ข้ามกาลบันดาลรัก 247-248

ตอนที่ 247 นายท่าน

 

เหล่าชายกำยำขานรับคำ แยกย้ายกลับไปยืนในตำแหน่งเดิมของตัวเอง 


 


 


ชายกำยำคนหนึ่งเดินเข้ามา หยิบยาสมานแผลจินฉวงออกมา ยื่นให้เขาอย่างอ่อนน้อม 


 


 


หัวหน้าม้อรับมา เทใส่ใบหูลวกๆ 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวเดินร่างโงนเงนออกมาจากเรือน จำแนกเส้นทาง แล้วเดินโซซัดโซเซกลับไป 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวเจ็บปวดอวัยวะภายในรุนแรง ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมาน ใจคิดอยากจะนั่งพักสักครู่ แต่นางรู้ว่า หากตนเองนั่งลง อาจจะลุกไม่ขึ้นอีกเลย 


 


 


ไม่รู้ว่ายืนหยัดเดินไปนานเพียงไร เส้นทางเบื้องหน้าค่อยๆ เลือนรางลง เมิ่งเชี่ยนโยวกัดฟันประคับประคองร่างตัวเอง เอากริชออกมากรีดท่อนแขนหนึ่งแผล ความเจ็บปวดทำให้นางมีสติขึ้นบ้าง 


 


 


สูดลมหายใจเฮือกใหญ่ แล้วเดินหน้าต่อไป เลือนๆ ลางๆ มองเห็นรถม้าคันหนึ่งแล่นเข้ามา 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวยื่นมือออกไป ขวางหน้ารถม้า 


 


 


คนขับรถตกใจ หยุดรถม้ากะทันหัน เห็นทั้งเนื้อทั้งตัวนางมีแต่เลือด ยิ่งให้ตกตะลึง 


 


 


ในรถม้ามีเสียงหญิงสาวดังลอดออกมา “เหล่าหลิว เหตุใดถึงหยุดรถม้า?” 


 


 


เหล่าหลิวขานรับเสียงสั่น “คุณ คุณหนู มีคนขวางรถม้าของพวกเราไว้ขอรับ” 


 


 


หญิงสาวเกล้ามวยสองข้างนางหนึ่งยื่นศีรษะออกมา มองมาด้านหน้า กล่าวว่า “ใครกันบังอาจ กล้ามาขวางทางรถม้าของพวกเรา?” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นใบหน้าคนคุ้นเคย รู้ว่าตัวเองมีทางรอดแล้ว ร้องเรียกเสียงแผ่ว “เซี่ยเหอ ข้าเอง!” 


 


 


เซี่ยเหอได้ยินนางเรียกชื่อตัวเอง พินิจมอง แล้วตกใจร้องอุทาน “แม่นางเมิ่ง!” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มอ่อน ตอบกลับอย่างไร้เรี่ยวแรง “ข้าเอง” 


 


 


เซี่ยเหอลงจากรถม้าเร็วรี่ สาวเท้าเดินมาข้างนาง เห็นนางเลือดไหลโทรมกาย บอบช้ำไปทั้งร่าง รีบเข้าไปประคองนาง ร้องถาม “แม่นาง เหตุใดเจ้าถึงมีสภาพเช่นนี้ได้ ประสบเรื่องอันใดมาหรือ?” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวทิ้งน้ำหนักตัวทั้งหมดไปบนร่างนาง พูดว่า “เรื่องนี้พูดแล้วยาว เจ้าช่วยพาข้าไปส่งที่หนึ่งได้หรือไม่?” 


 


 


เซี่ยเหอโน้มน้าวนาง “เจ้าบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ ข้าพาเจ้าไปหาหมอก่อนดีกว่า แล้วค่อยพาเจ้าไปยังที่ที่เจ้าอยากไป” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้า พูดว่า “ข้ามีเรื่องด่วนรอช้าไม่ได้ เจ้าช่วยพาข้าไปส่งก่อนเถอะ” 


 


 


เซี่ยเหอเห็นนางยืนหยัด รู้ว่าไม่ใช่เรื่องเล็ก พยักหน้า “ได้ ข้าจะประคองแม่นางขึ้นไปบนรถม้า แล้วพาเจ้าไปส่งเอง” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวขยับเท้าอย่างยากเข็ญ ขึ้นรถม้าไปอย่างทะลักทุเลด้วยการประคองของเซี่ยเหอ หลังจากเอนตัวนอนในห้องโดยสาร สูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ ถึงพูดว่า “รีบพาข้าไปส่งที่เหล่าจวี้เสียน” 


 


 


เซี่ยเหอพยักหน้า สั่งการคนขับรถ “เหล่าหลิว รีบไปเหล่าจวี้เสียน ยิ่งเร็วยิ่งดี!” 


 


 


คนขับรถขานรับ เลี้ยวกลับรถม้า สะบัดบังเ**ยน บังคับรถม้ามุ่งหน้าไปยังเหล่าจวี้เสียนในเมืองโดยไว 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวล้มตัวนอนในรถม้า รู้สึกว่าสติสัมปชัญญะของตนเองค่อยๆ เลือนลาง หยิบกริชออกมา กรีดท่อนแขนตัวเองหนึ่งแผล 


 


 


เซี่ยเหอตกใจร้องลั่น “แม่นาง นี่ท่าน?” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้ตอบนาง แต่ซักถามอย่างอ่อนแรง “ต้องใช้เวลานานเท่าใดจะถึงเหล่าจวี้เสียน?” 


 


 


เซี่ยเหอเปิดม่านรถ มองไปด้านนอกแวบหนึ่ง ตอบว่า “อีกชั่วเวลาครึ่งก้านธูป” 


 


 


“ประคองข้าขึ้น” เมิ่งเชี่ยนโยวสั่งนาง 


 


 


เซี่ยเหอรีบประคองนางขึ้นมา หยิบหมอนอิงวางไว้ด้านหลังนาง 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่า “ประเดี๋ยวพอถึงเหล่าจวี้เสียน พวกท่านวางข้าไว้หน้าประตู แล้วรีบจากไป ต่อไปไม่ว่ากับใครก็ห้ามเอ่ยถึงเรื่องนี้ เลี่ยงไม่ให้นำภัยมาถึงชีวิตตัวเอง” 


 


 


เซี่ยเหอไม่วางใจ “แต่ว่า บาดแผลของแม่นาง…?” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวปัดมือไม่ให้นางพูดต่อ “บาดแผลของข้าไม่เป็นอะไร พักสักระยะหนึ่งก็จะดีขึ้น” 


 


 


เซี่ยเหอไม่ทัดทานนางอีก 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวเม้มริมฝีปาก กล่าวด้วยความซาบซึ้งใจ “เซี่ยเหอ ขอบใจเจ้ามาก วันนี้หากไม่ได้พบเจ้า ไม่แน่ว่าข้าคงตายอยู่ข้างถนนแล้ว บุญคุณใหญ่หลวงของเจ้า ภายหน้าข้าจะต้องตอบแทน” 


 


 


เซี่ยเหอโบกมือเป็นพัลวัน  “แม่นางพูดอะไรกัน ในตอนนั้นหากไม่เพราะท่านช่วยท่านเขยเข้าไปสอบในเมืองหลวงได้ทัน ไม่ให้เรื่องของคุณหนูและท่านเขยถูกเปิดโปง ไม่แน่ว่าข้าคงถูกนายท่านฮูหยินโบยตายไปแล้ว ไฉนเลยจะยังมีวันนี้ เทียบกับที่ท่านแล้ว สิ่งที่ข้าทำนี้ไม่มีค่าอะไรเลย บัดนี้ ท่านเขยของพวกเราอยู่ที่…” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวตัดบทนาง “เซี่ยเหอ ไม่ต้องบอกเรื่องคุณหนูและท่านเขยของพวกเจ้ากับข้าแล้ว หากวันนี้ข้ารอดตายไปได้ วันหน้าไปพบกัน ข้าจะต้องแทนคุณพวกเจ้า” 


 


 


เซี่ยเหอเผยอปาก ไม่ได้พูดอะไร 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวพยายามประคองสติของตัวเอง ไม่พูดอะไรอีก 


 


 


เมื่อมาถึงเหล่าจวี้เสียน ทำตามที่เมิ่งเชี่ยนโยวสั่ง วางนางไว้หน้าประตู เซี่ยเหอมองนางอย่างปวดใจครู่หนึ่ง แล้วกัดฟัน หันหลังขึ้นรถม้า สั่งการคนขับรถเสียงเบาให้รีบจากไปโดยไว 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวสูดลมหายใจเข้าลึก ฝืนพาตัวเองเดินมาถึงหน้าประตู ใช้แรงทั้งหมดที่มีทุบประตูใหญ่เหล่าจวี้เสียน 


 


 


เป็นเวลาดึกสงัด หลงจู๊และเสี่ยวเอ้อร์เหล่าจวี้เสียนต่างนอนหลับหมดแล้ว ได้ยินเสียงเคาะประตูดังรัว เสี่ยวเอ้อร์คนหนึ่งผลุนผลันลุกขึ้นเ เดินมาถึงหน้าประตู ถามเสียงต่ำ “ใครกัน?” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวตอบกลับอย่างไร้เรี่ยวแรง “ข้ามาหาหลงจู๊ของพวกเจ้า” 


 


 


เสี่ยวเอ้อร์ฟังน้ำเสียงที่ผิดปกติของนางออก พูดว่า “หลงจู๊ของพวกเราหลับแล้ว มีเรื่องอะไรค่อยมาพรุ่งนี้เถอะ” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ พูดว่า “นายท่านส่งข้ามา เปิดประตูเดี๋ยวนี้!” 


 


 


เสี่ยวเอ้อร์ตะลึงงัน รีบถอดไม้คานเปิดประตูออก เห็นร่างเต็มไปด้วยเลือดของเมิ่งเชี่ยนโยวยืนสะโหลสะเหลอยู่หน้าประตู สะดุ้งตกใจ “แม่นาง นี่ท่าน…?” 


 


 


“เจ้ารีบไปบอกหลงจู๊ ข้ามีเรื่องสำคัญจะพบเขา” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด 


 


 


เสี่ยวเอ้อร์รับคำ กำลังจะไปเรียกหลงจู๊ 


 


 


หลงจู๊ก็คลุมเสื้อตะลีตะลานวิ่งเข้ามาแล้ว เห็นเหตุการณ์ตรงหน้า ก็ให้ตะลึงลาน ร้อนรนซักถาม “แม่นาง นี่เจ้า…?” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวล้วงป้ายหยกชิ้นหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ 


 


 


หลงจู๊เห็นป้ายหยก ให้ตะลึงพรึงเพริด สั่งการเสี่ยวเอ้อร์พลัน “พอปิดประตูแล้ว เจ้าจงกลับไปพักผ่อนในห้อง หากข้ายังไม่อนุญาต ใครก็ห้ามเข้ามา” 


 


 


เสี่ยวเอ้อร์รับคำ กุลีกุจอปิดประตูใหญ่ แล้ววิ่งแนบกลับไปที่ห้องตัวเอง 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวยืนไม่ไหวแล้ว โงนเงนจะล้มลง 


 


 


หลงจู๊เดินเข้าไป หมายจะประคองเมิ่งเชี่ยนโยวไปนั่งบนม้านั่ง 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวค่อยๆ ล้วงป้ายหยกอีกชิ้นออกมา 


 


 


หลงจู๊ผงะถลึงตาเบิกโพลง โค้งคำนับร้องเรียกด้วยความอ่อนน้อม “นายท่าน!” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวเม้มริมฝีปาก “ถ่ายทอดคำสั่งให้องครักษ์หลวงหัวเมืองเข้าพบเดี๋ยวนี้ ข้ามีเรื่องสำคัญจะให้พวกเขาทำ!” 


 


 


หลงจู๊รับคำสั่ง เดินไปหลังเรือนโดยไว หยิบสัญญาณลับเฉพาะออกมา โยนขึ้นฟ้า เกิดลำแสงสะท้อนปรากฏขึ้นบนฟ้าสองดวงและคลื่นเสียงความถี่สูงดังขึ้นท่ามกลางราตรีเงียบสงัด แล้วหายวับไปในทันที ทำให้แม้จะเป็นคนที่ถูกปลุกให้ตื่นจากฝันหวาน ก็จะรู้สึกว่าเมื่อครู่คงเป็นเสียงที่ตนเองได้ยินจากในฝัน 


 


 


ทว่าหลังสัญญาณลับปรากฏ ทั่วทุกมุมของหัวเมืองมีเงาร่างคนลอยทะยาน มุ่งหน้ากันมาที่เหล่าจวี้เสียน 


 


 


หลงจู๊ที่ปล่อยสัญญาณลับเสร็จ เข้ามาหยิบยาห้ามเลือดในห้อง ร้อนรนเดินมาที่ห้องโถง น้อมตัวยื่นให้ตรงหน้าเมิ่งเชี่ยนโยว “นายท่าน นี่เป็นยาสมานแผลจินฉวงชั้นเลิศ ท่านใส่แผลก่อนเถอะขอรับ” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวรับมา เทใส่บาดแผลอย่างขอไปที รอการมาถึงขององครักษ์หลวงเงียบๆ 


 


 


ชั่วเวลาหนึ่งถ้วยชา[1] เงาร่างคนห้าคนมาถึงเหล่าจวี้เสียน ร้องถามหลงจู๊พร้อมกัน “หลงจู๊ หานายน้อยพบแล้วหรือ?” 


 


 


หลงจู๊มองเมิ่งเชี่ยนโยว 


 


 


ชายฉกรรจ์เห็นเด็กสาวนางหนึ่งตรงหน้า ต่างผงะอึ้ง 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวหยิบป้ายหยกสองชิ้นออกมา วางไว้บนโต๊ะ 


 


 


องครักษ์หลวงทั้งห้านายตะลึงงัน แล้วคุกเข่าหนึ่งข้างพร้อมกัน ประสานมือคำนับ “คารวะนายท่าน!” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวเก็บป้ายหยกใส่อกเสื้อ สั่งการเสียงต่ำ “โอรสองค์โตของท่านอ๋องฉี หลานชายท่านแม่ทัพฉู่ นายท่านที่แท้จริงของพวกเจ้า ตอนนี้ถูกจับตัวไปอยู่ในเรือนไกลปืนเที่ยงแห่งหนึ่งฝั่งตะวันออกของเมือง ยามฟ้าสางจะพากันเข้าเมืองหลวง พวกเจ้ารีบไปรวมพลองครักษ์หลวงของหัวเมืองทั้งหมดมา จักต้องเผด็จศึกพวกเขาให้ได้ก่อนฟ้าสาง” 


 


 


เหล่าองครักษ์หลวงเดิมก็อุทิศตัวเพื่อเมิ่งอี้เซวียนอยู่แล้ว ได้ยินว่าเกิดอันตรายขึ้นกับเขา ต่างตื่นตกใจ หลังจากขานรับคำ ก็แยกย้ายกันออกไป อึดใจเดียวทุกหัวระแหงของหัวเมืองพลันเกิดเสียงนกหวีดแหลมสูงดังขึ้น ส่งเสียงทอดยาวไปไกลท่ามกลางราตรีที่เงียบสงัด จากนั้น ทั่วทุกซอกทุกมุมของหัวเมืองก็มีเงาร่างมากมายกระโจนทะยาน ตรงเข้ามารวมตัวกันฝั่งตะวันออกของเมือง 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวสั่งการหลงจู๊ “ท่านอ๋องฉีและท่านแม่ทัพฉู่น่าจะได้รับทราบข่าวแล้ว หลังจากเผด็จศึกพวกเขาได้แล้ว พวกเจ้าห้ามกระทำการบุ่มบ่าม รอให้พวกเขามาถึงค่อยจัดการที่หลัง” 


 


 


“ขอรับ นายท่าน!” หลงจู๊ขานรับคำ 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวพูดอีกว่า “เจ้ารีบไปเตรียมรถม้าสองคัน ตามข้าไปฝั่งตะวันออกด้วยกัน” 


 


 


หลงจู๊รับคำอีกครั้งแล้วเดินไปด้านหลังเรือน จัดเก็บรถม้า บังคับออกมาด้วยตัวเอง 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวอาศัยลมหายใจเฮือกสุดท้ายพาร่างเดินออกไปจากเหล่าจวี้เสียน ขึ้นรถม้าอย่างยากเข็ญ แล้วสั่งการหลงจู๊บังคับรถม้าไปฝั่งตะวันออก 


 


 


หลงจู๊สะบัดบังเ**ยน ตะบึงฮ้อรถม้าไม่หยุดไปตามทางที่เมิ่งเชี่ยนโยวบอก กระทั่งมาถึงเรือนฝั่งตะวันออกไม่ไกลจากเมืองมากนัก จึงสั่งม้าให้หยุด 


 


 


ด้านหลังรถม้ามีองครักษ์หลวงสี่ห้าสิบนายตามมาด้วย ต่างควบคุมลมหายใจ รอฟังคำสั่งจากเมิ่งเชี่ยนโยว 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวไม่เหลือเรี่ยวแรงลงจากรถม้าแล้ว ทำสัญญาณมือให้องครักษ์หลวงห้านายนำไปข้างหน้า ค่อยๆ บอกสภาพภายในเรือนให้พวกเขา ทั้งเน้นย้ำห้องที่เมิ่งอี้เซวียนอยู่ กำชับพวกเขา “พวกเขามีประมาณสิบกว่าคน ฝีมือไม่ด้อย พวกเจ้าห้ามประมาทเด็ดขาด จงช่วยอี้เซวียนให้ได้ก่อนสิ่งอื่น” 


 


 


ทั้งห้าคนขานรับ หลังจากสบตากันแล้ว ก็นำคนทั้งหมดเข้าล้อมเรือนทั้งหมดไว้ 


 


 


หลังจากเมิ่งเชี่ยนโยวจากไป หัวหน้าม้อก็ไม่ได้พัก เอาแต่เดินงุ่นง่านไปมาอยู่ในลานเรือน ทั้งคอยแหงนหน้ามองดูท้องฟ้า รอคอยให้ม้อสือพาคนเข้ามาโดยไว 


 


 


ทั้งห้าคนกระโดดขึ้นบนกำแพงพร้อมกัน สามคนในนั้นกระโดดไปทางห้องที่ขังเมิ่งอี้เซวียน 


 


 


ตอนที่หัวหน้าม้อรู้สึกตัวว่ามีคนบุกเข้ามาก็สายไปเสียแล้ว องครักษ์หลวงอีกสองคนตรงเข้าโจมตีเขาอย่างไม่ให้ซุ่มให้เสียง 


 


 


ส่วนองครักษ์หลวงที่กระโดดเข้ามาด้านหลังแยกกันเข้าปะทะกับชายกำยำทั่วทั้งเรือน 


 


 


ทั้งสองคนเข้าประชิดตัว หัวหน้าม้อตกตะลึง ทั้งสองคนมีวรยุทธ์สูงกว่าตนเองหลายเท่าตัว เกรงว่าตนเองจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา ร้องถาม “พวกเจ้าเป็นใคร?” 


 


 


องครักษ์หลวงผู้นำสองนายไม่ตอบความ รุกโรมโจมตีหมายจะเอาชีวิตเขา 


 


 


เดิมหัวหน้าม้อก็มีอาการบาดเจ็บ บวกกับเร่งรีบเดินทางมาจากเมืองหลวง ไม่ได้พักผ่อน ร่างกายเหนื่อยล้าอ่อนแรง ปะมือกับทั้งสองสิบกว่ากระบวนท่า ก็ถูกองครักษ์หลวงนายหนึ่งประสบจังหวะเหมาะ เข้าประชิดตัว ใช้มีดเล็กในมือจ่อคอหอยเขา 


 


 


เห็นมีดเล็กในมือเขา หัวหน้าม้อเบิกตาโพลง มองชายหลายสิบนายที่บุกเข้ามาในลานเรือนอย่างไม่เชื่อสายตา 


 


 


องครักษ์หลวงผู้นำอีกสามนายหลังจากจัดการชายกำยำสองนายที่มีหน้าที่เฝ้าเมิ่งอี้เซวียน เห็นเมิ่งอี้เซวียนนอนไม่ขยับบนเตียง ให้ตะลึงพรั่นพรึง องครักษ์หลวงผู้นำนายหนึ่งพุ่งไปข้างเตียง มือสั่นเทิ้มวางใต้จมูกเขา รู้สึกว่าเขายังมีลมหายใจ ถึงโล่งใจลง หันไปพยักหน้ากับชายอีกสองคน 


 


 


ชายอีกสองคนก็โล่งใจไปด้วย 


 


 


คนทั้งเรือนถูกกำราบลงอย่างง่ายดาย แม้แต่ชายกำยำเฝ้าประตูสองคนนั้นก็ถูกเหล่าองครักษ์หลวงโยนเข้ามา 


 


 


หัวหน้าม้อมองดูสภาพการณ์ตรงหน้า หลุบนัยน์ตาลง รู้ว่าตนเองรวมถึงคนทั้งหมดนี้เกรงว่าวันนี้จะต้องจบชีวิตอยู่ที่นี่แล้ว 


 


 


รถม้าสองคันแล่นเอื่อยเข้ามาในลานเรือน หลงจู๊จอดรถม้าสนิท หันไปเปิดม่านรถด้วยตัวเอง ใบหน้าซีดขาวไร้สีโลหิตของเมิ่งเชี่ยนโยวปรากฏขึ้นเบื้องหน้าหัวหน้าม้อ 


 


 


หัวหน้าม้อไม่คิดว่าเมิ่งเชี่ยนโยวที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนั้น ยังฝืนทนมาได้ถึงตอนนี้ ฝืนกลั้นต่อไปไม่ไหว ตกใจร้องถามเสียงหลง “เจ้ายังไม่ตาย?” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวนั่งในรถม้า แสยะยิ้มอ่อน รอยยิ้มนั้นแฝงด้วยความเ**้ยมเกรียมและเหยียดหยัน 


 


 


หัวหน้าม้อหรี่นัยน์ตาลง ตอบกลับนางด้วยรอยยิ้มพิลึกพิลั่น คำพูดต่อมาของเมิ่งเชี่ยนโยวกลับทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าเขาแข็งค้าง สีหน้าตายด้านฉับพลัน 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวหันไปสั่งการเหล่าองครักษ์หลวง “ยามสางวันพรุ่งยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งเข้ามา พวกเจ้าหลบซ่อนให้ดี ถึงตอนนั้นให้เผด็จศึกพวกเขาทั้งหมด” 


 


 


เหล่าองครักษ์หลวงขานรับคำ 


 


 


หัวหน้าม้อหัวใจหล่นวูบไปถึงตาตุ่มแล้ว หากคนที่ม้อสือพามาถูกพวกเขาจับได้จริงๆ เช่นนั้นองครักษ์ลับของท่านราชครูก็จะเสียหายไปกว่าครึ่ง 


 


 


องครักษ์หลวงผู้นำนายหนึ่งเดินมาข้างรถม้า พูดกับเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างอ่อนน้อม “นายท่าน นายน้อยสลบไป ตอนนี้นอนอยู่ในห้อง พวกเราจะ…?” 


 


 


ไม่รอให้เขาพูดจบ น้ำเสียงเร่งเร้าของเมิ่งเชี่ยนโยวพูดแทรกขึ้นพลัน “รีบไปอุ้มเขามาให้ข้าดู” 


 


 


องครักษ์หลวงผู้นำรับคำ อุ้มเมิ่งอี้เซวียนเข้ามา วางไว้บนรถม้า 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวจับชีพจรให้เขา สัมผัสได้ว่าเขาหายใจมั่นคง ชีพจรเป็นปกติ คงจะถูกพวกเขาตีจนสลบไป ถึงวางใจลง ฝืนออกแรงเขย่าตัวเมิ่งอี้เซวียนเบาๆ “อี้เซวียน ฟื้นสิ!” 


 


 


ร้องเรียกสิบกว่าครั้ง เมิ่งอี้เซวียนถึงลืมตาขึ้นช้าๆ กระทั่งเห็นชัดว่าคนตรงหน้าคือเมิ่งเชี่ยนโยว ก็ลุกพรวด ร้อนรนถาม “โยวเอ๋อร์ เจ้าไม่เป็นอะไรนะ?” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มอย่างอ่อนแรง ส่ายหน้าเชื่องช้า พูดปลอบใจเขา “ข้าไม่เป็นไร” 


 


 


เมิ่งอี้เซวียนมองดูร่างที่โซมไปด้วยเลือดของนาง ทั้งเนื้อทั้งตัวบอบช้ำ คิดจะตรวจดูบาดแผลนาง กลับไม่กล้าลงมือ น้ำตาทะลักพรั่งพรู เอาแต่ลนลานร้องเรียก “โยวเอ๋อร์ โยวเอ๋อร์…” 


 


 


เมิ่งอี้เซวียนถูกช่วยออกมาได้แล้ว ลมหายใจเฮือกสุดท้ายที่ฝืนประคองร่างไว้ของเมิ่งเชี่ยนโยวสลายไปสิ้น รู้สึกว่าชีวิตของตัวเองค่อยๆ ดับสูญไป นางยื่นมือออกมา หยุดเสียงร้องลนลานของเขา กำชับเขาด้วยน้ำเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน “อี้เซวียน ท่านพ่อท่านแม่เลี้ยงดูเจ้ามา เจ้าจะต้องรับประกันความปลอดภัยของพวกเขาไปชั่วชีวิต” 


 


 


จากนั้นไม่รอให้เมิ่งอี้เซวียนตอบกลับ ก็ฝืนทนต่อไปไม่ไหว ทิ้งศีรษะสลบไสลอยู่ในรถม้า 


 


 


เมิ่งอี้เซวียนตื่นตกใจ เขย่าร่างนางร้องลั่น “โยวเอ๋อร์! โยวเอ๋อร์!” 


 


 


องครักษ์หลวงผู้นำต่างก็ตื่นตกใจ ลืมเรื่องชนชั้นวรรณะ กระโดดขึ้นรถม้า จับชีพจรให้นาง สัมผัสได้ถึงชีพจรแปรปรวนของนาง แสดงชัดว่าจะต้องบาดเจ็บภายในสาหัส ยิ่งให้รู้สึกเคารพเลื่อมใส ต่อให้เป็นพวกเขาหากได้รับบาดเจ็บภายในสาหัสเช่นนี้ก็ไม่แน่ว่าจะทนมาได้ถึงตอนนี้ เห็นชัดว่าแม่นางน้อยมีความยึดมั่นแรงกล้า 


 


 


ผ่านไปหนึ่งวัน เมิ่งเชี่ยนโยวที่สลบไปรู้สึกได้ว่ามีคนคอยร้องเรียกตัวเองไม่หยุด ใช้พลังมหาศาล ถึงฝืนลืมตาตัวเองขึ้นได้ 


 


 


“ฟื้นแล้ว โยวเอ๋อร์ฟื้นแล้ว!” เสียงร้องเรียกอย่างยินดีของเมิ่งอี้เซวียนดังขึ้นข้างหูนาง 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวพยายามเบี่ยงหน้ามอง 


 


 


เมิ่งอี้เซวียนดวงตาแดงเปล่ง กำลังมองนางอย่างปิติยินดี 


 


 


เห็นนางมองมาที่ตัวเอง เมิ่งอี้เซวียนเบิกตาโพลงด้วยความยินดี ร้องถามเสียงเบา “โยวเอ๋อร์ เจ้าฟื้นแล้ว ตอนนี้รู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง?” 


 


 


ความรู้สึกดั่งถูกไฟเผาไหม้ในร่างกายยังคงอยู่ แต่ไม่เจ็บถึงขั้นนั้นแล้ว เผยรอยยิ้มอ่อน พยักหน้าเอื่อยๆ 


 


 


เมิ่งอี้เซวียนบ่อน้ำตาแตกไหลทะลักพรั่งพรู พูดอย่างหวั่นกลัว “ข้านึกว่าเจ้าจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีกแล้ว” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวยกมือขึ้นอย่างเหนื่อยยาก ลูบศีรษะเขา น้ำเสียงเจือแววขบขัน “ไม่หรอก ยังไม่ได้รับข่าวว่าเจ้าสอบซิ่วไฉได้หรือไม่เลย ข้าไม่ยอมตายง่ายๆ หรอก” 


 


 


เมิ่งอี้เซวียนพยักหน้าหงึกๆ น้ำตานองหน้า 


 


 


รู้สึกว่าในห้องยังมีคนอื่น เมิ่งเชี่ยนโยวหันมองออกไป ชายที่มีใบหน้าเหมือนกับเมิ่งอี้เซวียนปรากฏขึ้นเบื้องหน้านาง 


 


 


ชายคนนั้นอายุราวสามสิบกว่า รอบกายเต็มไปด้วยกลิ่นอายของผู้มีบรรดาศักดิ์ นั่งบนเก้าอี้ภายในห้องด้วยท่าทีขึงขังน่าเกรงขาม 


 


 


เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวมองมาที่เขา ชายคนนั้นผงกศีรษะเล็กน้อย พูดว่า “แม่นางเมิ่ง ฟื้นแล้ว?” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวเม้มริมฝีปาก น้อมเรียกเสียงแผ่ว “ท่านอ๋องฉี” 


 


 


 


 


 


 


 


 


[1] 一盏茶 คือหน่วยนับเวลาแบบโบราณของจีน เท่ากับเวลา 15 นาที หรือหนึ่งจิบชา  

 

 


ตอนที่ 248 จุดพลิกผันของเมิ่งอี้เซวีย...

 

อ๋องฉีตกตะลึงเล็กน้อย “แม่นางรู้จักข้า?” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่ปิดบัง พูดว่า “เคยได้ยินตี้ซือเอ่ยถึงเจ้าค่ะ” 


 


 


อ๋องฉีหรี่นัยน์ตา ซักถาม “ตี้ซือ? โจวหยวน?” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า 


 


 


อ๋องฉียิ่งให้ตื่นตะลึง “เขามิได้เกษียณตัวลากลับบ้านเกิดไปแล้วรึ? เหตุใดถึงมาข้องเกี่ยวกับแม่นางได้?” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่า “เขาเป็นพระอาจารย์ของอี้เซวียน ปีที่แล้วระหว่างทางกลับบ้านถูกข้าขวางรั้งไว้” 


 


 


อ๋องฉีมองนางอย่างลึกซึ้ง กล่าวโดยไม่รู้ว่าเป็นความหมายดีหรือร้าย “แม่นางช่างเก่งกล้าสามารถนัก ไม่เพียงปิดบังชาติกำเนิดเซวียนเอ๋อร์มายาวนาน ยังให้โจวหยวนช่วยเจ้าปิดบังได้ด้วย” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวยกยิ้มอ่อน สีหน้าเรียบเฉย ตอบอย่างไม่ถ่อมตนแต่ก็ไม่แข็งกร้าว “บิดามารดาข้ารักอี้เซวียนดั่งลูกในไส้ หากไม่เพราะคิดถึงอนาคตของเขา เกรงว่ากระทั่งเขาเติบใหญ่ข้าก็ไม่มีวันบอกผู้ใด” 


 


 


อ๋องฉีเริ่มมีอารมณ์ขุ่นเคือง อานุภาพดุดันน่าเกรงขามพุ่งตรงมาที่เมิ่งเชี่ยนโยว 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวยังคงแย้มยิ้ม มองเขาอย่างเป็นธรรมชาติ 


 


 


แม้อ๋องฉีจะเคืองขุ่น กลับอดที่จะเลื่อมใสแม่นางน้อยไม่ได้ เขาเคยผ่านการผลัดเปลี่ยนแย่งชิงบัลลังก์ ตลอดหลายปีที่ผ่านมากลิ่นอายแห่งการเข่นฆ่ายังไม่จางหายไป หากเขาไม่จงใจควบคุมไว้ แม้แต่เหล่าขุนนางในราชสำนักยังต้องกริ่งเกรงสามส่วน ทว่าแม่นางน้อยตรงหน้านี้กลับไร้สีหน้าหวาดกลัวใดๆ 


 


 


เมิ่งอี้เซวียนรับรู้ได้ถึงอานุภาพดุดันของอ๋องฉี เข้ามาขวางเบื้องหน้าเมิ่งเชี่ยนโยว เบิกโพลงดวงตาคู่นั้นที่เหมือนกันกับเขา มองเขาเงียบๆ 


 


 


อ๋องฉีที่ต้องเผชิญหน้ากับบุตรชายคนโตที่ตนเองยังไม่ทันได้เห็นหน้าก็หายสาบสูญไปตั้งเกิดนั้น ในใจเต็มไปด้วยความละอาย จึงถอนคืนพลังอานุภาพ ยื่นมือออกไปหมายจะลูบศีรษะเขา เมิ่งอี้เซวียนกลับเบี่ยงศีรษะหลบ 


 


 


มือที่ยื่นออกไปของอ๋องฉีคว้าธาตุอากาศ รวดร้าวใจอย่างพูดไม่ออก 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวเกรงอ๋องฉีจะประดักประเดิด หาทางลงไม่ได้ พูดเสียงเบา “อี้เซวียน ข้ารู้สึกกระหาย เจ้าไปเทน้ำมาให้ข้าหน่อย” 


 


 


เมิ่งอี้เซวียนหันกลับไปพยักหน้าให้ แล้วรีบเดินไปข้างโต๊ะ 


 


 


สาวใช้ที่ยืนอีกด้านคิดจะเข้าช่วย ถูกเขาตวาดห้าม “อย่าขยับ ข้าทำเอง” 


 


 


สาวใช้ไม่กล้าขยับอีก วางมือลงยืนนิ่งในมุมหนึ่ง 


 


 


เมิ่งอี้เซวียนรินน้ำหนึ่งแก้ว ยกขึ้นเป่าเบาๆ รู้สึกว่าไม่ค่อยร้อนแล้ว ถึงเดินกลับมาข้างกายเมิ่งเชี่ยนโยว คิดจะประคองนางขึ้นดื่ม 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวเป็นห่วงบาดแผลที่แขนเขา พูดว่า “ข้าลุกเอง!” ว่าแล้วก็ตะเกียกตะกายลุกขึ้น ทว่ายกตัวขึ้นได้เพียงกึ่งหนึ่งก็หมดแรงล้มนอนลงไปอีกครั้ง 


 


 


“โยวเอ๋อร์!” เมิ่งอี้เซวียนตกใจร้องลั่น รีบวางแก้วน้ำในมือลง ใช้แขนข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บประคองนางขึ้นมาอย่างทุลักทุเล 


 


 


อ๋องฉีมองดูทั้งหมดนี้ ขมวดคิ้วแน่น ชักสีหน้าขรึม 


 


 


เมิ่งอี้เซวียนประคองนางเสร็จ ยกน้ำมาไว้ตรงหน้านาง 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวรับมา ค่อยๆ ดื่มน้ำจนหมดแก้ว ส่งสายตาให้สาวใช้ข้างๆ มารับแก้วน้ำไป 


 


 


สาวใช้เดินขึ้นหน้า สองมือรับแก้วมาอย่างอ่อนน้อม นำกลับมาวางบนโต๊ะ 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวส่งสายตาให้เมิ่งอี้เซวียนวางตัวเองลง 


 


 


เมิ่งอี้เซวียนประคองนางนอนลงบนเตียงด้วยความอ่อนโยน 


 


 


หลังจากนอนดีแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวถามขึ้นอย่างอ่อนแรง “อี้เซวียน ข้าสลบไปนานเพียงใด?” 


 


 


“หนึ่งวัน” เมิ่งอี้เซวียนตอบเสียงแผ่ว 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวเม้มริมฝีปาก พูดว่า “พวกลุงใหญ่จะต้องร้อนใจแย่แล้ว เจ้าบอกพวกเขาแล้วหรือยัง?” 


 


 


เมิ่งอี้เซวียนพยักหน้า “พวกเขามาที่นี่แล้ว ลุงใหญ่และพี่เมิ่งเหรินรอเจ้าฟื้นอยู่ในอีกห้องหนึ่ง เหวินเปียวและเหวินหู่ตั้งแต่มาถึงก็คุกเข่าหน้าประตู บอกว่าตนเองคุ้มครองนายไม่ได้ รอรับการลงทัณฑ์หลังจากเจ้าฟื้นแล้ว” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวให้กระวนกระวายใจ “รีบไปบอกให้พวกเขาลุกขึ้น ขอเพียงพวกลุงใหญ่ไม่เป็นอะไร พวกเขาสองคนก็ถือว่าได้ทำความชอบแล้ว” 


 


 


เมิ่งอี้เซวียนส่ายหน้า “ข้าพูดทัดทานพวกเขาแล้ว พวกเขาดึงดันหาฟังไม่” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวยิ่งให้กระสับกระส่าย ตะเกียกตะกายจะลุกขึ้นอีกครั้ง 


 


 


น้ำเสียงเย็นชาไร้หัวใจของอ๋องฉีดังขึ้น “ในฐานะทาส ยามที่นายเกิดเรื่องกลับไม่อยู่ข้างกาย คนเช่นนี้สมควรถูกโบยจนตาย ไยแม่นางต้องระทมใจให้กับทาสเช่นนี้ด้วยเล่า” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวหยุดชะงัก “ในสายตาท่านอ๋อง พวกเขาอาจจะเป็นเพียงทาส แต่ในสายตาข้า พวกเขาคือคนในครอบครัว อีกทั้ง พวกเขาก็มิได้กระทำความผิด ข้าเองที่สั่งพวกเขาให้คอยคุ้มครองพวกลุงใหญ่ไม่ให้คลาดสายตา บัดนี้ลุงใหญ่และพี่ใหญ่ข้าปลอดภัย ถือว่าพวกเขาปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายได้อย่างสมบูรณ์” 


 


 


อ๋องฉีได้ฟังนางพูดว่าทาสคือคนในครอบครัวตัวเอง สีหน้าไม่พอใจ คิดจะพูดบางอย่าง ครั้นเห็นสภาพอ่อนระโหยโรยแรงของนาง จึงไม่ได้พูดออกมา 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวหันไปพูดกับเมิ่งอี้เซวียน “เจ้าจงไปบอกเหวินเปียวและเหวินหู่ บอกว่าข้าฟื้นแล้ว สั่งให้พวกเขาลุกขึ้น เรื่องลงโทษรอให้ข้าหายดีค่อยว่ากันอีกที” 


 


 


เมิ่งอี้เซวียนพยักหน้ เดินออกไปนอกประตู นำคำพูดของนางบอกพวกเขาทั้งสอง 


 


 


เหวินเปียวและเหวินหู่ขานรับคำ 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวให้วางใจลง ความง่วงเริ่มโจมตีมาอีกระลอก จึงหันไปยิ้มพูดกับอ๋องฉี “ท่านอ๋อง ข้ารู้สึกเหนื่อยแล้ว อยากจะนอนพักก่อน” 


 


 


อ๋องฉีรู้ว่าเมิ่งเชี่ยนโยวได้รับบาดเจ็บภายในสาหัส สามารถฟื้นขึ้นมาได้ภายในระยะเวลาอันสั้นนี้ คงเพราะยังมีห่วงในใจ ตอนนี้เห็นคนในครอบครัวปลอดภัยดี วางใจลงได้เต็มที่แล้ว ความง่วงงุนถาโถมเป็นเรื่องธรรมดา ผงกศีรษะเล็กน้อย 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวปิดเปลือกตาหนักอึ้ง นอนหลับไปอีกครั้ง 


 


 


ส่วนเมิ่งอี้เซวียนก็คอยเฝ้าอยู่ข้างกายเมิ่งเชี่ยนโยวไม่ห่าง 


 


 


แม้อ๋องฉีจะไม่เห็นด้วย แต่พ่อลูกเพิ่งจะพบหน้า เขาได้แต่คอยสงวนท่าทีเอาใจ ไม่อยากให้เกิดช่องว่างเพราะเรื่องพวกนี้ ยอมตามใจเขาทุกอย่าง 


 


 


อาจเป็นเพราะเห็นทุกคนปลอดภัยดีแล้ว วางใจลงได้เป็นปลิดทิ้ง อาจเป็นเพราะบาดเจ็บสาหัส ครั้งนี้เมิ่งเชี่ยนโยวจึงหลับไปถึงสามวันเต็ม ส่วนเมิ่งอี้เซวียนก็คอยเฝ้าอยู่ข้างเตียงสามวันเต็มๆ 


 


 


ตอนที่เมิ่งเชี่ยนโยวฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง นอกจากที่ฟุบหลับอยู่ข้างเตียง ภายในห้องปกคลุมไปด้วยความสงัดเงียบ 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวยื่นมือออกมา ลูบศีรษะอี้เซวียน 


 


 


เมิ่งอี้เซวียนตกใจตื่น เงยหน้าพูดด้วยความยินดี “เจ้าฟื้นแล้ว?” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวคลี่ยิ้มพยักหน้า 


 


 


เมิ่งอี้เซวียนร้องตะโกนออกไปด้านนอก “มีใครอยู่บ้าง!” 


 


 


สาวใช้ขานรับคำผลักประตูเข้ามา ย่อเข่าทำความคำนับเมิ่งอี้เซวียน “องค์ชาย!” 


 


 


เมิ่งอี้เซวียนออกคำสั่งนาง “รีบไปตักโจ๊กเข้ามา” 


 


 


สาวใช้รับคำ ถอยออกไป ไม่นานก็ยกโจ๊กหนึ่งถ้วยเข้ามา 


 


 


เมิ่งอี้เซวียนลุกขึ้น พูดกับเมิ่งเชี่ยนโยวเสียงละมุน “ข้าจะประคองเจ้าขึ้นมานะ” 


 


 


หลังจากตื่นครั้งนี้ เมิ่งเชี่ยนโยวรู้สึกเบาสบายตัวขึ้นมาก ความรู้สึกเจ็บปวดในใจก็มลายหายไปสิ้น แย้มยิ้มส่ายหน้าให้เขา ค่อยๆ พยุงตัวลุกขึ้นนั่ง รับโจ๊กจากมือเมิ่งอี้เซวียนมาตักกินเอง 


 


 


ไม่ได้มีอาหารตกลงท้องสี่ห้าวัน เมิ่งเชี่ยนโยวให้รู้สึกหิวไม่น้อย กินโจ๊กหนึ่งถ้วยเล็กหมดโดยไว 


 


 


เมิ่งอี้เซวียนสั่งสาวใช้ให้ไปยกเข้ามาอีกถ้วย 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ “ข้าเพิ่งฟื้น ไม่ควรกินมากเกินไป ให้ข้าพักประเดี๋ยวค่อยกินอีก” 


 


 


เมิ่งอี้เซวียนพยักหน้า สั่งสาวใช้ให้คอยอุ่นโจ๊กไว้ เมิ่งเชี่ยนโยวอยากกินอีกเมื่อไหร่ จะได้ยกเข้ามาได้ทันที 


 


 


สาวใช้น้อมรับคำ เก็บถ้วยแล้วถอยออกไปอย่างพินอบพิเทา 


 


 


สาวใช้เพิ่งจะถอยออกไป ฉู่เหวินเจี๋ยก็สาวเท้าก้าวเข้ามา เห็นสีหน้าเมิ่งเชี่ยนโยวไม่ซีดขาวดังก่อนแล้ว เปล่งเสียงถาม “ตอนนี้แม่นางเมิ่งรู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง? ภายในไม่เป็นอะไรแล้วกระมัง?” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ดีขึ้นมาแล้ว ขอบคุณแม่ทัพฉู่ที่เป็นห่วงเจ้าค่ะ” 


 


 


ฉู่เหวินเจี๋ยโบกมือ “เจ้าต้องเป็นเช่นนี้ก็เพราะเซวียนเอ๋อร์ ข้ายังไม่ทันได้ขอบใจเจ้าเลยเล่า” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวเม้มริมฝีปาก ถาม “ท่านไม่ตำหนิที่ข้าปิดบังเรื่องอี้เซวียนหรือ?” 


 


 


ฉู่เหวินเจี๋ยเปิดใจพูดว่า “เริ่มแรกที่ได้รับข่าวจากหลงจู๊ ข้าตกใจเป็นอย่างมาก โกรธเกรี้ยวขุ่นเคือง อี้เซวียนอยู่ที่บ้านเจ้าแท้ๆ เจ้ากลับไม่ยอมบอกข้า ทว่า พอเห็นเจ้าได้รับบาดเจ็บสาหัสด้วยเพราะปกป้องอี้เซวียน ความขุ่นเคืองในใจข้าก็ไม่เหลือแล้ว พวกเรารู้จักกันมานาน ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นคนอย่างไร เจ้ามิได้บอกข้าจะต้องมีเหตุผลของตัวเอง อีกทั้งครอบครัวพวกเจ้าก็สั่งสอนอี้เซวียนได้เป็นอย่างดี” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวลอบถอนใจโล่งอก กล่าวด้วยใจจริง “ขอบคุณท่านแม่ทัพ” 


 


 


หาเมิ่งอี้เซวียนพบแล้ว ภาระหนักอึ้งที่กดทับอยู่ในใจฉู่เหวินเจี๋ยมาสิบกว่าปี ในที่สุดก็วางลงได้ ให้รู้สึกอ่อนเยาว์สบายตัว ได้ยินเมิ่งเชี่ยนโยวพูดเช่นนั้น ก็หัวเราะเอิ๊กอ๊าก “แม่นางเมิ่งไยต้องขอบใจข้า เจ้าช่วยทั้งชีวิตข้าและอี้เซวียนไว้สมควรเป็นพวกเราขอบคุณเจ้าถึงจะถูก” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวก็ยิ้มสรวลตามไปด้วย 


 


 


อ๋องฉีวาดเท้าก้าวเข้ามา 


 


 


ฉู่เหวินเจี๋ยเก็บคืนรอยยิ้ม ประสานมือคำนับ “ท่านอ๋อง” 


 


 


อ๋องฉีผงกศีรษะเล็กน้อย ถามขึ้น “สืบสาวราวเรื่องไปถึงไหนแล้ว?” 


 


 


“เรียนท่านอ๋อง “ตรวจสอบเรื่องราวได้ความแน่ชัดแล้วพ่ะย่ะค่ะ เป็นท่านผู้ตรวจการ และท่านข้าหลวงยุติธรรมรวมถึงกรรมการควบคุมการสอบสามคนสมคบคิดกัน ฉวยโอกาสตอนอี้เซวียนเข้าสอบบุกชิงตัวอี้เซวียน นำไปขังไว้ที่เรือนนอกเมือง ม้อเอ้อเร่งพาคนตามมาที่หลัง เสียดายที่พวกเราช้าไปหนึ่งก้าว คนที่ร่วมลงมือชิงตัวถูกพวกเขาฆ่าปิดปากทั้งหมด” ฉู่เหวินเจี๋ยตอบ 


 


 


อ๋องฉีพยักหน้า พูดว่า “ถ่ายทอดคำสั่งข้า ให้พวกเขาทั้งสามคนมาพบข้าโดยด่วน ข้าจะต้องรู้ให้ได้ ว่าใครกันที่ให้ความกล้าบ้าบิ่นนี้กับพวกเขา? ถึงกับบังอาจมาชิงตัวโอรสข้า” 


 


 


ฉู่เหวินเจี๋ยขานรับคำ เก็บคืนรอยยิ้มบนใบหน้า เดินออกไปพร้อมกลิ่นอายสังหารเข้มข้น 


 


 


อ๋องฉีหันกลับมา “ตอนนี้แม่นางเมิ่งรู้สึกอย่างไรบ้าง?” 


 


 


“ขอบคุณท่านอ๋องฉีที่เป็นห่วง ร่างกายข้าดีขึ้นมากแล้วเพคะ” เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าว 


 


 


“เมื่อเป็นเช่นนี้ ประเดี๋ยวตอนที่ข้าลงทัณฑ์พวกเขา เจ้าจงเข้ามาดูด้วย” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวประหลาดใจ “ท่านอ๋องลงทัณฑ์ขุนนางเป็นเรื่องใหญ่ ไม่เหมาะที่ข้าจะเข้าไปดูกระมังเพคะ” 


 


 


อ๋องฉีมองเมิ่งอี้เซวียนแวบหนึ่ง พูดว่า “เซวียนเอ๋อร์คอยเฝ้าอยู่ข้างกายเจ้ามาตลอด หากเจ้าไม่ออกไป เขาก็คงไปเข้าไปดูเช่นกัน ข้าอยากให้เขารู้ว่า เกิดเป็นเชื้อพระวงศ์สูงศักดิ์ จักต้องกระทำการด้วยความเด็ดขาด หากใจอ่อนมีเมตตาแม้เพียงน้อย จะนำภัยมาถึงชีวิตในภายหลังได้” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวเม้มริมฝีปากมองไปทางเมิ่งอี้เซวียน 


 


 


เมิ่งอี้เซวียนมองตอบนาง ถามเสียงเบา “เจ้าอยากให้ข้าไปหรือไม่?” 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวจ้องเขาเขม็ง อึดใจหนึ่ง แล้วพยักหน้า 


 


 


เมิ่งอี้เซวียนสีหน้าเรียบเฉย ลุกขึ้นยืน หยิบรองเท้าใต้เตียงมาจ่อเท้านาง พูดว่า “ให้ข้าช่วยเจ้าสวมรองเท้า แล้วประคองเจ้าออกไปนะ” 


 


 


อ๋องฉีร้องพูดอย่างไม่เห็นด้วย “เซวียนเอ๋อร์!” 


 


 


เมิ่งอี้เซวียนทำเป็นไม่ได้ยิน 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวหดเท้ากลับ พูดว่า “ข้าทำเองเถอะ!” 


 


 


เมิ่งอี้เซวียนรั้นจับเท้านางออกมา ช่วยนางสวมรองเท้าอย่างทะนุถนอม 


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวชะงักอึ้งมองเขา รู้สึกว่าเขามีบางอย่างเปลี่ยนไป แต่พูดไม่ออกว่าคือตรงไหน 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)