ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 293-300

 บทที่ 293 แนวโน้มเริ่มต้น

โดย

Ink Stone_Fantasy

หลังจากทานมื้อเที่ยงเสร็จแล้ว ฉินสือโอวก็ชวนกู๊ดแล็คให้ขับรถเอทีวีเล่นในฟาร์มปลาสักรอบ พวกเขาขับไปตามเส้นชายฝั่งตั้งแต่ฟาร์มปลาต้าฉินไปจนถึงฟาร์มปลาบ้านเกิดของปลาค็อด ขับตามกันไปได้เกือบหนึ่งชั่วโมง


ระหว่างทาง ฉินสือโอวรู้สึกภาคภูมิใจอย่างถึงที่สุด นี่คืออาณาเขตของเขา ถ้าขี่ม้าจริงๆ คงต้องให้เวลาหนึ่งวันถึงจะขี่ไปถึงจุดสิ้นสุดของอาณาเขตนี้ได้


อาจจะเป็นเพราะเขาโตมาในเขตชนบท ฉินสือโอวถึงได้รู้สึกว่าตัวเองไม่มีวันกลายเป็นผู้ดีหรือคนในสังคมชั้นสูงอะไรแบบนั้น ในเนื้อในของเขา ยังคงมีความเป็นเกษตรกรอยู่อย่างแท้จริง อย่างมากที่สุดก็คงนับว่าเป็นเกษตรกรที่กลายมาเป็นเศรษฐีในชั่วพริบตา


เขามีแนวคิดของเกษตรกรรุ่นใหม่อยู่อย่างเข้มข้น อย่างเช่น หลังจากฆ่าหมูป่าแล้วก็ทำใจทิ้งมันไปเปล่าๆ ไม่ได้ หรืออย่างเช่น การที่เขาไม่ได้ซักหาเงินสี่แสนกว่าดอลลาร์ที่ขาดทุนไปจากบิลแต่ใช้พลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนที่มีค่ารักษากุ้งมังกรที่เหลืออยู่ไม่ถึงหนึ่งแสนตัว และในใจของเขาจะฝันถึงแต่ฟาร์มปลา ผืนดิน ชายหาด ใบหญ้าเขียวขจี และท้องฟ้าสีครามตลอดไป


ถ้าจะพูดโดยใช้คำพูดเชิงวรรณศิลป์สักหน่อย นั่นก็คือที่ดินและฟาร์มปลามีความเกี่ยวพันกับความเป็นจริงและความฝันของฉินสือโอว ผสานฟ้าสีคราม ทะเลสีมรกต และผืนดินสีทองของธรรมชาติให้กลายเป็นเนื้อเดียวกัน


ถึงเวลาส่งกู๊ดแล็คกลับ ทั้งสองฝ่ายนัดหมายกันไว้ว่าวันต่อมาจะเซ็นสัญญาร่วมกัน ในวันเดียวกันที่กู๊ดแล็คกลับไปเขาก็ต้องเตรียมขั้นตอนการโอนย้ายเอกสิทธิ์ด้วย


เออร์บักและทนายของกู๊ดแล็คเริ่มโทรศัพท์หากันในช่วงบ่าย ผ่านการโทรทางคอมพิวเตอร์ ในวันเดียวกันก็เขียนใบสัญญาออกมาได้สำเร็จ วันต่อมาฉินสือโอวไปหากู๊ดแล็คที่โรงพยาบาลทันตกรรมกู๊ดแล็ค ทั้งสองคนเซ็นสัญญาร่วมกัน แล้วจึงดำเนินขั้นตอนการถ่ายโอนกรรมสิทธิ์ จากนั้นธุระเรื่องนี้ก็เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว


ณ เวลานี้ ฉินสือโอวยังอยู่ที่โรงพยาบาลของกู๊ดแล็คเพื่อทำการขูดหินปูน เด็กๆ ทั้งสี่คนก็ถูกพาตัวมาด้วยเช่นกัน เด็กๆ ได้จัดฟันอย่างปลอดภัย นี่ถือว่าเป็นการสมนาคุณของกู๊ดแล็ค


การขูดหินปูนค่อนข้างรวดเร็ว หลังจากขูดหินปูนเสร็จแล้วฉินสือโอวก็ลองสังเกตดูโรงพยาบาลแห่งนี้อย่างละเอียด


สิ่งก่อสร้างในแคนาดามีจุดเด่นอยู่หนึ่งอย่าง นั่นก็คือพื้นที่กว้างขวางโอ่อ่า นี่เกี่ยวข้องกับราคาที่ดินด้วยเช่นกัน แคนาดามีพื้นที่ดินแดนกว้างขวาง ครอบครองอาณาเขตทางตอนบนของทวีปอเมริกาเหนืออยู่ครึ่งหนึ่ง มีพื้นที่ราวๆ สิบล้านตารางกิโลเมตร ตั้งแต่ทางด้านตะวันออกถึงทางฝั่งตะวันตก ครอบคลุมอาณาเขตมากถึงหกไทม์โซน!


ถึงแม้ว่าทางตอนเหนือจะมีสภาพอากาศเลวร้าย มีเพียง 12% ของพื้นที่ที่เหมาะกับการเพาะปลูกเท่านั้น ทำให้ประชากรจำนวนมากล้วนแต่อาศัยอยู่ทางตอนใต้ แต่ประชากรในประเทศมีจำนวนน้อยเกินไป เพียงสามสิบล้านคนเท่านั้น เฉลี่ยแล้วเท่ากับว่าประชากรหนึ่งคนจะมีพื้นที่ถึง 30 เฮกตาร์ ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นเมืองไหนในประเทศนี้ ต่างก็ไม่มีความแออัดของประชากรทั้งสิ้น ราคาที่พักอาศัยจึงต่ำกว่ามาตรฐานมาโดยตลอด


อย่างที่ประเทศจีน เวลาจะแต่งงานทางฝ่ายหญิงจะมีเงื่อนไขที่ว่าฝ่ายชายจะต้องมีบ้านเป็นของตัวเองเสียก่อน แต่ที่แคนาดาจะไม่มีเรื่องแบบนี้เลยสักนิดเดียว จะอยากได้บ้านไปทำไมกัน? ขอแค่มีงานทำ กระทั่งวิลล่าหลังเล็กก็ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องเป็นกังวล


โรงพยาบาลทันตกรรมกู๊ดแล็คมีทั้งหมดหกชั้น เป็นอาคารเดี่ยวหลังเล็กหนึ่งหลัง ทุกๆ ชั้นมีพื้นที่ราวๆ สี่พันตารางเมตร และมีพื้นที่สีเขียวมากกว่าสองหมื่นตารางเมตร แต่ถ้าเป็นที่จีน หากดูแค่พื้นที่ของสิ่งก่อสร้าง นี่ก็เท่ากับมาตรฐานของโรงพยาบาลที่รวมทุกด้านระดับสองแล้ว


ที่แคนาดา โรงพยาบาลแบบนั้นนับว่าเป็นเพียงโรงพยาบาลขนาดเล็ก


เป็นที่รู้กันดีว่า การศึกษาและการรักษาพยาบาลในแคนาดาถูกจัดอยู่ในระดับแนวหน้าของโลก ที่นี่มีสถาบันด้านการรักษาพยาบาลและองค์กรทางการแพทย์ที่มีศักยภาพระดับเวิลด์คลาสอยู่หลายแห่ง ผู้เสียภาษีที่ถือวีซ่าถาวรแคนาดาสามารถรับสิทธิประโยชน์จาก ‘แผนประกันสุขภาพของแคนาดา’ ได้ทุกคน แผนการรักษาที่ได้รับการช่วยเหลือด้านการเงินในทุกรัฐ จะให้สิทธิการรักษาฟรี ให้บริการการรักษาที่จำเป็นต้องเข้าพักในโรงพยาบาลรวมถึงบริการทางการแพทย์ที่จำเป็นอื่นๆ อีกด้วย


นอกจากนี้ แคนาดายังมีระบบที่เรียกว่า ‘เครือข่ายมหาวิทยาลัยสุขภาพ’ อย่างเช่นที่นครเซนต์จอห์น เครือข่ายมหาวิทยาลัยสุขภาพของที่นี่จะประกอบไปด้วยโรงพยาบาลหลักจำนวนสามแห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลเซนต์จอห์น เจนเนอรัล โรงพยาบาลเวสต์เซนต์จอห์น สถาบันแพทยศาสตร์โรงพยาบาลปริ๊นเซสมาร์กาเรตมหาวิทยาลัยนครเซนต์จอห์น โรงพยาบาลทั้งสามแห่งนี้ ถึงจะจัดว่าเป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่


โดยจะใช้โรงพยาบาลทั้งสามแห่งนี้เป็นศูนย์กลาง โรงพยาบาลหลายแห่งได้เข้าร่วมกับ ‘เครือข่าย’ ของระบบนี้ โรงพยาบาลทันตกรรมกู๊ดแล็คเองก็เช่นกัน


ดังนั้นเมื่อพูดถึงเรื่องความจริงจังแล้ว ที่นี่ไม่ใช่แค่โรงพยาบาลเพื่อการทันตกรรมเท่านั้น แต่ยังมีคนไข้ที่เข้ามารับการรักษาและรับยาจากแผนกอายุรกรรมและแผนกโรคกระดูกด้วย เพียงแค่มีระบบ ‘เครือข่ายมหาวิทยาลัยสุขภาพ’ อันนี้ หมอในโรงพยาบาลทุกแห่งก็จะสามารถติดต่อประสานงานกันได้ ยิ่งทำให้คนไข้ได้รับความสะดวกมากยิ่งขึ้น


ฉินสือโอวเอนร่างพิงกับเคาน์เตอร์บริการเพื่อชื่นชมพยาบาลสาวๆ ที่เดินผ่านไปผ่านมา ถึงจะโดนเขาจ้องมอง แต่พวกเธอก็ไม่ได้เขินอายแต่อย่างใด แถมยังมีบางคนที่ส่งสายตาร้อนแรงกลับมาอีกต่างหาก เห็นได้ชัดว่าพวกเธอก็สนใจผู้ชายเอเชียแบบเขาเป็นอย่างมาก


ต่อมาคุณหมอหนุ่มอายุราวๆ สามสิบปีก็เดินเข้ามา เขาถามด้วยรอยยิ้มว่า “สาวๆ ที่นี่ไม่เลวเลย ใช่ไหมล่ะ?”


ฉินสือโอวยิ้มแล้วพยักหน้าตอบ “ใช่แล้ว ดีมากๆ ทำเอาผมอยากจะมาศัลยกรรมปรับฟันที่นี่เลยล่ะ”


คุณหมอหนุ่มดึงคางของเขาลงทันที เขายกไฟฉายอันเล็กเพื่อส่องเข้าไปดูข้างใน แล้วพูดขึ้นมาว่า “สมบูรณ์แบบ เพื่อน คุณเคยทำอะไรกับฟันมาบ้างไหมเนี่ย? สุขภาพดีมากๆ เป็นระเบียบสุดๆ น่าอิจฉาจริงๆ คุณไปเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับโฆษณายาสีฟันได้เลยล่ะ”


ฉินสือโอวหัวเราะ คุณหมอหนุ่มยื่นมือออกมา แล้วแนะนำตัวเองกับเขาว่า “ผมชื่อโอดอม โอดอม เค กู๊ดแล็ค แพทย์อายุรแพทย์หัวใจ”


พอได้ยินนามสกุลของเขา ฉินสือโอวก็ถึงบางอ้อทันที “มิสเตอร์กู๊ดแล็คเป็นพ่อของคุณเหรอครับ?”


“ผมเองก็เป็นมิสเตอร์กู๊ดแล็คเหมือนกันนะ” คุณหมอหนุ่มเล่นมุกพอเป็นพิธี จากนั้นก็ตอบว่า “ใช่แล้ว เขาเป็นพ่อของผมเอง ผมคิดว่าคุณคงต้องขอบคุณผมสักหน่อยนะ มิสเตอร์ฉิน เพราะผมเคยโน้มน้าวให้พ่อของผมรีบๆ ขายฟาร์มปลาให้คุณอยู่ตั้งหลายครั้ง”


ฉินสือโอวรู้สึกงงงวย เขาจึงถามกลับไปด้วยความสงสัยว่า “ทำไมล่ะครับ?”


โอดอมตอบคำถามเขาพร้อมกับรอยยิ้ม “พวกเราเคยเจอกันแล้ว คิดว่าคุณคงจะลืมไปแล้วล่ะ ลองเตือนความจำคุณสักหน่อยแล้วกัน ที่บอสตันเมดิสันสแควร์การ์เดน ผมเป็นแพทย์อายุรแพทย์หัวใจ แต่ก็พอจะมีผลงานด้านระบบประสาทอยู่บ้างเหมือนกัน”


เมื่อเขาพูดแบบนี้ ฉินสือโอวจึงได้เข้าใจ เขาถามกลับไปอีกว่า “คุณเรียนอยู่ที่คณะแพทย์มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดเหรอ?”


โอดอมยิ้มพร้อมกับพยักหน้าน้อยๆ เขาพูดว่า “ขอบคุณมากๆ ที่ช่วยบริจาคให้โรงพยาบาล ตอนแรกพ่อของผมตั้งราคาฟาร์มปลาไว้ที่สิบล้านดอลลาร์ เมื่อก่อนผมเคยเล่าเรื่องที่คุณควักกระเป๋าบริจาคเงินอย่างใจกว้างให้เขาฟัง เขาเลยลดราคาขั้นต่ำลงมา”


ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ แต่ฉินสือโอวก็รู้สึกว่าโอดอมคงไม่ขี้โม้แน่ๆ เพราะว่าเรื่องการซื้อขายก็เสร็จสิ้นแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นเลย


เมื่อเป็นเช่นนี้ฉินสือโอวจึงกล่าวขอบคุณโอดอม พร้อมทั้งเชิญให้เขาไปเป็นแขกของฟาร์มปลา


โอดอมพูดกับเขาว่า “ผมทำได้แค่เชิญให้คุณมาขูดหินปูนที่โรงพยาบาล ฮ่าๆ เพราะถ้าผมชวนคุณไปทำอย่างอื่น ก็ล้วนแต่ไม่ใช่เรื่องที่เป็นมงคลเลยสักนิด ถ้าคุณมาขูดหินปูนที่โรงพยาบาล ผมจะช่วยทำบัตรรักษาฟรีให้คุณเอง”


ฉินสือโอวตอบ “ผมเคยขูดแล้ว ไม่เลวเลยจริงๆ ครั้งหน้าผมวางแผนจะพาลูกๆ ของผมมาด้วย ไม่รู้ว่าจะได้หรือเปล่า สุนัขพันธุ์แลบราดอร์ริทรีฟเวอร์สองตัว ฮ่าๆ หวังว่าจะไม่ใช่การดูถูกคุณนะครับ”


โอดอมแกล้งพูดด้วยท่าทางจริงจังว่า “พวกเรากำลังเปิดธุรกิจขูดหินปูนสำหรับสัตว์เลี้ยงอยู่ ยินดีให้คุณมาช่วยสนับสนุนธุรกิจของเรานะครับ”


ทั้งคู่คุยกันอยู่สักพัก เข้าขากันเป็นอย่างยิ่ง โอดอมเป็นนายแพทย์ที่ได้รับการศึกษาระดับสูง มีความอดทน นอบน้อมถ่อมตัว เรียบง่าย อบอุ่น เหมาะกับการผูกมิตรมาก


มื้อเที่ยงโอดอมเชิญเขาไปทานข้าวที่ร้านอาหารควิเบกแห่งหนึ่ง เขาได้ลิ้มรสนกกระทาควิเบก เบคอนคาราเมล เพิ่มไอศกรีมเบคอนวอดก้าอีกเล็กน้อย


ในช่วงบ่าย ขั้นตอนการส่งมอบก็เสร็จสมบูรณ์แล้ว พอฉินสือโอวรูดบัตรอย่างมีความสุข เงินเก้าล้านห้าแสนก็ถูกรูดออกไป ยอดเงินในบัตรเหลืออยู่ไม่ถึงสี่สิบล้านแล้ว


อีกทั้งเงินพวกนี้ ฉินสือโอวก็ไม่ได้วางแผนที่จะเก็บไว้ ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมเวลาที่มีวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ หลายๆ ครอบครัวในอเมริกาเหนือถึงได้ล้มละลาย


นี่มีความเกี่ยวข้องกับทัศนคติในการใช้จ่ายของคนอเมริกาและแคนาดา รัฐบาลสนับสนุนให้มีการจับจ่ายใช้สอย ถ้าคุณไม่ใช้เงิน ถ้าอย่างนั้นก็ต้องจ่ายภาษีเยอะกว่าเดิม อีกทั้งการใช้จ่ายหลายๆ ด้านก็สามารถขอลดหย่อนและขอเงินภาษีคืนได้ ในบางครั้งก็เท่ากับได้รับบริการบางอย่างโดยที่ไม่ได้เสียเงิน


ในตอนนี้ที่ฉินสือโอวรูดบัตรใช้เงินอย่างต่อเนื่องแบบนี้ เมื่อถึงไตรมาสหน้าก็จะสามารถหลีกเลี่ยงการจ่ายภาษีได้เป็นเงินจำนวนมาก และก็สามารถขอเงินภาษีคืนได้มากยิ่งขึ้น


ยังไงซะเงินที่ฝากไว้ในธนาคารก็ไม่สามารถออกลูกได้ ไม่สู้เอาเงินมาลงทุน เพื่อช่วยทำเงิน ทั้งยังช่วยประหยัดเงินได้อีกต่างหาก…


………………………………………


บทที่ 294 บัตรแบล็ก อาเม็กซ์ ระดับแอลวี 2

โดย

Ink Stone_Fantasy

หลังจากคว้าฟาร์มปลาบ้านของปลาค็อดมาได้แล้ว อาณาจักรต้าฉินก็ยิ่งขยายใหญ่ขึ้นอีก ฟาร์มปลาของฉินสือโอวโอบล้อมเกาะแฟร์เวลไว้จากทั้งสามด้าน ตอนนี้เหลือฟาร์มปลาอยู่สองแห่ง แห่งหนึ่งคือฟาร์มปลาแกธเธอริง อีกแห่งหนึ่งคือฟาร์มปลาของรัฐที่เขาซื้อไม่ได้


สำหรับฟาร์มปลาแกธเธอริง ฉินสือโอวยังไม่ได้วางแผนที่จะซื้อฟาร์มปลาแห่งนี้ เจ้าของที่นี่ไม่เหมือนกับรอทและกู๊ดแล็ค เขาเป็นเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ แรกเริ่มเดิมทีที่ซื้อฟาร์มปลา เขาวางแผนไว้ว่าจะสร้างวิลล่าตากอากาศริมทะเลสักหนึ่งหลัง


แต่ปรากฏว่า หลังจากที่เขาซื้อฟาร์มปลาได้ไม่นาน โรงงานอุตสาหกรรมเคมีทั้งสองแห่งก็มาที่นี่เช่นกัน แบบนี้วิลล่าท่ามกลางธรรมชาติก็สร้างไม่สำเร็จแล้ว ใครจะอยากซื้อบ้านอยู่ข้างๆ โรงงานกันล่ะ?


ตอนนี้ฉินสือโอวไล่โรงงานทั้งสองแห่งไปแล้ว ฟาร์มปลาแกธเธอริงก็ได้ประโยชน์ไปด้วย อีกนิดเดียวก็จะสามารถเริ่มดำเนินการโครงการก่อสร้างวิลล่าได้แล้ว


ไม่ว่าอย่างไร วิวทิวทัศน์และอากาศที่เกาะแฟร์เวลก็ดีอย่างไร้ที่ติ


เมื่อกลับมาถึงวิลล่า ฉินสือโอวก็ใช้ปากกาสีแดงเขียนรวมเอาบริเวณอาณาเขตของฟาร์มปลาบ้านเกิดของปลาค็อดบนแผนที่ ที่แขวนอยู่บนผนังในห้องนอนของเขารวมเข้าไว้กับอาณาเขตของเขาเอง จากนั้นก็หยิบเอาตราประทับหินเถียนหวงมาประทับลงไปด้านบน


วันต่อมาแบรนดอนก็โทรศัพท์มาหาฉินสือโอว เขาถามฉินสือโอวว่า “นายมีเวลาแวะมาที่นี่สักครั้งไหม ฉันมีของจะให้นายน่ะ?”


“ของอะไรเหรอ?” ฉินสือโอวถาม


แบรนดอนหัวเราคิกคัก แล้วตอบเขากลับมาว่า “เป็นความลับน่ะ มาเถอะ ต้องเซอร์ไพรส์แน่ๆ”


ฉินสือโอวคิดว่าหรือว่าจะเป็นธุระเกี่ยวกับบริษัทปลาน้อยกู้ซากในมหาสมุทรกันนะ? เขารีบออกเดินทาง เมื่อมาถึงสำนักงานใหญ่ธนาคารมอนทรีออลสาขานครเซนต์จอห์น สาวผมบลอนด์รูปร่างสูงเพรียวสวยหยาดเยิ้ม ก็มารอเขาอยู่ก่อนแล้ว


เมื่อมองเห็นเขา สาวสวยก็โค้งตัวนิดๆ แล้วยื่นมือไปหาเขา ฉินสือโอวจับมือทักทายกับเธอ เขามองไปข้างหน้า ก็พบกับร่องสีเนื้อที่อยู่ใต้คอเสื้อชุดทำงานของสาวสวยคนนั้น เขาแสยะปาก แอบคิดว่าผู้หญิงคนนี้ช่างไม่ระวังตัวเลยจริงๆ จากนั้นจึงรีบเงยหน้าขึ้น


ใครจะรู้ว่าหลังจากที่ทั้งสองคนจับมือทักทายกันแล้ว หญิงสาวจะใช้นิ้วมือเขี่ยฝ่ามือเขาไปสองรอบ จากนั้นจึงปล่อยมือแล้วเดินนำเขาขึ้นบันไดไป


ฉินสือโอวค่อนข้างอึดอัด เขาเข้าใจความหมายที่หญิงสาวทำมือแบบนั้น ก็เพื่อยั่วยวนเขานั่นเอง


เห็นได้ชัดว่าก้อนเนื้อชิ้นใหญ่อย่างเขานับวันก็ยิ่งเป็นที่โหยหา เมื่อเป็นแบบนี้ฉินสือโอวยิ่งต้องรักษาความใสสะอาดของตัวเอง ป้องกันไม่ให้มีเรื่องทำนองที่ว่ามีผู้หญิงพาเด็กมาเคาะประตูถามหาความรับผิดชอบจากเขาถึงหน้าบ้านได้ในภายหลัง


เขาอยากดื่มด่ำกับชีวิต ไม่ใช่ดื่มด่ำกับความวุ่นวายที่ผู้หญิงนำมาให้


ที่เขาระแวดระวังเรื่องผู้หญิงขนาดนี้ก็เพราะเงาที่วินนี่ทิ้งเอาไว้ให้เขา ผู้หญิงพวกนี้ไม่ใช่คนที่รับมือด้วยได้ง่ายๆ พวกเธอต่างก็เป็นคนฉลาดกันทั้งนั้น


เขาเข้าใจถึงอีคิวและไอคิวของตัวเองอย่างชัดเจน อย่างการเล่นเกมจำพวกจอมนางแห่งวังหลัง เขาไม่เคยสู้กับพวกผู้หญิงที่คิดแต่จะจับคนรวยได้เลยสักครั้ง เพียงแค่เอนตัวลงไปบนเตียง เขาเชื่อว่าย่อมมีราคาที่ต้องจ่ายอย่างแน่นอน


เข้ามาในห้องทำงานของแบรนดอน ฉินสือโอวยังไม่ได้พูดอะไร เขาก็ส่งบัตรสีดำของธนาคารออกมาให้เขาหนึ่งใบ


บัตรใบนี้ดูเกือบจะคล้ายกันกับบัตรแบล็ก อาเม็กซ์ของเขา สิ่งที่ไม่เหมือนกันก็คือบริเวณตรงกลางของบัตร เมื่อก่อนจะเป็นรูปเงา แต่คราวนี้ มันถูกเปลี่ยนเป็นรูปหันหน้าตรงแทน


“บัตรเครดิตของนายถูกยกระดับขึ้นแล้ว อีกทั้งตามการคำนวณของฉันแล้ว นายเป็นลูกค้า ที่เลื่อนระดับบัตรแบล็ก อาเม็กซ์ได้เร็วที่สุด” แบรนดอนพูดไปยิ้มไป เขาส่งบัตรแบล็ก อาเม็กซ์ใบเก่าของฉินสือโอว ส่งไปให้เลขาผมสีบลอนด์คนนั้น เพื่อให้เธอนำมันไปยกเลิก แล้วเปลี่ยนเป็นบัตรใบใหม่แทน


ฉินสือโอวพิจารณาดูบัตรใบใหม่ ในใจของเขามีความตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย มนุษย์เราก็เป็นอย่างนี้ ให้ความสำคัญกับพวกข้อกำหนดพิเศษและความเอ็กซ์คลูซีฟเป็นอย่างมาก บัตรแบล็ก อาเม็กซ์ใบนี้มีรูปของเขาอยู่ เมื่อหยิบออกมาใช้ ก็เป็นเหมือนอาวุธร้ายแรงของเขาจริงๆ


ฉินสือโอวที่กำลังเล่นกับบัตรใบใหม่อยู่ก็ถามขึ้นมาว่า “บัตรใบนี้มันเลื่อนระดับยังไง? แล้วยังมีเหลืออีกกี่ระดับ?”


“ใช้จ่ายเงินห้าสิบล้านในเวลาครึ่งปี บริษัทอเมริกัน เอ็กซ์เพรสก็เลยมอบบัตรที่ทำขึ้นพิเศษให้กับนาย บัตรใบนี้ไม่ได้ให้มาฟรีๆ ต่อไปนายจะต้องใช้จ่ายมากกว่าหนึ่งล้านดอลลาร์ในแต่ละปี ไม่อย่างนั้นก็จะถูกลดระดับลง”


“นอกจากนี้ ข้างบนยังมีอีกหนึ่งระดับขั้น จะแสดงให้เห็นถึงระดับถัดไปของบัตร สามารถประทับลายเซ็นของนายไว้ได้ อีกทั้งนายยังสามารถเลือกรูปเองได้ด้วย อย่างเช่นรูปครอบครัวอะไรประมาณนั้น” แบรนดอนอธิบายให้เขาฟัง


เขามอบสมุดที่คล้ายกับพจนานุกรมเล่มเล็กๆ ให้กับฉินสือโอว สมุดเล่มนี้อธิบายเกี่ยวกับบัตรแบล็ก อาเม็กซ์ระดับ แอลวี2 รวมถึงสิทธิประโยชน์ที่ธุรกิจแต่ละสาขาจะได้รับ


ฉินสือโอวลองอ่านดูผ่านๆ บัตรแบล็ก อาเม็กซ์ ระดับแอลวี2 มีอำนาจค่อนข้างมากเลยล่ะ เขาสามารถสั่งให้เครื่องบิน รถไฟและการขนส่งสาธารณะประเภทต่างๆ ให้ออกเดินได้ทางช้ากว่าเดิม สามารถบอกให้ภัตตาคารระดับสูงปิดบริการในวันนั้นเพื่อให้เขาได้ทานอาหารได้อย่างสะดวกสบาย


ว่ากันว่ามันทำได้กระทั่งสั่งให้เครื่องบินบินกลับ สั่งให้การแข่งขันขนาดใหญ่เลื่อนเวลาเริ่มการแข่งขันออกไปเพื่อรอเขาอะไรทำนองนั้น แต่ต้องรอให้ถึงบัตรระดับแอลวี 3 เสียก่อนถึงจะทำได้


ฉินสือโอวคิดว่า ตัวเองแทบจะไม่สามารถเลื่อนระดับไปที่ ระดับแอลวี3 ได้ เนื่องจากมีข้อกำหนดให้ลูกค้าต้องใช้จ่ายผ่านบัตรถึงสองร้อยล้านดอลลาร์ภายในหนึ่งปี ต่อไปต้องใช้จ่ายปีละสิบล้านเป็นอย่างต่ำ คิดว่าน่าจะเป็นพวกคนรวยแบบเศรษฐีตะวันออกกลางนั่นล่ะที่จะทำได้ถึงมาตรฐานแบบนี้


“บริษัทอเมริกัน เอ็กซ์เพรสกำหนดไว้ว่า หลังจากที่ลูกค้าทุกคนได้รับการเลื่อนระดับเป็นแอลวี 2 แล้วจะได้รับประสบการณ์ขั้นสุดยอดของสมาชิกฟรีหนึ่งครั้ง เป็นไงบ้าง นายอยากจะลองสัมผัสประสบการณ์นั้นสักหน่อยไหม?” แบรนดอนเอ่ยถามเขาพร้อมทั้งยิ้มจนตาหยี


ฉินสือโอวยักไหล่น้อยๆ “มีอะไรบ้างเหรอ?”


“มีประสบการณ์หลายรูปแบบ อย่างเช่น นายสามารถทานอาหารไม่ก็เล่นกอล์ฟกับเศรษฐีที่รวยเป็นอันดับหนึ่งของแคนาดาหรือไม่ก็มหาเศรษฐีชั้นเฟิร์สคลาสของอเมริกาอะไรพวกนั้นได้ สามารถขอให้นักร้องมาจัดคอนเสิร์ตส่วนตัวให้นายได้ นอกจากนี้ยังสามารถขอให้ดาราสาวสวยของฮอลลีวูดมาบริการนายได้หนึ่งคืน” แบรนดอนด้วยความใฝ่ฝันหา


ฉินสือโอวถามเขาว่า “ตอนนั้นนายเลือกอะไรล่ะ?”


ได้ยินเช่นนี้ แบรนดอนก็ก้มหน้าลงทันที เขาตอบกลับไปอย่างจนใจ “ความจริงแล้ว ฉันไม่มีบัตรแบล็ก อาเม็กซ์เลยสักใบ ให้ตายเถอะ อย่ามองฉันด้วยสายตาอย่างนั้นสิ นายคิดว่านี่คืออะไร? บัตรเครดิตทั่วๆ ไปที่ชาวมอนทรีออลใช้กันงั้นเหรอ? ไม่ นี่คือบัตรแบล็ก อาเม็กซ์เชียวนะ!”


ฉินสือโอวลองนึกๆ ดู แล้วพูดกับเขาว่า “ไม่ใช่สิ ฉันจำได้ว่านายเคยใช้บัตรพวกนี้นี่?”


แบรนดอนก็ก้มหน้าคอตกยิ่งกว่าเดิม เขาพูดด้วยความผิดหวังว่า “นั่นเป็นของพ่อฉันน่ะ ฉันใช้บัตรของพ่อฉันมาโดยตลอด”


เห็นเขาแสดงท่าทางอ่อนแอแบบนี้ออกมา ฉินสือโอวก็ยิ้มด้วยความเบิกบานใจ แบรนดอนเองก็เป็นคนที่ชอบหาความสุขให้ตัวเองเช่นกัน เขายิ้มออกมาแล้วพูดว่า “เบลคก็เหมือนกันกับฉัน บัตรแบล็ก อาเม็กซ์ที่เขาใช้ก็เป็นของพ่อเขาเหมือนกัน”


พวกเขาคุยกันสบายๆ ฉินสือโอวนั่งอยู่บนโซฟาศึกษาประสบการณ์เหนือชั้นที่เขาจะได้รับจากการเป็นสมาชิก ในท้ายที่สุดเขาก็ยังไม่ได้ตัดสินใจ เขารอกลับไปถามวินนี่ พอถึงตอนนั้นก็ค่อยจัดเซอร์ไพรส์ให้กับเธอ แค่นี้ก็น่าจะได้ใจเธอแล้ว


ขณะที่เขากำลังวางแผนว่าพิชิตใจวินนี่ยังไงดี ทางด้านเลขาสาวสวยเซ็กซี่ของแบรนดอนก็ใช้สารพัดวิธีมายั่วยวนเขา แต่ฉินสือโอวไม่ได้สนใจผู้หญิงแบบนี้อยู่แล้ว


ก็ผู้ชายนี่นะ ไม่ได้ชอบการเอาชนะหรอกเหรอ? ของที่ได้มาง่ายๆ แบบนี้จะไปน่าสนใจอะไร ต่างกับผู้หญิงขายบริการแค่เสียเงินมากหรือน้อยก็เท่านั้น


เมื่อกลับมาถึงฟาร์มปลา ฉินสือโอวกำลังจะกางร่มกันแดดเพื่อนอนพัก ทว่าฮิวจ์ก็มาหาเขาเสียก่อน เขาตะโกนมาตั้งแต่ไกลๆ ว่า “เพื่อน นายกำลังจะทำอะไรเหรอ? อ้อ พระเจ้า นายนี่มีอารมณ์สุนทรีย์จริงๆ กำลังจะนอนกลางวันเหรอ? น่าตายจริงๆ ไปซ้อมกัน นายต้องร่วมฝึกซ้อมกับทีมบาสเกตบอลของเมืองเรา!”


ฉินสือโอวที่ฟุบอยู่บนเก้าอี้นอนก็เกาหัวแกรกๆ เขาถามว่า “การแข่งขันลีกฤดูร้อนของพวกนายยังไม่เปิดอีกเหรอ?”


ฮิวจ์ตอบ “เปิดแล้ว เปิดมาสองรอบแล้ว มีแต่ทีมอ่อนๆ พวกเราก็เลยเอาชนะได้ง่ายๆ ต่อไปจะเจอกับทีมที่เก่งมากๆ แล้ว นายต้องเข้าร่วมด้วยนะ”


…………………………………


บทที่ 295 คนบ้านเดียวกัน

โดย

Ink Stone_Fantasy

ฉินสือโอวพูดได้ทำได้ ในเมื่อเขาเคยรับปากว่าจะเข้าร่วมทีมบาสเกตบอลของเมืองนี้ก็คงจะผิดคำพูดไม่ได้


แถมทั้งวันนอกจากออกทะเลกับตากลมทะเลเล่นแล้ว เขาก็รู้สึกเบื่อๆ เหมือนกัน ได้ไปเล่นบาสก็คงไม่แย่


เมืองแฟร์เวลไม่มีสนามกีฬา ทีมบาสเกตบอลจึงฝึกซ้อมกันที่สนามบาสแถวมุมถนน


เวลาเที่ยงวัน ดวงอาทิตย์กำลังสาดแสงร้อนแรง สนามบาสว่างเปล่าไร้ผู้คน ฮิวจ์เปลือยท่อนบนเล่นบาสอยู่คนเดียวอย่างแฮปปี้มีความสุข ฉินสือโอวชู้ตบาสลงห่วงเล่นๆ เขารู้สึกว่าแดดร้อนเกินไปก็เลยเดินไปร้านขายของชำเพื่อเฝ้าร้านแทนฮิวจ์คนน้อง


ทัศนวิสัยของฉินสือโอวไม่ได้มีปัญหา ถึงจะมีลูกค้าชาวจีนแค่สองกลุ่ม แต่ว่ายอดขายของร้านขายของชำก็ไม่ได้แย่เลยจริงๆ โดยเฉพาะโสมอเมริกา เป็นสิ่งที่ขายดีที่สุด


โสมอเมริกาพวกนี้ ตอนที่ฮิวจ์คนน้องซื้อมาจากเผ่าซูบนเทือกเขาร็อกกี หนึ่งหัวมีราคาแค่สิบถึงหนึ่งร้อยดอลลาร์เท่านั้น แต่ที่ร้านขายของชำ โสมหนึ่งหัวจะขายได้ห้าร้อยถึงห้าพันดอลลาร์ แถมยังไม่ถูกต่อราคาอีกต่างหาก


นอกจากนี้ รูปปั้นเผ่าซูพวกนั้นกับขนสัตว์ชนิดต่างๆ ก็ขายดีเป็นอย่างมาก สิ่งทอขนสัตว์แต่ละผืนถูกพวกสาวๆ แย่งกันซื้อจนเกลี้ยง ในตอนนั้นจงฉูฉู่ก็ซื้อขนหมาจิ้งจอกอาร์ติกห้าชุดไปพร้อมกับขนเซเบิลอีกสองชุด


ฮิวจ์คนน้องเองก็มีหัวการค้าเหมือนกัน เขาเปิดกิจการเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งอย่าง นั่นก็คือการให้เช่าคันธนูพร้อมลูกธนูกับปืนตกปลา


คันธนูยาวและคันธนูสั้นแบบธรรมดาที่เป็นงานฝีมือของคนในเมืองแฟร์เวลพวกนั้น หลังจากที่เขาซื้อมาแล้วก็จะนำมาแกะสลักลวดลายสไตล์อินเดียนแดง หรือตัวอักษรอะไรพวกนั้น พร้อมทั้งโฆษณาให้ลูกค้าชาวต่างชาติฟังว่าเป็นธนูล่าสัตว์ของคนอินเดียนเผ่าซู ธนูและลูกธนูแบบนี้ให้สัมผัสที่ไม่ดี ทั้งยังขาดความแม่นยำ ทว่าเงินค่าเช่าของมันก็ไม่ได้ถูกเลย แต่เหล่านักท่องเที่ยวก็ยังยินดีที่จะจ่าย


ฉินสือโอวเข้ามาในร้านขายของชำได้ไม่นาน พ่อแม่ลูก ครอบครัวหนึ่งก็เดินเข้ามา เมื่อพอมองเห็นฉินสือโอว สามีภรรยาคู่นั้นก็ชะงัก แล้วถามกับเขาว่า “เจ้าของร้านล่ะ?”


จากจิตใต้สำนึก พวกเขาเลยพูดเป็นภาษาจีน แถมยังคิดว่าฉินสือโอวเองก็เป็นนักท่องเที่ยวเหมือนกัน


ฉินสือโอวยิ้มพร้อมทั้งอธิบายให้พวกเขาฟัง ว่าเจ้าของร้านเป็นเพื่อนของเขา กำลังเล่นบาสอยู่ที่หัวมุมถนน ส่วนเขาเป็นคนจีนที่ย้ายมาอยู่ที่นี่


สองสามีภรรยาก็แนะนำตัวเองเช่นกัน สามีเป็นเจ้าของกิจการขนาดเล็ก ส่วนภรรยาของเขาเป็นแม่บ้าน ลูกสาวของพวกเขาอายุหกขวบ เพิ่งจะขึ้นชั้นป.1 จึงอาศัยช่วงปิดเทอมฤดูร้อนมาเที่ยวต่างประเทศสักหน่อย


“ได้ยินมาว่าเส้นทางการท่องเที่ยวที่เพิ่งเปิดใหม่รูทนี้ดีมาก ไม่เพียงแต่มีทิวทัศน์ที่สวยงาม แต่ยังสามารถไปแทงปลา ตกปลา ขึ้นเขาไปล่าสัตว์ ออกเรือไปเที่ยวในทะเลอะไรพวกนั้นได้ด้วย พวกเราก็เลยมาที่นี่ แต่จริงๆ แล้ว เมืองแห่งนี้ก็ไม่เลวเลย ผู้คนที่นี่ก็ดีมาก ไม่มีการชักจูงให้ซื้อของหรือบังคับให้เสียเงินอะไรแบบนั้นเลย” ผู้ชายที่ชื่อหลี่เต๋อหลงพูดด้วยรอยยิ้ม


เด็กหญิงตัวน้อยมองฉินสือโอวด้วยความสนอกสนใจ เธอถามเขาว่า “คุณอาก็เป็นคนจีนเหรอคะ?”


ฉินสือโอวพยักหน้า เขาตอบเด็กหญิงด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม “ใช่แล้ว คุณอาก็เป็นคนจีนเหมือนกัน ตอนนี้มาอาศัยอยู่ที่นี่”


เด็กหญิงตัวน้อยพยักหน้าด้วยท่าทางน่ารักไร้เดียงสา เธอถอนหายใจออกมาน้อยๆ แล้วพูดกับเขาว่า “ถ้าหนูได้มาอยู่ที่นี่ก็คงจะดี มีพวกสัตว์ตัวเล็กๆ เยอะแยะไปหมด เมื่อวานนี้หนูเจอลูกกวางน้อยด้วยล่ะ ที่สำคัญที่สุดก็คือ หนูไม่อยากกลับไปเรียนเลย”


ฉินสือโอวรู้สึกชอบใจ เขาพูดกับเด็กน้อยว่า “แบบนั้นไม่ได้หรอก หนูต้องตั้งใจเรียนนะ คุณอาเรียนเก่ง ก็เลยสอบเข้ามหาลัยที่นี่ได้ ถึงได้อยู่ที่นี่ต่อ ถ้าต่อไปหนูมีผลการเรียนดี ก็จะสอบเข้ามหาลัยของที่นี่ได้เหมือนกัน”


เด็กหญิงตัวน้อยกลับรู้สึกสิ้นหวังยิ่งกว่าเดิม เธอ “หา? ที่นี่ก็มีโรงเรียนด้วยเหรอคะ?”


หลี่เต๋อหลงส่งบุหรี่ให้กับฉินสือโอว แต่ฉินสือโอวส่ายหัวปฏิเสธ ส่วนตัวเขาคาบบุหรี่ของตัวเองไว้ในปาก แล้วถามว่า “สูบบุหรี่ได้ไหม?”


“ไม่มีปัญหา ที่เมืองแฟร์เวลสูบบุหรี่ได้ทุกที่เลย ที่นี่ไม่ได้เคร่งครัดขนาดนั้น” ฉินสือโอวตอบ


หลี่เต๋อหลงจุดบุหรี่แล้วพ่นควันออกมา “ข้อนี้ก็ดีเหมือนกัน หลังจากที่พวกเรามาถึงแล้ว ไกด์คนสวยก็บอกพวกเราว่า นอกจากทิ้งขยะไม่เป็นที่ นอกนั้นก็ไม่ได้มีข้อห้ามอย่างอื่นอีก นี่ดีกว่าไปเที่ยวเกาะบาหลี ฮาวายอะไรพวกนั้นตั้งเยอะ นั่นไม่ใช่การท่องเที่ยวเพื่อพักผ่อนแล้วล่ะ นั่นมันคุกชัดๆ อันนี้ก็ทำไม่ได้ อันนั้นก็ห้ามจับ หมดสนุกพอดี!”


“คุณก็สูบบุหรี่ให้น้อยลงหน่อยเถอะ” ภรรยาสาวของเขาที่กำลังดูรูปปั้นกับผ้าขนสัตว์ด้วยความสนอกสนใจหันมาคุยกับเขาหนึ่งประโยค


หลี่เต๋อหลงหัวเราะแหะๆ เขาแอบอยู่ด้านหลังฉินสือโอวแล้วยกบุหรี่ขึ้นมาสูบต่อ


ฉินสือโอวเห็นเด็กหญิงตัวน้อยกำลังจ้องรูปสตาฟบอบแคตขนาดเล็กอยู่ จึงหยิบแล้วส่งไปให้เธอลองเล่นดู หลี่เต๋อหลงถามเขาว่า “อันนี้เท่าไรเหรอ?”


ฉินสือโอวลองดูป้ายราคาที่อยู่ด้านหลัง เขาแอบแสยะปากในใจแล้วตอบกลับไปว่า “ห้าร้อยห้าสิบดอลลาร์”


รูปสตาฟบอบแคตชิ้นนี้ หลังจากที่คนเผ่าซูจับบอบแคตได้แล้วก็จะนำเนื้อมันไปกิน ส่วนขนที่เหลือก็จะถูกยัดใยฝ้ายลงไปแล้วเย็บปิด ส่วนดวงตาก็ใช้ลูกแก้วพลาสติกแทน จึงกลายมาเป็นตุ๊กตาชิ้นนี้ ทว่าคนในเผ่าซูก็มีฝีมือดีมาก ลูกบอบแคตถูกปักเย็บอย่างมีชีวิตชีวา ของเล่นทั่วไปคงเทียบกันไม่ได้


คนที่สามารถมาเที่ยวต่างประเทศได้ล้วนแต่เป็นคนมีฐานะกันทั้งนั้น ลองแปลงค่าเงินดู เจ้าแมวน้อยตัวนี้ก็มีราคาเท่ากับสองพันหยวนแล้ว แต่ปรากฏว่าเมื่อหลี่เต๋อหลงรับไปดูแล้วพบว่ามันทำมาจากหนังของสัตว์ป่าของแท้ เขาก็ควักเงินออกมาซื้อทันที


ฉินสือโอวพูดกับเขาว่า “คนบ้านเดียวกันแท้ๆ ไม่ต้องให้เศษหรอก แค่ห้าร้อยดอลลาร์ก็โอเคแล้ว”


เขาจำได้ว่ารูปสตาฟสัตว์พวกนี้ส่วนมากเป็นของที่คนเผ่าซูให้มาฟรีๆ เนื่องจากของพวกนี้เป็นของที่พวกเขาทำเพื่อแก้เบื่อ หนังที่นำมาทำรูปสตาฟได้ ส่วนมากเป็นหนังของสัตว์ที่นำไปใช้ประโยชน์ไม่ได้ ดังนั้นในสายตาของคนเผ่าซูแล้ว ของชิ้นนี้จึงไม่ใช่ของที่มีราคา


ฉินสือโอวรู้สึกว่าเงินพวกนี้ได้มาอย่างไม่ค่อยสบายใจเท่าไรนัก หลังจากนั้นครอบครัวของหลี่เต๋อหลงก็ซื้อโสมอเมริกาไปอีกสองต้นก็กำลังจะพากันเดินออกจากร้านแล้ว เขาจึงหยิบกล้องสูบบุหรี่ที่ทำมาจากไม้แกะสลักยื่นไปให้หลี่เต๋อหลง แล้วพูดขึ้นมาว่า “แถมให้คุณแล้วกัน เก็บไว้เป็นที่ระลึกนะครับ”


หลี่เต๋อหลงรับมา พร้อมทั้งยื่นนามบัตรให้เขาหนึ่งใบ แล้วบอกกับเขาว่า “ขอบคุณมาก น้องชาย ถ้าวันไหนนายได้ไปปักกิ่ง พี่ชายจะเลี้ยงข้าวนายเอง”


ในตอนบ่ายอากาศเย็นขึ้นมานิดหน่อย ฮิวจ์และคนอื่นๆ สวมชุดเล่นบาสออกมาฝึกกันแล้ว ฉินสือโอวถึงเพิ่งตามเข้ามา


ฮิวจ์คนน้องเคยอธิบายให้เขาฟังว่า การแข่งขันลีกฤดูร้อนคือการแข่งขันของมือสมัครเล่น ดังนั้นทุกการแข่งขันจะไม่ได้แบ่งเป็นรอบละสี่สิบแปดนาที แต่แบ่งเป็นครึ่งแรกและครึ่งหลัง ใช้เวลาครึ่งละยี่สิบนาที ในทีมจะประกอบด้วย ผู้เล่นหลักห้าคนและผู้เล่นสำรองสามคน


เมื่อมาถึงสนามบาส ฮิวจ์ก็ช่วยแนะนำฉินสือโอวให้คนอื่นๆ ได้รู้จัก นอกจากพวกเขาสามคนแล้ว คนที่เหลืออยู่อีกห้าคนก็แบ่งได้ดังนี้


ลูกหลานผู้อพยพชาวเยอรมัน ตำแหน่งกองกลางร่างกายสูงใหญ่กูเดรีอัน บาบิค เจ้าของร้านซ่อมบำรุง ผู้เล่นตำแหน่งกองหน้าร่างกายบึกบึน จอห์นสัน ซาเดห์ ครูพละโรงเรียนประถมแกรนท์ ฮาร์ลาน ลอว์เรนซ์ ครูสอนวิชาภูมิศาสตร์ มาร์ค วิลลี นอกจากนี้ยังมีนักศึกษาจากนครเซนต์จอห์น ชื่อว่ากอร์ดอน ไคลด์


ทีมบาสมือสมัครเล่น มีการฝึกซ้อมที่ค่อนข้างเรียบง่าย ทุกคนจะทำความเข้าใจนิสัยซึ่งกันและกันเพื่อให้ให้เข้ากันได้กับคนในทีม และหาวิธีการส่งสัญญาณกันเองในทีม


นอกจากฮิวจ์คนน้อง ผู้เล่นในทีมคนอื่นก็ยังไม่ค่อยเข้าใจสไตล์กันเล่นของฉินสือโอวเท่าไรนัก ฮิวจ์จึงค่อนข้างเป็นกังวล เขาพูดว่า “ฉิน นายพยายามสื่อสารกับพวกเราให้มากกว่านี้ พวกเราต้องทำความเข้าใจนายให้มากยิ่งขึ้น ไม่อย่างนั้นการแข่งขันครั้งหน้าคงเล่นได้ไม่ดีนัก”


ฮิวจ์คนน้องพูดพร้อมรอยยิ้ม “สไตล์การเล่นของฉินเข้าใจง่ายจะตาย เวลาที่ฉันส่งบอลให้เขา ระหว่างที่รอเขาทำคะแนน พวกนายก็ออกไปรอเล่นก็พอแล้ว”


คนอื่นๆ หัวเราะออกมา พวกเขานึกว่าฮิวจ์คนน้องพูดเล่น


แต่แค่แป๊บเดียว พวกเขาก็ยิ้มไม่ออกแล้ว


แบ่งทีมผู้เล่นครึ่งสนาม ฮิวจ์คนน้องส่งบอลให้กับฉินสือโอว เขาได้ลูกบอลนอกเส้นสามแต้ม เผชิญหน้ากับการป้องกันของลอว์เรนซ์ ไหล่ของเขาก็ขยับและเปลี่ยนมือด้วยความรวดเร็ว


ลอว์เรนซ์ชะงักงัน ฉินสือโอวพุ่งออกไปออกไปด้วยความรวดเร็วราวกับลูกธนูที่พุ่งออกจากสาย ไม่มีใครตอบโต้กลับมา ไม่มีใครสามารถป้องกันเอาไว้ได้ ฉินสือโอวพุ่งไปที่ห่วง ลอยตัวขึ้นกลางอากาศพร้อมทั้งถือบอลด้วยมือเดียว เขาเหวี่ยงมือราวกับขวาน พาบอลลงห่วงจนเกิดเสียงดังสั่นสะเทือน


เขาบุกเข้าโจมตีอีกครั้ง ลอว์เรนซ์เอาตัวมาบังเพื่อไว้เพื่อทำการป้องกัน ฉินสือโอวชนไปที่ด้านหลัง ลอว์เรนซ์ยั้งแรงไว้ไม่ได้ชั่วคราว เขารู้สึกเหมือนตัวเองถูกรถบดอย่างไรอย่างนั้น เขาทนไม่ได้จนต้องถอยกลับมา


เมื่อมีช่องว่าง ฉินสือโอวก็บุกโจมตีอีกครั้ง จอห์นสันก็รีบพุ่งเข้ามาที่ใต้แป้นบาสเพื่อเพิ่มการป้องกันทันที หลังจากการกระโดดชู้ตหนึ่งครั้ง บอลก็ลงห่วงไปอย่างแม่นยำ


ฉินสือโอวยังครองลูกอยู่ ลอว์เรนซ์ไม่กล้าเข้าไปใกล้มากเกินไป ปล่อยให้เขาก้าวต่อไปหนึ่งก้าว ตั้งใจป้องกันการบุกของเขา ฉินสือโอวยิ้มน้อยๆ เขาก้าวเท้ายาวๆ แล้วยกแขนขึ้น สะบัดข้อมืออย่างนุ่มนวล จัมพ์ช็อต!


เสียงดัง ‘ฟุบ’ หนึ่งครั้ง ลูกบาสก็มุดเข้าไปในตาข่ายอย่างสวยงาม


ฮิวจ์คนน้องยักไหล่ เขาพูดขึ้นมาว่า “ยังต้องปรับตัวให้เข้ากันต่อไหม?”


……………………………………


บทที่ 296 บิ๊กเบิร์ดบินมาแล้ว

โดย

Ink Stone_Fantasy

ทั้งสองฝ่ายต่างก็ไม่ใช่นักบาสมืออาชีพ มีแค่มนุษย์ต่างดาวเท่านั้นที่สามารถนำมาบรรยายถึงคุณสมบัติร่างกายของฉินสือโอวได้ พวกเขาตามระดับความว่องไวของเขาไม่ทันจริงๆ รับพลังกำลังของเขาที่เกิดอย่างฉับพลันไม่ได้ อีกทั้งยังต้านพละกำลังของเขาไม่ได้อีกด้วย ตลอดการซ้อมของทีม มีแค่ฉินสือโอวที่เอาชนะได้อย่างง่ายดาย


ทำแต้มติดต่อกันได้ถึงสิบครั้งอย่างเด็ดเดี่ยว ฉินสือโอวใช้มือข้างเดียวฉีกตาข่ายบาสเกตบอลจนร่วงลงบนพื้น จอห์นสันที่อยู่ใต้ห่วงบาสหอบหายใจหนัก แล้วพูดขึ้นมาว่า “พระ พระ พระเจ้า ฉันจะพูดว่า ฉิน พระเจ้า นายควรจะไปเล่นเอ็นบีเอนะ! นายต้องเล่นบาสเอ็นบีเอได้แน่!”


คุณสมบัติร่างกายของฉินสือโอว น่าตื่นเต้นยิ่งกว่านักบาสตำแหน่งกองหลังของเอ็นบีเออยู่ตั้งเยอะ ความสามารถรอบด้านที่แข็งแกร่งของเขา ไม่เพียงแต่มีความว่องไวหรือมีพละกำลังมาก แต่ว่าทุกๆ อย่างสามารถบดขยี้คู่ต่อสู้ได้ทั้งนั้น และนี่ยังไม่นับว่าเป็นความสามารถขั้นสุดของเขา…….


ฮิวจ์พูดอย่างไม่ลังเลว่า “โอเค พี่ชายน้องชายของเรา ฉันคิดว่าพวกเราปรับตัวเข้ากับทีมได้โอเคแล้วล่ะ แล้วก็ได้ยุทธวิธีมาแล้วเช่นกัน นั่นก็คือส่งบอลให้กับฉิน ส่วนพวกเราก็จะช่วยเขาบัง ช่วยเปิดช่องว่างให้เขา ที่เหลือก็ยกให้เป็นหน้าที่เขาแล้วกัน!”


ฉินสือโอวชูลูกบอลขึ้นด้วยมือข้างเดียว เขาพูดด้วยรอยยิ้มว่า “วางใจเถอะ ส่งเจ้านี่มาให้ฉัน”


ถึงแม้จะพูดด้วยความพึงพอใจเช่นนี้ แต่ความจริงแล้ว หลายวันต่อมาฉินสือโอวก็ยังเข้าร่วมการฝึกซ้อมของพวกเขาอยู่ ถึงอย่างไรบาสเกตบอลก็เป็นกีฬาที่ใช้คนห้าคนอยู่แล้ว ต่อให้เขาเก่งกว่านี้ก็มีเขาแค่คนเดียว เขาไม่สามารถลงเล่นตั้งแต่นาทีแรกที่เริ่มต้นจนถึงนาทีสุดท้ายของการแข่งขัน แล้วเอาชนะฝ่ายตรงข้ามที่มีถึงห้าคนได้ทั้งหมดหรอก


หลังกลับมาจากสกายซิตี้ได้หนึ่งสัปดาห์ ก็มีสายโทรศัพท์ที่เขาตั้งตารอจากโทรศัพท์โอเมอร์ที่โทรเข้ามา เครื่องบินถูกส่งมาแล้ว สถานที่คือท่าอากาศยานนานาชาตินครเซนต์จอห์น


ฉินสือโอวออกเดินทางด้วยความเร่งรีบ สนามบินอยู่ห่างจากเขตเมืองหกกิโลเมตร หลังจากที่เขามาถึงแล้ว เครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์ทั้งสองลำก็กำลังถูกนำออกมาจากเครื่องบินขนส่งพอดี


เครื่องบิน AT-802Cเป็นเหมือนกับสัตว์ร้ายที่ถูกเคลือบด้วยแล็คเกอร์สีทอง มันหมอบอยู่บนพื้นอย่างสงบนิ่ง ปีกขนาดมหึมาทั้งสองด้านกางออก หัวเครื่องบินเชิดขึ้นไปทางด้านบนเล็กน้อย ราวกับเตรียมตัวที่จะทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าได้ทุกเมื่อ


เฮลิคอปเตอร์ AC-310 เพิ่งจะถูกปล่อยลงมา วิศวกรทั้งหลายช่วยกันกางใบพัดที่ถูกปิดไว้ให้หมุนแผ่ออกมา นกอินทรีที่สง่างามจากเมืองจีนก็โชว์ให้เห็นทุกๆ ด้านของมัน กระจกนิรภัยทั่วทุกส่วน บางครั้งก็จะเห็นเส้นโลหะ ทาลายเมฆที่สวยงามเอาไว้ด้านบน


นอกจากนี้ ที่ตำแหน่งท้องของเฮลิคอปเตอร์ก็ยังมีเรดาห์ตรวจจับรังสีอินฟราเรดแขวนอยู่ตรงนั้นอีกด้วย โอเมอร์พาฉินสือโอวเข้าไปชมบริเวณด้านในของห้องขับขี่เครื่องบินสักหน่อย เขาเปิดหน้าจอด้านหน้าแล้วพูดกับฉินสือโอวว่า “เครื่องบินทุกลำมีการทำงานที่ชาญฉลาด โดยจะใช้คอมพิวเตอร์ในการควบคุมทุกๆ อย่าง หลังจากเรดาห์ตรวจพบวัตถุก็จะตอบสนองต่อคอมพิวเตอร์จากนั้นก็จะแสดงผลผ่านบนหน้าจอ”


ฉินสือโอวลองขึ้นไปดูเครื่องบินแทรกเตอร์สักหน่อย เขาเปิดประตูเครื่องบินออก ด้านข้างมีแลนดิ้งเกียร์อยู่หนึ่งอัน โอเมอร์แย้มยิ้ม เขาดึงมันลงอย่างเต็มแรง ต่อมาก็ลากกล่องกระสุนออกมาหนึ่งกล่อง ไม่ต้องอธิบายอะไรมาก ทุกคนก็เข้าใจดีอยู่แล้ว


เมื่อตรวจแล้วไม่พบปัญหาอะไรก็ทดลองบินดู โอเมอร์ให้นักบินของสกายซิตี้แยกกันขับเครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์ทั้งสองลำก่อน ลำละสิบห้านาที จากนั้นก็พูดขึ้นมาว่า “มิสเตอร์ฉิน คุณให้นักบินของคุณขึ้นไปลองขับได้เลยครับ”


ฉินสือโอวนิ่งอึ้งไปทันที เวรแล้ว ยังมีนักบินด้วยนี่หว่า เขาลืมเรื่องจ้างนักบินไปได้ยังไงกัน?!


โชคดีที่เขาพานีลเซ็นมาด้วย ก็เลยพูดกับเขาว่า “นีล ขึ้นไปขับเครื่องบินหน่อย”


มาถึงคราวนีลเซ็นต้องอึ้งบ้างแล้ว เขาทำหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้แล้วตอบกลับไปว่า “บอส ผมขับเครื่องบินไม่เป็น”


“นายไม่ใช่ทหารหน่วยรบพิเศษหรอกเหรอ?”


“ใช่ครับ ทหารหน่วยรบพิเศษ ตำแหน่งมือปืนซุ่มยิง”


“นายเป็นทหารหน่วยรบพิเศษแต่นายจะบอกฉันว่านายขับเครื่องบินไม่เป็นอย่างนั้นน่ะเหรอ?”


“ทหารหน่วยรบพิเศษก็เป็นแค่หน่วยทหารหนึ่งหน่วยเท่านั้น ไม่ใช่นักรบสารพัดความสามารถสักหน่อย ผมแค่รับหน้าที่ซุ่มยิงกับคุ้มกัน ขับเครื่องบินไม่ใช่หน้าที่ของผมแล้ว”


“ถ้าอย่างนั้นทำไมถึงขับเรือยอชต์กับเรือจับปลาได้ล่ะ?”


“ปู่กับพ่อของผมเป็นชาวประมง ผมต้องขับเรือเป็นอยู่แล้ว ที่บ้านของผมก็มีเรือเหมือนกันครับ”


“แม่มเอ๊ย ไม่ต้องพูดแล้ว ขนาดแรมโบ้ยังขับเครื่องบินได้เลย แต่นายขับไม่ได้น่ะนะ?”


“บอส นี่ไม่ใช่ในหนังนะ……”


โอเมอร์ได้ยินบทสนทนาของทั้งคู่ เขาพยายามอย่างหนักถึงได้ไม่ระเบิดหัวเราะออกมา


ฉินสือโอวหน้าม่อยคอตก เขาโทรศัพท์ไปหาบิล บริษัทผลิตภัณฑ์ทางทะเลของเขามีนักบินอยู่ด้วย ทุกครั้งที่ซื้อเมล็ดพันธุ์หญ้าทะเลกับสาหร่ายทะเล ก็มีแต่เครื่องบินคาเมลของพวกเขาทั้งนั้นที่มาช่วยหว่านเมล็ดพันธุ์


ตอนนี้บิลกำลังติดค้างน้ำใจของฉินสือโอวอยู่ แค่สั่งไปคำเดียว เขาก็รีบพานักบินอายุห้าสิบกว่าปีคนหนึ่งมาที่นี่ทันที


“นี่คือเดลมอนท์ ฉิน อยากจะทดลองใช้เครื่องบินลำไหนเหรอ?” บิลถาม


เดลมอนท์ดูภายนอกเป็นแล้วเป็นคนหยาบๆ เขาเกาหัวจนผมยุ่งขณะที่กำลังมองไปที่เครื่องบิน AT-802C ตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นมาทันที เขาพูดขึ้นมาว่า “เฮ้ นี่ยังต้องถามอีกเหรอ ต้องเป็นเครื่องบินแทรกเตอร์แน่ๆ ใช่ไหม?”


ทีละอย่างแล้วกัน ฉินสือโอวพยักหน้า เดลมอนท์ขึ้นไปบนเครื่องบิน AT-802C เร่งความเร็วบนรันเวย์เป็นเวลาสั้นๆ ทันใดนั้นหัวของเครื่องบินก็ยก แล้วทะยานขึ้นไปบนฟ้า!


ขับอยู่บนท้องฟ้า บินทะยาน เลี้ยวโค้ง เพิ่มความเร็ว ลดความเร็ว บินไต่ระดับขึ้นรวมทั้งบินด้วยท่วงท่าอื่นๆ ไปหนึ่งรอบ ในที่สุดเครื่องบิน AT-802C ก็บินลงมา “ไม่มีปัญหา เป็นเครื่องบินที่แจ่มมาก”


เมื่อเป็นเช่นนี้ สิ่งที่ฉินสือโอวยังขาดอยู่ก็คือนักบินหนึ่งคน ขณะที่เขากำลังโทรศัพท์หาเจนนิเฟอร์ตัวแทนจำหน่ายจากบริษัท เอ็กซ์เพรส นีลเซ็นก็ถามขัดขึ้นมาก่อน “บอส คุณต้องการนักบินใช่ไหม?”


“ถ้านายขับเป็น ก็คงไม่ขาดหรอก” ฉินสือโอวตอบ


นีลเซ็นยักไหลแล้วพูดกับเขาว่า “ผมขับไม่เป็น แต่ผมช่วยแนะนำมือดีให้คุณได้นะ! ยังจำบิ๊กเบิร์ดได้ไหม? บิ๊กเบิร์ด ฮัดสัน เบิร์ด ครูฝึกกับเพื่อนสนิทตอนที่ผมยังอยู่ที่ซีเอ็มที เขาเป็นนักบินชั้นยอด ฟังฉายาของเขาก็รู้แล้ว บิ๊กเบิร์ดไง!”


ฉินสือโอวถามกับเขาว่า “ฝีมือของเขาเป็นยังไงบ้าง? เครื่องบินที่ใช้ในการเกษตรกับเฮลิคอปเตอร์ พวกนี้ไม่เหมือนเครื่องบินรบของพวกนายนะ”


“บินได้เหมือนกันเลยครับ” โอเมอร์ช่วยนีลเซ็นอธิบายเล็กน้อย “ถ้ามิสเตอร์คนนั้นสามารถขับเครื่องบินรบและเครื่องบินทิ้งระเบิดได้ ถ้าอย่างนั้นเครื่องบินที่ใช้ในการเกษตรก็คงเป็นแค่ของเล่นสำหรับเขา ฮัดสัน เบิร์ดที่พวกคุณพูดถึง คือฮัดสัน เบิร์ดที่เป็นตำรวจหน่วยรักษาการณ์ชายฝั่งหน่วยลาดตระเวนซีจี12 ฮัดสัน เบิร์ดใช่ไหมครับ?”


นีลเซ็นไม่เข้าใจที่เขาจะสื่อ เลยตอบไปว่า “น่าจะใช่นะ ฉันคิดว่าตำรวจหน่วยรักษาการณ์ชายฝั่งก็คงไม่มีฮัดสัน เบิร์ดที่เหมือนกันเป๊ะๆ อยู่สองคนหรอกใช่ไหม? ที่ผมจะสื่อก็คือ นามสกุลนี้พบได้ไม่บ่อยนัก เขาเป็นคนที่อพยพมาจากเท็กซัสน่ะ”


“ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็พูดถึงคนเดียวกันแล้วล่ะครับ” โอเมอร์ถอนหายใจแล้วพูดว่า “ฮัดสัน เบิร์ด เขาเป็นนักบินที่ยอดเยี่ยมมาก ตอนนี้ฝ่ายบุคคลของบริษัทเรากำลังดึงตัวเขาอยู่ ถ้าพวกคุณจะลงมือ ทางที่ดีก็ต้องรีบหน่อยนะครับ”


เมื่อพูดมาขนาดนี้ ถ้าอย่างนั้นก็คงไม่ต้องเลือกแล้ว ฉินสือโอวบอกใบ้ให้นีลเซ็นโทรศัพท์ไปหาเขา “เรื่องเงินเดือนให้เขาเป็นคนกำหนดเอง หรือไม่ก็ให้มากกว่าสกายซิตี้สองเท่า”


โอเมอร์พูดด้วยรอยยิ้ม “เป็นเจ้านายที่กล้าได้กล้าเสียมากครับ พูดตามตรง ผมเองก็อยากย้ายไปทำงานด้วยแล้วล่ะ”


นีลเซ็นยกโทรศัพท์ขึ้นมาโทร ทั้งสองคนมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น พอบอกว่าฉินสือโอวอยากจะดึงตัวเขา เบิร์ดก็ถามว่าพวกเขาจะได้ทำงานด้วยกันใช่ไหม? ถ้าได้ทำงานด้วยกัน ถ้าอย่างนั้นเรื่องเงินเดือนก็คงคุยกันได้ง่าย ภายในหนึ่งสัปดาห์ก็สามารถทำเรื่องลาออกแล้วรีบไปที่นั่นได้แล้ว


ไม่ได้คาดคิดว่า จะแก้ปัญหาเรื่องนักบินได้อย่างง่ายดายขนาดนี้ โอเมอร์ทำดีจนถึงที่สุด เขาให้นักบินของสกายซิตี้อยู่ที่ฟาร์มปลาของฉินสือโอวก่อนชั่วคราว ก่อนที่เบิร์ดจะมาถึง นักบินคนนี้จะช่วยทำงานให้ฉินสือโอวไปก่อน


………………………………………


บทที่ 297 พาคุณไปรับลม

โดย

Ink Stone_Fantasy

เมื่อเซ็นชื่อรับเครื่องบินแล้ว ฉินสือโอวก็โทรศัพท์หาวินนี่แล้วถามว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน วินนี่ตอบเขาว่าเธอกำลังพานักท่องเที่ยวไปเยี่ยมชมมหาวิหารเซนต์จอห์นเดอะแบ๊พติสท์


มหาวิหารแห่งนี้คือโบสถ์ในท้องที่ที่มีความโอ่อ่าและยิ่งใหญ่ที่สุดในนครเซนต์จอห์น มีที่ตั้งอยู่บนยอดเขา หอคอยยอดแหลมคู่สร้างมาจากหินปูนขาวและหินแกรนิต เมื่อยืนอยู่ด้านบนจะสามารถมองเห็นเมืองท่าได้ทั้งหมด


มหาวิหารเซนต์จอห์นเดอะแบ๊พติสท์ถูกสร้างขึ้นในปี 1855 ภายนอกของมหาวิหารมีการตกแต่งสไตล์โรมาเนสก์แบบอิตาลีที่มีความยิ่งใหญ่อลังการ มีการตกแต่งภายในด้วยสีสันงามตา ตกแต่งด้วยหน้าต่างกระจกสีและเส้นสีทอง ฝ้าเพดานสีเชทนัทและสีเขียวเข้มมีรูปสลักสวยงามตระการตาที่ช่วยขับความงามซึ่งกันและกัน เกิดเป็นทิวทัศน์ที่ให้ทั้งความงดงามผ่านดวงตาและความสุขภายในจิตใจ


นอกจากนี้ มหาวิหารแห่งนี้ยังมีรูปสลักเคลื่อนไหวที่ทำมาจากหินอ่อนไวท์คาราร่า อันเป็นผลงานการแกะสลักของช่างแกะสลักชาวไอริช จอห์น โฮแกน สลักบทกวีที่มีชื่อว่า The Redeemer in death (ผู้ไถ่บาปบนความตาย) ไว้ที่ด้านบนของแท่นบูชา นี่เป็นโบราณวัตถุที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้ของประเทศแคนาดา


ฉินสือโอวบอกวินนี่ว่าอย่าเพิ่งกลับ เขาบอกเธอว่าตอนนี้เขาก็อยู่ที่นครเซนต์จอห์นเหมือนกัน พลบค่ำพวกเขาค่อยกลับเมืองแฟร์เวลด้วยกัน


ตามกฎของบริษัททัวร์แล้ว เวลาหกโมงเย็น กิจกรรมการท่องเที่ยวของแต่ละวันจะสิ้นสุดลง และนักท่องเที่ยวต้องกลับไปถึงเกาะแฟร์เวล


วินนี่พาบรรดานักท่องเที่ยวไปส่งขึ้นเรือโดยสาร แล้วยืนรออยู่บนท่าเรือ


ตอนนี้เธอสวมชุดทำงานแบบออฟฟิศเลดี้อยู่ ท่อนบนสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวล้วน ส่วนท่อนล่างสวมกระโปรงทรงดินสอสีดำ บนลำคอสวมใส่ริบบิ้นสีฟ้าคราม เข้าคู่กับถุงน่องสีเนื้อและรองเท้าส้นสูงสีดำ ภาพลักษณ์แบบสาวออฟฟิศแบบนั้นทำให้ผู้ชายรู้สึกตื่นตัวได้จริงๆ


พวกผู้ชายต่างก็มีนิสัยน่ารังเกียจกันทั้งนั้น วินนี่ยืนรออยู่ที่ท่าเรือสักพัก ก็มีคนคนหนึ่งผิวปากใส่เธอ


วินนี่ไม่ให้ความสนใจ เธอแอบรำคาญอยู่ในใจเงียบๆ พวกแกลำพองใจไปเถอะ รอแม่กลับไปพาหู่จือกับเป้าจือมาก่อนนะ แล้วจะมาจัดการกับพวกแกแน่ๆ อืม ตอนนี้เพิ่มปอหลัวเข้าไปด้วยอีกตัว ปอหลัวเด็กดีตัวนี้ก็เหมือนว่าจะมีอารมณ์รุนแรงเหมือนกัน


ระหว่างที่กำลังคิดอยู่ ก็มีคนเข้ามาตบแปะที่ด้านหลังของเธอ เธอสะดุ้งจนตัวโยน มือทั้งสองข้างกอดอกเอาไว้แล้วรีบหันหลังกลับไป ก็เห็นฉินสือโอวที่มองมาที่เธอด้วยสายตางงงวย


“กำลังคิดอะไรอยู่เหรอครับ?” ฉินสือโอวถามเธอด้วยรอยยิ้ม


วินนี่กำลังจะเอ่ยปากตอบ ทันใดนั้นนักเลงโตคนหนึ่งบนเรือประมงที่กำลังจะออกเรือก็ตะโกนแซวขึ้นมาอย่างหยาบคาย “ยัยนี่กำลังคิดถึงน้องชายตัวโตของฉันอยู่น่ะ ฮ่าๆ!”


พอพูดจบ นักเลงตัวใหญ่คนนั้นก็ขับเรือออกจากท่าเรือไปทันที ทั้งยังชูนิ้วกลางทั้งสองข้างอย่างหยาบคายเพื่อดูถูกวินนี่อีกด้วย


วินนี่โมโหจนทนไม่ได้ เธอพูดด้วยความหงุดหงิดรำคาญใจว่า “ไอ้เลว ครั้งหน้าฉันจะพาหู่จือกับเป้าจือมาด้วย จะพาพวกเด็กๆ มาด้วยแน่ๆ”


ฉินสือโอวกอดเธอไว้พร้อมทั้งหัวเราะออกมา วินนี่ใช้ส้นของรองเท้าส้นสูงถีบเขาเบาๆ “คุณหัวเราะอะไรคะ? หัวเราะฉันเหรอ?”


ฉินสือโอวตอบเธอด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม “ผมตลกสภาพน่าอนาถของไอ้คนดวงซวยคนนั้นน่ะ…”


ทันใดนั้นก็มีเสียงดังมาจากที่ไกลๆ ต่อมา เฮลิคอปเตอร์ AC-310 ก็บินข้ามมาด้วยความรวดเร็ว เกลียวหมุนของใบพัดหมุนวนส่งเสียงร้องคำราม พาลมแรงพัดเข้ามาเป็นระลอก แล้วค่อยๆ ร่อนลงบนพื้นที่ว่างเปล่า


แสงอาทิตย์อัสดงทอแสงประกายอยู่บนเฮลิคอปเตอร์ กระจกนิรภัยสะท้อนแสงสีแดงจางๆ ลายเมฆที่ถูกทาไว้ทั้งสองด้าน ดูราวกับว่าจะกลายเป็นก้อนเมฆสีแดงท่ามกลางพระเอกอาทิตย์ที่กำลังตกดินขึ้นมาจริงๆ


“เฮลิคอปเตอร์ของคุณมาถึงแล้วเหรอคะ?” วินนี่ถามเขาด้วยความตื่นเต้น เธอรู้เรื่องที่ฉินสือโอวไปซื้อเครื่องบินที่มอนทรีออลมาเมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อน แล้วก็อ่านเห็นข้อมูลโดยสังเขปของเฮลิคอปเตอร์ AC-310 มาแล้วเช่นกัน พอเห็นก็เลยเดาได้ทันที


ฉินสือโอวจูงมือเธอไปขึ้นเฮลิคอปเตอร์ เฮลิคอปเตอร์ลำนี้มีการเรียงลำดับที่นั่งแบบ 1+2 หรือก็คือ ที่นั่งสำหรับนักบินหนึ่งที่และที่นั่งสำหรับผู้โดยสารอีกสองที่นั่ง


วินนี่สวมกระโปรงทรงดินสอ ดังนั้นเธอจึงไม่ได้กังวลว่าลมแรงพัดกระโปรงจนเปิด ภายใต้การประคับประคองของฉินสือโอว เธอก็กระโดดขึ้นไปบนเฮลิคอปเตอร์ ส่วนฉินสือโอวก็ไต่ขึ้นไปจากอีกด้าน จากนั้นเขาก็บอกกับนักบินว่า “ไมคอฟ เห็นเรือประมงลำนั้นไหม? ขับไปจอดด้านหน้ามันหน่อย หมอนั่นมันคึกเกินไปแล้ว”


“ไม่มีปัญหาครับ มิสเตอร์” นักบินแย้มยิ้มออกมาเล็กน้อย เขาผลักคันเร่งเบาๆ เครื่องยนต์วอร์เท็กซ์ที่ได้รับคำสั่งจากแรงขับก็เริ่มทำงาน เฮลิคอปเตอร์ก็บินขึ้นอย่างช้าๆ จากนั้นก็ผลักแท่นควบคุมที่อยู่ระหว่างขาทั้งสองข้าง เฮลิคอปเตอร์ก็บินไปยังทิศทางของเรือประมงลำนั้นทันที


ชายร่างใหญ่คนนั้นยังคงพึงพอใจที่เมื่อสักครู่ได้พูดจาลวนลามวินนี่ เขากำลังสูบบุหรี่รับลมทะเล


แต่ปรากฏว่ากลับมีเฮลิคอปเตอร์บินมาทางเขาอย่างรุนแรงและรวดเร็ว จากนั้นก็ลดระดับความสูงลง จนแทบจะจอดอยู่ด้านบนเรือประมงราวๆ สี่ห้าเมตร


ใบพัดหมุนวนส่งเสียงฮูฮูด้วยความรวดเร็ว พาลมแรงพัดเข้าใส่เรือประมงและผิวทะเล ทันใดนั้น เรือประมงก็เริ่มโคลงเคลงไปทั้งทางซ้ายและขวา อีกทั้งบนผิวน้ำก็เกิดเป็นคลื่นลูกใหญ่ขึ้นมา เดิมทีนักเลงโตคนนั้นกำลังตากลมทะเลอยู่ แต่ปรากฏว่าเขา ถูกคลื่นทะเลสาดเข้าใส่ซะเต็มหน้า


“เวร ไอ้เวร! ให้ตาย ให้ตาย ให้ตายเหอะ ไป ไป ไสหัวไป…” นักเลงคนนั้นเกาะแคมเรือพร้อมทั้งเงยหน้าด่าด้วยความโมโห ลมพัดแรงเกินไป พัดแรงจนเขาพูดไม่ออก


ฉินสือโอวมองทะลุกระจกหน้าต่างลงมา เขาพูดขึ้นมาว่า “ที่รัก ผมรู้สึกว่าท่าทางปากของหมอนั่นดูไม่เหมือนกับว่าเขากำลังขอโทษเลย ดูท่าว่าเขาน่าจะยังได้รับบทเรียนไม่พอนะ”


วินนี่เห็นสภาพเหมือนหมาจนตรอกของนักเลงโตคนนั้นก็อดที่จะสงสารไม่ได้ เธอบอกกับฉินสือโอวว่า “ช่างเถอะค่ะ เขาก็แค่พวกคนปากไม่ดี ไม่จำเป็นต้องลดตัวลงไปยุ่งด้วยหรอกค่ะ”


ฉินสือโอวส่ายหัว “ไม่ครับ ต้องให้บทเรียนกับคนแบบนี้บ้าง ผมก็แค่ช่วยให้บทเรียนกับเขาฟรีๆ เท่านั้นเอง ไมคอฟ ลดระดับความสูงลงหน่อย ให้หมอนั่นมันแฮปปี้กว่านี้หน่อย”


“โอเคครับ มิสเตอร์” นักบินดึงแท่นบังคับลงเล็กน้อย เฮลิคอปเตอร์ก็ลดระดับความสูงลงไปหนึ่งเมตรครึ่ง คราวนี้ลมก็พัดแรงอย่างคลุ้มคลั่งยิ่งกว่าเดิม พัดจนเรือประมงหมุนอยู่กับที่ ดูแล้วเหมือนกับว่ากำลังลอยอยู่ท่ามกลางพายุอย่างไรอย่างนั้น


พอขยับเข้ามาใกล้ นักเลงโตคนนั้นก็มองเห็นท่าทางของวินนี่ได้อย่างชัดเจน ทันใดนั้นเขาก็อารมณ์เสียขึ้นมาทันที เขากอดแคมเรือไว้แล้วเริ่มตะโกนอย่างป่าเถื่อน


ฉินสือโอวร้องเหอะๆ แล้วบอกให้ไมคอฟพาเฮลิคอปเตอร์บินขึ้นเพื่อมุ่งหน้าไปยังฟาร์มปลา


เครื่องยนต์ของเฮลิคอปเตอร์ดังอื้ออึงจนแสบแก้วหู ถ้าหากเข้าใกล้เฮลิคอปเตอร์จากทางด้านนอก เสียงคงดังจนเหมือนฟ้าผ่า แต่ถ้าหากอยู่ในห้องเคบิน ก็คงจะสบายกว่ามาก ห้องเคบินของเฮลิคอปเตอร์ถูกปิดอย่างแน่นสนิท จึงสามารถตัดเสียงดังแสบแก้วหูจากภายนอกได้


ทว่า ก็ยังยากที่จะหลีกเลี่ยงเสียงรบกวนบางส่วน เพื่อที่จะลดน้ำหนักขึ้นบินของเฮลิคอปเตอร์ลำนี้ จึงต้องพยายามลดระดับความหนาเปลือกด้านนอกของตัวเครื่องให้มากที่สุด


ดังนั้น ฉินสือโอวกับวินนี่จึงสวมหูฟังพร้อมไมโครโฟนที่ถูกเตรียมไว้ก่อนแล้ว สุดท้ายโลกใบนี้จึงเงียบสงบลงในที่สุด


ฉินสือโอวถอนหายใจออกมา จริงๆ แล้วเขายังอยากจะอวดของต่ออีกหน่อย แต่ดูจากตอนนี้แล้ว ความรู้สึกตอนนั่งเฮลิคอปเตอร์ต่างกับตอนนั่งเครื่องบินอยู่มากนัก ไม่แปลกใจเลยที่พวกคนรวยจะพากันซื้อเครื่องบินโดยสารแทนเฮลิคอปเตอร์


เขาเริ่มรู้สึกว่าเฮลิคอปเตอร์ไม่คุ้มค่าแล้ว ซื้อของราคาเท่าไหนก็ได้ของคุณภาพแบบนั้น เฮลิคอปเตอร์ราคาห้าแสนดอลลาร์จะไปสู้เฮลิคอปเตอร์หลายเครื่องยนต์ราคาห้าล้านได้ยังไงกัน?


แต่แค่ครู่เดียว ฉินสือโอวก็กลับมารู้สึกคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายแล้ว


เฮลิคอปเตอร์บินไปอย่างรวดเร็วและมั่นคง ฟองคลื่นหมุนขึ้นหมุนลงพัดวนอยู่ในมหาสมุทร เมื่ออยู่บนที่สูงก็มองออกไปได้ไกลขึ้น พอมองออกไปทางด้านนอกเฮลิคอปเตอร์ ก็จะมองเห็นเกาะแฟร์เวลที่โอบล้อมด้วยสีเขียวได้โดยตรง


สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ระยะห่างของฉินสือโอวกับเมืองแฟร์เวลถูกลากให้เข้ามาใกล้กันยิ่งขึ้น ปกติแล้วถ้านั่งเรือจะต้องใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงระยะห่างถึงจะสิ้นสุดลง แต่ภายใต้ความเร็วของเฮลิคอปเตอร์ ใช้เวลาเพียงสิบห้านาทีก็จัดการได้แล้ว


เฮลิคอปเตอร์วนเวียนอยู่บนท้องฟ้าของเกาะแฟร์เวล ฉินสือโอวกวาดสายตามองไปรอบๆ สิ่งที่มองเห็นก็คือมหาสมุทรกว้างสุดลูกหูลูกตาที่โอบล้อมไว้ทั้งสี่ทิศ กับพระอาทิตย์ยามอัสดงที่กำลังตกลงสู่พื้นผิวทะเลอย่างช้าๆ


คลื่นทะเลทุกลูกที่ถูกแสงอาทิตย์ยามเย็นย้อมจนกลายเป็นสีส้มพัดเข้าสู่เกาะแฟร์เวลจากทุกทิศทาง คลื่นทะเลเชี่ยวกราก ลมทะเลพัดพาส่งเสียงหวีดหวิว เมื่อมองออกไปไกลๆ ก็มีฝูงนกทะเลที่กำลังว่ายวนอยู่บนท้องฟ้า บางตัวกำลังหาอาหาร บางตัวก็กำลังจะบินกลับรังในป่าบนเทือกเขาเคอร์บัล


เทือกเขาเคอร์บัลกลายเป็นสีเขียวมรกต บรรยากาศของฤดูร้อนปรากฏให้เห็นผ่านเทือกเขาทั้งลูกอย่างมีสีสันและมีชีวิตชีวา เมื่อมองไปยังมหาสมุทรอีกครั้ง เรือโดยสารลำหนึ่งก็กำลังลอยเคลื่อนที่อยู่อย่างช้าๆ บนท่าเรือมีคนบางกลุ่มที่กำลังรออยู่…


……………………………


บทที่ 298 ขับคาดิลแลคไปขายเกี๊ยว

โดย

Ink Stone_Fantasy

เฮลิคอปเตอร์ค่อยๆ ลดระดับลงสู่สนามหญ้าของฟาร์มปลา ยังไงพื้นที่ก็โล่งและกว้างขวางอยู่แล้ว ไม่ต้องกังวลว่าจะพัดไปโดนอะไร


เด็กๆ ทั้งสี่คนกำลังคุยกันระหว่างที่กลับมาถึงฟาร์มปลา ในมือของเชอร์ลี่ย์กอดเอากล่องใส่เงินที่เออร์บักทำให้พวกเธอเอาไว้ นี่คือสมบัติของพวกเขาทั้งสี่คน ทุกครั้งที่ขายเกี๊ยวได้ก็จะเก็บเงินเอาไว้ในนี้


พอเห็นเฮลิคอปเตอร์ เด็กๆ ทั้งสี่คนกลับไม่ได้ตื่นเต้นสักเท่าไรนัก เข้ามาวนดูอยู่รอบหนึ่งแล้วก็ย้ายความสนใจไปที่อื่น กอร์ดอนกับมิเชลไปแกล้งแหย่ปอหลัวให้หงุดหงิด ส่วนเชอร์ลี่ย์ก็วิ่งกระโดดโลดเต้นไปหาฉินสือโอวพร้อมทั้งยกกล่องเงินขึ้นมาอวดแล้วโม้ให้เขาฟังว่า “ลุงฉิน ลองทายดูสิคะว่าวันนี้พวกเราได้เงินมาเท่าไร?”


ฉินสือโอวยื่นมือออกไปบีบแก้มบนใบหน้าน่ารักน่าชังของเด็กสาวตัวโต เขาพูดพร้อมรอยยิ้มว่า “อืม ฉันขอเดาว่าสี่สิบดอลลาร์”


เงินที่เชอร์ลี่ย์พูดถึง ไม่ใช่กำไรสุทธิ แต่หมายความว่าพวกเขาขายได้เงินเท่าไรต่างหาก โดยปกติแล้วพวกเขาจะเตรียมเกี๊ยวไว้ประมาณสี่สิบกล่อง หนึ่งกล่องหนึ่งดอลลาร์ ของทั้งถูกและดีก็เลยขายจนหมด


เชอร์ลี่ย์หัวเราะคิกคักไปพร้อมกับขยับหนีมือของเขา เธอพูดกับเขาว่า “คุณทายผิดแล้ว ห้าร้อยห้าสิบดอลลาร์ต่างหาก!”


“อะไรนะ? แน่ใจนะว่าไม่ใช่ห้าสิบห้าดอลลาร์?” ฉินสือโอวถามด้วยความตกตะลึง นี่มันเกินความคาดหมายจริงๆ


เชอร์ลี่ย์ชะงัก เธอรีบส่ายศีรษะแล้วพูดอ้ำๆ อึ้งๆ ว่า “ไม่ใช่ๆ หนูจะบอกว่า อืม ห้าสิบห้าดอลลาร์ ใช่แล้ว ห้าสิบห้าดอลลาร์ค่ะ”


ฉินสือโอวถอนหายใจออกมา พาวลิสหันหน้ากลับมาแล้วตะโกนว่า “ไม่ใช่นะ เชอร์ลี่ย์ ห้าร้อยห้าสิบดอลลาร์!”


ดวงตากลมโตของเชอร์ลี่ย์กะพริบปริบ เธอลองเปิดกล่องดู แล้วผงกหัวด้วยท่าทางเหมือนลูกไก่ที่กำลังจิกเหยื่อ “ใช่ๆ ๆ ห้าร้อยห้าสิบดอลลาร์นั่นแหละ ฉันนับไม่ค่อยครบน่ะ”


ฉินสือโอวไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เด็กหญิงตัวโตไม่ค่อยถนัดเรื่องนี้ เธอคิดเลขไม่เก่งเลย โดยเฉพาะเรื่องเงินก็ยิ่งไม่เก่งเข้าไปใหญ่ ดูจากสมุดแบบฝึกหัดช่วงซัมเมอร์แล้ว เรื่องที่เกี่ยวกับการคำนวณก็เรียกได้ว่าน่าเวทนาเกินทน


วินนี่ถามอย่างอยากรู้อยากเห็นว่า “ทำไมพวกเธอถึงหาเงินได้เยอะขนาดนี้เลยล่ะ?”


เชอร์ลี่ย์หัวเราะคิกคักพร้อมอธิบายว่า “วันนี้พวกเราเจอพวกคุณลุงคุณป้าใจป้ำ พวกเราถ่ายรูปกับพวกเขา พวกเขาก็เลยให้ทิปพวกเรามาเยอะเลยค่ะ นอกจากนี้คุณปู่ฮิคสันก็ยังช่วยพวกเราเปิดรายการของชิ้นใหม่ด้วยค่ะ นั่นก็คือการขายน้ำผลไม้แช่เย็น แก้วละห้าดอลลาร์ คนมาซื้อเยอะมากเลย”


ฉินสือโอวมองดูกล่องเงิน แท้จริงแล้ว ข้างในมีแบงก์บอร์เดนสีทองอยู่สี่ใบ


แบงก์บอร์เดนก็คือชื่อเล่นของธนบัตรมูลค่าร้อยดอลลาร์ เพราะว่ารูปของบุคคลที่พิมพ์อยู่ด้านบนคืออดีตประธานาธิบดีของแคนาดา โรเบิร์ต แลร์ด บอร์เดน


เมื่อแน่ใจแล้วว่าจำนวนเงินไม่ได้มีปัญหา ฉินสือโอวก็ตบแปะลงบนหัวของเชอร์ลี่ย์ พร้อมทั้งเอ่ยปากชมว่า “ทำได้ไม่เลวเลย เด็กๆ พรุ่งนี้พวกเราจะไปขายด้วยกันนะ จะได้หาเงินได้เยอะกว่าเดิม ดีไหม?”


เชอร์ลี่ย์กระโดดหนีเพื่อไม่ให้ฉินสือโอวลูบหัวเธอ ทั้งยังพูดพึมๆ พำๆ ว่า “หนูไม่ใช่เด็กแล้ว คุณอย่ามาลูบหัวหนูอย่างนี้สิคะ”


ฉินสือโอวหัวเราะฮ่าๆ “โอเค เด็กโต ฉันขอถามอะไรเธอหน่อย วันนี้พวกเธอขายได้ห้าร้อยห้าสิบดอลลาร์ ถ้าพวกเธอจะหารให้เท่าๆ กันทั้งสี่คน จะได้เงินคนละเท่าไร?”


ดวงตากลมโตของเชอร์ลี่ย์เบิกกว้างขึ้นมาทันที เธอมองเงินในกล่องอย่างงงๆ พร้อมทั้งบ่นพึมพำ “ห้าร้อยห้าสิบดอลลาร์ เยอะจังเลย คนหนึ่งจะได้เท่าไรนะ? คนละหนึ่งร้อย? ไม่ใช่สิ คนละสองร้อยเหรอ? นี่ก็ไม่ถูกเหมือนกัน คนละเท่าไรนะ?”


วินนี่เม้มปากยิ้ม เธอพูดขึ้นมาว่า “คุณให้งานยากแล้วล่ะค่ะ ฉิน”


กอร์ดอนเดินเข้ามาอย่างไม่ยี่หระ เขาเดินเข้ามาหยิบเงินไปสองร้อยห้าสิบดอลลาร์ แล้วพูดว่า “ง่ายจะตาย ของฉันสองร้อยห้าสิบ ของพวกเธอก็คนละร้อย… โอ๊ย ปล่อยหูฉันนะ เชอร์ลี่ย์ ถ้าเธอดึงหูฉันอีก ฉันจะโกรธแล้วนะ….”


เชอร์ลี่ย์ผลักกอร์ดอนออกไป แล้วแย่งเอาเงินกลับคืนมา เธอหัวเราะคิกๆ คักๆ แล้วพูดว่า “หนูมีสองร้อยห้าสิบดอลลาร์ พวกเขาสามคนได้คนละหนึ่งร้อยดอลลาร์ ถูกไหมคะ? โอเค ถูกแล้ว เย้”


ฉินสือโอวส่ายหัวอย่างจนปัญญา เขาพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เด็กติ๊งต๊องพวกนี้ ต่อไปอย่าหวังว่าจะสอบผ่านวิชาเลขเลย”


เขาพูดจริงทำจริง ตอนค่ำ ฉินสือโอวรับหน้าที่สับไส้เกี๊ยว ส่วนเชอร์ลี่ย์และเด็กๆ คนอื่นๆ ก็รับหน้าที่ห่อเกี๊ยวไป พรุ่งนี้พวกเขาจะไปขายเกี๊ยวด้วยกัน


ตอนนี้เด็กๆ ทั้งสี่คนเปลี่ยนวิธีห่อเกี๊ยวแล้ว พวกเขาไม่ต้องทำแป้งเกี๊ยวเองแล้ว ในเมืองมีร้านขายอาหารประเภทแป้ง เจ้าของร้านเตรียมแป้งห่อเกี๊ยวไว้ให้พวกเขาโดยเฉพาะ แค่พวกเขาไปซื้อทุกวันก็พอแล้ว


เมื่อก่อนเกี๊ยวหนึ่งห่อสิบชิ้นถึงจะขายราคาหนึ่งดอลลาร์ เนื่องจากฉินสือโอวไม่ได้ทำเพราะอยากได้เงิน แค่อยากฝึกฝนเด็กๆ เท่านั้นอีกทั้งคนในเมืองก็ไม่ชินกับการกินเกี๊ยว ถ้าขายแพงเกินไปก็จะไม่มีคนกิน


ตอนนี้มีนักท่องเที่ยวแล้ว ไม่ต้องกังวลเรื่องปริมาณการขายแล้ว ฉินสือโอวก็เลยปรับราคาขึ้นครั้งใหญ่ เกี๊ยวหนึ่งกล่องห้าดอลลาร์ แต่ก็เพิ่มปริมาณของให้มากขึ้นด้วย หนึ่งกล่องจะมีเกี๊ยวยี่สิบชิ้น


ราคานี้ไม่แพงเลยจริงๆ ถึงอย่างไรไส้เกี๊ยวก็ทำมาจากเนื้อปลาคาร์ฟตามธรรมชาติ ถ้าทานเกี๊ยวชนิดนี้ที่จีน หนึ่งกล่องยี่สิบชิ้นจะมีราคาถึงสามสิบสี่สิบหยวน อีกทั้งที่นี่ฉินสือโอวขายแค่ห้าดอลลาร์ก็เท่ายี่สิบห้าหยวนเท่านั้น


พอตั้งแผงขายของเรียบร้อยแล้ว ฉินสือโอวเปลี่ยนราคาแล้ว คุณลุงฮิคสันก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “เฮ้อ พ่อค้าหน้าเลือด”


ฉินสือโอวตอบเขาไปว่า “ไม่ใช่ครับ แบบนี้ถึงจะเป็นกฎเกณฑ์ของตลาดจริงๆ เมื่อก่อนแค่ขายเรียกลูกค้าก่อนก็เท่านั้น”


ครั้งนี้เขาขับรถคาดิลแลควันมา เขาเชื่อมต่อลำโพงเข้ากับคอมพิวเตอร์ของรถยนต์โดยตรง เมื่อเปิดลำโพงเพลงโชคดีมีมงคลวันเปิดกิจการของเฟิ่งหวงฉวนฉีก็ดังขึ้น


ในตอนเช้าเหล่านักท่องเที่ยวจะต้องจัดการเรื่องอาหารเช้ากันเอง มีบางคนที่ไม่ชินกับการทานพิซซ่า แฮมเบอร์เกอร์ ก็เลยตัดสินใจมาหาเกี๊ยวไปทาน


แค่ครู่เดียว คู่รักคู่หนึ่งก็เดินเข้ามา พวกเขาเดินไปด้วยเถียงกันไปด้วย


“จะกินเกี๊ยวทำไม? พวกเราบินตั้งยี่สิบชั่วโมงมาแคนาดา เพื่อที่จะมากินเกี๊ยวเนี่ยนะ?”


“ก็ผมไม่ชอบทานอาหารตะวันตกนี่ สเต๊กปลา ปลาทอด ปลาย่าง ปลาเผาอะไรพวกนั้น ผมไม่ชอบกินจริงๆ กินเกี๊ยวดีกว่าอีก”


“เธอไม่ได้อยากเดินมาดูเด็กผู้หญิงคนนั้นหรอกเหรอ? ชอบกินเกี๊ยวอะไรกัน นี่ก็ไม่ใช่เกี๊ยวปลาหรือยังไง?”


“หมายความว่ายังไง ผมใช่คนแบบนั้นหรือยังไงล่ะ? เวร ทำไมเกี๊ยวถึงขึ้นราคาแล้วล่ะ?”


ฉินสือโอวยิ้มตาหยีพร้อมทั้งตอบเป็นภาษาจีนว่า “เมื่อก่อนเป็นราคาโปรโมชั่นครับ ตอนนี้ราคากลับมาเป็นปกติแล้ว แต่พวกคุณคิดว่าเกี๊ยวของพวกเราแพงเหรอครับ? ข้างในเป็นเนื้อปลา แถมยังเป็นปลาจากธรรมชาติทั้งหมดด้วยนะครับ”


เมื่อมองเห็นฉินสือโอวและยิ่งได้ยินเขาพูดภาษาจีน คู่รักวัยรุ่นก็ประหลาดใจเป็นอย่างมาก วัยรุ่นผู้ชายรีบยื่นบุหรี่ให้เขา ฉินสือโอวปฏิเสธไป แล้วเชิญพวกเขาให้เข้ามารออาหารในร้าน


ต่อมาก็มีคนมาทานอาหารเช้าเพิ่มอีก หลี่เต๋อหลงกับภรรยาที่เขาเคยเจอก่อนเมื่อหน้าก็พาลูกสาวมาทานเกี๊ยวเช่นกัน ดูท่าว่าเกี๊ยวของเด็กๆ จะเป็นที่นิยมไม่น้อยเลย


หลี่เต๋อหลงเองก็เป็นคนมีฐานะเหมือนกัน แถมยังตาดีอีกต่างหาก เขามองเห็นรถคาดิลแลคที่เชื่อมลำโพงจอดอยู่ไม่ไกล ก็ยิ้มถามว่า “นั่นรถของคุณเหรอ? คุณขับรถคาดิลแลควันมาขายเกี๊ยว?”


ฉินสือโอวชี้ไปที่เด็กๆ ทั้งสี่คนแล้วตอบว่า “พวกนี้เป็นหลานชายกับหลานสาวของผู้ใหญ่ที่ผมเคารพท่านหนึ่งน่ะครับ ผมมาเป็นเพื่อนพวกเขา พวกเขาอยากฝึกพึ่งพาตัวเองบ้าง”


หลี่เต๋อหลงพูดกับลูกสาวของเขาว่า “เห็นไหม เด็กๆ พวกนี้อายุเท่าๆ กันกับลูกเลย แต่พวกเขาหาเงินได้แล้ว”


เด็กหญิงตัวน้อยก็ร้ายไม่เบา เธอชี้ไปที่รถคาดิลแลคแล้วพูดด้วยเสียงเล็กๆ ของเธอว่า “พ่อคะ ถ้าพ่อยอมขับรถแบบนั้นพาหนูไปขายของ งั้นหนูก็จะยอมทำเหมือนกัน”


ฉินสือโอวหัวเราะเสียงดัง เขาอุ้มเด็กน้อยขึ้นไปบนรถแล้วถ่ายรูปเธอจากทุกๆ มุม


เมื่อเหล่านักท่องเที่ยวมาถึง ยอดขายของเกี๊ยวก็เพิ่มขึ้นทวีคูณ พอมีฉินสือโอวคอยโฆษณา เกี๊ยวสี่สิบชุดก็ถูกพวกนักท่องเที่ยวซื้อไปแล้วครึ่งหนึ่ง


เมื่อจัดการอาหารเช้าเสร็จแล้ว ฉินสือโอวก็เรียกเด็กๆ ทั้งสี่คนมาข้างๆ เชอร์ลี่ย์กำลังนับตังค์ เขาจึงสอนขึ้นมาว่า “เห็นหรือยัง แบบนี้ถึงจะเรียกว่าทำธุรกิจ ต้องตั้งใจโฆษณา ต่อไปพวกเธอก็สามารถจัดโปรโมชั่นได้เหมือนกัน…”


“ใครมาซื้อเกี๊ยว พวกเราจะให้เชอร์ลี่ย์จูบเขาหนึ่งทีดีไหม? โปรโมชั่นแบบนี้ผมว่าก็โอเคนะ” กอร์ดอนพูดด้วยความภาคภูมิใจ


ฉินสือโอวเห็นว่ารอบข้างไม่มีคน ก็หยิบเงินออกมาสิบดอลลาร์ แล้วพูดกับพวกเขาว่า “ดี งั้นเอาเกี๊ยวมาให้ฉันก่อนเลยสองชุด”


……………………………………


บทที่ 299 เทพเจ้าฉิน

โดย

Ink Stone_Fantasy

มาขายเกี๊ยวกับพวกเด็กๆ ทั้งวัน ผลลัพธ์ไม่เลวเลย พอถึงช่วงเที่ยงเกี๊ยวสี่สิบชุดก็ถูกขายออกไปจนหมด


พวกนักท่องเที่ยวให้ความสนใจกับเกี๊ยวปลาค่อนข้างมาก เนื่องจากเกี๊ยวพวกนี้รสชาติแปลกใหม่แถมยังมีราคาถูก บางคนคิดค้นวิธีทานแบบใหม่ขึ้นมา นำไปตากให้แห้งสักหน่อย จากนั้นก็หั่นเป็นชิ้นๆ ก็จะกลายเป็นของทานเล่นแล้ว


สัปดาห์แรกของเดือนกันยายน การแข่งขันบาสเกตบอลหนึ่งร้อยเมืองลีกฤดูร้อนของนิวฟันด์แลนด์รอบที่สามได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ทีมเมืองแฟร์เวลต้องแข่งกับทีมบาสเกตบอลจากเมืองที่ชื่อว่าบัตเตอร์ฟลายแวลลีย์


สถานที่การแข่งขันอยู่ที่สนามกีฬาในร่มแห่งหนึ่งในนครเซนต์จอห์น สนามกีฬาแห่งนี้ไม่ได้มีขนาดใหญ่นัก ข้างในมีจำนวนที่นั่งทั้งหมดห้าพันที่นั่ง สามารถปรับเปลี่ยนเป็นสนามบาสเกตบอล สนามไอซ์ฮอกกี้และสนามแข่งเคิร์ลลิงได้ ในบางโอกาสก็สามารถจัดเป็นฮอลล์แสดงคอนเสิร์ตขนาดเล็กได้


เมืองเล็กในแคนาดาต่างก็มีความสัมพันธ์ที่เหนียวแน่นเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเมืองเล็กอย่างเกาะแฟร์เวล เมืองเล็กแห่งนี้อยู่ห่างจากแผ่นดินใหญ่ ลอยอย่างโดดเดี่ยวไร้ที่พึ่งอยู่ท่ามกลางมหาสมุทร สำหรับชาวเมืองแล้ว ญาติแท้ๆ ที่อยู่ห่างไกลยังไม่สู้เพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้กัน ดังนั้นพวกเขาจึงมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเป็นอย่างมาก ทั้งยังเอาใจใส่เรื่องราวต่างๆ ของเมืองเช่นกัน


ที่นั่งทั้งหมดห้าพันที่นั่งในสนามกีฬา บัตรเข้าชมมีราคาตั้งแต่ห้าดอลลาร์ถึงหนึ่งร้อยดอลลาร์ บัตรราคาห้าดอลลาร์จะอยู่ในตำแหน่งด้านหลังสุด ส่วนบัตรราคาหนึ่งร้อยดอลลาร์ก็จะเป็นที่นั่งด้านหน้าสำหรับแขกผู้มีเกียรติ


ชาวเมืองกว่าห้าร้อยคนที่มาเฝ้าดูการแข่งขัน เทศบาลเมืองรับผิดชอบตั๋วเข้าชมจำนวนครึ่งหนึ่ง ฉินสือโอวเข้าร่วมการแข่งขันที่เป็นทางการครั้งนี้เป็นครั้งแรก มีคนให้การสนับสนุนมากมายขนาดนี้ เขาเองก็รับผิดชอบหนึ่งในสี่ส่วนเช่นกัน ใช้เงินไม่กี่ดอลลาร์ เพื่อสร้างความสุข


เชอร์ลี่ย์และคนอื่นๆ เข้ามาในสนามแข่งตั้งแต่ช่วงแรกๆ ท้ายที่สุดฉินสือโอวและนักบาสคนอื่นๆ ก็ออกมาจากทางเดินของนักกีฬา พร้อมกับเสียงดีเจที่กล่าวเปิดตัว ทางฝั่งเมืองแฟร์เวลส่งเสียงเชียร์อย่างต่อเนื่อง ทั้งยังดังขึ้นเรื่อยๆ


ฉินสือโอวสวมเสื้อหมายเลข1 ด้านหน้าสกรีนชื่อ ‘เมืองแฟร์เวล’ ทั้งยังมีสโลแกนที่ว่า เกาะทะเลที่ราวกับสรวงสวรรค์ นี่คือสโลแกนการท่องเที่ยวของเมืองแฟร์เวล แฮมเล็ตให้ทีมบาสเกตบอลช่วยโฆษณาเมืองไปด้วย


นี่เป็นโอกาสในการโฆษณาที่ไม่เลวเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้เข้ามาในรอบสิบหกทีมสุดท้าย สิบหกทีมนี้ที่นิวฟันด์แลนด์จะมีชื่อเรียกว่า ‘สวีทบีไอจี16’ เมื่อมาถึงรอบสี่ทีม ก็จะถูกเรียกว่า ‘เดอะอัลทิเมทโฟร์คิงส์’


ตั้งแต่รอบสิบหกทีม ช่องรายการกีฬาของนิวฟันด์แลนด์ก็จะเริ่มดำเนินการถ่ายทอดสด


ฉินสือโอวเข้าสู่สนามเพื่อวอร์มร่างกาย เขาคืออาวุธลับ ดังนั้นฮิวจ์เลยไม่ให้เขารีบแสดงความสามารถออกมา เขากำลังยืดเหยียดกล้ามเนื้อ เพื่อป้องกันไม่ให้เอวหรือข้อเท้าเคล็ดเมื่อลงสนาม


วินนี่ก็มาถึงสนามแข่งแล้ว เธอสวมเสื้อบอลของฉินสือโอว ถือเอาป๊อปคอร์นพร้อมทั้งพาเด็กๆ เข้ามานั่งที่ข้างสนาม


ฉินสือโอววิ่งเข้าไปจูบวินนี่หนึ่งครั้ง นักกีฬาของทีมเมืองบัตเตอร์ฟลายแวลลีย์อิจฉาเขาจนตาลุก สายตาของพวกเขาแทบจะเข้าไปแทนที่ฉินสือโอวแล้วรับจูบวินนี่มาจูบแทนอยู่แล้ว


“ตั้งใจเล่นนะคะ ถ้าพาทีมชนะได้จะมีรางวัลให้นะ” รอยยิ้มพราวเสน่ห์ของวินนี่งดงามหาใดเปรียบ ผู้ชายกว่าครึ่งสนามที่สามารถมองเห็นรูปลักษณ์ของเธอได้อย่างชัดเจนต่างก็พากันจ้องมองมาที่เธอ


เมื่อเริ่มการแข่งขัน ทัพนักกีฬาที่ฝ่ายตรงข้ามส่งมาก็ไม่ได้ดูซับซ้อนอะไร ชุดที่นักกีฬาทั้งห้าคนสวมอยู่ก็สกรีนหมายเลขนักกีฬาตั้งแต่หนึ่งถึงห้าพอดี


“ไอ้พวกบ้านนอก วันนี้พวกแกตายแน่!” เด็กวัยรุ่นที่สวมเสื้อหมายเลขหนึ่งเหมือนกันกับฉินสือโอวพูดกับพวกเขาอย่างอวดดี


ฮิวจ์อธิบายให้ฉินสือโอวฟังว่า ทีมบาสเกตบอลของเมืองบัตเตอร์ฟลายแวลลีย์มีสิทธิที่จะรู้สึกทะนงตัว ปีที่แล้วจากหนึ่งร้อยห้าสิบกว่าเมืองในนิวฟันด์แลนด์ พวกเขาเป็นหนึ่งในทีมที่สามารถเข้าสู่รอบสวีทบีไอจี16ได้ ดูจากเสื้อผ้าของพวกเขาก็สามารถรู้ได้ ด้านบนของเสื้อผ้าของพวกเขามีโลโก้ของธุรกิจในท้องที่อยู่หนึ่งอัน พวกเขาสามารถเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับธุรกิจร้านค้าได้แล้ว


กูเดรีอัน บาบิค กองกลางของทีมเมืองแฟร์เวลมีส่วนสูง 2.02 เมตร ทางด้านฝ่ายตรงข้ามก็ยิ่งดูดุดันยิ่งกว่า กองกลางหมายเลขห้า มีส่วนสูงใกล้เคียง 2.1 เมตร ทว่าก็ยังดูค่อนข้างผอมบางอยู่เหมือนกัน


“เขาสูงใกล้เคียงกับอีวิลสันเลยล่ะ แต่อีวิลสันเหมือนหมี ส่วนเจ้าหมอนี่เหมือนยีราฟ” ฉินสือโอวพูดกับฮิวจ์พร้อมรอยยิ้ม


ฮิวจ์ฝืนยิ้มออกมา เห็นได้ชัดว่า ทีมบาสเกตบอลจากเมืองบัตเตอร์ฟลายแวลลีย์สร้างแรงกดดันให้เขาไม่น้อยเลย


ตอนกระโดดแย่งลูก กูเดรีอันแพ้ไปอย่างง่ายๆ กองกลางผอมสูงคนนั้นส่งบอลไปให้กับหมายเลขสองของทีมเขา จากนั้นก็หันกลับมาพูดกับฉินสือโอวอย่างเหี้ยมๆ ว่า “ไอ้เด็กน้อย วันนี้แกตายแน่!”


ฉินสือโอววิ่งไปข้างหน้า ทักษะการเลี้ยงลูกของหมายเลขสองนั้นแข็งแกร่งมาก เมื่อเผชิญหน้ากับการกำบังของฮิวจ์คนน้อง ก็ยังสามารถบุกเข้าไปถึงส่วนหน้าได้อย่างง่ายดาย นักกีฬาหมายเลขหนึ่งคือผู้โจมตีหลัก เขายกมือขึ้นเพื่อขอบอลอย่างเท่ๆ


หมายเลขสองส่งออกไป แต่ปรากฏว่าพอลูกบอลถูกขว้างไป เงาของคนคนหนึ่งก็พุ่งขึ้นมา ปัดลูกบอลจนตกลง ด้วยความไวราวกับปีศาจ


นักบาสเมืองบัตเตอร์ฟลายแวลลีย์รู้สึกประหลาดใจมาก พวกเขาตกตะลึงจนไม่ได้หลบ แต่เพราะตกตะลึงอย่างนี้ โอกาสสุดท้ายของพวกเขาจึงไม่เหลือแล้ว


หลังจากฉินสือโอวแย่งบอลมาได้แล้ว เขาก็เลี้ยงลูกบาสราวกับติดปีกบิน แล้วพุ่งไปยังส่วนหน้าของสนาม เหมือนกันรถบูกัตติ เวย์รอนที่ถูกเหยียบคันเร่งจนมิด


ก้าวเท้าเร็วๆ พุ่งเข้ายังหน้าเขตห้าม ฉินสือโอวถอยเท้าออกมาสามก้าวใหญ่ๆ จากนั้นก็ทะยานขึ้นไปราวกับลูกธนูไฟ กระโดดจากพื้นขึ้นไปสู่ด้านบนมือทั้งสองข้างถือลูกบาสไว้ตรงท้องน้อย หลังจากกระโดดขึ้นมาแล้วเหวี่ยงแขนทั้งสองข้าง จากทางขวาวาดเป็นรูปครึ่งวงกลม เขาส่งเสียงคำรามหนึ่งครั้งแล้วโยนลูกบาสลงห่วง


“โฮ่!” ทางฝั่งเมืองแฟร์เวลเสียงร้องเชียร์อย่างบ้าคลั่งของชาวเมืองก็ดังขึ้น


“ทำได้ดีมาก ฉิน! ลูกสแลมดังก์สวยมาก! ไม่คิดมาก่อนเลยว่านายจะมีลูกเล่นแบบนี้ด้วย!”


“ทะลวงห่วงพวกมันให้เละเลย! ฉิน เตะก้นพวกมัน ขยี้ไอ้โง่พวกนี้ซะ!”


“ฉิน ฉันรักคุณ ฉันอยากมีลูกกับคุณค่ะ……”


เห็นฉินสือโอวทำดังค์ช็อต ทางฝั่งเมืองบัตเตอร์ฟลายแวลลีย์ก็มีเหงื่อเย็นๆ ผุดขึ้นมาทันที


คนด้านนอกมุงดู คนด้านในมองหาช่องทาง ฉินสือโอวฉวยโอกาสสกัดกั้นและควบคุมลูกบอล เขาควบคุมลูกบอลด้วยความชำนาญ ความรวดเร็วในการบุกไปจนถึงตอนดังค์ลูกความยืดหยุ่นและทักษะการกระโดดที่เผยให้เห็น คือสิ่งที่พวกเขาไม่เคยพบมาก่อนในชีวิตจริง


เมื่อเป็นแบบนี้ ทางด้านทีมเมืองบัตเตอร์ฟลายแวลลีย์จึงโจมตีด้วยความรอบคอบยิ่งขึ้น พลาดลูกไปแล้วหลายครั้ง ในที่สุด ลูกบอลก็ตกไปอยู่ในกำมือของกองกลางร่างผอมสูงหมายเลขห้า


นักบาสเบอร์ห้ามีความว่องไวมาก เขาลอยตัวอยู่ทางด้านนอก เมื่อรับลูกมาแล้วก็โยนออกไป นี่คือไพ่ตายของเขา รูปร่างสูงโปร่งกับช่วงแขนยาวที่ลงมือด้วยความรวดเร็วของเขา คือการโยนลูกระยะไกลจากนอกเส้นที่กำลังเป็นที่นิยมในเอ็นบีเอ ฝ่ายตรงข้ามขัดขวางได้ยาก


น่าเสียดายที่วันนี้ต้องมาเจอกับคนที่ไร้มนุษยธรรมแบบฉินสือโอว


เมื่อเขากระโดดขึ้นโยน ด้านข้างก็มีเงาหนึ่งบุกเข้ามา ลอยตัวขึ้นแล้วยกมือใหญ่ขึ้นปัด จนโดนลูกบอลตกลงมา


ฮิวจ์คนน้องแย่งลูกมาได้แล้วจึงบุกเข้าไปอย่างรวดเร็ว ฉินสือโอวตามเข้าไป เขาตะโกนออกไปว่า “รีบโจมตี!”


ทีมเมืองบัตเตอร์ฟลายแวลลีย์ที่อยู่นอกเส้นสามแต้มก็ใช่ว่าจะรับมือได้ง่าย พวกเขาพุ่งนำหน้าไปจัดกำลังป้องกัน ฮิวจ์คนน้องเห็นทางถูกสกัดกั้นไว้ก็อดลังเลไม่ได้ ฉินสือโอวตะโกนบอกกับเขาว่า “ส่งมาให้ฉัน!”


ฮิวจ์คนน้องหมุนตัวกลับไปส่งลูก หลังจากได้ลูกบาสมาแล้ว ฉินสือโอวก็เปลี่ยนทิศทางทันที ลูกบาสพุ่งจากมือซ้ายในระดับใต้ท้องน้อยไปมือขวาของเขาอย่างว่องไว เมื่อไหล่ของเขาสั่นไหวลูกบาสก็ตกกระทบกับพื้นแล้วเด้งกลับมาสู่มือขวา สลัดหมายเลขหนึ่งที่กำลังจ้องมองเขาได้อย่างง่ายดาย


หมายเลขสองและสามเข้ามาบังเขาไว้ที่หน้าเขตห้ามทั้งสองด้าน ฉินสือโอวไม่ได้บุกต่อไป หลังจากที่เขาผ่านหมายเลขหนึ่งมาได้ก็ลอยตัวขึ้นจากพื้น แขนของเขาแกว่งไกวอย่างยืดหยุ่น ลูกบาสเกตบอลหยุดชะงักกลางอากาศเล็กน้อย พอครู่ต่อมามันก็หมุนแล้วพุ่งออกไป


มิเชลลุกขึ้นยืน แล้วตะโกนว่า “เบรกได้สวย!”


“ฉึบ!” ลูกบาสมุดลงไปในห่วงอย่างง่ายดาย ตาข่ายสีขาวม้วนขึ้นมาเหมือนเกลียวคลื่น


“โฮ่!” ทางฝั่งเมืองแฟร์เวลก็ตกลงสู่ความสนุกสนานอย่างสุดเหวี่ยงอีกครั้ง


หลังจากร่วงลงสู่พื้นแล้วฉินสือโอวก็วิ่งไปทางด้านหลัง ระหว่างที่กำลังวิ่งผ่านหมายเลขหนึ่งเขาก็แกว่งนิ้วชี้ไปมา นี่เป็นสัญญาณมือที่ถูกเอ็นบีเอห้ามใช้แล้ว มันเคยเป็นสัญลักษณ์มือที่โดดเด่นของมูทอมโบอดีตนักบาสตำแหน่งป้องกันดาวรุ่งชาวแอฟริกันของเอ็นบีเอ


ทีมเมืองบัตเตอร์ฟลายแวลลีย์ต้องการเห็นผลสำเร็จในทันที แต่กลับต้องพบกับความผิดพลาด จนต้องเสียบอล ทำให้ลูกบาสกลับมาอยู่ในกำมือของทีมเมืองแฟร์เวลอีกครั้ง


……………………………………………


บทที่ 300 อยู่ๆ ก็ดังขึ้นมาซะงั้น

โดย

Ink Stone_Fantasy

ฮิวจ์คนน้องเลี้ยงลูกบาสมาจนถึงแดนหน้า ฉินสือโอวยืนหนุนอยู่นอกเขตสามแต้ม หลังจากรับลูกบาสมาแล้วเขาก็ตั้งใจเก๊กเท่ เขาหันไปเผชิญหน้ากับการประกบของหมายเลขหนึ่งและหมายเลขสาม มือขวาจับลูกบาสไว้ข้างเดียว เหยียดแขนไปทางด้านหลัง แล้วมองทั้งสองคนที่อยู่ด้านหน้าอย่างทะนงตัว


ทันใดนั้น เสียงตะโกนเชียร์สั้นๆ แต่ทรงพลังก็ดังขึ้นมาจากทางฝั่งที่นั่งของชาวเมืองแฟร์เวล


“สู้ๆ! สู้ๆ!! สู้ๆ!!!”


“ต้องชนะ ต้องชนะ!! ต้องชนะ!!!”


“ฉินโซ่ว! ฉินโซ่ว!! ฉินโซ่ว!!!”


ได้ยินคนเหล่านี้เรียกชื่อเต็มของตัวเอง ฉินสือโอวก็รู้สึกปวดไข่ขึ้นมานิดหน่อย แม่เอ็งถ้าอยากจะเรียกก็ได้อยู่หรอก แต่ช่วยเรียกชื่อให้มันชัดๆ ได้ไหม ดูพวกนี้กำลังเน้นคำว่า ‘ฉินโซ่ว’ (ไอ้สัตว์) ทีละคำ ทำเอาไม่รู้จะอดทนกับมันยังไงดีเลย


ในใจของชาวเมืองบัตเตอร์ฟลายแวลลีย์ ฉินสือโอวก็คือ สัตว์เดรัจฉาน ชั่วช้าสามานย์ สัตว์เดรัจฉานที่น่าเกลียดชังอย่างหาใดเปรียบ


การแข่งขันเพิ่งจะเริ่มไปได้แค่ครึ่งเดียว ทีมบาสเกตบอลของพวกเขาก็ถูกตีซะย่อยยับ ป้องกันการโจมตีของฉินสือโอวไม่ได้เลยจริงๆ เขาบุกทะลวง ขว้างโยน ชู้ตจากเส้นสามแต้ม แถมเขายังสามารถป้องกันแล้วนำลูกบาสกลับมาทำแต้มต่อ ปัดรับลูก แถมยังบล็อกได้อีก สรุปแล้วก็คือ เขาได้ควบคุมการแข่งขันไว้หมดแล้ว


คะแนนตอนนี้อยู่ที่ 25-52 คะแนนของเมืองบัตเตอร์ฟลายแวลลีย์อยู่ด้านหน้า ซึ่งมีคะแนนตามหลังอยู่เกินกว่าครึ่ง……


การแข่งขันครึ่งแรกยังเหลือเวลาสี่นาทีสุดท้าย ฉินสือโอวต้องการทำแต้มในช่วงสุดท้าย หมายเลขหนึ่งกับหมายเลขสามกลืนน้ำลายพร้อมทั้งมองเขาอย่างหวาดกลัว เหมือนกับลูกแกะที่กำลังรอการรุกรานจากหมาป่าที่หิวโหย


ฉินสือโอวหยั่งเชิงด้วยการก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว เขาเห็นว่าเวลากำลังล่วงเลยไป จึงก้มตัวลงด้วยความรวดเร็วอย่างฉับพลัน ทำเหมือนกับกำลังจะรีบบุกไปข้างหน้าอย่างรุนแรง


หมายเลขหนึ่งกับหมายเลขสามรีบก้าวถอยหลัง คราวนี้ฉินสือโอวก็โยกหัวเข่าทั้งสองข้างแล้วเอนมาทางด้านหลัง พยุงร่างกายของตัวเองไว้ จากนั้นก็ถอยหลังหนึ่งก้าวเพื่อกลับไปยังนอกสามแต้มอีกครั้ง เขากระโดดขึ้นอย่างผ่าเผย แล้วสะบัดข้อมืออย่างนุ่มนวล ประตูสามแต้ม!


“ฉึ้บ!” เสียงดังก้องกังวาน การแข่งขันครึ่งแรกสิ้นสุดลงแล้ว แต้มยิงระยะไกล!


55-25 นำไปก่อน 30 คะแนน เมืองแฟร์เวลได้ชัยชนะมาไว้ในกำมืออย่างแน่นอนแล้ว ดังนั้นเสียงเรียก ‘ฉินโซ่ว’ จึงดังขึ้นมาอย่างไม่ขาดสาย


ฉินสือโอวออกจากสนาม ในครึ่งหลังเขาจะนั่งเป็นผู้ชมอยู่ที่ม้านั่ง เขาเรียกมิเชลล์ให้มาอยู่ข้างๆ แล้ววิเคราะห์สถานการณ์การแข่งขันให้ฟัง ช่วยสอนกลยุทธ์ง่ายๆ ให้เขาได้เรียนการวิเคราะห์สถานการณ์และควบคุมการแข่งขัน


การแข่งขันทั้งหมดสิ้นสุดลงแล้ว ทีมเมืองแฟร์เวลเอาชนะไปได้ด้วยคะแนน 79-60 น่าเสียดายที่ไม่มีนักข่าว ฉินสือโอวเลยไม่ได้วางท่าโอ้อวดอีก


ทว่า นี่ก็ไม่สามารถขัดขวางเขาจากการกลายเป็นคนดังได้ แน่นอนล่ะว่า ไม่ใช่ที่แคนาดา แต่เป็นที่จีน


ตอนนี้บรรดานักท่องเที่ยวต่างก็ชอบเล่นเวยป๋อกันทั้งนั้น รูปของฉินสือโอวที่พาเชอร์ลี่ย์และเด็กๆ ที่เหลือไปขายเกี๊ยวถูกหลี่เต๋อหลงโพสลงในเวยป๋อของเขา


จริงๆ แล้วนี่เป็นเรื่องที่ธรรมดามาก เพียงแค่บอกว่าเด็กๆ ที่เมืองแฟร์เวลพากันพึ่งพาตัวเองตั้งแต่อายุยังน้อย จึงออกมาขายเกี๊ยวเพื่อหารายได้ด้วยตัวเอง หลังจากนั้นหลี่เต๋อหลงก็ยังบอกอีกนิดหน่อยว่า ได้พบเพื่อนร่วมชาติโดยบังเอิญ เขาขับรถคาดิลแลควันมาขายเกี๊ยวเป็นเพื่อนเด็กๆ ทั้งสี่คน


ปรากฏว่าโพสต์นี้ของเขาในเวยป๋อก็ดังขึ้นมาทันที สิ่งที่เริ่มดึงดูดผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในตอนแรกก็คือโฉมหน้าที่โดดเด่นและรอยยิ้มหวานๆ ของเชอร์ลี่ย์ จนผู้คนพากันเรียกเธอว่าแม่ค้าขายเกี๊ยวไซซีแห่งแคนาดา


ต่อมา ความร้อนแรงก็ตกมาที่ตัวของฉินสือโอว ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่มีคนเริ่มพูดว่าฉินสือโอวไปขายเกี๊ยวอยู่นิวฟันด์แลนด์จนร่ำรวย ถึงได้ขับรถหรูคาดิลแลควัน ทั้งยังมีวิลล่าริมทะเลแบบนี้


ในตอนแรกฉินสือโอวไม่รู้เรื่องนี้ แต่เหมาเหว่ยหลงแชร์โพสต์นี้มา หลังจากนั้นเพื่อนร่วมชั้นเรียนทั้งห้องก็พากันแชร์โพสต์นี้แล้วแท็กชื่อเขามา แล้วถามเขาว่าเขาถูกคนในเน็ตใส่ร้ายหรือเปล่า ทำเอาไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้เลยทีเดียว


สำหรับเรื่องพวกนี้แล้ว ฉินสือโอวไม่ได้ใส่ใจแต่อย่างใด เขารู้ว่านี่เป็นความสนุกเพียงชั่วคราวของทุกคนก็เท่านั้น ผ่านไปสองวันก็ไม่มีใครมาสนใจแล้ว ทว่าเขาประเมินความสามารถในการซุบซิบนินทาของเพื่อนร่วมชาติได้ต่ำเกินไป ต่อมามีนักท่องเที่ยวโพสต์ภาพเขาที่กำลังกอดกับวินนี่อย่างสนิทชิดเชื้อเพิ่มเข้าไปอีก


เสน่ห์ของรถหรูกับวิลล่าริมทะเล ไม่มีทางเทียบกันได้กับสาวสวย โดยเฉพาะสาวลูกครึ่งที่สามารถรวมเอาความสวยมีเสน่ห์ของทุกชาติพันธุ์อย่างวินนี่ไว้ด้วยแล้ว


ไม่มีทางที่จะควบคุมเรื่องพวกนี้ได้เลย พวกคนที่ไม่มีงานมีการทำบางคนก็พยายามค้นหาข่าวที่เกี่ยวข้องกับฉินสือโอวในเวยป๋อ ก็ค้นเจอว่าสมัยเรียนมหาลัยเขาเป็นเพียงนักศึกษาธรรมดาเท่านั้น หลังจากเรียนจบก็เป็นพวกเหมือนขี้แพ้ทั่วไปในประเทศ ต่อมาออกไปขายเกี๊ยวที่เมืองนอก ก็สามารถขับรถหรู เล่นเรือยอชต์ อาศัยอยู่ในวิลล่า แถมยังได้ควงสาวสวยสุดยอด…


แล้วปัญหาอยู่ที่ตรงไหนกันล่ะ?


ฉินสือโอวไม่เข้าใจว่าปัญหามันอยู่ที่ตรงไหนกัน ยังไงซะตอนนี้เขาก็ดังขึ้นมาแบบแปลกๆ แล้ว เขาถูกคนเรียกว่าซีอีโอขายเกี๊ยว ตอนเช้าโทรศัพท์ไปหาที่บ้าน พ่อกับแม่ก็ถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งยังบอกว่าเขาได้ออกทีวี…


“พอแล้วล่ะ ผมหลบๆ ไปก่อนดีกว่า” ฉินสือโอวดูข่าวของประเทศจีนที่เกี่ยวกับตัวเองแล้วก็ได้แต่ส่ายหัวอย่างจนปัญญา


ชีวิตคนเรานี่น่าขบขันโดยแท้ เมื่อก่อนตอนที่ยังอยู่ที่จีน เขาเพ้อฝันว่าอยากจะโด่งดังมาตลอด จะดีที่สุดถ้ามีสาวสวยมาคอยเอาใจเขาด้วย ถ้าเป็นแบบนั้นก็คงจะสมบูรณ์แบบเลยล่ะ


ตอนนี้ เขาอยากจะดื่มด่ำชีวิตอย่างเงียบๆ เท่านั้น แต่เรื่องน่ารำคาญกลับเข้ามารบกวนเขา กลุ่มสาวสวยเข้ามาพัวพัน เป็นคนดังในเวยป๋อ ดาวดวงใหม่ด้านอาหารทะเลแห่งนครเซนต์จอห์น ทำให้เขารำคาญจนทนไม่ไหว


วินนี่ช่วยเขาเสนอความคิดเห็น เธอพูดกับเขาว่า “ช่วงฤดูร้อนเทือกเขาเคอร์บัลจะสวยมากๆ ทำไมคุณไม่ขึ้นไปเที่ยวบนเขาหน่อยล่ะคะ”


ฉินสือโอวตบก้นเธอ แล้วเอ่ยปากชมด้วยว่า “เป็นความคิดที่ดี คุณเป็นภรรยาที่ดีจริงๆ ถ้าอย่างนั้นก็เอาแบบนี้ละกัน”


หลังจากเอาชนะทีมบาสเกตบอลเมืองบัตเตอร์ฟลายแวลลีย์ได้แล้ว รางวัลที่วินนี่มอบให้ก็คือฉินสือโอวสามารถโดนเนื้อโดนตัวเธอได้แล้ว


ช่วงนี้ฉินสือโอวสามารถทลายปราการชั้นที่สองได้สำเร็จแล้ว สามารถกอดจูบเธอได้ทุกที่ทุกเวลา ในที่ส่วนตัวก็ยังสามารถกอดจูบลูบคลำได้อีกด้วย ทว่าการทะลวงขั้นตอนสุดท้ายกลับยังไม่มีความคืบหน้า


วินนี่แย้มรอยยิ้มหวาน แล้วพูดกับเขาว่า “พอดีเลย นักท่องเที่ยวของเราก็จะขึ้นเขาไปล่าสัตว์เหมือนกัน แค่คุณไปด้วยกันก็พอแล้ว”


ฉินสือโอวกะพริบตาปริบๆ เขาถึงบางอ้อในทันที “คุณจะให้ผมเป็นบอดี้การ์ดให้พวกเขาเหรอครับ?”


เขาไม่ทำเรื่องนี้ เขาไม่อยากจะเข้าไปอยู่ในขอบเขตกล้องถ่ายรูปของนักท่องเที่ยวพวกนี้อีก รูปของเขาตอนอยู่ที่นิวฟันด์แลนด์มาจากไหน ไม่ใช่พวกเวรนี่หรอกเหรอที่เป็นคนถ่าย? ชังน้ำหน้านัก


วินนี่เกลี้ยกล่อมเขาด้วยความหวังดี “บนภูเขาไม่มีสัญญาณ ถึงพวกเขาจะอยากถ่ายรูปคุณ แต่ก็คงเอาลงอินเทอร์เน็ตไม่ได้หรอกค่ะ นอกจากนี้ ยิ่งคุณอยู่ห่างพวกเขา พวกเขาก็จะยิ่งรู้สึกว่าคุณลึกลับ แล้วก็จะยิ่งสนใจเรื่องของคุณ ถ้าคุณเข้าหาพวกเขาเอง พอคุ้นเคยกันแล้วก็คงไม่มีใครอยากรู้อยากเห็นเรื่องเกี่ยวกับคุณแล้วล่ะค่ะ”


“เหอะๆ อย่าทำเหมือนผมเป็นเด็กไปหน่อยเลย ผมไม่ไปเป็นพี่เลี้ยงให้พวกเขาหรอก” ฉินสือโอวปฏิเสธ


วินนี่ยักไหล่น้อยๆ แล้วพูดกับเขาว่า “โอเคค่ะ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวฉันจะพาพวกเขาขึ้นไปบนภูเขาเอง ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้น คุณก็เตรียมใจให้ดีแล้วกันนะคะ”


“เวร แฮมเล็ตไม่ได้บอกไว้หรอกเหรอ ว่าจะไม่ให้ไกด์ผู้หญิงแบบพวกคุณตามขึ้นเขาน่ะ?”


“แต่ฉันต้องทำตัวให้คุ้นชินกับเทือกเขาเคอร์บัลสักหน่อยนี่คะ ฉันยังไม่เคยขึ้นเขาเลยด้วยซ้ำ”


ฉินสือโอวหมดทางไปแล้ว แต่ก็ไม่ควรให้ภรรยาต้องออกไปเสี่ยงหรือเปล่า? ไม่ต้องพูดถึงสัตว์ป่าที่อยู่บนภูเขาหรอก ในสายตาของฉินสือโอว พอไปถึงภูเขาแล้ว นักท่องเที่ยวผู้ชายพวกนั้นน่ากลัวยิ่งกว่าสัตว์ป่าเสียอีก เมื่อเร็วๆ นี้เขาเพิ่งดูหนังเอวีญี่ปุ่นที่เกี่ยวกับไกด์นำเที่ยวผู้หญิงไปหลายเรื่อง ใจคนเราช่างดำมืดจริงๆ


โชคดีที่ช่วงวันที่สิบเดือนกันยายน ฮัดสัน เบิร์ด เพื่อนสนิทที่แสนจะเทิดทูนของนีลเซ็นเดินทางมาถึงเมืองนี้พอดี


เบิร์ดสวมชุดทหารลายพรางทั้งตัว กล้ามเนื้อบึกบึนดันจนเสื้อนอกนูนขึ้นมา เขาสวมรองเท้าบูต ให้ความรู้สึกองอาจดุดันยามก้าวเดิน เมื่อได้พบกับฉินสือโอวเขาก็ทำความเคารพแบบทหารแล้วพูดด้วยเสียงดังก้อง “เซอร์ ผมฮัดสัน เบิร์ด มารายงานตัวครับ!”


ฉินสือโอวตกใจจนขวัญหนีเขาชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงทำท่าวันทยาวุธกลับไปเหมือนกัน “อันนั้น เบิร์ด เอ้อ ครูฝึกเบิร์ดใช่ไหม?”


“เซอร์ ผมจะมาเป็นนักบินให้กับท่านครับ เรียกผมว่าเบิร์ดหรือบิ๊กเบิร์ดก็ได้ครับ เซอร์!”


“นายเลิกทำวันทยาวุธกับฉันก่อนเถอะ ถ้าเป็นแบบนี้อีกฉันคงต้องเรียกนายว่าลุงแล้วล่ะ”


“เยสเซอร์!”


………………………………………

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)