ข้ามกาลบันดาลรัก 236.2-237.1
ตอนที่ 236-2 การมาของแม่ทัพฉู่
ครู่หนึ่งเหวินซื่อถึงควบคุมสภาพจิตใจตัวเองได้ พูดต่อว่า “หลังจากที่ท่านแม่ข้าเสียไป บิดาข้าก็แต่งงานใหม่ และไม่ได้ดูแลข้าอีก หลายปีมานี้มีแต่เหล่าอวี๋ที่คอยดูแลข้างกายข้าไม่ห่าง จนข้าเติบใหญ่ พวกเรามีสถานะเป็นนายบ่าว กลับรักใคร่ดั่งพ่อลูก ข้าเคยบอกกับเขาว่า รอให้ข้าช่วยท่านพี่ฉู่ตามหาคนพบ ข้าจะกลับไปรับสืบทอดร้านยาเต๋อเหริน ถึงตอนนั้นข้าจะเลี้ยงดูเขายามชราเอง เขาก็แย้มยิ้มรับคำ บอกว่าภายหน้าจะไม่ให้บุตรชายตนเองเลี้ยงดู จะไปใช้ชีวิตบั้นปลายกับข้า…” พูดถึงตรงนี้ก็พูดต่อไปไม่ได้ ก้มศีรษะ น้ำตาเม็ดโตร่วงเผาะกระทบพื้น
เปาอีฝานตบไหล่เขา “วางใจเถอะ หมอชราจะต้องไม่ตายเปล่า พวกเราจะต้องจับตัวคนร้าย แก้แค้นให้เขาให้ได้”
เหวินซื่อเงยหน้าขึ้น น้ำเสียงเต็มไปด้วยพลังอาฆาต “ครั้งนี้ต่อให้ต้องพลิกทั้งตำบลชิงซี ก็ต้องหาคนพวกนั้นให้พบ แล้วสับพวกมันเป็นพันเป็นหมื่นชิ้น แก้แค้นให้เหล่าอวี๋”
เปาอีฝานพยักหน้ารับประกัน “ขอเพียงพวกเราตามหาคนพบ จะมอบให้เจ้าจัดการตามใจ จะหันแขนหั่นขา ควักหัวใจล้วงตับ อย่างไรก็ได้ ทว่า ตอนนี้ท่านต้องเรียกกำลังใจกลับคืนมาก่อน พวกพนักงานประสบการเข่นฆ่าอย่างเ**้ยมโหด ตอนนี้ต่างอกสั่นขวัญหาย หากท่านยังเป็นเช่นนี้ต่อไป พวกเขาจะยิ่งหวาดผวาหนักขึ้น”
เหวินซื่อกล่าวด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด “วางใจ ข้าไม่เป็นอะไร ก่อนเหล่าอวี๋สิ้นใจข้าสาบานเอาไว้ว่า นับแต่นี้ไป ข้าจะไม่ใจอ่อน ลังเลสองจิตสองใจอีก ขอเพียงมีใครกล้าลงมือกับข้า ข้าจะตาต่อตาฟันต่อฟัน ให้พวกมันเสียใจที่มาหาเรื่องกับข้าไปชั่วชีวิต”
เปาอีฝานตบไหล่เขา “ท่านควรเป็นเช่นนี้นานแล้ว”
เหวินซื่อเก็บคืนอาการโศกตรม เงยหน้ามองเมิ่งเชี่ยนโยว พูดว่า “ก่อนหน้านี้ข้าไร้สติสัมปะชัญญะ แสดงกิริยาเกินพอดีต่อเจ้า เจ้าจงจำเอาไว้ เมื่อข้าฆ่าศัตรูของเหล่าอวี๋ด้วยมือข้าแล้ว เจ้าต้องการเช่นไรก็ย่อมได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวแสยะมุมปาก พูดว่า “เจ้าเป็นคนพูดเองนะ ถึงตอนนั้นข้าให้เจ้าไปเป็นขอทานข้างถนนเจ้าอย่าได้กลับคำพูดเทียว”
เหวินซื่อพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ขอเพียงเจ้าให้ข้าไป ข้าก็จะไป”
เมิ่งเชี่ยนโยวหันไปมองเปาอีฝาน “คุณชายเปา เขาเป็นคนพูดออกมาเองนะ ท่านต้องเป็นพยานให้พวกเราด้วย”
เปาอีฝานรู้ว่าเมิ่งเชี่ยนโยวต้องการจะเบี่ยงเบนความสนใจเหวินซื่อ ให้เขาไม่เศร้าเสียใจอีก พูดคล้อยตาม “ได้ ข้าจะเป็นพยานให้พวกเจ้า ถึงตอนนั้นหากเขากล้ากลับคำพูด ข้าจะช่วยกุมตัวเขาไปเอง”
เหวินซื่อฝืนแสยะมุมปาก พูดว่า “ไม่มีทาง ข้าจะต้องพูดได้ทำได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นสภาพจิตใจเขาดีขึ้นแล้ว เปลี่ยนเรื่องพูด ถามขึ้น “เจ้ารู้หรือไม่ว่าด้านนอกร้านยาเต๋อเหรินถูกราดด้วยน้ำมันดิบโดยรอบ?”
เหวินซื่อตกตะลึง ส่ายหน้า “ไม่รู้ หลังจากเหล่าอวี๋ได้รับบาดเจ็บ ข้าก็คอยเฝ้าอยู่ข้างกายเขา นอกจากสั่งพนักงานให้ไปตามเจ้ามา เรื่องอื่นข้ามิได้สนใจเลย”
เปาอีฝานขมวดคิ้วมุ่น กลับมานั่งบนเก้าอี้ พูดว่า “ราดน้ำมันดิบโดยรอบ หรือพวกเขาคิดจะเผาร้านยาเต๋อเหรินให้เรียบหลังจากฆ่าคนแล้ว?”
“หากข้าคาดเดาไม่ผิด แผนของพวกเขาก็คือฆ่าคนในร้านยาเต๋อเหรินให้หมดสิ้น แล้วเผาร้านยาเต๋อเหริน ทำลายศพและหลักฐาน ต่อให้มีคนสืบค้นก็ไม่มีทางพบเบาะแสใด” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด
“เป็นแผนที่อำมหิตนัก พวกเขาไม่กลัวว่าพอไฟลุกโหมจะลามไปถึงบ้านเรือนอื่นหรือไร?” เปาอีฝานกล่าวด้วยน้ำเสียงเคืองขุ่น
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่า “พวกเขาเลือกจะฆ่าคนวางเพลิงเมื่อคืนวาน คงจะคิดแล้วว่า วันนี้เป็นวันขึ้นปีใหม่ ผู้คนจะตื่นแต่เช้า โอกาสพบว่ามีเพลิงไหม้ค่อนข้างสูง เช่นนี้ความเป็นไปได้ที่เพลิงไหม้จะพัดโหมก็จะลดน้อยลง แต่พวกเขาถือว่าพลาดไปเรื่องหนึ่ง ก็คือพนักงานในร้านยาเต๋อเหรินพอจะมีวรยุทธ์ ทำให้พวกเขาลงมือไม่สำเร็จ ยังมีอีกสามคนได้รับบาดเจ็บ หากไม่เพราะเกิดเรื่องกับหมอชรา ไม่แน่ว่านายท่านเหวินอาจจะจับตัวพวกเขาได้ ภายใต้ความลนลานตื่นตระหนก พวกเขาคิดแต่จะถอยหนี จนลืมเรื่องการจุดไฟ”
น้ำเสียงเปาอีฝานมีความกระสับกระส่าย “น้ำมันดิบเป็นวัตถุไวไฟ จักต้องจัดการโดยเร็ว หากมีคนเผลอจุดไฟเข้า ผลที่ตามมาไม่อาจคาดเดาได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่า “วางใจเถอะ ข้าให้เหวินหู่และพนักงานที่บาดเจ็บเล็กน้อยสองนายไปจัดการแล้ว”
เปาอีฝานถอนใจโล่งอก
เหวินซื่อกล่าวขอบคุณอย่างสุดซึ้ง “ขอบใจ”
เมิ่งเชี่ยนโยวยังไม่ทันได้พูดต่อ ก็มีเสียงฝีเท้าดังแว่วเข้ามา จากนั้นเสียงประจบประแจงของผู้ว่าการตำบลก็ดังขึ้น “ท่านใต้เท้า เชิญทางนี้ขอรับ ผู้เคราะห์ร้ายอยู่ในห้องนี้ขอรับ”
ทั้งสามรู้ว่าเปาชิงเหอมาถึงแล้ว ลุกขึ้นเดินออกมาด้านนอก
เปาอีฝานร้องเรียกเป็นคนแรก “ท่านพ่อ”
เหวินซื่อและเมิ่งเชี่ยนโยวร้องเรียกพร้อมกัน “ใต้เท้าเปา”
เปาชิงเหอกวาดตามองเหวินซื่อแวบหนึ่ง เห็นเขาไม่ได้รับบาดเจ็บจริงๆ ผงกศีรษะเล็กน้อย “นายท่านเหวินไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว”
ทุกคนต่างเข้าใจนัยแฝงในคำพูดเขา มีเพียงผู้ว่าการตำบลที่รู้สึกว่าเขากล่าวคำพูดเช่นนี้ไม่ค่อยถูกต้อง คิดจะถามแต่ก็ไม่กล้าถาม
เปาชิงเหอกล่าวกับเขาด้วยความเกรงขาม “พาข้าเข้าไปดู”
ผู้ว่าการตำบลลนลานเดินนำทางเขา เปิดประตูห้องรักษาให้เปาชิงเหอ ผายมือเชิญเขาเข้าไปอย่างนอบน้อม
เปาชิงเหอเข้ามาในห้อง ครู่หนึ่งถึงเดินออกมาด้วยสีหน้านิ่งขรึม ถามผู้ว่าการตำบล “พบเบาะแสใดหรือไม่?”
ผู้ว่าการตำบลโน้มตัวสั่นเทิ้มตอบ “นับตั้งแต่ผู้น้อยเข้ามา ก็ค้นหาด้วยตัวเองมาตลอด เสียแต่โจรชั่วพวกนั้นเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว ไม่ทิ้งร่องรอยอะไรเอาไว้เลยขอรับ”
เปาชิงเหอขมวดคิ้ว พูดว่า “ข้าเป็นนายอำเภอมานาน ควบคุมดูแลเรื่องน้อยใหญ่สิบกว่าตำบล ไม่เคยเกิดคดีความสะเทือนขวัญเช่นนี้มาก่อน หากเจ้าหาเบาะแส หาตัวคนร้ายมาให้ข้าไม่ได้ ตำแหน่งของเจ้าก็คงมาถึงทางตันแล้ว”
ผู้ว่าการตำบลตกใจหน้าซีดเผือก พูดอย่างขวัญผวาสุดขีด “ขอท่านใต้เท้าวางใจ ข้าสั่งเจ้าหน้าที่ออกสืบค้นแล้ว เชื่อว่าไม่นานจะต้องได้ข่าวกลับมา”
“เช่นนั้นก็ดี ไม่เช่นนั้นเจ้าคงยากจะรอดพ้นความรับผิดชอบนี้ไปได้” เปาชิงเหอกล่าวอย่างน่ายำเกรง
ผู้ว่าการตำบลก้มศีรษะโค้งคำนับ พูดรับประกันไม่หยุด
เปาชิงเหอคร้านจะฟังคำพูดไร้สาระของเขา หันไปถามเปาอีฝาน “เจ้ามาแต่แรก พบสิ่งใดหรือไม่?”
เปาอีฝานกำลังส่ายหน้า เมิ่งเชี่ยนโยวก็แย่งพูดว่า “พวกเราพบสิ่งของบางอย่าง ยังไม่ทันได้วิเคราะห์ ท่านก็มาพอดี ไม่เช่นนั้นพวกเราเข้าไปนั่งวิเคราะห์กันในห้องเถิด”
เปาอีฝานและเหวินซื่อไม่รู้ว่าที่นางพูดคือสิ่งใด ต่างมองไปที่นางอย่างฉงนงงงวย
เปาชิงเหอผงกศีรษะ เมิ่งเชี่ยนโยวส่งสายตาให้เหวินซื่อ
เหวินซื่อหลีกทางให้เปาชิงเหอเข้าไปในห้องด้วยความอ่อนน้อม
ผู้ว่าการตำบลก็ตามเข้ามาด้วย
กระทั่งเหวินซื่อเข้ามาเป็นคนสุดท้าย เปาชิงเหอก็นั่งบนเก้าอี้เรียบร้อยแล้ว
ผู้ว่าการตำบลยืนข้างเขาอีกด้าน
เปาชิงเหอพูดว่า “นั่งลงเถอะ”
เปาอีฝาน เหวินซื่อ เมิ่งเชี่ยนโยวนั่งเรียงเป็นแถวบนขอบเตียง ผู้ว่าการตำบลยืนนิ่งไม่ขยับ
เปาชิงเหอไม่สนใจเขา ถามเมิ่งเชี่ยนโยว “พวกเจ้าพบสิ่งใดรึ?”
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบกลับ “พวกเราพบว่ามีคนราดน้ำมันดิบปริมาณมากด้านนอกร้านยาเต๋อเหริน คาดว่ามีไว้หลังจากคนร้ายฆ่าคนแล้วจะได้เผาทำลายหลักฐาน”
ผู้ว่าการตำบลถลึงตาลุกวาว
เปาชิงเหอขมวดคิ้วแน่น ถามขึ้น “ร้านยาเต๋อเหรินมีพื้นที่ไม่ใช่เล็กๆ หากราดน้ำมันดิบโดยรอบ จะต้องใช้น้ำมันดิบไม่น้อย”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “น้ำมันดิบเป็นวัตถุหายาก ราคาสูงลิ่ว ชาวบ้านทั่วไปจะหาซื้อไว้เพียงจำนวนน้อย เพื่อจุดคบไฟตะเกียง ต่อให้เป็นครอบครัวเศรษฐี ก็คงไม่สำรองน้ำมันดิบพวกนี้ เพราะเป็นวัตถุไวไฟ เพียงโดนสะเก็ตไฟเล็กน้อยก็ก่ออัคคีภัยร้ายแรงได้”
เปาชิงเหอผงกศีรษะ “เจ้ากล่าวได้ถูกต้อง คนทั่วไปไม่มีทางเก็บสำรองน้ำมันดิบปริมาณมาก”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดต่อ “ดังนั้น น้ำมันดิบพวกนี้จักต้องนำส่งเข้ามาจากที่อื่นเมื่อไม่นานมานี้ ทั้งต้องเก็บในที่ลับตาคนไม่มีแสงไฟ”
เปาชิงเหอเข้าใจความหมายของนาง พูดยืนยันกับนาง “ความหมายของแม่นางเมิ่งก็คือให้พวกเราส่งคนไปค้นหาสถานที่เหล่านั้น ก็จะพบเบาะแสบางอย่าง”
“นี่เป็นเพียงประการแรก” เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าว
“ประการที่สองคืออะไร?” ผู้ว่าการตำบลฟังแล้วให้กระวนกระวายใจ ถามอย่างอดใจไม่ไหว
เมิ่งเชี่ยนโยวมองผู้ว่าการตำบลด้วยแววตาดุดัน ตอบว่า “ประการที่สองก็คือในตำบลของเขาจะต้องมีหนอนบ่อนไส้”
ผู้ว่าการตำบลสูดลมเย็นเข้าปาก พูดอึกๆ อักๆ “เอ่อๆๆ…”
เปาชิงเหอยังคงสงบนิ่ง ถามความ “เหตุใดแม่นางเมิ่งถึงกล่าวเช่นนี้?”
เมิ่งเชี่ยนโยวชูนิ้วมือสองนิ้วไปข้างหน้า พูดว่า “มีสองข้อ ข้อแรก พนักงานบอกว่าฟังจากสำเนียงคนพวกนั้นไม่ใช่คนในพื้นที่ เช่นนั้นเหตุใดพวกเขาถึงคุ้นเคยกับร้านยาเต๋อเหรินเช่นนี้ กล้าบุ่มบ่ามบุกเข้ามาหลังเรือนโดยมิได้สืบหาข้อมูลก่อน จะต้องมีคนบอกโครงสร้างเรือนด้านหลังพอสังเขปให้พวกเขา พวกเขาถึงกล้าอุกอาจบุกเข้ามา”
เปาชิงเหอพยักหน้า
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดต่อ “อีกข้อหนึ่งก็คือ น้ำมันดิบปริมาณมากเช่นนี้ หากไม่มีคนช่วยปกปิด จะต้องถูกพบเข้าโดยง่าย”
“ดังนั้นความหมายของแม่นางเมิ่งก็คือ นอกจากคนร้ายพวกนั้นแล้ว ยังมีหนอนบ่อนไส้อยู่ในตำบลด้วย?” เปาชิงเหอพูด
“ถูกต้องเจ้าค่ะ” เมิ่งเชี่ยนโยวรับคำ “และคนผู้นี้ไม่ใช่ชาวบ้านทั่วไป จะต้องเป็นเศรษฐีในตำบล”
“เมื่อเป็นเช่นนี้ ขอบเขตการค้นหาของพวกเราก็แคบลงมากทีเดียว เพียงไปสืบค้นบ้านเศรษฐีพวกนั้นก็ได้แล้ว” เปาอีฝานพูด
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่เห็นด้วย “ไม่ได้ เช่นนั้นจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น หากพวกเขาล้มเลิกแผนการ เผ่นไปเสียก่อน พวกเราก็จะค้นไม่เจออะไรอีกเลย”
ตอนที่ 236-3 การมาของแม่ทัพฉู่
ผู้ว่าการตำบลฟังจนเบลอไปหมดแล้ว รู้สึกว่าสมองตัวเองตามไม่ทัน ได้ฟังเมิ่งเชี่ยนโยวพูดดังนั้น เร่งเร้าถาม “เช่นนั้นพวกเราควรทำอย่างไรดี?”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มอ่อน “จากนี้ไปต้องอาศัยท่านผู้ว่าการตำบลแล้ว ท่านสนิทสนมกับพวกเศรษฐีในเมืองดี หากพวกเขามีความเคลื่อนไหวขนานใหญ่ย่อมหนีไม่พ้นสายตาของท่านได้ ท่านลองให้เจ้าหน้าที่ไปสืบความ ดูว่ามีเศรษฐีสกุลใดนำเข้าสิ่งของจำนวนมากช่วงก่อนปีใหม่ แน่นอนว่าไม่นับสิ่งของที่นำเข้าไปในร้านค้า”
ผู้ว่าการตำบลมีท่าทีลำบากใจ “คือๆ เกรงว่าจะไม่ดีกระมัง”
เมิ่งเชี่ยนโยวหันมองเปาชิงเหอ
เปาชิงเหอถามผู้ว่าการตำบลอย่างน่าเกรงขาม “มีสิ่งใดไม่ดี เจ้าพูดมาซิ”
ผู้ว่าการตำบลเผยอปากออก กลับไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไร
“ผู้ว่าการตำบลคิดว่าพวกเขาเป็นเศรษฐีมีเงิน หากให้พวกเขารู้ว่าท่านเป็นคนส่งเจ้าหน้าที่ไปสืบค้นพวกเขา ภายหน้าพบกันจะอธิบายไม่ถูกใช่หรือไม่?” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด
ผู้ว่าการตำบลพยักหน้า “แม่นางเมิ่งคิดได้ทะลุปรุโปร่งนัก ข้าก็คิดเช่นนั้นเช่นกัน”
เมิ่งเชี่ยนโยวแสยะยิ้มถามเสียงเบา “หากใต้เท้าสืบคดีนี้ไม่ได้ ถูกปลดออกจากตำแหน่ง ท่านคิดว่าพวกเขายังต้องการคำอธิบายของท่านหรือไม่?”
ผู้ว่าการตำบลเนื้อตัวสั่นวาบ ได้สติกลับคืนมา กล่าวด้วยความซาบซึ้งใจ “ข้าคิดผิดไป โชคดีที่ได้แม่นางเตือนสติ”
พูดจบหันไปโน้มคำนับเปาชิงเหอ “ผู้น้อยจะไปสั่งการเดี๋ยวนี้ ให้พวกเขารีบไปสืบสวนขอรับ”
เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวเตือนเขา “ท่านใต้เท้าจะต้องให้พวกเขาเข้าไปสืบเงียบๆ หากเจอใครซักถามจักต้องปิดปากเงียบ ห้ามให้เรื่องนี้แพร่งพรายเด็ดขาด”
ผู้ว่าการตำบลกล่าวขอบคุณนางอีกครั้ง หมุนตัวออกไปสั่งการผู้ใต้บังคับบัญชา
เมิ่งเชี่ยนโยวมองแผ่นหลังเขาเดินออกไป ส่ายหน้าพูดอย่างไม่คาดหวังอะไร “ข้ากล้าพนันได้ว่า ภายในสามวัน เขาจะต้องไม่ได้ข่าวอะไรทั้งนั้น”
เปาอีฝานแปลกใจถาม “เหตุใดเจ้าถึงพูดเช่นนี้?”
“ผู้ว่าการตำบลเป็นคนละโมบ ปกติเหล่าเศรษฐีในเมืองจะคอยมอบของกำนัลให้เขา เพื่อประจบเอาใจเขา เขาไฉนเลยจะทำใจล่วงเกินคนพวกนั้นได้” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด
เปาอีฝานยิ่งให้คลางแคลงใจ “เช่นนั้นเจ้าจะให้เขาส่งคนไปสืบความทำไม?”
เมิ่งเชี่ยนโยวแสยะยิ้มมีเลศนัย
ผู้ว่าการตำบลกระสับกระส่าย “เจ้ารีบพูดเสียทีเถอะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่า “ที่ข้าต้องการก็คือเวลาสามวันนี้ วันแรก เจ้าหน้าที่จะจดจำคำเตือนของพวกเรา จะต้องปฏิบัติตามคำบอกของพวกเรา เข้าไปสืบค้นเงียบๆ วันที่สองจะเริ่มใจร้อนหงุดหงิด ท่าทีที่เข้าไปสอบถามก็จะค่อยๆ เผยออกมา คนพวกนั้นไม่รู้ว่าพวกเรามีหลักฐานอะไร ไม่กล้าบุ่มบ่าม วันที่สามพวกเขาจะเข้าไปสอบถามอย่างเปิดเผยโจ่งแจ้ง ในตอนนี้คนที่เป็นหนอนบ่อนไส้จะส่งคนไปสืบความ กระทั่งรู้ว่าพวกเราหาพวกเขาพบเพราะน้ำมันดิบ จะต้องจิตใจตื่นผวา เช่นนั้นจะเหลือผลลัพธ์เพียงสองประการ ประการแรกพวกเขาจะคิดหาวิธีหนีไปให้เร็วที่สุด อีกข้อก็คือลงมือกับร้านยาเต๋อเหรินหรือบ้านข้าอีกครั้ง ไม่ว่าเป็นข้อไหน พวกเขาจะไม่มีทางได้สมหวัง เพราะถึงตอนนั้นท่านแม่ทัพฉู่ก็มาถึงแล้ว พอพวกเรามีคนเพียงพอ รีบใช้โอกาสนี้รวบตัวพวกมันทั้งหมดได้”
เปาชิงเหอได้ฟังแล้วโพล่งปากชื่นชม “เป็นความคิดที่ล้ำเลิศนัก”
เปาอีฝานและเหวินซื่อก็พยักหน้าเห็นพ้อง
เมิ่งเชี่ยนโยวยักคิ้วอย่างลำพองใจ กำลังจะพูดต่อ พนักงานก็ส่งเสียงรายงานเข้ามา “นายท่านขอรับ หวังเกินจับไข้ขอรับ”
เหวินซื่อตกใจลุกพรวด สาวเท้าเดินออกมา ถามขึ้น “จับไข้ได้อย่างไร?”
พนักงานตอบเสียงแผ่ว “พวกเราฟังคำสั่งของแม่นางเมิ่ง เข้าไปพักผ่อนในห้อง ข้าสะลึมสะลือได้ยินเสียงคนละเมอ พอลืมตาก็พบว่าหวังเกินที่นอนข้างๆ ข้าใบหน้าแดงกล่ำ ดวงตาปิดสนิท เนื้อตัวร้อนผ่าว ข้าจึงรีบมารายงานขอรับ”
เหวินซื่อเดินไปพลางถาม “คนอื่นเล่า? มีใครจับไข้หรือไม่?”
“ตอนนี้มีหวังเกินคนเดียว คนอื่นต่างตกใจตื่นหมดแล้ว กำลังล้อมวงดูเขาขอรับ”
ระหว่างที่สนทนากัน ทั้งสองก็มาถึงห้องพักพนักงาน เห็นกลุ่มคนกำลังล้อมเตียงตัวหนึ่ง พอเห็นเหวินซื่อเข้ามา พนักงานก็หลีกทาง
เหวินซื่อเดินมาข้างเตียง ตรวจดูบาดแผลของเขาอย่างละเอียด คงเพราะจัดการได้ไม่ดี บริเวณบาดแผลแดงบวม เหมือนกำลังจะติดเชื้อ ถึงมีอาการจับไข้
เหวินซื่อสั่งพนักงานนายหนึ่ง “เจ้าไปตักน้ำสะอาดเข้ามา ข้าจะเช็ดทำความสะอาดบาดแผลให้เขา”
พนักงานรับคำออกไป
เหวินซื่อสั่งพนักงานอีกนายหนึ่ง “เจ้าไปบอกเมิ่งเชี่ยนโยวเรื่องอาการของหวังเกิน ให้นางเขียนใบสั่งยาลดไข้หนึ่งขนาน เจ้าได้มาแล้วรีบไปต้มยายกเข้ามา”
พนักงานนายนั้นขานรับคำเดินออกไป
พนักงานที่ออกไปก่อนยกน้ำสะอาดหนึ่งกะละมังเข้ามา เหวินซื่อหยิบผ้าขนหนูสะอาดผืนหนึ่งจากอีกด้าน พิถีพิถันเช็ดบาดแผลให้เขา
เมิ่งเชี่ยนโยวได้ยินพนักงานพูดจบ ไม่แน่ชัดว่าต้องใช้ยาปริมาณเท่าใด จึงเข้ามาตรวจดูอาการของหวังเกินเอง เห็นบาดแผลของเขาเพียงแดงบวมเล็กน้อย พูดปลอบใจทุกคนว่า “พวกเจ้าวางใจเถอะ บาดแผลของเขาไม่ร้ายแรง คงเพราะตกใจกลัวมากจนจับไข้ ข้าจะเขียนใบสั่งยา พวกเจ้านำไปต้มให้เขาดื่ม แล้วให้เขาพักผ่อนให้เต็มที่ก็พอ”
พนักงานที่รายล้อมถึงวางใจลง
เขียนใบสั่งยาเสร็จ พนักงานนายหนึ่งไปจัดยา เมิ่งเชี่ยนโยวจึงตรวจดูบาดแผลของพนักงานที่บาดเจ็บเพียงเล็กน้อย ใส่ยาพันแผลให้พวกเขาใหม่ ทั้งกำชับให้พวกเขาพักผ่อนให้มาก
พนักงานยกยาที่ต้มเสร็จแล้วเข้ามา เหวินซื่อป้อนให้หวังเกินด้วยตัวเอง หลังดื่มเสร็จก็ห่มผ้าให้เขา สั่งพนักงานอีกคนคอยดูแลเขาให้ดี ถึงเดินออกมาจากห้องพักพนักงานพร้อมเมิ่งเชี่ยนโยว กลับมาที่ห้องตัวเอง ตอนที่เดินผ่านห้องรักษา คิดถึงหมอชราที่อยู่ด้านใน เหวินซื่อก็ให้ขอบตาแดงเรื่ออีกครั้ง
ที่พูดปลอบได้ก็พูดไปหมดแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวไม่รู้ว่าควรพูดอะไรอีก แสร้งทำเป็นมองไม่เห็น เดินนำผ่านห้องรักษาไปก่อน
เหวินซื่อดวงตาแดงเอ่อ ควบคุมความรู้สึกที่อยากจะเข้าไปอยู่กับเขา เดินตามหลังเมิ่งเชี่ยนโยวผ่านไป
เหวินเปียวควบม้าเร็วรี่ ทั้งกลางวันกลางคืน ใช้เวลาหนึ่งวันกับหนึ่งคืนมาถึงเมืองหลวง เห็นประตูเมืองตั้งตระหง่าน เกือบจะน้ำตาร่วงเผาะ ตอนที่ทั้งครอบครัวถูกตัดสินเป็นทาสหลวงขายทอดตลาด เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันได้กลับมา
ถึงหน้าประตูเมือง พลิกตัวลงจากหลังม้า จูงม้าเดินตามฝูงชนเข้าเมือง ทุกอย่างยังคุ้นตา ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง เขาควบคุมแรงปรารถนาภายในใจไม่ได้ ขี่ม้ามายังสำนักคุ้มภัยของครอบครัวตนเองก่อน
ประตูใหญ่สำนักคุ้มภัยถูกตีตราปิดผนึก ด้านหน้าประตูไม่มีคนเดินผ่าน เงียบเหงาเปล่าเปลี่ยว คิดถึงภาพอดีตที่รุ่งเรืองของสำนักคุ้มภัย แล้วมองดูความวิเวกวังเวงในตอนนี้ เหวินเปียวทนต่อไปไม่ไหว น้ำตาไหลอาบนองสองแก้ม
ลงจากหลังม้า เดินมาหน้าประตู ยื่นมือออกไปลูบคลำห่วงเหล็ก เคาะเบาๆ สองสามครั้ง ไม่คิดว่าเสียงก้องกังวานนั้นจะดังไปถึงเรือนข้างเคียง พลันมีเสียงชายคนหนึ่งดังแว่วมา “เหตุใดข้าเหมือนได้ยินเสียงเคาะประตูบ้านข้างๆ หรือว่ามีคนเข้ามา?”
เสียงหญิงคนหนึ่งดังแว่วมา “จะเป็นไปได้อย่างไร คนในสำนักคุ้มภัยทั้งถูกเนรเทศ ถูกตัดสินเป็นทาสหลวง จะมีใครที่ไหนมาเคาะประตูอีก เจ้าคงหูฝาดไปแล้ว”
คล้ายว่าชายคนนั้นจะตั้งใจฟังอีกครั้ง กลับไม่ได้ยินเสียงใดแล้ว พูดว่า “ข้าอาจจะหูฝาดไปจริงๆ แม้แต่นายท่านสำนักคุ้มภัยยังถูกตัดสินเป็นทาสหลวง ตอนนี้ไม่รู้ไปทนทุกข์ทรมานอยู่ที่ไหน จะมีใครกลับมาได้อย่างไร?”
หญิงคนนั้นถอนใจพูดว่า “คิดถึงอดีตที่รุ่งเรืองของสำนักคุ้มภัยเวยหย่วน แต่ละวันมีคนเข้าออกไม่ขาด ล้วนแต่เป็นเด็กหนุ่มกำยำ มีเรี่ยวแรงกำลังให้ใช้ไม่หมดสิ้น พวกเราได้เห็นยังรู้สึกหนุ่มสาวขึ้นเป็นกอง แต่บัดนี้…” คำหลังจากนี้ไม่ได้กล่าวออกมา
ชายคนนั้นก็ถอนใจมิได้เอื้อนเอ่ย
เหวินเปียวเป็นเพื่อนบ้านกับพวกเขามาหลายปี ย่อมรู้ว่าคู่สนทนาทั้งสองคนเป็นใคร คิดอยากจะเข้าไปกล่าวทักทาย ก็นึกได้ถึงจุดประสงค์ที่ตัวเองเข้ามาเมืองหลวง กัดฟัน กระโดดขึ้นหลังม้า ตวัดบังเ**ยน สั่งให้ม้าวิ่งตรงไปจวนท่านแม่ทัพ
ตอนที่ 236-4 การมาของแม่ทัพฉู่
สำนักคุ้มภัยเวยหย่วนตั้งอยู่ฝั่งใต้ของเมืองหลวง จวนท่านแม่ทัพตั้งอยู่ฝั่งตะวันออกของเมืองหลวง อยู่บริเวณเดียวกับขุนนางส่วนใหญ่
หลังจากขี่ม้าเร็วมาถึงฝั่งตะวันออก เหวินเปียวลงจากหลังม้า จูงม้าเดินมาหน้าจวนท่านแม่ทัพ พูดกับบ่าวด้วยความอ่อนน้อม “รบกวนท่านไปเรียนท่านแม่ทัพ บอกว่าเกิดเรื่องที่ร้านยาเต๋อเหรินตำบลชิงซี ข้าตรงเข้ามาเพื่อแจ้งข่าว”
บ่าวรับใช้จวนทหารล้วนเป็นทหารกล้าที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากสนามรบ ไม่เหมือนบ่าวเฝ้าประตูจวนทั่วไปที่ถือตัวมองคนอื่นต่ำต้อย ได้ยินวาจาเหวินเปียว ก็มองประเมินเขาขึ้นลงอย่างละเอียด เห็นเขาดูเหนื่อยล้าจากการเดินทางไกล มองออกว่าจะต้องรีบเดินทางหามรุ่งหามค่ำ พูดว่า “ท่านรอสักครู่ ข้าจะไปรายงานท่านแม่ทัพเดี๋ยวนี้” พูดจบเดินกะโผลกกะเผลกเข้าไปในจวน
เหวินเปียวจูงม้ายืนนิ่งไม่วอกแวก
อึดใจหนึ่ง บ่าวถึงเดินกลับมา พูดกับเหวินเปียว “ท่านแม่ทัพให้ท่านเข้าไปได้”
เหวินเปียวผูกม้าไว้กับหลักผูกม้าหน้าประตู เดินตามบ่าวเข้าไปในจวนท่านแม่ทัพ
จวนท่านแม่ทัพกว้างใหญ่ บ่าวพาเขาเดินผ่านทางระเบียงยาวหลายตอน ลัดเลี้ยวหลายโค้ง ถึงมาถึงหน้าห้องหนังสือฉู่เหวินเจี๋ย
บ่าวยืนด้านนอกห้องหนังสือกล่าวอย่างนอบน้อม “ท่านแม่ทัพ คนมาถึงแล้วขอรับ”
เสียงฉู่เหวินเจี๋ยดังลอยออกมาจากด้านใน “ให้เขาเข้ามา”
บ่าวขานรับคำ “ขอรับ”
บ่าวที่เฝ้าหน้าประตูห้องหนังสือเปิดประตูห้องหนังสือออก ส่งสายตาให้เหวินเปียวเข้าไป
เหวินเปียวก้าวเท้าเข้ามาในห้อง หลังจากบ่าวปิดประตูสนิท ก็ยืนเฝ้าด้านนอกห้องหนังสือต่อ
บ่าวที่เฝ้าประตูก็เดินกะโผลกกะเผลกกลับไปหน้าประตูใหญ่
หลังจากเข้ามาแล้ว เหวินเปียวไม่กล้าเงยหน้า ล้วงจดหมายในอกเสื้อออกมา สองมือประคองยื่นส่งให้ฉู่เหวินเจี๋ยอย่างนอบน้อม “นี่คือจดหมายที่นายท่านเหวินเขียนให้ท่านด้วยตัวเอง ให้ข้าขี่ม้าเร็วนำส่งมาให้ท่านขอรับ”
ฉู่เหวินเจี๋ยไม่ขยับ กวาดตามองเหวินเปียวด้วยแววตาขึงขัง “เจ้ามิใช่พนักงานร้านยาเต๋อเหริน เหตุใดเหวินซื่อถึงให้เจ้าเป็นส่งมาส่งข่าว”
เหวินเปียวยังคงก้มหน้า สองมือประคองจดหมาย “ข้าเป็นบ่าวของบ้านแม่นางเมิ่ง ร้านยาเต๋อเหรินถูกคนล้อมสังหาร พนักงานทั้งหมดได้รับบาดเจ็บ ไม่สะดวกเดินทาง แม่นางของพวกเราจึงสั่งให้ข้านำส่งจดหมายมาให้ท่านขอรับ”
ฉู่เหวินเจี๋ยลุกพรวด ถามความ “เหวินซื่อเป็นอะไรหรือไม่?”
“นายท่านเหวินไม่เป็นอะไร แต่หมอชราโชคไม่ดีสิ้นใจแล้วขอรับ” เหวินเปียวตอบ
ฉู่เหวินเจี๋ยคว้าจดหมายในมือเขามา เปิดออกกวาดสายตาอ่านโดยไว พูดอย่างเกรี้ยวกราด “พวกเขากล้าโอหังเหิมเกริมถึงเพียงนี้ ข้าใจอ่อนมีเมตตากับพวกเขาเกินไป”
เหวินเปียวชักมือกลับ ก้มหน้ายืนต่อหน้าเขา ไม่กล้าพูดอะไร
ฉู่เหวินเจี๋ยตวาดเสียงเข้มออกไปด้านนอก “มีใครอยู่บ้าง!”
บ่าวเฝ้าหน้าประตูห้องหนังสือเดินเข้ามา พินอบพิเทาขานรับคำ “ท่านแม่ทัพ”
ฉู่เหวินเจี๋ยสั่งการ “รีบไปเตรียมม้า ข้าจะไปตำบลชิงซี ทั้งส่งคนไปแจ้งที่จวนอ๋องฉี บอกว่าสองสามวันนี้ข้ามีธุระ ยังเข้าไปสวัสดีปีใหม่ไม่ได้ รอให้จัดการเรื่องเสร็จแล้วจะเข้าไป”
บ่าวขานรับคำ “ขอรับ” แล้วหันหลังออกไปเตรียมการ
ฉู่เหวินเจี๋ยเห็นสภาพเหวินเปียว รู้ว่าเขาจะต้องไม่ได้พักผ่อน เร่งเดินทางทั้งกลางวันกลางคืน พูดว่า “ลำบากเจ้าแล้วที่ต้องเร่งควบม้ามาตลอดทาง ข้าจะให้บ่าวพาเจ้าไปพักผ่อนเสียสองสามวัน เมื่อเจ้าหายเหนื่อยแล้วค่อยกลับไปก็ยังไม่สาย”
เหวินเปียวประสานมือคำนับ “ขอบคุณท่านแม่ทัพที่เมตตา ไม่ต้องพักแล้วขอรับ ข้าขอตามกลับไปพร้อมท่าน แม่นางบอกว่าคนร้ายพวกนั้นไม่เพียงจับตาดูร้านยาเต๋อเหริน ยังจับตาดูครอบครัวแม่นางของพวกเราด้วย ข้าจะรีบกลับไปคุ้มครองพวกเขาขอรับ”
ฉู่เหวินเจี๋ยมองเขาด้วยความชื่นชม พูดว่า “แม้เจ้าจะไม่ต้องพักผ่อน แต่ม้าก็ต้องพัก เจ้าวางใจ ขอเพียงข้าเข้าไป รับประกันว่าทุกคนในครอบครัวแม่นางพวกเจ้าจะต้องปลอดภัย”
เหวินเปียวยืนหยัด “ขอท่านแม่ทัพโปรดเปลี่ยนม้าให้ข้าด้วยเถิด ข้าจะต้องกลับไปพร้อมท่าน”
“ต่อให้พวกเราเร่งรีบเดินทาง ก็ต้องใช้เวลาหนึ่งวันหนึ่งคืน เจ้าไม่ได้พักมาหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว ร่างกายจะทนรับได้หรือ?” ฉู่เหวินเจี๋ยถามด้วยความห่วงใย
“ท่านแม่ทัพวางใจเถิด เมื่อก่อนตอนที่พวกเราเร่งเดินทางคุ้มภัย หลายวันหลายคืนมิได้หลับก็เป็นเรื่องปกติ เวลาหนึ่งวันหนึ่งคืนนี้ข้ายังพอทนไหว” เหวินเปียวตอบกลับ
ได้ฟังเขาพูดจบ ฉู่เหวินเจี๋ยคิดบางสิ่งได้ ตวาดเสียงลั่น “เจ้าจงเงยหน้าขึ้นเดี๋ยวนี้!”
เหวินเปียวเงยหน้า
ฉู่เหวินเจี๋ยพินิจมองเขาครู่หนึ่ง พูดว่า “เป็นเจ้าสำนักคุ้มภัยเวยหย่วนจริงๆ ท่านมิได้ถูกตัดสินไปเป็นทาสหลวงหรือ? เหตุใดถึงกลายเป็นบ่าวครอบครัวเมิ่งได้”
เหวินเปียวยังไม่ทันได้ตอบ เสียงบ่าวก็ดังขึ้นจากด้านนอก “ท่านแม่ทัพ เตรียมม้าพร้อมแล้วขอรับ ท่านจะออกเดินทางตอนนี้เลยไหมขอรับ?”
ฉู่เหวินเจี๋ยเดินออกมานอกห้อง สั่งการบ่าว “ไปนำม้าหนึ่งตัวมาให้เขาด้วย พวกเราจะออกเดินทางเดี๋ยวนี้ แล้วไปตามพ่อบ้านมา ข้ามีเรื่องจะกำชับเขา”
บ่าวขานรับคำอีกครั้ง หันหลังออกไปเตรียมการ
ชั่วอึดใจเดียว ชายชราอายุราวห้าสิบหกสิบปี ไร้แขนหนึ่งข้างก็รีบเดินเข้ามา ร้องเรียกฉู่เหวินเจี๋ยด้วยความอ่อนน้อม “ท่านแม่ทัพ”
ฉู่เหวินเจี๋ยกล่าวว่า “ลุงฝู เกิดเรื่องที่ร้านยาเต๋อเหรินตำบลชิงซี ข้ากำลังจะเร่งเดินทางไป ช่วงสองสามวันนี้ท่านจงปิดเรือนไม่ต้อนรับแขก ให้บอกไปว่าข้าติดเชื้อเป็นไข้ลมเย็น เกรงจะแพร่เชื้อให้คนอื่น ไม่พบหน้าทุกคนที่มาสวัสดีปีใหม่”
ลุงฝูน้อมรับคำ “ทราบแล้วท่านแม่ทัพ ท่านไปตำบลชิงซีครั้งนี้จะอยู่ประมาณกี่วันขอรับ? หากคุณหนูถาม ข้าควรจะตอบอย่างไร?”
“ข้าส่งคนไปบอกท่านพี่แล้ว ท่านไม่ต้องตอบความอื่นอีก สำหรับข้า อย่างน้อยห้าวันอย่างมากเจ็ดวันถึงจะกลับมา”
ลุงฝูน้อมรับคำ ถอยหลังไปอีกด้าน
ฉู่เหวินเจี๋ยก้าวเดินนำหน้า เหวินเปียวเดินตามหลังออกมานอกจวนท่านแม่ทัพ
บ่าวจูงม้ารออยู่ด้านนอก
ทั้งสองรับบังเ**ยนมา แล้วกระโดดขึ้นหลังม้าพร้อมกัน ตวัดบังเ**ยนควบทะยานออกไป
ลุงฝูเดินตามหลังพวกเขาออกมา มองดูทั้งสองจากไปไกล กำชับบ่าวให้จูงม้าของเหวินเปียวไปยังโรงม้า ปิดประตูใหญ่บานใหญ่หนา แล้วกล่าวถ้อยคำที่ฉู่เหวินเจี๋ยกำชับกับบ่าวรับใช้อีกรอบ
บ่าวน้อมรับคำ “ทราบแล้วขอรับลุงฝู ก่อนท่านแม่ทัพกลับมา ข้าจะไม่ให้ใครเข้ามาเด็ดขาด”
ลุงฝูพยักหน้าพอใจ หันหลังกลับเข้าไปในเรือน
ฉู่เหวินเจี๋ยและเหวินเปียวไม่หยุดพักแม้สักเค่อเดียว ในที่สุดช่วงพลบค่ำของวันที่สามก็มาถึงร้านยาเต๋อเหริน
หลายวันนี้สองพ่อลูกเปาชิงเหอและเมิ่งเชี่ยนโยวต่างไม่ได้กลับไป พักอาศัยอยู่ที่ร้านยาเต๋อเหริน ช่วงเวลานี้ผู้ว่าการตำบลเข้ามาเชิญสองพ่อลูกเปาชิงเหอไปอาศัยที่ศาลาว่าการตำบลหลายครั้ง เปาชิงเหอได้แต่ปฏิเสธ
เจ้าหน้าที่ประจำตำบลนอกจากมีเจ้าหน้าที่สี่นายเฝ้าหน้าประตูเมือง คอยตรวจสอบคนเข้าออก คนที่เหลือล้วนถูกส่งไปสืบเรื่องน้ำมันดิบ เป็นสัญญาณว่าเส้นทางหน้าร้านยาเต๋อเหรินถูกยกเลิกการปิดกั้นโดยอัตโนมัติ
ฉู่เหวินเจี๋ยและเหวินเปียวขี่ม้าตรงมาถึงหน้าประตูร้านยาเต๋อเหริน จึงหยุดม้า
เจ้าหน้าที่สองนายที่เปาชิงเหอให้มายืนเฝ้าหน้าประตู เห็นคนขี่ม้าตะบึงฮ้อตรงมาร้านยาเต๋อเหริน ชักดาบข้างเอวออกมากวัดแกว่งเข้าหาคนทั้งสอง
ฉู่เหวินเจี๋ยลงจากหลังม้า กวาดตามองเจ้าหน้าที่ทั้งสองนายแวบหนึ่ง
เจ้าหน้าที่พลันรู้สึกถึงพลังบารมีบางอย่างกดทับลงมาจนพวกเขาหายใจไม่ออก
ฉู่เหวินเจี๋ยยกเท้าเดินเข้าไปด้านใน
เจ้าหน้าที่สองนายกวัดแกว่งดาบในมืออย่างกล้าๆ กลัวๆ ขวางหน้าเขาไว้ ถามด้วยน้ำเสียงสั่นระริก “พะ พวกเจ้าเป็นใคร? หะ? เหตุใดถึงมาที่ร้านยาเต๋อเหริน?”
ฉู่เหวินเจี๋ยหยุดชะงัก ขมวดคิ้วเกร็ง ตวาดทั้งสองคนลั่น “ไปบอกให้เปาชิงเหอไสหัวออกมาพบข้าเดี๋ยวนี้!”
ได้ยินเขาเอ่ยนามท่านนายอำเภอโดยตรง เจ้าหน้าที่ทั้งสองนายหันหน้ามองกัน นายหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปรายงาน อีกนายยังคงถือดาบยืนตัวสั่นเผชิญหน้ากับฉู่เหวินเจี๋ย
เจ้าหน้าที่วิ่งเข้ามาหลังเรือนร้องเสียงลั่น “นาย นายท่านขอรับ!”
เปาชิงเหอและใต้เท้าเปารวมถึงเมิ่งเชี่ยนโยวกำลังนั่งวิเคราะห์ข่าวที่เจ้าหน้าที่สืบกลับมาได้ช่วงสองวันนี้ ได้ยินเสียงร้องตะโกนของเจ้าหน้าที่ จึงร้องเอ็ดเขา “มีอะไรค่อยพูดค่อยจา ร้องโวยวายเช่นนี้ใช้ได้ที่ไหน”
เจ้าหน้าที่ยังคงพูดด้วยน้ำเสียงสั่นรัว “ไม่ ไม่ใช่ขอรับ นายท่าน ด้าน ด้านนอกมีคนบอกให้ท่านออกไปพบเขาขอรับ”
“ใครกัน?” เปาชิงเหอถามผ่านประตู
เจ้าหน้าที่ลนลานส่ายหน้า “ไม่ ไม่ทราบขอรับ พวกเขาขี่ม้าเข้ามาด้วยกันสองคนขอรับ”
ทั้งสี่คนหันสบตากัน ลุกขึ้นพรวด เดินไล่หลังกันออกมา แล้วรีบเดินออกไป
เปาชิงเหอเดินนำหน้า เข้ามาในห้องโถงร้านยา เห็นเจ้าหน้าที่ถือดาบจ่อฉู่เหวินเจี๋ย ตกใจจนเกือบหมดสติ ร้องคำรามลั่น “บัดซบสิ้นดี ยังไม่รีบวางดาบลงอีก”
เจ้าหน้าที่ได้ยินดังนั้นรีบลดดาบลง เปาชิงเหอรีบเดินมาเบื้องหน้าฉู่เหวินเจี๋ย แสดงการคำนับอย่างขุนนาง “เปาชิงเหอนายอำเภอแห่งอำเภอชิงเหอ คารวะท่านแม่ทัพใหญ่”
ดาบในมือเจ้าหน้าที่ตกลงพื้นเสียงดัง “เพล้ง”
ฉู่เหวินเจี๋ยแค่นเสียงหึ เดินเข้าไปหลังร้านร้านยาเต๋อเหริน
เปาชิงเหอถลึงตาดุดันใส่เจ้าหน้าที่แวบหนึ่ง จากนั้นรีบเดินตามเข้าไป
ผู้ว่าการตำบลและเหวินซื่อก็เดินตามเข้าไป
เจ้าหน้าที่ตกใจนั่งตัวแข็งทื่อบนพื้น
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินไปตรงหน้าเหวินเปียว เห็นเขายืนแทนไม่ไหวแล้ว รู้ว่าหลายวันมานี้เขาไม่ได้พักเลย รับบังเ**ยนในมือเขามา พูดว่า “เจ้าเข้าไปพักผ่อนในห้องพักของพวกพนักงานก่อนเถอะ”
เหวินเปียวกล่าวขอบคุณ เดินสะโหลสะเหลเข้าไปหลังร้าน ถามห้องพักของพวกพนักงาน พอเข้าไปถึง ก็ปักหัวทิ่มลงบนเตียง ไม่แม้แต่จะถอดรองเท้า เข้าสู่ห้วงนิทราทันที
เมิ่งเชี่ยนโยวกำชับเจ้าหน้าที่สองนาย “พวกเจ้าจูงม้าไปผูกไว้ที่เรือนด้านหลัง”
เจ้าหน้าที่ทั้งสองนายดิ้นรนลุกขึ้น แต่ร่างกายอ่อนปวกเปียก ลุกอย่างไรก็ลุกไม่ขึ้น ถามอย่างสั่นกลัว “แม่นางเมิ่ง ท่านว่าท่านแม่ทัพฉู่จะฆ่าพวกเราหรือไม่?”
“พวกเจ้าปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ มิได้กระทำผิด ท่านแม่ทัพฉู่ไม่ตำหนิพวกเจ้าหรอก” เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าว
นับแต่ที่เมิ่งเชี่ยนโยวปิดคดีชิวผิงได้อย่างง่ายดายในครั้งนั้น เจ้าหน้าที่ประจำอำเภอต่างเคารพเชื่อถือนางเป็นอย่างมาก ได้ยินนางกล่าวเช่นนี้ ความหวาดผวาในใจก็ให้ลดลง น้ำเสียงสั่นระริกถามขึ้น “ที่แม่นางพูดเป็นความจริง?”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ข้าขอรับรองกับพวกเจ้า ท่านแม่ทัพฉู่จะไม่ทำอะไรพวกเจ้า พวกเจ้ารีบพาม้าไปดูแลให้อาหารที่หลังเรือนให้ดีเถอะ”
มีเมิ่งเชี่ยนโยวรับประกัน เจ้าหน้าที่ทั้งสองนายถึงมีเรี่ยวแรงกลับคืน ฝืนลุกขึ้น จูงม้าคนละตัวเข้าไปด้านหลังเรือน
เมิ่งเชี่ยนโยวกลับเข้ามาในห้องเหวินซื่อ เหวินซื่อเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นแก่ฉู่เหวินเจี๋ยด้วยดวงตาแดงกล่ำแล้ว
ฉู่เหวินเจี๋ยได้ฟังแผ่รัศมีสังหารออกมา บรรยากาศหนักอึ้งจนพวกเปาชิงเหอหายใจติดขัด รู้แก่ใจดีว่าครั้งนี้ท่านแม่ทัพฉู่เดือดดาลถึงขีดสุดแล้ว
ไม่ผิดจากที่คาดไว้ หลังจากฉู่เหวินเจี๋ยฟังเบาะแสที่พวกเขาวิเคราะห์ออกมาได้ในช่วงหลายวันนี้จากเปาชิงเหอ ก็ออกปากสั่งการอย่างเกรี้ยวกราด “ถ่ายทอดคำสั่ง วันพรุ่งก่อนช่วงเวลานี้ พวกเขาจักต้องนำตัวคนมาไว้ตรงหน้าข้า”
ตอนที่ 237-1 เคลื่อนย้ายองครักษ์หลวง
เปาชิงเหอและเปาอีฝานลุกขึ้นด้วยความสั่นกลัว ก้มศีรษะโน้มตัว น้อมรับคำ “ขอรับ!”
เหวินซื่อใบหน้าซีดเซียว ดวงตาแดงเรื่อ ขอร้องด้วยเสียงแหบพร่า “ท่านพี่ฉู่ จักต้องมอบคนพวกนั้นให้ข้าจัดการ ข้าจะสับพวกมันเป็นพันเป็นหมื่นชิ้น ล้างแค้นให้เหล่าอวี๋ให้จงได้”
ฉู่เหวินเจี๋ยพยักหน้า รับประกัน “เมื่อถามต้นสายปลายเหตุแน่ชัดแล้ว จะให้เจ้าจัดการพวกมันได้ตามใจ”
น้ำตาที่ฝืนสะกดกลั้นเอาไว้หลายวันพรั่งพรูไหลรินอีกครั้ง พูดสะอึกสะอื้น “ข้าจะพาท่านไปดูเหล่าอวี๋ เขานอนเพียงลำพังในห้องรักษา”
ฉู่เหวินเจี๋ยยื่นมือออกไปตบไหล่เหวินซื่อ ตามเขาไปที่ห้องรักษา
จากนั้นเปาอีฝานก็เดินออกไป ผ่านห้องโถงร้านยา เร่งฝีเท้าเดินมาถึงเหลาจวี้เสียน
เพราะเป็นช่วงปีใหม่ คนที่ออกมากินข้าวน้อย ภายในเหลาจวี้เสียนค่อนข้างเงียบเหงา หลงจู๊กำลังนั่งดีดลูกคิดอย่างเซ็งๆ ในโต๊ะคิดเงิน เห็นเปาอีฝานเข้ามา รีบปั้นหน้ายิ้ม พูดอย่างเป็นกันเอง “คุณชายเปามาแล้ว ยังเป็นห้องรับรองชั้นบนนะขอรับ?”
เปาอีฝานสีหน้าเคร่งขรึม ส่งสายตาให้เขา ตอบว่า “วันนี้ข้ามิได้มากินข้าว ข้ามีเรื่องจะขอให้หลงจู๊ช่วย”
หลงจู๊มองสายตาเขา ลุกขึ้นเดินออกมาจากโต๊ะคิดเงิน พูดว่า “พวกเราเข้าไปคุยในห้องของข้าเถอะ”
พูดจบพาผู้ว่าการตำบลไปที่ห้องตัวเอง
เพิ่งจะพ้นประตูเข้ามา ไม่รอการซักถาม เสียงเปาอีฝานก็ดังขึ้น “นายท่านมีคำสั่ง ให้พวกเราสืบให้ได้ว่าใครที่ลงมืออย่างเ**้ยมอำมหิตกับร้านยาเต๋อเหริน วันพรุ่งก่อนยามนี้ จักต้องนำตัวคนพวกนั้นมาไว้ตรงหน้าเขา”
หลงจู๊ตกตะลึง ซักถามเสียงหลง “นายท่านมาแล้ว?”
เปาอีฝานพยักหน้า “ครั้งนี้คนพวกนั้นแตะเกล็ดย้อน[1]ของนายท่านเข้า นายท่านโมโหเดือดดาล ท่านช่วยพวกเราดำเนินการคล่องตัวหน่อยเถิด จะได้จับตัวคนพวกนั้นมาให้นายท่านได้เร็วขึ้น”
หลงจู๊ชักสีหน้าเคร่งขรึม พยักหน้า
เปาอีฝานบอกเบาะแสที่พวกเขาพบช่วงหลายวันมานี้แก่หลงจู๊
หลงจู๊จดจำขึ้นใจ
สุดท้ายเปาอีฝานพูดว่า “คนพวกนี้คงจะได้ยินข่าวบางอย่าง ถึงมาตำบลชิงซี ตอนลงมือ เจ้าต้องให้พวกเขาจับเป็น นายท่านจะซักถามด้วยตัวเอง”
หลงจู๊พยักหน้ารับคำอีกครั้ง
หลังจากสั่งการแล้ว เปาอีฝานสาวเท้าเดินออกไปจากห้องหลงจู๊ แล้วเดินออกไปจากเหลาจวี้เสียน
หลงจู๊ส่งเขามาถึงหน้าประตูเหลาจวี้เสียนด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ยกยิ้มพูดกับเขาว่า “คุณชายเปาเดินทางดีๆ หากมีเรื่องดีเช่นนี้อีกจะต้องคิดถึงเหลาจวี้เสียนของพวกเรานะขอรับ”
เปาอีฝานผสมโรงตอบกลับ “แน่นอน”
พูดจบ พยักหน้าส่งสัญญาณให้หลงจู๊เล็กน้อย ถึงหันหลังก้าวอาดๆ เดินจากไป
หลงจู๊มองเขาจากไปไกล เก็บคืนรอยยิ้มบนใบหน้า กลับเข้ามาในห้องตัวเอง หยิบของสิ่งหนึ่งมากำไว้ในมือ หยิบกุญแจเปิดประตูข้างของเรือนด้านหลัง เดินเข้าไปกลางสนามฝึกยุทธ์ เปิดสิ่งของในมือออก พลันเกิดเปลวไฟบวกกับเสียงประหลาดหนึ่งปรากฏขึ้นกลางท้องฟ้า คนทั่วไปยังไม่ทันรู้สึกตัว ก็เลือนหายไปแล้ว
หลงจู๊ยืนมือไพล่หลังรอกลางสนามฝึกยุทธ์
ไม่ถึงชั่วเวลาจิบชาหนึ่งถ้วย[2] มีเงาร่างจำนวนหนึ่งลอยตัวตามกันเข้ามาในเรือนด้านหลัง หลบเร้นจากสายตาเสี่ยวเอ้อร์ เข้ามาในสนามฝึกยุทธ์ ประสานมือคำนับหลงจู๊ ร้องพูดประสานเสียง “ท่านหลงจู๊”
หลงจู๊ไม่มีท่าทียิ้มแย้มเหมือนเคย ชักสีหน้าเข้ม พูดกับพวกเขา “นายท่านมาที่นี่ ให้พวกเจ้าพาคนไปสืบหาความจริงคดีล้อมสังหารร้านยาเต๋อเหริน วันพรุ่งก่อนยามนี้จะต้องนำตัวคนมาไว้ตรงหน้าเขา”
“นายท่านมาหรือขอรับ?” น้ำเสียงตื่นเต้นไม่อยากเชื่อถามขึ้น
หลงจู๊พยักหน้า พูดว่า “นายท่านอารมณ์ไม่ดี พวกเจ้าจงทำให้ฉับไว รีบนำตัวคนไปร้านยาเต๋อเหรินโดยไว”
คนทั้งหมดขานรับอย่างนอบน้อม หลังจากซักถามเบาะแส ก็กระโดดตัวลอยออกไปจากลานเรือนด้านหลังเหลาจวี้เสียนอย่างไร้ซุ่มเสียง
หลงจู๊มองพวกเขาจากไปไกล ออกมาจากลานฝึกยุทธ์ ลงกลอนประตูเล็ก กลับเข้ามาในโถงกลางราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เปาอีฝานกลับมาร้านยาเต๋อเหริน ฉู่เหวินเจี๋ยเดินออกมาจากห้องรักษาแล้ว รอบกายเต็มไปด้วยพลังสังหาร ยืนนิ่งกลางลานเรือน ใครก็ไม่กล้าเข้าใกล้
เปาอีฝานประสานมือรายงาน “ท่านแม่ทัพ ถ่ายทอดคำสั่งแล้วขอรับ”
ฉู่เหวินเจี๋ยผงกศีรษะ พลังสังหารรอบกายยังไม่จางหาย พูดเสียงต่ำ “ที่ร้านยาเต๋อเหรินประสบเคราะห์กรรมนี้ เพราะติดร่างแหจากข้า เมื่อจัดการเรื่องนี้จบ ข้าจะพาเหวินซื่อและพนักงานทั้งหมดกลับเมืองหลวง ต่อไปในตำบลจะไม่มีร้านยาเต๋อเหรินอีก ไม่มีพวกเขาคอยช่วย ภายหน้าการตามหาของพวกเจ้าจะยิ่งลำบากขึ้น แต่ว่า ไม่ว่าอย่างไร ภายในสิ้นปีนี้จะต้องตามหาคนให้พบ ในช่วงปีใหม่ ท่านอ๋องจะแต่งตั้งองค์ชาย หากพลาดโอกาสนี้ ถูกสองแม่ลูกคู่นั้นครอบครองไป ภายหน้าต่อให้ตามหาคนพบ ก็คงยากจะพลิกฟื้นสถานการณ์”
เปาอีฝานขานรับอย่างนอบน้อม “ขอรับ ท่านแม่ทัพ พวกเราจะพยายามสุดความสามารถขอรับ”
น้ำเสียงฉู่เหวินเจี๋ยเจือแววบีบเค้น กดเสียงเบาต่ำ “ไม่ใช่พยายาม แต่จะต้องทำให้ได้ ไม่เช่นนั้น พวกเจ้าที่คอยแฝงตัวอยู่ที่นี่จะโดนหางเลขไปด้วย ไม่มีวันได้เชิดหน้าชูตา”
เปาอีฝานขานรับคำอีกครั้ง “ขอรับท่านแม่ทัพ ต่อให้ต้องพลิกตำบลชิงซีทุกตารางนิ้ว ก่อนสิ้นปีพวกเราจะต้องตามหาคุณชายน้อยให้พบ พาพวกเขากลับเมืองหลวงอย่างปลอดภัย”
ฉู่เหวินเจี๋ยคลายความน่ายำเกรงลง “ไม่ต้อง เมื่อพวกเจ้าเจอคนแล้วห้ามกระทำการบุ่มบ่าม ให้คนส่งข่าวบอกข้า ข้าจะมารับด้วยตนเอง ห้ามเปิดเผยตัวตนขององครักษ์หลวงต่อหน้าผู้อื่นเด็ดขาด”
เปาอีฝานรับคำอย่างอ่อนน้อมอีกครั้ง
เปาชิงเหอ เหวินซื่อและเมิ่งเชี่ยนโยวอยู่ในห้อง ได้ยินเสียงสนทนาของทั้งสองคนลางๆ แต่ไม่ได้ยินว่าพวกเขาคุยอะไรกัน
ฉู่เหวินเจี๋ยกำชับเปาอีฝานเสร็จแล้ว เดินตรงเข้ามาในห้อง สั่งให้ทุกคนนั่งลง ถึงพูดกับเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างตื้นตันใจ “แม่นางเมิ่ง เกิดเรื่องกับร้านยาเต๋อเหริน โชคดีได้เจ้ามาช่วยกำกับสถานการณ์โดยรวม ร้านยาเต๋อเหรินถึงไม่ยิ่งวุ่นวายอลหม่าน ขอบใจเจ้ามาก”
เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ “ปกติข้ากับเหวินซื่อและหมอชรามีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ไม่ว่าจะด้วยความสนิทสนมหรือตามหลักการ ข้าก็สมควรเข้ามาช่วย น่าเสียดายที่วิชาการแพทย์ข้ามีจำกัด ไม่อาจยื้อชีวิตหมอชราได้ ให้นึกเสียใจเป็นยิ่งนัก”
ฉู่เหวินเจี๋ยกล่าวว่า “เมื่อครู่ข้าเห็นบาดแผลเหล่าอวี๋แล้ว ต่อให้เป็นหมอเทวดากลับชาติมาเกิด ก็ยื้อชีวิตเขากลับมาไม่ได้ แม่นางอย่าได้เก็บมาใส่ใจเลย”
เหวินซื่อได้ฟังให้ดวงตาแดงเรื่ออีกครั้ง
ฉู่เหวินเจี๋ยมองเขาพูดว่า “เหล่าอวี๋ปกป้องเจ้ามาสิบกว่าปี บัดนี้ยอมเอาตัวบังดาบให้เจ้าจนตาย ถือว่าตายตาหลับแล้ว เจ้าอย่าได้เสียใจไปเลย เมื่อแก้แค้นสำเร็จแล้ว ตามข้ากลับเมืองหลวง รีบสืบทอดร้านยาเต๋อเหรินแต่เนิ่นๆ ถือว่าได้ทำตามความปรารถนาของเขา”
เหวินซื่อพยักหน้าหนักแน่น “แล้วแต่ท่านพี่ฉู่ขอรับ”
ฉู่เหวินเจี๋ยถอนหายใจ พูดอย่างมีนัยแฝง “หวังว่าการตายของเหล่าอวี๋จะทำให้เจ้ากระจ่าง กับคนที่ไม่ประสงค์ดีต่อตนเองอย่าได้ใจอ่อนเด็ดขาด ต่อให้เป็นญาติมิตรก็ตาม ขอเพียงมีใจคิดร้ายต่อเจ้า หมายจะทำลายชีวิตเจ้า เจ้าจักต้องลงมือก่อนเป็นต่อ”
เหวินซื่อสะอึกสะอื้นขานรับ น้ำเสียงเด็ดขาด “ข้าทราบแล้วท่านพี่ฉู่ ข้าเข้าใจความหมายของท่าน ท่านวางใจเถอะ ครั้งนี้หลังจากกลับไปแล้ว ข้าจะไม่ใจอ่อนเหมือนแต่ก่อนอีก ข้าจะต้องได้สืบทอดร้านยาเต๋อเหริน หากใครหน้าไหนกล้ามาขวางทางข้า ข้าจะฆ่าไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม”
ฉู่เหวินเจี๋ยพยักหน้า “เจ้าทำเช่นนี้ได้ย่อมดีที่สุด เหล่าอวี๋ในปรโลกจะได้วางใจ”
เหวินซื่อน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัวอีกครั้ง รีบใช้มือปาดเช็ดอย่างขอไปที
ทุกคนเห็นสภาพทุกข์ตรมของเขา ไม่รู้ว่าควรจะพูดปลอบใจอย่างไรอีก
[1] 触逆鳞 แตะเกล็ดมังกร 逆鳞 คือ เกล็ดใต้คอมังกร ซึ่งหันไปทางตรงข้ามกับเกล็ดบริเวณอื่น เชื่อกันว่าหากใครแตะเกล็ดนี้ มังกรจะโกรธจัด จึงนำมาเปรียบเปรย หมายถึงทำให้เกิดโทสะ โมโหหนัก
[2] เวลาจิบชาหนึ่งถ้วย เป็นวิธีบอกเวลาสมัยโบราณของจีน หมายถึงเวลาประมาณ 15 นาที
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น