ยอดหญิงสกุลเสิ่น 241.1-241.2

ตอนที่ 241-1 คืนนี้ คืนนี้ทำไมหรือ

 

เมื่ออู๋ซื่อส่งเสิ่นเวยกับหมอหลิวไปแล้ว ซือหนงกับซืออวี่ก็เพิ่งจะนำหมอหลวงเข้ามาอย่างรวดเร็ว “ซื่อจื่อฮูหยิน” เขาปาดเหงื่อบนหน้าทำความเคารพ


 


 


หมอหลวงแซ่หันผู้นี้ หมอหลวงหันเดิมเป็นหมอหลวงที่ฝ่าบาทเห็นใจสวีโย่วส่งมาที่จวนจิ้นอ๋อง อยู่มาสิบกว่าปีเช่นนี้ จึงกลายเป็นหมอหลวงประจำจวนจิ้นอ๋องไปแล้ว แม้ว่าภายหลังสุขภาพของสวีโย่วจะดีขึ้นแล้ว แต่ฝ่าบาทก็ยังคงลืมตาข้างหนึ่งปิดตาข้างหนึ่งไม่ได้เรียกหมอหลวงหันกลับไป ไม่ว่าอย่างไรท่านจิ้นอ๋องก็เป็นน้องชายแท้ๆ ของเขา


 


 


คราวนี้ฮูหยินสามหูซื่อตั้งครรภ์ สภาพครรภ์ไม่ดีมากเป็นพิเศษ สามวันห้าวันก็แพ้ท้อง จิ้นอ๋องไม่เพียงแต่ขอหมอหลวงหวังที่เชี่ยวชาญด้านนรีเวชจากในวังมาหนึ่งคน พระชายาจิ้นอ๋องก็ยังคงไม่วางใจ จึงส่งหมอหลวงหันผู้นี้เข้าไปด้วย


 


 


สายตาของอู๋ซื่อเย็นเยียบลงในชั่วพริบตา “หมอหลวงหันมาเสียที” เมื่อเห็นรอยแดงบนหน้าผากของสาวใช้ใหญ่สองคน สายตาของนางก็ยิ่งเย็นยะเยือก หูซื่อสมควรตาย ไม่ใช่อาศัยการตั้งครรภ์หรอกหรือ ไม่เห็นซื่อจื่อฮูหยินเช่นนางอยู่ในสายตาแบบนี้ น่ารังเกียจ น่ารังเกียจ! ไฟโกรธหนึ่งกลุ่มของนางแทบจะพุ่งออกมาแล้ว


 


 


หมอหลวงหันร้องทุกข์ในใจเงียบๆ “เป็นความผิดของบ่าวเองขอรับ”


 


 


วันนี้ฮูหยินสามแพ้ครรภ์จริง ตอนที่สาวใช้ข้างกายซื่อจื่อฮูหยินไปเชิญเขาก็อยากมา แต่จนใจฮูหยินสามยืนกรานไม่ยอมปล่อยคน ซ้ำยังอ้างพระชายาขึ้นมา แม้จะบอกว่าเขาเป็นหมอหลวงของสำนักหมอหลวง แต่ท้ายที่สุดก็เป็นเพียงแค่บ่าว คำสั่งของนายไม่ฟังไม่ได้!


 


 


ลากไปลากมาเช่นนี้ กระทั่งสถานการณ์ของฮูหยินสามสงบลงเขาจึงสามารถปลีกตัวเข้ามาได้ เผชิญหน้ากับไฟโกรธของซื่อจื่อฮูหยินเขาเองก็ทำได้เพียงพยายามทนรับ


 


 


โชคดีที่อูซื่อยังไม่เสียสติ รู้ว่าตนกำลังจะพาลโมโห จึงสูดหายใจเข้าแล้วกล่าว “ก่อนหน้านี้เชิญหมอหลวงข้างกายพี่สะใภ้ใหญ่มาตรวจแล้ว หมอหลวงหันมาแล้วก็ตรวจอีกรอบเถิด”


 


 


หมอหลวงหันได้ยินดังนั้นก็ราวกับถูกยกภูเขาออกจากอก กล่าว “ฝีมือการรักษาของหมอหลิวไม่ด้อยกว่าผู้น้อย มีเขาออกมือจักต้องรักษาได้ทันท่วงทีแน่นอน” ในใจก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก หากคุณหนูใหญ่เป็นอะไรไปจริงๆ แม้จะไม่เกี่ยวกับตน เกรงว่าตนเองก็คงจะหนีไม่พ้นโทษนี้ หมอหลิวช่วยชีวิตเขาไว้


 


 


ไม่ว่าหมอหลวงจะตรวจอาการเช่นไร อย่างไรเสียเขาก็ชื่นชมหมอหลิวยกใหญ่ ไฟโกรธในใจอู๋ซื่อก็ลดลงไปมากกว่าครึ่ง


 


 


ส่วนฮูหยินสามหูซื่อฝั่งนี้ นางพิงหัวเตียง สีหน้าขาวซีด ลูบท้องของตนเป็นพักๆ สาวใช้เฝ่ยชุ่ยยกแกงไก่หนึ่งชามเข้ามา “ฮูหยิน ท่านทานเสียหน่อยเจ้าค่ะ”


 


 


แววตาหูซื่อปรากฏความสะอิดสะเอียน หน้านิ่ว “ยกออกไป ข้าไม่อยากอาหาร” ได้กลิ่นก็อยากอาเจียน จะทานลงได้อย่างไร


 


 


เฝ่ยชุ่ยจนใจอย่างยิ่ง โน้มน้าว “ฮูหยิน ท่านอดทนทานหน่อยเถิดเจ้าค่ะ คิดเสียว่าทำเพื่อคุณชายน้อยในท้อง”


 


 


อิงเกอเองก็เกลี้ยกล่อม “ใช่แล้วเจ้าค่ะฮูยิน ในแกงไก่ชามนี้มีสมุนไพรล้ำค่าหลายชนิด หมอหลวงหวังบอกแล้วว่าเป็นประโยชน์ต่อท่านและคุณชายน้อย ท่านดื่มสักหน่อยเถิด บ่าวเตรียมผลไม้เชื่อมไว้ให้ท่านแล้ว”


 


 


โน้มน้าวอยู่นาน หูซื่อจึงบีบจมูกทานไปได้ไม่ถึงครึ่งก็ไม่ยอมทานต่อแล้ว ในปากนางอมผลไม้เชื่อมปิดตานอนพิงอยู่ตรงนั้น ในกระเพาะอาหารปั่นป่วนอย่างยิ่งราวกับคลื่นโหมกระหน่ำ ทำให้คิ้วของนางขมวดมุ่นยิ่งขึ้น


 


 


เฝ่ยชุ่ยกับอิงเกอสบตากันปราดหนึ่ง ไม่กล้าโน้มน้าวอีก หากทำให้ฮูหยินโมโห คนที่ซวยก็จะเป็นพวกนาง เฝ่ยชุ่ยส่งชามให้สาวใช้ชั้นสองข้างๆ บอกเป็นนัยให้นางยกออกไป ในห้องไม่มีกลิ่นที่ทำให้คนอยากอาเจียนแล้ว คิ้วที่ขมวดมุ่นของหูซื่อจึงคลายลงเล็กน้อย


 


 


“ต้องทรมานเช่นนี้ไปถึงเมื่อไร!” หูซื่อลืมตามองท้องที่ยังไม่ป่องกลุ้มใจเป็นอย่างยิ่ง คนอื่นตั้งครรภ์ล้วนแต่ปลอดภัยราบรื่น มีเพียงนาง ระวังแล้วระวังอีก ก็ยังตกเลือดแพ้ท้องอยู่บ่อยครั้ง ตนลำบากยังไม่เท่าไร นางกังวลจริงๆ ว่าจะทนได้ไม่ถึงสิบเดือนนี้


 


 


เฝ่ยชุ่ยกับอิงเกอสบตากันปราดหนึ่ง ฮูหยินกังวล พวกนางที่เป็นบ่าวก็ยิ่งกังวลไปด้วย ตั้งแต่ฮูหยินตั้งครรภ์ นางสองคนก็ระมัดระวังตลอดเวลา กลัวว่าจะประมาทจุดใดไป


 


 


“ฮูหยินวางใจ ท่านไม่ได้ยินหมอหลวงหวังบอกหรือ มีสตรีไม่น้อยตั้งครรภ์เช่นนี้ สามเดือนแรกมักจะทรมานเล็กน้อย ผ่านสามเดือนแรกไปก็จะค่อยๆ ดีขึ้น”เฝ่ยชุ่ยปลอบขวัญเสียงเบา


 


 


อิงเกอเองก็กล่าว “พี่เฝ่ยชุ่ยพูดถูก อย่างแม่ของบ่าวเอง ตอนที่ตั้งท้องน้องชายคนเล็กผู้นั้นของบ่าวสามเดือนแรกก็ทรมานต่างๆ นานาเช่นกัน กินอะไรก็อาเจียนออกมาเป็นสิ่งนั้น แม้แต่ดื่มน้ำยังอาเจียนออกมาได้ แต่สามเดือนผ่านไป ก็เปลี่ยนเป็นคนละคน กินได้ทุกอย่าง ซ้ำความอยากอาหารยังดีอย่างยิ่ง หนึ่งวันกินห้าหกมื้อ น้องชายคนเล็กผู้นั้นของบ่าวคลอดออกมาแล้วตัวข้าวอ้วนพี ทำให้คนรักและเอ็นดูยิ่งนัก”


 


 


เม้มปากแล้วจึงกล่าวต่อ “มิหนำซ้ำบ่าวยังได้ยินคนแก่คนเฒ่าบอกว่า ยิ่งเป็นเด็กที่ทรมานอยู่ในท้องแม่คลอดออกมาก็จะยิ่งฉลาด ยิ่งมีอนาคต ในภายหน้าคุณชายน้อยของพวกเราจะต้องมีความสามารถแน่นอน” นางประจบหูซื่อเล็กน้อย


 


 


ถูกสาวใช้สองคนยกยอปอปั้นเช่นนี้ สีหน้าของหูซื่อก็ดียิ่งขึ้น ลูบท้องกล่าว “ข้าน่ะ ไม่หวังให้เขามีความสามารถล้นฟ้า ใช้ชีวิตสงบสุขได้ก็พอแล้ว” ทว่าในใจกับภูมิใจอย่างถึงที่สุด


 


 


“หมอหลวงหวังกับหมอหลวงหันเล่า สองคนนี้พวกเจ้าต้องรับใช้ให้ดี ครรภ์นี้ของข้ายังต้องพึ่งพวกเขา” จู่ๆ หูซื่อก็กล่าว


 


 


เฝ่ยชุ่ยกับอิงเกอพยักหน้าไม่หยุด “ฮูหยินวางใจเถิดเจ้าค่ะ หลักการแค่นี้บ่าวจะยังไม่เข้าใจได้อย่างไร” เฝ่ยชุ่ยคล้ายนึกอะไรขึ้นมาได้ คิ้วขมวดมุ่น กล่าวอย่างกระวนกระวายเล็กน้อย “ฮูหยิน ซื่อจื่อฮูหยินจะติโทษหรือไม่”


 


 


ใบหน้าของหูซื่อดำดิ่งลงในชั่วขณะ แค่นเสียงหนึ่งครากล่าว “ติโทษหรือ นางติโทษใครได้ ไม่ใช่ว่าข้าอยากแพ้ท้องเสียหน่อย นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอกหรือ หมอหลวงหวังกับหมอหลวงหันก็เป็นคนที่พระชายาส่งมาให้ช่วยข้าบำรุงครรภ์เอง ไม่ว่านางจะติโทษใครก็ไม่อาจลากมาถึงข้าได้”


 


 


“อย่างไรเสียคุณหนูใหญ่ก็ป่วย ซื่อจื่อฮูหยินยากจะเลี่ยงไม่ให้ร้อนใจ บ่าวกลัวซื่อจื่อฮูหยินจะพาลโมโหมาถึงพวกเรา” เฝ่ยชุ่ยยังคงกังวลอย่างยิ่ง ตอนที่ซือหนงเข้ามาเชิญนางก็คิดว่ามีหมอหลวงหวังคนเดียวก็พอแล้ว ให้หมอหลวงหันไปดูเสียหน่อย แต่ฮูหยินไม่อนุญาต ยืนกรานจะให้หมอหลวงสองคนรับใช้เบื้องหน้าให้ได้ นางผู้เป็นบ่าวจะทำอะไรได้


 


 


“บ่าวเองก็เป็นห่วงว่าซือหนงกับซืออวี่จะกลับไปพูดใส่สีตีความ ซื่อจื่อฮูหยินโมโหพวกเราแล้ว หากท่านซื่อจื่อกับนายท่านของพวกเราเกิดความบาดหมางขึ้นมาอีกจะไม่ดีนัก” เฝ่ยชุ่ยพูดความกังวลใจของนางออกมา ซือหนงกับซืออวี่นั้นเป็นสาวใช้ใหญ่ที่มีหน้ามีตาที่สุดข้างกายซื่อจื่อฮูหยิน ทั้งสองคนคุกเข่าโขกศีรษะลงตรงหน้าฮูหยิน ฮูหยินยังไม่อนุญาตให้หมอหลวงหันไป นี่ไม่ใช่เป็นการตบหน้าซื่อจื่อฮูหยินหรือ


 


 


ตอนนี้ฮูหยินตั้งครรภ์ พระชายาก็ให้ความสำคัญแก่ฮูหยินสามส่วน แต่จวนอ๋องแห่งนี้อย่างไรเสียก็เป็นของท่านซื่อจื่อกับซื่อจื่อฮูหยิน! ตอนนี้ซื่อจื่อฮูหยินกล้ำกลืนความโกรธนี้ แต่หลังจากนี้เล่า เฝ่ยชุ่ยไม่กล้าคิดต่อแล้ว แม้แต่อิงเกอเองก็มีสีหน้าไม่สบายใจทั้งใบหน้า สามารถอยู่ในตำแหน่งสาวใช้ใหญ่ข้างกายนายท่านได้ เรื่องเช่นการรอโอกาสล้างแค้นจะยังไม่เข้าใจได้อย่างไร


 


 


มีเพียงหูซื่อที่ไม่สนใจ “ตัวข้าฮูหยินให้พวกนางคุกเข่าหรือ ไม่ใช่พวกนางคุกเข่าเองหรือ คิดจะใช้เรื่องนี้มาข่มขู่ข้างั้นหรือ เหอะ ฝันไปเถอะ! เม่าเอ๋อร์เด็กตัวเล็กๆ ข้างกายก็มีบ่าวเจ็ดแปดคนรับใช้ จะเป็นโรคร้ายแรงอะไรได้ ไหนเลยจะรอหน่อยไม่ได้ ก็แค่เด็กผู้หญิง มีค่าอะไร รอข้าคลอดทารกในท้องออกมาก่อนเถอะ หึ!”


 


 


ซื่อจื่อฮูหยินแล้วอย่างไร ยังไม่มีบุตรอนุภรรยาเอกเลยมิใช่หรือ พี่สะใภ้รองตัวดีผู้นั้นของนางก็มีนิสัยโหดร้าย แม้จะไม่มีอี๋เหนียงเลยสักคนเดียว แต่สาวใช้อนุภรรยากลับมีสี่คน ก็ยังไม่มีบุตรเลยสักคนมิใช่หรือ คงจะไม่มีดวงมีบุตร ขอเพียงแค่นางคลอดบุตรได้สำเร็จ ภายหลังจวนจิ้นอ๋องแห่งนี้ก็ยังไม่แน่ว่าจะเป็นของใคร


 


 


เฝ่ยชุ่ยกับอิงเกอสบตากันปราดหนึ่ง ความกังวลในแววตาก็ยิ่งมาก ฮูหยินเดินเข้าไปในทางตันออกมาไม่ได้แล้ว ต่อให้ท่านซื่อจื่อจะไม่มีบุตร ก็ไม่ใช่ว่ายังรับลูกบุญธรรมได้หรือ ในจวนก็ยังมีคุณชายห้า พี่น้องมารดาเดียวกันกับท่านซื่อจื่อนอกจากคุณชายสามของพวกนางแล้ว ก็ยังมีคุณชายสี่อยู่ มิหนำซ้ำคนที่พระชายารักที่สุดก็คือคุณชายสี่!


 


 


แต่เห็นสีหน้าของฮูหยิน เฝ่ยชุ่ยกับอิงเกอก็ไม่กล้าโน้มน้าวต่อ


 


 


หูซื่อพอใจแล้ว อู๋ซื่อโกรธจนแทบจะกัดฟันแตกแล้ว ตีหมาก็ต้องดูเจ้าของด้วย ซือหนงซืออวี่สาวใช้ใหญ่ข้างกายนาง ต่อให้อยู่ต่อหน้าพระชายาก็ยังต้องไว้หน้านางสามส่วน ทว่าหูซื่อกลับเหยียดหยามพวกนางเช่นนี้ นี่ไหนเลยจะเหยียดหยามสาวใช้ ชัดเจนว่าไม่เห็นพี่สะใภ้ผู้นี้อยู่ในสายตาต่างหาก ยังไม่ทันไรก็ไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเช่นนี้แล้ว หากปล่อยให้นางคลอดหลานชายภรรยาเอกคนโตในจวนจริงๆ เช่นนั้นจะยังมีที่ให้นางยืนอีกหรือ


 


 


ดวงตาของอู๋ซื่อมีปประกายโหดเ**้ยมแวบผ่าน กำชับสาวใช้ “ไปดูสิว่าแม่นมอู๋กลับมาแล้วหรือยัง” นางต้องปรึกษาหารือกับแม่นมอู๋ให้ดีจึงจะถูก


 


 


อู๋ซื่อโมโหหูซื่อหนึ่งรอบ อดเคียดแค้นแม่สามีขึ้นมาด้วยไม่ได้ นางแต่งเข้ามาก็หลายปีแล้ว แม้ว่าแม่สามีจะบอกว่ามอบอำนาจดูแลบ้านส่วนหนึ่งให้นาง เริ่มแรกนางยังซาบซึ้งอย่างยิ่ง ใครจะรู้เมื่อเริ่มดูแลจึงได้รู้ จวนจิ้นอ๋องแห่งนี้ถูกแม่สามีควบคุมประหนึ่งถังเหล็กมานานแล้ว ทั่วทุกแห่งล้วนเป็นคนของนาง ตนจะทำอะไรก็ทำไมได้อย่างสิ้นเชิง ได้ชื่อว่าดูแลบ้านเพียงแค่ในนาม


 


 


นางไม่เชื่อว่าการเคลื่อนไหวที่ใหญ่เพียงนี้แม่สามีจะไม่รู้ ในเมื่อรู้แล้วแต่กลับเพิกเฉย นี่ก็หมายความว่าไม่ได้สนใจเม่าเอ๋อร์หลานสาวคนนี้เลย เมื่อคิดถึงตรงนี้นางก็เกลียดแค้นทั้งจิตทั้งใจ รู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมแทนลูกสาว ไม่ได้รับความเป็นธรรมแทนตนเอง


 


 


เหมือนอย่างที่อู๋ซื่อคิด พระชายาจิ้นอ๋องรู้จริงๆ ว่าเรือนสะใภ้ทั้งสองเกิดเรื่องนี้ขึ้น แม้กระทั่งอู๋ซื่อไปเชิญหมอจากเรือนเสิ่นซื่อมาก็รู้ สีหน้าของนางก็ยิ่งดูไม่ดี


 


 


อู๋ซื่อผู้นี้ เมื่อก่อนเห็นนางประพฤติตนหนักแน่นอย่างยิ่ง เหตุใดถึงใจร้อนเช่นนี้เล่า” พระชายาจิ้นอ๋องกล่าวอย่างไม่พอใจ


 


 


แม่นมซือรีบเกลี้ยกล่อม “ซื่อจื่อฮูหยินเองก็เป็นห่วงคุณหนูใหญ่ ชั่วขณะสะเพร่าไปก็เป็นธรรมดา”


 


 


ทว่าพระชายาจิ้นอ๋องยังคงปั้นหน้านิ่ง “รู้อยู่แก่ใจว่าน้องสะใภ้แพ้ท้องนางไม่เอ่ยปากช่วยเหลือสักแรง แต่กลับยังเพิ่มปัญหา เม่าเอ๋อร์จะเป็นอะไรไปได้ ไม่ว่าอย่างไรก็รอสักหน่อยมิได้หรือ เรื่องแค่นี้ก็ลนลาน จะให้ข้าวางใจมอบจวนอ๋องไว้ในมือนางได้อย่างไร”


 


 


ไม่เคยคิดเลยว่านางที่เป็นแม่สามียังไม่ไปช่วย แล้วเหตุใดจะต้องให้อู๋ซื่อที่เป็นพี่สะใภ้ไปช่วย ยิ่งไปกว่านั้นบุตรสาวนางยังป่วย นี่ไม่ใช่แบบอย่างของการเคร่งครัดต่อผู้อื่น โอบอ้อมอารีต่อตนเองหรือ


 


 


แม่นมซือรู้ว่าพระชายาพะว้าพะวงใจที่ซื่อจื่อฮูหยินไม่มีบุตรชายภรรยาเอกให้นางมาโดยตลอด แม้แต่หลานสาวสองคนก็ไม่ชอบ ปกติแล้วก็พบหน้าพวกนางน้อยอย่างถึงที่สุด ต่อให้พบก็เย็นชาใส่


 


 


แม้นางจะคิดว่าพระชายาเย็นชาต่อซื่อจื่อฮูหยินเช่นนี้ไม่ดีนัก แต่ก็ทำได้เพียงโน้มน้าวอย่างนิ่มนวล อย่างไรเสียต่อให้นางมีหน้ามีตาก็เป็นเพียงคนใช้ พระชายาต้องมีสักวันที่ไม่อยู่ ท้ายที่สุดจวนจิ้นอ๋องก็ยังต้องตกเป็นของซื่อจื่อฮูหยิน นางทำตัวดีไว้ก่อน ภายหลังซื่อจื่อฮูหยินเห็นแก่การวางตัวของนางจะได้ปฏิบัติต่อนางอย่างดี!

 

 

 


ตอนที่ 241-2 คืนนี้ คืนนี้ทำไมหรือ

 

นึกถึงตรงนี้แม่นมซือก็โน้มน้าวต่อ “ซื่อจื่อฮูหยินอายุยังน้อย พระชายาท่านสั่งสอนอีกสักสองปีก็ได้แล้ว ไม่เห็นแก่หน้าภิกษุก็ควรเห็นแก่หน้าพระพุทธรูปมิใช่หรือ หมายความว่าเห็นแก่หน้าท่านซื่อจื่อท่านก็ต้องให้เกียรตินางหลายส่วนด้วยมิใช่หรือ อย่างไรเสียเม่าเอ๋อร์ก็เป็นบุตรสาวคนโตของท่านซื่อจื่อ หากท่านไม่แสดงท่าที ท่านซื่อจื่อจะไม่เสียใจหรือ”


 


 


พระชายาจิ้นอ๋องกลอกตา “พอแล้วๆ คนแก่เช่นเจ้าใจอ่อน หากนางมีหลานชายภรรยาเอกให้ข้าได้ ข้าจะไม่ยกยอนางไปเสียทุกเรื่องหรอกหรือ ต้องโทษที่นางเองไม่มีความสามารถ”


 


 


แม้ปากพระชายาจิ้นอ๋องจะพร่ำบ่น แต่อย่างไรเสียก็ยังคงส่งคนไปดูเม่าเอ๋อร์ ซ้ำยังส่งของบำรุงจำนวนหนึ่งและของเล่นที่งามประณีตหลายชิ้นไปให้อีกด้วย


 


 


ตอนที่ของส่งมาถึงอู๋ซื่อกำลังพูดคุยอยู่กับแม่นมอู๋ แม่นมอู๋คือแม่นมที่อู๋ซื่อพามาจากบ้านฝั่งมารดา เดิมทีรับใช้อยู่ข้างกายมารดาของอู๋ซื่อ อู๋ซื่อแต่งเข้าจวนจิ้นอ๋อง มารดาตระกูลอู๋ไม่วางใจ จึงส่งแม่นมที่เชื่อถือได้ที่สุดข้างกายตนมาช่วยเหลือลูกสาว สองวันมานี้หลานสาวคนเล็กของแม่นมอู๋ไม่ค่อยดี แม่นมอู๋จึงลากลับบ้านไปดูหลานสาว ใครจะรู้เมื่อนางไปในเรือนก็เกิดเรื่อง


 


 


อู๋ซื่อเล่าเรื่องหนึ่งรอบ แม่นมอู๋โมโหอย่างยิ่ง “กลั่นแกล้งกันเกินไปแล้ว! ฮูหยินวางแผนอย่างไร”


 


 


ดวงตาอู๋ซื่อกะพริบวาบ ผ้าเช็ดหน้าในมือกำแน่น กล่าว “แม่นม ข้าไม่ยอม เม่าเอ๋อร์ซินเอ๋อร์ของข้ามีคนรักและเอ็นดูมากนัก เหตุใดถึงไม่เข้าตานางเล่า ท่านซื่อจื่อยังไม่ได้พูดอะไรนางกลับเมินเฉยแล้ว เนื้อก้อนนั้นในท้องหูซื่อยังไม่รู้เลยว่าเป็นตัวอะไร เหตุใดถึงสำคัญกว่าเม่าเอ๋อร์ของข้าแล้วเล่า แม่นมเจ้าไม่เห็น วันนี้เม่าเอ๋อร์ตกอยู่ในอันตรายอย่างยิ่ง เกือบจะ เกือบจะหมดลมหายใจแล้ว หากไม่ใช่ไปเชิญหมอหลิวมาจากเรือนพี่สะใภ้ใหญ่ เม่าเอ๋อร์ของข้าคงจะรักษาไม่ทันการณ์”


 


 


ขณะที่พูด น้ำตาของอู๋ซื่อก็ร่วงลงมา ลูกเป็นแก้วตาดวงใจของนาง หากเม่าเอ๋อร์เป็นอะไรไป ไม่ใช่เป็นการพรากหัวใจของนางไปหรือ “ในเมื่อนางกำเริบเสิบสานเพียงนี้ เช่นนั้นก็อย่าคลอดเลยเสียดีกว่า” แววตาอู๋ซื่อคล้าเคลือบยาพิษไว้


 


 


แม่นมอู๋เข้าใจเจตนาของอู๋ซื่อทันที กำลังจะพูดอะไร ข้างนอกหวาเยียนที่พระชายาจิ้นอ๋องส่งมาเยี่ยมเม่าเอ๋อร์ก็มาถึงแล้ว ทั้งสองมองกันปราดหนึ่ง อู๋ซื่อส่งเสียงให้คนเข้ามา


 


 


หวาเยียนพูดทำนองว่าพระชายาเป็นห่วงคุณหนูใหญ่มากต่างๆ นานาหลายประโยค วางของลงจากนั้นก็ขอตัวออกไป


 


 


อู๋ซื่อมองของที่แม่สามีสั่งคนส่งเข้ามาก็ยิ่งโมโห อยากจะโยนของเหล่านี้ออกไปให้หมด “แม่นม เจ้าเห็นแล้วหรือยัง ใช้ของแค่นี้มาไล่ข้า ข้าจะเป็นซื่อจื่อฮูหยินไปทำไมอีก” นางโกรธจนหน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรวดเร็ว


 


 


แม่นมอู๋กลัวว่านางจะโกรธจนเป็นอะไรไป รีบทำให้นางใจเย็นลง “ฮูหยินรีบสงบอารมณ์ ไม่ควรค่าให้ความโกรธทำลายสุขภาพตน” หยุดครู่หนึ่งจึงกล่าว “เจตนาของฮูหยินบ่าวเข้าใจเจ้าค่ะ เพียงแต่ฮูหยินฟังบ่าวพูดสักประโยค รอก่อน!”


 


 


“รองั้นหรือ” สีหน้าอู๋ซื่อคล้ายครุ่นคิด “แม่นมหมายความว่า?”


 


 


แม่นมอู๋พยักหน้า กล่าวเสียงเบา “บ่าวว่าฮูหยินสามตั้งครรภ์นี้ไม่ค่อยปกตินัก แม้จะบอกว่าฮูหยินเองก็ทรมานในช่วงสามเดือนแรก แต่ก็ไม่ได้ทรมานเหมือนนางเช่นนี้ แพ้ท้องอยู่บ่อยครั้ง นี่ผิดปกติ! บ่าวคิดว่าครรภ์นี้น่าจะไม่รอด ฮูหยินท่านรอดูเถิด ใยจะต้องให้มือตัวเองสกปรกด้วยเล่า”


 


 


“จะไม่รอดจริงๆ หรือ” อู๋ซื่อถามเพื่อความมั่นใจอีกครั้ง


 


 


แม่นมอู๋พยักหน้าอย่างหนักแน่น “บ่าวเองก็ใช้ชีวิตมาเกินครึ่งแล้ว สตรีมีครรภ์แบบใดบ้างที่ไม่เคยเห็น ฮูหยินสามเป็นเช่นนี้แน่นอนว่าผิดปกติ”


 


 


“เช่นนั้นก็ดี” อู๋ซื่อถอนหายใจยาวออกมาหนึ่งครา “ข้าจะได้วางใจเสียที ปล่อยให้นางกำเริบเสิบสานไปเถิด ข้าจะคอยดูว่านางจะมีจุดจบที่ดีอะไรได้” เบื้องลึกในจิตใจอู๋ซื่อสบายอารมณ์ขึ้นมาก


 


 


ดวงตาแม่นมอู๋กะพริบวาบ กล่าวต่อ “ฮูหยิน เรื่องสำคัญที่ต้องรีบจัดการยังคงเป็นการมีบุตรภรรยาเอกโดยเร็วเท่านั้น อีกชั่วพริบตาแม้แต่คุณชายสี่ก็จะแต่งงานแล้ว”


 


 


อู๋ซื่อใบหน้าขื่นขม กล่าวบ่น “แม่นม ข้าไม่อยากมีบุตรภรรยาเอกให้ท่านซื่อจื่อหรือไร ยาน้ำรสขมนั้นดื่มไปกี่ขวดแล้วก็ไม่รู้ แต่ท้องข้าก็ยังไม่เอาไหน”


 


 


แม่นมอู๋ไหนเลยจะไม่เข้าใจ ความไม่เป็นธรรมทั้งหมดที่ซื่อจื่อฮูหยินได้รับนางล้วนเห็นอยู่ในสายตา นางคิดแล้วคิดอีกจึงกล่าว “บ่าวไปให้คนไต่ถามมาแล้ว บอกว่าสามสิบลี้ทางตอนเหนือนอกเมืองมีสำนักชีอยู่หนึ่งแห่ง สองปีก่อนมีแม่ชีเฒ่าผู้หนึ่งมา ค่อนข้างมีฝีมือ โดยเฉพาะในด้านการมีบุตรของสตรีได้ผลอย่างถึงที่สุด รอให้ผ่านไปอีกสักพักแล้วบ่าวจะไปขอแทนฮูหยิน”


 


 


“จะได้หรือ” อู๋ซื่อดีใจก่อน หลังจากนั้นจึงเผยสีหน้าลังเล สองปีมานี้นางไม่เพียงแต่ใช้ตำรายาสมุนไพรไม่น้อย เรื่องไหว้พระขอพรก็ทำมาไม่น้อยแต่ความปรารถนาก็ยังไม่เป็นจริงมิใช่หรือ


 


 


“ฮูหยินวางใจ คราวนี้ไม่พลาดแน่นอน เรื่องนี้บ่าวไปไต่ถามมาจากพี่น้องที่คบหากันมานานหลายปีผู้หนึ่ง นางยังพาบ่าวไปดูสตรีที่ตั้งครรภ์ผู้นั้นกับตา เป็นเรื่องจริงเจ้าค่ะ” แม่นมอู๋กล่าวสาบานอย่างจริงใจ จึงทำให้เบื้องลึกในใจอู๋ซื่อเกิดความหวังขึ้นมา “เช่นนั้นก็ลำบากแม่นมแล้ว หากข้าตั้งครรภ์สำเร็จ แม่นมจะเป็นผู้สร้างคุณูปการอันดับหนึ่ง”


 


 


แม่นมอู๋โบกมือ “ผู้สร้างคุณูปการอะไรกัน ฮูหยินท่านเป็นคนที่บ่าวเห็นมาตั้งแต่เล็กจนโต บ่าวอยากเห็นท่านได้ดี” หยุดครู่หนึ่งจึงกล่าวต่อ “ข้างกายท่านซื่อจื่อท่านเองก็ควรเพิ่มอีกสักคนหนึ่ง บ่าวคิดว่าซือหนงไม่เลว นางเป็นสาวใช้ที่ตามออกเรือน สัญญาขายตัวเป็นทาสทั้งตระกูลอยู่ในมือท่าน ไม่อาจสร้างอุบายอะไรได้ พวกเราลงมือสองฝ่าย หากท่านมีบุตรได้สำเร็จก็ไม่เป็นไร หากไม่ได้ ไม่ใช่ยังมีซือหนงอยู่หรือ ถึงตอนนั้นท่านก็อุ้มเด็กมาเลี้ยงตรงหน้า ต่างอะไรจากบุตรภรรยาเอกเล่า” แม่นมอู๋ถือโอกาสโน้มน้าว


 


 


คราวนี้อู๋ซื่อไม่โต้แย้งเหมืนเมื่อก่อนแล้ว วันนี้ถูกกระตุ้นจริงๆ ทำให้นางเข้าใจ หากไม่มีลูกชาย ตำแหน่งซื่อจื่อฮูหยินของนางก็ไม่มั่นคง แม้แต่บุตรสาวสองคนของนางก็จะได้รับความไม่เป็นธรรมไปด้วย


 


 


“ได้ เช่นนั้นก็จัดการตามที่แม่นมว่าเถิด” อู๋ซื่อกัดฟันพยักหน้า


 


 


ตกดึก อู๋ซื่อก็บีบน้ำตาต่อหน้าสามีสวีเยี่ยอีกครั้ง “ท่านซื่อจื่อ ไม่ใช่ว่าข้าความอดทนต่ำ อันที่จริงแล้ว…” นางสะอื้นพูดไม่ออก เช็ดหางตาแล้วกล่าวต่อ “ท่านไม่เห็นสภาพเม่าเอ๋อร์ของเรา ข้าตกใจจนแทบหมดสติ หากไม่ใช่หมอหลิวที่มีฝีมือสูงในเรือนพี่สะใภ้ใหญ่ ท่านก็อาจจะไม่ได้เห็นเม่าเอ๋อร์แล้ว” พูดไปพลางก็สะอื้นไห้ขึ้นมา


 


 


มือข้างกายสวีเยี่ยกำแน่น ท้ายที่สุดก็ตบหลังของอู๋ซื่อกล่าวปลอบ “เจ้าลำบากแล้ว” จากนั้นจึงเสริมอีกหนึ่งประโยค กลับไปต้องขอบคุณพี่ใหญ่พี่สะใภ้ใหญ่ให้ดี”


 


 


นี่ทำให้ในใจอู๋ซื่อไม่พอใจอย่างถึงที่สุด แต่กลับทำได้เพียงซบหน้าลงบนบ่าของสามี ร้องไห้เงียบๆ


 


 


ในที่ที่อู๋ซื่อมองไม่เห็น สวีเยี่ยเม้มปากแน่น แววตาเต็มไปด้วยพยับเมฆ เม่าเอ๋อร์เป็นบุตรสาวคนโตของเขา ซ้ำยังมีผิวขาวผ่องหน้าตาน่ารัก เขาที่เป็นพ่อคนครั้งแรกย่อมรักอย่างถึงที่สุด


 


 


แต่เสด็จแม่ของเขากลับไม่ชอบลูกสาวสองคนของเขานัก เขาเองก็รู้ดี แต่เป็นลูกชาย เขาพูดไม่ได้ จึงคิดว่า เสด็จแม่ไม่ชอบก็ไม่เป็นไร อย่างไรเสียก็มีเขาผู้เป็นพ่อที่รัก แต่เขาไม่คิดว่าเสด็จแม่จะมองข้ามเม่าเอ๋อร์ขนาดนี้ บุตรสาวเป็นๆ ของเขาเทียบไม่ได้แม้แต่เลือดเนื้อที่ไม่รู้เรื่องอะไรทั้งสิ้น นี่จะไม่ให้เขาโมโหเดือดดาลได้อย่างไร


 


 


ลูกชาย เขาจะต้องมีลูกชายให้ได้! สวีเยี่ยกำหมัดแน่น แววตาแน่นิ่งอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน


 


 


ค่ำคืนนี้ สวีเยี่ยกลิ้งตลบกับอู๋ซื่ออยู่ครึ่งคืน ก็เพื่อให้มีบุตรภรรยาเอก


 


 


ตอนที่เสิ่นเวยกลับไปถึงจวนสวีโย่วก็กลับมาแล้ว นางโผเข้าไปราวกับนกน้อยบินถลาใส่ต้นไม้ ยิ้มแย้มหอมลงบนแก้มเขาสองข้าง “นี่คือรางวัลของท่าน”


 


 


คนงามมอบจูบ สวีโย่วย่อมรับไว้อย่างเต็มใจ แต่ว่าเขาก็ยังคงเลิกคิ้ว “เวยเวยรู้ได้อย่างไรว่าทำสำเร็จ”


 


 


เสิ่นเวยวางท่าทางว่าข้าคาดเดาได้ออกมา ตบก้นสวีโย่ว “นี่ มีท่านจวิ้นอ๋องของพวกเราออกโรง ก็ไม่มีเรื่องที่ทำไม่สำเร็จ เป็นอย่างไร ข้าพูดถูกหรือไม่”


 


 


สวีโย่วมองท่าทางภูมิใจของเสิ่นเวย ในใจก็รู้สึกจักจี้ขึ้นมาในชั่วขณะ ดึงนางมาไว้บนขาแล้วกอดทันที “ใช่ ถูกต้องแล้ว ไม่เพียงแต่สำเร็จ ยังขอคนเพิ่มมาไม่น้อยอีกด้วย”


 


 


“จริงหรือ” เสิ่นเวยประหลาดใจ


 


 


สวีโย่วพยักหน้ากล่าว “จริงแน่นอน อีกทั้งยังเลือกมือดีออกมาจากกองทหารรักษาพระองค์อีกด้วย”


 


 


“ดีจริงๆ!” เสิ่นเวยร้องดีใจ กำลังจะกระโดดขึ้นมา แต่กลับถูกสวีโย่วรัดไว้แนบแน่น ริมฝีปากที่อุ่นร้อนประชิดเข้ามา “เวยเวยคิดว่าจะให้รางวัลข้าอย่างไรดี”


 


 


เสิ่นเวยกะพริบตาดวงโตที่ใสซื่อ “ท่านอยากได้อะไรล่ะ”


 


 


ท่าทางบริสุทธิ์น่ารักนั้นยั่วยวนยิ่งนัก สวีโย่วรู้สึกว่าบางส่วนของร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้ว “ข้าอยากได้อะไรเวยเวยยังไม่รู้อีกหรือ คืนนี้…” เขาจับมือของเสิ่นเวยลูบไปบนร่างตน


 


 


เสิ่นเวยยิ้มด่าในใจว่าช่างเป็นผีทะเลจริงๆ ทว่าดวงตากลับยังกะพริบปริบๆ “คืนนี้? คืนนี้ทำไมหรือ”


 


 


ท่าทางซุกซนเช่นนั้นทำให้สวีโย่วอยากจะกดนางไว้ข้างล่างทันที เขาคิดเช่นนี้ แล้วก็ทำเช่นนี้เหมือนกัน ในที่สุดเสิ่นเวยรับผิดชอบไฟที่นางจุดขึ้นมา

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)