หมอดูยอดอัจฉริยะ 295-296
ตอนที่ 295 ทะลวงชีพจร (2)
โดย
Ink Stone_Fantasy
ใบหน้าเล็กๆ ของถังเสวียเสวี่ยนั้นเต็มไปด้วยความกลัว แล้วก็กัดริมฝีปากของเธอพูดว่า “พี่เยี่ยเทียนวางใจได้เลย เสวียเสวี่ยไม่กลัวความเจ็บปวด!”
ปากบอกว่าเธอไม่กลัว แต่สีหน้าบนใบหน้าของถังเสวียเสวี่ยได้เปิดเผยมาหมดแล้ว เธอมองเข็มใสๆ ทั้งสามอันนั้นในมือของเยี่ยเทียน ถังเสวียเสวี่ยแทบจะกัดริมฝีปากของเธอจนห้อเลือด
“ได้ ฉันว่าเธอควรนอนสักตื่นนะ”
เยี่ยเทียนส่ายหัวพร้อมด้วยรอยยิ้มขมขื่น และกดเบาๆ บนหมอนหยกที่อยู่ด้านหลังศรีษะของถังเสวียเสวี่ย ทันใดนั้นถังเสวียเสวี่ยหันร่างของเธอและนอนลงบนเตียง
เนื่องจากพลังหยินเย็นในร่างกายของถังเสวียเสวี่ยนั้นสะสมเป็นเวลานานเกินไป การรักษาของเดือนนี้ คือการระงับความเย็นไว้เท่านั้น ถ้าอยากทะลวงชีพจรหยางที่เกือบฝ่อบนร่างกายของเธอนั้น เป็นเรื่องที่ต้องใช้ ความพยายามและพิถีพิถัน
เยี่ยเทียนไม่คิดว่าถังเสวียเสวี่ย จะสามารถทนต่อความรู้สึกคันแปลกๆ ในกระบวนการบำบัดได้ ดังนั้นขั้นตอนนี้ จะต้องทำให้เธอหลับสนิท
จุดเทียนตะเกียงแอลกอฮอล์บนโต๊ะ เยี่ยเทียนล้างพิษบนเข็มทองสามอันที่มีความยาวต่างกัน แล้วยกเท้าขวา ของถังเสวียเสวี่ยขึ้นด้วยมือซ้าย
เห็นมือขวาของเยี่ยเทียนขยับอย่างรวดเร็วราวกับฟ้าผ่า และเข็มทองสามอันถูกฝังไว้ในสามแห่งที่เท้า ของถังเสวียเสวี่ย เข็มแต่ละอันถูกฝังเข้าไปในจุดฝังเข็มอย่างแม่นยำและหัวของเข็มนั้นก็ยังสั่นอยู่
การฝังเข็มลงไปเป็นเพียงขั้นตอนแรก และขั้นตอนการรักษาต่อไปนี้เป็นสิ่งสำคัญที่สุด
เยี่ยเทียนยื่นนิ้วออกมาสองนิ้ว และบิดเข็มทองด้านล่างสุดในขณะเดียวกัน ลมปราณในร่างกายทั้งหมดก็กำลัง หมุนเวียนตามขนาดของเข็มทองเล็กๆ มันก็ค่อยๆ เข้าสู่ผิวของถังเสวียเสวี่ย
ความแข็งแรงของเส้นชีพจรของร่างกายนั้นมีขีดจำกัด ผู้ที่มีร่างกายที่แข็งแรงก็จะมีเส้นชีพจรที่แข็งแรงและทนได้นาน ในขณะที่ผู้ที่มีร่างกายไม่ดีจะถูกรัดโดยเส้นชีพจร
ดังที่กล่าวไว้ในนวนิยายศิลปะการต่อสู้ มันเป็นเรื่องไร้สาระอย่างแท้จริง แม้ว่าอีกฝ่ายจะมีทักษะกำลังที่ลึกซึ้ง บุคคลที่ต้องการจะรับการรักษาก็ต้องมีชีพจรที่แข็งแกร่งเช่นเดียวกัน
ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้กำลังภายในในการทะลวงชีพจร จะสามารถทำได้ตามสถานการณ์ที่เฉพาะเจาะจงเท่านั้น เหมือนดั่งการเซาะหินอย่างช้าๆ โดยเฉพาะร่างกายที่อ่อนแอของถังเสวียเสวี่ย และชีพจรหยางที่ถูกจำกัดเป็นเวลาหลายปี ยิ่งรับพลังลมปราณแท้ที่ดุดันเข้าสู่ร่างกายอย่างกระทันหันไม่ได้
เทคนิคเข็มทองที่เยี่ยเทียนใช้ทะลวงชีพจร ในขณะที่เปิดจุดฝังเข็มนั้น ยังมีอุณหภูมิหยางในการระบาย และช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของหัวใจ แผนการรักษาเช่นนี้เยี่ยเทียนเองก็ครุ่นคิดอยู่นานแล้วจึงได้เลือกวิธีการรักษานี่
อย่างไรก็ตามเยี่ยเทียนจะต้องควบคุมพลังลมปราณแท้ภายในร่างกายให้ได้ เพื่อให้รายละเอียดขั้นตอนนั้น อยู่ระดับที่สมดุล ถ้าจำนวนของการป้อนลมปราณมีขนาดมากเกินไปมันจะทำร้ายเส้นชีพจรของถังเสวียเสวี่ย และหากป้อนในจำนวนที่น้อย ก็เท่ากับว่าไม่ทำอะไรเลย
ผ่านไปสิบนาที มือขวาบิดเข็มทองอย่างช้าๆ และหน้าผากของเยี่ยเทียนก็ปรากฏเม็ดเหงื่อเล็กขึ้นอย่างช้าๆ
ยี่สิบนาทีต่อมา หลังของเยี่ยเทียนนั้นก็เปียกโชกไปด้วยเหงื่อ และเม็ดเหงื่อที่เท่าเมล็ดถั่ว ก็ลื่นไถลลง จากหน้าผากของเขา
เมื่อครบสามสิบนาที ถังเสวียเสวี่ยก็ส่งเสียงคร่ำครวญบนเตียงโดยไม่ได้สติ แม้เธอจะอยู่ในการนอนหลับ แต่เธอยังสามารถรู้สึกถึงความคันที่มาจากเท้าของเธอ
……
ถังเหวินหย่วน และ โจวเซี่ยวเทียน ยืนอยู่ที่ประตูนานกว่าครึ่งชั่วโมง เยี่ยเทียนต้องการความเงียบสงบ เมื่อเขาทะลวงชีพจรของถังเสวียเสวี่ย ดังนั้นทั้งคู่จึงถูกปิดกั้นด้วยประตู
หลังจากได้ยินเสียงจากภายในห้อง โจวเซี่ยวเทียนพูดอย่างแปลกใจ ว่า “คุณปู่ถัง เสียงของเสวียเสวี่ยทำไมแปลกจัง”
“คงเพราะทนต่ออาการคันไม่ไหวละมั้ง?”
ใบหน้าของถังเหวินหย่วนก็เปลี่ยนไปเพราะเขาเองก็ได้ยินเสียงนั้นว่ามันผิดปกติเล็กน้อย แต่ด้วยความไว้วางใจในตัวเยี่ยเทียน เขายังคงอดทนรอและไม่ผลักประตูเข้าไปอย่างหุนหันพลันแล่น
“บ้าจริงๆ เจ้าเด็กโง่คนนี้คงจะไม่ทำสิ่งที่ไร้สาระหรอกนะ?”
แม้ว่าปากจะบอกว่ายึดมั่นในตัวเยี่ยเทียน แต่ภายในใจของถังเหวินหย่วนก็ยังมีความกังวลบ้าง เขาเป็นคนที่มีประสบการณ์เมื่อได้ยินเสียงแบบนี้ เขามักจะคิดถึงเรื่องที่ไม่เหมาะสำหรับเด็ก
เยี่ยเทียนอยู่ในห้องรู้สึกเหงื่อออกเหมือนดั่งสายฝน ขณะที่ถังเหวินหย่วนยืนอยู่ข้างนอกประตู เขานั้นกลับรู้สึกว่าเวลาหนึ่งวันนานดั่งเป็นปี เขาได้ยินเสียงหอบของเยี่ยเทียนค่อยๆหนักขึ้น และในท้ายที่สุดมันก็เหมือนเสียงเป่าลม เสียงนั้นดัง “ฟูฟู”
“คุณสองคนเข้ามาเถอะ เซี่ยวเทียนตักน้ำให้ฉันหนึ่งกะละมัง!”
หลังจากเวลาผ่านไปนานกว่าหนึ่งชั่วโมง เสียงที่อ่อนโรยแรงของเยี่ยเทียนก็ดังออกมาจากในห้อง ถังเหวินหย่วนผู้รออย่างกังวลใจเปิดประตูอย่างรวดเร็ว แลเห็นหลานสาวนอนอยู่บนเตียงด้วยเสื้อผ้าที่ครบชุดและเรียบร้อย จึงรู้สึกโล่งใจ
“เยี่ยเทียน เธอ…ทำไมเหนื่อยแบบนี้เล่า?” เมื่อดวงตาของเขาหันไปหาเยี่ยเทียน ถังเหวินหย่วนอดไม่ได้ที่จะตกใจ
เยี่ยเทียนที่สดชื่นในตอนเช้า แต่ในขณะนี้เหมือนกับเพิ่งถูกนำออกจากน้ำ เสื้อผ้าและผมเปียกชุ่มไปทั้งหมด และใบหน้าของเขานั้นหมดแรงอย่างมาก
เยี่ยเทียนยิ้มอย่างขมขื่นและพูดอย่างอ่อนแรง”เหล่าถัง ฉันเสียกำลังไปจำนวนมากแล้ว โธ่เอ๋ย นี่มันไม่ใช่การรักษาโรคแล้ว มันเป็นการเอาชีวิตแลกชีวิตของผมต่างหากหล่ะ!”
เกี่ยวกับวิธีการรักษาโรคเส้นลมปราณเก้าหยินขาด เยี่ยเทียนนั้นได้รับมาจากการสืบทอดกรรมวิธีลับ ตามเทคนิคลับที่กล่าวไว้ขอเพียงพลังกงลี่ของเขามีถึงจุดสูงสุด อาการป่วยเช่นนี้ก็ไม่ยากที่จะรักษา
หลังจากที่เยี่ยเทียนเริ่มการฝั่งเข็มแล้วเขาเพิ่งตระหนักได้ว่า สิ่งที่ถูกกล่าวถึงในการถ่ายทอดวิชานั้นเป็นเรื่องไร้สาระ เพราะเขาใช้พลังในร่างกายไปเกือบทั้งหมดแต่เพิ่งจะเปิดชีพจรด่านแรกได้
หากไม่ใช่ว่าเรือนสี่ประสานถูกเปลี่ยนเป็นค่ายรวมพลังหยินโดยเยี่ยเทียน และในนั้นมีพลังหยิน รวมอยู่อย่างไม่มีที่สิ้นสุด เกรงว่าเมื่อทำการรักษาถึงช่วงครึ่งแรก เยี่ยเทียนก็คงไม่สามารถต้านทานต่อไปได้
ในความเป็นจริงเยี่ยเทียนก็ไม่ทราบเลยว่า คนที่มีโรคเส้นลมปราณเก้าหยินขาดน้อยมาก ที่สามารถมีชีวิตอยู่ได้เกิน 12 ปี หรืออีกนัยหนึ่ง เวลาที่เหมาะสมต่อการรักษาโดยทั่วไปของโรคเส้นลมปราณเก้าหยินขาดอยู่ระหว่าง 8 ถึง 9 ปี เพราะเส้นลมปราณที่ถูกบล็อกนั้นยังไม่ค่อยรุนแรงมากนัก
แต่ถังเสวียเสวี่ยมีชีวิตอยู่ได้ถึง 18 ปี ชิพจรหยางในร่างกายของเธอนั้น เปรียบเหมือนลำห้วยที่แห้งแล้งหนึ่งเส้น เยี่ยเทียนไม่เพียงแต่ต้องทำมันให้โล่งเท่านั้น แต่ยังต้องทำให้มันไหลได้อย่างราบรื่น ความยากลำบากนี้จึงเพิ่มขึ้น เป็นสิบเท่าเลยทีเดียว!
การปรากฏตัวที่น่าสังเวชของเยี่ยเทียนนั้นอยู่ตรงหน้า ภายในใจของถังเหวินหย่วนก็ค่อนข้างละอายเล็กน้อย กล่าวอย่างติดๆขัดๆในช่วงเวลานี้ว่า “เยี่ยเทียน สิ่งนี้…เป็นงานที่ต้องลำบากคุณแล้วจริงๆ…”
“อย่าพูดไร้สาระอีกเลย ในหนึ่งสัปดาห์จะรักษาอาการป่วยของเสวียเสวี่ยให้หายไม่ได้ มันต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งเดือน”
เยี่ยเทียนโบกมืออย่างแผ่วเบาและขัดจังหวะคำพูดของถังเหวินหย่วน แล้วพูดต่อว่า “เหล่าถัง โสมร้อยปีที่เหมือนอย่างครั้งก่อนนั้น คุณต้องเตรียมมาเพิ่มอีกนิดนะ ผมต้องการบำรุงครั้งใหญ่!”
ในความเป็นจริงเยี่ยเทียนสูญเสียพลังชี่แท้เป็นเรื่องปกติ ก็เหมือนกับว่าการสูญเสียพลังงานตอนที่ฝึกฝน ศิลปะการต่อสู้ อย่างทั่วไป และมันไม่ได้ทำลายพลังชี่ดั้งเดิม แต่ถึงอย่างนั้นเขาสามารถใช้โอกาสนี้กับถังเหวินหย่วน และเขาจะไม่ยอมปล่อยโอกาสไปอย่างแน่นอน
“เยี่ย…เยี่ยเทียน ฉันเองก็ต้องการจะซื้อนะ แต่โสมชนิดนั้นไม่อาจเห็นได้โดยทั่วไป!” เมื่อได้ยินถังเหวินหย่วนก็ยิ้มอย่างขมขื่น เขาไม่สนใจเรื่องเงิน แต่มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เงินก็ไม่สามารถซื้อได้ด้วยเงิน
เช่นเดียวกับโสมป่าร้อยปีที่เยี่ยเทียนกล่าวถึงนี้ แม้จะเป็นในสมัยโบราณ มันก็ถูกใช้โดยครัวเรือนที่ขนาดใหญ่ เพื่อการรักษาชีวิต จะเห็นได้อย่างง่ายดายสักที่ไหนกันเล่า? ครั้งก่อนจ่ายไปแปดล้านกว่าหยวน แล้วซื้อมันมาได้หนึ่งอันถือว่าโชคดีมากแล้ว
“ได้ ที่นานหลายสิบปีก็เอามาใช้ทดแทนก่อนก็ได้ คุณซื้อมาสัก 1.5 กิโลหรือ 2.5 กิโลมาก่อน”
เยี่ยเทียนรู้ว่าตนเองกำลังทำให้คนอื่นลำบากเขาใช้นิ้วของเขาชี้ไปที่โต๊ะและพูดว่า “บนนั้นมีใบสั่งยา เป็นซุปทะลวงเส้นชีพจรทั้งสี่ไหลกลับที่ฉันดัดแปลงแล้ว คุณไปหายาตามใบสั่งยามาเถอะ”
แต่เดิมซุปทะลวงเส้นชีพจรทั้งสี่ไหลกลับนั้นใช้รักษาอาการของมือเท้าเย็น และอาการชีพจรอ่อนจากโรคหยินน้อย หลังจากถูกแก้ไขโดยเยี่ยเทียน มันสามารถขับไล่ความเย็นหยินในร่างของถังเสวียเสวี่ยได้ หลังจากที่ทะลวงชีพจร ยังทำให้เกิดผลรวบรวมชีพจรหยางด้วย
“ได้เลย ฉันจะใช้คนไปจัดยา เยี่ยเทียน คุณมั่นใจได้เลย โสมนั้นฉันจะหาซื้อในราคาที่สูง สามารถซื้อได้เท่าไหร่ ก็จะจัดซื้อกลับมา!”
หลังจากได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียน ถังเหวินหย่วนก็ไม่ได้พูดเรื่องไร้สาระ เขาเอาใบสั่งยาและออกไปทันที พอดีกับที่โจวเซี่ยวเทียนตักน้ำกะละมังนึงเข้าไปในห้องพอดี แต่เขากลับตกใจกับสีหน้าของเยี่ยเทียน
หลังจากล้างหน้าแล้ว เยี่ยงเทียนนั่งอยู่ในสวนหลังบ้านและนั่งสมาธิด้วยพลังชี่ดั้งเดิมที่ลานบ้านทั้งช่วงเช้า พลังชี่แท้ที่ถูกใช้ไปในร่างกายก็ค่อยๆได้รับการฟื้นฟู
สำหรับความหวาดกลัวของเยี่ยเทียนคือ นอกเหนือจากความรู้สึกที่อ่อนล้าทางจิตใจ คุณภาพของพลังชี่แท้ ในร่างกายของเขาดูเหมือนจะดีขึ้นกว่าแต่ก่อน
หลังจากเข้าสู่จุดสูงสุด เยี่ยเทียนก็รู้สึกได้ว่าพลังชี่ดั้งเดิมในสวนนั้นแข็งแกร่งมากแค่ไหน ไม่ว่าเขาจะฝึกฝนทักษะมากแค่ไหนก็ตาม ทักษะของเขานิ่งไม่ก้าวหน้าเลย แต่หลังการรักษานี้ เขารู้สึกได้ถึงร่องรอยของพลังชี่แท้
เพราะกลัวว่าตนจะรู้สึกผิดไป หลังจากพลังกงลี่ของเยี่ยเทียนกลับคืนมา เขาก็เริ่มเปิดจุดฝังเข็มที่สองของ ถังเสวียเสวี่ยทันที หนึ่งชั่วโมงต่อมา เยี่ยเทียนซึ่งเหนื่อยล้าเหมือนครั้งที่แล้ว กลับมานั่งที่สวนแล้วก็หายดีอีกครั้ง
“เฮ้ มันได้ผลจริง!” หลังค่ำคืนนั้น พลังกงลี่ของเยี่ยเทียนได้รับการฟื้นฟูเรื่อยๆ
หลังจากที่เข้าถึงการฝึกเดินลมปราณขั้นฮั่วเซินแล้ว เยี่ยเทียนไม่เพียงแต่มีประสาทสัมผัสทั้งหกที่ไวต่อความรู้สึก แต่ยังมีทักษะบางอย่างของการรู้ล่วงหน้า การรู้สึกล่วงหน้า และความสามารถในการตัดสิน ในเวลาเดียวกันสามารถพูดได้ว่าสามารถสำรวจร่างกายของเขาอย่างพิถีพิถัน การเปลี่ยนแปลงที่เล็กน้อยเขาก็สามารถรู้สึกได้
“หรือตัวเรายังสามารถถึงขั้นฝึกเซียนหวนคืนสู่ความว่างเปล่า?”
รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ ภายในร่างกาย ในสมองของเยี่ยเทียนเต็มไปด้วยการคาดคะเน การฝึกเดินลมปราณจิงฮั่วและการฝึกเดินลมปราณฮั่วเซินล้วนเป็นการฝึกเดินลมปราณที่เป็นหลักสำคัญในลัทธิเต๋า ตั้งแต่โบราณจนถึงปัจจุบันมีคนจำนวนมากที่สามารถฝึกถึงขั้นนั้น
แต่การฝึกเซียนหวนคืนสู่ความว่างเปล่านั้นแตกต่างกัน คำกล่าวนี้ได้ปรากฏเฉพาะในตำราของลัทธิเต๋าเท่านั้น คนที่มาถึงระดับนี้ได้นั้น ไม่มีใครไม่ใช่เซียนที่บินขึ้นสู่ฟ้าตอนกลางวันที่เก่งกาจ ปรมาจารย์จางซานฟงก็เป็นคนประเภทนั้นเช่นกัน
“เอาเถอะนะ รักษาอาการป่วยของหลานสาวให้หายดีในเร็ววันก่อน!”
เยี่ยเทียนส่ายหัวของเขา และลุกขึ้นเพื่อไปต้มยาให้ถังเสวียเสวี่ย ยาที่ใช้เพื่อเปิดชีพจรลมปราณแท้ และการรักษานี้แม้แต่สิ่งเดียวก็จะขาดไม่ได้
……
เวลาครึ่งเดือนนั้นผ่านไปอย่างรวดเร็ว ถังเสวียเสวี่ยซึ่งแต่เดิมที่ป่วยอยู่ เป็นเหมือนคนใหม่แล้วในตอนนี้ ส่วนสูงในเริ่มแรกมี 1.60 เซนติเมตรแต่ตอนนี้เพิ่มเป็น 1.65 เซนติเมตร และร่างกายที่ผอมก็อุดมสมบูรณ์ขึ้น
ก่อนที่จะให้การรักษาแก่ถังเสวียเสวี่ยในวันนี้ เยี่ยเทียนได้เรียกโจวเซี่ยวเทียนมาและสั่งว่า “เซี่ยวเทียน ดับไฟของเรือนสี่ประสานลง และนายก็เฝ้าอยู่ที่ประตู ห้ามให้มีใครเข้ามาได้!”
วันนี้เยี่ยเทียนต้องการเปิดจุดฝังเข็มสุดท้ายของถังเสวียเสวี่ยก็คือชีพจรจุดเฟิงฉือ เมื่อจุดฝังเข็มทั้งหก ถูกเปิดและเชื่อมต่อกัน ชีพจรหยางในร่างกายของถังเสวียเสวี่ยก็จะไม่มีสิ่งกีดขวางอีกต่อไป
อย่างไรก็ตามรอบชีพจรจุดฟงฉือนั้นมีเส้นประสาทจำนวนมาก ซึ่งหากไม่ระวังอาจจะทำลายสมองได้ ซึ่งเยี่ยเทียนเองก็จะประมาทไม่ได้เลย
……
ตอนที่ 296 ทะลวงชีพจร (3)
โดย
Ink Stone_Fantasy
“พี่เยี่ยเทียน คืนนี้หนูไม่นอนได้มั้ย?”
ขณะนั่งอยู่บนเตียงหลังนั้นที่สั่งทำเพื่อเธอเป็นพิเศษ ถังเสวี่ยเสวี่ยมองยังเยี่ยเทียนด้วยสีหน้าวิงวอน แม้ว่าร่างกายจะดีขึ้นเยอะแล้ว และเริ่มเติบโตขึ้นตามเด็กผู้หญิงทั่วไป แต่ว่านิสัยของถังเสวี่ยเสวี่ยยังคงใสซื่อ น่ารักเหมือนเมื่อก่อน
“ไม่ได้หรอก เป็นเด็กดีนะเสวี่ยเสวี่ย นอนสักตื่นก็หายแล้ว!”
เยี่ยเทียนส่ายหน้า ล้อเล่นหรือไง วันนี้ต้องทะลวงจุดเฟิงฉือเชื่อมต่อชีพจรหยางทุกเส้น อาการโรคเส้นลมปราณเก้าหยินขาดของเสวี่ยเสวี่ยจะรักษาหายได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับการกระทำนี้เท่านั้น จะเสียสมาธิไม่ได้แม้แต่นิดเดียว
โดยไม่รีรอให้สาวน้อยดื้อรั้นต่อ มือขวาของเยี่ยเทียนลูบจากด้านหลังศรีษะของเธอ ท่วงท่าวิชาหยุดชีพจรนี้เยี่ยเทียนทำได้อย่างเชี่ยวชาญจนไร้ที่ติแล้ว
หลังจากจัดให้ร่างของเสวี่ยเสวี่ยนอนตะแคง เยี่ยเทียนก็หยิบหินหยกเก้าชิ้นที่เตรียมเอาไว้แต่แรกมาจากบนโต๊ะ หินหยกพวกนี้ล้วนเป็นทรงกลม ลวดลายด้านบนก็แตกต่างไปจากหินหยกธรรมดา ล้วนแกะสลักด้วยภาพแผนผังแปดทิศ
หยกพวกนี้คือหยกอุ่นที่เยี่ยเทียนจ่ายเงินซื้อมาถึงหกล้าน ผ่านขั้นตอนทำพิธีแล้วนำมาใช้วางค่ายกล
ความจริงแล้วไม่ว่าจะเป็นวงการไข่มุกเครื่องประดับหรือของโบราณ ล้วนไม่มีพูดถึงหยกอุ่นประเภทนี้ สิ่งพวกนั้นล้วนเป็นเพียงร้านค้าใช้หลอกลวงผู้คน แต่ว่าในวิชาลับ กลับมีการกล่าวถึงหยกอุ่น
ที่เรียกว่าหยกอุ่น ความจริงแล้วก็เป็นประเภทหนึ่งของหยกอ่อน ด้วยแสงสีอันอ่อนนุ่มของหยก ผิวสัมผัสอันนุ่มลื่นราวกับไขมัน จึงทำให้คนรู้สึกว่ามีสัมผัสอบอุ่น
ที่อาจารย์กิมย้งเคยเขียนไว้ในผลงานเรื่อง “ตำนานรักอักษรกระบี่” ท่อนนี้ว่า “สีหยกใสพร่างพราว ใต้แสงจันทร์เปล่งประกายอ่อนจาง ให้สัมผัสอุ่นที่มือ” ก็คือหยกอุ่นนั่นเอง
หยกอุ่นชั้นดี อันดับต้นๆ คือหยกขาวไขมันแกะ ราคาก็สูงเป็นพิเศษ ไม่อย่างนั้นเยียเทียนคงไม่จ่ายเงิน อย่างน้อยหกล้าน เพื่อซื้อหยกที่ไม่เคยผ่านการแกะสลักพวกนี้มา
เยี่ยเทียนนำหินหยกเก้าชิ้นแยกวางตามตำแหน่งเก้าตำหนักข้างกายถังเสวี่ยเสวี่ย ตำแหน่งที่ เขาวางนี้เรียกว่าค่ายกลเก้าตำหนักขังหยิน
ค่ายกลชนิดนี้ สามารถสะกดอาการโรคเส้นลมปราณเก้าหยินขาดของถังเสวี่ยเสวี่ยได้ช่วงเวลาหนึ่ง เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เส้นทางการไหลเวียนชีพจรหยินในร่างกายเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวหลังจากเยี่ยเทียนช่วยเปิดทางชีพจร จนเกิดเหตุให้เสียสมดุลย์ของหยินและหยาง
หลังจากวางค่ายกลแล้ว เยี่ยเทียนก็ยืนตรงหัวเตียง ไขว้ท่าดรรชนี เชื่อมต่อพลังชีวิตภายในห้องแล้วชี้ไปยัง หินหยกชิ้นหนึ่งตรงใจกลางค่ายกล ขณะเดียวกันก็เปล่งคำสั่งออกจากปาก “ค่ายกลเก้าตำหนักขังหยิน จงเปิดออก!”
หลังจากเสียงที่เปล่งออกมาของเยี่ยเทียนเงียบลง หินหยกที่แกะสลักแผนผังค่ายกลไว้จนทั่ว ก็ถูกพลังวิญญาณภายนอกเขตแดนกระตุ้น เปล่งลำแสงสีเหลืองเรืองรองออกมาในทันใด ครอบคลุมทั่วทั้งร่างของถังเสวี่ยเสวี่ยเอาไว้
แต่หินหยกเหล่านี้ไม่ใช่ของขลังที่แท้ การกักเก็บปริมาณพลังวิญญาณและช่วงเวลาจึงทำได้อย่างจำกัด พอเห็นค่ายกลทำงานได้ผล เยี่ยเทียนก็ไม่กล้ารอช้า นำเอาเข็มทองคำซึ่งกำจัดพิษออกแล้ว เสียบเข้าไปยังกลางจุดเฟิงฉือ ด้านหลังใบหูของถังเสวี่ยเสวี่ย
หลังจากผ่านการฝังเข็มทองคำมาครึ่งเดือนกว่า ไม่เพียงรักษาร่างกายของถังเสวี่ยเสวี่ยจนดีขึ้นมาก กระทั่งเยี่ยเทียนเองก็ยังได้รับผลกำไรเข้าตัวไปด้วย ตอนนี้เยี่ยเทียนสามารถควบคุมชี่แท้ภายในร่างกาย สามารถเรียกได้ว่าเข้าถึงปัญหาได้ทั่วทุกจุด
อีกทั้งเมื่อนำวิธีนี้มาใช้พลังชี่แท้ภายในร่างกายจนหมด คุณสมบัติของชี่แท้เองก็กลับกลายเป็นบริสุทธิ์ยิ่งขึ้น เวลาที่เยี่ยเทียนเขียนยันต์รวมไปถึงแกะสลักหินหยกพวกนี้ ล้วนสัมผัสถึงได้อย่างชัดเจน
ใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้มือขวาหมุนเข็มทองเล่มละเอียดอย่างเบามือ เยี่ยเทียนส่งพลังชี่แท้เล็กละเอียดยิ่งกว่าเส้นผม เข้าไปในร่างของถังเสวี่ยเสวี่ย กลั่นกรองเส้นทางชีพจรราวกับหยดน้ำที่ไหลทะลุผ่านก้อนหิน
เมื่อเข้าไปจนถึงจุดหนึ่งแล้ว ปริมาณชี่แท้ในร่างกายเยี่ยเทียนจะยังคงมีปริมาณมากได้อย่างไร ทุกครั้งที่ชี่แท้ซึมซาบเข้าไปเช่นนี้ ล้วนทำให้ชี่แท้ของเขาผลาญจนหมด เห็นได้ชัดว่าความยากของการทะลวงชีพจรนั้นมีมากแค่ไหน
เวลาหนึ่งชั่วโมงผ่านไป หน้าผากของเยี่ยเทียนก็เต็มไปด้วยเหงื่อ แต่ว่าโดยปกติพอถึงเวลาเช่นนี้ การรักษาด้วยการฝังเข็มทองคำนั้นก็ใกล้จะเสร็จสิ้นแล้ว
“ฮือทำไมถึงไม่เห็นร่องรอยขุดลอกเส้นทางชีพจรนี้เลยล่ะ?”
เยี่ยเทียนที่กำลังส่งพลังชี่แท้เข้าไปอยู่นั้น ขมวดคิ้วขึ้นมาทันใด เพราะเขาพบว่าบนจุดที่ทะลวงจุดฉือเฟิงนั้น ไม่ว่าเขาจะใช้พลังชีแท้เจาะเข้าไปอย่างไรก็ไม่เห็นคลายออกสักทีที
“หรือเป็นเพราะปริมาณชี่แท้น้อยเกินไป?” เยี่ยเทียนลังเลไปชั่วขณะ กลั่นพลังชี่ลงไปยังเข็ม เพิ่มปริมาณยิ่งขึ้น
“อึ๊ก!”
ถังเสวี่ยเสวี่ยที่เดิมกำลังหลับสนิท พลันร้องครางออกมาจากปาก หัวคิ้วขมวดเข้าหากัน ใบหน้าเผยให้เห็น อารมณ์เจ็บปวด
“ไม่ได้การ!”
เยี่ยเทียนเห็นเหตุการณ์แล้วรีบลดปริมาณชี่แท้ลง เส้นประสาทในสมองตื่นตัวขึ้นมา ถ้าหากผิดพลาดอะไรไปล่ะก็ อาจจะรักษาจนถังเสวี่ยเสวี่ยกลายเป็นคนปัญญาอ่อนไปได้
เยี่ยเทียนเองยังคงดื้อรั้น คิดอยู่ภายในใจ “จุดเลือดลมทั้งยี่สิบสามจุดก็ทะลวงหมดแล้ว เราไม่เชื่อหรอกว่า เหลือเพียงจุดสุดท้ายที่จะทะลวงไม่ออก?”
เมื่อก่อนเยี่ยเทียนทำการรักษาสักหนึ่งชั่วโมงก็อาจทำให้พลังชี่แท้ในร่างกายหมดสิ้น แต่ว่าปัจจุบันด้วยความเชี่ยวชาญและละเอียดอ่อนยิ่งขึ้น ต่อให้ต้องยืนหยัดต่ออีกสองชั่วโมง เยี่ยเทียนก็ยังมีกำลังเหลือพอ
เวลาผ่านไปสองชั่วโมงแล้ว หยาดเหงื่อบนร่างของเยี่ยเทียนทำให้เสื้อผ้าทั่วตัวเปียกชุ่มราวกับโคลน
ถึงแม้ว่าสองนิ้วที่มือขวาจะยังคงสงบนิ่งเหมือนเคย แต่เสียงลมหายใจของเยี่ยเทียนนั้นราวกับวัวแก่ ลากรถหนักอึ้งไม่ขยับเขยื้อน จนสามารถได้ยินได้อย่างชัดเจนผ่านประตูใหญ่
ทุกๆ วันในเวลานี้ถังเหวินหย่วนจะย้ายเก้าอี้เอนมารอนอกประตู นาทีนั้นก็ยังนั่งไม่อยู่ ด้วยโจวเซี่ยวเทียนเฝ้ายามอยู่นอกประตู เขาจึงได้แต่เพียงเดินวนกลับไปมาอย่างหวาดวิตก
“ไม่ได้การ คุณสมบัติของหยกอุ่นพวกนี้มีขีดจำกัด ค่ายกลใกล้จะคงสภาพไว้ไม่อยู่แล้ว!”
เยี่ยเทียนกลับยังคงยืนหยัดต่อไป แต่เขาสัมผัสได้ว่าค่ายกลเก้าตำหนักขังหยินนี้เริ่มคลายตัวลงบ้างแล้ว เมื่อผ่านพลังหยางที่ถูกเหนี่ยวนำโดยค่ายกล อีกไม่นานก็จะสะกดชีพจรหยินของถังเสวี่ยเสวี่ยไว้ไม่อยู่
ครั้งนี้ถึงไม่อาจทะลวงจุดเลือดลมของถังเสวี่ยเสวี่ยได้ก็ไม่จำเป็นต้องรีบ แต่หากจะซื้อหินหยกแกะสลักค่ายกลเหล่านี้มาใหม่ เกรงว่าจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งเดือน
แต่ถังเสวี่ยเสวี่ยที่ต้องทุกข์ทนกับอาการโรคเส้นลมปราณเก้าหยินขาดล่ะ หากยังทะลวงชีพจรหยางไม่สุด อาการโรคเส้นลมปราณเก้าหยินขาดก็จะก่อกำเนิดพลังหยินชั่วร้าย ปิดผนึกเส้นทางชีพจรทั้งหมดที่เยี่ยเทียนทะลวงผ่าน หากกลายเป็นแบบนั้นช่วงเวลากว่าครึ่งเดือนที่ผ่านมาก็เสียแรงเปล่า
“แผนการอยู่ที่คน ผลลัพธ์อยู่ที่ฟ้า ไม่อาจฝ่าฝืน!” ในหัวของเยี่ยเทียนพลันมีคำกล่าวที่ขงเบ้งเคยว่าไว้กู่ก้องขึ้น
“ช่างเถอะ ทำสุดความสามารถ แล้วฟังลิขิตสวรรค์!” เยี่ยเทียนเพิ่มความเร็วในการไขว้นิ้วอย่างเห็นได้ชัด เพิ่มปริมาณชี่แท้ คุมพลังชี่ให้กลายเป็นเข็ม ส่งไปยังจุดเฟิงฉือผ่านทางเข็มทองคำ
“จงเปิดออก!” เยี่ยเทียนร้องตะโกนอย่างเคร่งเครียดที่สุด จุดเฟิงฉือที่ถูกปิดกั้นไว้พลันถูกทะลวงจนเปิดออก และชีพจรหยางเส้นนี้ของถังเสวี่ยเสวี่ยก็ถูกทะลวงได้จนหมดสิ้น
ขณะที่จุดเฟิงฉือถูกทะลวงออกนั้นเอง พลังหยางชี่ระลอกใหญ่ก็บังเกิดขึ้นกลางส้นเท้า เริ่มจากจุดไท่หยางเซินม่าย ใต้ข้อเท้าด้านนอก แยกออกที่จุดฟูหยาง พุ่งตรงขึ้นมาตามสะโพกถึงขอบสะบักด้านนอก จากจุดจิงหมิงพุ่งเข้าสู่ไรผม แล้วสิ้นสุดลงที่จุดเฟิงฉือ
การขับเคลื่อนไหลเวียนของชีพจรหยาง ทำให้อาการโรคเส้นลมปราณเก้าหยินขาดของถังเสวี่ยเสวี่ย เกิดวิกฤตเล็กน้อย พลังหยินร้ายที่เดิมถูกค่ายกลกดทับเอาไว้ กลับทะลักออกมาอย่างรุนแรง
เวลานั้นเยี่ยเทียนดึงเข็มออกมาแล้ว ทว่ายังคงล่วงรู้ถึงภายในร่างของถังเสวี่ยเสวี่ยได้อย่างแจ่มแจ้ง
สายตาเห็นว่าพลังหยินร้ายเหล่านั้นกำลังจะกลืนกินพลังหยางที่เพิ่งจะท่องไปทั่วทิศ เยี่ยเทียนจึงตะโกนสั่งออก มาหนึ่งเสียง “จงปิดเสีย!”
ขณะเดียวกัน เยี่ยเทียนก็เค้นพลังชีวิตระลอกสุดท้ายในร่างออกมาส่งเข้าไปยังใจกลางค่ายกลเก้าตำหนักขังหยิน พริบตานั้นภายในค่ายกลบังเกิดแสงเหลืองทองพวยพุ่ง กดทับพลังร้ายอันวุ่นวายนั้นลงไปอย่างแน่นสนิท
พลังหยินร้ายน้อยนิดที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในเส้นทางชีพจร จึงขัดขวางการเคลื่อนที่ของลมชีพจรหยางต่อไปอีกไม่ไหว อีกทั้งยังถูกกัดกร่อนดูดซึมไปเรื่อยๆ หลังจากผ่านไปสามอาทิตย์ พลังหยินหยางภายในร่างของถังเสวี่ยเสวี่ย ก็จะกลับสู่สมดุลย์
ภาษิตกล่าวไว้ว่า เพียงหยางไม่เกิด ลำพังหยินไม่โต ระหว่างหยินกับหยาง จะมีเพียงสิ่งเดียวและคงอยู่โดยไม่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ อีกทั้งต้องสัมพันธ์กันโดยอยู่คู่ตรงข้าม พึ่งพาอาศัย หักล้างขยับขยาย หมุนเวียนเปลี่ยนไป
เวลานั้นอาการโรคเส้นลมปราณเก้าหยินขาดในร่างของถังเสวี่ยเสวี่ย หลังผ่านการดูดซึมหล่อเลี้ยงด้วยพลังหยางแล้ว ก็ค่อย ๆ เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด พลังหยินเย็นร้ายนั้นค่อยๆ ถูกกัดกร่อนไปไม่หยุด
“สำเร็จแล้ว!!!”
หลังจากสัมผัสได้ว่าชีพจรหยางภายในร่างของถังเสวี่ยเสวี่ยจะไม่ถูกชีพจรหยินกดทับอีก เยี่ยเทียนก็รู้ว่าอาการชีพจรเก้าหยินขาดของเด็กสาวคนนี้นับว่าถูกรักษาจนหายขาดแล้ว
แต่ว่าเยี่ยเทียนเองก็รู้สึกรังเกียจเดียดฉันท์ผู้อาวุโสที่ทิ้งวิธีรักษาอาการโรคเส้นลมปราณเก้าหยินขาดขณะรับสืบทอด เหลือเกิน เพราะระดับความยากในการรักษาอาการโรคเส้นลมปราณเก้าหยินขาดนั้น เหนือเกินกว่าที่ ท่านอาวุโส ผู้นั้น อธิบายไปไกล
ขณะยื่นมือออกมาลูบคลำหินหยกชิ้นหนึ่งข้างกาย เยี่ยเทียนพบว่า หินหยกชิ้นนั้นสภาพไม่เหมือนเคย แต่กลับแหลกสลายกลายเป็นผงหยก เงินหกแสนจึงปลิวสลายไปอย่างนั้น
“เหล่าถัง ใช้ได้แล้ว อาการโรคเส้นลมปราณเก้าหยินขาดของเสวี่ยเสวี่ยจะไม่มีอีกต่อไปแล้วล่ะ ร่างกายของเธอ แข็งแรงสมบูรณ์ดีแล้ว!”
หลังจากนั่งปรับลมปราณอย่างสงบอยูกลางห้องสักครู่หนึ่ง เยี่ยเทียนก็ลุกขึ้นยืน เพราะว่าเขาได้ยินเสียงฝีเท้า ของถังเหวินหย่วนวนกลับไปมา หากตัวเขายังไม่ออกไปล่ะก็ ไม่แน่ผู้เฒ่าคนนั้นอาจจะอดรนทนไม่ไหวผลักประตูเข้ามาจริงๆ
“จริงหรือเยี่ยเทียน ลำบากเธอเสียแล้ว……”
ถังเหวินหย่วนผลักเยี่ยเทียนที่ยืนขวางหน้าประตูออกแล้วพุ่งตัวเข้ามาในห้อง อาการป่วยของหลานสาวคนนี้ทำให้เขา เจ็บปวดไปถึงเส้นประสาทในสมอง วันนี้ได้ยินว่าอาการป่วยรักษาหายขาดแล้ว ความยินดีปรีดาในใจของถังเหวินหย่วน นั้นไม่อาจอธิบายเป็นคำพูดได้อย่างแท้จริง
“ให้ตายสิ พอเสร็จศึกก็ฆ่าขุนพลเลยหรือไง?” เยี่ยเทียนที่ถูกปล้นพลังชี่แท้จนหมดทั้งตัว ถูกถังเหวินหย่วน ผลักจนตัวเซ เกือบล้มลงไปบนพื้น
“อะแฮ่ม เยี่ยเทียน ฉันวู่วาม วู่วามเกินไป ขออภัย ต้องขออภัยจริงๆ……”
ได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียนแล้ว ใบหน้าของท่านผู้เฒ่าก็แดงขึ้นมา เมื่อครู่ตัวเขาเผลอไผลไปจริงๆ จึงรีบร้อนกล่าวขึ้น “ถ้าอย่างไร ฉันจะซื้อโสมคนมาจำนวนหนึ่งจากเขาฉางไป๋ซาน คาดว่าน่าจะมาส่งวันนี้ ถึงตอนนั้นเอามาให้ เธอบำรุงร่างกายก็แล้วกัน”
“ถ้าอย่างนั้นก็ค่อยยังชั่ว……” เยี่ยเทียนจ้องถังเหวินหย่วนอย่างไม่สบอารมณ์แวบหนึ่ง แล้วว่าต่อ “คุณไปเรียกเซี่ยวเทียนให้เข้ามาเถอะ อีกครึ่งชั่วโมงเสวี่ยเสวี่ยถึงจะตื่น”
“แฮะ ๆ ท่านอาจารย์ วันนี้ก็เหนื่อยไม่เบาเลยสินะครับ?”
โจวเซี่ยวเทียนเคยชินต่ออาการอย่างนั้นทุกครั้งของเยี่ยเทียนหลังทำการรักษา พอเข้าเรือนด้านหลังก็เอ่ยปาก “ท่านอาจารย์ ข้างนอกประตูมีคนมาหา เป็นผู้เฒ่าชื่อว่าตู้เฟย เขาบอกว่ามีเรื่องด่วน รอมากว่าสองชั่วโมงแล้ว”
ช่วงเวลาที่โจวเซี่ยวเทียนติดตามเยี่ยเทียนมาค่อนข้างสั้น จึงไม่เคยพบตู้เฟยมาก่อน ดังนั้นจึงให้เจ้าพ่อหงเหมินผู้นี้ คอยอยู่ด้านนอกประตู
……
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น