ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ 242-245

 ตอนที่ 242 ปีศาจมด

โดย

Ink Stone_Fantasy

บนตัววิหคไม้สีฟ้าเต็มไปด้วยมดบินสีชมพู มันมีขนาดยาวชุ่นกว่าๆ และกำลังใช้ปากกัดแทะวิหคไม้ตัวนี้อยู่


พริบตาเดียว วิหคไม้ก็มีสภาพชำรุดไม่เหมือนเดิม


หลิ่วหมิงขมวดคิ้ว และสะบัดแขนเสื้อในฉับพลัน ลูกเปลวไฟลูกหนึ่งพุ่งยิงใส่วิหคไม้ด้วยเสียงดัง “ตู๊ม!”


เปลวไฟพวยพุ่งออกมา และม้วนเอามดบินสีชมพูทั้งหมดเข้าไปอยู่ในนั้น


มดบินส่วนใหญ่ถูกเผาจนกลายเป็นขี้เถ้า แต่ยังคงมีสิบกว่าตัวที่บินออกจากเปลวไฟ และพุ่งเข้าหาหลิ่วหมิง


ราวกับว่าการโจมตีของหลิ่วหมิงในครั้งนี้ จะเป็นการแหย่รังแตนเข้า ไอหมอกที่อยู่ไม่ไกลต่างก็ส่งเสียงดังหวึ่งๆ ขึ้นมาพร้อมกัน มดบินสีชมพูจำนวนมากบินพุ่งมาหาหลิ่วหมิงอย่างรวดเร็ว


สีหน้าหลิ่วหมิงเปลี่ยนไปทันที เขาพลิกฝ่ามือโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ธงสีฟ้าสดใสโผล่ขึ้นบนมือ เพียงแค่โบกไปข้างหน้าเล็กน้อย น้ำทะเลก็ทะลักออกมา หลังจากที่มันหมุนติ้วๆ แล้ว ก็กลายเป็นคลื่นยักษ์ม้วนตัวไปด้านหน้า


มดบินจำนวนมากถูกม้วนเข้าไปในคลื่นยักษ์ พวกมันได้แต่ดิ้นรนอยู่ในน้ำทะเล โดยไม่อาจหลุดออกมาได้


แต่ก็ยังมีไม่น้อยที่หลบคลื่นยักษ์ได้ พวกมันกระพือปีกอย่างบ้าระห่ำเพื่อพุ่งเข้าหาหลิ่วหมิง


ขณะนั้นเอง มีคลื่นสั่นไหวตรงหน้าหลิ่วหมิง หัวผู้ชายหัวหนึ่งปรากฏออกมาโดยไร้สุ้มเสียง


มันคือหัวบินนั่นเอง!


หัวปีศาจตนนี้เพียงแค่สะบัดหัว ผมยาวบนหัวก็กลายเป็นไหมสีเขียวพุ่งยิงออกไปเป็นจำนวนมาก


มดบินจำนวนมากต้องร้องออกมาหลังจากโดนเจาะทะลุร่าง และค่อยๆ ตกลงจากฟ้า


หลิ่วหมิงควบคุมคลื่นยักษ์ที่อยู่ไกลๆ ด้วยธงเล็กสีฟ้า และม้วนเอามดบินจำนวนมากเข้าไปในนั้น


อีกด้านหนึ่งที่อยู่ไม่ไกล ผมของหัวบินก็กลายเป็นตาข่าย เพื่อจัดการมดบินที่หลุดรอดออกมาได้โดยไม่ละเว้น


พริบตาเดียว ก็ไม่มีมดบินพุ่งมาหาหลิ่วหมิงเป็นจำนวนมากอีก


ในขณะที่มดบินบินออกมาจากไอหมอกพิษนั้น หลิ่วหมิงทำท่ามือร่ายคาถา แท่งวารีสีฟ้ารวมตัวตรงหน้าอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เปลี่ยนสีเป็นสีน้ำเงิน และมีแสงแพราวพราวเปล่งประกายออกมา


พอเขาสะบัดข้อมือ แท่งวารีก็พร่ามัวหายไป


ครู่ต่อมา คลื่นทะเลที่อยู่ไกลๆ ก็ม้วนตัวกลายเป็นหยดน้ำขนาดใหญ่ลอยอยู่กลางอากาศ


และหยดน้ำนี้ มีมดบินสีชมพูมากมายที่ถูกขังอยู่ในนั้น พวกมันพยายามดิ้นเอาตัวรอด


แสงสีฟ้าเปล่งประกายขึ้นตรงหน้า แท่งวารีพุ่งเข้าแทงหยดน้ำยักษ์


“เพล้ง!”


แท่งวารีจมเข้าไปในหยดน้ำยักษ์และระเบิดตัวภายในพริบตา ไอเย็นสะท้านสีฟ้าม้วนตัวออกไป น้ำทะเลกลายเป็นน้ำแข็งเย็นสะท้านในทันที


ทันใดนั้น ก้อนน้ำแข็งยักษ์ลูกกลมๆ สีฟ้าก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ และร่วงหล่นลงมา


มีเสียงแตกหักดังออกมา!


ก้อนน้ำแข็งกลมๆ กลายเป็นเศษน้ำแข็งสีขาว มดบินทั้งหมดพลีชีพจนร่างแหลกละเอียด


หลิ่วหมิงเก็บธงเล็กเข้าไป พอสะบัดแขนเสื้ออีกครั้ง ลูกกลมๆ สีฟ้าอีกลูกก็พุ่งออกมา หลังจากมีเสียงดัง “แคร่กๆ!” มันก็กลายเป็นวิหคไม้ตัวหนึ่ง จากนั้นก็บินเข้าไปในไอหมอก


เขาทำท่ามือด้วยมือเดียว นิ้วชี้แตะบนหน้าผาก และหลับตาทั้งคู่ลง


ครั้งนี้วิหคไม้สีฟ้าหายเข้าไปในไอหมอกโดยไร้สุ้มเสียง และไม่มีเสียงผิดปกติใดๆ ออกมาอีก ดูท่าข้างในคงไม่มีมดบินแล้ว


ผ่านไปไม่นาน สีหน้าหลิ่วหมิงก็เปลี่ยนไป เขาลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง


เกือบจะในเวลาเดียวกัน ไอหมอกตรงหน้าก็พวยพุ่งขึ้นมา วิหคไม้บินออกมาจากในนั้น กรงเล็บทั้งคู่คว้าเอาโครงกระดูกที่มีเสื้อผ้าขาดๆ ห่อหุ้มอยู่


มีเสียงดังขึ้นมา!


วิหคไม้คลายกรงเล็บโยนโครงกระดูกไว้ตรงหน้าหลิ่วหมิง ส่วนตัวมันก็พร่ามัวกลายเป็นลูกกลมๆ สีฟ้าเหมือนเดิม และหายเข้าไปในแขนเสื้อหลิ่วหมิง


ตอนนี้หลิ่วหมิงถึงได้เอานิ้วออกจากหน้าผาก หลังจากสังเกตดูโครงกระดูกที่เต็มไปด้วยรอยกัดแทะแล้ว ก็คว้ามือไปในอากาศด้วยตาที่เป็นประกาย


“ฟู่!” หยกห้อยพุ่งออกจากเอวของโครงกระดูก และหล่นลงมือหลิ่วหมิง


หลิ่วหมิงก้มหน้ามองอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ต้องยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าหยกชิ้นนี้มีคำว่า “ไป๋” สลักอยู่


โครงกระดูกชิ้นนี้เป็นลูกหลานตระกูลไป๋ที่มาหาหลุมปีศาจในสมัยก่อน แต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงมาเสียชีวิตในที่แห่งนี้ ดูท่าสถานที่แห่งนี้คงจะเป็นหลุมปีศาจของไอปีศาจพลังน้ำเงินอันดับเจ็ดอย่างไม่ต้องสงสัย


หลิ่วหมิงคิดใคร่ครวญเช่นนี้อยู่ในใจ ทันใดนั้นก็โบกมือไปยังหัวบินที่อยู่ด้านข้างทันที


หัวปีศาจร้องออกมาอย่างแปลกประหลาด และสูดหายใจเข้าในฉับพลัน


หัวของมันขยายตัวท่ามกลามอักขระสีเขียวจำนวนมากอย่างบ้าคลั่ง พริบตาเดียวก็มีขนาดใหญ่กว่าเดิมหลายเท่า พอมันอ้าปาก พายุบ้าระห่ำก็พัดออกไปติดต่อกัน


ไอหมอกสีชมพูถูกพายุบ้าระห่ำซัดสาดจนสั่นไหวขึ้นมา


หลิ่วหมิงขยับตัวไปยืนอยู่ตรงหลังหัวบินอย่างไร้สุ้มเสียง มือข้างหนึ่งกดหัวมันไว้ และส่งพลังเวทย์เข้าไปอย่างบ้าคลั่ง


“ตู๊ม!”


พายุบ้าระห่ำที่หัวบินพ่นออกมารุนแรงขึ้นกว่าเดิมเกือบครึ่งหนึ่ง ทะเลหมอกที่เดิมทีสั่นไหวอยู่แล้วก็กระจายไปทั่วทิศ


……


ผ่านไปซักพัก เมื่อหลิ่วหมิงละมือออกจากหัวบิน ไอหมอกทั่วทั้งหุบเขาก็ถูกพัดออกไปจนหมด เผยให้เห็นหลุมยักษ์ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางยาวสามสิบถึงสี่สิบจั้ง


แม้จะอยู่ห่างจากเท้าหลิ่วหมิงร้อยกว่าจั้ง แต่หลุมใหญ่ขนาดนี้ก็สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน


พื้นบริเวณรอบๆ หลุมปีศาจ มีหญ้าเล็กๆ สูงไม่กี่ชุ่น มันมีสีเขียวมันขลับ ตรงปลายมีดอกสีชมพูเล็กๆ และผงสีชมพูถูกพ่นออกจากดอกของมัน จากนั้นมันก็ลอยอยู่บนอากาศไม่ร่วงลงมาอีก


ตอนนี้หลิ่วหมิงถึงเข้าใจว่า ทะเลหมอกสีชมพูเมื่อครู่ คือผงที่บุปผาไม่ทราบชื่อชนิดนี้พ่นออกมา


ขณะที่หลิ่วหมิงขยับตัวเพื่อเหาะไปยังหลุมยักษ์นั้น พลันมีเสียงหัวเราะแปลกประหลาดดังมาจากในนั้น ไอหมอกสีชมพูก็พุ่งขึ้นมา สัตว์ประหลาดครึ่งมนุษย์ครึ่งแมลงขนาดใหญ่ปีนขึ้นมาจากหลุม


สัตว์ประหลาดตนนี้ยาวสามจั้งกว่าๆ ร่างกายส่วนบนเป็นหญิงสาวร่างเปลือยที่มีผมยาวเต็มศีรษะ แขนทั้งสองแหลมคม ผิวขาวเนียนละเอียดราวกับหิมะ หน้าอกทั้งคู่อวบอิ่มไร้จุดด่างพร้อย จุดสีแดงเข้มสั่นไหวเล็กน้อย ร่างกายส่วนล่างเป็นแมลงแพรวพราวที่อ้วนฉุเป็นพิเศษ ตรงส่วนท้ายยังมีลายกลมๆ แปลกประหลาดสีดำ ตรงหลังมีปีกใสๆ เหมือนกับมดบินในก่อนหน้านั้น เพียงแต่มันมีขนาดใหญ่กว่าหลายเท่า


ใบหน้าของหญิงสาวสวยงามเป็นอย่างมาก แต่สายตาที่มองหลิ่วหมิงเต็มไปด้วยความโมโหสุดขีด


“ปีศาจแมลงระดับศิษย์จิตวิญญาณขั้นสมบูรณ์แบบ!”


พอพลังจิตหลิ่วหมิงสัมผัสถึงกลิ่นไอที่แผ่ออกมา ก็ต้องรู้สึกเย็นสะท้านในทันที เขาแสดงท่าทีระมัดระวังตัวอย่างมากเป็นครั้งแรก


แปดถึงเก้าในสิบส่วน ปีศาจตนนี้ฝึกฝนจนถึงคอขวดแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย และคิดจะใช้ไอปีศาจบริสุทธิ์ ณ ที่นี่ทะลวงเข้าสู่ระดับที่สูงกว่า


ไม่ว่ามนุษย์หรือปีศาจ เพียงแค่ฝึกฝนถึงระดับศิษย์จิตวิญญาณขั้นสมบูรณ์แบบ แล้ว และอยากจะทะลวงเข้าสู่ระดับของเหลวอย่างอาจารย์จิตวิญญาณล่ะก็ ต่างก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องควบแน่นปราณแกร่ง


ที่ปีศาจแมลงโมโหเช่นนี้ เป็นเพราะว่านางกำลังควบแน่นมาถึงจุดสำคัญ แต่กลับถูกหลิ่วหมิงบุกรุกเข้ามา


เทียบกับปีศาจอสูรโดยทั่วไปแล้ว ปีศาจแมลงฝึกฝนยากลำบากกว่ามาก แต่ก็ด้วยเหตุนี้ ถึงทำให้ปีศาจแมลงแข็งแกร่งกว่าปีศาจอสูรตนอื่นที่อยู่ในระดับเดียวกัน


หลิ่วหมิงได้เผชิญกับปีศาจแมลงที่เริ่มควบแน่นปราณเช่นนี้ เขาย่อมมองมันเป็นศัตรูตัวฉกาจอย่างแน่นอน


เขาถอนหายใจเบาๆ แล้วพลิกฝ่ามือขึ้นมาในทันที กระบี่จันทราหยกโผล่ออกมา


ดูเหมือนว่าปีศาจแมลงตรงหน้าจะถูกท่าทีของหลิ่วหมิงยั่วยุเข้า หลังจากที่มันส่งเสียงแปลกประหลาดออกมา บั้นท้ายอันอวบอ้วนก็ส่ายไปส่ายไป และพ่นไข่แมลงขนาดใหญ่ออกมาสี่ใบ


ไข่แมลงเหล่านี้ ต่างก็มีสีขาวพร่างพราว และสูงสามฉื่อกว่าๆ แต่พอมันออกจากบั้นท้ายของแมลงปีศาจได้ ก็ระเบิดตัวในทันที มดยักษ์สีชมพูสูงสองฉื่อโผล่ออกมาจากในนั้น


พวกมันแต่ละตัวมีขนาดใหญ่มาก ตรงหลังต่างก็มีปีกใสหนึ่งคู่ ขาสีดำขลับแหลมคมเป็นพิเศษ ขณะเดียวกันก็มีเขี้ยวยื่นออกมาจากปาก กลิ่นไอบนตัวอยู่ในระดับศิษย์จิตวิญญาณขั้นกลาง พอมันลืมตาทั้งคู่ขึ้น ก็กระพือปีกเข้าหาหลิ่วหมิงอย่างรวดเร็ว


แม้หลิ่วหมิงจะรู้สึกแปลกใจ แต่ก็ไม่มีเวลาคิดอะไรอย่างละเอียดแล้ว เขาเพียงสะบัดกระบี่จันทราหยกในมือฟันเข้าใส่มดยักษ์ที่บินเข้ามา


บังเกิดเสียงดังขึ้นมาทันที ปราณกระบี่สีเขียวครั่นคร้ามทั้งสี่สายม้วนตัวออกไป


ขณะเดียวกันหัวบินก็ส่งเสียงร้องแหลมออกมา ผมยาวบนหัวเคลื่อนไหวกลายเป็นไหมสีเขียว และพุ่งยิงไปยังฝ่ายตรงข้าม


“ฟู่!” “ฟู่!”


มดยักษ์ทั้งสี่หยุดกระพือปีกในทันที ร่างของมันกลายเป็นสายลมเย็นก่อนที่จะหายไป


ปราณกระบี่ทั้งหมดล้วนปะทะกับความว่างเปล่า


“วิชาวายุหลบหลีก!”


พอหลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็หลุดปากพูดออกมา


ครูต่อมา มีลมเย็นพัดผ่านข้างกายเขาทั้งสองด้าน มดยักษ์สองตัวปรากฏออกมา ขาหน้าทั้งสี่เพียงแค่เคลื่อนไหว มันก็กลายเป็นเงาสีดำพุ่งไปยังหลิ่วหมิงด้วยความรวดเร็วราวกับสายฟ้าแลบ


ถ้าเป็นศิษย์จิตวิญญาณขั้นปลายทั่วไป ได้มาเจอกับการโจมตีที่คาดไม่ถึงเช่นนี้ อาจจะตายไปแล้วก็ได้


แต่หลิ่วหมิงเป็นคนระดับไหน? พลังจิตกับร่างของเขาแข็งแกร่งจนอาจารย์จิตวิญญาณทั่วไปต่างก็ไม่อาจเทียบได้


ปฏิกิริยาการตอบสนองก็รวดเร็วอย่างน่าตกใจ เขาเพียงแค่คำรามออกมา กระบี่สั้นสีเขียวก็ฟันออกไปทั้งสองด้าน


“เต๊ง!” “เต๊ง!”


ภายใต้การฟันปราณกระบี่ใส่เท้าหน้าของมันทั้งสอง ทำให้มันร้องออกมา และถอยออกไปหลายก้าว


แต่พอหลิ่วหมิงเขม้นตามองออกไป กลับพบว่าเท้าด้านหน้าของมันทั้งสองไม่ได้รับความเสียหายใดๆ เลย สีหน้าเขาดูหนักอึ้งเป็นอย่างมาก เขาทำท่ามือด้วยมือเดียว ทันใดนั้นไอสีดำก็ม้วนตัวออกจากร่างของเขา หลังจากหมุนติ๊วๆ รวมตัวกันแล้ว มันก็กลายเป็นหนวดสัมผัสสีดำก่อนที่จะหวดเข้าใส่มดยักษ์ทั้งสอง


ขณะนั้นเอง มีลมพัดมาบนตัวมดยักษ์ทั้งสองอีกครั้ง และร่างก็มันก็ลางเลือนหายไปอย่างไร้ร่องรอย


และในขณะเดียวกัน ทางด้านหัวบินกำลังใช้ตาข่ายที่เปลี่ยนแปลงมาจากเส้นผมยาวปกคลุมตนเองไว้ในนั้น บริเวณใกล้ๆ มีร่างมดยักษ์อีกสองตัวโผล่ๆ หายๆ พวกมันกำลังต่อสู้กับหัวบินอย่างดุเดือด


……………………………………….


ตอนที่ 243 กลับนิกาย

โดย

Ink Stone_Fantasy

พอหลิ่วหมิงสังเกตเห็นว่ามดยักษ์ทั้งสี่ตัวรู้วิชาวายุหลบหลีก เขาย่อมไม่คิดจะยั้งมืออีกต่อไป เขาฟันกระบี่สั้นสีเขียวออกไปอยู่ไม่หยุด ขณะเดียวกันมืออีกข้างก็ปล่อยคมวายุสีเขียวพุ่งยิงออกไปติดต่อกัน


แม้ว่ามดยักษ์สองตัวที่ล้อมโจมตีอยู่นั้นจะมีวิชาวายุหลบหลีก แต่การโจมตีกลับอันโหดเหี้ยมของหลิ่วหมิง กลับทำให้พวกมันหลบแทบไม่ทัน


พอหนึ่งในนั่นเห็นว่าการล้อมโจมตีหลิ่วหมิงไม่ได้ผล มันจึงคิดจะใช้วิชาวายุหลบหลีกเพื่อหนีไป แต่กลับหลบหนีไม่ทัน จึงถูกปราณกระบี่สีเขียวฟันเข้าใส่จนหกคะเมน จากนั้นคมวายุเจ็ดแปดเส้นก็พุ่งยิงเข้ามาพร้อมกัน ทำให้ร่างของมันมีบาดแผลลึกเป็นจำนวนมาก และต้องหลบหลีกอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีเวลาใช้วิชาวายุหลบหลีกเลย


“เต๊งตั๊ง!” โซ่สีเงินเส้นหนึ่งหวดเข้ามาด้วยเสียงอันดัง และรัดพันมดยักษ์ตนนี้ไว้อย่างแน่นหนา


ขณะนั้นเอง เกิดคลื่นกระเพื่อมตรงหลังหลิ่วหมิง มดยักษ์อีกตัวปรากฏออกมา ขาคู่หน้าของมันกระโจนเข้ามาอย่างไร้สุ้มเสียง


หลิ่วหมิงยังไม่ทันหันหน้ามา ก็พลันพลิกมือฟันปราณกระบี่สีเขียวออกไปทันที


มดยักษ์บิดตัวหลบหลีกปราณกระบี่ที่ฟันเข้ามาได้อย่างเหลือเชื่อ


แต่ขณะนั้นเอง หลิ่วหมิงได้เคลื่อนไหวแขนข้างหนึ่งจนดูพร่ามัว กำปั้นสีทองอร่ามถูกชกออกไป


มดยักษ์ตนนี้รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ขาหน้าทั้งคู่ของมันประสานกันตรงหน้า เพื่อที่จะปัดให้กำปั้นสีทองกระเด็นออกไป


แต่พอขาหน้าทั้งคู่ของมันปะทะเข้ากับกำปั้นสีทอง พลังบางอย่างทะลักออกจากกำปั้น


มดยักษ์ร้องอย่างเวทนา ขาหน้าทั้งคู่ถูกพลังมหาศาลสั่นสะเทือนจนแตกละเอียด


กำปั้นสีทองเคลื่อนไหวจนพร่ามัว พริบตาเดียวก็เจาะไปยังหัวของมดยักษ์ และสังหารมันจนเสียชีวิตไปในทันที


ขณะเดียวกัน อักขระสีเงินได้ปรากฏขึ้นบนโซ่สีเงินที่รัดพันมดยักษ์อีกตัวอยู่ และมันก็รัดแน่นมากยิ่งขึ้น จนตัดมดยักษ์ออกเป็นหลายชิ้


ขณะที่หลิ่วหมิงจัดการมดยักษ์สองตัวนั้น เส้นผมยาวของหัวบินที่อยู่ที่ด้านหนึ่ง ก็จมหายเข้าไปในอากาศอย่างไร้ร่องรอยเช่นกัน


มีเสียงดังสะเทือนเลือนลั่น!


มดยักษ์สองตัวที่อยู่ท่ามกลางพายุ ถูกเส้นผมยาวบีบจนต้องออกมา ขณะเดียวกันเงาร่างสีเขียวก็เคลื่อนไหวติดต่อกัน ร่างของมันแยกออกเป็นสิบกว่าชิ้นก่อนที่จะตกลงมา


ขณะนี้หลิ่วหมิงตาถึงได้มองไปยังมดยักษ์ทั้งสี่ ที่ไร้ซึ่งการเคลื่อนไหวใดๆ


พอปีศาจแมลงเห็นมดยักษ์ทั้งสี่ถูกฆ่าอย่างง่ายดายเช่นนี้ ใบหน้าอันงดงามก็ดูโมโหเป็นอย่างมาก หลังจากส่งเสียงร้องแปลกประหลาดออกมาแล้ว ก็กระพือปีกทั้งคู่และหมุนตัวทะยานขึ้นฟ้าเพื่อหลบหนี


หลิ่วหมิงรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก แต่เขาก็ทำท่ามือโดยไม่ต้องคิด ทันใดนั้นแสงสีเขียวเป็นจุดๆ ก็ปรากฏออกมา คมวายุยักษ์เส้นหนึ่งปรากฎอยู่ตรงหน้าเขา


หลิ่วหมิงสะบัดข้อมือ คมวายุยักษ์พุ่งยิงออกไปด้วยเสียงอันดัง


ครู่ต่อมา ม่านแสงสีชมพูได้ปรากฏออกมาปกคลุมร่างของมันไว้ แต่พอแสงสีเขียวเปล่งประกายออกมา คมวายุยักษ์ก็ฟันม่านแสงกับร่างของปีศาจแมลงจนขาดเป็นสองส่วน


ปีศาจแมลงร้องออกมาอย่างเวทนา ร่างทั้งสองส่วนร่วงหล่นลงพื้น


“ฟู่!” “ฟู่!” เปลวไฟสองกลุ่มพุ่งยิงเข้ามา พริบตาเดียวร่างปีศาจแมลงก็กลายเป็นขี้เถ้า


มันคือเปลวไฟปีศาจที่หัวบินพ่นออกมา


จัดการปีศาจแมลงที่ดูแปลกประหลาดได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ ทำให้หลิ่วหมิงรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก


แม้มดยักษ์สี่ตัวที่ปีศาจแมลงตนนี้ปล่อยออกมาจะร้ายกาจ แต่ร่างของมันก็อ่อนแอไปหน่อย และไม่รู้ว่าระหว่างการควบแน่นไอปีศาจมีปัญหาอะไร พลังของมันถึงได้ลดลงไปอย่างมากเช่นนี้


หลิ่วหมิงรู้สึกแปลกใจ แต่ก็รีบเหาะไปยังหลุมปีศาจโดยไม่คิดอะไรมาก


แม้คนตระกูลไป๋จะบอกว่า ไม่เคยมีคนมาหลุมปีศาจนี้เป็นเวลาหลายปี มันคงสะสมไอปีศาจบริสุทธิ์พลังน้ำเงินอันดับเจ็ดไว้ไม่น้อย แต่หลังจากพบปีศาจแมลงตนนี้ในหลุม กลับทำให้เขารู้สึกกังวลขึ้นมา


ต่อให้ไม่มีคนอื่นค้นพบสถานที่แห่งนี้ แต่ใครจะรู้ได้ล่ะว่าในช่วงระหว่างเวลานี้จะมีปีศาจอสูรมาใช้ไอปีศาจบริสุทธิ์จากหลุมปีศาจนี้ไปเท่าไหร่แล้ว


เมื่อหลิ่วหมิงคิดมาถึงจุดนี้ ก็ยิ่งรู้สึกกังวลมากขึ้นกว่าเดิม


ผ่านไปไม่นาน เขาก็มาถึงข้างหลุมปีศาจพร้อมกับจ้องมองลงไป และสุดท้ายสีหน้าเขาก็ต้องเปลี่ยนไปทันที


หลุมปีศาจนี้แตกต่างจากหลุมที่อยู่ในถ้ำใต้เขาเซียนทอแสงเป็นอย่างมาก


มองจากบนลงล่าง ในหลุมเป็นรูปทรงกรวย และจุดศูนย์กลางที่ลึกที่สุด ลึกประมาณสิบกว่าจั้ง นอกจากมีไอหมอกสีน้ำเงินจางๆ เคลื่อนไหวอยู่เล็กน้อยแล้ว ส่วนอื่นๆ ล้วนเป็นก้อนหินโปร่งใสที่ไม่ทราบชื่อ และเปล่งประกายแสงออกมาแตกต่างกันไป


หลิ่วหมิงมองไอหมอกสีน้ำเงินตรงใจกลางอยู่ครู่หนึ่ง แล้วต้องขมวดคิ้วขึ้นมา


เขาทำท่ามือด้วยมือเดียว และค่อยๆ ร่อนไปยังใจกลางหลุม พอเห็นว่าไอหมอกสีน้ำเงินจางๆ อยู่ห่างแค่จั้งกว่าๆ ถึงคว้ามือลงด้านล่าง


ทันใดนั้นกลุ่มไอหมอกสีน้ำเงินจางๆ ก็พุ่งเข้าหาหลิ่วหมิง และหยุดชะงักอยู่ตรงนั้น


หลิ่วหมิงหรี่ตามองอย่างละเอียด


ท่ามกลางไอหมอกสีน้ำเงินจางๆ มีกรวดทรายเปล่งประกายแสงสีน้ำเงินแพรวพราวอยู่ไม่หยุด ราวกับว่าเป็นดวงดาวบนฟากฟ้า และดูเหมือนกับว่าจะมีสิบกว่าดวง


หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็มองไปด้วยความดีใจ


ดูท่าดวงเขาคงไม่เลว มีไอปีศาจบริสุทธิ์พลังน้ำเงินอันดับเจ็ดในไอหมอกมากมายเช่นนี้ ดูท่าคงจะสามารถรวบรวมได้สองชุดขึ้นไปอย่างไม่มีปัญหา


หลิ่วหมิงคิดใคร่ครวญอยู่เช่นนี้ จากนั้นก็หยิบขวดใบเล็กออกจากแขนเสื้อด้วยความดีใจ


……


สองเดือนต่อมา ในห้องโถงบนเขาเก้าทารกของนิกายปีศาจ!


หลิ่วหมิงที่เพิ่งกลับถึงนิกาย ยืนอยู่ต่อหน้ากุยหรูฉวน และกำลังเล่าประสบการณ์ในขณะที่ตัวเองอยู่เสวียนจิงให้ผู้นำสาขาเก้าทารกผู้นี้ฟังอย่างนอบน้อม


“เจ้าทำได้ไม่เลว! นับว่าสร้างชื่อให้กับสาขาเก้าทารกเป็นอย่างมาก ถ้าครั้งนี้ไม่ได้จำกัดเผ่าเจ้าสมุทรออกไปจนหมด เกรงว่านิกายทั้งห้าของเราต้องสูญเสียพลังไปไม่น้อย และไม่อาจไปสู้ศึกภายนอกได้อย่างเต็มที่ แต่ที่น่าเสียดายก็คือ อาจารย์กับอาจารย์ลุงของเจ้าถูกสั่งให้ไปที่ชายแดนพอดี ถ้าพวกเขารู้ว่าเจ้ากลับมาล่ะก็ จะต้องมาดูด้วยความดีใจอย่างแน่นอน ใช่สิ! ศิษย์หลานคิดจะทำอย่างไรต่อไป ศิษย์น้องจงได้ยื่นเรื่องฟื้นคืนตัวตนเดิมให้เจ้าแล้ว ต่อไปก็สามารถใช้ชื่อ ‘หลิ่วหมิง’ ได้เลย หากไม่มีอะไรผิดพลาดล่ะก็ ด้วยสถานะศิษย์แกนนำของเจ้า อย่างเร็วสุดก็ช่วงเวลาหลายเดือน อย่างช้าสุดก็ปีกว่าๆ คงถูกส่งตัวไปฝึกฝนที่ชายแดนแล้ว” กุยหรูฉวนฟังจบก็กล่าวออกมาด้วยความพอใจ


“ขอบคุณอาจารย์ลุงที่เป็นห่วง ศิษย์ผ่านการฝึกฝนมาหลายปี เชื่อว่าพลังเวทย์ของตนเองคงจะค่อนข้างแข็งแกร่ง และยังหาไอปีศาจบริสุทธิ์ที่เหมาะสมมาได้แล้ว ดังนั้นจึงเตรียมยื่นเรื่องทะลวงเขตแดนอาจารย์จิตวิญญาณ ถ้าศิษย์จำไม่ผิดล่ะก็ ศิษย์ทั้งหมดที่ทะลวงด่าน จะถูกละเว้นไม่ให้ไปปฏิบัติหน้าที่ในระหว่างเก็บตัวได้ นอกเสียจากว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวพันถึงความเป็นความตายของนิกายเท่านั้น” หลิ่วหมิงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวออกมา


“มีกฎเช่นนี้จริงๆ แต่เจ้าคิดจะทะลวงเขตแดนอาจารย์จิตวิญญาณในตอนนี้จริงๆ หรือ? ไม่ฝึกฝนต่ออีกสักสองปี จะได้มีโอกาสมากขึ้นหน่อย!” กุยหรูฉวนได้ยินหลิ่วหมิงกล่างเช่นนี้ ก็แสดงสีหน้าประทับใจเล็กน้อย


“ไม่ต้องแล้ว ถ้าครั้งนี้ศิษย์ทะลวงไม่สำเร็จล่ะก็ เพียงแค่ฝึกฝนอีกไม่กี่ปี เชื่อว่าคงมีโอกาสทะลวงครั้งที่สองก่อนอายุสามสิบกว่าได้ แต่หากช้าออกไปอีกสองปีล่ะก็ เกรงว่าเวลามันจะไม่พอ” หลิวหมิงคิดไตร่ตรองเล็กน้อยแล้วกล่าวออกมา


“อืม! ถ้าศิษย์หลานคิดเช่นนี้ล่ะก็ มันก็ไม่ผิด แต่เจ้าต้องจำใส่ใจไว้ ไม่ว่าจะทะลวงเขตแดนใดๆ ก็ตาม ทางที่ดีที่สุดควรจะสำเร็จในหนึ่งครั้ง มิเช่นนั้นต่อให้จะใช้วิธีการอะไรเข้ามาเสริมในภายหลัง โอกาสในการสำเร็จก็จะยิ่งน้อยลง” กุยหรูฉวนพยักหน้า และกล่าวด้วยท่าทีจริงจัง


“ขอบคุณอาจารย์ลุงกุยที่ชี้แนะ ศิษย์จำใส่ใจแล้ว ใช่สิ! หลายปีก่อนศิษย์ได้รับข่าวจากนิกายว่า มีเผ่าเจ้าสมุทรแฝงตัวอยู่ในนิกายทั้งห้าของพวกเรา และที่มาแฝงตัวอยู่ในนิกายเราคือศิษย์พี่เจียหลาน ทั้งยังขโมยหัวราชาปีศาจที่ปรมาจารย์ลิ่วยินเคยควบคุมมัน ไม่ทราบว่าทั้งหมดนี้จริงเท็จประการใด?” หลิ่วหมิงโค้งตัวกล่าวขอบคุณ และถามออกไปด้วยความลังเลเล็กน้อย


“เป็นเรื่องจริงแท้อย่างแน่นอน ผู้ที่ค้นพบว่าเจียหลานเป็นเผ่าเจ้าสมุทรแฝงตัวมา ก็คือศิษย์น้องปิงแห่งนิกายหยินทนทรมาณ และยังเป็นอาจารย์ของเจียหลานเองด้วย เดิมทีศิษย์น้องปิงได้พาเจียหลานไปคลายปริศนาราชาปีศาจที่หายไปในปีนั้น แม้กระทั่งยังคลายผนึกที่อยู่ในหัวราชาปีศาจด้วย แต่ขณะนั้นเอง เจียหลานได้เผยสถานะของเผ่าเจ้าสมุทรออกมา และยังใช้วิธีการชั่วร้ายแว้งกัดศิษย์น้องปิงขโมยหัวราชาปีศาจไป นิกายจันทราสวรรค์และนิกายอื่นๆ ก็เกิดเรื่องราวพอๆ กัน ถ้าไม่ถูกขโมยสมบัติล้ำค่า ก็เป็นผู้ฝึกระดับสูงในนิกายถูกทำร้าย สร้างความเสียหายเป็นอย่างมาก ทางด้านนิกายจันทราสวรรค์ เหลิ่งเยวี่ยซือไท่ที่เป็นหนึ่งในสองผู้อาวุโสของนิกาย ก็ถูกพิษแปลกประหลาดของเผ่าเจ้าสมุทร ตอนนี้ยังสลบไสลอยู่ในพื้นที่ต้องห้ามของนิกายจันทราสวรรค์” กุยหรูฉวนได้หยินหลิ่วหมิงถามเช่นนี้ ก็กล่าวด้วยสีหน้าอันหนักอึ้ง


“ที่แท้ทั้งหมดนี้ก็เป็นเรื่องจริง ดูท่าการรุกรานของเผ่าเจ้าสมุทรในครั้งนี้ คงวางแผนมานานหลายปีแล้ว” หลิ่วหมิงกล่าวออกมา


เวลาต่อมา เขาฟังคำแนะนำการทะลวงเขตแดนอาจารย์จิตวิญญาณจากกุยหรูฉวนเล็กน้อย หลังจากนั้นก็กล่าวลาออกไปจากห้องโถง


ต่อมาเขาก็ไปรายงานตัวที่หอดำเนินการ และถือโอกาสคืนตำแหน่งศิษย์ตรวจตราในเสวียนจิงด้วย และรับรางวัลมาจำนวนหนึ่ง


ตอนนี้หลิ่วหมิงถึงค้นพบว่า มีศิษย์หนุ่มสาวในนิกายเพิ่มขึ้นมามาก ขณะเดียวกันใบหน้าศิษย์เก่าที่คุ้นเคยก็ลดลงไปมาก


ดูท่าหลายปีมานี้ นิกายปีศาจคงรับศิษย์ใหม่มาอีกกลุ่มหนึ่ง ขณะเดียวกันศิษย์เก่าจำนวนมากก็ถูกสั่งให้ไปที่ชายแดนแคว้นต้าเสวียน


ภายในระยะเวลาสี่วัน หลิ่วหมิงพักผ่อนอยู่ในที่พักของตนเองโดยไม่ออกไปไหน


ครึ่งเดือนผ่านไป หลิ่วหมิงมาถึงหน้าหุบเขาที่ซ่อนตัวอยู่ระหว่างยอดเขาสองลูกของนิกายปีศาจอย่างเงียบๆ


ตรงทางเข้าหุบเขา มีหอขนาดใหญ่สูงสามชั้นอยู่หลังหนึ่ง ประตูใหญ่หน้าหอมีป้ายแขวนอยู่อันหนึ่ง บนนั้นมีคำว่า ‘หอจิตวิญญาณวังสวรรค์’ เขียนติดอยู่


หลิ่วหมิงหยิบอะไรบางอย่างในแขนเสื้อแล้วก้าวยาวๆ เข้าไปในหอ


ในห้องโถงตรงชั้นแรกของหอ นอกจากจะมีค่ายกลสีขาวจางๆ แล้ว รอบด้านล้วนว่างเปล่าไม่มีเงาของคนเลย


……………………………………….


ตอนที่ 244 บ่อจิตวิญญาณ

โดย

Ink Stone_Fantasy

หลิ่วหมิงเผยสีหน้าประหลาดใจออกมา หูของเขาพลันได้ยินเสียงราบเรียบของผู้ชายดังขึ้น


“เจ้าเป็นศิษย์สาขาใด มีป้ายเข้าบ่อจิตวิญญาณหรือไม่? ถ้าไม่มีล่ะก็ มาทางไหนก็กลับไปทางนั้นเลย!”


หลิ่วหมิงรู้สึกเย็นสะท้านในใจ แต่ก็รีบโค้งตัวกล่าวทันที


“ข้าหลิ่วหมิง ศิษย์สาขาเก้าทารก คารวะผู้อาวุโส ศิษย์กะจะมาอยู่ที่บ่อจิตวิญญาณเดือนหนึ่ง ส่วนป้ายสำหรับเปิดบ่อจิตวิญญาณศิษย์ได้พกติดตัวมาแล้ว”


เมื่อเขากล่าวจบก็รีบควักป้ายสีเงินจางๆ ออกมาทันที


“อ๋อ! ในเมื่อมีป้ายก็สามารถอยู่ได้ แต่ข้าต้องตรวจสอบเสียก่อนว่าเป็นของจริงหรือไม่ ถึงสามารถพาเข้าไปบ่อจิตวิญญาณได้” ชายผู้นี้กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลายลง


จากนั้นก็มีเสียงฝีเท้าดัง “ต๊อกแต๊ก!” มาจากบันได ชายสวมชุดคลุมบัณฑิตสีขาวเดินลงมาจากชั้นสองอย่างไม่รีบร้อน


โครงหน้าค่อนข้างยาว ดูอัปลักษณ์เล็กน้อย แต่ดวงตาทั้งคู่เปล่งประกายสดใส ทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกเหมือนล่องลอยออกจากฝุ่น


“ในเมื่อเป็นศิษย์สาขาเก้าทารก อาจารย์ของเจ้าแซ่จงหรือว่าแซ่จู?” ชายผู้นี้เดินเข้าหาหลิ่วหมิงสองสามก้าว หลังจากสังเกตดูสองสามทีแล้ว พลันกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม


“อาจารย์ข้าแซ่จง!” หลิ่วหมิงรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง แต่หลังจากลังเลเล็กน้อยแล้ว ก็พูดความจริงออกไป


“ที่แท้ก็เป็นศิษย์ของศิษย์น้องจง! เฮ่อๆ! ได้ยินมาว่าหลายปีก่อนนางได้รับศิษย์คนหนึ่งที่ชื่อว่าไป๋ชงเทียน ต่อมาไม่นานก็รายงานกับนิกายว่าเปลี่ยนชื่อแล้ว คงไม่ใช่เจ้าหรอกนะ!” ชายชุดคลุมสีขาวหัวเราะเบาๆ แล้วกล่าวออกมา จากนั้นก็โบกมือไปทางหลิ่วหมิง ทันใดนั้นป้ายในมือหลิ่วหมิงก็ค่อยๆ สั่นไหว “ฟู่!” ป้ายลอยไปตกอยู่ในมือของเขาอย่างมั่นคง


“ผู้อาวุโสรู้จักอาจารย์ของข้าหรือ? ก่อนหน้านั้นข้าไม่ได้ใช้ชื่อนี้จริงๆ” หลิ่วหมิงรู้สึกตกตะลึง แต่ก็กล่าวออกมาโดยไม่ชักช้า


“ที่แท้ก็เป็นเจ้าจริงๆ ไม่ผิด! ข้าเคยได้ยินศิษย์น้องจงพูดว่า การทดสอบในแดนลึกลับเมื่อหลายปีก่อน เจ้าได้ทำความดีความชอบไว้มาก ไม่แปลกที่เจ้าจะมีป้ายอันนี้” ชายชุดคลุมสีขาวกล่าวด้วยความสนใจ


“ผู้อาวุโสกล่าวชมเกินไปแล้ว ข้าน้อยเพียงแค่โชคดีเท่านั้น ว่าแต่ไม่ทราบว่าท่านมีนามว่าอย่างไร?” เมื่อหลิ่วหมิงเห็นว่าชายผู้นี้รู้จักนักพรตแซ่จง เขาจึงถามออกไป


“ดูท่าอาจารย์เจ้าคงไม่เคยพูดเรื่องข้ากับเจ้าล่ะสิ! แต่ก็ไม่เป็นไร เชื่อว่าอีกไม่นานข้ากับอาจารย์เจ้าก็จะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ศิษย์ของศิษย์น้องจงก็จะเป็นศิษย์ข้าด้วยเช่นกัน ข้าแซ่ถง เจ้าสามารถเรียกข้าว่าอาจารย์ลุงถง” ชายชุดคลุมสีขาวมองป้ายในมือสองสามทีแล้วก็โยนคืนกลับไป ขณะเดียวกันก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม


“ที่แท้ท่านก็คืออาจารย์ลุงถง!” แม้หลิ่วหมิงจะรู้สึกอึ้งที่ได้ยินเช่นนี้ แต่ก็ได้แต่ตอบรับกลับไป


“ดีมากศิษย์หลานหลิ่ว ในเมื่อเป็นคนกันเอง ข้าย่อมหาตำแหน่งที่ใกล้กับบ่อจิตวิญญาณให้เจ้า” ชายแซ่ถงหัวเราะและกล่าวออกมา จากนั้นทำท่ามือด้วยมือข้างหนึ่งอย่างรวดเร็ว และปล่อยพลังเวทย์ใส่ค่ายกลตรงหน้า


ค่ายกลสีขาวส่งเสียงดังหวึ่งๆ ขึ้นมาในทันที แสงสีขาวจางๆ พุ่งขึ้นมา


“ขอบคุณอาจารย์ลุง!” หลิ่วหมิงได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกดีใจมาก


ก่อนมา เขาได้ตั้งใจสืบเรื่องราวเกี่ยวกับบ่อจิตวิญญาณมารอบหนึ่งแล้ว


บ่อจิตวิญญาณที่รู้จัก แท้จริงแล้วเป็นสถานที่ที่มีปราณฟ้าดินหนาแน่นที่นิกายปีศาจค้นพบในตอนแรก จากนั้นถึงวางชั้นจำกัดพิเศษไว้ ทำให้ปราณฟ้าดินเข้าได้อย่างเดียว และไม่สามารถออกไปได้ ด้วยเหตุนี้พลังปราณถึงได้บริสุทธิ์จนถึงระดับที่คาดไม่ถึง


ใจกลางชั้นจำกัดเป็นสถานที่มีพลังปราณหนาแน่นมากที่สุด ผลลัพธ์การฝึกฝนก็ดีกว่าบริเวณขอบรอบนอก


เขาเดินตามชายชุดคลุมสีขาวเข้าไปกลางค่ายกล และถูกส่งไปยังส่วนลึกของหุบเขาแห่งหนึ่งที่เต็มไปด้วยบุปผาและหญ้าที่ดูแปลกประหลาด ขณะเดียวกันไอหมอกสีขาวก็ล่องลอยอยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำ


หลิ่วหมิงสูดหายใจเข้าเพียงเล็กน้อย ก็รับรู้ได้ถึงพลังปราณอันบริสุทธิ์ที่เข้าไปในปอด ทำให้เขารู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก


ตอนนี้เขาถึงรู้ว่า หมอกสีขาวเกิดจากปราณฟ้าดินอันหนาแน่นก่อตัวขึ้นมา ช่างสมกับชื่อ ‘บ่อจิตวิญญาณ’ จริงๆ


เขากวาดสายตามองไปรอบด้าน เห็นบ้านหินแต่ละหลังตั้งอยู่ค่อนข้างห่างกันท่ามกลางไอหมอก เท่าที่สายตามองเห็นมีประมาณห้าหกหลัง


ชายชุดคลุมสีขาวพาหลิ่วหมิงก้าวยาวๆ ไปด้านหน้า จนเมื่อเดินไปได้ราวๆ ชั่วเวลาหนึ่งมื้อข้าว ก็มาถึงบ้านหินสีดำที่ถูกไอหมอกสีขาวล้อมรอบ


ผนังบ้านหินนี้มีอักขระสีเงินสลักอยู่ บนประตูมีรอยเว้าลึกไม่กี่ชุ่น


“ศิษย์หลานหลิ่ว ที่นี่เกือบจะนับว่าเป็นสถานที่สำหรับฝึกฝนรองลงมาจากจุดศูนย์กลางของบ่อจิตวิญญาณ เจ้าฝึกฝนอยู่ที่นี่เถอะ หนึ่งเดือนให้หลังข้าจะพาเจ้าออกไป นอกจากนี้ ที่นี่ยังถูกวางชั้นจำกัดมหัศจรรย์ไว้ มีแค่ป้ายในมือเจ้าเท่านั้นที่สามารถเปิดได้” ชายชุดคลุมสีขาวชี้ไปยังบ้านหินตรงหน้าแล้วกล่าวกับหลิ่วหมิงด้วยรอยยิ้ม


หลิ่วหมิงกล่าวขอบคุณด้วยความดีใจ จากนั้นก็วางป้ายสีเงินลงบนรอยเว้า


ทันใดนั้นมีเสียงดังหวึ่งๆ มาจากประตูหิน ขณะเดียวกันแสงสีเงินก็เปล่งประกายออกมา และประตูก็ค่อยๆ เปิดออก


หลิ่วหมิงโค้งคารวะชายชุดคลุมสีขาว และระงับความตื่นเต้นก่อนเดินเข้าไปในประตูหิน


พริบตาที่ร่างเขาหายเข้าไปข้างใน บานประตูหินก็ปิดโดยไร้สุ้มเสียง บ้านหินทั้งหลังมีอักขระสีเงินเปล่งประกายอยู่ไม่หยุด ชั้นจำกัดสั่นไหวและหายไปในพริบตา


ชายชุดคลุมสีขาวเห็นเช่นนี้ก็ยิ้มออกมาก่อนที่จะจากไป


ขณะเดียวกัน หลิ่วหมิงก็มองเห็นทุกอย่างที่อยู่ข้างในอย่างชัดเจน


นอกจากจะมีเบาะกลมๆ สีเหลืองอ่อน และเตียงไม้สีขาวแล้ว ก็ไม่มีสิ่งของอื่นใดอีก


หลิ่วหมิงค่อยข้างพอใจกับทุกสิ่งที่เตรียมไว้


เขาตรวจสอบผนังทั้งสี่ด้านของห้องหินกับอักขระสีเงินที่เปล่งประกาย จนเมื่อมั่นใจว่ามันคือชั้นจำกัดปิดกั้นธรรมดา เขาก็รู้สึกวางใจขึ้นมา จากนั้นก็นั่งขัดสมาธิลงบนเบาะ


หลิ่วหมิงสะบัดแขนเสื้อ ขวดเล็กๆ สามขวดปรากฏขึ้นบนพื้น


เมื่อมองไปยังสิ่งของตรงหน้า สีหน้าเขาก็ดูโหวงเหวงขึ้นมา


สิ่งที่อยู่ในขวดเล็กๆ ย่อมเป็นไอปีศาจบริสุทธิ์พลังน้ำเงินอันดับเจ็ดที่เขาได้มาจากเทือกเขาหมื่นทมิฬ


ถ้าเขาได้มาเพียงขวดเดียวล่ะก็ อาจต้องลังเลเล็กน้อย แต่ตอนนี้มีสามขวดอยู่ในมือเขาย่อมรู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก นอกเสียจากว่ามันมีคุณสมบัติต่ำจนไม่สามารถก้าวเข้าสู่ระดับอาจารย์จิตวิญญาณได้ มิเช่นนั้นจึงคุ้มค่าที่จะลอง


ตามการคาดเดาของหลิ่วหมิง แม้เขามีสามชีพจรจิตวิญญาณ แต่พลังเวทย์ภายในร่างตอนนี้บริสุทธ์เป็นอย่างมาก บวกกับได้ซื้อโอสถที่มีประโยชน์ต่อการทะลวงคอขวดกับบ่อจิตวิญญาณที่อาศัยอยู่ในตอนนี้ และยังมีไอปีศาจบริสุทธิ์อยู่ในมือสามขวด สิ่งนี้ทำให้เขามีโอกกาสทะลวงสำเร็จอย่างน้อยหกถึงเจ็ดส่วนขึ้นไป


และโอกาสสำเร็จที่สูงเช่นนี้ ต่อให้ไม่มีความมั่นใจในการทะลวงอาจารย์จิตวิญญาณได้สำเร็จเท่ากับชีพจรจิตวิญญาณพสุธา แต่มันคงไม่แตกต่างกันมากนัก


สำคัญก็คือ ไอปีศาจบริสุทธิ์พลังน้ำเงินอันดับเจ็ดนี้ เข้ากับการฝึกฝนของเขาเป็นอย่างมาก แม้ว่ามันไม่อาจเทียบได้กับไอปีศาจบริสุทธิ์พลังดาราสวรรค์ในตำนาน แต่มันก็เป็นหนึ่งในไอปีศาจบริสุทธิ์ที่มีชื่อเสียง


ถ้าเขากลั่นมันเข้าไปในพลังต้นกำเนิด ปราณแกร่งที่ควบแน่นออกมาไม่เพียงแต่จะมีพลังป้องกันอันโดนเด่นเท่านั้น แต่ยังมีอานุภาพทางด้านหยิน มันสามารถเพิ่มพลังให้กับวิชาที่สังกัดธาตุเดียวกันได้ไม่น้อย


ยกตัวอย่างเช่น ขั้นสูงสุดของวิชาแท่งวารีที่เขาฝึกฝนคือขั้นสมบูรณ์แบบ แต่ถ้ามีปราณแกร่งที่กลั่นมาจากไอปีศาจบริสุทธิ์พลังน้ำเงินอันดับเจ็ดมาเสริมล่ะก็ อานุภาพของมันก็จะสูงขึ้นอีกขั้น และถ้าเปลี่ยนเป็นพลังปีศาจที่เป็นธาตุหยินเหมือนกันล่ะก็ เดิมทีก็เกือบจะไม่สามารถแสดงเคล็ดวิชาออกมาได้ แต่หลังจากมีปราณแกร่งที่กลั่นมาจากไอปีศาจบริสุทธิ์พลังน้ำเงินอันดับเจ็ดคอยช่วย ก็สามารถแสดงออกมาได้โดยง่าย


ด้วยเหตุนี้ สำหรับหลิ่วหมิงที่จะฝึกฝน ‘วิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬ’ เป็นวิชาหลักในภายหลัง ดูจากบริบทในบางแง่มุมแล้ว ไอปีศาจบริสุทธิ์ชนิดนี้ เหมาะสมกว่า ‘ไอปีศาจบริสุทธิ์พลังดาราสวรรค์’ หลายส่วน


นี่ถึงเป็นสาเหตุที่เขาตอบรับเงื่อนไขของผู้อาวุโสตระกูลไป๋ในทันที หลังจากได้ยินเขาพูดไอปีศาจบริสุทธิ์ชนิดนี้


หลิ่วหมิงคิดเช่นนี้อยู่ในใจ เขามองสิ่งของตรงหน้าด้วยแววตาเร่าร้อน แต่หลังจากสงบจิตสงบใจแล้ว ก็เริ่มหลับตาเข้าฌาน


เขาไม่เหมือนกับเกาชง ที่ตอนแรกเป็นเพราะพลังเวทย์ไม่มั่นคง จึงจำเป็นต้องเก็บตัวปีกว่าๆ ถึงจะสามารถทะลวงเข้าสู่อาจารย์จิตวิญญาณได้


ตอนนี้พลังเวทย์ภายในของหลิ่วหมิงบริสุทธิ์อย่างหาที่เปรียบไม่ได้ เพียงแค่เตรียมตัวอีกเล็กน้อย ก็สามารถกลั่นไอปีศาจเข้าร่าง และควบแน่นพลังต้นกำเนิดตรงจุดตันเถียนจากไอให้เป็นของเหลว จากนั้นก็จะมีปราณแกร่งของตัวเอง และสำเร็จเป็นอาจารย์จิตวิญญาณได้


หลิ่วหมิงคิดเช่นนี้อยู่ในใจ จิตของเขาค่อยๆ สงบเงียบขึ้นมา และสุดท้ายก็เข้าสู่ในระดับที่ลืมสถานะของตนเอง


หนึ่งวันหนึ่งคืนผ่านไป เมื่อเขาลืมตาทั้งคู่ขึ้นมาอีกครั้ง ดวงตาก็สดใสเป็นอย่างมาก ไม่มีแววตาซับซ้อนใดๆ อีก


เขาหยิบโอสถเสริมออกมาทานจำนวนหนึ่ง จากนั้นก็ทำท่ามือด้วยมือทั้งสองเพื่อกระตุ้นพลังต้นกำเนิด


พริบตานั้น ไอสีดำก็พวยพุ่งออกจากร่างกาย หลังจากที่หมุนติ้วๆ แล้ว ก็กลายเป็นหมอกกลมๆ สีดำขนาดใหญ่ ปกคลุมร่างของเขาไว้ในนั้น


เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไอสีดำพุ่งออกจากร่างหลิ่วหมิงอยู่ไม่หยุด ทำให้หมอกกลมๆ ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ไม่นานก็ปกคลุมไปทั่วห้องหิน


ขณะนั้นเองหลิ่วหมิงก็เริ่มร่ายคาถาขึ้นมา


“เพล้ง!” ขวดที่บรรจุไอปีศาจบริสุทธิ์พลังน้ำเงินอันดับเจ็ดใบหนึ่งระเบิดตัวออกมาออกมา จุดแสงสีน้ำเงินจางๆ เปล่งประกายแวววาวออกมา และค่อยๆ จมหายเข้าไปในไอหมอกสีดำ


จากนั้นไอหมอกสีดำก็พวยพุ่งขึ้นมาทันที มีเสียงดังโครมครามมาจากร่างหลิ่วหมิงที่อยู่ข้างใน ตอนแรกเสียงมันก็ไม่ค่อยดังมาก แต่อึดใจเดียวก็ดังขึ้นมาราวกับเสียงฟ้าผ่า


หลิ่วหมิงอยู่ในหมอกกลมๆ ขนาดใหญ่ ดวงตาทั้งคู่ของเขาเปล่งประกายออกมา สิบนิ้วเคลื่อนไหวไม่หยุด เคล็ดวิชาจำนวนมากถูกดีดออกจากระหว่างนิ้ว และค่อยๆ จมเข้าไปในหมอกดำอย่างไร้ร่องรอย


ผลึกแสงสีน้ำเงินที่ดูคล้ายกับกรวดทรายจำนวนมากรวมตัวกันภายในท้องของเขา และค่อยๆ หมุวนอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังมีแสงสีน้ำเงินลอยออกมาอยู่ไม่หยุด จากนั้นค่อยๆ จมหายไปในจุดตันเถียน


พลังแปลกประหลาดส่งผลให้ไอหมอกสีขาวที่อยู่นอกบ้านหิน ค่อยๆ ลอยเข้ามา


ไม่นาน ก็กลายเป็นทะเลหมอกสีขาวจางๆ ล้อมรอบบ้านหินไว้


……………………………………….


ตอนที่ 245 เข้าสู่ระดับอาจารย์จิตวิญญาณ

โดย

Ink Stone_Fantasy

ชั้นบนสุดของหอที่ตั้งอยู่ตรงปากทางเข้าหุบเขา ชายแซ่ถงนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวหนึ่ง เขากำลังจ้องมองกระจกทองเหลืองใบใหญ่ที่แขวนอยู่บนผนัง


ขอบรอบด้านของกระจกทองเหลืองถูกห่อหุ้มด้วยทองแดง พื้นผิวของมันเผยภาพที่ชัดเจนของหมอกสีขาว


มันเป็นภาพบรรยากาศนอกบ้านที่หลิ่วหมิงอยู่


“ไม่คิดว่าจะทำให้เกิดอานุภาพขนาดนี้ ดูท่าศิษย์หลานหลิ่วผู้นี้คงคิดที่จะควบแน่นปราณแกร่งแล้ว ไม่รู้ว่าเขาให้ไอปีศาจบริสุทธิ์ชนิดไหน ถึงได้มีความมั่นใจในความสำเร็จมากถึงเพียงนี้” ชายชุดคลุมสีขาวจ้องมองภาพในกระจกทองเหลืองแล้วพึมพำเบาๆ ด้วยท่าทีที่สนใจเป็นอย่างมาก


เวลาต่อมา ทะเลหมอกก็ค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้น จนผ่านไปได้ครึ่งเดือน ทะเลหมอกเหนือบ้านหินก็มีขนาดใหญ่หลายหมู่ จนปกคลุมพื้นที่เกือบครึ่งหนึ่งของบ่อจิตวิญญาณ


เช้าวันนี้ ทะเลหมอกสีขาวได้พวยพุ่งขึ้นมา และเริ่มรวมตัวกันบริเวณบ้านหิน


พอถึงตอนเที่ยง กลุ่มหมอกรูปทรงกรวยก็บังเกิดขึ้นเหนือบ้านหิน และหมุนวนอย่างบ้าคลั่งก่อนพุ่งลงไปในบ้านหิน


ชายชุดคลุมสีขาวที่มองดูทั้งหมดนี้ผ่านกระจก มีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว และไม่ยอมกระพริบตาเลยสักครั้ง


พอหมอกหนาแน่นสีขาวพุ่งเข้าไปในบ้านหินสองในสามส่วน ก็พลันมีเสียงดังสะเทือนเลือนลั่น


บ้านหินทั้งหลังสั่นไหว หมอกขาวที่เหลือกระจายตัวออก ขณะเดียวกันเส้นสีขาวจำนวนมากก็พุ่งออกจากบ้านหิน และกระจายออกไปรอบด้านก่อนที่จะค่อยๆ ระเบิดออกมา จากนั้นก็กลายเป็นกลุ่มหมอกขาวตลบอบอวลไปทั่ว


“ที่แท้ก็ล้มเหลว! ไม่สามารถควบแน่นพลังต้นกำเนิดให้กลายเป็นของเหลวได้ การควบแน่นไอปีศาจให้กลายเป็นไอนี่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ด้วยคุณสมบัติของข้าในตอนนั้น ต้องลองเป็นครั้งที่สองถึงประสบความสำเร็จ” ชายชุดคลุมสีขาวเห็นเช่นนี้ ก็กล่าวกับตนเองด้วยเสียงที่ค่อนข้างดัง แต่ก็ไม่ได้แสดงความรู้สึกแปลกใจอะไรมากนัก


ศิษย์นิกายปีศาจนั้นมีมากมาย หลายปีมานี้ ผู้ที่ฝึกฝนจนถึงระดับศิษย์จิตวิญญาณขั้นสมบูรณ์แบบก็มีไม่น้อย แต่ผู้ที่เข้าสู่ระดับอาจารย์จิตวิญญาณได้นั้น มีอยู่น้อยมาก ด้วยเหตุนี้พอเขาเห็นการควบแน่นของหลิ่วหมิงล้มเหลว จึงดูเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเขา


ในขณะที่ชายชุดคลุมสีขาวเริ่มพิจารณาว่าหลิ่วหมิงจะออกจากบ้านหินก่อนกำหนดหรือไม่นั้น ฉากที่เขาคาดไม่ถึงพลันปรากฏขึ้นในกระจก


หมอกสีขาวที่ถูกพ่นออกจากบ้านหิน หมุนรวมตัวกันติ้วๆ และค่อยๆ ลอยไปยังบ้านหิน


ไม่นาน ทะเลหมออกก็รวมตัวกันอีกครั้งและเริ่มหมุนวนขึ้นมา


“ควบแน่นสองครั้ง มิน่าศิษย์หลานไป๋ถึงได้เปิดบ่อจิตวิญญาณด้วยความมั่นใจเช่นนี้ ที่แท้ก็เตรียมไอปีศาจบริสุทธิ์ชนิดเดียวกันไว้สองชุดแล้ว เกรงว่าเขาคงเสียหินจิตวิญญาณไปไม่ใช่น้อย”


พอชายชุดคลุมสีขาวเห็นฉากเช่นนี้ ก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย


การเตรียมไอปีศาจบริสุทธิ์สองชุดในหนึ่งครั้ง เพื่อเพิ่มโอกาสการทะลวงให้สูงขึ้นนั้น แม้ว่าจะเป็นวิธีที่มีคนใช้ไม่น้อยในการก้าวเข้าสู่ระดับอาจารย์จิตวิญญาณ แต่คนจำนวนมากก็ยังรู้สึกหวาดผวาอยู่ และมีพลังไม่พอ


แต่สิ่งนี้กลับทำให้ ‘อาจารย์ลุงถง’ อยากรอคอยดูหลิ่วหมิงขึ้นมา


ดังนั้นฉากในตอนเช้าก็เริ่มขึ้นอีกรอบ เพียงแต่ทะเลหมอกที่รวมตัวในครั้งนี้ มีขนาดใหญ่กว่าก่อนหน้านั้นมาก


หนึ่งชั่วยามผ่านไป เมื่อทะเลหมอกที่เหลือระเบิดตัวออกมาอีกครั้ง เส้นสีขาวจำนวนมากก็พุ่งยิงออกไปรอบทิศทาง สิ่งนี้ทำให้ชายชุดคลุมสีขาวรู้สึกเสียดายขึ้นมา


ครั้งนี้ ทะเลหมอกทั้งผืนจมลงไปในบ้านหินเกือบทั้งหมด เหลือไว้เพียงหนึ่งในสิบเท่านั้นที่สลายตัวไป


ด้วยเหตุนี้ ในสายตาของชายชุดขาว ศิษย์หลานหลิ่วผู้นี้ห่างจากความสำเร็จในการควบแน่นเพียงนิดเดียวเท่านั้น เขาย่อมรู้สึกเสียดายเป็นอย่างมาก


แต่ครู่ต่อมา มีเสียงดังหวึ่งๆ บริเวณบ้านหิน ไอหมอกสีขาวที่กระจายออกไปเริ่มพวยพุ่งรวมตัวกันอีกครั้ง ตอนนี้ชายชุดคลุมสีขาวรู้สึกอึ้งขึ้นมาจริงๆ แล้ว


“ควบแน่นสามครั้ง! เป็นไปไม่ได้ เขามีไอปีศาจบริสุทธิ์อยู่ในมือสามชุด! ดูท่าไม่ว่าจะเป็นพลังจิตหรือว่าความแข็งแกร่งของร่างกาย ต่างก็ยังสามารถยืนหยัดต่อไปได้!” อาจารย์ลุงถงผู้นี้เรียกสติกลับมา เขามีสีหน้าเปลี่ยนไปมาเล็กน้อย


แต่พอผ่านไปสองสามชั่วยาม เมื่อทะเลหมอกขนาดใหญ่กว่าครั้งก่อนพวยพุ่งเข้าไปในบ้านหินทั้งหมด โดยไม่มีเหลืออยู่ด้านนอกเลยนั้น พลันมีเสียงแผดยาวของหลิ่วหมิงดังออกจากบ้านหิน ดูเหมือนว่าชั้นจำกัดในหุบเขาก็ไม่อาจต้านทานเสียงนี้ได้


ขณะเดียวกัน ผู้คนกว่าครึ่งหนึ่งในนิกายปีศาจ ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่กำลังเดินทางอยู่ หรือศิษย์ที่กำลังเก็บตัวฝึกฝนอยู่ ต่างก็ได้ยินเสียงแผดร้องของหลิ่วหมิงพร้อมกัน และมองไปยังที่มาของเสียงด้วยความตกใจ


ไม่นาน ลำแสงขนาดใหญ่ก็พุ่งขึ้นจากยอดเขาทั้งสอง มันสูงสามสี่พันจั้ง พื้นผิวภายนอกเป็นแสงสีน้ำเงินสว่างไสว มีผลึกแสงแวววาวอยู่ด้านใน ราวกับดวงดาวบนท้องฟ้า


“ปราณแกร่งโผล่ออกมาแล้ว”


“ควบแน่นปราณแกร่ง”


“มีคนสำเร็จเป็นอาจารย์จิตวิญญาณแล้ว”


ศิษย์นิกายปีศาจจำนวนไม่น้อยที่ได้เห็นฉากนี้ ต่างก็ร้องออกมาด้วยความตกใจ


พอผู้ฝึกฝนระดับสูงในนิกายปีศาจจำนวนหนึ่งเห็นปรากฏการณ์เช่นนี้ ก็แสดงสีหน้าตกตะลึงออกมา และต่างพากันออกจากที่พักของตนเองเพื่อมุ่งหน้ามายังหุบเขา


ผ่านไปไม่นาน เมฆขาวก้อนหนึ่งได้ร่อนลงมา หญิงสาวใบหน้างดงามปรากฏตัวหน้าประตูใหญ่ นางแหงนมองลำแสงสีน้ำเงินที่เปล่งประกายอยู่เหนือยอดเขา ด้วยใบหน้าประหลาดใจที่ปิดไม่มิด


นางคือหลินไฉอวี่แห่งสาขาระบำปีศาจนั่นเอง


ยังไม่ทันที่หญิผู้นี้จะเดินเข้าไปในห้อง ก็พลันมีเสียดังสะเทือนเลือนสั่น และมีคนสองคนขี่เมฆขาวร่อนลงมาบริเวณนั้น


พวกเขาเป็นนักพรตวัยกลางคนกับชายที่มีลักษณะคล้ายบัณฑิต คนหนึ่งคือนักพรตแซ่จางจากสาขายันต์มหาเวทย์ และฉู่ฉีผู้นำสาขาหยินทนทรมาณ


ทั้งสองจ้องมองลำแสงที่อยู่ไกลๆ แล้วก็ต้องแสดงสีหน้าแปลกใจออกมา


“ศิษย์น้องหลิน เจ้ามารวดเร็วเช่นนี้ หรือว่าคนที่ทะลวงอาจารย์จิตวิญญาณคือศิษย์นิกายเจ้า?” ฉู่ฉีถามหลินไฉอวี่ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม


“ถ้าใช่จริงๆ ก็คงจะดี ที่ข้ามาเร็วเพราะว่าก่อนหน้านั้นมาทำธุระอยู่แถวนี้ จึงย่อมมาถึงเป็นคนแรก ข้ากลับสงสัยว่าคนที่อยู่ข้างในใช่ศิษย์ของพวกท่านหรือไม่” หลินไฉอวี่ทำเสียงฮึดฮัดแล้วกล่าวออกมา


“ศิษย์สาขาหยินทนทรมานที่เพิ่งเข้าสู่ขั้นสมบูรณ์แบบมีไม่กี่คน ส่วนมากก็เคยลองทะลวงอาจารย์จิตวิญญาณมากแล้ว ส่วนที่เหลือสองคนยังเก็บตัวสะสมอยู่ ดังนั้นคนที่อยู่ข้างในไม่ใช่ศิษย์สาขาหยินทนทรมาณอย่างแน่นอน” ฉู่ฉีได้ยินก็ส่ายหน้าติดต่อกัน


“ถ้าไม่ใช่ศิษย์ในสาขาของพวกเจ้าทั้งสอง สาขายันต์มหาเวทย์ของเรายิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่ ช่วงนี้สาขาข้าไม่มีศิษย์ขั้นสมบูรณ์แบบปรากฏขึ้นเลย” นักพรตจางถอนหายใจก่อนกล่าวออกมา


ขณะที่ทั้งสามต่างก็มองหน้ากันนั้น อาจารย์จิตวิญญาณคนอื่นๆ ก็ขี่เมฆตามไล่กันมา พวกเขาต่างก็ไม่รู้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ คือศิษย์ผู้ใดที่สามารถควบแน่นปราณแกร่งได้สำเร็จ


หนึ่งในนั้นมีกุยหรูฉวนด้วย


แต่ผู้นำสาขาเก้าทารกผู้นี้ มีสีหน้าประหลาดใจและฉงนสนเท่ห์เป็นอย่างมาก


เขาย่อมรู้ว่าหลิ่วหมิงอยู่ในบ่อจิตวิญญาณ แต่ผู้ที่ทะลวงอาจารย์จิตวิญญาณสำเร็จจะใช่หลิ่วหมิงหรือไม่นั้น เขากลับไม่มีความเชื่อมั่นเลยแม้แต่น้อย


เพราะว่าในสายตาของเขา คุณสมบัติสามชีพจรจิตวิญญาณอย่างหลิ่วหมิง แทบจะตัดสินได้ว่ามีโอกาสเข้าสู่ระดับอาจารย์จิตวิญญาณเป็นศูนย์


แม้ว่ากุยหรูฉวนจะเงียบและไม่ปริปากออกมา แต่สีหน้าแปลกประหลาดของเขา ก็ถูกฉู่ฉีที่เป็นผู้นำสาขาหยินทนทรมาณจับได้อย่างรวดเร็ว และพลันเอ่ยปากถามตรงๆ


“ศิษย์พี่กุย ข้าเห็นท่านยังไม่พูดอะไรออกมาเลย ท่านรู้หรือไม่ว่าศิษย์ที่ทะลวงเขตแดนอาจารย์จิตวิญญาณในบ่อจิตวิญญาณนั้นคือใคร?”


“เรื่องนี้……” กุยหรูฉวนขมวดคิ้ว ขณะที่ไม่รู้ว่าจะตอบกลับไปอย่างไรนั้น ก็มีเสียงดังขึ้น และผู้อาวุโสสวมชุดผ้าป่านก็ขี่เมฆเข้ามา


เขาคือประมุขนิกายปีศาจนั่นเอง


ด้วยเหตุนี้ ฉู่ฉี กุยหรูฉวน และคนอื่นๆ ต่างก็พากันไปคารวะโดยไม่สนใจเรื่องที่กำลังสนทนาอยู่


“เฮ่อๆ! สวรรค์ช่างเมตตานิกายปีศาจของเราจริงๆ ภายในระยะเวลาสั้นๆ แค่สามปีก็มีเกาชงกับหยางเฉียนสำเร็จเป็นอาจารย์จิตวิญญาณก่อน ตอนนี้มีเพิ่มขึ้นมาอีกคน ช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่งนัก ใช่สิ! ศิษย์น้องทั้งหลายรู้หรือไม่ว่า เป็นศิษย์คนใดที่ทะลวงคอขวดสำเร็จ” พอประมุขนิกายปีศาจร่อนลงมาถึง ก็กล่าวด้วยความดีใจ


สำหรับเขาแล้ว มีอาจารย์จิตวิญญาณเพิ่มขึ้นมาอีกคนในช่วงทำศึกสำคัญกับเผ่าเจ้าสมุทรเช่นนี้ มันสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับนิกายได้ส่วนหนึ่ง


“ศิษย์พี่ท่านประมุข พวกเราทั้งหลายต่างก็ยังไม่รู้ว่าเขาเป็นศิษย์สาขาใด” หลินไฉอวี่ยิ้มเจื่อนๆ แล้วกล่าวออกมา


ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็เข้าไปถามศิษย์น้องถงตรงๆ เถอะ ในมือเขามีกระจกส่องฟ้าที่เป็นอาวุธจิตวิญญาณ มันสามารถมองดูความเคลื่อนไหวทั้งหมดในบ่อจิตวิญญาณได้” ประมุขนิกายปีศาจขมวดคิ้วกล่าว


กุยหรูฉวนและคนอื่นๆ กล่าวตอบรับแล้วก็เดินเข้าไปในหอทันที


“ที่แท้ก็เป็นศิษย์พี่ท่านประมุขกับศิษย์พี่ทั้งหลาย ศิษย์น้องเสียมารยาทแล้ว” พอคนทั้งกลุ่มเข้าไปในห้องโถง ชายชุดคลุมสีขาวก็เดินลงมาด้วยรอยยิ้มที่ดูไม่เหมือนกับยิ้ม


“ศิษย์น้องถง เจ้ามาได้พอดีเลย เจ้ารู้หรือไม่ว่าผู้ที่เพิ่งควบแน่นปราณแกร่งได้สำเร็จคือศิษย์สาขาใด? ดูจากปราณแกร่งของเขาที่ปรากฏออกมา มันดูไม่ธรรมดาเลย คงไม่ใช่ศิษย์ทั่วไปหรอกนะ” พอประมุขนิกายปีศาจเห็นชายชุดคลุมสีขาว ก็ถามเสียงต่ำออกไป


“ดูท่าศิษย์พี่ท่านประมุขและคนอื่นๆ จะมาที่นี่เพื่อสอบถามเรื่องนี้ ผู้ที่เพิ่งควบแน่นปราณแกร่งได้สำเร็จคือศิษย์สาขาเก้าทารก ที่มีนามว่าหลิ่วหมิง” ชายชุดคลุมสีขาวยิ้มแล้วกล่าวออกมาโดยไม่ต้องคิด


“เป็นศิษย์หลานหลิ่วจริงๆ หรือ” พอกุยหรูฉวนได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกดีใจมาก สีหน้าเขาเต็มไปด้วยความสับสน และดูเหมือนยังไม่อยากจะเชื่อในเรื่องนี้


“อะไรนะ! เป็นศิษย์สาขาศิษย์พี่กุยที่ชื่อว่า ‘หลิ่วหมิง’ ทำไมถึงรู้สึกคุ้นหูเช่นนี้ หรือว่าจะเป็นศิษย์ที่ศิษย์น้องจงได้ยื่นขอฟื้นคืนสถานะเดิมเมื่อไม่นานมานี้?” ตอนแรกฉู่ฉีรู้สึกตกตะลึง แต่ก็เข้าใจได้ในทันที และยังคงมีสีหน้าประหลาดใจเป็นอย่างมาก


“ที่พวกเจ้าพูดคือ ‘ไป๋ชงเทียน’ คนนั้นใช่ไหม?” ประมุขนิกายศาจฟั่นเคราตนเองด้วยความรู้สึกตกใจเช่นกัน


เพราะเรื่องของเกาชง เขาจึงย่อมสนใจเรื่องของหลิ่วหมิงมาโดยตลอด


อาจารย์จิตวิญญาณคนอื่นๆ ได้ยินเช่นนี้ ต่างก็มีสีหน้าที่แตกต่างกันออกไป


“ศิษย์พี่ท่านประมุขกล่าวได้ไม่มีผิด! เป็นศิษย์หลานหลิ่วผู้นี้จริงๆ แต่ตอนนี้เขาเพิ่งจะทะลวงคอขวดได้สำเร็จ ยังต้องใช้เวลากว่าครึ่งปีเพื่อทำให้เขตแดนนี้มั่นคง ตามประเพณีของนิกายเรา ผู้ที่ทะลวงระดับของเหลวได้ ต่างก็มีสิทธิ์ใช้บ่อจิตวิญญาณเป็นเวลาหนึ่งปีโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ เกรงว่าในระยะเวลาสั้นนี้ๆ เขาคงยังไม่ออกมา” ชายชุดคลุมสีขาวกระพริบตาแล้วกล่าวออกมา


……………………………………….

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)