หมอดูยอดอัจฉริยะ 293-294

 ตอนที่ 293 ฉีกหน้า

โดย

Ink Stone_Fantasy

ตั้งแต่เริ่มมีการผลิตปืนออกมาทั้งยังใช้ในการทำสงครามในสมัยใหม่แล้ว ยังเป็นสัญลักษณ์ว่ายุคแห่งการสู้รบ ด้วยหอกดาบจบลงแล้ว


ปลายราชวงศ์ชิง ชีวิตของนักมวยจีนไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ที่ได้สังเวยให้กับอาวุธปืน เช่นจอมดาบหวังอู่ ที่ตายจากการถูกกราดยิง ดังนั้นผู้ที่ฝึกมวยทุกคนจึงมีความรู้สึกต่อต้านต่ออาวุธปืนอยู่ในใจ


ตอนที่นักพรตเฒ่าไปรบกับทหารญี่ปุ่น เคยใช้ปืนกลหลายกระบอก ปืนพวกนั้นตอนนี้ถูกฝังไว้ใต้ดินแถวหน้าอาราม ตามคำกล่าวของหลี่ซั่นหยวนว่าการใช้อาวุธปืนทำให้ศีลธรรมของคนเสื่อมลง


เยี่ยเทียนไม่ทราบว่าอาจารย์ไปเอาประโยคนี้มาจากไหน แต่เขาก็เหมือนกับอาจารย์ที่ไม่ได้รู้สึกดีกับปืนพวกนี้เลย


ตอนที่หวงซือจื้อ หยิบปืนออกมา เยี่ยเทียนยังอดขนหัวลุกไม่ได้ ในใจรู้สีกเหมือนกำลังถูกสัตว์ร้ายจ้องจะเอาชีวิต เขารู้ดีว่าต่อให้ตัวเองเยี่ยมยุทธแค่ไหน แต่ก็ไม่สามารถต้านทานต่อกระสุนลูกเล็กๆ ได้


ด้วยความรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ เยี่ยเทียนแย่งปืนมาจากมือของฝ่ายตรงข้ามได้ทันควัน ถึงจะวางใจลงได้ เขาไม่ชอบการถูกข่มขู่เอาเสียเลย


เยี่ยเทียนตีหน้าขรึม ชี้ปลายกระบอกปืนไปที่กระโหลกของฝ่ายตรงข้าม พูดเสียงเหี้ยมว่า “จะเล่นปืนก็ต้องระวัง หน่อย ถ้าเกิดปืนลั่นโป้งป้างขึ้นมา แกจะรับผิดชอบไม่ไหว!”


“อย่า ลูกพี่ ผมแค่ล้อเล่นกับพี่เฉยๆ ในปืนนี้ไม่มีลูกกระสุน!”


พอเห็นฝีมือของเยี่ยเทียน หวงซือจื้อรู้ตัวแล้วว่ากำลังเล่นอยู่กับไฟ ถ้ายังดันทุรังต่อไปต้องเสียเปรียบแน่นอน


“ไม่มีกระสุน?”


เยี่ยเทียนส่งมือไปดึงรางกระสุนออกดู ไม่มีจริงๆด้วย โล่งใจขึ้นมาหน่อย แต่ยังคงชี้ปลายกระบอกปืนไปที่หวงซือจื้อ พูดว่า “ถึงยิงไม่ตาย แต่ปืนนี่ใช้ทุบคนตายได้ แกว่าฉันใช้ส่วนไหนทุบแกดี?”


“ลูกพี่ ทุบตรงไหนก็ไม่ดีทั้งนั้นแหละ ปืนนี่เป็นปืนสะสมของแท้ของบราวนิ่ง หัวของผมคงไม่คู่ควรโดนปืนนี้ทุบหรอก วันนี้ถือว่าผมยอมแพ้ พี่ว่าข้อตกลงมาเลย!”


หวงซือจื้อสามารถทำการขวางโลกอยู่ได้ในปักกิ่งก็เพราะคนอื่นยังไว้หน้าปู่ของเขาอยู่บ้าง อีกอย่างเขาเอง ก็รู้กาละเทศะ ไม่ค่อยยอมเสียเปรียบใครได้ง่ายๆ


“ให้ตายเถอะ เจอของแข็งตัวจริงเข้าแล้ว!”


ได้ยินที่หวงซือจื้อพูด เยี่ยเทียนก็ปวดหัวจี๊ดขึ้นมา พยายามข่มใจไม่ให้ฆ่าคนๆ นี้ต่อหน้าสาธารณชน? อีกอย่างการที่ฝ่ายนั้นกล้าชักปืนออกมาข่มขู่ตนได้ จะต้องมีผู้อยู่เบื้องหลังแน่


เยี่ยเทียนใช้วิชาจัดการกับเฟ่ยเฮ่อเหว่ยได้ เพราะว่าเขาสมควรตาย แต่คนที่อยู่ตรงหน้าถึงใช้อำนาจยิ่งใหญ่อย่างไร ก็โทษไม่ถึงตาย เยี่ยเทียนทำอะไรเขาไม่ได้


“หยุด”


เยี่ยเทียนไม่รู้จะทำอย่างไรต่อ ตอนนั้นเองก็มีเสียงคนดังขึ้น เยี่ยเทียนเงยศีรษะขึ้นมอง สบตากับผู้มาใหม่ ต่างฝ่ายต่างตะลึงไปทั้งคู่


“เยี่ยเทียน?”


“พี่หู?”


เห็นผู้ที่เพิ่งมาถึง เยี่ยเทียนรีบลุกขึ้นต้อนรับ ถามต่อว่า “พี่หู พี่มาทำอะไรที่นี่?”


คนผู้นี้คือหูจวิน ซึ่งเยี่ยเทียนเคยพบเพียงครั้งเดียว  ตั้งแต่ตอนนั้นที่โรงแรม ทั้งสองติดต่อกันทางโทรศัพท์ เพียงไม่กี่ครั้ง และไม่ได้พบหน้ากันอีกเลย


“อะแฮ่ม ร้านนี้เป็นร้านของฉันเอง?”


หูจวินยิ้มแห้ง มองปืนในมือของเยี่ยเทียนแล้วถามต่อ “ถึงกับต้องใช้ปืนผาหน้าไม้กันเลยเหรอ? มีเรื่องอะไรค่อยๆ พูดค่อยจากันดีกว่า”


อาศัยจังหวะที่เยี่ยเทียนกับหูจวินคุยกัน หวงซือจื้อรีบลุกขึ้นมาจากพื้น สายตาปองร้ายมองไปที่เยี่ยเทียน แล้วพูดกับหูจวินว่า  “เหล่าหู่นั่นเป็นปืนของฉัน ถูกเขาแย่งไป แกคงทนเห็นฉันถูกรังแกไม่ได้ใช่ไหม?”


หวงซือจื้อกับหูจวินรู้จักกันตั้งแต่เด็ก เขาคิดว่าหูจวินต้องมาช่วยเขาอย่างแน่นอน


หูจวินขมวดคิ้ว “ฉันว่านะหวงซื่อเอ๋อ ร้านนี้เป็นของฉันนะ แกจะมาชักมีดชักปืนในร้านฉันอย่างนี้ได้ยังไง?”


หวงซือจื้อยังมีพี่สาวอีกสามคน ซึ่งต่างก็คุ้นเคยกับหูจวินเป็นอย่างดี เขาจึงเรียกหวงซือจื้อตามพี่สาวทั้งสามว่าหวงซื่อเอ๋อ


แต่ไหนแต่ไรหูจวินกับหวงซือจื้อไม่ค่อยติดต่อกัน แค่รู้จักกันตอนเด็ก ตั้งแต่เขามาทำธุรกิจที่ปักกิ่ง หวงซือจื้อก็ตามติดเขามาตั้งแต่นั้น


ด้วยนิสัยเจ้าเอาแต่ใจของหวงซือจื้อ เวลามาที่ร้านก็ชอบมาจีบลูกค้าสาวๆ ในร้าน ถ้าไม่เห็นแก่ที่เขาจะซื้อรถแล้ว หูจวินคงจะไม่ให้มาที่ร้าน


เห็นฉากตรงหน้าหูจวินไม่ต้องถามก็รู้ได้ว่าหวงซือจื้อไปก่อเรื่องอะไรขึ้น


เมื่อเห็นว่าหูจวินไม่ได้ใส่ใจนัก หวงซือจื้อก็โกรธควันออกหู โวยวายขึ้นมา “เหล่าหู่ ทำไมนายเห็นคนอื่นดีกว่าฉันล่ะ? ปืนนั้นเป็นสมบัติของคุณปู่ วันนี้ฉันเอามันมาให้นายดูเปิดหูเปิดตา เรื่องนี้นายต้องจัดการให้ฉัน?”


ตั้งแต่คุณปู่เสียไป บ้านตระกูลหวงก็เสื่อมลงทุกวัน หวงซือจื้ออยากจะหาที่เกาะกินจึงมาติดต่อสานสัมพันธ์กับหูจวิน


ช่วงก่อนได้ยินว่าหูจวินชอบเล่นปืน จึงได้นำเอาปืนสั้นบราวนิ่งเก่าแก่ของคุณปู่ที่เคยใช้รบจริงออกมา เพื่ออยากโอ้อวดบ้าง


หูจวินโบกมือ “หวงซื่อเอ๋อ ทุกทีแกแค่เล่นสนุกไปวันๆ น่ะไม่เป็นไร แต่เยี่ยเทียนเป็นพี่น้องกับฉัน วันนี้แกต้องขอโทษ เขาแล้วเรื่องถึงจะจบ!”


“ให้ตายสิ คนแซ่หู เขาเป็นพี่น้องกับแก แล้วฉันไม่ใช่งั้นสิ? ให้ฉันขอโทษ? หัวแกโดนประตูหนีบมารึไง?” สิ่งที่หวงซือจื้อคิดไม่ถึงคือหูจวินจะให้เขาเป็นฝ่ายขอโทษ จึงโกรธไม่ญาติดีด้วย


หูจวินหน้าขรึมขึ้นทันที “หวงซื่อ นี่ฉันไว้หน้าแกมากแล้วนะ อย่าให้มากเกินไป?”


เมื่อก่อนตำแหน่งคุณปู่ของหูจวินในกองทัพไม่ได้ด้อยไปกว่าคุณปู่ของหวงซือจื้อเลย ตอนนี้คุณพ่อของเขาเองก็กำลัง อยู่ระหว่างเลื่อนยศ บ้านตระกูลหวงยิ่งเทียบไม่ติด เขาจึงไม่ค่อยเห็นหวงซือจื้ออยู่ในสายตา


หูจวินถึงจะได้สัมผัสกับเยี่ยเทียนไม่มาก แต่อาศัยที่เยี่ยเทียนสามารถเรียกถังเหวินหยวนว่าเหล่าถังได้นี่ไม่ธรรมดา เขาจึงวางหมากไว้บนตัวเยี่ยเทียนแล้ว


ผู้เฒ่าถังท่านนั้นมีอำนาจล้นฟ้า ถ้าหากท่านแค่ไม่ชอบใครขยับปากทีเดียว อย่าว่าแต่คนตายแล้วอย่างปู่ของ หวงซือจื้อเลย คนเป็นก็ยังอยู่ในประเทศต่อยาก


“ได้ ได้ คนแซ่หู ฉันจะจำไว้ เอาปืนมา รถน่ะฉันไม่เอาแล้ว ตั้งแต่วันนี้ไปในปักกิ่ง ที่ไหนมีแกที่นั่นต้องไม่มีฉัน!”


หนุ่มเจ้าสำราญในปักกิ่ง ให้ความสำคัญกับหน้าตามากที่สุด หูจวินฉีกหน้าเขาต่อหน้าธารกำนัล


หูจวินยื่นมือไปให้เยี่ยเทียน “เยี่ยเทียน ส่งปืนให้ฉันได้ไหม?”


เยี่ยเทียนพยักหน้า ส่งปืนให้หูจวิน เขาไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับปืนนี้ดี


หูจวินหยิบปืนส่งให้หวงซือจื้อ “ซื่อเอ๋อ แกอายุไม่น้อยแล้ว เชื่อฉันเถอะ ต่อไปทำอะไรให้รอบคอบหน่อย อย่าเอาแต่หาเรื่องใส่ตัว!”


“ฉันจะทำไรมันก็เรื่องของฉัน แกไม่ต้องยุ่ง!”


หวงซือจื้อยิ้มขมขื่น หันไปหาเยี่ยเทียน “แกชื่อเยี่ยเทียนใช่ไหม? ฉันจะจำเอาไว้ อย่าให้ได้เจออีกนะ มีเรื่องแน่!”


พูดจบ หวงซือจื้อเดินนำผู้คุ้มกันอีกสองคนออกไป ถ้าขืนอยู่ต่อคงได้เสียหน้ามากกว่านี้


“ให้ตายสิ คนอะไรเนี่ย?”


เห็นหลังของหวงซือจื้อจากไป เยี่ยเทียนก็ยิ้มไม่ออก แค่จะออกมาซื้อรถเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ขึ้นจนได้ ต่อไปก่อนออกจากบ้านคงต้องดูดวงให้ตัวเองบ้างแล้ว?


“เยี่ยเทียน อย่าได้เก็บมาใส่ใจ ไป เราไปนั่งพักที่สำนักงานกัน!”


หูจวินส่ายศีรษะ หันกลับไปเห็นถังเสวียเสวี่ย ได้แต่ตะลึง “เอ๋ คุณหนูบ้านตะกูลถังก็อยู่ด้วย สีหน้าของเธอดีกว่าเมื่อก่อนมากเลย”


หูจวินเคยพบถังเสวียเสวี่ยที่โรงแรมรอบหนึ่ง ตอนนี้มาเจอเธออยู่กับเยี่ยเทียน ก็เดาได้ว่าความสัมพันธ์ของเยี่ยเทียนกับตระกูลถังต้องดีระดับไหน


แต่ถังเสวียเสวี่ยไม่ได้ตอบอะไร เพียงแต่พยักหน้าและเดินตามหลังเยี่ยเทียนไป


เยี่ยเทียนส่ายศีรษะ “พี่หู ช่างเถอะ ตอนแรกอยากมาซื้อรถ แต่ถูกหมาบ้าทำให้เสียเรื่องหมด เอาไว้วันหลังค่อยมาใหม่แล้วกัน”


“พูดอะไรน่ะเยี่ยเทียน เดี๋ยวฉันไปส่งนายที่บ้าน ดูซิว่าเจ้าหวงซือจื้อยังจะกล้าเล่นตุกติกอะไรอีก?” หูจวินคิดว่าเยี่ยเทียนกลัวหวงซือจื้อจะมาเอาคืน จึงพยายามลากเยี่ยเทียนไปที่สำนักงานของตัวเองจนได้


“เยี่ยเทียน ต่อไปถ้าหวงซือจื้อกล้ามาหาเรื่องนายอีก นายก็อย่าไปถือสา แค่มาบอกฉัน ฉันจะไปหักขามันเอง!” พอเข้ามานั่งในสำนักงานแล้ว หูจวินให้คำรับรองแก่เยี่ยเทียนเป็นมั่นเป็นเหมาะ


ที่หูจวินพูดแบบนี้ก็เพราะว่าหวงซือจื้อถึงแม้อยู่ในวงการสีเทาแบบไม่เต็มภาคภูมินัก แต่ก็ยังมีผู้ใหญ่หลายคน ที่ยังคงเอ็นดูเขาอยู่


ถ้าคนกันเองทะเลาะกัน พวกผู้ใหญ่จะไม่สืบสาวราวเรื่องอะไรมาก แต่ถ้าถูกคนภายนอกทำร้ายมาละก็ ต้องเป็นเรื่องใหญ่ หูจวินกำลังเตือนเยี่ยเทียนทางอ้อม


“ผมรู้แล้วล่ะพี่หู ถ้าไม่อยากมีปัญหาก็อยู่ให้ห่างไว้”


เยี่ยเทียนยิ้มพลางส่ายหัว แต่ไหนแต่ไรมา พวกชาวยุทธมักจะไม่ชอบมีเรื่องกับทางการ ต่อให้ความสามารถเก่งกาจแค่ไหนก็ไม่อาจต่อกรกับอำนาจรัฐได้


เยี่ยเทียนยังมีครอบครัวอยู่เบื้องหลัง ถ้าลำพังแค่เขาคนเดียวเดือดร้อนถึงชีวิตคงไม่เป็นไร แต่ถ้าครอบครัวของเขาต้องมารับเคราะห์ไปด้วยเขาคงทนไม่ได้ จึงไม่ได้คิดจะตอบโต้หวงซือจื้อแต่อย่างใด


“เอาเถอะ ไว้ฉันค่อยเตือนเขาทีหลัง น้องเยี่ยเทียน นายมาซื้อรถเหรอ?” หูจวินเปลี่ยนเรื่องคุย


“ใช่ มาซื้อรถ ใครจะไปรู้ว่จะเกิดเรื่องขนาดนี้!”


เยี่ยเทียนพยักหน้า แล้วถามด้วยความสงสัย “พี่หู พี่ไม่ได้ทำงานเกี่ยวกับการติดต่อสื่อสารเหรอ? ทำไมอยู่ดีๆมาเปิดโชว์รูมขายรถล่ะ?”


หูจวินตอบว่า “มีเงินเย็นอยู่ในมือก้อนหนึ่ง บวกกับรู้จักคุ้นเคยดีกับบริษัทรถบีเอ็ม เลยติดต่อนำเข้าเปิดสาขา ร้าน 4S ขึ้นมา เยี่ยเทียน นายถูกใจรถคันไหน? พี่ยกให้ฟรีเลย ถือเป็นการขอโทษต่อเรื่องที่เกิดขึ้น!”


“ไม่ต้องหรอก”


เยี่ยเทียนสั่นหัวปฏิเสธ “พี่หู ผมอยากจองรถแลนด์โรฟเวอร์ ไม่รู้ว่าต้องรอนานมากไหม?”


“แลนด์โรฟเวอร์?” ฟังเยี่ยเทียนจบ สีหน้าของหูจวินก็แปลกไป “วันนี้นายไม่ได้ตั้งใจจะกำราบเจ้าหวงซือจื้อนั่นใช่ไหม?”


ตอนที่ 294 ทะลวงชีพจร (1)

โดย

Ink Stone_Fantasy

“พี่หู คำนี้หมายความว่าไง? ฉันว่างไม่มีอะไรทำเลยชอบมีปัญหาใช่ไหม? ”


หลังจากที่ได้ยินคำพูดของหูจวิน เยี่ยเทียนไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ เพราะวันนี้แฟนสาวของเขาถูกแซว ถ้าเขาต้องอดทนกับเรื่องนี้เขาก็ไม่ใช่ผู้ชายแล้ว


“ล้อเล่น ล้อเล่นนะ”


เมื่อเห็นว่าเยี่ยเทียนโกรธแล้ว หูจวินจึงรีบพูดขึ้นว่า “แลนด์โรเวอร์คันนั้นที่คุณเห็น ถูกจองโดยหวงซือจื้อ แต่เขาไม่ต้องการแล้ว ตอนนี้คุณสามารถนำรถออกไปได้ทุกเมื่อ!”


“บังเอิญจัง?” เยี่ยเทียนก็ตกตะลึงเช่นกัน เมื่อสักครู่ตอนที่หวงซื้อจื้อกำลังจะไป ดูเหมือนจะบอกว่าไม่ต้องการรถ ไม่นึกเลยว่ามันคือแลนด์โรเวอร์คันนั้น?


หูจวินพูดพร้อมกับยิ้มว่า “มันช่างเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ เด็กคนนี้อยากจะมีส่วนในหุ้นของฉัน แต่ฉันไม่เห็นด้วย แต่ก็ยังช่วยให้เขาได้รถยนต์ไปเล่นหลายคัน…”


มันกลับกลายเป็นว่าเมื่อเริ่มแรกที่หูจวินเปิดร้าน 4S หวงซือจื้อต้องการที่จะลงทุนเพื่อถือหุ้นบางส่วน แต่หูจวินก็ไม่ได้ขาดเงิน ดังนั้นเขาจึงปฏิเสธหวงซือจื้อ


อย่างไรก็ตามตั้งแต่การเปิดตัวร้าน 4S นั้น หวงซือจื้อได้เข้าไปพัวพันกับหูจวินและขอให้เขา ช่วยนำเข้ารถยนต์จากต่างประเทศ เป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องรู้ว่าการจะนำเข้ารถยนต์จากต่างประเทศในปี 1998 นั้น ภาษีค่อนข้างหนักและแน่นอนที่จำเป็นต้องมีเส้นสายบ้าง


เช่นเดียวกับแลนด์โรเวอร์ในโรงรถคันนั้น ถ้าไม่ใช่บริษัท BMW ที่เข้ามาดำเนินการบริหารต่อบริษัทแลนด์โรเวอร์ในปี 1994 อีกทั้งที่หูจวินเองมีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้บริหารของ BMW เขาจะไม่สามารถรับรถเข้ามาไปในประเทศได้


แน่นอนว่าสิ่งนี้ไม่เกี่ยวกับธุรกิจของหูจวินในร้าน 4S เขาได้นำเข้ารถยนต์บางส่วนเข้ามาขายได้โดยมีความสัมพันธ์ ส่วนตัวของเขาเอง และไม่ต้องการกำไร แค่ต้องการสร้างความสัมพันธ์เท่านั้น


หลังจากฟังคำอธิบายของหูจวินแล้ว เยี่ยเทียนก็ถามว่า “ฉันจะขับรถออกไปได้ทันทีเมื่อฉันย้อนกลับมาใช่ไหม”


สิ่งที่ผู้ชายส่วนใหญ่รักนอกจากผู้หญิงแล้ว ก็คือปืนและรถยนต์ เยี่ยเทียนไม่มีความรักหรือสนใจในปืน และตอนนี้ได้ยินว่าตนสามารถมีรถแลนด์โรเวอร์ได้ในทันที ก็รู้สึกตื่นเต้นในใจเล็กน้อย


หูจวินพยักหน้าและพูดว่า”แน่นอนเลยน้องเยี่ยเทียน วันนี้สิ่งนี้จะเกิดขึ้นในร้านของฉัน รถคันนี้จะเป็นสิ่งที่พี่หูชดใช้ ให้แก่คุณก็แล้วกันนะ!”


ส่งรถยนต์หรูหรามูลค่าเกือบหนึ่งล้าน หูจวินแทบไม่ต้องกระพริบตา นี่เป็นเพราะคำแนะนำที่เยี่ยเทียนบอกแก่เขา เมื่อก่อนหน้านี้ ได้ทำให้หูจวินได้ลิ้มรสความหวานมากมายแล้ว


“อย่าทำอย่างนี้ พี่หู ถ้าคุณพูดแบบนี้ รถคันนี้ผมไม่เอาแล้วนะ” เยี่ยเทียนพูดพร้อมกับส่ายหัว ตอนนี้เขาไม่ได้ขาดเงิน หากเพราะเงินแล้วต้องเป็นหนี้ในมนุษยสัมพันธ์ เยี่ยเทียนจะไม่ทำแบบนี้เด็ดขาด


“ตกลง การนำเข้ารถยนต์คันนั้นรวมภาษีแล้วราคาคือ 850,000หยวน ฉันจะเรียกเก็บเงินคุณเท่านี้นะ!” หูจวินก็ไม่ได้บังคับ คนที่ได้เดินเข้าใกล้กับตระกูลถังในฮ่องกง จะขาด 8 แสนนั่นหรือ?


เมื่อเห็นเยี่ยเทียนพยักหน้าและเห็นด้วย หูจวินเรียกคนมาทำสัญญาซื้อขายรถยนต์ หลังจากที่ทั้งสองฝ่าย ได้ลงนามในสัญญา เยี่ยเทียนหยิบบัตรธนาคาร ยอดเงิน 1 ล้านและดำเนินการโอนเงิน


หลังจากเสร็จสิ้นการดำเนินการแล้ว เยี่ยเทียนก็นึกเรื่องบางอย่างขึ้นได้ และพูดว่า “ใช่พี่หู คุณควรให้ค่าคอมมิชชั่น แก่คุณตั่วตัวคนนั้นนะ พวกคุณจะต้องให้นะ”


ตระกูลตั่วในสมัยช่วงราชวงศ์ชิง ก็เป็นประเภทหนึ่งในฉีเหมิน ด้วยเทคนิคการทำนายดวงชะตาชีพจรของตั่วซื่อหลิน แม้แต่อาจารย์เองก็ชื่นชมอย่างไม่ขาดปาก


เมื่อเห็นว่าตั่วตัวทำงานที่นี่ เยี่ยเทียนสามารถเดาได้ว่าวิชาของตระกูลตั่วนั้นไม่มีการสืบทอดแล้ว ดังนั้นเยี่ยเทียนจึงพูดแบบนี้อย่างตั้งใจ และต้องการช่วยเหลือลูกหลานของตระกูลตั่ว


“ได้เลย จะให้แน่นอน ฉันจะให้โบนัสแก่เขาตอนสิ้นเดือน” หลังจากที่ได้ถามอย่างชัดเจนแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น หูจวินพยักหน้าและตกลงตามนั้น


“คุณเยี่ยนี่คือกุญแจรถ ได้เติมน้ำมันเต็มถังแล้วสำหรับรถคันนี้ เราจะเตรียมป้ายทะเบียนรถให้พร้อมและจัดส่ง ให้แก่คุณภายในสามวันทำการ!”


หลังจากเซ็นสัญญา ผู้จัดการอู๋ก็ออกไป ประมาณสิบนาทีต่อมา ก็กลับมาที่สำนักงานอีกครั้ง ในมือถือกุญแจ ของรถแลนด์โรเวอร์


“ขอบคุณผู้จัดการอู่ ส่วนป้ายทะเบียนรถรบกวนคุณด้วยนะ”  เยี่ยเทียนยืนขึ้นและรับกุญแจ มองไปที่หูจวินแล้วพูดว่า “พี่หู ฉันขอตัวกลับก่อนนะ”


หูจวินยืนขึ้น และพูดเหนี่ยวรั้งว่า “น้องเยี่ย มื้อค่ำนี้ทานข้าวด้วยกันไหม?”


เยี่ยเทียนส่ายหัวแล้วพูดว่า “สุขภายร่างกายของเสวี่ยเสวี่ยไม่ค่อยดีนัก และเขาไม่สามารถออกไปข้างนอก เป็นเวลานาน ผมขอเป็นวันอื่นนะ แล้วค่อยออกไปหาที่นั่งคุยกัน”


เมื่อได้ยินถึงเยี่ยเทียนพูดอ้างถึงสุขภาพร่างกายของถังเสวี่ยเสวี่ย หูจวินก็ไม่ได้เหนี่ยวรั้งเขาไว้ แล้วเดินไปส่งเยี่ยเทียน ที่ประตูร้าน 4S รถแลนด์โรเวอร์อันสง่างามก็จอดรออยู่ที่ประตูแล้ว


ในปี1998 นอกเหนือจากปักกิ่งมีรถจี๊ปและรถออฟโรดแล้ว การขับรถออฟโรดแบบนี้ยังหาได้ยากในประเทศ ในเวลานี้ก็มีคนไม่น้อยที่มามุงอยู่ตรงนั้นแล้วต่างก็พากันชี้ไปรอบๆ รถ


แต่เยี่ยเทียนก็ไม่ได้ขับรถคันนั้นท่ามกลางสายตาของผู้คนที่อิจฉา เพราะเขาขับรถซานตาน่ามาอีกหนึ่งคัน สุดท้ายแล้วผู้ที่ขับรถแลนด์โรเวอร์คือชิงหย่า เยี่ยเทียนขับรถซานตาน่าตามหลังไป


หลังจากกลับมาถึงบ้าน เยี่ยเทียนก็จออดซานตาน่าเข้าไปในบ้านเก่า เขากับพ่อของเขาเปลี่ยนรถซานตาน่าธรรมดาคันนี้มอบให้อาเขยคับ เพราะรถนั้นไม่สามารถขายได้ราคาแล้ว


“พี่เยี่ยเทียน ปู่ของฉันมาที่นี่แล้ว!”  เพิ่งกลับมาถึงที่เรือนสี่ประสานของตน ถังเสวี่ยเสวี่ยที่กลับมา ถึงพร้อมกับอวี๋ชิงหย่าก็กระโดดและวิ่งมาหาถังเหวินหย่วนที่เดินอยู่ด้านหลังเธอพร้อมด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม


“เฮ้ ผมบอกแล้วนะเหล่าถัง ต้องจ่ายเงินเพิ่มนะถ้าคุณจะอยู่ต่อ!” หลังจากกลับมาที่บ้านและนั่งลง บนใบหน้าของเยี่ยเทียนยิ้มอย่างมีความสุข วันนี้เขาเพิ่งจะจ่ายไปเกือบล้าน เมื่อเห็นเศรษฐีคนนี้แล้ว แน่นอนว่าจะต้องได้เงินที่จ่ายไปนั้นกลับคืนมา


ถังเหวินหย่วนพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่มีปัญหา ฉันวางแผนว่าจะซื้อบ้านข้างๆ แล้วฉันจะได้มาเป็นเพื่อนบ้าน กับคุณในอนาคต!”


ธุรกิจการเงินของกลุ่มตระกูลถังในฮ่องกงนั้นดำเนินมาอย่างยาวนาน เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกๆ และหลานๆ ของเขาเข้าแข่งขันเพื่อแย่งชิงทรัพย์สินของครอบครัว  ถังเหวินหย่วนได้กำหนดผู้สืบทอดและหุ้นของคนในครอบครัวก่อนแล้ว และเขาก็แยกตัวออกจากธุรกิจนี้โดยสิ้นเชิง


หลังจากได้ยินคำพูดของถังเหวินหย่วน เยี่ยเทียนจ้องมองเขาซักพักแล้วก็ส่ายหน้าพูดว่า “เหล่าถัง สถานที่อันอุดมสมบูรณ์ในโชคชะตาของคุณอยู่ทางทิศใต้ถ้าคุณอยู่ที่นี่เกรงว่าจะอยู่ไม่พ้นสามปีนะ”


“อะไรนะ?คุณ…คุณพูดจริงหรือ?”


ถังเหวินหย่วนผงะด้วยคำพูดของเยี่ยเทียน ในการเป็นมหาเศรษฐีของเขา ในชีวิตเขาพบเจอกับปัญหาและอุปสรรค ต่างๆจนนับครั้งไม่ถ้วน แต่ในขณะนี้เขากลับมีความกลัวกับความเป็นความตายและความเจ็บป่วยในชีวิต


เยี่ยเทียนพยักหน้าแล้วพูดว่า “ตามคำสุภาษิตที่บอกว่ายากที่จะจากภูมิลำเนาเดิม คุณเองก็แก่แล้ว ในอนาคตออกมาจากฮ่องกงให้น้อยที่สุดเถอะนะครับ!”


“แล้ว…ฉันยังมีชีวิตอยู่ได้อีกกี่ปี” ถังเหวินหย่วนมองเยี่ยเทียนด้วยความกังวลและหลังจากได้ยินคำพูดของคุณปู่ ใบหน้าเล็ก ๆ ของ ถังเสวี่ยเสวี่ยก็แสดงถึงความหวาดกลัวออกมา


“ในช่วงปีแรกๆ คุณประมาทในการงานอาชีพของคุณ แม้ว่าคุณจะชดเชยมันแล้วในวัยกลางคน แต่คุณก็ยังมีข้อบกพร่องอยู่ จะเกิดหายนะเมื่อคุณอายุแปดสิบสาม ถ้าผ่านมันไปได้ คุณก็จะอายุยืนร้อยปี!”


เยี่ยเทียนได้อนุมานตัวเลขของถังเหวินหย่วนมานานแล้ว เวลานี้พูดออกมาโดยไม่มีอุปสรรคใดๆ ส่วนถังเหวินหย่วนเมื่อได้ยินอย่างนี้แล้วสีหน้าเปลี่ยนไปหลายครั้งติดต่อกัน


ในความเป็นจริงถ้าไม่ได้พบเจอกับเยี่ยเทียน ถังเหวินหย่วนก็จะเจออุปสรรคในปีหน้า ถ้าเขาผ่านมันไปไม่ได้ ก็จะเป็นวันที่ถึงฆาต อย่างไรก็ตามโดยความบังเอิญ พลังชี่หลิงในเรือนสี่ประสานของเยี่ยเทียน ทำให้หายนะนั้นหายไป


“เมื่อถึงเวลานั้นฉันหวังว่าคุณจะยื่นมือมาช่วยเหลือ!” ถังเหวินหย่วนยืนขึ้น และโค้งคำนับให้กับเยี่ยเทียน ตอนนี้อายุของเขาห่างจาก 83 ก็แค่ไม่กี่ปีแล้ว


ถังเสวี่ยเสวี่ยจับแขนเสื้อของเยี่ยเทียน และพูดว่า “พี่เยี่ยเทียน พี่ต้องช่วยปู่ของฉันนะ!”


“ นี่มันก็เร็วไปไหม เหล่าถัง คุณก็อยู่มาหลายปีแล้ว คุณไม่สามารถปลงกับชีวิตและความตายอีกเหรอ?” พูดแล้วเยี่ยเทียนก็หัวเราะขึ้นมา


“นี่มันจะดีกว่า การมีชีวิตอยู่ก็ดีกว่าตายมิใช่เหรอ?”


คำพูดของเยี่ยเทียนทำให้ถังเหวินหย่วนยิ้มอย่างขมขื่น และยิ่งเป็นผู้คนที่ร่ำรวยพวกเขาก็ยิ่งหวงแหนชีวิต ถังเหวินหย่วนรู้แล้วยังมีคนรวยจำนวนมากในฮ่องกงที่เชื่อในราชาแห่งอินเดีย พวกเขาก็แค่อยากมีชีวิตอยู่อีกไม่กี่ปี


“เวลานั้นมาแล้วค่อยว่ากันอีกที ในช่วงไม่กี่ปีนี้คุณก็หมั่นทำความดีอย่างไรก็ตามมันก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร”


เยี่ยเทียนโบกมือของเขาแล้วดูไปที่ ถังเสวี่ยเสวี่ยแล้วพูดว่า “เธออาศัยอยู่ที่นี่มานานกว่าหนึ่งเดือนแล้ว พอดีกับที่ปู่ของเธอก็มา ตั้งแต่พรุ่งนี้ฉันจะเปิดชีพจรหยางเพื่อกำจัดพิษของมัน ใช้เวลาไม่นาน เธอก็สามารถ มีชีวิตเหมือนอย่างคนธรรมดาทั่วไป!”


“จริงหรือพี่เยี่ยเทียน ฉัน…ฉันจะไปโรงเรียนและไปเดินห้างสรรพสินค้าได้เหมือนอย่างคนอื่นหรือ? ” หลังจากได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียนความสนใจของถังเสวี่ยเสวี่ยก็ถูกเบี่ยงเบนไปทันที


“ อืม” เยี่ยเทียนพยักหน้าและยืนยัน “ใช้เวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์ก็น่าจะเพียงพอแล้ว วันนี้ฉันจะเตรียมตัวก่อน และในวันพรุ่งนี้ฉันจะช่วยรักษาโรคของเธอนะ!”


“เยี่ยเทียนคุณจะต้องเตรียมอะไรบ้าง คุณต้องการความช่วยเหลือจากฉันหรือไม่?”


เมื่อเห็นว่าความเจ็บป่วยของหลานสาวของตนกำลังจะหายขาด ถังเหวินหย่วนก็ยิ้มหน้าบาน สำหรับเรื่องของตนเองมันก็อีกตั้งหลายปีมิใช่หรือ แน่นอนว่าเมื่อถึงเวลานั้นเยี่ยเทียนจะยื่นมือและช่วยเหลือได้อย่างแน่นอน


“คุณก็คือกองกำลังเสริม และสิ่งที่ฉันควรเตรียมนั้นได้เตรียมมันไว้แล้ว!”


หลังจากได้ยินคำพูดของถังเหวินหย่วน หัวใจของเยี่ยเทียนก็แทบกระอักเลือดเช่นกัน เพื่อรักษาถังเสวี่ยเสวี่ย ก่อนหน้านั้นเขาใช้เงินมากกว่า 6 ล้าน เพื่อซื้อหยกอุ่นอย่างดีกว่าสิบชิ้น แล้วเวลานั้นทำไม ไม่ได้ยินว่า ถังเหวินหย่วนต้องการจะช่วยหละ


อย่างไรก็ตามเยี่ยเทียนก็ไม่ได้ตั้งใจจะพูดมันออกมา เพราะตนได้เรียกเก็บเงินจากคนอื่นมา 40 ล้านแล้ว เขาสัญญาแล้วว่าจะรักษาโรคเส้นลมปราณเก้าหยินขาดของถังเสวี่ยเสวี่ย ในการใช้เงิน 6 ล้านนี้ก็ถือเป็นต้นทุนก็แล้วกัน


ในคืนนั้นโจวเซี่ยวเทียนที่พึ่งกลับมาจากพานเจียหยวน เยี่ยเทียนก็บอกเขาว่าสัปดาห์หน้าไม่ต้องไปแล้ว


เยี่ยเทียนช่วยถังเสวี่ยเสวี่ยทะลวงชีพจรหยาง แม้ว่ากระบวนการนี้ไม่ได้อันตรายหรือน่ากลัว เท่าในนิยายศิลปะการต่อสู้ แต่ก็ไม่สามารถถูกรบกวนจากคนอื่นได้ เมื่อมีโจวเซี่ยวเทียนคอยดูแลในลานบ้าน เยี่ยเทียนจึงจะสามารถวางใจและรักษาโรคเส้นลมปราณเก้าหยินขาดเธอได้อย่างปลอดภัย


เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้นเยี่ยเทียนนำถังเสวี่ยเสวี่ยมาที่ห้องของเขา และหลังจากที่ให้ถังเสวี่ยเสวี่ยถอดรองเท้า และถุงเท้าแล้ว เยี่ยเทียนอธิบายว่า”เสวี่ยเสวี่ย เธออาจจะรู้สึกคันเล็กน้อย อย่าส่งเสียงเด็ดขาด เธอต้องอดทนไว้ให้ได้ มิฉะนั้นสิ่งที่เราทำก็จะไร้ผล! “


แม้ว่าชีพจรหยางจะเป็นเพียงหนึ่งในแปดของเส้นชีพจรของฉีจิง จุดฝังเข็มมันเริ่มต้นจากฝ่าเท้า , ตำแหน่งพูชันและฟูหยางและจุดอื่นๆ ไปจนถึง จิงหมิง และฟงฉือ ซ้ายขวารวมทั้งหมดมียี่สิบสี่จุด


หากต้องการที่จะรักษาโรคเส้นลมปราณเก้าหยินขาดของถังเสวี่ยเสวี่ยอย่างสมบูรณ์  จำเป็นต้องเปิดจุดฝังเข็มทั้ง 24 จุดนี้ทีละจุด เพื่อให้หยินและหยางประสานงานกับความเย็นและความร้อนเพื่อเติมเต็มซึ่งกันและกัน


……

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)