หมอดูยอดอัจฉริยะ 236-237

ตอนที่ 236

 

หมั้นหมาย (1)

โดย

Ink Stone_Fantasy

เมื่อออกจากตำบลเยี่ยเทียนก็รีบเดินทางไปเซี่ยงไฮ้ ไม่ว่ายังไงเรื่องของเขากับชิงหย่า ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเห็นด้วยแล้ว ตอนปีใหม่ก็ควรจะไปเยี่ยมเยียนครอบครัวฝ่ายหญิงบ้าง


หลายเดือนนี้ที่เยี่ยเทียนเก็บตัวฝึกวิชาเลยเหินห่างจากชิงหย่าไปพอสมควร การไปครั้งนี้ก็เพื่อขอโทษชดเชยความผิด มีความรักแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว แต่”อาจารย์เยี่ย” รู้ดีว่าหญิงสาวต่างก็ชอบให้คนเอาใจ


อวี๋เฮ่าหรานหลังจากที่ได้ฟังคำแนะนำของเยี่ยเทียนแล้ว ธุรกิจก็ดีวันดีคืน นอกจากโรงงานสิ่งทอเดิม เขายังอยู่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ในเซี่ยงไฮ้ ใช้เงินซื้อที่ดินมาในราคาถูกแล้วสร้างตึกรามที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง


ตอนนี้ตระกูลอวี๋อาศัยอยู่ในบ้านวิลล่าที่เป็นกิจการของตัวเอง พื้นที่ดีมาก แม้จะอยู่ในเขตที่พลุกพล่าน แต่สภาพแวดล้อมรอบๆบ้านกลับเงียบสงบ จึงเป็นบ้านที่สุขสงบอยู่ท่ามกลางความวุ่นวาย


“นี่ ผมมาหาเจ้าของวิลล่าเลขที่8ที่ชื่ออวี๋เฮ่าหราน อย่า…อย่าดันผมสิ?”


พื้นที่ในเขตนี้การรักษาความปลอดภัยแน่นหนามาก “อาจารย์เยี่ย”แค่อยากจะมาเซอร์ไพรส์อวี๋ชิงหย่าเท่านั้น ตอนนี้กลับถูกกันไว้อยู่นอกรั้วหมู่บ้าน


“คุณผู้ชาย เชิญคุณรออยู่นอกประตูก่อน พวกเราต้องได้รับการยืนยันจากเจ้าของบ้านถึงจะให้คุณเข้าไปได้!”


เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยถึงจะพูดด้วยความสุภาพ แต่ยังดันเยี่ยเทียนออกไปจากป้อมยามจนได้ ยิ่งเห็นการแต่งกายกับกระเป๋าสกปรกที่เยี่ยเทียนสะพายอยู่ อดไม่ได้ที่จะเคลือบแคลงใจ


ไปโทษยามไม่ได้ที่เขามองคนที่ภายนอก เยี่ยเทียนเดินทางหลายวันเสื้อผ้าถึงยังสะอาดอยู่แต่ก็มีรอยยับ พวกยามที่เห็นแต่เสื้อผ้าแบรนด์เนมจนชินแล้ว มองแวบเดียวก็รู้ว่านี่เป็นของจีนแดง


พวกแม่บ้านในวิลล่าต่างก็ถือกระเป๋าLV พวกยามถึงจะไม่มีเงินแต่ก็ตาสูง แน่นอนว่าไม่เห็นความสำคัญของหนุ่มขอทานข้างถนนอย่างเยี่ยเทียนหรอก


“ได้ ผมยืนห่างออกมาอีก จะได้ไม่รำคาญลูกตาคุณ…” เห็นสายตาที่มองอย่างกับมองขโมยของยาม เยี่ยเทียนยิ้มแหย ส่ายศีรษะ ยืนรออยู่นอกป้อมยาม


“คุณหนูอวี๋ คุณมาแล้วเหรอ?จะออกไปข้างนอกเหรอครับ?” ไม่ถึงสามนาทีเยี่ยเทียนได้ยินน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปจากเสียงเย็นชาเมื่อครู่ของยาม ตอนนี้น้ำเสียงเต็มไปด้วยความประจบประแจง


“เยี่ยเทียน? เยี่ยเทียนเธออยู่ไหน?”


เมื่อครู่อวี๋ชิงหย่าได้รับโทรศัพท์ของเยี่ยเทียน เขาบอกว่าอยู่หน้าหมู่บ้าน ก็รีบออกมาจนไม่ได้เปลี่ยนรองเท้า ยังใส่รองเท้าแตะผ้าเดินในบ้านอยู่เลย


เยี่ยเทียนยื่นศีรษะออกไปจากป้อมยาม ยิ้มแหะๆ “ฉันอยู่นี่…”


“เธอเจ้าคนนิสัยไม่ดี!”


อวี๋ชิงหย่าเห็นเยี่ยเทียนมาจริง กลับหมุนตัวหันหลังกลับเข้าไปในหมู่บ้าน หญิงสาววัยยี่สิบกว่าตัวติดกับแฟนหนุ่มเป็นตังเม แต่เมื่อสามเดือนที่ผ่านมา เธอไม่ได้เจอหน้าเยี่ยเทียนสักครั้ง อวี๋ชิงหย่าโกรธเข้าแล้วจริงๆ


“นี่ นี่ รอฉันด้วยสิ!”


“คุณผู้ชายเข้าไปไม่ได้นะครับ!”


เยี่ยเทียนจะรีบตามเข้าไป กลับถูกยามขวางไว้ หญิงสาวเป็นถึงลูกสาวของเถ้าแก่ใหญ่ ทุกทีจะคุยด้วยยังยาก ตอนนี้โอกาสมาถึงแล้ว


ยามเห็นว่าเยี่ยเทียนต้องเป็นคนที่มาตามตื้อคุณหนูอวี๋แน่นอน แต่ต้องเป็นประเภทที่หน้าหนาเอามากๆ ถ้าเขาไล่เยี่ยเทียนกลับไปได้ จะถือว่าทำความดีความชอบ


“เธอไม่สนใจฉันเลยเหรอ?”


เยี่ยเทียนถูกยามนั่นเล่นงานจนยิ้มไม่ออก คนตาบอดยังรู้เลยว่าเขากับชิงหย่าเป็นอะไรกัน ยามคนนี้สมองทึบอย่างกับหิน ไม่รู้อะไรเลยจริงๆ?


“ถ้ายังไม่ออกไปผมจะไม่เกรงใจแล้วนะ?” ยามชักเอาไม้กระบองออกมา มองหน้าเยี่ยเทียนอย่างประสงค์ร้าย พร้อมทั้งหยิบวอขึ้นมาเตรียมเรียกกำลังเสริม


เยี่ยเทียนไม่รู้จะทำอย่างไร จึงตะโกนบอกชิงหย่าว่า “ชิงหย่า เขาไม่ให้ฉันเข้าไป งั้นฉันกลับปักกิ่งแล้วนะ!”


“เธอกล้าเหรอ?” ได้ยินเสียงตะโกนของเยี่ยเทียน ทำเอาชิงหย่าตวาดกลับแทบไม่ทัน แล้วหันไปพูดกับยามว่า “เขาเป็นเพื่อนของฉัน ให้เขาเข้ามาเถอะ…”


“เป็นแค่เพื่อนเหรอ? ชิงหย่าเธอพูดตกไปนะ ต้องเติมคำว่าชายลงไปด้วยเป็นเพื่อนชายสิ?”


การรับมือกับชิงหย่า เยี่ยเทียนมีวิธีอยู่แล้ว ตั้งแต่เรียนประถม เขาสามารถแกล้งให้ชิงหย่าร้องไห้ได้ อีกสามนาทีต่อมาหยอกเย้าให้เธอหัวเราะได้เช่นกัน


“นิสัยไม่ดี!” อวี๋ชิงหย่าตวัดสายตาใส่เยี่ยเทียน แล้วเดินกลับเข้าไปในหมู่บ้าน เยี่ยเทียนยิ้มแหย รีบตามเข้าไป


“นี่…นี่ ให้ตายเถอะ ดอกฟ้ากับหมาวัด?”


เห็นแบบนี้แล้วยามจึงเข้าใจสถานะของทั้งสอง ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงจะดึงสติกลับมาได้ อดไม่ได้ที่จะส่องกระจกในป้อมยาม ทำไมเขารู้สึกว่าเจ้านั่นไม่เห็นหล่อเท่าตัวเองเลย?ทำไมถึงได้คบหากับลูกสาวของเถ้าแก่ได้?


เยี่ยเทียนกุลีกุจอตามอวี๋ชิงหย่ามาติดๆ พูดว่า “ชิงหย่า ฉันอธิบายให้เธอฟังแล้วไง หลายเดือนก่อนฉันต้องรักษาตัว ใช่ละ จะบอกให้ว่าตอนนี้ร่างกายฉันแข็งแรงสมบูรณ์ดีแล้ว เราก็จะได้…ต่อไปเราก็จะได้แบบนั้นกันได้แล้ว!


คบกับอวี๋ชิงหย่ามาได้สองสามปี ทั้งสองเคยทั้งจูงมือ เคยทั้งจูบกัน โอบกอดกันก็เคย ชิงหย่าเตรียมยอมพลีกายให้เยี่ยเทียนอยู่หลายครั้ง แต่เยี่ยเทียนยังคงรักษาคำสั่งของนักพรตเฒ่า ไม่กล้าฝืนคำสั่งเกินเลยไปแม้แต่น้อย


ต่อให้ความอดทนอดกลั้นของเยี่ยเทียนจะสูงแค่ไหน แต่เขาก็เป็นเพียงเด็กหนุ่มอายุยี่สิบกว่าเท่านั้น แม้ตอนเด็กจะได้ยินได้ฟังเรื่องที่พวกนักพรตเล่าว่าผู้หญิงนั้นเป็นเสือ แต่เยี่ยเทียนก็สนใจเรื่องหญิงหญิงชายชายอยู่มาก


ครั้งนี้มาเยี่ยมญาติฝ่ายหญิง เพราะอยากจะให้ชิงหย่าไปปักกิ่งกับเขา รอให้ใช้อาคมทำให้ดวงชะตาของอวี๋ชิงหย่าเปลี่ยนได้แล้ว ทั้งสองคนก็จะได้อยู่ด้วยกันจริงๆแล้ว


“อะไรนั่นมันคืออะไรล่ะ?” ได้ยินคำที่เยี่ยเทียนพูด จึงหยุดถามกลับด้วยความสงสัย


“ก็คือ…ก็คือ โอ้ย แล้วแต่เธอจะคิดแล้วกัน!” เยี่ยเทียนจะหน้าหนาแค่ไหน ก็ไม่กล้าพูดออกไปต่อหน้าคนใสซื่ออย่างชิงหย่า


“เธอเลวเป็นบ้าเลย!” อวี๋ชิงหย่ารู้ทันความหมายของเยี่ยเทียน วิ่งหน้าแดงกลับบ้านไป


เข้าไปที่บ้านอวี๋แล้ว เยี่ยเทียนต้องเก็บงำความขี้เล่นไว้ นำเอาแท่นหมึกโบราณออกมาจากกระเป๋ามอบให้ว่าที่พ่อตา อวี๋เฮ่าหรานเคยเป็นครูมาก่อน ฝีมือการเขียนพู่กันจีนนั้นสุดยอด ของขวัญชิ้นนี้ถือว่าเหมาะสมฐานะ


ส่วนว่าที่แม่ยาย เยี่ยเทียนก็ได้เตรียมของขวัญมาเหมือนกันเป็นต่างหูหยกเฝยชุ่ยคู่หนึ่ง ลวดลายละเอียดอ่อน อีกทั้งสีเขียวสดสว่าง เป็นหยกเนื้อกระจกอย่างดี เคยเป็นเครื่องประดับหยกหนึ่งในสองชุดของซ่งเหม่ยหลิงภรรยาของเจียงไคเช็ค


แน่นอนว่าลำพังเยี่ยเทียนจะไปหาของพวกนี้มาจากที่ไหน เยี่ยตงผิงให้เขาติดตัวมาด้วย เพื่องานมงคลของลูกชาย ถือว่าเยี่ยตงผิงได้ทำตามหน้าที่พ่อแล้ว ต่างหูคู่นั้นใครจะรู้ว่าราคาตั้งเป็นล้าน


เมื่อรับของขวัญแล้ว อวี๋เฮ่าหรานถามเยี่ยเทียนว่า “เยี่ยเทียน ผมเธอไม่ได้ย้อมมาใช่ไหม?”


อวี๋เฮ่าหรานเห็นเยี่ยเทียนตั้งแต่เด็กจนโต ถึงจะไม่มีความคิดเห็นกับการแต่งงานครั้งนี้ แต่เยี่ยเทียนได้ใช้วิชาฝืนลิขิตฟ้าให้กับนักพรตเฒ่า สภาพร่างกายของเขากลับทำมห้อวี๋เฮ่าหรานกังวล


“ลุงอวี๋ ไม่ได้ย้อมครับ ช่วงก่อนเก็บตัวอยู่หลายเดือน ตอนนี้ร่างกายฟื้นฟูแข็งแรงดีแล้ว!” เป็นคนกันเองทั้งยังรู้ถึงความสามารถของเขา เยี่ยเทียนไม่ได้ปิดบังอะไร


“งั้นก็ดี เยี่ยเทียน ปีนี้เธอยี่สิบสองแล้วนะ?” อวี๋เฮ่าหรานเริ่มถาม


เยี่ยเทียนพยักหน้า “เลยยี่สิบสองแล้ว ลุงอวี๋ ทำไมหรือ?”


“ชิงหย่าอ่อนกว่าเธอครึ่งปี แต่งงานตอนนี้ออกจะเร็วไป แต่เธอทั้งสองหมั้นกันไว้ก่อน”


“อะไรนะ!?”


“พ่อ!”


อวี๋เฮ่าหรานเพิ่งพูดจบ เยี่ยเทียนกับอวี๋ชิงหย่าก็ร้องออกมาด้วยความตกใจ  ทั้งสองคนรักใคร่กันด้วยความจริงใจ แต่เพราะอายุยังน้อยทั้งคู่ จึงยังไม่ได้คิดไปถึงเรื่องแต่งงาน


“ทำไม?ไม่ยอมเหรอ?” อวี๋เฮ่าหรานถามเยี่ยเทียน เขาไม่ต้องถามลูกสาวเลย เพราะวันๆเขาได้ยินลูกสาวบ่นถึงชื่อเยี่ยเทียนวันละสิบกว่ารอบ นั่นไม่ได้ชัดเจนอยู่แล้วหรือ?


“ยอมครับ ต้องยอมสิครับ ลุงอวี๋ ลุงว่ายังไงก็ทำตามนั้นแหละครับ!”


เยี่ยเทียนถึงจะรู้สึกแปลกใจ แต่ก็ตกปากรับคำออกไป ถามต่อว่า “ลุงอวี๋ เรื่องนี้ลุงพูดกับพ่อผมหรือยัง?”


อวี๋เฮ่าหรานตอบว่า “เมื่อวานฉันโทรหาพ่อของเธอ พรุ่งนี้เขาจะบินมาที่นี่ เราจัดงานในเซี่ยงไฮ้ก่อน แล้วที่ปักกิ่งจะจัดหรือไม่จัดก็แล้วแต่พวกเธอ”


“พ่อผมจะมาพรุ่งนี้?แล้ว…แล้วจะหมั้นกันเมื่อไหร่ครับ?” ได้ยินที่อวี๋เฮ่าหรานพูด ทั้งเยี่ยเทียนและอวี๋ชิงหย่าได้แต่ตะลึงงัน เป็นเรื่องของเขาสองคนแท้ๆ ทำไมกลับไม่รู้เรื่องอะไรเลย?


ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ในงานหมั้นก็ต้องใส่ชุดเจ้าสาว ชุดเจ้าสาวยังไม่ได้เตรียมเลย อวี๋ชิงหย่ายังไม่เท่าไหร่ แต่เยี่ยเทียนนี่สิ จะให้เขาใส่กางเกงยีนส์กับเสื้อสูทเข้างานไม่ได้นะ?


อวี๋เฮ่าหรานคิดเล็กน้อย กล่าวต่อว่า”ถัดจากวันมะรืนเป็นวันที่สิบสี่กุมภาไม่ใช่เหรอ?เป็นวันแห่งความรักของวัยรุ่น งั้นก็หมั้นกันวันนั้นแลัวกัน!”


“ถัด…ถัดจากวันมะรืน? ลุงอวี๋ มีเรื่องอะไรรึเปล่า?” เยี่ยเทียนมองออก อวี๋เฮ่าหรานที่ออกจะหวงลูกสาวแต่ต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น ที่เขาไม่รู้ ถึงจะให้หมั้นกันรวดเร็วขนาดนี้


“มีเรื่องอะไรที่ไหนกันเล่าชิงหย่าทำงานที่ปักกิ่ง แล้วก็ไปอยู่กับเธอบ่อยๆ ถ้าไม่หมั้น ไม่มีสถานะชัดเจน แล้วจะไม่ให้เป็นขี้ปากชาวบ้านได้ยังไง?”


อวี๋เฮ่าหรานโบกมือ พูดต่อ “ชิงหย่า ลูกขับรถพาเยี่ยเทียนออกไปหาซื้อชุดแต่งงานเถอะ เหลือเวลาอีกสามวัน น่าจะซื้อแบบตัดสำเร็จแล้ว


“ค่ะ หนูจะพาเยี่ยเทียนไปเดี๋ยวนี้!” อวี๋ชิงหย่าไม่ได้คิดซับซ้อนเหมือนเยี่ยเทียน พอได้ยินคำสั่งของพ่อ ก็ไม่มัวแต่อายม้วน รีบลากเยี่ยเทียนออกประตูไป


รอจนทั้งสองออกไปแล้ว แม่ของอวี๋ชิงหย่าถามว่า “เหล่าอวี๋ หมั้นกันเร็วขนาดนี้ ไม่ใจร้อนไปหน่อยเหรอ?”


แม่ของอวี๋ชิงหย่าการศึกษาไม่ได้สูงนัก แต่ตอนสาวๆนั้นสวยมาก ตลอดหลายปีมานี้ก็รักใคร่กับอวี๋เฮ่าหรานดี ตอนนี้เรื่องแต่งงานของลูกสาว กลับไม่ได้ปรึกษากับเธอก่อนสักนิด เธอจึงรู้สึกไม่สบายใจ


“เธอคิดว่าฉันอยากเหรอ ซิ่วเหลียน รีบให้ชิงหย่าหมั้นก่อนจะไปอยู่ปักกิ่ง จะได้ตัดความหวังของใครบางคน” อวี๋เฮ่าหรานถอดถอนใจ เอนกายพิงโซฟา สีหน้าแสดงออกถึงความเหนื่อยล้า

 

 

 


ตอนที่ 237

 

หมั้นหมาย (2)

โดย

Ink Stone_Fantasy

เห็นท่าทางเหนื่อยอ่อนของสามี แม่ของอวี๋ชิงหย่ายืนขึ้น เดินไปด้านหลังของอวี๋เฮ่าหรานแล้วกดบ่าของเขาไว้ กระซิบถามว่า “เฮ่าหราน เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ?”


“ไม่มีอะไรหรอก ซิ่วเหลียน เธอไม่ต้องกังวล…”


อวี๋เฮ่าหรานโบกมือ หลับตาลง เขาไม่เคยเอาเรื่องงานมาเล่าให้ที่บ้านฟังแม้แต่น้อย เพราะถึงพูดไป ภรรยาก็ช่วยอะไรไม่ได้ มีแต่จะทำให้เธอกระวนกระวายใจตามไปด้วย


อวี๋เฮ่าหรานมีเรื่องเดือดร้อนจริงๆ และยังเป็นเรื่องใหญ่โตอีกด้วย


เมื่อปีก่อน อวี๋เฮ่าหรานได้พาบุตรสาวไปร่วมงานประชุมผู้ประกอบการประจำปี ในงานนั้นมีคนหนุ่มชื่อซ่งเสี่ยวเจ๋อ แสดงออกว่าชอบพอในตัวอวี๋ชิงหย่า


เมื่อจบงานซ่งเสี่ยวเจ๋อได้ชวนอวี๋ชิงหย่าไปทานข้าวด้วยกันในวันรุ่งขี้น ถึงแม้ตอนนั้นอวี๋ชิงหย่ากำลังงอนอยู่กับเยี่ยเทียน แต่จะไม่ไปนัดเดทกับชายอื่นเด็ดขาด จึงตอบปฏิเสธไป


ขอเดทกับอวี๋ชิงหย่าไม่สำเร็จ ซ่งเสี่ยวเจ๋อจึงมาหาอวี๋เฮ่าหรานแทน ตอนนั้นเขาไม่ได้สนใจหนุ่มคนนี้แม้แต่น้อย แต่ข้าราชการที่ติดตามมาด้วยพูดถึงเบื้องหลังของชายหนุ่ม อวี๋เฮ่าหรานก็อดไม่ได้ที่จะไม่มองข้าม


ตระกูลอวี๋อาศัยอยู่ในเซี่ยงไฮ้ นับว่ารากฐานมั่นคง และได้ผ่านทั้งความรุ่งโรจน์และความวิปโยคมาหมดแล้ว ผู้ที่สามารถทำให้คนอย่างอวี๋เฮ่าหรานนั้นหวั่นเกรงได้ ต้องเป็นคนแบบไหน หรือมีภูมิหลังแบบไหนกัน


แต่คนตระกูลซ่ง เป็นผู้ที่อวี๋เฮ่าหรานไม่ควรจะไปมีปัญหาด้วย ไม่ว่าธุรกิจด้านไหน บ้านตระกูลเยี่ยก็ไม่อาจเทียบชั้นกับตระกูลซ่งได้เลย


เมื่อก่อนบ้านตระกูลซ่งมีการแบ่งออกเป็นบ้านทางเหนือกับทางใต้ บ้านทางใต้ออกไปอยู่ต่างประเทศ บ้านทางเหนืออยู่ในประเทศและมีความเจริญก้าวหน้า ในปัจจุบันภายใต้การนำของซ่งเฮ่าเทียน ทำให้บ้านซ่งเหนือกับซ่งใต้กลับมารวมกันอีกครั้ง กลายเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่แม้แต่บริษัทการเงินยักษ์ใหญ่ยังไม่กล้าประมาทด้วย


มาถึงวันนี้ บ้านตระกูลซ่งไม่เพียงแต่ครอบครองพื้นที่ทางการเมืองส่วนหนึ่งในประเทศ ในโลกธุรกิจยังมีอิทธิพลมหาศาล พวกพ่อค้าเชื้อสายจีนในต่างประเทศต่างก็พร้อมจะทำงานถวายหัวให้กับบ้านตระกูลซ่งทั้งนั้น


ไม่รู้ว่าทำไมนักธุรกิจตระกูลซ่งผู้ควบคุมกลุ่มสมาคมวอลสตรีทซึ่งไม่เคยเหลียวแลธุรกิจในประเทศจีนมาก่อน สองปีมานี้กลับปรับกลยุทการลงทุน หว่านเงินทุนก้อนใหญ่ในธุรกิจในประเทศ งานวิศวกรรมสำคัญหลายอย่างต่างก็มีชื่อของนักกลุ่มนี้เป็นผู้ร่วมทุนอยู่ด้วย


โดยเฉพาะในเซี่ยงไฮ้อิทธิพลของกลุ่มลงทุนนี้ขยายตัวขึ้น บ้านตระกูลซ่งไม่เพียงแต่เป็นกลุ่มธุรกิจรายใหญ่ในเซี่ยงไฮ้ ยิ่งกว่านั้น เป็นพันธมิตรที่มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับตู้เยวี่ยเซิงและหวังจินหรง ผู้ซึ่งถูกขนานนามว่าเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้


หลังจากการปฏิวัติวัฒนธรรม เรื่องราวเหล่านี้กลายเป็นประวัติศาสตร์ไป แต่ทุกวันนี้เบื้องหลังของกลุ่มธุรกิจในเซี่ยงไฮ้ยังคงหลงเหลือร่องรอยของบุคคลกลุ่มนี้อยู่


ดังนั้นการเข้ามาจากต่างประเทศของบ้านตระกูลซ่งนั้นจึงราบรื่น ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง เพียงเวลาสั้นๆแค่สองปี ก็เกือบจะเห็นจุดยืนอันยิ่งใหญ่ของตระกูลซ่งเฉกเช่นความเจริญในอดีต


ส่วนซ่งเสี่ยวเจ๋อคนนี้ เป็นตัวแทนบ้านตระกูลซ่งคนใหม่ที่เพิ่งถูกส่งตัวมาที่เซี่ยงไฮ้


ลูกหลานบ้านตระกูลซ่งมีทั้งในและต่างประเทศ ถ้าหากซ่งเสี่ยวเจ๋อเป็นเพียงสมาชิกตระกูลธรรมดาคนหนึ่งล่ะก็อวี๋เฮ่าหรานคงจะไม่ได้ใส่ใจนัก แต่เขาเป็นถึงเส้นสายของลูกชายคนโตของตระกูลซ่งที่ถูกเลี้ยงดูอบรมสั่งสอนมาในต่างประเทศ


แน่นอนว่าจุดยืนของอวี๋เฮ่าหรานในเซี่ยงไฮ้คนหนุ่มอย่างซ่งเสี่ยวเจ๋อไม่สามารถทำให้สั่นคลอนได้ เพราะเขาเป็นแค่คนที่ถูกสั่งสอนมา ไม่ใช่ผู้กุมบังเหียนตัวจริง


เพื่อไม่ให้เรื่องราวบานปลายจนเกิดความยุ่งยากตามมา อวี๋เฮ่าหรานจึงรีบตัดสินใจให้ลูกสาวหมั้นกับเยี่ยเทียน เพื่อตัดความหวังของชายหนุ่ม


“ไม่งั้นบอกเรื่องนี้กับเยี่ยเทียนไหม?”


อวี๋เฮ่าหรานคลึงขมับเบาๆ ลดมือลง ตัดสินใจว่า “ช่างมันเถอะ ด้วยนิสัยของเขา ถ้ารู้เรื่องนี้เข้า ต้องก่อเรื่องขึ้นอีกแน่นอน!”


การเป็นครูของเยี่ยเทียนตั้งแต่เด็ก อวี๋เฮ่าหรานรู้ซึ้งถึงนิสัยของลูกศิษย์และลูกเขยในอนาคตเป็นอย่างดี เยี่ยเทียนดูเหมือนเป็นคนไม่สนใจอะไร แต่เป็นคนที่ทั้งใจแคบขี้ระแวงและใจกล้ามากทีเดียว


ถ้าให้เยี่ยเทียนรู้เข้า ไม่แน่ว่าเขาอาจจะก่อเรื่องเดือดร้อนขึ้นมาอีก ถึงจะพอมีวิชาทำนายและวิชาอาคม แต่การเผชิญหน้ากับตระกูลซ่งคงเป็นได้แค่ผู้ที่ไม่ประมาณตน


ดังนั้นอวี๋เฮ่าหรานจึงตัดสินใจไม่บอกเยี่ยเทียน รอจนหมั้นหมายกันเรียบร้อยแล้ว ให้ลูกสาวตามเขาไปอยู่ที่ปักกิ่ง ซ่งเสี่ยวเจ๋อคงจะตายใจไปเอง


…………………………-


“ถุย ดูก็รู้ว่าเป็นพวกเกาะผู้หญิงกิน!”


เมื่ออวี๋ชิงหย่าขับรถยนต์สีแดงพาเยี่ยเทียนออกไปจากบ้านวิลล่า ยามเฝ้าประตูเอาแต่ถุยน้ำลายสบประมาทเยี่ยเทียนอยู่ไกลๆ


ในความเห็นของยาม คุณหนูอวี๋กับเยี่ยเทียนอยู่ด้วยกัน เหมือนกับการนำดอกไม้แสนสวยไปปักไว้บนมูลวัว แต่ถ้าให้ตัวเขาเองไปนั่งแทนตำแหน่งเยี่ยเทียนบนรถนั่น ก็จะกลายเป็นเรื่องคุณหนูผู้สูงศักดิ์กับบัณฑิตยากจนไปเสีย


“ชิงหย่า ลุงอวี๋เป็นอะไรไป? ยังไม่ทันจะทักทายกันจบ อยู่ๆก็พูดเรื่องหมั้นหมายเสียแล้ว?”


เยี่ยเทียนที่นั่งอยู่ในรถสีแดง ไม่มีแก่จิตแก่ใจจะไปเดาว่ายามคิดยังไง จนมาถึงตอนนี้ เขายังพิศวงกับท่าทีของอวี๋เฮ่ารานเมื่อครู่


คำพูดของอวี๋เฮ่าหรานเยี่ยเทียนฟังออกว่าพ่อของเขาเองยังไม่รู้เรื่องหมั้นหมายมาก่อนเลย ถ้าเดาไม่ผิดต้องเป็นเพราะว่าอวี๋เฮ่าหรานเพิ่งตัดสินใจเดี๋ยวนั้น


แม้เยี่ยเทียนจะไม่ได้ปฏิเสธเรื่องการหมั้นกับอวี๋ชิงหย่า แต่เขาเป็นหมอดูผู้ล่วงรู้อนาคต เขากลับไม่ชอบเรื่องที่อยู่นอกเหนือการควบคุม


“ทำไม? เธอไม่อยากเหรอ?” อวี๋ชิงหย่าที่ดีใจอยู่ในตอนแรก ก็หันหน้าหาเยี่ยเทียนแล้วขมวดคิ้วใส่ รอยยิ้มบนในหน้าหายไปทันใด


เห็นสีหน้าของอวี๋ชิงหย่าแล้ว เยี่ยเทียนรีบอธิบาย “เราสองคนหมั้นหมายกันฉันก็ต้องดีใจอยู่แล้ว ทำไมเธอถึงอ่อนไหวง่ายจัง?ฉันแค่รู้สึกว่ามันออกจากฉุกละหุกไปหน่อย เธอไม่รู้สึกเหรอ?”


“ที่เธอพูดก็ถูก พ่อไม่เคยพูดกับฉันมาก่อน…” ได้ฟังที่เยี่ยเทียนพูด อวี๋ชิงหย่าเลิกคิ้วขึ้น ถึงเธอจะเป็นคนใสซื่อ แต่สติปัญญาหลักแหลม ไม่อย่างนั้นคงสอบเข้ามหาวิทยาลัยหวาชิงไม่ได้หรอก


“ชิงหย่า ช่วงนี้บ้านเธอมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นรึเปล่า? ธุรกิจของลุงอวี๋เป็นยังไงบ้าง?” เยี่ยเทียนถามตามตรง


อวี๋ชิงหย่าส่ายหน้า “ไม่มีอะไรนี่นา ธุรกิจของพ่อฉันก็ดีอยู่ ปีก่อนยังไม่ได้เป็นผู้ประกอบการดีเด่นในเซี่ยงไฮ้อยู่เลย!”


“แล้วช่วงนี้มีคนมาจีบเธอหรือเปล่า?” เยี่ยเทียนถามต่อ


“มีอยู่แล้ว!”


อวี๋ชิงหย่าเหลือบมองเยี่ยเทียนทีหนึ่งแล้วพูดว่า “ฉันน่ะได้รับดอกไม้ทุกวัน ถ้าฉันยินยอมล่ะก็ ตั้งแต่ตอนนี้จนถึงวันนี้ปีหน้าก็มีคนมาเข้าแถวรอนัดเดทกินข้าวกับฉันทุกวัน…”


“ใช้ได้หนิ ตั้งแต่วันนี้ไป จนตลอดชีวิตของเธอ ฉันจองไว้แล้ว!” เยี่ยเทียนหัวเราะออกมา กุมมืออวี๋ชิงหย่าที่อยู่บนคันบังคับเกียร์


“อย่าเล่นน่า ขับรถอยู่นะ…” อวี๋ชิงหย่าตัวสั่นเล็กน้อย รีบดึงมือกลับไปวางบนพวงมาลัยรถ


เยี่ยเทียนปั้นหน้าจริงจัง แล้วถามว่า “ชิงหย่า แล้วหลายวันมานี้มีใครที่ทำให้เธอรู้สึกรำคาญเป็นพิเศษบ้างไหม?หรือคนที่ลุงอวี๋ไม่ชอบหน้าเอามากๆ?”


“คนที่ไม่ชอบ?คนพวกนั้นน่ารำคาญทุกคน เดี๋ยวก็จะนัดฉันไปกินข้าว เดี๋ยวก็ไปดูคอนเสิร์ต…”


หลังจากกลับมาถึงเซี่ยงไฮ้แล้ว เกือบทุกครั้งที่อวี๋ชิงหย่าออกไปข้างนอกกับบิดา มักจะได้พบกับชายหนุ่มที่มาขอนัดเดท ทำให้อวี๋ชิงหย่ารู้สึกหงุดหงิดรำคาญใจมาก


แต่คนที่จะทำให้พ่อของเธอไม่ชอบได้ อวี๋ชิงหย่าคิดไม่ออกว่าจะเป็นใครได้บ้าง เพราะเรื่องแบบนี้ผู้เป็นพ่อมักให้เธอจัดการเอาเอง


คิดทบทวนถึงเรื่องที่เกิดขึ้นช่วงที่ผ่านมานี้ อยู่ๆอวี๋ชิงหย่าก็นึกขึ้นมาได้ “ใช่ละ มีคนหนึ่งน่ารำคาญมากเป็นพิเศษ เคยเจอกันแค่ครั้งเดียว ก็จะชวนฉันไปดูหนังให้ได้ ฉันปฏิเสธไปตอนนั้นแล้ว แต่ตอนหลังเหมือนว่าจะไปหาพ่ออีก ตอนค่ำพ่อกลับมาบ้าน ดูพ่อไม่ค่อยสบายใจเลย!”


“คนๆนั้นชื่ออะไร?” เยี่ยเทียนถาม


“เหมือนจะแซ่ซ่ง ใช่ แซ่ซ่ง ชื่อซ่งเสี่ยวเจ๋อ ดูเป็นคนหลงตัวเองมาก เหมือนกับว่าผู้หญิงทั้งโลกจะมาพิศวาสเขาเพียงคนเดียวอย่างนั้น!”


อวี๋ชิงหย่าพูดไปเบ้ปากไป ดูน่ารักดี อยู่ปักกิ่งมานานหลายปีโดยเฉพาะตอนที่อยู่กับคนจัดจ้านอย่างเว่ยหรงหรง ทำให้หลายครั้งที่อวี๋ชิงหย่าได้หลุดคำพูดที่ทำให้คนอื่นคิดไม่ถึงออกมา


“แซ่ซ่ง?ชื่อซ่งเสี่ยวเจ๋อ?” เยี่ยเทียนได้ยินก็นิ่งไป หลับตาลง ทำการทำนายชื่ออยู่ในใจ


เมื่อเห็นเยี่ยเทียนไม่คุยต่อ จึงรีบถามว่า “เยี่ยเทียน เป็นอะไรไป?ฉันกับเขาไม่มีอะไรกันเลยนะ คนนั้นน่ะน่ารังเกียจที่สุด!”


เยี่ยเทียนลืมตาแล้วยิ้มออกมา “ฉันรู้ ชิงหย่า คนๆนี้มีที่มาบางอย่าง อาจเป็นเพราะเขาลุงอวี๋ถึงให้เรารีบหมั้นกัน แต่ยังไงก็ต้องขอบคุณเขานะ ไม่อย่างนั้นเราสองคนไม่ได้สมหวังเร็วขนาดนี้!”


“ทำไมนายหน้าหนาจัง?ใครจะได้สมหวังกับนายกันเล่า?” อวี๋ชิงหย่าได้ยินสิ่งที่เยี่ยเทียนพูดก็เขินหน้าแดง แต่ไม่ได้สังเกตุเลยว่าคนรักกำลังยิ้มเย็นอย่างมีเลศนัย


วิลล่าที่บ้านตระกูลอวี๋อาศ้ยอยู่นั้นอยู่ในเขตชุมชนพลุกพล่าน ขับรถผ่านไปเจ็ดแปดนาทีอวี๋ชิงหย่าได้จอดรถที่หาดไว่ทานที่มองเห็นวิวของตึกสไตล์ยุโรปเรียงรายสวยงาม


“เยี่ยเทียน ร้านนี้เป็นร้านเสื้อผ้าแบรนด์ยุโรปที่มีชื่อเสียงมากนะ พ่อของฉันตอนออกงานสำคัญต้องมาสั่งตัดชุดที่ร้านนี้!” จอดรถเสร็จแล้วอวี๋ชิงหย่าควงแขนเยี่ยเทียนเดินเข้าไปในแนวตึกแบบโบราณห้องหนึ่ง


“ฉันไม่มีเงินเลยนะ ครั้งนี้เป็นเพราะพ่อตาบังคับหมั้น เลยต้องให้ท่านออกเงินเสียบ้าง!”


เข้าไปในร้านแล้วเยี่ยเทียนใจเต้นแรงเมื่อเห็นราคา แต่ยังเก็บสีหน้าอาการให้เรียบเฉย เงินในกระเป๋าของเขาตอนนี้มีอยู่หลายพัน แต่ที่นี่น่าจะพอซื้อได้แค่แขนเสื้อข้างหนึ่งเท่านั้น?


ฟังเยี่ยเทียนพูดจบ อวี๋ชิงหย่าทำหน้าไม่ถูก หยิกเข้าที่เอวของเยี่ยเทียน แล้วสะบัดเสียงใส่ว่า “ดูนายสิ เราเป็นสมาชิกของร้าน เซ็นชื่อพ่อฉันก็พอแล้ว ไม่ได้บอกสักหน่อยว่าจะให้นายออกเงินน่ะ!”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)