ข้ามกาลบันดาลรัก 235.1-236.1
ตอนที่ 235-1 เหวินซื่อใจสลาย
สองสามีภรรยาเมิ่ง เมิ่งฉีและเมิ่งอี้เซวียนก็ตกใจตื่นเพราะเสียงเคาะประตูดังรัว ต่างสวมเสื้อผ้าเดินออกมา ได้ยินวาจาพนักงาน ก็ให้ตกใจพร้อมกัน
เมิ่งเชี่ยนโยวสั่งการเมิ่งฉี “พี่รอง ท่านไปตามพี่ใหญ่ ให้เขาเข้ามาเดี๋ยวนี้”
เมิ่งฉีวิ่งแนบไปตามเมิ่งเสียน
เมิ่งเชี่ยนโยวสั่งการเมิ่งอี้เซวียน “เจ้าไปตามเหวินเปียวและเหวินหู่มา”
เมิ่งอี้เซวียนวิ่งปรู๊ดไปตามคน
เมิ่งเชี่ยนโยวกลับเข้ามาในห้อง เปิด**บออก คว้าหยิบยาสมานแผลภายนอกและยาห้ามเลือดที่ตนเองปรุงออกมาทั้งหมด พกติดตัวไว้ ไม่ทันได้ลงกลอน**บ ก็รีบร้อนวิ่งออกไป
เมิ่งเสียนเหวินเปียวและเหวินหู่เร่งฝีเท้าเดินเข้ามาแล้ว
เมิ่งเชี่ยนโยวบอกเมิ่งเสียนว่า “พี่ใหญ่ เกิดเรื่องที่ร้านยาเต๋อเหริน หมอชราได้รับบาดเจ็บสาหัส ข้าต้องรีบเข้าไปดูอาการ ท่านคอยระวังภัย อยู่เฝ้าเรือนยามกับพี่รอง”
เมิ่งเสียนพยักหน้า “ข้าดูแลภายในบ้านเอง เจ้าวางใจเถอะ เดินทางระวังด้วย”
เมิ่งเชี่ยนโยวกำชับเหวินเปียว เหวินหู่ “พวกเจ้าไปจูงม้าออกมา แล้วตามข้าไปร้านยาเต๋อเหริน”
ทั้งสองรับคำแล้วไปจูงม้า
เมิ่งเชี่ยนโยวกลับหลังเดินไปด้านนอก กลับถูกมือหนึ่งคว้าไว้ หันกลับมา เมิ่งอี้เซวียนเม้มริมฝีปากพูดกับนาง “ข้าไปกับเจ้าด้วย”
เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้า “ตอนนี้ยังไม่รู้สถานการณ์ที่ร้านยาเต๋อเหริน ด้วยวรยุทธ์ของเจ้าไปแล้วมีแต่จะเพิ่มปัญหา เจ้าคอยอยู่เฝ้ายามที่บ้านกับพวกพี่ใหญ่ก็พอ จำไว้ให้ดี หากมีเรื่องอันใด ห้ามใจอ่อนมีเมตตาเด็ดขาด อย่าทิ้งภัยพิบัติให้ตามมาภายหลัง”
เมิ่งอี้เซวียนปล่อยมือ พยักหน้าหนักแน่น “ข้าทราบแล้ว เจ้าระวังตัวด้วย”
เหวินเปียวและเหวินหู่จูงม้าออกมานอกประตูแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวเดินออกมา ทั้งกำชับคนในบ้าน “เมื่อพวกเราไปแล้ว จงปิดประตูให้สนิท ฟ้ายังไม่สางใครก็ห้ามออกมา”
น้ำเสียงเป็นกังวลของเมิ่งชื่อดังไล่หลังมา “โยวเอ๋อร์ ระวังตัวด้วยนะลูก”
เสียงเมิ่งเชี่ยนโยวดังลอยเข้ามาจากนอกประตู “วางใจเถิดท่านแม่ ไม่เป็นไรหรอก ท่านไม่ต้องเป็นกังวล”
เมิ่งชื่อไม่วางใจคิดจะเดินออกไปดู ถูกเมิ่งเอ้ออิ๋นรั้งไว้ ส่ายหน้าให้นาง
เมิ่งชื่อมองเมิ่งเชี่ยนโยวพลิกตัวขึ้นหลังม้าด้วยใบหน้ากลัดกลุ้ม สั่งเหวินเปียวให้ขี่ม้าไปกับพนักงานร่างสะบักสะบอม ทั้งสามหวดม้าเร็วรี่มุ่งหน้าเข้าเมือง
กระทั่งไม่เห็นร่างคนทั้งสามแล้ว เมิ่งเสียนถึงปิดประตูใหญ่ ให้พวกเมิ่งชื่อแยกย้ายกลับไปพักผ่อนในห้อง ตนเองเมิ่งฉีและเมิ่งอี้เซวียนนั่งบนเก้าอี้ในห้องโถงด้วยสติตั้งมั่นรอเวลาฟ้าสาง
เมิ่งเชี่ยนโยวจิตใจกระสับกระส่าย หวดแส้ควบม้าไม่หยุด ไม่ถึงครึ่งชั่วยามก็มาถึงร้านยาเต๋อเหริน
ประตูหน้าร้านยาเต๋อเหรินเปิดออก เมิ่งเชี่ยนโยวลงจากหลังม้าได้ก็วิ่งตรงเข้าไปหลังร้าน หลังร้านกระจัดกระจายไม่เหลือชิ้นดี ข้าวของล้มระเนระนาด แค่มองก็รู้ว่าเพิ่งจะผ่านการต่อสู้ครั้งใหญ่มา
พนักงานได้รับบาดเจ็บคนหนึ่งเห็นนาง ราวกับเห็นดาวช่วยชีวิตก็ไม่ปาน “แม่นาง เร็วเถิด หมอชราอยู่ในห้องรักษาขอรับ”
เมิ่งเชี่ยนโยวเร่งฝีเท้าเข้าไปในห้องรักษา หมอชราที่ร่างโชกเลือดกำลังนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียง ส่วนเหวินซื่อกำลังคุกเข่าร้องเรียกเขาข้างเตียง
พอเห็นเมิ่งเชี่ยนโยวเข้ามา เหวินซื่อเบิกตายินดี “เร็ว เจ้ารีบมารักษาให้เขาเร็ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินไปข้างเตียง ตอนที่เห็นบาดแผลหมอชรา หัวใจกระตุกวูบ
ที่หน้าอกหมอชรามีรูขนาดใหญ่ แม้จะโรยยาห้ามเลือดจำนวนมากแล้ว เลือดสดๆ ก็ยังไม่หยุดไหล ยังทะลักไหลออกมาไม่หยุด ด้วยสภาพของเขา ทนมาได้ถึงตอนนี้ เกรงจะถึงที่สุดแล้ว
เหวินซื่อเห็นนางไม่ขยับ ร้องคำราม “เจ้ายังจะนิ่งอึ้งทำไม ยังไม่รีบรักษาให้เขาอีก”
เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นเขาราวกับเสียสติคลุ้มคลั่ง คำพูดที่ปลายลิ้นทำใจพูดออกมาไม่ได้ นำยาห้ามเลือดที่พกติดตัวออกมา เทใส่บาดแผลของหมอชราทั้งหมด
ยังคงห้ามเลือดไม่ได้
เหวินซื่อร้อนใจแทบคลั่ง ยื่นมือออกไปคว้าขวดยาทั้งหมดในมือนาง ไม่สนว่าเป็นยาอะไร เทพรวดๆ ทั้งหมดลงบนแผลของหมอชรา
เมิ่งเชี่ยนโยวเม้มริมฝีปากไม่พูดอะไร
เลือดไหลน้อยลงแล้ว
เหวินซื่อดีใจ ฟุบไปข้างเตียง ร้องเรียก “เหล่าอวี๋ๆ ท่านฟื้นสิ”
หมอชราไร้ซึ่งการตอบสนอง
เหวินซื่อร้องเรียกอีกหลายครั้ง หมอชรายังคงไม่ไหวติง
เหวินซื่อหันไปหาเมิ่งเชี่ยนโยว เร่งเร้าพูด “ยาของเจ้าใช้ได้ผลดีไม่ใช่เรอะ? ทำไมเขายังไม่ฟื้นอีก?”
เมิ่งเชี่ยนโยวเม้มริมฝีปาก ตัดใจพูด “เขาถูกทำร้ายถึงขั้วหัวใจ เสียเลือดมาก เกรงว่าเทพเทวาก็ช่วยเขาไม่ได้แล้ว”
เหวินซื่อนัยน์ตาแดงฉานพลัน พูดจาคลุ้มคลั่ง “ไม่มีทาง เมื่อครู่เขายังพูดกับข้าอยู่เลย จะไม่รอดได้อย่างไร?”
เมิ่งเชี่ยนโยวเม้มริมฝีปาก
เหวินซื่อสะบัดเสื้อนาง ร้องฟูมฟายวิงวอน “ข้ารู้ว่าเจ้ามีวิชาแพทย์เป็นเลิศ ขอร้องเจ้าช่วยเขาด้วยเถิด เงินมากเพียงใดก็ไม่มีปัญหา”
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่เอื้อนเอ่ย
เหวินซื่อยิ่งให้สติกระเจิดกระเจิง ลนลานพูด “ขอร้องเจ้าช่วยเขาด้วยเถิด ขอเพียงช่วยเขาได้ ชีวิตต่อไปจากนี้ข้ายอมเป็นวัวเป็นม้าตอบแทนเจ้า”
เมิ่งเชี่ยนโยวจำต้องใจแข็งส่ายหน้า
แววตาเหวินซื่อหม่นเศร้าพลัน ปล่อยมือจากเสื้อเมิ่งเชี่ยนโยว คำรามใส่นางไม่ยั้ง “เจ้ายังมีหัวใจอยู่หรือไม่? ปกติเหล่าอวี๋ดีกับเจ้ามาก จิตใจเจ้าช่างแข็งกระด้าง เหตุใดเจ้าถึงโหดเ**้ยมได้เช่นนี้ เห็นคนใกล้ตายก็ยังไม่ช่วย”
เมิ่งเชี่ยนโยวชักสีหน้าขรึม จับศีรษะเขาหันไปหาหมอชรา ให้เขามองดูบาดแผลของหมอชรา ตวาดลั่น “เหวินซื่อ เจ้าเสียสติไปแล้วรึ? เจ้าคิดว่าข้าไม่ยินจะช่วยเขาหรือ? เจ้าดูบาดแผลเถิด เป็นรูใหญ่ถึงเพียงนี้ หัวใจด้านในก็ได้รับบาดเจ็บ ข้าจะช่วยอย่างไร หรือจะให้ข้าควักหัวใจของเจ้ามาทดแทนให้เขา”
เหวินซื่อได้ฟังราวกับเห็นแสงความหวัง สะบัดตัวออกจากมือเมิ่งเชี่ยนโยว หันไปพูดกับนางอย่างไม่ลังเล “ควักเลย ควักของข้าเลย ขอเพียงช่วยชีวิตเหล่าอวี๋ได้ เจ้าควักของข้าไปเลย”
เมิ่งเชี่ยนโยวมองดูอาการคลุ้มคลั่งของเขา เกรงว่าเขาจะธาตุไฟแตก ยื่นมือออกไป ตบกะหม่อมเขาเต็มแรง “เจ้ามีสติบ้างสิ ด้วยสภาพการณ์ในตอนนี้ หากเจ้าฝืนทนต่อไปไม่ไหว ร้านยาเต๋อเหรินได้พังพินาศเป็นแน่”
เหวินซื่อถูกนางตบจนศีรษะเอียงไปข้าง เหมือนจะได้สติแล้ว สงบนิ่งลง หันไปฟุบหมอบข้างเตียง นัยน์ตาแดงกล่ำ ร้องเรียกเสียงแผ่ว ราวกับกลัวจะไปรบกวนหมอชรา
ชาติที่แล้วเมิ่งเชี่ยนโยวเป็นนักฆ่า เห็นการตายจนชินชา ทั้งเคยปลิดชีวิตด้วยตัวเองมาก็ไม่น้อย นึกว่าผ่านไปนานเข้าหัวใจจะกระด้างเย็นชา พอเห็นสภาพในตอนนี้ของเหวินซื่อ จิตใจไหวหวั่น เกิดอาการทนดูต่อไปไม่ได้ หันหลังหมายจะเดินออกไป
หมอชราที่นอนอยู่บนเตียงสำลักไอออกมา คล้ายว่าจะฟื้นแล้ว
เหวินซื่อรีบร้องเรียกเขาเสียงเบา
เมิ่งเชี่ยนโยวชะงักฝีเท้า หันกลับมาข้างเตียงอีกครั้ง
เหวินซื่อร้องเรียกอีกหลายครั้ง หมอชราถึงค่อยๆ ลืมตาขึ้น เห็นเหวินซื่อที่ปลอดภัยดีคุกเข่าอยู่ข้างเตียง แย้มยิ้มอย่างโรยแรง พูดด้วยความปลื้มปริ่ม “นายท่าน ท่านไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”
เหวินซื่อกลั้นน้ำตาต่อไปไม่อยู่ ไหลทะลักเป็นสาย พูดสะอึกสะอื้น “ข้าไม่เป็นไร เหล่าอวี๋ ข้าไม่เป็นไร”
หมอชรายื่นมือออกไป คิดจะเช็ดน้ำตาให้เขา กลับทำให้บาดแผลฉีก เลือดสดๆ ไหลออกมาอีกครั้ง
เหวินซื่อลนลานใช้มือปิดบาดแผลของเขา ร้องพูดเสียงหลง “เหล่าอวี๋ ท่านอย่าขยับ ยายตัวแสบเพิ่งจะรักษาบาดแผลให้ท่าน ท่านพักฟื้นสักระยะหนึ่งก็จะไม่เป็นไรแล้ว”
หมอชราพยายามส่ายหน้า “นายท่าน ท่านไม่ต้องหลอกข้าแล้ว ข้าเป็นหมอ ร่างกายของข้าข้ารู้ดี เกรงจะทนได้ไม่พ้นหนึ่งเค่อแล้ว”
เหวินซื่อน้ำตาไหลอาบ ส่ายหน้าอย่างบ้าคลั่ง “ไม่ใช่ เหล่าอวี๋ ข้ามิได้หลอกท่าน ยายตัวแสบมีวิชาการแพทย์กับยารักษาที่ดีที่สุด นางบอกว่าจะรักษาท่านหายได้ก็ต้องรักษาได้”
หมอชรายกมุมปากเล็กน้อย หมายจะแย้มยิ้ม ไม่คิดว่ากลับมีเลือดไหลออกมาข้างมุมปาก
เหวินซื่อรีบใช้มือข้างหนึ่งเช็ดเลือดข้างมุมปากเขา กลับยิ่งเช็ดยิ่งไหลออกมาไม่หยุด
หมอชราพยายามหันไปหาเมิ่งเชี่ยนโยว สูดลมหายใจลึกหลายครั้ง ถึงพูดอย่างโรยแรงว่า “แม่นางเมิ่ง ข้ามีเรื่องหนึ่งจะขอร้องเจ้า”
เมิ่งเชี่ยนโยวเองก็ขอบตาแดงรื้นแล้ว “ท่านพูดเถอะ”
หมอชราไม่เหลือเรี่ยวแรงแล้ว น้ำเสียงที่ออกมาค่อยๆ แผ่วเบาลง ต้องเค้นแรงกำลังที่มีถึงพูดออกมาได้ “หลังจากข้าตาย หวังว่าแม่นางจะช่วยดูแลนายท่านแทนข้า เขาเป็นคนประมาทสะเพร่า ไม่คิดอะไร ข้าวางใจไม่ลง”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า พูดรับรอง “ได้ ท่านวางใจเถอะ ข้าจะเข้ามาดูเขาบ่อยๆ”
หมอชราแย้มยิ้มอ่อน “ขอบคุณแม่นางเมิ่ง ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นคนจิตใจดี มีน้ำใจ ต่อให้ข้าไม่ฝากฝังเจ้าก็ต้องคอยมาดูแลเขา แต่ข้าก็ยังวางใจไม่ลง หลายปีมานี้ ข้าเห็นเขาเป็นดั่งบุตรชายตนเองไปแล้ว”
เหวินซื่อคอยเช็ดเลือดที่ไหลออกมาจากมุมปากไม่หยุด สะอื้นไห้เสียงขาดเป็นห้วงๆ “เหล่าอวี๋ ข้าขอร้องท่านไม่ต้องพูดแล้ว เก็บแรงไว้บ้างเถอะ”
หมอชราใบหน้าขาวซีดขึ้นเรื่อยๆ แววตาเริ่มพร่าเลือน “นายท่าน ข้ากลัวข้าไม่พูด จะไม่มีโอกาสอีกแล้ว หลังจากข้าจากไป ท่านอย่าได้เสียใจเด็ดขาด ลุกขึ้นให้ได้โดยไว พอท่านแต่งงานมีบุตร อย่าลืมไปบอกข้าที่หลุมศพ ให้ข้าได้ดีใจกับท่านด้วย”
หมอชราน้ำเสียงเบาลงทุกที สุดท้ายแทบจะเป็นเพียงการขยับริมฝีปากอย่างยากลำบาก ไร้เส้นเสียงออกมาแล้ว
เหวินซื่อน้ำตาร่วงพรู พยักหน้าอย่างเสียสติ พูดรับรอง “ข้าทำแน่นอน เหล่าอวี๋ ข้าจะต้องไปบอกท่าน”
หมอชราแสยะยิ้ม ยื่นมือหมายจะช่วยเช็ดน้ำตาให้เหวินซื่อ เพิ่งจะช้อนมือขึ้นได้เล็กน้อยก็ร่วงผล็อย หลับตาลงพร้อมรอยยิ้ม
เหวินซื่อผวาร้องลั่น “เหล่าอวี๋ ท่านฟื้นสิ ท่านฟื้นสิ”
หมอชรากลับไร้ซึ่งลมหายใจแล้ว
เหวินซื่อราวกับเป็นเด็กน้อย เขย่าร่างแน่นิ่งของหมอชราร้องไห้โฮ
เมิ่งเชี่ยนโยวก็หลั่งน้ำตาโดยไม่รู้ตัว
พนักงานเก็บกวาดเรือนด้านนอกได้ยินเสียงร่ำไห้ของเหวินซื่อ รู้ว่าช่วยหมอชรากลับมาไม่ได้ ต่างก้มหน้าทอดอาลัย ยืนอยู่เช่นนั้นไม่ขยับ
เหวินซื่อเอาแต่กอดหมอชราร่ำไห้ เสียงคร่ำครวญสลดหดหู่ดังลอยไปไกล ทำเอาชาวบ้านที่ออกมาสวัสดีปีใหม่แต่เช้าตรู่ ต่างมุงล้อมเข้ามาที่หน้าประตูร้านยาเต๋อเหริน คาดเดาอย่างใคร่รู้ว่าด้านในเกิดเรื่องอะไรขึ้น
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้พูดเตือนเขา หันหลังเดินออกไปด้านนอก เห็นว่าฟ้าสางแล้ว เพิ่งจะสั่งการพนักงานไม่กี่คำ เหวินเปียวก็ก้าวฉับๆ มาตรงหน้านาง พูดกระซิบ “แม่นาง ร้านยาเต๋อเหรินถูกคนราดน้ำมันดิบไว้โดยรอบ คาดว่าหลังจากฆ่าคนเสร็จคงหมายจะเผาทำลายหลักฐานไปพร้อมกับร้านยาเต๋อเหริน ให้คนสืบหาคนร้ายไม่พบ”
เมิ่งเชี่ยนโยวขมวดคิ้วมุ่น เดินตามเหวินเปียวมาหน้าร้าน ไม่สนใจแววตาสอดส่องใคร่รู้ เดินวนรอบร้านยาเต๋อเหรินหนึ่งรอบ มีคนสาดน้ำมันดิบตามแนวกำแพงโดยรอบจริงๆ
เมิ่งเสียนพูดว่า “ไม่ทราบว่าร้านยาเต๋อเหรินไปล่วงเกินใครเข้า พวกเขาถึงลงมือโหดเ**้ยมเช่นนี้ ไม่เพียงจะฆ่าคน ยังคิดจะเผาทำลายร้านยาเต๋อเหรินให้ราบไปด้วย”
“น่าจะเป็นคนที่สะกดรอยตามพวกเรา พวกเขาทำลายร้านยาเต๋อเหริน จะต้องเกี่ยวข้องกับพวกเรา ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงไม่จับตาดูพวกเรามานานเช่นนี้” เมิ่งเชี่ยนโยวตอบ
เหวินเปียวผงะตกใจ “เช่นนั้น คนในบ้านก็ตกอยู่ในอันตราย ข้าควรกลับไปแจ้งพวกเขาก่อนหรือไม่”
เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ “ไม่ต้อง คนพวกนี้ฆ่าคนร้านยาเต๋อเหรินไม่ได้ทั้งหมด คาดว่าจะต้องมีคนได้รับบาดเจ็บหนัก คนลงมือไม่พอ ช่วงหลายวันนี้ไม่มีทางก่อเรื่องอีก เจ้าห้ามบอกคนที่บ้านเด็ดขาด เลี่ยงไม่ให้พวกเขารู้แล้วเกิดความหวาดผวาโดยไม่จำเป็น เรื่องนี้ข้าจะคิดหาวิธีจัดการให้เร็วที่สุด”
เหวินเปียวรับคำ
ตอนที่ 235-2 เหวินซื่อใจสลาย
เมิ่งเชี่ยนโยวกลับเข้ามาหลังร้าน ถึงได้เห็นว่าพนักงานร้านยาเต๋อเหรินต่างได้รับบาดเจ็บกันทุกคน ขมวดคิ้วยู่ย่น เปล่งเสียงพูดกับพนักงาน “พวกเจ้าใครพอจะบอกข้าได้ว่า เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
พนักงานที่ได้รับบาดเจ็บที่แขนพูดว่า “เมื่อวานข้าเป็นคนลาดตระเวนตอนกลางคืน ข้ารู้ว่าเรื่องเป็นมาอย่างไร ข้าจะบอกแม่นางเอง”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า พนักงานพูดว่า “หลายวันก่อนนายท่านบอกกับพวกเรา บอกว่ามีคนคอยจับตาดูพวกเรา ให้พวกเราเพิ่มความระแวดระวัง หากพบสิ่งผิดปกติ ให้รีบรายงานเขา ทั้งแบ่งพวกเราออกเป็นหลายกลุ่ม ผลัดเวรเฝ้ายามตอนกลางคืน แม้เมื่อวานจะเป็นวันที่สามสิบ พวกเราก็มิได้หย่อนยานความระแวดระวัง พ้นยามจื่อไป ข้าและพนักงานอีกคนมาเข้ายาม พวกเราลาดตระเวนด้านนอกหนึ่งรอบ ไม่พบสิ่งผิดปกติ จึงกลับเข้ามาดื่มน้ำร้อนอบอุ่นร่างกาย ภายในห้องในลานเรือน หลังจากดื่มน้ำเสร็จ กำลังจะออกไปลานตระเวน ก็ได้ยินเสียงแผ่วเบาหนึ่งแว่วมาจากมุมกำแพง พวกเราไม่ได้ร้องทัก คิดจะเดินไปตรวจดู ไม่คิดว่าจู่ๆ ก็มีคนถือมีดเล่มใหญ่ฟันฉับมาที่พวกเรา ข้าหลบไม่ทัน ถูกมันฟันเข้าที่แขน พนักงานอีกคนลนลานร้องตะโกน คนผู้นั้นตื่นตกใจ หยิบดาบตรงเข้าฟันพวกเราไม่เลี้ยง พนักงานอีกคนพลาดถูกเขาฟันเข้าหน้าขา ล้มฟุบไปกับพื้น นายท่านและพนักงานได้ยินเสียงตะโกนของพวกเรา ไม่ทันได้สวมเสื้อผ้าดีก็รีบวิ่งออกมา เห็นพวกเรามีอันตราย นายท่านเตะของสิ่งหนึ่งเข้ามา ขวางคนผู้นั้นไว้ ข้าถึงรอดตายมาได้”
พูดถึงตรงนี้ คล้ายว่ายังหวาดผวา หลังจากหายใจหอบหลายครั้ง ถึงพูดต่อ “นายท่านและพนักงานคนอื่นเข้ามารับมือกับเขาแทน ตอนที่เขาเริ่มไม่ไหว กำลังจะถูกจับได้นั้น นอกกำแพงก็มีคนอีกสามคนกระโดดเข้ามา แต่ละคนเหมือนเขาทุกประการ สวมชุดดำปิดหน้า เหลือไว้เพียงดวงตาที่โผล่ออกมาให้เห็น ทั้งสามคนเข้ามาไม่พูดพร่ำทำเพลง ตรงเข้าหานายท่านอย่างเ**้ยมโหด แต่ละคมมีดคมดาบล้วนหมายมุ่งจะเอาชีวิต พนักงานที่เหลือต่างเข้าไปช่วย หมอชราก็ออกมาด้วย ช่วยข้าลากพนักงานที่ได้รับบาดเจ็บไปอีกด้าน หลังจากหมอชราช่วยพวกพันแผลเสร็จ ก็มาดูพวกเขาต่อสู้กัน”
“คนพวกนั้นหมายมุ่งที่จะเอาชีวิตนายท่านของพวกเรา ไม่มีการออมมือ พนักงานของพวกเราได้รับบาดเจ็บไปตามๆ กัน หมอชราใจร้อน เข้าไปในห้อง หยิบยาผงจำนวนหนึ่งออกมา แล้วสาดใส่คนพวกนั้น มีสองคนโดนเข้าอย่างจัง ยืนร่างโงนเงน นายท่านของพวกเราฉวยโอกาสนี้ถีบพวกเขากระเด็นเข้ากำแพง บาดเจ็บไม่น้อย คนที่เหลืออีกสองคนเห็นเช่นนั้น ยิ่งให้คลุ้มคลั่ง ในมือนายท่านของพวกเราไม่มีอาวุธ ถูกพวกเขารุกจนต้องถอยหนี”
พูดถึงตรงนี้ขอบตาก็แดงเรื่อ น้ำเสียงสั่นเครือ “นายท่านของพวกเราอุตส่าห์ถีบอีกคนลอยกระเด็นไปได้ หันกลับไปจัดการกับอีกคน ชายชุดดำที่ถูกฟาดล้มไปก่อนพลันลุกขึ้นมา หยิบดาบพุ่งเข้าแทงนายท่านจากด้านหลัง พวกเราตกใจยืนงง ตกอยู่ในภวังค์ หมอชรากลับเอาตัวเข้าขวางแผ่นหลังนายท่าน ดาบของคนผู้นั้นแทงเข้าที่ทรวงอกเขาอย่างจัง พวกเราถึงได้สติกลับมา ดาหน้ากันเข้าไป เล่นงานคนผู้นั้นจนล่าถอย แล้วเข้าไปประคองหมอชรา” พูดถึงตรงนี้ พนักงานก็ไร้เส้นเสียงแล้ว
กระทั่งเขาปรับอารมณ์ได้สงบนิ่งขึ้น เมิ่งเชี่ยนโยวถึงถามเขาเสียงเข้ม “หลังจากนั้นเล่า?”
พนักงานปาดน้ำตาตัวเอง ยังคงตอบด้วยน้ำเสียงสะอื้น “ด้วยความตกใจหนัก นายท่านรุกจนชายชุดดำล่าถอย ลอยตัวมาข้างหมอชรา แล้วอุ้มหมอชราเข้าไปในห้องรักษาทันที จากนั้นสั่งพวกเราไปนำยาห้ามเลือดมา พวกชายชุดดำฉวยโอกาสที่พวกเรากำลังโกลาหลหลบหนีไป”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า ถาม “เช่นนี้ พวกเจ้าจึงไม่ได้เห็นใบหน้าของชายชุดดำเลย ทั้งไม่ได้ยินเสียงของพวกเขาด้วย?”
“มีชายชุดดำเพียงคนเดียวที่ร้องเรียกให้ชายชุดดำคนอื่นๆ กลับไป นอกนั้นไม่มีใครพูดออกมาเลยขอรับ” พนักงานตอบ
“พอจะฟังออกหรือไม่ว่าเป็นคนที่ใด?” เมิ่งเชี่ยนโยวถามอีก
พนักงานครุ่นคิดเล็กน้อย ตอบว่า “ไม่ใช่สำเนียงท้องที่นี้ ฟังดูคล้ายสำเนียงเมืองหลวง แต่ก็ไม่ชัดมาก”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า พูดว่า “พวกเจ้าไม่ต้องเก็บลานเรือนแล้ว ไปพักผ่อนเถอะ”
พนักงานไม่ขยับ มองไปที่ห้องรักษา
เสียงร้องไห้ปานจะขาดใจยังคงดังออกมา
เมิ่งเชี่ยนโยวขมวดคิ้วมุ่น เดินเข้าไปในห้องรักษา เหวินซื่อกอดร่างไร้ลมหายใจของหมอชราคร่ำครวญโหยไห้
เมิ่งเชี่ยนโยวยืนอีกด้านอยู่กับเขาเงียบๆ
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเพียงใด เหวินซื่อที่ร้องไห้จนเสียงแหบแห้งแล้ว แต่ยังไม่มีทีท่าจะหยุดร้อง
เมิ่งเชี่ยนโยวขมวดคิ้วยู่ย่น พูดเตือนเขา “เหวินซื่อ พอได้แล้ว เจ้าเป็นเช่นนี้จะทำให้ท่านหมอจากไปอย่างมีห่วงนะ”
ราวกับไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น เหวินซื่อยังคงร้องไห้ฟูมฟาย
เมิ่งเชี่ยนโยวเพิ่มน้ำเสียง “หมอชราตายแล้ว ข้าเองก็เสียใจมาก แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาทุกข์โศก พวกเราสมควรต้องสืบหาตัวผู้บงการเบื้องหลัง แก้แค้นให้หมอชรา”
คำว่าแก้แค้นทิ่มแทงเข้าไปในโสตประสาทเหวินซื่อ เขาหยุดคร่ำครวญ แหงนหน้ามองเมิ่งเชี่ยนโยว พูดดั่งคำสาบาน “เจ้ากล่าวถูกต้อง ข้าจะต้องหาตัวผู้บงการอยู่เบื้องหลังออกมาให้ได้ แล้วสับมันออกเป็นหมื่นเป็นพันชิ้น แก้แค้นให้เหล่าอวี๋”
พูดจบก็ถลึงตัวลุกขึ้นพรวด พูดว่า “ข้าจะไป…” พูดยังไม่ทันจบ ร่างก็ล้มตึงลงไป
เมิ่งเชี่ยนโยวก้าวขึ้นหน้า คิดจะประคองเขา
เสียแต่ว่าเหวินซื่อร่างหนักเกินไป กลับล้มไปกับเขาด้วย ร่างกระแทกเข้ากับโต๊ะ
เมิ่งเชี่ยนโยวสบถเสียงต่ำ โมโหผลักเหวินซื่อออก “ออกไป!”
เหวินซื่อร่างสั่นไหว กลับไม่มีเสียงตอบ
เมิ่งเชี่ยนโยวตกใจ ไม่สนใจความเจ็บปวดที่ถูกชนเข้าที่ด้านหลัง พลิกตัวเหวินซื่อขึ้น เห็นเขาดวงตาปิดสนิท หมดสติไปแล้ว ยื่นมือออกไป ลองแตะจมูกเขา รู้สึกได้ถึงลมหายใจสงบนิ่ง ถึงวางใจลงได้ ร้องตะโกนไปด้านนอก “เหวินเปียว!”
เหวินเปียวที่ได้ยินเสียงตะโกนเดินจ้ำเข้ามาในห้อง เห็นภาพภายในห้องตกใจจังงัง ร้องถาม “นายท่านเหวินเป็นอะไรขอรับ?”
“เขาเสียใจมากจนหมดสติไป เจ้าและเหวินหู่มาหามเขาไปไว้ที่ห้องเขา ไม่ต้องสนใจเขา ถึงเวลาเขาก็จะฟื้นเอง” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด
เหวินเปียวพยักหน้า ร้องเรียกเหวินหู่ ทั้งสองช่วยกันหามเหวินซื่อไปไว้ที่ห้องเขา
พนักงานในลานเรือนเห็นเหวินซื่อหมดสติไป ต่างตื่นตระหนก ยืนเฝ้าหน้าห้องเหวินซื่ออย่างสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
เมิ่งเชี่ยนโยวลุกขึ้นยืน รู้สึกแสบร้อนที่แผ่นหลัง รู้ว่าตัวเองกระแทกไม่เบา ก่นด่าเหวินซื่อสาดเสียเทเสียในใจ ถึงเดินออกมานอกห้อง เห็นพนักงานยืนสีหน้ากลัดกลุ้มหน้าประตูห้องเหวินซื่อ จึงพูดปลอบใจพวกเขา “ไม่ต้องเป็นกังวล นายท่านของพวกเจ้าไม่เป็นอะไร ประเดี๋ยวก็จะฟื้นเอง”
พนักงานถึงวางใจลงได้ ต่างจ้องมองเมิ่งเชี่ยนโยว รอฟังคำสั่งจากนาง
ในเมืองแห่งนี้ร้านยาเต๋อเหรินถือว่ามีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก ตอนนี้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น จะไม่แจ้งความไม่ได้ เมิ่งเชี่ยนโยวสั่งพนักงานที่บาดเจ็บเล็กน้อยหนึ่งคนในนั้น “เจ้าไปแจ้งความที่ศาลาว่าการตำบล บอกว่าร้านยาเต๋อเหรินมีคนตาย ให้ผู้ว่าการตำบลเข้ามาดูที่เกิดเหตุ”
พนักงานรับคำวิ่งไปแจ้งความ
เมิ่งเชี่ยนโยวสั่งเหวินหู่อีก “ท่านพาพนักงานสองสามคนไปชำระล้างน้ำมันดิบโดยรอบออก เลี่ยงไม่ให้มีคนพลาดทำไฟลุกโหม ถึงตอนนั้น ร้านยาเต๋อเหรินได้พังราบไม่เหลือเป็นแน่”
เหวินหู่เลือกพนักงานที่บาดเจ็บเล็กน้อยสองคนหาของติดมือเดินออกไปด้านนอก
เมิ่งเชี่ยนโยวใคร่ครวญครู่หนึ่ง ร้องเรียกเหวินเปียว “เจ้าขี่ม้าเร็วเข้าไปในอำเภอ บอกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับท่านนายอำเภอ ให้เขาและคุณชายเปาเข้ามาเสียหน่อย”
เหวินเปียวรับคำ จูงม้าเดินออกมาจากหลังร้านยาเต๋อเหริน ลอยตัวขึ้นหลังม้า ควบม้าทะยานเข้าตัวอำเภอ
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้ามาในห้องเหวินซื่อ เห็นเหวินซื่อไม่มีทีท่าจะฟื้นขึ้น จึงเดินออกมา สั่งการพนักงานทั้งสองคน “พวกเจ้าเฝ้าประตูให้ดี เหวินซื่อฟื้นขึ้นมา ให้รีบมาแจ้งข้า”
พนักงานทั้งสองขานรับคำ แยกกันไปยืนสองฝั่งประตู
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดกับพนักงานหลายนายที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส “ตอนนี้ฟ้าสางแล้ว ไม่เกิดเรื่องอันใดขึ้นอีก พวกเจ้ากลับไปพักในห้องให้สบายเถอะ”
พนักงานทั้งหมดต่างตกใจหวาดผวา บวกกับที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ฝืนทนไม่ไหวนานแล้ว ได้ยินเมิ่งเชี่ยนโยวสั่งการเช่นนี้ ต่างกล่าวขอบคุณด้วยความซาบซึ้ง แล้วช่วยกันประคองกลับไปพักผ่อนในห้อง
เมื่อสั่งการทุกอย่างแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวเดินมาที่ห้องโถงร้านยาด้านหน้า นั่งบนโต๊ะตรวจรักษาที่หมอชรานั่งประจำ รอผู้ว่าการตำบลเข้ามา
วันนี้เป็นวันขึ้นปีใหม่ ทุกคนต่างหยุดพักผ่อน ไม่เว้นแม้แต่ผู้ว่าการตำบล พนักงานมาถึงหน้าศาลาว่าการ เห็นประตูใหญ่ศาลาว่าการปิดสนิท ร้อนใจทำอะไรไม่ได้ เดินวนรอบศาลาว่าการหนึ่งรอบ ก็หาคนแจ้งความร้องทุกข์ไม่ได้ ตอนที่กำลังจะไปเคาะประตูใหญ่ศาลาว่าการ ประตูใหญ่ก็ถูกเปิดออกจากด้านใน คนที่มีลักษณะคล้ายบ่าวเดินอ้าปากหาวออกมา
พนักงานสองสามคนเดินเข้าไป เร่งเร้าพูด “ท่านผู้ว่าการตำบลอยู่หรือไม่? ข้ามาแจ้งความ”
ศาลาว่าการเปิดทำการตลอดทั้งปี เพิ่งจะได้หยุดพักไม่กี่วันช่วงปีใหม่ กลับมีคนไม่ดูตาม้าตาเรือเข้ามาแจ้งความ บ่าวเดือดดาล ร้องไล่เขา “ไปๆๆ ไม่ดูเสียบ้างว่าวันนี้วันอะไร เข้ามาแจ้งความแต่เช้า บ้านพวกเจ้ามีคนตายหรือถูกตามฆ่า?” พูดจบหาวอีกฟอดใหญ่
พนักงานลนลานตอบ “ข้าเป็นพนักงานร้านยาเต๋อเหริน เมื่อคืนมีคนบุกเข้ามา ฆ่าหมอชราร้านยาเต๋อเหรินของพวกเรา ทั้งทำร้ายพวกเราพนักงานบาดเจ็บ”
พอได้ยินว่าเกิดเรื่องถึงแก่ชีวิต มือที่ป้องปากหาวหยุดชะงัก ตกใจจนหาวไม่ออก ถลึงตาถามพนักงานอย่างไม่เชื่อ “ที่เจ้าพูดเป็นความจริง?”
พนักงานพยักหน้า “เป็นจริงทุกประการ ขอท่านผู้ว่าการตำบลรีบเข้าไปดูหน่อยเถิด”
บ่าวหันหลังวิ่งไปหลังศาลาว่าการ วิ่งไปร้องตะโกนไป “นายท่านขอรับ แย่แล้ว ร้านยาเต๋อเหรินมีคนตายขอรับ”
ผู้ว่าการตำบลนานทีจะได้พักผ่อนหลายวัน เพิ่งจะตื่นได้ไม่นาน ยังไม่ทันได้กินอาหารเช้า ได้ยินเสียงร้องบ่าวร้องตะโกนด้านนอก โมโหหงุดหงิด กระทั่งบ่าวเข้ามาถึงลานเรือน จึงแผดเสียงตำหนิเขา “ร้องเอ็ดตะโรแต่เช้าตรู่ ใช้ได้ที่ไหนกัน?”
บ่าววิ่งกระหืดกระหอบ ไม่ได้กล่าวขออภัย รายงานด้วยความตื่นตระหนก “นายท่านขอรับ เกิดเรื่องแล้ว เมื่อคืนวานมีคนบุกรุกร้านยาเต๋อเหริน ฆ่าหมอชราของพวกเขาตายขอรับ”
ผู้ว่าการตำบลตกใจลุกพรวด ก้าวฉับๆ ออกมานอกห้อง ถามบ่าวรับใช้ “เป็นเรื่องจริงรึ?”
“พนักงานร้านยาเต๋อเหรินที่มาแจ้งความอยู่ด้านนอก เขาเป็นคนบอกเอง ไม่น่าจะผิดขอรับ” บ่าวตอบกลับ
ผู้ว่าการตำบลยิ่งให้ตื่นตกใจ สั่งการเขา “รีบไปตามท่านกุนซือและเจ้าหน้าที่มา”
บ่าวรับคำ วิ่งแนบออกไป
ผู้ว่าการตำบลสั่งการสาวใช้ข้างกาย “เร็ว ไปเอาชุดประจำตำแหน่งข้ามา!”
สาวใช้รีบไปหยิบชุดประจำตำแหน่งมา
ผู้ว่าการตำบลไม่รอให้สาวใช้ช่วยแล้ว ลุกลนใส่เอง ก้าวอาดๆ พ้นประตูออกมาถึงด้านนอกศาลาว่าการ
ตอนที่ 235-3 เหวินซื่อใจสลาย
พนักงานเดินวนไปวนมาด้วยความกระสับกระส่าย เห็นผู้ว่าการตำบลออกมา รีบเดินไปเบื้องหน้าเขา ร้องเรียกอย่างนอบน้อม “ท่านผู้ว่าการตำบล”
ผู้ว่าการตำบลถามเขา “เรื่องเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อใด เหตุใดพวกเจ้าถึงเพิ่งมาแจ้งความตอนนี้?”
พนักงานตอบ “เพิ่งจะล่วงยามจื่อของเมื่อคืนวาน ก็มีคนบุกเข้ามาในร้านยาเต๋อเหริน หมายจะสังหารนายท่านของพวกเรา เพื่อปกป้องนายท่าน หมอชราเอาตัวเข้าขวางดาบ พวกเราเชิญแม่นางเมิ่งมารักษาอาการให้เขา แต่หมอชราบาดเจ็บสาหัส แม่นางเมิ่งไม่อาจช่วยยื้อชีวิตเขาไว้ได้ จากโลกนี้ไปเมื่อตอนฟ้าสาง นายท่านของพวกเราด้วยเสียใจมากเกินไปจนเป็นลมหมดสติไป พวกเราไม่รู้เลยว่าควรทำอย่างไรต่อไป เป็นแม่นางเมิ่งที่สั่งให้พวกเราเข้ามาแจ้งความขอรับ”
ผู้ว่าการตำบลไม่คิดว่าแม่นางเมิ่งที่พนักงานกล่าวถึงจะเป็นเมิ่งเชี่ยนโยว จึงมิได้ใส่ใจ พยักเพยิดแสดงว่าตนเองทราบแล้ว
บ่าวตามกุนซือและเจ้าหน้าที่เข้ามาอย่างเร็วรี่ ผู้ว่าการตำบลเดินหน้า ทุกคนเดินตามหลัง มุ่งหน้าไปร้านยาเต๋อเหริน
หน้าร้านยาเต๋อเหรินมีคนล้อมมุงดูความวุ่นวายไม่น้อยแล้ว ต่างชี้มือชี้ไม้ คาดเดาว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น พอเห็นผู้ว่าการตำบลเข้ามา ก็แยกออกหลีกทางให้พวกเขา
เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นผู้ว่าการตำบลเข้ามา ลุกขึ้นออกไปต้อนรับ
ผู้ว่าการตำบลเห็นนางผงะเล็กน้อย จากนั้นถึงได้สติว่าแม่นางเมิ่งที่พนักงานเอื้อนเอ่ยถึงก็คือเมิ่งเชี่ยนโยว
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “รบกวนท่านผู้ว่าการตำบลในช่วงวันเช่นนี้เป็นการไม่เหมาะสมยิ่งนัก ทว่ามีคนเสียชีวิตในร้านยาเต๋อเหริน พวกเราจำเป็นต้องทำเช่นนี้ ขอท่านผู้ว่าการตำบลอภัยด้วย”
ในตำบลนี้ไม่เคยเกิดคดีถึงแก่ชีวิตมาก่อน นี่เป็นครั้งแรก แม้ผู้ว่าการตำบลจะกังขาว่านางและร้านยาเต๋อเหรินมีความสัมพันธ์ใดต่อกัน กลับยังเอ่ยปากพูดว่า “ศพของหมอชราอยู่ที่ใด? พอจะให้ข้าดูได้หรือไม่?”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักน้า แสดงท่าผายมือ “อยู่ในห้องรักษาด้านหลัง เชิญท่านผู้ว่าการตำบล”
ผู้ว่าการตำบลเดินนำเข้าไปหลังร้าน กุนซือเดินนำเจ้าหน้าที่สองสามนายเดินตามหลัง สุดท้ายเหลือเจ้าหน้าที่สองนายยืนหน้าประตูร้านยาเต๋อเหริน ไม่อนุญาตให้ใครเข้าออกร้านยาเต๋อเหรินตามอำเภอใจ
เดินเข้ามาถึงหลังร้าน เห็นพนักงานสองคนยืนเฝ้าหน้าห้องห้องหนึ่ง ผู้ว่าการตำบลนึกว่านั่นคือห้องรักษา เดินตรงไปยังห้องนั้น
เมิ่งเชี่ยนโยวยื่นมือชี้ไปที่อีกห้องหนึ่งพูดว่า “ห้องรักษาอยู่ทางนี้เจ้าค่ะ”
ผู้ว่าการตำบลตามเมิ่งเชี่ยนโยวมายังห้องรักษา พอเห็นสภาพศพของหมอชราก็ให้สูดลมเข้าปาก กล่าวอย่างฉุนเฉียว “คนพวกนั้นอำมหิตเกินไปแล้ว ลงมือกับหมอชราได้โหดเ**้ยมถึงเพียงนี้”
กุนซือก็ตามเข้ามาในห้องด้วย หลังจากเห็นสภาพการตายหมอชรา ตกใจขวัญกระเจิง ก็รีบถอยออกไปจากห้อง
ผู้ว่าการตำบลก็ทนดูต่อไปไม่ไหว เดินตามออกไป หันมาพูดกับเมิ่งเชี่ยนโยว “เมื่อครู่พนักงานเล่าเหตุการณ์ให้ข้าฟังแล้ว จากการสันนิษฐานของข้า ต้องเป็นการฆ่าล้างแค้นอย่างไม่ต้องสงสัย แม่นางพอจะทราบหรือไม่ว่า ช่วงนี้ร้านยาเต๋อเหรินได้ล่วงเกินใครหรือไม่?”
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบกลับ “ร้านยาเต๋อเหรินเป็นโรงหมอ มีแต่คนเจ็บป่วยเข้ามา ระหว่างพวกเขาไม่อาจมีความขัดแย้ง ยิ่งไม่ต้องพูดว่าจะล่วงเกินใครได้”
“เช่นนั้นก็แปลกประหลาดนัก หากพวกเขาไม่ได้ล่วงเกินใคร เหตุใดถึงเกิดการฆ่าล้างแค้นเ**้ยมโหดเช่นนี้ได้?” ผู้ว่าการตำบลไม่เข้าใจ
เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้า พูดว่า “ข้าก็ไม่ทราบ”
“แล้วนายท่านเหวินเล่า เขาพอจะรู้หรือไม่ว่าใครเป็นผู้ลงมือ?” ผู้ว่าการตำบลถามอีก
เมิ่งเชี่ยนโยวยังคงส่ายหน้า “ข้าถามเขาแล้ว เขาก็ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่”
ไม่มีเบาะแส ผู้ว่าการตำบลไม่อาจชี้ชัดได้ จำต้องพูดว่า “นี่เป็นเรื่องใหญ่ ข้าเกรงจะจัดการไม่ไหว เอาอย่างนี้เถอะ เจ้าให้คนเฝ้าร้านยาเต๋อเหรินให้ดี อย่าเคลื่อนย้ายสิ่งของในลานเรือนและศพของหมอชรา ข้าจะกลับไปเขียนเอกสารทางการ ให้เจ้าหน้าที่นำส่งไปศาลาว่าการอำเภอ ให้ท่านนายอำเภอเข้ามาจัดการด้วยตัวเอง”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่า “ไม่ต้องรบกวนท่านใต้เท้า ข้าได้ส่งคนไปแจ้งข่าวแล้ว ตอนนี้น่าจะถึงศาลาว่าการอำเภอแล้วเจ้าค่ะ”
เห็นนางพูดว่าส่งคนไปศาลาว่าการอำเภออย่างคล่องปาก ผู้ว่าการตำบลให้ตกใจเล็กน้อย หยั่งเชิงถาม “แม่นางรู้จักท่านใต้เท้านายอำเภอหรือ?”
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบด้วยใบหน้าเรียบเฉย ผ่อนคลายสบายๆ “พวกเราเคยร่วมกันแก้ไขในหลายเรื่อง พอจะมีความสนิทสนมกันบ้าง”
ได้ยินนางกล่าวเช่นนี้ ย้อนคิดถึงท่าทีที่ตนเองเคยปฏิบัติต่อนาง เหงื่อเย็นวาบผุดซึมออกมาทั่วตัวผู้ว่าการตำบล รีบปรับเปลี่ยนท่าทีประจบประแจง พูดอย่างระมัดระวัง “เช่นนั้นแม่นางเมิ่งคิดว่าต่อจากนี้พวกเราควรทำอย่างไรดี?”
เมิ่งเชี่ยนโยวมองเขาแวบหนึ่งพูดว่า “ท่านเป็นผู้ปกครองของตำบล เรื่องนี้ท่านควรจะเป็นผู้ตัดสิน”
ในตอนนี้แม้แต่บนหน้าผากผู้ว่าการตำบลก็มีเหงื่อซึมออกมาทั่วแล้ว ลองหยั่งเชิงถาม “เช่นนั้นข้าจะให้คนปิดล้อมเส้นทางบริเวณนี้ไว้ก่อน ห้ามไม่ให้ใครเข้าใกล้ รอท่านนายอำเภอมาถึงแล้ว พวกเราค่อยตัดสินความ”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “เช่นนั้นต้องรบกวนท่านใต้เท้าผู้ว่าการตำบลแล้ว”
ผู้ว่าการตำบลซับเหงื่อบนหน้าผาก เปล่งเสียงสั่งเจ้าหน้าที่ในลานเรือน “พวกเจ้าจงไล่คนที่มามุงดูโดยรอบออกไป ปิดล้อมเส้นทางบริเวณนี้ หากไม่มีคำสั่งข้า ใครก็ห้ามเข้าใกล้ร้านยาเต๋อเหริน”
เจ้าหน้าที่ขานรับคำ เดินออกไป
กุนซือก็ได้ยินวาจาของเมิ่งเชี่ยนโยวแล้ว หัวใจเต้นรัวไม่หยุด หันมองสบตาผู้ว่าการตำบล ส่งสายตาให้เขา
ผู้ว่าการตำบลเข้าใจพลัน หันไปพูดกับเมิ่งเชี่ยนโยว “แม่นางเมิ่ง ข้าและท่านกุนซือจะตรวจดูสภาพการณ์โดยรอบลานเรือนอย่างละเอียด ว่าคนร้ายได้ทิ้งเบาะแสอะไรเอาไว้หรือไม่”
“รบกวนท่านใต้เท้าผู้ว่าการตำบลแล้ว” เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าว
ผู้ว่าการตำบลลนลานโบกมือ “นี่เป็นหนึ่งในหน้าที่ของข้า สมควรแล้ว” พูดจบทำท่าทีขึงขังเดินออกไปสำรวจดูรอบลานเรือนพร้อมกุนซือ
เหวินเปียวขี่ม้าเร็วมาถึงตัวอำเภอ หลังจากพ้นประตูเมืองเข้ามาก็มุ่งหน้าไปศาลาว่าการอำเภอ
วันนี้เป็นวันขึ้นปีใหม่ เศรษฐีมีเงินในอำเภอไม่น้อยเข้ามาสวัสดีปีใหม่เปาชิงเหอ ผู้คนขวักไขว่ครึกครื้นเป็นอย่างมาก
เหวินเปียวพลิกตัวลงจากหลังม้า พูดกับบ่าวที่วุ่นวายกับการต้อนรับคนที่เข้ามาสวัสดีปีใหม่ “ข้าเป็นบ่าวรับใช้ของแม่นางเมิ่ง แม่นางเมิ่งมีเรื่องด่วนให้ข้ามาเรียนแจ้งท่านนายอำเภอ”
บ่าวในบ้านต่างรู้จักเมิ่งเชี่ยนโยว พอได้ยินว่าเขาเป็นบ่าวบ้านเมิ่ง รีบพาเขาเข้ามาหลังเรือน เรียนรายงานเปาชิงเหอที่กำลังรับรองคนที่เข้ามาสวัสดีปีใหม่ภายในห้อง “นายท่านขอรับ แม่นางเมิ่งส่งคนเข้ามา บอกว่ามีเรื่องด่วนจะแจ้งท่านขอรับ”
วันนี้เป็นวันขึ้นปีใหม่ ด้วยนิสัยของเมิ่งเชี่ยนโยวหากไม่เกิดเรื่องใหญ่เรื่องสำคัญ นางไม่มีทางมารบกวนตนเองส่งเดช เปาชิงเหอได้ฟังกล่าวขอโทษคนที่เข้ามาสวัสดีปีใหม่ เดินพ้นประตูออกมา ส่งสายตาให้เหวินเปียวตามตนเองไปที่ห้องหนังสือ
มาถึงห้องหนังสือ ไม่รอเปาชิงเหอซักไซ้ เหวินเปียวรายงานโดยไว “ท่านใต้เท้า เมื่อคืนวานมีคนชุดดำบุกเข้าไปล้อมสังหารในร้านยาเต๋อเหริน หมอชราโชคร้ายเสียชีวิต นายท่านเหวินเสียใจหนักจนหมดสติไป นายหญิงของข้าให้ข้ามาเชิญท่านและคุณชายเปาเข้าไปหน่อยขอรับ”
ร่างที่กำลังจะนั่งลงของเปาชิงเหอแข็งค้าง น้ำเสียงตื่นตระหนก ถามอย่างไม่เชื่อ “เรื่องเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อใด?”
“เมื่อคืนวานหลังล่วงยามจื่อขอรับ ตอนที่พวกเราได้รับทราบข่าว รีบมาถึงร้านยาเต๋อเหรินฟ้าก็ใกล้จะสางแล้ว” เหวินเปียวตอบ
เปาชิงเหอยืนร่างสั่นไหว ถามเสียงระส่ำ “เหวินซื่อได้รับบาดเจ็บหรือไม่?”
เหวินเปียวตอบด้วยความอ่อนน้อม “มิได้ขอรับ เขาเพียงหมดสติไป แม่นางของพวกเราบอกว่าไม่นานเขาก็จะฟื้นขึ้นมาเอง”
เปาชิงเหอโล่งใจ หันไปตะโกนร้อง “มีใครอยู่บ้าง!”
บ่าวที่ยืนเฝ้าด้านนอกเดินเข้ามา ร้องถามอย่างพินอบพิเทา “นายท่าน”
เปาชิงเหอสั่งการเขา “รีบไปตามคุณชายมา บอกว่าข้ามีเรื่องสำคัญจะพบเขา”
บ่าวรับคำ “ขอรับ!” หันหลังวิ่งแนบออกไป
ไม่นานเปาอีฝานก็ตามบ่าวเข้ามา พ้นประตูเข้ามาเห็นเหวินเปียวก็ให้ตกตะลึงเล็กน้อย จากนั้นเห็นเปาชิงเหอสีหน้าเคร่งขรึม เอ่ยปากถามความ “ท่านพ่อ เกิดเรื่องอันใดขึ้นขอรับ?”
เปาชิงเหอมองเหวินเปียวแวบหนึ่ง พิจารณาถ้อยคำ “เกิดเรื่องที่ร้านยาเต๋อเหรินในตำบล แม่นางเมิ่งให้บ่าวเข้ามาแจ้งข่าวพวกเรา ให้พวกเรารีบตามเข้าไป”
เปาอีฝานได้ฟังสีหน้าตื่นตระหนกพลัน ถามขึ้น “เกิดเรื่องอันใดขึ้น?”
“คนในร้านยาเต๋อเหรินถูกล้อมสังหาร” เปาชิงเหอตอบอย่างกระชับ
เปาอีฝานตกตะลึง ถามความต่อ “เหวินซื่อเล่า เหวินซื่อเป็นอะไรหรือไม่?”
“เหวินซื่อไม่เป็นอะไรขอรับ”
เปาอีฝานถอนใจโล่งอก พูดงึมงำ “ไม่เป็นอะไรก็ดี ไม่เช่นนั้นข้าไม่รู้เลยว่าจะตอบความนายท่านอย่างไร”
เปาชิงเหอสั่งกำชับเขา “เรื่องเร่งด่วน เจ้ารีบขี่ม้าเร็วเข้าไป ดูว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่ ข้าจะตามไปที่หลัง”
เปาอีฝานพยักหน้า หันไปพูดกับเหวินเปียว “เจ้าขี่ม้าเร็วมาตลอดทาง คิดว่าคงจะเหนื่อยล้าเต็มที พักผ่อนเสียก่อน ประเดี๋ยวค่อยตามไปพร้อมท่านพ่อข้า”
เหวินเปียวส่ายหน้า “แม่นางพาพวกเราพี่น้องมาด้วยสองคนเท่านั้น ข้างกายไม่มีผู้ช่วยคนอื่น ข้าวางใจไม่ลง ขอตามกลับไปพร้อมท่านด้วย”
“ก็ได้ เจ้าออกไปรอด้านนอก ข้าไปจูงมาออกมาพวกเราจะไปทันที” เปาอีฝานพูด
เหวินเปียวรับคำ ถอยออกไปจากห้องหนังสือ
เปาอีฝานพูดว่า “ท่านพ่อ ดูจากสภาพการณ์แล้ว พวกเราคงไม่กลับมาโดยไว ข้าจะไปก่อน ท่านจัดการเรื่องราวภายในบ้านให้เรียบร้อยค่อยตามไปนะขอรับ”
เปาชิงเหอพยักหน้า “พ่อรู้ ระหว่างทางระวังตัวด้วย”
เปาอีฝานออกมาจากห้องหนังสือ เดินตรงไปโรงม้าจูงม้าออกมานอกประตู ควบม้าเร็วมาถึงตำบลพร้อมเหวินเปียว
เจ้าหน้าที่ทางการไม่รู้จักพวกเขา เห็นม้าสองตัววิ่งควบเข้ามา ตวาดสั่งให้พวกเขาหยุดแต่ไกล
เปาอีฝานและเหวินเปียววิ่งมาหยุดม้าลงเบื้องหน้าพวกเขา
เจ้าหน้าที่ร้องเอ็ดพวกเขา “ที่นี่เกิดคดีถึงแก่ชีวิต ผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องห้ามเข้าใกล้ พวกเจ้าอ้อมไปทางอื่นเถอะ”
เหวินเปียวชี้เปาอีฝานพูดกับเจ้าหน้าที่ “ท่านผู้นี้คือคุณชายใหญ่บุตรชายท่านนายอำเภอ เข้ามาเพื่อสะสางคดีร้านยาเต๋อเหริน พวกเจ้าจงรีบหลีกทางให้พวกเราเข้าไป”
เจ้าหน้าที่ไม่ขยับ มองพวกเขาอย่างกังขา พูดว่า “พวกเจ้ารออยู่ตรงนี้ก่อน รอข้าไปรายงานท่านผู้ว่าการตำบลแล้วค่อยว่ากัน” พูดจบ วิ่งเหยาะๆ ไปรายงาน
ผู้ว่าการตำบลและกุนซือตรวจตราอยู่ในลานเรือนพักใหญ่แล้ว ก็ยังไม่พบเบาะแสใด กำลังไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี เจ้าหน้าที่ก็เข้ามารายงาน หันมองไปทางเมิ่งเชี่ยนโยว
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่า “น่าจะเป็นคนที่ข้าเชิญมา รีบปล่อยพวกเขาเข้ามาเถอะ”
เจ้าหน้าที่มองผู้ว่าการตำบล
ผู้ว่าการตำบลร้องตวาดเขา “ยังจะยืนเซ่อทำไม ไม่ได้ยินที่แม่นางเมิ่งพูดเรอะ? รีบปล่อยพวกเขาเข้ามา”
เจ้าหน้าที่ลนลานรับคำ วิ่งเหยาะๆ กลับออกมา พยักเพยิดบอกพวกเขาสองคน “ท่านผู้ว่าการตำบลให้พวกเจ้าเข้าไปได้”
เปาอีฝานและเหวินเปียวควบม้าตรงมาหน้าร้านยาเต๋อเหริน ถึงพลิกตัวลงจากหลังม้า เดินทะลุร้านยา เข้ามาลานเรือนด้านหลัง
พอเห็นเมิ่งเชี่ยนโยว เปาอีฝานเร่งเร้าถาม “เหวินซื่อเป็นอย่างไรบ้าง? ไม่ได้รับบาดเจ็บใช่หรือไม่?”
“เขาไม่เป็นอะไร เพียงหมดสติไปเท่านั้น” เมิ่งเชี่ยนโยวตอบ
เปาอีฝานยังคงไม่วางใจ พูดว่า “เขาอยู่ที่ไหน ข้าจะไปดู”
เมิ่งเชี่ยนโยวช้อนคางไปทางห้องที่มีพนักงานสองคนยืนเฝ้าอยู่ “อยู่ในห้องนั้น ท่านเข้าไปดูเองเถอะ”
เปาอีฝานก้าวอาดๆ เข้ามาในห้อง
ผู้ว่าการตำบลเห็นเปาอีฝานมาถึงไม่ถามถึงคดีความ แต่กลับไปดูเหวินซื่อก่อน ให้แปลกประหลาดใจยิ่งนัก เหล่ตามองเมิ่งเชี่ยนโยว คิดจะได้เบาะแสบางอย่างจากใบหน้านาง
เมิ่งเชี่ยนโยวมีสีหน้าเรียบเฉย
ผู้ว่าการตำบลมองอะไรไม่ออก ยิ่งให้กังขาคับข้องใจ
เปาอีฝานเดินเข้าไปในห้อง เห็นเหวินซื่อไม่ได้รับบาดเจ็บจริงๆ ใช้มืออังปลายจมูกเขา รับรู้ได้ถึงลมหายใจสงบนิ่ง เพียงแค่หมดสติไปเท่านั้นจริงๆ ถึงวางใจโล่งอก
ผู้ว่าการตำบลและกุนซือยืนกระสับกระส่ายอยู่หน้าห้อง คอยชะเง้อชะแง้เข้าไปในห้องเป็นระยะ
แน่ใจแล้วว่าเหวินซื่อไม่เป็นอะไร เปาอีฝานจึงเดินออกมา ไม่สนใจพวกเขาสองคนที่ยืนหน้าห้อง ถามเมิ่งเชี่ยนโยวว่า “มีคนได้รับบาดเจ็บหรือไม่?”
เมิ่งเชี่ยนโยวชักสีหน้าขรึม สั่งการเหวินเปียว “พาเปาอีฝานไปดูที่ห้องรักษา”
เปาชิงเหอมิได้พูดเรื่องการตายของหมอชรา ระหว่างทางรีบเดินทาง เหวินเปียวก็ไม่ได้พูด ดังนั้นเปาอีฝานจึงยังไม่รู้เรื่องการตายของหมอชรา นึกว่ามีพนักงานได้รับบาดเจ็บนอนรักษาอยู่ในห้องรักษา จึงเดินตามเหวินเปียวเข้าไปในห้องรักษา กระทั่งเห็นหมอชราที่ไร้ลมหายใจแล้ว ถึงตะลึงค้างอยู่ข้างเตียง
เหวินเปียวเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้เขาฟังอย่างละเอียดอีกครั้ง
เปาอีฝานเดินขึ้นหน้า ตรวจดูบาดแผลที่แข็งตึงแล้วของหมอชรา ช่วยเช็ดเลือดที่ยังไม่แข็งตัวข้างมุมปาก ค่อยๆ ยกผ้านวมขึ้น ปิดร่างของเขา เหลือเพียงใบหน้าไว้ด้านนอก มองเผินๆ ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มของหมอชรา ให้เหมือนเขากำลังหลับสนิท
เหวินเปียวเริ่มมีอาการขื่นขมระทม เบี่ยงสายตา ทนดูต่อไปไม่ได้
เปาอีฝานมองหมอชราเงียบๆ ครู่หนึ่ง ถึงหันหลังเดินออกมา ถามผู้ว่าการตำบลที่ยืนอกสั่นขวัญแขวน “เกิดคดีความมาพักใหญ่แล้ว ท่านสืบพบสิ่งใดแล้วหรือไม่?”
เหงื่อเม็ดเป้งผุดซึมเต็มหน้าผากผู้ว่าการตำบลพลัน ตอบอย่างกล้าๆ กลัวๆ “เรียนคุณชายใหญ่ คนร้ายพวกนั้นดูแล้วจะมีประสบการณ์สูง หลังจากที่ข้าและกุนซือได้รับแจ้งความตรงมาที่นี่ ก็ได้ตรวจดูอย่างละเอียด แต่กลับไม่พบเบาะแสใดเลย”
เปาอีฝานเหล่มองเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ผู้ว่าการตำบลตกใจเหงื่อเม็ดโตไหลหยดเป็นทางลงมาทันที
เปาอีฝานไม่สนใจเขาอีก เดินมาตรงหน้าเมิ่งเชี่ยนโยว ถามด้วยน้ำเสียงทุกข์ตรม “เจ้ารู้หรือไม่ว่าใครเป็นผู้ลงมือ?”
ตอนที่ 236-1 การมาของแม่ทัพฉู่
เมิ่งเชี่ยนโยวมองผู้ว่าการตำบลและกุนซือแวบหนึ่ง
เปาอีฝานเข้าใจพลัน สั่งการทั้งสองคน “พวกเจ้าไปสืบค้นนอกเรือน หากพบเบาะแสใด ให้เข้ามารายงานทันที”
ผู้ว่าการตำบลและกุนซือรับคำอย่างนอบน้อม มองหน้ากันเลิกลั่ก ลนลานรีบออกไปด้านนอก
เปาอีฝานมองเมิ่งเชี่ยนโยว
เมิ่งเชี่ยนโยวเม้มริมฝีปาก บอกเรื่องที่มีคนสะกดรอยตามนางแก่เปาอีฝาน สุดท้ายพูดว่า “ข้าเตือนเหวินซื่อแล้ว เขาก็เตรียมรับมือแล้วเช่นกัน แต่วรยุทธ์ของอีกฝ่ายสูงส่ง เขาและพนักงานต่อต้านสุดชีวิต ถึงทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บสามราย”
เปาอีฝานย่นหัวคิ้วถาม “เจ้าบอกว่าอีกฝ่ายบาดเจ็บสามราย?”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า
เปาอีฝานร้องตะโกนไปด้านนอกทันที “มีใครอยู่บ้าง!”
ไม่มีคนขานรับ
เปาอีฝานถึงนึกได้ว่าตนเองอยู่ตำบลชิงซี ข้างกายไม่มีเจ้าหน้าที่ให้เรียกใช้ เดินออกมานอกเรือน พูดกับผู้ว่าการตำบลที่กำลังตรวจสอบอยู่ด้านนอก “ท่านสั่งการหน่อยเถิด ให้คนเฝ้าเส้นทางเข้าออกเมืองไว้ พบชายที่ไม่พูดสำเนียงท้องถิ่น ร่างกายบาดเจ็บให้จับตัวไว้ทันที”
ผู้ว่าการตำบลไม่กล้าถามเหตุผล ขานรับคำฉับพลัน
เปาอีฝานสั่งการต่อ “อีกอย่าง ท่านส่งคนไปตรวจดูโรงหมอทุกแห่งในเมือง ว่ามีร้านไหนเปิดทำการ ทั้งซักถามพวกเขาว่ามีคนเชิญพวกเขาไปรักษานอกสถานที่หรือไม่ หากว่ามี จะต้องสอบถามให้แน่ชัดว่าเป็นที่ใด” พูดถึงตรงนี้ รู้สึกผิดปกติ พูดอีกว่า “ช่างเถอะ หากว่ามี ให้ท่านนำคนผู้นั้นเข้ามา ข้าจะซักถามด้วยตัวเอง”
ผู้ว่าการตำบลรับคำอีกครั้ง ออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ไปทำตาม
สั่งการเสร็จ เปาอีฝานกลับเข้ามาในลานเรือน ถามเมิ่งเชี่ยนโยว “จากการวิเคราะห์ของเจ้า คนพวกนี้มีเป้าประสงค์ใด?”
เมิ่งเชี่ยนโยวขมวดคิ้วมุ่น “ข้าก็ไม่ทราบ เดิมข้าเดาว่าเป็นมารดาเลี้ยงไม่ก็น้องชายของเขาส่งคนมา แต่หากเป็นเช่นนั้น พวกเขาควรจะจับตาดูเหวินซื่อผู้เดียว มิใช่สะกดรอยตามข้าด้วย ดูจากท่าทีของพวกเขา น่าจะรู้ความสัมพันธ์ของข้าและเหวินซื่อเป็นอย่างดี ไม่เช่นนั้นตอนที่ข้าคิดจะหลอกล่อพวกเขาไปประตูเมืองฝั่งตะวันตก คงไม่ล้มเลิกการสะกดรอยตาม แล้วมารอข้าที่ร้านยาเต๋อเหรินแทน”
เปาอีฝานก็ขมวดคิ้วยุ่ง “หากกล่าวเช่นนี้ เรื่องนี้ดูท่าจะไม่ใช่เรื่องง่าย พวกเราไม่มีเค้าลางอะไรเลย หากคนชุดดำพวกนั้นฉวยโอกาสออกจากเมืองไปตอนเช้าตรู่ พวกเราคิดจะตามหาผู้บงการเบื้องหลัง คงยากเย็นแสนเข็ญนัก”
เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้าหนักแน่น “ไม่มีทาง พวกเขาจะต้องยังอยู่ในเมือง”
“เหตุใดเจ้าถึงมั่นใจเช่นนี้?” เปาอีฝานย้อนถาม
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่า “เป้าหมายของพวกเขาไม่ใช่สังหารเหวินซื่อ ทำลายร้านยาเต๋อเหริน น่าจะยังต้องการกำจัดข้าไปด้วย ตอนนี้พวกเขาทำไม่สำเร็จสักอย่าง จักต้องไม่ยอมรามือง่ายๆ คาดว่าหลังจากพักฟื้นร่างกายไม่กี่วัน จะต้องลงมืออีก ดังนั้นช่วงหลายวันนี้พวกเราจะต้องจับตัวพวกมันให้ได้ ไม่เช่นนั้นคนในครอบครัวข้าจะมีอันตรายไปด้วย”
เปาอีฝานขมวดคิ้วเกร็งแน่น “เช่นนั้นพวกเราต้องรีบดำเนินการแล้ว แต่ตำบลชิงซีกว้างใหญ่ ทั้งเป็นช่วงปีใหม่ ผู้คนมากมายสัญจรขวักไขว่ ต่อให้พวกเราส่งเจ้าหน้าที่สืบค้นทั่วทุกบ้าน ก็อาจจะต้องใช้เวลาไม่ใช่น้อย”
เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ “ไม่ต้อง ด้วยสถานะของพวกเขา ไม่มีทางหลบซ่อนในบ้านเรือนชาวบ้านทั่วไป หากเข้าตรวจค้นบ้านเศรษฐีมีเงินโดยไร้ต้นสายปลายเหตุ จักทำให้พวกเขาไม่พอใจทั้งไม่แน่ว่าจะหาคนร้ายพบ”
เปาอีฝานเริ่มกระวนกระวาย “เช่นนั้นจะทำอย่างไร? พวกเราจะรอพวกมันลงมืออีกครั้ง ถึงตามจับพวกมันหรืออย่างไร ใครจะไปรู้ว่าถึงตอนนั้นพวกมันจะไปบ้านเจ้าหรือมาร้านยาเต๋อเหริน”
เมิ่งเชี่ยนโยวเม้มริมฝีปาก
ผู้ว่าการตำบลคิดใคร่ครวญอย่างหนัก ภายในลานเรือนพลันสงบเงียบ
เสียงเคียดแค้นของเหวินซื่อดังลอยออกมาจากในห้อง “ข้ามีวิธีจับตัวพวกมัน”
เปาอีฝานได้ยินเสียงเขา สะท้อนแววยินดี ก้าวอาดๆ ไม่กี่ก้าวเข้ามาในห้อง
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินตามหลังเข้าไป
เหวินซื่อฟื้นแล้ว กำลังนั่งอยู่บนเตียง ไร้ซึ่งสีหน้าทุกข์ตรม รอบกายคละคลุ้งไปด้วยแรงอาฆาต ช้อนนัยน์ตามองทั้งสองคนที่เดินเข้ามา พูดด้วยน้ำเสียงแหบสาก “ข้าได้ยินที่พวกเจ้าคุยกันหมดแล้ว หากไม่ใช่มารดาเลี้ยงและน้องชายข้าส่งมา นั่นหมายความว่ามีคนล่วงรู้จุดประสงค์ที่ข้ามาตำบลชิงซีแล้ว พวกเขาต้องการสังหารข้า ให้ท่านพี่ฉู่ไม่มีหูมีตาในตำบลชิงซีอีก ข้าจะเขียนจดหมายหาท่านพี่ฉู่ แจ้งเรื่องที่เกิดขึ้นที่ที่นี่ ไม่พ้นสามวัน เขาก็น่าจะมาถึง”
เปาอีฝานได้ฟังดังนั้นไม่ถามว่าท่านพี่ฉู่คือใคร กลับพยักหน้าสนับสนุน “ก็ดี อย่างไรพวกเราก็มีคนไม่เพียงพอ คว้านหาคนเช่นนี้เท่ากับงมเข็มในมหาสมุทร หากมีคนมาช่วย พวกเราจะได้จัดการเรื่องได้เร็วขึ้น”
เหวินซื่อค่อยๆ ลุกขึ้นยืน เดินมาข้างโต๊ะหยิบพู่กันขึ้นเขียนจดหมายอย่างรวดเร็ว แล้วมอบให้เมิ่งเชี่ยนโยว “คนของข้าล้วนได้รับบาดเจ็บ รบกวนเจ้าให้เหวินเปียวนำส่งทีเถิด เขาเกิดและเติบโตในเมืองหลวง ย่อมต้องรู้ว่าจวนท่านแม่ทัพอยู่ที่ใด หลายวันนี้ท่านพี่ฉู่พักหยุด อยู่ที่เรือนพอดี”
เมิ่งเชี่ยนโยวรับจดหมายมา ถามเขา “ที่นี่มีม้าดีหรือไม่? ม้าของบ้านข้าเกรงจะวิ่งไม่ถึงเมืองหลวง”
“ขี่ม้าของข้าไป ม้าข้าเป็นม้าดี อย่างเร็วหนึ่งวันหนึ่งคืนก็จะถึงเมืองหลวง” เปาอีฝานกล่าว
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า ถามเหวินซื่อ “เงินอยู่ที่ใด ให้เขาติดตัวไว้ใช้จ่ายระหว่างทาง”
เหวินซื่อดึงกุญแจพวงหนึ่งออกมาจากลำตัว มอบหรอกหนึ่งให้นาง แล้วชี้**บบนหัวเตียงพูดว่า “อยู่ในนั้น เจ้าไปหยิบเองเถอะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่เกรงใจ รับกุญแจมาเปิด**บออก หยิบตั๋วเงินหนึ่งร้อยตำลึงออกมาหนึ่งใบและเศษเงินอีกจำนวนหนึ่ง จากนั้นปิด**บลงกลอน คืนกุญแจให้เหวินซื่อ สาวเท้าเดินออกมาหาเหวินเปียวด้านนอก
เหวินซื่อไม่ถามสักคำว่านางหยิบเงินไปเท่าใด ก็นำกุญแจเก็บคืนไว้กับตัว
เมิ่งเชี่ยนโยวออกมาหาเหวินเปียว มอบจดหมายและเงินให้เขา กำชับเขาให้เดินทางด้วยความระมัดระวัง พูดว่า “หากเจ้าเหนื่อย จงหาโรงเตี๊ยมชั้นดีเข้าพัก อย่าได้ประหยัดเวลาพักค้างอ้างแรมกลางป่าเปลี่ยว หากเกิดเรื่องอันใดขึ้น กลับจะทำให้เสียงานใหญ่”
เหวินเปียวรับคำอย่างนอบน้อม นำจดหมายและเงินแยกเก็บไว้อย่างดี พลิกตัวขึ้นหลังม้าของเปาอีฝาน ควบม้าจากไปด้วยความเร็วสูง
เหวินหูและพนักงานสองนายชำระล้างน้ำมันดิบวางเพลิงเสร็จกลับมาพอดี เห็นเหวินเปียวขี่ม้าไกลออกไป คิดจะซักถามเมิ่งเชี่ยนโยว เผยอปากออก กลับกลืนกลับลงไป
เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นปฏิกิริยาของเขา แต่อยู่ต่อหน้าพนักงานไม่อาจพูดโดยละเอียดได้ จำต้องพูดรวบรัดตัดความ “ข้าให้เขาไปจัดการเรื่อง สามวันห้าวันก็คงจะกลับมา เจ้าไม่ต้องเป็นกังวล”
เหวินหู่รู้สึกประดักประเดิด ขยี้หัวไม่ได้พูดอะไร
ผู้ว่าการตำบลก็ให้กังขา ยื่นหน้าเข้ามาหยั่งเชิงถามเมิ่งเชี่ยนโยว “ไม่ทราบว่าแม่นางให้เขาไปกระทำเรื่องใด? เกี่ยวข้องกับคดีนี้หรือไม่?”
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้ตอบเขา แต่พูดว่า “ท่านนายอำเภอใกล้ถึงแล้ว ท่านเตรียมตัวไปต้อนรับเถอะ”
ผู้ว่าการตำบลถึงนึกขึ้นได้ว่านายอำเภอจะมาสืบคดีด้วยตัวเอง กล่าวขอบคุณอย่างสุดซึ้ง “ขอบคุณแม่นางที่กล่าวเตือน ข้าจะไปเดี๋ยวนี้” พูดจบลนลานออกไปต้อนรับที่หน้าประตูเมืองพร้อมกุนซือ
เมิ่งเชี่ยนโยวกลับเข้าไปในห้อง เหวินซื่อและเปาอีฝานนั่งบนเก้าอี้คนละตัวเงียบขรึมไม่มีใครพูด
เมิ่งเชี่ยนโยวนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ ถามเรื่องที่คับข้องใจ “เมื่อวันที่ข้าเข้ามาเจ้าบอกว่าหมอชราจะกลับเข้าเมืองหลวงตอนบ่ายมิใช่หรือ? เหตุใดถึงไม่ได้ไป?”
ดวงตาที่แดงบวมของเหวินซื่อแดงฝาดขึ้นมาอีกครั้ง “วันนั้นหลังจากเจ้าไป ข้าก็ทำตามที่เจ้าบอก นำสิ่งของสำหรับกลับไปฉลองปีใหม่ที่เตรียมไว้ขึ้นไปวางบนรถม้าแต่เนิ่นๆ กระทั่งกินอาหารเที่ยงเสร็จก็ให้พนักงานส่งเขากลับไป ไม่คิดว่าช่วงใกล้เที่ยง เขาจะปวดท้อง ข้าให้เขากลับไปนอนพักในห้อง แต่เขากลับปวดรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ปวดจนเหงื่อผุดซึมไม่หยุด ข้ารีบเรียกพนักงานให้พาหมอเข้ามาตรวจอาการเขา เขากลับบอกจะออกยาเอง กินเข้าไปเดี๋ยวก็หาย ตอนนั้นข้าไม่ได้คิดอะไรมาก ให้เขาบอกตัวยามา พอข้าเขียนใบสั่งยาเสร็จ กำชับพนักงานไปจัดยานำไปต้มแล้วนำมาให้เขาดื่ม หลังจากดื่มเสร็จ เขาก็ไม่ปวดท้องอีก แต่กลับมีอาการสะลึมสะลือ ด้วยความจนใจ ข้าจำต้องให้เขาพักผ่อนอยู่ในห้อง ไม่คิดว่าพอเขาตื่นขึ้นมาก็จะเป็นช่วงเที่ยงของอีกวันแล้ว ตอนที่ข้าบอกให้เขาออกเดินทาง เขากลับบอกว่าเขาอายุปูนนี้แล้วต่อให้เร่งเดินทางให้ตายก็ไม่มีทางกลับไปทันฉลองปีใหม่ สู่อยู่ฉลองปีใหม่ที่นี่กับข้าอย่างสบายใจดีกว่า”
พูดถึงตรงนี้ เหวินซื่อเกิดอาการใจสลายอีกครั้ง ก้มศีรษะมือป้องใบหน้า น้ำตาไหลรินออกมาตามร่องนิ้ว ครู่ใหญ่ถึงพูดสะอึกสะอื้นต่อ “ต่อมาข้าถึงได้รู้ว่า เขามิได้ปวดท้อง แต่แสร้งทำเพื่อจะได้อยู่ฉลองปีใหม่กับข้า ใบสั่งยาของเขาเพิ่มตัวยานอนหลับเข้าไป ถึงหลับยาวนานล่วงมาอีกวัน”
มาถึงตรงนี้เหวินซื่อพูดไม่ออกแล้ว ชายร่างกำยำอกสามศอกกลับสะอึกสะอื้นไร้เส้นเสียง
เปาอีฝานก็ขอบตาแดงเรื่อ ลุกขึ้นเดินไปตบข้างลำตัวเหวินซื่อ
เมิ่งเชี่ยนโยวที่นั่งบนเก้าอี้ก็สลดใจไม่น้อย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น