ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 257-260

 บทที่ 257 การมาถึงของกองกำลังทหารโพไซดอน

โดย

Ink Stone_Fantasy

บิลลี่บ่นแว้ดๆ ได้พักหนึ่ง ฉินสือโอวก็เข้าใจถึงความเป็นมาของเรื่อง


หลังเขาไปรับบันทึกการเดินเรือของกัปตันเรือดังเคิลออสเตียสแล้วก็กลับไปไมอามี จากนั้นก็ทำทุกวิถีทางเพื่อกู้คืนเนื้อหาในบันทึก โชคดีมาก ที่ในบันทึกนั้นได้เขียนถึงเรื่องราวความเป็นมาของเรื่องในครั้งนั้นด้วย


เรือดังเคิลออสเตียสเป็นผู้เข้าร่วมกับการฆาตกรรมต่อเนื่องในเมืองไป่หยิน เขาได้บันทึกเรื่องราวความเป็นมาในตอนนั้นทั้งหมดไว้ในนี้ จากนั้นก็รู้สึกผิดแล้วเลือกที่จะจมลงไปพร้อมกับเรือบรรทุกสินค้าของเขา ทีแรกนึกว่าความจริงทั้งหมดจะถูกจมลงไปใต้ท้องทะเลพร้อมกับทองคำขาวจำนวนหนึ่งร้อยตันเสียแล้ว ไม่คิดไม่ฝันว่า เรื่องนี้ยังมีวันได้เผยความจริงออกมาอีก


ฉินสือโอวคิดว่า ทีแรกทางรัฐบาลสเปนคงลงบันทึกลับไว้ว่ากัปตันคนนี้เป็นฮีโร่ แต่พอตอนนี้เมื่อความจริงปรากฏแล้ว ทางรัฐบาลสเปนคงเห็นเขาเป็นคนไม่เอาไหนคนหนึ่ง คาดว่าคงได้ลบชื่อเขาออกจากรายชื่อฮีโร่ในบันทึกลับนั้นเรียบร้อยแล้ว


บิลลี่บอกกับเขาว่า ทั้งสองฝ่ายเจรจากันเป็นเวลาร่วมสิบวัน สุดท้ายทางรัฐบาลสเปนยอมเป็นฝ่ายถอย จะไม่มีการเอาเรื่องกับสมบัติที่จมลงไป เท่ากับว่าหากมีการพบสมบัตินั้นก็เป็นของบริษัทโอดิสซีย์


สุดท้าย บิลลี่ยังพูดอย่างคับแค้นใจว่า “ถือว่าไอ้พวกชิงหมาเกิดพวกนี้โชคดีนะ ฉิน ครั้งนี้เป็นพวกฉันที่โชคร้ายเอง หากว่าได้เจอกับบันทึกการเดินเรือนี้เร็วขึ้นสักครึ่งปีแล้วล่ะก็ อย่าคิดว่าพวกเขาจะได้เงินไปแม้แต่เซนต์เดียว ไม่ได้แม้แต่เซนต์เดียว!”


ก็จริงนะ หากเรื่องที่ว่าทางรัฐบาลหลอกลวง และปั่นหัวรัฐบาลสหรัฐแดงออกมาล่ะก็ นั่นต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่นอน เพราะจนถึงปัจจุบัน ทุกครั้งที่ทั้งสองประเทศเอ่ยถึงคำว่ามิตรภาพ ทั้งสองประเทศมักจะยกเรื่องการช่วยเหลือที่รัฐบาลสเปนมีให้ในช่วงที่สหรัฐทำสงครามการประกาศอิสรภาพ และการที่สเปนส่งทองคำขาวขนาดห้าร้อยตันให้ยืมโดยไม่คิดดอกเบี้ยในช่วงการสร้างประเทศ


ทองคำขาวห้าร้อยตันในสมัยนี้อาจดูไม่มีค่าอะไร ในสงครามครั้งที่หนึ่งและสองของการประกาศอิสรภาพนั้นทางอเมริกาก็มีเงินทุนมากมาย แต่ว่าในการสร้างประเทศนั้นกลับไม่ใช่อย่างนั้น เหล่าคุณลุงแซมนั้นเรียกได้ว่าจนกันขั้นสุด ประธานาธิบดีของวอร์ชิงตันต้องประหยัดกันถึงขั้นยอมยุบกองกำลังทหารที่ร่วมฝ่าฟันเป็นตายมาด้วยกันลง


และในสถานะรัดเข็มขัดเช่นนั้น ทางพวกลุงแซมทั้งเก็บหอมรอมริบสะสมได้เป็นทองคำขาวห้าร้อยตันส่งไปให้กับรัฐบาลวัวกระทิงเพื่ออยากรักษามิตรภาพไว้ ว่ากันตามจริง การหาทองคำขาวจำนวนเท่านี้ในตอนนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับรัฐบาลที่อยู่ในการประกาศอิสรภาพแบบนั้น


หากว่าให้พวกลุงแซมที่เย่อหยิ่งได้รู้ว่าพวกเขาถูกหลอกแล้ว แล้วยังถูกหลอกถึงขั้นแทบไม่มีข้าวกินอีก เหอๆ งั้นคงเป็นเรื่องใหญ่แน่ อย่างน้อยๆ เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศต้องร้าวฉานแน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย


ไม่แปลกเลยที่รัฐบาลสเปนจะยอมประนีประนอม ไม่ประนีประนอมได้เหรอ? ยังไม่พูดถึงเรื่องที่ว่าการทำให้รัฐบาลอเมริกาโกรธเพียงเพราะเงินหนึ่งร้อยห้าสิบล้านนั้นคุ้มหรือเปล่า ถึงแม้ทางรัฐบาลสหรัฐจะตัดสินเรื่องนี้อย่างยุติธรรม งั้นพวกรัฐบาลสเปนก็ต้องคืนทองคำขาวห้าร้อยตันไปก่อน แค่มูลค่าของทองคำขาวพวกนี้บวกกับดอกเบี้ยแล้ว หากรัฐบาลสเปนไม่ได้ควักสักหนึ่งพันล้านเหรียญสหรัฐเพื่อเป็นการชดใช้แล้วล่ะก็ งั้นรัฐบาลสหรัฐก็ถือว่าโง่มาก


ที่บิลลี่พูดมาไม่ผิดเลย หากว่าบันทึกเล่มนี้ปรากฏออกมาเร็วกว่านี้สักครึ่งปี รัฐบาลสเปนก็อย่าหวังว่าจะได้อะไรไปเลยแม้อย่างเดียว


แต่ดูออกว่าทีมเจรจาของทางโอดีสซีย์ก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน บิลลี่บอกฉินสือโอวว่า พวกเขาเจรจาได้ข้อตกลงที่ดีมาข้อหนึ่งด้วย ฉินสือโอวไม่สนใจเรื่องนี้ เขาถามต่อไปว่า “แล้วเงิน 15% ดอลลาร์สหรัฐของฉันล่ะ เมื่อไหร่จะให้ฉัน?”


บิลลี่ว่า “ก็ต้องรอให้พวกฉันจัดการเรื่องเงินล็อตนี้ก่อน ความจริงฉันเองก็อยู่ในช่วงย่ำแย่เหมือนกัน การเงินของบริษัทในตอนนี้ถึงเส้นแดงแล้ว หากไม่มีการปรากฏของบันทึกเล่มนี้แล้วล่ะก็ ไม่เกินหนึ่งปี พวกฉันคงต้องล้มละเลยแน่!”


ฉินสือโอวแอบถอนหายใจอยู่ในใจ ให้ตายเถอะตัวเองเป็นพระแม่มารีหรืออย่างไรกัน ทำไมถึงถามโง่ๆ ขอ Loan to value [1]แค่ 15% นะ ดูจากสถานการณ์ตอนนี้หากเขาขอสัก 51% ทางโอดิสซีย์ก็ต้องยอมให้แท้ๆ


แต่เอาเถอะ นี่เป็นแค่การคิดเล่นๆ เท่านั้น การงมของใต้ทะเลนั้นต้องเสียภาษีสูงมาก ถ้าให้เขา 51% จริง ทางโอดีสซีย์คงยอมส่งคืนสมบัติให้กับสเปนดีกว่า ไม่ต้องออกแรงให้เหนื่อยด้วย


ความจริงการที่บิลลี่ตามหาฉินสือโอวก็มีเรื่องสำคัญเหมือนกัน เขาถามว่า “ผลเก็บเกี่ยวที่หาดน้ำตื้นจอร์จของนายเป็นอย่างไรบ้าง? สมบัติทั้งสองชิ้น หาเจอหรือเปล่า?”


ฉินสือโอวกลอกตาไปที แล้วพูดว่า “ฉันยังมีธุระ ไปก่อนล่ะ”


อะไรไม่ควรพูดก็ยังจะพูดอยู่ได้ เจ้าเด็กนี่มีตาแต่ไม่มีแววเลย ไม่คู่ควรแก่การสั่งสอน ท่านฉินเริ่มไม่สบอารมณ์แล้ว


คุณนายวิสเติลยกมื้อค่ำมาเสิร์ฟ คิดไม่ถึงว่าจะมีเมนูหลักคือข้าวผัดไข่ สีข้าวขาวบริสุทธิ์ สีไข่เหลืองนวล แล้วก็ยังมีหัวไชเท้าหั่นแท่ง เม็ดข้าวโพด ถั่วเหลืองด้วย มีกลิ่นหอมมาก


สำหรับอีวิลสันนั้นได้เตรียมเป็นขนมสอดไส้และพิซซ่ากองใหญ่ แล้วยังมีเนื้อทอด สเต๊กทอดอีกหม้อใหญ่ๆ กับนมอีกถังเบ้อเร่อ อีวิลสันมองจนตาเป็นประกาย กินจนน้ำลายปลิวว่อนกันเลย


ฉินสือโอวทานข้าวพลางเลื่อนดูข่าวจากโทรศัพท์มือถือ โดยมีหัวข้อหลักคือโอดีสซีย์ ในนั้นมีข่าวเกี่ยวกับบริษัทนี้ออกมามากมาย ในหัวข้อข่าวจากหนังสือพิมพ์ Yahoo เขียนไว้ว่า ‘รัฐบาลสเปนตกลงไม่ขอเรียกคืนสมบัติที่จมสู่ใต้ทะเลของบริษัทโอดีสซีย์ เพื่อรักษาสัมพันธมิตรที่ดี’


เมื่ออ่านถึงคำว่า ‘เพื่อรักษาสัมพันธมิตรที่ดี’ ฉินสือโอวแทบจะกลั้นหัวเราะไม่อยู่ รักษาสัมพันธมิตรบ้านนายสิ ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายแทบรอไม่ไหวที่จะบีบให้อีกฝ่ายตายคามือเสียด้วยซ้ำ


อาหารค่ำมื้อนี้ทานได้อย่างอิ่มหนำสำราญ หู่จือและเป้าจือต่างก็ร้องครางออกมาด้วยความอิ่ม ส่วนทางด้านฉงต้านั้นอิ่มถึงขั้นตาปรือออกมา ทำอย่างไรได้ล่ะ ตอนอยู่บนทะเลพวกมันก็คงกินปลากันจนเอียนแล้ว


 “ขอบคุณสำหรับการต้อนรับที่ดีนะครับ คุณผู้หญิง ต้องขอบอกเลยว่าอาหารที่คุณทำนั้นอร่อยขั้นสุดจริงๆ ครับ” ฉินสือโอวพูดขอบคุณ


คุณนายวิสเติลยิ้มแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่าพวกคุณชอบก็ดีแล้ว เตียงนอนได้ถูกจัดเตรียมให้แล้ว ห้องพักก็ทำความสะอาดเรียบร้อย เมื่อฉินสือโอวถึงห้องพักก็ทิ้งตัวลงบนเตียง ปิดตาแล้วหลับไปทันที!


ออกทะเลติดต่อกันมาสามวัน ฉินสือโอวกะว่าจะพักผ่อนเสียหน่อย ความจริงเขาเพียงแค่อยากมาเล่นแก้เบื่อเท่านั้น ไม่ได้มาเพื่อหาสมบัติหรือตกปลาเลย ดังนั้นเขาจึงไม่ให้ตัวเองเหนื่อยมากเกินไป


ฉินสือโอวถือร่มกันแดดและเครื่องดื่ม ไปที่หาดฮาร์ฟมูน นอนรับลมทะเล อาบแดด ไม่ไกลนักมีฝูงนกนางนวลส่งเสียงร้องเจี๊ยวจ๊าว ฟองคลื่นสีขาวบริสุทธิ์ที่สาดมาชายฝั่ง ชีวิตแบบนี้แหละถึงจะเรียกว่าชีวิตที่สวยงาม


ยิ่งไปกว่านั้นคือถึงแม้จะนอนอยู่ที่นี่ ฉินสือโอวยังสามารถทำงานไปได้ด้วย ก็คืองานสั่งสอนพวกนักตกปลาอาร์บีเอฟเอฟนั่นเอง


นักตกปลาพวกนั้นยังไม่ยอมแพ้ ยังคงอยู่ที่หาดน้ำตื้นจอร์จพยายามลองใช้เหยื่อหลากหลายรูปแบบเพื่อลองตกปลาหลายๆ ชนิด แต่พวกเขากลับไม่รู้เลยว่าพวกเขานั้นกำลังช่วยฉินสือโอวที่พวกเขาเกลียดเข้ากระดูกดำทำงานอยู่


เมื่อตกปลามาหลายวันแต่กลับไม่ได้อะไรเลย พวกเขาก็ทำได้แต่ด่าหาว่าหาดน้ำตื้นจอร์จไม่มีปลา ความจริงแล้วน่านน้ำนี้ใช่ว่าจะไม่มีปลาทูน่า แต่คือก่อนที่ปลาพวกนี้จะติดเบ็ดนั้น ก็ถูกฉินจ้าวแห่งปลาสอยไปก่อนแล้วต่างหาก


เวลาเพียงหนึ่งวัน ฉินสือโอวก็จับปลาทูน่าได้อีกสิบสี่ตัว ทำให้จำนวนปลาที่จับได้นั้นเพิ่มขึ้นไปเป็นหนึ่งร้อยตัว ทำลายสถิติก่อนหน้าที่จับปลาทูน่าได้หนึ่งร้อยตัวไปแล้วอย่างเป็นทางการ


เวลาค่ำ ชาลส์และคนอื่นๆ กลับถึงท่า วันนี้พวกเขาก็ตกปลาทูน่าครีบน้ำเงินไม่ได้ แต่ยังดีที่มีปลาทูน่าครีบเหลืองติดมา


 “นี่ก็ไม่เลวนะ ไม่ใช่เหรอ ถึงแม้จะได้เงินน้อยหน่อยแต่ก็ดีกว่าไม่ได้เงินเลยนะ ฮ่าๆ” ชาลส์พูดอย่างมองโลกในแง่ดี


 “ฉิน ไปเที่ยวบาร์กันเถอะ ฉันเลี้ยงเอง”


 “กัปตันโชคช่วยเขาไม่กล้าไปเที่ยวบาร์หรอก ถ้าสาวๆ พวกนั้นรู้ว่าในหมู่พวกเรามีเศรษฐีถือบัตรอเมริกันเอ็กเพรสมาด้วยล่ะก็ คงอยากพากันมาตอดจนไม่เหลือแม้กระทั่งกระดูกแน่เลย”


 “ความจริงเหมือนฉินก็ดีนะ กลางวันรับลมชมสาวอยู่ตรงชายหาด กลางคืนก็มาดูความน่าอับอายของพวกนักตกปลาโง่เง่าพวกนั้น มีความสุขจะตาย”


ฉินสือโอวหัวเราะ เขามาเพื่ออยากกระตุ้นนักตกปลาพวกนั้นจริงๆ นั่นแหละ เพราะหากว่าคนพวกนี้ยอมแพ้แล้วออกจากเมืองกลอสเตอร์ไป งั้นการหาปลาทูน่าครีบน้ำเงินของเขาคงยากขึ้นไม่น้อยเลย


เมื่อปฏิเสธคำเชิญไปเที่ยวบาร์ของเฟล็ปส์แล้ว ฉินสือโอวก็เดินเชิดจากไปท่ามกลางสายตาที่ลุกเป็นไฟของนักตกปลาทั้งหลาย ท่าทางของเขาตอนนี้น่าหมั่นไส้เป็นที่สุด


เหตุผลที่ต้องปฏิเสธคำเชิญของพวกเฟล็ปส์นั้น ก็เพราะว่าฉินสือโอวมีเรื่องที่สำคัญกว่าต้องทำ เพราะในที่สุดตอนนี้กลุ่มกรรมกรไร้กระดูกและกองกำลังทหารงูทะเลของเขาได้มาถึงหาดน้ำตื้นจอร์จแล้ว!


…………………………….


[1] สัดส่วนจำนวนบัญชีสินเชื่อที่มีมูลค่าสินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน


บทที่ 258 เหรียญทองเอ๋ยมาทางนี้

โดย

Ink Stone_Fantasy

ชายหาดน้ำตื้นจอร์จ พืดหินดำครึ้ม สัตว์ประหลาดทะเลย่างกราย


ฝูงเงาดำที่อุกอาจแอบซุ่มอยู่ใต้ท้องทะเลอย่างเงียบๆ นี่คืองูทะเลที่มีความยาวและหน้าตาที่น่าเกรงขาม ตัวที่เป็นจ่าฝูงนำทีมมีความยาวลำตัวที่ยาวอย่างน่าตกใจถึงสิบห้าเมตร นี่แหละที่เรียกว่าขนาดตัวเท่ากับถังน้ำ ในการกะพริบตาไปมานั้น เผยให้เห็นถึงดวงตาสีเหลืองทองที่เปล่งรัศมีที่เยือกเย็นออกมา


ด้านหลังของงูทะเลจ่าฝูงนั้น เป็นฝูงลูกน้องที่ลำตัวเล็กลงมาหน่อย ความยาวของพวกมันแต่ละตัวไม่เกินสิบเมตร ไม่รู้ว่าเพราะฉินสือโอวถ่ายเทพลังโพไซดอนให้จ่าฝูงมากเกินไป หรือว่ามันกลายพันธุ์กันแน่ ถึงได้มีขนาดลำตัวที่น่ากลัวเช่นนี้


ฉลามพอบิเกิลตัวใหญ่ตัวหนึ่งว่ายผ่านมา หากเทียบกับตัวที่เคยสู้กับปลาทูน่าแล้ว เจ้าตัวนี้ถือว่าเป็นระดับคุณแม่เลย ขนาดลำตัวยาวถึงหกเจ็ดเมตร ลำตัวแข็งแรงอ้วนมน รอยแผลเป็นมากมายบนผิวนั้น เป็นหลักฐานชั้นดีว่ามันเคยผ่านสงครามมามากมาย


ฉลามพอบิเกิลตัวนี้ก็ถูกปลาทูน่าดึงดูดมาเหมือนกัน มันจู่โจมมาแต่ไกล แต่สุดท้ายเมื่อว่ายมาถึงบริเวณใกล้ๆ ทันใดนั้นทรายใต้น้ำก็ตลบขึ้นมา พร้อมกับมีน้ำหมึกสีดำมืดปล่อยออกมา


จากนั้น ในน้ำหมึกสีดำนั้น ก็มีมือจำนวนมากมายโผล่ออกมาจากผืนทรายพวกนั้น ซึ่งดูเหมือนมือผีจากมัจจุราชในนรกอย่างไรอย่างนั้น ต่างก็ยื่นเข้ามาพันอยู่บนตัวของฉลามพอบิเกิล


หลังฉลามพอบิเกิลตกอยู่ในน้ำหมึกดำนั้นก็ตกใจไปชั่วขณะ มันตื่นตระหนกอยากหนีไป แต่ว่าไม่ทันแล้ว มือเรียวยาวพวกนี้พันติดกันทำให้มันหนีไม่ได้


จากนั้น ก็มีเงาอันน่ากลัวมากมายพุ่งออกมาเร็วปานสายฟ้า พันไปรอบตัวมันแล้วเริ่มรัดอย่างบ้าคลั่ง ฉลามพอบิเกิลตัวใหญ่ตัวนั้นสะบัดอยู่ครู่หนึ่ง ก็โดนรัดจนมีเลือดออกทางปาก ดวงตาเบิกโพลน สิ้นใจทันที!


ปลามาร์ลินและปลาทูน่ามุงเข้าไป ค่อยๆ ใช้ฟันที่แหลมคมนั้นจิกกัดลำตัวของมัน เริ่มอาหารมื้อใหญ่อันโอชะกัน


ฉินสือโอวที่เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบรู้สึกตรึงใจอย่างมาก ที่แท้ตัวเขามีฝูงลูกน้องที่น่ากลัวพวกนี้อยู่กับตัวด้วย!


จ่าฝูงงูเหลือมทะเลมองดูอยู่ข้างๆ อย่างเยือกเย็น ไม่ได้ออกโรง ตัวที่ฆ่าฉลามพอบิเกิลนั้นเป็นเพียงลูกน้องมันเท่านั้น ส่วนมือที่โผล่ออกมาจากผืนทรายและน้ำหมึกดำที่พ่นออกมานั้น ก็คือผลงานของทีมไร้กระดูกนั่นเอง


พลังโพไซดอนแผ่คลุมไปที่งูเหลือมทะเลและทีมไร้กระดูกเหล่านี้ พวกมันตื่นเต้นดีใจขึ้นมาทันที สายตาที่เยือกเย็นของงูเหลือมทะเลเปลี่ยนไปเป็นสายตาที่เป็นมิตร ลำตัวสั่นไปมาเบาๆ เพื่อน้อมรับพลังโพไซดอน


เหล่าทีมไร้กระดูกค่อยๆ มุดออกมาจากผืนทราย ทรายที่ติดตัวพวกมันออกมาบัดนี้ได้ลอยคลุ้งไปในน้ำทะเล ทำให้ดูเหมือนพื้นทะเลถูกขุดจนหายไปชั้นหนึ่ง


นี่แหละคือผลลัพธ์ที่ฉินสือโอวต้องการ!


หลังให้งูเหลือมทะเลและทีมไร้กระดูกได้พักผ่อนแล้ว ฉินสือโอวได้ส่งพลังโพไซดอนให้พวกมัน จากนั้นก็เริ่มทำงานข้ามวันข้ามคืนกัน


หากให้เปรียบเทียบแล้ว กองกำลังทหารธงฟ้านั้นทำได้เพียงการปะทะเล็กๆ น้อยๆ ทีมไร้กระดูกต่างหากถึงจะเป็นมืออาชีพด้านขุดทราย ส่วนงูเหลือมทะเลที่ชอบเลื้อยและมุดในผืนทราย นั่นแหละที่ได้ดั่งใจเป็นอย่างมาก


ใช้เวลาไม่นาน เม็ดทรายลอยว่อน พื้นใต้ทะเลถูกขุดออกหลุมแล้วหลุมเล่า งูเหลือมทะเลที่ว่ายเรียงตัวกันหางต่อหาง ทำให้เรียงกันเป็นแถวเดียว เหมือนกับไถดิน พวกมันตามอยู่ข้างหลังทีมไร้กระดูกทำหน้าที่กวาดผืนทรายที่ทีมไร้กระดูกขุดให้คลุ้งอีกที


เมื่อไถได้ประมาณสี่กิโลเมตร ฉินสือโอวเหนื่อยอยากจะพักผ่อนแล้ว แต่ในตอนนี้นี่เอง ในผืนทรายที่บางลงนั้น ก็มีสิ่งของทรงแบนและหนักถูกทีมไร้กระดูกงัดขึ้นมาแล้วจมลงไป


สายตาของฉินสือโอวจ้องไปที่ของสิ่งนี้ ไม่ผิดแน่นอน นี่คือเหรียญทอง!


เขาเข้าไปมองดูอย่างละเอียด เหรียญทองพวกนี้มีสีเหลืองเข้ม แต่มีสนิมเขียวอ่อนและสนิมเหล็กตรงขอบเล็กน้อย เมื่อเห็นภาพนี้ ทำให้เขามั่นใจถึงระยะเวลาที่เหรียญทองพวกนี้จมอยู่ใต้ทะเลโดยประมาณได้ ก็คือประมาณหนึ่งศตวรรษ


เนื่องด้วยทักษะการหลอมทองในสมัยนั้นไม่ค่อยดีนัก บวกกับการที่จงใจเพิ่มโลหะเข้าไปหลอมด้วย ทำให้เหรียญทองนี้ไม่ใช่เหรียญทองแท้ แต่ประกอบไปด้วยเงิน ทองแดงและเหล็ก


เมื่อจมอยู่ใต้ทะเลเป็นเวลาสองศตวรรษแล้ว ทองแดงและเหล็กในเหรียญที่เกิดปฏิกิริยาทางเคมีกับน้ำทะเล ทำให้มีทั้งสนิมเขียวและสนิมเหล็กเกาะอยู่


เหรียญที่จมอยู่ในผืนทรายพวกนี้มีความหนาประมาณสองมิลลิเมตร ด้านหัวคือรูปเทพีสันติภาพที่เดินย่ำเท้าไปข้างหน้า มือข้างหนึ่งถือคบไฟ อีกข้างถือสาขามะกอก ส่วนด้านก้อยคือภาพแสงอาทิตย์สาดส่อง ด้านล่างขวามีเลขโรมันสลักอยู่ว่า ‘MCMVII’


ฉินสือโอวรู้ว่าเลขโรมัน MCMVII นั้นคือเลข 1907


ด้านก้อยของเหรียญเป็นรูปนกอินทรีกางปีกบิน นี่คือนกอินทรีหัวขาว หรือก็คือภาพลักษณ์ของบุชนั่นเอง ด้านบนนกอินทรีหัวขาวมีพิมพ์ชื่อประเทศ USA กับมูลค่าของเหรียญคือ 20 ส่วนด้านล่างมีตัวหนังสืออยู่หนึ่งประโยคว่า ‘IN-GOD-WE-TRUST’ คำพูดนี้แปลได้ว่า ‘เราเชื่อมั่นในพระเจ้า’


ไม่เพียงเท่านี้ ตรงขอบเหรียญยังมีรูปดาว50ดวงที่หมายถึงรัฐ 50 รัฐ และมีตัวหนังสือละตินแทรกอยู่ประโยคหนึ่งว่า E-Pluribus-Unum


ประโยคนี้นั้นดังมาก เป็นคำขวัญของสหรัฐอเมริกา มีความหมายว่า ‘หลากหลายรวมเป็นหนึ่ง’ ประธานาธิบดีของสหรัฐทุกคนที่ขึ้นแท่นประกาศสาบานตน ล้วนก็ต้องพูดประโยคนี้


เมื่อได้เห็นเหรียญพวกนี้แล้ว ฉินสือโอวรู้สึกโล่งใจขึ้นมา ความพยายามของเขาไม่ได้เสียเปล่า ในที่สุด เหรียญทองคำนกอินทรีปี 1907 ก็ได้โผล่ออกมาให้เห็นแล้ว!


เหรียญพวกนี้ก็คือยาบำรุงชั้นดี หลังฉินสือโอวได้เห็นพวกมันแล้ว ทั้งเอวทั้งหลังต่างก็ไม่ปวดไม่เมื่อยแล้ว เขาแผ่พลังโพไซดอนไปให้กับงูเหลือมทะเลและทีมไร้กระดูกอีก ให้พวกมันล้อมรอบจุดที่เจอเหรียญทองแล้วเริ่มขุดต่อไปอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง


เมื่อผืนทรายถูกขุดไปมา เผยให้เห็นกระเป๋าเหล็กที่ขอบมีรอยแตกออกมากล่องหนึ่ง นี่คือกล่องที่มีรหัสล็อค มีความกว้างประมาณแปดสิบเซนติเมตร ยาวแปดสิบเซนติเมตร สูงครึ่งเมตร ถูกผลิตมาเพื่อให้ทั้งหนาและทนทาน


ถึงแม้จะอยู่ใต้ท้องทะเลมาเป็นเวลาหนึ่งศตวรรษแล้ว ก็ยังสามารถเห็นได้ถึงความทนทานนั้นอยู่


แต่น่าเสียดาย ไม่ว่าสิ่งของนั้นจะแข็งแรงทนทานแค่ไหนก็ไม่สามารถต้านทานการผุพังตามกาลเวลาได้ กล่องล็อครหัสใบนี้เขรอะไปด้วยสนิม แถมยังมีรอยแตกร้าวตรงขอบฝั่งหนึ่งด้วย ทำให้มีเหรียญทองหล่นออกมา เหรียญที่เจอเมื่อกี้ ก็หล่นออกมาจากรอยนี้เหมือนกัน


จากข้อมูลที่ฉินสือโอวรู้มา กล่องใส่รหัสแบบนี้คือกล่องเก็บเหรียญทองที่ใช้กันแพร่หลายของธนาคารในอเมริกา แต่ละกล่องสามารถบรรจุเหรียญทองได้ถึง 4000 เหรียญ


ตอนนั้นโรงกษาปณ์นิวยอร์กเพิ่งผลิตเหรียญอินทรีปี 1907 ออกมาจำนวนสี่หมื่นเหรียญ แต่ละเหรียญมีมูลค่า 20 ดอลลาร์สหรัฐ มีมูลค่ารวมทั้งหมดแปดแสนดอลลาร์สหรัฐ แน่นอนว่าเงินก้อนนี้ถือเป็นเงินจำนวนมหาศาลในตอนนั้น ที่ต้องถูกส่งไปยังรัฐเมนเพื่อใช้ในการจัดซื้อสินค้าครั้งใหญ่


แต่ทว่า เกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น เรือที่ขนส่งเหรียญทองในตอนนั้นเกิดไปชนกับพืดหินปะการังจนเรือจม ทำให้เหรียญทองสี่หมื่นเหรียญนี้หายไปในทะเลจนถึงปัจจุบัน จนได้ฉินสือโอวที่ทำให้มันออกมาเจอโลกอีกครั้ง!


หลังเจอกล่องใส่เหรียญทองแล้ว ฉินสือโอวคิดว่าเพียงแค่ใช้จุดนี้เป็นจุดศูนย์กลางแล้วหาบริเวณรอบๆ ก็คงสามารถหาเจออีกห้ากล่องได้อย่างรวดเร็ว เพราะน่าจะยังมีอีกสองกล่องที่มีเหรียญอีกแปดพันเหรียญอยู่ข้างใน แต่ว่าไม่ว่าหาอย่างไรก็หาไม่พบ


ฉินสือโอวได้ใช้พลังโพไซดอนไปจำนวนมาก เขาในตอนนี้เหนื่อย เหงื่อท่วมตัวแถมเปิดตาแทบไม่ไหวแล้ว พึ่งก็แต่จิตสำนึกในการมีสติเท่านั้น


เขายังคงหาต่อไปในสภาพร่างกายแบบนี้แต่ก็ยังหากล่องเหรียญทองอีกสองกล่องไม่เจอ เขาทนไม่ไหวแล้ว จึงดึงพลังโพไซดอนกลับแล้วพักผ่อนทันที


ในคืนเดียวกันนั้น ฉินสือโอวนอนหลับไม่ค่อยดี ถึงแม้เขาจะเคยมีประสบการณ์การค้นพบทองคำขาวร้อยตันกับเรือดังเคิลออสเตียสมาแล้ว แต่เมื่อได้รู้ถึงเหรียญทองที่มีมูลค่าเกินกว่ายี่สิบล้านดอลลาร์นี่แล้ว ทำให้เขาไม่สามารถเก็บความกะตือรืนร้นนี้ไว้ได้


เขาตื่นมาตอนเช้าตรู่ เรื่องที่เขาทำเป็นเรื่องแรกก็คือรีบกลับไปดูว่าเหรียญพวกนั้นยังอยู่หรือเปล่า พวกมันถูกผืนทรายพัดปิดไปหมดแล้วหรือไม่? จะมีคนที่บังเอิญไปดำน้ำแล้วเจอเหรียญทองพวกนั้นไหม? เมื่อคืนเป็นแค่ภาพหลอนที่เขาเห็นหรือเปล่า?


………………………………..


บทที่ 259 ฉินสือโอวคนเสเพล

โดย

Ink Stone_Fantasy

เป็นอย่างที่เขาหวัง กล่องเหรียญทองทั้งแปดกล่องยังคงตั้งอยู่ใต้ท้องทะเลอย่างเดิม ไม่ได้ถูกทรายปกคลุม และก็ไม่มีนักดำน้ำผู้โชคดีคนไหนมาเจอพวกมันด้วย


แต่ว่า หากมีคนมาดำน้ำที่นี่แล้วเจอกับเหรียญพวกนี้ คงต้องเรียกว่าโชคร้าย ไม่ใช่โชคดี เพราะในกองทรายเหล่านั้นเต็มไปด้วยทีมไร้กระดูกตัวใหญ่หลายร้อยตัว รอบๆ ก็มีงูเหลือมทะเลดุดันตัวใหญ่หลายสิบตัวว่ายไปมาด้วยท่าทางเยือกเย็นอยู่


หากมาอยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมแบบนี้ นักดำน้ำไม่ถูกทำร้ายถึงตาย ก็คงตกใจจนเป็นบ้าเป็นแน่!


ฉินสือโอวโล่งอก ชาร์คมาหาเขา พูดว่า “บอสครับ วันนี้จะออกทะเลไหมครับ? เมื่อวานพวกเฟล็ปส์จับปลาได้จำนวนไม่น้อย คิดว่าช่วงนี้คงจะมีปลาทูน่าครีบน้ำเงินอยู่แถวชายหาดน้ำตื้นจอร์จเยอะแน่นอนครับ”


“แล้วพวกนักตกปลาอาร์บีเอฟเอฟล่ะ?” ฉินสือโอวถาม


ชาร์คยักไหล่ พูดพร้อมหัวเราะว่า “ถือว่าพวกเขาโชคดีครับ จำนวนไม่เพียงไม่น้อย แถมยังมีพวกที่ตามมาสมทบจากอ่าวเคปค้อด บอกว่าพวกเขาไม่เชื่อว่าชายหาดน้ำตื้นจอร์จมีอาถรรพ์ พวกเขามั่นใจว่าตัวเองจะสามารถตกปลาจากที่นี่ได้ครับ”


ฉินสือโอวหัวเราะ พวกนายไม่เชื่อเรื่องอาถรรพ์เหรอ? งั้นฉันฉินจ้าวแห่งปลาจะทำให้พวกนายเชื่อเอง!


เขาควานหาโทรศัพท์มือถือ โทรหาบิลลี่ก่อน “เตรียมเรือกู้ซากเลย ฉันหาเหรียญทองอินทรีเจอแล้ว”


เนื่องจากตอนนี้ยังเป็นเวลาเช้าตรู่ ทางบิลลี่ยังคงนอนอยู่จึงพูดงึมงำตอบไปว่า “ขอเถอะ เพื่อนฝูง เห็นแก่หน้าพระเจ้านะ อย่าเพิ่งล้อเล่น ให้ฉันได้นอนเต็มตื่นเถอะ นายก็รู้ เมื่อคืนเพื่อฉลองที่พวกเราได้แย่งสมบัติของตัวเองกลับคืนมาได้ บริษัทได้จัดงานปาร์ตี้สุดเหวี่ยงขึ้น…”


 “โอเค เพื่อนรัก นายนอนต่อไปเถอะ ฉันจะเปลี่ยนหุ้นส่วนแล้ว เหรียญทองแปดกล่อง โอ้พระเจ้า รวมๆ แล้วก็มีมูลค่าสามหมื่นสองพันเหรียญ!” ฉินสือโอวพูด


 “เหวอ ฉิน พูดจริงนะ นายไม่ได้ล้อฉันเล่นใช่ไหม?” บิลลี่ตื่นตัวขึ้นมาแล้ว เสียงเกียจคร้านแต่ชัดเจนดังออกมาจากอีกฝั่งของโทรศัพท์ “เพื่อนรัก ขอนอนต่ออีกสักพักได้ไหม อย่าล้อเล่นแบบนี้”


ฉินสือโอววางสายทันที เขาจำเป็นต้องแสดงให้บิลลี่เห็นความจริงข้อหนึ่งว่า เขา ฉินสือโอว จ้าวแห่งสัตว์ทะเล จ้าวแห่งทะเลทั้งเจ็ด โอเค พูดแบบนี้อาจดูเวอร์ไปหน่อย สรุปก็คือเขาต้องเป็นคนถือสิทธิ์ชี้ขาดในเรื่องต่างๆ ของบริษัท พูดคำไหนคำนั้น!


เขาต้องสร้างภาพลักษณ์ให้กับคนที่จะมาร่วมหุ้นกับเขา นั่นก็คือคำพูดของเขาถูกเสมอ และต้องไม่มีการตั้งคำถามใดๆ กับคำพูดของเขาทั้งนั้น เพราะพลังโพไซดอนบนนิ้วเขานั้นทำให้เกิดคำถามมากมาย หากว่าเพื่อที่จะปกปิดเรื่องนี้แล้วเอาแต่สรรหาคำโกหกมาพูด งั้นฉินสือโอวคงได้เหนื่อยตายก่อนเป็นแน่


เมื่อวางสายแล้ว ฉินสือโอวก็โทรศัพท์อีกสาย สายนี้โทรไปหาเบลคแทน เมื่อรวมแบรนดอน บิลลี่และเขา ก็เป็นสี่คนพวกเขาจะร่วมหุ้นกันเปิดบริษัท เป็นบริษัทเกี่ยวกับการจัดการกู้สมบัติใต้ท้องทะเล แต่ละคนจะรับผิดชอบกันคนละฝ่าย เบลคมีหน้าที่ยื่นเรื่องก่อตั้งบริษัท หรือก็คือเขานี่แหละคือว่าที่ฝ่ายกฎหมายในบริษัทนี้


ฉินสือโอวบอกเบลคว่าสมบัติใต้ท้องทะเลชุดแรกใกล้จะออกสู่สายตาผู้คนแล้วนะ ให้เขารีบไปทำดำเนินการให้เรียบร้อย เบลคบอกให้เขาวางใจได้ เพราะตอนนี้บริษัทใกล้จะก่อตั้งเสร็จอย่างเป็นทางการแล้ว เขาตั้งชื่อบริษัทว่า ‘บริษัทเสี่ยวอวี๋กู้ซากในมหาสมุทร’


ชื่อบริษัทค่อนข้างไม่หวือหวา ตรงกับแผนการทำเงินแบบค่อยเป็นค่อยไปที่ฉินสือโอววางไว้


เมื่อวางสายจากเบลคแล้ว ฉินสือโอวก็ปิดเครื่อง แล้วโบกมือพูดว่า “ไปเถอะ ออกทะเลกัน ฉันจะไปดูสิว่าไอ้พวกกระจอกอาร์บีเอฟเอฟจะมีลวดลายอะไรอีก”


เพราะหาเหรียญทองเจอแล้ว เงินอย่างน้อยสิบล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐจะเข้ากระเป๋าในไม่ช้านี้ อีกอย่างเขาตัดสินใจแล้วว่า หากเจอปลาทูน่าครีบน้ำเงินอีกก็จะจับไปรวมพวกกับกองกำลังทหารธงฟ้าและส่งกลับไปฟาร์มปลาต้าฉิน เมื่อตัดสินใจได้แบบนี้จึงไม่จำเป็นต้องตกปลาอีก เขาจึงออกทะเลด้วยเรือยอชต์ที่สะดวกสบายและกว้างขวางแทน


ตอนฉินสือโอวไปจ่ายค่าเทียบเรือยอชต์ คนดูแลเมื่อรู้ว่าฉินสือโอวไม่ใช้เรือตกปลาแล้ว จึงถามเขาว่า “กัปตันโชคช่วย เรือของคุณปล่อยว่างไว้เสียเปล่า คุณมีความคิดที่จะปล่อยเช่าไหมครับ?”


เมื่อฤดูจับปลาทูน่าครีบน้ำเงินเริ่มขึ้น คนที่ชื่นชอบในการตกปลาทุกคนต่างก็อยากออกไปเสี่ยงโชคเผื่อจะจับได้อย่างคนอื่นบ้าง แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีเรือตกปลาเป็นของตัวเอง มีหลายคนที่หนึ่งปีจะออกทะเลไปแค่ช่วงนี้ช่วงเดียวเท่านั้น จึงไม่คิดที่จะมีเรือตกปลาในครอบครอง ดังนั้นจึงไม่มีใครซื้อเรือกัน


ฉินสือโอวยักไหล่ แล้วพูดว่า “ราคาค่าเช่าคิดอย่างไรครับ?”


เมื่อเห็นว่ามีโอกาส คนดูแลก็กระตือรือร้นขึ้นมา พูดว่า “ค่าน้ำมัน ค่าน้ำแข็งคนเช่าออกเอง ในเรือบรรทุกคนได้แปดคน คิดคนละ 400 ดอลลาร์แคนาดา ราคานี้เป็นอย่างไรครับ?”


เหล่าชาวประมงไม่มีทางที่จะแบ่งพื้นที่เรือให้คนอื่นเช่า นอกเสียจากว่าพวกเขาตกปลาไม่ได้เลยและกำลังเผชิญกับการถังแตกจริงๆ ไม่อย่างนั้นหากพาคนอื่นไปด้วย จะทำให้จำนวนปลาที่ตกได้น้อยลงไปอย่างมาก


ฉินสือโอวโยนกุญแจให้กับคนดูแล พูดว่า “ตามนั้นครับ บอกคนเช่าด้วยนะครับว่า เรือหาปลาของผมเป็นเรือใหม่ อย่าให้เรือของผมมีคราบหรือรอยต่างๆ เด็ดขาด คุณคงเข้าใจนะครับ”


ผู้ดูแลตัวอ้วนตอบด้วยความมั่นใจว่า “ผมสาบานต่อหน้าพระเจ้าเลยครับ หากว่าใครทำตัวไม่มีมารยาท ผมจะให้พวกเขารู้สึกเสียใจที่มาเช่าเรือจากไพเรตเบิร์ดเจฟเฟอร์สันของผมแน่นอนครับ”


ที่ท่าเรือเต็มไปสาวแต่งหน้าสะสวยหลายคน พวกเขาแต่ละคนต่างก็แต่งตัวชุดลำลอง นุ่งขาสั้นเผยเรียวขายาว เอวเล็กขอด เหมือนจะมาประกวดนางงามก็ไม่ปาน เครื่องสำอางที่แต่งอยู่บนหน้านั้นก็เต็มจนสามารถเข้ากล่องถ่ายหนังได้เลยทีเดียว


พวกเขายืนรออยู่ข้างเรือนกนางนวล เมื่อเห็นฉินสือโอวก็กรูเข้ามาอ้อนให้เขาพาออกทะเลด้วย เสียงเจี๊ยวจ๊าวอย่างกับฝูงนกกระยาง ทำเอาเหล่าชาวประมงที่ยังไม่ได้ออกเรือพากันกลืนน้ำลายกันเป็นแถว


ฉินสือโอวยักไหล่ ปฏิเสธสาวเหล่านั้นอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะอ้อนวอนอย่างไรก็ไม่ได้ผล


เขารู้ถึงจุดประสงค์ของสาวเหล่านี้ดี พวกหล่อนรู้ว่าเขาถือบัตรอเมริกันเอ็กซ์เพรสอยู่ จึงเห็นเขาเป็นไอ้โง่ที่พร้อมจะให้พวกหล่อนมาดูดเงินกัน นี่ก็เหมือนกับการตกปลา ผู้หญิงพวกนี้ก็เหมือนนักตกปลา แต่ฉินสือโอวไม่ใช่ปลาทูน่าครีบน้ำเงินที่หิวโหยและละโมบ


อาร์ม็องที่พิงอยู่ตรงกราบเรือมองดูฉินสือโอวพูดคุยกับสาวๆ พวกนี้ สุดท้ายเมื่อฉินสือโอวสลัดพวกหล่อนได้ เขาจึงหัวเราะฮี่ๆ แล้วพูดว่า “ฉิน สาวๆ พวกนี้ฮ็อตมากเลย คุณไม่อยากพาพวกเธอไปเปิดประสบการณ์เซ็กส์บนท้องทะเลหน่อยเหรอครับ?”


ฉินสือโอวพูดว่า “ไม่ล่ะ ฉันมีแฟนอยู่แล้ว ตอนแฟนไม่อยู่ข้างกาย ฉันคิดว่าฉันก็ควรจะทำตัวดีหน่อยดีกว่า”


อาร์ม็องยิ้ม แล้วพูดว่า “นายทำตัวแบบนี้จะทำให้คนอื่นเข้าใจผิดเรื่องรสนิยมทางเพศของนายได้นะ เชื่อเถอะ เพื่อนฝูง ถ้ายังไม่ได้แต่งงาน เล่นๆ นิดหน่อยไม่เป็นอะไรหรอก หรือว่าสาวๆ พวกนี้ยังฮ็อตไม่พอ?”


ฉินสือโอวยักไหล่ แล้วพูดว่า “ฮ็อตมาก แต่ฉันกลัวฮ็อตเกินกว่าฉันจะรับไหวน่ะ”


เรือทั้งสองลำแล่นสวนกันไป เรือนกนางนวลออกทะเลแล้ว


อาร์ม็องเอียงหัวมองฉินสือโอว ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มทะเล้น จากนั้นก็กดมือถือในมือไปมา กดส่งข้อความออกไปข้อความหนึ่ง


จากนั้น ก็เผยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความมั่นใจและอบอุ่นออกมา พูดกับสาวๆ ที่ผิดหวังบนท่าเรือว่า “เฮ้ สาวๆ ทั้งหลาย ฝั่งผมมีเรือลำหนึ่ง ถึงแม้จะไม่ใช่เรือยอชต์ แต่ก็สะดวกสบายมากเลยนะ มีคนอยากออกทะเลไปกับผมบ้างไหม?”


สาวเซ็กซี่ทั้งหลายนิ่งแล้วหวั่นใจไปชั่วขณะ ในสายตาพวกเธอนั้น หนุ่มฝรั่งเศสอย่างอาร์ม็องนั้นมีเสน่ห์กว่าฉินสือโอวมาก แต่แน่นอนว่า มีเสน่ห์ในที่นี้คือถ้าไม่นับเงินในกระเป๋าน่ะนะ


ฉินสือโอวไม่รู้สึกเสียดายที่ปฎิเสธสาวๆ พวกนี้เลย คนชาวตะวันตกไม่เข้าใจกระบวนการคิดของชาวตะวันออกนัก ฉินสือโอวไม่อยากขึ้นเตียงกับผู้หญิงคนหนึ่ง จากนั้นผู้หญิงคนนี้ก็โผเข้าหาอ้อมกอดของผู้ชายอีกคน แบบนั้นเป็นอะไรที่น่าขยะแขยงมาก


อีกอย่าง บนเรือเขายังแอบซ่อนบุชลูกนอกสมรสตัวนี้อยู่ด้วย จะให้คนอื่นมาเห็นได้อย่างไร?


เรือยอชต์ยังคงเดินหน้าโต้ลมโต้คลื่นต่อไป ฉินสือโอวนอนอยู่ตรงกราบเรือที่กว้างขวางอย่างสบายใจ พูดว่า “นี่สบายกว่าเรือตกปลาเยอะเลย ใช่ไหม?”


หู่จือและเป้าจือร้องเสียงงึกๆ เห็นด้วย บุชก็เดินโซซัดโซเซแอบมุดออกมาจากห้องโดยสารเรือ นกอินทรีหัวขาวถือเป็นนกล่าเหยื่อที่เย่อหยิ่ง พวกมันเองก็ชอบพื้นที่ที่กว้างขวาง เมื่อวิ่งมาถึงกราบเรือบุชก็ชูคอ ร้อง’ก๊าๆ ’ออกมาด้วยความดีใจ


นิมิตส์เมื่อได้ยินเสียงร้องของมัน ก็รีบกางปีกบินออกไปอย่างรวดเร็ว มันคงจะกลัว หากถูกฉินสือโอวและบุชเจอเข้าคงได้กลายเป็นแม่นมแน่นอน


ลมทะเลพัดโชกมาโดนหน้า พร้อมพัดความชุ่มชื้นจากน้ำและความอบอุ่นจากแสงแดดมาด้วย เมื่อพัดโดนตัวจึงไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดแม้แต่น้อย


เรือยอชต์ลำใหญ่แล่นไปบนผืนน้ำทะเลอย่างมั่นคง แสงอาทิตย์สาดส่อง ลมทะเลอบอุ่น คลื่นทะเลลูกเล็กสาดไปมาต่อเนื่อง ฉินสือโอวจิบไอซ์ไวน์และหยอกฉงต้าไปด้วย ช่างสุขสบายอะไรเช่นนี้


ตัวฉันชอบชีวิตที่ไม่ต้องมีความรู้สึกกดดันเรื่องเงินกับเป้าหมายในชีวิตแบบนี้แหละ ฉินสือโอวรู้สึกว่าตัวเองเริ่มกลายเป็นคนเสเพลแล้ว


……………………………….………


บทที่ 260 ฉงต้าจะลดน้ำหนัก

โดย

Ink Stone_Fantasy

เรือนกนางนวลถึงชายหาดน้ำตื้นจอร์จ เหล่าชาวประมงต่างก็ตกปลาไปค่อนวันแล้ว มีคนพูดหยอกไปในคลื่นสาธารณะด้วยว่า “กัปตันโชคช่วย คุณตั้งใจมากดดันพวกผมเหรอครับ? หากจะพักร้อนเชิญลงใต้ครับ ที่นั่นมีไมอามี”


 “ไม่ครับ ผมมากดดันแมลงน่าสงสารพวกนั้นต่างหาก ลืมไปแล้วว่าเหรอว่าผมเป็นใคร? ผมน่ะกัปตันตายยาก!” ฉินสือโอวพูดพร้อมหัวเราะฮ่าๆ


เรือของเขาไม่ได้ลงสมอเป็นหลักแหล่ง ถึงแม้ว่าจะมีเบ็ดตกปลาปักอยู่ตรงเรือ แต่ว่าการจับปลาได้หรือไม่นั้น เขาไม่ได้สนใจเลย สิ่งที่เขาจะทำก็คือกดดันพวกนักตกปลาอาร์บีเอฟเอฟกับมาพักร้อนต่างหาก


การออกมาครั้งนี้ของเขากินเวลาไม่น้อยเลย นี่ก็เป็นเวลาสิบวันแล้ว ได้เวลาที่จะกลับเกาะแฟร์เวลเสียที


ส่วนเรื่องการจับปลาทูน่าครีบน้ำเงินที่ชายหาดน้ำตื้นจอร์จ? เรื่องนี้ง่าย ถึงแม้กลับเกาะแฟร์เวลก็ยังทำต่อได้


เมื่อเป็นแบบนี้ เรือนกนางนวลจึงเริ่มแล่นไปบนผืนน้ำอย่างล่องลอย แล่นจากฝั่งนี้ไปฝั่งนู้นของชายหาดน้ำตื้นจอร์จ จากนั้นก็แล่นกลับมาที่เดิม หลักๆ ก็คือแล่นให้นักตกปลาอาร์บีเอฟเอฟอยู่ในสายตา เพื่อจะยั่วโมโหพวกนั้น


 “ฉันล่ะชอบนักเวลาที่พวกเขาโกรธหัวฟัดแต่ทำอะไรไม่ได้ แน่จริงก็มาหาเรื่องฉันสิ ใช่ไหม ฉงต้า?” ฉินสือโอวบีบหน้าอ้วนๆ ของฉงต้าทีหนึ่ง แล้วหัวเราะอย่างไม่หยุดหย่อน


ฉงต้าเงยหน้ามองเขา สีหน้าเต็มไปด้วยความไร้เดียงสา


 “มา มาทำท่าออกกำลังกายลดน้ำหนักกัน” ฉินสือโอวพูดพร้อมจับอุ้งเท้าอ้วนๆ ของฉงต้าขึ้นมา


ฉงต้าพลิกตัวอยากวิ่งหนี แต่ถูกฉินสือโอวทับขาทั้งสองไว้ ทำให้มันพลิกตัวไม่ได้ ทำได้แต่นั่งเท่านั้น


ถึงตอนที่สนุกแล้ว ท้องอ้วนๆ ของฉงต้าสั่นไปมา มันร้องเสียงอาวๆ สักพัก พยายามดิ้นเพราะอยากนั่งขึ้นมา แต่ว่ามันอ้วนเกินไป ท้องก็ใหญ่เกินไป พยายามอยู่สองที ก็ยังลุกขึ้นนั่งไม่ได้


 “สู้ๆ ฉงต้า นั่งให้ได้!” ฉินสือโอวร้องเชียร์มัน “หนึ่ง สอง ลุกสิ หนึ่ง สอง สาม ลุกอีกทีเร็ว…..”


ฉงต้าจ้องฉินสือโอวอย่างหมดแรง หน้าอ้วนๆ นั้นแสดงออกอยู่อย่างเดียวคือน่าสงสาร แต่รอบนี้ฉินสือโอวแข็งใจ ต้องให้เจ้าหมีสีน้ำตาลตัวน้อยนี้ลดความอ้วนให้ได้


ช่วงนี้มันไม่เมาเรือเวลาออกทะเลแล้ว แถมกินจุได้มากขึ้นกว่าเดิม ขนาดรอบเอวขนาดหน้าอกและแผ่นหลังก็โตอย่างรวดเร็ว ต้องลดน้ำหนัก ไม่อย่างนั้นจะเหลือภาพลักษณ์ของจ้าวแห่งป่าได้อย่างไร?


 “แอ๊บแบ๊วก็ไม่มีประโยชน์ รีบลุกขึ้นนั่ง!” ฉินสือโอวพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “มา เดี๋ยวพ่อจะร้องเชียร์ให้เอง หนึ่ง สองออกแรง สอง สองสู้ๆ สาม สองนอนลงไป สี่ สอง มาอีกรอบหนึ่งสิ….”


ฉงต้าถึงขั้นออกแรงเต็มที่ สุดท้ายด้วยท่าทีทุลักทุเลเกือบจะนั่งได้แล้ว แต่สุดท้ายบุชที่มองดูอยู่ข้างๆ กลับรู้สึกสนุก กางปีกกระโดดผลุบเข้ามา กระโดดทับไปบนหน้ามันเต็มๆ


 ‘พลั่ก’ ฉงต้าหงายหลังไปในทันที ไขมันบนตัวสั่นสะท้านไปมาเหมือนกับคลื่นน้ำ


ฉงต้าร้องหงิงหงิงเริ่มไม่พอใจ ฉินสือโอวผิวปากแล้วพยักหน้าไปที่ตัวของมัน หู่จือกับเป้าจือก็วิ่งเข้ามาประกบซ้ายขวา ทั้งข่วนทั้งกัด พากันทรมานมัน


แต่คนขี้เกียจมักมีวิถีของคนขี้เกียจเสมอ ฉงต้าตัดสินใจต่อต้านขาดใจ กางเล็บออกมาปิดหน้าไว้ ยังไงมันก็หนังหนาผิวด้านอยู่แล้ว ตอนนี้แค่แกล้งทำตัวเป็นหมีตายก็พอ พวกนายอยากทรมานก็เชิญเลย


ฉินสือโอวก็มีวิธีจัดการมันเหมือนกัน เขาพูดกับชาร์คว่า “ทำสลัดราดน้ำเชื่อมเมเปิลให้ฉันจานหนึ่ง”


ผลไม้ในอเมริกามีราคาถูกกว่าแคนาดามาก ค่าครองชีพในเมืองกลอสเตอร์นั้นต่ำ ฉินสือโอวจึงตุนผักผลไม้จำนวนมากไว้บนเรือ


ชาร์คใช้บีตรูต สับปะรด มะเขือเทศราชินี แอปเปิล สาลี่ องุ่น และมะม่วงเป็นวัตถุดิบหลักในการทำสลัด เสียดายที่ไม่มีพวกบลูเบอร์รีกับราสเบอร์รีด้วย นี่ก็คือความแตกต่างของทั้งสองประเทศ ถึงแม้ว่าจะอยู่ใกล้กันมาก แต่ผลเบอร์รีที่เห็นได้ทั่วไปในนิวฟันด์แลนด์กลับเห็นได้น้อยมากที่นี่


เช่นเดียวกัน ในนิวฟันด์แลนด์ก็หาซื้อมะพร้าวสดได้มากยาก แต่ในเมืองกลอสเตอร์กลับมีเต็มไปหมด ชาร์คใช้น้ำมะพร้าวชงผสมกับน้ำเชื่อมเมเปิล แล้วใส่เนยและน้ำสลัดผสมไปมา เท่านี้สลัดผลไม้ที่แสนอร่อยก็พร้อมเสิร์ฟแล้ว


“อีวิลสัน มานี่” ฉินสือโอวตะโกนสุดเสียง


อีวิลสันที่กำลังแข่งจ้องตาอยู่กับต้าป๋ายก็วิ่งตึงตังเข้ามา เขาหัวเราะเหอๆ ยื่นมือเตรียมจะกินสลัดผลไม้


ฉินสือโอวพูดปลอบใจเขาว่า “อีกเดี๋ยวค่อยให้นายกันนะ อันนี้ไม่ได้ทำให้นายกิน”


อีวิลสันพยักหน้าอย่างว่าง่าย “โอเค อันนี้ให้บอสกิน ส่วนอีวิลสันค่อยกินทีหลัง”


ให้อีวิลสันทับขาหลังของฉงต้าไว้ ฉินสือโอวหยิบเนื้อมะพร้าวชิ้นหนึ่งส่ายไปรอบๆ จมูกฉงต้า จากนั้นก็ยัดเข้าปากตัวเอง จากนั้นก็หยิบบีตรุตขึ้นชื่อของเมืองกลอสเตอร์ไปจุ่มกับน้ำเชื่อมเมเปิลให้ฉงต้าดม แล้วก็กินเองอีก


สัมผัสการดมกลิ่นของหมีสีน้ำตาลนั้นเป็นเลิศมาก ดีกว่าสุนัขพันธุ์แลบราดอร์ริทรีฟเวอร์ถึงหลายสิบเท่า จมูกเล็กๆ ของมันสั่นไปมา ดวงตาก็เบิกโพลง จ้องไปที่ถ้วยสลัดในมือของฉินสือโอวอย่างไม่ละสายตา แล้วร้องขออย่างน่าเวทนา ยื่นมือออกไปขอร้องครั้งแล้วครั้งเล่า


ฉินสือโอวกินไปสองชิ้น แล้วเอาถ้วยวางไว้ตรงหว่างขาของฉงต้า แล้วรวดบีบไปที่กระเจี๊ยวน้อยอันอวบอ้วนของมันแล้วพูดว่า “อยากกิน ก็ลุกขึ้นมากินเอง”


ครั้งนี้ฉงต้าเอาจริงขึ้นมาแล้ว มันพยายามสุดแรงเกิด ทีเดียวก็ลุกขึ้นนั่งได้ มันดีใจสุดขีดยื่นแขนออกไปหยิบผลไม้มากิน


แต่มันยังอ่อนต่อโลกนัก ไร้เดียงสาอย่างนี้จะตามเจ้าพ่อฉินที่โหดร้ายทันได้อย่างไร?


ฉงต้าที่อุตส่าห์ลุกขึ้นมาอย่างยากลำบาก ยังไม่ทันได้กินผลไม้เลย ฉินสือโอวก็ทับไปที่ไหล่มัน ทำให้มันล้มลงไปอีก


ฉงต้าไม่ใส่ใจ พยายามลุกขึ้นมาอีกรอบ ฉินสือโอวก็ทับให้มันล้มไปอีก


ฉันต้องลุกขึ้นมา ฉันจะกินสลัด ฉงต้ากลืนน้ำลายลงคออึกๆ ออกแรงสะบัดไหล่พยายามจะลุกขึ้นนั่ง ล้มลงต่อไปเถอะ ฉินสือโอวก็ทับให้มันล้มลงไปอีก…


สุดท้าย ฉงต้าหมดแรงแล้ว สะบัดสุดแรงก็ลุกขึ้นไม่ได้ จึงตะโกนร้องอาวๆ ออกมา


ครั้งนี้มันไม่ขยับตัวแล้ว นอนอยู่บนพื้นหายใจหอบพลางร้องตะโกนต่อไป


ฉินสือโอวหัวเราะ หยิบสับปะรดมาชิ้นหนึ่งให้มันกิน ฉงต้ากลืนลงไปไม่ทันได้เคี้ยวเสียด้วยซ้ำ แล้วมันก็มีแรงฮึดขึ้นมาทันที ก็สลัดผลไม้อร่อยมากนี่นา


ทำจนฉงต้าหมดแรงแล้วจริงๆ ฉินสือโอวจึงจะอุ้มมันขึ้นมา ฉงต้าคือตัวตะกละตัวจริงเสียงจริง ถึงขนาดว่าขี้เกียจที่จะเอาเรื่องที่ตัวเองโดนแกล้งแบบนี้ มันนั่งอยู่บนพื้นอุ้มถ้วยสลัดไว้แล้วเริ่มการหยิบผลไม้ยัดเข้าปากอย่างบ้าคลั่ง


บุชเดินเตาะแตะเข้าไปยื่นคออยากจะกินสักชิ้น ฉงต้าก็สะบัดแขนออกไปทันที ตบจนเจ้าตัวน้อยกลายเป็นลูกข่างกลิ้งออกไปไกล


ฉินสือโอวรู้สึกปวดใจ รีบไปอุ้มบุช บุชส่ายหัวไปมา ดูท่าคงจะมีอาการมึนไปสักพัก มันขดตัวอยู่บนพื้นไม่ขยับไปไหนครู่หนึ่ง


เมื่ออาการเริ่มดีขึ้น บุชโกรธแล้ว อย่างไรเสียก็เคยเป็นจ่าฝูงของนักเลงข้ามชาติจากอเมริกานี่นา มันบินเข้าไปใช้ปากนุ่มนิ่มนั้นจิกฉงต้า


ฉงต้าไม่สนใจมัน อย่างไรเสียมันก็ไม่รู้สึกเจ็บอยู่แล้ว ขอแค่นายไม่มาแย่งสลัดฉันกินก็พอ อยากทำอะไรก็เชิญเลย


เมื่อฉินสือโอวหยอกฉงต้าเสร็จ พอดีกับมีเรือตกปลาที่แล่นเข้ามาอย่างเร่งรีบ จิตสำนึกแห่งโพไซดอนของเขาแผ่ไปดู เฮ้ย ปลาทูน่าครีบน้ำเงินตัวใหญ่ขนาดสองเมตรกว่าตัวหนึ่งกำลังว่ายวนเวียนอยู่ใต้เรือนี่นา ดูเหมือนใกล้จะงับเบ็ดแล้วด้วย


ไม่ต้องพูดอะไรมากแล้ว ต้องจับกลับไป!


สุดท้าย ปลาทูน่าครีบน้ำเงินที่กินเบ็ดไปแล้วตัวนี้ ก็สะบัดหางหายไปจากเครื่องโซนาร์สำหรับหาปลาทันที


นักตาปลาอาร์บีเอฟเอฟอึ้งมองกันตาค้าง เขารีบเก็บตะขอเบ็ดขึ้นมาดู เห็นแต่เพียงหัวปลาที่ใช้เป็นเหยื่อที่เหลือแค่ครึ่งหัวเท่านั้น….


……………………………..

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)