หมอดูยอดอัจฉริยะ 250-252
ตอนที่ 250 ตั้งใจฆ่า
โดย
Ink Stone_Fantasy
ถึงแม้ตู้เฟยจะรู้ว่าในมือของเยี่ยเทียนนั้นมีวิชา แต่ถึงอย่างไรเขาก็คิดไม่ถึงว่าวิชาของเยี่ยเทียนจะมีพลังสูงถึงเพียงนี้ ทำให้เขาซึ่งเป็นผู้ฝึกฝนพลังงานมืดนี้รู้สึกหมดแรง
ในเวลานี้ตู้เฟยถึงรู้ว่า ตัวเองดูถูกเยี่ยเทียนเสียแล้ว ต้องบอกก่อนว่าด้วยความสามารถของเขา ต่อให้เอาลูกศิษย์ลูกหาสำนักหงเหมินมานับแสนคน เขาก็จะจัดอยู่ในสามอันดับแรกเสมอ แต่กลับต่อสู้เยี่ยเทียนเพียงคนเดียวไม่ได้
แม้ว่าศิลปะการต่อสู้ร่วมสมัยจะเสื่อมสลายไป แต่การฝึกจนถึงขั้นสุดนั้นไม่เหมือนกัน เพราะจะสามารถรู้สึกถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นและหลีกเลี่ยงได้ การที่เยี่ยเทียนมีวิชาแบบนี้ เดิมทีก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาอำนาจใดๆ ของตระกูลซ่งอีก และยังสามารถใช้พลังฮวงจุ้ยในการจัดการได้
แต่ในเวลานี้ มันสายเกินไปที่ตู้เฟยจะเสียใจที่ยั่วโมโหเยี่ยเทียน หากเขาถูกเยี่ยเทียนโจมตีในครั้งนี้ อาจจะทำให้กระดูกหักได้ ชีวิตครึ่งหนึ่งก็คงหายไปแล้ว
พยายามยกจิตวิญญาณของตัวเอง ตู้เฟยร้องออกมาไม่หยุด เขาเบี่ยงกายเพื่อหลีกเลี่ยงของคมที่อยู่ด้านหน้าเยี่ยเทียน มือคู่หนึ่งยื่นออก อีกด้านคว้าที่หน้า อีกด้านคว้าที่เอว
ตู้เฟยคิดใช้กลยุทธ์ล้อมเวยช่วยจ้าว ทำให้เยี่ยเทียนยื่นมือออกมาขว้างท่ายกหมัดขึ้นเสมอหน้า มืออีกข้างยกขวางอกของตัวเอง นั่นทำให้เขาหลบหนีท่านี้ได้ง่าย
ถึงแม้ตู้เฟยจะต่อสู้ได้ดี แต่วิชากังฟูของทั้งคู่ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน ตู้เฟยที่เพิ่งทำท่ากรงเล็บอินทรีออกไปก็รู้สึกได้ว่าไหล่สองข้างชาวาบและเจ็บปวดขึ้นมากะทันหัน แขนสองข้างที่ยกขึ้นมากลับอ่อนแรงตกลงมาข้างหน้า
หลังจากร่างตู้เฟยตกลงต่อหน้า เยี่ยเทียนก็หัวเราะเยาะออกมา เขายื่นมือขวาออกและกดตำแหน่งที่ใต้สะดือของตู้เฟย พร้อมพูดว่า “อายุเยอะขนาดนี้ทำไมแรงอาฆาตสูงนัก ผมไม่อยากได้ชีวิตของคุณ ละทิ้งวิชากังฟูของคุณไปเสพสุขกับบั้นท้ายชีวิตเถอะ!”
เยี่ยเทียนเพิ่งหักข้อต่อของตู้เฟย แต่สำหรับคนที่มีพลังมืดระดับสูงถือว่าไม่เท่าไหร่ หลังจากรักษาไม่กี่วันก็จะกลับมาเป็นปกติได้ แต่คำพูดนี้ของเยี่ยเทียน กลับทำให้ตู้เฟยตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ
ท่ากรงเล็บอินทรีที่ตู้เฟยฝึกนี้ถึงแม้จะเป็นวิชานอกรีต แต่คนที่อยู่ในสำนักหงเหมินก็เต็มไปด้วยคนที่มีความสามารถ เขายังฝึกวิชามวยภายใน ไม่อย่างนั้นอายุแก่เท่านี้ก็ควรจะแสดงสัญญาณของความอ่อนแอออกมาตั้งนานแล้ว
การฝึกพลังวิชามวยภายใน ถึงแม้ว่าจุดตันเถียนจะเป็นจุดเก็บพลัง เพราะในบรรดาคนที่การฝึกวิชามวยภายในจะให้ความสำคัญกับจุดตันเถียน ดั่งที่ว่าเป็น ‘ต้นกำเนิดของชีวิต’
การโจมตีของเยี่ยเทียนครั้งนี้ เป้าหมายกลับเป็นจุดตันเถียนของตู้เฟยซึ่งซ่อนพลังไว้ตรงนั้น ถ้าทำลายมัน การฝึกวิชาทั้งหมดของตู้เฟยก็จะสลายไปทั้งหมด สำหรับเขาแล้ว เรื่องนี้ตายเสียยังดีกว่ามีชีวิตอยู่
“เยี่ยเทียน หยุด นี่คือการเข้าใจผิด เข้าใจผิด ฆ่าเขาไปคุณอาจจะเจอเรื่องที่ยุ่งยากได้!”
เมื่อครู่ทั้งสองต่อสู้กันรุนแรง กว่าจะรอถังเหวินหย่วนซึ่งอยู่ด้านข้างมีปฏิกิริยาตอบกลับมา เยี่ยเทียนได้หักไหล่สองข้างของตู้เฟยไปแล้ว หลังจากที่ได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียน ถังเว่ยหย่วนก็ตื่นขึ้นมาราวกับความฝัน
“เข้าใจผิดเหรอ!”
หลังจากที่ฟังคำพูดของถังเหวินหย่วน ท่ามวยของเยี่ยเทียนก็ช้าลง ทันใดนั้นก็เปลี่ยนไปกางเล็บผ่านหน้าท้องตู้เฟยขึ้นไปไปกำคอของตู้เฟย และยกเท้าสองของเขาขึ้นจากพื้นพร้อมยิ้มเยาะ “เหล่าถัง คุณมาเพื่อมาฆ่าผม นี่เรียกว่าเข้าใจผิดเหรอ!”
ที่จริงเยี่ยเทียนไม่ได้อยากฆ่าใคร แต่เมื่อได้ยินถังเหวินหย่วนตะโกนคำนี้ออกมา เขากลับอยากจะฆ่าจริงๆ ถ้าตู้เฟยเป็นคนที่จิตใจคับแคบ ถ้าไม่ฆ่าก็อาจจะเพิ่มความยุ่งยากมากขึ้นกว่าเดิม
คนที่ฝึกวิทยายุทธล้วนเปี่ยมไปด้วยพลัง ทำเรื่องอะไรก็จะทำด้วยจิตเด็ดเดี่ยว จิตอาฆาตในการฆ่าตระกูลซ่งของเยี่ยเทียนซึ่งถูกข่มไว้ก่อนหน้านี้กลับถูกตู้เฟยกระตุ้นอีกครั้งในเวลานี้
ถังเหวินหย่วนร้อนใจจนเหงื่อออกท่วมตัว รีบพูดว่า “ตู้เฟยไม่ได้มีความหมายแบบนั้นแน่นอน เยี่ยเทียน คุณต้องเชื่อผม ตู้เฟย รีบขอโทษสิ!”
ถังเหวินหย่วนรู้ ถึงแม้เยี่ยเทียนจะนับถือผู้อาวุโส แต่เขาก็ยังไม่ได้เข้าสำนัก และตัวของตู้เฟยเป็นลูกชายของอดีตหัวหน้าสำนักหงเหมิน สำนักหงเหมินมีชื่อเสียงที่กว้างขวาง ถ้าเยี่ยเทียนทำลายตู้เฟยจริงๆ ในอนาคตต้องได้รับความลำบากไม่น้อย
ตอนนี้ตู้เฟยกลับอยากขอโทษ แต่ถูกเยี่ยเทียนจับตรงคอ แค่หายใจก็ยังลำบาก ในเวลานี้แม้แต่จะขยับก็ไม่กล้าขยับ เพราะตู้เฟยรู้ วิชาของเยี่ยเทียนนั้น แค่บีบลูกกระเดือกให้แตกก็ทำได้เหมือนฆ่าไก่สักตัว
เมื่อเห็นตู้เฟยหายใจกระหืดกระหอบ ถังเหวินหย่วนพูดวิงวอนอย่างหน้าเศร้าว่า “เยี่ยเทียน ถือว่าคนแก่ขอร้องคุณนะ ไว้หน้าคนแก่หงำเหงือกหน่อย ปล่อยเขาลงก่อนค่อยพูดกันเถอะ!”
“อ๊ะ มีคนฆ่ากัน!!!”
ในเวลานี้ จู่ๆ ประตูห้องก็ถูกเปิด อาจารย์ศิลปะการชงชาหญิงเตรียมเข้ามาเทชา เมื่อเห็นเหตุการณ์วุ่นวาย และเยี่ยเทียนที่จับคอของตู้เฟยยกขึ้น ก็ส่งเสียงร้องตกใจออกมาทันทีและเปิดประตูวิ่งออกไป
“ปล่อยเหรอ ได้!” เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องของอาจารย์ศิลปะการชงชาหญิง สมองของเยี่ยเทียนก็เย็นลง การฆ่าคนไม่จำเป็นต้องลงมือเองเสียหน่อยนี่? ทำไมต้องให้คนจับได้ด้วยล่ะ?
พอคิดถึงจุดนี้ เยี่ยเทียนก็ปล่อยมือขวา และเปลี่ยนไปตบหลังของตู้เฟยเบาๆ พร้อมหันกลับมามองไปทางถังเหวินหย่วน จากนั้นพูดว่า “ผมไว้หน้าคุณแล้ว แต่คุณต้องให้เขาบอกด้วยว่าทำไมต้องมีเจตนาร้ายกับผมตลอด”
ตั้งแต่ที่เห็นตู้เฟยครั้งแรก เยี่ยเทียนก็สัมผัสได้ว่าในสายตาคนนี้มีเจตนาไม่ดีแฝงอยู่ ตอนนั้นเขาไม่ได้ใส่ใจอะไร แต่เมื่อเข้ามาในห้องชา ความรู้สึกนั้นกลับแรงมากขึ้น และเยี่ยเทียนก็ยืนยันความรู้สึกที่อยากทำร้ายคนของตู้เฟยได้ด้วยตัวเอง
“แค่ก…แค่กๆ!”
หลังจากที่เยี่ยเทียนปล่อยมือ ตู้เฟยก็มาจับที่คอแล้วไอออกมา เขามีชีวิตมาหกสิบกว่าปี เป็นครั้งแรกที่ใกล้ความตายขนาดนี้
ตู้เฟยรู้ว่า เมื่อครู่เยี่ยเทียนจะฆ่าจริงๆ ถ้าไม่ได้เสียงของคุณถังร้องออกมา เกรงว่าตอนนี้ตัวเองก็คงเป็นศพไปแล้ว
หลังจากพูดออกไป ตู้เฟยจึงปริปากพูดว่า “เยี่ยเทียน ผม…ผมไม่ได้มีเจตนาฆ่า เมื่อ…เมื่อกี้แค่อยากสั่งสอนคุณสักหน่อย!”
“คุณคิดจะทำอะไร? มีสิทธิ์อะไรมาสั่งสอนผม” สายตาของเยี่ยเทียนจ้องเขม็ง จากคำนั้นของตู้เฟย เขาฟังแล้วน่าจะมีความหมายอย่างอื่น
ตู้เฟยคิดสักพัก ถ้าเขาพูดถึงซ่งอิงหลัน เยี่ยเทียนต้องไม่เคารพอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงพูดไปตามตรงว่า “ฉัน…ผมรู้จักแม่ของคุณ”
ที่จริงเพราะพี่สาวน้องสาวตระกูลซ่ง ตู้เฟยถึงปฏิบัติกับเยี่ยเทียนดั่งลูกหลาน ไม่อย่างนั้นคนที่เคารพมากอย่างคุณถัง เขาก็คงไม่กล้าที่จะแสดงออกแบบนี้หรอก
“รู้จักแม่ผมเหรอ”
เยี่ยเทียนหรี่ตาลง เขาคิดไม่ถึงว่าตู้เฟยอยู่จะตอบแบบนี้ออกมา เยี่ยเทียนหัวเราะเสียงเย็นและพูดออกมาว่า “ผมยังไม่รู้จักแม่ของผมเลย คุณรู้จักแล้วยังไง ชีวิตผมยังไม่เลี้ยง ผมต้องให้เกียรติอะไรหล่อนด้วย!”
“นี่…นี่…”
หลังจากฟังคำพูดของเยี่ยเทียน ตู้เฟยถึงกับตะลึงหมดคำที่จะพูด อีกฝ่ายพูดก็ไม่ผิด เยี่ยเทียนเติบโตมากับพ่อ แม้แต่หน้าแม่ก็ไม่เคยเห็นสักครั้ง รู้จักกับแม่อีกฝ่ายแล้วอย่างไร จะให้เยี่ยเทียนเคารพอย่างนั้นหรือ
เวลานี้ตู้เฟยจึงรู้สึกเสียใจขึ้นมา เขาคิดถึงเพียงความรู้สึกของตัวเอง แต่กลับลืมว่าเยี่ยเทียนยอมรับสิ่งนี้หรือไม่ การกระทำเมื่อครู่นั้น เป็นเขาที่บุ่มบ่ามมากเกินไป
“คุณเป็นคนของตระกูลซ่งเหรอ”
จู่ๆ เยี่ยเทียนก็ถามขึ้น ความจริงเขาก็ไม่เกลียดแม่ของตัวเอง แต่กับคนในตระกูลนั้นไม่เหมือนกัน ถ้าเป็นไปได้ เยี่ยเทียนอยากใส่ใจแล้วเปลี่ยนสุสานบรรพบุรุษตระกูลซ่ง เปลี่ยนดวงชะตาให้พวกเขา
“นายรู้ว่าเป็นตระกูลซ่งแล้วเหรอ”
ตู้เฟยรู้สึกประหลาดใจนิดหน่อย เมื่อสองปีก่อน เยี่ยเทียนเหมือนจะไม่รู้ชีวิตของตัวเอง แต่พอคิดดีๆ ตู้เฟยก็ได้ปล่อยไป เวลาก็ผ่านมาสองสามปีแล้ว เยี่ยเทียนรู้ก็ไม่แปลก
“คำถามของผมคุณยังตอบไม่ได้!”
เยี่ยเทียนมองตู้เฟยด้วยสายตาเยือกเย็น จนทำให้หัวใจเขาหนาวสั่นขึ้นมาทันใด รีบพูดขึ้นว่า “ผม…ผมไม่ใช่คนตระกูลซ่ง ผมเป็นคนสำนักหงเหมินมาจากอเมริกาเหนือ คนที่อยู่ข้างกายซ่งอิงหลัน นั่นก็คือน้าของคุณ!”
ในเวลานี้ตู้เฟยอยู่ที่ไหนต่างก็เป็นแบบอย่างให้ลูกศิษย์ลูกหาของสำนักหงเหมิน อีกฝ่ายไม่เคยใส่ใจเรื่องแม่ของเขาเลย ดังนั้นตอนที่ตู้เฟยพูดจึงต้องระมัดระวัง กลัวว่าจะทำให้หนุ่มวัยรุ่นคนนี้โกรธได้
“สองปีก่อนคุณเป็นคนให้คนสะกดรอยตามผมเหรอ” เยี่ยเทียนรู้ว่าที่ตัวเองลงมือในสโมสรของอิงหลันในครั้งนั้น ก็เพราะถูกคนที่สนใจจับตามอง
แต่ตอนนั้นวิชาของเยี่ยเทียนยังไม่ฝึกถึงขั้นนี้ การรับรู้ความรู้สึกก็ยังไม่ว่องไวขนาดนี้ หากเปลี่ยนมาเป็นตอนนี้และถูกจับตามองในกลุ่มคน เยี่ยเทียนย่อมรับรู้ได้
“ใช่…เป็นคำสั่งของน้าคุณ แต่พวกเราก็ไม่คิดร้ายอะไรกับคุณ!” ตู้เฟยยิ้มเจื่อนๆ ตอนนี้ได้นำภัยพิบัติมาสู่ตัวของซ่งอิงหลันแล้ว ครั้งนี้ก็ไม่กล้าที่จะยั่วโมโหเยี่ยเทียนอีก
“ที่ตระกูลซ่งรู้ว่าเป็นผม ก็คงออกมาจากปากของคุณหรือปากของซ่งอิงหลันสินะ”
เยี่ยเทียนเดิมทีมีท่าทางที่แปลกๆ ตัวเองกับตระกูลซ่งไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรต่อกัน ทำไมจู่ๆ ตระกูลซ่ง ก็ลงมือกับตัวเองด้วย หรือว่าคำตอบมันอาจจะอยู่ตรงนี้
“เรื่องสั่งห้ามของคุณหนูใหญ่ ผมกับคุณหนูรองไม่เคยพูด…”
ตู้เฟยส่ายหน้า ใบหน้าเต็มไปด้วยสีหน้าที่ลังเล พูดด้วยความลังเลใจว่า “แต่ลูกน้องของผมมีคนเดียว ตอนนั้นผมให้เขาไปสืบเรื่องคุณ ต่อมา ต่อมาคนนั้นก็ถูกย้ายไปที่สำนักงานอเมริกาเหนือ น่า…น่าจะเป็นเขาที่เปิดเผยความลับ!”
คนนั้นที่ตู้เฟยพูดถึงก็คือหูหยาง ได้รับมอบหมายจากหน่วยงานในประเทศให้คุ้มครองซ่งอิงหลัน แต่เมื่อปีที่แล้ว คนนั้นจู่ๆ ก็สละงานของตัวเอง ไปอยู่สำนักงานใหญ่ของตระกูลซ่งที่อเมริกาเหนือ
ตอนนั้นตู้เฟยก็ยังแปลกใจ ตอนนี้ดูเหมือนว่า เป็นไปได้อย่างมากที่หูหยางจะถูกใครบางคนซื้อตัวไปเพื่อเปิดเผยความลับข่าวที่ว่าเยี่ยเทียนเป็นลูกของซ่งเวยหลัน
“ที่วันนี้คุณแสดงฝีมือหมายความว่าอะไร” เยี่ยเทียนดูออก ว่าตู้เฟยพูดความจริง แต่ตัวเองไม่ได้โทษเขา คนนี้ทำไมต้องมีเจตนาร้ายกับตัวเองด้วยล่ะ
“ผม…ผม…”
ตู้เฟยอยากพูดว่าดูเหมือนคุณอวดดีมากเกินไปแล้ว อยากจะสั่งสอนคุณสักหน่อย แต่เมื่อกี้ที่เขาถูกเยี่ยเทียนเล่นงานจนกลายเป็นแบบนี้ จึงไม่กล้าที่พูดคำพูดนั้นออกมา
“เยี่ยเทียน? เรื่องอะไรกัน เกิดอะไรขึ้น”
ในตอนที่ตู้เฟยกระอักกระอ่วนที่จะอธิบายนั้น ประตูห้องชาก็ถูกคนผลักจากด้านนอกอย่างรุนแรง เฉินสี่ฉวนพาคนสองสามคนบุกเข้ามา
…………
ตอนที่ 251 อาจารย์ปู่ ขอน้อมคำรับ!
โดย
Ink Stone_Fantasy
“เยี่ยเทียน นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” เฉินสี่ฉวนจ้องมองเยี่ยเทียนผู้ยับเยินที่นั่งอยู่กับพื้น
เมื่อกี้ได้ยินอาจาร์ชงชาบอกว่าข้างในนี้เหมือนมีคนทะเลาะกัน เฉินสี่ฉวนกลัวว่าเยี่ยเทียนจะเสียเปรียบจึงเรียกพนักงานตัวใหญ่ไม่กี่คนตามมาถึงที่เรือนด้วย ใครจะไปคิดว่าหลังจากเข้ามาถึงข้างในห้องแล้วกลับเงียบสงบเสียอย่างนั้น
“ไม่มีอะไร พวกนายออกไปก่อน พวกเรามีเรื่องต้องคุยกัน!” เยี่ยเทียนยังพูดไม่จบส่วนถังเหวินหย่วนลุกขึ้นมา ถึงแม้เขาจะพูดไม่ดังเท่าไหร่ แต่คำพูดนั้นกลับทำให้คนฟังรู้สึกหวาดเกร็งและไม่อาจปฏิเสธได้
“เอ่อ……” เฉินสี่ฉวนมองไปที่เยี่ยเทียน
เยี่ยเทียนคิดไปสักครู่พูดว่า “ลุงเฉิน เปลี่ยนห้องให้พวกผมหน่อยครับ แล้วสั่งให้คนทำความสะอาดตรงนี้ด้วย”
เฉินสี่ฉวนพยักหน้าตอบรับว่า “ได้ครับ ถ้างั้นพวกนายไปที่ห้องข้างๆ เสี่ยวหวัง สั่งให้คนจัดการทำความสะอาดที่นี่ด้วย!”
หลังจากที่เฉินสี่ฉวนส่งเยี่ยเทียนและคนอื่นๆ ไปที่ห้องอีกห้องหนึ่งเสร็จ เขาก็เดินออก พร้อมขมวดคิ้วคิดในใจว่า “คนแก่คนนั้นเป็นใครกัน? ทำไมหน้าคุ้นๆ?”
เฉินสี่ฉวนคิดไปสักครู่แต่ก็คิดไม่ออก จึงได้ส่ายหัวไปมาแล้วก็ไปหาหวังเจียซวิน ถึงแม้เขาจะไม่ใช่คนที่ดูแลเยี่ยเทียนที่อยู่ในรีสอร์ทนี้โดยเฉพาะ แต่ถือว่าเป็นหนึ่งในเจ้านาย เรื่องบางเรื่องอาจจะต้องถามบ้าง
หลังจากที่เปลี่ยนห้องชงชาแล้ว เยี่ยเทียนนั่งอยู่ที่โซฟาตำแหน่งหลัก ถังเหวินหยวนกับตู้เฟยนั่งอยู่สองข้าง ส่วนอาติงยืนอยู่นิ่งๆ ข้างหลังถังเหวินหย่วน
อาติงในเวลานี้แค่คิดถึงก็รู้สึกกลัวทันที เขารู้จักกังฟูของตู้เฟยดี อย่ามองว่าตนเองอายุน้อยกว่าตู้เฟยยี่สิบปี แต่ถ้าสู้กับตู้เฟยแค่สามท่าก็สู้ไม่ได้แล้ว
คนที่แข็งแกร่งอย่างตู้เฟย ท่าเดียวของเยี่ยเทียนกลับสู้ไม่ไหว ถ้าเปลี่ยนเป็นเขาคงตายอย่างอนาถ
ดังนั้นตอนที่อาติงอยู่ตรงนั้น เขารู้สึกโชคดีที่ตัวเองไม่ใช่คนที่หาเรื่องเยี่ยเทียน ไม่เช่นนั้นเมื่อครู่คงเป็นเขาที่ถูกบีบจนตายด้วยมือของเยี่ยเทียนแน่ๆ
หลังจากที่นั่งลงอย่างไม่อ้อมค้อม ในใจของเยี่ยเทียนก็ยังรู้สึกไม่พอใจเท่าไหร่ เขาใช้นิ้วชี้ไปที่ตู้เฟยและพูดกับถังเหวินหย่วนว่า “เหล่าถัง คนแบบนี้อย่าพามาให้ผมเห็นหน้าอีก!”
“เยี่ยเทียน ขอโทษนะ มันเป็นความสะเพร่าของผมเอง!”
หลังจากได้ยินสิ่งที่เยี่ยเทียนพูด ใบหน้าของตู้เฟยดำๆ แดงๆ อายุหกสิบกว่าอย่างเขาถูกสั่งสอนโดยเด็กหนุ่มวัยยี่สิบกว่า เขาจึงไม่กล้าแม้แต่จะแสดงอารมณ์ออกมา
เยี่ยเทียนไม่ได้ตอบ ส่วนกระดูกที่หลุดของตู้เฟยเขาไม่กล้าแม้แต่จะต่อมันเข้าไป แต่กลับปล่อยทิ้งไว้ข้างลำตัวอย่างอ่อนแรง ใบหน้ากระตุกเป็นพักๆ เห็นได้ชัดเจนว่ากำลังอดทนกับความเจ็บปวดของไหล่ทั้งสองข้าง
เยี่ยเทียนไม่สนใจคำขอโทษของตู้เฟย แต่กลับพูดต่อว่า “คำพูดพวกนี้ไม่ต้องมาพูดกับฉัน วันหลังถ้าฉันอารมณ์ดี ไม่แน่ ฉันอาจจะแวะไปที่องค์กรหงเหมินสักครั้ง!”
“เยี่ย……เยี่ยเทียน นายเป็นคนรุ่นต้าจริงๆ เหรอ?”
หลังจากที่ตู้เฟยเข้าใจความหมายของเยี่ยเทียนแล้ว ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกเหงื่อออกเต็มไปทั้งหัว ที่เยี่ยเทียนพูดว่าะแวะไปที่องค์กรหงเหมิน หมายถึงการไปยื่นบัตรเชิญขอเข้าองค์กร และถ้าหากเยี่ยเทียนเป็นผู้อาวุโสในองค์กรจริงๆ การกระทำของเขาเมื่อสักครู่รุนแรงถึงขั้นต้องรับโทษสามดาบหกรูด้วยซ้ำ
“เสี่ยวเฟย คำพูดของฉันแกไม่เชื่อเหรอ? เยี่ยเทียนคือพี่ใหญ่รุ่น ‘หลี่’ ที่เป็นผู้สืบทอดศิษย์เอกของหลี่ซั่นหยวน แค่ยังไม่ได้ยื่นบัตรเชิญเข้าองค์กรเท่านั้น ฉันว่าแกมึนรึเปล่า!”
ถังเหวินหย่วนตำหนิตู้เฟยเสร็จ มองไปที่เยี่ยเทียนและพูดว่า “เยี่ยเทียน ถ้านับตามลำดับขั้นอาวุโสเขาต้องเรียกเธอว่าอาจารย์ปู่เลยนะ เธอก็อย่าไปถือสาเด็กรุ่นหลังอย่างเขาเลย!”
ตามขนบธรรมเนียมโบราณ จะนับแค่ฐานะตำแหน่งกับลำดับขั้นอาวุโสเท่านั้น อายุไม่สำคัญเท่าไหร่ ชายแก่อายุหกสิบเจ็ดปีเรียกเด็กอายุสิบกว่าขวบว่าอาจารย์ปู่ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลก
หลังจากตู้เฟยได้ยินสิ่งที่ถังเหวินหย่วนพูดแล้วเขาไม่ได้แสดงความคิดอะไรต่อ แต่ก้มหัวรับฟังคำสั่งสอนต่อไป และแสดงท่าทางที่ยอมรับผิดอย่างจริงจัง
“แต่ก็เอาเถอะ เพื่อไม่ให้เธอเสียหน้าฉันจะไม่เอาเรื่อง……”
เยี่ยเทียนพยักหน้า มองไปที่ตู้เฟยที่ทำหน้าห่อเหี่ยวใจ พูดกับอาติงว่า “ไหล่นั่น ให้เขาช่วยแกต่อเข้าไปนะ แก่จนป่านนี้ละ ยังมาทำหน้าน่าสงสารอีก?”
ตู้เฟยถูกเยี่ยเทียนพูดจนหน้าแดงระเรื่อ ถ้าพูดถึงกำลังของเขาแล้ว ความเจ็บปวดแค่นี้เขาสามารถทนได้ ก็เหมือนกับที่เยี่ยเทียนพูดไว้ เขาแค่อยากทำหน้าน่าสงสารเพื่อไม่ให้เยี่ยเทียนหาเรื่องเขาได้อีก
ส่วนเรื่องที่ตนเองรู้จักพี่น้องซ่งอิงหลัน ก็เป็นเรื่องของอาวุโสเยี่ยเทียนไปแล้ว ตอนนี้ตู้เฟยไม่แม้แต่จะกล้าคิดถึงเรื่องนั้นด้วยซ้ำ สมมติเยี่ยเทียนยอมรับว่าตนเองอาวุโสกว่าก็ตาม เขาเองก็ไม่กล้ารับแน่นอน
คนที่อยู่ในยุทธภพมีแค่ไม่กี่คนที่ต่อกระดูกไม่เป็น หลังจากอาติงได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียนแล้ว เขาก็รีบเดินหน้าเข้าไปช่วยต่อให้ตู้เฟยทั้งสองข้าง ส่วนตู้เฟยนับว่าแข็งแกร่งมาก เพราะตอนที่ต่อเข้าไปเขากัดฟันไว้แน่น แต่ไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมาเลยสักคำ
หลังจากที่ไหล่ทั้งสองข้างของตู้เฟยต่อเสร็จแล้ว เยี่ยเทียนถามต่อว่า “คุณรู้ใช่ไหมว่าบ้านผมอยู่ตรงไหน?”
“รู้ เยี่ยเทียน ตั้งแต่คุณหนูใหญ่มีคำสั่ง ผมก็ไม่ให้คนติดตามคุณแล้ว ผมสั่งยกเลิกคนทั้งหมดแล้วนะ !” ตู้เฟยตกใจกับสิ่งที่เยี่ยเทียนถามออกมา นึกว่าเยี่ยเทียนจะเอาคืนเรื่องที่ตนเองสั่งให้คนตรวจสอบเรื่องของเยี่ยเทียน
เยี่ยเทียนส่ายหัวและตอบว่า “ไม่ใช่เรื่องนี้ พรุ่งนี้คุณมาหาผมที่บ้าน ผมจะเอายาให้ ใช้น้ำละลายยา กินเช้าเย็นหนึ่งถ้วย ไม่อย่างนั้นชีวิตคุณน่าจะเหลือแค่สามวัน!”
เมื่อสักครู่เยี่ยเทียนมีความคิดอยากจะฆ่าจริงๆ แต่เพราะเสียงเรียกของอาจารย์ชงชา จึงได้ดึงสติเอาไว้ ทำให้เขาไม่ได้ลงมือฆ่าตู้เฟยตอนนั้น แต่เยี่ยเทียนกลับใช้วิธีลับหลัง หลังจากที่ปล่อยเขาลง แค่ตบเบาๆก็เท่ากับใช้สั่นหลอมกำลังทำลายอวัยวะภายในของตู้เฟยแล้ว
ถ้าเยี่ยเทียนไม่พูด หลังจากนี้อีกสองวันตู้เฟยก็จะกระอักเลือดอย่างรุนแรง จากนั้นเขาจะไอจนอวัยวะภายในออกมาเป็นชิ้นๆ ถึงเวลานั้นแม้แต่เซียนต้าหลอก็ช่วยอะไรเขาไม่ได้
ความจริงการมีชีวิตหรือการตายของตู้เฟยไม่ได้เป็นเรื่องที่อยู่ในใจของเยี่ยเทียน เพียงแต่เมื่อสักครู่ตัวเขาเองได้สัญญากับถังเหวินหย่วนแล้วว่าจะไม่เอาเรื่องต่อ ถ้าผ่านไปไม่กี่วันแล้วตู้เฟยเกิดตายขึ้นมา เยี่ยเทียนก็คงจะเสียหน้าไม่น้อย เลยต้องเอายาที่ผลิตโดยอาจารย์ของเขายื่นให้กับเขาไปรักษา
“คุณ……คุณ……”
หลังจากได้ยินสิ่งที่เยี่ยเทียนพูดเมื่อสักครู่ ทำให้ตู้เฟยสีหน้าเปลี่ยนไปทันทีพร้อมกับตรวจเช็คอวัยวะภายใน ทันใดนั้นใบหน้าของเขาก็ซีด เขาหันไปทางเยี่ยเทียนและโค้งคำนับพร้อมพูดว่า “อาจารย์ปู่ ครั้งนี้ตู้เฟยยอมแล้วจริงๆ!”
ตู้เฟยไม่ยอมรับคงไม่ได้ และไม่กล้าที่จะไม่ยอมรับ อายุแค่นี้แต่ลงไม้ลงมือหนักขนาดนี้อย่างเยี่ยเทียน คงไม่เหลือภัยเงียบให้กับตัวเอง ถ้ามีปัญหากับคนแบบนี้ตู้เฟยคงนอนไม่หลับแน่ๆ
เมื่อสักครู่ตู้เฟยมีความคิดจะกู้หน้าคืนในภายหลัง แต่ตอนนี้เขานับถือและยอมรับจริงๆ อายุหกสิบกว่าอย่างเขา ถ้าเทียบกันที่ฝีมือ ต่อหน้าเยี่ยเทียนเขาก็คงเหมือนดั่งเด็กอ่อนคนหนึ่ง
“เรื่องของผม ใครก็ห้ามพูด รวมถึงซ่งอิงหลัน……”
เยี่ยเทียนมองตู้เฟยแวบนึง พูดต่อว่า “ถ้าผมได้ยินเรื่องของวันนี้ในภายหลัง ถึงจะหลบหนีอยู่สำนักงานใหญ่องค์กรหงเหมิน ผมก็จะไปเอาชีวิตคุณ!”
สายตานั้นทำให้ตู้เฟยขนลุกจากข้างใน พูดตอบทันทีว่า “อาจารย์ปู่ ถ้าหลุดออกไปแม้แต่คำเดียว ตู้เฟยขอรับบทลงโทษสามดาบหกรู!”
“อืม ให้เรื่องนี้มันผ่านไป……”
โบราณกล่าวไว้ว่าการฆ่าก็แค่หัวหล่นพื้น ตู้เฟยได้แสดงท่าทีของตนเองแล้ว ดังนั้นเยี่ยเทียนไม่มีความจำเป็นต้องเอาให้จนมุม จากนั้นหันหน้าไปที่ถังเหวินหยวนและถามว่า “เหล่าถัง คุณรีบร้อนมาหาผมแบบนี้ มีเรื่องอะไรรึเปล่า? ผมเคยพูดแล้วนี่ ยันต์ใบนั้นสามารถปกป้องหลานสาวของคุณ ครึ่งปีไม่มีปัญหาแน่นอน!”
“เฮ้อ ตอนแรกชายแก่อย่างผมไม่อยากมารบกวนคุณหรอก แต่……แต่ยันต์ใบนั้นถูกรุ่นหลานของผมเผาไปแล้ว แล้วสุขภาพของเสี่ยเสี่ยก็แย่ลงทุกวัน ผมไม่มาก็ไม่ได้!”
หลังจากได้ยินสิ่งที่เยี่ยเทียนพูด ถังเหวินหยวนก็แสดงสีหน้ายิ้มเจื่อนออกมา ถ้านับจากฐานะของเขาในวันนี้เขาสามารถเติมเต็มทุกอย่างได้ด้วยเงินทอง แต่สุขภาพของหลานสาวกลับเป็นสิ่งที่ไม่สามารถซื้อได้ด้วยเงิน
“ถูกคนเผาไปแล้ว? โห เห็นฉันเป็นนักพรตเต๋าเหมาซานที่วาดยันต์จับผีงั้นเหรอ?” เยี่ยเทียนได้ยินก็อึ้งไป จากนั้นจะหัวเราะหรือจะร้องไห้ก็ทำไม่ถูก ตอบว่า “ผมเตือนว่าให้เก็บดีๆ ไม่ใช่เหรอ? เรื่องนี้มัน……”
“เรื่องนี้เป็นความผิดของผมเอง เยี่ยเทียน……งั้น คุณให้ยันต์อีกสักใบกับผมได้มั้ย ผมให้คุณห้าแสน ไม่ ผมขอซื้อหนึ่งใบ หนึ่งล้าน!”
ตั้งแต่ถังเสวียเสวี่ยพกยันต์รวมพลังพยางไว้ติดตัว สีหน้าแดงระเรื่อขึ้นเยอะพอสมควร ร่างกายไม่ผอมแห้งเหมือนเดิม ถังเหวินหยวนเองทราบดีว่าห้าแสนก่อนหน้านี้ไม่ได้สูญเปล่า
“ซื้ออีกหนึ่งใบ?”
เยี่ยเทียนส่ายหัวและตอบว่า “ครึ่งปีก่อนหน้าผมไม่รักษาหลานสาวคุณ เพราะตอนนั้นผมมีบาดแผลของตัวเองอยู่ แต่ตอนนี้สภาพของผมดีขึ้นแล้ว ดังนั้นไม่จำเป็นต้องใช้ยันต์รวมพลังหยางกดทับเก้าอินดับชีพแล้ว!”
“อะไรนะ?” ถังเหวินหย่วนสั่นไปทั้งตัว “งั้น…..งั้นหมายความว่าคุณรักษาเสวียเสวี่ยได้แล้วเหรอ?”
ถังเหวินหย่วนมีลูกหลานไม่มาก แต่มีหลานสาวแค่คนนี้คนเดียว สิบกว่าปีที่ผ่านมาเขาใช้เงินรักษาถังเสวียเสวี่ยไปไม่น้อย แต่ไม่เคยได้ผลเลยสักครั้ง ครั้งนี้ได้ยินเยี่ยเทียนพูดว่าสามารถรักษาโรคของเสวียเสวี่ยได้แล้ว ถังเหวินหย่วนรู้สึกตื่นเต้นอย่างทันทีทันใด
เยี่ยเทียนพยักหน้าตอบว่า “ได้แล้ว แต่เธอเป็นเก้าอินดับชีพมาตั้งแต่เกิด ร่างกายถูกพลังหยินหนาวซึมเข้าไปเป็นเวลานานพอสมควร คงต้องปรับสภาพกันสักพัก”
ถังเหวินหย่วนเห็นเยี่ยเทียนหยุดพูดไปครู่นึง เขาจึงรีบพูดต่อว่า “แล้วต้องปรับยังไง? เยี่ยเทียน ถ้าเธอต้องการยาอะไรบอกฉันเลยนะ ชายแก่อย่างฉันจะหามาให้เธอทุกอย่าง!”
“โห ถ้ารู้แบบนี้แต่แรกฉันคงเรียกคุณมาตั้งแต่สามเดือนก่อนหน้านี้แล้ว!”
หลังจากได้ยินสิ่งที่ถังเหวินหย่วนพูด ในใจของเยี่ยเทียนรู้สึกใจคอเหี่ยวแห้ง เพราะเมื่อหลายเดือนก่อน ตัวเขากับพ่อเพราะต้องไปหาซื้อยา เกือบจะขนสมบัติไปจำนองทั้งหมดแล้วด้วยซ้ำ
“อืม โสมแก่ที่มีอายุห้าสิบปีขึ้นไป คุณไปหามาหลายกิโลหน่อย หญ้าหนอน เห็ดหลินจือก็เอามานิดหน่อย ต้องเป็นของป่าที่มีฤทธิ์ยาเพียงพอ……”
ถึงแม้อุปสรรคเรื่องของพลังจะแตกฉานไปแล้ว แต่ถ้าถังเหวินหย่วนยินยอมที่จะให้เอง เยี่ยเทียนก็ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ ว่างๆ ก็หายาบำรุงชั้นดีให้คนที่บ้านกินก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดี เขาจึงบอกรายการยาชั้นดีไว้ไม่น้อย
และแน่นอน เยี่ยเทียนเองไม่ได้บอกอย่างไม่เกรงใจ อย่างเช่นโสมพันปีเห็ดหลินจือหมื่นปีตามที่โบราณเคยว่าไว้ ถึงแม้เยี่ยเทียนจะพูดออกมา แต่ถังเหวินหย่วนก็หาไม่เจอ
“แล้วก็ ให้ถังเสวียเสวี่ยมาพักอาศัยอยู่ที่เรือนสี่ประสานของฉันเป็นเวลาหนึ่งเดือน ฉันจะช่วยเธอปรับสภาพร่างกาย”
หลังจากพูดถึงตรงนี้ เยี่ยเทียนเงยหัวขึ้นมองอาติงกับตู้เฟยพูดกับพวกเขาว่า “พวกนายสองคนออกไปรอข้างนอกก่อน คำบางคำพวกนายไม่ควรได้ยินหรอก!”
…………
ตอนที่ 252 จะเอาเงินให้ได้
โดย
Ink Stone_Fantasy
“อาติง คุณรู้จักอาจารย์ปู่ท่านนี้มากน้อยแค่ไหน?”
หลังจากออกจากห้องน้ำชา ตู้เฟยชวนอาติงไปนั่งที่ร้านกาแฟ แม้ว่าเยี่ยเทียนจะไม่อยู่ด้วย แต่ตู้เฟยก็ไม่กล้าหยาบคายอีกต่อไป เพราะเขาโดนเยี่ยเทียนจัดการจนยอมเชื่อฟังแต่โดยดี
เยี่ยเทียนสามารถทำท่าทีละเลยไม่สนใจต่อหน้าตู้เฟย แต่อาติงไม่กล้าทำเช่นนี้ เขาเป็นเด็กกว่าตู้เฟยรุ่นหนึ่ง และในขณะนั้นก็พูดอย่างมีความเคารพ “ลุงสี่ ผมเคยเห็นเขาครั้งเดียว แต่หลอจื้อปิ่งปรมาจารย์หลอที่อยู่ในห้องโถงใหญ่ เมื่ออยู่ต่อหน้าคุณท่านเขาก็ซื่อสัตย์ตรงไปตรงมาเช่นกัน!”
“ฮือ เมื่ออยู่ข้างนอกท่านปรมาจารย์หลอไม่ได้ใช้ชื่อจริง คุณรู้ได้อย่างไร?”
ตู้เฟยรู้สึกประหลาดใจอยู่พักหนึ่ง เขาและหลอจือปิ่งค่อนข้างคุ้นเคย และรู้ที่มาของเขา องค์กรเจียงเซียงผู้นี่ เมื่อออกไปทำงานก็ต้องปกปิดชื่อจริงของเขา นั่นก็คือเป็นคนในหงเหมิน และผู้ที่รู้จักชื่อจริงของเขาก็มีไม่มากนัก
อาติงส่ายหัวและพูดว่า “ถ้าเป็นแบบนั้นผมก็ไม่รู้แล้ว ตอนนั้นผมมีธุระจึงออกไปก่อน เมื่อผมกลับมา พวกเขาก็พูดจบแล้ว”
“ลุงเหวินไปหาเยี่ยเทียนมีเรื่องอะไร คุณคงรู้เรื่องนะ?” ตู้เฟยถาม เมื่อสักครู่พูดอะไรเกี่ยวกับยันต์ เขาได้ยินแต่ไม่ได้ใจความจึงเกิดความงงงัน
“เรื่องนี้ผมทราบ ปู่ถังมาที่นี่เพื่อการรักษาของเสี่ยเสี่ย ครั้งก่อนเยี่ยเทียนได้ให้ผ้ายันต์แก่ปู่ถังให้เสี่ยเสี่ยพกติดตัว อาการหยินฮานก็ไม่กำเริบอีก แต่ผ้านั้นมีคนเผาทิ้ง ปู่ถังจึงต้องกาผ้ายันต์อีกผืน”
อาติงติดตามถังเหวินหย่วนอย่างไม่ห่างกายอยู่ตลอดเวลา เขารู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี และการเปลี่ยนแปลงด้านร่างกายของถังเสวียเสวี่ย หลังจากที่เขาสูญเสียยันต์ เขายังเห็นอย่างชัดเจนและอยู่ในสายตาของเขา
“เยี่ยเทียนวิเคราะห์เรื่องสุขภาพได้ด้วยเหรอ?” ใบหน้าของตู้เฟยแสดงออกว่าดูแปลกใจ
“ผมก็ไม่รู้ แต่ลุงถังบอกว่าเขาเป็นเซียนฉีเหมินและเขาสามารถฝืนลิขิตเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตได้ด้วย” แม้ว่าอาติงนั้นจะติดตามถังเหวินหย่วนมาหลายปี แต่เขาก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับวิชาฉีเหมินมากนัก แต่ก็คล้ายคลึงว่ารู้บ้างไม่รู้บ้าง
“เซียนฉีเหมิน?!”
หลังจากได้ยินคำพูดของอาติง หน้าผากของตู้เฟยก็มีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ไหลออกมา และเขาก็จำชายหนุ่มผู้ป่วยทางจิตในงานเลี้ยงเมื่อสองปีก่อนได้
ความลึกลับที่ทำให้ตู้เฟยสับสนเป็นเวลาสองปีนั้น ในที่สุดก็แก้ไขได้ในเวลานี้ และชายหนุ่มคนนั้นก็เป็นเยี่ยเทียนเองที่ทำพิธีให้เช่นนี้ ภายในใจของตู้เฟยรู้สึกว่ามันยอดเยี่ยมมาก
ซึ่งแตกต่างจากอาติง แง่มุมทางสังคมที่ตู้เฟยได้สัมผัสนั้นกว้างกว่ามาก เขาเคยเห็นกับตาถึงคำสาปของพ่อหมอเหมียวเจียงและหุ่นไม้ของประเทศไทย เมื่อรู้ถึงความสยองขวัญของคนพวกนี้ พวกเขาสามารถฆ่าคนได้ไกลถึงหลายพันไมล์
ตู้เฟยอยากจะตบตัวเองอย่างแรง ที่ไม่ไปทำขุ่นเคืองกับคนอื่นๆ แต่กลับทำขุ่นเคืองกับคนในฉีเหมิน?ตอนนี้เขารู้สึกไม่สบายใจกลัวสิ่งที่เยี่ยเทียนจะสะกดใส่ตัวเอง?
ไม่ต้องพูดถึงตู้เฟยเลยเขากำลังเสียใจอย่างมาก ในห้องดื่มชา ทั้งเด็กและผู้ใหญ่กำลังสนทนาบางส่วนกันอยู่
“เยี่ยเทียน เราพักอยู่ในโรงแรมก็สะดวกสบายมากแล้ว ไม่ต้องไปที่คุณแล้วมั้ง?”
ถังเหวินหย่วนรู้สึกสับสนเล็กน้อยตามคำร้องขอของเยี่ยเทียน ไม่ใช่เพราะว่าเขาไม่เชื่อในตัวเยี่ยเทียน แต่สาเหตุที่สำคัญคือถังเสี่ยเสี่ยหญิงสาวอายุ 17 ถึง 18 ปี ไปพักอาศัยที่บ้านของเยี่ยเทียน ถ้าเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปไม่ดีต่อชื่อเสียงของถังเสี่ยเสี่ยอย่างแน่นอน
ครอบครัวผู้สูงศักดิ์ของฮ่องกง ส่วนใหญ่นั้นมักจะให้ความสำคัญเรื่องชื่อเสียงหน้าตา แม้ว่าจะมีเด็กรุ่นที่สองและเด็กรุ่นที่สามซึ่งนิยมความโกลาหล แต่ก็มีคนจำนวนมากที่ปฏิบัติตามกฎ หากมีเรื่องบางอย่างที่ผิดแปลก ง่ายมากที่จะเป็นกลายเรื่องตลกในหมู่ผู้คน
“เหล่าถัง คุณคิดว่าผมอยากให้หลานสาวของคุณพักอยู่ที่บ้านของผมเหรอ?”
เยี่ยเทียนกลอกตาของเขาและพูดด้วยความโกรธ “ผมจะบอกแก่คุณนะ คนทั่วไปอยากไปพัก แม้แต่ประตูผมก็ไม่ให้เข้า ให้หลานสาวของคุณมาอยู่นั้นเป็นความโชคดีของเธอเลยนะ คุณยังจะมาลังเลใจอีกหรือ?ได้ ถือว่าผมไม่เคยพูด คุณก็ให้เขาพักที่โรงแรมแล้วกัน!”
เรือนสี่ประสานของเยี่ยเทียน บริเวณทั้งหมดคือค่ายกลการรวมตัวของพลังหลิง และรัศมีในลานมีพลังเพลิงมากมาย กลัวว่าทั่วโลกนี้ ก็ไม่สามารถเสาะหาสถานที่ที่เปรียบได้กับที่ของเขาแล้ว
โรคเส้นลมปราณเก้าหยินขาดของถังเชียวเชียวเป็นโดยธรรมชาติ หลายปีที่ผ่านมาลมปราณโครงกระดูกของเธอถูกกัดเซาะโดยอากาศที่เย็น มีเพียงการหล่อเลี้ยงและอาศัยอยู่ในเรือนสี่ประสานระยะหนึ่ง เยี่ยเทียนจึงจะใช้วิธีการของเธอเพื่อกำจัดรากชีวิตของเธอได้
แน่นอนว่าถังเหวินหย่วนไม่เต็มใจแต่ก็ขัดไม่ได้ เยี่ยเทียนก็คงมีวิธีการอื่น แต่ถ้าให้เป็นไปอย่างนั้น ร่างกายของถังเสี่ยเสี่ยก็จะมีความต้านทานที่อ่อนแอ และเมื่อชีพจรยางผ่านพ้น จะมีการเพิ่มตัวแปรหลายตัว
“ถ้าเช่นนั้น……ก็ให้ถังเสี่ยเสี่ยพักที่นั่นเถอะ”
เมื่อได้ยินเยี่ยเทียนพูดถึงเช่นนี้แล้ว ถังเหวินหย่วนก็ไม่มีความคิดใดๆ เพราะในใจของเขาคิดว่า หลานสาวของตนผอมจนดูแทบไม่ได้แล้ว คาดว่าเยี่ยเทียนเองก็ไม่กระทำแบบสัตว์เดรัจฉานหรอก?
เยี่ยเทียนพยักหน้าและพูดอย่างจริงจัง “ตกลงตามนี้ พรุ่งนี้พวกคุณก็มาที่นี่ แต่ผมไม่ได้ให้อยู่ที่นั่นฟรีๆนะ ต้องจ่ายค่าใช้จ่ายนะ”
“ใช่ๆ เยี่ยเทียนคุณบอกราคามาได้เลยว่าเท่าไหร่!” ถังเหวินหย่วนพยักหน้า เขาไม่กลัวอะไรเลย นอกเสียจากเรื่องเงินเพราะกลัวว่าเยี่ยเทียนจะไม่พูดถึงเรื่องนี้ และเขาไม่ขาดแคลนสิ่งใดเลย ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาเรื่องการขาดแคลนเงิน!
“นับรวมกับเงินค่ายาที่ผมช่วยหลานสาวของคุณ วันละก็สิบ ไม่สิ……เป็นหนึ่งล้าน!”
แต่เดิมเยี่ยเทียนต้องการที่จะพูดว่าหนึ่งแสน แต่เมื่อคิดขึ้นได้และเปลี่ยนใจ ถ้าบอกไปอย่างนั้นก็จะเป็นการดูถูกถังเหวินหย่วนสิ?เศรษฐีที่รู้จักกันดีในชุมชนชาวจีน อาศัยอยู่เพียงหนึ่งเดือนแต่เก็บเขาแค่เพียงสามล้าน หากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไปถังเหวินหย่วนก็จะเสียหน้ามิใช่รึ
ดังนั้นเมื่อคำพูดมาถึงริมฝีปากของเยี่ยเทียนแล้ว แต่เขากลับเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหันจากหนึ่งแสนต่อวันเป็นหนึ่งล้าน แน่นอนว่าเยี่ยเทียนเองก็ประณีตเป็นอย่างมาก เงินหนึ่งล้านนั้นรวมถึงการรักษาของถังเสี่ยเสี่ย
ปีก่อนนั้นถังเหวินหย่วนต้องการซื้อของขลังจากเยี่ยเทียนเป็นเงินสิบล้าน ก็เพื่อช่วยบรรเทาความเจ็บป่วยของหลานสาวของตนเองมิใช่หรือ? ขณะนี้เยี่ยเทียนจะทำการรักษาให้แก่เธอโดยใช้เงิน 30 ล้าน นับได้ว่าเป็นกำไรของถังเหวินหย่วน
“เท่า?เท่าไหร่นะ?”
หลังจากได้ยินราคาค่าที่อยู่อาศัยที่เยี่ยเทียนกล่าวถึงแล้ว ถังเหวินหย่วนก็สงสัยว่าจะมีปัญหาเกี่ยวกับหูของตน จึงถามอีกครั้งอย่างรวดเร็ว เขารู้สึกตกใจกับราคา คำพูดของเยี่ยเทียนที่พูดเกี่ยวกับยาและการรักษานั้นเขาก็ไม่ได้ฟังอย่างชัดเจน
เมื่อเห็นอาการของถังเหวินหย่วน เยี่ยเทียนพูดกลับอย่างไม่ค่อยพอใจว่า “หนึ่งล้านต่อวัน เหล่าถังคุณเป็นคนรายได้สุทธิหมื่นล้านนะ เงินแค่นี้คุณไม่เต็มใจที่จะจ่ายเหรอ?”
“เงิน……เงินแค่นี้เหรอ?” ถังเหวินหย่วนยิ้มอย่างขมขื่น เรื่องเขารวยนั้นไม่ใช่เรื่องปลอม แต่มันเป็นเงินที่หามาด้วยน้ำพักน้ำแรง คนในรุ่นของเขานั้น โดยปกติแล้วมักจะประหยัด
ยิ่งไปกว่านั้นถังเหวินหย่วนเคยพักอาศัยอยู่ในโรงแรมที่ดีที่สุดในโลก ห้องที่แพงที่สุดที่เขาอาศัยอยู่ ก็เพียงแค่ไม่กี่หมื่นดอลลาร์ต่อวันเท่านั้น เท่าที่เขารู้ราคาที่เยี่ยเทียนบอกมานั้น เป็นราคาที่แพงที่สุดในโลกอย่างแน่นอน
หากเยี่ยเทียนกล่าวว่าจะรักษาอาการเจ็บป่วยของถังเสี่ยเสี่ยให้หาย และเรียกเก็บเงินหลายสิบล้าน ปู่ถังจะไม่ลังเลใจในการตกลง แต่ตอนนี้เพียงแค่เข้าพักอาศัยอยู่ที่บ้านก็จะเรียกเก็บเงินหลายสิบล้าน ภายในใจของถังเหวินหย่วนนั้นอึดอัดใจมาก
เขาไม่ได้เป็นทุกข์เพราะเงิน แต่กลับรู้สึกว่าเด็กคนนี้ที่อยู่ต่อหน้าโลภมากเกินไปแล้ว และทำตัวเหมือนเล่นๆ กับเขาเห็นว่าเขาเป็นดังคนโง่เขลา ทำให้ชายชรารู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“ผมว่าเหล่าถังคุณไม่ต้องไม่เต็มใจหรอก สถานแห่งนั้นของผม คนอื่นใช้เงินเป็นล้านเพื่ออยู่ก็ไม่มีใครสามารถเข้าอยู่ได้นะ” เยี่ยเทียนหัวเราะเยาะๆ และได้ยินมานานแล้วว่าคนยิ่งร่ำรวยก็ยิ่งงก ผู้เฒ่างกที่อยู่ตรงหน้าก็เป็นเช่นนั้น
แม้ว่าเขาจะรู้สึกไม่พอใจ เขาก็หมดหวังที่จะขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นแล้ว ถังเหวินหย่วนกลั้นใจแล้วพูดว่า “ได้ ผมจะจ่ายเงินนี้ แต่…ผมจะเข้าไปอยู่ด้วย!”
เยี่ยเทียนส่ายหัวและพูดว่า “ขอโทษด้วย คุณไม่สามารถเข้ามาอยู่ได้ แต่ถ้าอยากเข้ามาจริงก็ได้นะ แต่ว่าคุณสามารถมาอยู่ได้แค่สัปดาห์ละสองวันเท่านั้น และวันละหนึ่งล้านเช่นกัน จะขาดไปสักหยวนก็ไม่ได้!”
ใช่ว่าเยี่ยเทียนจะไม่อยากได้เงินของถังเหวินหย่วน ประเด็นที่สำคัญคือเขาไม่เหมือนถังเสวียเสวี่ย ในร่างของเหล่าถังไม่มีโรคไม่มีภัย เข้าไปอยู่ก็สิ้นเปล่าไม่มีประโยชน์อันใด ต่างจากถังเสวียเสวี่ย เธอมีเก้าอินดับชีพโดยกำเนิด ต้องการพลังชี่หลิงจำนวนมากในการหล่อเลี้ยง
“ฉัน……ฉันว่าเธอก็มากเกินไปนะเยี่ยเทียน?”
ถังเหวินหย่วนต้องบอกกับตัวเองให้ ‘ระงับความโกรธ’ และเขารู้สึกตกใจกับคำพูดของเยี่ยเทียน พฤติกรรมของเยี่ยเทียนใช่สิ่งที่คนที่รักษาผู้คนเขาทำกันหรือ? นี่เป็นการยื่นมือเข้าไปในโลงศพ…เพื่อขอเงินนี่นา!
“คุณไม่ต้องมาอยู่ก็ได้นะ ถ้าคุณคิดว่ามันมากเกินไป ฉันไม่ได้ขอร้องคุณ!” เยี่ยเทียนไม่สนใจเกี่ยวกับการเจรจาของเขา เขาคิดว่าตนเองนั้นใจดีมากแล้ว มิฉะนั้นเขาจะขอ 100 ล้านโดยตรงจากคนชราผู้นี้แล้ว
ก่อนหน้านี้ผมได้ยินมาว่าลูกชายของเศรษฐีในฮ่องกงถูกลักพาตัวไป และผู้ลักพาตัวก็รีดไถเงินโดยตรงหนึ่งพันล้าน ในที่สุดคนรวยคนนั้นก็ได้จ่ายเงินนั้นโดยดีมิใช่หรือ?ในแง่ของถังเหวินหย่วนระดับความรักที่มีต่อหลานสาวของตน สามหรือห้าร้อยล้านน่าจะยินดีที่จะจ่ายมิใช่หรือ?
เป็นสิ่งที่อาจารย์ของเยี่ยเทียนสอน ว่าเป็นคนต้องเหลือช่องว่าง ทำสิ่งใดก็ตามอย่าทำเกินกว่าเหตุ ธุรกิจประเภทใดก็เก็บค่าธรรมเนียมตามนั้น ต้องไม่โลภ
แม้ว่าการรักษาเก้าอินดับชีพเป็นสิ่งที่ยาก ถ้าเปลี่ยนเป็นคนไม่มีเงิน ไม่พูดถึงหลายสิบล้าน จะให้เยี่ยเทียนไม่กี่หมื่นเขาก็จะทำเช่นกัน!
ประการที่สองเยี่ยเทียนไม่ต้องการท้าทายความคิดลึกๆ ในใจของชายชราคนนี้ สำหรับเรื่องของถังเสวียเสวี่ย ดังนั้นค่าใช้จ่ายทางการแพทย์จึงเปลี่ยนเป็นการจ่ายโดยค่าเช่าบ้านแทน แต่ดูเหมือนว่าชายชราจะไม่พึงพอใจเล็กน้อย?เป็นไปได้ไหมที่เขาประเมินตำแหน่งของ ถังเสวียเสวี่ยในหัวใจของเขาสูงไป?
“ผม…ผม ตกลงทำตามในสิ่งที่คุณพูด ถ้าผมเข้าไปอยู่ ผมจะให้เงินกับคุณ!” ถังเหวินหย่วนอยากจะบอกว่าทีแรกเขาจะพาหลานสาวของเขากลับไปที่ฮ่องกง แต่แล้วก็กลืนกลับเข้าไป แม้มันจะมาถึงที่ริมฝีปากของเขาแล้วก็ตาม
ถังเหวินหย่วนรู้อย่างชัดเจนว่า ถึงแม้คนที่อยู่ข้างหน้าเขากำลังขอเงินเขา แต่ก็มีความสามารถอย่างแท้จริง ถ้าวันนี้เขาโกรธแล้วเดินออกไป ในอนาคตเขาอาจจะต้องทนเห็นหลานสาวของเขา ตายจากไปต่อหน้าต่อตาเขาก็เป็นได้
“ต้องอย่างนี้สิ เหล่าถัง ผมว่าแล้วว่าคุณจะต้องใจกล้ากว่านี้ ไม่อย่างนั้นจะไม่ตรงกับตัวตนของคุณ ผมเรียกเพียงหนึ่งล้านต่อวันสำหรับการรักษาพร้อมที่พักมันคุ้มค่ามากแล้วสำหรับพวกคุณ !”
หลังจากได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียนกับถังเหวินหย่วนแล้ว เยี่ยเทียนก็ยิ้ม ในทันทีกับความร้ายกาจที่เขาเพิ่งสอนตู้เฟยดูหายไปอย่างสิ้นเชิง ท่านั้นเป็นเหมือนเด็กน้อยที่ขโมยลูกอม
“รวมกับการรักษาด้วยหรือ?” ในครั้งนี้ถังเหวินหย่วนได้ยินอย่างชัดเจน และภายในใจของเขาก็รู้สึกสบายขึ้นเล็กน้อย หากนับการรักษาด้วยหนึ่งล้านต่อวันก็ถือว่าไม่แพงเลย
……………………
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น