ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 281-284

 บทที่ 281 แขกวีไอพีคนใหม่ของฟาร์มปลา

โดย

Ink Stone_Fantasy

หอยงวงช้าง หรือหอยกูอี้ดั๊กแปซิฟิก เป็นอาหารทะเลชั้นสูงที่คนในเขตตะวันออกไกลรวมไปถึงคนจีนและคนญี่ปุ่นนิยมนำมาทำเป็นอาหาร


จากชื่อทางวิชาการของมันก็สามารถบอกให้รู้ได้ว่า ถิ่นกำเนิดเดิมของมันอยู่ในเขตมหาสมุทรแปซิฟิก มันมีต้นกำเนิดที่เฉพาะเจาะจงอยู่ในชายฝั่งแปซิฟิกเหนือของสหรัฐอเมริกาและแคนาดา


เมื่อก่อน ผู้ที่มีถิ่นที่อยู่อาศัยในทวีปอเมริกาเหนือกลับไม่กล้าที่จะกินหอยงวงช้าง ดังนั้นหอยงวงช้างจึงสามารถเจริญเติบโตได้อย่างดี ทว่าตั้งแต่ผู้อพยพชาวเอเชียเริ่มล่าหอยงวงช้างในทวีปอเมริกาเหนือ ก็ทำให้หอยงวงช้างในพื้นที่กลายเป็นสัตว์ที่เกือบจะสูญพันธุ์แล้ว


รัฐบาลของนิวฟันด์แลนด์ก็พบโอกาสทางธุรกิจจากจุดนี้เช่นกัน หลังจากการหดหายของทรัพยากรปลาค็อด นี่ก็เป็นหนึ่งในสายพันธุ์สัตว์เศรษฐกิจที่รัฐบาลนำมาใช้แก้ไขวิกฤตการณ์ของฟาร์มปลาในขณะนั้น


ไม่เหมือนกับปลาลิ้นหมาที่อ่อนแอ หอยงวงช้างสามารถมีชีวิตอยู่ในฟาร์มปลาของนิวฟันด์แลนด์ต่อไปได้ อีกสาเหตุก็มาจากการที่ทะเลที่นี่มีกระแสน้ำเย็นและกระแสไหลมารวมกัน ทำให้มีแหล่งอาหารอุดมสมบูรณ์ หอยงวงช้างจึงเติบโตได้ค่อนข้างดี


แต่เมื่อมาถึงช่วงเวลางมหอย ก็ปรากฏปัญหาหนึ่งขึ้น หอยงวงช้างในมหาสมุทรแปซิฟิกสามารถมีชีวิตอยู่ได้ในชายหาดน้ำตื้น อย่างเช่นน่านน้ำของอ่าวพิวเจ็ตซาวน์ในรัฐวอชิงตัน และเขตจับปลาของรัฐบริติชโคลัมเบีย


แต่เมื่อมาถึงมหาสมุทรแอตแลนติก พวกมันกลับปรับเปลี่ยนพฤติกรรม โดยการลงไปสู่ทะเลน้ำลึก แถมยังอาศัยอยู่ในพื้นทราย เมื่อเป็นเช่นนี้จึงทำให้ค่าใช้จ่ายในการจับพวกมันขึ้นมามีราคาที่สูงขึ้นมาก ในการล่าหอยขึ้นมาจะต้องใช้เครื่องคอมเพรสเซอร์เพื่อเป่าเม็ดทรายออก อีกทั้งยังต้องส่งนักประดาน้ำลงไปเก็บพวกมันขึ้นมา และยังมีค่าแรงที่สูงมากอีกต่างหาก


รัฐบาลนิวฟันด์แลนด์ไม่ได้กลัวเรื่องค่าใช้จ่ายสำหรับแรงงานที่มีราคาสูง ขอแค่สามารถนำไปขายในเขตตะวันออกไกลในราคาสูงได้ นั่นก็นั่นว่าไม่เป็นปัญหาแล้วหรือเปล่า? ยังไงก็กำไรเห็นๆ


แต่แล้วก็เกิดเรื่องแหกตาขึ้น ในปี 1996 กรมการประมงของจีนก็ได้นำเข้าหอยทะเลชนิดนี้ แล้วเริ่มทำการผสมเทียม


อีกทั้งทางตอนบนของจีนยังมีเขตทะเลที่เหมาะสำหรับการเจริญเติบโตของพวกมัน เมื่อเป็นเช่นนี้สิ่งที่ต้องทำก็มีแค่การนำเข้าพันธุ์หอย และดำเนินการเพาะลูกพันธุ์ แล้วก็ใช้วิธีการกระตุ้นด้วยการเพิ่มอุณหภูมิ อัตราการฟักตัวของลูกพันธุ์หอยก็จะอยู่ที่ 80-90% จากนั้นก็นำลงไปเลี้ยงในฟาร์มปลา และรอจนถึงช่วงเวลาจับขึ้นมาก็พอแล้ว


ส่วนค่าแรงในการจับขึ้นมาน่ะเหรอ? ฮ่า ขอโทษด้วยนะพี่น้องชาวแคนาดาทั้งหลาย ประเทศจีนของเรามีของแพงทุกอย่างยกเว้นค่าแรงที่มีราคาถูกจ้ะ แถมหอยงวงช้างก็ยังเป็นเหมือนกับพี่น้องของค่ายสังคมนิยมอีกต่างหาก พอพวกมันมาถึงแนวน่านน้ำของจีน พวกมันก็ไม่ได้ลงไปในอยู่เขตน้ำลึกแล้ว…


ในตอนนั้นรัฐบาลนิวฟันด์แลนด์ก็จ้องมองมาด้วยความโกรธแค้น พวกเขาควรจะเลี้ยงหอยงวงช้างพวกนี้ต่อไปดีไหมนะ? ถ้าไม่เลี้ยง เห็นๆ กันอยู่ว่าความจริงแล้วเจ้าพวกนี้ชื่นชอบที่จะเติบโตในฟาร์มปลาของนิวฟันด์แลนด์ แต่ถ้าเลี้ยง ก็จะเอาอะไรไปสู้กับสินค้าของจีนกันล่ะ? ค่าแรงของฝ่ายตรงข้ามก็มีราคาถูกแถมยังไม่ต้องจ่ายค่าขนส่งอีกต่างหาก ถ้าแข่งกันเรื่องราคาก็สามารถทำให้นิวฟันด์แลนด์กระอักเลือดได้เลย


ต่อมาหอยงวงช้างจึงกลายเป็นสิ่งของไร้ค่าในนิวฟันด์แลนด์ กินก็ไม่ได้จะทิ้งก็เสียดาย รัฐบาลจึงไม่คิดจะสนใจแล้ว ถ้าฟาร์มปลาไหนอยากจะจับขึ้นมา ก็จัดหีบห่อทำเป็นวัตถุดิบชั้นสูงส่งไปขายที่ตะวันออกไกลซะ แต่ถ้าจะไม่จับขึ้นมาก็แค่ปล่อยมันไว้อย่างนั้น


นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ฟาร์มปลาต้าฉินมีหอยงวงช้างอยู่ในทะเล ฉินสือโอววนไปรอบๆ ก็พบว่ามีหอยพวกนี้อยู่เป็นจำนวนไม่น้อยเลย มีตั้งแต่บริเวณริมทะเลไปจนถึงเขตทะเลน้ำลึก บริเวณริมทะเลจะที่อยู่เป็นลูกของหอยงวงช้าง ส่วนในบริเวณน้ำลึกก็จะเป็นหอยงวงช้างที่โตเต็มวัยแล้ว


หอยงวงช้างโตเต็มวัยมีขนาดที่ใหญ่มาก เปลือกของหอยมีระดับความยาวมากถึงสี่สิบเซนติเมตร และมีน้ำหนักมากเกือบถึงสิบกิโล!


ในเขตน้ำลึกฉินสือโอวเห็นหอยตัวใหญ่พวกนี้อยู่เป็นจำนวนมาก แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องปกติ ยังไงหอยงวงช้างก็เป็นผู้เฒ่าที่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ถึงหนึ่งร้อยห้าสิบปี


เป็นธรรมดาที่ หอยงวงช้างส่วนมากจะมีน้ำหนักราวๆ หนึ่งกิโลกรัม หอยที่มีขนาดใหญ่ประมาณนี้ก็เป็นขนาดที่อร่อยและเป็นช่วงที่มีเนื้อนุ่มที่สุด ฉินสือโอวส่งกลุ่มกรรมกรที่ทำงานหนักอย่างหมึกกล้วยออกไปจับพวกมันมาไว้ที่บนชายหาดได้ประมาณสิบกว่าตัว จากนั้นเขาก็ค่อยไปเก็บมาทำอาหารเย็น


การค้นพบหอยงวงช้างพวกนี้นับเป็นโชคลาภที่ได้มาอย่างไม่คาดคิด นี่เป็นลาภลอยขนานแท้ สำหรับรัฐบาลนิวฟันด์แลนด์ หอยงวงช้างพวกนี้เป็นสิ่งของไร้ค่า แต่สำหรับฉินสือโอวแล้ว พวกมันเป็นเหมือนกับสมบัติของเขา


หอยงวงช้างมีราคาสูง เนื่องจากถิ่นกำเนิดในนิวฟันด์แลนด์มีมลพิษน้อย ทั้งยังเกิดและมีถิ่นที่อยู่ในธรรมชาติ ราคาจึงยิ่งแพง ถ้าพูดถึงแค่ราคาของเนื้อ ก็ยังแพงยิ่งกว่าปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือเสียอีก


เมื่อเป็นเช่นนี้ ถ้าถึงช่วงเวลาที่สามารถจับขึ้นมาได้แล้ว หอยงวงช้างในฟาร์มปลาต้าฉินพวกนี้ ก็จะยิ่งเพิ่มพูนรายได้ให้กับเขา


รัฐบาลนิวฟันด์แลนด์อาจจะต้องปวดหัวกับปัญหาเรื่องการงมหอยขึ้นมา แต่มันกลับง่ายดายสำหรับเขา แค่ให้กรรมกรหมึกกล้วยออกปฏิบัติการก็เรียบร้อยแล้ว จะให้งมขึ้นมาห้าพันกิโลกรัมต่อวันก็ไม่มีปัญหา


พออารมณ์ดีแล้ว ฉินสือโอวก็เริ่มส่งพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนให้กับเหล่าหอยงวงช้าง หอยตัวใหญ่พวกนี้เป็นหอยเลี้ยง ยังไงก็ต้องอาศัยเรื่องการแพร่พันธุ์จากพวกมัน


นอกจากลาภลอยอย่างหอยงวงช้างแล้ว การเปลี่ยนแปลงด้านอื่นๆ ของฟาร์มปลาก็มีไม่มากนัก มีก็เพียงแต่พวกปลาที่โตขึ้นกว่าเดิม คาดว่าฤดูใบไม้ผลิก็สามารถขายปลาค็อดได้แล้ว


หอยนางรมลอยสามารถอยู่อาศัยในเขตปะการังได้อย่างดี ฉินสือโอวลองดูไปเรื่อยๆ ในหอยตัวใหญ่พวกนี้ต่างก็มีไข่มุกดำเม็ดกลมๆ อยู่ข้างในทั้งนั้น ในสายตาของเขา นี่ไม่ใช่แค่ไข่มุกสีดำ แต่เป็นไข่มุกทองคำที่ส่องประกายวิบวับ


มองเห็นหอยนางรมลอย ฉินสือโอวก็อดที่จะนึกถึงหอยเชลล์ยักษ์ในชายหาดน้ำตื้นจอร์จไม่ได้ รสชาติของหอยนั่นไม่เลวเลยจริงๆ ถ้ามีโอกาสเขาจะลองดูว่าสามารถนำมาเลี้ยงได้หรือไม่


เพรียงตีนเต่าที่เกาะอยู่บนปะการังก็เติบโตได้ดีเลยทีเดียว พวกมันมีอาหารอยู่อย่างเต็มอิ่ม ฉินสือโอวจะรอจนกว่าจะถึงตอนที่พวกมันแพร่พันธุ์ จากนั้นเขาจะเอาพวกมันมาไว้ที่ท่าเรือด้วย


สำหรับฉลาม วาฬ และเรือแล้ว เพรียงตีนเต่าอาจจะเป็นปรสิต แต่สำหรับท่าเรือแล้ว สิ่งมีชีวิตพวกนี้เป็นเหมือนกับชุดป้องกัน พวกมันสามารถช่วยป้องกันการโจมตีของคลื่นทะเลได้ นอกจากนี้ ถ้าพวกมันโตอยู่บนท่าเรือ ก็จะยิ่งเด็ดออกได้ง่ายกว่าเดิม


ปลาในดงสาหร่ายยักษ์ทางฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะแฟร์เวลก็เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ฉินสือโอวรู้สึกประหลาดใจ ที่นี่เป็นอาณาเขตของงูเหลือมทะเล ทำไมปลาพวกนี้ถึงได้กล้ามาอาศัยอยู่ที่นี่?


ปลาแสงอาทิตย์จึงช่วยเฉลยคำตอบให้กับเขา ถิ่นที่อยู่อาศัยของปลาพวกนี้มีจุดเด่นที่เหมือนกัน คือบริเวณรอบๆ ปลาแสงอาทิตย์


ฉินสือโอวเข้าไปใกล้กับปลาแสงอาทิตย์ เขาสามารถสัมผัสได้ถึง รูปลักษณ์ภายนอกที่อัปลักษณ์ของสิ่งมีชีวิตพวกนี้ผ่านจิตสำนึกแห่งโพไซดอน พวกมันสามารถขับสารคัดหลั่งชนิดหนึ่งออกมาได้


หลังจากสารคัดหลั่งพวกนี้ถูกขับออกมาจากปลาแสงอาทิตย์แล้วพวกมันจะยังไม่ตาย พวกมันยังสามารถมีชีวิตอยู่ในน้ำต่อไปได้อีกระยะหนึ่ง เมื่อปลาตัวอื่นกินสารคัดหลั่งพวกนี้เข้าไป จะช่วยรักษาอาการบาดเจ็บได้


แม้กระทั่งงูเหลือมทะเลก็ยังว่ายไปยังอาณาเขตของปลาแสงอาทิตย์ตั้งสองรอบ ไม่ใช่เพื่อล่าอาหารหรือเพื่อตรวจตรา แต่พวกมันมาเพื่อกลืนกินสารคัดหลั่งพวกนี้ต่างหากล่ะ ปลาแสงอาทิตย์เองก็ต้อนรับงูเหลือมทะเลด้วยความยินดีเช่นกัน ตอนที่พบกับงูเหลือมทะเล พวกมันถึงกับเข้าไปอยู่กับงูเหลือมทะเลเป็นระยะเวลาหนึ่งเลยด้วยซ้ำ


นี่สามารถเข้าใจได้อย่างง่ายดาย ปลาแสงอาทิตย์ทั้งงุ่มง่ามและยังว่ายน้ำไม่เก่ง จึงมักจะถูกปลาและสัตว์ร้ายชนิดอื่นๆ ในทะเลกินเป็นอาหาร ถึงแม้ว่างูเหลือมทะเลจะมีขนาดใหญ่ ทว่าการกินอาหารของพวกมันไม่เป็นภัยต่อปลาแสงอาทิตย์แน่นอน ต่อให้งูเหลือมทะเลสามารถอ้าปากได้กว้างกว่านี้ ก็ไม่สามารถกลืนปลาแสงอาทิตย์เข้าไปได้ทั้งตัว


เมื่อเป็นเช่นนี้ งูเหลือมทะเลจึงกลายมาเป็นบอดี้การ์ดของปลาแสงอาทิตย์ ทั้งสองฝั่งต่างก็มีความสัมพันธ์แบบพึ่งพากันและกัน ปลาแสงอาทิตย์ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บให้งูเหลือมทะเล ส่วนงูเหลือมทะเลก็ช่วยอำนวยความปลอดภัยให้ปลาแสงอาทิตย์


เมื่อมีฝูงปลาแสงอาทิตย์ ดงสาหร่ายยักษ์ก็กลายมาเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของพันธุ์ปลาทั้งหลาย ปลากุเราสี่หนวด ปลากะพงทะเล ปลาจะละเม็ดขาว ปลาแดงนิวฟันด์แลนด์ ปลาแมคเคอเรล ปลาทะเลตัวแบนแอตแลนติก ปลาแฟงค์ทูธ ปลาขี้ตังเบ็ด ปลาแซลมอนโคโฮและปลาชนิดอื่นๆ ล้วนแต่สามารถเห็นร่องรอยของปลาพวกนี้ได้ที่นี่ทั้งสิ้น


เมื่อออกมาจากดงสาหร่ายยักษ์แล้ว ฉินสือโอวก็ลองไปดูแถวบริเวณเขตทะเลน้ำลึก เมื่อก่อนที่นี่เป็นอาณาเขตของฉลามขาว ตอนนี้ กลับมีปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือเพิ่มขึ้นมาอีกห้าร้อยหกร้อยตัวรวมกันเป็นฝูงปลาขนาดยักษ์


เหล่าปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนืออาศัยอยู่ที่นี่อย่างมีความสุข อาหารการกินอุดมสมบูรณ์ ศัตรูทางธรรมชาติน้อย ภายใต้การนำของปลามาร์ลินตัวใหญ่ พวกมันสามารถว่ายน้ำไปมาได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องคอยว่ายน้ำหลบศัตรูนักล่าเหมือนตอนที่อยู่ในชายหาดน้ำตื้นจอร์จ


ราคาของปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือมีความเกี่ยวข้องกับคุณภาพเนื้อของมัน เนื้อยิ่งหนาอวบ รสชาติก็ยิ่งดี ราคาก็ยิ่งสูง และยิ่งพวกมันว่ายน้ำช้าเท่าไร ก็ยิ่งสะสมไขมันได้มากขึ้นเท่านั้น นี่คล้ายกับหลักการการเลี้ยงหมูเลยทีเดียว


ระดับความเร็วการตรวจตราของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนก็เพิ่มเร็วขึ้น วนรอบฟาร์มปลาได้ประมาณครึ่งรอบ ฉินสือโอวถึงได้ดึงเอาจิตสำนึกแห่งโพไซดอนกลับคืน


ที่ฟาร์มปลาไม่มีวิกฤตการณ์อะไร อีกทั้งยังสร้างความประหลาดใจให้กับเขาหลายเรื่อง แต่แน่นอนว่าตอนนี้เขาก็ตกอยู่ในภาวะวิกฤต และต้องรีบแก้ไขวิกฤตการณ์พวกนี้ ซึ่งก็คืออำนาจของความเป็นเจ้าของของฟาร์มปลาในฝั่งตะวันตกบนเกาะแฟร์เวล


……………………….


บทที่ 282 กี่เพ้าลายคราม

โดย

Ink Stone_Fantasy

ตอนนี้ฟาร์มปลาบนเกาะแฟร์เวลขาดแคลนทรัพยากรเป็นอย่างมาก มีเพียงแค่ฟาร์มปลาต้าฉินที่ได้รับการลงทุนอย่างต่อเนื่องเท่านั้น ที่มีความกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาบ้าง ส่วนฟาร์มปลาเอกชนที่เหลืออีกสามแห่ง เจ้าของฟาร์มปลาต่างก็ออกจากเกาะแฟร์เวลไปอยู่นครเซนต์จอห์นไม่ก็โทรอนโตกันหมดแล้ว


ฉินสือโอวต้องรีบซื้อฟาร์มปลาของมิสเตอร์รอทที่อยู่ทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้และฟาร์มปลาบ้านเกิดของปลาค็อดที่อยู่ทางฝั่งทิศตะวันตกอย่างเร่งด่วน ฟาร์มปลาทั้งสองแห่งนี้ถูกกั้นด้วยฟาร์มปลาต้าฉินซึ่งตอนนี้มีดงสาหร่ายยักษ์อยู่ใกล้ๆ กัน ทรัพยากรปลาในนี้ก็เริ่มเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมแล้ว


ถ้าหากปล่อยให้เจ้าของของฟาร์มปลาทั้งสองแห่งรู้ถึงเรื่องนี้ ต่อให้เขาอยากซื้อฟาร์มปลาทั้งสองแห่งแค่ไหน ก็คงจะค่อนข้างวุ่นวายแล้วล่ะ


เมื่อคิดแล้วเขาก็เริ่มลงมือทำทันที ฉินสือโอวขอให้แฮมเล็ตช่วยติดต่อโรบินสัน รอท เจ้าของฟาร์มปลาของมิสเตอร์รอท เพื่อเจรจาเรื่องการซื้อขายฟาร์มปลาแห่งนี้


ครอบครัวรอทอาศัยอยู่ที่นครเซนต์จอห์น เป็นตระกูลที่ค่อนข้างใหญ่ในพื้นที่ เช่นเดียวกันกับบรรพบุรุษของฮิวจ์ พวกเขาอพยพมาจากสหรัฐอเมริกาในช่วงสงครามปฏิวัติอเมริกานั่นเอง


พวกเขาล้วนแต่เป็นคนในแวดวงสังคมชนชั้นสูงของนครเซนต์จอห์นกันทั้งนั้น แฮมเล็ตสามารถช่วยหาโอกาสให้ฉินสือโอวได้อย่างง่ายดาย


วันที่ 25 เดือนสิงหาคม จะมีงานชุมนุมของชาวอินูเปียตในนครเซนต์จอห์น ภรรยาของโรบินสัน รอทก็เป็นชาวอินูเปียตคนหนึ่ง ดังนั้นครอบครัวของพวกเขาก็ต้องไปเข้าร่วมงานนี้อย่างแน่นอน แฮมเล็ตโทรศัพท์ไปแค่หนึ่งครั้ง ก็สามารถช่วยหาจดหมายเชิญให้ฉินสือโอวได้ และให้เขาพาวินนี่ไปร่วมงานชุมนุมครั้งนี้


พอดีกับที่ชุดถังจวง (ชุดพิธีการของจีน) ของเขายังใหม่เอี่ยมอยู่ จึงสามารถใส่ไปร่วมงานชุมนุมครั้งนี้ได้


เมื่อวินนี่ทราบว่าตัวเองต้องไปเข้าร่วมงานเลี้ยงครั้งนี้ เธอก็พาฉินสือโอวไปซื้อชุดราตรีใหม่ เนื่องจากเสื้อผ้าของเธอยังไม่ได้ถูกส่งมา ตอนนี้ก็ยังอยู่ที่อเมริกาอยู่เลย


ฉินสือโอวพูดกับเธอว่า “ไม่ใช่ว่าคุณเองก็เอาชุดเดรสสวยๆ มาหลายชุดอยู่เหรอครับ? คงไม่ต้องซื้อหรอกมั้ง?”


วินนี่หลุดยิ้มออกมา “คุณน่ารักจริงๆ ฉิน ชุดเดรสพวกนั้นใส่ไปร่วมงานเลี้ยงเทศกาลฤดูร้อนของชาวอินูเปียตไม่ได้หรอกนะคะ นอกเสียจากว่าคุณจะไม่อยากทำธุรกิจกับมิสเตอร์รอทแล้ว”


เมื่อเห็นฉินสือโอวค่อนข้างสับสน วินนี่จึงช่วยจัดคอเสื้อให้เขาพร้อมทั้งอธิบายให้เขาฟังว่า “วันที่ 25 เดือนสิงหาคม เป็นวันเทศกาลที่สำคัญที่สุดของชาวอินูเปียตเป็นอันสองรองลงมาจากเทศกาลมัสแครต แจมโบรี ในเดือนมีนาคม เทศกาลฤดูร้อน มีอีกชื่อเรียกคือ เทศกาลแมวน้ำ”


ฟังที่วินนี่อธิบาย ฉินสือโอวถึงได้เพิ่งเข้าใจความเป็นมา ชาวอินูเปียตมีถิ่นที่อยู่บนเขตหนาวเย็นในขั้วโลกเหนือ พวกเขามีสภาพแวดล้อมในการดำรงชีวิตที่เลวร้ายเป็นอย่างมาก ซึ่งไม่ง่ายต่อการมีชีวิตรอดเลยแม้แต่น้อย


ในทุกๆ ปีจะมีสองช่วงเวลาที่สำคัญเป็นอย่างมากสำหรับพวกเขา หนึ่งคือในช่วงมีนาคม ที่ฤดูใบไม้ผลิมาถึงและน้ำแข็งเริ่มละลาย ในช่วงนี้พวกเขาจะมีการเฉลิมฉลองเป็นเวลาสามวัน เรียกว่า ‘เทศกาลมัสแครต แจมโบรี’


ส่วนช่วงเวลาสำคัญอีกหนึ่งช่วงที่เหลือก็คือช่วงระยะเวลาตั้งแต่วันที่ยี่สิบเอ็ดถึงสิ้นเดือนสิงหาคมนี้ เนื่องจากเริ่มตั้งแต่ช่วงเวลานี้เป็นแมวน้ำจะเข้าสู่ช่วงจับคู่ แมวน้ำจำนวนมากจะขึ้นฝั่งเพื่อขึ้นมาหาคู่ของพวกมัน อีกทั้งแมวน้ำยังเป็นอาหารที่สำคัญของชาวอินูเปียต พวกเขาจะล่าแมวน้ำในช่วงเวลานี้ จึงเกิดเป็นเทศกาลนี้ขึ้นมา


สำหรับชาวอินูเปียตแล้ว ทั้งสองเทศกาลมีความสำคัญเป็นอย่างมาก มันแสดงให้เห็นว่าพวกเขาสามารถล่าสัตว์และกักตุนอาหารได้อย่างสุดความสามารถ เทศกาลมัสแครต แจมโบรีและเทศกาลแมวน้ำ ต่างก็เป็นตัวแทนของความปรารถนาในชีวิตของพวกเขา


ในช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองทุกๆ คนจะแต่งกายอย่างสวยหรูและร้องเพลงเต้นรำอย่างสนุกสนาน ถ้าหากคนนอกอยากจะขอเข้าร่วมพวกเขาก็ยินดีต้อนรับ เพียงแต่ต้องแต่งกายอย่างหรูหราสวยงามเพื่อแสดงถึงความเคารพต่อเทศกาลนี้ ไม่เช่นนั้นก็อย่าโทษว่าชาวอินูเปียตเป็นคนเย็นชา


วินนี่เห็นฉินสือโอวกำลังตะลึงงัน เธอจึงพูดกับเขาว่า “คุณไม่รู้จักชาวอินูเปียต เหรอคะ?”


ฉินสือโอวยิ้มเจื่อนๆ แล้วตอบเธอไปว่า “ผมรู้แค่ว่าพวกเขาเขามีอีกชื่อที่เรียกว่าชาวเอสกิโม…”


“พระเจ้าช่วย!”วินนี่พูดกับเขาอย่างร้อนรนว่า “อย่าได้พูดชื่อเรียกแบบนี้ต่อหน้าชาวอินูเปียตอย่างเด็ดขาดเลยนะคะ! พวกเขาไม่ชอบถูกเรียกว่า ‘ชาวเอสกิโม’ เพราะว่าวิธีเรียกแบบนี้มาจากศัตรูของพวกเขา จากภาษาของชาวอเมริกันอินเดียนอัลกอนควิน มีความหมายว่า ‘พวกกินเนื้อดิบ’ แต่ ‘อินูเปียต’ เป็นคำที่พวกเขาใช้เรียกตัวเอง มีความหมายว่า ‘เผ่าพันธุ์มนุษย์’”


ฉินสือโอวรู้สึกเศร้าซึม ชาวเอสกิโมเป็นชื่อเรียกที่เขาเรียนมาจากหนังสือวิชาภูมิศาสตร์ตั้งแต่สมัยมัธยมต้น เขาจึงรู้สึกว่าประเทศสังคมนิยมของพวกเราขาดความเคารพผู้อื่นมาโดยตลอด


วินนี่บอกเล่าหลายสิ่งให้ฉินสือโอวได้รู้ ชาวอินูเปียตเป็น ‘ชนกลุ่มน้อย’ ของแคนาดา มีข้อควรหลีกเลี่ยงอยู่หลายอย่าง ที่แพร่หลายที่สุดในนั้นก็คือชื่อเรียก จะเรียกพวกเขาว่า ‘ชาวเอสกิโม’ ไม่ได้


เนื่องจากพวกเขามีความเชื่อว่า ‘มนุษย์’ เป็นตัวแทนสูงสุดของอาณาจักรแห่งชีวิต ‘พวกกินเนื้อดิบ’ ชื่อเรียกนี้เป็นการดูหมิ่นอย่างถึงที่สุด นี่จะต่างกับสัตว์ป่าตรงไหนกัน?


แคนาดามีปัญหาเรื่ององค์ประกอบของชาติพันธุ์ที่ซับซ้อนมาก อย่าเพิ่งพูดถึงปัญหาเรื่องผู้อพยพ เอาแค่ชาวพื้นเมืองอิสระกลุ่มใหญ่ทั้งสาม ชนพื้นเมืองอเมริกันที่เข้ามาตั้งรกรากเป็นกลุ่มแรก ชาวเมทิส ชาวอินูเปียต


คนพวกนี้มีจำนวนทั้งหมดแปดแสนคน คิดเป็นสามเปอร์เซ็นต์ของจำนวนประชากรในแคนาดา ในนั้นมี 69% ที่เป็นชนพื้นเมืองกลุ่มแรก มี 26% ที่เป็นชาวเมทิส ส่วนชาวอินูเปียตมีสัดส่วนเพียง 5% เท่านั้น ในจำนวนนั้น มีชาวอินูเปียตในนครเซนต์จอห์นอยู่ไม่ถึงหนึ่งพันคน เป็นเพียงเผ่าพันธุ์ขนาดเล็กเท่านั้น


แต่ก็มักจะเป็นเช่นนั้นที่ว่า เผ่าพันธุ์ยิ่งเล็กยิ่งมีประชากรน้อยเท่าไร พวกเขาก็ยิ่งให้ความสำคัญกับความเชื่อ วัฒนธรรมและประเพณีของตนเอง ถ้าหากถูกดูหมิ่นก็จะเกิดการต่อต้านอย่างรุนแรงแน่นอน


นี่เป็นเรื่องที่ปกติมาก คนทั่วไปมักจะพูดว่าประเทศที่ยิ่งใหญ่จะยิ่งมีน้ำใจที่ยิ่งใหญ่ ทำไมน่ะเหรอ? ยิ่งประเทศมีขนาดใหญ่ มีทรัพยากรจำนวนมาก มีกำลังที่เข้มแข็ง ก็ย่อมมีความเชื่อมั่นมากเป็นธรรมดา เมื่อประสบกับการดูถูกเหยียดหยามก็ไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่


ก็เหมือนกันกับคน คนที่มีความยอดเยี่ยมพวกนั้น ล้วนแต่ไม่สนใจคำวิจารณ์ของผู้อื่น นานๆ ครั้งเมื่อพี่ใหญ่พวกนั้นพบเจอกับผู้คนหรือสิ่งที่ไม่ให้ความเคารพพวกเขา พวกเขาก็จะหัวเราะอย่างไม่ถือสา แต่ในทางตรงกันข้ามถ้าเป็นแค่คนธรรมดา ความเคารพตนเองก็จะยิ่งมาก นี่ก็มักจะมีสาเหตุมาจากการขาดความมั่นใจของพวกเขาเอง


ดังนั้นตลอดทั้งการเดินทาง วินนี่จึงไม่หยุดที่จะเน้นย้ำกับฉินสือโอว นอกจากการเจรจาธุรกิจแล้ว ก็ไม่ควรที่จะแสดงความคิดเห็นของตัวเองออกไปง่ายๆ ไม่อย่างนั้นก็จะถูกผูกพยาบาทได้อย่างง่ายดาย


ในห้างร้านขายเสื้อผ้าที่ใหญ่ที่สุดในนครเซนต์จอห์น วินนี่กำลังเลือกซื้อชุดกี่เพ้าทำมืออยู่ในร้านกี่เพ้าหลงเฟิ่ง เพื่อให้เข้าคู่กันกับชุดถังจวงของฉินสือโอว


ชุดที่วินนี่เลือกคือชุดกี่เพ้ายาวแบบช่วงสาธารณะรัฐจีน มีพื้นสีขาว ปักด้วยลายดอกบัวสีคราม


ลายครามของกี่เพ้าชุดนี้ไม่ใช่ลายดอกไม้สีเขียว แต่เป็นหนึ่งชื่อเรียกของศิลปะเครื่องลายครามจีน อย่างเช่นเครื่องเครื่องเคลือบราชวงศ์หยวน และเครื่องเคลือบลายครามประเภทต่างๆ ในวงการเครื่องเคลือบของแคนาดา ลายครามก็ถูกยกย่องว่าเป็นดอกไม้ประจำชาติจีน แต่ความจริงแล้ว ลวดลายพวกนี้จะเป็นสีน้ำเงิน


พื้นสีขาวดุจหิมะและลวดลายเมฆสีครามขับส่งสีสันงดงามให้แก่กัน เต็มไปด้วยเสน่ห์ของความสง่างามอย่างยิ่งยวด วินนี่ที่มีรูปร่างสูงโปร่งเมื่อสวมกี่เพ้าตัวนี้ พร้อมทั้งม้วนมวยผมดำสลวยที่ปักปิ่นปักผมรูปดอกบัวสีขาวนวล สวมถุงน่องสีเนื้อเข้าคู่กับรองเท้าส้นสูงเปิดหน้าเท้าสีน้ำเงิน การสั่นสะเทือนเท่านั้นที่จะสามารถนำมาพรรณนาถึงสิ่งนี้ได้


วินนี่เดินออกมาแล้วหมุนตัวหนึ่งรอบ ดวงตาของผู้ชายบางคนในห้างก็แทบจะทะลวงออกมา ฉินสือโอวส่ายหัวไปมาไม่หยุด วินนี่จึงขมวดคิ้วแล้วถามเขาว่า  “ไม่สวยเหรอคะ? หรือว่าคุณไม่ชอบ?”


“ไม่ครับ ไม่อยากจะเชื่อเลย!”ฉินสือโอวกล่าว


วินนี่ยื่นมือออกไปดึงริมฝีปากล่างของฉินสือโอว เธอหัวเราะคิกคักแล้วพูดกับเขาว่า “ปากคุณหวานจังเลยนะคะ ถ้ากลับไปแล้วฉันจะให้รางวัลนะ”


เจ้าของร้านกี่เพ้าเฟิ่งหลงเป็นหญิงสาวท่าทางอ่อนโยนเธอแต่งหน้าด้วยเครื่องสำอางอย่างอ่อนๆ ตอนที่ฉินสือโอวกำลังจ่ายเงินแทนวินนี่ เธอก็ถามวินนี่ว่าสนใจที่จะถ่ายรูปโฆษณาให้กับที่ร้านบ้างไหมอยู่ตลอด สำหรับรูปลักษณ์ที่งดงามของวินนี่ในตอนที่สวมกี่เพ้าตัวนี้แล้ว ทำเอาเธอถึงกับชมออกมาอย่างไม่ขาดปาก


วินนี่ปฏิเสธเธอไปด้วยความสุภาพ แล้วเดินกอดแขนของฉินสือโอวออกมาจากห้างสรรพสินค้า ไม่ได้สนใจหญิงชายคนอื่นบนท้องถนน เธอมองตรงไปข้างหน้าอย่างเดียว


ฉินสือโอวเชิดหน้าพร้อมทั้งยืดอกตรง เขารู้สึกอิ่มอกอิ่มใจอย่างถึงที่สุด นี่ทำให้เขามีหน้ามีตายิ่งกว่าขับรถพอร์ช 918 เสียอีก


………………………………..


บทที่ 283 เทศกาลแมวน้ำ

โดย

Ink Stone_Fantasy

สถานที่จัดงานเทศกาลแมวน้ำอยู่ที่โรงแรมห้าดาวแห่งหนึ่งในนครเซนต์จอห์น ที่ชื่อว่า ‘นอร์ธเทิร์น ไลท์ อินน์’ ชาวอินูเปียตในพื้นที่ก็ร่วมมือกันตกแต่งบริเวณชั้นหนึ่งเอาไว้ ตั้งแต่ประตูทางเข้าจนถึงห้องโถงใหญ่ของงานเลี้ยงเทศกาลฤดูร้อน ทุกที่ต่างก็เต็มไปด้วยสื่อโฆษณาของชาวอินูเปียต


“ร่ำรวยกันจริงๆ” ฉินสือโอวถึงกับพูดไม่ออก “ชาวอินูเปียตร่ำรวยขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน?”


นี่เป็นเรื่องที่ธรรมดามาก ชาวอินูเปียตจนๆ ที่ไหนจะมาอยู่ที่นิวฟันด์แลนด์กันล่ะ? แน่นอนว่าก็คงจะยังอยู่ที่ขั้วโลกเหนือใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายไปวันๆ พวกที่อพยพออกมา ล้วนแต่เป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จหรือไม่ก็เป็นนักการเมือง


ข้อนี้เหมือนกันกับเถ้าแก่ชาวจีน ที่ทั้งซื้อรถหรูและกว้านซื้อของแบรนด์เนมในต่างประเทศ จนทำให้ชาวต่างชาติที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่คิดว่าคนจีนเป็นมหาเศรษฐีกันทุกคน แต่ความจริงแล้ว ถ้าไม่ใช่เศรษฐีก็คงจะไม่มีปัญญาไปต่างประเทศหรอกนะ


วินนี่พูดกับเขาด้วยรอยยิ้ม “ฉันเดาว่าเจ้าของโรงแรมแห่งนี้ก็คงเป็นชาวอินูเปียตเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นคงไม่สามารถวางสื่อโฆษณาไว้ที่ด้านนอกโรงแรมได้มากขนาดนี้”


เมื่อทั้งคู่ปรากฏตัว ก็ดึงดูดสายตาของคนบริเวณรอบๆ ได้ทันที บริกรคนหนึ่งเดินมาถามพวกเขาด้วยท่าทีสุภาพว่า “ขอโทษนะครับทั้งสองท่านมาร่วมงานเลี้ยงเทศกาลแมวน้ำใช่ไหมครับ? สุภาพบุรุษท่านนี้เป็นชาวอินูเปียตหรือเปล่าครับ?”


ฉินสือโอวกระแอมไอหนึ่งครั้ง แล้วพูดกับเขาว่า “ถึงแม้ว่าผมจะไม่ใช่ชาวอินูเปียตแท้ๆ แต่ผมก็มีสายเลือดใกล้เคียง ใช่แล้ว พวกเราได้รับเชิญให้มาร่วมเทศกาลแมวน้ำครับ”


ที่บริกรถามเขาเช่นนี้ ก็เนื่องจากว่าชาวอินูเปียตเป็นชาวเอเชียตะวันออก ซึ่งก็เป็นชนผิวเหลืองเหมือนกัน มีกระทั่งการศึกษาค้นคว้าที่ระบุว่า บรรพบุรุษของชาวอินูเปียตมาจากบริเวณทางตอนบนของจีน คาดว่าน่าจะล่องเรือมายังทวีปอเมริกาเหนือผ่านทางช่องแคบแบริ่ง


ถ้าดูจากรูปลักษณ์ภายนอกแล้ว ฉินสือโอวก็มีความคล้ายคลึงกับชาวอินูเปียตอย่างแน่นอน


เมื่อตรวจสอบบัตรเชิญของฉินสือโอวเรียบร้อยแล้ว บริกรก็พาทั้งสองคนไปที่ชั้นหก เมื่อออกมาจากลิฟต์ ด้านหน้าก็เป็นแมวน้ำที่มีขนปุกปุยอยู่ฝูงหนึ่ง ไม่ต้องบอกก็รู้ แมวน้ำพวกนี้เป็นของปลอมทั้งนั้น มีบางส่วนที่เป็นหุ่นจำลอง และบางส่วนที่เป็นรูปสลัก


ชาวอินูเปียตชื่นชอบศิลปะการปั้นรูปหล่อ มีความชำนาญในด้านการแกะสลัก พวกเขาสามารถใช้ก้อนน้ำแข็ง ท่อนไม้ ก้อนหินและวัสดุชิดต่างๆ มาแกะสลักเป็นรูปปั้นได้ทุกแบบ


ห้องโถงของชั้นหกถูกจัดให้เป็นเหมือนกับสภาพแวดล้อมในการดำรงชีวิตของชาวอินูเปียต บริเวณรอบๆ ถูกล้อมรอบด้วยกระท่อมน้ำแข็งที่ทำมาจากพลาสติก มีปลา นกทะเลและเนื้อแมวน้ำ แขวนอยู่บนกำแพง


นอกจากนี้เครื่องปรับอากาศในชั้นก็ยังถูกเปิดจนหนาวเต็มที่ ลมหนาวพัด ‘ฟิ้วๆ’ อีกทั้งยังมีพัดลม ที่ส่งเสียงเหมือนลมหนาวที่พัดพา พอบริกรดึงประตูห้องโถงออก ฉินสือโอวก็ถึงกับตัวสั่นทันที


คราวนี้ทั้งฉินสือโอวและวินนี่ก็ต้องตะลึงจนตาค้าง ทั้งสองต่างก็ได้เข้าร่วมเทศกาลแมวน้ำเป็นครั้งแรก นี่เป็นครั้งแรกที่ฉินสือโอวได้ยินชื่อเทศกาลนี้ด้วยซ้ำ ใครจะคาดคิดว่า ชาวอินูเปียตจะทุ่มชีวิตขนาดนี้ แม้กระทั่งสภาพแวดล้อมในขั้วโลกเหนือก็ยังทำออกมาให้เหมือนกับของจริง


ก่อนขึ้นมาบริกรได้แจ้งให้พวกเขาทราบแล้ว ชายตัวเล็กผอมบาง ขาซ้ายมีปัญหาคนหนึ่งก็เดินเข้ามาจับมือกับฉินสือโอวอย่างมีมิตรไมตรีแล้วพูดกับเขาว่า “เพื่อน นายต้องเป็นโพไซดอนแห่งเกาะแฟร์เวลแน่ๆ ใช่ไหม? ฮ่าๆ ฉันเคยเห็นนายจากในทีวี เป็นคนหนุ่มที่มีความสามารถมากจริงๆ ตาฉินมีหลานชายที่เก่งมากๆ ”


คุยกันไปได้สักพัก ชายคนนั้นก็เพิ่งจะถึงบางอ้อ เขาแนะนำตัวว่า “ฉันชื่อโรบินสัน รอท พวกนายเรียกฉันว่าโรโร่ก็ได้ ฟาร์มปลามิสเตอร์รอทเป็นทรัพย์สมบัติของครอบครัวฉันเอง”


ฉินสือโอวแนะนำตัวเองและวินนี่ให้กับชายคนนั้น เมื่อเขาเห็นการแต่งกายของทั้งคู่ก็ยิ่งออกมาอย่างเปิดเผย เขารีบเรียกบริกรให้ไปหยิบเสื้อคลุมหนังจิ้งจอกมาจากในห้องโถงเป็นจำนวนสองชุด


ฉินสือโอวไม่จำเป็นต้องใช้มัน พลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนเปลี่ยนแปลงสภาพร่างกายของเขาจนสมบูรณ์แบบ เขาสามารถอดทนต่อความหนาวเย็นที่ถูกสร้างจากเครื่องปรับอากาศเช่นนี้ได้ ทว่าวินนี่จำเป็นต้องสวมไว้หนึ่งชุด รอทเลือกเสื้อคลุมขนสัตว์สีขาวล้วนให้กับเธอหนึ่งชุด ที่ยังคงแสดงให้เห็นถึงท่วงท่าที่สง่างามของเธอ


เมื่อเข้ามาในห้องโถง ฉินสือโอวนึกว่าตัวเองมาถึงไชน่าทาวน์ คนที่ผ่านไปผ่านมาล้วนแต่เป็นคนผิวเหลืองทั้งนั้น ดูจากเอกลักษณ์เฉพาะบนใบหน้าแล้ว ก็เหมือนกับพี่น้องท้องเดียวกันกับชาวมองโกเลียในไม่มีผิด


รอทแนะนำภรรยาของเขาให้ฉินสือโอวและวินนี่ได้รู้จัก เธอชื่อว่ากานาลัค รอท เป็นสุภาพสตรีผิวเหลืองที่มีใบหน้างดงาม ตามแบบของชาวอินูเปียต


วินนี่จับมือกับกานาลัค พร้อมทั้งพูดคุยด้วยรอยยิ้ม “Kanaalaq (กานาลัค) เป็นชื่อที่งดงามจริงๆ ค่ะ ตอนที่ฉันดูหนังเรื่อง The Snow Walker ในสมัยที่ยังเป็นเด็ก ฉันก็เคยเลื่อมใสในความงดงามของพี่สาวกานาลัค และในวันนี้ก็เช่นกันค่ะ”


ภาพยนตร์เรื่อง The Snow Walker เป็นหนังที่ถูกทำขึ้นโดยชาวแคนาดาทั้งหมด สอดคล้องกับปทัฏฐานของสังคม มีความซื่อสัตย์และเป็นธรรมชาติ เนื้อเรื่องเรียบง่ายธรรมดาที่แฝงไปด้วยความอบอุ่น เป็นผลงานภาพยนตร์ในยุคแรกเริ่มของแคนาดาที่มีความโดดเด่น


ภาพยนตร์พูดถึงกานาลัค เด็กหญิงชาวอินูเปียตที่เดิมทีต้องการจะไปรักษาอาการป่วย ทว่าหลังจากที่เครื่องบินตกในทุ่งราบว่างเปล่าที่รกร้างไร้ผู้คน เธอต้องใช้ทักษะในการเอาตัวรอดทั้งหมดและทัศนคติที่มีต่อชีวิตอันสงบนิ่งของเธอเพื่อช่วยให้นักบินได้ปรับตัวเข้ากับชีวิตที่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอกและอยู่ห่างไกลกับผู้คน และต้องประคับประคองชีวิตเพื่อรอคอยการช่วยเหลือ


เมื่อได้ยินที่วินนี่กล่าว รอยยิ้มของสองสามีภรรยารอทก็ยิ่งจริงใจขึ้นกว่าเดิม ทั้งสองคนหันมามองหน้ากัน รอทกุมมือภรรยาของเขาไว้แล้วพูดออกมาว่า “ที่จริงแล้ว ชื่อกานาลัคเป็นชื่อที่ภรรยาของฉันเปลี่ยนหลังจากเดินทางมาถึงนิวฟันด์แลนด์แล้ว ตอนที่พวกเรารู้จักกันก็คล้ายกับในหนังนั่นล่ะ สมัยยังหนุ่มฉันค่อนข้างเหลวไหล หลงนึกว่าตัวเองจะเอาชนะโลกใบนี้ได้ เลยขับเครื่องบินลำเล็กไปที่ขั้วโลกเหนือ”


“แต่ปรากฏว่า เครื่องบินเจอเข้ากับกระแสลมหนาวจนร่วงตกลงมา ฉันคิดว่าฉันจะต้องตายแล้วเสียอีก แต่ปรากฏว่าฉันก็ถูกภรรยาของฉันช่วยเอาไว้ได้ ขาของฉันก็ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุครั้งนั้น ถ้าหากในตอนนั้นไม่ใช่เพราะภรรยาของฉัน น่ากลัวว่าตอนนี้ฉันคงได้ไปพบพระเจ้าแล้ว” เมื่อรอทพูดจบ เขาก็จูบภรรยาของเขาด้วยความอ่อนโยน


ใบหน้าของวินนี่ก็แสดงความปรารถนาออกมาได้อย่างทันท่วงที ฉินสือโอวคิดเงียบๆ ในใจว่าชีวิตคนเราจำเป็นต้องพึ่งทักษะการแสดง เขาก็พยายามที่เลียนแบบสีหน้าแบบที่แสดงออกอย่างโหยหาของเธอบ้าง ทว่าเขารู้สึกว่าการเลียนแบบคงไม่เข้าท่า เขาจึงเปลี่ยนความคิด แล้วจินตนาการว่าตัวเองได้ร่วมหลับนอนกับวินนี่แทน


คราวนี้ การแสดงออกถึงความปรารถนาของเขาก็ดูสมจริงถึงที่สุด


ไม่ต้องสงสัยเลย ฉินสือโอวและวินนี่ก็ได้รับความรู้สึกชอบพอจากสองสามีภรรยาแล้ว ทั้งสองคนเชิญพวกเขาให้เข้าไปนั่งในใกล้ๆ กับกระท่อมน้ำแข็งอย่างกระตือรือร้น ภรรยาของรอทส่งชาร้อนมาให้พวกเขา ส่วนรอทก็พูดคุยกับฉินสือโอวเรื่องฟาร์มปลา


ฉินสือโอวพอจะรู้เรื่องก่อนหน้านี้มาบ้างแล้ว โรบินสัน รอท เป็นทายาทของตระกูลเล็กๆ สัญชาติอังกฤษ ที่ดำเนินกิจการโรงงานขนาดกลางที่ผลิต ผลิตภัณฑ์อาหารเป็นหลัก จุดประสงค์ในการก่อตั้งฟาร์มปลามิสเตอร์รอท ก็เพื่อผลิตสินค้าให้กับโรงงานอาหารนั่นเอง


อาหารกลางวันของงานเลี้ยงเป็นไปอย่างเรียบง่าย มีแค่เนื้อปลาแห่งไม่กี่แผ่นกับพวกเนื้อแมวน้ำแห้ง งานเลี้ยงตอนกลางคืนถึงจะเป็นอาหารมื้อหลัก


เมื่อทานอาหารกลางวันไปแล้ว งานเทศกาลก็จึงเริ่มขึ้น คนที่มางานนี้มีจำนวนไม่มาก แค่ประมาณสองร้อยคนเท่านั้น เหมือนกับการจัดงานปาร์ตี้เลยด้วยซ้ำ เมื่อเสียงดนตรีดังขึ้น ทุกคนก็เต้นรำไปพร้อมกับดื่มเหล้า


วินนี่กลายเป็นราชินีของงานเต้นรำเสียแล้ว ชายหนุ่มวัยรุ่นทุกคนต่างก็มาเชิญชวนเธอให้ไปเต้นรำด้วยกัน เธอเองก็ไม่ได้ปฏิเสธคนที่เข้ามาหา เธอร่วมเต้นรำกับคนที่เข้ามาชวนติดต่อกันถึงเจ็ดแปดเพลง ท่าทางในการเต้นรำของเธอสวยงามหมดจด เสียงผิวปากและเสียงเชียร์ในบริเวณนั้นดังขึ้นติดต่อกันอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด


รอทใช้สายตาที่แสดงออกถึงความชื่นชมมองไปยังวินนี่ จากนั้นก็พูดกับฉินสือโอวว่า “เพื่อน ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมพระเจ้าถึงได้ใส่ใจคุณขนาดนี้ ท่านมอบคุณปู่ที่ยอดเยี่ยมแบบนั้นให้นาย แถมตอนนี้ก็ยังมอบภรรยาที่ดีให้นายอีก พูดตามความจริง ฉันอิจฉานายนะ เพื่อน ใช่แล้ว ตอนนี้ฉันอิจฉานายมาก”


วินนี่ลบจากเวที ยังมีคนที่อยากจะชวนเธอไปเต้นรำอยู่ รอทจึงไล่หนุ่มคนนั้นไป เขาพูดขึ้นมาว่า “สำรวมท่าทางของพวกนายหน่อย ไอ้พวกปัญญาอ่อน คุณผู้หญิงคนนี้ให้เกียรติพวกนาย พวกนายก็ยิ่งต้องให้เกียรติเธอ!”


รอทให้กานาลัคพาวินนี่ไปทำความรู้จักกับเพื่อนๆ ส่วนเขาเองก็พาฉินสือโอวไปที่ห้องรับแขกเล็กๆ ห้องหนึ่ง แล้วพูดกับเขาว่า “ฉันรู้จุดมุ่งหมายที่นายมาที่นี่ ฉิน งั้นลองให้ฉันได้พูดอะไรสักหน่อย เรื่องฟาร์มปลามิสเตอร์รอทใช่ไหม?”


……………………………………………


บทที่ 284 ซื้อ ซื้อ ต้องซื้อ

โดย

Ink Stone_Fantasy

“ถ้านายยินดีที่จะจ่ายเงินสิบสองล้านดอลลาร์ เช่นนั้นฟาร์มปลาของมิสเตอร์รอท ก็จะเป็นของนาย” รอทเป็นคนฉลาดหลักแหลม ไม่จำเป็นต้องอารัมภบท ไม่จำเป็นต้องพูดหว่านล้อม เขาตรงเข้าประเด็นเลยทันที


ฉินสือโอวส่ายหัวแล้วพูดกับเขาว่า “ไม่ๆ มิสเตอร์รอท คุณก็รู้ว่าผมเคารพคุณ แต่ว่าแต่ราคาที่คุณต้องการในตอนนี้ทำให้ความเคารพของผมที่มีต่อคุณลดน้อยลงแล้ว มันไม่คุ้มกับราคาสิบสองล้านเลยนะ คุณเองก็รู้ถึงสถานการณ์ของฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์ในตอนนี้ดี”


“อาจจะไม่คุ้มค่าสำหรับคนอื่น แต่มันคุ้มค่าสำหรับนายแน่ๆ” รอทยิ้มด้วยท่าทางเจ้าเล่ห์ เห็นได้ชัดว่า เจ้าหนุ่มนี่ไม่ได้กล้าได้กล้าเสียอย่างที่เขาแสดงออก แต่ก็เป็นเรื่องธรรมดา ยังไงซะเจ้านี่ก็เป็นลูกหลานของนายทุนเก่านี่นะ


ฉินสือโอวพูดกับเขาว่า “ใช่ครับ ผมมีความคิดหนึ่ง นั่นก็คือซื้อฟาร์มปลาเอกชนทุกแห่งบนเกาะแฟร์เวล แต่จุดประสงค์ของผมไม่ได้อยู่ที่ว่าจะได้ปลามากน้อยแค่ไหน ผมแค่อยากจะรับรองพัฒนาการการพึ่งพาตัวเองของเกาะแฟร์เวล เมืองเล็กๆ แห่งนั้น สำหรับผมแล้ว มันคือดินแดนในอุดมคติ”


รอทพยักหน้าอย่างเห็นด้วย เขาพูดขึ้นมาว่า “ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ได้อยู่ที่เกาะแฟร์เวลนานเท่าไรนัก แต่พูดกันจริงๆ แล้ว ที่นั่นก็เป็นเหมือนดินแดนในอุดมคตินั่นล่ะ โอเค พูดกันตรงๆ เลยแล้วกัน นายอยากจะให้ฉันเท่าไรล่ะ?”


“สิบล้าน!”


“โอ้ พ่อหนุ่ม นายบ้าไปแล้วจริงๆ ราคาสิบล้านยังไงก็ไม่ได้แน่ๆ นั่นมันทะเลหนึ่งผืน ทะเลผืนใหญ่หนึ่งผืนเลยนะ ถ้านายไปที่อื่น แล้วอยากจะได้มหาสมุทรที่ใหญ่ขนาดนั้น ถ้าไม่ใช่เงินสามสิบล้านก็ซื้อไม่ได้แน่ๆ! เอาล่ะ ฉันจะช่วยนายสักหน่อยแล้วกัน สิบเอ็ดล้านกับอีกห้าแสน”


“มิสเตอร์รอท คุณต้องรู้ว่า ที่นั่นตอนนี้นอกจากน้ำทะเลก็ไม่มีอะไรแล้ว น้ำทะเลจะมีราคาเท่าไรกันเชียว? สิบล้านสองแสน”


“ไอ้หนุ่ม นายคิดว่าพวกเรากำลังซื้อผักอยู่ในตลาดหรือยังไงกัน? อย่างน้อยต้องได้ถึงราคาขั้นต่ำ เห็นแก่วินนี่ ฉันจะให้ราคาพิเศษกับนายแล้วกัน สิบเอ็ดล้านห้าแสน!”


“ผมจะเสนอราคาเป็นครั้งสุดท้าย มิสเตอร์รอท สิบล้านห้าแสน ถ้าคุณไม่เต็มใจจะขายราคานี้ ถ้าอย่างนั้นผมคงทำได้แค่พาแฟนของผมกลับเมืองแฟร์เวลแล้วล่ะครับ คุณต้องคิดให้ดี เงินทุนสิบล้าน จะขว้างทิ้งลงทะเลให้มันเสียเปล่าหรือจะหยิบมันขึ้นมาเพื่อขยับขยายกิจการของคุณ เงินก้อนนี้คุณต้องคิดให้ดีกว่าผม”


“น่าตายจริงๆ ฉันเคยได้ยินมาว่าคนจีนเก่งเรื่องการทำธุรกิจ เมื่อก่อนฉันยังไม่เชื่อ แต่ตอนนี้ฉันต้องยอมรับแล้วจริงๆ พวกนายนี่มันเป็นพ่อค้าหน้าเลือดจริงๆ! เอาล่ะ สิบล้านห้าแสน ตกลง!”


รอทยื่นมือออกมาด้วยใบหน้าที่มีแต่รอยยิ้ม ฉินสือโอวเองก็ยิ้มออกมาอย่างสดใส ทั้งสองคนจับมือกัน น่าเสียดายที่ไม่มีนักข่าวมาถ่ายรูปไว้สักหน่อย ไม่อย่างนั้นก็คงจะเอาไปลงข่าวได้


สาเหตุที่เขากล้าต่อราคาได้เด็ดขาดขนาดนี้ ก็เพราะเขาจำที่แฮมเล็ตเคยบอกไว้ได้ว่า ราคาที่รอทเสนอให้กับเทศบาลอยู่ที่สิบสองล้าน แฮมเล็ตบอกเขาไว้ว่าราคานี้ยังสามารถต่อได้อีก ถ้าเขาขอลดราคาสักสิบเปอร์เซ็นต์ก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไร


แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ราคาที่รอทรับได้ คือราคาที่ใกล้เคียงกับเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ของสิบสองล้าน


สำหรับรอทแล้ว ฟาร์มปลาแห่งนั้นเป็นสิ่งไร้ประโยชน์สำหรับเขาอย่างแท้จริง ถ้าไม่ลงทุนก็ไม่เกิดผลผลิตอะไร ปล่อยไว้อย่างนั้นในแต่ละปีจำนวนปลาที่ได้ก็ขาดแคลน ถ้านำเงินสิบล้านดอลลาร์มาฝากไว้ในธนาคาร ก็ยังได้ดอกเบี้ยมากกว่าราคาปลาที่จับขึ้นมาได้


ดังนั้น แท้จริงแล้วเขากำลังรอ ‘คนซื่อบื้อ’ อย่างฉินสือโอว ที่จะมาซื้อกิจการต่อ ขายได้ในราคาสิบล้านห้าแสน ก็นับว่าทำให้เขาพอใจมากแล้ว


ฉินสือโอวโทรศัพท์หาเออร์บัก ให้เขามาที่นครเซนต์จอห์นเพื่อเตรียมสัญญา รอทเองก็โทรหาทนายของเขาเหมือนกัน ทั้งสองคนต่างก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าการเจรจาจะเป็นไปอย่างราบรื่นขนาดนี้ นับว่าสมดังใจกันทั้งสองฝ่าย


คนที่รอทเรียกมาไม่ใช่ทนาย แต่เป็นทุกๆ คนในฝ่ายกฎหมายของโรงงานผลิตอาหารของเขา ทางด้านฉินสือโอวมีเพียงเออร์บักคนเดียวที่ลงสนามช่วยเขา แค่ได้ยินชื่อเสียงของชายชรา ฝ่ายตรงข้ามก็พากันกลัวจนฉี่แทบราดแล้ว


ในช่วงบ่าย เมื่อร่างสัญญาเสร็จแล้วก็ส่งมาที่โรงแรมนอร์ธเทิร์น ไลท์ อินน์ ในตอนสุดท้ายทั้งสองคนก็แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันเล็กน้อย จากนั้นจึงเซ็นชื่อขอตัวเองลงไปในสัญญา ดังนั้นขั้นตอนต่อไปจึงเป็นการดำเนินการตามสัญญา ฝ่ายหนึ่งไปโอนเงินอีกฝ่ายหนึ่งไปดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์ฟาร์มปลา ต่างก็ไม่ใช่เรื่องที่จะทำให้เสร็จได้ในวันนี้


เวลาที่เหลืออยู่ ก็ถูกใช้เพื่อดื่มด่ำกับเทศกาลแมวน้ำ ฉินสือโอวถือเอาโทรศัพท์ไว้ข้างๆ เพื่อแอบเล่นอินเทอร์เน็ต ที่ตรงนี้นอกจากจะไม่มีสาวสวยแล้วก็ยังไม่มีสาวฮ็อตๆ อีก แต่ถึงจะมีก็พากันสวมเสื้อผ้าหนาๆ จนมองไม่ออกกันทุกคน


สิ่งเดียวที่ดึงดูดฉินสือโอวได้ ก็คืองานเลี้ยงที่มีจุดเด่น คือเนื้อย่างน้ำแข็ง


งานเลี้ยงตอนเย็นเปลี่ยนสถานที่จัดงาน ไปอยู่ที่หาดทรายแห่งหนึ่งในนครเซนต์จอห์น รถขนน้ำแข็งแต่ละก้อนก็ถูกส่งเข้ามา งานเลี้ยงที่ฉินสือโอวเคยไปเข้าร่วมเมื่อก่อนล้วนแต่เป็นงานเลี้ยงที่มีแคมป์ไฟ แต่ครั้งนี้กลับเปลี่ยนเป็นงานเลี้ยงที่ใช้ก้อนน้ำแข็ง ทำให้เขารู้สึกแปลกใหม่มากจริงๆ


บาร์บีคิวจะถูกทำขึ้นบนก้อนน้ำแข็ง ฉินสือโอวนั่งอยู่ด้วยกันกับภรรยาของรอท ถือเอาปลาแซลมอนชัมเนื้ออวบนุ่มมาย่างไว้บนตะแกรง


วินนี่นั่งอิงแอบอยู่ข้างๆ เธอถามเขาเสียงเบาว่า “คุยธุรกิจเป็นยังไงบ้างคะ?”


ฉินสือโอวจูบลงไปบนใบหน้าที่สวยงามของเธอ เขาหัวเราะพร้อมทั้งบอกกับเธอว่า “เพราะว่าเห็นแก่คุณ รอทเลยลดราคาให้เราหนึ่งล้านห้าแสน”


วินนี่หยิกเขาเบาๆ หนึ่งครั้ง เธอมองเขาด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย พร้อมทั้งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แล้วพูดกับเขาว่า “ฉันมีหน้ามีตาขนาดนั้นเลยหรือยังไงกันคะ? คุณแกล้งแหย่ฉันต่างหาก”


ฉินสือโอวเล่าสถานการณ์ขณะที่กำลังเจรจาซื้อขายให้เธอฟัง วินนี่ก็ยิ้มแล้วหัวเราะคิกคักออกมา สุดท้ายจึงพูดกับเขาว่า “เหมือนกับว่าพวกคุณต่อราคาผักในตลาดจริงๆ ค่ะ ถ้าเป็นในห้างคงต่อรองราคาแบบนี้ไม่ได้ใช่ไหมล่ะ? คุณไม่ได้เตรียมตัวเลขอ้างอิงของฟาร์มปลาไว้เลยเหรอคะ?”


ฉินสือโอวแบะปาก เขาบอกกับเธอว่า “ยังจะต้องใช้ตัวเลขอ้างอิงอะไรกัน ยังไงก็ซื้อมาได้แล้ว แถมยังต่างกันแค่สิบล้านกับสิบสองล้านเอง”


“คุณนี่รวยจนไร้สติจริงๆ!”


“ขอบคุณสำหรับคำชมนะครับ ภรรยาของคนรวยไร้สติ”


ทาน้ำมันมะกอกลงไปบนตัวปลาอย่างต่อเนื่อง ไม่นานก็ย่างจนสุกแล้ว หนังปลาเปิดออก เนื้อปลาสีเหลืองทองนุ่มๆ โรยยี่หร่าลงไปเล็กน้อย กลิ่นหอมของปลาก็ฟุ้งกระจายไปทั่ว


ฉินสือโอวกำลังจะทาน รอทก็ยื่นถ้วยใบเล็กให้กับเขาหนึ่งใบ แล้วพูดว่า “ทาเคเวียค ลงไปหน่อย ฉิน ลองชิมของขึ้นชื่อของขั้วโลกเหนือดู รสชาติมันเยี่ยมยอดมากจริงๆ”


ภรรยาของรอทช่วยเสริม “ตอนที่กินไปคำแรก คุณอาจจะยังไม่ชิน แต่ถ้ากินเข้าไปอีกไม่กี่คำ คุณอาจจะหลงรักเคเวียค แถมมันยังช่วยเสริมวิตามินได้อย่างดีด้วยนะ”


ฉินสือโอวรับถ้วยใบเล็กมาดู ข้างมีซอสสีดำๆ อยู่จำนวนหนึ่ง เขาลองดมดูก็ไม่ได้กลิ่นอะไร เขาเห็นว่าคนอื่นๆ ต่างก็กำลังทามันลงไปบนเนื้อย่างไม่ก็ปลาย่าง เขาจึงทามันลงไปหนึ่งชั้น


เมื่อทาเสร็จแล้ว เขาก็ส่งปลาย่างไปให้วินนี่ แล้วบอกกับเธอว่า “ที่รักครับ คุณเลือกชิ้นที่ใหญ่ที่สุดไปเถอะ”


ใบหน้าสวยงามของวินนี่ขาวซีด เธอส่ายหัวแรงๆ ท่าทางเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง ทว่าเมื่อมองเห็นภรรยาของรอทที่มองมาอย่างเฝ้ารอแล้ว เธอกลืนน้ำลายลงไปอึกใหญ่ พยายามฝืนยิ้มออกมาจากนั้นก็หยิบผักขึ้นมาหนึ่งไม้ แล้วพูดว่า “วันนี้ฉันแค่อยากย่างผักทานแค่นิดหน่อยก็พอค่ะ”


เมื่อเห็นว่าวินนี่ไม่ทาน ฉินสือโอวก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เขาหยิบเนื้อปลากลับไปฉีกกินเอง


เนื้อปลาแซลมอนชัมมีความนุ่มนวลเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าจะเป็นเนื้อปลาย่าง แต่เมื่อกัดลงไปกลับยังมีความชุ่มฉ่ำจากเนื้อไหลออกมา สำหรับซอสสีดำที่ทาลงไปแล้วหนึ่งชั้น ก็ให้ความรู้สึกที่ไม่เลวเลย มันให้ความรู้สึกนุ่มนวล ค่อนข้างคล้ายกับมันฝรั่งบด


ทว่าเมื่อลองชิมดูดีๆ ฉินสือโอวก็รู้สึกว่าซอสมีรสเหม็นอยู่หน่อยๆ  แต่ไม่ใช่กลิ่นเหม็นแบบที่เกินจะทนไหว ถ้าจะให้ลองเทียบดูก็คงคล้ายกับกลิ่นของเต้าหู้เหม็น ดมครั้งแรกค่อนข้างเหม็น แต่เมื่อพิจารณาอย่างละเอียดก็จะได้กลิ่นหอม


“เป็นยังไงบ้าง?” รอทถามเขาด้วยความคาดหวัง


ฉินสือโอวทั้งเคี้ยวไปด้วยและยกนิ้วโป้งไปด้วย “รสชาติเยี่ยมยอดมาก! เนื้อของปลาแซลมอนชัมพวกนี้ดีมากๆ เป็นของดีจริงๆ”


“ฉันหมายถึงซอสเคเวียค รสชาติของมันเป็นยังไงบ้าง?”


“ไม่เลวเลย แปลกๆ อยู่นิดหน่อย แต่ว่าพอดีกับรสชาติแบบที่ผมชอบเลย วินนี่ คุณอยากลองกินสักคำไหมครับ?”


วินนี่มองดูเนื้อปลาย่างที่ถูกทาด้วยซอสเคเวียค ที่ถูกส่งมาต่อหน้าเธอ ทันใดนั้นแววตาของเธอก็แข็งขึ้นมา เธอสะอึกแล้วทำท่าทางคล้ายกับว่าอยากจะอาเจียน


……………………………………………

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)