ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 285-292

 บทที่ 285 เอกลักษณ์ของขั้วโลกเหนือ

โดย

Ink Stone_Fantasy

ฉินสือโอวไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น รอทยิ้มแล้วพูดขึ้นมาว่า “อ่าฮ่า เห็นได้ชัดว่าวินนี่รับเคเวียคไม่ไหว น่าเสียดายมาก เธอเลยไม่ได้สัมผัสกับรสชาติความอร่อยแบบชาวอินูเปียต”


วินนี่พยักหน้าเหมือนกันกับลูกไก่ตัวเล็กๆ เธอพูดกับฉินสือโอวอย่างอ่อนแรงว่า “คุณเอาปลาย่างไปได้ไหมคะ? ฉันอยากจะทานผัก”


ฉินสือโอวถือเอาเนื้อปลากลับมาแล้วก็ฉีกมันกิน ตั้งใจยั่วให้วินนี่อยากกินบ้าง “อืม รสชาติเยี่ยมยอดจริงๆ ฝีมือของผมนี่ดีขึ้นเรื่อยๆ แล้ว คุณแน่ใจนะครับว่าคุณไม่อยากทาน? ปลาย่างอร่อยกว่าผักย่างตั้งเยอะ”


วินนี่ส่ายหัวไม่หยุด เธอก้มหน้าลงไปอย่างแรง ราวกับว่าไม่อยากเห็นโศกนาฏกรรมอะไรทั้งสิ้น


ฉินสือโอวไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น รอทจึงช่วยอธิบายให้เขาฟังว่า “ไม่ใช่ทุกคนที่จะชอบเคเวียค ฉิน คนที่กล้าหาญอย่างพวกเรามีอยู่เพียงน้อยนิดเท่านั้น ทว่าพูดตามจริง สำหรับคนทั่วไปแล้ววิธีทำเคเวียคก็รับได้ยากจริงๆ นั่นล่ะ”


“ไม่ต้องพูดแล้วค่ะ มิสเตอร์รอท เห็นแก่พระเจ้าเถอะนะคะ เอาไว้ค่อยคุยเรื่องนี้ทีหลังดีไหมคะ?”วินนี่พูดพร้อมกับมองไปที่สามีภรรยานามสกุลรอทด้วยท่าทางน่าสงสาร


รอทหัวเราะฮ่าๆ เขาไม่ได้พูดอะไรต่อ จากนั้นก็ย่างเนื้ออีกสองไม้พร้อมทั้งทาเคเวียคลงไปแล้วส่งมันให้กับฉินสือโอว


ฉินสือโอวเป็นคนที่มีจุดเด่นอยู่หนึ่งอย่าง นั่นก็คือเขามีความอยากรู้อยากเห็นถึงขั้นที่เหนือกว่า เมื่อเห็นท่าทางแบบนี้ของวินนี่เขาก็รู้สึกว่าอาหารมื้อนี้ต้องมีอะไรที่เขาไม่รู้แน่ๆ ดังนั้นเขาจึงล้วงเอามือถือออกมาแล้วเริ่มกูเกิ้ลมันทันที


เป็นธรรมดาว่า สิ่งที่ต้องกูเกิ้ลก่อนอันดับแรกก็คือเคเวียค


จากนั้นข้อมูลโดยสังเขปที่ค้นได้ก็ปรากฏขึ้นมา ฉินสือโอวรู้สึกว่ามันไม่ค่อยถูกต้องเท่าไรนัก เนื่องจากสิ่งแรกที่มีความเกี่ยวข้องกับเคเวียคที่กูเกิ้ลได้แนะนำไว้ ก็คือ ‘ราชาของอาหารพิสดารทั่วโลก’


เขาอ่านต่อไปอีก ข้อมูลเยอะก็ยิ่งขึ้นกว่าเดิม


ซอสชนิดนี้เป็นหนึ่งในเครื่องปรุงที่ชาวเอสกิโมจำเป็นต้องมีไว้ในชีวิต มีความสำคัญพอๆ กับเกลือของชาวมองโกเลียเลยทีเดียว ทว่าอันหนึ่งให้เกลือ ส่วนอีกอันให้วิตามิน


เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่า บริเวณขั้วโลกเหนือมีพืชอยู่น้อยเกินไป ดังนั้นผู้คนจึงต้องการวิตามินจากเนื้อสดมาเสริมสร้างโภชนาการ และถ้าปรุงเนื้อให้สุก วิตามินก็จะสลายไปเป็นจำนวนมาก ดังนั้นในบางครั้งชาวเอสกิโมจึงต้องทานเนื้อดิบ


เคเวียคก็ถือว่าเป็นเนื้อดิบชนิดหนึ่ง ต้องจับแมวน้ำตัวใหญ่มาก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นจึงจับนกที่มีชื่อว่า Appaliarsuk มาเพิ่ม


Appaliarsuk มีชื่อที่ทางวิชาการว่า ‘นกลิตเติ้ลอ็อก’ เป็นนกที่มีสายพันธุ์ใกล้เคียงกับเพนกวินที่สุดในปัจจุบัน ไม่เพียงแต่สามารถบินได้ แต่พวกมันยังสามารถใช้ปีกทั้งสองข้างว่ายลงไปในน้ำได้อีกด้วย ทั้งยังสามารถดำลงไปได้ลึกถึงห้าสิบเมตร


เมื่อจับนกลิตเติ้ลอ็อกได้มากพอแล้ว ชาวอินูเปียตก็จะฆ่าพวกมันให้ตาย จากนั้นก็ใส่ลงไปในท้องของแมวน้ำแล้วค่อยเย็บปิด บนรอยเย็บก็ยังต้องทาไขมันตากแห้งของแมวน้ำลงไป เพื่อป้องกันไม่ให้มีหนอน


เมื่อทำขั้นตอนที่เหมือนกับการผ่าตัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ยังไม่สามารถนำไปขึ้นโต๊ะได้ทันที ทั้งหมดนี้แค่กำลังเริ่มต้นเท่านั้น พวกเขาต้องนำแมวน้ำไปฝังไว้ในชั้นดินเยือกแข็งคงตัว ปล่อยให้กรดในกระเพาะของแมวน้ำหมักนกลิตเติ้ลอ็อกไปอย่างช้าๆ


แล้วก็มาถึงส่วนที่สำคัญที่สุด สองสามปีต่อมา ชาวอินูเปียตก็จะหาที่ที่ฝังแมวน้ำไว้ในตอนนั้นแล้วขุดมันขึ้นมา จากนั้นก็นำนกลิตเติ้ลอ็อกพวกนี้ออกมา หักหางของนกพวกนี้ แล้วดูดกินของที่อยู่ข้างในที่กลายเป็นเนื้อเหนียวๆ เลยโดยตรง หรือไม่ก็บีบของที่อยู่ข้างในพวกนี้ลงไปบนเนื้อย่างเหมือนกับการบีบหลอดยาสีฟัน…


เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ สายตาของฉินสือโอวก็แข็งขึ้นมายิ่งกว่าสายตาของวินนี่เสียอีก เขายัดโทรศัพท์เข้าไปในกระเป๋าอย่างเงียบๆ ลุกขึ้นยืนอย่างซวนเซ แล้ววิ่งไปที่ชายหาดที่อยู่ด้านหลัง


รอทถามเขาด้วยความแปลกใจว่า “ฉิน นายไม่กินแล้วเหรอ ไปตรงนั้นทำไมกันน่ะ?”


ฉินสือโอวพยายามฝืนยิ้มออกมา เขาโบกมือไปมาโดยที่ไม่ได้อ้าปากออก เขากลัวว่าถ้าเขาอ้าปากแล้วตัวเองจะอ้วกออกมาน่ะสิ!


โชคดีที่มีวินนี่คอยอยู่ข้างกาย ตอนนี้แอร์โฮสเตสสาวขาสวยสามารถฟื้นฟูจิตใจให้กลับมามีท่าทางที่ร่าเริงได้แล้ว เธอยิ้มแล้วบอกกับพวกเขาว่า “ขอโทษด้วยนะคะ มิสเตอร์และมิสซิสรอท ฉินชินกับการเดินเล่นหลังทานอาหารเสร็จน่ะค่ะ พวกคุณทานกันไปก่อนเลยนะคะ ฉันจะไปเดินเป็นเพื่อนเขาสักหน่อย”


พอตามฉินสือโอวทัน วินนี่ก็จับเขาไว้ เธอมองเขาด้วยสายตาของความเห็นอกเห็นใจพร้อมทั้งพูดกับเขาว่า “นิสัยอยากรู้อยากเห็นของคุณมีมากเกินไปหน่อยนะคะ”


ฉินสือโอวตบลงไปบนสะโพกงามงอนของเธอหนึ่งครั้ง แล้วพูดด้วยความเจ็บแค้นว่า “วินนี่ ทำไมเมื่อสักครู่นี้คุณถีงไม่เตือนผม? ผมรู้สึกเหมือนว่าในท้องของผมตอนนี้มีแต่อึหมาเต็มไปหมด ผมอยากอ้วกมากๆ ผมทนไม่ไหวแล้ว!”


วินนี่รู้สึกว่าเธอไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงตอบเขาไปว่า “ฉันจะเตือนคุณยังไงล่ะคะ? จำที่ฉันเคยบอกไว้เมื่อก่อนหน้านี้ได้ไหม? นอกจากคุยธุรกิจแล้ว คุณอย่าไปยุ่งกับอย่างอื่นเด็ดขาด”


เธอหยุดไปพักหนึ่ง แล้วพูดขึ้นมาอีกว่า “อีกอย่างหนึ่งคือพวกเราต้องเคารพวัฒนธรรมและประเพณีของพวกเขาด้วย ฉันรู้ว่าเคเวียคคืออะไร ดังนั้นฉันก็เลยไม่กินมัน แต่ถ้าฉันอธิบายให้คุณฟังแล้วคุณไม่ทานมันอีก นั่นก็เท่ากับเป็นการดูหมิ่นวัฒนธรรมของพวกเขา”


“ให้ตายเถอะไอ้เวรเอ๊ย”ฉินสือโอวหาที่ที่ไม่มีคน เขารีบนั่งยองๆ พร้อมทั้งเอามือล้วงคอตัวเองทันที


นอกจากเรื่องที่เขาอ้วกเอาอาหารเย็นออกมา การเดินทางมาซื้อฟาร์มปลาในครั้งนี้ของฉินสือโอว โดยรวมแล้วก็นับว่าราบรื่นมาเลยทีเดียว


สองสามีภรรยารอทมีความประทับใจที่ดีมากๆ ต่อพวกเขา ต่อมาฉินสือโอวโอนเงินเรียบร้อยแล้วและขณะที่เขากำลังเตรียมตัวเดินทางกลับเกาะแฟร์เวล พวกเขาก็ตั้งใจมาส่งฉินสือโอวและวินนี่ที่ท่าเรือ และยังเชิญให้พวกเขาไปเป็นแขกที่บ้านหากมีเวลาว่างอีกด้วย


“ที่บ้านของฉันยังมีน้ำผลไม้ผสมเคเวียคอยู่หนึ่งถัง ถ้านายมาครั้งหน้า ฉันจะให้นายได้ลองชิมดู พูดจริงๆ เลยนะเพื่อน รสชาติมันนะ ‘จุ๊จุ๊’ สุดยอดจริงเลยล่ะ” รอทส่ายหัวอย่างทอดถอนใจ


ฉินสือโอวเกือบจะอ้วกออกมาอีกแล้ว เขาจะไม่ไปเป็นแขกให้อย่างเด็ดขาด


เมื่อกลับมาถึงฟาร์มปลา หู่จือและเป้าจือก็แสดงท่าทางสนอกสนใจฉินสือโอวเป็นพิเศษ พวกมันเดินอ้อมหน้าอ้อมหลังเขาอยู่ตลอดเวลา


ฉินสือโอวหัวเราะเหอะๆ อุ้มเอาลูกหมาสองตัวขึ้นมาหมุนไปรอบๆ เขาพูดกับวินนี่อย่างลำพองใจว่า “ดูนี่สิ เด็กๆ สนิทกับผมมากกว่าเดิมแล้ว ตอนนี้พวกมันไม่ได้สนใจคุณเลยสักนิด”


วินนี่ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่ไม่ได้พูดออกมา สุดท้ายก็ยิ้มหวานๆ ให้เขาแต่ก็ยังไม่ได้พูดอะไรอยู่ดี


ฉินสือโอวจึงพูดกับเธออย่างไม่ค่อยชอบใจว่า “คุณอยากพูดอะไรก็พูดเถอะครับ ระหว่างพวกเรายังมีอะไรให้ต้องปิดบังกันอยู่อีกเหรอ?”


วินนี่จึงพูดด้วยความระมัดระวังว่า “โอเคค่ะ ที่ฉันอยากจะพูดก็คือ เด็กๆ ได้กลิ่นอึนกที่อยู่ในปากของคุณ ดังนั้นพวกมันถึงได้เลียปากคุณด้วยความร้อนแรงขนาดนี้ ฮิๆ”


เมื่อพูดจบ วินนี่ก็หมุนตัวแล้ววิ่งหนีไป


ฉินสือโอวเศร้าและอับอายจนถึงที่สุด เขาปล่อยลูกหมาทั้งสองตัวลงแล้วรีบวิ่งตามไป เมื่อกอดเธอเอาไว้ได้ เขาก็จั๊กจี้เธอพร้อมทั้งบอกกับเธอว่า “ห้ามพูดถึงเรื่องนี้อีก ต่อไปไม่ต้องพูดถึงแล้ว ไม่อยากนั้นผมจะจัดการคุณให้ดู!”


เมื่อกลับเข้ามาในบ้าน ฉินสือโอวก็ไปแปรงฟันอีกครั้ง จากนั้นก็บ้วนน้ำยาบ้วนปากอีกสองรอบ ถึงได้รู้สึกดีขึ้นมาหน่อย


เขากลับมาที่ห้องรับแขก บุชก็กระพือปีกแล้วส่งเสียง ‘แควกๆ’ มาทางเขา


บุชฉลาดมาก ถึงแม้มันจะบินไม่ได้ แต่ว่ามันเรียนรู้วิธีที่จะเพิ่มความเร็วในการวิ่ง นั่นก็คือการกระพือปีกเพื่อช่วยในการวิ่ง เมื่อเป็นเช่นนี้ในบางครั้งมันจะสามารถร่อนอยู่บนอากาศได้ในช่วงระยะหนึ่ง


ฉินสือโอวอุ้มมันขึ้นมา เขาแกล้งแหย่หัวมันไม่หยุดพร้อมทั้งถามกับมันว่า “ร้องทำไม แกร้องทำไมห้ะ? ไม่ได้เจอป๊ะป๋าหนึ่งวันก็เลยคิดถึงมากเลยใช่ไหม?”


“แควกๆ แควกๆ!”


“ทำไมยังร้องอยู่อีกล่ะ? ป๊ะป๋าก็อยู่ข้างๆ แกแล้วไม่ใช่เหรอ?”


“แควกๆ แควกๆ แคว๊ก!”


วินนี่รับเอาบุชมาลูบตรงท้องที่แห้งจนแฟบของบุช เธอกลอกตาใส่ฉินสือโอวหนึ่งครั้งแล้วพูดขึ้นมาว่า “แกนี่โวยวายเก่งจริงๆ เฮ้ ที่รัก ไม่มีคนให้อาหารแกใช่ไหมล่ะ?”


เธอจึงไปหั่นปลาแฮร์ริ่งหนึ่งตัวเพื่อมาป้อนมัน บุชคาบเอาไว้ในปากแล้วกลืนลงไปในลำคอ เมื่อกินปลาแฮร์ริ่งตัวนี้เข้าไปแล้ว มันก็เงียบลงไปทันที


ทว่าทันใดนั้น หู่จือ เป้าจือ และฉงต้าก็ร้องครวญครางพร้อมทั้งโผเข้ามา ลูกกวางอูฐปอหลัวที่อยู่ในสวนก็ร้องตามพวกมันอย่างบ้าคลั่ง


วินนี่ทำท่าทางจนปัญญา เธอพูดกับเขาว่า “พระเจ้า เมื่อคืนวานนี้เด็กๆ ไม่ได้กินอะไรเลย ไม่แปลกใจที่หู่จือและเป้าจือจะอยากเลียแม้กระทั่งอึนก”


ฉินสือโอว “…”


……………………………………………


บทที่ 286 เครื่องบินมาแล้ว

โดย

Ink Stone_Fantasy

กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนถูกวินนี่รับช่วงต่อไปแล้ว พวกสาวสวยลูกคนรวยชาวจีนจอมเชิดยังอยากจะสร้างความลำบากให้เธอสักหน่อย แต่วินนี่เป็นใครน่ะเหรอ? หัวหน้าแอร์โฮสเตสชั้นเฟิร์สคลาสของแอร์แคนาดา ปัญหาพวกนี้ถูกเธอจัดการแก้ไขได้อย่างว่องไว


เนื่องจากนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้มีแต่ผู้หญิง ดังนั้นรายการท่องเที่ยวประเภทขึ้นเขาไปล่าสัตว์จึงถูกยกเลิกไป วินนี่แค่อยากจะพาพวกเธอไปปีนเขาเคอร์บัลเพื่อสัมผัสบรรยากาศของป่ากว้างบนภูเขาที่แท้จริงเท่านั้น


บรรยากาศของเมืองเล็กๆ ในยุคกลางที่ยังถูกรักษาไว้กับวิวทิวทัศน์ของหุบเขาที่เหมือนกับภาพความฝันทำให้นักท่องเที่ยวตกตะลึงเป็นอย่างมาก ในระหว่างทางขณะที่กำลังปีนเขา พวกเธอได้พบกับสัตว์จำพวกกวางเรนเดียร์ และกวางอูฐ สัตว์พวกนี้ไม่กลัวคนเลยแม้แต่น้อย กวางทั้งสองฝูงก็รวมเข้าด้วยกันโดยที่ไม่ทันได้รู้ตัว ภาพเหตุการณ์ทางธรรมชาติที่กลมกลืนกันพวกนี้ก็มีความสวยงามในอีกแบบหนึ่ง


ทะเลสาบเฉินเป่าที่ใสสะอาด ป่าที่แหวกว่ายในน้ำด้วยความสุขใจ ภาพบรรยากาศที่มีทั้งความสงบและการเคลื่อนไหวแบบนี้ ทำให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับประสบการณ์ใหม่ๆ สาวๆ ลูกคุณหนูชาวจีนล่องเรือไปตกปลาในทะเลสาบ ผลที่ได้ก็ค่อนข้างน่าพอใจ ในกล้องถ่ายรูปของแต่ละคนเต็มไปด้วยรูปที่พวกเธอถ่ายกับปลาที่ตกขึ้นมาได้


ในตอนเย็นของทุกๆ วัน พวกเธอจะไปดูพระอาทิตย์ตกดินที่ชายหาดด้วยกันเป็นกลุ่ม บางครั้งก็พบกับกระแสน้ำทะเลที่ลดลง ทำให้ได้เก็บเปลือกหอยปูตัวเล็กๆ มาด้วย


ไม่ต้องสงสัยเลย เกาะแฟร์เวลได้มอบประสบการณ์การท่องเที่ยวต่างประเทศที่สมบูรณ์แบบให้กับพวกเธอแล้ว บริษัททัวร์ที่จีนก็ได้รับคำวิจารณ์ที่ดีมากๆ จากพวกเธออยู่ตลอด


เมื่อเป็นเช่นนี้เส้นทางการท่องเที่ยวของเกาะแฟร์เวลในนี้จึงเป็นที่สนใจอีกครั้ง ในวันที่เจ็ดหลังจากที่พวกเธอมาถึงเกาะแฟร์เวล ก็มีนักท่องเที่ยวอีกกลุ่มหนึ่งออกเดินทางมาจากจีน ในครั้งนี้มีจำนวนนักท่องเที่ยวอยู่ถึงห้าสิบคน


ฉินสือโอวไม่ค่อยได้ไปจัดการเรื่องการท่องเที่ยวแล้ว ยังไงซะเมืองแฟร์เวลก็มีเทศบาลที่คอยดูแล เขาจะต้องไปวุ่นวายกับเรื่องนี้ทำไมกัน? เมื่อยังมีกำลัง เขาก็ต้องติดตามเรื่องเงินที่โอดิสซีย์ยังติดเขาอยู่


บิลลี่โทรมาหาเขาหลายครั้ง เพื่อบอกกับเขาว่าในเดือนกันยายนจะมีการจัดงานประมูลขึ้นในลอสแอนเจลิส เพื่อจัดการเครื่องเงินเครื่องทองที่เหลืออยู่จากเงื้อมมือของรัฐบาลสเปนและเหรียญกษาปณ์อีเกิ้ลปี 1907 ที่ฉินสือโอวเป็นคนพบ


หลังจากซื้อฟาร์มปลาของมิสเตอร์รอทมาแล้ว ฉินสือโอวก็ซื้อลูกพันธุ์ปลากลุ่มหนึ่งและหญ้าทะเลมาเพาะเลี้ยง ตอนนี้เขายังมีเงินเหลืออยู่ราวๆ สี่สิบล้านดอลลาร์ ความกดดันทางการเงินจึงไม่มาก


ตอนนี้เขากำลังเป็นที่สนใจอย่างมากในนครเซนต์จอห์น สื่อต่างๆ ก็อยากจะมาที่เกาะแฟร์เวลเพื่อสัมภาษณ์เขากันทั้งนั้น


ซื้อฟาร์มปลาสามแห่งติดต่อกัน ลงทุนลงแรงขนาดนี้เพื่อสร้างฟาร์มปลาขึ้นมาใหม่ สำหรับชาวประมงในนครเซนต์จอห์นแล้ว เขาเป็นเจ้าของฟาร์มปลาที่คูลมากๆ ต่างก็อยากจะรู้จักเขา


ทว่าฉินสือโอวไม่อยากเป็นที่สนใจขนาดนี้ จันทันที่โผล่พ้นออกมาย่อมผุพังก่อน หมูตัวที่อ้วนที่สุดย่อมถูกฆ่าเป็นตัวแรก ประสบการณ์ล้ำค่าที่บรรพบุรุษถ่ายทอดมาย่อมสมเหตุสมผลแน่นอน


ฉินสือโอวสุดจะทนกับพวกนักข่าว พอดีกับที่ช่วงปลายเดือนสิงหาคม เขาได้รับโทรศัพท์สายหนึ่ง โอเมอร์ ไทแรนท์ ผู้จัดการฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ของสกายซิตี้ที่ต้องการมาเยี่ยมเยียนเขาเพื่อแนะนำเครื่องบินของสกายซิตี้


วันที่ 30 หลังจากที่โอเมอร์ถามที่อยู่ของฉินสือโอวอย่างแน่ชัดแล้ว ก็บอกกับเขาไว้ว่า ‘ไว้เจอกันครับ’


ฉินสือโอวไม่ค่อยเข้าใจความหมายของเขาสักเท่าไร เขาอยากถามว่าตอนนี้โอเมอร์มาถึงนครเซนต์จอห์นแล้วหรือว่าอยู่ที่ไหน เขาจะได้ไปรับที่ท่าเรือ แต่ปรากฏว่าหลังจากถามที่อยู่เสร็จแล้วเขาก็วางสายไปเลย ทำให้เขารู้สึกว่าเจ้าหมอนี่ไม่มีมารยาทเลยจริงๆ


สรุปว่าหลังจากนั้นสองชั่วโมงครึ่ง เครื่องบินสีขาวลำหนึ่งก็ส่งเสียงแหลมลากยาวมาปรากฏตัวขึ้นบนท้องฟ้าของเกาะแฟร์เวล


จากนั้น ในสายตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจของชาวเมือง เครื่องบินลำนี้ก็ลงจอดยังหัวมุมถนนในเมืองแห่งนี้ ลดเกียร์ลงจอด ค่อยๆ ลดความเร็วแล้วบินลงมา


ตอนที่เครื่องบินมาถึงเกาะแฟร์เวล เครื่องบินก็ถูกลดระดับความสูงในการบินลงมาแล้ว ดังนั้นฉินสือโอวจึงมองเห็นมันตั้งแต่แรกๆ อีกทั้งเขายังเดาได้ว่า เครื่องบินลำนี้น่ากลัวว่าจะเป็นโอเมอร์ที่ขับมันมา


ฉินสือโอวขับรถเข้ามาถึงในเมืองแล้ว และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เมื่อมาถึงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นทันที โอเมอร์พูดกับเขาด้วยความนอบน้อมว่า “ขอโทษด้วยครับ มิสเตอร์ฉิน ก่อนหน้านี้ผมวางสายโดยไม่ได้บอกคุณก่อน ขออภัยด้วยครับ ตอนนี้ ผมมาถึงเมืองของคุณแล้ว คุณ……”


“ผมอยู่ด้านหลัง”ฉินสือโอวจอดรถไว้ที่บริเวณส่วนท้ายของเครื่องบินเขาเปิดกระจกรถแล้วตะโกนออกไป


โอเมอร์ ไทแรนท์เป็นชายผิวขาวผมสีทองอายุประมาณสามสิบห้าสามสิบหกปี รูปร่างสูงใหญ่ สวมสูทใส่รองเท้าหนัง ในมือถือของเขามีกระเป๋าใส่เอกสาร แค่มองดูก็รู้ได้ว่าเป็นคนที่มีความสามารถ


พอเห็นฉินสือโอวยื่นหัวออกมา โอเมอร์ ก็เร่งรีบเดินเข้ามาหาพร้อมทั้งยื่นมือออกมาหาเขาด้วยความเคารพ แล้วพูดกับเขาว่า “มิสเตอร์ฉิน ผมคือตัวแทนฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ของสกายซิตี้กรุป โอเมอร์ ไทแรนท์ ยินดีที่ได้พบคุณเป็นอย่างยิ่งครับ ผมมีความยินดีที่จะแนะนำคุณให้รู้จักกับอากาศยานของพวกเรา”


เมื่อเห็นท่าทางเช่นนี้ของเขา ฉินสือโอวก็คิดว่ามันช่างไร้ที่ติ หลังจากพูดคุยกันได้ไม่กี่คำเขาก็ตามโอเมอร์เข้าไปชมเครื่องบินลำนั้น


เด็กๆ ในเมืองบางส่วนวิ่งเข้ามาดู พวกเขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปคู่กับเครื่องบิน ตาก็มอง มือก็ลูบคลำ อย่างคนที่สนใจใคร่รู้


โอเมอร์ยิ้มออกมาอย่างอบอุ่น อีกทั้งยังพูดหยอกเด็กๆ พวกนี้ว่า “มันกินคนนะ หนุ่มน้อยทั้งหลาย อยู่ห่างจากมันหน่อย ไม่อย่างนั้นแค่ ‘อ้าม’ คำเดียว พวกนายก็จะโดนมันกลืนลงท้องแล้ว”


ฉินสือโอวสังเกตดูอย่างละเอียด เครื่องบินลำนี้เป็นสีขาวทั้งลำ ข้างบนมีลายเมฆสีน้ำเงินและชื่อ ‘สกายซิตี้’ และมีโลโก้ประทับไว้ แสงแดดสาดส่อง มันส่องสะท้อนแสงอาทิตย์เป็นริ้วๆ ทุกส่วนของเครื่องบินถูกขัดให้สะอาดส่งแสงวาววับราวกับกระจกใส เน้นรูปแบบที่สะท้อนถึงความมีระดับในทุกๆ ส่วน


โอเมอร์ รอจนฉินสือโอววนดูแล้วหนึ่งรอบ จากนั้นก็เริ่มแนะนำให้เขาฟังว่า “โมเดลของเครื่องบินรุ่นนี้คือ P-750-XSTOL ผลิตโดยบริษัทนิวซีแลนด์แปซิฟิกแอโรสเปซกรุปจำกัด ใช้การออกแบบแบบปีกเดี่ยวที่ทำมาจากโลหะทั้งอัน……”


“มีเครื่องยนต์ขนาด 750 แรงม้า ติดตั้งเครื่องยนต์เทอร์โบพร๊อป พีที6 ของบริษัทแพรท แอนด์ วิทนีย์ แคนาดาสามารถบินได้ถึงระดับความสูงหกพันเมตรเหนือระดับน้ำทะเล มีจำนวนที่นั่งแบบ 1+9 แต่หากต้องการแบบหรูหราสะดวกสบาย สามารถเปลี่ยนเป็นแบบ 1+4 ได้ครับ เครื่องบินติดตั้งถังน้ำมันเสริมได้ หากไม่ได้ติดตั้งระยะบินจะอยู่ที่ 2183 กิโลเมตร เมื่อติดตั้งแล้วสามารถบินได้ไกลขึ้นถึง 3200 กิโลเมตร……”


โอเมอร์เล่ารายละเอียดไปเรื่อยๆ ทั้งยังพาฉินสือโอวดูไปรอบๆ เครื่องบินลำนี้มีขนาดความยาวกว่าสิบเมตร ความกว้างของปีกอยู่ที่ยี่สิบสามเมตร มีความสูงราวๆ สี่เมตร ภายในตัวเครื่องค่อนข้างกว้างขวาง มีเคาท์เตอร์บาร์ขนาดเล็กหนึ่งอันและเก้าอี้แบบปรับเอนได้จำนวนเก้าที่นั่ง


“เครื่องบินลำนี้สามารถร่อนขึ้นไปจากถนนของเมืองเล็กๆ แห่งนี้ได้ด้วยเหรอครับ?” ฉินสือโอวถาม


โอเมอร์พยักหน้าแล้วตอบกับเขาว่า “ใช่แล้วครับ เครื่อง P-750 จัดทำขึ้นมาเพื่อคนมีฐานะที่อาศัยอยู่ในเมืองเล็ก มันใช้เกียร์แลนดิ้งแบบสามล้อ ตัวล้อเพิ่มความหนาและความกว้างในการเพิ่มพื้นที่แรงดัน ถึงแม้ว่าจะเป็นพื้นดินที่ค่อนข้างแข็ง ก็สามารถบินขึ้นอย่างมั่นคงและปลอดภัยได้ครับ”


ฉินสือโอวได้เห็นเครื่องบินส่วนตัวเป็นครั้งแรก เครื่องบิน P-750 ลำนี้ไม่เลวเลยจริงๆ เขาจึงลองถามราคาดู โอเมอร์บอกกับเขาว่า “ราคาตอนนี้อยู่ที่หนึ่งล้านห้าหมื่นดอลลาร์แคนาดา แต่ถ้าต้องการปรับแต่งก็คงต้องต่อรองราคากันอีกทีครับ”


สำหรับฉินสือโอวแล้ว ราคาเท่านี้นับว่าไม่แพงเลย ทว่าเขาไม่มีความจำเป็นต้องใช้เครื่องบินประเภทนี้ เนื่องจากโดยส่วนใหญ่แล้วเขาแทบจะไม่ได้ออกจากเกาะแฟร์เวล สิ่งที่เขาต้องการคือเรือยอชต์ไม่ใช่เครื่องบิน


โอเมอร์ เข้าใจเหตุผลข้อนี้ หลังจากอธิบายไปเพียงนิดหน่อยเขาก็พูดกับฉินสือโอวว่า “มิสเตอร์ฉิน ผมทราบถึงความต้องการของคุณนะครับ เครื่องบินประเภทนี้คงไม่ใช่สิ่งที่คุณอยากได้ สิ่งที่คุณต้องการคือเครื่องบินที่ใช้ในการเกษตรหนึ่งลำกับเฮลิคอปเตอร์ลาดตระเวนอีกหนึ่งลำ ถ้าหากคุณต้องการซื้อเครื่องบินโดยสาร ผมกล้าพูดเลยว่า คุณคงจะซื้อเครื่องบินระดับไฮเอนด์ ไม่ใช่เครื่องบินระดับกลางแบบนี้”


เมื่อเดินชมเครื่องบินเรียบร้อยแล้ว ฉินสือโอวก็พาโอเมอร์ ไปที่บ้านพักในฟาร์มปลา


โอเมอร์ดื่มเครื่องดื่ม เขาหยิบเอา iPad ขึ้นมาหนึ่งอันแล้วส่งมันให้ฉินสือโอวได้ทำความรู้จักกับสกายซิตี้กรุปและเครื่องอากาศยานภายใต้การควบคุม


ฉินสือโอวดูไปด้วยพร้อมกับตั้งคำถามไปด้วย “พวกคุณมีศักยภาพทางธุรกิจที่แข็งแรงจริงๆ แต่ว่าเครื่องบินที่พวกคุณใช้ในการรับส่งลูกค้าล้วนแต่เป็นเครื่องบินส่วนตัวทั้งนั้น ค่าใช้จ่ายน่าจะค่อนข้างสูงใช่ไหมครับ?”


โอเมอร์ ตอบเขาด้วยรอยยิ้ม “แน่นอนครับ มิสเตอร์ฉิน คุณพูดได้ถูกต้อง แต่ว่าคุณเป็นแขกวีไอพีที่ถือแบล็กอาเม็กซ์ พวกเราจึงต้องใช้เที่ยวบินพิเศษในการรับส่งคุณไปยังบริษัท ไม่เช่นนั้นก็คงไม่สามารถแสดงออกถึงความนับถือของพวกเราที่มีต่อคุณได้”


……………………………………………


บทที่ 287 สกายซิตี้

โดย

Ink Stone_Fantasy

เมื่อทานมื้อเที่ยงที่ฟาร์มปลาเรียบร้อยแล้ว โอเมอร์ก็เชิญให้ฉินสือโอวตามเขาไปยังที่ตั้งของบริษัทสกายซิตี้เพื่อสำรวจดูเครื่องบิน


ฉินสือโอวอยากพาวินนี่ไปด้วย ยังไงเธอก็เป็นพนักงานแอร์โฮสเตสระดับอาวุโส น่าจะเข้าใจเรื่องเกี่ยวกับเครื่องบินอยู่มาก


เขาโทรศัพท์ไปหาเธอ วินนี่บอกว่าตอนนี้เธอกำลังพาสาวๆ ไปเที่ยวที่อุทยานแห่งชาติกรอสมอร์น จึงไม่ได้ไปดูเครื่องบินด้วย เธอรู้จักแต่เครื่องบินโดยสารเท่านั้น ฉินสือโอวอยากจะซื้อเครื่องบินโดยสารแต่ว่าเขาได้เลือกชนิดของเครื่องบินเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ครั้งนี้เขาจะไปเลือกเฮลิคอปเตอร์ เธอเลยช่วยอะไรเขาไม่ได้


เมื่อเป็นเช่นนี้ ฉินสือโอวจึงพาเออร์บักกับหู่จือและเป้าจือขึ้นเครื่องบินไปด้วยกัน จากนั้นก็บินตรงไปยังมอนทรีออล


นี่คือข้อดีของการมีเครื่องบินส่วนตัว มีอิสระ เจ้าของสั่งอะไรก็ได้อย่างนั้น การบินพลเรือนไม่สามารถนำสัตว์เลี้ยงขึ้นไปด้วยได้ แต่เมื่อเป็นเครื่องบินส่วนตัวเรื่องนี้ก็ไม่เป็นปัญหาแล้ว


โอเมอร์ช่วยปรับระดับเบาะนั่งให้กับหู่จือและเป้าจือ เพื่อให้พวกมันได้นอนหมอบอย่างสบายๆ อยู่ด้านบน จากนั้นก็เสิร์ฟขนมและนมวัวให้กับพวกมัน การบริการระดับนั้น ทำเอาเจ้าของอย่างฉินสือโอวรู้สึกกระดากอาย


มอนทรีออลเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของควิเบก เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในรัฐควิเบก เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของแคนาดาและเป็นเมืองใหญ่อันดับที่สิบห้าของทวีปอเมริกาเหนือ อยู่ห่างจากนครเซนต์จอห์นไม่ไกล เพียงเจ็ดร้อยกิโลเมตรเท่านั้น


เมืองนี้เคยเป็นเมืองหลวงทางเศรษฐกิจของแคนาดา เป็นเมืองที่มีจำนวนประชากรและการพัฒนาทางเศรษฐกิจที่มากที่สุด ถึงแม้ว่าตอนนี้จะสูญเสียตำแหน่งสำคัญทางเศรษฐกิจไปแล้ว แต่ก็ยังเป็นหนึ่งในศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในแคนาดา อุตสาหกรรมการบิน การเงิน การออกแบบ อุตสาหกรรมภาพยนตร์และอุตสาหกรรมอื่นๆ มีความเจริญเป็นอย่างจริง มีบริษัทใหญ่เป็นจำนวนมาก เมื่อเข้ามายังใจกลางเมืองก็จะสามารถมองเห็นจุดนี้ได้ จากความพลุกพล่านวุ่นวายอย่างเมืองที่พัฒนาแล้ว


หลังจากมาถึงมอนทรีออล โอเมอร์ก็จัดการที่พักในโรงแรมห้าดาวแห่งหนึ่ง ที่อยู่ติดกับแม่น้ำลาชินให้กับฉินสือโอว เมื่อเปิดหน้าต่างออกไปก็จะพบกับทิวทัศน์สวยงามของแม่น้ำที่ใสสะอาด ชวนให้ผู้ที่ได้พบเห็นรู้สึกผ่อนคลาย


โอเมอร์ถามฉินสือโอวว่าเขาต้องการพักผ่อนหรือไม่ เมื่อได้รับคำปฏิเสธเขาจึงพาคนทั้งคู่และสุนัขอีกสองตัวไปยังสำนักงานใหญ่ของสกายซิตี้


การซื้อเครื่องบินไม่เหมือนกับการซื้อรถยนต์ ที่จะสามารถจอดเรียงกันให้รับชมได้ เครื่องบินมีขนาดใหญ่และกินพื้นที่มากเกินไป อีกทั้งหน่วยของราคาสินค้าก็มีมูลค่าสูง สกายซิตี้มีลานจอดเครื่องบินเป็นของตัวเอง ทว่าก็ยังไม่พอให้เครื่องบินโดยสารยี่สิบลำและเฮลิคอปเตอร์สี่สิบกว่าลำจอด


ความจริงแล้วเครื่องบินส่วนใหญ่ ล้วนแต่เป็นของที่ลูกค้าทำการสั่งซื้อเรียบร้อยแล้ว พวกเขาถึงจะสั่งโรงงานให้ผลิตขึ้นมาทีหลัง


ฉินสือโอวมาที่สกายซิตี้ ก็เพราะพวกเขามีเครื่องบินแทรกเตอร์ AT-802C ลำจริงที่กำลังจัดแสดงอยู่พอดี นอกจากนี้ยังมีเฮลิคอปเตอร์อยู่เป็นจำนวนมาก ฉินสือโอวจึงสามารถมาดูยังสถานที่จริงได้


หลังจากมาถึงลานจอดเครื่องบิน โอเมอร์ ก็พาฉินสือโอวขึ้นไปยังเครื่องบิน AT-802C เลยทันที ราคาเครื่องเปล่าของเครื่องบินรุ่นนี้อยู่ที่ หกแสนสี่หมื่นดอลลาร์ และสามารถปรับแต่งได้อีก ระหว่างทางเขาก็ช่วยแนะนำให้ฉินสือโอวฟังว่า “บริษัทรีเคลม เจนเนอรัล มอเตอร์ส แอร์ไลน์จากประเทศจีนก็เพิ่งซื้อเครื่องบินชนิดนี้ไปหกลำ เป็นรุ่น AT-802F เพื่อใช้ในการดับไฟป่าเป็นสำคัญ ทั้งหมดรวมเป็นมูลค่าสี่ล้านแปดแสนดอลลาร์สหรัฐ”


ฉินสือโอวเดาะลิ้นแล้วถามเขาด้วยความสงสัยว่า “เพราะปรับแต่งให้เป็นเครื่องบินดับเพลิง ราคาเลยเพิ่มขึ้นมากขนาดนี้ใช่ไหมครับ?”


เครื่องบิน AT-802F เฉลี่ยแล้วอยู่ที่ลำละแปดแสนดอลลาร์สหรัฐ นั่นก็ใกล้เคียงกับหนึ่งล้านดอลลาร์แคนาดาแล้ว ราคาเท่านี้จะเรียกว่าไม่แพงไม่ได้เลย


โอเมอร์ยิ้ม แล้วตอบกับเขาว่า  “ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ ราคาเครื่องบิน AT-802F ที่ปรับแต่งแล้วในแคนาดามีราคาแค่หกแสนแปดหมื่นเท่านั้น เพียงแต่ว่าในการขายให้ประเทศของคุณมีภาษีศุลกากรค่อนข้างสูง ดังนั้นจึงทำให้ราคาเพิ่มขึ้นขนาดนี้”


ได้ยินโอเมอร์พูดเช่นนี้ ฉินสือโอวก็เข้าใจได้ เพื่อคุ้มครองสิทธิ์ในการครอบครองทรัพย์สิน ประเทศจีนจึงปรับภาษีศุลกากรของรถยนต์ เครื่องบิน เรือยอชต์และสินค้ามูลค่าสูงชนิด ต่างๆ ให้เพิ่มสูงขึ้น ข้อนี้ก็สามารถสังเกตได้จากการซื้อรถยนต์นำเข้าเช่นกัน


เมื่อเข้ามาในลานจอดเครื่องบิน สิ่งที่ฉินสือโอวมองเห็นก็คือเครื่องบินที่ทรงพลังหลายๆ ลำ โอเมอร์แนะนำให้เขาฟังว่า “เครื่องบินพวกนี้ส่วนใหญ่ถูกลูกค้าสั่งจองไว้ล่วงหน้าแล้ว ไม่อย่างนั้นพวกเราคงไม่กล้าจอดพวกมันไว้ข้างนอก เครื่องบินมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาที่สูงมากครับ โดยทั่วไปแล้วสามารถคำนวณได้จาก 1% ของมูลค่าเครื่องบินในทุกๆ วัน”


เครื่องบิน AT-802C ดูสะดุดตาเป็นอย่างมาก ฉินสือโอวมองเห็นมันได้แม้จะอยู่ไกลขนาดนี้ รูปลักษณ์ภายนอกของมันคือเครื่องบินสีเหลืองขนาดกลางที่พบเห็นได้ไม่บ่อยนัก มีขนาดใกล้เคียงกับเครื่องบิน P-750 มีความสูงสี่เมตร ความยาวราวๆ สิบกว่าเมตร ขนาดของปีกก็มีความกว้างยิ่งกว่า ซึ่งกว้างราวๆ ยี่สิบเมตรเลยทีเดียว


เมื่อเข้ามาถึงด้านหน้าของ เครื่องบิน AT-802C โอเมอร์ก็เชิญให้เขาขึ้นไปสำรวจดู จากนั้นจึงแนะนำข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้เขาฟัง ใช้เครื่องยนต์เทอร์โบพร๊อปแพรทท์แอนด์วิทนีย์ PT6A-67F มีพลังเต็มพิกัด 1,350 แรงม้า มีระดับความเร็วในการบินลาดตระเวนมากถึง 356 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เติมเชื้อเพลิงเต็มถังหนึ่งครั้งสามารถบินได้ไกลถึง 1289 กิโลเมตร สามารถไต่ระดับความสูงได้ถึง 7620 เมตรโดยประมาณ


ในด้านมาตรฐานขององค์ประกอบโดยรวม เครื่องบิน AT-802C ใช้คอนเวนชันแนล แลนดิ้งเกียร์ มีล้อหลักอยู่สองล้อ และล้อหางอีกหนึ่งล้อ เครื่องบินติดตั้งทุ่นลอยน้ำ Wipaire-10000 จำนวนสองทุ่น ทำให้มันสามารถแลนดิ้งลงบนทางที่ไม่ใช่รันเวย์หลักหรือแม้กระทั่งร่อนลงบนผิวน้ำ


สำหรับฉินสือโอวแล้วข้อนี้สำคัญมาก เนื่องจากเขาไม่มีสนามบิน ถ้าหากเครื่องบิน AT-802C สามารถร่อนลงบนผิวทะเลได้ เมื่อเป็นอย่างนี้พอถึงเวลาก็แค่สร้างรันเวย์หนึ่งเส้นไว้บนทะเลก็พอแล้ว


เรื่องนี้ต้องขอบคุณความตั้งใจเดิมของการออกแบบเครื่องบิน AT-802C เดิมทีมันถูกออกแบบมาเพื่อการดับไฟป่า ดังนั้นเพื่อที่จะสามารถรับน้ำได้เร็วกว่าเดิม จึงจำเป็นที่เครื่องบินจะต้องร่อนลงบนพื้นผิวแม่น้ำได้โดยตรง ข้อนี้จึงทำให้เกิดความสะดวกสบายแก่ฉินสือโอวในตอนนี้


เมื่อได้สัมผัสถึงพละกำลังอันยิ่งใหญ่ของเครื่องบินแทรกเตอร์แล้ว ฉินสือโอวก็ตัดสินใจซื้อเครื่องบินลำนี้ แต่ว่าต้องปรับแต่งให้กลายเป็นเครื่องบินที่ใช้ในการพ่นผลิตภัณฑ์เคมีทางการเกษตรและพันธุ์ปลา ซึ่งต้องเพิ่มเงินอีกสี่หมื่นดอลลาร์สหรัฐ


นอกจากนี้ โอเมอร์ยังได้ช่วยฉินสือโอวปรับแต่งของอีกหนึ่งสิ่ง อย่าง ’เอาใจใส่’ นั่นก็คือการติดตั้งปืนกล “ขอเพียงแค่คุณหาทางซื้อปืน M-60 หรือ ปืน M249 สำหรับพลเรือนมาสักกระบอก ก็จะสามารถแขวนปืนกลได้แล้วครับ”


“สามารถติดตั้งรังจรวดติดดาวเทียมหรือไม่ก็ขีปนาวุธได้ไหมครับ?”


“สามารถทำได้ครับ แต่ว่าพวกเราไม่สามารถรับทำงานนี้ได้ นอกจากนี้ผมก็คิดว่าคุณคงไม่ติดตั้งติดตั้งจรวดกับขีปนาวุธ”


“ผมแค่ล้อเล่นน่ะครับ ฮ่าๆ แต่จะดีที่สุดถ้าติดตั้งเรดาร์ตรวจจับรังสีอินฟราเรดให้ด้วย คุณคงรู้ใช่ไหม คือผมต้องออกลาดตระเวนฟาร์มปลาของผมทุกวันน่ะ พื้นที่ของมหาสมุทรกว้างใหญ่เกินไป อาศัยแค่ดวงตาคงไม่ได้


“ไม่มีปัญหาครับ เพิ่มเงินอีกสองหมื่นแปดพันดอลลาร์ ก็จะได้เรดาห์ตรวจจับรังสีอินฟราเรดอัตโนมัติ SS-PD2 ที่ผลิตโดยบริษัทโบอิ้ง ที่สามารถทำงานได้ยี่สิบสี่ชั่วโมง”


การซื้อเครื่องบินสำหรับการเกษตรเป็นไปอย่างเรียบง่าย เนื่องจากเขาเลือกรูปแบบของเครื่องบินมาล่วงหน้า ต่อมาจึงเป็นการเลือกซื้อเฮลิคอปเตอร์ลาดตระเวน


ถึงแม้ฉินสือโอวจะพูดว่าต้องการติดตั้งเรดาร์ให้เครื่องบิน AT-802C เพื่อการลาดตระเวนดูฟาร์มปลา แต่ความจริงโดยทั่วไปแล้วเขาคงไม่ขับเครื่องบินประเภทนี้ ตัวเครื่องของเครื่องบินลำนี้มีน้ำหนักเกือบถึงสามตัน เป็นตัวการเผาผลาญน้ำมันโดยแท้ เขาต้องการเครื่องบินลำเล็กที่มีน้ำหนักเบาและมีความรวดเร็ว


โอเมอร์เข้าใจถึงความต้องการของฉินสือโอว เขาพูดขึ้นมาว่า “ถ้าอย่างนั้นคุณก็ต้องซื้อเฮลิคอปเตอร์เครื่องยนต์เดี่ยว ไม่ต้องซื้อเฮลิคอปเตอร์หลายเครื่องยนต์ ราคาของทั้งคู่แตกต่างกันเป็นอย่างมากครับ”


เฮลิคอปเตอร์เครื่องยนต์เดี่ยวก็คือเฮลิคอปเตอร์ที่มีปีกหมุนหนึ่งอัน ส่วนเฮลิคอปเตอร์หลายเครื่องยนต์ก็จะมีใบหมุนมากกว่า ทั้งสองแบบมีความแตกต่างของราคาที่สูงมาก เฮลิคอปเตอร์เครื่องยนต์เดี่ยวล้วนแต่มีราคาต่ำกว่าหนึ่งล้านดอลลาร์แคนาดา อย่างเช่น H2S HelisportCH-7 และ AN-2 Enara เป็นต้น


เฮลิคอปเตอร์หลายเครื่องยนต์ มักจะมีราคาไม่ต่ำกว่าห้าล้านห้าแสนดอลลาร์แคนาดา แม้กระทั่งแบบที่ราคาสูงถึงสิบล้านก็มี ราคาเทียบเท่ากับเครื่องบินโดยสารเลยทีเดียว


โอเมอร์พาเขามาที่ด้านหน้าของเฮลิคอปเตอร์เครื่องยนต์เดี่ยวขนาดเล็กที่มีความละเอียดลำหนึ่ง พร้อมทั้งแนะนำให้เขาฟังว่า “เฮลิคอปเตอร์ซาฟารีมีฉายาว่าเด็กน้อยที่งดงาม เป็นเฮลิคอปเตอร์ที่พวกเราชาวแคนาดาทำการวิจัยและพัฒนาขึ้นเอง มีความกว้างเท่ากันกับเบล-47 มีความเร็วใกล้เคียงกัน และมีราคาอยู่ที่สองแสนดอลลาร์แคนาดาเท่านั้นครับ”


“แล้ว เบล-47 ล่ะครับ?” ฉินสือโอวถาม เฮลิคอปเตอร์รุ่นนี้เป็นที่สุดของความคลาสสิค เทียบได้กับความสุดยอดของปืน AK มันอยู่มาเจ็ดสิบปีแล้ว แถมยังขายดีมาโดยตลอด


………………………………………


บทที่ 288 มอนทรีออลตราตรึงใจ

โดย

Ink Stone_Fantasy

“ถึงแม้ว่า เบล-47 จะเป็นรุ่นคลาสสิคทว่าราคาสูงกว่ามาก ราคาเกือบหนึ่งล้านดอลลาร์เลยล่ะครับ” โอเมอร์กล่าว “มันมีเครื่องยนต์ที่ดีมาก เครื่องยนต์ที่ใช้คือเครื่องยนต์ไลคอมมิ่งและกระบอกสูบเครื่องยนต์ VO-435-A1B 6”


สำหรับฉินสือโอวแล้ว เงินหนึ่งล้านบาทไม่นับว่าแพงนัก ทว่าซื้อเฮลิคอปเตอร์เพื่อลาดตระเวนหนึ่งลำก็แทบจะไม่คุ้มกันเลยจริงๆ ยังไงซะเครื่องบินลำนี้ก็มีการใช้งานอยู่ไม่กี่อย่าง สามารถบินได้ในระยะสั้นๆ ก็เพียงพอแล้ว


“เบล-47มีหลายรุ่นมาก ความจริงแล้วอาจจะมีมากถึงหนึ่งร้อยรุ่นเลยทีเดียว ความแตกต่างของราคาก็ต่างกันมากครับ มีทุกราคาตั้งแต่หนึ่งแสนถึงสี่ล้าน”โอเมอร์เห็นว่าฉินสือโอวเริ่มลังเลจึงพูดกับเขาว่า


“แต่ผมขอแนะนำว่าคุณไม่จำเป็นต้องซื้อเบล-47 เลยจริงๆ ครับ รุ่นที่ราคาต่ำที่สุดของเบลยังไม่สามารถติดตั้งเรดาร์ได้เลยด้วยซ้ำ ขนาดด้านในก็คับแคบ เครื่องยนต์คุณภาพแย่ เวลาขึ้นบินก็อันตรายมาก อีกอย่างพวก ฮัมมิ่งเบิร์ด 260L โรเตอร์เวย์ เอ 600 อะไรพวกนั้นก็ไม่เลวเลย”


ขณะที่กำลังแนะนำ โทรศัพท์มือถือของโอเมอร์ก็ดังขึ้นมา หลังจากรับสายโทรศัพท์บนใบหน้าของเขาก็ปรากฏให้เห็นความตื่นเต้น เมื่อวางสายแล้วเขาก็บอกกับฉินสือโอวว่า “พวกเราได้รับเฮลิคอปเตอร์รุ่นใหม่มา ผมคิดว่าคุณคงจะรู้สึกสนใจแน่ๆ มันคือเครื่องบินสำหรับการเกษตรที่ถูกพัฒนาและผลิตขึ้นโดยบริษัทเอวิคอปเตอร์ (Avicopter) จากประเทศจีน”


เมื่อได้ยินอย่างนี้ ฉินสือโอวก็รู้สึกสนใจขึ้นมาจริงๆ เขาถามออกไปว่า “มีตัวอย่างของเครื่องบินรุ่นนี้ไหม?”


โอเมอร์ตอบเขาว่า “วันมะรืนนี้ก็สามารถดูได้แล้วครับ คุณพักอยู่ที่มอนทรีออลสักสองวันดีกว่าไหมครับ ระหว่างนี้ก็เที่ยวที่นี่สักหน่อย เชื่อผมเถอะครับ นี่จะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแน่ๆ มอนทรีออลเป็นเมืองที่ยอดเยี่ยมมากๆ ครับ”


ฉินสือโอวระงับความรีบร้อนในใจแล้วตอบรับคำเชื้อเชิญของโอเมอร์ มอนทรีออลเป็นเมืองที่สุดยอดมากจริงๆ จากการคัดเลือกเมืองน่าอยู่ของสหประชาชาติ เมืองนี้ก็อยู่ในอันดับแรกๆ ของรายการเป็นเวลาอย่างยาวนาน


พลบค่ำ ฉินสือโอวพาสุนัขออกไปเดินเล่น เขาเดินไปตามถนนอย่างช้าๆ


ดูจากบริเวณเมืองแล้ว คงจะเอามอนทรีออลและเมืองอุตสาหกรรมที่มีความทันสมัยมารวมกันได้ยากมาก บริเวณที่ฉินสือโอวพักอาศัยคือเขตเมืองเก่า มีบรรยากาศที่ให้ความสบายใจ ซึ่งยังคงรักษาสิ่งปลูกสร้างจากเมื่อหนึ่งร้อยปีก่อนเอาไว้


ถนนหนทางคับแคบ สามารถรองรับทางเดินรถได้เพียงสองเลนเท่านั้น บริเวณริมถนนทั้งสองฝั่งยังคงแขวนตะเกียงบุนเสนเอาไว้ เขาออกมาจากที่พักได้ไม่ทันไร รถม้าคันหนึ่งก็ ‘กุ๊บๆ ๆ’ เข้ามา


หู่จือและเป้าจือได้เห็นรถม้าเป็นครั้งแรก พวกมันเอียงหัวมองดูอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็วิ่งตามไปอย่างร่าเริง ฝีเท้าของม้ากระฉับกระเฉงว่องไว คนขับรถม้าหันกลับมาดูหู่จือและเป้าจือที่กำลังวิ่งตามท้ายรถก็หัวเราะฮ่าๆ ออกมา แล้วยกแส้บังคับม้าขึ้น


มอนทรีออลตั้งอยู่ใกล้กับชายฝั่งยุโรปและเมืองแวนคูเวอร์ ลักษณะของสถาปัตยกรรมที่นี่ ผสมผสานเอารสนิยมและความรู้สึกในด้านที่ดีที่สุดของทั้งสองทวีปผสมผสานเข้าไว้ด้วยกัน บนร่องรอยของโบสถ์และสถาปัตยกรรมโบราณ นอกจากจะคงไว้ซึ่งเค้าโครงของทวีปอเมริกาเหนือแล้วก็ยังมีการผสมผสานของบรรยากาศสไตล์ยุโรปไว้อีกด้วย


จากจุดนี้จะพอมองเห็นฝ้าเพดานของโบสถ์คู่แฝดสไตล์กอร์ธิคที่ตั้งสูงตระหง่านได้บ้าง ฉินสือโอวเข้าไปข้างในเพื่ออธิษฐาน ส่วนหู่จือและเป้าจือรออยู่ด้านนอก ก๊อดฟาเธอร์ที่มีหนวดเคราสีเทามองเห็นพวกมันทั้งสองตัวก็เดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มเพื่อพรมน้ำมนต์ให้กับพวกมันทั้งสองตัว ทั้งยังอวยพรมันด้วยความสนิทสนม


ฉินสือโอวผงกหัวให้กับก๊อดฟาเธอร์ที่เพื่อแสดงความขอบคุณ ท่านเองก็ยิ้มอย่างใจดีแล้วพูดกับเขาว่า “มาเที่ยวที่นี่เหรอ ลูก?”


เขาไม่อยากอธิบาย ฉินสือโอวจึงตอบไปว่า “ใช่แล้วครับ ขอถามหน่อยนะครับผมจะชื่นชมบรรยากาศรอบๆ อย่างไรดีครับ?”


“ลูกพาสุนัขแลบราดอร์ที่น่ารักไปด้วย แล้วก็เดินตรงไปยังจัตุรัสแดร์ม ที่นั่นยอดเยี่ยมมาก หรือบางทีลูกอาจจะพบกับความรักที่นั่นโดยบังเอิญก็ได้นะ” ก๊อดฟาเธอร์ชราหัวเราะออกมา


ฉินสือโอวเดินไปตามทางที่ก๊อดฟาเธอร์ท่านนั้นบอกไว้ จัตุรัสที่ไม่ได้มีความกว้างขวางอะไรนักก็ปรากฏขึ้นในทัศนวิสัยของเขา


บริเวณใจกลางจัตุรัสมีรูปปั้นโบราณอยู่หนึ่งอันและยังมีรูปปั้นสุนัขอยู่ด้วยหนึ่งชิ้น ไม่แปลกใจที่ก๊อดฟาเธอร์ชราแนะนำให้เขามาที่นี่ สุนัขได้รับการต้อนรับที่ดีมากในที่แห่งนี้ เมื่อมองเห็นหู่จือและเป้าจือ ก็มีสาวๆ เข้ามาป้อนขนมปังให้พวกมันกินด้วยความกระตือรือร้น


ฉินสือโอวสังเกตดูบริเวณด้านหน้าของรูปปั้น ตรงนี้มีข้อมูลอธิบายไว้ว่า เจ้าของรูปปั้นชิ้นนี้มีชื่อว่า เมโซเนฟ เป็นมิชชั่นนารีท่านหนึ่ง ที่สร้างโบสถ์แห่งแรกในเมืองนี้ขึ้นมาด้วยความกระตือรือร้นอย่างจริงใจ ช่วยปลอบขวัญชาวอิโรควอยส์ที่มีความดุร้าย ดูแลคนชราและผู้คนที่เจ็บป่วย ให้ที่พักพิงกับคนร่อนเร่พเนจร


รูปปั้นสุนัขที่อยู่ข้างๆ มีชื่อว่า ‘ค็อปนีย์’ มันไม่มีความเกี่ยวข้องกับเมโซเนฟ ในปี 1664 มันเตือนชาวเมืองว่ากำลังจะเกิดกาฬโรค มันใช้ความสามารถในการได้กลิ่นที่เหนือชั้นนำชาวเมืองให้ปิดตายรังหนูที่เป็นพาหะของโรคในทุกๆ ที่ ทำให้ชาวมอนทรีออลรอดพ้นจากการรุกรานของโรคกาฬโรคที่น่าสะพรึงกลัว


บริเวณจัตุรัสในตอนพลบค่ำมีผู้คนที่ออกมาเดินเล่นเป็นจำนวนมาก ดูเหมือนว่าจังหวะในการดำเนินชีวิตของพวกเขาจะเชื่องช้ายิ่งกว่าที่เมืองแฟร์เวลเสียอีก มีคนบางส่วนที่สนอกสนใจสีผิวและสีผมของฉินสือโอวจึงเข้ามาพูดคุยกับเขา คุยกันไปได้สักพักฉินสือโอวถึงได้รู้ว่า โบสถ์คู่แฝดที่เขาเพิ่งผ่านเข้าไปเมื่อสักครู่ ก็คือมหาวิหารน็อทร์-ดามที่มีชื่อเสียงของเมืองมอนทรีออลนั่นเอง


หลังจากนั้น เขาก็พาหู่จือและเป้าจือออกมาจากลานจัตุรัส เดินเล่นไปเรื่อยๆ จนถึง โอลด์ เซนต์-ซัลพิซ เซมินารี ถนนเซนต์ยัค และเข้าชมพิพิธภัณฑ์ชาโตว์ แรมเซย์ จนฟ้ามืด เขาถึงไปทานข้าว


กล่าวกันว่ามอนทรีออลเปรียบเสมือนสวรรค์ของอาหารอร่อยบนโลกใบนี้ ในทวีปอเมริกาเหนือ โดยเฉลี่ยแล้วที่นี่มีจำนวนร้านอาหารต่อจำนวนประชากรเป็นอันดับสอง เป็นรองแค่นิวยอร์ก


ฉินสือโอวไปยังร้านอาหารแห่งหนึ่งที่มีชื่อว่า ‘บิวตี้ส์’ เพื่อซื้อแร็พโรลไส้กรอกอิตาลีและฮ็อตด็อก ปลาแซลมอนรมควันราดชีส และขนมปังบาเกลที่โรยด้วยหอมหัวใหญ่และมะเขือเทศสับ


ฉินสือโอวทานอาหารของตัวเองไปด้วยพร้อมกับป้อนหู่จือและเป้าจือไปด้วย คนไร้บ้านคนหนึ่งเห็นเขาถืออาหารปรุงสดป้อนสุนัขอยู่ก็เลยเดินเข้ามา ฉินสือโอวได้ดูถูกเหยียดหยามเขา อีกทั้งยังซื้อคีชกับกัซปาโชให้เขาทานอีกด้วย


เมื่อทานจนอิ่มท้อง หลังจากกล่าวขอบคุณฉินสือโอวแล้ว คนไร้บ้านก็ยังร้องเพลงให้เขาด้วยหนึ่งเพลง เสียงสูงต่ำและพลังเสียงของคนคนนี้โดดเด่นมาก ฉินสือโอวคิดว่าถ้าเขายินดีที่จะไปเป็นนักร้องนำให้วงดนตรีก็ย่อมทำได้


กลับมาถึงโรงแรม ฉินสือโอวกำลังจะเดินจากไป ทว่าเขากลับสังเกตเห็นว่าทั้งสองฝั่งของทางเดินมีรูปถ่ายแขวนอยู่เป็นจำนวนมาก เขาลองเดินเข้าไปดู ก็ได้พบกับรูปภาพของเอลิซาเบธ เทย์เลอร์ที่กำลังสวมชุดแต่งงานพร้อมทั้งยังส่งยิ้มหวานหยดย้อย


พนักงานคนหนึ่งเดินผ่านมาข้างๆ ยิ้มให้ฉินสือโอวแล้วพูดกับเขาว่า “นี่คือรูปภาพของคุณสุภาพสตรีเทย์เลอร์ตอนที่มาจัดงานแต่งงานที่โรงแรมของเราครับ ผมกล้าพูดได้ว่า ในตอนนั้นผู้ชายทุกคนต่างก็รู้สึกอิจฉาริชาร์ด เบอร์ตัน กันทั้งนั้น”


พอฉินสือโอวได้ยินเช่นนี้ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าโรงแรมแห่งนี้มีบรรยากาศระดับไฮเอนด์ขึ้นมาทันที


เขาลองค้นหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตดู ถึงได้รู้ว่าเขาไม่รู้ตัวเลยว่ามีของดีอยู่กับตัว สกายซิตี้กรุปดูแลเขาอย่างแขกวีไอพีที่แท้จริง โรงแรมแห่งนี้มีชื่อว่า ‘โรงแรมริทซ์-คาร์ลตัน’ อาจจะไม่ใช่โรงแรมห้าดาวที่หรูหราที่สุดในมอนทรีออล ทว่าเป็นโรงแรมที่มีรสนิยม และมีชื่อเสียงที่สุด


พักไปแล้วหนึ่งวัน โอเมอร์ก็พาเขาไปท่องเที่ยวในมอนทรีออลอีกหนึ่งวัน ลิ้มชิมทุกรสชาติ อย่างเช่นสเต๊กทาทาร์ที่วางไว้ในจานทรงกลมเหมือนกันกับพิซซ่า ด้านนอกของสเต๊กมีไอศกรีมมัสตาร์ดหนึ่งชั้น ทั้งยังประดับด้วยขนมปังกรอบที่ถูกบดละเอียด


นอกจากนี้ เขายังได้ชิมขนมที่มีชื่อว่า ‘Vert’ อีกด้วย ขนมชนิดนี้ทำมาจากแอปเปิลเขียวน้ำมันมะกอก พิสตาชิโอ ไวท์ช็อกโกแลตโยเกิร์ต และใบผักชี รสชาติอร่อยสดชื่นอย่างถึงที่สุด


วันที่สาม เฮลิคอปเตอร์ AC-310 ก็มาถึงแล้ว ตอนบ่ายฉินสือโอวจึงได้เข้าไปดู ก็ได้เห็นเฮลิคอปเตอร์ชื่อดังที่ผลิตในมาตุภูมิ มันดีจนถูกนำมาขายในทวีปอเมริกาเหนือ


……………………………………


บทที่ 289 เพาะเลี้ยงกุ้งมังกร

โดย

Ink Stone_Fantasy

เมื่อเทียบกันกับเบล-47 เฮลิคอปเตอร์ AC-310 มีขนาดสั้นกว่า มันมีความยาวอยู่ที่เก้าเมตรครึ่ง และมีความสูงราวๆ สองเมตรครึ่ง เส้นผ่าศูนย์กลางใบพัดของมันอยู่ที่ 8.18 เมตร มีความกว้างมากกว่าเฮลิคอปเตอร์ของเบลและซาฟารีอยู่นิดหน่อย


จากรูปทรงภายนอกแล้ว เฮลิคอปเตอร์ AC-310 มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นเป็นอย่างมาก ส่วนประกอบหลักทำมาจากกระจกนิรภัย ขอบของห้องเคบินใช้วัสดุโลหะผสมอะลูมิเนียมไทเทเนียม ทาสีขาวและสีแดงเป็นลายเมฆ ดูแล้วเท่มาก


ส่วนความรู้เฉพาะทาง ฉินสือโอวก็ไม่เข้าใจแล้ว จึงต้องพึ่งการแนะนำของโอเมอร์ “เฮลิคอปเตอร์ AC310 เป็นเฮลิคอปเตอร์อเนกประสงค์ขนาดเบาที่เพิ่งถูกเปิดตัวเร็วๆ นี้ ผลิตจากเอวิเอชั่น อินดัสทรีส์ในประเทศจีนเพื่อตีตลาดของยุโรปและอเมริกา มีพื้นฐานเทคนิคมาจากเฮลิคอปเตอร์ S300C ของบริษัทซิคอร์สกี้ แอร์คราฟท์ ทดลองบินครั้งแรกเมื่อสี่ปีที่แล้ว แต่เพิ่งจะเข้าสู่ตลาดของอเมริกาเหนือเมื่อปีนี้”


“น้ำหนักมากที่สุดที่สามารถขึ้นบินได้ของเฮลิคอปเตอร์รุ่นนี้อยู่ที่ 930 กิโลกรัม มีน้ำหนักเครื่องเปล่าอยู่ที่ 505 กิโลกรัม สามารถบรรทุกน้ำหนักได้ถึง 425 กิโลกรัม สามารถบรรทุกคนได้ประมาณสองถึงสามคน และมีความเร็วสูงสุดในการบินลาดตระเวนอยู่ที่ 159 กิโลเมตรต่อชั่วโมง”


“มันใช้โรเตอร์เดี่ยวดั้งเดิมพร้อมใบพัดที่หาง ติดตั้งเครื่องยนต์สี่สูบที่ได้มาตรฐาน มีใบพัดที่ประกบไว้สามแผ่นและมีใบพัดหางที่มีโครงสร้างแบบไม้กระดานหกจำนวนสองแผ่น ห้องเคบินทั้งหมดถูกออกแบบอย่างมีสไตล์ เครื่องยนต์ถูกติดตั้งอยู่ตำแหน่งด้านล่าง มีการดูดซับแรงกระแทกและการลื่นไถล มีที่นั่งที่ทำจากท่ออะลูมิเนียมและพลาสติกเปลี่ยนรูป โครงของเครื่องบินสามารถรองรับแรงกระแทกได้ มีการออกแบบการป้องกันการกระแทกของถังน้ำมันและความปลอดภัยด้านต่างๆ ถ้าพูดถึงความปลอดภัยแล้ว มันสามารถทำได้ดีมากครับ”


“นอกจากนี้ ห้องบังคับการบินของเฮลิคอปเตอร์ลำนี้ยังมีทัศนวิสัยที่เปิดกว้าง เหลือพื้นที่ว่างสำหรับการติดตั้งเครื่องยนต์ สามารถติดตั้งเรดาห์และระบบถ่ายภาพเข้าไปเพิ่มได้ สำหรับเฮลิคอปเตอร์ลาดตระเวนแล้ว นี่เป็นทางเลือกที่เยี่ยมยอดมาก…”


ฉินสือโอวลองเข้ามานั่งในเฮลิคอปเตอร์ ด้านในมีที่ว่างกว้างขวาง ถึงแม้จะเป็นมนุษย์ยักษ์อย่างอีวิลสันก็สามารถเหยียดขาทั้งสองข้าง และยืดเหยียดตัวได้สบายๆ สำหรับเฮลิคอปเตอร์ที่เป็นที่รู้จักว่ามีขนาดเล็กกะทัดรัดแล้ว สามารถขยายที่ว่างได้ขนาดนี้ จะดูถูกไม่ได้เลยจริงๆ


อย่างที่โอเมอร์ได้บอกไว้ เฮลิคอปเตอร์ลำนี้มีทัศนวิสัยที่กว้างมาก ทั่วทุกด้านล้วนแต่เป็นกระจกนิรภัย แน่นอนว่า เมื่อเทียบกับ ‘เฮลิคอปเตอร์โดมแก้ว’ อย่างเฮลิคอปเตอร์ของซาฟารีแล้วก็ถือว่ายังด้อยกว่า ทว่าสิ่งที่ฉินสือโอวไม่ชอบใจเกี่ยวกับซาฟารีก็คือการปรับแต่งที่แย่เกิดไป


เนื่องจากนี่เป็นเฮลิคอปเตอร์ AC-310 ล็อตแรกที่เข้ามาในตลาดอเมริกาเหนือ ยืนยันแล้วว่าเป็นรุ่น AC-310NA ดังนั้นจึงมีราคาที่ค่อนข้างต่ำ ว่ากันว่าราคาขายในประเทศอยู่ที่ สามล้านห้าแสนหยวน ที่สกายซิตี้มีราคาเพียงห้าแสนห้าหมื่นดอลลาร์แคนาดาเท่านั้น เมื่อแปลงค่าเงินและคำนวณดูแล้วก็ยังถูกกว่าราคาในจีนอยู่ตั้งแปดแสนกว่า


ในจุดนี้ นอกจากส่ายหัวแล้วฉินสือโอวก็ไม่รู้จะแสดงความคิดเห็นอย่างไรดี


สินค้าขายในต่างประเทศได้ราคาถูกกว่าในประเทศที่ผลิต สำหรับประเทศจีนแล้วถือว่าเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ตอนนี้เขาเองก็เป็นเหมือนชาวต่างชาติ แล้วจะพูดมากไปทำไมกันล่ะ?


ตามที่ได้ปรึกษาหารือร่วมกัน สกายซิตี้กรุปจะดำเนินการปรับแต่งเฮลิคอปเตอร์ AC-310 ให้ ส่วนการติดตั้งเรดาห์ตรวจจับแสงเย็นและอุปกรณ์ถ่ายภาพ สองสิ่งนี้จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมมูลค่าห้าหมื่นดอลลาร์


มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกชุดนี้ เมื่อเครื่องบินขึ้นบินแล้วมันจะสามารถติดตามดูเขตทะเลขนาดสองร้อยกิโลเมตรที่มีใจกลางเป็นเกาะแฟร์เวลได้อย่างใกล้ชิด สะดวกสบายมาก ไม่ต้องออกเรือไปลาดตระเวนทุกวันแล้ว


ลำหนึ่งเจ็ดแสนส่วนอีกลำราคาหกแสน ฉินสือโอวใช้เงินหนึ่งล้านสามแสนไปในครั้งเดียว เครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์สองลำนี้ก็กลายเป็นของเขาแล้ว


สกายซิตี้กรุปต้องดำเนินการปรับแต่งก่อน ดังนั้นจึงต้องใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์ถึงจะสามารถนำเครื่องบินส่งไปให้เขาได้ เมื่อฉินสือโอวชำระเงินเรียบร้อยแล้วก็พาเออร์บักและสุนัขทั้งสองตัวกลับไปยังเกาะแฟร์เวล โดยเครื่องบินส่วนตัวเหมือนเดิม


ซื้อเครื่องบินแล้ว เมื่อฉินสือโอวกลับมาถึงฟาร์มปลาก็เรียกให้นีลเซ็นกับชาร์คมาประชุม เพื่อปรึกษาหารือเรื่องการพัฒนาฟาร์มปลาในอีกเดือนสองเดือนที่กำลังจะมาถึง


เนื่องจากพวกเขามีเครื่องบินแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้พื้นที่ในการโปรยอาหารและยาก็จะขยายกว้างไปถึงทุกส่วนของฟาร์มปลา ฉินสือโอวตัดสินใจที่จะเพาะพันธุ์เมนล็อบสเตอร์ ฟาร์มปลาที่ใหญ่ขนาดนี้แต่กลับไม่มีกุ้งมังกรที่ล้ำค่าชนิดนี้ นับว่าเป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากรโดยแท้


คิดแล้วก็ลงมือทำทันที วันต่อมาฉินสือโอวก็โทรศัพท์ไปหาบิล ซาทชี่ เพื่อให้เขาส่งลูกพันธุ์กุ้งมังกรมูลค่าห้าแสนดอลลาร์จำนวนเก้าแสนตัวจากบริษัท ดิค พันธุ์พืชน้ำทะเลเข้ามาที่ฟาร์มปลา


วินนี่กลับมาถึงฟาร์มปลา เธอกอดจูบกับฉินสือโอวอยู่พักหนึ่ง แล้วพูดอย่างเนือยๆ ว่า “สาวๆ พวกนั้นอยากจะพากันกลับแล้วล่ะค่ะ รับมือกับพวกเธอได้ยากจริงๆ สามีในอนาคตของพวกเธอคงจะต้องลำบากแล้วล่ะ”


พูดจบ เธอก็มองไปที่ฉินสือโอว


ฉินสือโอวเล่นกับหูของฉงต้าที่มีขนปุกปุย เขาพูดอย่างไม่พอใจว่า “คุณมองผมทำไมกันครับ ผมไม่ได้คิดอะไรกับพวกเธอเลยสักนิด คุณดูสิ ทุกวันนี้ผมเคยเข้าไปใกล้พวกเธอที่ไหนกัน?”


วินนี่พูดกับเข้าด้วยรอยยิ้ม “โอเคค่ะ เด็กดี ฉันเข้าใจคุณผิดไปเอง”


ฉินสือโอวไม่ถือสา ครู่ต่อมาเขาก็ฟุบเข้าไปในอ้อมกอดของวินนี่ เขาพูดกับเธอด้วยเสียงทุ้มต่ำ “แม่ครับ ลูกอยากกินนมแล้วครับ”


เขาเพียงแค่ทำท่าทำทางไปอย่างนั้น วินนี่ขัดขืนอยู่สักครู่ แต่แล้วก็ยินยอมให้ฉินสือโอวได้ทำตามใจ เธอพูดพร้อมกับหน้าแดงๆ ว่า “นี่เป็นรางวัลของคุณที่ช่วงนี้ทำตัวดีนะคะ ต่อไปต้องเป็นเด็กดีกว่านี้นะ”


ฉินสือโอวรู้สึกตื่นเต้นมาก ไม่ว่าวินนี่จะพูดยังไง เลือดของฉินสือโอวก็สูบฉีดไปทั่วทั้งตัวแล้ว


ฉงต้ามองฉินสือโอวกับวินนี่อยู่ด้วยกันอย่างหวานซึ้งด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความงงงวย หลังจากนั้นมันก็รู้สึกสนใจขึ้นมา มันจึงกระดกก้นขึ้นไปแย่งที่ของฉินสือโอว


ราวกับแย่งอาหารจากปากเสือโดยแท้ ฉินสือโอวหันกลับไปพร้อมลูกเตะลมกรด ฉงต้าร้องฮือๆ แล้วตกลงมาจากบนโซฟา


บุชกำลังหดคอเพื่อพักผ่อน พอลืมตาขึ้น เห็นก้อนเนื้ออ้วนๆ ตกลงมาใกล้ๆ ก็ตกใจกลัวจนตัวสั่นขนกระจาย มันร้องแควกๆ แล้ววิ่งแจ้นออกไป ถึงได้ไม่โดนทับจนกลายเป็นอึนกหนึ่งก้อน


สองวันต่อมา สาวๆ พวกนั้นก็ต้องกลับแล้ว พวกเธอเจาะจงให้ฉินสือโอวไปส่งที่สนามบิน


ฉินสือโอวไม่ติดปัญหาอะไร เขาจึงขับเรือไปส่งพวกเธอที่นครเซนต์จอห์นด้วยตัวเอง พวกสาวๆ ยังคงตัดอกตัดใจจากฉินสือโอวไม่ได้ ดังนั้นจึงขอแลกช่องทางการติดต่ออีกครั้ง ทั้งยังลากเขาเข้าไปพูดคุยกระซิบกระซาบกันอีก


จนทำให้เขารู้สึกว่าสาวๆ พวกนี้คือดราม่าควีนโดยแท้ ระหว่างพวกเขามีเรื่องอะไรที่ไหนกัน? ก็แค่ไปรับพวกเธอที่สนามบินกับพาพวกเธอไปงานเลี้ยงหนึ่งครั้ง นอกนั้นก็ไม่มีอะไรแล้ว แต่ดูท่าทางพวกเธอทำเหมือนเขาเคยร่วมเป็นร่วมตายด้วยซะอย่างนั้น


ในตอนสุดท้ายที่สนามบิน อยู่ดีๆ สาวโลลิต้าปลอมจงฉูฉู่ก็เข้ามากอดฉินสือโอวเอาไว้ เธอมุดเข้าอ้อมอกของเขาพร้อมตาแดงๆ อยู่หนึ่งนาที จากนั้นก็พึมๆ พำๆ กระซิบกระซาบไม่รู้ว่าพูดอะไรอยู่ข้างๆ หูเขา อย่างกับภาษาต่างดาว ฟังไม่รู้เรื่องเลยซักประโยค


เดิมทีฉินสือโอวไม่ได้รู้สึกอะไร แต่ว่าทันใดนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ว่า แม่สาวจงฉูฉู่คนนี้ทำร้ายเขาเข้าแล้ว เธอกระซิบกระซาบข้างหูเขาอยู่พักหนึ่ง ถึงแม้ว่าจริงๆ แล้วเขาจะไม่ได้พูดอะไร แต่ว่าในสายตาของคนอื่นโดยเฉพาะวินนี่แล้ว ก็น่ากลัวว่าจะไม่ใช่อย่างนั้นน่ะสิ


ทำให้เขานึกถึงหนังเรื่อง ดาบมังกรหยก ตัวละครอินซู่ซู่ที่แสดงโดยจางหมิ่นฉากที่หยอกล้อกับพระวัดเส้าหลิน ทำให้เขานึกคำพูดประโยคหนึ่งของเธอขึ้นมาได้ “ลูกเอ๋ย เมื่อเจ้าเติบใหญ่แล้ว ต้องระวังไม่ให้ผู้หญิงมาหลอก ยิ่งเป็นผู้หญิงสวยๆ ยิ่งหลอกคนได้ง่าย…”


ก่อนขึ้นเครื่อง ซ่งไป๋ลู่สาวขายาวคนสวยที่แสนเพียบพร้อมก็เดินจากไปเป็นคนสุดท้าย เธอมองฉินสือโอวด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน แล้วพูดกับฉินสือโอวว่า “ถ้าฉันได้เจอกับคุณเร็วกว่านี้ ก็คงจะดีนะคะ พวกเรามารู้จักกันตอนนี้ก็สายไปแล้ว ใช่ไหมคะ?”


ฉินสือโอวยิ้มเจื่อน เขาตอบเธอไปว่า “ถ้าได้เจอผมเร็วกว่านี้ คุณคงไม่แม้แต่ชายตามองผมแน่ๆ  ตอนที่ผมยังอยู่ที่จีนผมก็เป็นพวกขี้แพ้ดีๆ นี่เอง เช่าห้องพักเดือนละพันหยวน เวลาจะกินข้าวก็มื้อหนึ่งก็ไม่เคยเกินยี่สิบหยวน เทียบกับสาวสวยที่แสนเพียบพร้อมอย่างคุณแล้ว ไม่มีอะไรเข้ากันสักนิด”


ซ่งป๋ายลู่แย้มยิ้ม เธอพูดกับเขาว่า “ไม่หรอกค่ะ คุณท่องกลอน ‘น้ำค้างร่วงหล่นในยามฟ้ายังไม่เปลี่ยนสี น้ำค้างแรกฤดูใบไม้ร่วงเกาะกลุ่มบนยอดเขา’ ออกมาได้ ฉันก็คงไม่อาจไม่สนใจคุณ”


ทั้งสองคนบอกลากัน รอจนสาวๆ พวกนั้นขึ้นเครื่องจนหมดแล้วทุกคน ฉินสือโอวก็ถอนหายใจออกมา เตรียมตัวพาวินนี่กลับ


คราวนี้ โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นมา เมื่อมองดู ก็เห็นว่าเป็นซ่งไป๋ลู่ที่ส่งข้อความเข้ามา


………………………………………..


บทที่ 290 เรื่องใหญ่ดูท่าไม่ค่อยดี

โดย

Ink Stone_Fantasy

ฉินสือโอวหันไปมองรอบๆ ด้วยสีหน้าปกติ ฉินสือโอวและคนอื่นๆ ไม่ทันสังเกตเห็น เขาจึงเปิดข้อความขึ้นอ่าน


เมื่อเปิดอ่าน เขาก็แทบจะพ่นเอาลิ้นออกมา ข้อความที่ซ่งไป๋ลู่ส่งมามีใจความว่า “คุณเชื่อเรื่องโชคชะตาไหม? ตอนเป็นเด็กฉันกับพี่สาวของฉันถูกทำนายดวงชะตาไว้ พระอาจารย์บอกว่าในอนาคตพวกเราจะพบกับผู้ชายที่สามารถเดาที่มาของชื่อของพวกเราได้ จะมีพวกเราหนึ่งคนที่ได้แต่งงานกับเขา คุณอยากแต่งงานกับฉันหรือพี่สาวของฉันล่ะคะ?”


ฉินสือโอวหัวเราะฮ่าๆ และไม่ได้เก็บมาใส่ใจ ตำพูดพวกนี้เป็นแค่เรื่องไร้สาระเท่านั้น ผู้หญิงสมัยนี้เพียงเพื่อต้องการตกลูกเขยเต่าทองคำ ก็ยอมที่จะใช้ทุกวิถีทาง กระทั่งเรื่องงมงายก็ไม่เว้น


เขาไม่เชื่อเรื่องนี้ ถ้าหากเขายังเป็นวัยรุ่นขี้แพ้คนนั้น ถึงจะได้เจอซ่งไป๋ลู่แล้วท่องกลอนต้นไผ่ที่ขึ้นใหม่ (新栽竹) ของไป๋จวีอี้ ให้เธอฟัง ซ่งไป๋ลู่ก็จะเหลียวมองเขาหรืออย่างไรกัน?


แต่ทันใดนั้นเขาก็นึกขึ้นมาได้ว่า เขาเพิ่งจะเคยเห็นกวีบทนี้เมื่อไม่นานมานี้ ถ้าเจอซ่งไป๋ลู่เมื่อก่อน เขาคงท่องคำกลอนแบบนี้ไม่ได้แน่


วินนี่มองมาที่เขาด้วยความสงสัย เธอถามเขาว่า “คุณอ่านอะไรเหรอคะ?”


ฉินสือโอวเก็บโทรศัพท์ด้วยใบหน้าเรียบเฉย เขาตอบเธอว่า “บิล ซาทชี่ส่งข้อความมาหาผม เขาบอกว่าจะส่งลูกพันธุ์กุ้งมังกรมาให้ผมภายในสองวันนี้”


วินนี่พยักหน้ารับ ทันใดนั้นก็ถามขึ้นมาอีกครั้งว่า “มันตลกขนาดนั้นเลยเหรอคะ?”


ฉินสือโอวแกล้งแสดงต่อไปไม่ได้แล้ว เขากะพริบตาปริบๆ แล้วไม่รู้จะตอบอะไรกลับไปดี


วินนี่ส่งยิ้มหยาดเยิ้ม เธอช่วยเขาจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ แล้วพูดเสียงเบาว่า “ไม่ต้องคิดหาทางเรื่องแก้ตัวหรอกค่ะ อย่ากลัวไปเลยที่รัก ฉันแค่อยากแกล้งแหย่คุณเล่นๆ ใครจะไม่มีเรื่องส่วนตัวกับความลับกันบ้างล่ะ?”


ฉินสือโอวส่งมือถือให้เธอแต่โดยดี เขาบอกกับเธอว่า “คุณเอาไปอ่านเองเถอะครับ”


สายตาของวินนี่แสดงออกถึงความรู้ทัน เธอรับโทรศัพท์มาแต่ไม่ได้เปิดดู เธอหันหลังกลับไปแล้วค่อยส่งมันคืนให้กับเขา เธอพูดกับเขาว่า “โอเค เรื่องนี้จบแล้วนะคะ สาวสวยพวกนั้นจากคุณไปแล้ว แต่ฉันยังอยู่ข้างๆ คุณ”


เมื่อขึ้นรถแล้ว ฉินสือโอวก็ถอนหายใจออกมา เขารู้สึกว่าวินนี่ฉลาดเกินไปหน่อยแล้ว อีกทั้งการที่มีภรรยาที่ฉลาดแบบนี้ ก็เหมือนกับการหาเรื่องลำบากให้ตัวเองอย่างไรอย่างนั้น


แต่เมื่อลองคิดดูดีๆ แล้ว วินนี่ที่มีสติปัญญาและความกล้าหาญ ก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจเช่นกัน


เมื่อคิดได้อย่างนี้ ฉินสือโอวก็หัวเราะแหะๆ ออกมาอีกครั้ง


แต่มีเรื่องหนึ่งที่เขาไม่ได้พูดผิด ผ่านไปหนึ่งวันลูกพันธุ์เมนล็อบสเตอร์ก็ถูกส่งมาแล้วจริงๆ


อุณหภูมิน้ำในเดือนกันยายนเหมาะกับการเพาะพันธุ์กุ้งมังกร เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกกุ้งมังกรถูกปลาใหญ่กินหลังจากปล่อยลงน้ำ ฉินสือโอวจึงนำตาข่ายมาปิดล้อมบริเวณบ่อเพาะเลี้ยง เพื่อเพาะพันธุ์ฉินโดยเฉพาะ


กุ้งมังกรเป็นสัตว์ที่มีลักษณะการกินที่ค่อนข้างซับซ้อน แต่ว่าอาหารของมันจะแตกต่างกันในแต่ละขั้นของการเติบโต


ลูกพันธุ์กุ้งมังกรที่เพิ่งจะฟักไข่ออกมาจะกินไข่แดงของตัวเองที่เหลืออยู่เพื่อบำรุงร่างกายก่อนเป็นอันดับแรก หลังจากนั้นไม่นานก็จะกินโรติเฟอร์และสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่ลอยอยู่ในน้ำ ตามขนาดร่างกายที่โตขึ้นอย่างต่อเนื่อง มันจะกินแพลงก์ตอนที่มีขนาดใหญ่ขึ้น รวมถึงสัตว์ทะเลหน้าดินและเศษซากพืช


สุดท้ายเมื่อกลายเป็นกุ้งตัวเต็มวัยแล้วพวกมันก็จะกินทั้งพืชและสัตว์เป็นอาหาร กินเศษซากพืชซากสัตว์เป็นอาหารหลัก แต่ก็ยังกินไส้เดือนทะเล ริ้นน้ำจืด หญ้าทะเล สัตว์น้ำที่มีเปลือกแข็งขนาดเล็กรวมไปถึงแมลงน้ำบางส่วน


ขณะที่กำลังเพาะเลี้ยงเมนล็อบสเตอร์ สามารถให้ไรน้ำเค็มตัวอ่อนระยะนอเพลียสกับผงสาหร่ายสไปรูลิน่าเป็นอาหารให้กับลูกกุ้ง บิลก็ได้ส่งของพวกนี้มาด้วย อาหารลูกพันธุ์กุ้งจำนวนห้าสิบตันเต็มๆ


เรื่องนี้ไม่ถึงกับต้องใช้เครื่องบินในการโปรยอาหาร แค่ขับเรือไปโปรยบริเวณที่ล้อมตาข่ายไว้ก็พอแล้ว ฉินสือโอวมองดูลูกพันธุ์กุ้งในแต่ละลำเรือที่ถูกปล่อยลงไปในน้ำ ในใจของเขาก็ค่อนข้างคาดหวัง ตามจำนวนการผลิตกุ้งมังกรที่ลดน้อยลงในทวีปยุโรป ทำให้ตอนนี้เมนล็อบสเตอร์ยิ่งเป็นที่ต้องการมากขึ้น


เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ลูกกุ้งพวกนี้ตายด้วยปัจจัยของอุณหภูมิน้ำและสภาพแวดล้อมในการเติบโตที่ไม่เหมาะสม ฉินสือโอวจึงเพิ่งพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนไปยังบริเวณน้ำที่ใช้ในการเพาะเลี้ยง


วันต่อมา ฉินสือโอวเพิ่งจะทานข้าวเสร็จ ทันใดนั้นชาร์คก็พุ่งเข้ามาด้วยความเร่งรีบ เขาพูดว่า “บอส แย่แล้วครับ……”


“มีไอ้ตูบบุกเข้ามาหรือยังไงกัน?” ฉินสือโอวเล่นมุกฝืด


“ตูบ ตูบ ไอ้ตูบอะไรกันล่ะบอส? ไม่ใช่ครับ บอส กุ้งมังกรตายแล้ว ลูกกุ้งมังกรตายเป็นเบือเลยครับ!” ชาร์คพูดอย่างรีบร้อน


ฉินสือโอวถามว่า “กุ้งมังกรตายเยอะมากเลยเหรอ? เยอะมากเลยเหรอ?”


ชาร์คพยักหน้าอย่างจนปัญญา แล้วจึงพากันนั่งเรือออกไปตรวจสอบดู


เป็นเช่นนั้นจริงๆ ในน้ำบริเวณที่ถูกตาข่ายล้อมไว้ มีกุ้งมังกรที่ลอยขึ้นมาบนผิวน้ำเป็นจำนวนมาก ฉินสือโอวหยิบขึ้นมาเคาะๆ ดู แต่ก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไรกลับมา เห็นได้ชัดว่ามันตายแล้ว


หลังจากได้รับการกระตุ้นกุ้งมังกรที่ยังมีชีวิตอยู่จะแกล้งตายเป็นระยะเวลาสั้นๆ แต่เมื่อถูกสัมผัสก็จะม้วนหางเข้ามา ถ้าหลังจากถูกสัมผัสแล้วไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ ก็คือมันตายแล้วอย่างไม่ต้องสงสัยเลย


ฉินสือโอวเพ่งจิตสำนึกแห่งโพไซดอนลงไปด้วยความเร่งรีบ ก็พบว่าเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นแล้ว ลูกพันธุ์กุ้งที่ตายไม่ใช่แค่พวกที่ลอยอยู่บนผิวน้ำ แต่ยังมีบางส่วนที่ตายมานานแล้ว ซากของพวกมันจึงจมลงไปในน้ำ!


ลูกพันธุ์กุ้งมังกรนับล้านตัว ตอนนี้เหลืออยู่ไม่ถึงหนึ่งในสิบที่ยังมีชีวิตอยู่ ฉินสือโอวไม่สนใจอะไรแล้ว เขาใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนรวบรวมลูกพันธุ์กุ้งที่ยังมีชีวิตอยู่เข้าไว้ด้วยกัน จิตสำนึกแห่งโพไซดอนพุ่งออกไปเหมือนปั๊มน้ำ เพื่อส่งพลังจำนวนมหาศาลไปให้ลูกพันธุ์กุ้งพวกนั้น


เมื่อได้รับพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอน ลูกพันธุ์กุ้งพวกนี้ก็เริ่มฟื้นคืนพละกำลังขึ้นมา พวกมันสามารถดิ้นรนหาอาหารใต้ทะเลได้แล้ว


ฉินสือโอวรีบโทรศัพท์หาบิลทันที เมื่อเขาได้ทราบข่าวนี้ ก็ไม่กล้าที่จะเมินเฉย เขาพานักจุลชีววิทยาและผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์ทะเลค่าตัวสูงจากแผนกวิทยาศาสตร์สิ่งมีชีวิตและวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยทรอนโตที่บริษัท ดิค พันธุ์พืชน้ำทะเลเชิญมาไปยังฟาร์มปลาด้วยความเร่งรีบ


เมื่อมาถึงแล้ว ก็รวบรวมซากลูกพันธุ์กุ้งเป็นอย่างแรก จากนั้นก็เก็บตัวอย่างน้ำทะเลและผงสาหร่ายสไปรูลิน่าและอาหารที่ใช้เมื่อวาน แล้วทำการวิเคราะห์ ณ สถานที่จริงทันที


ขวดรูปชมพู่และหลอดทดลองหลายหลอดถูกวางตั้งไว้ ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเติมสารเคมีเข้าไปอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีบางคนที่นำกล้องจุลทรรศน์เข้ามา นำน้ำทะเลหยดลงไปบนแผ่นแก้วแล้วเริ่มทำการสังเกต


สิบกว่านาทีผ่านไป ผู้เชี่ยวชาญหลายท่านปรึกษากันอยู่สักครู่ ก็เรียกบิลเข้าไป และพูดกันอย่างระมัดระวัง


ภาพลักษณ์ของบิลที่มีต่อฉินสือโอว ในช่วงเวลาที่ผ่านมาจนกระทั่งตอนนี้เขาเป็นผู้จัดการหัวอนุรักษนิยมที่มีความเป็นมืออาชีพมาก แต่ครั้งนี้เขาค่อนข้างลุกลี้ลุกลน เมื่อฟังผู้เชี่ยวชาญกล่าวจนจบแล้วเขาก็หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดเหงื่อที่ไหลอาบ


“ร้อนขนาดนั้นเลยเหรอครับ?” ฉินสือโอวยังมีกะจิตกะใจพูดเล่นอยู่ “อยากเข้าไปพักในตู้แช่แข็งของผมก่อนไหมครับ?”


บิลยิ้มเจื่อนแล้วพูดกับเขาว่า “ขอบคุณสำหรับความหวังดีนะ ฉิน ตอนนี้มาคุยกันเรื่องปัญหาของฟาร์มปลาสักหน่อยเถอะ ฉันไม่รู้ว่าควรจะพูดยังไงดี แต่ฉันคงต้องยอมรับว่าเป็นความผิดของฉันเอง ก่อนหน้านี้ฉันควรจะตรวจสอบสภาพแวดล้อมของฟาร์มปลาเสียก่อน”


“มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” ฉินสือโอวถาม เขายอมเสียเงินห้าแสนได้ แต่ก็ไม่อยากเสียมันไปเปล่าๆ


บิลแผ่มือออก เขาพูดด้วยความรู้สึกจนปัญญา “พวกเราแยกเชื้อราตระกูลแก๊ฟคี่ในกุ้งมังกรออกมาจากน้ำทะเลในฟาร์มปลา จะบ้าตาย ทำไมถึงมีของแบบนั้นได้นะ?”


ฉินสือโอวพอจะเคยได้ยินแบคทีเรียชนิดนี้มาบ้าง ก่อนหน้าที่เขากำลังจะเพาะเลี้ยงกุ้งมังกร จึงเตรียมการศึกษาความรู้ทั่วไปและข่าวเกี่ยวกับเมนล็อบสเตอร์เอาไว้บ้างแล้ว


อีกทั้งในข่าวพวกนั้น เรื่องที่เป็นที่รู้จักกันดีที่สุดก็คือเหตุการณ์ในช่วงต้นศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด บริเวณชายฝั่งทะเลของอเมริกาและแคนาดาในตอนนั้น เคยเกิดเหตุการณ์เชื้อราตระกูลแก๊ฟคี่ทำให้กุ้งมังกรตายเป็นจำนวนมาก


แบคทีเรียพวกนี้สามารถแทรกตัวผ่านเปลือกของกุ้งมังกรเข้าไปในเนื้อของพวกมันได้ หลังจากนั้นก็จะทำให้กุ้งมังกรจำนวนมากล้มตายจากอาการโลหิตเป็นพิษ


ในปีนั้น การผลิตกุ้งมังกรในทวีปอเมริกาเหนือลดน้อยลง จนทำให้เกิดเหตุการณ์ราคากุ้งมังกรในตลาดอาหารทะเลโลกพุ่งสูงขึ้นอย่างฉับพลัน คาดไม่ถึงว่าตอนนี้เขาจะยังประสบกับแบคทีเรียพวกนี้


เมื่อคิดไปถึงสภาพการณ์ของฟาร์มปลาที่ไม่เคยมีกุ้งมังกรอาศัยอยู่มาก่อน ก็ไม่ต้องสงสัยเลย ในฟาร์มปลาของเขามีปริมาณแบคทีเรียชนิดนี้อยู่ค่อนข้างสูง เลยทำให้กุ้งมังกรต้องล้มตายลง


คำถามในตอนนี้ก็คือ ควรจะทำยังไงกันดี?


……………………………………………


บทที่ 291 ปอหลัวตัวแสบ

โดย

Ink Stone_Fantasy

ใบหน้าคนที่ได้ชื่อว่านักวิชาการทั้งหลายล้วนแต่เต็มไปด้วยสีหน้าจนปัญญา บิลพูดอย่างท้อใจว่า “ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ฉิน ทำได้แค่สาดยาปฏิชีวนะลงไปในทะเลแล้วล่ะ…”


“อะไรนะ นี่คือคำแนะนำที่พวกคุณมีให้ผมอย่างนั้นน่ะเหรอ?” ฉินสือโอวฟังไปได้เพียงครึ่งประโยคก็โมโหจนพูดขัดบิลขึ้นมา


กรณีแบบนี้ในประเทศจีนจะไม่เหมือนกับที่แคนาดา ถ้าเป็นที่จีน หากไม่ได้ตรวจสอบว่าในฟาร์มปลาของตนเองมีไวรัสหรือแบคทีเรียแล้วไปซื้อลูกพันธุ์กุ้งลูกพันธุ์ปลามามั่วๆ ก็ทำได้แค่โทษความซวยของตัวเอง แต่ที่แคนาดา นายทุนไม่ต้องทำอะไรเลย อย่างเช่นถ้าฉินสือโอวจะซื้อลูกพันธุ์กุ้ง เขาก็แค่ต้องจ่ายเงิน ขั้นตอนอื่นที่เกี่ยวข้อง อย่างการตรวจสอบคุณภาพของน้ำ ล้วนแต่เป็นความรับผิดชอบของบริษัทผลิตภัณฑ์ทางทะเลทั้งสิ้น


ดังนั้น เขาจึงสามารถปฏิเสธความรับผิดชอบไปที่บริษัทผลิตภัณฑ์ทางทะเลได้ทั้งหมด ไม่มีประโยชน์ที่จะฟ้องร้องเรื่องนี้ แต่ว่ามันจะส่งผลกระทบขนานใหญ่ต่อชื่อเสียงของบริษัทผลิตภัณฑ์ทางทะเล จนอาจจะทำให้พวกเขาสูญเสียลูกค้าไปเป็นจำนวนมาก


บิลรีบกล่าวขอโทษ จากนั้นก็อธิบายให้เขาฟังว่า โดยทั่วไปแล้ว ในช่วงแรกที่กุ้งและปลาได้รับเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย จำเป็นต้องสาดยาจำพวกยาปฏิชีวนะจำนวนมากลงไปในฟาร์มปลาทั้งนั้น หากโรคขยายไปอีกขั้นหนึ่ง ก็จำเป็นต้องดำเนินการแบ่งกั้นฟาร์มปลา แล้วเพิ่มยาไนเฟอพิรินอลเข้าไปเพื่อทำการรักษา


นี่คือแผนการรักษาแบบปกติ ไม่มีทางอื่นแล้ว


“พวกเราจะใช้ยาปฏิชีวนะแบบแผ่น มันจะค่อยๆ ละลายหลังจากลงทะเลไปแล้ว ดังนั้นขอแค่แบ่งพื้นที่ที่แน่นอน มันก็แทบจะไม่สร้างผลกระทบให้กับน่านน้ำอื่นแล้ว” บิลพูดขึ้นในตอนท้าย


ฉินสือโอวโบกมือปัด เขาพูดขึ้นว่า “เป็นไปไม่ได้ ฟาร์มปลาของผมจะไม่ใช้ยาจำพวกยาปฏิชีวนะเด็ดขาด ผมต้องการวิธีการทางธรรมชาติของแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์!”


คราวนี้บิลไร้ซึ่งหนทางอื่นแล้ว ความรับผิดชอบถูกผลักมาที่ตัวเขา ถ้าหากฉินสือโอวยืนยันที่จะสืบหาความรับผิดชอบอื่นต่อ เช่นนั้นบริษัทผลิตภัณฑ์ทางทะเลก็จะดำเนินการในส่วนของการชดใช้ค่าเสียหาย แต่ว่าในส่วนของการชดใช้ค่าเสียหายนั้น จะเป็นเขาที่ต้องออกเงินเอง


ฉินสือโอวเคยคำนวณดูแล้ว เงินชดใช้ค่าเสียหายเป็นจำนวนเงินไม่มากเท่าไรนัก แค่ประมาณแสนกว่าๆ เท่านั้น เงินพวกนี้ไม่อยู่ในสายตาของเขา สำหรับบิลแล้วนี่เป็นเงินจำนวนมหาศาล แต่สำหรับเขามันเป็นแค่ตัวเลขจำนวนหกหลักเท่านั้น


“โอเค บิล เรื่องราวในครั้งนี้ ผมจะไม่ซักหาความรับผิดชอบอื่น ผมจะเสียเงินเพื่อเป็นการซื้อบทเรียนแทนคุณเอง”ฉินสือโอวแสดงออกถึงความเมตตาและความน่าเกรงขามในเวลาเดียวกัน หลังจากขู่บิลให้กลัวแล้วเขาก็ผ่อนน้ำเสียงให้เบาลง “แต่ผมหวังว่าการร่วมมือกันของพวกเราครั้งต่อไป จะไม่เกิดปัญหาแบบนี้ขึ้นอีก”


บิลถอนหายใจออกมา เขาใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดเหงื่อที่ไหลออกมาบนหน้าผากของเขาแล้วพูดขึ้นมาว่า “ได้โปรดวางใจเถอะ มิสเตอร์ฉิน ต่อไปจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก ไม่มีทางเกิดขึ้น อย่างแน่ๆ แน่นอน…”


“ถ้าอย่างนั้นก็ดีครับ คุณกลับไปเตรียมตัวก่อนสักหน่อย ผมอยากจะเลี้ยงปลิงทะเลกับหอยเป๋าฮื้อในเขตน้ำลึกของฟาร์มปลาน่ะครับ”


ในการเพาะพันธุ์สัตว์ทะเล ก็มีปลิงทะเลและเป๋าฮื้อนี่แหละที่เป็นตัวละครหลักตลอดกาล!


เก้าสิบเปอร์เซ็นต์ของลูกพันธุ์กุ้งตายไปจนเกือบจะหมดแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จะสามารถย่อบริเวณพื้นที่ตาข่ายที่ใช้ล้อมบ่อเลี้ยงให้เล็กลงได้อีกส่วน ฉินสือโอวสาดพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนปริมาณมากลงไปยังลูกพันธุ์กุ้งที่ยังมีชีวิตอยู่ ถึงจะไม่สำเร็จก็ขอพยายามดูหน่อยแล้วกัน ลองดูว่าพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนจะสามารถกำจัดเชื้อราตระกูลแก๊ฟคี่ในกุ้งมังกรพวกนี้ได้ไหม


วินนี่นำนักท่องเที่ยวกลุ่มที่สองไปเที่ยวแล้ว นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ถึงจะเป็นคนที่มาท่องเที่ยวจริงๆ ส่วนมากเป็นคนที่มีประสบการณ์การท่องเที่ยวมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว ด้านแฮมเล็ตก็กำลังดำเนินการหารือกับสถานีตำรวจของเมืองแห่งนี้ เพื่อสร้างสนามยิงปืนแห่งหนึ่งขึ้นมา หลังจากนั้นก็ให้นักท่องเที่ยวเช่าปืน แล้วพาพวกเขาขึ้นไปท่องเที่ยวบนภูเขา


เรื่องพวกนี้ฉินสือโอวไม่ได้เป็นคนดูแล ตอนนี้เขากำลังวุ่นวายใจกับเรื่องกุ้งมังกรอยู่ ต่อจากนั้นแฮมเล็ตก็โทรศัพท์ไปหาเขา เพื่อถามว่า “ฉิน ฟาร์มปลาของนายต้องการเปิดให้ท่องเที่ยวไหม?”


ฉินสือโอวไม่ได้ขาดแคลนเงินในจุดนี้ เปิดเพื่อการท่องเที่ยวจะทำเงินได้สักเท่าไรกัน? ไหนจะยังต้องมาเก็บขยะที่นักท่องเที่ยวพวกนี้ทิ้งไว้อีก ดังนั้นเขาจึงปฏิเสธไปว่า “ไม่ครับ แฮมเล็ต คุณก็รู้ ว่าผมตั้งใจจะดูแลฟาร์มปลา ผมไม่อยากให้พวกเขามารบกวนฟาร์มปลาของผม”


ที่แคนาดามีข้อดีอยู่หนึ่งอย่าง นั่นก็คือทรัพย์สมบัติส่วนตัวเป็นสิ่งที่ไม่อาจรุกล้ำได้อย่างเด็ดขาด ถึงแม้จะเป็นรัฐบาลแต่หากไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของก็ไม่อาจรุกล้ำพื้นที่ส่วนบุคคลได้ เมื่อฉินสือโอวปฏิเสธไปแล้ว แฮมเล็ตก็ต้องเลิกล้มความคิดนี้ไป


ตอนนี้ฉินสือโอวมีฟาร์มปลาแห่งใหญ่บนเกาะแฟร์เวลอยู่ถึงสี่ในหกแห่ง ขั้นตอนการดำเนินการเปลี่ยนแปลงฟาร์มปลาของมิสเตอร์รอทก็ได้จัดการเรียบร้อยแล้ว จุดมุ่งหมายของเขาอันต่อไปก็คือฟาร์มปลาบ้านเกิดของปลาค็อด


ตอนเที่ยง ฉินสือโอวเห็นลูกกวางอูฐปอหลัวกำลังนอนหมอบขยับตัวไม่ได้อยู่ใต้ต้นไม้อย่างน่าสงสาร จึงช่วยแกะผ้าพันแผลที่ขาของมันออกก่อน เอาแผ่นไม้ที่ใช้ดามขาของมันออก ยังไงสาวๆ พวกนั้นก็กลับประเทศไปแล้ว คงไม่มีใครมาสนใจเรื่องของปอหลัวแล้วล่ะ


ตอนนี้ผ้าพันแผลก็เป็นเหมือนกับตราที่ปิดประทับปอหลัวไว้ เมื่อแกะตราประทับออก มันก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมา มันคุกเข่าลงไปบนพื้น คุกเข่าอย่างนั้นแล้วก็ ‘ปึง’ กระโดดขึ้นสูงเกือบครึ่งเมตร


นี่คือความสามารถของพวกกวางอูฐ เมื่อพบกับการจู่โจมของศัตรูทางธรรมชาติ ถึงแม้ว่าพวกมันจะกำลังนอนหลับอยู่ แต่ก็สามารถวิ่งหนีไปได้ในทันที


แต่ว่าคราวนี้มันคำนวณพลาดแล้ว ไม่ได้ทำอะไรมาสิบกว่าวัน ตอนนี้ข้อต่อกระดูกของมันยึดอย่างสาหัส มันกระโดดขึ้น โดยที่ไม่ได้ลุกยืนขึ้นก่อนแบบนี้ ยังไงก็ ‘เป๊าะ’ ครู่ต่อมาก็ล้มลงบนพื้นอยู่ดี


ฉินสือโอวอดที่จะแสยะปากไม่ได้ เขามองอยู่ตรงนี้ ก็เริ่มรู้สึกปวดหัวขึ้นมาหน่อยๆ แล้ว


สิ่งที่น่าเวทนายิ่งกว่านั้นก็คือ หู่จือและเป้าจือยังไม่รู้ว่าฉินสือโอวยกเลิกคำสั่งไม่ต้องให้พวกมันคอยเฝ้าดูแล้ว พอมองเห็นปอหลัวกระโดดไปมา พวกมันก็พุ่งเข้ามาจากทั้งทางซ้ายและขวา แยกเขี้ยวยิงฟันเข้าประชิดคอของปอหลัว ส่งเสียงคำรามอู้อี้ออกมาจากคอไม่หยุด


ฉินสือโอวนึกว่าปอหลัวจะขี้ขลาด เพราะการแสดงออกของมันเมื่อก่อนก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ หู่จือและเป้าจือแค่แยกเขี้ยวออกมามันก็หดหัวหดหางแกล้งตายแล้ว


แต่ปรากฏว่า พอแกะผ้าพันแผลออกปอหลัวก็ไม่ใช่พวกอ่อนหัดแล้ว มันขยับข้อต่อกระดูกไปมา พร้อมทั้งสั่นหัวไปทางซ้ายทางขวาอย่างดุร้าย เขากวางอันเล็กๆ ที่อยู่บนหัวของมันจิ้มเข้ากับก้นของหู่จือ แล้วสะบัดมันจนกระเด็นออกไป


มันรีบลุกขึ้นมา ปอหลัวหอบหายใจฮืดฮาดออกมาทางจมูก แล้วมองไปที่หู่จือและเป้าจือด้วยสายตาที่เหี้ยมโหด มันก้มหัวลง จนเขาของมันจุ่มลงไปติดกับพื้นดิน นี่คือจังหวะที่มันกำลังจะโจมตี


หู่จือและเป้าจือวางท่าใช้อำนาจบาตรใหญ่ในฟาร์มปลาจนเคยตัวแล้ว ที่นี่คือถิ่นของพวกมัน แม้กระทั่งหมีสีน้ำตาลก็ยังไม่กล้าแหย็ม เมื่อปอหลัวทำเช่นนี้ ก็เหมือนกับการลองดีกับอำนาจบารมีของพวกมัน


ร้องคำรามอยู่ในลำคอ หู่จือและเป้าจือกระจายกำลังออกเป็นสองทาง ทางหนึ่งแยกเขี้ยวแผดเสียงคำรามอยู่ด้านหน้าปอหลัว อีกทางหนึ่งก็ค่อยๆ ย่องไปทางด้านข้างรอจังหวะโจมตี


ปอหลัวรู้ถึงสัจธรรมของเส้นทางแห่งการต่อสู้อย่างถ่องแท้ ฝ่ายที่ลงมือก่อนจะได้เปรียบกว่าส่วนพวกที่ลงมือทีหลังย่อมประสบกับความหายนะ ไม่มัวลีลา มันขวิดขาแล้ววิ่งตะบึงไปข้างหน้าทันที


หู่จือและเป้าจือคิดไม่ถึงว่าเจ้าหมอนี่จะไม่ได้เล่นตามกติกา แถมเมื่อกี้ยังแสดงออกอย่างดุดันขนาดนั้น ทำไมอยู่ดีๆ ก็หนีไปซะได้ล่ะ?


ทิศทางที่ปอหลัววิ่งหนีไปคือทางฝั่งทะเล มันเป็นสัตว์ที่มีความชำนาญในการวิ่งเป็นอย่างมาก หู่จือและเป้าจือมัวแต่ตะลึงจึงวิ่งไล่ไม่ทัน ทำได้แค่วิ่งตามก้นมันไปจนทรายเต็มปาก


พวกมันตามมาถึงชายฝั่งทะเลด้วยความยากลำบากนึกเอาเองว่าปอหลัวคงไร้ซึ่งทางหนีแล้ว ไม่รู้เลยว่าเพียงแค่ขาสี่ข้างที่มีพละกำลังของปอหลัวสั่นสะเทือน เงาของร่างเล็กจะกระโจนเป็นเส้นโค้งที่สวยงาม แล้วร่วงลงสู่กลางน้ำอย่างง่ายดาย


หู่จือและเป้าจือถึงกับอึ้งไปอีกครั้ง เจ้าปอหลัวนี่เหมือนจะไร้เดียงสา แต่ดูท่าว่าคงรับมือได้ยากเลยล่ะ


กวางอูฐดูเหมือนจะโง่ๆ เซ่อๆ แต่ความจริงแล้วพวกมันไม่ใช่สัตว์อ่อนแอในธรรมชาติมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว


เพื่อที่จะปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมในเขตอากาศหนาวที่ทารุณ กวางอูฐจึงวิวัฒนาการความสามารถที่เหนือชั้นมาอย่างหลากหลาย


ถึงแม้ว่าจะมีร่างกายสูงใหญ่จนทำให้ดูโง่งุ่มง่าม แต่ความจริงแล้วกวางอูฐมีกิริยาท่าทางที่ค่อนข้างปราดเปรียวเลยทีเดียว พวกมันสามารถเคลื่อนตัวบนพื้นที่มีหิมะปกคลุมลึกถึงหกสิบเซนติเมตรได้อย่างอิสระ สามารถวิ่งอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายชั่วโมงด้วยความเร็วห้าสิบห้ากิโลเมตรต่อชั่วโมง ดังนั้นเวลาที่อยู่บนชายหาดหู่จือและเป้าจือจึงวิ่งตามปอหลัวไม่ทัน


นอกจากนี้ พวกมันยังเป็นกวางชนิดที่สามารถกระโดดได้สูง กวางอูฐที่โตเต็มวัยจะสามารถลากร่างกายที่หนักอึ้งของมันกระโดดขึ้นไปกินกิ่งใบของต้นไม้ในบริเวณที่สูงได้ด้วยการกระโดดเพียงครั้งเดียว ในตอนที่ตกลงไปในน้ำ ปอหลัวก็แสดงให้เห็นถึงการกระโดดที่เหนือชั้นของมันแล้ว


ยิ่งไปกว่านี้ ความสามารถที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของกวางอูฐไม่ได้อยู่บนพื้นดิน แต่อยู่ในท้องทะเลต่างหาก พวกมันสามารถว่ายน้ำได้ไกลยี่สิบกว่ากิโลเมตรในหนึ่งครั้ง เป็นสัตว์ประเภทกวางชนิดเดียวในธรรมชาติเดียวที่สามารถข้ามฟากแม่น้ำและช่องแคบบนขุนเขาได้ นอกจากการว่ายน้ำแล้ว ทักษะการดำน้ำของพวกมันก็ไม่เลวเลย ในฤดูหนาวพวกมันสามารถดำน้ำได้ลึกห้าถึงหกเมตรเพื่อลงไปกินวัชพืชในน้ำ


ที่จริงแล้ว ในเรื่องเล่าสมัยโบราณของจีน สัตว์พาหนะตาสีทองของเทพเซียน ก็สร้างมาจากกวางอูฐนี่เอง


เมื่อได้เห็นเช่นนี้ เจ้าสัตว์ชนิดนี้จะยอมให้รังแกมันได้ง่ายๆ อย่างนั้นเหรอ?


หู่จือและเป้าจือก็ไม่ล้มเลิกความคิด กระโดดลงน้ำตามไป พวกมันก็เป็นนักว่ายน้ำฝีมือดีเหมือนกัน สุนัขแลบราดอร์มีความสามารถด้านการจับปลาในน้ำที่แข็งแกร่งมาก


แต่ต่อให้แข็งแกร่งกว่านี้ก็คงไม่แข็งแกร่งเท่ากวางอูฐที่ดำน้ำลงไปกินวัชพืช ปอหลัวฝ่าคลื่นแค่อึดใจเดียวก็ว่ายหนีไปได้ไกลกว่าสองกิโลเมตร หู่จือและเป้าจือเบิกตากว้าง เจ้ากวางนี่หนีไปในน้ำได้เร็วกว่าตอนอยู่บนบกอีกเหรอ?


ทางฝั่งฉินสือโอวมาไม่ทันที่จะตอบอะไรกลับไป ยังไม่ทันได้ตัดสินใจอะไร เจ้าพวกนี้ก็ลงมือจัดการแล้วอย่างนั้นเหรอ?


ด้วยความเร่งรีบ เขาวิ่งมายังบริเวณชายหาดเพื่อตะโกนเรียกหู่จือและเป้าจือ สุนัขแลบราดอร์ไม่มีความสุขเอาเสียเลย พวกมันวิ่งมายังข้างกายเขาแล้วร้องครวญครางด้วยความน้อยอกน้อยใจ พวกเราสองพี่น้องก็แค่อยากแกล้งเจ้ากวางนั่นเล่นเท่านั้นเอง ทำไมมันต้องจริงจังขนาดนี้ด้วยล่ะ?


ปอหลัวระแวดระวังหู่จือและเป้าจือเป็นอย่างยิ่ง กระทั่งฉินสือโอวกวักมือเรียกมันถึงได้วิ่งข้ามมาอย่างระมัดระวัง ตาโตๆ ของมันจ้องไปที่สุนัขแลบราดอร์โดยตลอด


เออร์บักหัวเราะออกมา เขาพูดว่า “ปอหลัวต้องเคยถูกสุนัขล่าสัตว์ไล่ล่ามาก่อนแน่ๆ เด็กน้อยตัวนี้น่าสงสารเสียจริง ถูกขับไล่ออกมาจากฝูง น่าจะผ่านความเจ็บปวดมาไม่น้อยเลย”


……………………………..


บทที่ 292 ฟาร์มปลาอีกหนึ่งแห่ง

โดย

Ink Stone_Fantasy

ฉินสือโอวกดปอหลัวให้นั่งลงกับพื้น แล้วให้หู่จือและเป้าจือนั่งลงไปตรงข้ามกับมัน เขานั่งยองๆ ลงข้างๆ แล้วสอนพวกมันว่า “พวกแกเป็นเพื่อนกันนะเข้าใจไหม? ต่อไปไม่อนุญาตให้ทะเลาะกันอีก ให้เล่นด้วยกันเท่านั้น ถ้าหากฉันเห็นว่าใครทะเลาะกันอีก เจ้าพวกนั้นจะไม่ได้กินข้าว เข้าใจใช่ไหม?”


เด็กๆ ทั้งสามตัวกะพริบตาปริบๆ สีหน้าของพวกมันแต่ละตัวดูใสซื่อบริสุทธิ์ ทว่าพอฉินสือโอวเดินออกไป พวกมันก็พากันสองตัวไล่ตามอีกตัววิ่งหนีอีกครั้ง


มีเรื่องสำคัญที่ต้องจัดการ ฉินสือโอวไม่มีเวลามาสนใจแล้ว เห็นกอร์ดอนกับมิเชลที่กำลังเล่นเกมอยู่ เขาจึงตะโกนลงไปบอกให้ทั้งสองคนไปดูหู่จือ เป้าจือกับปอหลัว ไม่ให้ทะเลาะกันขึ้นมาจริงๆ ไม่อย่างนั้นต้องวุ่นวายแน่ๆ


เรื่องสำคัญที่ฉินสือโอวต้องทำ ก็คือการวางแผนซื้อฟาร์มปลาบ้านเกิดของปลาค็อด


เออร์บักช่วยเขาหาข่าวคราวภูมิหลังของเจ้าของฟาร์มปลาบ้านเกิดของปลาค็อด ไคดิ กู๊ดแล็ค เจ้าของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง


ตระกูลกู๊ดแล็คย้ายจากอเมริกา มาที่นครเซนต์จอห์นตั้งแต่ประมาณหนึ่งร้อยยี่สิบปีที่แล้ว จากนั้นก็สร้างคลินิกทันตกรรมขึ้นมาหนึ่งแห่ง ต่อมาคลินิกทันตกรรมก็ขยายใหญ่จนกลายเป็นโรงพยาบาล ชื่อว่าโรงพยาบาลทันตกรรมกู๊ดแล็ค


ในการซื้อฟาร์มปลาแห่งนี้ ไคดิ กู๊ดแล็คอยากจะลงทุนเพื่อทำเงินสักก้อน เขาซื้อมันมาในตอนที่ฟาร์มปลาในนิวฟันด์แลนด์กำลังล่มสลาย ตอนนั้นราคาของฟาร์มปลาลดลงอย่างมาก เขาคิดว่าพอผ่านไปไม่กี่ปีทรัพยากรจะฟื้นคืนขึ้น แล้วราคาก็จะเพิ่มขึ้นเอง


น่าเสียดาย ที่เขาไม่ใช่นักลงทุนที่สามารถทำกำไรจากความเสี่ยงได้ ซื้อฟาร์มปลามายี่สิบปีแล้ว แต่ปรากฏว่าทรัพยากรการประมงไม่เพียงแต่ไม่ฟื้นฟูขึ้นมาหากแต่ยังลดน้อยลงอีกด้วย ดังนั้นเขาจึงมีความคิดที่จะขายฟาร์มปลา โดยได้ติดป้ายราคาไว้ที่ สิบเอ็ดล้านดอลลาร์


ราคาที่ฉินสือโอวตั้งไว้สำหรับฟาร์มปลาบ้านเกิดของปลาค็อดอยู่ที่ เก้าล้านถึงเก้าล้านห้าแสนดอลลาร์ เส้นฝั่งทะเลของฟาร์มปลาแห่งนี้มีความยาวเพียงแปดกิโลเมตรเท่านั้น สั้นกว่าฟาร์มปลาของมิสเตอร์รอทอยู่ 1.2 กิโลเมตร อีกทั้งยังอยู่ใกล้กับโรงงานอุตสาหกรรมเคมี ทำให้ยิ่งได้รับมลภาวะปนเปื้อนที่ยิ่งรุนแรง ดังนั้นราคาต้องถูกลงอย่างน้อยสิบเปอร์เซ็นต์


แฮมเล็ตช่วยเขานัดไคดิ กู๊ดแล็ค ชายอายุราวๆ หกสิบปี สวมใส่แว่นตาที่มีสายคล้องสีทอง ท่าทางคงแก่เรียน เขารักษาท่าทางสงบเงียบไว้ทุกตลอดเวลา ไม่รู้ว่าเกี่ยวกับการที่เขาเป็นหมอมาเป็นเวลานานด้วยหรือเปล่า


ฉินสือโอวเตรียมตัวจะไปเยี่ยมเขาที่บ้านสักหน่อย แต่ปรากฏว่าวันที่ 4 เดือนกันยายน ไคดิ กู๊ดแล็คก็มาเยี่ยมเขาด้วยตัวเองถึงที่ ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลง เขาก็ถามขึ้นมาว่า “หลานชายของฉิน[1] นายสนใจฟาร์มปลาของฉันใช่ไหม?”


ถ้าหากไม่เข้าใจเจตนา การเรียกชื่อแบบนี้ ตามธรรมเนียมของจีนก็คือการด่าคนนั่นเอง แต่ฉินสือโอวเข้าใจดี กู๊ดแล็คหมายถึงหลานชายของฉินหงเต๋อนั่นเอง ดังนั้นเขาจึงรีบแนะนำตัวเอง เชิญให้เขานั่งลงพร้อมทั้งรินชาให้เขา


กู๊ดแล็คมองไปรอบๆ วิลล่า เขาพูดพร้อมกับทอดถอนใจว่า “เทียบกับเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว ที่นี่เปลี่ยนไปไม่มาก นายไม่เคยคิดจะตกแต่งมันหน่อยเหรอ?”


วิลล่าของฟาร์มปลาใช้วัสดุไม้แบบดั้งเดิม พื้นบ้านเป็นไม้ที่มีการขัดเงาด้วยแรงงานคน เฟอร์นิเจอร์ทุกชุดทำมาจากไม้วอลนัทดำขึ้นรูป พวกผนังและคานบ้านก็ทำด้วยวัสดุจำพวกไม้เช่นกัน อย่างเช่น ไม้เบิร์ช ไม้สน ไม้บีช เป็นต้น ทนทานยิ่งนัก ทั้งยังมีความเรียบง่ายแบบดั้งเดิมอีกด้วย


หลังจากฉินสือโอวเข้ามาอยู่ที่นี่ ก็เคยคิดที่จะตกแต่งปรับปรุงสักนิดสักหน่อยเหมือนกัน เมื่อก่อนเขาเคยเห็นการปรับปรุงวิลล่าที่มีความสวยงามและทันสมัยจากในทีวี เขาเองก็เคยรู้สึกอิจฉาอยู่ลึกๆ


แต่ว่าหลังจากเข้ามาอยู่ได้สักพัก เขาก็ล้มเลิกความคิดที่จะตกแต่งบ้านใหม่ วิลล่าหลังนี้ไม่มีเส้นเหล็ก ไม่มีคอนกรีต ไม่มีอิฐและกระเบื้อง มีเพียงกลิ่นอายของดินเหนียวกับท่อนไม้ อาศัยอยู่ที่นี่ ให้ความรู้สึกปลอดภัยทั้งกายและใจเหมือนกับได้กลับไปอยู่ในธรรมชาติ


ไม่ว่าข้างนอกจะยุ่งวุ่นวายแค่ไหน ชีวิตจะมีความกดดันเท่าไร เพียงแค่อาศัยอยู่ในบ้านแบบนี้ ก็คล้ายกับว่าเพียงครู่เดียวความกดดันพวกนั้นก็จะหายไป ร่างกายและจิตใจที่อ่อนล้าก็จะได้รับการเติมพลังอย่างรวดเร็ว


“ผมชอบสภาพแวดล้อมแบบนี้ที่สุดเลยครับ”ฉินสือโอวพูดไปด้วยยิ้มไปด้วย “ลูกๆ ของผมก็ชอบเหมือนกัน”


กู๊ดแล็คยิ้มออกมา เขาพูดกับฉินสือโอวว่า “ดูนายก็อายุไม่มาก แต่ว่าก็มีลูกแล้วเหรอ?”


ฉินสือโอวผิวปากด้วยเสียงดังกังวานอย่างเหนือระดับหนึ่งครั้ง หู่จือ เป้าจือ ปอหลัว ที่กำลังคุมเชิงกันอยู่ก็พากันวิ่งสุดฝีเท้าเข้ามาในวิลล่า ฉงต้าที่กำลังลากต้าป๋ายก็วิ่งแจ้นออกมาจากในครัว บุชที่กำลังพักผ่อนอยู่ในพงหญ้าก็วิ่งโคลงๆ เคลงๆ เข้ามา กระรอกน้อยกับครอบครัวกระรอกดินก็มาถึงเป็นกลุ่มสุดท้าย


กู๊ดแล็คตกตะลึงจนตาค้าง ฉินสือโอวหัวเราะเสียงดัง แล้วพูดเสริมว่า “พวกนี้เป็นลูกๆ ของผมเองครับ แล้วก็ยังมีนกโจรสลัดที่น่าเกรงขามอีกหนึ่งตัว มันออกไปจับปลาในทะเล ยังไม่กลับมา”


เห็นฉินสือโอวรักใคร่สัตว์เลี้ยงพวกนี้ กู๊ดแล็คก็พูดกับเขาว่า “ที่แท้นายก็หมายถึงพวกมันนี่เอง ฉันนึกว่าเด็กๆ ที่อยู่ในลานบ้าน ฉันคิดๆ ดู เด็กๆ พวกนั้นไม่เหมือนกับว่ามีเชื้อสายของคนผิวเหลืองอยู่เลย”


เออร์บักเล่าเรื่องราวของเด็กๆ ทั้งสีคนให้เขาฟังอย่างสั้นกระชับ สายตาของกู๊ดแล็คที่มองไปยังฉินสือโอวเต็มไปด้วยความชื่นชม เขากล่าวว่า “นายเหมือนกับปู่ของนายเลยนะ เด็กน้อย พวกนายต่างก็เป็นคนดีที่มีคุณธรรมสูงกันทั้งคู่”


ฉินสือโอวยิ้มออกมาอย่างเก้อเขิน การรับเลี้ยงเด็กๆ ทั้งสี่คนเป็นความตั้งใจของเออร์บักต่างหาก ความจริงแล้วเขามีส่วนเกี่ยวข้องอยู่ไม่มากเท่าไร


หลังจากสร้างความสนิทสนมกันอย่างเรียบง่ายแล้ว กู๊ดแล็คก็เข้าสู่ประเด็นหลักทันที “ฉันยินดีที่จะขายฟาร์มปลาของฉัน พ่อหนุ่ม นายลองดูแล้วกันว่าจะให้ราคาฉันเท่าไร?”


ฉินสือโอวกระแอมไอหนึ่งครั้ง แล้วพูดขึ้นมาว่า “มิสเตอร์ไคดิ คุณก็รู้ ว่าผมมีแผนการครั้งใหญ่ ความกดดันในการลงทุนค่อนข้างสูง ตอนนี้เงินที่นำออกมาใช้สำหรับซื้อฟาร์มปลา ก็มีแค่เก้าล้านเท่านั้น”


กู๊ดแล็คส่ายหัว “จริงๆ แล้วราคาที่ฉันต้องการก็ค่อนข้างสูง แต่ว่าราคาเก้าล้านคงจะเป็นไปไม่ได้หรอก เอาอย่างนี้นะ พ่อหนุ่ม เก้าล้านห้าแสน ของทุกอย่างในฟาร์มปลาก็ยกให้นายหมดเลย เป็นยังไง?”


นี่เป็นราคาที่ฉินสือโอวตั้งไว้ในใจเหมือนกัน อีกทั้งชายชราก็มีความสุขสุดๆ ลดราคาลงอีกหนึ่งล้านห้าแสน ไม่รู้ว่าเกี่ยวกับการที่เขามีโรงพยาบาลแห่งหนึ่งด้วยหรือเปล่า ที่แคนาดาเหมือนกันกับที่จีนอยู่นิดหน่อย ของในโรงพยาบาลไม่สามารถต่อราคาได้ ราคาไหนราคานั้น


“ตกลงครับ” ฉินสือโอวยื่นมือออกไปด้วยความเคารพนอบน้อม


กู๊ดแล็คกับฉินสือโอวจับมือกัน การซื้อขายเสร็จสิ้นแล้ว ฉินสือโอวจึงเชิญให้เขาอยู่ทานข้าวด้วยกันที่นี่


กู๊ดแล็คตอบตกลงด้วยความยินดี เขานั่งลงบนเก้าอี้ตัวใหญ่แล้วกล่าวขึ้นมาว่า “ฉันยังจำได้ ยี่สิบปีที่แล้ว ตอนที่ฉันมาที่นี่เป็นครั้งสุดท้าย ฉันก็นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวนี้นี่ล่ะ ปู่ของนายก็เชิญให้ฉันอยู่ทานข้าวต่อเหมือนกัน ในตอนนั้นเขาให้คำแนะนำกับฉันอยู่หลายอย่าง หนึ่งในนั้นมีคำแนะนำไม่ให้ฉันซื้อฟาร์มปลาอยู่ด้วย”


พอพูดจบเขาก็ส่ายหัว และพูดขึ้นอีกว่า “น่าเสียดาย ในตอนนั้นฉันไม่เชื่อคำเขา ไม่อย่างนั้นก็คงไม่ต้องขาดทุนขนาดนี้”


เออร์บักยิ้ม เขาพูดขึ้นมาว่า “แค่แป๊บเดียว เวลาก็ผ่านไปยี่สิบปีแล้ว เพื่อนยาก เวลาผ่านไปเร็วเกินไปแล้ว เร็วเกินไปจริงๆ!”


กู๊ดแล็คถอนใจ เขาตอบกลับไปว่า “ใช่แล้ว เร็วจนคนแก่แบบฉันรับมือไม่ทัน! ตอนที่เพิ่งซื้อฟาร์มปลา ฉันยังขึ้นเรือไปจับปลาได้อยู่ ตอนนี้น่ะเหรอ ฮ่าๆ ทำได้แค่นั่งกินปลาที่อยู่บนกินข้าวเท่านั้นล่ะ”


มื้อเที่ยง ฉินสือโอวให้ชาร์คไปตกปลาในฟาร์มมาสองตัว ส่วนเขาเองก็ไปเก็บผักที่สดๆ มาจากสวน ใช้อาหารจีนแท้ๆ เพื่อให้การต้อนรับกู๊ดแล็ค


กู๊ดแล็คใช้ช้อนส้อมทานสลัดผลไม้และกับข้าวทุกจานที่ได้รับการปรับปรุงจากพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอน เขาทานมันด้วยความเอร็ดอร่อยเป็นอย่างยิ่ง จนเอ่ยชมออกมาไม่ขาดปาก


บนโต๊ะอาหาร เขาได้บอกสาเหตุของความสุขจากการขายฟาร์มปลาให้ฉินสือโอวฟังไว้ว่า หนึ่งที่ฟาร์มปลาตกปลาได้น้อยลง จนไม่เหลือมูลค่าใดๆ แล้ว อย่างที่สองคือเขาวางแผนจะเกษียณอายุปีหน้า อยากจะใช้ชีวิตวัยเกษียณที่ฮาวาย “ฉันชอบฤดูร้อน เกลียดความหนาวเย็น ดังนั้นฉันเลยคิดว่าฮาวายก็เป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลย”


…………………………………………


[1] หลานชายของฉิน คำว่าหลานชาย (孙子) ในภาษาจีนมีความหมายอื่นในเชิงสาปแช่ง,ด่า,ประณาม,ตำหนิ หรือวิจารณ์

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)