ข้ามกาลบันดาลรัก 234.1-234.2
ตอนที่ 234-1 ร้านยาเต๋อเหรินเกิดเรื่อง
หลังจากเปล่งเสียงขานรับ เหวินเปียวและเหวินหู่หันสบตากัน ใช้สายตาเป็นสื่อบอกการกระทำ
เมิ่งเชี่ยนโยวยืนด้านในหลังร้านเงียบๆ มองเหวินเปียวและเหวินหู่เดินไล่หลังกันพ้นประตูหลังร้านออกไป หลับตาลง เงี่ยหูสดับฟังเสียงด้านนอก
หลังความเคลื่อนไหวเล็กน้อยกับเสียงต่อสู้และเสียงกรีดร้องของคนเดินถนนดังแว่วมา เสียงฝีเท้าคนผู้หนึ่งจากไปโดยไว
เมิ่งเชี่ยนโยวรู้ว่าทั้งสองจับตัวคนไม่ได้ ลืมตาขึ้น รอพวกเขาเข้ามา
หลังเวลาผ่านไปราวหนึ่งก้านธูป พวกเหวินเปียวถึงเดินเข้ามาด้วยใบหน้าละอาย ยืนตรงหน้านาง พูดด้วยความอับอาย “แม่นาง พวกเราจับตัวเขาไม่ได้ เขาหนีรอดไปได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวมิได้ตำหนิพวกเขา กลับปลอบใจเขา “เจ้าสองคนรวมพลังกันยังจับเขาไม่ได้ คิดว่าคนผู้นี้จักต้องมีพลังยุทธ์สูง”
เหวินเปียวพูดว่า “วรยุทธ์สูสีกับพวกเรา เพียงแต่วันนี้มีคนออกมาซื้อของปีใหม่บนถนนมาก เขาจงใจหนีเข้าไปในที่คนมาก พวกเราลงมือไม่สะดวก เขาถึงสลัดหนีพวกเราไปได้”
“เขาวิ่งหายไปไหน?” เมิ่งเชี่ยนโยวถาม
ทั้งสองส่ายหน้า เหวินเปียวพูดว่า “พวกเราไล่ตามเขาไปไกลสองลี้ เขาก็สลัดหนีไปได้ พวกเราตามหาบริเวณนั้นพักใหญ่ อย่างไรก็หาไม่เจอ จึงได้กลับมา”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ลำบากพวกเจ้าแล้ว พักผ่อนอยู่ที่นี่ก่อน ค่อยออกไปช่วยด้านหน้า จำไว้ให้ดี เรื่องนี้ห้ามพูดกับใครเด็ดขาด”
ทั้งสองพยักหน้า
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดอีกว่า “วันนี้พวกเราจับเขาไม่ได้ คงจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นแล้ว คาดว่าก่อนปีใหม่พวกเขาคงไม่ปรากฏตัวอีก แต่ก็ห้ามชะล่าใจเด็ดขาด ต่อไปทุกวันหลังจากมาที่นี่ ไม่ต้องช่วยงานหน้าร้านอีก ให้คอยลาดตระเวนสภาพการณ์นอกร้าน หากพบว่ามีสิ่งผิดปกิต ให้รีบตัดไฟแต่ต้นลม”
ทั้งสองรับคำหนักแน่น
เมิ่งเชี่ยนโยวหันหลังกลับเข้าร้าน เหวินเปียวและเหวินหู่เดินตามหลัง
ภายในร้านขายดิบขายดี คนเข้ามากินก๋วยเตี๋ยวไม่ขาดสาย งานยุ่งไปจนกระทั่งหลังมื้ออาหารเที่ยง ลูกค้าถึงค่อยๆ บางตาลง
เมิ่งอี้ซับเหงื่อบนหน้าผาก พูดกับเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างชื่นบาน “น้องโยวเอ๋อร์ การค้าของเรานับวันก็ยิ่งเจริญรุ่งเรือง หากยังคงเป็นเช่นนี้ ปีหน้าพวกเราจะสามารถเปิดอีกสาขาหนึ่งได้แล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า แย้มยิ้มพูด “พี่เมิ่งอี้กล่าวเหมือนกับที่ข้าคิดเอาไว้ พวกเราไม่เพียงจะเปิดอีกหนึ่งสาขา แต่พวกเราจะเปิดเพิ่มอีกหลายสาขา โดยมีท่านเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด ท่านคงต้องเหนื่อยหน่อยแล้ว”
เมิ่งอี้ได้ฟังดีใจหน้าแดงฝาด พูดว่า “ขอเพียงทำเงินได้ ให้เหนื่อยแค่ไหนข้าก็ไม่กลัว”
ระหว่างที่ทั้งสองพูดหยอกล้ออยู่นั้น หลงจู๊เหลาจวี้เสียนก็ถือเงินผลักประตูเข้ามา ตอนที่เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวยืนอยู่ด้านหลังโต๊ะคิดเงิน รอยยิ้มกว้างผุดบนใบหน้าพลัน “แม่นางเมิ่ง ไม่เห็นเจ้าเข้ามาหลายวัน ข้าอยากกล่าวขอบคุณกลับหาคนไม่พบ” พูดจบ วางเงินในมือลงบนโต๊ะคิดเงิน
เมิ่งเชี่ยนโยวส่งสายตาให้เหวินเหลียนมาคิดบัญชี ตนเองเดินออกมาจากหลังโต๊ะคิดเงิน แย้มยิ้มตอบกลับ “ช่วงที่ผ่านมาที่บ้านค่อนข้างยุ่ง ข้าไม่มีเวลาเข้าร้านเลย พี่เมิ่งอี้บอกข้าแล้ว ทุกวันนี้ท่านช่วยพวกเราขายก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งได้มากกว่าที่พวกเราขายเองในร้าน ข้าคิดไว้แล้วว่าประเดี๋ยวพอร้านปิดจะเข้าไปขอบคุณท่านอยู่เลยเล่า”
หลงจู๊ก็ยิ้มพูด “เจ้าอย่าได้พูดเช่นนี้เด็ดขาด เทียบกับที่เจ้าทำให้พวกเราเหลาจวี้เสียนแล้ว นี่ถือเป็นเรื่องเล็กน้อย”
เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นเขาออกอาการปิติเบิกบานเช่นนี้ พูดอย่างมั่นใจ “ดูท่านดีใจเช่นนี้ แสดงว่าอาหารทะเลขายดีมากใช่หรือไม่?”
พอเอ่ยถึงอาหารทะเล หลงจู๊ก็เก็บซ่อนน้ำเสียงแห่งความปิติไว้ไม่อยู่ “มิใช่แค่ขายดี ราวกับเก็บเงินหล่นได้ก็ไม่ปาน ตอนนี้ลูกค้าทุกคนที่เข้ามากินข้าว ต่างมาเพราะอาหารทะเลเกือบทั้งหมด และไม่สอบถามราคาอาหาร ก็สั่งกันคนละสองสามอย่าง ด้วยระยะเวลาสั้นๆ สองเดือนกว่านี้ ทำเงินได้มากกว่าปีที่แล้วทั้งปีเสียอีก ทั้งหมดนี้เป็นความชอบของแม่นางโดยแท้”
เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ “หลงจู๊อย่าได้กล่าวเช่นนี้เด็ดขาด โบราณว่าหญิงฉลาดขาดข้าวไร้อาหาร[1] หากไม่เพราะนายท่านของพวกท่านมีภูมิหลังไม่ธรรมดา สามารถขนส่งอาหารทะเลสดมาได้ ต่อให้ข้ามีฝีมือปรุงอาหารดีเพียงใด ก็เปล่าประโยชน์เจ้าค่ะ”
หลงจู๊ไม่สนทนาตอบหัวข้อนี้ ได้แต่หัวเราะแหะๆ
เหวินเหลียนคิดบัญชีเสร็จ พูดอย่างอ่อนน้อม “นายหญิง ยอดเงินและตัวเลขในใบรายการตรงกันพอดีเจ้าค่ะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า กล่าวขอบคุณหลงจู๊อีกครั้ง
หลงจู๊แย้มยิ้มโบกมือ แล้วเดินกลับไปเหลาจวี้เสียน
ภรรยาเหวินเปียวยังคงต้มก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งตามรสชาติความชอบส่วนบุคคลให้พวกเขา หลังจากกินเสร็จ จัดเก็บทำความสะอาดร้านเรียบร้อย ก็โดยสารรถม้ากลับบ้าน
ผ่านไปอีกสองวัน มาถึงวันที่ยี่สิบแปดเดือนสิบสอง เมิ่งเชี่ยนโยวเมิ่งเสียนและเมิ่งฉีสามพี่น้องไม่ได้ไปโรงงาน อยู่ตัดบัญชีเงินค่าแรงของคนงานเตรียมไว้ก่อน ทั้งเตรียมสิ่งของที่จะแจกในวันปีใหม่ เพื่อมอบสิ่งของเหล่านั้นให้ทุกคนในช่วงเช้าของวันที่สามสิบก่อนวันสิ้นปี
เสียงร้องแปดหลอดของจูหลานดังลอยมาจากด้านนอก “แม่นางเมิ่ง รีบออกมาเถิด พวกเราส่งของขวัญปีใหม่มาให้เจ้าแล้ว”
ทั้งสามคนได้ฟังลุกขึ้นเดินออกมานอกบ้าน
จูหลานเดินเข้ามาในลานบ้านแล้ว ตามติดมาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มของเซี่ยเจียงเฟิงและอันอี่หยวน
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้ยินเสียงร้องแปดหลอดของจูหลานมานาน ให้รู้สึกคิดถึงขึ้นมาจับใจ เกิดความคิดอยากแกล้งเขาบ้าง เริ่มจากไม่กล่าวทักทายพวกเขา แต่ถามด้วยท่าทีขึงขัง “คุณชายจู ปีนี้พวกเรามิได้มีการค้าต่อกันมาก ไยต้องมอบของขวัญปีใหม่ให้ข้าอีกเล่า?”
จูหลานถลึงตาโตใส่นาง พูดว่า “ยังจะมาแกล้งเขลา เจ้าให้เปล่าสูตรเนื้อรมควันแก่พวกเรา ปีนี้พวกเราทำกำไรได้อีกเป็นกอบเป็นกำ ยังไม่สมควรส่งของขวัญมาให้เจ้าอีกเรอะ?”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้าเข้าใจพลัน พูดว่า “เป็นอย่างนี้เอง ข้านึกว่าเป็นเพราะข้าเป็นแม่สื่อหาภรรยาที่ดีให้เจ้าได้ เจ้าจึงตั้งใจเข้ามาขอบคุณข้า”
จูหลานหน้าแดงเรื่อ พูดอย่างขวยเขิน “ย่อมต้องมีของตอบแทนแม่สื่ออยู่แล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่เกรงใจ ยื่นมือออกไปพูดว่า “เอามา!”
จูหลานมึนงงไปชั่วขณะ ถามอย่างไม่เข้าใจ “สิ่งใด?”
“ของตอบแทนแม่สื่อไง เจ้าบอกว่าเอามาให้ข้าด้วยมิใช่หรือ? รีบเอาออกมาเร็ว”
จูหลานเข้าใจพลัน “ของขวัญอยู่บนรถม้าด้านนอก ประเดี๋ยวจะให้คนงานยกเข้ามาให้พวกเจ้า”
เมิ่งเชี่ยนโยวชักมือกลับ แกล้งพูดแหย่เย้าเขา “คุณชายจูยิ่งมาก็ยิ่งตระหนี่ ของตอบแทนแม่สื่อคืออั่งเปาใบโตมิใช่หรือ? เจ้านำสิ่งใดมาให้ข้ากัน?”
“เจ้ามิได้ขัดสนเงินทอง จะเอาอั่งเปาไปทำไม สิ่งของในรถเป็นของที่ข้าเข้าไปหาลี่เอ๋อร์ในจังหวัด พวกเราสองคนตั้งใจเลือกซื้อให้เจ้า ลี่เอ๋อร์บอกว่าเจ้าเห็นแล้วจะต้องชอบ”
เมิ่งเชี่ยนโยวกระดกลิ้นร้องจิ๊ๆ พูดกระเซ้า “ลี่เอ๋อร์ๆ เรียกอย่างสนิทสนมเช่นนี้ ดูท่างานมงคลของคุณชายจูคงอีกไม่ไกลแล้ว”
ครานี้จูหลานหน้าแดงปลั่งแล้ว ฝืนปากแข็งพูดกลับ “เจ้าเป็นผู้หญิงพูดจารักนวลสงวนตัวหน่อยไม่ได้หรือ?”
“แหม ตอนนี้คุณชายจูรังเกียจว่าข้าไม่รักนวลสงวนตัวแล้ว ตอนที่ข้าแนะนำคุณหนูจางให้ไยเจ้าถึงไม่กล่าวเช่นนี้?” เมิ่งเชี่ยนโยวแกล้งหยอกเย้าเขา
จูหลานสะอึกจนพูดไม่ออก
เซี่ยเจียงเฟิงและอันอี่หยวนน้อยครั้งจะได้เห็นจูหลานพ่ายแพ้ ต่างสำราญใจหัวเราะร่วน
จูหลานก็ไม่โมโห คลำศีรษะตนเองหัวเราะแก้เก้อตามไปด้วย
เมิ่งเสียนเชิญคนทั้งหมดเข้าไปในบ้านอย่างสุภาพ ทั้งไปชงชามาให้พวกเขาด้วยตัวเอง
กระทั่งเขาทำทุกอย่างเสร็จ เซี่ยเจียงเฟิงถึงล้วงตั๋วเงินปึกหนึ่งออกมาจากอกเสื้อวางไว้เบื้องหน้าเมิ่งเชี่ยนโยว พูดว่า “นี่เป็นเงินค่ากุนเชียงหนึ่งแสนจินและน้ำมันพริก เจ้านับดูก่อนว่าครบถ้วนหรือไม่”
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ขยับ ยิ้มพูดว่า “ท่านให้เงินเร็วไปแล้ว กุนเชียงหนึ่งแสนจินนั้นพวกเราเพิ่งจะผลิตออกมา ยังผึ่งลมไม่เสร็จดี เกรงว่าจะยังนำกลับไปตอนนี้ไม่ได้”
เซี่ยเจียงเฟิงผลักตั๋วเงินเขยิบไปตรงหน้านางอีกครั้ง พูดว่า “ไม่เป็นไร ขอเพียงมีสินค้า หลังปีใหม่ค่อยส่งคนเข้ามาก็ยังไม่สาย”
“เช่นนั้นท่านเก็บตั๋วเงินนี้กลับคืนไปก่อนเถอะ เอาไว้ตอนที่พวกท่านเข้ามารับกุนเชียงค่อยจ่ายเงิน” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด
เซี่ยเจียงเฟิงโบกมือ “หลังปีใหม่ข้าต้องเข้าเมืองหลวง คงไม่กลับมาในช่วงระยะเวลาอันสั้นนี้ หากจ่ายเงินหลังปีใหม่ ไม่รู้จะต้องลากยาวไปถึงเมื่อใด เจ้ารับตั๋วเงินพวกนี้ไว้ก่อนเถอะ ถึงเวลาให้คนงานเข้ามารับสินค้าก็พอ”
ได้ยินเขากล่าวเช่นนี้ เมิ่งเชี่ยนโยวจึงไม่ปฏิเสธอีก หยิบตั๋วเงินบนโต๊ะส่งให้เมิ่งเสียน
อันอี่หยวนก็ล้วงตั๋วเงินหลายใบออกมา วางตรงหน้าเมิ่งเชี่ยนโยว “นี่เป็นเงินค่ามันฝรั่งแผ่นทอดชุดสุดท้ายของปีนี้ เจ้านับก่อนเถอะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวหยิบเงินมาได้ก็ส่งให้เมิ่งเสียน
เมิ่งเสียนลุกขึ้นยืน กลับเข้าไปในห้องตัวเอง หยิบสมุดบัญชีออกมา ตรวจสอบจำนวนครบถ้วนพอดี จึงมอบตั๋วเงินให้ซุนเชี่ยน ให้นางเก็บให้ดี ประเดี๋ยวตนเองจะเข้ามาจดลงสมุดบัญชี
สองปีที่ผ่านมาซุนเชี่ยนคอยดูแลร้านค้าหลายแห่งของครอบครัว ตอนปีใหม่ก็ต้องทำบัญชี ทว่าไม่เคยทำรายได้ได้เงินมากเช่นนี้ในคราเดียวมาก่อน พลันผงะอึ้ง หยั่งเชิงถาม “ตั๋วเงินพวกนี้เป็นรายได้จากสิ่งใด”
เมิ่งเชี่ยนโยวเคยพูดไว้แล้ว หลังปีใหม่จะให้ซุนเชี่ยนมาช่วยดูแลโรงงาน ดังนั้นเมิ่งเสียนจึงไม่ปิดบัง บอกนางว่า “ส่วนใหญ่เป็นรายได้จากกุนเชียงหนึ่งแสนจิน ที่เหลือเป็นรายได้จากมันฝรั่งแผ่นทอด”
ซุนเชี่ยนตกตะลึง ถามอีกครั้งอย่างไม่เชื่อ “เป็นเพียงรายได้จากกุนเชียงและมันฝรั่งแผ่น”
เมิ่งเสียนพยักหน้า วางสมุดบัญชีไว้เบื้องหน้านางพูดว่า “เจ้าดูเถิด นี่เป็นรายได้ตลอดทั้งปีของกุนเชียง ประมาณหลายแสนตำลึงได้”
ครั้งนี้ไม่เพียงซุนเชี่ยน แม้แต่สาวใช้ทั้งสองก็สูดลมหายใจเข้าปาก
หลังจากกำชับนางให้เก็บตั๋วเงินให้ดี ก็ออกไปต้อนรับแขก
[1] 巧妇难为无米之炊 เป็นสำนวนจีน หมายถึง ต่อให้หญิงสาวเก่งกาจสามารถเพียงใด หากไม่มีวัตถุดิบก็ยากจะทำอาหารเลิศรสออกมาได้
ตอนที่ 234-2 ร้านยาเต๋อเหรินเกิดเรื่อง
ซุนเชี่ยนหยิบสมุดบัญชีมาเปิดดูทีละหน้าอย่างละเอียด ยิ่งดูก็ยิ่งตะลึงพรึงเพริด เยี่ยมยอดนัก เพียงเวลาสั้นๆ ไม่กี่เดือน ไม่เพียงกุนเชียงที่ทำรายได้หลายแสน แม้แต่มันฝรั่งแผ่นทอดห่อเล็กๆ ก็มีเงินเข้าเกือบแสนตำลึง
เมิ่งเสียนกลับมาที่ห้อง พูดกับเมิ่งเชี่ยนโยวต่อหน้าทุกๆ คน “ข้าตรวจสอบบัญชีแล้ว ตัวเลขครบถ้วนถูกต้อง”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า
จูหลานเห็นว่าพวกเขาพูดเรื่องสำคัญจบแล้ว ถึงเอ่ยปากพูดขึ้น “เมื่อวานข้าเจอเจ้าเปาอีฝาน บอกเขาว่า วันนี้พวกเราสามคนจะเข้ามาส่งของขวัญปีใหม่ เขาบอกว่าใกล้สิ้นปี ที่ศาลาว่าการงานค่อนข้างยุ่ง ภรรยาเขาก็ตั้งครรภ์ ปลีกตัวมาไม่ได้ ฝากของกำนัลจำนวนมากมาให้แทน”
“ท่านพี่ซุนตั้งครรภ์แล้วรึ?” เมิ่งเชี่ยนโยวถามด้วยความยินดี
จูหลานเก้อๆ กังๆ ตอบ “เขาบอกข้ามาเช่นนี้”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดด้วยน้ำเสียงสะกดกลั้นความยินดีไว้ไม่อยู่ “ดียิ่งนัก ครานี้ท่านป้าเปาได้สมดั่งใจหมายแล้ว คงดีใจยิ่งกว่าใครเทียว” พูดจบก็หันไปพูดกับจูหลานอย่างไม่อาจเก็บซ่อนความดีใจไว้ได้ “เจ้ากลับไปบอกคุณชายเปาด้วย ให้เขาไปบอกท่านพี่ซุนว่า พอข้ารู้เรื่องที่นางตั้งครรภ์ ข้าดีใจเป็นอย่างมาก หลังปีใหม่ข้าจะเข้าไปหานาง”
จูหลานพยักหน้ารับคำอย่างเก้อกัง
เมิ่งฉีนั่งอยู่อีกด้าน เห็นพวกเขาพูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติ คงยังไม่กลับกันไปง่ายๆ จึงคิดจะไปดูโรงงานสักรอบ รอพวกเขาไปกันหมดแล้ว ค่อยกลับมาคิดเงินค่าแรงคนงานกับเมิ่งเชี่ยนโยวและเมิ่งเสียน จึงลุกขึ้นพูดว่า “ทุกท่าน ขออภัยด้วย ข้ายังมีธุระที่โรงงาน ต้องขอตัวก่อน”
เซี่ยเจียงเฟิงรีบร้อนพูด “คุณชายรองเมิ่งมีธุระก็รีบไปทำเถอะ พวกเรานั่งอีกประเดี๋ยวก็ไปแล้ว”
เมิ่งฉีพยักหน้าอย่างสุภาพ แล้วหันหลังเดินออกไป
เมิ่งเชี่ยนโยวร้องเรียกเขาพลัน “ท่านพี่รอง ช้าก่อน”
เมิ่งฉีหยุดกึก หันหลังมองนาง ใช้แววตาซักถามนางว่ามีเรื่องอันใด
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่า “ประเดี๋ยวท่านให้พวกอู๋ต้าส่งเส้นแป้งมันฝรั่งสดใหม่จำนวนหนึ่งเข้ามาด้วยเถิด พวกเขาส่งของขวัญปีใหม่มาให้ข้า พวกเราไม่มีอะไรให้กลับ ข้าจะทำก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งให้พวกเขากิน ถือเป็นน้ำใจจากพวกเรา”
พวกจูหลานทั้งสามคนเดิมก็เป็นนักกินอยู่แล้ว พอได้ยินว่ามีของแปลกใหม่ให้กิน ต่างดีใจเนื้อเต้น อย่าว่าแต่ปฏิเสธ แม้แต่คำพูดเกรงใจก็ไม่มี จูหลานยิ่งตื่นเต้นพูดออกไปตามตรง “ก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งที่เจ้าว่าก็คืออาหารจากร้านก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งที่มีชื่อเสียงในตำบลชิงซีใช่หรือไม่ ได้ยินว่าเลิศรสยิ่งนัก หากไม่เพราะปีนี้พวกเราค่อนข้างยุ่ง คงรวมตัวไปกินนานแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “ข้าเป็นเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งที่มีชื่อเสียงนั้นเอง ใช้เส้นแป้งมันฝรั่งสดใหม่ที่ผลิตออกมาจากโรงงานของพวกเราเอง”
จูหลานได้ฟังดีใจเกือบจะกระโดดตัวลอย พูดว่า “เช่นนั้นพวกเราก็มีลาภปากแล้ว วันนี้ข้าจะต้องลิ้มรสก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งที่ลือกระฉ่อนไปทั้งอำเภอชิงเหอว่ามีรสชาติอย่างไร”
เซี่ยเจียงเฟิงและอันอี่หยวนก็พยักหน้ารับด้วยความยินดี
เมิ่งเชี่ยนโยวหันไปพูดกับเมิ่งฉีอีกว่า “ท่านให้อู๋ต้าส่งเนื้อหมูชั้นดีจำนวนหนึ่งเข้ามาด้วย ข้าจะต้มน้ำซุป”
เมิ่งฉีรับคำ เดินลิ่วๆ ไปโรงงาน
พวกจูหลานต่างสนใจใคร่รู้ คอยชะเง้อคอมองออกไปด้านนอก รอคอยให้อู๋ต้ารีบส่งเส้นแป้งมันฝรั่งเข้ามา
หลังจากอู๋ต้ารับคำสั่งจากเมิ่งฉี ก็ถือเส้นแป้งมันฝรั่งและเนื้อชั้นดี วิ่งเหยาะๆ เข้ามา เพิ่งจะก้าวพ้นประตู ก็ปะทะเข้ากับแววตาฉับไวของจูหลานเข้า
จูหลานลุกขึ้นพรวด สาวเท้าเดินพ้นตัวบ้านออกมา พูดกับอู๋ต้าที่เดินมาประจันหน้าตัวเองอย่างอดใจรอไม่ไหว “รีบเอามาให้ข้าดู เส้นแป้งมันฝรั่งมีหน้าตาเป็นอย่างไร?”
อู๋ต้าจำเขาได้ จึงยื่นเส้นแป้งมันฝรั่งในมือให้เขาดู
จูหลานมองดูของกินเส้นใสอ่อนยวบยิ่งให้อยากรู้อยากลอง รบเร้าเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างไม่เกรงใจ “เจ้ารีบไปทำมาให้พวกเรากินเถอะ”
แม้เซี่ยเจียงเฟิงและอันอี่หยวนจะไม่ใจร้อนเท่าเขา แต่หลังจากได้เห็นเส้นแป้งมันฝรั่งแปลกประหลาดนี้ ต่างก็มองนางด้วยใบหน้าหิวกระหาย
เมิ่งเชี่ยนโยวมองพวกเขาสามคนที่อยากจะกินใจจะขาดแล้ว ยกยิ้มส่ายศีรษะ รับสิ่งของจากมืออู๋ต้าเดินเข้าครัว พวกจูหลานทั้งสามคนเดินตามเข้ามา
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่า “ข้าคิดจะใช้น้ำซุปหมูมาทำก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งให้พวกท่าน อาจจะใช้เวลานานสักหน่อย หากพวกท่านรู้สึกเบื่อหน่าย ก็ให้พี่ใหญ่ข้าพาพวกท่านไปเดินชมโรงงานสักรอบ”
จูหลานส่ายหน้า พูดว่า “ไม่ต้อง พวกเราจะนั่งรอเจ้าทำก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งให้เสร็จที่นี่ล่ะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นพวกเขาทั้งสามคนไม่มีใครขยับ จึงไม่สนใจพวกเขาอีก หันไปตั้งใจต้มน้ำซุปหมู
เมิ่งเสียนเห็นพวกเขาไม่พูดอะไร จึงนั่งยองลงหน้าเตาช่วยเมิ่งเชี่ยนโยวติดไฟ
ต้มน้ำซุปหมูเสร็จ ทั้งครัวคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นหอม
พวกจูหลานเอาแต่กลืนน้ำลายไม่หยุด กระทั่งเมิ่งเชี่ยนโยวต้มก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งเสร็จ ตักขึ้นใส่ชาม ทั้งสามคนถึงลุกขึ้นพรวด เดินมาข้างเตา ยกชามก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งของตัวเองเดินกลับมาที่โต๊ะ หยิบตะเกียบคีบกินอย่างไม่กลัวร้อน
เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นพวกเขาสามคนสวาปามมูมมาม ก็ให้ขบขัน พูดว่า “พวกท่านกินช้าหน่อยก็ได้ ไม่มีใครแย่งพวกท่านหรอก”
ทั้งสามคนทำหูทวนลม ไม่พูดไม่จา เอาแต่ก้มหน้าก้มตากินก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งในชามตัวเอง
เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะส่ายหน้าไปมา
หนึ่งชามหมดไป ยังไม่รู้สึกหายอยาก จูหลานแหงนหน้าเว้าวอนมองไปที่เมิ่งเชี่ยนโยว
เมิ่งเชี่ยนโยวหลุดขำ พูดว่า “ในกระทะยังมีอีก”
จูหลานรีบเข้าไปตักให้ตัวเองอีกชาม
เซี่ยเจียงเฟิงและอันอี่หยวนก็ไม่เกรงใจ หลังจากกินในชามหมด ก็เข้าไปตักอีกคนละชาม
ก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งสองชามอยู่ในท้อง คนทั้งหมดต่างมีเหงื่อเม็ดเป้งผุดซึมเต็มหน้าผาก
จูหลานใช้ผ้าขนหนูที่พกติดตัวมาซับเหงื่อให้ตัวเองไปพลางพูดว่า “ถึงว่าคนไม่น้อยต่างยอมเดินทางหลายสิบลี้ เพื่อมากินก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งสักชาม อร่อยเลิศรสโดยแท้”
เซี่ยเจียงเฟิงที่กำลังซับเหงื่อก็พยักหน้าเห็นพ้อง พูดว่า “หากในอำเภอของพวกเรามีร้านก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งเช่นนี้บ้างก็คงดี รับรองว่าทำกำไรเป็นกอบเป็นกำแน่”
เมิ่งเชี่ยนโยวหัวใจสั่นไหว นั่งลงบนโต๊ะในครัว พูดว่า “ข้ามีความคิดเช่นนี้พอดี เพียงแต่กำลังคนในครอบครัวน้อย ทำให้ทำไม่ทัน พวกท่านคนไหนมีความคิดในด้านนี้ พวกเรามาร่วมมือกันเถอะ”
ทั้งสามคนเพียงพูดจ้อไปเรื่อย ไม่คิดว่าเมิ่งเชี่ยนโยวจะมีความคิดเช่นนี้จริงๆ หลังจากผงะอึ้งเล็กน้อย เซี่ยเจียงเฟิงก็ยิ้มพูดว่า “ข้าทำแต่การค้าขายส่ง วิ่งวุ่นไปมาตลอดทั้งปี คาดว่าจะไม่มีเวลามาดูแลร้านได้”
อันอี่หยวนก็พูดว่า “ครอบครัวข้าทำการค้าผลไม้แห้ง ไม่สันทัดเรื่องอาหารของสด”
จูหลานมิได้พูดอะไร คล้ายว่ากำลังขบคิดถึงความเป็นไปได้
คนทั้งหมดมองไปที่เขา
ครู่หนึ่งจูหลานถึงพูดว่า “ข้าต้องกลับไปคิดทบทวนให้ดีก่อน อย่างไรนี่ก็ใกล้จะปีใหม่แล้ว ต่อให้ข้าตอบตกลง ร้านก๋วยเตี๋ยวก็หาใช่จะเปิดในเร็วๆ นี้ได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ได้ เจ้ากลับไปใคร่ครวญดูก่อน เมื่อคิดได้แล้วไม่ว่าจะทำหรือไม่ทำให้ส่งข่าวบอกข้าด้วย”
จูหลานรับคำ
คนทั้งหมดพูดคุยเฮฮาอยู่ในครัวอีกครึ่งชั่วยาม เซี่ยเจียงเฟิงมองดูท้องฟ้าแล้วพูดว่า “พวกเราสมควรกลับแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวและเมิ่งเสียนลุกขึ้น ออกไปส่งพวกเขามาถึงนอกประตูใหญ่ ถึงเห็นว่าด้านนอกมีรถม้าจอดอยู่สี่คัน โดยที่บนรถม้าสามคันอัดแน่นไปด้วยสิ่งของ
เมิ่งเชี่ยนโยวตกใจถาม “อย่าบอกว่าทั้งหมดนี้คือสิ่งของที่นำมามอบให้ข้านะ?”
จูหลานขานรับ “ย่อมเป็นสิ่งของที่นำมามอบให้เจ้า”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดเกินจริง “มากมายเกินไปแล้ว นี่พวกท่านขนข้าวของมาทั้งอำเภอเลยรึ?”
จูหลานชี้รถม้าคันที่บรรทุกมามากที่สุด พูดว่า “สิ่งของบนรถม้าคันนี้มิได้เป็นของข้าคนเดียว หลายวันก่อนตอนที่ข้าไปหาลี่เอ๋อร์ ท่านว่าที่พ่อตาข้าบอกว่าช่วงนี้ค่อนข้างยุ่ง ไม่มีเวลาส่งของขวัญปีใหม่มาให้เจ้า จึงฝากข้านำมาให้เจ้า อีกส่วนหนึ่งเป็นของที่เจ้าเปาอีฝานฝากข้ามาให้เจ้า ส่วนที่เหลือถึงเป็นของข้าเอง ท่านแม่เห็นข้าบรรทุกของมาน้อย บ่นตำหนิข้าไม่วาย ด้วยความต้องการของนาง คงได้ส่งมาให้เจ้าอีกหนึ่งคันรถเทียว”
อันอี่หยวนก็ยิ้มอ่อนพูดว่า “สิ่งที่ข้ามอบให้หาได้มีราคาค่างวดใดไม่ เจ้ารับไว้เถอะ”
เซี่ยเจียงเฟิงก็พยักหน้าสมทบ
สิ่งของก็ส่งมาให้แล้ว จะให้พวกเขานำกลับไปก็กระไรอยู่ เมิ่งเชี่ยนโยวจนใจ จำต้องให้คนงานนำสิ่งของทั้งหมดไปเก็บไว้ในห้องว่างในเรือนใหม่ จากนั้นถึงพาพวกเขามาโรงงาน แบ่งบรรทุกมันฝรั่งและเส้นแป้งมันฝรั่งแห้งจำนวนหนึ่งให้พวกเขานำกลับไป
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น