ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 273-280

 บทที่ 273 คุณตกปลาฉันตกเต่า

โดย

Ink Stone_Fantasy

ไม่ต้องรอให้ไกด์นำเที่ยวหญิงสองคนนั้นตอบ ฉินสือโอวก็เข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น


เป็นเพราะใบเรียกเก็บภาษีสิบล้านใบนั้นแท้ๆ!


ไม่ต้องสงสัยอะไรเลย ตอนที่ฉินสือโอวไปจ่ายภาษีนั้น เจอกับกลุ่มนักท่องเที่ยวดูงานพอดี เมื่อคนเหล่านั้นรู้ว่าเขามีเงินมากและยังเป็นโสด ต่างก็เกิดความคิด


จึงไม่แปลกเลยที่ครั้งนี้จะมีผู้คนสมัครกันเข้ามาอย่างล้นหลาม คิดว่าคู่แข่งล้วนแต่เป็นผู้บริหารเหล่านั้น พวกเขาให้ลูกสาวของตนเอง ลูกสาวขอญาติ แม้แต่ลูกสาวของเพื่อน ที่ยังโสดและมีคุณสมบัติดีเลิศมาเที่ยวในครั้งนี้


สำหรับวัตถุประสงค์นั้น ไม่ต้องพูดถึง แน่นอนว่าเพราะต้องการให้ลูกสาวของตนตกเต่าทองคำตัวนี้ให้ได้


ฉินสือโอวถอนหายใจอย่างจนปัญญา เขาเอนหลังบนรถแท็กซี่อย่างหมดแรงและพึมพำว่า “ให้ตายเถอะ วุ่นวายใจจริงๆ กลุ่มนี้ไม่ง่ายเลย”


ผู้นำเที่ยวหญิงสองคนสบตากัน แล้วส่งสายตาให้กำลังใจเขา หญิงสาวรูปหน้าตัววีหน้าแดงและพูดเสียงเบาว่า “พี่ฉิน เราแลกเปลี่ยนช่องทางกันติดต่อกันได้ไหม?”


ฉินสือโอวยิ้มอย่างขมขื่น เขาอธิบายว่า “ผมคิดว่าพวกคุณทุกคนเข้าใจผิดแล้ว ความจริงแล้วผมไม่มีเงิน ผมเป็นเจ้าของฟาร์มปลาก็จริง แต่ฟาร์มปลาแห่งนั้นเป็นมรดกตกทอดจากคุณปู่คนที่สองของผม…”


“คุณมีฟาร์มปลาเหรอ? ไม่ทราบว่าคุณคือโพไซดอนจีนใช่ไหม?” จู่ๆ โชเฟอร์ที่ขับรถอย่างเงียบๆ มาตลอดทางหันมาถามอย่างกะทันหัน


โพไซดอนจีนเป็นฉายาที่สื่อของเซนต์จอห์นมอบให้ฉินสือโอว เมื่อปลายเดือนกรกฎาคมเขาได้ซื้อฟาร์มปลาสองแห่งพร้อมกันและได้ลงทุนหลายสิบล้านในการซื้อลูกปลาและสาหร่ายทะเลเพื่อฟื้นฟูฟาร์มปลา ในตอนนั้นเองที่ทำให้เขาเด่นดังไปทั่ว


ฉินสือโอวรีบปฏิเสธ “ไม่ ไม่ใช่ผม!”


“ต้องเป็นคุณแน่ๆ พระเจ้า ฮ่าๆ มีมหาเศรษฐีวัยหนุ่มคนหนึ่งในรถฉันเหรอ?” เพื่อน ทำได้สวย นายทำถูกแล้วที่ลงทุนกับฟาร์มปลา ฉันกล้าพนันเลยว่า นายจะกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ของฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์โชเฟอร์คนนั้นเริ่มพูดไม่หยุด


แต่มันเป็นเรื่องปกติ เพราะการขับรถเป็นสิ่งที่น่าเบื่อมาก ดังนั้นโชเฟอร์ทุกคนล้วนแต่มีคารมคมคาย


ฉินสือโอวก้มหน้าลงอย่างช้าๆ เขารู้ว่าตอนนี้ไม่ว่าเขาจะอธิบายยังไงผู้หญิงสองคนนั้นก็ไม่เชื่ออีกแล้ว โชเฟอร์คนนี้ได้เปิดโปงทุกอย่างแล้ว ไกด์นำเที่ยวหญิงทั้งสองยิ้มแก้มปริ


สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวเสียใจมากที่สุดก็คือ เพื่อต้องการแสดงความสำคัญของนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ หลังจากที่เขาคุยกับแฮมเล็ตแล้ว ได้เช่าเรือยอชต์ของเขาโดยเมืองแฟร์เวล เพื่อรับส่งหญิงสาวเหล่านี้ในการเดินทางระหว่างเกาะแฟร์เวลและเซนต์จอห์น


เดิมทีฉินสือโอวคิดจะทำกำไรเล็กๆ สักหน่อย ค่าเช่าเรือยอชต์ไม่น้อยเลย คิดราคาตามจำนวนรอบในการเดินทาง ไปกลับเมืองหนึ่งเที่ยวต้องจ่ายเงินให้เขาหนึ่งพันห้าร้อยดอลลาร์ ปรากฏว่า ตอนนี้เรือยอชต์ลำนี้ได้กลายเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดในการแสดงถึงความมั่งคั่งของเขาไปแล้ว


โชคดีที่เขายังไม่ได้ซื้อเครื่องบิน ไม่อย่างนั้นวุ่นวายมากกว่านี้แน่ๆ


ตามที่คิดไม่มีผิด เมื่อรู้ว่าเรือยอชต์ลำนี้เป็นสมบัติส่วนตัวของฉินสือโอว สาวๆ กระตือรือร้นในการเข้าหาเขามากกว่าเดิม เรือยอชต์แล่นได้ไม่ถึงหนึ่งกิโลเมตร เบอร์โทรศัพท์ เอ็มเอสเอ็น คิวคิวและทวิตเตอร์ของฉินสือโอวถูกขอไปกว่ายี่สิบหน…


ฉินสือโอวไปซ่อนตัวในห้องกัปตัน แต่ก็ไร้ประโยชน์ หญิงสาวที่ตามเข้าไปตะลึงยิ่งกว่าเดิม “ฉินคนหล่อ นายขับเรือยอชต์เป็นด้วยเหรอ เก่งจังเลย ฉันชื่นชอบในตัวนายมาก นายสอนฉันขับเรือได้ไหม?”


นีลเซ็นก้าวไปข้างหน้าและพูดด้วยความรู้สึกที่ไม่ควรพึ่งบอสทุกเรื่องว่า “อยากเรียนขับเรือเหรอ ได้สิ เดี๋ยวผมสอน สาวๆ ผมคือ… เฮ้อ อย่าเดินหนีกันสิ อยากเรียนขับเรือไม่ใช่เหรอ?”


“เฮ้อ อย่าเพิ่งไป ผมยังเป็นนักแม่นปืนที่เกษียณแล้วจากกำลังพิเศษของแคนาดาด้วยนะ ผมเล่าเรื่องสนุกๆ ในกองทัพให้พวกคุณฟังได้…”


สาวๆ โบกมือเซย์กู๊ดบายกับเขา เหลือไว้แต่เพียงเงาด้านหลังให้เขา


หลังจากถึงเกาะแฟร์เวล ในที่สุดสาวๆ ก็ยอมปล่อยฉินสือโอวไป พวกเธอถูกเมืองที่มีสิ่งแวดล้อมอันงดงามและมีความคลาสสิกดึงดูดอย่างรวดเร็ว


เดินไปตามถนนในเมืองที่ปูด้วยหินบลูสโตน สูดลมทะเลที่มีกลิ่นคาวเล็กน้อย มองดูอาคารบ้านเรือนไม้ที่สีสันหลากหลายสองข้างทาง หญิงสาวเหล่านี้ที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ ต่างหลงใหลไปกับมัน


แม้ว่าเมืองแฟร์เวลแห่งนี้จะไม่มีสถานที่สำคัญที่น่าตกใจเป็นพิเศษ แต่ก็เป็นท่าเรือประมงขนาดเล็กที่มีประวัติยาวนานกว่าสองร้อยปี ทำให้มีรูปแบบสถาปัตยกรรมที่หลากหลายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง


“เมืองแฟร์เวลถูกค้นพบจริงๆ ปีไหน ความจริงแล้วประวัติศาสตร์ไม่น่าเชื่อถือแล้วล่ะ เมื่อสองร้อยปีก่อน ตอนที่ชาวประมงอังกฤษกลุ่มแรกมาถึงที่นี่ ก็เริ่มสร้างบ้านหลังแรก ต่อมา ชาวฝรั่งเศส ชาวดัตช์ ชาวเม็กซิกันและชาวรัสเซียทยอยมากัน ทำให้มีบ้านหลากหลายรูปแบบ”


ฉินสือโอวเดินไปบรรยายไป “อาคารหลังเล็กๆ นั้นก็คือเทศบาลตำบลของเรา เป็นที่ทำงานของนายกเทศมนตรีแฮมเล็ต พวกคุณน่าจะคุ้นเคยกับสไตล์ของมันดี ใช่แล้ว เป็นสถาปัตยกรรมสไตล์กอธิค มีหอคอยและเสาคลาสสิก สวยงามมาก”


แฮมเล็ตถอดหมวกและโค้งคำนับ สาวๆ ปรับมือกันตามมารยาท แต่เห็นได้ชัดว่าสายตาไม่ได้จ้องไปที่เขา ถ้าไม่ได้มองวิวทิวทัศน์ก็กำลังมองฉินสือโอว


ยังไม่ได้เริ่มทริปอย่างเป็นทางการ ฉินสือโอวพาสาวๆ เข้าเมืองทางท่าเรือ เขาจัดแจงที่พักให้พวกเธอก่อน แต่ระหว่างทางได้ผ่านอาคารบางแห่งที่มีเรื่องราว เขาจึงทำการบรรยายเล็กน้อย


สำหรับความจริงของเรื่องราวเหล่านี้ ฮ่าๆ ไม่รู้ว่าสาวๆ จะเชื่อหรือไม่ แต่ฉินสือโอวไม่เชื่อ


ฮิวจ์บอกว่าร้านสะดวกซื้อของเขาเคยเป็นราชวังของราชาโจรสลัดเค็ดด์มาก่อน เจ้าของร้านพิซซ่ามังกี้บอกว่าราชินีเอลิซาเบธของอังกฤษเคยมาเสวยพระกระยาหารขณะที่พระองค์ทรงมาดูงาน คนที่พูดเกินจริงที่สุดคือฮิวจ์คนน้อง เขาบอกว่าร้านขายของชำของเขาเป็นคอกม้าที่มีอายุกว่า 200 ปีของเผ่าซูที่เป็นชนพื้นเมืองอเมริกัน…


แต่โรงแรมที่เลือกพักไม่เลวเลย เป็นโรงแรมสไตล์วิคตอเรียนเล็กๆ ที่ฉินสือโอวอยู่เมื่อตอนมาเมืองแฟร์เวลใหม่ๆ


โรงแรมมีห้องพักแค่ 14 ห้อง ซึ่งไม่ใหญ่มาก แต่รูปแบบสวยงามมาก การตกแต่งภายนอกสว่างและหลากหลายสีสัน ด้านหลังเป็นสวน มีสวนดอกไม้และสวนผลไม้เล็กๆ ห้องพักสะอาดมาก ทุกห้องสามารถมองเห็นทะเล มีลมทะเลพัดเข้ามาตอนเปิดหน้าต่าง


นอกจากนี้ ภายในของโรงแรมยังตกแต่งด้วยสไตล์ย้อนยุค ทั้งบันไดทางเข้าคู่ บันไดวนและพื้นไม้ ต่างเต็มไปด้วยกลิ่นอายของศิลปะ กลิ่นอายของความคลาสสิก โดยเฉพาะเตียงในแต่ละห้อง ล้วนแต่เป็นเตียงแบบกอธิคที่มีเสาไม้ที่ตกแต่งด้วยลายแกะสลัก


เถ้าแก่แนะนำเตียงเหล่านี้อย่างภาคภูมิใจ “เตียงเหล่านี้บรรพบุรุษของผมเป็นคนนำกลับมาจากลอนดอน ดูที่งานฝีมือ ดูที่เยื่อบนไม้ พวกมันมีประวัติศาสตร์! สาวๆ เมื่อนอนอยู่ข้างบน ก็เสมือนว่าพวกคุณกำลังคุยกับประวัติศาสตร์!”


‘แชะ แชะ แชะ!’ หญิงสาวหยิบโทรศัพท์ออกมาเซลฟี่กันอย่างบ้าคลั่ง ลุงเจ้าของต้องการออกห่างสักครู่ แต่กลับถูกสาวหน้ากลมคนหนึ่งกอดและดึงไปถ่ายรูปด้วย


เถ้าแก่หนีออกจากห้องภายใต้สายตาอันเย็นชาของเถ้าแก่เนี้ย เมื่อเขาเห็นฉินสือโอว หน้าตาเปี่ยมด้วยความสุขในทันที เขากระซิบว่า “เพื่อน ห้องนี้ 150 หยวนต่อคืนจริงๆ เหรอ? เพิ่มขึ้น 100 หยวนในคราวเดียว น่าจะไม่ดีเท่าไรหรือเปล่า?”


ฉินสือโอวตบไหล่ของเขาแล้วพูดว่า “คุณเลยต้องใส่ใจกับอาหารเช้าแล้วก็อาหารมื้อดึกมากกว่าเดิมไง เพื่อน เราไม่ได้ต้องการไถเงิน เราแค่ต้องการทำเงิน! เข้าใจในสิ่งที่ผมพูดไหม? ราคาที่สูง กับบริการที่มีคุณภาพสูง! มีแต่วิธีนี้เท่านั้นที่จะทำให้เมืองแฟร์เวลมีชื่อเสียงก้องไกล”


เถ้าแก่พยักหน้าอย่างเห็นด้วย ฉินสือโอวคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามขึ้นว่า “เตียงของคุณ ซื้อมาจากลอนดอนจริงๆ เหรอ?”


เถ้าแก่เห็นว่ารอบๆ ไม่มีคนอื่น เขายิ้มแล้วพูดว่า “แน่นอน ซื้อมาจากลอนดอนจริงๆ ตลาดสินค้ามือสองในถนนลอนดอนนครเซนต์จอห์น”


“พ่อค้าหลอกลวง!” ฉินสือโอวกล่าว


…………………………………………………


บทที่ 274 ฉันเป็นที่นิยมอะไรอย่างนี้

โดย

Ink Stone_Fantasy

เนื่องจากนักท่องเที่ยวนั่งมากว่าสิบชั่วโมง ดังนั้นในตอนบ่ายไม่มีกิจกรรม ให้พวกเธอได้พักผ่อน ตอนเย็นเมืองแฟร์เวลนะจัดงานปาร์ตี้รอบกองไฟที่ทะเลสาบเฉินเป่า เพื่อต้อนรับเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่งจากแดนไกล


ฉินสือโอวให้พวกเธอพักผ่อนตามสบาย เขาคิดว่าตัวเองจะสามารถผ่อนคลายสักหน่อยแล้ว


แต่มันไม่ได้เป็นไปตามอย่างที่คิด สาวๆ ต่างกระตือรือร้นต่อเขามาก แน่นอนว่า สามารถพูดได้ว่าเป็นการแสดงความกระตือรือร้นต่อชายหนุ่มผู้ร่ำรวย และมีบางคนเสนอว่าต้องการไปเยี่ยมชมฟาร์มปลาของเขา


“พวกคุณพักผ่อนก่อนเถอะ ผมต้องไปเตรียมงานเลี้ยงคืนนี้” ฉินสือโอวกอดอกและพูดไปถอยไป เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นเหมือนเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ถูกอันธพาลรายล้อม


สำหรับเพื่อนร่วมชาติที่ร้อนแรงและเซ็กซี่เหล่านี้ ถ้าบอกว่าตัวเองไม่สนใจเลยถือว่าโกหก แต่เขาไม่กล้าทำอะไร เพราะหญิงสาวเหล่านี้ไม่ได้มาเล่นๆ จุดประสงค์ของพวกเธอคือสมบัติก้อนโตของเขา


ฉินสือโอวกล้าพนันเลยว่าถ้าเขากล้ายุ่งกับผู้หญิงคนใดคนหนึ่ง เขาจะไม่สามารถหลุดพ้นจากตัวพวกเธอได้ง่ายๆ อย่างแน่นอน


เห็นฉินสือโอวอยากไปจากที่นี่ แต่สาวๆ ต่างรีบแสดงสีหน้าน่าสงสารทันที และพูดยื้อเขาว่า


“อย่าเพิ่งไปสิคะ ฉินคนหล่อ ฉันจะรู้สึกกลัวมากถ้าคุณไปจากที่นี่ คุณดูสิที่นี่มีแต่คนแปลกหน้า ถ้าพวกเขาคิดไม่ดีกับฉันจะทำยังไงคะ?” หญิงสาวผมยาวประบ่า ตาโตปากเล็กคนหนึ่งพูดอย่างน่าสงสาร


“พอเถอะจงฉูฉู่ เลิกแอ๊บได้แล้ว โอเคไหม? ฉินคนหล่อ พวกเราไม่เหนื่อย คุณมาเล่นไพ่พิชิตแลนด์ลอร์ดที่ห้องพวกเราเถอะ…” หญิงสาวคนที่พูดมีรูปร่างสูงเพรียว สวมเสื้อยีนบางและกางเกงยีนเอวสูง เธอพยายามแสดงสองขาที่เรียวยาวของเธอให้เห็น ซึ่งเต็มไปด้วยความเป็นเจ๊ใหญ่


“ไป๋ลู่ ให้ฉันไปด้วย ไพ่พิชิตแลนด์ลอร์ดยังขาดคน…” สาวเซ็กซี่คนหนึ่งที่แต่งหน้าโทนสีเทาพูดอย่างมีความสุข


“”มาเล่นไพ่นกกระจอกกันเถอะ ต้องการสี่คน”


“ไม่ ฉันจะไปว่ายน้ำที่ริมทะเล ฉินคนหล่อ ฉันไม่ได้เอาชุดว่ายน้ำมาด้วย ช่วยพาฉันไปซื้อหน่อยได้ไหม?”


ฉินสือโอวรู้สึกจนปัญญา เขาจึงพูดขึ้นว่า “พวกคุณอย่าเถียงกันเลย โปรแกรมการท่องเที่ยวถูกจัดไว้หมดแล้ว ไปพักผ่อนก่อน ผมได้ยินมาว่าหากผู้หญิงพักผ่อนไม่ดีจะมีผลกระทบอย่างมากต่อผิวหนังและสรีระนะ ผมจะรอพวกคุณอยู่ที่ห้องนั่งเล่น พวกคุณไปพักผ่อนกันอย่างสบายใจเถอะ”


“ถ้าอย่างนั้นคุณอย่าหนีไปไหนนะ ฉันกลัว” จงฉูฉู่ยัยจอมปลอมพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน


ฉินสือโอวรู้สึกขนลุกทันที


ในที่สุด ผู้หญิงเหล่านี้ก็เข้าห้องของตนเองไป ฉินสือโอวรู้สึกโล่งอกไปที เถ้าแก่อ้วนขยิบตาให้เขา ยกนิ้วโป้งให้แล้วพูดกับเขาว่า “ฉิน ต้องการกุญแจห้องไหม? ฉันกล้าพนันเลยว่า ตอนนี้ไม่ว่านายจะเข้าห้องไหน สาวเซ็กซี่เหล่านั้นไม่มีใครปฏิเสธแน่นอน”


ฉินสือโอวโบกมือปฏิเสธ เขาคิดว่าถึงเวลาสร้างความประทับใจให้เพื่อนร่วมชาติของเขาแล้วล่ะ จึงพูดว่า “พวกเธอแค่ล้อเล่นกับผมเท่านั้น คุณก็รู้ ผู้หญิงตะวันออกเราหัวโบราณที่สุด พวกเธอไม่มีทางถือเนื้อต้องตัวผู้ชายง่ายๆ แน่นอน”


เถ้าแก่อ้วนเกาหัวแล้วพูดว่า “ที่ฉันไปหามาในอินเทอร์เน็ตก็เป็นไปตามที่นายพูด แต่ดูจากเมื่อครู่ ไม่เหมือนเลย”


นีลเซ็นเบะปากแล้วพูดว่า “คุณคิดว่าคุณมีเสน่ห์เหมือนบอสเราเหรอ? ถึงคุณจะมีเสน่ห์ แต่รวยอย่างเขาไหมล่ะ?”


เถ้าแก่อ้วนคิดได้ทันทีและพูดว่า “ให้ตายเถอะ ผู้หญิงเหล่านี้สายตาแหลมคมจริงๆ แค่เวลาสั้นๆ ก็รู้ถึงความไม่ธรรมดาของฉินสือโอวแล้ว ดูเหมือนว่าผู้หญิงสวยทั่วโลกจะมีลักษณะเหมือนกัน ผู้หญิงในเมืองใหญ่อย่างโทรอนโตก็ไม่ต่างกัน”


ฉินสือโอวโบกมือไล่ทั้งสองคน เถ้าแก่อ้วนยืนกาแฟทำมือกลิ่นหอมถ้วยหนึ่งให้เขาด้วยหน้าตายิ้มแย้ม ขณะนั้นเสียง ‘ตึ่ง’ ‘ตึ่ง’ ดังขึ้น จงฉูฉู่ยัยจอมปลอมเดินออกมาอย่างระมัดระวัง


เมื่อเห็นผู้หญิงคนนี้ ฉินสือโอวรู้สึกกลัวในทันที ตอนนี้เขาขาดภูมิต้านทานเกี่ยวกับสาวสวยโดยเฉพาะผู้หญิงจีนที่สอดคล้องกับรสนิยมของเขา


เป็นโสดมานาน เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้หญิงผิวขาวเขายังสามารถหักห้ามใจได้ แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเพื่อนร่วมชาติที่ตนเองเคยวาดฝันไว้ ภูมิต้านทานของเขาเสียในทันที


ยัยจอมปลอมเปลี่ยนมาสวมชุดกระโปรงฟูฟ่อง เป็นกระโปรงสีขาวหิมะท่อนบนรัดรูป เผยให้เห็นกระต่ายตัวใหญ่อวบอ้วนคู่หนึ่ง ซึ่งเมื่อคู่กับใบหน้าที่ดูเด็กและดูน่าสงสารอยู่ตลอดเวลาแล้ว มีพลังสังหารมหึมา


“ฉันรู้สึกเหงานิดหน่อย พี่ฉิน เราคุยกันสักพักดีไหม?” ยัยจอมปลอมจ้องฉินสือโอวด้วยดวงตาเบิกกว้าง


ฉินสือโอวเองก็ต้องการพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ของตัวเองเหมือนกัน เขาเชิญจงฉูฉู่นั่งตรงข้าม และพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “พวกคุณเคยแนะนำตัวกันแล้ว ผมเองก็ขอแนะนำตัวเองสักหน่อยละกัน ชื่อของผมนั้นพวกคุณรู้กันแล้วล่ะ แต่พวกคุณไม่รู้ว่าความจริงแล้วผมไม่ใช่ทายาทเศรษฐีอย่างที่พวกคุณคิด พ่อแม่ของผมล้วนแต่เป็นชาวนา…”


“ปู่ของฉันก็เป็นชาวนาเหมือนกัน ในตอนเด็กฉันเรียนที่ชนบท ที่นั่นสภาพแวดล้อมและอากาศต่างก็ดีมาก ความจริงแล้วฉันไม่ชอบปักกิ่งเลย” จงฉูฉู่ทำปากจู๋ กะพริบตาขึ้นลง และตัดเข้าไปในเรื่องที่ฉินสือโอวจะพูดทันที


ให้ตายเถอะ บทไม่ควรเป็นอย่างนี้ กางเกงของฉินสือโอวเปียกไปหมดแล้ว เพราะลักษณะท่าทางของยัยจอมปลอมน่าดึงดูดมาก


เมื่อจงฉูฉู่ตัดเข้าประเด็นหลักก็กลายเป็นผู้เดินเกมในทันที และพูดให้กำลังใจว่า “คุณพูดต่อสิ พี่ฉิน ฉันอยากรู้จักครอบครัวของคุณสักหน่อย”


‘ตึก ตึก ตึก’ เสียงรองเท้าส้นสูงกระทบกับพื้นไม้อย่างเป็นจังหวะดังขึ้น ซ่งไป๋ลู่ผู้มีขาสวยและมีสีหน้าเย็นชาตลอดเวลาเดินลงมา เมื่อเห็นฉินสือโอวและจงฉูฉู่ เธอไม่รู้สึกแปลกใจเลยสักนิด เธอเบะปากพูดว่า “ฉูฉู่ ฉันรู้อยู่แล้วว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ไม่ธรรมดา”


เถ้าแก่อ้วนเสิร์ฟกาแฟทำมือให้จงฉูฉู่แก้วหนึ่ง เห็นซ่งไป๋ลู่เดินออกมา เขาเช็ดเหงื่อแล้วกลับไปบดกาแฟต่อ


นีลเซ็นเองก็ถือกาแฟมาแก้วหนึ่ง เขายิ้มและพูดว่า “เพื่อน คุณบดสักยี่สิบแก้วเถอะ เดี๋ยวผู้หญิงเหล่านั้นจะทยอยกันลงมาแน่นอน”


ซ่งไป๋ลู่เดินตรงเข้าไป เธอยกเก้าอี้ตัวหนึ่งมานั่งตรงข้ามฉินสือโอว จงฉูฉู่ทำปากจู๋ แล้วลากเก้าอี้ไปใกล้ฉินสือโอว


ขณะที่ฉินสือโอวกำลังจะพูด เสียงโทรศัพท์ของซ่งไป๋ลู่ก็ดังขึ้น หลังจากรับสายเธอก็ได้บอกความเป็นอยู่ของตัวเอง จากนั้นขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “อืม คนหล่อที่ว่านั้นฉันเห็นแล้วล่ะ ก็ดีนะ พอแล้วล่ะพี่สาว พี่ดูแลตัวเองให้ดีก็โอเคแล้ว พี่เป็นพี่สาวนะ พี่สาวยังไม่มีแฟน ฉันที่เป็นน้องสาวจะมีความกดดันอะไรล่ะ?”


เอาเถอะ เจ๊ก็มักจะแข็งกร้าวอย่างนี้ ซึ่งหมายความว่าตอนนี้ทุกอย่างก็ชัดเจนแล้ว ฉินสือโอวไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี จึงพูดล้อเล่นว่า “คุณมีพี่สาวด้วยเหรอ? พี่สาวของคุณชื่อซ่งชิงหลานใช่ไหม?”


ดวงตาของซ่งไป๋ลู่เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ เธอพยักหน้าและถามว่า “คุณรู้จักเธอเหรอ?”


ฉินสือโอวรู้สึกประหลาดใจยิ่งกว่า ความจริงแล้วเขาแค่พูดล้อเล่นเท่านั้น แต่คิดไม่ถึงว่าตัวเองจะทายถูก จึงอธิบายว่า “ไม่ใช่หรอก ผมแค่บังเอิญทายถูกน่ะ ฮ่าๆ ‘น้ำค้างร่วงหล่นในยามฟ้ายังไม่เปลี่ยนสี น้ำค้างแรกฤดูใบไม้ร่วงเกาะกลุ่มบนยอดเขา’ ชื่อของพวกคุณมาจากกลอนบทนี้ใช่ไหม?”


หลายวันมานี้ไม่มีอะไรทำ ฉินสือโอวได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับบทกวีโบราณอะไรทำนองนั้น ในนั้นมี ‘ถีลู่มี่ซูเซี่ยรื่อซินไจจู๋เอ้อสืออวิน’ ของไป๋จวีอี้พอดี เขาจึงจำมันได้


ซ่งไป๋ลู่พยักหน้าทันที หมุนโทรศัพท์ในมือ ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ แต่ใบหน้าของเธอแสดงให้เห็นว่าเธอกำลังคิดอะไรบางอย่าง


เหมือนที่นีลเซ็นคิดไม่มีผิด ไม่นานก็มีผู้หญิงอีกหลายคนที่เปลี่ยนชุดแล้วเดินลงมา พวกเธอล้อมรอบฉินสือโอวราวว่ากำลังจะจัดงานเลี้ยงน้ำชา


ขณะที่ฉินสือโอวกำลังวุ่นวายกันใหญ่ โทรศัพท์ก็ดังขึ้น เป็นวิดีโอคอลแบบเฟสไทม์ คนที่โทรมาคือวินนี่นั่นเอง


แต่ในเวลานี้ไม่ใช่เวลาที่ดีที่จะวิดีโอคอลกัน ฉินสือโอวจึงปฏิเสธสายไป ทันใดนั้นมือถือของเขาก็ดังขึ้น


หลังจากรับสาย เสียงอันไพเราะของวินนี้ก็ดังขึ้น “ไฮ ฉินน้อย ทำไมถึงวางสายฉันไปล่ะ? ไป ไปเปิดวิดีโอคอล”


น้ำเสียงไพเราะ แต่แฝงด้วยความโหดร้าย


………………………………………………….


บทที่ 275 งานปาร์ตี้ในรูปแบบของเกาะแฟร์เวล

โดย

Ink Stone_Fantasy

ฉินสือโอวเปิดเฟสไทม์ วินนี่เชื่อมต่อในทันที ใบหน้าอันสวยงามของแอร์โฮสเตสขายาวปรากฏบนจอโทรศัพท์มือถือ แต่งหน้าอ่อนๆ รวมผมไปข้างหลัง เผยให้เห็นต่างหูสองข้าง ดูทันสมัยและสวยงาม


“คุณยุ่งอยู่หรือเปล่า? ฉันจำได้ว่าช่วงเวลานี้ของทุกวันคุณจะนอนพักผ่อนอยู่ใต้ร่มไม้ใช่ไหม?” วินนี่ถามอย่างสงสัย


ฉินสือโอวอธิบายว่า “ผมเคยบอกแล้วไงว่านักท่องเที่ยวกลุ่มแรกจากประเทศจีนจะมาวันนี้ ผมเพิ่งจะรับพวกเธอมาที่เกาะแฟร์เวล”


วินนี่เข้าใจในทันที เธอยิ้มขอโทษแล้วพูดว่า “ถ้าคุณกำลังยุ่ง วางสายก่อนก็ได้ ค่อยคุยกันอีกทีตอนค่ำ”


ฉินสือโอวรู้สึกดีใจ แต่ทันใดนั้นสาวสวยคนหนึ่งที่เพิ่งลงมาเดินผ่านด้านหลังของฉินสือโอว เมื่อเห็นเขาเปิดวิดีโอคอลก็ยื่นหน้าเข้าไปดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น


เมื่อเห็นวินนี่ที่ทั้งสวยและสง่า สาวสวยคนนั้นรู้สึกตกใจ เธอพูดว่า “เป็นผู้หญิงที่สวยมาก ฉินคนหล่อ คุณสุดยอดมาก”


เมื่อวินนี่เห็นมีสาวสวยปรากฏบนจอโทรศัพท์มือถือก็ตกใจเล็กน้อยเหมือนกัน เธอทำตาหยีและยิ้มอย่างมารยาท


ฉินสือโอวไม่รู้จะทำยังไงดี จึงอธิบายว่านี่คือนักท่องเที่ยวจากประเทศจีน


วินนี่ให้เขาหมุนโทรศัพท์ไปรอบๆ ทันใดนั้น สาวสวยและเซ็กซี่คนหนึ่งเข้ากล้องพอดี


จงฉูฉู่เห็นวินนี่ในจอโทรศัพท์มือถือ กะพริบตาขึ้นลง ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ เจ๊ซ่งไป๋ลู่กลับทักทายวินนี่อย่างใจเย็น และแนะนำตัวว่า “ฉันเป็นเพื่อนของฉินคนหล่อค่ะ”


เมื่อหมุนหน้าจอโทรศัพท์มือถือกลับมา รอยยิ้มบนใบหน้าของวินนี่ดูเป็นมิตรอีกครั้ง เธอพูดอย่างออดอ้อนว่า “ดูเหมือนว่าสถานการณ์จะไม่ดีเท่าไร ฉันคิดว่าผู้หญิงเหล่านี้ไม่ได้มาเที่ยว แต่มาหาคู่ต่างหากนะ”


ฉินสือโอวคิดในใจว่าวินนี่สมกับที่เป็นแอร์โฮสเตสมากประสบการณ์ สามารถมองเห็นแก่นแท้ของปัญหาได้ในเวลาอันสั้น


ไม่จำเป็นต้องอธิบายมากเกินไป ไม่อย่างนั้นจะทำให้วินนี่รู้สึกว่าตัวเองคิดไม่ซื่อ หลังจากที่เขาบอกว่าจะพาผู้หญิงเหล่านี้ไปเที่ยวในเมืองสักหน่อย ก็ได้วางสายไป


หลังจากเขาเก็บโทรศัพท์มือถือ ซ่งไป๋ลู่ถามอย่างตรงไปตรงมาว่า “แฟนคุณเหรอ? ไม่เลวเลยนะ”


จงฉูฉู่เอียงหูตั้งใจฟัง เธอแสร้งทำเป็นมองไปที่ถนนด้านนอก แต่ความจริงแล้วหูของเธอหันไปทางฉินสือโอวพอดี


ฉินสือโอวยักไหล่ “ช่างเถอะ เธอตอบรับการจีบของผมแล้ว แต่ก็ยังอยู่ในช่วงศึกษาดูใจกันน่ะ”


ในเมื่อผู้หญิงเหล่านี้ไม่ยอมแพ้ ฉินสือโอวก็จะพวกเธอออกไปเดินเล่น ยังไงแดดในตอนนี้ก็กำลังร้อนได้ที่ ดูว่าพวกเธอจะสามารถทนได้ไหม


จงฉูฉู่ ซ่งไป๋ลู่และคนอื่นๆ ไม่ใช่ผู้หญิงใสซื่อ ตรงกันข้าม พวกเธอต่างเคยได้รับการศึกษาระดับสูง เป็นผู้หญิงเพียบพร้อมที่ทั้งขาวทั้งสวยและรวยตามมาตรฐานในประเทศจีน ดังนั้นแม้ว่าจุดประสงค์ในการมาเกาะแฟร์เวลของพวกเธอคือการตกฉินสือโอว แต่พวกเธอก็ไม่ยอมลดคุณค่าของตัวเองเพื่อยั่วยวนเขาหรอก


ตอนอยู่ด้วยกัน พวกเธอได้ถามฉินสือโอวอย่างละเอียดเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวในเซนต์จอห์น ทริปนี้ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง หลักๆ ก็พักผ่อนที่เกาะแฟร์เวล แต่ก็ต้องไปเที่ยวเมืองหลักๆ ของนิวฟันด์แลนด์สักหน่อย


ฉินสือโอวได้เตรียมตัวไว้แล้ว เมื่อได้ยินคำถามของพวกเธอ ก็แนะนำไปว่า “ที่เซนต์จอห์นมีพิพิธภัณฑ์ที่แตกต่างกันสี่ประเภท และมีสถาบันดนตรีพื้นบ้านที่ใหญ่ที่สุดในแคนาดาด้วย นอกจากนี้ สถานที่ที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามแห่งของเซนต์จอห์น ในอ่าวบลูเบย์มีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับชมฉลามวาฬ และสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นประภาคารเคปสเปียร์”


“อีกที่ล่ะ?” สาวผมเปียถามขึ้น


ฉินสือโอวชี้ไปที่พื้นแล้วพูดว่า “อีกที่อยู่ใต้เท้าพวกคุณ นั่นก็คือเกาะแฟร์เวล สถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับพักผ่อนนั่นเอง”


แฮมเล็ตพาพี่น้องตระกูลฮิวจ์และอาสาสมัครคนอื่นๆ ไปเตรียมอาหารสำหรับงานเลี้ยงรอบกองไฟในตอนค่ำบนชายฝั่งของทะเลสาบเฉินเป่า เบียร์ ไวน์และน้ำผลไม้จำนวนมากถูกขนไปที่นั่น สำหรับอาหารทะเลอย่างปลาทะเล ปลาน้ำจืด ปู ล็อบสเตอร์และอื่นๆ มีจำนวนมากกว่าอยู่แล้ว


เมื่อสาวๆ รู้เรื่องนี้ก็ให้ฉินสือโอวพาพวกเธอไปช่วยเตรียมสถานที่งานเลี้ยงคืนนี้ด้วย แสดงให้เห็นถึงลักษณะนิสัยที่ไม่เลวเลย


ผู้หญิงเหล่านี้ล้วนแต่เป็นเจ้าหญิงในงานสังคมในประเทศจีน ปาร์ตี้และงานเลี้ยงที่พวกเธอเข้าร่วมนั้นเยอะกว่าฉินสือโอวหลายเท่า ดังนั้นเมื่อไปถึงสถานที่จริง ก็สามารถช่วยงานได้ทุกคน ยิ่งไปกว่านั้นคือซ่งไป๋ลู่และสาวร่างสูงอีกหลายคนยังสามารถช่วยติดตั้งสายไฟและตกแต่งเวทีได้


เห็นได้ชัดว่าฮิวจ์คนน้องสนใจผู้หญิงต่างถิ่นเหล่านี้มาก เขาได้แสดงตัวเองในหลากหลายรูปแบบ โชว์กล้าม เต้นฮิปฮอป และร้องเพลงเป็นพักๆ


ฉินสือโอวถามฮิวจ์ว่า “วันนี้น้องชายนายกินยาก่อนออกจากบ้างหรือเปล่า? ดูน่ารักนะ”


“น่ารักแบบโง่ๆ มากกว่า” ฮิวจ์เบะปาก “เขาก็เป็นแบบนี้ ดูนะ ฉันจะสอนการวางตัวเป็นคนให้เขาในไม่กี่นาที”


พูดจบ ฮิวจ์ตะโกนไปว่า “แลร์รี เงินสองร้อยที่นายติดฉันจะคืนเมื่อไร? ติดมาครึ่งเดือนแล้วนะ! รีบทำงานเถอะ นายกเทศมนตรีบอกว่า ถ้าวันนี้นายตั้งใจทำงาน เขาจะช่วยนายคืนเงินให้ฉัน”


เมื่อหญิงสาวที่ถูกฮิวจ์คนน้องดึงดูดได้ยินอย่างนี้ ก็รีบหันหลังและเดินหนี


หญิงสาวคนหนึ่งกำลังจะเซลฟี่กับฮิวจ์คนน้อง ฮิวจ์คนน้องเองก็ตั้งท่าไว้แล้ว แต่สุดท้ายหญิงสาวคนนั้นดึงแฮมเล็ตที่อยู่ข้างๆ มาถ่ายแทน เซย์กู๊ดบายกับฮิวจ์คนน้องโดยตรง


ฮิวจ์คนน้องเกลียดฮิวจ์มาก วิ่งไปหาฮิวจ์แล้วพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า “นายเป็นพี่ชายอย่างนี้เหรอ? ฉันกำลังจะเจอความสุขของชีวิตแล้ว…”


ฮิวจ์ขัดจังหวะเขาและพูดว่า “มองโลกตามความจริงหน่อย เจ้าโง่ ถ้านายทำอะไรสาวตะวันออกเหล่านั้น แล้วมันมีผลต่อแผนการท่องเที่ยวของเรา ฉันกล้าพนันว่า นายต้องตายแน่ๆ!”


เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮิวจ์คนน้องเริ่มมองโลกตามความจริง จริงที่ว่า แม้จำนวนคนของนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้มีไม่มาก แต่ว่าแต่ละคนใจป้ำมาก เห็นได้ชัดว่าเป็นเศรษฐีจากตะวันออก


ในตอนเย็น เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน งานเลี้ยงก็เริ่มขึ้น ฮิวจ์คนน้องสวมชุดหูฟังขนาดใหญ่และเริ่มถูจานบนเครื่องดีเจ เสียงเพลงดังขึ้น เหล่าหนุ่มๆ สาวๆ ก็เริ่มโยกตัวไปตามเสียงดนตรี


เมืองแฟร์เวลได้ทุ่มเทอย่างมากกับงานเลี้ยงในคืนนี้


บาร์เทนเดอร์คือนีลจากผับดาราประกาย ชาร์คตั้งเตาอบพิเศษและแสดงทักษะการย่างบาร์ยีคิวของเขา ซีมอนสเตอร์ตัดเนื้อปลาแซลมอนเป็นชิ้นๆ อย่างชำนาญ อามังกี้ยกพิซซ่าที่เพิ่งออกมาจากเตาร้อนๆ มาด้วย ส่วนคุณลุงฮิคสันมีหน้าที่ทำอาหารหน้างาน


งานเลี้ยงที่สาวๆ เคยเข้าร่วมมีมากก็จริง แต่งานเลี้ยงในรูปแบบของเกาะแฟร์เวลนี้ พวกเธอเพิ่งจะเคยเข้าร่วมเป็นครั้งแรก


ใช่แล้ว รูปแบบนี้ไม่สามารถกล่าวได้ว่าเป็นงานปาร์ตี้ในรูปแบบของแคนาดา นิวฟันด์แลนด์เพิ่งได้รับการโหวตให้เข้าร่วมแคนาดาเมื่อปี 1949 และในตอนนั้นก็มีอายุแค่ 52 ปีเท่านั้น มีแค่ 3% ของผู้เลือกตั้งสนับสนุนการรวมกับแคนาดา ดังนั้นเกาะนิวฟันด์แลนด์จึงไม่ได้รับผลกระทบมากเท่าไร ยังคงรักษาประเพณีดั้งเดิมไว้มากมาย


สำหรับพื้นที่ชายแดนอย่างนิวฟันด์แลนด์ แต่ละเกาะล้วนแต่มีเอกลักษณ์ของตนเอง ถ้าแยกเอกลักษณ์เหล่านี้ออกมาต่างหาก ดูไม่ออกเลยว่าพวกมันได้รับการดูแลจากรัฐบาลเดียวกัน


ตั้งแต่งานเลี้ยงเริ่ม โทรศัพท์มือถือและกล้องถ่ายรูปของสาวๆ ก็ยังไม่ได้พักเลย แฮมเล็ตฉลาดมาก เขาตั้งกล้องบันทึกวิดีโอรอบๆ งาน ซึ่งเป็นวัสดุที่ดีในการทำวิดีโอโปรโมตเลยล่ะ


กินบาร์บีคิวและอาหารทะเลสไตล์เกาะแฟร์เวลดั้งเดิมไป ดื่มไวน์ท้องถิ่นไป สาวๆ เริ่มสนุกกันแล้วล่ะ


ฮิวจ์คนน้องยิ้มและคิดว่าช่วงเวลาทองของตนเองมาถึงแล้ว เพราะเขาเป็นนักเต้นยอดฝีมือ และคิดว่าตัวเองหล่อ ต้องเป็นที่หมายปองของสาวๆ แน่นอน


แต่แล้วกลับไม่มีสาวคนไหนสนใจเขาเลย ทุกคนต่างจับจ้องไปที่ฉินสือโอวและอาศัยความเมาในการเชิญเขาเต้นรำด้วย แม้ว่าฉินสือโอวมีสุขภาพที่ดีมาก แต่ก็เต้นจนขาแทบเป็นตะคริวเหมือนกัน


……………………………………………..


บทที่ 276 เจอกวางมูส

โดย

Ink Stone_Fantasy

แม้งานเลี้ยงจะยาวไปถึงห้าทุ่มครึ่ง แต่อาหารและเครื่องดื่มก็ยังเหลือเฟือ จุดหนึ่งที่ชาวแคนาดามีความคล้ายคลึงกับชาวอเมริกันก็คือความฟุ่มเฟือย พวกเขาไม่ให้คุณค่ากับทรัพยากร ไม่ว่าจะเป็นอาหารหรือน้ำก็ตาม


เมื่อคำนึงถึงเรื่องที่ว่าสาวๆ ต้องพักผ่อน แฮมเล็ตจึงประกาศว่างานเลี้ยงได้สิ้นสุดลงแล้ว ฉินสือโอวมีหน้าที่ขับรถส่งสาวๆ กลับที่พัก รถขบวนหนึ่งที่เปิดไฟหน้าขับตรงเข้าไปในเมือง


ฉินสือโอวเองก็ดื่มเหล้าไปนิดหน่อย แต่ตอนเต้นเมื่อกี้เหงื่อออกไม่น้อย ก็เริ่มสร่างเมาแล้วล่ะ


เสียงแตรดังขึ้นจากโตโยต้าโคสเตอร์ของฮิวจ์ ฉินสือโอวตกใจ เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นเงาสีเหลืองหนึ่งปรากฏบนถนน!


ตอนสังเกตเห็นสิ่งสิ่งนั้น รถได้พุ่งเข้าใส่แล้ว


โชคดีที่พลังแห่งโพไซดอนได้ปรับปรุงความเร็วในการตอบสนองของฉินสือโอวแล้ว สมองยังไม่ทันได้คิด ก็ได้เหยียบไปที่เบรกก่อนแล้ว รถคาดิลแลควันคันใหญ่เริ่มสั่นไหว และหยุดลงในเวลาอันสั้น


อย่างไรก็ตาม ได้ยินแค่เสียง ‘บูม’ รถก็ชนเข้ากับเจ้าของเงานั้น


“ให้ตายเถอะ!” ฉินสือโอวตบพวงมาลัยอย่างแรง หญิงสาวสี่คนในรถตกใจจนตื่น จงฉูฉู่หน้าซีด และถามด้วยเสียงสะอื้นว่า “คุณชนคนเข้าแล้วใช่ไหม?”


นี่เป็นไปไม่ได้หรอก เงาสีเหลืองเมื่อกี้ตัวยาวและสูงไม่ถึง 1.5 เมตร เห็นได้ชัดว่าเป็นสัตว์ป่า


เขากระโดดลงจากรถ ฮิวจ์และคนอื่นๆ ที่อยู่ด้านหลังได้วิ่งมาแล้ว เมื่อเดินหน้าไปดู สัตว์ป่าขนทองที่มีความสูงระดับไหล่อยู่ที่หนึ่งเมตรและมีความยาวของตัวประมาณ 1.2 เมตรตัวหนึ่งนอนอยู่บนพื้น มีเขาเล็กๆ บนหัวสองอัน ดูดีๆ แล้วเป็นลูกกวางมูสนั่นเอง


กวางมูสเป็นกวางที่มีรูปร่างใหญ่และสูงที่สุดในโลก มีหน้าตาเหมือนอูฐ กวางชนิดนี้มีรูปร่างสูงใหญ่เหมือนอูฐ ขายาวๆ ทั้งสี่ขาก็คล้ายกับอูฐ ไหล่ของมันสูงเป็นพิเศษ เป็นเหมือนโคกที่อยู่ด้านหลังอูฐ เป็นสัตว์สายพันธุ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของนิวฟันด์แลนด์


สำหรับสัตว์สายพันธุ์นี้ ไม่ได้เป็นที่นิยมของคนนิวฟันด์แลนด์


ตอนนี้นิวฟันด์แลนด์มีกวางมูสกว่าร้อยตัว เนื่องจากพวกมันมีความกล้าหาญ ตอบสนองช้า เมื่อเห็นรถก็ไม่รู้จักหลบ แต่กลับถูกแสงไฟดึงดูด ดังนั้นพวกมันจะเป็นอันตรายต่อผู้ขับขี่ในเวลากลางคืนและตอนเช้ามืด


ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร กวางมูสชอบแสงไฟจากรถยนต์ บางครั้งที่พวกมันเห็นแสงไฟในตอนกลางคืน พวกมันจะกระโจนเข้าใส่เหมือนผีเสื้อกลางคืนซึ่งทำให้เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ได้ง่าย


แม้กวางมูสจะมีรูปร่างที่สูงใหญ่ แต่แขนขาของพวกมันนั้นเรียวเล็ก เมื่อถูกรถชนเข้าใส่ พวกมันกระเด็นไปบนฟ้า ร่างกายของพวกมันมักจะชนเข้ากับรถแล้วกระแทกกระจกหน้าแตก ซึ่งเป็นอันตรายต่อผู้ขับขี่อย่างมาก


อันตรายนี้เกิดจากขณะที่ร่างกายของพวกมันชนเข้ากับกระจก พื้นที่ที่ถูกแรงกระแทกค่อนข้างกว้าง ดังนั้นจึงทำให้ถุงลมนิรภัยอาจไม่เด้งออกมาเหมือนปกติ


มีการทดลองกวางมูสในการทดสอบรถยนต์ในสแกนดิเนเวีย โครงการนี้ต้องการทดสอบประสิทธิภาพของรถตอน เอส-เทิร์น ในความเร็วสูง เพื่อให้สามารถควบคุมรถต่อเมื่อชนเข้ากับกวางมูส


ฮิวจ์วิ่งมาดูฉินสือโอว เมื่อเห็นว่าไม่เป็นอะไรก็โล่งอกไปที แล้วพูดว่า “คิดไม่ถึงเลยว่าจะเกิดเรื่องอย่างนี้ ทำไมนายตอบสนองช้าอย่างนี้ล่ะ? ขนาดฉันอยู่ข้างหลังยังเห็นกวางมูสตัวนี้เลย แต่นายกลับชนเข้าไปดื้อๆ เนี่ยนะ?”


“พระเจ้าอวยพร โชคดีนะที่ฉินและสาวๆ ไม่เป็นอะไร” แฮมเล็ตพูดปลอบใจ “สิ่งที่สำคัญในตอนนี้คือรถ รถของนายคงได้รับแรงกระแทกอย่างแรงเลยล่ะ”


เมื่อกี้ฉินสือโอวเหยียบเบรกได้ทันเวลาพอดี ความเร็วของรถในตอนที่ชนเข้ากับกวางมูสถือว่าช้ามากแล้ว ไม่อย่างนั้นกวางมูสตัวนี้ต้องกระเด็นขึ้นมาชนเข้ากับกระจกหน้ารถอย่างแน่นอน


เขาย่อตัวไปดู กวางมูสตัวนี้ยังไม่ตาย แค่ขาหักเท่านั้น ตอนนี้มันนอนอยู่บนพื้นและส่งเสียงครึกโครม และพยายามจะลุกขึ้นยืน แต่ดูเหมือนว่าขาทั้งสี่ของมันจะหักไปหมดแล้ว มันร้องทุกครั้งที่ขยับเพราะความเจ็บปวด ยังไงก็ไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้


ฮิวจ์มองแล้วพูดด้วยความประหลาดใจว่า “มันเป็นกวางมูสเผือก ซึ่งหายากมาก ว่ากันว่าในกวางมูสหนึ่งหมื่นตัวจะเจอกวางมูสเผือกแค่ตัวเดียว”


กวางมูสเผือกเป็นแค่ชื่อเฉพาะ ไม่ได้หมายความว่าขนของสัตว์ป่าต้องกลายเป็นสีขาว แค่มันมีการเปลี่ยนแปลงที่แตกต่างไปจากลักษณะทั่วไป ก็สามารถเรียกว่าสัตว์เผือกได้ ตัวอย่างเช่นกวางมูสตัวนี้ กวางมูสโดยทั่วไปแล้วจะมีขนสีน้ำตาลเข้มหรือสีดำ แต่กวางมูสน้อยตัวนี้กลับเป็นสีทอง ซึ่งก็ถือว่าเป็นสัตว์เผือกนั่นเอง


เมื่อกวางมูสน้อยเห็นผู้คนมากมายรอบตัว ดวงตาดำโตของมันแสดงให้เห็นถึงความหวาดกลัว มันพยายามขยับตัวเพื่อจะหนี แต่ยังไงก็ขยับตัวไม่ได้ ทำได้แค่ส่งเสียงร้อง ‘โยว โยว’


ทันใดนั้น ความเป็นแม่ของสาวๆ เริ่มปรากฏ จงฉูฉู่จับแขนของฉินสือโอวแกว่งไปมาแล้วพูดว่า “พี่ฉิน คุณช่วยหาวิธีช่วยกวางตัวน้อยๆ ตัวนี้หน่อยได้ไหม? มันน่าสงสารมากเลย”


จงฉูฉู่จับแขนของเขาไปนาบที่หน้าอกอันอวบอิ่มของเธอ ฉินสือโอวรู้สึกถึงความนิ่มและเด้งของมัน เขารีบดึงมือออกมา แล้วพูดล้อเล่นว่า “ไม่เป็นไร เราจะช่วยกวางน้อยตัวนี้”


แม้ว่ากวางมูสจะมีจำนวนมากและไม่มีวิกฤตการณ์สูญพันธุ์ แต่รัฐบาลแคนาดาได้กำหนดบทบัญญัติในกฎหมายการอนุรักษ์สัตว์ป่าแล้ว แน่นอนว่า มีคนไม่มากที่จะปฏิบัติตามจริงๆ ไม่อย่างนั้นในทุกๆ ปีก็จะไม่มีคนจำนวนมากขนาดนั้นเข้าไปล่ากวางในป่าได้อย่างไร


ฉินสือโอวโทรหาชาร์คให้เขาขับรถกระบะมา ในเมืองไม่มีสัตวแพทย์ ผู้คนในนั้นกำลังลังเลว่าควรทำยังไงต่อ ฉินสือโอวอาสาและพูดขึ้นว่า “ไปส่งที่ฟาร์มปลาผมเถอะ ตอนที่อยู่ประเทศจีนผมเคยทำงานด้านนี้”


แฮมเล็ตให้คนอื่นๆ กลับไปก่อน เขาจะอยู่ทำเครื่องหมาย เพื่อให้ง่ายต่อการตั้งป้ายเตือนได้ง่ายในวันพรุ่งนี้


ในยุโรปเหนือและอเมริกาเหนือ จะมีป้ายเตือนในที่ที่มีกวางมูสเดินเตร่เพื่อหลีกเลี่ยงการชนกับกวางมูสและอุบัติเหตุทางรถยนต์


ป้ายเตือนในแคนาดา สวีเดน นอร์เวย์และฟินแลนด์เป็นรูปสามเหลี่ยม ของที่ระลึกจำนวนมากก็จะใช้เป็นแบบแผน ในช่วงกลางทศวรรษที่ 1990 แคนาดาออกแสตมป์ป้ายเตือนกวางมูสสามเหลี่ยม ซึ่งมีค่าแก่การสะสมมาก


หลังจากส่งสาวๆ กลับที่พักแล้ว ฉินสือโอวกลับไปที่ฟาร์มปลา กวางมูสน้อยตัวนี้ถูกชาร์คและซีมอนสเตอร์ยกลงมาแล้ว หู่จือ เป้าจือและต้าฉงต่างล้อมอยู่ข้างๆ ด้วยความอย่างรู้อยากเห็น


ฉงต้ายื่นอุ้งมือออกไปดึงหัวของกวางมูสน้อยสองที เห็นว่าเจ้านี่ยังมีชีวิตอยู่ ก็ส่งเสียงร้องอย่างเสียใจหนึ่งครั้ง ซึ่งหมายความว่าสิ่งนี้ไม่สามารถกินได้


กวางมูสน้อยรู้สึกกลัวมาก ทั้งสุนัขทั้งหมี ล้วนแต่เป็นศัตรูของมัน


ชาร์คและซีมอนสเตอร์ไม่มีความรู้ด้านสัตวแพทย์ หลังจากที่ยกกวางมูสน้อยลงก็ทำอะไรไม่ถูกแล้ว ฉินสือโอวให้ทั้งสองไปหาไม้กระดานและผ้าพันแผล เขาพันแผลให้กวางมูสอย่างสวยงาม จากนั้นนำสมุนไพรมาผสมในสาหร่ายทะเลป้อนให้มันกิน


สมุนไพรเหล่านี้เหมาเหว่ยหลงเป็นคนเอามาในครั้งก่อน เออร์บักยังกินไม่หมด ฉินสือโอวจึงนำมาใช้เพื่อปกปิดพลังแห่งโพไซดอน


กวางมูสนั้นมีนิสัยการกินที่หลากหลายมาก มีอาหารมากกว่า 70 ชนิด รวมถึงหญ้า ใบไม้ กิ่งไม้และพื้นน้ำอย่างดอกบัว แหนเป็ด สาหร่ายทะเล และอื่นๆ พวกมันดื่มน้ำทั้งวัน ฉินสือโอวใช้ถึงเครื่องดื่มขนาดใหญ่ทำถ้วยใส่น้ำให้มัน เพื่อสะดวกต่อการดื่มน้ำของกวางมูสน้อย


ขณะที่กวางมูสน้อยดื่มน้ำ เขาก็ได้ใช้น้ำเป็นตัวกลางในการส่งพลังแห่งโพไซดอนเข้าไป และแล้วปัญหานี้ก็ได้รับการแก้ไขแล้ว


เมื่อจัดการกับกวางมูสน้อยเสร็จก็ดึกมากแล้ว ฉินสือโอวหาวแล้วตรงไปเข้านอน


หู่จือและเป้าจือเพิ่งเคยเห็นกวางมูสครั้งแรกจึงนอนมองอย่างสงสัยในระยะไม่ไกล ฉงต้าไม่สนใจแต่แรกแล้ว ลากต้าป๋ายไปไหนก็ไม่รู้


………………………………………


บทที่ 277 การต่อสู้ของมาร

โดย

Ink Stone_Fantasy

เมื่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ฉินสือโอวพบว่ากวางมูสตัวน้อยกำลังพยายามอย่างมากที่จะลุกขึ้นยืน


แต่แขนขาของมันถูกหนีบด้วยไม้กระดาน ไม่สามารถลุกขึ้นได้ แค่ขยับพักเดียวก็หายใจหอบเหนื่อยแล้ว และเมื่อรู้สึกเหนื่อยมันก็จะไปเลียน้ำในถังข้างๆ


ซึ่งทำให้ฉินสือโอวรู้ว่าเจ้าตัวเล็กฟื้นตัวได้ดี และคาดว่ามันสามารถลุกยืนได้แล้วหลังจากที่ถอดไม้กระดาน แต่เขาทำอย่างนี้ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเขาจะยากที่จะอธิบายเรื่องนี้ได้ เมื่อคืนขาหักไปแล้ว แค่คืนเดียวก็ฟื้นตัวแล้วเหรอ?


เขากังวลว่าถ้ากวางมูสน้อยดื้อดึงอย่างนี้จะทำให้ไม้กระดานหัก ฉินสือโอวมอบหมายให้หู่จือและเป้าจือดูเจ้าตัวเล็กนี้ให้ดี ให้มันอยู่นิ่งๆ


หู่จือและเป้าจือทำภารกิจนี้ด้วยความภักดี เด็กน้อยทั้งสองก้าวไปข้างหน้า ถ้ากวางมูสน้อยขยับ พวกมันก็จะแยกเขี้ยวใส่มันและทำเสียงพึมพำจากลำคอเพื่อทำให้ตกใจ


กวางมูสน้อยยังเด็กมากจริงๆ เมื่อเทียบกับกวางมูสตัวเต็มวัยที่มีความสูงระดับไหล่สองเมตร และมีความยาวลำตัวสามเมตรแล้ว มันยังเป็นแค่เด็กน้อยจริงๆ อย่างไรก็ตามเผ่าพันธุ์ของมันคือเจ้าแห่งกวาง


รูปร่างเล็ก อายุน้อย ความกล้าหาญก็น้อยนิด แค่หู่จือและเป้าจือแยกเขี้ยวใส่ มันก็ม้วนตัวและซ่อนตัวในต้นเมเปิลไม่กล้าเคลื่อนไหวใดๆ แล้ว


ฉินสือโอวเฝ้าสังเกตอยู่พักหนึ่ง เขาเพิ่งเคยเห็นกวางมูสขนทองครั้งแรก นี่เป็นขนสีทองจริงๆ ไม่ใช่ขนสีเหลือง ดูเหมือนว่าได้ทาด้วยสีทองหนึ่งชั้น เมื่อแสงอาทิตย์ส่องประกาย ราวกับว่ามันก็สามารถเปล่งประกายได้ด้วยตัวมันเอง


ชาร์คและซีมอนสเตอร์ก็เพิ่งเคยเห็นกวางมูสที่มีขนสีอย่างนี้ครั้งแรกเหมือนกัน ทั้งสองปรึกษากันอยู่ครู่หนึ่ง และลงความเห็นว่า “คงเพราะมันเป็นกวางเผือกเลยถูกฝูงกวางไล่ออกฝูง พอไม่มีที่ไปเลยลงจากเขามา เมื่อคืนถูกแสงไฟของบอสดึงดูดเลยพุ่งเข้าใส่”


กวางมูสน้อยมีจิตวิญญาณของมนุษย์อย่างสูง เมื่อชาร์คและคนอื่นกำลังพูดถึงมัน มันก็เงยหน้าขึ้นมามองสองคนนั้น


ฉินสือโอวถามว่า “เจ้าตัวนี้อร่อยไหม?”


เมื่อได้ยินอย่างนี้ กวางมูสน้อยหดคออย่างระมัดระวังทันที มันมุดหัวเข้าไปในหญ้ารอบๆ ต้นเมเปิล


อันที่จริงสำหรับกวางมูสน้อยตัวนี้แล้ว ฉินสือโอวปวดหัวกับมันจริงๆ เมื่อมีมันอยู่ ผู้หญิงเหล่านั้นก็จะมีเหตุผลที่จะมาที่ฟาร์มปลาของเขา คาดว่าสิ่งล่อใจในอนาคตข้างหน้าน่าจะไม่น้อย


ปัญหาไม่ได้หยุดอยู่เพียงเท่านี้ หลังจากรับประทานอาหารกลางวัน ฉินสือโอวได้รับโทรศัพท์ของวินนี่อย่างกะทันหัน แอร์โฮสเตสขาสวยได้บอกข่าวดีหนึ่งกับเขาว่า “เสี่ยวฉิน อีกสองวันฉันก็สามารถไปหาคุณได้แล้วนะ”


“คุณลาอีกแล้วเหรอ?” ฉินสือโอวถาม


แอร์โฮสเตสขาสวยยิ้มอย่างมีชัยและพูดว่า “ไม่ ครั้งนี้ไม่ได้ลา แต่ลาออกเลย!”


ฉินสือโอวดีใจมากและพูดว่า “ในที่สุดคุณก็เต็มใจที่จะเป็นภรรยาเต็มเวลาแล้วใช่ไหม?”


เมื่อได้ยินอย่างนี้ แอร์โฮสเตสขาสวยทำเสียง ‘หึ’ และพูดว่า “ไม่ใช่ภรรยาเต็มเวลา แต่เป็นไกด์นำเที่ยว เมื่อวานคุณบอกเองไม่ใช่เหรอว่าเกาะแฟร์เวลไม่มีไกด์นำเที่ยว คุณเลยต้องทำพาร์ทไทม์ ฉันไม่อยากให้คุณเหนื่อยอย่างนี้ เพราะงั้นให้ฉันได้แบ่งเบาความกดดันของคุณเถอะ”


ได้ ฉินสือโอวเข้าใจในทันทีแล้วว่าสาวน้อยคนนี้กลัวตนเองจะยุ่งกับสาวสวยในประเทศบ้านเกิด


แต่โดยรวมแล้วฉินสือโอวไม่ได้เป็นคนบ้ากาม สำหรับเขาแล้ว การเพลิดเพลินกับชีวิตเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ถ้าวินนี่ยอมแต่งงานกับเขา แค่มีภรรยาที่ทั้งสวยทั้งเซ็กซี่และสง่าอย่างนี้ก็เพียงพอแล้วล่ะ


ตามที่คิดไม่มีผิด ในช่วงเช้าตอนที่ฉินสือโอวไปรับเหล่านักท่องเที่ยวนั้น สาวๆ ต่างจะไปดูกวางมูสน้อยที่ฟาร์มปลาของเขา


ฉินสือโอวถามด้วยรอยยิ้มว่า “พวกคุณต้องการแค่ไปเยี่ยมเยียนกวางมูสน้อยเหรอ?”


สาวๆ พยักหน้ากันอย่างเด็ดขาด พวกเธอคงพูดไม่ได้หรอกว่าตัวเองกำลังจะไปสำรวจสินทรัพย์ของขุนนางฉิน ต้องนิ่ง รักนวลสงวนตัว ห้ามทิ้งสองข้อนี้เด็ดขาด


ฉินสือโอวพาพวกเธอออกจากที่พัก มีชายร่างใหญ่คนหนึ่งยืนยิ้มให้พวกเธอข้างนอก ข้างๆ ชายร่างใหญ่คือรถกระบะ กวางมูสสีทองนอนมองสาวๆ จากท้ายกระบะด้วยสายตาบริสุทธิ์


สาวๆ ยังไม่ยอมตายใจ พวกเธอต้องการให้เปลี่ยนโปรแกรม บอกว่าวันนี้จะไปอาบแดดและสกีน้ำริมทะเล


ความยุติธรรมอยู่เหนือความชั่วเสมอ ฉินสือโอวรับคำขอของพวกเธอ พาพวกเธอไปที่ชายหาดของพื้นที่ประมงสาธารณะ ที่นั่นได้เตรียมเจ็ทสกีและเรือหัวกว้างไว้แล้ว…


คราวนี้สาวๆ หมดหนทางแล้ว ยังไงพวกเธอก็ไม่ควรเปลี่ยนโปรแกรมอีกครั้งใช่ไหม? อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาไม่สามารถรับมือกับฉินสือโอวได้ เมื่อมาถึงริมทะเล ก็ต้องเปลี่ยนมาใส่บิกินี่กัน


นิวฟันด์แลนด์เป็นจังหวัดที่อยู่ทางตะวันออกสุดของแคนาดา ตั้งอยู่ระหว่างละติจูด 46 และ 61 องศาเหนือ เกาะแฟร์เวลตั้งอยู่ทางใต้สุดของนิวฟันด์แลนด์ ใกล้กับละติจูด 45 องศาเหนือ ตามหลักแล้ว ในสถานที่แห่งนี้มีอากาศที่ไม่ร้อนเกินไปในฤดูร้อน


แต่เนื่องจากกระแสน้ำอุ่นในเม็กซิโก ทำให้สภาพภูมิอากาศของเกาะแฟร์เวลเป็นสภาพภูมิอากาศทางทะเลทั่วไป ที่จะอบอุ่นในฤดูหนาว และร้อนมากในฤดูร้อน ความร้อนที่ว่านี้ไม่ได้เกิดจากดวงอาทิตย์ที่แผดเผา แต่กระแสลมอุ่นเองที่มีผลต่ออุณหภูมิของอากาศ


อากาศร้อน และอยู่ริมทะเลด้วย หญิงสาวถอดชุดของตนออกอย่างไม่อายใคร เผยให้เห็นชุดว่ายน้ำบิกินี่ที่หลากหลายสีสัน


ฉินสือโอวตกตะลึง ดูเหมือนหญิงสาวเหล่านี้มีการเตรียมตัวไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ไม่มีใครต้องไปเปลี่ยนชุดเลย


เจ็ทสกี เรือหัวกว้าง และเรือเด็คล้วนแต่ถูกคิดรวมในเงินมัดจำของสาวๆ พวกเธอได้ไปเช่าสเก็ตบอร์ดและสกีน้ำที่ร้านขายอุปกรณ์ตกปลาด้วย


ฮิวจ์เป็นคนฉลาด เขาได้เตรียมเครื่องดื่มบนท่าเรือด้วย ล้วนแต่เป็นน้ำผลไม้ปั่นสดหรือไม่ก็ไวน์ ต้นทุนต่ำ แต่ราคาแพง


ฉินสือโอวหยิบไอซ์ไวน์มาขวดหนึ่ง ฮิวจ์ยื่นมือมาแล้วพูดว่า “ห้าสิบดอลลาร์ เพื่อน”


“นายไปปล้นธนาคารเถอะ” ฉินสือโอวปฏิเสธ และโยนเงินให้หนึ่งดอลลาร์ แล้วเดินจากไปอย่างภาคภูมิใจ


ฮิวจ์คนน้องยังคงไม่ยอมตายใจจากสาวๆ เห็นพวกเธอสวมบิกินี่เล่นสกีน้ำและอาบแดดแล้ว เขาก็เดินหน้าไปร่วมด้วย แจกครีมกันแดดขวดเล็กไปด้วยคุยโม้ตัวเองไปด้วยว่า “นี่เป็นครีมกันแดดสูตรพิเศษ มีเงินมากเท่าไรก็หาซื้อไม่ได้ เป็นสูตรลับเฉพาะของชาวบีโอธัคเรา ไม่เพียงแต่สามารถป้องกันแสงแดดได้ ยังสามารถบำรุงผิวได้อีกด้วย…”


“ชาวบีโอธัคคืออะไร?” สาวสวยคนหนึ่งถามขึ้นอย่างสงสัย ฮิวจ์คนน้องบรรลุวัตถุประสงค์แล้ว สำหรับชนเผ่าอื่นๆที่ไม่รู้จัก คนส่วนใหญ่ก็จะรู้สึกสงสัย


ฮิวจ์คนน้องได้หมวกขนไก่ฟ้าจากชนเผ่าซูในเทือกเขาร็อกกี เขาพูดว่า “เห็นหมวกใบนี้ไหม? นี่เป็นหมวกของหัวหน้าเผ่าชาวบีโอธัคของเรา สำหรับเผ่าพันธุ์ของเรา เรื่องมันยาวมาก”


ฉินสือโอวหัวเราะอยู่ข้างๆ และไม่ต้องสงสัยเลยว่า ฮิวจ์คนน้องกำลังเริ่มพล่ามอีกครั้ง


เกี่ยวกับชาวบีโอธัค ฉินสือโอวก็พอรู้อยู่บ้าง เป็นเผ่าพันธุ์ที่มีชื่อเสียงมากในนิวฟันด์แลน เป็นชนเผ่าเร่ร่อน โดยทั่วไปแล้ว ในฤดูร้อนจะใช้ชีวิตในพื้นที่ชายฝั่งทะเล และในฤดูหนาวจะย้ายเข้าฝั่ง


เมื่อนักสำรวจชาวอังกฤษที่เดินทางไปที่นิวฟันด์แลนด์ครั้งแรก ชนพื้นเมืองกลุ่มแรกที่นักสำรวจได้คลุกคลีก็คือพวกเขา และเรียกพวกเขาว่า ‘เผ่าอินเดียนแดง’ เพราะพวกเขาชอบสวมชุดสีแดง


เช่นเดียวกับเผ่าซู ในตอนท้ายชาวบีโอธัคถูกชาวอังกฤษฆ่า ชาวอังกฤษต้องการยึดครองพื้นที่ล่าสัตว์ของพวกเขา จึงขับไล่พวกเขาเข้าไปในพื้นที่ราบ เมื่อต้นศตวรรษที่ 19 คนผิวขาวมีอารมณ์ที่รุนแรงมากขึ้น สามารถสังหารพวกเขาได้ตามต้องการ


ในช่วงกลางศตวรรษที่ 18 ภายใต้การเข่นฆ่าของคนผิวขาวและโรคในยุโรป ในที่สุดชาวบีโอธัคก็สูญพันธุ์ การหายตัวไปอย่างน่าเศร้านี้ยังคงมีอยู่ในหนังสือเรียนประวัติศาสตร์แคนาดา ถูกส่งต่อไปยังเด็ก ๆ ให้เป็นบทเรียน


โศกนาฏกรรมครั้งนี้มีชื่อเสียงมาก แม้แต่สาวๆ ในแดนไกลอย่างจีนก็รู้ ฮิวจ์คนน้องกำลังคุยโม้อยู่ หลังจากเขาคุยโม้เสร็จ ซ่งไป๋ลู่ถามขึ้นอย่างเย็นชาว่า “จบหรือยัง?”


ฮิวจ์คนน้องสนใจเจ๊ใหญ่ขายาวคนนี้เป็นพิเศษ จึงตอบด้วยรอยยิ้มว่า “ถ้าคุณต้องการรู้มากกว่านี้ก็ไว้ไปที่ร้านขายของชำของผมได้นะ ผมยอมเล่าทุกรายละเอียดที่เกี่ยวกับชนเผ่าผมให้คุณฟัง”


…………………………………………………….


บทที่ 278 คุณผู้หญิงกลับมาแล้ว

โดย

Ink Stone_Fantasy

ซ่งไป๋ลู่ยิ้มอย่างขมขื่น “ฉันไม่กล้าไปหรอก เท่าที่ฉันรู้ ชาวบีโอธัคสูญพันธุ์ในปี 1829 ใช่ไหม? ผู้หญิงคนสุดท้ายดูเหมือนจะชื่อชานาวดิธิต และเสียชีวิตจากวัณโรคใช่ไหม? ถ้าคุณบอกว่าคุณเป็นชาวบีโอธัค ฉันเริ่มรู้สึกกลัวแล้วล่ะ คุณเป็นคนหรือวิญญาณล่ะ?”


ฮิวจ์คนน้องชะงัก กะพริบตาปริบๆ และไม่รู้จะพูดอะไรดี


จงฉูฉู่ใช้นิ้วชี้ปัดหน้าตัวเองไปมาแล้วพูดว่า “อายไหมล่ะ คุณคิดว่าเรามานิวฟันด์แลนด์โดยไม่ได้ศึกษาอะไรเลยใช่ไหม? อย่าคิดว่าเราเป็นเหมือนแจกันที่มีความสวยเพียงอย่างเดียวสิ ไม่อย่างนั้นคนที่ต้องอับอายก็คือคุณ”


“เขาไม่รู้จักอายหรอก เขาหน้าด้านสักขนาดนี้ ดูสิ กล้ามากนะที่บอกว่าตัวเองเป็นชาวบีโอธัค งั้นฉันขอถามหน่อยสิว่าชนเผ่าบีโอธัคหายไปได้ยังไง? เพราะถูกคนผิวขาวอย่างพวกคุณฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ยังไงล่ะ”


ฮิวจ์คนน้องรีบโบกมือและพูดว่า “เรื่องที่ผมอยากสานสัมพันธ์กับพวกคุณคือเรื่องจริงนะ แต่การสูญพันธุ์ของบีโอธัคไม่เกี่ยวกับเรา เราเป็นลูกหลานของชาวอังกฤษที่อพยพมาจากสหรัฐอเมริกา คนที่ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์บีโอธัคคือชาวฝรั่งเศสต่างหาก”


นี่คือเรื่องจริง ตามที่เราทุกคนรู้กันว่าแคนาดาเป็นประเทศที่จัดตั้งขึ้นโดยผู้อพยพ คนผิวขาวส่วนใหญ่ในนิวฟันด์แลนด์เป็นลูกหลานของชาวอังกฤษ ในปี 1776 สหรัฐอเมริกาประกาศเอกราช ผู้เข้าข้างอังกฤษจำนวนมากหวังที่จะรักษาความภักดีต่อจักรวรรดิอังกฤษจึงหนีไปแคนาดาเพื่อขอลี้ภัย


สถานที่ที่คนเหล่านี้อพยพไปก็คือรัฐโนวาสโกเชีย รัฐนิวบรันสวิกและนิวฟันด์แลนด์ ชาวฝรั่งเศสส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในพื้นที่รอบๆ เกรตเลกส์เพื่อต้องการขยายอาณาเขต พวกเขาขับไล่ชาวบีโอธัคในรัฐออนแทรีโอ (ตอนนั้นเรียกว่ารัฐอัปเปอร์แคนาดา) และรัฐควิเบกออกไป แล้วยึดสถานที่สองแห่งนี้


แต่อย่ามีเหตุผลกับผู้หญิงเลย เพราะพวกเธอไม่มีเหตุผล


ฮิวจ์คนน้องพยายามปกป้องบรรพบุรุษของเขา แต่ซ่งไป๋ลู่พูดว่า “คุณกล้ารับประกันไหมว่าบรรพบุรุษชาวอังกฤษของคุณไม่เคยฆ่าชาวบีโอธัคเลยแม้แต่คนเดียว?”


ฮิวจ์คนน้องไม่มีอะไรจะพูด หยิบกระดานโต้คลื่นที่เขาเอาไว้สร้างภาพแล้วเตรียมจะออกไปจากที่นี่ แต่เขาไม่ได้เอากลับไปทั้งกระดานโต้คลื่นและสกีน้ำ เพราะหญิงสาวคนหนึ่งต้องการยืม เขาจึงเอาไว้ที่นี่


ฉินสือโอวและฮิวจ์ดื่มเครื่องดื่มไปหัวเราะไปเมื่อเห็นฮิวจ์คนน้องต้องยอมแพ้ ความรู้สึกนี้ไม่เลวเลย


พวกเขาทั้งสอง คนหนึ่งเป็นหนุ่มพรหมจรรย์อีกคนเป็นสามีที่ถูกภรรยาจับจ้องอย่างไม่ละสายตา สิ่งที่เกลียดที่สุดก็คือคนอย่างฮิวจ์คนน้องที่มีสาวๆ รายล้อม และทำตัวเรียกร้องความสนใจจากผู้หญิง


สาวๆ บางคนกำลังอาบแดดบนชายหาดบางคนขับเรือโต้คลื่น มื้อเที่ยงมีคนเข็นรถเข็นเสิร์ฟอาหารไปส่งให้ พวกเธอมีหน้าที่จ่ายเงินเท่านั้น


ผู้หญิงเหล่านี้ล้วนแต่มาจากตระกูลที่ร่ำรวยจริงๆ อย่างน้อยก็ชำนาญกับการเพลิดเพลินกับการใช้ชีวิต เวลาซื้อของไม่เคยต่อราคา ธนบัตรถูกจ่ายออกไปไม่หยุด ทิปที่ให้แสดงให้เห็นถึงความใจกว้าง กลุ่มทัวร์ยี่สิบคนมีระดับการใช้จ่ายที่สูงเท่ากับกลุ่มทัวร์หนึ่งร้อยคน


“คนจีนรวยจริงๆ เลย” ฮิวจ์พูดอย่างตื้นตันใจ


ฉินสือโอวยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “คนจนเยอะกว่า เพียงแต่นายไม่เห็นก็เท่านั้น อย่างฉันไง ก่อนมาแคนาดา ค่าครองชีพรายเดือนของฉันอยู่ที่ 400 ดอลลาร์แคนาดาเท่านั้นเอง!”


ฮิวจ์หัวเราะเสียงดัง “เรื่องตลกนี่น่าสนแฮะ ถ้าเชื่อนาย ฉันคงเป็นกวางมูสแล้ว”


มันไม่สำคัญเลยว่าฮิวจ์จะเชื่อหรือไม่ แต่ฉินสือโอวหวังอยากให้ผู้หญิงเหล่านี้เชื่อเขา แต่ดูจากสีหน้าของพวกเธอแล้ว แน่นอนว่าไม่มีใครเชื่อ


เมืองแฟร์เวลได้เตรียมมัคคุเทศก์ไว้สองคน ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง ทั้งสองคนมีความคุ้นเคยกับเมืองแฟร์เวลมากกว่าฉินสือโอว กับเซนต์จอห์นก็รู้จักมากกว่าเหมือนกัน แต่พวกเขาพูดภาษาจีนไม่ได้


ดังนั้นแม้ฉินสือโอวไม่จำเป็นต้องอยู่ดูแลนักท่องเที่ยวเหล่านี้ตลอดทริป แต่ก็ต้องไปปรากฏตัวสักหน่อย


ในตอนกลางวันโต้คลื่นริมทะเล ในตอนบ่ายๆ อากาศเย็นลงแล้ว สาวๆ ก็ไปยิงปลาที่ทะเลสาบเฉินเป่า


ผู้หญิงอ้อนแอ้นเหล่านี้จะมีแรงดึงลูกธนูได้อย่างไร ในบ้านของซีมอนสเตอร์มีปืนยิงปลากว่าสิบชุด พวกมันถูกสร้างขึ้นตอนที่เขาว่าง และตอนนี้ได้ใช้ประโยชน์แล้วล่ะ


เขาให้ภรรยาตั้งแผงขายของที่ริมฝั่งทะเลสาบ ให้เช่าปืนยิงปลา สิบห้าดอลลาร์ต่อครึ่งชั่วโมงและมีลูกดอกให้


ตั้งปืนยิงปลาในเรือเล็ก ในที่สุดสาวๆ ก็สามารถใช้ได้แล้ว


ปลาคาร์ฟ ปลาเฉาฮื้อ ปลาซ่งกระโดดไปมาในทะเลสาบเฉินเป่า สาวๆ กรีดร้องและลั่นไกอย่างเมามัน พวกเธอยิงธนูออกไปตามอําเภอใจ เพราะถึงอย่างไรธนูก็ถูกมัดด้วยสายเบ็ดอยู่แล้ว สามารถดึงกลับมาได้


แฮมเล็ตให้ชาวประมงหลายคนมาช่วยดูแลและให้คำแนะนำ เพื่อป้องกันไม่ให้นักท่องเที่ยวได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีของปลาคาร์ฟเอเชีย


เป็นเวลากว่าหนึ่งชั่วโมง สาวๆ เต็มอิ่มกับการยิงปลาแล้ว แต่ได้ปลามาแค่เจ็ดหรือแปดตัวเท่านั้น เห็นได้ชัดว่า ทั้งหมดนี้ล้วนแต่ได้มาด้วยความบังเอิญและถือว่าเป็นความโชคร้ายของปลาคาร์ฟเอเชียเหล่านี้


ร้านอาหารของคุณลุงฮิคสันได้เตรียมเตาและเครื่องปรุงไว้แล้ว ถ้าสาวๆ ต้องการทำเมนูปลาด้วยตัวเองก็สามารถลงมือทำได้ หรือสามารถบอกคุณลุงฮิคสันได้ว่าอยากกินปลาต้มพริก ปลาเปรี้ยวหวานหรือปลาน้ำแดง คุณลุงทำได้ทุกอย่าง


ปู่รองของฉินสือโอวเคยสอนคุณลุงฮิคสันทำอาหารจีนดั้งเดิม ดังนั้นเมนูที่เกี่ยวกับปลา เขาสามารถทำได้เกือบทำหมด


วันรุ่งขึ้นสาวๆ ที่ได้พักผ่อนแล้วกำลังจะไปช้อปปิ้งที่เซนต์จอห์น คราวนี้ไม่จำเป็นต้องให้ฉินสือโอวนำทีมแล้ว ไกด์นำเที่ยวเหมาะสมมากกว่า ความคุ้นเคยกับเซนต์จอห์นของพวกเขาฉินสือโอวไม่สามารถเทียบได้เลย


ตอนบ่าย ฉินสือโอวกำลังดื่มเครื่องดื่มเย็นๆ และตากลมทะเลอยู่บนชายหาด เพลิดเพลินกับความสงบที่ไม่ได้มีบ่อยๆ และแล้ววินนี่ก็โทรเข้ามา เธอพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานว่า “ที่รัก ฉันถึงเซนต์จอห์นแล้ว รู้สึกเซอร์ไพรส์ไหม?”


ฉินสือโอวรู้สึกเซอร์ไพรส์จริงๆ มันเร็วเกินไปไหม ไม่ได้มาเพื่อจับผิดเขาใช่ไหมเนี่ย?


วินนี่อธิบายว่า เธอเริ่มมีความคิดที่อยากลาออกตั้งแต่ย้ายเธอไปยังเที่ยวบินนานาชาติไมอามี-โทรอนโต


เดิมทีเธอต้องเซ็นสัญญาใหม่ทุกๆ สี่ปี และสัญญาของเธอกำลังจะหมดอายุในเดือนนี้ เธอลังเลอยู่นานว่าจะลาออกหรือไม่ และได้ยื้อเวลาการต่ออายุสัญญาของเธอตลอดเรื่อยมา ดังนั้นการตัดสินใจลาออกในครั้งนี้ สามารถลาออกโดยการยกเลิกสัญญาโดยตรง


สำหรับการให้รอหนึ่งเดือนเพื่อให้เวลาบริษัทแอร์แคนาดากรุ๊ปในการจัดหาคนมาแทนนั้น วินนี่คงไม่มีความเมตตาอย่างนั้น เพราะคนทำงานชาวแคนาดาล้วนแต่ทำงานตามกฎหมาย กฎหมายกำหนดว่าเมื่อสัญญาหมดอายุก็สามารถลาออกได้โดยตรง แน่นอนว่าวินนี้ต้องทำอย่างนี้


ฉินสือโอวรีบขับเรือไปรับวินนี่ เรือยอชต์ถูกคนอื่นขับไปแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ขับเรือลาดตระเวนแล้วกัน สามารถอยู่กันแค่สองคนอย่างหวานชื่นพอดี


เมื่อเจอวินนี่ เธอสวมเสื้อยืดเปิดไหล่ผ้าเนื้อผสม มีภาพสุนัขพันธุ์แลบราดอร์ริทรีฟเวอร์และหมีสีน้ำตาล 3 มิติบนเสื้อ เมื่อดูอย่างตั้งใจจะเห็นว่ามันมีลักษณะเหมือนหู่จือ เป้าจือและฉงต้า ดูเซ็กซี่และขี้เล่นในเวลาเดียวกัน


ส่วนท่อนล่างเป็นกระโปรงผ้าก๊อซสองชั้นที่มีความยาวระดับหัวเข่า มันปลิวสะบัดไปตามลม เต็มไปด้วยแรงดึงดูดที่ลึกลับ แสดงให้เห็นถึงมุมเซ็กซี่ของแอร์โฮสเตสขาเรียวอย่างชัดเจน


เมื่อเห็นวินนี่ บนใบหน้าของฉินสือโอวก็ปรากฏรอยยิ้ม ทันทีที่เรือเทียบท่า เขาก็กางแขนออก


วินนี่วางกระเป๋าหนังลงแล้ววิ่งตรงไปมาหาเขา ฉินสือโอวกำลังคิดว่าจะจูบอย่างดุเดือดก่อนหรือกล่าวคำกลอนสักบทก่อนเพื่อปรับบรรยากาศ แต่หู่จือและเป้าจือวิ่งเข้าไปก่อน วินนี่ย่อตัวลง ทั้งสองกระโดดเข้าไปในอ้อมแขนของเธอ


ฉินสือโอวยังคงกางแขนค้างไว้ หลังจากนั้นก็ไม่มีหลังจากนั้นแล้ว เหลือแต่เสียงหัวเราะของชาวประมงกลุ่มหนึ่งและนักท่องเที่ยวที่อยู่บนท่าเรือ…


………………………………………………………..


บทที่ 279 หู่เป้าแสดงพลัง

โดย

Ink Stone_Fantasy

หู่จือและเป้าจือมุดอกของวินนี่ไปมาด้วยความรัก วินนี่จุ๊บตรงนั้นจูบตรงนี้ ลูบตรงนั้นเกาตรงนี้ ใบหน้างดงามของเธอแสดงออก ถึงความสุขอย่างไม่มีที่สิ้นสุด


“ปล่อยหมาสองตัวนั้นซะ ถ้ามีอะไรก็มาลงที่ผม” ฉินสือโอวพูดด้วยท่าทีจริงจัง


วินนี่ชำเลืองมองเขาหนึ่งครั้ง แล้วพูดกับเขาอย่างเชิดๆ ว่า “ฉันกำลังจุ๊บลูกๆ ของฉันอยู่ คุณเป็นลูกของฉันเหรอคะ?


หู่จือและเป้าจือรีบวิ่งวนไปรอบๆ พวกมันแลบลิ้นออกมาอย่างรวดเร็ว เพราะคิดว่าฉินสือโอวกับวินนี่กำลังกินอะไรกันอยู่ กินกันอย่างหอมหวานขนาดนั้น จนพวกมันอยากกินด้วยจนจะบ้าแล้ว


บนเรือลำหนึ่งที่อยู่ข้างๆ ท่าเรือ มีผู้ชายหลายคนผิวปากขึ้นมาแถมบางคนก็ยังตะโกนแซวว่า “คนสวย ขึ้นมาทำที่เรือพวกเราบ้างสิ ฮ่าๆ”


ฉินสือโอวแอบด่าพวกเขาอยู่ในใจ เขาชูนิ้วกลางให้คนพวกนั้นพร้อมทั้งยิ้มเยาะแล้วพูดกับพวกเขาว่า “พวกคุณเอาเรือเข้ามาจอดใกล้ๆ สิ เดี๋ยวผมจะช่วยทำให้สักครั้ง เอาให้สาแก่ใจเลยล่ะ”


พวกเขาล้วนแต่มีนิสัยอาจหาญกันทั้งนั้น เมื่อเห็นว่าฉินสือโอวเป็นคนผิวเหลือง ก็เอาเรือเข้ามาใกล้อย่างไม่ยี่หระ มีคนพูดขึ้นมาว่า “มาสิ ขอดูหน่อยว่าแกจะทำยังไง…”


ฉินสือโอวก็ทำให้พวกเขาดูจริงๆ เขาผิวปากหนึ่งครั้งพร้อมทั้งหันหลังกลับแล้วยื่นมือออกไป จากนั้นหู่จือและเป้าจือก็เหมือนกับลูกธนูที่ถูกยิงออกจากคันศร พวกมันเห่า ‘โฮ่งๆ’ แล้วพุ่งออกไป ขาทั้งสี่ข้างเหยียบอยู่บนปลายท่าเรือ กระโดดลอยตัวไปชนกับหน้าอกของชายร่างใหญ่สองคน


ตอนนี้หู่จือและเป้าจือมีอายุได้หกเดือนแล้ว พวกมันได้รับการเปลี่ยนแปลงจากพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอน ถึงแม้ว่าจะยังไม่โตจนมีรูปร่างอย่างสุนัขแลบราดอร์ที่โตเต็มวัย แต่พวกมันกลับยิ่งกล้าหาญ ยิ่งมีพละกำลัง ทั้งยังมีความเร็วที่มากกว่า


เมื่อพวกมันกระโดดเข้าไปชน มนุษย์ดวงกุดทั้งสองที่ถูกชนจนล้มลงไปบนเรือก็ร้องออกมาอย่างน่าเวทนา ส่วนคนอื่นๆ ก็ตกใจจนร้องโวยวายออกมาอย่างน่าสมเพชแล้ววิ่งเข้าไปในห้องโดยสารอย่างรีบร้อน


หู่จือและเป้าจือโถมตัวลงไปแล้วก็กระโดดขึ้น มาอีก จากนั้นก็ชนคนอีกหลายคนจนกลายเป็นน้ำเต้าที่กลิ้งหลุนๆ อยู่บนพื้นติดต่อกันอยู่หลายครั้ง มือข้างหนึ่งของฉินสือโอวถือเอากระเป๋าเดินทางของวินนี่เอาไว้ ส่วนมืออีกข้างก็โอบเอวของวินนี่วิ่งเข้าไปในเรือแฟร์เวล


รอจนเขาวิ่งเข้าไปในเรือแล้ว ไม่ต้องให้เจ้านายบอก หลังจากชนคนบนเรือจนล้มก็หู่จือและเป้าจือก็รีบวิ่งหนีขึ้นไปบนเรือลาดตระเวนอย่างฉลาดปราดเปรื่อง


ฉินสือโอวสตาร์ทเครื่องเรือเล็ก เรือแฟร์เวลก็ลอยออกไปจากท่าเรือพร้อมร่องรอยของทางน้ำที่เป็นเส้นโค้งอย่างสง่างาม ขับมุ่งหน้าสู่เกาะแฟร์เวลอย่างสง่าเปิดเผย ชายร่างใหญ่บนเรือกลุ่มนั้นก็ลุกขึ้นมาอย่างคนจนตรอกแล้วตะโกนออกมาอย่างไร้ประโยชน์ว่า


“ไอ้ลูกหมาโสเภณีเลี้ยงมา ฉันจะเอาปืนเรมิงตันไประเบิดหัวหมาของมัน…”


“แจ้งตำรวจสิ มันปล่อยหมามาโจมตีคนอื่น ถ้าฆ่าหมามัน…”


“พระเจ้าช่วย เอวฉัน หมาเวรพวกนั้นมันชนเข้ากับเอวด้านหลังของฉัน…”


ผู้คนบนท่าเรือที่มุงดูอยู่รอบๆ ก็พากันยิ้มกริ่ม ไม่มีใครเข้าไปช่วย แน่นอนว่า ไม่มีใครเชื่อเช่นกันว่ากะลาสีเรือพวกนี้จะกล้าไปหาเรื่องมหาเศรษฐีที่เลี้ยงหมาพร้อมทั้งควงสาวสวย แถมขับเรือลาดตระเวนราคาสี่ห้าสิบล้านคนนั้นจริงๆ


เมื่อขึ้นเรือมาแล้ว วินนี่ก็เอาแต่หัวเราะคิกคักไม่หยุด ฉินสือโอวควบคุมหางเสือไว้ เขาพูดกับเธอด้วยรอยยิ้ม “นี่มันน่าตื่นเต้นมากเลยใช่ไหม?”


วินนี่พยักหน้า เธออุ้มเอาหู่จือและเป้าจือที่กำลังแลบลิ้นออกมาขึ้นมาไว้ในอ้อมกอดพร้อมทั้งใช้ใบหน้าที่สวยงามของเธอถูเข้ากับหัวของพวกมัน แล้วพูดขึ้นมาว่า “ใช่แล้ว น่าตื่นเต้นมาก ลูกๆ ของฉันทำได้ดีที่สุดเลย พวกมันสามารถปกป้องคุณแม่ได้แล้ว ใช่ไหมล่ะ?”


หู่จือและเป้าจือเอาหัวของพวกมันถูกับวินนี่ด้วยความคึกคักดีใจเป็นอย่างมาก ฉินสือโอวคิดว่านี่มันไม่ถูกต้อง เขาจึงหันหน้ากลับไปมองดูดีๆ เจ้าหมาทรยศทั้งสองตัวทั้งถูไปด้วยแล้วก็แสยะปากไปด้วย ดูยังไงๆ ก็เหมือนกับว่ากำลังยิ้มด้วยความพึงพอใจอยู่


วินนี่ไม่ได้สนใจ เธอลูบไปตามขนยาวๆ ของพวกมันแล้วพูดว่า “อืม ฉันไม่อยู่ก็เลยไม่มีใครตัดขนให้พวกแกเลยสินะ ทำไมถึงได้ยาวขนาดนี้กันนะ? ถ้ากลับไปแล้วฉันจะตัดให้พวกแก…”


ยังไม่ทันพูดจบ หู่จือและเป้าจือที่เห็นเธอทำมือเป็นรูปกรรไกรก็แอบก้มหัวลงทันที ทำท่าทางเหมือนว่าเห็นของที่น่าสนใจมากกว่า แล้ววิ่งออกไปจากห้องขับเรือ


พอเจ้าหลอดไฟดวงน้อยทั้งสองตัวจากไป ฉินสือโอวก็ดึงวินนี่เข้ามา เขาใช้แขนโอบเอวเธอเอาไว้เพื่อสานต่องานใหญ่บนท่าเรือเมื่อก่อนหน้านี้


วินนี่ดิ้นตัวออกมา เธอกดมือใหญ่ของเขาที่กำลังก่อเหตุเอาไว้ แล้วปฏิเสธเขาอย่างนิ่มๆ ว่า “อย่าทำอย่างนี้สิคะ นี่มันบนเรือนะ”


ตอนนี้รูจมูกของสุภาพบุรุษฉินแทบจะพ่นควันออกมาแล้ว เขาหอบหายใจหนัก “แต่ที่นี่ไม่มีคนนะ ที่รัก คุณไม่รู้หรอกว่าผมคิดถึงคุณขนาดไหน ผมน่ะเก็บเนื้อรักษาตัวไว้เพื่อคุณอย่างดีเลยนะ ทำเอาผมอึดอัดจะตายอยู่แล้ว”


วินนี่มองเขาด้วยสายตาที่แฝงไปด้วยความรู้สึกรักและความอ่อนโยน เธอพูดกับเขาว่า “หาโอกาสที่ดีกว่านี้ไหมคะ ฉันก็รักษาเนื้อตัวไว้อย่างดีเพื่อคุณเหมือนกัน แต่ถ้าทำมันครั้งแรกในที่แบบนี้ ต่อไปจะรู้สึกเสียดายเอานะคะ”


ตอนนี้ฉินสือโอวอัดอั้นอย่างกับสุนัขตัวหนึ่ง มีหรือที่จะสนใจเรื่องกาลเทศะ? วินนี่ต้องชักแม่น้ำทั้งห้ามาพูด อีกทั้งยังช่วยเขาจัดเสื้อผ้าให้เป็นระเบียบ ทั้งยังต้องสัญญากับเขา เขาถึงได้ซึมลงแล้วยอมทำตัวดีๆ


หลังจากเรือเทียบฝั่งแล้ว เชอร์ลี่ย์และคนอื่นๆ ก็ยังขายเกี๊ยวปลาอยู่ในเมือง ส่วนชาร์ค ซีมอนสเตอร์ และนีลเซ็นก็ออกทะเลไปแล้ว มีเพียงแค่เออร์บักที่ยังอยู่ในบ้านเหมือนกับพ่อบ้านคนหนึ่ง


ธุรกิจเล็กๆ ของพวกเด็กๆ นับว่าได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว เนื่องจากเกี๊ยวมีราคาไม่แพงแถมยังรสชาติดี คนในเมืองจึงมักจะมาช่วยอุดหนุนพวกเขาอยู่บ่อยๆ ดังนั้นในช่วงปิดเทอมฤดูร้อนนอกจากที่พวกเขาจะเข้าร่วมค่ายลูกเสือฤดูร้อนของโรงเรียนแล้ว พวกเขาก็ยังขายเกี๊ยวกันด้วย


ฉินสือโอวก็รีบเข้ามาในบ้านด้วยจิตใจที่ร้อนรนเหมือนโดนไฟเผา เขายังอยากจะไปต่อกับวินนี่อยู่ แต่เมื่อเห็นเออร์บัก เขาก็อดกลั้นไว้สักครู่จากนั้นความรู้สึกพวกนั้นก็หายไปทันที…


ตอนที่เออร์บักกำลังกอดวินนี่อยู่ เขาก็พูดกับเธอด้วยรอยยิ้มว่า “พอรู้ว่าเธอจะมา เจ้าฉินก็ดีใจจนแทบแย่ ห้องของเธอเขาก็พาเชอร์ลี่ย์ไปทำความสะอาดไว้รอเธอมาประมาณห้ารอบแล้ว เข้าไปอยู่ได้เลยนะ”


วินนี่ส่งยิ้มหวานราวกับน้ำผึ้งไปให้ฉินสือโอวพร้อมทั้งหอมแก้มของเขา เธอตบแก้มของเขาเบาๆ แล้วพูดกับเขาว่า “คุณก็เป็นเด็กดีเหมือนกันนะคะ เหมือนหู่จือกับเป้าจือเลย เป็นสุดที่รักของฉันด้วยกันทั้งนั้นเลย”


ฉินสือโอวไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ที่จริงแล้วเขาเป็นคนทำความสะอาดซะที่ไหนกันล่ะ เป็นเออร์บักต่างหากที่พาเด็กๆ ทำความสะอาด


หลังจากที่วินนี่ขึ้นไปข้างบนแล้ว เออร์บักก็พูดกับเขาว่า “มีเรื่องอื่นกำลังรอนายอยู่ แอนโทนี ไวท์จากสำนักงานบัญชีเดลเลอร์ส่งอีเมลมาให้นาย นายลองไปดูได้ ใบเสร็จเงินคืนภาษีของนายออกมาแล้ว”


“อะไรนะครับ ยังมีเงินคืนภาษีด้วยเหรอ? ไม่ใช่ว่าอยู่ในใบเสร็จเสียภาษีเมื่อก่อนหน้านั้นหมดแล้วเหรอครับ?” ฉินสือโอวถามด้วยความประหลาดใจ


เออร์บักยิ้มแล้วตอบเขาว่า “ตอนนั้นมันคือการเลี่ยงภาษี ไม่ใช่การขอเงินภาษีคืน ของบางอย่างที่นายซื้อ อย่างเช่นเรือยอชต์กับรถหรูและของที่มีราคาแพงพวกนั้น จะไม่มีนโยบายเงินคืนภาษี แต่ถ้านายซื้อลูกพันธุ์ปลา อาหารปลาหรือพวกหญ้าทะเล พวกนั้นจะขอเงินภาษีคืนได้”


ฉินสือโอวยังไม่ค่อยเข้าใจเรื่อง “เงินคืนภาษี” เท่าไรนัก ที่แคนาดา เนื่องจากภาษีเงินได้ส่วนบุคคลเป็นการชำระล่วงหน้า เมื่อเขาซื้อของที่เกี่ยวกับลูกพันธุ์ปลา เงินที่เสียไปก็มีภาษีอยู่ในนั้นด้วย


เงินภาษีพวกนี้จะถูกหักโดยผู้ขาย ที่เป็นผู้ชำระแทน หรือก็คือ ที่แคนาดา ของชิ้นเดียวกันที่ถูกขายออกไป ทั้งคนซื้อและคนขายต่างก็ต้องจ่ายภาษีให้กับรัฐบาล ซึ่งนี่ก็คือกรมสรรพากรของยุโรปและอเมริกาในตำนานที่ถูกเรียกว่า ‘นโยบายผีดูดเลือด’


แต่สำหรับเจ้าของฟาร์มปลาแล้ว เรื่องที่เกี่ยวกับภาษีหลายอย่างก็มีการเปลี่ยนแปลง เพื่อแก้ไขปัญหานี้ กรมสรรพากรจะทำการกำหนดอัตราการหักภาษีตามระดับราคาของไตรมาสที่แล้ว ตอนที่ฉินสือโอวซื้อของพวกนี้ ก็จะจ่ายเงินตามภาษีในไตรมาสก่อนหน้า


จากนั้น หลายๆ อย่างก็เหมือนกับที่เออร์บักได้กล่าวมาแล้ว เมื่อคุณซื้อของเยอะเข้า รัฐบาลก็จะคืนเงินภาษีกลับมาส่วนหนึ่ง นี่ก็ถือว่าเป็นการสนับสนุนการใช้จ่ายและการสร้างสรรค์ของคุณ


ใบเสร็จที่สำนักงานบัญชีเดลเลอร์ส่งมาให้ฉินสือโอวในครั้งนี้ รวมสองส่วนที่สำคัญเอาไว้ เขาลองดาวน์โหลดเอกสารมาดู พวกนี้เป็นจำนวนเงินที่ไม่น้อยเลย มีจำนวนมากถึงหกแสนห้าหมื่นดอลลาร์ นับว่าเป็นลาภลอยที่ได้มาอย่างไม่รู้ตัวเลยทีเดียว


………………………………


บทที่ 280 มาดามออกโรง

โดย

Ink Stone_Fantasy

วินนี่ขึ้นไปอาบน้ำที่ห้องของเธอแล้วเปลี่ยนชุดใหม่เป็นกระโปรงยาวสไตล์โบฮีเมียน ผมสวยปลิวไสว ไหล่บางโผล่พ้นออกมาด้านนอก ชายกระโปรงสะบัดพลิ้วในทุกๆ ย่างก้าว ดูสว่างไสวราวกับติดหลอดไฟนีออนเอาไว้


เธอเดินลงมาข้างล่าง แล้วถามขึ้นว่า “เฮ้ แล้วลูกๆ ของฉันล่ะคะ?”


ฉินสือโอวยังไม่ละสายตาของเขาที่จดจ้องอยู่กับนโยบายการคืนภาษีในคอมพิวเตอร์ ตอบเธอทั้งที่ไม่ได้หันหน้ากลับไปหา “ลูกของคุณคนไหนล่ะครับ? ลูกหมีฉงต้าไม่รู้ว่าวิ่งหนีไปไหนแล้ว ส่วนหู่จือและเป้าจือกำลังทำงานอยู่ครับ”


“ทำงานเหรอคะ?” วินนี่ทวนถาม


ฉินสือโอวถึงเพิ่งนึกขึ้นมาได้ วินนี่ไม่เคยเจอกวางอูฐสีทองตัวนั้นมาก่อน เขาผิวปากด้วยเสียงที่ดังกังวานไปทางด้านนอกของประตู หู่จือและเป้าจือที่กำลังเฝ้าติดตามลูกกวางอูฐอยู่อย่างใกล้ชิดก็เงยหน้าขึ้นด้วยปฏิภาณที่เฉียบแหลม พวกมันมองไปตามทิศทางของบ้านแล้วจึงวิ่งเข้าไป


วินนี่เดินไปที่เงาไม้ด้านหลังต้นเมเปิลพร้อมกับหู่จือและเป้าจือ ลูกกวางอูฐที่ขาทั้งสี่ข้างถูกพันเอาไว้เหมือนกับขนมบ๊ะจ่างกำลังมองมาที่เธอด้วยท่าทางที่น่าสงสาร


ลูกกวางอูฐพยายามที่จะปีนขึ้นมา ทว่าหู่จือและเป้าจือก็กระโดดไปใช้ขาหน้ากดร่างกายของมัน ให้ติดกับพื้น ทั้งยังเห่าออกมาอย่างไม่พอใจอีกต่างหาก


วินนี่ประหลาดใจเป็นอย่างมาก เธอหันไปถามกับฉินสือโอวว่า “เจ้าตัวนี้มาจากที่ไหนคะ? มันเป็นตัวอะไร? กวางอูฐเหรอ? ทำไมมันถึงมีสีทองล่ะคะ?”


ฉินสือโอวเดินมาจากทางด้านหลัง เขากอดวินนี่ไว้แล้วอธิบายให้เธอฟัง


วินนี่ตีมือของเขาอย่างอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก เธอรวบกระโปรงแล้วนั่งยองๆ ลงไป ยื่นมือไปลูบหัวลูกกวางอูฐแล้วพูดกับมันด้วยความรู้สึกสงสารว่า “คุณพระ เด็กน้อยที่น่าสงสาร คุณขับรถชนมันได้ยังไงคะ?”


ฉินสือโอวอธิบายว่า “ผมไม่ได้ตั้งใจ ตอนนั้นผมเพิ่งดื่มเหล้ามา อีกอย่างตอนนี้ผมก็กำลังรักษามันอยู่ไม่ใช่เหรอครับ?”


วินนี่เหลือตามองเขาด้วยใบหน้าที่เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ได้ยิ้ม แล้วพูดกับเขาว่า “ถ้าบนรถของคุณไม่ได้มีสาวสวยอยู่ด้วย ฉันเชื่อว่าคุณก็คงจะดื่มเหล้าจนพอใจเลยล่ะ โอเค ไม่เป็นไร ว่าแต่มันชื่อว่าอะไรเหรอคะ?”


ฉินสือโอวตอบกลับไปอย่างอ้ำๆ อึ้งๆ ว่า “ชื่อเหรอ? ไม่ต้องตั้งชื่อให้มันหรอกครับ”


ถ้าเป็นที่แคนาดา หากสัตว์เลี้ยงมีชื่อเรียก ก็ต้องเลี้ยงดูมันเหมือนสมาชิกในครอบครัว แต่ฉินสือโอวไม่อยากจะรับกวางอูฐมาเลี้ยง เขาแค่อยากจะรักษามันให้หายแล้วค่อยปล่อยมันไป


กวางอูฐไม่น่ารักแถมยังดูไม่น่าสนใจด้วย พอเจ้าตัวนี้โตแล้วมันจะมีขนาดความสูงสองเมตรและมีความยาวของลำตัวยาวถึงสามเมตร ดูทระนงองอาจยิ่งกว่าม้าเหงื่อโลหิตพันธุ์แท้ด้วยซ้ำ ถ้าเลี้ยงมันไว้นอกจากจะสิ้นเปลืองอาหารแล้ว ก็ไม่เห็นจะมีประโยชน์อะไร


วินนี่ลูบลูกกวางอูฐ จากนั้นเจ้าลูกอูฐก็รีบแลบลิ้นนุ่มๆ ของมันออกมาเลียฝ่ามือของเธอ หัวที่มีขนนุ่มๆ ของมันก็ถูไถอยู่กับขาของเธอ ด้วยท่าทางราวกับจะบอกว่า ‘หนูเชื่องมากเลยนะแล้วหนูก็ชอบคุณด้วย คุณจะชอบหนูบ้างไหม’


“ดูสิ ว่าเด็กน้อยตัวนี้น่ารักขนาดไหน ตั้งชื่อให้มันเถอะนะคะ” วินนี่กล่าว


ฉินสือโอวไม่อยากปฏิเสธคำขอร้องของวินนี่ เขาจึงพูดไปว่า “ถ้าอย่างนั้นก็แล้วแต่คุณเลยแล้วกันนะครับ”


วินนี่คิดอยู่สักครู่ก็พูดขึ้นมาว่า “คุณดูสิคะ ขนของมันเป็นสีทองทั้งตัวเลย เหมือนกับพระอาทิตย์ดวงหนึ่งเลย ถ้าอย่างนั้นก็ชื่อว่าอะพอลโลแล้วกันนะ อะพอลโลคือเทพแห่งดวงอาทิตย์ พอเจ้าเด็กน้อยตัวนี้โตขึ้นก็คงจะดูมีพลังอำนาจเหมือนกันกับเทพแห่งดวงอาทิตย์…”


“เป็นชื่อที่ดีครับ”ฉินสือโอวพยักหน้า หู่จือและเป้าจือก็มองไปที่วินนี่อย่างตั้งตารอ ดูเหมือนว่าหมาน้อยทั้งสองตัวก็อยากจะเปลี่ยนชื่อบ้างเหมือนกัน


วินนี่ยังไม่ทันได้พูดจนจบ ทว่า “แต่เรียกอะพอลโลก็คงจะยาวเกินไป พวกเราตั้งชื่อเรียกสั้นๆ ให้มันดีไหม เรียกว่า เอ่อ ปอหลัว? (สับปะรด) ใช่ เรียกว่าปอหลัว ปอหลัวก็เป็นสีเหลืองเหมือนกัน แถมยังอร่อยด้วย”


ฉินสือโอวถึงกับอึ้งไป ทักษะการตั้งชื่อของวินนี่ช่างมีอานุภาพรุนแรงจริงๆ


หู่จือและเป้าจือหดหัวเข้าหากัน พวกมันลองเปรียบเทียบดูแล้วชื่อหู่จือน่าจะดีกว่ามากนัก อย่างน้อยก็น่าเกรงขามกว่าสับปะรด


ลูกกวางอูฐยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองถูกตั้งชื่อกลางให้ มันยังคงทำท่าทางออดอ้อนเธออยู่ไม่หยุด


วินนี่เดินไปดึงแครอตออกมาป้อนมันหนึ่งหัว แครอตในสวนผักมีรสชาติหวานล้ำหาใดเปรียบ ลูกกวางอูฐก็กินเข้าไปอย่างมีความสุข พร้อมทั้งส่งเสียงร้องออกมาไม่รู้จบ


เอาเถอะ ลูกกวางตัวนี้ก็ยกให้วินนี่แล้วกัน ฉินสือโอวส่ายหัว แล้วเดินกลับไปยังที่พักเพื่อเตรียมอาหารเย็น


ในตอนพลบค่ำพวกสาวๆ ก็กลับมาแล้ว ธุรกิจทุกห้างร้านในเมืองแฟร์เวลก็เป็นไปอย่างราบรื่น พวกเธอจะทานแต่ของที่ดีที่สุดอย่าง ปูราชินี เมนล็อบสเตอร์ ปลิงทะเลนิวฟันด์แลนด์เท่านั้น นี่เป็นตัวเลือกแรกสำหรับพวกเธอ


วันที่สอง หลังจากที่ฉินสือโอวตื่นมาวิ่งในตอนเช้า เขาก็เตรียมตัวไปทำงานไกด์นำเที่ยวที่แสนจะอาภัพต่อ


วินนี่ถามเขาด้วยความแปลกใจว่า “คุณมีหน้าที่แค่บุกเบิกทรัพยากรนี่คะ ทำไมต้องไปนำเที่ยวเองด้วยล่ะ? คุณเองก็ยังไม่ค่อยคุ้นชินกับเกาะแฟร์เวลเหมือนกัน”


ฉินสือโอวถอนหายใจแล้วตอบเธอว่า “ไกด์จากเมืองจีนไม่คุ้นเคยกับที่นี่ยิ่งกว่าผมอีก อีกทั้งไกด์ท้องถิ่นเองก็ไม่เข้าใจภาษาจีน ดังนั้นผมเลยต้องเป็นคนนำเที่ยว”


จากนั้นวินนี่ก็ยิ้มออกมา แล้วพูดกับเขาว่า “ให้คุณเป็นคนทำ ก็คงจะได้ไม่คุ้มเสียเท่าไรนะคะ ลองให้ฉันเป็นคนทำดีไหม? ถ้าฉันจะเป็นไกด์ให้กับเกาะแฟร์เวลล่ะ?”


ความคิดนี้ไม่เลวเลย ฉินสือโอวรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง วินนี่มีทักษะภาษาจีนและภาษาอังกฤษที่ดีเยี่ยม อีกทั้งยังคุ้นเคยกับสภาพการณ์ วัฒนธรรม และประเพณีของประเทศจีนเป็นอย่างมาก แถมเธอยังเป็นแอร์โฮสเตส ก็ย่อมต้องมีทักษะในการบริการมากพอที่จะเป็นไกด์นำเที่ยวอยู่แล้ว


ฉินสือโอวลองคุยกับแฮมเล็ตดูแล้ว แฮมเล็ตก็ยิ่งดีใจจนเก็บไว้ไม่อยู่ เขาขับรถมาที่บ้านของฉินสือโอวเพื่อคุยเรื่องรายละเอียดกับวินนี่ทันที


จากการพูดคุยกันสรุปได้ว่าต่างก็พึงพอใจกันทั้งสองฝั่ง วินนี่เข้าประจำจุดทำงาน รายได้ของเธออยู่ที่ 850 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์ แต่เธอจะไม่ได้พักช่วงสุดสัปดาห์


สำหรับเรื่องที่จะไม่ได้หยุดพักในช่วงสุดสัปดาห์ ฉินสือโอวไม่ได้สนใจ ยังไงเขาก็มีเวลาพักตลอดทั้งเดือนอยู่แล้ว ไม่ว่าวินนี่จะได้หยุดพักตอนไหนเขาก็พร้อมที่จะไปกับเธอทั้งนั้น


เออร์บักร่างสัญญาขึ้นมาฉบับหนึ่ง ให้วินนี่และแฮมเล็ตเซ็นร่วมกัน เมื่อเป็นเช่นนี้ก็สามารถเข้าทำงานได้แล้ว


ทางด้านแฮมเล็ตเองก็รู้สึกดีใจมาก ด้วยลักษณะภายนอกที่งดงามและนิสัยเฉพาะตัวของวินนี่ เพียงแค่แต่งเติมอีกเล็กน้อยก็สามารถเป็นตัวแทนของเกาะแฟร์เวลได้แล้ว คราวนี้ก็จะยิ่งเผยแพร่การท่องเที่ยวของเกาะแฟร์เวลไปได้กว้างยิ่งขึ้น


คนที่ไม่มีความสุขที่สุดก็คือนักท่องเที่ยวสาวสวยจากจีน พวกเธอไม่ได้มาที่นี่เพื่อท่องเที่ยว หรือพูดอีกอย่างว่า จุดประสงค์ข้อแรกของพวกเธอไม่ได้มาที่นี่เพื่อมาเที่ยว


ตอนนี้ไม่ได้เจอลูกเขยเต่าทองคำ[1]แล้ว แถมยังมีสาวลูกครึ่งที่ทั้งสวยและดูสูงส่งกว่าพวกเธอมาแทนอีกต่างหาก น่าหดหู่จริงๆ


ฉินสือโอวไม่สนใจ ยังไงก็มีวินนี่อยู่แล้ว เขาจึงไม่ได้สนใจสาวๆ พวกนั้นอีก จึงได้เคลื่อนย้ายความสนใจทั้งหมดมาอยู่ที่ฟาร์มปลา


เนื่องจากในช่วงนี้เป็นช่วงออกทะเล เขาจึงไม่ได้ไปดูแลอะไรในฟาร์มปลา ตอนนี้จึงมีเวลาว่าง เขาวางแผนว่าจะออกไปสำรวจอะไรสักหน่อย


จิตสำนึกแห่งโพไซดอนถูกเคลื่อนย้ายไปสู่ฟาร์มปลา เขาไปดูฝูงปูราชินีที่ปรากฏตัวอยู่ในบริเวณชายหาดน้ำตื้นก่อนเป็นอันดับแรก พวกมันใช้ก้ามขุดหาดทรายอยู่อย่างต่อเนื่อง


ฉินสือโอวลองเข้าไปดู ก็พบว่าพวกมันกำลังขุดหอยทะเลขึ้นมากิน หอยทะเลที่พวกมันขุดขึ้นมามีขนาดใกล้เคียงกับฝ่ามือ มีลวดลายสีขาวเทามันวาว


นี่ทำให้ฉินสือโอวตกใจมาก ไม่ใช่ว่าพวกมันขุดหอยนางรมลอยของเขาขึ้นมาจนหมดแล้วหรอกนะ? รีบเดินเข้าไปดูปูราชินีพวกนั้น เขาพินิจดูอย่างละเอียด ด้วยความกังวลใจอย่างถึงที่สุด พวกนี้ไม่ใช่ลูกนางรมลอย


เมื่อเห็นอย่างนั้นเขาก็กำลังจะจากไปที่อื่น แต่ปรากฏว่าหอยพวกนี้สัมผัสได้ถึงจิตสำนึกแห่งโพไซดอน ต่างก็พากันเปิดเปลือกหอยขึ้นแล้วยื่นส่วนตัวของพวกมันออกมา


เปลือกหอยถูกเปิดออก สิ่งที่ยื่นออกมาคือท่อเนื้อหนึ่งเส้น ฉินสือโอวค่อนข้างแปลกใจ เขานึกว่าสิ่งที่หอยจะยื่นออกมาก่อนจะเป็นขาของพวกมันเสียอีก


สิ่งที่ทำให้เขายิ่งรู้สึกแปลกใจก็คือ ท่อเนื้อที่ยื่นออกมาจากเปลือกหอยพวกนี้มีขนาดยาวมาก ยืดขยายออกมาตลอด เหมือนกับช้างที่กำลังยืดงวงที่ขดไว้ออกมา


ท่อเนื้อที่ยื่นออกมาทั้งอวบทั้งใหญ่ หอยทะเลม้วนตัวขึ้น พวกมันใช้ท่อเนื้อหาเศษหญ้าทะเลเจอ จากนั้นมันก็ค่อยๆ กลืนลงไป


ฉินสือโอวถึงกับชะงักงัน ทันใดนั้นเขาก็รู้ถึงตัวตนของหอยชนิดนี้ทันที พวกมันคือหอยงวงช้างนั่นเอง!


สำหรับหอยทะเลชนิดนี้ ฉินสือโอวมีความรู้เกี่ยวกับพวกมันอยู่บ้าง ช่วงก่อนหน้านี้เขาเคยคิดที่จะเพาะพันธุ์กุ้งมังกรกับหอยทะเลมาโดยตลอด แต่ชาร์คก็บอกกับเขาว่ายังไม่ใช่โอกาสที่เหมาะสม


ช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จะเลี้ยงกุ้งมังกรและสัตว์ประเภทหอยก็คือช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วง เนื่องจากในช่วงเวลานี้สัตว์จำพวกปลา และปูต่างๆ จะมีดูดซึมสารอาหารใหม่เข้าไปได้ต่ำกว่า ทำให้กินอาหารได้น้อย จึงไม่เป็นอันตรายต่อพวกหอยตัวเล็กๆ  แต่ถ้าเริ่มเพาะพันธุ์ในช่วงฤดูร้อน ถ้าปล่อยลูกพันธุ์ของกุ้งและหอยลงไป คาดว่าน่าจะถูกปลาใหญ่กับปูกินจนหมดเกลี้ยง


……………………………


[1] ลูกเขยเต่าทองคำ หมายถึง สามีที่มีฐานะร่ำรวย

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)