทำขั้นตอนการเข้าฮ่องกงสำหรับเยี่ยเทียน และอาวุธกับสัตว์เลี้ยงของเขา หากเป็นคนธรรมดาคงเป็นเรื่องยากลำบากเกินไป แต่ต่อหน้าของคุณตาถัง ก็แค่เรื่องขี้ผงเท่านั้น
เมื่อถึงเวลากลางวัน เครื่องบินส่วนตัวของถังเหวินหย่วนที่จอดอยู่ที่สนามบินในเมืองหลวงก็ออกจากปักกิ่ง พาเยี่ยเทียนและคนอื่นๆ มุ่งไปยังฮ่องกง
“เหล่าถัง พวกคนมีเงินล้นฟ้าแบบคุณนี่ฟุ่มเฟือยกันจริงๆ เครื่องบินลำนี้ยังไงก็ต้องหลายสิบล้านแหละนะ”
มองพรมราคาแพงที่อยู่ใต้เท้า นั่งบนโซฟาหนังแท้จากอิตาลี เยี่ยเทียนก็ถอนหายใจ เดิมทีคิดว่าตัวเขาเอง มีหลายสิบล้านนี่ก็นับว่าไม่ธรรมดาแล้ว แต่เมื่อเทียบกับถัวงเหวินหย่วนแล้ว ตัวเขาเองก็แทบไม่ต่างอะไรกับขอทานเลย
อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง แค่ค่าบำรุงรักษาเครื่องบินลำนี้และเงินเดือนของแอร์สาวสวย ที่ยืนอยู่ด้านข้างสี่คนนี้ ก็คงทำให้เยี่ยเทียนแทบสิ้นเนื่้อประดาตัว
“เหอะๆ ไม่เท่าไหร่หรอก”
ถังเหวินหย่วนหัวเราะ เครื่องบินส่วนตัวลำนี้ของเขาจ่ายเงินไปสองพันล้านเหรียญฮ่องกง ซื้อเครื่องบินมาจากบริษัททำเครื่องบินในอเมริกา แต่ถ้าดูตามอายุเขาแล้ว แน่นอนว่าไม่ไปโอ้อวดกับเยี่ยเทียนอยู่แล้ว
ถังเหวินหย่วนขยิบตาใส่เยี่ยเทียน พลันกล่าวขึ้นมาว่า “เยี่ยเทียน เธอเป็นคนมีความสามารถ อยากจะซื้อเครื่องบินแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องยาก หรือไม่อย่างนั้นฉันยกลำนี้ให้เธอ”
คิดถึงว่าช่วงก่อนหน้านี้ที่เยี่ยเทียนที่บอกว่าตัวเองตอนอายุแปดสิบสามจะเจอเรื่องลำบาก ในใจของถังเหวินหย่วนก็ไม่ค่อยจะวางใจเท่าไหร่ เขาอดไม่ไหวที่จะให้เยี่ยเทียนขอทรัพย์สินเงินทองจากเขา
แต่ทว่าหลังจากคุณตาพูดคำนี้ออกมา กลับทำให้แอร์สาวสวยที่นั่งอยู่ด้านข้างไม่กี่คนนั่น สีหน้าปรากฏแววประหลาดใจไม่อยากเชื่อออกมาชั่วครู่
ตอนที่ 299 มาเยือนครั้งแรก
โดย
Ink Stone_Fantasy
ในตอนแรกบทสนทนาของเยี่ยเทียนและถังเหวินหย่วน ก็ทำให้แอร์สาวสวยตกตะลึงกันไปแล้ว แต่เพราะพวกเธอได้รับการฝึกมาอย่างเข้มงวด ในเรื่องของการสนทนาของเจ้านาย จะต้องเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา
แต่ที่ได้ยินเมื่อซักครู่นั้นคือถังเหวินหย่วนจะยกเครื่องบินลำนี้ให้กับเยี่ยเทียน แอร์สาวสวยเหล่านี้ก็มีสีหน้าตกตะลึง เป็นแถบ เพราะพวกเธอรู้ราคาของเครื่องบินลำนี้ดี
ต้องรู้ก่อนว่า เครื่องบินลำนี้ทั้งโลกมีห้าสิบลำ แค่ลำพังเครื่องบินลำเดียวก็สนนขายในราคาสามสิบกว่าล้านดอลล่าร์ นี่ยังไม่รวมเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งที่หรูหราภายใน ราคาทั้งหมดรวมกันก็ประมาณสี่สิบกว่าล้านดอลล่าร์ได้
แค่เครื่องบินราคาแพงขนาดนี้ ถังเหวินหย่วนกลับทำเป็นของเล่น เอ่ยปากจะยกให้คนอื่นอย่างง่ายดาย แอร์สาวที่นั่งอยู่แอบคิดไม่ดีขึ้นมาแล้ว
“เฮ้ เครื่องบินลำนี้ยกให้ฉัน ฉันก็ดูแลไม่ไหวอยู่ดี ช่างมันเถอะ”
เยี่ยเทียนก็เห็นสีหน้าของแอร์สาวพวกนั้นที่นั่งอยู่ด้านหน้าเขา ตอนที่คุยกลับไม่ได้เรียกถังเหวินหย่วนว่าเหล่าถัง
ที่แผ่นดินใหญ่ชื่อเสียงของถังเหวินหย่วนไม่เป็นที่รู้จักเท่าไหร่ แต่ตาแก่นี่ที่ฮ่องกงเป็นประเภทที่สามารถเลือก ข้าราชการระดับสูงได้ ฐานะทางสังคมไม่ใช่แค่สูงธรรมดา
อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง ตอนที่ถังเหวินหยวนออกเดินทาง ปาปารัซซี่รอบกายมากกว่าพวกดาราเสียอีก หากเยี่ยเทียนพูดไม่ระวัง กลัวว่าจะได้ขึ้นหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ฮ่องกง
ถังเหวินหย่วนก็รู้สึกได้ถึงแอร์สาวไม่กี่คนที่ยืนอยู่ด้านข้าง หากเขาจะสนทนากับเยี่ยเทียนก็ดูจะไม่สะดวก โบกมือขึ้นพลางกล่าวว่า “เอาเถอะ ที่นี่ไม่มีอะไรแล้ว พวกเธอไปพักเถอะ “
“ค่ะ คุณถัง!” หัวหน้าแอร์รับคำ พาแอร์สาวสามคนที่เหลือเข้าสู่ที่พักพนักงานบนเครื่องและยังปิดประตูอย่างแน่นสนิท
“อาเวย คนหนุ่มนั่นเป็นใครกันถึงกล้าเรียกหัวหน้าว่าเหล่าถัง”
“ฉันว่าน่าจะเป็นคนมีชื่อเสียงจากแผ่นดินใหญ่ซักคนแหละไม่อย่างนั้นใครจะกล้าเรียกคุณชายถังแบบนั้นกัน”
“ฉันว่าไม่ใช่ พี่น้องที่นี่มีใครมีอำนาจวาสนาขนาดนั้นกัน พวกเธอไม่รู้ ชายหนุ่มคนนั้นเอาง้าวจันทร์เสี้ยวขึ้นเครื่องบินมาด้วย หนักมากๆ!”
เมื่อเข้าไปในห้องพักสาวๆก็พากันถกเถียงจ๊อกแจ๊กจอแจ เมื่อซักครู่ที่ถังเหวินหย่วนและเยี่ยเทียนคุยกัน ทำให้พวกเธอเถียงกันวุ่นวาย
แต่ว่าทายไปทายมาก็ไม่รู้ว่าเยี่ยเทียนที่แบกง้าวจันทร์เสี้ยวเล่มใหญ่กับสัตว์เลี้ยงขึ้นมาบนเครื่องบิน สรุปว่ามีฐานะอะไรกันแน่
……
“เยี่ยเทียน เดี๋ยวพอถึงฮ่องกงแล้ว ฉันมีเรื่องบางอย่างอยากจะรบกวนนายหน่อย…” รอจนแอร์สี่คนเข้าไปยังห้องพักผ่อนบนเครื่องแล้ว ถังเหวินหย่วนก็มองมาที่เยี่ยเทียน
“เรื่องอะไรกัน”
เยี่ยเทียนเงยหน้ากล่าวต่อว่า “แต่ว่าเหล่าถัง พูดตามตรง ครั้งนี้ที่ฉันไปฮ่องกงก็เพื่อแก้ไขเรื่องบางอย่าง พอถึงตอนนั้นนายก็อย่าสนิทสนมกับฉันมากเกินไป!”
“เยี่ยเทียน ตกลงว่านายมีเรื่องอะไรกันแน่ตาแแก่อย่างฉันหากเป็นที่ฮ่องกงก็พอจะมีอำนาจอยู่บ้าง ถึงเวลานั้นฉันช่วยนายแก้ปัญหาก็เรียบร้อยแล้วไม่ใช่เหรอ”
เห็นเยี่ยเทียนแบกง้าวจันทร์เสี้ยวมาด้วย ในใจของถังเหวินอยู่ก็ตะขิดตะขวงอยู่บ้าง ถึงแม้ว่าเขาจะอยู่ในยุทธภพมานาน แต่ตอนนี้มันยุคอะไรแล้วคนอื่นอยากจะหาเรื่องตัวเอง ยังมีใครใช้อาวุธต่อสู้กันอยู่อีก
เยี่ยเทียนส่ายหัว กล่าวว่า “เหล่าถัง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนายเลย อีกอย่างอีกฝ่ายจะมาหรือไม่มายังไม่รู้เลย!”
ตู้เฟยเพียงแต่บอกเยี่ยเทียนว่าซ่งเสี่ยวหลงไปประเทศไทยไปหาชาญ ทองทวนแล้ว แต่ว่าชาญ ทองทวน จะยอมลงมือหรือไม่ เรื่องนี้แม้แต่ลูกศิษย์คนนั้นของตู้เฟยก็ยังตอบไม่ได้ เยี่ยเทียนก็ได้แต่กลัวว่า จะเป็นอันตราย ต่อครอบครัวจึงได้เตรียมตัวไว้ล่วงหน้าเท่านั้น
เขาให้ตู้เฟยปล่อยข่าวออกไปว่าตัวเองรออยู่ฮ่องกงเป็นเวลาหนึ่งเดือน มั่นใจว่าต่อให้ชาญ ทองทวนไม่มา ซ่งเสี่ยวหลงก็ต้องไม่พลาดโอกาสนี้แน่
จะต้องรู้ก่อนว่า การเข้าออกของคนในประเทศและต่างชาติมีการตรวจที่เข้มงวดเป็นอย่างมาก บางคนที่มีประวัติที่อยู่ต่างประเทศ เมื่อเข้ามาก็จะถูกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจับตาดู อยากจะขยับตัวทำอะไรก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น
แต่ฮ่องกงเป็นเมืองนานาชาติ ทุกวันมีคนต่างชาติเข้าเข้าออกเป็นจำนวนไม่น้อย ที่นี่อยากจะหานักฆ่าฝีมือดี มีประสบการณ์ประเภทนี้ ก็จะไม่เป็นที่สนใจของหน่วยงานท้องที่เท่าไหร่นัก
“เอาน่า เหล่าถัง นายบอกเรื่องที่จะให้ฉันช่วยมาดีกว่า”
เห็นถังเหล่าหย่วนหน้าตาเกรงใจ เยี่ยเทียนก็ไม่พูดอะไรมาก แวดวงต่อสู้แตกต่างจากคนธรรมดามาก แม้ว่าเป็นมหาเศรษฐีอย่างถังเหวินหย่วนเองก็เถอะไม่มีทางที่จะเข้ามายุ่งเรื่องนี้ได้เลย
หลังจากได้ฟังเยี่ยเทียนจบ ถังเหวินหย่วนก็กล่าวว่า “เรื่องมันมีอยู่ว่า ฉันมีเพื่อนเก่าแก่อยู่คน ปี 1990 ถูกคนลักพาตัวไป ตอนนี้ผ่านไปแปดปีแล้วยังไม่มีข่าวอะไรเลย ฉันอยากให้นายช่วยดูหน่อย ว่าเขาคนนั้นยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า”
“ใครกัน”
เยี่ยเทียนชะงักงันไปและกล่าวอย่างยิ้มๆ ต่อไปว่า “เหล่าถัง เมื่อกี๊นายไม่ได้คุยว่าตัวเองมีอิทธิพลที่ฮ่องกงยังไงบ้าง อยู่เลยเหรอทำไมเรื่องแค่นี้ยังทำไม่ได้”
ที่สำคัญคือแก๊งลักพาตัวพวกนี้ไม่ได้อยู่ที่ฮ่องกง ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่หมดหนทางแบบนี้””
ถังเหวินหย่วนไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ ชี้ไปที่นิตยสารเล่มหนึ่งบนโต๊ะชา “นายดูเอาเถอะ สามีของเธอ เฮ้อ เพื่อนเก่าหลายสิบปีแล้ว หากนายมีทาง ก็ช่วยกันหน่อยเถอะ!”
“ฟอบส์ นิตยสารฟอบส์”
เยี่ยเทียนหยิบขึ้นมาดู ที่แท้ก็เป็นนิตยสารอังกฤษ ถึงแม้เขาจะเรียนมหาวิทยยาลัยไม่จบ แต่ภาษาอังกฤษก็พอได้อยู่ อ่านบทความไม่ได้มีอุปสรรคหรือเปลืองแรงใดใด
แต่ในปี 1998 การจัดอันดับจากนิตยสารฟอบส์ไม่ได้รับความสนใจเท่าไหร่นักในประเทศ เยี่ยเทียนเพิ่งเคยได้ยินชื่อนี้ ข้อมูลที่เรียงลำดับอยู่ด้านใน กลับดึงความสนใจของเขา
“แม่เจ้าเว้ย ผู้หญิงคนนึงถูกจัดอันดับเป็นเศรษฐีในเอเชียติด 10 อันดับแรก เหล่าถัง ลำดับเธอสูงกว่านายอีก” เมื่อดูเสร็จถังเหวินหย่วนก็ชี้ไปที่รูปของผู้หญิงคนนั้นที่อยู่ตรงประวัติย่อ เยี่ยเทียนเดาะลิ้นขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
“มีเงินก็ไม่แน่ว่าจะเป็นเรื่องดีอ่า เพื่อนเก่าฉันตอนปีแปดศูนย์ก็ถูกลักพาตัวไปครั้งหนึ่ง จ่ายค่าไถ่ตัวไป สิบล้านกว่าดอลล่าร์ คนไม่เป็นอะไร แต่หลังจากปีเก้าศูนย์ถูกลักพาตัวไปแล้วก็ไม่มีข่าวคราวของเขาอีกเลย”
ถังเหวินหย่วนส่ายหัว กล่าวต่อว่า “ทิ้งมรดกไว้หลายพันล้าน ตอนนี้กลายเป็นต้นตอปัญหาแล้ว ไปร้องศาลมาหลายปีแล้ว ทะเลาะกันจนมองหน้าไม่ติด”
“ปีแปดศูนย์ก็มีเงินสิบล้านกว่าดอลล่าร์ เหล่าถัง ลักพาตัวพวกเศรษฐีเรียกค่าไถ่ที่ฮ่องกงนี่ ถือว่าเป็นช่องทางลัดทำเงินหรือเปล่า”
เยี่ยเทียนกล่าวอย่างทึ่งๆ ปีแปดศูนย์มีเงินสิบล้านดอลล่าร์ หากไว้ถึงตอนนี้ เกรงว่ามูลค่าต่ำสุด ก็หลายพันล้านแล้วงานลักพาตัวเรียกค่าไถ่นี้ได้เงินเร็วกว่าไปปล้นธนาคารอีก!
“รวยเร็วน่ะใช่ แต่ตายก็เร็วด้วย” ถังเหวินหย่วนยิ้มเย็นออกมา
หลังจากเพื่อนเก่าถูกลักพาตัวไป ที่ฮ่องกงก็เกิดแก๊งลักพาตัวเศรษฐีทั้งหลายขึ้นโดยเฉพาะ และยังประสบความสำเร็จหลายครั้ง ค่าไถ่รวมกันเป็นเงินสูงถึงสิบล้านดอลล่าร์ฮ่องกง คดีนี้เกี่ยวข้องกับเศรษฐีดังในฮ่องกงหลายคน
แต่ทว่าในปีนี้ แก๊งนี้กลับก่อเหตุขึ้นในแผ่นดินใหญ่ และถังเหวินหย่วนก็ได้รับข่าวที่แน่ชัดมาเรียบร้อยแล้ว เป้าหมายห้าคนแรกที่ลักพาตัว อีกไม่นานก็จะถูกตัดสินยิงเป้าประหารชีวิต
“แหะๆ คนเป็นผู้กระทำบางทีก็โหดร้ายกว่าธรรมชาติอีก”
เยี่ยเทียนหัวเราะ หลังจากกล่าวขึ้นมาลอยๆ แล้ว ก็มองไปที่ถังเหวินหย่วน กล่าวว่า “ถึงเวลานั้นนายก็นัดเจอกับสุภาพสตรีแซ่กงคนนี้หน่อย แต่ต้องเป็นหลังจากถึงฮ่องกงแล้วภายในสามวัน หลังจากพ้นสามวันไปแล้วฉันไม่ต้อนรับแขก!”
เยี่ยเทียนลองคำนวนดูแล้วระยะเวลาอยางมากสามวัน ซ่งเสี่ยวหลงน่าจะมีปฏิกิริยาตอบกลับมาบ้าง หากตอนที่กำลังประทะกันมีคนนอกอยู่ด้วย เยี่ยเทียนจะต้องไขว้เขวแน่ ดังนั้นจึงร้องขอออกไปแบบนั้น
“ได้ รอให้นายพักผ่อนแล้ว พรุ่งนี้ฉันจะจัดการ พอดีจะได้แนะนำนายให้เพื่อนเก่าเพื่อนแก่ของฉันรู้จัก” เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ถังเหวินหย่วนก็ยิ้มแหย “พรุ่งนี้นายห้ามเรียกฉันว่าเหล่าถังนะ หากแพร่งพรายออกไปตาแก่คนนี้ไม่รู้จะเอาหน้าไว้ที่ไหน”
หลังจากนั่งเครื่องบินมาสามชั่วโมง เครื่องบินส่วนตัวของถังเหวินหย่วนก็ลงจอดที่สนามบินฮ่องกง เครื่องบินเพิ่งหยุดสนิท รถลีมูซีนคันยาวหรูหราก็มาจอดเทียบข้างเครื่องบิน
“สมกับเป็นเมืองทางใต้ อากาศร้อนจริงๆ!”
หยิบทวนเยี่ยเยว่เพิ่งเดินลงจากเครื่องบิน เยี่ยเทียนก็รับรู้ได้ถึงความร้อนที่โจมตีเข้ามา หากเทียบกับอากาศในฤดูใบไม้ผลิของปักกิ่ง หอคอยไข่มุกนี่ก็เข้าสู้หน้าร้อนเรียบร้อยแล้ว
“จีจี…จีจี!”
เหมาโถวเดิมที่อยู่ในอ้อมกอดของถังเสวี่ยเสวี่ย ยิ่งไม่ถูกกับอากาศร้อนอบอ้าวแบบนี้ รีบมุดออกมาจากอ้อมกอดของถังเสวี่ยเสวี่ยไวราวฟ้าผ่า อุ้งเท้าทั้งสี่กอดง้าวจันทร์เสี้ยวไม่ห่างและไม่ยอมปล่อยแม้แต่น้อย
ถังเสวี่ยเสวี่ยมองเหมาโถวอย่างไม่พอใจ กล่าวเสียงต่ำอย่างงอนๆ ว่า “เหมาโถวดื้อ ไม่ยอมให้ฉันอุ้ม กลับไปไม่ให้ปลากินแล้ว!”
เยี่ยเทียนหัวเราะขึ้นมากล่าวว่า “เสวี่ยเสวี่ย ปลานี่ไม่ให้ไม่ได้นะ ไม่อย่างนั้นเหมาโถวจะงอแงเอานะ”
หลังจากได้ฟังคำของเยี่ยเทียนแล้ว ถังเสวี่ยเสวี่ยก็รีบกล่าวว่า “ไม่หรอก พี่เยี่ยเทียน คฤหาสน์หลังใหม่ที่คุณตาซื้อมีสระว่ายน้ำสองอันแหน่ะ สามารถปล่อยปลาลงไปได้เยอะแยะมากมายเลย!”
“ฉันซื้อคฤหาสน์มาก็เพื่อให้พวกเธอเลี้ยงปลาหรือไงกัน” คำกล่าวของหลานสาวทำให้ คุณตาถังจะหัวเราะก็ไม่ออกจะร้องไห้ก็ไม่ปาน หลังจากเรียกเยี่ยเทียนขึ้นมาบนรถ ก็ขับตรงไปที่คฤหาสน์บนสันเขาทันที
เมื่อรถขับมาถึงครึ่งเขา เยี่ยเทียนก็มองประเมินทั้งสี่ด้านเล็กน้อย รีบกล่าวชมอย่างอดไม่ได้ “สถานที่นี้ดี มีแม่น้ำโค้งเป็นรูปมังกร ทิศตะวันออกเป็นทะเล นี่เป็นสถานที่ที่ฮวงจุ้ยรวมเอาทรัพย์เข้าที่ดีที่หนึ่งเลย!”
โบราณว่าไว้สถานที่ที่เป็นมงคลจะต้องไม่ขาดน้ำ ก่อนมองภูเขาให้มองน้ำก่อน มีภูเขาแต่ไม่มีน้ำให้หยุดค้นหา แต่ที่นี่ภูเขาแม่น้ำครบ สภาพภูมิศาสตร์ไม่ธรรมดา มีน้ำขนาบทั้งสองข้าง หากอาศัยอยู่ที่นี่ไม่อยากมีทรัพยสิน เงินทองนั้นเป็นไปไม่ได้เลย
ทางขึ้นเขา กลับมองเห็นป้อมรักษาความปลอดภัย เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยท่าทางเข้มงวด แต่ทว่าหลังจากเห็นรถคันนี้และใบผ่านทางแล้ว ตลอดทางก็ราบรื่นไร้อุปสรรค
“สถานที่ดีนี่ ฉันว่า คฤหาสน์หลายหลังด้านล่างนั้นขายอยู่ทั้งนั้นใช่มั๊ยรอให้ฉันมีเงินก่อนก็จะมาซื้อซักหลัง!”
ในตอนที่รถแล่นผ่านกลางเขา เยี่ยเทียนเห็นคฤหาสน์เรียงกันห้าหลัง เขารู้สึกได้ว่า ด้านในไม่มีคนอาศัยอยู่
ถังเหวินหย่วนกล่าวอย่างหัวเราะขึ้นมาว่า “คฤหาสน์หลายหลังนั่นสำหรับเช่าไม่ขาย แต่หากนายอยากจะซื้อ ฉันจะเลือกทำเลที่ดีกว่านี้ให้”
“ช่างเถอะ ฉันแค่พูดลอยๆ เท่านั้น สถานที่แบบนี้ฉันจ่ายไม่ไหวหรอก”
เยี่ยเทียนส่ายหัว ที่นี่แม้ฮวงจุ้ยจะดี แต่ไม่ใช่ที่ที่คนธรรมดาจะอยู่ได้ หากมีใครที่ชะตาไม่ต้องกันมาอาศัยอยู่ จะกลายเป็นหาเรื่องร้ายให้ตัวเอง
……
ตอนที่ 300 บ้านที่หรูหรา
โดย
Ink Stone_Fantasy
ในสถานที่ไม่ไกลจากยอดเขา รถเลี้ยวมาที่ทางแยกแห่งหนึ่ง ขับตรงไปอีกประมาณสี่สิบหรือห้าสิบเมตร หลังจากที่ผ่านประตูอัตโนมัติ จอดอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่ง
หมู่บ้านจัดสรรแห่งนี้ตั้งอยู่บนกึ่งกลางภูเขา และมีเพียงสิ่งก่อสร้างเดียวเท่านั้นที่สร้างขึ้นบนภูเขาแห่งนี้ บริเวณรอบๆ บ้านมีต้นไม้เขตร้อนเขียวชอุ่ม หากคุณมองลงมาจากท้องฟ้าคุณจะเห็นมุมหนึ่งของบ้านเท่านั้น
“อาติง เปิดประตูเถอะ”
คนขับรถที่ขับรถคืออาติงที่เยี่ยเทียนรู้จัก เนื่องจากถังเหวินหย่วนอาศัยอยู่ปักกิ่งเดือนกว่า อาติงก็เข้าไปในเรือนสี่ประสานไม่ได้ ดังนั้นถังเหวินหย่วนไล่เขากลับไปที่ฮ่องกง
อาติงนำรีโมทคอนโทรลที่เหมือนกับพวงกุญแจออกมาแล้วกด ประตูเหล็กของบ้านค่อยๆเปิดเข้าด้านใน ในสายตาเป็นสวนที่เปิดโล่งและมีสวนดอกไม้ที่วิจิตรงดงาม ด้านซ้ายของประตูเหล็กเป็นโรงรถ
“เยี่ยเทียน บ้านหลังนี้ถึงแม้ผมจะไม่ได้อยู่ แต่ทุกวันจะมีคนมาทำความสะอาด ของที่ใช้ในชีวิตประจำวันทั้งหมด อยู่ด้านใน คุณดูว่าขาดอะไรก็บอกอาติง ให้เขาไปจัดการ”
เพื่อให้เยี่ยเทียนสังเกตบ้านสะดวกขึ้น ถังเหวินหย่วนก็ไม่ได้นั่งในรถ ค่อยๆเดินเข้าไปในบ้านพร้อมกับเยี่ยเทียนช้าๆ
เดินไปที่ราวบันไดแกะสลักด้วยหินอ่อนสีขาว ถังเหวิยหย่วนชี้พลางพูดว่า “เยี่ยเทียน ทางทิศเหนือคืออ่าววิคตอเรีย ทางทิศใต้คือทะเล ในตอนเย็นจะมีแสงไฟที่นั่น วิวทิวทัศน์ดีมากๆเลยนะ…”
“เกินคำว่าดีมากเลยล่ะ ด้านหน้าจรดทะเลถือว่าเป็นมงคล ปีนั้นบ้านหลังนี้ก็เป็นที่รองรับคนใหญ่คนโต”
เยี่ยเทียนพูดสรรเสริญ แล้วพูดต่อว่า “เหล่าถัง ฮวงจุ้ยบ้านหลังนี้ของคุณดีมากๆ ถ้าพูดในภาษาคนที่มีวิชา อย่างพวกเรา ก็คือ “เทเงินเข้าไปในตู้” โดยทั่วไปไม่ต้องแก้ไขเปลี่ยนแปลงอะไร
ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ดูการตกแต่งและการจัดวางในบ้าน แต่เพียงฮวงจุ้ยด้านนอกบ้าน เยี่ยเทียนก็คาดเดาบางอย่าง ออกมาได้ คนที่สามารถจัดบ้านตามฮวงจุ้ยนี้ได้ แน่นอนจะไม่ให้มีจุดผิดพลาดขึ้นได้
เยี่ยเทียนดูออก ที่ตั้งตรงกึ่งกลางภูเขานี้เดิมทีไม่ใช่ที่เรียบเปิดกว้าง แต่หลังจากที่มีการขุดอุโมงค์ค่อยๆ มีการคลายลง ฐานรากซ้อนไปข้างหน้าและรูปร่างคล้ายริมฝีปากภูเขาเพื่อไม่ให้พลังของมังกรแยกออกจากกัน
ในพระสูตรมีเมฆ “ที่หน้าบ้านไม่มีพื้นที่เหลือเล่นสำหรับเด็กๆ” ที่เรียกว่า“ทางหนีทีไล่” หมายถึงพื้นที่เปิดโล่งด้านหน้าบ้านซึ่งเป็นริมฝีปากของบ้าน
ความสามารถริมฝีปากของบ้าน สามารถปกปิดให้คนที่อยู่ภายในบ้านไม่เห็นหน้าผาด้านหน้า รู้สึกถึงความมั่นคง ดังนั้นการสร้างริมฝีปากเป็นหนึ่งวิธีกำจัดพลังชั่วร้าย คนก่อสร้างที่นี่น่าจะเป็นอาจารย์ฮวงจุ้ยที่ประสบความสำเร็จคนหนึ่ง
และบ้านหลังนี้ยังอยู่ที่ตำแหน่ง“ภูเขาล้อมรอบโอบด้วยแม่น้ำ” ภูเขานี้ราบเรียบและลาดเอียงประกอบด้วย ธาตุทั้งห้าของโลก สามารถผลิต “ทุกสิ่ง” ดังนั้นแหล่งที่มาหลักของความมั่งคั่งเนื่องมาจากความลาดชันของเนินเขา
“ภูเขาล้อมรอบโอบด้วยแม่น้ำ” สถานที่แห่งนี้มีความชุ่มชื้นโดยตรงจากทิวทัศน์ที่สวยงาม ไม่ว่าจากมุมมองของอำนาจแม่เหล็ก สุนทรียภาพหรือจิตวิทยา ต่างก็เป็นตัวเลือกในอุดมคติ
ดังนั้นยุคโบราณจึงตั้งถิ่นฐานในป่า หุบเขา คนรวยในประเทศที่พัฒนาแล้วจะย้ายบ้านไปมาระหว่างภูเขาและแม่น้ำ นี่คือคนที่เรียนฮวงจุ้ยเรียนสนุก
“แหะๆ บ้านหลังนี้เมื่อก่อนเป็นอาจารย์จั่วที่ดูฮวงจุ้ย ดังนั้นผมถึงซื้อไว้” เมื่อได้ยินเยี่ยเทียนชมฮวงจุ้ยบ้านหลังนี้ ถังเหวินหย่วนหน้าราวกับมีดอกไม้บาน
“อาจารย์จั่วเหรอมีชื่อเสียงในฮ่องกงมากใช่ไหม” เยี่ยเทียนถาม มองไปที่แบบของฮวงจุ้ยของบ้านหลังนี้ คนที่ดูฮวงจุ้ยแรกๆจะเรียกว่า อาจารย์หรือซ่างสองคำนี้
ถังเหวินหย่วนพยักหน้า พูดว่า “มีชื่อเสียงแน่นอน แต่หลายปีมานี้เขาช่วยคนอื่นดูฮวงจุ้ยน้อยมาก รออีกสักพักผมนัดเขาไว้ ให้มาเจอหน้าคุณสักหน่อย ”
“ได้ครับ มีเวลาผมต้องเจอแน่นอน”เยี่ยเทียนรับปาก ฐานะของถังเหวิยหย่วนที่ฮ่องกง ยังไม่กล้ารับปากเยี่ยเทียน แสดงว่าอาจาร์จั่วท่านนี้ฐานะทางสังคมต้องสูงแน่
“เรือนหลักของคุณนี้ไม่มีปัญหา จั่วโย่ว(ตะวันตก) เซี่ยงเหมา(ตะวันออก) โชคลาภมา บ้านที่แบนราบสมดุล เป็นบ้านรูปทรงตามท้องถิ่นและอาศัยการสนับสนุนจัดตั้งสำนักงานที่ดินและทองคำ
เยี่ยเทียนยืนอยู่ที่หน้าเรือนหลักแล้วพิจารณาสักครู่ พูดว่า “ไปเถอะครับ ไปดูในบ้าน ผมเอาง้าวจันทร์เสี้ยวมาวางไว้ข้างในสักพักหนึ่งแล้ว แต่บ้านหลังนี้ของคุณไม่ได้ถูกโจมตีจากความชั่วร้ายจากภายนอก เป็นเวลาสามสิบปีแล้ว”
หลังจากอ่านแปลนฮวงจุ้ยภายนอกแล้ว เยี่ยเทียนถือง้าวจันทร์เสี้ยวในมือพร้อมกับเล่นใบมีดเล่มนั้น เมื่อเห็นอาติงที่ถือกระเป๋าอยู่ด้านหลังทันใดนั้นก็มองตรงไป
เมื่อครู่ที่อยู่หน้า “นายน้อย” อย่างเอาอกเอาใจ อาติงอยากจะไปหยิบง้าวจันทร์เสี้ยวเล่มนั้น แต่ยังคิดไม่ทันสำเร็จก็ไปสะดุดเท้าของตัวอง เมื่อเห็นเยี่ยเทียนถือของหนักแล้วทำท่าสบายๆ เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเป็นกังวล
หลังจากได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียน ถังเหวินหย่วนถามลึกขึ้นว่า “เยี่ยเทียน คุณ……ง้าวเล่มนี้ ก็เป็นของขลังเหรอ”
“ของขลังเหรอ ของขลังสิบอย่างก็ไม่เทียบเท่าง้าวเล่มนี้
เยี่ยเทียนแบะปาก หันบอกถังเหวิยหย่วนที่กำลังโกรธ รีบพูดขึ้นว่า “เหล่าถัง คุณอยากได้ ผมก็ให้ไม่ได้ ง้าวเล่มนี้อยู่ในมือผมเป็นของล้ำค่า ถ้าคุณเอาไป มันอาจจะเป็นยันต์คุ้มครองคุณหรืออาวุธทำร้ายคุณก็ได้”
นี่เยี่ยเทียนไม่ได้พูดเรื่องไร้สาระ เครื่องรางของขลังไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปสามารถมีได้ ถ้าห้ามพลังพิฆาตไม่ได้ ก็เท่ากับการกระตุ้นภัยพิบัติให้กับตัวเอง
“ผมยังไม่พูดว่าต้องการ คุณตื่นเต้นทำไม” หลังจากที่ฟังคำพูดของเยี่ยเทียน ถังเหวินหย่วนก็ยิ้มขึ้นมา เข้าไปในตัวบ้านหลักพร้อมกับเยี่ยเทียน
เหมือนกับบ้านของถังเหวินหย่วนนี้ ถ้าเอาไปวางไว้อยู่ต่างประเทศ แทบจะเป็นปราสาทได้เลย บ้านทุกอาคารมีทั้งหมดสี่ชั้น พื้นที่ชั้นเดียวของแต่ละชั้นมีขนาดถึง 1,200 ตารางเมตร
อาคารสี่ชั้นพร้อมสวนด้านนอก สระว่ายน้ำ โรงจอดรถ ชั้นใต้ดิน ดาดฟ้าชมวิวและสถานที่อื่น ๆ ไม่แย่กว่าปราสาทที่มีชื่อเสียงในต่างประเทศ
หลังจากเข้าประตูเป็นห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ พื้นห้องรับแขกและไฟเพดานหรูหรามากไม่มีอะไรเปรียบได้ มีบาร์ขนาดใหญ่อยู่ที่หน้าประตู ดูเหมือนว่าเจ้าของเดิมต้องรับแขกที่นี่บ่อย ๆ
“ชั้นแรกสำหรับรับแขก เฟอร์นิเจอร์พวกนี้ผมเปลี่ยนไม่ทัน เยี่ยเทียน ชั้นสองเป็นห้องนอนของเจ้าบ้าน ด้านในมีสิ่งอำนวยความสะดวกตกแต่งใหม่ทั้งหมด คุณก็พักที่ชั้นสองเถอะ”
ถังเหวินหย่วนโทรศัพท์สั่งเมื่อวาน ถึงแม้ว่าเวลาจะสั้นมาก แต่ในบ้านทั้งหมดก็สะอาดเอี่ยม เครื่องใช้ในห้องนอนชั้นสองเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด
“รูปแบบของที่นี่คุณไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไร พอถึงตอนนั้นเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดก็โอเคแล้ว”
เยี่ยเทียนพิจารณาการจัดวางห้องรับแขกครู่หนึ่ง พูดแลกเปลี่ยนความคิดเห็นว่า “สีของเฟอร์นิเจอร์สามารถสง่างามได้กว่านี้ ยึดตามที่คุณชอบ แต่พรมหน้าโซฟาต้องเป็นสีแดงผืนใหญ่ ซึ่งมีผลต่อการเรียกเงินทอง”
ถังเหวินจำคำพูดของเยี่ยไทยได้ขึ้นใจ พูดว่า “ได้ ผมจำไว้แล้ว เยี่ยเทียน คุณจะให้ผมขึ้นไปชั้นสอง ไปดูเป็นเพื่อนไหม”
เยี่ยเทียนส่ายหัว ยื่นมือหยิบเอาง้าวจันทร์เสี้ยวและวางลงบนเคาน์เตอร์บาร์ แล้วพูดว่า “ไม่ต้องแล้ว พวกคุณกลับไปพักก่อนเถอะ ผมก็เหนื่อยแล้ว ต้องการพักผ่อนสักหน่อย”
เมื่อวานหลังจากที่ถังเสวียเสวี่ยเชื่อมต่อลมปราณหยาง เยี่ยเทียนแค่นั่งสงบนิ่งไปตลอดช่วงบ่าย ถึงแม้ว่ากำลังจะฟื้นกลับมาแล้ว แต่จิตก็ยังคงอ่อนเพลีย เขาไม่ต้องการเผชิญหน้ากับอาจารย์ไสยศาสตร์ของไทยสภาพนี้
“งั้นก็ได้ อาติงส่งพวกเรากลับไปก่อน ค่อยให้เขากลับมา มีเรื่องอะไรคุณก็ค่อยสั่งเขา ข้าวเย็นก็ให้เขาเป็นคนจัดการ”
หลังได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียน ถังเหวินหย่วนก็พยักหน้า เขาอาศัยอยู่ที่ปักกิ่งเดือนกว่า ถึงแม้ว่าจะติดต่อกับครอบครัวตลอดเวลา แต่ไม่อยู่นานขนาดนี้ กลัวคนที่บ้านเป็นห่วง ก็กลับบ้านไปเยี่ยมสักหน่อย
“นายน้อยมีบ้านหลังใหม่แบบนี้เมื่อไหร่กัน”
หลังจากส่งถังเหวินหย่วนออกไป เยี่ยเทียนก็ปิดประตูใหญ่ ถ้าบ้านหลังใหญ่นี้เป็นของเขา เยี่ยเทียนก็เริ่มจากยอดเขาปาร์คเกอร์จาเตี้ยน เส้นเลือดมังกรของภูเขาจาร์ดีนหันไปยังอ่าวรีพัลส์เบย์ที่ถูกถ่ายไว้หลายภาพ ทำให้กลายเป็นฮวงจุ้ยสถานที่ที่มีลักษณะเต็มไปด้วยโภคทรัพย์
“จีจี……จีจี!”
เหมาโถวมองเยี่ยเทียนด้วยสายตาที่ดูถูก วิ่งหนีจากไหล่ของเขา “ตุ๊บ”กระโดดลงไปในสระว่ายน้ำ ที่เปลี่ยนไปเมื่อวานนี้อย่างทรมาน นิสัยที่ชอบความหนาวเย็น พอมาถึงภาคใต้กลับรู้สึกปรับตัวไม่ได้
พอถึงตอนเย็นถังเหวินหย่วนกลับไม่มา แต่โทรศัพท์มานัดเยี่ยเทียนเรียบร้อยแล้ว พรุ่งนี้จะพาคุณนายกงมาเยี่ยมเยี่ยเทียน
อาหารเย็นอาติงเป็นคนจัดเตรียมให้ หลังจากฟังนายท่านบอกว่าอาหารของเยี่ยเทียนต้องปริมาณมาก เขาก็ให้คนอบลูกหมูสองตัวมาให้ นอกจากนี้ยังมีอาหารทะเลปรุงสุกในโรงแรม มีเพียงจานอาหารที่เต็มโต๊ะ ไปหมดทำให้คนมากกว่าสิบคนสามารถกินได้ในเวลาเดียวกัน
ไฟค่ำคืนในตอนเย็น ลมพัดโชยมาแต่ไกล ยืนตรงด้านหน้าจุดชมวิวมองไปยังอ่าววิคตอเรียที่มีแสงสว่างจ้า เยี่ยเทียนไม่ชื่นชมชายชราที่ใกล้จะลงโลงพวกนี้ ที่ไม่ให้ความสำคัญกับบ้านเกิด
ตำราบ้านเกิด กล่าวว่า เจ้าบ้านจะดีได้ก็ต้องทำให้บ้านดี ถ้าสงบสุข ก็จะทำให้เจ้าบ้านร่ำรวย ถ้าไม่สงบสุข จะทำวงศ์ตระกูลเป็นทุกข์
คนร่ำรวยพวกนี้ต่างร่ำรวยขึ้นหลังจากอยู่ที่นี่ ก็ไม่ได้เกี่ยวกับความขยัน เป็นเพราะพลังหยางที่ดีหรือไม่ดี ก็ผลต่อดวงของพวกเขาและคนรุ่นหลัง
วันต่อมาตอนเช้า หลังจากที่เยี่ยเทียนออกกำลังกายที่สวนดอกไม้ ยืนอยู่จุดชมวิวฝึกจิต วันนั้นตอนที่แสงอาทิตย์แรกขึ้น พลังงานที่มาจากทางทิศตะวันออกเข้ามาภายในจุดตันเถียน
“นายน้อย อาหารเช้าถูกปากคุณไหมถ้าไม่ชอบผมจะไปซื้ออย่างอื่นมาให้”
หลังจากที่เยี่ยเทียนมาที่ห้องอาหาร อาติงก็เตรียมอาหารเช้าให้เขาเสร็จเรียบร้อย นอกจากพวกซาลาเปาอาหารกินเล่นทางเหนือแล้ว ยังมีก๋วยเตี๋ยวหลอดและโจ๊ก ที่ยังคงจัดเต็มโต๊ะไปหมด
แน่นอน อาติงคงไม่ทำอาหารพวกนี้เอง คืออาหารที่ทางโรงแรมเมื่อคืนได้จัดข้าวเช้ามาให้ หลีกเลี่ยงการจัดจ้างแม่บ้านที่มีฝีมือมาทำงาน
เยี่ยเทียนมองไปที่มือข้างหนึ่งของอาติงที่วางของลง ยิ้มพูดว่า “พอแล้ว อาติง นั่งลงกินด้วยกันเถอะ ผมไม่ใช่เสือนะ”
“นายน้อย ผมกินมาแล้ว นายท่านถังจะมาตอนแปดโมง ยังมีเวลาครึ่งชั่วโมง เดี๋ยวผมไปรอที่ข้างหน้าประตู”
อาติงถึงแม้จะเป็นคนที่ไม่มีการศึกษา แต่ก็ไม่เคยขาดตกบกพร่อง เขาจำที่เยี่ยเทียนเคยพูดกับตัวเองได้แม่น ในใจนี้ก็อยากจะปรนนิบัติเยี่ยเทียนอย่างดี เอาเวลาไหนไปแก้พลังพิฆาตของตัวเองล่ะ
กินข้าวเช้าได้ไม่นาน เยี่ยเทียนที่เพิ่งเข้ามาในห้องรับแขก ถังเหวินหย่วนที่กำลังพาถังเสวีี่ยเสวี่ยที่กำลัง กระโดดโลดเต้นเข้ามา ข้างกายเขายังมีหญิงสาวอีกสองคน
ตอนที่ 301 คดีเก่าที่เก็บนานหลายปี
โดย
Ink Stone_Fantasy
สายตาของเยี่ยเทียนมองไปที่ตัวของผู้หญิงคนนั้นที่ไม่สูงมาก ส่วนสูงของผู้หญิงคนนี้ประมาณ 150 หน้าตาเหมือนกับตุ๊กตา
ในแวบแรกดูเหมือนผู้หญิงในวัย 20 และ 30 แต่พอมองผิวอย่างละเอียดแล้ว กลับไม่ใช่วัยสาวแล้ว ดูจากกล้ามเนื้อหางตาของเธอ เกรงว่าน่าจะราวๆ 60 ปี
เมื่อมองเสร็จ ก็เดาว่าน่าจะเป็นคุณนายกง ในใจเยี่ยเทียนถึงกับโล่ง
แม้ว่าใบหน้าของคุณนายกงท่านนี้จะแดงก่ำ ขนคิ้วแน่น จมูกเล็กๆ เกิดมาพร้อมกับรูปลักษณ์ของโชคลาภ และความเจริญรุ่งเรือง แต่ใบหน้าของเธอมีปากที่ใหญ่ แต่จมูกทั้งเล็กและต่ำ สิ่งนี้ในทางโหวงเฮ้งเรียกว่า “ดวงกินผัว”
และคุณหญิงกงยังมีโหนกสามที่บนใบหน้า ดังนั้นโหนกสามที่บนใบหน้าก็คือที่แก้มสองที่ ที่หน้าผากอีกหนึ่งที่ โหนกทั้งสามที่มีลักษณะที่ใหญ่มาก สูงมาก นี้ก็เป็นใบหน้าที่พิชิตสามีได้้
ที่จริงการปรากฏตัวของทั้งสองคน ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่ทั้งสองอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน เยี่ยเทียนก็ไม่จำเป็นต้องถามอะไรมาก ก็รู้ว่าสามีของเธอไม่มีชีวิตอีกต่อไป
เยี่ยเทียนส่ายหน้าเบาๆ สายตาค่อยๆหันไปที่เด็กผู้หญิงคนนั้นที่อยู่ข้างคุณนายกง แต่ผู้หญิงคนนี้มีอายุ 23 หรือ 24 ได้ ยืนอยู่ด้านข้างคุณนายกง สูงกว่าคุณนายกงประมาณหนึ่ง น่าจะประมาณ 170
ผู้หญิงมีหน้าตาที่สละสวย แต่กลับมีพลังของหยางที่องอาจ สวมใส่กางเกงยีนที่แนบติดร่างกายกับเสื้อเชิ้ตสีขาว ในขณะเดียวกันก็เปิดเผยสรีระภายใน ทำให้คนรู้สึกถึงบุคคลิกที่องอาจตรงไปตรงมา
“หืม?”
ทันใดนั้นเยี่ยเทียนก็มีใบหน้าที่สงสัยเกิดขึ้น จ้องมองที่หน้าอกของหญิงสาว กระดุมสองเม็ดตรงนั้นไม่ได้ติดกระดุม ทำให้เห็นกระดูกไหปลาร้าและกล้ามเนื้อสีขาว
“มองอะไร คนบ้านนอกคอกนา ไม่เคยเห็นผู้หญิงหรือยังไง”
เยี่ยเทียนคิดไม่ถึงว่าหญิงสาวคนนั้นจะมีปฏิกิริยาที่โต้ตอบไวเช่นนี้ ตัวเองไม่เพียงมีสายตาที่จ้องมอง แต่ก็ยังไปกระตุ้นความรู้สึกของผู้หญิงคนนั้น ตาเขม็งสายตาหนึ่งก็ส่งมา
“พี่ติงติง พี่เยี่ยเทียนบ้านนอกที่ไหนกันล่ะเขาเป็นคนดีน่ะ ”ถังเสวียเสวี่ยที่อยู่ด้านข้างกับผู้หญิงคนนี้คุ้นเคยกันดี ช่วยออกรับแทนเยี่ยเทียน
“เขา……เขา เป็นคนดีอะไรกัน เสวียเสวี่ยต่อไปเธอห่างๆ จากเขาหน่อย ฉันว่าเขาก็เป็นอันธพาลคนหนึ่ง”
หญิงสาวหน้าแดงด้วยความอายเมื่อถูกถังเสวียเสวี่ยถาม ถึงแม้ว่าเธอจะมีนิสัยที่โผงผาง แต่ก็อายที่จะบอกว่าเยี่ยเทียนกำลังมองที่หน้าอกของตัวเอง
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของหญิงสาวคนนั้น เมื่อเยี่ยเทียนไม่มีปฏิกริยาตอบกลับ ถังเหวินหย่วนกลับทำให้ตกใจ ทำหน้าตึง แล้วพูดอบรมว่า “หลิวติงติง ทำไมถึงพูดอย่างนั้นกับอาจารย์เยี่ยเทียนล่ะ”
“แค่กๆ ช่างเถอะ เมื่อกี้เป็นผมเองที่ไม่มีมารยาท” เยี่ยเทียนโบกไม้โบกมือ เขาไม่ได้ตั้งใจมองที่หน้าอกของหญิงสาว เป็นเพราะจี้หยกบนหน้าอกของหญิงสาว ที่เป็นเครื่องรางชิ้นหนึ่ง
และเยี่ยเทียนมองไปที่กระดูกส่วนอื่นที่ตอบรับ ก็พบว่าหญิงสาวที่ชื่อหลิวติงติงนั้นคาดไม่ถึงว่าจะฝึกพลัง ของนักพรตเต๋าด้วย
ถึงแม้ว่าวิชาของหญิงสาวจะไม่ดีเท่าไหร่ แต่กลับทำให้เยี่ยเทียนรู้สึกถึงความเคยชินนี้ ดังนั้นจึงทำให้เยี่ยเทียน มองเธอนานไปครู่หนึ่ง
“เชอะ อาจารย์ใหญ่อะไรกัน ถ้าเขาเป็นปรมาจารย์ ทั้งโลกนี้ก็เป็นปรมาจารย์กันหมดแล้ว” หญิงสาวแทบจะไม่ไว้หน้าถังเหวิยหย่วน ในปากยังพูดเสียงที่เย็นชา
“พี่ติงติง พี่ไม่ต้องพูดแล้ว พี่เยี่ยเทียนเป็นคนดีจริงๆ อาการป่วยของฉันก็เป็นเขาที่รักษาให้หาย”
ถังเสวีี่ยเสวี่ยก็ไม่รู้ว่าทำไมเยี่ยเทียนถึงถูกหลิวติงติงตำหนิได้ เมื่อเห็นว่าท่าจะไม่ดี ก็ลากหญิงสาวไปอีกทางหนึ่ง
“แค่กๆ เด็กไม่รู้ความ ฉันขอแนะนำสักหน่อย ท่านนี้คือปรมาจารย์เยี่ยที่มาจากปักกิ่ง ท่านนี้คือคุณนายกงเสี่ยวเสี่ยวมากจากเทียนฮวากรุ๊ป”
เมื่อเห็นว่าหลิวติงติงไม่ได้พูดอะไรอีก ถังเหวินหย่วนก็โล่งอก หันไปพูดกับกงเสี่ยวเสี่ยวว่า “น้องสาว อาจารย์เยี่ยทำนายโชคชะตาและดูฮวงจุ้ยไม่มีใครเทียบได้ ฉันต้องใช้ความพยายามอย่างมากถึงเชิญเขามาได้”
ถังเหวินหย่วนถึงแม้จะเกิดก่อนกงเสี่ยวเสี่ยวสิบกว่าปี แต่ปีนั้นพวกเขามาจากปักกิ่งด้วยกัน ถังเหวินหย่วนเห็นว่าสองคนนี้เป็นคนบ้านเดียวกัน มีความสัมพันธ์ที่ดีกันมาตลอด
เนื่องจากสามีของกงเสี่ยวเสี่ยวหลังจากถูกจับแบบไร้ร่องรอย ทำให้ตอนนี้กงเสี่ยวเสี่ยวและพ่อแม่สามี ต้องมีการฟ้องร้องคดีเจ็ดแปดปี ถังเหวินหย่วนไม่ยอมที่จะให้เพื่อนตกในสภาพอย่างนี้ ก็เลยออกไปขอความช่วยเหลือ จากเยี่ยเทียน
“อาจารย์เยี่ย สามีฉันหายตัวไปได้แปดปีแล้ว ตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าจะเป็นหรือตาย ไปสืบหาทุกที่ก็ไม่พบร่องรอย จะรบกวนอาจารย์เยี่ยทายให้สักหน่อย จะทราบซึ้งเป็นอย่างมาก”
ถึงแม้ว่าอายุของเยี่ยเทียนจะทำให้รู้สึกประหลาดใจ แต่กงเสี่ยวเสี่ยวกับถังเหวินหย่วนเป็นเพื่อนกันมาหลายปี เธอรู้ว่าถังเหวินหย่วนไม่ใช่คนที่พูดส่งเดช ถ้าเคารพเยี่ยเทียนขนาดนี้ คิดว่าเด็กหนุ่มต้องมีดีกว่าคนอื่น
“สามีคุณ…เอาแบบนี้เถอะ คุณเล่าเรื่องแปดปีก่อนที่เขาหายตัวไปสักหน่อยสิครับ จากนั้นค่อยทำนายดวงชะตาแปดอักษร” เดิมทีเยี่ยเทียนอยากจะพูดตรงๆ แต่เมื่อเห็นใบหน้าที่เศร้าของหญิงสาว สิ่งที่เกือบจะพูดไปก็ต้องเปลี่ยนคำพูด
“นั้นเป็นเรื่องเมื่อแปดปีก่อน วันนั้นเป็นวันที่ 1 เดือนเมษายน จู่ๆฉันก็รับโทรศัพท์สายหนึ่ง บอกว่าสามีถูกจับตัวไป อาจารย์เยี่ย คุณก็รู้ว่า วันที่ 1 เดือนเมษายนเป็นวันโกหก ฉันก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร แต่ แต่ต่อมา…”
เสี่ยวกงกงไม่ได้ใส่ใจสีหน้าของเยี่ยเทียน พูดอย่างตั้งอกตั้งใจ สภาพจิตใจก็ตกอยู่ความทรงจำ ที่ไม่มีความสุขในตอนนั้น
กงเสี่ยวเสี่ยวกับฟู่อี๋ผู้ซึ่งเป็นสามีของเธอมีความสัมพันธ์ที่ดีมาตลอด ตอนที่รับสายขมขู่ ยังคิดว่าสามีล้อตัวเองเล่น แต่หลังจากนั้นสองวันไม่มีการรับสายใดๆจากสามี เธอก็เริ่มกังวลใจขึ้นมา
ก็ตอนนี้ โจรที่เรียกค่าไถ่ก็โทรมาอีก ให้กงเสี่ยวเสี่ยวเอาเงิน 80 ล้านดอลลาร์เข้าบัญชีที่กำหนดไว้ และไม่อนุญาตให้เธอโทรหาตำรวจ
ตอนนั้นหลังจากที่เธอรวบรวมเงินได้ 40 ล้านดอลลาร์ ฝากเข้าบัญชีธนาคารตามคำสั่งของโจรลักพาตัว ในสองวันต่อมา คิดไม่ถึงว่าโจรลักพาตัวจะไม่ขอเงินที่เหลือ
กงเสี่ยวเสี่ยวยิ่งคิดไปมาก็ยิ่งพบว่ามีบางอย่างที่ผิดปกติ ดังนั้นเลือกที่จะแจ้งตำรวจ หลังจากที่ตำรวจสืบเป็นอย่างลับๆ เป็นเวลาครึ่งปี กรณีนี้ถูกจับเมื่อปี 1991 มีแปดคนที่ถูกจับกุม ในนั้นมีชาวไต้หวันสองคน
โจรลักพาตัวที่ถูกจับกุมได้สารภาพว่าลักพาตัวฟู่อี๋สามีของเธอ แต่เบาะแสของฟู่อี๋ กลับมีข้อแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด
หัวหน้าโจรสองคนบอกว่าคืนนั้นหลังจากที่ได้ค่าไถ่ตัวแล้วก็แอบหนีออกมา พวกเขาก็ตามไม่ทัน ดังนั้นก็ไม่กล้าที่จะขอค่าไถ่ตัวเพิ่ม ก็เลยรีบหนีออกจากฮ่องกง
และผู้ต้องหาที่เหลือกลับพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าสามีของกงเสี่ยวเสี่ยว ถูกหัวหน้าโจรสองคนผลักลงในน่านน้ำ ทะเลระหว่างประเทศ ทั้งสองฝ่ายต่างไม่ยอมรับข้อแก้ตัวของกันและกัน ดังนั้นเบาะแสของฟู่อี๋ยังเป็นคดีค้างคา
ดังนั้นหลายปีมานี้ กงเสี่ยวเสี่ยวนอกจากต้องฟ้องร้องกับพ่อแม่ของสามีแล้ว ยังไม่ยอมแพ้ที่จะหาเบาะแสของสามีด้วย ผ่านมาแปดปี ก็ยังคงไร้วี่แวว
“นี่ก็เป็นคนที่น่าสงสารมากเลยครับ”
หลังจากฟังกงเสี่ยวเสี่ยวพูดให้ฟังเสร็จ เยี่ยเทียนก็ส่ายหน้าเบาๆ เรื่องก็เป็นที่ชัดเจนอยู่แล้ว หัวหน้าโจรสองคนนั้นให้การเท็จในชั้นศาล
ต้องรู้ว่า เจตนาฆาตกรรมและลักพาตัว นี่เป็นสองคดีที่มีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง งั้นฟู่อี๋ผู้ก็ถูกสองคนสังหารแล้วก็หายสาบสูญไป แต่เพียงเพื่อหลบหนีจากข้อหาฆาตกรรมโดยเจตนาเท่านั้น
เยี่ยเทียรู้ว่า ที่จริงผู้หญิงคนนี้ที่อยู่ข้างหน้าก็รู้เป็นอย่างดี แต่เธอแค่ไม่ยอมรับเท่านั้น
เปิดเผยแผลเป็นของมนุษย์เป็นเรื่องที่เจ็บปวดมากเรื่องหนึ่ง หลังจากนั้นก็ดูดวงชะตาวันเดือนปีเกิดของฟู่อี๋ ให้กับกงเสี่ยวเสี่ยว เยี่ยเทียนใช้นิ้วข้างขวาในการอนุมาน ทันใดนั้นก็มองไปที่กงเสี่ยวเสี่ยว พูดว่า “คุณนายกง ตามที่ผมดู สามีของคุณไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว……”
“อะไรน่ะ”
ถึงแม้ว่าเวลาแปดปีจะบรรเทาอาการความเจ็บปวดได้มาก และในใจลึกๆ ก็ยอมรับเรื่องการตายของสามี ไปได้นานแล้ว แต่สามีกับกงเสี่ยวเสี่ยวก็เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก หลังจากที่ได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียนนี้ ร่างกายก็แทบจะยืนไม่ไหว
“คุณพูดเหลวไหลอะไร มีการทำนายแบบนี้ด้วยเหรอแม้แต่เขียนคำเสี่ยงทายก็ไม่มี มั่วไปก่อนหรือยังไง”
หญิงสาวคนนั้นที่ยืนอยู่ข้างกงเสี่ยวเสี่ยว ก็พยุงกงเสี่ยวเสี่ยวขึ้น พูดว่า “คุณน้าเล็ก อย่าไปฟังเขาพูดเหลวไหลเลย ตาของฉันก็ไม่กล้าตัดสินว่าคุณลุงฝูตายแล้ว เขาดูจากอะไรกัน”
สายตาของหญิงสาวที่มองเยี่ยเทียนด้วยความดูถูก ยังแผงด้วยอารมณ์ที่ยั่วยุ มองไปที่เยี่ยเทียนแล้วส่ายหัว ไม่ได้สนหน้าอกของเธอ แทบอยากจะโจมตีคู่ต่อสู้
“หลิวติงติง ใครสอนให้เธอพูดจาแบบนี้รีบขอโทษเยี่ยเทียนเร็ว”
หลังจากที่ฟังหญิงสาว ถังเหวินหย่วนก็โมโหขึ้นมา อีกอย่างเยี่ยเทียนเป็นแขกที่ตัวเองเชิญมา จะมาให้เด็กเมื่อวานซืนมาอวดดีได้อย่างไร
“อะไรน่ะ ก็เขาพูดจาเหลวไหล” คุณตาของหลิวติงติง มีตำแหน่งในวงการของฮ่องกง ไม่มีใครอยากทะเลาะด้วยจึงถูกตามใจตั้งแต่เด็ก ดังนั้นไม่ยอมรับคน ของนายท่านถัง
“เหล่า…เหล่าถัง ฉันพูดกับเธอเอง”
ถังเหวินหย่วนโกรธมากถึงกับเขม็งตาใส่ เยี่ยเทียนโบกไม้โบกมือ พูดว่า “ผมไม่เพียงคำนวณได้ว่าเขาไม่อยู่บนโลกนี้ ยังสามารถหาซากศพของเขาได้ ไม่รู้ว่าแบบนี้ทายได้แม่นยำหรือไม่”
สิ้นคำพูดของเยี่ยเทียน กงเสี่ยวเสี่ยวที่ก้มหน้ากับความเสียใจก็เงยหน้าขึ้น คว้าที่แขนของเยี่ยเทียน รีบพูดว่า “อาจารย์……อาจารย์เยี่ย คุณ…คุณสามารถหาศพของอาฝูได้เหรอ”
แต่ไหนแต่ไรคนจีนสบายใจเมื่อคนได้ได้ฝังศพ กงเสี่ยวเสี่ยวหลายปีนี้ทุ่มเทอย่างสุดกำลังที่จะหาสามี ความจริงไม่มีวี่แววว่าสามีจะมีชีวิตยู่ แต่ยังอยากคิดที่จะเก็บศพของสามีฝังลงดินก็พอแล้ว
แต่ทะเลที่กว้างใหญ่ไพศาล เวลาก็ผ่านไปนาน ก็แค่ความคิดเล็กๆน้อยๆ กงเสี่ยวเสี่ยวก็ค่อยๆไม่กล้าที่จะเพ้อฝัน แต่ตอนนี้เมื่อได้ยินว่าเยี่ยเทียนสามารถหาศพของสามีได้ ทันใดนั้นกงเสี่ยวเสี่ยวถึงกับฮึกเหิมขึ้นมา
“คุณนายกง ดื่มน้ำก่อนครับ”
เยี่ยเทียนค่อยๆ คลายมือของกงเสี่ยวเสี่ยว พูดว่า “ตำแหน่งสามารถได้จากการอนุมาน ต่อให้ไม่แม่นยำก็ไม่ไกลจากนี้มาก”
กงเสี่ยวเสี่ยวถึงกับสติแตกไม่มีคราบของหญิงแกร่งและสง่า ใบหน้าโศกเศร้ามองมาทางเยี่ยเทียนพูดว่า “งั้น…งั้นอาจารย์เยี่ยเทียนรีบอนุมานเร็วๆ อยากได้เงินเท่าไหร่ให้บอก เท่าไหร่ก็ได้”
“น้าเสี่ยวเสี่ยว ทำไม ทำไมน้าถึงเชื่อคนง่ายอย่างนี้นะ”
เยี่ยเทียนยังไม่ทันตอบ หลิวติงติงก็รีบขัดน้าสาวทันที เห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อว่าเยี่ยเทียนจะหาศพได้เหมือนอย่างที่พูด
……
ตอนที่ 302 หากจะเล่นกับมีด ก็จงยอมรับมัน
โดย
Ink Stone_Fantasy
แม้ว่าหลิวติงติงเกิดมาจากครอบครัวมหาเศรษฐีฮ่องกง เธออยู่กับปู่ตั้งแต่เด็ก นิสัยเป็นคนกล้าแสดงออก การทำงานก็แคล่วคล่องว่องไว แต่การกระทำของเธอนั้นไม่มีความเป็นกุลสตรีแม้แต่นิดเดียว
อีกอย่างตั้งแต่เธอยังเด็กก็โตมาในครอบครัวมหาเศรษฐี ต่อหน้าคนนอกถือว่าเป็นคนที่มีอิทธิพลมาก สามารถบงการได้ทุกอย่าง ในสายตาของหลิวติงติงเยี่ยเทียนก็แค่คนแก่ๆ ธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น
“เยี่ยเทียน เจ้าเด็กคนนี้เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด เธออย่าไปใส่ใจเลย”
ถังเหวินหย่วนรู้นิสัยของเด็กคนนี้ดี แต่ต่อหน้าเยี่ยเทียนก็ทำได้แค่ฝืนยิ้มออกไป หวังว่าเยี่ยเทียนจะไม่ถือสา หลานสาวของเพื่อนเก่า
“ติงติง เธออย่าพูดจาเหลวไหล”
กงเสียวเสี่ยวในตอนนั้นเธอก็เคยไปขอคำแนะนำจากแพทย์มาแล้ว สะบัดมือของหลิวติงติงออก มองไปที่เยี่ยเทียนพูดว่า “ท่านปรมาจารย์เยี่ย ท่าน…ท่านสามารถช่วยหาซากกระดูกของสามีฉันได้จริงๆ ใช่หรือไม่”
เยี่ยเทียนพยักหน้า พูดว่า “ไม่ใช่ปัญหาใหญ่มากมายอะไร แต่ว่าช่วงนี้ผมไม่ว่าง รออีกเดือนหนึ่งแล้วผมจะช่วยคุณ”
เนื่องระยะเวลาที่ฟู่อี๋ตายไปค่อนข้างนาน ถ้าจะให้อนุมานเรื่องทุกอย่างออกมาก็จะเป็นเรื่องที่ยุ่งยากพอสมควร อีกอย่างตอนนี้เยี่ยเทียนก็มีปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้เกิดอันตรายใหญ่หลวงได้ ยังไม่ค่อยเต็มใจกับเรื่องนี้สักเท่าไหร่ เพราะจะทำให้ตัวเองสูญเสียจิตใจ พละกำลังและพลังชีวิต
กงเสี่ยวเสี่ยวไม่รู้ความลำบากใจของเยี่ยเทียน หลังจากที่ได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียน รีบพูดไปว่า “ทำไมต้องรอเป็นเดือนเลยละปรมาจารย์เยี่ย ท่านสามารถเร่งมือให้หน่อยได้หรือไม่ก็คำนวณให้ก่อนได้ไหม ว่าที่ตั้งของซากกระดูก จะเอาเท่าไหร่ก็พูดมาเลย”
เยี่ยเทียนส่ายหน้า พูดว่า “คุณนายกง ผมเข้าใจความต้องการของคุณ แต่ว่าผมก็มีเรื่องที่อยู่รอบตัว ช่วงวลานี้ยังไม่สามารถหาวิธีช่วยคุณทำนายได้”
“ปรมาจารย์เยี่ย”
“น้าเสียวเสี่ยว น้ายังดูไม่ออกอีกเหรอ ว่าเขาก็แค่จอมโกหก ต้องรอเป็นเดือน ไม่รู้ว่าถ้าถึงตอนนั้นเขาจะหนีหาย ไปไหนแล้ว”
กงเสี่ยวเสี่ยวยังคงมีเรื่องที่จะพูด แต่กลับโดนหลิวติงติงตัดบทไปเสียก่อน หญิงสาวแสดงสีหน้าท่าทางไม่ยินดียินร้ายไปกับความโชคร้ายของคนอื่น
ในสายตาของเธอ เยี่ยเทียนก็เป็นเพียงแค่คนขี้โม้หลอกลวง จริงๆ แล้ว ไม่มีวิธีที่จะสามารถคำนวณหาร่องรอย ของฟู่อี๋ได้ ดังนั้นจึงหาเรื่องมาถ่วงเวลาออกไป
“นี่เด็กเมื่อวานซึน ผู้อาวุโสเขาพูดกันอยู่ ทำไมถึงชอบพูดสอดแบบนี้นะ มารยาทสักนิดก็ไม่มี” เยี่ยเทียนที่ยืนยิ้มอยู่ ทันใดนั้นก็เปลี่ยนเป็นสีหน้าบึ้งตึงทันที
“ผู้อาวุโสแกคือผู้อาวุโสของใคร”
หลิวติงติงได้ยินก็มองจ้องตาโตขึ้นมา ใช้มือชี้ไปที่เยี่ยเทียนพูดว่า “อายุแกยังไม่เท่าฉันเลย อยากมาเป็น ผู้อาวุโสของฉัน แกยังอวดดีแสดงตนหลอกลวงคนอื่นไปทั่ว”
หลิวติงติงยกนิ้วโป้งขึ้นมา ทำท่าเหมือนจะฆ่าปาดไปที่คอ พูดว่า “ฉันต้องสั่งสอนแกสักหน่อย”
“พี่ติงติง อย่าทำแบบนี้เลย พี่เยี่ยเทียนฝีมือสูงมาก อาการป่วยของฉันก็คือพี่เขานี้แหละรักษาให้” ถังเสวี่ยเสวี่ยดึงหลิวติงติงไว้ ใบหน้าแสดงอาการไม่ค่อยพอใจ
“เสวี่ยเสวี่ย ปกติเธอก็อยู่บ้านตลอด เธอจะไปรู้อะไรเกี่ยวกับพวกยุทธภพจอมโกหกพวกนี้หรอก”
หลิวติงติงแสดงท่าทางของคนในยุทธภพ พูดว่า “ไม่รู้ว่าบนมือเขามีตำรายาผีบอกอะไร ที่สามารถช่วยรักษาเธอให้หายได้ ก็คงเหมือนแมวตาบอดที่พบหนูที่ตายแล้ว เธอไม่ต้องมายุ่ง เขายังกล้าดีมาหลอกน้าเสี่ยวเสี่ยว ฉันจะต้องสั่งสอนเขาอย่างแน่นอน”
หลิวติงติงติดตามปู่ไปทุกประเทศในเอเชียอาคเนย์ เคยมีประสบการณ์ในยุทธภพ พิจารณาด้วยตนเองได้ข้อสรุปว่า เยี่ยเทียนก็แค่คนโกหกมองด้วยตาเปล่าก็ดูออกแล้ว
จริง ๆแล้วต้องโทษเยี่ยเทียนที่หน้าอ่อนเกินไป หลิวติงติงเคยเจอคนเก่งมาก่อนแล้ว ส่วนมากก็จะอายุห้าสิบปีขึ้นไป แต่ว่าเขาหน้าตาดูเหมือนคนอายุแค่ยี่สิบกว่าปี นึกไม่ถึงว่าจะถูกถังเหวินหย่วนเรียกว่าคุณปู่ เลี่ยงไม่ได้อาจทำให้ นายหญิงหลิวไม่พอใจได้
จากเมื่อครู่ที่เข้ามาในห้อง ดวงตาทั้งสองของ เยี่ยเทียนมีแววตาเหมือนคิดอะไรชั่วร้ายที่จ้องมองแต่หน้าอก ของเธอตลอด แบบนี้ก็ทำให้หลิวติงติงตราหน้าเยี่ยเทียนว่าคือ ไอ้โรคจิต
“สั่งสอนฉัน เยี่ยเทียนได้ยินก็หัวเราะออกมาแล้วพูดว่า ฉันว่าเธอนี้เป็นคางคกอ้าปากร้อง มีเสียงดังได้แค่นี้”
“เยี่ย เยี่ยเทียน แก เฮ้ ทำไมพูดจากับเธอเหมือนรู้จักเธอมาก่อน” หลังจากที่ได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียน ถังเหวินหย่วนหัวเราะขึ้นมา เขาไม่รู้ว่าทำไมเยี่ยเทียนจงใจพูดจาทำร้ายจิตใจหลิวติงติงแบบนั้น
“คุณปู่ถัง ปู่ได้ยินแล้ว เขา เขาว่าฉันเหมือนคางคก”
หลิวติงติงโกรธจนตาแดง จ้องมองไปที่เยี่ยเทียน พูดว่า “สาวน้อยอย่างฉันใช้มือเดียวสู้กับนายก็พอแล้ว เป็นผู้ชายก็ลุกขึ้นยืนออกมา”
เห็นหลิวติงติงมีท่าทางที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เยี่ยเทียนหลุดยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “ฉันไม่ชอบทำร้ายผู้หญิง ยิ่งไม่ชอบรังแกชนรุ่นหลัง เอาอย่างนี้ดีกว่า ฉันเอาง้าวมาให้ ถ้าเกิดว่าเธอสามารถใช้มือเดียวเล่นกับง้าวได้ ฉันก็จะสำนึกผิดแล้วขอโทษเธอ”
“นายจะเอาอะไรไปสู้กับเธอ ไปยั่วโมโหเธอ เดี๋ยวเธอก็ไปฟ้องปู่ของเธอหรอก นายนี่” ถังเหวินหย่วนรู้ว่าเพื่อนรักของตัวเองนั้นรักและเอ็นดูเจ้าเด็กคนนี้มาก ถ้าไม่อย่างนั้นเธอก็คงไม่กล้าทำตัวไม่ดี และไม่ยำเกรงต่อคนอื่นๆ แบบนี้
“เหล่าถัง ผมต้องให้คุณสอนหรอ”
สีหน้าเยี่ยเทียนเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็เปลี่ยนเป็นสีหน้าเย็นชา มองจ้องไปที่ถังเหวินหย่วน ทำให้ถังเหวินหย่วน รู้สึกกลัวขึ้นมา และไม่กล้าพูดอะไรต่ออีก
กงเสี่ยวเสี่ยวที่อยู่ข้างๆก็สังเกตได้ถึงรายละเอียดนี้ ค่อนข้างประหลาดใจต้องพิจารณาเยี่ยเทียนใหม่อีกครั้ง
แต่ว่ากงเสี่ยวเสี่ยวรู้ถึงความจริงของถังเหวินหย่วน เขาไม่ใช่มหาเศรษฐีที่มีชื่อเสียงของฮ่องกง ในตอนนั้นเขาคือมาเฟียชิงปังตอนแรกที่เธอเริ่มสืบหาคดีการหายตัวของสามี ถังเหวินหย่วนก็ออกแรงไปไม่น้อย
แต่ว่ากงเสี่ยวเสี่ยวนึกไม่ถึงเลยว่าแค่คำพูดไม่กี่คำของเจ้าหนุ่มนี้ ทำให้ถังเหวินหย่วนไม่กล้าโต้ตอบกลับ ภายในใจก็คาดเดาต่าง ๆ นา ๆเกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของเยี่ยเทียน
เมื่อกงเสี่ยวเสี่ยวได้เห็นรายละเอียดพวกนี้แล้ว แต่หลิวติงติงที่กำลังอารมณ์เสียก็ไม่ได้ทันสนใจ หลังจากที่ได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียน จึงพูดว่า “รักษาคำพูดของแกด้วยถ้าฉันสามารถเล่นกับง้าวนั้นได้ แกก็จะต้องยอบรับว่าตัวเองเป็นจอมโกหก”
“ช่างมัน เอาแบบนี้ดีกว่า ถ้าให้เธอใช้มือเดียวก็คงจะดูเป็นการกลั่นแกล้งเธอ เอาอย่างนี้ เธอใช้สองมือเล่นกับง้าวนั้นได้เลย แล้วฉันก็จะยอมรับเลยว่าตัวเองคือจอมโกหก ตกลงไหม”
สีหน้ายิ้มแย้มของเยี่ยเทียนทำให้หลิวติงติงเกลียดจนต้องกัดฟัน ม้วนแขนเสื้อขึ้นพูดว่า “ไหนละง้าวฉันนะมีความเชี่ยวชาญสิบแปดอย่าง ทุกศิลปะการต่อสู้ วูซู การเล่นกับง้าวมันจะแค่ไหนกัน”
“นั่น ก็อยู่ข้างหลังเคาท์เตอร์ตรงนั้น เธอไปเอามาเองสิ”
เยี่ยเทียนชี้ไปที่เคาท์เตอร์ เมื่อวานเขาวางง้าวพระจันทร์เสี้ยวไว้บนเคาท์เตอร์มันอาจสะดุดตาเกินไป ดังนั้นเขาเลยย้ายมันไปไว้ด้านหลังเคาท์เตอร์ไม้นี้
“ดี ให้แกรอก่อน”
หลิวติงติงจ้องไปที่เยี่ยเทียน เดินผ่านเคาท์เตอร์ไป เธอไม่เพียงแต่ฝึกวิชามวยกับคุณปู่เท่านั้น แต่เธอยังเคยฝึก วิชาการใช้อาวุธกับพวกอาจารย์ทางใต้ ฝีมือในการเล่นดาบดอกเหมยถือว่าไม่เลวเลย
อาติงที่นั่งดูความสนุกสนานนี้มาโดยตลอด รอให้หลิวติงติงจากไป เข้าไปหาเยี่ยเทียน พูดเสียงเบา ๆ ว่า “นายน้อย ท่าน ท่านนี้มันร้ายจริงๆ นะ”
เมื่อวานที่ลงจากเครื่องบิน อาติงคอยเอาอกเอาใจช่วยเยี่ยเทียนถือง้าวพระจันทร์เสี้ยว อีกนิดเดียวก็เกือบทำให้เขา เอวเคล็ดแล้ว แต่กับหลิวติงติงสาวน้อยคนนั้นถ้าเธอใช้สองมือดึงง้าวนั้นขึ้นมาได้ก็ถือว่าไม่เลวเลย
แต่ว่าอาติงก็เพลิดเพลินที่ได้ดูเรื่องตลก เพราะว่าแต่ก่อนหลิวติงติงเคยลากเขามาเพื่อประลองฝีมือ อาติงไม่กล้าออกแรงทั้งหมด แต่ก็ไม่ยอมที่เสียเปรียบ
“ทำไม คุณอยากช่วยหรอ” หลังจากได้ยินคำพูดของอาติง เยี่ยเทียนก็หัวเราะขึ้นมา
“ไม่กล้า ผมก็ยกง้าวนั้นไม่ขึ้น นอกจากนายน้อย บนโลกนี้จะมีใครที่สามารถเล่นกับง้าวนั้นได้อีก”
อาติงประจบสอพลอเอาใจ อยู่ด้วยกันหนึ่งวัน เขาพบว่าถึงแม้เยี่ยเทียนจะเป็นผู้อาวุโส แต่ก็ไม่ได้วางมาดใหญ่โต แค่ชอบที่จะล้อเล่นหยอกล้อกับคนอื่น
ในมุมมองของอาติง เยี่ยเทียนหยอกล้อหลิวติงติง ความจริงก็แค่ล้อเล่นกับเธอ ถ้าไม่อย่างนั้นฝีมือของเยี่ยเทียน เจ้าเด็กน้อยคนนี้คงรับไม่ไหวแม้แต่มือข้างเดียวของเยี่ยเทียน
“เยี่ย เยี่ยเทียน แก แกกล้าแกล้งคนอื่น”
ในขณะที่เยี่ยเทียนกับอาติงกำลังพูดคุยหัวเราะกันนั้น ก็มีเสียงหงุดหงิดอารมณ์เสียดังมาจากเคาท์เตอร์ หลิวติงติงยืนอยู่ข้างหลังเคาท์เตอร์ มองเยี่ยเทียนด้วยความโมโห
“ทำไมฉันแกล้งอะไรเธอหรอ” เยี่ยเทียนท่าทางมีสติพูดว่า “ยกมันไม่ขึ้นก็คือยกไม่ขึ้นพอแล้ว อย่างนี้ก็จะไม่ขายหน้า อย่าว่าแต่เธอเลยแม้แต่อาติงก็ยกไม่ขึ้น”
หลิวติงติงกัดฟัน พูดว่า “แก แกง้าวนี้ไม่ใช่คนใช้กัน นี้ นี้มันคืองานศิลปะ”
เมื่อครู่ที่เห็นง้าวพระจันทร์เสี้ยวที่มีความสูงประมาณหนึ่งเมตรห้าสิบ หลิวติงติงเลยตกใจ อาวุธที่ทำจากเหล็กหนาและ ยาวขนาดนี้ จะหนักแค่เจ็ดแปดสิบกิโลกรัมได้อย่างไรกัน ใครที่ไหนจะมีแรงแขนมากพอที่จะใช้มัน
“พอดูแล้วอาวุธของกองทัพทหารสมัยโบราณ หนักกว่านี้หลายเท่า ตัวเองยกไม่ขึ้น ก็บอกว่าคนอื่นยกไม่ไหว เจ้าเด็กขี้โกง นิสัยแบบนี้ของเธอไม่ดีเลยนะ”
เยี่ยเทียนยิ้มเล็กน้อย สายตามองไปที่ตาของหลิวติงติง ในตอนนั้นความโกรธแค้นชิงชังของเธอ ทะลุออกมาจากหัวใจ พูดว่า “ฉันก็แค่เอาออกมา แล้วมาดูว่าแกว่ายังไง”
หลิวติงติงคือคนที่ไม่ยอมแพ้ เธอคิดว่าตัวเองจะเอาง้าวนั้นออกมา หลังจากนั้นก็โยนมันไว้ที่หน้าเยี่ยเทียน แล้วมาดูกันว่าเจ้าคนขี้โม้นี้จะรับได้หรือไม่
หลิวติงติงคือคนที่มีวิชามวย ถึงแม้ว่าร่างกายของผู้หญิงนั้นอ่อนแอกว่านิดหน่อย แต่ว่าของน้ำหนักแค่ เจ็ดแปดสิบกิโลกรัมเธอก็สามารถยกมันขึ้นได้ ตั้งสติไปที่จุดตันเถียน ส่งแรงไปยังแขนทั้งสอง หลิวติงติงส่งเสียงดังออกมา ทันใดนั้นก็ใช้สองมือยกง้าวพระจันทร์เสี้ยวขึ้นมา
คนอาจจะยกง้าวที่หนักเจ็ดแปดสิบกิโลกรัมขึ้นมาได้ง่ายๆ แต่ว่าการยกง้าวที่หนักเช่นนี้ขึ้นมาได้ กลับไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ต้องใช้แรงทั้งสองมือ รวมกับพลังของแขนและข้อมือที่ต้องใช้แรงอย่างมาก
หลิวติงติงอย่างมากก็แค่สามารถยกง้าวนั้นขึ้นมาได้ ไม่มีแรงเดินออกมาจากเคาท์เตอร์ ระยะทางสั้น ๆ เหงื่อก็ไหลออกมาจากหน้าผาก
ตอนแรกก็อยากจะเอาง้าวโยนทิ้งไว้ตรงหน้าของเยี่ยเทียน แต่ตอนนี้หลิวติงติงรู้ว่า เธอเองก็ไม่มีแรงขนาดนั้น ตอนนี้แขนทั้งสองข้างก็เหน็บชาแล้ว ทันใดนั้นง้าวพระจันทร์เสี้ยวก็หล่นลงพื้น
“เฮ้ ไม่เลว ยกขึ้นได้จริงๆ เหรอ”
เยี่ยเทียนเห็นว่าหลิวติงติงถือง้าวพระจันทร์เสี้ยวค่อย ๆขยับใกล้เข้ามา อดไม่ได้ที่จะยิ้ม “นี่ พวกเราตกลงกันดีแล้ว เธอสามารถใช้สองมือเล่นกับง้าว ฉันก็จะยอมรับว่าฉันคือจอมโกหก เร็ว ๆ เร็ว ๆ สิ”
“ฉัน…ฉัน”
หลิวติงติงกลั้นพลังตันเถียนเอาไว้ ถึงสามารถยกง้าวพระจันทร์เสี้ยวขึ้นมาได้ เมื่อกี้ที่อยากจะโต้เถียงกับเยี่ยเทียน พลังก็รั่วไหลออกไปแล้ว ทั้งสองมืออ่อนแรง ง้าวจันทร์เสี้ยวหล่นลงกับพื้นแล้ว
นิ้วมือรู้สึกผ่อนคลาย หลิวติงติงค่อยๆ ถอยหลังออก โยนง้าวที่น้ำหนักมากเกินรับไหวลงที่พื้น ทันใดนั้นก็เกิดรอยแตก ของพื้นเป็นเส้นทอดยาวถึงหนึ่งเมตร
…………
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น