ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 261-272
บทที่ 261 ท่าเรือร้อนระอุแล้ว
โดย
Ink Stone_Fantasy
“แม่งเอ้ย!”
ฉินสือโอวพูดความในใจแทนนักตกปลาอาร์บีเอฟเอฟคนนี้
พวกเขามาตะลอนอยู่ที่ชายหาดน้ำตื้นจอร์จหลายวันแล้ว ก็ไม่ถึงขั้นจับปลาใหญ่ไม่ได้เลย แต่จับได้แต่ปลาจำพวกฉลามหนาม ฉลามเสือทรายฉลามสีน้ำเงินเท่านั้น
บางคนถึงขั้นตกได้ฉลามขาว แต่ตกปลาทูน่าครีบน้ำเงินไม่ได้เลย ไม่เพียงแต่ตกปลาทูน่าครีบน้ำเงินไม่ได้ แม้แต่ปลาทูน่าครีบเหลืองก็ตกไม่ได้เช่นกัน!
พอว่างฉินสือโอวก็จะพูดแดกดันไปในคลื่นสาธารณะสองสามคำ ตอนแรกพวกนักตกปลาพวกนี้ยังคงเย่อหยิ่งมีตอกกลับบ้าง แต่พักหลังเมื่อความจริงมันโหดร้าย พวกเขาก็ไม่มีแรงและไม่มีอารมณ์ที่จะมาต่อปากต่อคำกับฉินสือโอวอีก
พักหลังๆ ฉินสือโอวตั้งใจทำให้เรื่องแนบเนียนขึ้น เขาจึงไม่จับปลาทูน่าครีบน้ำเงินทันทีที่พบ แต่จะให้พวกมันไปว่ายวนอยู่ใต้เรือนักตกปลาพวกนี้ก่อนค่อยจับไป บางทีก็มีรอให้ปลาติดเบ็ดแล้ว จากนั้นก็แผ่พลังโพไซดอนเพิ่มพลังให้พวกปลา ให้พวกมันหนีออกจากตะขอเอง
พอทำแบบนี้หลายๆ ครั้ง เขารู้สึกว่าพลังโพไซดอนของเขานั้นได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก
ทำให้เขาเข้าใจในทันที เป้าหมายหลักของพลังโพไซดอนนั้น ไม่ใช่การทำลายและการฆ่าล้าง แต่เป็นการช่วยเหลือและเยียวยา!
ช่วยเหลือสิ่งมีชีวิตที่บาดเจ็บ ไม่เกี่ยงว่าจะเป็นปลาประเภทไหน การเยียวยาสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำต่างๆ รวมไปถึงพวกพืช
บนเรือยอชต์เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกในการเป็นอยู่ ไม่ว่าจะเป็นโทรทัศน์ดาวเทียม ห้องสูทที่ตกแต่งอย่างหรูหา ฉินสือโอวจึงถือโอกาสพักบนเรือเลย เขานอนพักอยู่บนทะเลติดต่อกันห้าหกวัน
ปิดเครื่องยนต์ กลางวันดื่มด่ำกับการอาบแดด กลางคืนรับลมทะเลมองดูดาว ชีวิตเรียบง่ายแต่ไม่ห่อเหี่ยว เพราะเขายังสามารถช่วยเหลือปลาทูน่าครีบน้ำเงินและปลาทูน่าครีบเหลืองพวกนั้นที่ติดเบ็ดได้ด้วย
ในทุกเขตน่านน้ำทะเลนั้น จำนวนปลาตัวใหญ่ก็มีเพียงเท่านี้ ภายหลังฉินสือโอวสังเกตเห็นว่าจำนวนปลาทูน่าครีบน้ำเงินนับวันยิ่งน้อยลง จากวันหนึ่งที่สามารถพบได้สิบห้าถึงสิบหกตัวลดลงไปเป็นสิบสองสิบสามตัว จากนั้นก็สิบตัว ยิ่งช่วงสองวันที่ผ่านมา ในหนึ่งวันจะเจอแค่ห้าถึงหกตัวเท่านั้น แน่นอน จำนวนที่ว่ามาคือจำนวนปลาตัวใหญ่เท่านั้น
เมื่อเป็นแบบนี้ ทำให้เขาไม่มีความจำเป็นที่ต้องอยู่ที่นี่ต่อ เห็นได้ชัดว่า ปลาทูน่าครีบน้ำเงินในชายหาดน้ำตื้นจอร์จถูกจับไปจำนวนหนึ่งแล้ว ปลาประเภทอื่นต้องใช้เวลาในการว่ายมาจากเขตน่านน้ำทะเลอื่น เขาจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรอต่อไปอีก
ผ่านไปสิบวัน กองกำลังทหารธงฟ้าของฉินสือโอวขยายจำนวนไปเป็นหนึ่งร้อยสิบกว่าตัวแล้ว ปลาพวกนี้ตัวเล็กที่สุดก็มีขนาดหนึ่งเมตรครึ่ง ส่วนปลาขนาดปานกลางที่ขนาดหนึ่งเมตรถึงหนึ่งครึ่งมีประมาณหนึ่งร้อยห้าสิบตัว ส่วนตัวที่มีขนาดครึ่งเมตรถึงหนึ่งเมตรก็มีประมาณหนึ่งร้อยห้าสิบตัวเช่นกัน
เมื่อเป็นแบบนี้ เท่ากับว่าเขามีปลาทูน่าครีบน้ำเงินมากกว่าสี่ร้อยตัวในมือ บวกกับปลาตัวใหญ่ในฟาร์มปลาอีกสี่สิบกว่าตัว เขากะว่าจะหาให้ครบห้าร้อยตัวก็จะกลับบ้านทันที
ตอนฉินสือโอวเตรียมตัวจะกลับแล้วนั้น โทรศัพท์ไร้สายในเรือก็ดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงที่คุ้นเคยว่า “ฉิน พระเจ้าช่วย นายอยู่ที่ไหนกัน? กลับมาดีไหม? ฉันตามหานายได้หนึ่งอาทิตย์แล้ว!”
ไม่ต้องถาม เป็นบิลลี่นี่เองที่โทรมา
ฉินสือโอวหัวเราะขึ้นมา ตอบเขาไปว่า “ฮ้า นี่คุณชายรองสเต็มเมอร์ไม่ใช่เหรอนี่? คุณหลับเต็มอิ่มแล้วเหรอ? หากยังนอนไม่พอก็นอนต่อเถอะ ผมคงไม่กล้ารบกวนเวลาพักผ่อนของคุณหรอกนะ”
บิลลี่พูดด้วยน้ำเสียงทำอะไรไม่ถูกว่า “โอเค ฉิน ฉันขอโทษกับการที่ฉันสงสัยคุณก่อนหน้านี้ พระเจ้า ฉันถือว่าได้สัมผัสถึงความขี้น้อยใจของนายแล้ว ลูกผู้ชายใจน้อยอย่างนี้ไม่ได้นะ….แหม่ๆ ๆ ให้ตายเถอะ! ฉิน ฉันพูดว่าฉันขอโทษแล้ว ฉันขอโทษ! นายอย่างปิดโทรศัพท์อีกนะ….”
ฉินสือโอวไม่ยอมอ่อนข้อให้กับนิสัยเสียๆ ของคนพวกนี้หรอก การปฏิสัมพันธ์กับชาวยุโรปนั้น ต้องไม่มีความคิดที่ว่าเธอเคารพฉันหนึ่งนิ้ว ฉันก็จะเคารพเธอกลับหนึ่งคืบ หรือทดแทนคุณที่ว่าเธอให้หยดน้ำมา ฉันต้องทดแทนคุณด้วยบ่อน้ำแร่กลับไปเป็นอันขาด วิถีแห่งขงจื่อนั้นไม่เหมาะที่จะใช้กับชาวยุโรปที่เห็นเงินเป็นใหญ่ โดยเฉพาะกับคนชนชั้นกระฎุมพี
ในสายตาของคนชนชั้นนี้ คำว่ามิตรภาพก็เป็นเพียงลมปากเท่านั้น กำไรสิถึงจะเป็นมิตรภาพที่แท้จริง เหมือนในหนังเรื่อง‘The wolf of wall street’ จอร์แดน เบลฟอร์ทที่นำแสดงโดยลีโอนาร์โด ดิคาปริโอได้พูดไว้ว่า “ขอแค่นายมีแฟรงคลินสีเขียวมากพอ(ธนบัตรหนึ่งร้อยดอลลาร์สหรัฐ) นายก็จะมีเพื่อนและญาติที่มากพอ ไม่อย่างนั้นนายก็จะไม่มีอะไรเลย”
ทำไมพวกบิลลี่ เบลคและแบรนดอนถึงได้ดูคลั่งไคล้ฉินสือโอวถึงเพียงนี้? นั่นเพราะพวกเขารู้ ว่าฉินสือโอวสามารถนำผลประโยชน์มาให้พวกเขาได้นั่นเอง!
ไม่มีคำว่ามิตรและศัตรูตลอดไป มีแต่ทำว่าผลประโยชน์ตลอดกาลเท่านั้น
สำหรับพวกชนชั้นกระฎุมพีนั้น คำพูดนี้อาจฟังดูหดหู่ไปหน่อย แต่ก็เป็นความจริง
ความยุติธรรมมักหาเจอจากพวกฆ่าสุนัข(หมายถึงคนที่ไม่ได้มาจากครอบครัวที่ดีหรือได้รับการศึกษาที่สูง) ฉินสือโอวยอมที่จะเป็นเพื่อนกับเพื่อนชาวประมงที่ไม่มีความสามารถอะไรมากอย่างพวกชาร์ค ซีมอนสเตอร์และนีลเซ็นมากกว่า คนพวกนี้เพราะไม่มีเงิน จึงไม่ค่อยได้เห็นถึงวิธีการที่เลือดเย็นของพวกชนชั้นกระฎุมพี ทำให้พวกเขาจริงใจไร้เล่ห์
ส่วนพวกคนกลุ่มบิลลี่เหรอ? ฉินสือโอวเห็นพวกเขาเป็นเพียงเพื่อนร่วมทำธุรกิจเท่านั้น แน่นอนว่า ในสายตาของคนเหล่านี้ ฉินสือโอวก็คงอยู่ในตำแหน่งเดียวกัน
พูดไปแล้ว ในต่างประเทศฉินสือโอวเชื่อใจคนเพียงสองคนเท่านั้น นั่นก็คือเออร์บักกับอีวิลสัน
ดังนั้นเขาจึงเต็มใจยอมรับเลี้ยงเด็กสี่คนที่เขาก็ไม่ชอบใจนักแทนเออร์บัก ยอมรับในความบื้อไร้สาระของอีวิลสัน เพราะสองคนนี้แหละคือคนที่จะยื่นมือมาช่วยเขาเต็มที่ในตอนที่เขาลำบาก
บิลลี่ตามมาหาถึงชายหาดน้ำตื้นจอร์จ แน่นอนว่า ในท้องทะเลที่กว้างขนาดหลายพันตารางเมตรนี้ การจะเจาะจงหาเรือลำหนึ่งนั้นก็ไม่ต่างกับการงมเข็มในมหาสมุทร ฉินสือโอวจึงเปิดโทรศัพท์ไร้สายไว้ ให้ทั้งสองฝ่ายติดต่อกันจึงทำให้มาเจอกันได้
เมื่อเห็นบิลลี่ที่ยืนอยู่บนหัวเรือแล้ว ฉินสือโอวก็อ้าแขนทั้งสองทำท่าเหมือนโอบกอด พูดเสียงดังว่า “เฮ้ บิลลี่ เพื่อนรักของฉัน ดีใจจริงๆ ที่ได้เจอ ว่าแต่นายมาเมืองกลอสเตอร์ทำไมเหรอ? อย่าบอกนะว่าคุณชายรองของบริษัทโอดิสซีย์ก็มาตกปลาทูน่าครีบน้ำเงินเพื่อหาเงินเลี้ยงชีพด้วยน่ะ”
บิลลี่ตอนนี้เหมือนกับสุนัขที่ถูกทำให้เชื่อง เขาพูดอย่างนอบน้อมว่า “ฉิน ฉันขอโทษนายด้วย ฉันควรจะรีบมาตั้งแต่อาทิตย์ก่อนแล้ว เห็นแก่ที่ว่าฉันตามมานายถึงห้าวันด้วยกัน ให้อภัยความโง่เง่าของฉันด้วยนะ“
ฉินสือโอวยิ้มแล้วพูดว่า “นายเกรงใจเกินไปแล้ว เพื่อนฝูง ฉันจะโทษนายได้ยังไง? พวกเรายังต้องทำความรู้จักกันอีก จริงไหม? พวกเรามาจากคนละประเทศ เชื้อชาติก็ต่างกัน ถูกสอนมาไม่เหมือนกัน พวกเรายังต้องทำความรู้จักและคุ้นเคยกันอีก ตอนนี้นายคุ้นเคยกับนิสัยฉันแล้วใช่ไหม?”
บิลลี่พูดว่า “คุ้นเคยแล้ว ฉิน นายเป็นซีอีโอ ต่อไปไม่ว่านายพูดอะไรก็ต้องตามนั้น”
ความจริงแล้วการที่ฉินสือโอวใช้บันทึกเดินเรือของกัปตันเพียงเล่มเดียวมาเรียกเงินจากบริษัทโอดิสซีย์ถึงยี่สิบล้านเหรียญ บิลลี่ที่เป็นถึงคุณชายรองของบริษัทโอดิสซีย์ ถ้าบอกว่าเขาไม่ติดใจเลยคงเป็นเรื่องโกหก
แต่ตอนนี้ เขาจำใจต้องเก็บความรู้สึกนั้นไว้ก่อน ฉินสือโอวได้แสดงให้เขาเห็นแล้ว คนเอเชียคนนี้ไม่เหมือนกับชาวเอเชียตะวันออกผิวเหลืองอ่อนแอปวกเปียกที่เขารู้จัก คนคนนี้ก็เหมือนเป็นหินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่ง หินก้อนใหญ่ที่ห่อหุ้มไปด้วยระเบิด!
ฉินสือโอวทำร้ายบิลลี่ไปยกใหญ่จึงคิดจะทำดีด้วยผลตอบแทนเล็กน้อย เมื่อถึงเมืองกลอสเตอร์แล้ว ฉินสือโอวก็ให้พิกัดที่เจาะจงกับบิลลี่ บอกเขาไปว่า “เพื่อนๆ ของฉันหากล่องเหรียญทองเจอแค่แปดกล่องเท่านั้น ยังมีอีกสองกล่องที่ยังหาไม่เจอ”
บิลลี่มาพร้อมกับเรืองมซากด้วย ความลึกของพืดหินนั้นลึกถึงสี่ร้อยเมตร หากไม่มีเรืองมซากคงงมเหรียญพวกนั้นขึ้นมาไม่ได้ นอกเสียจากว่าเขาจะมีพลังโพไซดอนบนนิ้วเช่นกัน
การงมกล่องเหรียญขึ้นมางมได้ง่ายมาก เรืองมซากหยุด นักดำน้ำที่แบกถังออกซิเจนไว้บนหลังดำลงไป หลังทำการค้นหาใต้ท้องทะเลสักพักก็เจอกับกล่องพวกนั้นในจุดที่ไม่ไกลนัก
นำกล่องพวกนี้ใส่เข้าไปในกล่องงมของ เปิดเครื่องดึงขึ้นมา กล่องเหรียญทองพวกนี้ก็ถูกงมขึ้นมาแล้ว
แต่การจัดการกล่องเหรียญที่ขึ้นมาแล้วค่อนข้างยุ่งยาก เพราะไม่สามารถให้เหรียญทองพวกนี้สัมผัสโดนอากาศทันที พวกมันจมอยู่ในท้องทะเลนานถึงหนึ่งร้อยกว่าปี หากถูกสัมผัสกับอากาศทันที ก็จะทำปฏิกิริยากับออกซิเจนทำให้พวกมันถอดสีและขึ้นสนิมอย่างรวดเร็ว จึงต้องนำไปดำเนินการในห้องปลอดออกซิเจนเท่านั้น
เมืองกลอสเตอร์เป็นเมืองท่าเล็กๆ จึงไม่สามารถปิดความลับอะไรได้ทั้งนั้น เมื่อเรืองมซากของบริษัทโอดิสซีย์ที่มาพร้อมกับทีมนักสื่อข่าวปรากฏอยู่บนทะเลแล้ว ก็มีชาวประมงมากมายมามุงดูกัน
กล่องเหรียญทองถูกงมขึ้นมากล่องแล้วกล่องเล่า ชาวประมงแต่ละคนต่างก็อึ้งกันไป จากนั้น เมืองเล็กๆ แห่งนี้เดือดระอุในทันที!
………………………….
บทที่ 262 ฉินเศรษฐีใหญ่
โดย
Ink Stone_Fantasy
เรือยอชต์ของฉินสือโอวจอดเทียบที่ท่าเรือ ตาแก่เจมส์พูดชมถึงปลาแต่ละตัว ที่เขาตกได้ ปลาส่วนมากเป็นปลาทูน่า ไม่มีปลาทูน่าครีบน้ำเงิน แต่มีปลาทูน่าครีบน้ำเงินใต้แทน
ปลาทูน่าครีบน้ำเงินใต้ยังถูกเรียกว่าปลาทูน่าตอนใต้ และปลาครีบดำใต้ มันเป็นหนึ่งในปลาที่อาศัยอยู่ในน้ำชั้นบนของมหาสมุทร พบได้กระจัดกระจายในมหาสมุทรน่านน้ำเขตอบอุ่นและน้ำเย็น เช่นมหาสมุทรแอตแลนติก มหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแปซิฟิก ถือได้ว่าเป็นปลาทูน่าที่มีค่ามากเช่นกัน ราคามันเป็นรองกว่าก็แค่ปลาทูน่าครีบน้ำเงินจากมหาสมุทรแอตแลนติกเท่านั้น
ปลาประเภทนี้มีขนาดค่อนข้างใหญ่ แต่ว่าจะเล็กกว่าปลาทูน่าครีบน้ำเงินมาก ปกติจะมีลำตัวยาว 160 มิลลิเมตร ยาวสุดสามารถยาวได้ถึง 245 มิลลิเมตร น้ำหนักมากสุดสามารถหนักได้ถึง 260 กิโลกรัม
ปลาประเภทนี้จะมีเพศเมียมากกว่าในเหล่าลูกปลา แต่ในปลาที่โตเต็มตัวนั้นจะกลับตรงกันข้าม ปลาเพศเมียจะหาเจอได้ยาก ปลาทูน่าครีบน้ำเงินใต้สี่ตัวที่ฉินสือโอวตกได้ในหลายวันที่ผ่านมานั้น ก็ล้วนแต่เป็นเพศผู้ทั้งนั้น เพราะถ้าหากเป็นเพศเมียแล้วล่ะก็ เขาคงจะนำกลับไปเลี้ยงที่ฟาร์มปลาต้าฉินแล้ว
ฉินสือโอวนั่งอยู่ที่กราบเรือมองดูตาแก่เจมส์ที่คาบไปป์อยู่วุ่นนู่นวุ่นนี่ แอนเฟอร์นีเดินเข้ามาตรวจบิลกับเขา เมื่อได้เห็นสาวสวยหุ่นดี เขายิ้มเจ้าเล่ห์แล้วผิวปาก ทำท่าจะจับตูดที่โด่งงอนของแอนเฟอร์นี
เขาเลียนแบบมาจากพวกชาวประมงนั่นแหละ ในเมืองกลอสเตอร์นี้ชาวประมงทุกคนต่างก็อยากแต๊ะอั๋งหลานสาวของตาแก่เจมส์คนนี้ทั้งนั้น แต่ว่ายังไม่มีใครทำได้สำเร็จ แอนเฟอร์นีนั้นนิสัยไม่ดีนัก เธอน่ะถือได้ว่าเป็นพริกขี้หนูขนานแท้เลย
แต่กลายเป็นว่า ตอนนี้พริกขี้หนูนี้ได้กลับกลายเป็นฟองน้ำนุ่มนิ่มไปแล้ว เธอไม่ได้หลบหลีก แต่กลับยักคิ้วชักชวนฉินสือโอวแทน ริมฝีปากแดงอิ่มเอิบนั้นยิ้มอย่างเย้ายวน บอกให้รู้เป็นนัยที่ถึงแม้จะไม่เอ่ยปากแต่ก็รับรู้ได้
ทางฉินสือโอวถึงกับสำลักออกมา เขาเพียงแต่อยากเกี้ยวสาวคนนี้เล่นๆ เหมือนพวกชาวประมงคนอื่น ไม่คิดเลยว่าจะถูกเกี้ยวกลับแบบนี้
ชาวประมงที่เห็นภาพนี้ต่างก็พากันหัวเราะร่า ตาแก่เคนต์พูดกับตาแก่เจมส์ว่า “เพื่อนฝูง หลานสาวของนายใจอ่อนแล้ว นายคงต้องเสียเธอไปแล้วล่ะ”
ตาแก่เจมส์หัวเราะแล้วมองไปที่ฉินสือโอว แล้วพูดว่า “ถ้าหากคนที่เธอเลือกคือกัปตันโชคช่วยแล้วล่ะก็ ฉันก็มีความสุขมากแล้ว”
ฉินสือโอวโบกปักมือ แล้วพูดว่า “ถ้าหากผมยังไม่มีแฟน ผมก็คงหวั่นไหวไปแล้วครับ”
คำพูดนี้ไม่ใช่คำพูดกลบเกลื่อน ถึงแม้ว่าแอนเฟอร์นีจะทำงานอยู่ท่าเรือเป็นเวลานานทำให้ผิวพรรณไม่ค่อยดีนัก แต่ว่าเธอหน้าตาสะสวย ตอนยิ้มตรงแก้มฝั่งขวายังมีลักยิ้มหวานๆ ให้เห็นอีกด้วย ในเสน่ห์ของเธอนั้นยังแฝงไปด้วยความน่ารักไร้เดียงสา
นอกจากนี้ แม้อยู่ในกลุ่มสาวอเมริกันเซ็กซี่ทรวดทรงของเธอนั้นก็จัดอยู่แถวหน้าเช่นกัน สูงยาวเข่าดี ก้นโด่งสวย ขาเรียวยาวคู่นั้นที่ขนาดยืนชิดกันแล้ว ก็ไม่มีแม้ช่องเล็กๆ ระหว่างขาเลย เรียวขาที่สวยแบบนี้ ฉินสือโอวเพิ่งเคยได้เห็นจากวินนี่เท่านั้น
ทางฝั่งผู้หญิงเมื่อได้ฟังคำพูดเขาแล้วก็รู้สึกอายปนเคืองมองค้อนเขากลับไป ฉินสือโอวทำได้แต่เพียงยักไหล่ เพราะอย่างไรเขาก็ค่อนข้างหัวโบราณ เขารู้สึกว่าตัวเองเลือกคบกับวินนี่แล้ว ก็ต้องรับผิดชอบ การจะมีชู้รักข้างนอกถึงแม้จะเป็นเรื่องง่ายและมีความสุข แต่นั่นเป็นเรื่องที่ลูกผู้ชายสมควรจะทำเหรอ?
สิ่งที่เขาไม่รู้คือ สิ่งที่ดึงดูดสาวเปรี้ยวเหล่านี้นั้น ไม่ใช่เพราะบัตรแบล็คการ์ดของเขา แต่กลับเป็นความตั้งใจที่จะห้ามใจและอยากรับผิดชอบต่อครอบครัวมากกว่า ในสายตาของสาวที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้วนั้น สิ่งเหล่านี้ต่อให้นำทองพันแท่งมาแลกก็ไม่ยอม!
คนที่สามารถข่มความอยากของตัวเองได้นั้น ขอเพียงไม่ใช่คนที่โง่มาก ไม่ว่าอย่างไรก็สามารถสร้างตัวได้แน่นอน คนแบบนี้ถ้าหากว่ายังสามารถรับผิดชอบครอบครัวได้ งั้นก็เท่ากับว่าเป็นชายในฝันเลยเชียว!
เมื่อนำบิลและเช็คยื่นให้ฉินสือโอวแล้ว แอนเฟอร์นีก็อธิบายด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “เพราะอีกครึ่งเดือนฤดูตกปลาทูน่าครีบน้ำเงินใต้ก็จะหมดลงแล้ว ดังนั้นราคาในตลาดปลาสดจึงได้เพิ่มสูงขึ้นถึง 40% ตอนนี้ราคาแทบจะตามปลาทูน่าครีบน้ำเงินทันแล้ว ราคาปลาทูน่าครีบเหลืองลดลงไปนิดหนึ่ง ครั้งนี้ราคาปลาทูน่าครีบน้ำเงินใต้ของคุณจึงได้เป็นหนึ่งพันห้าร้อยปอนด์ ปลาทูน่าครีบเหลืองได้สองพันแปดร้อยปอนด์ รวมทั้งหมดเป็นสี่หมื่นสองพันปอนด์ค่ะ”
ฤดูตกปลาทูน่าครีบน้ำเงินใต้นั้นคือช่วงเดือนมิถุนายน เดือนกรกฎาคมและเดือนสิงหาคม ส่วนฤดูวางไข่ของพวกมันคือตลอดหน้าร้อนของทางตอนใต้คือช่วงเดือนกันยายนถึงเดือนมีนาคมปีถัดไป
ในแต่ละปีจำนวนไข่ที่ปลาเพศเมียวางไข่นั้นจะอยู่ที่ประมาณ 1400 ถึง 1500 ฟองต่อปี ช่วงเวลานี้คือช่วงเวลาทองในการรักษาปลาใกล้สูญพันธุ์ประเภทนี้ได้ดีที่สุด จึงมีการห้ามตกปลาในช่วงนี้ ดังนั้นตอนนี้ราคาจึงเริ่มสูงขึ้น
ฉินสือโอวรับเช็คไว้ นี่คือรายรับครั้งสุดท้ายของเขาในเมืองกลอสเตอร์นี้แล้ว ต่อจากนี้ก็คือการจัดการเหรียญทองพวกนั้น เขาไม่คิดจะออกทะเลอีกแล้ว
สี่โมงเย็น เรืองมซากที่บิลลี่นำมากลับถึงท่าเรือแล้ว เรือตกปลาแต่ละลำทยอยกลับมาก่อน แล้วนำข่าวที่เหรียญทองอินทรีย์ถูกพบแพร่กระจายไปยังทั่วทุกมุมของเมืองเล็กๆ นี้
เมื่อได้ข่าวนี้ เมืองเล็กๆ ทั้งเมืองก็เดือดขึ้นมา ชาวประมงทุกคนต่างก็พากันพูดเสียดาย ทำไมตัวเองถึงไม่มีโชคแบบนี้บ้างกัน? นั่นเป็นเหรียญทองสี่หมื่นเหรียญเลยนะ มูลค่าเกินกว่าห้าสิบล้านดอลลาร์สหรัฐเลย!
มูลค่าทองคำของอเมริกาในปัจจุบันคือทองคำหนึ่งออนซ์มีมูลค่า 1225 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนมูลค่าเหรียญทองอินทรี 20 ดอลลาร์ของปี 1907 คือ 1.001 ออนซ์ หรือก็คือ 31.109 กรัม หากขายโดยอิงจากราคาเหรียญทอง หนึ่งเหรียญจะสามารถขายได้ในราคาประมาณ 1300 ดอลลาร์สหรัฐ
เมื่อขึ้นฝั่งแล้วบิลลี่บอกกับเหล่านักข่าวว่าคืนนี้พวกเขาจะทำการตรวจมูลค่าของเหรียญทองล็อตนี้กันทั้งคืน บ่ายพรุ่งนี้จะมีการเปิดแถลงข่าวเพื่อมาอธิบายถึงการค้นพบในครั้งนี้
เมื่อหลุดจากพวกนักข่าวแล้ว บิลลี่ก็รีบไปหาฉินสือโอว กอดเขาไว้แล้วพูดอย่างตื่นเต้นว่า “ฉิน เพื่อนที่ดีของฉัน นายนี่สุดยอดเลย! นายก็คือพระเจ้า นายก็คือเทพเจ้าแห่งท้องทะเลโพไซดอน! เพื่อนฝูง ตอนนี้ฉันเริ่มมีอาการพูดไปเรื่อยแล้ว นายคงรู้ ไม่ว่าใครหากได้เจอเรื่องแบบนี้ก็คงตื่นเต้นเหมือนฉันอย่างแน่นอน!”
“นายหาเหรียญอินทรีพวกนี้เจอได้จริงๆ ให้อภัยฉันที่เคยสงสัยในตัวนายด้วย นี่น่ะคือปาฏิหาริย์! ในร้อยกว่าปีนี้ มีนักงมสมบัติอย่างน้อยหนึ่งพันกลุ่มที่เคยมาที่นี่ พวกเขาค้นหาจนแทบพลิกชายหาดน้ำตื้นจอร์จนี้เลยทีเดียว แต่ก็ไม่มีคนเคยเจอแม้แต่เหรียญเดียว ใช่แล้ว ไม่เจอเลยแม้เพียงเหรียญเดียว!”
“แล้วเหรียญทองอีกสองกล่องที่เหลือล่ะ?” ฉินสือโอวถาม เพราะอย่างไรเสียเขาก็ยังคงพะวงเรื่องเหรียญทองอีกแปดพันเหรียญนั้นอยู่ดี
บิลลี่ที่พอได้ฟังคำถามของเขาแล้วก็หัวเราะออกมา อธิบายว่า “ยังจำได้ไหม ที่ฉันเคยบอกนาย ว่าสมบัติที่จมไปกับเรืออินทรีย์และเรือแฟรงเกนสไตน์นั้น มีมูลค่ายี่สิบล้านเหรียญ ทำไมฉันถึงพูดแบบนั้น?”
“เพราะหลังจากที่เรือลำเล็กจมลงใต้ท้องทะเลแล้ว ความจริงสมบัติที่จมไปก็ได้รับความเสียหายเหมือนกัน อย่างเช่นอาจถูกน้ำพัดไปสุดขอบฟ้า หรือถูกปลาใหญ่กลืนลงไป หรือไม่ก็ถูกสนิมเกาะหรือโดนอากาศทำให้เหรียญเสียหาย”
“หรือสรุปก็คือ เรือสมบัติลำเล็กๆ ที่ถูกจมลงไปนั้น การเก็บกู้ขึ้นมาได้ 40% ก็ถือว่าประสบผลสำเร็จแล้ว ที่ฉันบอกว่ามีมูลค่ายี่สิบล้านเหรียญ ก็คิดคำนวณจากมูลค่า 40% นี้แหละ การเก็บกู้สมบัติได้ 40% ก็คือชัยชนะครั้งใหญ่แล้ว แต่ว่าฉันไม่นึกเลย ว่านายจะหาสมบัติเจอถึง 80% ช่างเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดจริงๆ!”
“แต่ว่ายังมีอีก 20%” ฉินสือโอวพูดอย่างเสียดาย
“แล้วทำไมล่ะ? อย่าไปสน 20% นั้นเลย ฉิน ในฐานะนักดำน้ำคนหนึ่ง ฉันต้องบอกนายเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือ การงมสมบัติใต้ทะเลนั้น เมื่อเจอก็เก็บขึ้นมา แต่ห้ามโลภเป็นอันขาด! สมบัติที่จมพวกนี้ล้วนแต่มีวิญญาณเฝ้าอยู่ทั้งนั้น พวกเราน่ะเป็นพวกชุบมือเปิบ! อีก 20% ที่เหลือก็ถือเสียว่าเป็นของขวัญที่ฝังไปพร้อมกับพวกเขาแล้วกัน พวกเราไม่ควรจะหวังมากเกินไป! บิลลี่ที่มักจะมีสีหน้าทะลึ่งตึงตังน้อยครั้งที่จะจริงจังพูดขึ้นมา
ฉินสือโอวยักไหล่ พูดว่า “ยังไงก็คงมีคนอยากชุบมือเปิบอยู่ดี แต่ช่างเถอะ เท่านี้ก็พอแล้ว จากการประมาณคร่าวๆ แล้ว จะได้รายรับเท่าไร?”
เมื่อได้ยินคำว่ารายรับ บิลลี่ก็ดีใจขึ้นมา พูดว่า “เหรียญทองพวกนี้ถูกเก็บไว้ค่อนข้างดี ประมาณหนึ่งส่วนสิบสามารถนำไปขายเป็นวัตถุโบราณได้ มูลค่าต่อเหรียญก็ประมาณหนึ่งหมื่นดอลลาร์สหรัฐ ส่วนที่เหลือก็คงต้องนำไปหลอมเป็นทองแล้วล่ะ แบบนี้พอคิดๆ ดูแล้ว หลังพวกเราจ่ายภาษีเสร็จ ก็ยังมีเหลืออยู่ประมาณสามสิบสองล้านดอลลาร์สหรัฐ
“นายล้อฉันเล่นหรือเปล่า? เหลือแค่สามสิบสองล้านเหรอ?” ฉินเศรษฐีใหญ่พิโรธแล้ว ราคานี้ไม่ถูกต้องเลย
………………………
บทที่ 263 จะได้กลับบ้านแล้ว
โดย
Ink Stone_Fantasy
ไม่ว่าคิดอย่างไรก็ไม่ถูกต้อง!
เหรียญทอง 10% ถูกนำไปขายเป็นวัตถุโบราณ หนึ่งเหรียญมีมูลค่าหนึ่งหมื่นเหรียญ งั้นสามพันสองร้อยเหรียญทอง ก็เท่ากับสามสิบสองล้านเหรียญ เหรียญที่เหลืออีกเกือบสามหมื่นเหรียญก็คือเท่ากับทองคำสามหมื่นออนซ์ ถึงแม้จะมีเศษที่ต้องตัดทิ้งไปบ้าง แต่ทองหนึ่งออนซ์ก็มีมูลค่า 1250 ดอลลาร์สหรัฐ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องมีมูลค่าสามสิบล้านไม่ใช่เหรอ?
เมื่อนำไปบวกกัน งั้นเงินที่ได้ ก็ต้องเป็นหกสิบล้านเหรียญไม่ใช่เหรอ?
บิลลี่ยื่นบัญญัติของการเก็บกู้ใต้ท้องทะเลระหว่างประเทศ บัญญัติการเก็บกู้ใต้ท้องทะเลของสหรัฐอเมริกา บัญญัติการเก็บกู้ใต้ท้องทะเลของรัฐแมสซาชูเซตส์ และกฎหมายว่าด้วยการยกเว้นอธิปไตยของต่างประเทศให้กับฉินสือโอว แล้วพูดว่า “เอาไปค่อยๆ ศึกษาแล้วกัน”
เอกสารทั้งสี่เล่มนี้ล้วนแต่เป็นแบบย่อ ฉินสือโอวอ่านได้เพียงครู่เดียวก็รู้สึกตาลายแล้ว ความจริงความหมายก็มีเพียงว่า สิ่งของที่ถูกงมได้จากทะเลระหว่างประเทศนั้น ทั้งสหประชาชาติและประเทศที่เรืองมซากสังกัดอยู่ต่างก็ต้องได้รับไปจำนวนหนึ่ง หากว่าสมบัติถูกงมขึ้นมาจากน่านน้ำของสหรัฐอเมริกา งั้นกรมสรรพากรของอเมริกาและน่านน้ำที่รัฐนั้นสังกัดอยู่ก็ต้องถูกเก็บไปจำนวนหนึ่ง
ฉินสือโอวอยากจะด่าออกมา แต่เขารู้ว่าถึงจะด่าไปเสียแรงเปล่า เงินพวกนี้อย่างไรก็ต้องจ่ายอยู่ดี
เหรียญทองอินทรีพวกนี้ถูกค้นพบแถวชายหาดน้ำตื้นจอร์จ ขอบคุณพระเจ้าเมตตา น่านน้ำที่ค้นพบเหรียญทองพวกนี้ไม่ได้มีความขัดแย้งอะไร แต่ถือเป็นของอเมริกาเลย เพราะหากเป็นพื้นที่ขัดแย้งกันแล้วเกิดการยื้อแย่งกันระหว่างแคนาดาและอเมริกาแล้วล่ะก็ งั้นบริษัทของฉินสือโอวคงต้องได้เสียเงินเยอะกว่านี้เป็นแน่
อีกอย่าง อเมริกาเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจทุนนิยมตัวจริง พวกเขาจึงมีระบบการคุ้มครองพ่อค้าวาณิชได้ดีกว่า อย่างน้อยก็ดีกว่าแคนาดาที่อ้างว่าตัวเองเป็นประเทศทุนนิยมที่อยู่ภายใต้ระบอบรัฐธรรมนูญแต่ความจริงกลับไม่เป็นอย่างนั้น ในด้านการงมซากสิ่งของใต้ทะเล ภาษีที่อเมริกาเก็บจะถูกกว่าแคนาดา
แคนาดามีเพียงแค่ภาษีประเทศอย่างเดียวก็จริง แต่หากสิ่งของใต้ทะเลที่มีมูลค่าเกินห้าสิบล้านดอลลาร์แคนาดา ภาษีก็จะสูงถึง 60% เลย!
ส่วนทางอเมริกาทางประเทศจะเก็บภาษีก่อน 38% จากนั้นทางรัฐแมสซาชูเซตส์ก็จะเก็บอีก 24% เมื่อเป็นแบบนี้ดูเหมือนว่าภาษีของอเมริกาจะสูงกว่า แต่ว่าลองคิดดูอีกที การคิดภาษีของรัฐแมสซาชูเซตส์นั้น คิดจากจำนวนที่เหลือหลังจากจ่ายภาษีประเทศไปแล้ว (62% จากมูลค่ารวม) ฉะนั้น 24% ที่ว่าไป ความจริงก็เท่ากับเก็บจากมูลค่าก่อนจ่ายภาษีเพียง 15% เท่านั้น
และเมื่อรวมกับค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่นค่าใช้จ่ายในการประชาสัมพันธ์เพื่อการประมูล ค่าใช้จ่ายในการหลอมทองเป็นต้น เมื่อหักค่าใช้จ่ายเหล่านี้ไปแล้ว เงินที่พวกเขาจะได้รับจริงๆ ก็คือสามสิบล้านกับอีกนิดหน่อย
ฉินสือโอวหมดคำจะพูด อะไรถึงเรียกว่าปอกลอก? นี่แหละที่เรียกว่าปอกลอกล่ะ!
เขาเสียแรงไปตั้งเยอะในการค้นหาเหรียญทองเหล่านี้ อเมริกากับรัฐแมสซาชูเซตส์ไม่ได้ทำอะไรเลยแต่กลับมาเอาเงินไปเกินกว่าครึ่ง นี่น่ากลัวยิ่งกว่าผีดูดเลือดเสียอีก
แต่ว่าความจริงพอคิดๆ ดูแล้วก็ยังถือว่าดี เพราะหากว่าเป็นประเทศจีน ฉินสือโอวอย่าคิดว่าจะได้เงินจากเหรียญทองพวกนี้แม้สักแดงเดียว เพราะถือว่าเป็นของประเทศทั้งหมด…
ลองนึกย้อนกลับไปตอนที่มีการค้นพบกระบี่ทองสัมฤทธิ์ ไม้สนเนื้อแดงพันปี และชะตากรรมของคนที่ค้นพบของเหล่านี้ คนพวกนี้จัดได้ว่าเป็นคนที่สวรรค์บันดาลลาภลอยมาให้ แต่สุดท้ายสิ่งที่พวกเขาได้รับก็มีเพียงแค่เงินรางวัลไม่กี่พันหยวนกับใบประกาศนียบัตรหนึ่งใบเท่านั้น
เบลคบินมารวมตัวกับบิลลี่ที่อเมริกา ทั้งคู่ต่างก็ต้องเข้าร่วมงานแถลงข่าว
การเก็บกู้ครั้งนี้จะดำเนินการภายใต้บริษัทเก็บกู้โอดิสซีย์ เหรียญทองจะถูกตีเป็นของบริษัทโอดิสซีย์ ค่าใช้จ่ายต่างๆ ทางบริษัทเสี่ยวอวี๋จะเป็นผู้รับผิดชอบ ก็คือให้บริษัทโอดิสซีย์ออกหน้าให้เท่านั้น แล้วก็ให้เงินโบนัสพวกเขา 4%
การร่วมงานกันแบบนี้พบเห็นได้ง่ายมากในการร่วมงานกันของบริษัทระหว่างประเทศ บริษัทกู้ซากในมหาสมุทรเสี่ยวอวี๋ถือเป็นบริษัทของแคนาดา หากว่าให้บริษัทเขาดำเนินการเอง ก็ยังคงต้องจ่ายภาษีให้กับรัฐบาลแคนาดาอีก ฉินสือโอวไม่เอาด้วยหรอก
ถึงแม้ว่าการยืมชื่อบริษัทอื่นในการจัดการเหรียญทองจะค่อนข้างผิดกฎหมาย แต่ว่าไม่มีคนเอาเรื่องได้แน่ เพราะการเก็บกู้เหรียญทองพวกนี้ก็ใช้เรือของบริษัทโอดิสซีย์
นี่ก็คือเหตุผลที่ฉินสือโอวเลือกทำธุรกิจกับบิลลี่และพวก หากว่ามีเขาเพียงคนเดียว ถึงแม้จะสามารถจัดการเหรียญพวกนี้ได้เอง แต่ก็ยังมีเรื่องอื่นๆ ให้จัดการอีกมากมาย ไม่แน่ว่าสุดท้ายแล้วเงินที่ได้รับอาจไม่ได้มากเท่ากับตอนนี้ซึ่งเขาแทบไม่ได้ทำอะไรเลยเสียด้วยซ้ำ การจะดำเนินการเรื่องต่างๆ นั้นต้องใช้เงินจำนวนมากเอาเรื่องอยู่
ทางสหรัฐอเมริกาไม่เสียแรงที่ได้ขึ้นชื่อเรื่องรัฐบาลที่เป็นนักเลงอันดับหนึ่งของโลก พวกเขาก็คิดอยากจะชุบมือเปิบกับเหรียญทองทั้งหมดนี้ด้วย เหตุผลก็คือเหรียญทองพวกนี้ถูกจมไปพร้อมกับเรือของทางรัฐบาล
ต่อไปก็ถึงเวลาทีมกฎหมายของทั้งบริษัทโอดิสซีย์และบริษัทเสี่ยวอวี๋เริ่มออกโรงบ้าง อ้างอิงจากกฎที่ถูกบัญญัติไว้ในบัญญัติการเก็บกู้สิ่งของใต้ทะเลอเมริกันเพียงข้อเดียวก็จัดการปัญหานี้ได้แล้ว เรือของอเมริกาจมลงไปมากกว่า 80 ปีและยังไม่ได้ถูกงมขึ้นมา จึงตกเป็นสิทธิ์โดยชอบธรรมของประชาชนแล้ว ของที่ถูกงมขึ้นมาจึงไม่ถือว่าเป็นของรัฐบาลสหรัฐอีกต่อไป
การออกแถลงข่าวและการขึ้นศาลไม่ใช่หน้าที่ของฉินสือโอว หลังจากนำเหรียญทองส่งมอบให้กับเบลคและบิลลี่แล้ว ฉินสือโอวก็เตรียมตัวกลับบ้าน
การมาเมืองกลอสเตอร์ครั้งนี้ เงินที่ฉินสือโอวหาอย่างเปิดเผยมีจำนวนแสนกว่าดอลลาร์สหรัฐ รายได้หลักจากการตกปลาทูน่าครีบน้ำเงินรอบแรกกับปลาทูน่าครีบน้ำเงินใต้และปลาทูน่าครีบเหลืองที่ตกได้รอบหลัง แถมได้จำนวนเยอะอีกต่างหาก
แน่นอนว่า การที่เขาขับเรือยอชต์ไปกลับจากเมืองแฟร์เวลและเมืองกลอสเตอร์นั้น ต้องใช้ทั้งเงินค่าน้ำมันและค่าซ่อมแซมเรือซึ่งก็ต้องมีประมาณห้าหมื่นกว่าดอลลาร์ เมื่อเป็นแบบนี้แล้วรายรับที่ได้ก็เท่ากับปกติไม่มากเลย
เหล่าชาวประมงไม่สนใจจุดนี้ พวกเขารู้สึกชื่นชมความโชคดีของฉินสือโอว ฤดูตกปลาเพิ่งเริ่มไปแค่ครึ่งเดือน แต่เขาก็สามารถหาเงินแสนกว่าดอลลาร์สหรัฐได้แล้ว ตัวพวกเขานั้นแค่สามารถหาเงินได้แสนกว่าดอลลาร์สหรัฐในสามเดือนก็ถือว่าเก่งแล้ว ความแตกต่างนี้มากไปไหม?
แน่นอนว่า เงินหนึ่งแสนดอลลาร์ที่ฉินสือโอวหาได้นั้นในเมืองกลอสเตอร์ตอนนี้ไม่มีคนสนใจ เพราะในสายตาทุกคนตอนนี้ต่างก็มุ่งไปที่เหรียญทองพวกนั้น ไม่ว่าจะเป็นชาวประมงหรือนักตกปลา ต่างก็บ้าคลั่งกัน!
ดีที่ฉินสือโอวไม่ได้ออกหน้า ถึงแม้พวกชาลส์และคนอื่นๆ ต่างก็รู้ถึงแรงจูงใจในการมาเมืองกลอสเตอร์ของเขาดี แต่กลับไม่มีคนนึกได้ ว่าสมบัติที่ดูเหมือนบริษัทโอดิสซีย์เป็นคนงมขึ้นมาได้นั้น แท้จริงแล้วเป็นฝีมือของฉินสือโอวทั้งนั้น
เพราะที่สุดแล้ว ตั้งแต่ฉินสือโอวมาถึงเมืองกลอสเตอร์ก็ไม่เคยไปถามไถ่เรื่องการเก็บกู้ใต้ทะเลเลย ได้แต่นั่งตกปลาต่อไปเรื่อยๆ หากใช้คำพูดของตำรวจก็คือ เขามีพยานยืนยันที่อยู่นั่นเอง
เมื่อได้รู้ว่าบริษัทโอดิสซีย์งมเหรียญทองขึ้นมาได้แปดกล่อง ยังมีอีกสองกล่องที่มีเหรียญทองร่วมแปดพันเหรียญที่ยังคงถูกซ่อนไว้ที่ใต้ทะเล ก็มีนักดำน้ำจากในเมืองจำนวนหนึ่งพากันไปงมหา
หลังฉินสือโอวคืนห้องที่วิสเติลไปได้ครึ่งชั่วโมง ห้องก็ถูกจองโดยบริษัทเก็บกู้จากรัฐมิสซิสซิปปีแล้ว
เมื่อวิสเติลรู้ว่าฉินสือโอวจะกลับ ก็มีความรู้สึกไม่อยากให้กลับอยู่บ้าง แต่ว่าในช่วงนี้เขาเองก็วุ่นอยู่กับการหาวิธีงมเหรียญทองอยู่ จึงไม่ได้ไปส่งฉินสือโอว
คู่สามีภรรยาชาลส์และเซรีน่ามาส่งฉินสือโอวที่ท่าเรือ ทั้งสองฝ่ายกอดลากัน ชาลส์พูดกับฉินสือโอวว่า ฤดูหนาวเป็นช่วงพักการตกปลา ต้องมาเที่ยวบ้านพวกเขากัน เขาจะดูแลต้อนรับฉินสือโอวอย่างดี ตอนนี้เพราะเป็นฤดูตกปลาทำให้ยุ่งมาก จึงดูแลต้อนรับเขาไม่ได้
เมื่อฉินสือโอวตอบตกลง ก็ถามว่า “อ้อ แล้วพวกคุณไม่สนใจเหรียญทองพวกนั้นบ้างเหรอครับ? ไม่แน่ว่าพวกคุณอาจจะโชคดี งมเจอเหรียญทองอีกกล่องก็ได้นะ นั่นน่ะเงินเจ็ดถึงแปดล้านดอลลาร์เลยนะ”
ชาลส์หัวเราะร่าออกมาแล้วพูดว่า “ไม่ล่ะ ฉิน พวกเราไม่เอาด้วยหรอก พวกเราไม่ได้มีดวงในการทำอะไรแบบนั้น สู้ตอนที่ทุกคนกำลังวุ่นอยู่กับการหาสมบัติเอาเวลาไปตกปลาดูจะได้เรื่องมากกว่า”
ทั้งสองฝ่ายกอดลากันอีกครั้ง ฉินสือโอวขึ้นเรือยอชต์ไป เขาโบกมือลาตาแก่เจมส์และแอนเฟอร์นีที่รีบตามมา เหลือไว้เพียงแต่เงาหลังที่สง่างาม เรือนางนวลเริ่มออกเรือ แล่นไปสู่ทางกลับบ้าน
ชาลส์พูดด้วยเสียงทอดถอนใจว่า “ผมมีความรู้สึกว่าฉินน่าจะมีความเกี่ยวข้องกับสมบัติในครั้งนี้ตลอดเลย พวกคุณว่าอย่างไรบ้าง?”
ฉินสือโอวมาที่นี่เพราะสมบัติ หลังสมบัติถูกพบแล้วก็จากไปทันที จะไม่ให้คนรู้คิดมากได้อย่างไร
ตาแก่เจมส์ส่ายหัว แล้วพูดอย่างมีเหตุผลว่า “ถ้าหากฉินมาที่เมืองกลอสเตอร์เพราะสมบัติจริงๆ ล่ะก็ งั้นเขาคงไม่ไปตกปลา และก็คงไม่ไปพักร้อนที่หาดฮาร์ฟมูนหรอก เขาเป็นเพียงเศรษฐีที่มาพักร้อนเท่านั้น ฉันเชื่อในสิ่งที่ฉันเห็น”
แอนเฟอร์นีมองดูเรือนางนวลที่แล่นไกลออกไป ใบหน้าสวยนั้นมีทั้งสีหน้าเสียใจและเสียดาย กัปตันเรือผู้ลึกลับจากทางตะวันออก พวกเรายังจะได้เจอกันอีกไหมนะ…
………………………………….
บทที่ 264 ฟาร์มปลาคึกคักมาก
โดย
Ink Stone_Fantasy
และก็เป็นการเดินเรือที่มีระยะไกลอีกครั้ง เรือนกนางนวลได้ลากเรือบอลหิมะแล่นฝ่าลมคลื่นไปตลอดทาง และสุดท้ายก็มาถึงน่านน้ำของนิวฟันด์แลนด์
การแล่นเรือเข้าแคนาดานั้นลำบากมากกว่าตอนออกไป เมื่อครั้งที่ออกไปเพียงแค่ลงทะเบียนที่ด่านศุลกากรของเมืองแฮลิแฟกซ์ก็สามารถเดินทางออกไปได้แล้ว
เมื่อกลับเข้ามา ยังต้องให้ด่านศุลกากรของแคนาดาตรวจค้นอีกขั้น โดยนำฝูงสุนัขดมกลิ่นตรวจค้นยาเสพติดและฝูงสุนัขดมกลิ่นตรวจค้นของผิดกฎหมายขึ้นไปบนเรือ และตรวจค้นเรือนกนางนวลกับเรือบอลหิมะตั้งแต่หัวเรือไปถึงท้ายเรือหนึ่งรอบ จากนั้นจึงจะจากไปอย่างอาลัยอาวรณ์
เหตุผลที่รู้สึกอาลัยอาวรณ์เป็นเพราะว่าพวกสุนัขดมกลิ่นตรวจค้นยาเสพติดและสุนัขดมกลิ่นตรวจค้นของผิดกฎหมายนั้นต่างก็เป็นสุนัขเพศเมียที่มีความรู้สึกไว เมื่อพวกมันได้เห็นหู่จือและเป้าจือก็เกิดการกระตุ้นอารมณ์ทางเพศ ถ้าไม่มีหน่วยยามชายฝั่งคอยจูงไว้ บวกกับโดยปกติได้รับการฝึกฝนอย่างเข้มงวด เกรงว่าพวกมันคงจะก้มลงไปและกระดกก้นขึ้นอย่างแน่นอน
หู่จือและเป้าจือเกือบจะเป็นสุนัขที่โตเต็มวัยแล้ว เป็นที่รู้กันดีแต่ไหนแต่ไรว่าสุนัขลาบราดอร์จะมีบุคลิกลักษณะที่อ่อนโยน อย่างไรก็ตามหลังจากที่ได้รับการปรับแก้จากพลังงานแห่งโพไซดอน หู่จือและเป้าจือจึงมีบุคลิกที่สุนัขลาบราดอร์ธรรมดาไม่มี นั่นก็คือความสง่าและความน่าเกรงขาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกมันมีความมั่นใจในตัวเองและความเฉลียวฉลาด นั่นเป็นสิ่งที่สุนัขโง่ๆ ทั่วไปไม่สามารถเลียนแบบได้
หลังจากที่ขึ้นมาบนเรือสุนัขเพศเมียเหล่านี้ก็ไม่ค่อยได้ทำงานสักเท่าไร เพราะต่างก็ใช้หางตาชำเลืองมองหู่จือและเป้าจืออย่างต่อเนื่อง แม้แต่ฉงต้าที่ซ่อนตัวอยู่ในห้องนอนสุนัขเหล่านี้ก็ยังค้นหาไม่พบ และยิ่งไม่ต้องพูดถึงบุชที่นิมิตส์ได้จับขึ้นไปกลางอากาศ
เป็นครั้งแรกที่บุชได้ขึ้นไปบนชั้นอากาศที่สูง หลังจากที่ลงมาแล้วมันก็ได้กางปีกออกและร้องเสียง ‘แควกแควก’ ฉินสือโอวนึกว่ามันรู้สึกตื่นเต้นดีใจ จึงพูดชมเชยมันออกมา
สุดท้ายเมื่อเขาเดินเข้าไป คิดไม่ถึงว่าบุชจะพุ่งเข้ามาในอ้อมอกเขาและสั่นเทาไปทั้งตัว ที่ปากยังคงกรีดร้อง ‘แควกแควก’ อย่างอนาถออกมา
ในตอนนี้ฉินสือโอวถึงได้รู้ว่าบุชได้กลัวการขึ้นไปอยู่บนชั้นอากาศที่สูงจนปัสสาวะราด การค้นพบในครั้งนี้ทำให้เขาตกตะลึงจนตาค้าง เป็นไปไม่ได้ นกอินทรีหัวขาวที่ดูแล้วองอาจและเชี่ยวชาญในการรบ คาดไม่ถึงว่าจะกลัวความสูง
พวกชาร์คและนีลเซ็นต่างก็คิดว่าเรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ เพราะว่าพวกเขาไม่รู้ว่าบุชมาได้อย่างไร ในตอนแรกเจ้าตัวนี้เพื่อหลีกเลี่ยงการตกเป็นอาหารของสัตว์อื่นจึงตกลงมาจากต้นฉำฉาแดงที่มีขนาดใหญ่โตและได้รับบาดเจ็บจนเกือบจะตาย
ฉินสือโอวคาดเดาว่าประสบการณ์ในช่วงเวลานั้นได้ทิ้งปมในใจให้กับนกอินทรีน้อยผู้น่าสงสารตัวนี้
นี่เป็นสิ่งที่ยากจะแก้ไข ทำได้เพียงแค่รอให้บุชเติบโตขึ้นก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที
จากทิศใต้ไปยังทิศเหนือ น่านน้ำของนิวฟันด์แลนด์ที่เรือพึ่งจะมาถึงคืออาณาเขตของฟาร์มปลาต้าฉิน ฉินสือโอวยืนอยู่บนดาดฟ้าของเรือ เขาหลับตา ยกแขนทั้งสองข้างขึ้น และแหงนหน้ารับลมทะเลที่พัดโชยมาปะทะหน้าและสัมผัสกับแสงแดดที่แผดเผา จากนั้นจึงตะโกนออกมาอย่างเข้มแข็งว่า “ออกโจมตีได้ เหล่ากองพลของฉัน!”
หู่จือและเป้าจือที่งีบหลับอยู่บนดาดฟ้า เมื่อได้ยินฉินสือโอวตะโกนเสียงดังก็ตกใจตื่นขึ้นมา ฉงต้าเองยังนึกว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้วจึงยืดหางสีขาวขนาดใหญ่ออกและอยากที่จะหนีเตลิดออกจากห้องโดยสารเรือ…
ฉินสือโอวหัวเราะจนน้ำตาไหล ที่เขาตะโกนออกไปเมื่อสักครู่นี้ได้หมายถึงการออกคำสั่งให้เหล่ากองกำลังทหารธงฟ้าออกโจมตี
ความเร็วในการพุ่งออกไปของปลาทูน่าครีบน้ำเงินนั้นเร็วมาก การแหวกว่ายอยู่ตลอดเวลาอาจจะทำให้มือสมัครเล่นรู้สึกประทับใจ นั่นก็คือพวกมันจะแหวกว่ายไปมาอย่างรวดเร็วที่ก้นทะเลตลอดชีวิต
แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ได้เป็นเช่นนั้น นอกจากในเวลาที่ล่าเหยื่อเพื่อหาอาหารแล้ว ในเวลาอื่นปลาทูน่าครีบน้ำเงินก็จะแหวกว่ายไปอย่างช้าๆ ขอเพียงแค่มีน้ำไหลผ่านบริเวณแก้มก็สามารถรับออกซิเจนอย่างเพียงพอต่อการดำรงชีวิต
จากการเปรียบเทียบแล้ว ปลาที่มีขนาดเล็กย่อมมีความคล่องตัวกว่าปลาที่มีขนาดใหญ่ เมื่อฉินสือโอวเอ่ยคำสั่งออกไปก็ได้มีปลาขนาดเล็กตัวหนึ่งซึ่งมีขนาดประมาณสี่สิบเซนติเมตรพุ่งตัวออกไปก่อน และโผเข้าโจมตีปลาแฮร์ริ่งที่อยู่ข้างหน้าอย่างสบายใจ
ช่างบังเอิญเหลือเกินที่เหล่าพี่น้องฉลามกบทั้งเจ็ดตัวอย่างมันเดย์จนถึงซันเดย์ก็ได้จับจ้องไปที่ฝูงปลาแฮร์ริ่งฝูงนี้เช่นกัน โดยพวกมันได้เข้าไปโอบล้อมไว้ทุกทิศทางและค่อยๆ ลงมือจัดการอย่างเงียบๆ!
พวกมันล้อมฝูงปลาแฮร์ริ่งไว้อย่างเงียบๆ แค่มองดูก็รู้ว่าฝูงปลาแฮร์ริ่งเหล่านี้จะสามารถทำให้พวกมันอิ่มท้องได้ ดังนั้นการปรากฏตัวของปลาทูน่าครีบน้ำเงินขนาดเล็กจึงเป็นการก่อกวนให้แผนการทั้งหมดพังลง
ฝูงปลาแฮร์ริ่งตื่นตระหนกตกใจและว่ายหนีกระจัดกระจายออกไปคนละทิศ เหล่าพี่น้องฉลามกบตกตะลึงจนตาค้าง กว่าจะฉวยโอกาสกินปลามาได้สองตัวนั้นไม่ง่ายเลย แต่ปลาแฮร์ริ่งตัวอื่นๆ กลับว่ายน้ำหนีไปหมดแล้ว
พี่ใหญ่ที่เป็นผู้นำอย่างมันเดย์จึงโมโหมาก มันจับจ้องไปที่ปลาทูน่าที่แหวกว่ายอยู่อย่างสบายใจด้วยแววตาที่ชั่วร้าย หึหึ ในเมื่อแกทำให้อาหารของฉันตกใจกลัวจนหนีไป ถ้าเช่นนั้นฉันก็จะเอาแกมาใส่ท้องแทน
ภายใต้การบัญชาการของมันเดย์ พี่น้องฉลามกบทั้งเจ็ดตัวก็ได้ล้อมปลาทูน่าครีบน้ำเงินตัวน้อยไว้และจ้องมองไปที่มันด้วยเจตนาที่ร้าย เตรียมปรึกษาหารือกันว่าจะแบ่งเจ้าปลาตัวน้อยอันแสนจะโอชะนี้อย่างไร
แต่เจ้าปลาทูน่าครีบน้ำเงินตัวน้อยกลับไม่เกรงกลัว มันจ้องมองไปที่เหล่าพี่น้องฉลามกบ มันแหวกว่ายผุดๆ โผล่ๆ ขึ้นลงไปมาซ้ายขวา ราวกับไม่รู้ความร้ายกาจของเหล่าพี่น้องฉลามกบ
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เหล่าพี่น้องฉลามกบโกรธแค้นมาก นี่คือการเหยียดหยามกันอย่างโจ่งแจ้งเลยนะ งั้นก็จำเป็นต้อง…
ทันใดนั้นกระแสน้ำทะเลก็ได้หมุนขึ้นหมุนลง กลุ่มเงาร่างสีดำที่น่ากลัวก็ได้ปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของปลาทูน่าครีบน้ำเงินตัวน้อยซึ่งอยู่ไม่ไกลจากน่านน้ำทะเล
เหล่าพี่น้องฉลามกบกะพริบตาปริบๆ พวกมันยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ จึงจ้องมองไปที่น่านน้ำที่อยู่ด้านหน้าอย่างโง่เขลา
ห่างออกไปไม่กี่ร้อยเมตร พวกมันมองเห็นเพียงแค่ปลาขนาดใหญ่ที่น่ากลัวซึ่งมีขากรรไกรบนเป็นหอกยาวคล้ายลูกศรปรากฏขึ้นมาก่อน รูปร่างของมันมีขนาดความยาวประมาณสี่เมตรกว่า มีแววตาที่เย็นชา มีครีบที่แข็งแรง เนื้อที่อยู่บนตัวของมันได้ดันหนังกำพร้าให้นูนขึ้นมา ซึ่งดูแล้วเต็มไปด้วยหน้าตาท่าทางที่ดุร้าย
หลังจากที่ปลาตัวใหญ่ตัวนี้ได้ปรากฏตัวขึ้น ก็ยังมีปลาทูน่าครีบน้ำเงินขนาดใหญ่หลายสิบตัวซึ่งมีความยาวประมาณสองถึงสามเมตรและมีท่าทางดุดันได้ปรากฏตัวขึ้นมาเช่นกัน ต่อจากนั้นก็มีปลาทูน่าปรากฏตัวออกมามากยิ่งขึ้น จากมากกว่าหนึ่งร้อยกว่าตัว เพิ่มขึ้นเป็นสองร้อยกว่าตัวและมากขึ้นไปจนถึงห้าร้อยกว่าตัว
เหล่าพี่น้องฉลามกบหวาดกลัวจนปัสสาวะแทบราด นี่พวกเขากำลังจะทำอะไรกันเนี่ย มนุษย์ต่างดาวกำลังจะบุกโจมตีโลกเหรอ? พี่น้องทั้งหลายรีบหนีไปเร็ว ฟาร์มปลากำลังไม่ปลอดภัย กลับไปหลบอยู่ที่บริเวณแนวปะการังก่อนแล้วค่อยว่ากัน น่าจะดีกว่านะ!
ในตอนแรกที่ออกจากกลอสเตอร์ ขนาดของกองกำลังทหารธงฟ้าได้ใหญ่ขึ้นมาบ้างเล็กน้อยแล้ว
ระหว่างที่เดินทางกลับ เรือยอชต์ได้ขับเคลื่อนไปอย่างช้าๆ ฉินสือโอวไม่มีธุระเร่งด่วนอะไรต้องให้จัดการ จึงลอยล่องอยู่ในทะเลไปอย่างเนิบๆ
จากท่าเรือกลอสเตอร์ไปถึงนิวฟันด์แลนด์ เรือยอชต์ใช้เวลาเดินทางทั้งหมดสี่วันสี่คืน ในช่วงเวลานี้เขาได้รับปลาทูน่าครีบน้ำเงินทั้งขนาดใหญ่และเล็กมากกว่าหกสิบตัวจากเหล่านักตกปลาแห่งหาดน้ำตื้นจอร์จ แม้แต่ลูกปลายังมีขนาดถึงสองเมตรครึ่ง
ด้วยเหตุนี้ ปลาที่เขานำกลับมาจึงมีมากกว่าห้าร้อยตัว เพราะว่าเรือยอชต์ได้ขับเคลื่อนไปอย่างช้าๆ ปลาเหล่านี้จึงติดตามมายังฟาร์มปลาต้าฉินได้ทัน
เมื่อเข้ามาในเขตน่านน้ำของฟาร์มปลา ฉินสือโอวได้ร้องตะโกนให้พวกมันไปล่าหาอาหารได้ตามอิสระ เพื่อที่จะเร่งการเดินทางในช่วงเวลาสี่วันที่ผ่านมา ปลาขนาดใหญ่เหล่านี้จึงหิวเป็นอย่างมาก
ในฟาร์มปลายังคงมีปลาซาบะ ปลาแฮร์ริ่ง ปลาแซลมอนและปลาค็อดมากเพียงพอ เหล่าปลาทูน่าครีบน้ำเงินจึงดีใจเป็นอย่างมาก จึงเริ่มพากันเข้าไปกินอาหาร
หลังจากที่กินอาหารแล้ว พวกมันก็ได้ฮึกเหิมมากยิ่งขึ้น เพราะว่ารสชาติของปลาทะเลในฟาร์มปลาต้าฉินนั้นดีกว่าปลาในน่านน้ำอื่นมาก เนื้อปลาสามารถให้พลังงานที่มากขึ้น เมื่อมีสภาพแวดล้อมล่าอาหารที่ดีเลิศเช่นนี้ พวกมันจึงรีบอยู่ที่นี่ทันที
การมาเยือนของปลาทูน่าจำนวนมากนี้ถือว่าเป็นการทำให้ปลาค็อดในฟาร์มปลาต้าฉินนั้นโชคร้าย เดิมทีพวกมันคือนักล่าอันดับต้นๆ ของฟาร์มปลา พวกปลาแฮร์ริ่ง ปลาแซลมอนขนาดใหญ่ กุ้งขั้วโลกเหนือและปลาซาบะต่างก็เป็นอาหารของพวกมัน
แต่ปลาทูน่าครีบน้ำเงินนั้นค่อนข้างรุนแรงและรวดเร็ว ส่วนใหญ่จะเป็นปลาขนาดใหญ่ที่มีความยาวประมาณหนึ่งถึงสองเมตร และเนื้อปลาค็อดส่วนใหญ่จะมีรสชาติที่อร่อยที่สุด พวกมันต่างชอบที่จะล่าปลาค็อดมาเป็นอาหาร
ด้วยเหตุนี้ ปลาค็อดที่โชคร้ายจึงร่วงลงมาจากยอดพีระมิดของห่วงโซ่อาหาร กลายเป็นเหยื่ออันดับหนึ่งของปลาทูน่า
ปัจจุบันน่านน้ำทางตอนใต้ของเกาะแฟร์เวลแทบจะเป็นอาณาเขตของฉินสือโอวทั้งหมด เพราะเขาได้กว้านซื้อฟาร์มปลาเหล่านี้ไว้หมดและเอาจิตสำนึกแห่งโพไซดอนเข้าไปส่งเสริมอย่างโดยเร็ว ราวกับจักรพรรดิกำลังตรวจตราบนพื้นพิภพ เขาได้สำรวจน่านน้ำบริเวณฟาร์มปลาทั้งหมดหนึ่งรอบ เพื่อดูสถานการณ์ของฟาร์มปลาในตอนนี้
ในครึ่งเดือนกว่า ฟาร์มปลาไม่ได้ปรากฏปัญหาใดๆ แม้แต่นิดเดียว ทั้งหมดอยู่ในการควบคุมของเขา
ต้นอ่อนสาหร่ายทะเลเริ่มที่จะเจริญเติบโตขึ้นแล้ว ต้นที่เจริญเติบโตอย่างรวดเร็วจะมีความยาวประมาณยี่สิบกว่าเซนติเมตร มีลักษณะอ่อนช้อยสีเขียวเข้ม ใบที่เล็กมากๆ ได้แผ่ขยายออกมา และดูดรับแสงแดดที่ส่องเข้าไปในน้ำทะเลอย่างกระหาย
………………………………………………………
บทที่ 265 หญิงสาวตัวสูงน่ารัก
โดย
Ink Stone_Fantasy
ฟาร์มปลาชั้นบนจะมีสาหร่ายทะเลที่งอกงามและสาหร่ายสีน้ำตาลที่กำลังเจริญเติบโตอยู่ ที่ก้นทะเลคือโลกของปูเสฉวนบกและเหล่าปูก้ามดาบ และแน่นอนสิ่งที่มีมากที่สุดก็คือกุ้งแดง
กุ้งแดงคือนักล่าที่อยู่ชั้นต่ำที่สุดในฟาร์มปลา พวกมันล่าได้แค่เพียงแพลงก์ตอนและสาหร่ายทะเลมาเป็นอาหารเท่านั้น และปลาชนิดอื่นๆ แทบที่จะล่าพวกมันเป็นอาหาร แม้แต่หอยที่มีรูปร่างเหมือนภูเขาไฟอย่างหอยนมสาวทะเลยักษ์ก็ยังสามารถที่จะรังแกพวกมันได้
ใต้ท้องทะเลมีฝูงปลาจำนวนมากกำลังเกาะกลุ่มรวมกันเคลื่อนที่ไปมา ซึ่งปลาที่มีจำนวนมากที่สุดคือปลาแฮร์ริ่ง ปลาซาบะและปลาค็อด ปลาเหล่านี้จะเป็นตัวสำคัญในการประคับประคองฟาร์มปลาต้าฉินไว้ นอกจากนี้ เพราะความขยันในการดึงปลาเข้ามาในฟาร์มของฉินสือโอวและการที่ฝูงปลาได้เข้ามาหาด้วยตัวเอง ทำให้ปัจจุบันปลาชนิดต่างๆ ในฟาร์มปลาต้าฉินจึงมีจำนวนเยอะมากแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นปลาทะเลตัวแบนมหาสมุทรแอตแลนติกที่มีขนาดใหญ่มหึมา ปลาลิ้นหมาที่มีรสชาติสดอร่อย ฝูงปลาแฟงค์ทูธที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูง ครอบครัวปลาขี้ตังเบ็ดที่อยู่โดยไม่อาศัยผู้อื่น และฝูงปลาแซลมอนชินูกที่ฉินสือโอวได้หามา เงาร่างของพวกมันก็มักจะปรากฏให้เห็นอยู่เสมอ
นอกจากนี้ ยังมีปลาต่างๆ อาทิเช่น ปลาตาเหลือก ปลาจวด ปลาแอนโชวี่มหาสมุทรแอตแลนติก ปลากะพง ปลากระโทงร่ม ปลาอมไข่ครีบยาว ปลาโอขาวและปลาโอหลอด ได้มาปรากฏตัวขึ้นที่ฟาร์มปลาเช่นกัน
สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวแปลกประหลาดใจมากที่สุดก็คือ การได้พบเจอกับปลาไหลอเมริกันจำนวนหนึ่งโดยไม่คาดคิด เจ้าพวกนี้เหมือนกับปลาไหลนาไม่มีผิด ชอบที่จะหลบซ่อนอยู่ในทราย เมื่อมีกุ้งแดงผ่านมา พวกมันจะยื่นหัวออกมาทันทีทันใด และใช้ความกะทันหันนี้กลืนเขมือบกุ้งเหล่านั้นเข้าไป จากนั้นก็เข้าไปซ่อนตัวในทรายอีกครั้ง
ฉินสือโอวได้ให้พลังงานโพไซดอนแก่ปลาไหลอเมริกันบ้างเล็กน้อย เขายังจำคำพูดของชาร์คได้ดีว่า ปัจจุบันปลาไหลอเมริกันนั้นใกล้จะสูญพันธุ์หมดแล้ว ซึ่งสาเหตุเกิดจากสภาพแวดล้อมของแหล่งที่อยู่อาศัยนั้นไม่ดี ดังนั้น หากเจ้าปลาไหลเหล่านี้สามารถแพร่พันธุ์ที่ฟาร์มปลาได้ก็จะเป็นเรื่องที่ดีมากเช่นกัน
เมื่อนึกถึงความอร่อยของปลาไหลอเมริกัน ฉินสือโอวจึงอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย สำหรับในส่วนของไข่ปลาไหลนั้น เป็นสิ่งที่ไม่ควรคิดเลยจริงๆ !
หลังจากที่สำรวจใต้ท้องทะเลเสร็จแล้ว เรือยอชต์ก็ค่อยๆ เคลื่อนที่เข้าใกล้ท่าเรือ
รอบๆ ท่าเรือจะมียางรถเก่าผูกติดไว้ เรือยอชต์และเรือต่างๆ เพียงแค่มาหยุดจอดเทียบท่า ถ้าหากไม่มียางรถที่ช่วยทำให้แรงปะทะลดลง ท่าเรือก็จะถูกกระแทกเข้าได้ง่ายและทำให้เกิดความเสียหายอย่างมากต่อตัวเรือและท่าเรือ
เมื่อเรือเทียบท่าและได้วางพาดแผ่นไม้สำหรับให้เดินลงเรือแล้ว หู่จือและเป้าจือก็ได้พุ่งลงไป ส่วนฉงต้าก็ได้เดินตามมาติดๆ ขาทั้งสี่ได้โยกย้ายก้นอันตุ้ยนุ้ย คาดไม่ถึงว่ามันจะวิ่งได้ไม่ช้าไปกว่าลาบราดอร์ทั้งสองตัวมากนัก ทำให้ต้าป๋ายถูกทิ้งไปไกลมาก
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้บุชร้อนใจ มันสะบัดปีกอันเล็กยื่นคอออกมาและร้อง ‘แควกแควก’ อย่างต่อเนื่อง ในระหว่างขากลับพวกหู่จือและเป้าจือก็ได้พามันเล่นสนุกสนานตลอดเวลา ในตอนนี้ก็ได้ขึ้นมาบนพื้นดินกันหมดแล้ว เมื่อพบเจอกับเขตพื้นที่ที่ไม่คุ้นเคย บุชจึงไม่กล้าที่จะขึ้นไปและหมุนไปมาอย่างกังวล
ฉินสือโอวยิ้มหัวเราะและจับบุชขึ้นมา เชอร์ลี่ย์ พาวลิส กอร์ดอนและมิเชล เด็กทั้งสี่คนส่งเสียงร้องแสดงความดีใจและให้การต้อนรับทุกคนขึ้นมา หู่จือและเป้าจือโถมตัวขึ้นมา พาวลิสและกอร์ดอนจึงวิ่งเข้าไปกอดสุนัขหนึ่งคนต่อหนึ่งตัวและนอนกลิ้งไปมาบนหาดทราย
ต้าฉงก็โผเข้าหาเชอร์ลี่ย์ เชอร์ลี่ย์วิ่งเข้ามาและยิ้มอย่างเบิกบานใจ ฉงต้าคิดว่าตัวเองนั้นยอดเยี่ยมมาก จึงเข้าไปขู่ให้มิเชลตกใจกลัวเช่นกัน
มิเชลจึงยิ้มออกมาเล็กน้อย และจับลูกบาสเกตบอลดึงไปทางข้างหลังและโยนออกไปเหมือนกับเล่นกีฬาทุ่มน้ำหนักไม่มีผิด
‘โครม!’ ลูกบาสได้ตกลงไปโดนกลางหน้าผากของฉงต้าพอดี ฉงต้าจึงร้องเสียงดังออกมาอย่างน่าสงสาร มันแกว่งไปมาสองรอบอยู่บนหาดทรายเหมือนกับเมาเหล้าและล้มคว่ำลงไปที่พื้น!
ฉินสือโอววิ่งเข้ามา ฉงต้าได้กอดขาเข้าไว้และเริ่มร้อง ‘โฮโฮ’ ออกมา อวัยวะบนใบหน้าที่อวบอ้วนต่างก็แทบจะรวมเข้าด้วยกัน แบบนี้เขาเรียกว่าเสียใจนะ
เมื่อไม่มีทางเลือก ฉินสือโอวจึงต้องจำใจลากฉงต้าขึ้นมาบนฝั่ง เออร์บักสวมกางเกงชายหาดสบายๆ นั่งตากอากาศอยู่ ทั้งสองคนต่างยิ้มให้กันโดยที่ไม่จำเป็นต้องพูดอะไร ทั้งหมดเป็นที่รู้กันของทั้งสองฝ่าย
พลังแห่งโพไซดอนนั้นยอดเยี่ยมมากจริงๆ มันได้ช่วยกำจัดเนื้องอกในสมองของเออร์บักให้หายไปอย่างฉับพลัน และภายใต้การรักษาของพลังแห่งโพไซดอนทำให้ในตอนนี้ร่างกายของตาเฒ่าได้ฟื้นตัวมากขึ้นแล้ว กลับมามีพละกำลังอย่างเต็มตัวอีกครั้ง ในระหว่างที่ฉินสือโอวไม่อยู่ เขาสามารถขับเรือลาดตระเวนออกไปทะเลด้วยตัวเองได้อย่างเป็นประจำ
หลังจากที่ขึ้นฝั่งมาแล้วชาร์คและซีมอนสเตอร์ก็กลับไปที่บ้านก่อน ฉินสือโอวได้ให้พวกเขาหยุดพักผ่อนสองวัน แม้ว่าการออกทะเลในครั้งนี้จะไม่ได้เหนื่อยอะไรนัก ซึ่งเหมือนกับไปท่องเที่ยวในวันหยุดไม่มีผิด แต่ทว่าถึงอย่างไรก็เป็นการจากบ้านไปกว่าครึ่งเดือน พวกเขายังอยากที่จะอยู่พร้อมหน้ากันทั้งครอบครัว
อีวิลสันและนีลเซ็นยังคงอยู่ที่ฟาร์มปลาต่อ ฉินสือโอววิ่งไปที่สวนแตงกวา เขาหาแตงกวาที่เขียวสดมาเช็ดๆ สองลูก จากนั้นก็ใช้ฟันกัด ‘กร๊อบกร๊อบ’ กินน้ำที่แตกกระจายอยู่ข้างในปาก
กระรอกเสี่ยวหมิงได้เกาะตามขากางเกงและปีนขึ้นไปบนไหล่เขาอย่างว่องไว ฉินสือโอวจึงบิดแตงกวาชิ้นหนึ่งส่งให้มัน
เมื่อรับแตงกวามาแล้ว มันจึงกระโดดลงมาจากบนไหล่ของเขาโดยตรง ขนปุยที่อยู่บนหางของมันจึงแผ่ขยายออกมา ราวกับว่ากำลังสะพายร่มชูชีพไว้และลงมาที่พื้นอย่างสบายๆ มันกัดแตงกวาแบ่งเป็นสามสี่ชิ้น เหล่ากระรอกดินที่กำลังเล่นกันอยู่ไม่ไกลนัก ได้วิ่งหัวซุกหัวซุนเข้ามาคว้าแตงกวาด้วยสองมือและกินเข้าไป
ฉินสือโอวเห็นฉากนี้เข้าจึงหัวเราะชอบใจออกมา เขาได้พูดกับเออร์บักที่อยู่ด้านหลังขึ้นว่า “รีบดูสิ คุณปู่เออร์ คิดไม่ถึงว่ากระรอกดินพวกนี้จะกินอาหารเหมือนกับเสี่ยวหมิง พวกมันกำลังเรียนรู้จากเสี่ยวหมิงเหรอ?”
เออร์บักยักไหล่ หัวเราะและเอ่ยขึ้นว่า “แบบนี้เห็นได้บ่อย ในความคิดของพวกมันตอนนี้เสี่ยวหมิงได้กลายเป็นพ่อไปแล้ว”
วันเวลาที่ผ่านมา สิ่งที่ฉินสือโอวคิดถึงมากที่สุดคือผักผลไม้ของที่บ้าน นอกจากนี้ยังมีไก่และเป็ดจำนวนมากที่เลี้ยงโดยธรรมชาติ
ที่เมืองกลอสเตอร์ผู้คนได้กินอาหารเหมือนกับที่ต่างๆ ในอเมริกาไม่มีผิด นั่นก็คือกินเนื้อไก่ เนื้อแกะ และเนื้อวัว ไม่ต้องคาดหวังถึงเนื้อไก่ เนื้อเป็ด เนื้อวัว และเนื้อแกะที่มีการเลี้ยงดูเป็นพิเศษจนมีคุณภาพดีและนำออกมาขายเหมือนกับเมืองเล็กๆ เนื้อสัตว์ที่ขายตามร้านค้าต่างก็เป็นเนื้อสัตว์ที่ถูกเลี้ยงมาโดยการให้อาหารสัตว์
เขาคุ้นชินแล้วกับการกินเนื้อไก่และเนื้อเป็ดที่ถูกเลี้ยงโดยธรรมชาติ เมื่อมากินเนื้อสัตว์ที่นี่อีกครั้ง ช่างไม่มีรสชาติอะไรเลยจริงๆ
เออร์บักเข้าใจเขามากที่สุด จึงหัวเราะและเอ่ยขึ้นว่า “ในบ้านได้เก็บไข่ไก่และไข่เป็ดไว้ประมาณสี่ร้อยกว่าฟองแล้ว นอกจากนี้ นายสามารถไปดูๆ ที่คอกได้ มีเรื่องให้เซอร์ไพรส์อย่างหนึ่ง”
ฉินสือโอวสงสัยว่าเรื่องเซอร์ไพรส์คืออะไร แต่ว่าก็ไม่มีอะไรให้คาดหวัง เขาจึงเก็บแตงกวา มะเขือเทศ มะเขือยาว ถั่วฝักยาว ถั่วแขกและพริกขึ้นมาเล็กน้อย และยังขุดคื่นฉ่ายขึ้นมาอีกสองต้น มันฝรั่งอีกเล็กน้อย เมื่อจัดการผักในสวนผักเสร็จแล้วเขาถึงจะไปที่คอกเลี้ยงสัตว์
หลังจากไปดูที่คอกเลี้ยงสัตว์ ฉินสือโอวก็ได้เจอกับเรื่องเซอร์ไพรส์จริงๆ
ภายในคอกเลี้ยงสัตว์ที่กว้างขวาง มีลูกไก่ขนปุกปุยสีเหลืองและลูกเป็ดที่ผลุบๆ โผล่ๆ อยู่ในพงหญ้า ซึ่งเมื่อนับคร่าวๆ คิดไม่ถึงว่าจะมีจำนวนประมาณหนึ่งร้อยกว่าตัว
ในตอนนี้ไก่ตัวผู้ได้เปลี่ยนเป็นสงบนิ่งมากขึ้นแล้ว มันเดินยืดหน้าอกผายไหล่ผึ่งอยู่ในคอก ราวกับจักรพรรดิกำลังสำรวจอาณานิคม ซึ่งเรียกว่าความยิ่งยโสอย่างหนึ่ง
ลูกหมูป่าและเหล่าหมูบ้านได้ถูกไก่กับเป็ดต้อนไปที่มุมคอก เพียงแค่พวกมันกล้ามารุกล้ำเขต ไก่ตัวผู้ก็จะร้อง ‘กะต๊ากกะต๊าก’ และใช้ปากที่แหลมไปจิกพวกมัน ไล่พวกมันถอยกลับไป
เชอร์ลี่ย์มีความสุขจนพูดกับฉินสือโอวขึ้นว่า “ลูกไก่พวกนี้หนูเป็นคนเจอเอง พวกมันพึ่งจะฟักไข่ได้อาทิตย์หนึ่ง วันนั้นตอนที่หนูมาเก็บไข่ก็เห็นแม่ไก่เจ็ดแปดตัวฟักไข่ออกมา ต่อมาพวกเราก็ไม่ได้มาเก็บไข่ไก่และไข่เป็ดอีก ทำให้ลูกไก่และลูกเป็ดที่ฟักออกมามีจำนวนเพิ่มมากขึ้น”
ฉินสือโอวกลืนน้ำลายและเอ่ยขึ้นว่า “ถ้าเป็นอย่างที่พูด ในนี้มีไข่ขน[1]เหรอ?”
“อะไรคือไข่ขนเหรอคะ?” เชอร์ลี่ย์เบิกตากว้างเอ่ยถามด้วยความสงสัย
เมื่อผ่านการอบรมเลี้ยงดูในฟาร์มปลา เธอจึงไม่มีท่าทางที่เหมือนกับสาวน้อยลี้ภัยผู้อ่อนแออีกแล้ว ตอนนี้ผิวของเธอขาวนุ่ม เส้นผมตรงสีทองนุ่มสลวยปล่อยลงมาประบ่า ดวงตาสีเขียวมรกตสะอาดราวกับหินโมรา ริมฝีปากนุ่มเป็นสีชมพู รูปร่างของร่างกายก็เจริญเติบโตอย่างอรชรอ้อนแอ้นและมีเสน่ห์ ช่างเป็นเหมือนกับหญิงสาวตัวสูงน่ารักที่ส่งกลิ่นความหอมสดชื่นจริงๆ เลย
………………………………………………………………
[1]毛蛋 ไข่ขน หรือในภาษาไทยเรียกว่า ไข่ข้าว(ไข่ค้างฮาง) เกิดจากแม่ไก่ที่ออกไข่มาแต่ไม่ได้ฟักต่อหรือเรียกว่าแท้งลูก ซึ่งในไข่นั้นจะมีตัวอ่อนของไก่ที่กำลังจะเป็นลูกเจี๊ยบอยู่หรือไข่บางฟองที่กำลังเป็นตัวอ่อนแต่ตายแล้วจึงกลายมาเป็นไข่ข้าว
บทที่ 266 เอาอาหารมื้อใหญ่มาก่อน
โดย
Ink Stone_Fantasy
เมื่อมองไปที่เชอร์ลี่ย์ ฉินสือโอวจึงกลืนน้ำลายอีกครั้ง จากนั้นจึงคิดว่าตัวเองช่างแย่เสียจริง นี่เป็นเพียงแค่เด็กสาวและยังเป็นลูกอีกด้วย ตัวเองคิดอะไรที่ไม่เหมาะสม
แต่เชอร์ลี่ย์กลับนึกว่าฉินสือโอวอยากจะกินไข่ที่เรียกว่า ‘ไข่ขน’ จึงพูดซักไซ้ไล่เลียงทันทีว่าอะไรคือไข่ขน
ฉินสือโอวอธิบายไม่ถูก กอร์ดอนที่กำลังตะลึงอยู่นั้นก็ได้ยินคำถามนี้เข้า เขาหัวเราะแหะๆ ออกมา และมองไปที่เชอร์ลี่ย์ด้วยเจตนาที่ไม่ดี จากนั้นเขาก็โยกย้ายสองขาเหมือนจิ๊กโก๋และเอ่ยขึ้นว่า “เธออยากรู้เหรอว่าไข่ขนคืออะไร? อันนี้ฉันรู้ เมื่อสองวันก่อนฉันปัสสาวะกับพวกเจส พวกเขาเห็นไข่ของฉันมีขนขึ้น เลยเรียกสิ่งนี้ว่า ‘ไข่ขน’ ไง”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ฉินสือโอวแทบจะล้มทั้งยืน แม่งอะไรกันเนี่ย เด็กพวกนี้ช่างพูดอะไรลามกและรุนแรงมาก
เชอร์ลี่ย์ที่ยืนอยู่ตรงหน้าของฉินสือโอวคือหญิงสาวผู้มีบุคลิกน่ารักและไร้เดียงสา แต่อยู่ตรงหน้าของกอร์ดอนกลับกลายเป็นพี่สาวที่มีบุคลิกเข้มงวด
เมื่อได้ยินคำพูดของกอร์ดอน ใบหน้าที่สวยงามของเธอก็แดงก่ำขึ้นมา ไม่รู้ว่าเธอรู้สึกโกรธหรือรู้สึกอาย เธอจับหูกอร์ดอนและทำเหมือนออกแรงบิด จากนั้นก็ใช้มือตีไปที่ท้ายทอยของเขาและดุด่าขึ้นว่า “กอร์ดอน ดูนายสิ ทำอย่างกับเด็กนักเลงไม่มีผิด! พระเจ้า! ฉันคิดไม่ถึงจริงๆ ว่านายจะกลายมาเป็นเด็กเลวแบบนี้…”
กอร์ดอนจึงร้องขึ้นมาอย่างน่าสงสาร เขาทำหน้ามุ่ยและร้องเรียกมิเชล “ช่วยฉัน เสียวหมี่ นายช่วยฉันหน่อยสิ!”
มิเชลมองไปที่เชอร์ลี่ย์และพูดอ้ำๆ อึ้งๆ เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างอ่อนหวานและเอ่ยขึ้นว่า “เสียวหมี่ นายก็อยากพูดเรื่องไข่ขนให้ฉันฟังเหรอ?”
มิเชลจึงตัดสินใจดำเนินการอย่างรวดเร็วโดยการยื่นมือไปตบหัวกอร์ดอนอย่างแรงและเอ่ยขึ้นว่า “กอร์ดอน นายมันเป็นนักเลง นายมันเป็นนักเลงจริงๆ นักเลงจะต้องตกนรก นายต้องตกนรก!”
พาวลิสยักไหล่ให้กับฉินสือโอว เขาแบมือออกแล้วเดินถอยกลับไป จากนั้นจึงพูดกับเชอร์ลี่ย์ขึ้นว่า “ฉันจะไปซ้อมขับรถแล้ว ฉันยังจะต้องเอาแชมป์เอฟวันมาให้ลุงฉินกับปู่เออร์อีกนะ”
ฉินสือโอวจับแม่ไก่ออกมาจากคอกหนึ่งตัว กอร์ดอนยื่นมือออกไปขอความช่วยเหลือจากเขาด้วยสีหน้าที่เศร้าและสิ้นหวัง เหมือนกับเด็กชาวยิวที่ถูกจับโดยชุทซ์ชตัฟเฟิล[1] “ฉิน ช่วยผม ช่วยๆ ผมหน่อยเถอะ ผมไม่อยากตายตรงนี้…”
เมื่อเห็นเขาแสดงออกอย่างสิ้นหวังขนาดนี้ ฉินสือโอวจึงเกิดความเห็นใจ เชอร์ลี่ย์จึงพูดขึ้นด้วยความโกรธ “ฉิน เขากำลังแสดงละคร อย่าไปหลงกล กอร์ดอนชอบแสดงละครมากที่สุด หนูยังไม่ได้ออกแรงบิดหูเขาเลย!”
ฉินสือโอวยังคงเดินเข้าไป กอร์ดอนคิดว่าตัวเองได้รับความช่วยเหลือแล้ว จึงแสดงออกอย่างเบิกบานใจขึ้นมาทันที ฉินสือโอวเห็นแล้วจึงชะงักงง เด็กคนนี้เคยเรียนการแสดงเปลี่ยนหน้ากากงิ้วเสฉวนเหรอ?
ในแววตาที่เฝ้าคอยของกอร์ดอน ฉินสือโอวก็ได้ให้ความปวดหัวกับเขา โดยพูดกับเชอร์ลี่ย์ขึ้นว่า “สั่งสอนเขาให้หนัก คิดไม่ถึงว่าจะกล้าพูดทะลึ่งกับพี่สาวและโกหกฉัน!”
ฉินสือโอวเดินออกไปไกลแล้ว แต่ก็ยังได้ยินเสียงร้องที่ดังแหลมของกอร์ดอน เสียงร้องแบบนี้ได้ทำให้ฉงต้านึกถึงความทรงจำที่ไม่ดีบางอย่าง มันจึงลุกขึ้นมาและยื่นอุ้งเท้าไปดึงเสื้อผ้าของฉินสือโอวไว้ มันเดินไปพลางและมองไปที่ข้างหลังอย่างกังวลไปพลาง
บุชอยู่บนสนามหญ้าด้วยความรู้สึกเบื่อหน่าย ในนี้มีแต่คนและสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย มันจึงค่อนข้างเงียบและประพฤติตัวดี แต่เชอร์ลี่ย์และคนอื่นๆ ไม่รู้ว่าเจ้าตัวเล็กนี้คือนกอินทรีหัวขาวที่ยังเยาว์วัย เมื่อเห็นว่ามันดูขี้เหร่และสกปรก จึงไม่ได้ให้ความสนใจต่อมัน
ฉินสือโอวได้โยนแม่ไก่ลงบนสนามหญ้า ในที่สุดบุชก็หาเพื่อนเล่นเจอแล้ว มันจึงโผเข้าไปหยอกเล่นกับแม่ไก่ตัวนั้น
สุดท้าย นีลเซ็นก็ได้ถือมีดขึ้นมาและฟันลงไปด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย จากนั้นเลือดก็กระเด็นออกมา
บุชตกใจกลัวมาก ก่อนหน้านี้มันไม่เคยยื่นคอร้องเสียงแหลม ‘แควกแควก’ ที่มีความถี่สูงแบบนี้มาก่อน ดังนั้นนิมิตส์ที่กำลังบินอยู่ในระดับความสูงที่ต่ำ เมื่อได้ยินเสียงร้องที่รีบเร่งของมัน จึงรีบบินลงมาทันทีและกางปีกออกเพื่อบังบุชไว้
บุชได้ตกใจกลัวมากจริงๆ ถึงแม้ว่านิมิตส์จะปกป้องมันไว้ แต่มันก็ยังคงร้องอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงทำให้นิมิตส์รู้สึกโมโหจนขนที่อยู่บนตัวได้กระจุยขึ้นมา มันร้องเสียงแหลมใส่นีลเซ็น ยื่นลำคอออกมา เหมือนกับอยากที่จะเริ่มบุกโจมตี
นีลเซ็นจึงจำเป็นต้องวิ่งหนีไป เพราะถ้าหากยังทำต่อไป ก็จะเกิดการจู่โจมขึ้นมา
ในตอนค่ำ ฉินสือโอวก็ได้เป็นคนตระเตรียมอาหารเย็น โดยมีเชอร์ลี่ย์เป็นผู้ช่วย และแน่นอน หญิงสาวผู้น่ารักคนนี้สามารถทำอาหารด้วยตัวเองได้หลายอย่างแล้ว เธอทำไข่คลุกแตงกวาได้น่ากินและอร่อยกว่าฉินสือโอวเสียอีก
เปลือกแตงกวาที่มีสีเขียวสดและเนื้อในเป็นสีเหลืองอ่อน เมื่อใช้น้ำมันพริกและน้ำมันหอยราดไว้ข้างบน ทำให้สีเขียวได้กลายเป็นสีเขียวมันขลับมากขึ้น และสีเหลืองก็กลายเป็นสีเหลืองมันขลับขึ้นเช่นกัน เชอร์ลี่ย์ได้หั่นไข่เจียวให้แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและใส่ลงไป ซึ่งเหมือนกับโรยดอกไม้เล็กๆ ลงบนอาหารไม่มีผิด ดูแล้วสวยงามเป็นอย่างมาก
ฉินสือโอวได้ทำผัดถั่วฝักยาว และยังเอาพริกหยวกและเนื้อหมูป่ารมควันมาทำเป็นเบคอนผัดพริก สำหรับมะเขือเทศก็ยังคงเอามาผัดกับไข่ไก่ ส่วนมะเขือยาวนั้นมีประโยชน์มากที่สุด เชอร์ลี่ย์ได้เอามาทำมะเขือยาวผัดซอส จากนั้นก็เติมถั่วฝักยาวกับพริกหยวกเพื่อทำเป็นผัดสามเซียน
แม่ไก่ที่นีลเซ็นได้ฆ่าเสร็จแล้วก็ได้เอามาตุ๋นด้วยหม้ออัดแรงดัน ข้างในหม้อมีเห็ดหอมป่าและเห็ดหัวลิงตากแห้งที่พาวลิสได้เก็บมาจากเกาะกลางของทะเลสาบเฉินเป่าอยู่ด้วย และการเอาแม่ไก่มาตุ๋นรวมกับโป๊ยกั๊ก กลิ่นที่หอมหวนนั้นชวนให้น้ำลายสอ
เดิมทีฉินสือโอวอยากที่จะย่างลูกหมูด้วย แต่สุดท้ายเหล่าหมูป่านั้นโตกันไวมาก ปัจจุบันลูกหมูต่างก็มีน้ำหนักยี่สิบกว่ากิโลแล้ว แต่ทว่าเตาย่างก็ยังคงวางอยู่ ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนมาทำย่างเป็ดแทน
ในความเป็นจริงแล้วขั้นตอนในการทำเป็ดย่างแบบแขวนเตานั้นยุ่งยากมาก ซึ่งอาจจะทำให้รู้สึกหงุดหงิดได้ ฉินสือโอวรู้สึกขี้เกียจ เขาจึงลดขั้นตอนในการทำลงเล็กน้อย
หลังจากที่ย่างให้ไขมันในหนังเป็ดเข้าไปในเนื้อแล้ว เขาก็ยัดสมุนไพรและเครื่องเทศเข้าไปในท้องเป็ด และทาบนหนังเป็ดด้วยซอส น้ำเชื่อมเมเปิลและน้ำมันหอย จากนั้นก็เอาเข้าไปย่างต่อ
การทำเป็ดย่างแบบนี้สามารถทำได้กับแค่เพียงเป็ดที่ฉินสือโอวได้เลี้ยงไว้เท่านั้น เพราะว่าถ้าไม่มีการปรุง เนื้อเป็ดจะต้องสดนุ่มและอร่อย เป็ดที่เลี้ยงด้วยอาหารสัตว์ทั่วไป ถ้าเอามาทำอาหารแบบนี้ รสชาติคงจะแย่มากแน่นอน
พลังแห่งโพไซดอนได้เคยปรับแก้เป็ดพวกนี้มาก่อน การนำมาย่างเช่นนี้จึงเป็นวิธีที่ดีกว่า โดยไม่ต้องใช้เครื่องปรุงรสมากเกินไป ก็จะสามารถรักษาความอร่อยของเนื้อเป็ดไว้ได้มากที่สุด
ในตอนค่ำสนามหญ้าที่อยู่หน้าวิลล่าก็สว่างไสวเหมือนกับตอนกลางวันไม่มีผิด ฉินสือโอวไม่ได้ใช้โต๊ะอาหาร แต่ได้ปูผ้าคลุมโต๊ะผืนใหญ่ลงบนหญ้าโดยตรง ทุกคนเปลือยเท้านั่งลงบนพื้นรวมกันเป็นกลุ่ม หู่จือ เป้าจือ ฉงต้า ต้าป๋าย เสี่ยวหมิง บุช นิมิตส์และกระรอกดินได้นั่งเข้าหากันเป็นครอบครัว
คนที่กินเนื้อก็กินเนื้อ คนที่กินผักก็กินผัก กินผลไม้ก็กินผลไม้ ส่วนคนที่กินพิซซ่าก็กินพิซซ่า
โอ้ ถึงเวลานี้แล้วอีวิลสันก็ยังคงนั่งกินพิซซ่าอยู่ ไม่ใช่ว่าฉินสือโอวทำกับข้าวไม่เพียงพอสำหรับทุกคน แต่เป็นเพราะว่าในครั้งนี้ได้ออกไปจากเกาะแฟร์เวลเป็นเวลาถึงครึ่งเดือน ทำให้อีวิลสันไม่ได้กินพิซซ่าจากร้านพิซซ่ามังกี้เลย ดังนั้นเขาจึงคิดถึงอาหารนี้มาก
ฉินสือโอวได้ขบเคี้ยวผักที่ปลูกในสวนของบ้านตัวเองอย่างเอร็ดอร่อย กินอาหารหนึ่งคำ กินไอซ์ไวน์อีกหนึ่งอึก และแสดงออกอย่างอิ่มอกอิ่มใจ
คลื่นทะเลได้ซัดสาดเข้ามายังหาดทรายที่อยู่ไม่ไกลนัก เสียงคลื่นกระทบติดต่อต่อกันช่างไพเราะน่าฟัง ลมทะเลพัดผ่านมาอย่างช้าๆ โดยไม่มีความร้อนเหมือนกับตอนกลางวัน สายลมในเวลานี้ยังคงมีความอุ่นชื้นของน้ำทะเลและมีความเย็นสบายของยามค่ำคืน ช่างสบายและสดชื่นมากที่สุด
เมื่อแหงนหน้าขึ้น สิ่งที่เห็นคือดวงดาวที่อยู่บนฟากฟ้า ฉินสือโอวจึงอดไม่ได้ที่จะคิดถึงพ่อกับแม่ เขาจึงรีบโทรศัพท์ไปหาคนที่บ้าน
และก็พูดเหมือนเดิมในทุกๆ ครั้ง สิ่งที่พ่อแม่เป็นห่วงที่สุดคือเรื่องสุขภาพของฉินสือโอว ขอเพียงแค่ลูกชายสุขภาพร่างกายแข็งแรง ถึงแม้ว่าจะทำอะไรไม่สำเร็จสักอย่าง พ่อกับแม่ก็มีความสุขมากแล้ว
ฉินสือโอวอยากให้พ่อกับแม่มาเที่ยวพักผ่อนที่นี่ แต่พ่อแม่ของฉินสือโอวก็ผลัดมาโดยตลอด บอกว่าต้องขายผักที่อยู่ในสวนบ้าง จะต้องเก็บข้าวในนาบ้าง สรุปได้ว่าถึงอย่างไรก็จะไม่ยอมมา
สุดท้ายเมื่อถูกฉินสือโอวกดดัน แม่ของฉินสือโอวจึงเอ่ยขึ้นว่า “แม่กับพ่อ แม้แต่ในเมืองก็ยังไม่ค่อยได้ไปเลย ถ้าไปต่างประเทศกลัวจะทำอะไรให้ลูกขายขี้หน้า”
เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ ฉินสือโอวจึงตาแดงขึ้นมาในทันทีและเอ่ยขึ้นว่า “ขายขี้หน้าอะไรกัน? แม่ ตอนนี้ลูกชายแม่อยู่ที่แคนาดาได้กลายเป็นคนที่สุดยอดมากจริงๆ นะ แม้แต่นายกเทศมนตรีนครเซนต์จอห์นยังมอบรางวัลให้ผมเลย! พ่อกับแม่ไม่ต้องกังวลใจ มาเถอะ”
แม่ของฉินสือโอวลังเลใจอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ยังพูดปฏิเสธ “ไปต่างประเทศ พ่อกับแม่ก็ไม่รู้ว่าจะคุยอะไรกับคนต่างชาติ ไปแล้วจะสนุกตรงไหน? เสี่ยวโอว ไม่อย่างนั้นลูกก็กลับมาบ้านอีกสิ กลับมาหาพ่อกับแม่ก็ได้แล้ว…”
พ่อของฉินสือโอวที่อยู่ตรงนั้นด้วยก็ได้ตะโกนออกมาว่า “จะให้ลูกกลับมาทำไม? ตั๋วเครื่องบินแพงขนาดไหนเธอรู้ไหม? ให้ลูกอยู่ที่นั่นให้สบายๆ และหาเมียสักคนถึงจะถูก”
…………………………………………………………….
[1] ชุทซ์ชตัฟเฟิล หรือเอ็สเอ็ส เป็นองค์กรกำลังกึ่งทหารสังกัดพรรคนาซี
บทที่ 267 ชู้ตติ้งการ์ดผู้ยิ่งใหญ่
โดย
Ink Stone_Fantasy
พ่อแม่ของฉินสือโอวก็คือนักปฏิวัติเก่าเช่นกัน ฉินสือโอวอยากที่จะให้พวกเขามาพักร้อนที่แคนาดามาโดยตลอด แต่ทั้งสองคนดื้อดึงไม่เห็นด้วย สุดท้ายกลายเป็นตัวเขาเองที่ถูกกดดัน โดยพวกเขาได้เริ่มพูดโน้มน้าวขึ้นว่า
“ลูกก็อายุไม่ใช่น้อยๆ แล้ว ควรที่จะหาเมียได้แล้ว ที่บ้านมีผู้หญิงดีๆ ตั้งเยอะ ลูกก็ไม่สนใจ?”
“เมียของเสี่ยวเผิงใกล้จะคลอดลูกแล้ว ดูลูกสิ แม้แต่คนรักที่จะแต่งงานด้วยก็ยังไม่ดี โธ่ ขายหน้าจริงๆ”
“เมียของเสี่ยวเผิงที่เป็นเพื่อนนักเรียนคนนั้นดีมากเลยนะ เธอชื่ออะไรนะ โหลวมู่ชิงใช่ไหม? ใช่ โหลวมู่ชิง อาทิตย์ที่แล้วพ่อของลูกไปเจอเธอที่ตลาดนัด เธอช่างเป็นผู้หญิงที่ดีมาก ตั้งใจเชิญพ่อของลูกไปดื่มชาที่บ้านเธอด้วย”
“หาเมียสิ….”
“กลับมาหาเมีย…”
“หรือหาเมียที่แคนาดา…”
เมื่อพ่อกับแม่ได้พูดโน้มน้าวออกมา ฉินสือโอวก็รับไม่ได้แล้ว เขาจึงยกมือยอมแพ้อย่างจนตรอก แต่ว่าเขาได้ยื่นคำขาดออกไปว่าอย่างช้าที่สุดปลายเดือนนี้ ถ้าพ่อกับแม่ของเขายังไม่ยอมมาที่แคนาดา เขาก็จะกลับบ้านไปพาทั้งคู่มา
เขาเชื่อว่าเพียงแค่พ่อกับแม่ได้มาเห็นเกาะแฟร์เวล สถานที่ที่มีสภาพแวดล้อมราวกับดินแดนสุขาวดีแห่งนี้ พวกเขาจะต้องชอบที่นี่อย่างแน่นอน ไม่งั้นคนจีนจะชอบมาเที่ยวที่นี่เยอะขนาดนั้นเหรอ?
ก่อนหน้านี้ที่อเมริกา แฮมเล็ตได้โทรศัพท์หาเขาและพูดไว้ว่านักท่องเที่ยวที่มาเป็นกลุ่มแรกได้กำหนดไว้ยี่สิบคน ในความเป็นจริงแล้วเมื่อคณะทัวร์กลับไป ก็ได้นำรูปภาพที่ถ่ายและรายการท่องเที่ยวไปโพสต์โฆษณาบนอินเทอร์เน็ต ทำให้ในวันเดียวกันได้มีคนสมัครเข้ามาเต็มยี่สิบคน
ได้ยินว่าปัจจุบันได้มีนักท่องเที่ยวสมัครเข้ามาเที่ยวที่เกาะแฟร์เวลเกินสองร้อยคนแล้ว เพียงแต่คณะทัวร์และเมืองแฟร์เวลกลัวว่านักท่องเที่ยวกลุ่มแรกจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น จึงตัดสินใจส่งแค่เพียงกลุ่มเล็กๆ มาสำรวจเส้นทาง เมื่อเกิดปัญหาขึ้นก็จะง่ายต่อการแก้ไข
อาทิตย์หน้าคนเหล่านี้ก็จะมาถึง ในฐานะที่ฉินสือโอวเป็นคนจีนคนเดียวในเมืองแฟร์เวล เขาจึงต้องรับผิดชอบในการติดตามคณะไปด้วย
หลังจากที่กลับมาจากท่าเรือเมืองกลอสเตอร์ ฉินสือโอวก็ไม่มีงานอะไรที่ต้องทำ ทุกอย่างในฟาร์มปลาเข้าที่เข้าทางหมดแล้ว แม้แต่ชีวิตของปูราชินีและเพรียงตีนเต่าก็ดีมากเช่นกัน
บริษัทโอดิสซีย์ยังเป็นหนี้เขาอยู่ยี่สิบล้าน เหรียญทองที่มีอยู่ก็สามารถสร้างรายได้ให้กับเขาอีกยี่สิบล้าน ถ้าเช่นนั้นก็จะกลายเป็นสี่สิบล้านดอลลาร์สหรัฐในทันที
ฉินสือโอวคิดไว้แล้วว่า ถ้าได้เงินจำนวนนี้แล้ว ก็จะไปซื้อฟาร์มปลาก่อนอีกสองแห่ง อาทิเช่น ฟาร์มปลามิสเตอร์รอท
ด้วยเหตุนี้จะทำให้น่านน้ำของฟาร์มปลาขยายใหญ่ขึ้นและอยู่ติดๆ กัน เขาต้องการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของฟาร์มปลาให้ครบวงจรและใหม่ขึ้น โดยพื้นฐานที่สุด เขาอยากที่จะซื้อเครื่องบินสองลำ ลำหนึ่งเป็นเครื่องบินทางการเกษตรซึ่งจะเอาไว้โปรยยาและอาหาร ส่วนอีกลำหนึ่งเป็นเครื่องบินลาดตระเวนซึ่งเอาไว้ใช้ในการสำรวจฟาร์มปลา
ก่อนหน้านี้มีเพียงแค่ฟาร์มปลาต้าฉินแห่งเดียว ฉินสือโอวก็ยังสามารถแบ่งกับพวกชาร์คเป็นสองเส้นทาง เพื่อเข้าไปสำรวจในทะเลว่ามีคนขโมยปลาหรือมีเรื่องอื่นๆ เกิดขึ้นหรือไม่
ปัจจุบันพื้นที่ฟาร์มปลาได้ขยายกว้างออกไปเป็นสามเท่าภายในรวดเดียว พวกเขาขับเรือออกไปสำรวจไม่ทั่วถึงแล้ว ในหนึ่งวันสามารถขับวนไปกลับรอบน่านน้ำได้ก็ไม่เลวแล้ว จากกรณีนี้จึงจำเป็นที่จะต้องใช้เครื่องบินเข้ามาช่วย
ในวันรุ่งขึ้น หลังจากที่ตื่นนอนและไปออกกำลังแล้ว ฉินสือโอวก็เห็นมิเชลอุ้มลูกบาสวิ่งออกมาในขณะที่กำลังง่วงขี้ตาอยู่ เขาจึงยิ้มหัวเราะและพามิเชลไปวอร์มร่างกายที่สนามบาส
ฉินสือโอวได้ให้มิเชลแสดงในสิ่งที่ตัวเองเรียนรู้มาก่อนแล้วให้เขาดู มิเชลยิ้มอย่างเขินอาย เขากางขาย่อสะโพกอยากที่จะเลี้ยงลูกบาสลอดขา ผลสุดท้ายคือลูกบาสได้ชนกับหว่างขาไม่สามารถลอดไปได้ ฉินสือโอวจึงหัวเราะขึ้นมา
แต่ไม่นาน เขาก็ยิ้มไม่ออกอีก ไม่ใช่เป็นเพราะว่ามิเชลนั้นเก่ง แต่เป็นเพราะความสามารถของมิเชลนั้นใช้ไม่ได้ ความสามารถที่ใช้ไม่ได้นี้ไม่ใช่เป็นเพราะว่าเขาใช้เทคนิคได้แย่ แต่มันคือปัญหาของแนวคิด เขาอยากที่จะเล่นแบบฟรีสไตล์บาสเกตบอล แต่ก็กลับกลายเป็นการเล่นแบบสตรีทบอล
ในตอนนี้แม้แต่พื้นฐานการวิ่งเลี้ยงลูก มิเชลก็ยังไม่ได้เรียนรู้ แต่เริ่มที่จะทำท่วงท่าระดับยากอย่างการเลี้ยงบอลสลับซ้ายขวาและการหมุนตัวเลี้ยงบอลสองรอบติดต่อกัน และท่วงท่าของการเลี้ยงลูกนั้นก็ยังไม่เป็นไปตามมาตรฐาน มีการพลิกข้อมือเยอะ โยกย้ายไหล่และเลี้ยงลูกสองครั้งติดต่อกัน
ฉินสือโอวจึงเอ่ยถามขึ้นว่า “ท่าพวกนี้ใครเป็นคนสอนนาย ใช่ฮิวจ์คนน้องไหม?”
มิเชลเห็นท่าทางเขาไม่ค่อยพอใจ จึงพยักหน้าอย่างขี้ขลาด และกอดลูกบาสไว้โดยที่ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี
ฉินสือโอวนั่งลงยองๆ มองไปที่ตาของเขาแล้วเอ่ยขึ้นว่า “มิเชล ก่อนหน้านี้ฉันผิดเอง ฉันมีเวลาก็ควรจะพานายไปเล่นบาสเกตบอล ไม่ใช่มัวไปตากลมทะเล ยกโทษให้ฉันได้ไหม? เพื่อน ต่อไปฉันจะรักษาสัญญาและทำคำมั่นสัญญาของตัวเองให้สำเร็จ”
มิเชลไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ เขาถึงเอ่ยคำเหล่านี้ออกมา จึงรีบตอบกลับไปว่าไม่เป็นไร ผมไม่ค่อยใส่ใจคำพูดพวกนั้น
จากนั้น ฉินสือโอวจึงพูดออกมาอย่างจริงจังว่า “ถ้างั้นต่อจากนี้นายต้องลืมทุกอย่างที่ฮิวจ์คนน้องได้สอนไว้ ไม่ว่าจะเป็นท่าทางการเลี้ยงลูกหรือเคล็ดลับเทคนิคพวกนั้น นายจะต้องเริ่มเรียนตั้งแต่แรกใหม่ ฉันจะเป็นคนสอนนายเอง”
“การชู้ตบาสก็ต้องเรียนใหม่เหรอ?” มิเชลใช้ปลายเท้าวาดเป็นวงกลมและเอ่ยถามออกมาด้วยเสียงเบาๆ
ฉินสือโอวได้ลืมพูดเรื่องนี้ไป แต่เมื่อนึกออกว่าตัวเองยังไม่ได้ดูการชู้ตบาสของมิเชลเลย ดังนั้น เขาจึงให้มิเชลลองไปชู้ตลูกบาสให้ดู
มิเชลได้หยิบลูกบาสขึ้นมา วินาทีที่เขายกลูกบาสขึ้นเหนือศีรษะ ฉินสือโอวสังเกตเห็นว่าเขาได้มีท่าทางที่เปลี่ยนไป ไม่ใช่คนเหนียมอายและต่ำต้อยอีกต่อไป แต่กลายเป็นคนที่จริงจัง ไม่หวาดหวั่นและมีจุดยืน
มือซ้ายวางบนลูกบาส ส่วนมือขวาก็ประคองลูกบาสไว้ งอข้อศอกให้เป็นธรรมชาติ เอาพละกำลังทั้งหมดของร่างกายถ่ายทอดไปยังระหว่างสองแขน จากนั้นก็เห็นเพียงแค่ข้อมือของเขาสะบัดอย่างนุ่มนวล และลูกบาสก็ได้ลอยออกไป
ลูกบาสสีส้มกำลังหมุนอยู่กลางอากาศด้วยความเร็วสูง คล้ายกับพระอาทิตย์ค่อยๆ เคลื่อนที่ขึ้น เหลือทิ้งไว้แต่วงโค้งที่สวยงามดุจสายรุ้ง เสียงลูกบาสร่วงลงไปในห่วงดัง ‘เอี๊ยด’และทำให้ตาข่ายที่มีสีขาวราวหิมะสะบัดไปมา…
ฉินสือโอวรู้สึกประหลาดใจอีกครั้ง เด็กคนนี้แสดงออกมาให้เห็นถึงพรสวรรค์ในการชู้ต แท้ที่จริงก็ยอดเยี่ยมจนน่าเหลือเชื่อ เมื่อได้เห็นมิเชลชู้ตลูกบาสเกตบอลด้วยอารมณ์ที่มุ่งมั่นและท่าทางที่นุ่มนวลรวมเข้าด้วยกัน ฉินสือโอวจึงมีเพียงความคิดเดียว นั่นก็คือมิเชลสามารถเล่นตำแหน่งชู้ตติ้งการ์ดได้ เขาคือชู้ตติ้งการ์ดที่เก่งโดยกำเนิด ซึ่งเหมือนกับสตีฟเฟ่น เคอร์รีไม่มีผิดเขาคือราชานักชู้ตที่ในปัจจุบันกำลังกวาดล้างคู่ต่อสู้ในเอ็นบีเอ!
เมื่อชู้ตลูกบาสลงห่วงแล้ว มิเชลจึงยิ้มออกมาและเอ่ยถามขึ้นว่า “เป็นยังไงบ้าง?”
ฉินสือโอวจึงถามกลับว่า “อันนี้ฮิวจ์คนน้องก็เป็นคนสอนนายเหรอ?”
ถ้าเช่นนั้นฮิวจ์คนน้องก็ไม่ใช่ครูที่สอนโดยที่ไม่มีอะไรถูกสักอย่าง ฉินสือโอวคิดว่าตัวเองควรจะเอาของขวัญไปเยี่ยมอาจารย์ท่านนี้สักหน่อย
มิเชลยักไหล่และเอ่ยขึ้นว่า “ไม่ใช่ ผมฝึกจากในทีวี ครูเชอริลรู้ว่าผมกำลังเรียนการเล่นบาสเกตบอล ครูเลยเอาแผ่นซีดีเกี่ยวกับการเรียนบาสเกตบอลมาให้ผมหนึ่งแผ่น ผมเลยเรียนตามในนั้น จากนั้นก็กลายมาเป็นแบบนี้”
ฉินสือโอวแปลกใจเป็นอย่างมาก มิเชลมีพรสวรรค์ในการชู้ตลูกบาส สิ่งนี้เกินความคาดหมายของเขาโดยสิ้นเชิง มิเชลสามารถเรียนรู้จากวิดิโอมาได้ถึงระดับนี้ หากจะใช้คำว่า ‘เก่ง’ มาพรรณนาก็คงจะไม่เพียงพอ
พอที ไอ้ฮิวจ์คนน้อง ต่อไปอย่าหวังจะได้เข้าใกล้มิเชลอีกเลย ฉินสือโอวได้ถีบคุณครูท่านนี้ไปถึงร่องลึกก้นสมุทรมาเรียนาแล้ว
“เก่งมาก เจ้าหนุ่ม การชู้ตลูกบาสของนายนั้นยอดเยี่ยมมากๆ! มุ่งมั่นต่อใจ เรียนรู้จากเรกจี มิลเลอร์ เขาเป็นผู้เล่นในตำแหน่งชู้ตติ้งการ์ดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ในช่วงของทศวรรษที่1980และ1990 ถ้าสักวันนายได้เป็นเหมือนกับเขา ก็จะกลายเป็นชู้ตติ้งการ์ดที่ยิ่งใหญ่เช่นกัน!” ฉินสือโอวเกาผมมิเชลและเอ่ยชื่นชม
มิเชลยิ้มออกมาและพูดขึ้นว่า “ได้เลย ผมจะต้องทุ่มเทเพื่อก้าวไปในเส้นทางของชู้ตติ้งการ์ดผู้ยิ่งใหญ่!”
เดิมทีฉินสือโอวอยากที่จะสอนท่าทางการควบคุมลูกบาสให้กับเขา หลังจากที่พบว่าเขามีพรสวรรค์ในการชู้ตลูกบาส จึงเปลี่ยนลำดับการสอน โดยเริ่มสอนจากการชู้ตลูกบาสก่อน
ทั้งสองคนฝึกซ้อมกันอยู่ประมาณหนึ่งชั่วโมงกว่า เออร์บักก็ได้เรียกพวกเขาไปกินข้าว หลังจากที่ฉินสือโอวอาบน้ำเสร็จแล้วก็ได้เริ่มคุยธุรกิจกับเออร์บัก เขาดื่มน้ำผลไม้ไปพลางและพูดไปพลาง “คุณปู่เออร์ ผมวางแผนที่จะซื้อเครื่องบิน ซื้อเครื่องบินทางการเกษตรและเครื่องบินที่เหมาะสมกับการลาดตระเวน คุณมีคำแนะนำดีๆ บ้างไหม?”
……………………………………………………
บทที่ 268 เครื่องบินลำแรก
โดย
Ink Stone_Fantasy
เออร์บักที่กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่นั้นก็ได้เงยหน้าขึ้น เขาพับหนังสือพิมพ์ไว้อย่างเรียบร้อย ประสานนิ้วทั้งสิบเข้าด้วยกันและเอ่ยถามขึ้นว่า “นายอยากซื้อเครื่องบินเหรอ?”
ฉินสือโอวยักไหล่และเอ่ยออกมาว่า “ผมคิดมาได้สักพักแล้ว ตอนนี้ขนาดพื้นที่ของฟาร์มปลากว้างขวางขึ้น การใช้เรือประมงโปรยอาหารมีคุณภาพต่ำเกินไป ถึงเวลาที่จะต้องซื้อเครื่องบินทางการเกษตรแล้ว”
เออร์บักจึงเอ่ยออกมา “ฉันไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้มากเท่าไร รู้แต่เพียงว่าเครื่องบินที่ใช้ในฟาร์มปลาส่วนมากจะเป็นเครื่องบินทางการเกษตรรุ่น โปแลนด์ เอ็ม-18บี โดรแมเดอร์ ก่อนหน้านี้บริษัทดิค พันธุ์พืชน้ำทะเลได้มาหว่านเมล็ดพันธุ์สาหร่ายให้ก็ใช้เครื่องบินรุ่นนี้เหมือนกัน”
ดูแล้วเออร์บักคงจะไม่สามารถให้คำแนะนำกับตนเองได้ ฉินสือโอวจึงบอกกับเขาว่าเดี๋ยวผมจะลองค้นหาบนอินเทอร์เน็ตดู
เออร์บักยิ้มและพูดขึ้นว่า “ทำไมต้องดูบนอินเทอร์เน็ต ไม่ใช่ว่านายมีบัตรอเมริกันเอ็กซ์เพรสเหรอ? ฉันคิดว่าเอ็กซ์เพรสควรจะจัดสรรพนักงานที่มีความเชี่ยวชาญมาให้ข้อมูลกับลูกค้ารายใหญ่อย่างนาย นายถามพวกเขาสิ พวกเขาจะให้คำตอบที่น่าพอใจกับนาย ถ้าหากอยากซื้อเครื่องบิน ถ้าซื้อผ่านพวกเขาก็อาจจะซื้อเครื่องบินได้เร็วขึ้น”
“ทำไมเจ๋งขนาดนี้?” ฉินสือโอวพูดออกมาด้วยความสงสัย เมื่อกินอาหารเช้าเสร็จแล้ว เขาคาดว่าบริษัทเอ็กซ์เพรสคงจะให้พนักงานที่มีความเชี่ยวชาญมาทำงานให้กับผู้ถือครองบัตรอเมริกันเอ็กซ์เพรสแล้ว ดังนั้นเขาจึงโทรศัพท์หาเบอร์ที่แบรนดอนให้เขาไว้
หลังจากเสียงโทรศัพท์ต่อสายดังขึ้นสามครั้ง ก็มีเสียงหวานๆ ของคู่ออกมาจากลำโพงของฉินสือโอว “สวัสดีค่ะ คุณลูกค้าที่เคารพ คุณฉิน ดิฉันเจนนิเฟอร์ อัลบี พนักงานผู้เชี่ยวชาญสำหรับคุณ ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ให้บริการ ไม่ทราบว่ามีอะไรให้ดิฉันรับใช้คะ”
เสียงนี้ช่างน่าฟังมาก เสียงไพเราะไม่แพ้ไปกว่านักจัดรายการวิทยุหญิง ฉินสือโอวไอออกมาหนึ่งครั้งและเอ่ยขึ้นว่า “คืออย่างนี้ครับคุณเจนนิเฟอร์ ผมคือฉินสือโอว ผมอยากจะซื้อเครื่องบินทางการเกษตรสักลำ ราคาอยู่ที่ประมาณไม่เกินห้าแสนดอลลาร์แคนาดา ไม่ทราบว่าคุณพอจะช่วยแนะนำให้ผมสักสองสามแบบไหม?”
เมื่อรอให้เขาพูดจบ เจนนิเฟอร์จึงเอ่ยขึ้นว่า “ได้ค่ะ คุณฉินกรุณารอสักครู่นะคะ อีกห้านาทีรบกวนคุณอ่านที่อีเมลของคุณ ดิฉันจะส่งข้อมูลที่เหมาะสมไปให้คุณค่ะ”
และก็เป็นอย่างที่คิดไว้ หลังจากผ่านไปห้านาที ฉินสือโอวก็ได้รีเฟรชกล่องข้อความ ซึ่งก็มีอีเมลฉบับหนึ่งที่ส่งมาจากบริษัทเอ็กซ์เพรสปรากฏขึ้นมา
หลังจากที่เขาเปิดขึ้นมาดู ข้างในนั้นมีชื่อของเครื่องบินยี่สิบกว่าลำเรียงเป็นลำดับอยู่ โดยด้านหลังได้มีราคา รุ่น ข้อดีข้อเสียและประสบการณ์ของผู้ใช้งานเขียนกำกับไว้ ซึ่งมีความละเอียดและครอบคลุมทุกด้าน นอกจากนี้ เจนนิเฟอร์ยังทำสัญลักษณ์ตัวหนาไว้บนรุ่นเครื่องบินที่ผลตอบรับค่อนข้างดีในตลาด พนักงานช่างรอบคอบมากจริงๆ
เครื่องบินที่ปรากฏเป็นลำแรกคือ เครื่องบินทางการเกษตร รุ่นโปแลนด์ พีแอลเอ็ม18-บี โดรแมเดอร์ เครื่องบินลำนี้ได้ผลตอบรับจากลูกค้าดีที่สุด โดยถูกมองว่าเป็นเครื่องบินทางการเกษตรที่มีอัตราส่วนประสิทธิภาพเมื่อเทียบกับราคาดีที่สุดลำหนึ่ง ราคาที่ขายในแคนาดาต่ำสุดอยู่ที่หนึ่งแสนห้าหมื่นดอลลาร์แคนาดา
เครื่องบินทางการเกษตรรุ่นอื่นที่ค่อนข้างได้รับความนิยมก็จะมี แบบจีเอ-200 แฟตแมน แบบอีเอ็มบี-202 อีปาเนมา แบบแซท 137 ที การเกษตรกระแสน้ำวน แบบไฮพอยท์และแบบเครื่องบินทุ่น เป็นต้น
ฉินสือโอวดูที่รายละเอียดโดยย่อของเครื่องบินเหล่านี้ทีละลำ ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงเครื่องบินทางการเกษตร แต่เขาก็ยังคงดูอย่างสนใจเป็นอย่างยิ่ง
เครื่องบินแบบจีเอ-200 แฟตแมน มาจากบริษัทการบินออสเตรเลีย กิปส์แลนด์ จำกัด ส่วนลำตัวของเครื่องบินเป็นโครงสร้างเชื่อมของวัสดุโลหะเอสเออี4130ผสมกับเหล็กกล้าโมลิบดินัม น้ำหนักตัวอากาศยาน 770 กิโลกรัม น้ำหนักมากที่สุดในการขึ้นบินคือ 1770 กิโลกรัม ความเร็วในการบินตรวจการณ์คือ 374 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
เครื่องบินแบบอีเอ็มบี-202อีปาเนมาได้รับการออกแบบโดยบริษัทเอมเบรีย ส่วนลำตัวของเครื่องบินใช้วัสดุโครงสร้างการเชื่อมของโลหะ4130 ผสมกับเหล็กกล้า น้ำหนักตัวอากาศยาน 1020 กิโลกรัม น้ำหนักมากที่สุดในการขึ้นบิน 1580 กิโลกรัม ความเร็วในการบินคือ 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
เครื่องบินทางการเกษตรแบบกระแสน้ำวนแซท137ที ซึ่งมาจากบริษัทอากาศยาน เช็กสปอร์ต ส่วนลำตัวของเครื่องบินเป็นโครงสร้างโลหะหุ้มด้วยเหล็กกล้า น้ำหนักตัวอากาศยาน 1250 กิโลกรัม น้ำหนักมากที่สุดในการขึ้นบิน 2520 กิโลกรัม ความเร็วในการบินตรวจการณ์คือ 228 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
เครื่องบินแบบไฮพอยท์นั้นมาจาก บริษัท แปซิฟิก แอโรสเปซ ของนิวซีแลนด์ ส่วนลำตัวของเครื่องบินทำมาจากวัสดุโลหะผสมอะลูมิเนียมไทเทเนียมหุ้มด้วยแผ่นพลาสติกพีดีซี น้ำหนักตัวอากาศยาน 1315 กิโลกรัม น้ำหนักมากที่สุดในการขึ้นบิน 3742 กิโลกรัม ความเร็วในการบินคือ 274 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
เครื่องบินอีกหนึ่งแบบที่มีลักษณะพิเศษมากก็คือเครื่องบินทุ่น เครื่องบินชนิดนี้มีชื่อเสียงมากในอเมริกาเหนือ เป็นเครื่องบินเรือธงที่ผลิตโดยบริษัท อเมริกัน แอร์ แทรกเตอร์ จำกัด ส่วนลำตัวของเครื่องบินทำมาจากวัสดุโครงสร้างเหล็กกล้า 4130 ซึ่งมีความแข็งแรงและทรงพลัง มีน้ำหนักตัวอากาศยานสองตัน น้ำหนักมากที่สุดในการขึ้นบินคือ 4300กิโลกรัม ความเร็วในการบิน 253 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
เครื่องบินเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ราคาไม่แพง ราคาแพงที่สุดของเครื่องบินทุ่นอยู่ที่ประมาณห้าแสนดอลลาร์แคนาดา เครื่องบินลำอื่นต่างก็มีราคาไม่ถึงสามแสนดอลลาร์แคนาดา
ในนี้ไม่ใช่มีเพียงแค่เครื่องบินห้าแบบนี้ ในความเป็นจริงแล้วเครื่องบินแต่ละแบบจะมีรุ่นย่อยๆ อีกมากกว่าสิบแบบ อาทิเช่นเครื่องบินทุ่น ซึ่งจะมีรุ่นออริจินอลเอที-301 รุ่นปรับเปลี่ยนเอที-401/401เอ รุ่นปรับเปลี่ยนประเภทสองเอที-400/402 รุ่นเพิ่มความแข็งแกร่งเอที-501เอที-502 รุ่นใหม่เอที-503/502เอ และรุ่นสูงสุดเอที-802/เอที-802ยู เป็นต้น
เครื่องบินไม่กี่ชนิดนี้ ต่างก็มีความเป็นตัวแทนที่สุดในแต่ละขอบเขต ถ้าจะเอาแบบใช้งานง่ายก็ต้องเป็น โปแลนด์ โดรแมเดอร์ ถ้าจะเอารุ่นที่มีความเร็วสูงก็ต้องเลือก จีเอ-200 แฟตแมน ถ้าประหยัดน้ำมันมากที่สุดก็ต้องเลือก อีเอมบี-202 อีปาเนมา กล่าวโดยสรุปคือเครื่องบินแต่ละลำต่างก็มีข้อดีของตัวเอง
ฉินสือโอวได้ศึกษาข้อมูลอยู่ครู่หนึ่งแต่ก็ไม่สามารถตัดสินใจได้ แต่ดูแล้วซื้อรุ่นโดรเมเดอร์จะดีที่สุด เพราะว่าเครื่องบินประเภทนี้ไม่เพียงแต่ราคาถูกและใช้ดีแล้ว แต่ยังมีอะไหล่สำรองที่ดีอีกด้วย ถึงแม้ว่าจะเป็นเครื่องบินที่ผลิตจากโปแลนด์ แต่ก็มีสายการผลิตอยู่ที่แคนาดา
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เปรียบเทียบกันดูแล้ว ฉินสือโอวก็ได้ตัดสินใจซื้อเครื่องบินทุ่นหนึ่งลำ และเขาต้องการซื้อเป็นแบบเครื่องบินในทางพลเรือนเอที-802
เอที-802 ได้รับการกำหนดรูปแบบในเดือนกันยายน ปี1995 รุ่นดังกล่าวมีขนาดใหญ่กว่ารุ่นก่อนๆ เป็นเครื่องบินสองที่นั่งรุ่นแรกที่ออกแบบโดยแอร์แทรกเตอร์ แอร์ไลน์ ส่วนใหญ่จะใช้ในการดับไฟ การฉีดพ่นสารเคมีในป่าและภูเขา การหว่านเมล็ดพันธุ์ในปริมาณที่มากและการใส่ปุ๋ย นอกจากนี้ยังใช้ในภารกิจพิเศษเช่น ต่อต้านยาเสพติด
เครื่องบินชนิดนี้ติดตั้งอุปกรณ์ 820กิโลวัตต์ โดยใช้เครื่องยนต์ พีที6เอ-45อาร์ turboprop ที่ผลิตโดยแพรตต์-วิทนีย์ แคนาดา เพลา1115แรงม้า ขับเคลื่อนด้วยใบพัดโลหะที่หมุนกลับได้ห้าใบพัดด้วยความเร็วที่คงที่ซึ่งผลิตจากบริษัท ฮาร์ทเซล
น้ำหนักตัวอากาศยานของเอที-802นั้นน่าหวาดกลัวมาก โดยมีน้ำหนักถึง3200กิโลกรัม ซึ่งก็มีน้ำหนักมากกว่าสามตัน และมันสามารถรับน้ำหนักได้มากขึ้น โดยน้ำหนักสูงสุดในการขึ้นบินอยู่ที่ 6600กิโลกรัม ความเร็วในการบิน 280กิโลเมตรต่อชั่วโมง ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 360 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
เหตุผลที่ฉินสือโอวตัดสินใจแน่วแน่ที่จะซื้อเครื่องบินประเภทนี้ เป็นเพราะว่าในขณะที่เขาค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องบินรุ่นนี้เขาก็ได้เห็นข่าวข่าวหนึ่งซึ่งได้เขียนว่า ‘กองบัญชาการทิศใต้สหรัฐ’ (United States Southern Command) ได้สั่งซื้อชุดเครื่องบินรุ่นติดอาวุธปรับปรุงเอที-802 ซึ่งเอที-802ยู จะใช้ปฏิบัติภารกิจในการต่อต้านกองโจรในอเมริกาใต้ ต่อต้านการจลาจล ปราบปรามยาเสพติดและของผิดกฎหมาย อีกทั้งยังใช้ภารกิจต่อต้านการก่อการร้าย
ฉินสือโอวได้ศึกษาค้นคว้าข่าวหัวข้อนี้ และจากการอภิปรายทำให้เขารู้ว่า เดิมทีเครื่องบินเอที-802 จะใช้ในด้านการทหาร มันเหมาะกับการปรับเปลี่ยนติดอาวุธมาก เพียงแค่ปรับเปลี่ยนให้เป็นสถานะตรวจตราภารกิจ ก็สามารถติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ ได้ อาทิเช่น อุปกรณ์แสง โฟโต้อิเล็กทริค ถ่ายภาพอินฟราเรด การมองเห็นในเวลากลางคืน เรดาร์ชนิดช่องรับคลื่นสังเคราะห์ เป็นต้น
และถ้าปรับเปลี่ยนเป็นสถานะจู่โจมติดอาวุธ เช่นนั้นสามารถบรรจุกระสุนได้ถึงแปดพันปอนด์ สามารถติดตั้งเลเซอร์ การแพร่ภาพ พอตอาวุธควบคุมไฟอินฟราเรด ติดตั้งปืนแก็ตลิงที่มีจีเอยู-193 สองอันปากกระบอก 12.7 มิลลิเมตร อาวุธป้องกันเขตแดนด้วยระเบิดร่อนความแม่นยำสูงบีพีดับเบิลยูสองนัด ขีปนาวุธเฮลไฟร์สี่นัด จรวดเลเซอร์นำวิถีล็อกฮีด มาร์ติน แดร็ก จำนวน16นัด หรือจรวดไร้การควบคุมเอ็ม 260 เจ็ดลำ ระเบิดเลเซอร์วิถีเอ็มเค 82-250 ปอนด์สองลำ
ถ้าปรับเปลี่ยนเป็นสถานะติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันเพิ่มเติม ถ้าเช่นนั้นก็สามารถติดตั้งแผ่นหุ้มเกาะกันกระสุนให้กับห้องโดยสารเครื่องบินและห้องเครื่อง สามารถติดตั้งกระจกกันกระสุนในห้องโดยสารเครื่องบิน ถังน้ำมันสามารถกำจัดด้วยตัวเอง สามารถติดตั้งระบบป้องกันตัวเองเอเออาร์-47/เอแอลอี-47 หมวกนิรภัยเล็งเป้า อีกทั้งยังสามารถเพิ่มถังน้ำมันสำรองไว้ที่ตัวลำ….
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ยังจะมีอะไรให้ต้องลังเลใจอีก? ถ้าไม่ซื้ออาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงแบบนี้ แล้วจะซื้ออะไร?
…………………………………………………………….
บทที่ 269 ตลาดนัดริมทะเล
โดย
Ink Stone_Fantasy
ผู้ชายทุกคน ล้วนเคยมีความฝันที่อยากเป็นนักรบในตอนเด็ก แต่มันไม่ใช่เรื่องที่จะยอมแพ้หลังจากที่ได้จับปืนแล้ว ความฝันนี้ต้องการการสนับสนุนจากกองทัพ ต้องมีอาวุธปืน มีรถหุ้มเกราะ มีเครื่องบินรบ มีเรือประจัญบาน ฯลฯ
ในประเทศจีนนั้น หากไม่มีเงิน ความฝันนี้ก็เป็นได้แค่ความเพ้อฝัน มันจะค่อยๆ จางหายไปกับวันเวลา แต่ตอนนี้ฉินสือโอวอยู่ในแคนาดา มีเงินฝากตัวเลขยาวเฟื้อยในบัญชีธนาคาร จึงสามารถทำตามอำเภอใจได้
เครื่องบินทุ่นเอ-82ซี เป็นรุ่นที่ใช้ในระดับครัวเรือนในแคนาดา เมื่อเทียบกับพี่น้องสายอเมริกัน น้ำหนักของมันลดลง 400 กิโลกรัม แต่น้ำหนักตอนบินลดลงแค่ 500 กิโลกรัม
สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวประทับใจที่สุดคือ ในการแนะนำเครื่องบินลำนี้ในตอนท้ายนั้น มีคำแนะนำสั้นๆ ว่า ‘รูปร่างหน้าตาเหมือนเครื่องบินทางการเกษตร แต่มีหัวใจของเครื่องบินรบติดอาวุธ’
“ซื้อเครื่องนี้แหละ” ฉินสือโอวตัดสินใจอย่างมีความสุข
เออร์บักดูอย่างถี่ถ้วนแล้วยิ้ม “โอ้ ฉิน นายคิดจะปรับเปลี่ยนเครื่องบินใช่ไหม? นี่เป็นสิ่งผิดกฎหมายในแคนาดานะ”
ชายชราเป็นคนฉลาด มองแค่แวบเดียวก็รู้แผนการของฉินสือโอวแล้ว
การซื้อเครื่องบินไว้ใช้ในฟาร์มปลาก็ต้องพิจารณาความเห็นของชาร์คและคนอื่นๆ ด้วย ฉินสือโอวให้พวกเขาดูแล้ว คนเหล่านี้ต่างส่ายหน้าปฏิเสธ
“เครื่องบินทุ่นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง บอส มันจะทำให้มีค่าใช้จ่ายสูง…”
“เราไว้สำหรับพ่นยาและให้อาหารเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องบินทางการเกษตรขนาดใหญ่อย่างนี้ เมื่อเติมน้ำมันเชื้อเพลิงเต็มถัง มันสามารถบินรอบฟาร์มปลาของเราได้ถึงหนึ่งรอบ ไม่จำเป็น…”
“ว้าว ผมชอบนะ เมื่อก่อนตอนที่เราไปที่ชายแดนรัฐเท็กซัสก็เคยดูเครื่องบินลักษณะนี้ไว้เหมือนกัน ขุนศึกชาวเม็กซิกันผู้น่ารังเกียจเหล่านั้นปรับเปลี่ยนมันให้เป็น เอ-10 วอร์ธอง เกือบระเบิดตูดกองทัพหน่วยพิเศษของเราเลยล่ะ!”
เครื่องบินจู่โจม เอ-10 วอร์ธอง เป็นเครื่องบินจู่โจมเครื่องยนต์คู่ที่นั่งเดียวที่ผลิตโดยบริษัทแฟร์ไชลด์ในสหรัฐอเมริกา เดิมทีชื่อว่า ‘ธันเดอร์โบลท์’ แต่เนื่องจากพลังความร้อนที่ทรงพลังและเกาะที่แข็งแกร่งของมัน ชาวอเมริกันเรียกมันว่า ‘วอร์ธอง’
เครื่องบินรบรุ่นนี้เป็นเครื่องบินประเภทเดียวที่กองทัพอากาศสหรัฐฯ ใช้ในการให้การสนับสนุนอย่างการทำภารกิจของกองกำลังภาคพื้นดิน รวมถึงการโจมตีรถถังศัตรู ยานพาหนะติดอาวุธและพื้นที่เป้าหมายสำคัญ เป็นต้น
แต่ชาร์คและคนอื่นๆ ต่างมองปัญหาจากมุมของฟาร์มปลา “เครื่องบินลำนี้ใช้ประโยชน์ไม่ได้ บอส ผมเคยเห็น มันมีขนาดใหญ่และน่ากลัวมาก มันบินช้า เปลืองน้ำมัน และต้องใช้นักบินอาวุโสมืออาชีพ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายที่สูง”
ฉินสือโอวยักไหล่และพูดว่า “พวกนายต้องเข้าใจว่าเราต้องการเครื่องบินทางการเกษตรขนาดใหญ่ เพราะเราใช้กับฟาร์มปลา อีกอย่างฉันต้องการซื้อฟาร์มปลาทั้งหมดในเกาะแฟร์เวล เครื่องบินลำเล็กขนสารเคมีที่ใช้ในการเกษตรและอาหารปลาได้น้อย ขอบเขตการกระจายต่อครั้งก็เล็กเกินไป”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ชาร์คและซีมอนสเตอร์ต่างรู้สึกตื่นเต้น และพูดว่า “บอส คุณจะซื้อฟาร์มปลาเอกชนทั้งหมดเหรอ?”
ฉินสือโอวพยักหน้า ทำไมจะไม่ซื้อล่ะ ให้ฉันเลี้ยงปลาให้คนอื่นเหรอ?
“ถ้าอย่างนั้นเครื่องบินลำนี้ก็เหมาะสมมากแล้วล่ะ ความเร็วในการบินของมันไม่เท่าไร แต่การบินอย่างต่อเนื่องของมันน่าทึ่งมาก ให้บินรอบฟาร์มปลาทั้งหมดในเกาะแฟร์เวลก็ไม่มีปัญหา และมีเพียงมันเท่านั้นที่สามารถทำได้” ชาร์คกล่าวอย่างเห็นด้วย
ซีมอนสเตอร์เองก็พูดด้วยความดีอกดีใจว่า “ใช่ครับ ผมคิดว่ามันจะกลายเป็นเครื่องบินทางการเกษตรที่เจ๋งที่สุดในนครเซนต์จอห์น”
ฉินสือโอวหัวเราะ ถ้าพวกนายคิดว่าการที่ฉันซื้อเครื่องบินนั้น เพียงเพื่อต้องการใช้ในทางเกษตรเท่านั้น พวกนายก็แพ้แล้วล่ะ
นีลเซ็นเองก็หัวเราะ ความชอบที่แท้จริงของบอส มีเพียงทหารผ่านศึกอย่างเขาที่รู้
เมื่อมีการบริการเฉพาะของบริษัทเอ็กซ์เพรส ฉินสือโอวไม่จำเป็นต้องไปติดต่อตัวแทนจำหน่ายเครื่องบินด้วยตัวเอง เขาโทรหาเจนนิเฟอร์และพูดว่า “ผมต้องการซื้อเอที-82ซี เครื่องหนึ่ง ช่วยติดต่อผู้ชายให้ผมด้วยครับ”
ไม่นาน เจนนิเฟอร์โทรกลับ “คุณฉิน ในนครเซนต์จอห์นมีเพียงสายการบินที่มีชื่อว่า ‘บริษัทอากาศยานชาร์ลส์ แอนด์ คาร์เนล’ เท่านั้นที่มีเครื่องบินรุ่นนี้ ราคาอยู่ที่ 6 แสนดอลลาร์แคนาดา แต่พวกเขาไม่มีเครื่องบินในคลัง หลังจากสั่งซื้อ ต้องรอเครื่องบินส่งมาจากสำนักงานใหญ่ที่อยู่รัฐเท็กซัสในสหรัฐอเมริกาเป็นเวลานานหกเดือนค่ะ”
“ถ้าคุณรีบ สามารถเลือกซื้อจากบริษัทสเปซ ซิตี้ กรุ๊ปในเมืองมอนทรีออล รัฐคิวเบกได้นะคะ พวกเขามีเครื่องพร้อมส่ง เครื่องเปล่าราคาอยู่ที่ 5.5 แสนดอลลาร์แคนาดา รวมเครื่องจักรกลการเกษตรอยู่ที่ 6.44 แสนดอลลาร์แคนาดา มีบริการติดตั้ง ส่วนราคาต้องไปเจรจากันหน้างาน”
“อีกอย่าง สายการบินในเมืองโทรอนโตและนครเอ็ดมันตันก็มีเครื่องบินรุ่นนี้เหมือนกัน ราคาอยู่ระหว่าง 6.2 แสนถึง 6.35 แสน”
ฉินสือโอวเอามือจับจมูก พนักงานบริการระดับมืออาชีพของบริษัทเอ็กซ์เพรสมีความเป็นมืออาชีพมากจริงๆ คิดไม่ถึงว่าเจนนิเฟอร์จะเดาจุดประสงค์ในการซื้อเครื่องบินรุ่นนี้ของเขาได้ และได้แนะนำบริษัทที่สามารถปรับเปลี่ยนเครื่องบินให้เขาด้วย
เขาให้เจนนิเฟอร์ส่งข้อมูลสายการบินที่กล่าวมาขั้นต้นให้เขา จะต้องทำการศึกษาเพิ่มเติมจึงจะสามารถตัดสินใจได้ แม้ว่าเป็นจำนวนเงินที่ไม่มากเท่าไร แต่ก็ต้องใช้ให้คุ้มค่า
ห่างบ้านมาครึ่งเดือน ของใช้ในชีวิตประจำวันหลายอย่างต้องซื้อใหม่ ฉินสือโอวขับรถไปในเมือง พบว่าในเมืองไม่ค่อยมีคน ร้านสะดวกซื้อฮิวจ์มีเพียงคุณนายฮิวจ์คนเดียว พี่น้องตระกูลฮิวส์คนอื่นๆ ไม่มีใครอยู่
“เฮ้ คนอื่นๆ พากันไปตกปลาทูน่าครีบน้ำเงินแล้วเหรอครับ?” ฉินสือโอวผลักประตูพร้อมคำพูดหยอกล้อ
เมื่อเห็นฉินสือโอว คุณนายฮิวจ์หัวเราะแล้วพูดว่า “ฉิน นายกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่? ได้ยินมาว่านายไปรัฐแมสซาชูเซตส์ เป็นอย่างไรบ้าง ได้รับอะไรจากการเดินทางครั้งนี้?”
“ไม่เลวเลย คุณเองก็น่าจะรู้แล้วล่ะ ฮ่าๆ ผมไปพักร้อนไม่ได้ไปตกปลา ดังนั้น ไม่ว่ายังไงผมก็มีความสุข”
“ทัศนคติในการใช้ชีวิตของนายเป็นที่น่าอิจฉาจริงๆ ชีวิตของคนร่ำคนรวยดีอย่างนี้ทุกคนไหม? ไม่แปลกใจที่ทุกคนทำงานอย่างหนักเพื่อเงิน”
ฉินสือโอวได้ซื้อยาสีฟัน แปรงสีฟัน หมากฝรั่ง น้ำยาบ้วนปากและขนมขบเคี้ยว เขาต้องการซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็กในบ้านเพิ่ม แต่คุณนายฮิวจ์หยุดเขาไว้และพูดว่า “นายไปดูแถวทางเหนือก่อน วันนี้มีตลาดนัดริมทะเล ไปซื้อที่นั่นถูกกว่า”
“ตลาดนัดริมทะเลเหรอ?” ฉินสือโอวได้ยินสิ่งนี้เป็นครั้งแรก เขาขับรถไปที่ท่าเรือทางทิศเหนือของเมือง เห็นเรือหลายร้อยลำลอยอยู่ในทะเลใกล้ ล้วนแต่เป็นเรือประมงขนาดเล็กและเรือตกปลาทะเล พวกมันกระจัดกระจายไปทั่วเหมือนกับดวงดาวดารดาษไปทั่วท้องฟ้า
หลังจากที่เขาหยุดรถไม่นาน ซีมอนสเตอร์เดินมากับลูกชาย เขายิ้มและถามว่า “บอส คุณก็มาเที่ยวตลาดนัดริมทะเลเหรอ?”
ฉินสือโอวตอบ “ฉันเพิ่งได้ยินสิ่งนี้เมื่อครู่นี่แหละ เขาทำอะไรกัน?”
ซีมอนสเตอร์แนะนำว่า “อ้อ ผมและชาร์คลืมบอกคุณ มันเป็นตลาดนัดครับ มีสามวัน ทุกคนจะนำเอาของมือสองที่ไม่ใช้แล้วในบ้านมาขาย คล้ายตลาดมือสองริมหาด เพียงแต่ที่นี่ทุกคนซื้อขายโดยเรือ”
ฉินสือโอวกล่าว “ถ้าเป็นแบบนี้ สู้ขายบนบกไม่ดีกว่าเหรอ? นอกจากจะใช้พลังงานมากแล้ว ยังไม่สะดวกในการดูสินค้าด้วย”
ชายชราที่เดินผ่านมาพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ใช่แล้ว ด้วยการพัฒนาขึ้นของเมือง รูปแบบการค้านี้ก็ถูกคัดออกโดยประวัติศาสตร์ มีเพียงสัปดาห์ที่สามของเดือนสิงหาคมเท่านั้นที่จะจัดวันระลึกถึง”
ซีมอนสเตอร์ทักทายชายชรา และช่วยเขาขนถ่ายของในกระบะไปวางบนเรือ แล้วขับเรือออกจากท่าเรือไป
ฉินสือโอวยืมรถของซีมอนสเตอร์เพื่อกลับไปขนเครื่องมือที่เจอตอนทำความสะอาดบ้านพักและฟาร์มปลา แล้วไปที่ชายหาด
เครื่องมือเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นกระถางดอกไม้ และแหอวน คันเบ็ด สายเบ็ด เตาอบไมโครเวฟ ฯลฯ ที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ ปกติ ฉินสือโอวทิ้งพวกมันไว้ในโกดังเก็บของเก่า ครั้งนี้เอาไปร่วมกิจกรรมได้พอดี
………………………………………
บทที่ 270 ความสุขที่ไม่คาดคิด
โดย
Ink Stone_Fantasy
ช่างเหมาะเจาะอะไรเช่นนี้ เรือเด็คของเออร์บักที่ไม่ได้ใช้มานานสามารถนำไปใช้ประโยชน์อีกครั้ง
เรือเด็คเป็นเรือเปิด มันไม่มีห้องเคบินหรือที่กำบัง ดังนั้นฉินสือโอวสามารถวางสิ่งของทั้งหมดที่จะนำไปขายในเรือ ทัศนวิสัยในการมองเห็นก็ดี หากใครสนใจสินค้าของเขา มองเพียงแว็บเดียวก็รู้ได้อย่างชัดเจน
บนท่าเรือมีไม้กระดานหยาบที่จัดเตรียมโดยรัฐบาลเมืองแฟร์เวล ไม้กระดานเหล่านี้เป็นไม้ปาล์มสีน้ำตาลหม่น สามารถใช้ชอล์กสีขาวเขียนลงบนนั้นได้ ทุกคนที่ไปตลาดนัดริมทะเลจะได้รับแผ่นไม้หนึ่งแผ่น ใช้เพื่อเขียนสินค้าที่ตัวเองมีหรือสิ่งที่ตัวเองต้องการ
ฉินสือโอวต้องการทำความสะอาดสนามหญ้าหน้าบ้าน เขาต้องการอุปกรณ์เสริมแสงสว่างจำนวนมาก ดังนั้นจึงเขียนคำว่า หลอดไฟไอโอดีนทังสเตน หลอดไฟซีนอน หลอดไฟฮาโลเจนทังสเตนอะไรทำนองนี้ลงไป ไฟฟ้าในแคนาดามีราคาถูก เขาจึงเขียนหมายเหตุไว้ด้านหลังว่า ต้องการแค่หลอดไฟที่มีกำลังไฟมากกว่า 1,000 วัตต์เท่านั้น
นอกจากนี้ เขายังต้องการเรือไม้เก่าแก่จำนวนมาก สำหรับจุดประสงค์ แน่นอนว่าเพื่อนำไปขยายแนวปะการังใต้ทะเล
เรือหลายร้อยลำกระจัดกระจายอยู่ในทะเล หลายๆ คนได้เตรียมเครื่องมือจำพวกลำโพงกระจายเสียง ในทะเลวุ่นวายไปหมด เสียงดังกว่างานปาร์ตี้ที่บ้าคลั่งของเบลคเสียอีก
ฉินสือโอวแล่นเรือไปอย่างช้าๆ ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังขับรถบนถนนในปักกิ่ง แออัดเหลือเกิน ระยะทางประมาณ 200 เมตรต้องใช้เวลานานกว่าสิบนาที โชคดีที่เขาขับเรือเด็ค ถ้าเป็นเรือลาดตระเวน เครื่องยนต์อาจไหม้แล้วก็ได้
ตลาดนัดริมทะเลแบบนี้ เดิมทีใช้สำหรับกำจัดสินค้ามือสองที่ไม่ได้ใช้แล้ว แต่ตอนนี้มันได้พัฒนาไปเป็นวันระลึก มันไม่เพียงแต่มีสินค้ามือสอง ยังมีสินค้าอื่นๆ อย่างอาหาร ผัก ของเล่น เฟอร์นิเจอร์อีกมากมาย
เห็นได้ชัดว่าเหล่าพ่อค้าคิดว่ามันเป็นตลาดนัดจริงๆ ไปแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น มีบริษัทขนาดเล็กและร้านค้าบางแห่งในท้องถิ่น มาทำการโฆษณาที่นี่
ฉินสือโอวเป็นที่รู้จักกันดีในพื้นที่นี้ ดังนั้น เขาได้รับความสนใจอย่างมากหลังจากที่เขาแล่นเรือลงไปในทะเล ชายหนุ่มคนหนึ่งเข้าใกล้เรือของเขาด้วยหน้าทะเล้นและพูดว่า “ท่านเศรษฐี สนใจร่วมงานกับรักในชีวิตของเราไหม? มาเป็นพรีเซนเตอร์โฆษณาของเราไหม?”
เมื่อได้ยินที่เขาพูด ฉินสือโอวหัวเราะ มันเป็นความคิดที่ไม่เลวเลย เขาเห็นเรือของฮิวจ์คนน้องแล้ว เจ้านั่นมากับหมวกเบสบอล และสวมชุดฮิปฮอปขนาดใหญ่ มีสินค้าประเภทงานไม้แกะสลัก โสมอเมริกันและหนังสัตว์บนเรือ คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะมาที่นี่
“มันน่าทึ่งมาก เพื่อน นายก็รู้ ในสายตาฉันนายเป็นพวกขยะสังคมในย่านนี้” ฉินสือโอวแล่นเรือไปหยอกล้อ
เรือลำหนึ่งแล่นผ่านด้านหลังฮิวจ์คนน้อง มีเสื้อและเนกไทจำนวนหนึ่งแขวนอยู่บนเรือ น่าจะเป็นเรือของคนขายของข้างทาง ฮิวจ์คนน้องหันหลังไปดึงเนกไทมาหนึ่งเส้น โยนเงินให้สิบเหรียญ ผูกเนกไทอย่างไม่ได้ตั้งใจอะไร และพูดกับฉินสือโอวอย่างภาคภูมิใจว่า “ตอนนี้ฉันเหมือนนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จแล้วหรือยัง?”
ฉินสือโอวส่ายหน้าแล้วหัวเราะ เขาซื้อธงมาผืนหนึ่ง และเขียนชื่อ ‘ร้านขายของชำชาวอินเดียนแดงเทือกเขาร็อกกี’ ลงไป นอกจากนั้น ฮิวจ์คนน้องยังออกแบบโลโก้สำหรับร้านขายของชำร้านนี้ด้วย เป็นรูปของชาวอินเดียหยาบคนหนึ่ง ค่อนข้างซับซ้อน แต่ฉินสือโอวไม่ได้วาดอะไรเพิ่ม
เรือล่มในหนอง ทองจะไปไหน ฉินสือโอวได้ทำการโฆษณาร้านขายของชำของตัวเอง นี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะโฆษณาร้านของตัวเอง
ไม่นานก็มีคนสังเกตเห็นอวนจับปลาและคันเบ็ดเก่าบนเรือของฉินสือโอว แม้ว่าอุปกรณ์ตกปลาเหล่านี้จะค่อนข้างเก่า แต่ก็ยังสามารถใช้ได้ พวกเขาจึงเข้ามาถามราคา
ชาวแคนาดาขายสินค้ามือสองเพื่ออำนวยความสะดวกให้คนอื่นมากกว่าการทำเงิน ดังนั้น ราคาจึงต่ำมาก ฉินสือโอวขายคันเบ็ดสองอันและอวนจับปลาชุดหนึ่งด้วยราคาที่เกือบจะให้ฟรี
ไม่นานเรือของแฮมเล็ตก็แล่นเข้ามา ฉินสือโอวหัวเราะเมื่อเห็นท่านนายกเทศมนตรี เขาพูดว่า “เพื่อน คุณมาร่วมสนุกกับประชาชนเหรอ?”
แฮมเล็ตไม่เข้าใจการล้อเล่นในรูปแบบของชาวตะวันออก เขาพูดอย่างจริงจังว่า “ในบ้านฉันมีของมากมายที่ไม่ได้ใช้แล้ว แน่นอนว่าต้องนำมาขาย”
ฉินสือโอวยักไหล่ เมื่อเรือของแฮมเล็ตแล่นผ่านไป จู่ๆ เขาก็รู้สึกสั่นเทาในใจเล็กน้อย
เขาระมัดระวังกับความรู้สึกนี้มาโดยตลอด เพราะมันหมายความว่าหัวใจโพไซดอนเจอบางสิ่งที่จะสามารถดูดซับพลังงานแล้ว โดยทั่วไปแล้วจะเป็นอำพันทะเล
ด้วยเหตุนี้ ฉินสือโอวจึงตะโกนให้แฮมเล็ตหยุด และกระโดดไปค้นเรือของเขา แฮมเล็ตพูดอย่างเป็นมิตรว่า “นายต้องการอะไรบอกฉันได้ ฉันหาให้”
ฉินสือโอวหาของเล่นเป็ดที่คล้ายไม้แกะสลักเจออย่างรวดเร็วโดยที่ไม่ต้องให้แฮมเล็ตช่วย เขาหยิบมันขึ้นมา หัวใจของเขาเต้นรัวมากขึ้น
เมื่อแฮมเล็ตเห็นเป็ดตัวนี้ก็หัวเราะและพูดว่า “โอ้ พระเจ้า ที่แท้ของชิ้นนี้ก็อยู่ที่นี่ รู้ไหม นี่คือมรดกตกทอดของตระกูลแฮมเล็ตของเรา ฉันคิดว่าฉันทำมันหายไปแล้วมาโดยตลอด……”
ไม่นะ ฉินสือโอวรู้สึกเจ็บแปลบเมื่อได้ยินที่เขาพูด มันยากเย็นมากกว่าที่เขาจะหาสิ่งนี้เจอ แต่มันกลับเป็นมรดกตกทอดของแฮมเล็ต
ชาวแคนาดาส่วนใหญ่เป็นผู้อพยพ ผู้คนในแต่ละภูมิภาคต่างมีนิสัยความเคยชินของตัวเอง และชาวอังกฤษก็เป็นคนอนุรักษนิยมที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนอย่างแฮมเล็ตที่มาจากชนชั้นสูง มันยากเกินไปที่จะได้ของที่เกี่ยวข้องกับตระกูลของเขามา
ฉินสือโอวถามลองเชิง “ผมอยากได้ของชิ้นนี้ครับ พอดีหลานสาวผมจะมาที่แฟร์เวล แล้วเธอก็ชอบลูกเป็ดไม้แกะสลักแบบนี้ด้วย”
แฮมเล็ตพูดอย่างตรงไปตรงมาพร้อมรอยยิ้มว่า “ถ้างั้นนายก็เอาไปได้เลย”
“มันไม่ใช่มรดกตกทอดของตระกูลคุณหรอกเหรอ?” ฉินสือโอวถาม คนคนนี้พูดง่ายอย่างนี้เลยเหรอ?
ใบหน้าของแฮมเล็ตเผยให้เห็นถึงความรำลึกถึงอดีต เขาพูดว่า “ใช่ แต่มรดกชิ้นนี้ไม่เหมือนกัน มันมีไว้สำหรับให้เด็กๆ เล่นสืบกันมาหลายทอดแล้ว คุณปู่บอกว่าตอนเด็กเขาก็เคยเล่น แต่งานหยาบเกินไป ไม่งั้นคงเป็นวัตถุโบราณได้แล้วล่ะ”
ฉินสือโอวพูดด้วยน้ำเสียงหยอกล้อว่า “ไม่เป็นไรเพื่อน ผมซื้อมันในราคาวัตถุโบราณได้นะ”
แฮมเล็ตหัวเราะและพูดว่า “นายกำลังล้อเลียนว่าฉันเป็นคนตระหนี่ถี่เหนียวหรือเปล่า? นี่มันของเล่น ของเล่นสำหรับเด็ก ในเมื่อเด็กๆ ของนายชอบ ก็เอาไปได้เลย”
พูดจบแฮมเล็ตไม่ได้เก็บเงิน ฉินสือโอวจะจ่ายเงินให้เขา แต่เขาปฏิเสธและพูดว่า “เมื่อเทียบกับสิ่งที่นายทำเพื่อเมืองเมืองนี้ นี่มันถือว่าเล็กน้อย ถึงนายจะต้องการของทุกชิ้นบนเรือฉัน ฉันก็ยกให้นายได้หมดนั่นแหละ”
หลังจากแยกทางกัน ฉินสือโอวแทบทนรอไม่ไหวที่ต้องรอให้ถึงตอนกลับบ้าน หัวใจของเขาเต้นระรัวราวกับว่าได้กลายเป็นหัวใจโพไซดอน
เขาจำต้องแล่นเรือออกจากตลาด และในตอนที่ไม่มีใครสังเกตเห็นเขา เขายื่นมือไปจับไม้แกะสลักแล้วยื่นมือลงไปในน้ำทะเล
ทันใดนั้น พลังงานที่นุ่มนวลพลุ่งพล่านแผ่กระจายจากแขนของเขาไปทั่วร่างกาย เขารู้สึกดีจนอยากจะโกนออกมาดังๆ
ขณะที่เขากำลังดูดซับพลังงานนี้ ไม้แกะสลักก็ได้กลายเป็นผงไม้ ฉินสือโอวกางแขนออก พวกมันลอยไปอยู่บนผิวน้ำ และค่อยๆ หายไปตามการเคลื่อนตัวของน้ำทะเล
นั่งอยู่บนเรือ ฉินสือโอวหลับตาด้วยความรู้สึกสบาย และรับรู้ไปกับการเปลี่ยนแปลงไปของหัวใจโพไซดอน
สิ่งที่เห็นได้ชัดที่สุดของหัวใจโพไซดอนคือจิตสำนึกแห่งโพไซดอน การดูดซับพลังงานจากไม้แกะสลักรูปพีชที่บริษัทจัดประมูลริชชี่ในครั้งแรกนั้น การเคลื่อนที่ของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนเป็นไปอย่างรวดเร็วและแผ่กระจายรังสีในรัศมีที่กว้างกว่าเดิม
ครั้งที่สองเขาดูดซับพลังงานจากกล่องไม้ที่ได้รับจากแม่น้ำไป๋หลงในบ้านเกิด จิตสำนึกแห่งโพไซดอนนอกจากจะเคลื่อนที่ได้เร็วกว่าเดิมและแผ่กระจายรังสีในรัศมีที่กว้างกว่าเดิมแล้ว ยังสามารถควบคุมกลุ่มสิ่งมีชีวิตในทะเลได้อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม แม้เขาจะสามารถควบคุมสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ แต่ก็ควบคุมได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น และเมื่อเขาได้ดูดซึมพลังงานอีกครั้งจะสามารถควบคุมได้เป็นกลุ่ม แต่สิ่งมีชีวิตกลุ่มนี้ต้องอยู่ในรัศมีที่จิตสำนึกแห่งโพไซดอนของเขาแผ่ไปถึงด้วย
ครั้งนี้ฉินสือโอวรู้สึกชัดเจนว่าจิตสำนึกแห่งโพไซดอนมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
ก่อนหน้านี้ความเร็วการเคลื่อนที่ที่เร็วที่สุดของจิตสำนึกโพไซดอนอยู่ราวๆ 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ครอบคลุมพื้นที่ทะเลที่มีขนาดประมาณสนามฟุตบอลสนามหนึ่งกับความสูงอีกประมาณยี่สิบเมตร
ตอนนี้ ความเร็วเคลื่อนที่ของจิตสำนึกโพไซดอนเพิ่มขึ้นอย่างน้อยสองเท่า และพื้นที่ทะเลที่ควบคุมได้ก็กว้างกว่าเดิมสิบเท่า แนวปะการังกว่าครึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา!
มีการเปลี่ยนแปลงอีกอย่างหนึ่ง เป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญยิ่งกว่า นั่นก็คือ ฉินสือโอวสามารถควบคุมสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลได้สองกลุ่มในเวลาเดียวกัน สามารถควบคุมพวกมันให้ว่ายไปสองทางหรือให้พวกมันไปทำสองสิ่ง
ความรู้สึกนี้ประหลาดมาก ราวกับว่าจิตสำนึกแห่งโพไซดอนถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน จิตสำนึกหลักของฉินสือโอวสามารถคบคุมพวกมันได้ในเวลาเดียวกัน ราวกับว่าตัวเองมีสองร่างในทะเล
ฉินสือโอวควบคุมเจ็ดพี่น้องฉลามกบให้มุ่งหน้าไปในทะเลลึก ในขณะเดียวกันเขาก็ได้ควบคุมงูเหลือมทะเล ให้ไปวนรอบแนวปะการังหนึ่งรอบ ทั้งสองฝ่ายไม่มีความขัดแย้งกัน ควบคุมได้โดยง่าย
ด้วยความดีใจ ฉินสือโอวควบคุมทั้งสองฝ่ายให้หยอกล้อกันในทะเลสักพัก ก่อนที่จะเก็บจิตสำนึกแห่งโพไซดอน และกลับไปยังตลาดนัดริมทะเลอีกครั้ง
เมื่อเหล่าพี่น้องฉลามกบพ้นจากการควบคุมและได้สติกลับคืนมา พวกมันประหลาดใจที่ตัวเองได้ย้ายจากแนวปะการังไปยังพื้นที่ทะเลลึก กำลังจะดูว่าเกิดอะไรขึ้นรอบๆ ตัว ฉลามขาวฝูงหนึ่งว่ายมาจากรอบๆ ด้วยสีหน้าที่ไม่ดีนัก…
กลัวจนฉี่ราดเลยทีเดียว!
…………………………………………………
บทที่ 271 นายท่านฉินต้องไปต้อนรับนักท่องเที่ยว
โดย
Ink Stone_Fantasy
เมื่อได้รับสิ่งไม่คาดคิดอย่างรูปปั้นอำพันทะเล ฉินสือโอวมีความสุขมาก สิ่งเดียวที่เขาไม่พอใจก็คือ เขายังไม่รู้วัสดุที่แท้จริงของรูปปั้นนี้
แม้จะคิดว่าสิ่งนี้เป็นอำพันทะเล แต่ฉินสือโอวเคยขอให้เบลคช่วยซื้อของที่ทำจากอำพันทะเลมาก่อน แต่ในนั้นไม่มีพลังงานที่หัวใจโพไซดอนต้องการ เขาเคยคิดว่า ถ้าได้รับสิ่งนี้อีก จะส่งมันไปทดลองทางเคมีที่ห้องปฏิบัติการสักหน่อย
แต่เมื่อเจอกับสิ่งนี้ เขาไม่สามารถควบคุมความต้องการในการดูดซับพลังงานของตัวเองได้เลย ราวกับผู้ลี้ภัยที่ไม่ได้กินอะไรมากว่ายี่สิบวันแล้วไปเจอกับเนื้อย่างบาร์บีคิวเข้า เขาจะทำการวินิจฉัยแยกแยะไหมว่าเป็นเนื้อหมูหรือเนื้อแพะเนื้อวัว?
สภาพอากาศเดือนสิงหาคมในรัฐนิวฟันด์แลนด์ร้อนมาก ฉินสือโอวแล่นเรือไปรอบตลาดนัดหนึ่งรอบ ตอนเวลา 11 นาฬิกา ดวงอาทิตย์อยู่ตรงหัวพอดี เขาก็ตัดสินใจกลับฟาร์มปลา
จะว่าไปสภาพอากาศของแคนาดาก็มีลักษณะเฉพาะเหมือนกัน ใช้คำว่าแปรปรวนอย่างหนักมาอธิบายก็ยังไม่เพียงพอ
อุณหภูมิและปริมาณน้ำฝนในภูมิภาคที่แตกต่างและฤดูกาลที่แตกต่างมันต่างกันเกินไป ณ ตอนนี้รัฐนิวฟันด์แลนด์ได้เพลิดเพลินไปกับแสงอาทิตย์ในช่วงฤดูร้อนมาหนึ่งไตรมาสแล้ว แต่อุณหภูมิในทางภาคเหนือเพิ่งสูงกว่าศูนย์องศา
โดยภาพรวมแล้ว สภาพภูมิอากาศของแคนาดาแบ่งออกเป็นห้าประเภท ได้แก่ชายฝั่งตะวันตก พื้นที่ทุ่งหญ้า พื้นที่เกรตเลกส์-เซนต์ลอว์เรนซ์ พื้นที่ชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกและสภาพภูมิอากาศทางตอนเหนือ
นิวฟันด์แลนด์มีสภาพภูมิอากาศตามแนวชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก ได้รับผลกระทบจากมวลอากาศทวีปและมวลอากาศทางทะเล ทำให้ภูมิภาคนี้มีสภาพอากาศที่แปรปรวนมากที่สุด
ในฤดูหนาว กระแสลมอาร์กติกที่เกิดจากพายุสั้นๆ จะถูกแทนที่ด้วยมวลอากาศในมหาสมุทร อุณหภูมิเฉลี่ยมีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน ฉินสือโอวเคยแต่ได้ยิน แต่ยังไม่เคยสัมผัสด้วยตัวเอง
ในฤดูหนาว ที่นี่จะเผชิญกับพายุหิมะที่โหมกระหน่ำลงมาอย่างหนักเป็นเวลานานสี่เดือน ตั้งแต่กลางเดือนธันวาคมไปจนถึงกลางเดือนมีนาคม ในฤดูร้อน ก็จะร้อนชื้นเนื่องจากกระแสน้ำอุ่นจากอเมริกากลางและอเมริกาใต้ ทำให้อาจมีอุณหภูมิสูงกว่า 30 องศาในเดือนสิงหาคมและกันยายน!
ในตอนท้าย ฉินสือโอวได้ซื้อผักและผลไม้จำนวนหนึ่ง มีคนขายสัตว์ป่าด้วย มีกระต่ายป่าสโนว์ชูและไก่ป่าเฮเซล แต่เป็นแบบแช่แข็งแล้ว ไม่สดใหม่เท่าไร
เขาได้สอบถามเรื่องราคา กระต่ายป่าสโนว์ชูสิบหยวนต่อปอนด์ ส่วนไก่ป่าเฮเซลจะค่อนข้างแพง สิบแปดหยวนต่อปอนด์ ฉินสือโอวเช็กสภาพเนื้อแล้วว่าไม่มีปัญหาอะไร ก็ได้ใช้เงิน 200 หยวนในการซื้อสัตว์ป่าทั้งหมดนี้
หลังจากมาแคนาดา ความเคยชินในการใช้จ่ายของฉินสือโอวก็ยังคงเหมือนเดิม
ราคาของสินค้าหลายๆ อย่างในแคนาดาจะตรงข้ามกับจีน เช่น รถยนต์ เรือยอชต์และแบรนด์ดังระดับโลกหลายแบรนด์ซึ่งมีราคาเพียงครึ่งหนึ่งของจีนหรือต่ำกว่า ทำให้ฉินสือโอวรู้สึกได้เปรียบ แล้วทำไมเขาจึงไม่ซื้อล่ะ?
แต่เกาะแฟร์เวลแห่งนี้ไม่เหมาะสำหรับการซิ่งรถ ไม่อย่างนั้นในโรงรถของเขาได้เต็มไปด้วยพอร์ช ลัมโบร์กินีและบูกัตติ เวย์รอนแล้ว
อีกอย่างก็คือราคาสัตว์ป่า ชาวแคนาดาไม่สนใจกับสิ่งนี้เท่าไร พวกเขากังวลว่าจะมีเชื้อโรคหรือปรสิต ถ้าไม่มีใบอนุญาตขายจากสำนักอนามัย โดยปกติแล้วพวกเขาจะไม่ซื้อ ดังนั้นถ้ามีคนล่าสัตว์ป่าได้แต่ไม่กล้ากินเอง ก็จะนำไปขายในราคาที่ต่ำ
ฉินสือโอวชอบจุดนี้มาก ตอนอยู่ที่จีนอยากกินไก่ฟ้าและกระต่ายป่าแต่ราคาของมันสูงมาก อีกอย่าง แม้จะยอมรับกับราคาได้ แต่กินได้หรือกินไม่ได้ก็อีกเรื่อง ไก่ฟ้าและกระต่ายป่าที่ว่านั้นจะมีกี่ตัวกันที่ไม่ได้ถูกเลี้ยงโดยคน?
เรือแล่นจากทะเลกลับไปยังฟาร์มปลา มีร่มกันแดดเรียงเป็นแถวบนชายหาด เด็กๆ ก็กำลังเล่นบนชายหาด
หลังจากที่ท่าเรือเสร็จสมบูรณ์ เออร์บักได้หาบริษัททำความสะอาดมาทำความสะอาดชายหาดครั้งใหญ่ เศษหิน เศษเปลือกหอยและขยะได้ถูกเก็บไปหมดแล้ว เหลือแต่หาดทรายสีทองละเอียด
ชายหาดประเภทนี้มีค่ามากในแคนาดา ที่ฟาร์มปลาในเกาะแฟร์เวลมีราคาสูง โดยมากแล้วเป็นเพราะหาดทรายคุณภาพสูงประเภทนี้
เนื่องจากใกล้เขตละติจูดสูง แม้แคนาดาจะมีชายฝั่งทะเลที่กว้างที่สุดในโลก แต่หาดทรายที่มีคุณภาพสูงก็มีแค่ไม่กี่แห่ง ส่วนมากจะเป็นหน้าผาสูงชันริมทะเล ซึ่งแตกต่างจากสหรัฐอเมริกาที่มีชายฝั่งไมอามีและชายหาดลอสแอนเจลิส ชายหาดซานฟรานซิสโก เป็นต้น
พาวลิสกำลังหยอกล้อกับฉงต้าบนชายหาด เขาถือผลไม้สลัดน้ำเชื่อมเมเปิลในมือ ฉงต้ามองด้วยความอยากกิน แต่พาวลิสไม่ยอมป้อนมัน ให้มันนอนซิทอัพอยู่บนพื้น
ตอนนี้ฉงต้าฉลาดแล้ว ถ้ามีคนหยิบสลัดผลไม้ออกมา มันก็จะนอนลงและทำท่าซิทอัพเพื่อให้ได้ของกินมา พาวลิสเห็นฉงต้างุ่มง่ามน่าแกล้ง จึงไม่ได้ระมัดระวังเท่าไร เขาวางชามสลัดไว้ข้างๆ และกดอุ้มเท้าของมันไว้เพื่อดูมันลดน้ำหนัก
เมื่อได้โอกาส ฉงต้าถีบพาวลิสออก แล้วรีบวิ่งไปหยิบชามสลัดขึ้นมา มันมุดหน้าเข้าไปในชามแล้วกินอย่างตะกละตะกลาม ตอนที่กอร์ดอนและมิเชลแย่งชามสลัดกลับมาได้นั้น ในชามไม่เหลืออะไรแล้ว…
“โอ้ หมีน้อยเจ้าเล่ห์” พาวลิสลุกขึ้นยืน เขามองไปที่ชามสลัดที่ว่างเปล่า แล้วตะโกนว่า “ฉันจะจำบทเรียนนี้ไว้เพื่อไม่ให้พลาดในครั้งต่อไป”
เรือของฉินสือโอวแล่นเข้ามา บอลหิมะและไอซ์สเกตโผล่ขึ้นมาจากน้ำและพ่นน้ำใส่เขา ทั้งสองโตขึ้นเล็กน้อย มีความยาวเกือบสองเมตรแล้ว พวกมันล้อมฉินสือโอวจากทางซ้ายและทางขวา ราวกับเรือดำน้ำขนาดเล็กสองลำ
ฉินสือโอวยิ้มและอ้อมเรือเด็คไปทางอื่น แต่บอลหิมะและไอซ์สเกตก็ยังคงพ่นน้ำใส่เขาไม่หยุด เพราะพวกมันรู้สึกโกรธและเสียใจมากที่ฉินสือโอวไม่ได้มาหาพวกมันมาเป็นเวลากว่าครึ่งเดือน ตอนออกทะเลก็ไม่พาพวกมันไปด้วย
หัวใจของทั้งสองแตกสลาย เมื่อวานตอนที่ฉินสือโอวไปหาพวกมัน ทั้งสองประท้วงด้วยการซ่อนตัว วันนี้ยอมโผล่หน้าออกมาให้เห็นถือว่าดีเท่าไรแล้ว
เมื่อกลับถึงฝั่ง ฉินสือโอวล้างกระต่ายป่าสโนว์ชูสองตัวให้สะอาดแล้วนำไปอบในเตาอบ แล้วเก็บไก่และกระต่ายที่เหลือในตู้แช่แข็ง เดิมทีเขาอยากออกไปล่าสัตว์ในป่า เพราะช่วงนี้เริ่มรู้สึกอยากกินสัตว์ป่าแล้ว
แต่เป็นอะไรที่เหมาะเจาะมาก ไปตลาดนัดริมทะเลครั้งนี้ได้กระต่ายป่าและไก่ป่าเฮเซลมาพอดี
วันต่อๆ มาหลังจากนั้น ฉินสือโอวใช้เวลาทั้งหมดไปกับการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องบินทางการเกษตรและเครื่องบินลาดตระเวน สำหรับเครื่องบินทางเกษตรนั้น เขาตัดสินใจซื้อเครื่องบินแทรกเตอร์เอที-802 แล้ว เหลือเครื่องบินลาดตระเวนอีกลำหนึ่ง
เครื่องบินสองประเภทนี้ต้องซื้อแยกต่างหาก เครื่องบินทางการเกษตรต้องการเครื่องที่บรรจุของได้มากที่สุด โดยมากแล้วจะเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงมาก อาจใช้แค่เดือนละครั้งหรือสองครั้ง
แต่เครื่องบินลาดตระเวนไม่เหมือนกัน เขาต้องการเครื่องที่ไม่เปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง เพราะฉินสือโอวต้องขับลาดตระเวนตามพื้นที่ฟาร์มปลาทุกสองหรือสามวัน
สำหรับเครื่องบินลาดตระเวน ฉินสือโอวต้องการซื้อเฮลิคอปเตอร์เพราะสามารถลงจอดในฟาร์มปลาได้ แต่ความเร็วในการเคลื่อนที่ของเฮลิคอปเตอร์สู้เครื่องบินโดยสารไม่ได้ จึงทำให้เขาค่อนข้างลำบากใจ
เรื่องลำบากใจต้องให้มืออาชีพมาช่วยคลี่คลาย เจนนิเฟอร์ได้ติดต่อผู้จัดการฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ของบริษัทสเปซ ซิตี้ กรุ๊ปให้เขาคนหนึ่ง ชื่อโอเมอร์ ไทแรนท์ เป็นพนักงานอายุราวๆ สี่สิบ มีความเชี่ยวชาญในด้านอากาศยาน
เมื่อรู้ว่าฉินสือโอวต้องการซื้อเครื่องบินสองลำ โอเมอร์ ไทแรนท์ได้นัดเวลากับเขา และมาแนะนำเครื่องบินให้เขาด้วยตัวเอง จากนั้นพาเขาไปเยี่ยมชมที่บริษัทสเปซ ซิตี้ กรุ๊ป
สองสามวันนี้ฉินสือโอวมีธุระต้องทำจริงๆ ซึ่งก็คือ นักท่องเที่ยวกลุ่มแรกของจีนจะเดินทางมาที่เซนต์จอห์นในช่วงกลางเดือนสิงหาคม เขาต้องอยู่ดูแลตลอดการเดินทาง
วันที่ 22 เดือน สิงหาคม เป็นวันที่นักท่องเที่ยวกลุ่มแรกมาถึงเซนต์จอห์น ฉินสือโอวและแฮมเล็ตพามัคคุเทศก์ท้องถิ่นสองคนชายหนึ่งหญิงหนึ่งไปต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนที่ถือเป็นเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่งของเมืองนี้ที่สนามบินเซนต์จอนห์นส์
นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้มีทั้งหมด 20 คน นำโดยมัคคุเทศก์หญิงสองคน พวกเขาบินตรงไปที่โทรอนโตและเปลี่ยนเครื่องมายังเซนต์จอห์น
ตอนที่พวกเธอไปถึงโทรอนโตนั้น ฉินสือโอวได้รับโทรศัพท์จากมัคคุเทศก์หญิง ทั้งสองฝ่ายได้ยืนยันรายละเอียดการเจอกันในเซนต์จอห์น ในตอนท้ายมัคคุเทศก์หญิงพูดกับเขาอย่างลังเลว่า “นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ไม่ปกติเท่าไร ขอให้ทางฝั่งคุณเตรียมการรับมือไว้ด้วย”
…………………………………………..
บทที่ 272 กลุ่มทัวร์สาวสวย
โดย
Ink Stone_Fantasy
เพื่อการเริ่มต้นที่ดี ฉินสือโอวเองก็เตรียมตัวมาไม่น้อย เขาได้สั่งตัดชุดสูทจงซานปกตั้งสไตล์ราชวงศ์ถังมาชุดหนึ่งโดยเฉพาะ
อย่างที่เรารู้กันว่าชุดสูทถังไม่เหมาะสำหรับคนหนุ่มสาวสวมใส่ ดังนั้นฉินสือโอวจึงได้ไปที่ออตตาวาและขอให้ช่างตัดเสื้อชุดสูทระดับมืออาชีพช่วยตัดเย็บชุดที่ผสมผสานระหว่างสูทจงซานและชุดพิธีการสไตล์จีนให้เขาหนึ่งชุด
เสื้อตัวนี้ทำจากผ้าไหมสีขาวบริสุทธิ์ ใช้กระดุมแบบถาดและปกคอและแขนเสื้อที่เย็บด้วยมังกรทองที่กำลังนิยมในตอนนี้ โดยรวมดูสง่าและโก้หรู ทำให้ฉินสือโอวดูดีมากกว่าเดิม
แค่เสื้อตัวเดียว ฉินสือโอวใช้เงินไปห้าหมื่นหยวน เงินจำนวนนี้สามารถซื้อรถบีเอ็มดับเบิลยูคันหนึ่งในแคนาดาได้เลย
เมื่อรู้มาว่านักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ค่อนข้างพิเศษ เขารู้สึกหวั่นๆ ยังไงล่ะ เป็นทายาทเศรษฐีหรือรัชทายาทล่ะ ทำไมไกด์คนนั้นต้องพูดให้ตนรู้สึกลำบากใจอย่างนี้?
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าใครจะมา ถ้าว่านอนสอนง่ายก็ไม่ว่าอะไร แต่ถ้ามาแล้วกระทบต่อแผนธุรกิจของตนล่ะก็ รอถูกเชือดทีละคนได้เลย
ฉินสือโอวในตอนนี้นับวันยิ่งมีความมั่นใจมากขึ้นเรื่อยๆ เกาะแฟร์เวลแห่งนี้เป็นถิ่นของเขา สิ่งไหนที่ควรแสดงออกมาก็ควรจะแสดงออกมา สิ่งไหนที่ไม่ควรแสดงออกมาก็ควรเก็บเอาไว้ ถ้าจะเสแสร้งก็ต้องเตรียมพร้อมที่จะกลายเป็นคนโง่ได้เลย
ในตอนเที่ยง พวกเขาเจอกันที่สนามบิน แฮมเล็ตรู้สึกตะลึงเมื่อเห็นการแต่งตัวของฉินสือโอว เขายกนิ้วโป้งให้และพูดว่า “ฉิน คูลมาก ถ้านายเข้าร่วมการประกวดมิสเตอร์แคนาดา ต้องเป็นระดับแชมป์แน่ๆ ”
ฉินสือโอวยักไหล่ เขาพอใจกับเสื้อตัวนี้มาก ตัวละห้าหมื่นเลยล่ะ
จะว่าไป นี่เป็นชุดพิธีการชุดแรกของเขาตั้งแต่มาอยู่แคนาดาเลย ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่เคยเข้าร่วมงานทางการ แต่เขาไม่เคยใส่ชุดพิธีการเลยต่างหาก
เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมของประเทศแคนาดา โดยปกติมันเพียงพอแล้วที่จะมีชุดพิธีการแค่หนึ่งหรือสองชุดที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นชาวจีนหรือชาวต่างชาติในโอกาสส่วนใหญ่ในแคนาดา พวกเขามักแต่งตัวเรียบง่ายโดยไม่คำนึงถึงรูปลักษณ์
ในพื้นที่ส่วนใหญ่ การแต่งกายที่พบบ่อยที่สุดก็คือเสื้อยืด กางเกงยีนและรองเท้ากีฬา ด้วยจังหวะการใช้ชีวิตที่เร่งรีบมากกว่าเดิมและความต้องการของสภาพแวดล้อม ชุดลำลอง รองเท้าลำลองเป็นที่นิยมมากขึ้นของผู้คน หลักการการแต่งตัวของพวกเขาง่ายมาก สวมใส่สบาย สวยงาม และสบายตา
ทั้งหมดนี้สามารถเห็นได้จากละครอเมริกัน ในอเมริกาเหนือจะสวมใส่ชุดสูทหรือชุดพิธีการเฉพาะโอกาสที่เป็นทางการมากเช่น การเข้าร่วมงานแต่งงาน งานศพ งานสำเร็จการศึกษา ในโบสถ์ เป็นต้น
และแน่นอนว่า ถ้าคุณมีอาชีพเกี่ยวกับด้านตลาดหลักทรัพย์ ด้านกฎหมาย ด้านประกันภัย ก็ต้องสวมชุดสูทและรองเท้าหนังเป็นธรรมดา
ดังนั้นเมื่อแฮมเล็ตเห็นฉินสือโอวใส่ชุดสูท ก็รู้เลยว่าเขาให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวครั้งนี้มาก
บ่ายโมงตรง เครื่องบินจากโตรอนโตลงจอด ฉินสือโอวยกป้ายที่เตรียมไว้แล้วขึ้น บนนั้นเขียนด้วยพู่กันว่า ‘ยินดีต้อนรับเพื่อนชาวจีนมาเยือนเมืองแฟร์เวล’
ตัวหนังสือดูทรงพลังแต่ฉินสือโอวไม่ได้เป็นคนเขียน เออร์บักเป็นคนเขียนต่างหาก ซึ่งทำให้เขารู้สึกละอายใจเล็กน้อย ที่ฝีมือการเขียนพู่กันของคนจีนแท้ๆ สู้ฝรั่งตาน้ำข้าวไม่ได้
ไม่นานก็มีคนเดินออกมาจากทางออก คนนำหน้าเป็นฝรั่งตาน้ำข้าวกลุ่มหนึ่ง ชายหนุ่มในฝรั่งตาน้ำข้าวเหล่านี้เดินมาพร้อมกัน พวกเขาเดินไปคุยไปและหันไปมองด้านหลังอยู่บ่อยๆ
เมื่อเห็นฉากนี้ ฉินสือโอวรู้สึกประหม่าเล็กน้อย ถ้าคิดไม่ผิด สิ่งที่คนเหล่านี้กำลังพูดถึงก็คือกลุ่มนักท่องเที่ยวของเขา
ต่อมาคนของกลุ่มนักท่องเที่ยวเดินออกมา ฉินสือโอวมองเขม้น แล้วชะงักในทันที
คนจีนกว่า 20 คนที่เดินออกมาพร้อมกันต่างลากกระเป๋าเดินทางและถือกระเป๋าใบเล็กใบใหญ่เต็มไปหมด ดูออกเลยว่าเป็นนักท่องเที่ยวที่มาจากประเทศจีน การแต่งตัวของพวกเธอไม่มีปัญหาอะไร ลักษณะท่าทางของพวกเธอก็ไม่มีปัญหาเหมือนกัน ดูสบายตาและเป็นธรรมชาติ พวกเธอเดินออกมาอย่างเป็นระเบียบ จากจุดนี้ก็ถือว่าได้ช่วยรักษาหน้าคนจีนด้วยกันไว้มาก
แต่สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวชะงักก็คือ ในยี่สิบกว่าคนนี้ ล้วนแต่เป็นผู้หญิงทั้งหมด! ล้วนแต่เป็นวัยรุ่นสาวทั้งหมด! ล้วนแต่เป็นวัยรุ่นสาวหน้าตาสะสวยและรูปร่างเซ็กซี่ด้วย!
คนนำหน้าทั้งสองสวมชุดเครื่องแบบของบริษัทท่องเที่ยวแห่งหนึ่ง ส้นสูงกับถุงน่องสีเนื้อ ความสาวและความสวย แน่นอนว่าทั้งสองคนนี้ต้องเป็นไกด์
อีกยี่สิบคนที่เหลือใส่ชุดตามใจตัวเอง มีตั้งแต่ชุดกระโปรงไปจนถึงชุดโบฮีเมียน ตั้งแต่เสื้อชีฟองไปจนถึงเสื้อยืดรัดรูป สาวสวยยี่สิบคนที่แต่งตัวแตกต่างกันเดินอยู่ด้วยกัน ราวกับดอกไม้หลากสียี่สิบดอก ต่างคนต่างมีเสน่ห์ของตัวเอง ไม่แปลกใจที่กลุ่มวัยรุ่นหนุ่มเมื่อกี้หันกลับไปมองไม่หยุด
ฉินสือโอวสับสนเล็กน้อย ไม่ควรเป็นอย่างนี้นี่ การออกไปเที่ยวต่างประเทศควรไปกันเป็นครอบครัวไม่ใช่เหรอ? ทำไมครั้งนี้มีสาวสวยมากมายอย่างนี้? หรือมีบริษัทโมเดลแห่งไหนในจีนจัดกลุ่มนางแบบสาวมาเที่ยว?
สาวๆ เดินออกมาด้วยรอยยิ้มที่มั่นใจและสง่า พวกเธอเห็นฉินสือโอวที่กำลังถือป้ายพร้อมกัน และไม่รู้ว่าตัวเองคิดไปเองหรือยังไง ฉินสือโอวรู้สึกว่าดวงตาของหญิงสาวเหล่านี้เป็นประกายขึ้นเมื่อเห็นเขา!
ความสว่างนั้นสว่างกว่าหลอดไอโอดีนทังสเตนมือสองที่เขาซื้อมาจากตลาดนัดริมทะเลอีก
“สวัสดีครับทุกคน ไม่ทราบว่ามาจากบริษัททัวร์ฉวินซิ่น…” ฉินสือโอวถามด้วยรอยยิ้ม แต่เขายังพูดไม่ทันจบ สาวๆ ล้อมเข้ามาและแย่งกันพูดว่า
“ว้าว หล่อจัง นายคือฉินสือโอวใช่ไหม? ลุงของฉันพูดถูก นายหล่อมากจริงๆ ”
“พ่อรูปหล่อ เราถ่ายรูปด้วยกันสักรูปไหม? มา มายืนข้างๆ ฉันและมองไปที่โทรศัพท์ ชีส…”
“สุดหล่อ นายเป็นไกด์นำเที่ยวของเราใช่ไหม? ฉันชื่อจงฉูฉู่ ต่อจากนี้ไปนายต้องดูแลฉันเป็นพิเศษหน่อยนะ สุขภาพของฉันไม่ค่อยดี…”
“ที่นี่คือเซนต์จอห์นเหรอ? มองจากบนฟ้าดูเป็นเมืองที่เล็กมาก แต่คุณภาพอากาศดีมากจริงๆ ฉินคนหล่อ ที่นี่มีอะไรอร่อยบ้าง รีบพาพวกเราไปกินเร็ว หิวจะแย่แล้ว…”
ฉินสือโอวเหงื่อตก ผู้หญิงเหล่านี้น่ากลัวจริงๆ นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ฉันไม่เข้าใจกับสถานการณ์ตรงหน้าเลย…
ไกด์ผู้หญิงสองคนถูกเบียดไปอยู่วงนอก ฉินสือโอวส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากพวกเธอ ทั้งสองยักไหล่พร้อมกัน และยิ้มอย่างขมขื่น
แฮมเล็ตเองก็ไม่เข้าใจสถานการณ์ตรงหน้า เขาจัดระเบียบเสื้อกั๊กเล็กน้อย และเดินมาแนะนำตัว “คุณผู้หญิงผู้เลอโฉมทุกท่าน ผมคือวิลเลียม แฮมเล็ต เป็นนายกเทศมนตรีของเมืองแฟร์เวล ในวันต่อจากนี้ผมอาจไม่ได้อยู่ดูแลทุกท่าน แต่ถ้ามีปัญหาอะไรก็สามารถติดต่อผมได้ตลอดเวลานะครับ”
ผู้หญิงเหล่านี้ไม่เพียงแต่สวยและเซ็กซี่เท่านั้น พวกเธอยังมีคุณภาพสูงทุกคน อย่างน้อยๆ พวกเธอก็เคยเข้าเรียนเกี่ยวกับมารยาทและเคยเรียนภาษาอังกฤษ
หลังจากที่แฮมเล็ตได้ทำการแนะนำตัวแล้ว หญิงสาวเรียงแถวจับมือกับเขา และต่างก็ใช้ภาษาอังกฤษชมเขาและเมืองแฟร์เวล แม้ว่าพวกเธอจะยังไม่เคยเห็นเมืองแฟร์เวลก็ตาม…
ฉินสือโอวได้เรียกแท็กซี่มาล่วงหน้าแล้ว เขาส่งพวกเธอทั้งหมดขึ้นรถและให้รถไปส่งที่ท่าเรือ เมื่อหญิงสาวคนสุดท้ายขึ้นรถ เขาสังเกตเห็นว่าหลังของตัวเองเปียกโชก
ผู้หญิงสามคนเทียบเท่ากับเป็ดฝูงหนึ่ง แล้วผู้หญิงยี่สิบคนล่ะ? น่ากลัวจริงๆ
ท้ายที่สุดไกด์ทั้งสองได้นั่งรถคันเดียวกับฉินสือโอว เขารีบถามว่า “มันเกิดอะไรขึ้น? บอกฉันหน่อยได้ไหม ตอนนี้ประเทศจีนคัดหน้าตานักท่องเที่ยวที่จะเดินทางไปต่างประเทศเหรอ? เพื่อปรับปรุงภาพลักษณ์ของประเทศเราใช่ไหม มีแต่ผู้หญิงหน้าตาสะสวยอย่างพวกคุณใช่ไหมที่จะสามารถไปต่างประเทศได้?”
เมื่อได้ยินที่เขาพูด ไกด์ผู้หญิงหน้าตาสะสวยทั้งสองหัวเราะเบาๆ แต่ไม่มีใครตอบคำถามของฉินสือโอว แต่กลับจ้องเขาด้วยสายตาที่เร่าร้อน
ฉินสือโอวลูบหน้าตัวเองและถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? มีอะไรเหรอ?”
ในที่สุด หญิงสาวหน้ากลมในนั้นถามขึ้นว่า “นายชื่อฉินสือโอวใช่ไหม? เป็นเจ้าของฟาร์มปลาที่แคนาดา และมีเงินมากใช่หรือเปล่า?”
ฉินสือโอวขยับมุมปากเล็กน้อย เขาไหวพริบดีมาก เมื่อได้ยินที่หญิงสาวพูดก็รีบถามไปว่า “ผู้หญิงเหล่านี้ เป็นญาติและลูกสาวของผู้บริหารบริษัททัวร์ต่างๆ ที่มาดูงานครั้งก่อนใช่ไหม?”
……………………………………….
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น