อัจฉริยะสมองเพชร 2340-2345

 ตอนที่ 2340 หมอนั่นสำเร็จวรยุทธขั้นไหน?

 

หลัวลั่วชิงสังเกตเห็นความผิดปกติ เธอรีบส่งโทรจิตหาจางเซวียน “จางเซวียน ยิ่งหลุมดำนั่นกว้างใหญ่ขึ้นเท่าไหร่ เขาก็จะยิ่งทรงพลังมากขึ้นเท่านั้น…”


“งั้นโจมตีกันเถอะ!”


เมื่อข้อสงสัยทั้งหมดได้รับการคลี่คลาย จางเซวียนชักดาบออกมา “สู้กันเลยก็แล้วกัน”


ฟิ้ววววว!


กระแสเจตจำนงเพลงดาบอันทรงพลังพวยพุ่งออกจากร่างของจางเซวียนขณะที่เขาสำแดงศิลปะเพลงดาบขั้นจอมราชันย์


เทคนิคนี้บรรจุเอาความอดทนอดกลั้นทั้งหมดของเขาไว้ ทำให้จางเซวียนขับเคลื่อนเทคนิควรยุทธของเวทนาสวรรค์ได้เต็มพิกัด


ฟึ่บ!


จางเซวียนฟันฉับลงไป ตั้งใจจะฟันไอ้โหดให้ขาดครึ่ง


หลัวลั่วชิงก็โจมตีพร้อมกัน เธอสะบัดข้อมือ จากนั้นก็พุ่งเข้าใส่ไอ้โหดด้วยมือที่กำดาบไว้แน่น


ศิลปะเพลงดาบของเธอเหมือนกับที่จอมราชันย์กระท่อมดาบใช้ มันมีแรงส่งต่อเนื่องอย่างไม่ลดละ ราวกับทหารม้าที่พุ่งเข้าใส่ข้าศึก แต่ในเวลาเดียวกัน กระบวนท่าของเธอก็ให้ความรู้สึกของการเป็นอิสระและปราศจากการปิดกั้น


“ยอดเยี่ยม! การโจมตีของคุณถือว่าใช้ได้เลยทีเดียว แต่ยังอ่อนด้อยไปสักหน่อยหากจะใช้เล่นงานผม…” ไอ้โหดหัวเราะหึๆขณะปล่อยพลังจากฝ่ามือ


ในชั่วพริบตา ฝ่ามือนั้นก็ดูจะปกคลุมทั่วทั้งท้องฟ้า มิติโดยรอบแหลกสลายภายใต้แรงกดดัน ดูเหมือนทั้งดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาวจะถูกสอยร่วงเพราะแรงปะทะจากการโจมตีของมัน


พลั่ก!


จางเซวียนกับหลัวลั่วชิงถูกพละกำลังจากฝ่ามือนั้นสอยกระเด็นไปพร้อมกัน ทั้งคู่กระอักเลือดออกมา


แม้จะผนึกกำลังกันแล้ว พวกเขาก็ยังสู้ไอ้โหดไม่ได้!


หมอนั่นสำเร็จวรยุทธขั้นไหน?


“บังอาจ!”


ตัวโคลนของจางเซวียนตวาดก้องขณะเดินเข้าไป ทุกย่างก้าวของเขามีดอกบัวผลิบานอยู่เคียงข้าง เสียงน้ำไหลอยู่ภายในความว่างเปล่าดังแว่วมา


เมื่อมองจากระยะไกล เขาดูไม่ต่างกับผู้เชี่ยวชาญตัวจริง


เพราะได้ซึมซับดอกบัวทองคำดึกดำบรรพ์แห่ง 9 น่านฟ้า วรยุทธของตัวโคลนในเวลานี้จึงไม่ได้อ่อนด้อยกว่าจางเซวียน


เขาเงื้อกำปั้น จากนั้นก็ใช้พละกำลังที่รุนแรงอย่างเหลือเชื่อต่อยไอ้โหด


ไอ้โหดโบกมือเพื่อตอบโต้ แล้วตัวโคลนก็ถูกสอยกระเด็น


พละกำลังของเขาไม่อาจเทียบชั้นกับไอ้โหดได้เช่นกัน


จางเซวียนยกมือปิดหน้าเมื่อเห็นภาพนั้น


ขนาดได้เป็นจอมราชันย์แล้ว ตัวโคลนของเขาก็ยังอดทำตัวโอหังไม่ได้ แทนที่จะเสียเวลาไปกับการวางท่าให้สวยงาม หมอนั่นควรจะถ่ายทอดพลังงานทั้งหมดที่มีเข้าสู่หมัดนั้นมากกว่า!


เจ้าโง่เอ๊ย…


“พวกเราก็ต้องลงมือแล้วนะ ถ้าพวกเขาแพ้ เรานี่แหละจะเป็นรายต่อไป!” ไก่น้อยตะโกนก้องขณะกางปีกสีดำของมัน ทำให้ท้องฟ้าถูกปกคลุมด้วยเปลวเพลิงสีดำจนทั่ว


จอมราชันย์อีก 6 คนรีบปล่อยการโจมตี


การผนึกกำลังกันของจอมราชันย์ทั้ง 7 นั้นหนักหน่วงพอที่จะทำลายน่านฟ้าไหนๆก็ได้ แต่คู่ต่อสู้ที่พวกเขากำลังเผชิญหน้าคือไอ้โหดซึ่งได้ซึมซับพลังงานชั่วร้ายไปหมดแล้ว เมื่อการโจมตีของพวกเขาเข้าถึงเป้าหมาย หลุมดำก็พลันขยายใหญ่ขึ้นก่อนจะกลืนกินพละกำลังของจอมราชันย์ทั้งหมดเข้าไป


เพียงครู่เดียว แรงตีกลับจากการโจมตีนั้นก็กลับมาเล่นงานเหล่าจอมราชันย์อย่างดุเดือดกว่าเดิม


จอมราชันย์ทั้ง 7, จางเซวียน, ตัวโคลน และหลัวลั่วชิงถูกสอยกระเด็น


ขนาดพวกเขาผนึกกำลังกันแล้ว ก็ยังต้านทานการโจมตีเพียงครั้งเดียวของไอ้โหดไม่ได้


เจ้าชั่วช้านั่นทรงพลังขนาดนี้ได้อย่างไร?


“หมดเวลาเล่นสนุกแล้ว พวกแกตายเสียที!”


หลังจากเล่นงานทั้ง 10 จอมราชันย์ ไอ้โหดก้าวออกมาก้าวหนึ่งขณะเงื้อกำปั้นเพื่อโจมตีอีกครั้ง


“อวดดี แกมันปีศาจ!”


เสียงตวาดก้องดังขึ้นกลางอากาศ แล้วผู้อาวุโสของน่านฟ้าดาบสวรรค์ก็ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขา ด้วยการฟันฉับหนึ่งครั้ง กระแสดาบฉีเสี้ยวหนึ่งก็แผ่ซ่านออกมาปกป้องทุกคนไว้


“จอมราชันย์? เขาก็เป็นจอมราชันย์หรือ?” จางเซวียนหรี่ตาด้วยความตกใจ


ที่ผ่านมา เพราะผู้อาวุโสเดินตามหลังชายหนุ่มที่เขาคิดว่าเป็นจอมราชันย์แห่งกระท่อมดาบมาตลอด จึงเข้าใจว่าอย่างมากอีกฝ่ายก็คงเป็นแค่ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติ แต่ทันทีที่ผู้อาวุโสสำแดงพละกำลังออกมา ก็รู้ทันทีว่าเขาคือจอมราชันย์!


แต่ถ้าผู้อาวุโสเป็นจอมราชันย์…แล้วชายหนุ่มคนนั้นเป็นใคร?


“เขาคือจอมราชันย์แห่งน่านฟ้าดาบสวรรค์” หลัวลั่วชิงอธิบายขณะพยายามลุกขึ้นยืน


“เดี๋ยว…แล้วชายหนุ่มที่ผมพบในวันนั้นล่ะ?” จางเซวียนยังงุนงง


“เขาคือ…”


หลัวลั่วชิงกำลังจะตอบคำถาม ก็พอดีกับที่มิติตรงหน้าพวกเขาบิดเบี้ยวขึ้นมาอย่างปุบปับ ทำให้เศษเสี้ยวของกระแสดาบฉีเบนออกไป จากนั้นจอมราชันย์แห่งน่านฟ้าดาบสวรรค์ก็ถูกสอยกระเด็นไปกระแทกกับพื้น เกิดเป็นหลุมยุบขนาดใหญ่


แม้แต่จางเซวียนที่มีวรยุทธและความเชี่ยวชาญในศิลปะเพลงดาบเหนือกว่าผู้อาวุโสก็ยังสู้กับไอ้โหดไม่ได้ จึงไม่มีทางที่ผู้อาวุโสจะต้านทานไอ้โหดได้นาน


“ฮ่าฮ่าฮ่า! จอมราชันย์? ก็แค่ตาเฒ่างี่เง่ากลุ่มหนึ่งที่พยายามถ่วงเวลา! วันนี้ผมจะกำจัดทั้ง 9 น่านฟ้าและทำลายสรวงสวรรค์ให้สิ้นซาก เปลี่ยนทุกอย่างให้ราบเป็นหน้ากลอง!”


หลังจากเล่นงานจอมราชันย์แห่งน่านฟ้าดาบสวรรค์แล้ว ไอ้โหดหัวเราะอย่างคลุ้มคลั่ง มิติรอบบริเวณนั้นพังทลายอย่างรวดเร็ว บ่งบอกว่าการล่มสลายของสรวงสวรรค์กำลังใกล้เข้ามาเต็มที


“เรายังทำอะไรได้อีกบ้าง?” จางเซวียนกำหมัดแน่น


เขายอมเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อเอาชนะไอ้โหด แต่คงโง่เง่าเต็มทีหากพยายามทำเรื่องเดิมๆที่เคยล้มเหลวมาแล้วขณะหวังให้เกิดผลลัพธ์ที่แตกต่างออกไป


ทั้งเขาและตัวโคลนสำแดงพละกำลังเต็มพิกัด และหลัวลั่วชิงก็ใช้ไม้ตายที่แข็งแกร่งที่สุดของเธอแล้ว แต่ก็ยับยั้งไอ้โหดไม่ได้


หมอนั่นคือผู้ไร้เทียมทานในสรวงสวรรค์แห่งนี้จริงๆหรือ?


นี่พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นเลยหรือนอกจากเฝ้าดูการล่มสลายของสรวงสวรรค์ด้วยความสิ้นหวัง?


“วิธีเดียวที่ทำได้ก็คือปล่อยให้มลทินสวรรค์ของคุณกลับคืนสู่สรวงสวรรค์ แล้วให้สวรรค์จัดการเขา” หลัวลั่วชิงตอบพร้อมกับกำหมัดแน่น


“คืนมลทินสวรรค์ของผมให้สรวงสวรรค์…”


จางเซวียนเข้าใจความหมายเบื้องหลังคำพูดนั้นทันที


หอสมุดเทียบฟ้าในตัวเขาคือเศษเสี้ยวสวรรค์ ซึ่งหากเขาส่งคืน ในท้ายที่สุดสรวงสวรรค์ก็จะสมบูรณ์ โดยเมื่อสรวงสวรรค์ได้สภาวะเดิมกลับคืนมา กฎเกณฑ์ของสรวงสวรรค์ก็จะถูกนำมาบังคับใช้ พวกเขาจะสามารถซ่อมแซมรอยร้าวของมิติและกำจัดไอ้โหดออกไปจากโลกใบนี้ได้


เพียงแต่แผนการนี้ก็ยังมีปัญหา…


“ตอนนี้ไอ้โหดแข็งแกร่งเกินไป ขนาดพวกเราผนึกกำลังกันก็ยังเอาชนะเขาไม่ได้ แล้วสวรรค์จะทำได้หรือ? ต่อให้มันสมบูรณ์แล้วก็เถอะ…” จางเซวียนส่ายหน้าขณะยังคงสงสัย


กฎเกณฑ์ของสรวงสวรรค์ทรงพลังก็จริง แต่ก็ใช่ว่าจะเบ็ดเสร็จเด็ดขาด การที่เหล่าจอมราชันย์สามารถเปิดรอยแยกแห่งมิติและเดินทางทะลุมิติได้ก็เป็นหลักฐานที่บอกชัดเจนแล้ว


ด้วยพละกำลังล้นเหลือของไอ้โหด สรวงสวรรค์จะใช้กฎเกณฑ์ที่มีอยู่เล่นงานอีกฝ่ายได้หรือ?


“เอ่อ…” หลัวลั่วชิงครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะหน้าเสีย “คุณพูดถูก สรวงสวรรค์เอาชนะไอ้โหดไม่ได้หรอก แต่หากสรวงสวรรค์กลับคืนเป็นหนึ่งเดียวกันอีกครั้ง เขาก็อาจฟื้น ด้วยพละกำลังของเขา เขาย่อมจัดการไอ้โหดได้ไม่ยาก!”


“เขา?” จางเซวียนขมวดคิ้ว


“ฉันจะพาคุณไปพบเขาเดี๋ยวนี้แหละ เขาอยู่ที่น่านฟ้าเสรี…”


หลัวลั่วชิงสูดหายใจลึก จากนั้นก็จับมือของจางเซวียนไว้แน่นและรีบเปิดรอยแยกแห่งมิติ


“คิดจะหนีต่อหน้าต่อตาผมงั้นหรือ?” ไอ้โหดคำรามขณะปล่อยพลังจากฝ่ามืออีกครั้ง


พลั่ก!


หลัวลั่วชิงถูกสอยร่วงลงจากกลางอากาศ


“แก ไอ้ชาติชั่ว!”


จางเซวียนโมโหเดือดกับการโจมตีของไอ้โหด เขาสำแดงศิลปะเพลงดาบออกมาเล่นงานอีกฝ่ายทันที


แต่ศิลปะเพลงดาบนั้นก็ถูกพละกำลังของไอ้โหดเอาชนะอย่างง่ายดาย


“คุณสองคนน่ะรีบไปเถอะ พวกเราทางนี้จะถ่วงเวลาให้!” ไก่น้อยร้องออกมา


รู้ดีว่าทั้งสองไม่ได้พยายามจะออกไปเพื่อหลบหนี แต่เพื่อหาทางช่วยชีวิตสรวงสวรรค์ เหล่าจอมราชันย์ที่เหลือจึงรีบสำแดงกระบวนท่าเพื่อเล่นงานไอ้โหดเป็นการถ่วงเวลา หลัวฉีฉีกลายร่างเป็นเครื่องเก็บงำมิติเพื่อบังคับมิติที่อยู่โดยรอบให้หยุดนิ่ง


“ไปกันเถอะ!”


เห็นทุกคนตรงเข้าเล่นงานไอ้โหดโดยไม่หวั่นกลัวความตาย จางเซวียนตาแดงก่ำ เขารู้ดีว่าเวลากระชั้นชิดเต็มที จึงรีบโอบเอวหลัวลั่วชิงไว้ก่อนจะเปิดรอยแยกแห่งมิติและกระโจนเข้าไปในนั้นพร้อมกับเธอ


พริบตาต่อมา ทั้งคู่ก็มาถึงน่านฟ้าเสรี


น่านฟ้าเสรีไม่ได้ดูเหมือนเมืองฟ้าอมรอย่างที่เคยเป็นอีกแล้ว การล่มสลายของสรวงสวรรค์ทำให้เกิดความวุ่นวายปั่นป่วนทุกหนแห่ง โดยศูนย์กลางของสรวงสวรรค์ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น


จางเซวียนมองสาวน้อยในอ้อมกอดและตั้งคำถาม “คนที่คุณพูดถึงน่ะเป็นใคร?”


ถ้าบุคคลที่เธอพูดถึงสามารถช่วยชีวิตสรวงสวรรค์ได้ ต่อให้เขาต้องสละชีวิตเพื่อขอความช่วยเหลือก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่


“ท่านพ่อของฉันเอง” หลัวลั่วชิงรีบปล่อยพลังปราณเข้าเยียวยาบาดแผลของเธอขณะอธิบาย “หยดเลือดที่อยู่ในจี้ที่ฉันมอบให้คุณคือเลือดของเขา และจอมราชันย์อมตะก็เคยเป็นอสูรของเขาด้วย…”


“ท่านพ่อของคุณ?” จางเซวียนตาโต


นั่นอธิบายได้เลยว่าทำไมเลือดที่อยู่ในจี้ของเขาถึงแสดงออกได้คล้ายกับหลัวลั่วชิงมาก แต่ก็ยังมีบางอย่างที่แตกต่างกันอยู่


แถมจอมราชันย์อมตะก็ยอมรับเขาเป็นเจ้านายโดยไม่ลังเลหลังจากได้เห็นจี้อันนั้น


“ท่านพ่อของคุณก็เป็นจอมราชันย์…หรือว่ามีพละกำลังเหนือกว่าจอมราชันย์เสียอีก?” จางเซวียนถาม


หยดเลือดที่อยู่ในจี้มีอานุภาพระงับความปั่นป่วนของหอสมุดเทียบฟ้าและคืนสติให้กับหัวสมองของเขา นั่นคือความสามารถที่แม้ตัวเขาในเวลานี้ก็ยังทำไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้น เท่าที่เขาเคยฟังจากหลัวลั่วชิง ดูเหมือนอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งกว่าเธอมาก


ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ทำไมถึงอยู่ในภาวะโคม่า?


แล้วการที่สรวงสวรรค์กลับคืนเป็นหนึ่งเดียวกันอีกครั้งจะทำให้อีกฝ่ายฟื้นคืนสติได้อย่างไร?


หลัวลั่วชิงกำหมัดแน่นก่อนจะตอบข้อสงสัยของจางเซวียนอย่างลังเล “เขาไม่ได้เป็นจอมราชันย์…แต่เป็นสรวงสวรรค์!”


“สรวงสวรรค์? คุณกำลังบอกว่าท่านพ่อของคุณคือสรวงสวรรค์?” จางเซวียนแทบไม่เชื่อหู


“ใช่แล้ว เมื่อ 50 ปีก่อน ท่านพ่อของฉันไม่อาจต้านทานพละกำลังของฝ่ามือขนาดมหึมานั้นได้ ลงท้ายจึงตกอยู่ในภาวะโคม่า ในเวลาเดียวกัน สรวงสวรรค์ก็แตกออกเป็น 3 เศษเสี้ยว โดยลิขิตสวรรค์กับมลทินสวรรค์ร่วงลงสู่มิติที่สับสนวุ่นวาย ตัวฉันกลายเป็นผู้ดูแลสภาวะตามธรรมชาติของสรวงสวรรค์ ซึ่งหลังจากนั้นก็รับภาระดูแลรักษาความเสถียรของสรวงสวรรค์มาตลอด…”

 

 

 


ตอนที่ 2341 ครูบาอาจารย์ของโลกกลับมาแ...

 

“วิธีเดียวที่จะทำให้ท่านพ่อของฉันฟื้นคืนสติก็คือการรวบรวมเศษเสี้ยวที่กระจัดกระจายให้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง ก็เพราะเหตุผลนั้นที่ทำให้ฉันตั้งใจมุ่งมั่นว่าจะผิดพลาดไม่ได้ ฉันลงสู่ทวีปแห่งประมาจารย์เพื่อศึกษามหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วง หาวิธีที่จะเอาชนะปรมาจารย์ขง ซึ่งก่อนที่ฉันจะต่อสู้กับปรมาจารย์ขง ก็ได้ฝากฝังเรื่องนี้ไว้กับเขา หวังว่าเขาจะช่วยชีวิตของท่านพ่อแทนฉันได้หากฉันแพ้ดวล” หลัวลั่วชิงอธิบาย


จางเซวียนพยักหน้า


ตั้งแต่ทั้งคู่พบกันในทวีปแห่งปรมาจารย์ได้ไม่นาน หลัวลั่วชิงก็บอกเขาว่าเธอกำลังหาทางช่วยชีวิตญาติสนิทคนหนึ่ง แต่หลังจากนั้นก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้อีกเลย สุดท้ายจางเซวียนจึงหลงลืมไป


เท่าที่เห็น ดูเหมือนผู้ที่เธอต้องการช่วยชีวิตก็คือท่านพ่อของเธอซึ่งเป็นสวรรค์ของสรวงสวรรค์แห่งนี้นี่เอง


ว่าแต่…เป็นไปได้ด้วยหรือที่สวรรค์จะกลายร่างเป็นมนุษย์และให้กำเนิดเด็กคนหนึ่งได้?


จางเซวียนรู้สึกว่าคำพูดของเธอออกจะแปลกๆ จึงตั้งคำถาม “เมื่อครู่นี้คุณบอกว่าคุณคือผู้ดูแลสภาวะตามธรรมชาติของสรวงสวรรค์…นั่นหมายความว่าคุณไม่ได้มีเศษเสี้ยวของสรวงสวรรค์อยู่ในตัวใช่ไหม?”


การเป็นผู้ดูแลเศษเสี้ยวสวรรค์ย่อมต่างจากการครอบครองเศษเสี้ยวสวรรค์ไว้เอง


“ตอนนี้ฉันแค่ควบคุมดูแลมันเท่านั้น มันไม่ได้เป็นของฉันหรอก” หลัวลั่วชิงตอบ


ได้ยินคำนั้น จางเซวียนถอนหายใจอย่างโล่งอก


นั่นหมายความว่าขอแค่เขานำมลทินสวรรค์ออกจากตัวได้ ทุกอย่างก็จะคลี่คลาย หลัวลั่วชิงไม่จำเป็นต้องสละชีวิต


แน่นอนว่าจางเซวียนไม่อยากตาย แต่ก็ไม่อยากให้สาวน้อยที่อยู่ตรงหน้าเขาต้องเป็นอันตรายมากกว่านี้


“เพราะฉะนั้น ถ้าผมกำจัดมลทินสวรรค์ออกจากตัวได้ ท่านพ่อของคุณจะฟื้นและช่วยคลี่คลายวิกฤติครั้งนี้ได้ใช่ไหม?” จางเซวียนถาม


“คือ…ฉันก็ยังไม่แน่ใจ” หลัวลั่วชิงตอบอย่างลังเลขณะมองสรวงสวรรค์รอบตัวที่กำลังพังทลาย


เธอไม่แน่ใจว่าท่านพ่อของเธอ, ในฐานะผู้เป็นสวรรค์ของสรวงสวรรค์ จะฟื้นคืนสติได้จริงหรือไม่ในสภาพที่สรวงสวรรค์ถูกทำลายจนยับเยินแบบนี้ หรือต่อให้ท่านพ่อฟื้นคืนสติได้จริง…แล้วเขาจะมีพละกำลังมากพอที่จะเล่นงานไอ้โหดผู้ทรงพลังหรือเปล่า?


แม้เธอจะเห็นท่านพ่อเป็นความหวังสูงสุด แต่ก็ยังไม่แน่ใจ


“ดูเหมือนคุณจะยังไม่แน่ใจนะ ถ้าอย่างนั้นล่ะก็ ผมคิดว่าเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นทางเลือกสุดท้ายดีกว่า พึ่งพาตัวเองย่อมปลอดภัยกว่ารอโชคชะตา มาวางแผนด้วยกันเถอะ!” จางเซวียนพูด “มีคุณ มีผม ตัวโคลน เก้าจอมราชันย์ และปรมาจารย์ขง…ผมไม่เชื่อหรอกว่าพวกเราจะเอาชนะไม่ได้!”


“ปรมาจารย์ขง? แต่เขา…” หลัวลั่วชิงขมวดคิ้ว


“ปรมาจารย์ขงตายไปแล้ว-คุณกำลังจะพูดแบบนั้นใช่ไหม? เขายังไม่ตายหรอก เท่าที่ผมรู้ การที่เขาเสียชีวิตตอนที่ดวลกับคุณเป็นเพียงการปลดปล่อยตัวเขาจากข้อบังคับของสรวงสวรรค์เท่านั้น เขาอาจเหมือนเว่ยชางเฟิงก็เป็นได้ คือถือกำเนิดมาพร้อมกับตัวอ่อนของจิตวิญญาณ” จางเซวียนพูด


หลังจากได้พบเว่ยชางเฟิง ในที่สุดจางเซวียนก็เข้าใจว่าปัจจัยที่จะทำให้ปรมาจารย์ขงรักษาจิตใต้สำนึกเดิมไว้ได้คืออะไร ถ้าอีกฝ่ายถือกำเนิดมาพร้อมกับตัวอ่อนของจิตวิญญาณเช่นกัน ต่อให้ฟื้นคืนจากความตายอีกครั้ง ก็จะยังไม่สูญเสียจิตใต้สำนึกเดิม


ด้วยกลวิธีต่างๆที่ปรมาจารย์ขงจัดเตรียมไว้สำหรับเรื่องนี้ ไม่ช้าไม่นานเขาก็คงฟื้นคืนชีพ


ได้ยินคำนั้น หลัวลั่วชิงถึงกับผงะ เธอคิดไม่ถึงว่าปรมาจารย์ขงจะเตรียมการล่วงหน้าขนาดนี้


“ได้เห็นเมื่อไหร่ก็จะรู้เอง ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด ตอนนี้เขาน่าจะกลับมาแล้ว ไม่อย่างนั้น บรรดาศิษย์สายตรงของเขาคงไปที่ทะเลท่วมท้นแล้วล่ะ”


ด้วยความอลหม่านวุ่นวายครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้น ต่อให้นักปราชญ์โบราณจื่อหยวนกับคนอื่นๆจะมีความแข็งแกร่งไม่เท่าเหล่าจอมราชันย์ แต่พวกเขาก็คงไปที่ทะเลท่วมท้นเพื่อยื่นมือเข้าช่วยเหลือแล้ว


การที่ทุกคนนิ่งเงียบย่อมหมายความว่ามีเรื่องบางอย่างที่สำคัญกว่าที่พวกเขาต้องทำ ซึ่งเรื่องสำคัญเรื่องนั้นก็น่าจะเกี่ยวข้องกับการกลับมาของปรมาจารย์ขง


“อ๋อ…” หลัวลั่วชิงตาโตเมื่อพลันเข้าใจ เธอรู้สึกว่าคำพูดของจางเซวียนสมเหตุสมผลดี


“ไปกันเถอะ!”


จางเซวียนกระดิกนิ้ว จากนั้นก็เปิดรอยแยกแห่งมิติที่นำไปสู่บริเวณที่ปรมาจารย์ขงจากไป เมื่อทะลุมิติไปถึงอีกฟาก ไม่ช้าก็เห็นชายชราคนหนึ่งลอยตัวอยู่กลางอากาศ


เห็นทั้งสองคนมาถึง ชายชราผู้นั้นกล่าวทักทายพร้อมกับยิ้มให้ “พวกคุณอยู่นี่เอง”


จะเป็นใครอื่นได้นอกจากปรมาจารย์ขง?


ครูบาอาจารย์ของโลกกลับมาแล้ว!


เป็นอย่างที่จางเซวียนคาดไว้ เขาฟื้นคืนชีพอย่า.เงียบๆขณะที่ทุกคนกำลังวุ่นวายอยู่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในทะเลท่วมท้น


“คุณ…” หลัวลั่วชิงตาโตด้วยความอัศจรรย์ใจ


เธอพอรู้ว่าปรมาจารย์ขงเตรียมการเพื่อการฟื้นคืนชีพไว้แล้ว แต่ไม่คิดว่าเขาจะกลับมาได้เร็วขนาดนี้!


“ผมปกปิดบางอย่างไว้จากสรวงสวรรค์” ปรมาจารย์ขงพูดยิ้มๆ “อย่างแรก ผมทิ้งรอยประทับของจิตวิญญาณไว้ที่สระบาดาลตั้งแต่หลายสิบปีก่อนเพื่อสะสมกระแสจิตปรารถนา ทั้งหมดก็เพื่อช่วงเวลานี้นี่แหละ ตอนที่เราดวลกัน ผมถือโอกาสจากการตายของผมปลดปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระจากข้อบังคับของสรวงสวรรค์ แต่ผลจากการทำแบบนั้นก็คือทั้งกายเนื้อและจิตวิญญาณของผมถูกทำลาย ใช้เวลาหลายวันเหมือนกันกว่าจะฟื้นคืนสภาพเดิมได้”


ด้วยความเชี่ยวชาญในการควบคุมกฎเกณฑ์ของการเวลา แม้ในสรวงสวรรค์จะเพิ่งผ่านไปเพียงไม่กี่วัน แต่ในความเป็นจริง เวลาของปรมาจารย์ขงอาจผ่านไปแล้วถึงหลายสิบปี


เมื่อหายตกตะลึงกับการฟื้นคืนชีพของปรมาจารย์ขง หลัวลั่วชิงส่ายหน้า “พวกเราแข็งแกร่งทรงพลังก็จริง แต่ฉันคิดว่าถึงอย่างไรการเอาชนะไอ้โหดก็ไม่ง่าย…”


ก่อนหน้านี้ ทุกคนผนึกกำลังกันแล้ว แต่ก็ยับยั้งไอ้โหดไม่ได้ ต่อให้มีปรมาจารย์ขงมาเสริม ก็จะทำให้เกิดความแตกต่างได้จริงหรือ?


ทุกอย่างน่าจะเหมือนเดิมมากกว่า!


“ผมเห็นด้วยกับที่คุณพูด ต่อให้เราผนึกกำลังกัน ก็ไม่น่าจะเทียบชั้นกับอีกฝ่ายได้อยู่ดี แต่ถ้าถ่ายทอดพละกำลังของพวกเราทุกคนให้กับคนคนหนึ่งล่ะ?” ปรมาจารย์ขงถามยิ้มๆ


“ถ่ายทอดพละกำลังของพวกเราทุกคนให้กับคนคนหนึ่ง?”


ทั้งหลัวลั่วชิงและจางเซวียนสับสนเล็กน้อยกับข้อเสนอของปรมาจารย์ขง


“ฝ่ามือจากเมื่อ 50 ปีที่แล้วน่ะสามารถฉีกกระชากสรวงสวรรค์และทำลายทุกอย่างจนสิ้นซาก” ปรมาจารย์ขงพูด “จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันมีพละกำลังมหาศาล ยิ่งใหญ่เกินกว่าที่พวกเราจะรับมือไหว แต่ไอ้โหดซึมซับพลังเหล่านั้นเข้าไปทั้งหมด รวมทั้งพลังจิตวิญญาณที่มีอยู่ในสรวงสวรรค์ตลอด 50 ปีที่ผ่านมาด้วย หากเราสู้กับเขาด้วยวิธีการธรรมดา ไม่มีทางเอาชนะเขาได้แน่”


“แต่หากพวกเราถ่ายทอดพละกำลังทั้งหมดที่มีเข้าสู่ร่างของใครคนหนึ่ง ก็อาจเปลี่ยนแปลงทุกอย่างได้!”


“แล้วเราจะทำแบบนั้นได้อย่างไร?” หลัวลั่วชิงถาม


สำหรับเรื่องแบบนี้ การพูดย่อมง่ายกว่าลงมือทำมาก


เหล่าจอมราชันย์คือบุคคลผู้แข็งแกร่งที่สุดในโลกแล้ว ซึ่งหากการซึมซับพละกำลังของคนอื่นมันง่ายดายแบบนั้น วรยุทธของเธอคงไม่ชะงักงันตลอดหลายปีที่ผ่านมา


“ที่ผมคิดไว้น่ะง่ายนิดเดียว พวกเราจะถ่ายทอดพละกำลังทั้งหมดที่มีให้กับจางเซวียนและทำให้เขาแข็งแกร่งเกินขีดจำกัดของความเป็นจอมราชันย์ ซึ่งหากทำสำเร็จ เขาก็จะช่วยชีวิตสรวงสวรรค์ได้” ปรมาจารย์ขงพูด


“ผม?” จางเซวียนผงะ “ทำไมต้องเป็นผมด้วย?”


“จอมราชันย์หลินชีฝึกฝนวรยุทธที่มีแนวคิดของความเป็นอิสระ, สภาวะที่อยู่เหนือธรรมชาติและความปรารถนาทั้งปวง แต่เธอก็ยังถูกผูกมัดไว้ด้วยท่านพ่อของเธอและสรวงสวรรค์ ทั้งยังมีใครบางคนที่เธอปรารถนา ดังนั้นจึงไม่อาจพัฒนาวรยุทธให้เหนือชั้นไปกว่านี้ได้แล้ว” ปรมาจารย์ขงอธิบาย


เขาหันไปถามหลัวลั่วชิง “ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด ระหว่างที่เราดวลกันบนดวงจันทร์ คุณเคยคิดจะละทิ้งทุกอย่างและยอมตายด้วยน้ำมือของผมใช่ไหม?”


หลัวลั่วชิงพูดไม่ออก


ความคิดแบบนั้นเคยแวบเข้ามาในหัวสมองของเธอระหว่างที่ทั้งคู่ดวลกันอยู่ ก็เพราะเหตุผลนั้นที่ทำให้ทั้งตัวเธอและปรมาจารย์ขงยั้งมือโดยไม่รู้ตัว กลายเป็นการดวลธรรมดาสามัญแทนที่จะเป็นการดวลแบบชี้เป็นชี้ตาย


“ผู้ที่ไม่อาจก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองไปได้ก็จะไม่มีวันได้อยู่เหนือธรรมชาติ คุณไม่อาจก้าวพ้นขีดจำกัดของจอมราชันย์ได้หรอก ต่อให้ซึมซับพลังจิตวิญญาณมากแค่ไหนก็ตาม ส่วนผม…”


ปรมาจารย์ขงถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ผมคือคนทะเยอทะยานและละโมบโลภมาก ผมอยากมอบแสงสว่างให้กับโลกใบนี้ แต่ไม่ต้องการให้ใครสละชีวิตเพื่อผมในระหว่างกระบวนการนั้น ผมมีความเมตตากรุณามากมายเกินไป และนั่นคือข้อบกพร่อง ถ้าผมใจแข็งกว่านี้สักหน่อยและขุดรากถอนโคนเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่นให้สิ้นซาก เราคงไม่ต้องเผชิญกับวิกฤติอย่างในตอนนี้”


ในครั้งนั้น ถ้าเขาสังหารไอ้โหดเสีย เผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่นก็ก็จะล่มสลาย แต่ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานนั้น เขากลับเลือกไว้ชีวิตพวกมันเพราะความเมตตากรุณาที่มีอยู่ในหัวใจ


หากตอนนั้นเขาใจแข็งสักหน่อยและปฏิบัติภารกิจให้สำเร็จลุล่วง ทุกคนก็จะไม่ต้องเจอกับสถานการณ์อย่างในเวลานี้


“เพราะฉะนั้น ตัวผมน่ะไม่เหมาะสมหรอก ส่วนจางเซวียน, เทคนิควรยุทธของคุณเชื่อมโยงกับเจตจำนงและความตั้งใจที่คุณมีอยู่ ซึ่งผมมองไม่เห็นข้อบกพร่องในนั้น คุณเสาะแสวงหาการใช้ชีวิตแบบเต็มที่กับมัน แม้ต้องแลกด้วยความตาย แต่ขอแค่คุณได้ใช้ชีวิตและตัดสินใจเรื่องต่างๆด้วยตัวเอง คุณก็พร้อมจะเดินหน้าไปอย่างกล้าหาญและฝ่าฟันทุกอุปสรรคให้ได้ คนแบบนี้มีความยืดหยุ่นและพร้อมที่จะพัฒนามากกว่า นั่นคือเหตุผลที่คุณสามารถก้าวไปอยู่ในจุดที่สูงกว่าเราทั้งคู่!” ปรมาจารย์ขงพูด


“คือ…” จางเซวียนขมวดคิ้ว


เขาไม่คิดว่าปรมาจารย์ขงจะประเมินตัวเขากับหลัวลั่วชิงแบบนี้ ซึ่งขณะที่จางเซวียนกำลังจะอ้าปาก ปรมาจารย์ขงก็โบกมือ “คุณไม่ต้องรู้สึกแย่เพราะเรื่องนี้หรอก ตอนนี้เราไม่มีเวลาบ่มเพาะคนอื่นแล้ว หรือต่อให้ทำได้ ผมก็ไม่คิดว่าจะมีใครทำหน้าที่นี้ได้ดีกว่าคุณ”


“จอมราชันย์หลินชีไม่ได้ครอบครองเศษเสี้ยวสวรรค์ก็จริง แต่เวลาเนิ่นนานหลายปีที่ทำหน้าที่ควบคุมดูแลภาวะตามธรรมชาติของสรวงสวรรค์ก็ทำให้เธอมีความเข้าใจในสรวงสวรรค์อย่างลึกซึ้ง ส่วนตัวผมมีลิขิตสวรรค์ หากเราสองคนมอบอำนาจที่เรามีอยู่ให้คุณ คุณก็จะมีอำนาจของสรวงสวรรค์อย่างสมบูรณ์แบบ และเมื่อมีตัวโคลนซึ่งเป็นดอกบัวทองคำดึกดำบรรพ์แห่ง 9 น่านฟ้าคอยช่วยเหลือ…คุณจะต้องรักษาความมั่นคงของสรวงสวรรค์ไว้ได้แน่, เปลี่ยนทิศทางของกระแสน้ำ และกำจัดผู้บุกรุก!”

 

 

 


ตอนที่ 2342 ฉันเข้าใจแล้ว…

 

เห็นปรมาจารย์ขงตัดสินใจแน่วแน่แล้ว จางเซวียนหันไปมองหลัวลั่วชิง เห็นเธอพยักหน้า


ในเมื่อเป็นแบบนั้น เขาก็ไม่มีข้อคัดค้าน “เอาเถอะ ทำตามนั้นเลย”


ทุกคนรีบทรุดตัวลงนั่ง


ฟิ้วววววว!


ไม่ช้า กระแสพลังงาน 2 สายก็ไหลเข้าสู่ร่างของจางเซวียน


พลังงานนั้นทำให้ร่างของเขาแข็งทื่อ ในตอนนั้น จางเซวียนรู้สึกราวกับเขาได้กลายร่างเป็นผู้ควบคุมสรวงสวรรค์ ผงาดเหนือชั้นกว่าทั้ง 9 น่านฟ้า


ไม่ว่าจะเป็นจิตวิญญาณ กายเนื้อ หรือพลังปราณของเขาก็ล้วนได้รับการชำระล้างและขัดเกลาจนหมดจด พวกมันทั้งแข็งแกร่งและทรงพลังกว่าเดิม


…..


“พวกคุณคิดจะยับยั้งผมเหมือนกันอย่างนั้นสิ? ได้! งั้นผมจะจัดการพวกคุณก่อนแล้วค่อยเล่นงานจางเซวียน…” ไอ้โหดคำรามขณะสอยหลัวฉีฉี ตัวโคลน และคนอื่นกระเด็นไป


การผนึกกำลังกันของพวกเขาถือว่าแข็งแกร่งไร้เทียมทาน แต่ก็ยังสู้ไอ้โหดไม่ได้


ทะเลท่วมท้นกลืนกินพลังจิตวิญญาณที่มีอยู่ในสรวงสวรรค์ไปหมดแล้ว เหลือแต่พลังจิตวิญญาณในเมืองใหญ่ๆ ซึ่งตอนนี้ กลุ่มก้อนของพลังนั้นก็อยู่ภายใต้การควบคุมของไอ้โหด ทำให้ตัวมันมีพละกำลังทำลายล้างรุนแรงถึงขนาดเล่นงานทุกอย่างที่ขวางทางได้


แม้จอมราชันย์และราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติเหล่านี้จะถือเป็นนักรบที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก แต่ก็อับจนหนทางเมื่ออยู่ต่อหน้าไอ้โหด


ไอ้โหดในเวลานี้เหมือนทรราชย์แห่งสรวงสวรรค์ที่ไม่มีใครกำราบได้ ไม่อาจยับยั้งมันได้เลย


“ถ้าสรวงสวรรค์ล่มสลาย พวกเราจะอยู่ต่อไปเพื่ออะไร ผม, จอมราชันย์มังกรเมฆ จะสู้กับคุณจนหมดลมหายใจเฮือกสุดท้าย!”


จอมราชันย์มังกรเมฆกลายร่างกลับสู่สภาพเดิม คือราชามังกรทอง 5 กรงเล็บ เขาพุ่งเข้าใส่ไอ้โหด


“แกน่ะหรือ? แกมันไม่คู่ควรหรอก!”


ไอ้โหดโบกมือ จากนั้นก็คว้าร่างของราชามังกรทอง 5 กรงเล็บไว้แน่น ไม่ว่าอีกฝ่ายจะดิ้นรนขัดขืนแค่ไหนก็ไม่อาจหลุดรอดจากเงื้อมมือของไอ้โหดได้


“สหาย รอผมด้วย!” จอมราชันย์ฟู่เหมิงคำรามก้องขณะเปลี่ยนร่างเป็นเสือขาวแล้วตรงเข้าเล่นงานไอ้โหด


จอมราชันย์อมตะเปลี่ยนร่างเป็นนกฟีนิกซ์ไฟอมตะ จากนั้นก็โผขึ้นสู่กลางอากาศ


จอมราชันย์นรกโลกันต์เปลี่ยนร่างเป็นเต่าตัวมหึมา ทุกย่างก้าวของมันทำให้พื้นดินสะท้านสะเทือน


4 อสูรผู้อารักขา 4 ทิศของสรวงสวรรค์ เมื่อพวกเขาคืนร่างเดิม การพังทลายของสรวงสวรรค์ก็เริ่มชะลอตัว


ดูเหมือน 4 เสาหลักที่ทำหน้าที่ค้ำจุนสรวงสวรรค์จะกลับมาแล้ว


พลั่ก! พลั่ก! พลั่ก! พลั่ก!


แต่ด้วยการปล่อยพลังจากฝ่ามือติดกันถึง 4 ครั้ง ไอ้โหดก็เล่นงานทั้ง 4 อสูรได้อย่างง่ายดาย เจตนาสังหารเปล่งประกายอยู่ในดวงตาของมันขณะประกาศก้อง “ในเมื่อพวกแกรนหาที่ตายนัก ฉันก็จะช่วยให้แกสมความปรารถนา!”


ไอ้โหดตวาดกร้าว มันกำลังจะสังหารจอมราชันย์ทั้งหมด ก็พอดีกับที่รู้สึกว่ามือของตัวเองแข็งทื่ออยู่กลางอากาศ


“แกถามฉันหรือยังว่าจะอนุญาตให้ฆ่าพวกเขาไหม?”


ร่างหนึ่งย่างสามขุมออกมาจากเส้นขอบฟ้า ต่อหน้าต่อตาทุกคนที่ยังตกตะลึง


จางเซวียน!


ตอนนี้ชายหนุ่มแข็งแกร่งกว่าตอนที่เพิ่งได้เป็นจอมราชันย์อย่างน้อยก็ 10 เท่า พละกำลังแผ่ซ่านออกจากร่างของเขา กลายเป็นคนละคนที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงนับตั้งแต่กลับจากน่านฟ้าเสรี


“ดูเหมือนแกจะก้าวหน้าไปมากนะ” ไอ้โหดค่อยๆชักมือกลับขณะหรี่ตาประเมินจางเซวียน


เห็นได้ชัดว่ามันตกตะลึงกับการที่จางเซวียนก้าวหน้าได้ขนาดนี้ภายในเวลาเพียงไม่กี่นาที


“แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ต่อให้แกแข็งแกร่งกว่าเดิม ก็แล้วอย่างไร? ขนาดสรวงสวรรค์ก็ยังยับยั้งฉันไม่ได้ ฉันไม่เชื่อหรอกว่าแกจะมีปัญญา!”


ไอ้โหดคำราม มันเงื้อมือขึ้น ตั้งใจจะปล่อยพลังออกมาเล่นงานจางเซวียน ซึ่งจางเซวียนก็ชักดาบออกมาตอบโต้


ทั้งคู่เริ่มปะทะกัน คลื่นความสั่นสะเทือนอันทรงพลังระเบิดออกไปทุกหนแห่ง รอยแยกแห่งมิติปรากฏทั่วบริเวณนั้น


…..


ณ ที่พำนักของปรมาจารย์ขงในน่านฟ้าเสรี หลัวลั่วชิงเปรยอย่างเป็นห่วง “จางเซวียนจะเอาชนะเขาได้ไหม?”


หลังจากที่ตัวเธอกับปรมาจารย์ขงถ่ายทอดอำนาจทั้งหมดที่มีให้จางเซวียน วรยุทธของทั้งคู่ก็ร่วงลงไปเป็นระดับราชันย์เทพเจ้า ทำให้อันตรายเกินกว่าที่จะกลับสู่สนามรบ


แต่ประสบการณ์ต่างๆของพวกเขายังคงอยู่ ขอแค่ได้ซึมซับพลังงานมากพอ ไม่ช้าก็จะฟื้นคืนวรยุทธระดับเดิมกลับมาได้


ปรมาจารย์ขงครุ่นคิดครู่หนึ่ง “แม้ด้วยพละกำลังที่จางเซวียนมีอยู่ตอนนี้ การจะเอาชนะก็ยังเป็นเรื่องยาก เว้นเสียแต่…เขาจะสามารถทำความเข้าใจอำนาจที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าจอมราชันย์ได้”


ไอ้โหดคือคู่ต่อสู้ที่พวกเขาไม่อาจปราบได้แม้เมื่อผนึกกำลังกันแล้ว ถึงตอนนี้พวกเขาจะถ่ายทอดอำนาจและพลังทั้งหมดที่มีให้จางเซวียน ก็ยังไม่แน่ใจอยู่ดีว่าจางเซวียนจะเอาชนะหมอนั่นได้


เหตุผลเดียวที่ปรมาจารย์ขงกับหลัวลั่วชิงทำแบบนี้ก็เพื่อให้จางเซวียนได้เข้าถึงอำนาจของจอมราชันย์ ซึ่งเมื่อถึงตอนนั้น โอกาสในการก้าวข้ามขีดจำกัดของจอมราชันย์และขีดจำกัดของตัวเขาเองก็จะเปิดกว้าง


“ทำความเข้าใจอำนาจที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าจอมราชันย์?” หลัวลั่วชิงพึมพำ


ตอนที่ท่านพ่อของเธอยังมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ ก็เคยพูดไว้แบบนี้ แต่ต่อให้เธอเพียรพยายามแค่ไหนก็ไม่อาจก้าวข้ามขีดจำกัดนั้นได้ แล้วชายที่เธอรักจะทำสำเร็จได้จริงหรือ?


“เชื่อใจเขาเถอะ เขาทำได้แน่ ชีวิตจิตใจของเขามีไว้เพื่อโลกใบนี้ ซึ่งหัวใจที่กล้าแกร่งไม่หวั่นไหวจะช่วยให้เขาทำสำเร็จ” ปรมาจารย์ขงตอบพร้อมกับหัวเราะหึๆ


…..


พลั่ก! พลั่ก! ตุ้บ!


หลังจากปะทะกันไป 2-3 กระบวนท่า เลือดก็ไหลอาบนิ้วของจางเซวียน ที่หน้าอกมีบาดแผลขนาดใหญ่


เป็นอย่างที่ปรมาจารย์ขงพูดไว้ แม้จางเซวียนจะมีสรวงสวรรค์ที่ครบถ้วนสมบูรณ์อยู่กับตัวหลังจากได้รับอำนาจและพละกำลังของพวกเขา แต่ก็ยังเทียบชั้นกับไอ้โหดไม่ได้อยู่ดี


“ฮ่าฮ่าฮ่า! ฉันน่ะอยากรู้แทบตายว่าแกจะเก่งกาจแค่ไหน แต่จนแล้วจนรอด ก็ได้แค่นี้เอง” ไอ้โหดเยาะเย้ย


จางเซวียนถอยหลังไป 2-3 ก้าว เขาอ้าปากหอบหายใจขณะมองหน้าไอ้โหด “ถึงอย่างไรฉันก็สู้แกไม่ได้อยู่แล้ว ทำไมถึงไม่สงเคราะห์ฉันสักหน่อย? ฉันอยากเห็นกระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดที่แกมี”


“ในที่สุด แกก็ยอมรับโชคชะตาแล้วใช่ไหม? ก็ได้ ฉันจะช่วยให้แกสมปรารถนา!”


ไอ้โหดคำราม จากนั้นก็ค่อยๆเงื้อมือ แสงสีเขียวแผ่ซ่านออกมาโอบล้อมมือนั้น


บึ้มมมม!


ไอ้โหดปล่อยพลังหนักหน่วงออกมา


พลังมหาศาลของการโจมตีทำให้ทั้งสรวงสวรรค์แทบจะกรีดร้องเพราะความรุนแรงที่เกินรับไหว เกิดหลุมยุบขนาดใหญ่ที่พื้น


จางเซวียนหลับตาขณะเผชิญหน้ากับการโจมตีนั้น ราวกับใครสักคนที่พร้อมศิโรราบแก่โชคชะตา


โพละ!


ศีรษะของเขาระเบิด จิตวิญญาณสูญสลายไป กลายเป็นความว่างเปล่า


“จางเซวียน!”


เห็นภาพนั้น ทุกคนหน้าซีด


หลัวฉีฉีถอยกรูดขณะมองภาพที่อยู่ตรงหน้าอย่างพรั่นพรึง เธอใกล้จะเสียสติเต็มที


จอมราชันย์มังกรเมฆกับคนอื่นๆหรี่ตาด้วยความไม่อยากเชื่อ


แม้ปรมาจารย์ขงกับหลัวลั่วชิงก็จังงังกับภาพนั้น


ทั้งคู่มอบพละกำลังและอำนาจที่มีให้จางเซวียนไปหมดแล้วเพื่อให้อีกฝ่ายฝ่าด่านวรยุทธไปถึงขั้นที่เหนือกว่าจอมราชันย์ได้ แล้วทำไมเขาจึงถอดใจทั้งที่ยังไม่ทันจะได้ตอบโต้?


แล้วพวกเขาจะเสียสละขนาดนั้นไปเพื่ออะไร?


“ไม่หรอก มันไม่ใช่…นั่นคือแก่นสารอมตะของจอมราชันย์อมตะ!” ปรมาจารย์ขงโพล่งออกมา


หลัวลั่วชิงรีบพิจารณาอย่างถี่ถ้วน เธอเห็นจี้สีแดงก่ำที่ห้อยอยู่รอบลำคอของจางเซวียนมาตลอดแตกหักเสียหาย ทำให้หยดเลือดลอยขึ้นสู่กลางอากาศ


หยดเลือดระเบิดเป็นเปลวไฟและลุกลามกลายเป็นทะเลเพลิง ท่ามกลางทะเลเพลิงนั้น ร่างหนึ่งที่ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆเดินออกมาอย่างสุขุม


หลัวลั่วชิงตาโตด้วยความอัศจรรย์ใจ “เขา…ใช้พลังของไอ้โหดและเลือดในจี้เพื่อตัดมลทินสวรรค์ออกจากจิตวิญญาณ”


จางเซวียนที่ฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่ไม่เหมือนจางเซวียนคนเดิม ไม่มีหอสมุดเทียบฟ้าอีกต่อไป เขาเป็นอิสระจากการก้าวก่ายของสรวงสวรรค์ และในที่สุดก็เข้าถึงระดับที่เหนือกว่าสวรรค์ได้สำเร็จ


“เขาทำได้อย่างไรกัน?” ปรมาจารย์ขงชะงัก


จิตวิญญาณของพวกเขาเกี่ยวพันร้อยรัดอย่างล้ำลึกกับสรวงสวรรค์จนถึงขนาดที่เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งเดียวกัน นั่นคือเหตุผลที่ปรมาจารย์ขงต้องเฉือนจิตวิญญาณของเขาออกเป็น 3 ส่วนกว่าจะปลดเปลื้องตัวเองให้เป็นอิสระจากพันธนาการของลิขิตสวรรค์ได้


แต่ชายหนุ่มปลดปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระจากสรวงสวรรค์ได้อย่างง่ายดาย เขาใช้วิธีไหน?


“ฉันเข้าใจ ฉันเข้าใจแล้ว…” หลัวลั่วชิงพยักหน้า “เขาใช้วิธีการเดียวกันกับที่ไอ้โหดใช้ปลดเปลื้องตัวมันให้เป็นอิสระจากพันธนาการของการทำสัญญาผูกมัดจิตวิญญาณ!”


สัญญาผูกมัดจิตวิญญาณคือสัญญาที่เหนี่ยวรั้งจิตวิญญาณของผู้หนึ่งเอาไว้ หากเจ้านายไม่ปลดเปลื้องพันธนาการนั้นให้ ชีวิตของผู้รับใช้ก็จะตกอยู่ภายใต้การควบคุมของเจ้านายไปจนชั่วชีวิต


นั่นคือความสัมพันธ์แบบเดียวกันกับความสัมพันธ์ระหว่างจางเซวียนกับหอสมุดเทียบฟ้า


อันที่จริง หากจะพูดให้เจาะจง มันแข็งแกร่งกว่าการทำสัญญาผูกมัดจิตวิญญาณด้วยซ้ำ เพราะเป็นสิ่งที่จะยังคงผูกพันอยู่แม้หลังความตาย นั่นคือเหตุผลที่ทำให้ปรมาจารย์ขงต้องใช้วิธีการพิเศษเพื่อปลดเปลื้องพันธนาการให้ตัวเอง


ไอ้โหดอธิบายให้จางเซวียนฟังว่าพลังงานชั่วร้ายมีอานุภาพปลดปล่อยใครคนหนึ่งให้เป็นอิสระจากการทำสัญญาผูกมัดจิตวิญญาณ ซึ่งในตอนนั้น จางเซวียนก็คิดแผนการได้


นั่นคือเหตุผลที่เขาพยายามโน้มน้าวไอ้โหดให้โจมตีเขาด้วยกระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุด เพราะหากเขาได้สัมผัสพลังชั่วร้ายที่อยู่ในการโจมตีนั้น ก็จะปลดเปลื้องพันธนาการของหอสมุดเทียบฟ้าออกจากจิตวิญญาณของเขาได้สำเร็จ


ซึ่งทุกอย่างก็เป็นไปตามแผน


…..


“เรารู้แล้ว นี่คือวิธีก้าวเข้าสู่ระดับที่เหนือกว่าจอมราชันย์…”


จางเซวียนที่ฟื้นคืนชีพเดินออกมาจากเปลวเพลิง เขายิ้มน้อยๆ ดูจะเข้าอกเข้าใจอะไรบางอย่างจากความตายที่เพิ่งผ่านไป


เขาโบกมือเรียกตัวโคลนเข้ามา จากนั้นตัวโคลนก็กลายร่างเป็นดอกบัว


ในชั่วพริบตานั้น ทุกคนพลันรู้สึกราวกับจางเซวียนกลายเป็น 9 น่านฟ้า และ 9 น่านฟ้าก็กลายเป็นตัวเขา


ด้วยการกระทืบเท้าเพียงครั้งเดียว ความมั่นคงก็กลับคืนสู่ 9 น่านฟ้าที่เคยปั่นป่วน


ดอกบัวทองคำดึกดำบรรพ์แห่ง 9 น่านฟ้าถือกำเนิดมาพร้อมกับอานุภาพในการรักษาความมั่นคงให้กับโลก ซึ่งการเชื่อมต่อระหว่างเขากับตัวโคลนก็ทำให้จางเซวียนใช้อำนาจนั้นได้


ไม่เพียงเท่านั้น หลังจากซึมซับวรยุทธของดอกบัวทองคำดึกดำบรรพ์แห่ง 9 น่านฟ้า จางเซวียนรู้สึกได้ว่าด่านคอขวดที่เขาต้องเผชิญหลังจากได้รับการถ่ายทอดพละกำลังจากปรมาจารย์ขงและหลัวลั่วชิงมีประสิทธิภาพลดลงไปเล็กน้อย


ยังมีระดับขั้นที่สูงกว่านี้ที่เขาจะต้องคว้ามาให้ได้

 

 

 


ตอนที่ 2343 พวกมันไม่สำคัญเลย!

 

“ความสัมพันธ์ของเจ้านายกับลูกน้อง สายสัมพันธ์พี่น้อง ความสนิทแนบแน่นของครูบาอาจารย์กับลูกศิษย์ ความรักความผูกพันระหว่างพ่อแม่กับลูก ความรักที่ร้อยรัดผู้คนเอาไว้ด้วยกัน…สิ่งเหล่านี้ผสมผสานกันจนก่อเกิดเป็นโลกใบนี้ขึ้นมา นั่นคือความหมายของการมีชีวิตอยู่” จางเซวียนพึมพำกับตัวเองและยิ้มออกมา


ในวินาทีที่จิตวิญญาณของเขาเป็นอิสระจากพันธนาการของหอสมุดเทียบฟ้า เขาก็พลันเข้าใจ


โลกนี้มีอยู่เพราะสิ่งมีชีวิตเกิดการรับรู้สภาพแวดล้อมของมัน หรือโลกคือผู้บ่มเพาะสิ่งมีชีวิตลำดับแรก?


เป็นลมที่พัดไหว…หรือหัวใจกันแน่ที่พัดไหว?


นี่คือคำถามที่ผู้คนนับไม่ถ้วนต่างขบคิดตลอดหลายปีที่ผ่านมา


และแน่นอนว่าสำหรับจางเซวียนในเวลานี้…พวกมันไม่สำคัญเลย!


หากปราศจากชีวิตจิตใจ การได้อาศัยอยู่ในโลกใบนี้จะมีความหมายอะไร?


ดังนั้น สิ่งที่เหนือไปกว่าความรักก็คือชีวิตจิตใจของโลก ชีวิตจิตใจของสรรพชีวิตที่ถักทอร้อยรัดเข้าด้วยกันในโลกใบนี้


ทุกอย่างในโลกล้วนมีชีวิตจิตใจ เพราะการมีชีวิตจิตใจเท่านั้นที่ทำให้โลกตั้งอยู่ได้ และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้ทุกชีวิตยังคงดำรงอยู่


ความรักคือชีวิตจิตใจ


ความเกลียดชังคือชีวิตจิตใจ


ความรื่นรมย์คือชีวิตจิตใจ


ความเจ็บปวดคือชีวิตจิตใจ


ปฏิสัมพันธ์ต่างๆในโลกใบนี้ล้วนเกี่ยวข้องกับชีวิตจิตใจทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นการลาจากหรือการได้กลับมาพบกันใหม่


“เราจะนำชีวิตจิตใจของโลกมาใช้ประโยชน์ให้ได้!”


จางเซวียนคำราม ในที่สุดเขาก็ก้าวข้ามด่านคอขวดที่สกัดกั้นอยู่ได้สำเร็จ กลายเป็นผู้ที่อยู่เหนือความเป็นจอมราชันย์


ในตอนนั้น ราวกับโลกใบใหม่เอี่ยมได้ปรากฏตรงหน้า จิตวิญญาณของเขาเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วภายใต้การบ่มเพาะ


พลังงานดึกดำบรรพ์พลุ่งพล่านอยู่ในร่างของเขา ทำให้ตัวเขาพัฒนาขึ้นสู่ระดับใหม่


ที่ผ่านมา จางเซวียนจะยกระดับวรยุทธได้ก็ด้วยการซึมซับพลังจิตวิญญาณเท่านั้น แต่การพัฒนาตัวเองในครั้งนี้ทำให้ข้อบังคับนั้นถูกทำลายไป หลังจากนี้ ไม่ว่าจะเป็นคลื่นความสั่นสะเทือนแห่งมิติ พลังงานดึกดำบรรพ์ที่อบอวลอยู่ในอากาศ หรือแม้แต่แสงสีเขียวที่เกิดจากการเจือจางพลังปราณเทียบฟ้า เขาก็นำมาใช้ได้


“แก…”


ไอ้โหดนึกไม่ถึงว่าการโจมตีของมันจะคร่าชีวิตจางเซวียนไม่ได้ ซ้ำยังช่วยให้หมอนั่นฝ่าด่านวรยุทธสำเร็จด้วย มันตัวสั่นด้วยความโกรธแค้น จากนั้นก็ตวาดก้องขณะปล่อยการโจมตีอีกครั้ง


“แกโกรธแค้นเหล่าจอมราชันย์ผู้สูงส่งที่ไม่อาจช่วยแกออกจากมิติที่วุ่นวายกับสน นั่นคือชีวิตจิตใจ, แกรู้สึกเสียศักดิ์ศรีและถูกหยามหน้าที่ต้องกลายเป็นคนรับใช้ของฉัน นั่นคือชีวิตจิตใจ, แกปรารถนาจะทำลายโลกใบนี้เพื่อระบายความเคืองแค้น นั่นคือชีวิตจิตใจ, แกอยากจะก้าวไปอยู่ในจุดที่เหนือกว่าใครๆทั้งหมดเพื่อให้ได้พละกำลังและอำนาจสูงสุด นั่นก็คือชีวิตจิตใจเช่นกัน…แกถูกชีวิตจิตใจของตัวเองบงการอยู่ แล้วจะไม่ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของฉันได้อย่างไร?” จางเซวียนพูดด้วยน้ำเสียงที่ดังก้องไปถึงโลกทุกใบ


เขายกมือ แล้วชีวิตจิตใจทั้งหมดที่ก่อเกิดขึ้นเป็นไอ้โหดก็ร้อยรัดร่างของมันไว้อย่างแน่นหนา สกัดกั้นทุกการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นเมื่อครู่


ด้วยสิ่งนี้ ไอ้โหดผู้ไร้เทียมทานก็สิ้นฤทธิ์


ขอแค่ผู้นั้นยังมีชีวิตจิตใจ ก็ย่อมตกอยู่ใต้คำพิพากษาและการตัดสินใจของเขา


“คุณ…” ไอ้โหดตาเหลือกลานด้วยความพรั่นพรึง “ปรมาจารย์จาง, ผมเป็นคนรับใช้ของคุณนะ ได้โปรดอย่าฆ่าผมเลย…ผมพร้อมแล้วที่จะมอบจิตวิญญาณของผมให้คุณอีกครั้ง…”


“สายไปแล้วล่ะที่จะพูดแบบนี้” จางเซวียนมองไอ้โหดอย่างเย็นชาขณะส่ายหน้า


เจ้านี่คือคนที่ทำร้ายคนรักของเขา หลัวฉีฉี อีกทั้งศิษย์สายตรงและสหายของเขาอีกมากมาย มันพยายามทำลายทั้งสรวงสวรรค์เพียงเพื่อระบายความแค้นของตัวเอง เข่นฆ่าผู้คนล้มตายไปนับไม่ถ้วน


เขาจะปรานีไอ้โหดได้อย่างไร?


“ไม่นะ…”


ไอ้โหดรับรู้ได้ถึงความเด็ดขาดของจางเซวียน มันหรี่ตาขณะพยายามเผ่นหนี แต่เพียงครู่เดียว ก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดจากการถูกแทงอย่างแรง


ฟึ่บ!


ร่างของไอ้โหดระเบิด กลายสภาพเป็นกระแสพลังจิตวิญญาณนับสายไม่ถ้วนที่แผ่ซ่านออกไปทั่วทั้งสรวงสวรรค์


พลังงานที่ก่อนหน้านี้เคยถูกรอยแยกแห่งมิติกับทะเลท่วมท้นกลืนกินเข้าไปถูกส่งคืนสู่สรวงสวรรค์ มอบชีวิตใหม่ให้กับความแห้งแล้งทุรกันดาร


…..


“เอ่อ…”


“จบแบบนี้หรือ?”


จอมราชันย์มังกรเมฆ จอมราชันย์อมตะ เทพธิดาหลิงหลง และคนอื่นๆถึงกับพูดไม่ออก พวกเขาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง


ทุกคนปะทะกับไอ้โหดมาแล้ว จึงรู้ดีว่าพละกำลังของอีกฝ่ายน่าสะพรึงอย่างไร แต่นักรบที่มีพลังล้นเหลือแบบนั้นก็ยังถูกสังหารได้ แล้วจางเซวียนจะต้องทรงพลังขนาดไหนกัน?


ยังมีระดับขั้นที่เหนือกว่าจอมราชันย์ด้วยหรือ?


…..


“เขาทำสำเร็จ…”


ในที่สุด ปรมาจารย์ขงกับหลัวลั่วชิงก็ได้คลายหมัดที่เคยกำแน่น


…..


“นี่คือเศษเสี้ยวสุดท้ายของสรวงสวรรค์ เราจะคืนมันให้สรวงสวรรค์เดี๋ยวนี้แหละ…”


มลทินสวรรค์ที่จางเซวียนนำออกมาจากร่างของเขากำลังลอยอยู่เหนือศีรษะ


วิ้งงง!


ด้วยการโบกมือ หอสมุดเทียบฟ้าที่อยู่กับเขามาตลอดนับตั้งแต่ทะลุมิติมาก็ลอยขึ้นสู่กลางอากาศ หลอมรวมเข้ากับท้องฟ้าของสรวงสวรรค์


มีเสียงระฆังดังกึกก้อง สรวงสวรรค์ที่พังทลายไม่มีชิ้นดีกลับมีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง ความเป็นระเบียบเริ่มกลับคืนสู่กระแสพลังจิตวิญญาณที่เคยปั่นป่วนอยู่ในอากาศ


“ดูเหมือนสรวงสวรรค์กำลังจะเข้าสู่ยุคสมัยแห่งความรุ่งเรืองจากการฟื้นคืนชีพของพลังจิตวิญญาณ…” จางเซวียนหัวเราะหึๆ


รอยแยกแห่งมิติที่เคยมีอยู่ต่างปิดตัวลงหลังจากที่สรวงสวรรค์หลอมรวมเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์ ดังนั้น อีกไม่นานสรวงสวรรค์ก็จะกลับคืนสู่สภาพแข็งแกร่งสูงสุด


…..


“จางเซวียน มานี่เถอะ”


หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นในหัวสมองของจางเซวียน เขาชะงักไปเล็กน้อยในตอนแรก แต่ก็ก้าวออกไปหนึ่งก้าว เข้าหาทิศทางที่เสียงนั้นแว่วมา


เพียงก้าวเดียวนั้นดูจะนำเขาข้ามพื้นที่ที่กว้างใหญ่ไร้ขอบเขตมาอยู่ตรงหน้าชายหนุ่มคนหนึ่ง


คือชายหนุ่มที่เคยสอนศิลปะเพลงดาบให้เขาในครั้งนั้น!


“ผู้อาวุโส, คุณ…”


เมื่อเห็นว่าเป็นอีกฝ่าย จางเซวียนถึงกับผงะ


เขาเคยคิดว่าชายหนุ่มคือผู้ทรงพลังเกินหยั่งถึง ซึ่งก็เป็นแบบนั้นจริงๆ


แม้ตัวจางเซวียนเองในสภาวะนี้ ก็รู้ตัวดีว่าแข็งแกร่งกว่าชายหนุ่มเพียงเล็กน้อยเท่านั้น อีกฝ่ายเข้าถึงความเป็นสุดยอดของจอมราชันย์แล้ว มีพละกำลังและอำนาจเหนือกว่าหลัวลั่วชิงกับปรมาจารย์ขงเสียอีก


“ผมชื่อเนี่ยถง คุณเรียกชื่อผมก็ได้” ชายหนุ่มทักทาย


“เนี่ยถง?” จางเซวียนทวนชื่อนั้นอย่างสงสัย


นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินชื่อนี้


“ตามผมมา ผมจะพาคุณไปพบพี่ชายของผม” เนี่ยถงพูดขณะออกเดินนำ


จางเซวียนตามไปติดๆ


หลังจากเดินทางไปอีกไกลจนไม่อาจกะประมาณระยะทางได้ ในที่สุดทั้งคู่ก็มาถึงยอดเขาแห่งหนึ่ง


ที่ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาคือชายหนุ่มอีกคนซึ่งมีนัยน์ตาล้ำลึกราวกับหลุมดำ ทำให้แทบไม่อาจมองทะลุเขาได้เลย


“พละกำลังนี้…” จางเซวียนตัวสั่น


เขาดูออกว่าชายหนุ่มคนนี้แข็งแกร่งกว่าเขามาก อีกฝ่ายเข้าถึงขั้นเหนือขีดจำกัดของจอมราชันย์แล้ว อีกทั้งวรยุทธก็ล้ำลึกและมั่นคงกว่าเขาหลายเท่า


“ผมคือเนี่ยหยุน” ชายหนุ่มแนะนำตัวกับจางเซวียนพร้อมกับยิ้มให้ “และเป็นท่านพ่อของหลินชี หรือบางที…คุณอาจจดจำเธอในชื่อหลัวลั่วชิงมากกว่า!”


“ท่านพ่อของลั่วชิง?” จางเซวียนอัศจรรย์ใจ “คุณคือสวรรค์ของสรวงสวรรค์แห่งนี้?”


หลัวลั่วชิงเคยบอกเขาว่าท่านพ่อของเธอคือสรวงสวรรค์ แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะยังหนุ่มขนาดนี้


“ในครั้งนั้น ผมแบ่งเจตจำนงของผมออกเป็น 3 เสี้ยว โดยเสี้ยวหนึ่งกลายเป็นสรวงสวรรค์ อีกอย่าง โลกนี้ผมก็เป็นผู้สร้างขึ้นมา จึงไม่ผิดหรอกหากจะพูดว่าผมคือสวรรค์ของสรวงสวรรค์แห่งนี้” เนี่ยหยุนอธิบายยิ้มๆ


จางเซวียนตาโตด้วยความประหลาดใจ


แท้ที่จริง สรวงสวรรค์ถูกสร้างขึ้นโดยชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา!


แล้วอีกฝ่ายจะต้องทรงพลังขนาดไหน?


“ไม่ใช่ แบบนี้ไม่ถูกแล้วล่ะ ถ้าคุณคือผู้สร้างสรวงสวรรค์ และตัวคุณเองก็คือสวรรค์…แล้วทำไมคุณถึงทนดูเจ้าสารเลวอย่างไอ้โหดทำลายสรวงสวรรค์ได้?” จางเซวียนถาม


ถ้าไม่ใช่เพราะการฝ่าด่านวรยุทธของเขา สรวงสวรรค์คงล่มสลายไปแล้ว อีกฝ่ายคิดจะนิ่งดูดายและเฝ้าดูทุกอย่างที่ตัวเองสร้างล่มสลายไปต่อหน้าต่อตาหรือ?


ไม่ห่วงลูกสาวของตัวเองบ้างหรือไง?


เนี่ยหยุนไม่ตอบ เขาจับจ้องจางเซวียนและตั้งคำถามกลับ “คุณคิดว่ายังมีผู้ที่แข็งแกร่งเหนือชั้นกว่าสรวงสวรรค์อีกไหม?”


“ผู้ที่แข็งแกร่งกว่า?” จางเซวียนครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนพยักหน้า “ผมว่ามี…”


เขายังไม่เคยพบใครที่เป็นแบบนั้น แต่ในเมื่อตัวเขาฝึกฝนวรยุทธมาถึงระดับนี้ได้ ก็ต้องมีคนอื่นทำได้เหมือนกัน


ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขาก็เป็นตัวอย่างหนึ่ง


“ผมสงสัยเรื่องนี้มาตลอด จึงพยายามใช้พละกำลังและอำนาจที่มีเพื่อคอยเฝ้าดู แต่การกระทำของผมนำมาซึ่งการลงทัณฑ์จากโลกใบที่สูงกว่า…คือฝ่ามือขนาดใหญ่ที่ยื่นลงมาเพื่อฉีกกระชากสรวงสวรรค์ในครั้งนั้น” เนี่ยหยุนพูด “ถ้าผมหลบ สรวงสวรรค์จะต้องพังพินาศเพราะการโจมตีนั่น สรรพชีวิตจะล้มตายสาบสูญ ผมจึงรวบรวมพละกำลังทั้งหมดที่มีเพื่อต้านทานพลังจากฝ่ามือ แต่ผลที่ได้ก็คือสวรรค์ลงเอยด้วยการแตกออกเป็น 3 เศษเสี้ยว”


“เพียงแค่ใช้ความคิดแวบเดียว ผมก็เรียกพละกำลังกลับคืนมาได้ แต่ผมรู้ดีว่าถ้าผมอยากก้าวข้ามขีดจำกัดของสรวงสวรรค์ ค้นหาต้นกำเนิดของฝ่ามือ และสำรวจโลกที่อยู่เหนือกว่าสรวงสวรรค์ไปอีก ก็คงไม่อาจทำตามลำพัง ผมจึงอยากเห็นว่าในโลกนี้, มีใครอื่นอีกไหมที่จะสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดของจอมราชันย์และมาอยู่ในระดับขั้นเดียวกับผมได้”


“ดังนั้น ผมจึงส่งเศษเสี้ยวสวรรค์ลงไปยังโลกเบื้องล่าง ให้เศษเสี้ยวหนึ่งอยู่กับจิตวิญญาณดวงหนึ่งในโลกใบนี้และอีกเศษเสี้ยวหนึ่งอยู่กับจิตวิญญาณอีกดวงหนึ่งในโลกอีกใบ ซึ่งคุณก็ไม่ทำให้ผมผิดหวัง” เนี่ยหยุนอธิบาย


“จิตวิญญาณอีกดวงหนึ่งในโลกอีกใบ…แปลว่าการที่ผมทะลุมิติมายังโลกใบนี้ก็เป็นฝีมือคุณหรือ?” จางเซวียนตาโตด้วยความอัศจรรย์ใจ


คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้รู้ที่มาที่ไปของการทะลุมิติของตัวเอง


“ฮ่าฮ่า!” เนี่ยหยุนหัวเราะ “ประชากรดั้งเดิมของโลกใบนี้น่ะมีความยำเกรงต่อโลกและสวรรค์อยู่มาก ทำให้การก้าวข้ามขีดจำกัดของธรรมชาติเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขา เรื่องนี้เป็นการตัดสินใจอย่างปัจจุบันทันด่วนของผมก็จริง แต่คุณก็ทำได้ดีกว่าที่ผมคิดไว้หลายเท่า”


“ผม…” จางเซวียนหน้าแดงก่ำ “ถ้าไม่ใช่เพราะปรมาจารย์ขง ผมก็มาถึงขั้นนี้ไม่ได้หรอก”


ความสำเร็จของเขาอยู่บนรากฐานของคำชี้แนะจากบรรพบุรุษ ถ้าไม่ใช่เพราะผู้คนมากมายได้แผ้วถางเส้นทางไว้ให้ ก็คงยากจะมาถึงขั้นนี้ได้

 

 

 


ตอนที่ 2344 ภาคต่อ 1

 

“ผมก็ให้โอกาสเขาแล้ว แต่เขาไม่คว้าไว้เอง การดวลระหว่างเขากับหลินชีคือโอกาสทองของการฝ่าด่านวรยุทธ แต่เขากลับถอย เขาเตรียมยุทธวิธีที่จะทำให้ตัวเองก้าวข้ามโชคชะตาไว้แล้ว แต่สุดท้ายก็สูญเสียความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวที่จะตรงเข้าเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ หากปราศจากจิตใจที่เข้มแข็งพอล่ะก็ ไม่มีทางที่เขาจะเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตที่เหนือชั้นกว่าได้หรอก!” เนี่ยหยุนพูด


จางเซวียนเงียบไป


ตอนนั้นตัวเขาก็ได้เห็นการดวล ซึ่งปรมาจารย์ขงก็ขาดความเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่นจริงๆ ทุกอย่างเกิดขึ้นจากการที่ปรมาจารย์ขงไม่เต็มใจจะใช้ชีวิตของหลัวลั่วชิงเป็นเครื่องสังเวยเพื่อก้าวไปสู่จุดที่สูงกว่า เขาจึงสูญเสียโอกาสของการฝ่าด่านวรยุทธ


“แต่ถ้าปรมาจารย์ขงชนะ ลั่วชิงก็ต้องตาย!” จางเซวียนโพล่งออกมาพร้อมกับขมวดคิ้ว


ใจคอหมอนี่จะไม่แยแสความเป็นความตายของลูกสาวเลยหรือ?


“ผมก็อยู่แถวนั้นด้วย ไม่ปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นกับเธอหรอก” เนี่ยหยุนตอบ “ตอนนี้คุณเองก็อยู่ในระดับขั้นเดียวกับผม คุณคิดว่าผมจะช่วยชีวิตพวกเขาจากการดวลครั้งนั้นไม่ได้หรือไง?”


หากเขาลงมือ ก็จะช่วยชีวิตหลัวลั่วชิงไว้ได้ในวินาทีสุดท้ายโดยแน่ใจได้เลยว่าจะไม่มีอันตรายใดๆเกิดขึ้นกับเธอ


นี่คือความแตกต่างใหญ่หลวงระหว่างจอมราชันย์กับผู้ที่อยู่เหนือความเป็นจอมราชันย์แล้ว


“หลินชีเกิดกับภรรยาของผม, หลัวชิงเฉิง และนั่นคือเหตุผลที่เธอเลือกใช้ ‘แซ่หลัว’ ในการปลอมตัว เพื่อป้องกันไม่ให้เธอวอกแวกไขว้เขวไปจากภารกิจสำคัญตรงหน้า ผมจึงทำให้เธอเข้าใจว่าตอนนี้ผมยังโคม่าอยู่” เนี่ยหยุนส่ายหัวพร้อมกับรำพึงออกมา “ผมเป็นพ่อที่โหดเหี้ยมชั่วร้ายใช่ไหม?”


“ผมคิดว่าน่าจะดีที่สุดหากคุณอธิบายทุกอย่างให้หลินชีรับรู้ เพราะถึงอย่างไรเธอก็มอบหัวใจให้คุณแล้ว เชื่อว่าเธอคงเหลือความรู้สึกให้ผมไม่มากนักหรอก อีกอย่าง ผมไม่ควรจะปรากฏตัวต่อหน้าเธอในช่วงนี้ ไม่อย่างนั้น เธออาจอาละวาดจนทุกอย่างพังพินาศ…”


จางเซวียนมองเนี่ยหยุนด้วยความรู้สึกที่ออกจะขัดแย้งสับสน อดสงสารหลัวลั่วชิงไม่ได้ที่มีพ่อที่แสนจะไว้ใจไม่ได้แบบนี้ เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่และพยักหน้า “ได้ ผมจะบอกเธอเอง…”


แล้วเขาจะทำอะไรอื่นได้? หากอยากได้หลัวลั่วชิงมาเป็นภรรยา ก็ต้องผ่านการยอมรับจากว่าที่พ่อตาในอนาคตเสียก่อน ส่วนเรื่องนั้น ค่อยมาเคลียร์กันทีหลังก็ยังไม่สาย


“หอสมุดเทียบฟ้าคือของล้ำค่าที่ก่อตัวขึ้นจากความคิดของผม มันเป็นทั้งรากฐานและขีดจำกัด เพราะคุณใช้ความสามารถของตัวเองในการยกระดับวรยุทธ คุณจึงได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่ามีศักยภาพสูงพอ ผมเชื่อว่าในอนาคตคุณจะต้องประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่แน่ และในฐานะพ่อ ผมรู้สึกโล่งใจที่จะได้ฝากฝังลูกสาวของผมไว้กับคุณ” เนี่ยหยุนพยักหน้าพร้อมกับยิ้มอย่างพอใจ


จางเซวียนพยักหน้ารับก่อนจะพลันนึกอะไรได้บางอย่าง เขาหันไปถามเนี่ยถง “ผู้อาวุโส คุณคือผู้คิดค้นเจตจำนงของเทพเจ้าเพลงดาบที่อยู่ในมิติเบื้องบนใช่ไหม?”


เท่าที่จางเซวียนรู้ ผู้ก่อตั้งสำนักดาบเมฆเหินได้ขึ้นสู่สรวงสวรรค์ไปแล้วเหมือนกับปรมาจารย์ขง แต่เขาก็ไม่เคยรู้ชื่อเสียงเรียงนามของอีกฝ่าย ซึ่งผู้ที่ปราดเปรื่องระดับนี้คงไม่ใช่คนธรรมดาสามัญในสรวงสวรรค์แน่


“มันคือมรดกตกทอดที่ผมทิ้งไว้พร้อมกับเจตจำนงเสี้ยวหนึ่ง ผมอยากช่วยคุณทุ่นเวลาจากความยุ่งยากต่างๆนานา เพื่อจะได้ก้าวหน้าอย่างรวดเร็วจนตามพี่ชายของผมทัน…เขาโดดเดี่ยวมานานแล้ว” เนี่ยถงตอบขณะชำเลืองมองพี่ชายด้วยแววตาล้ำลึก


ราวกับในสายตาของเขาไม่มีใครอื่นอีกเลยนอกจากพี่ชายคนนี้


สำหรับเนี่ยถง การทิ้งเจตจำนงเสี้ยวหนึ่งไว้ในโลกเบื้องล่างอย่างมิติเบื้องบนไม่ได้ถือเป็นเรื่องใหญ่ แต่เรื่องนั้นมีส่วนช่วยเหลือจางเซวียนอย่างมาก


มันคือประสบการณ์ที่ช่วยเสริมกำลังให้เจตจำนงของเขาทำความเข้าใจศิลปะเพลงดาบได้เร็วขึ้น และกลายเป็นนักรบผู้แข็งแกร่งอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้


“ผมเข้าใจแล้ว คุณได้รับความสำนึกในบุญคุณจากผม” จางเซวียนพยักหน้า


ดูเหมือนคนเหล่านี้จะเฝ้าจับตาดูเขามาตลอด ซึ่งนั่นทำให้ออกจะรู้สึกแปลกๆ


“ตอนนี้คุณกลับไปได้แล้วล่ะ ตั้งอกตั้งใจฝึกฝนวรยุทธให้ดี ระดับวรยุทธของคุณเสถียรเมื่อไหร่ ผมจะพาคุณไปยังโลกใบใหญ่กว่านี้ เพื่อที่คุณจะได้รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วโลกนี้ยิ่งใหญ่ขนาดไหน!” เนี่ยหยุนหัวเราะลั่นก่อนจะโบกมือ


มิติเกิดการบิดเบี้ยว จางเซวียนกลับมายังน่านฟ้าเสรี


ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหลัวลั่วชิง


“จางเซวียน…”


สาวน้อยยิ้มหวาน จากนั้นก็โผเข้าสู่อ้อมกอดของเขา


 


ภาคต่อ : หลัวชวนฉิง 1


“ในที่สุด เราก็มาถึงที่นี่!”


หลัวชวนฉิงอยู่พร้อมหน้ากับหยู่เฟยเอ๋อและหูเหยาเหย่า ตัวเขาที่อยู่ในสภาพออกจะยับเยินจ้องมองภูเขาจิตวิญญาณยิ่งใหญ่ที่อยู่ด้านหลังด้วยสีหน้าอ่อนล้าระคนโล่งใจ


แม้เขาจะได้เป็นนักรบระดับเทพเจ้าแล้ว และพลังปราณกับจิตวิญญาณก็ได้รับการบ่มเพาะอย่างดีจากเลือดของจางเซวียน แต่ก็ยังเป็นนักรบที่อ่อนแอที่สุดในสรวงสวรรค์


เมื่อหวนนึกถึงความทุกข์ยากต่างๆที่ผ่านมา หลัวชวนฉิงทั้งเหนื่อยใจและอับจนหนทาง


“เพราะฉะนั้น ที่นี่ก็คือสรวงสวรรค์…” เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ขณะส่ายหน้า


ไม่ว่าจะเป็นมิติเบื้องบนหรือทวีปแห่งปรมาจารย์ เขาคืออัจฉริยะชั้นยอดที่ได้รับการยกย่องจากเพื่อนนักรบรุ่นเดียวกัน แม้จะไม่ได้เปล่งประกายเจิดจรัสเหมือนหมอนั่น แต่ก็แน่นอนว่าชื่อของเขาจะต้องถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์


แต่ถึงอย่างนั้น หลังจากมาถึงสรวงสวรรค์ เขาก็ยังถูกกระต่ายตัวหนึ่งไล่ล่าถึง 3 วันเต็มๆเพื่อขุดหาแครอทของมัน มีคราวหนึ่งเขาถูกหนอนผีเสื้อโจมตี อีกคราวหนึ่ง มดบินได้ก็เกือบใช้ปีกของมันปาดคอของเขา ส่วนอีกคราว ใบหญ้าเขียวที่คมกริบก็แทงทะลุผิวหนัง ทำให้เลือดทะลักออกมามากมาย…


นี่คือดินแดนเลวร้ายที่แสนจะน่าพรั่นพรึง!


ต่อให้อสูรที่สงบเสงี่ยมที่สุดในมิติเบื้องบนก็อาจกลายเป็นอสูรร้ายโหดเหี้ยมเมื่ออยู่ในสรวงสวรรค์!


เขาไม่รู้จะอธิบายอย่างไรว่าดีใจแค่ไหนที่ออกจากภูเขาจิตวิญญาณยิ่งใหญ่มาได้โดยยังมีชีวิตอยู่!


“ถึงเราสามคนจะเป็นเทพเจ้าแล้ว แต่ก็เกือบเอาชีวิตไปทิ้งในภูเขานั่น ในครั้งนั้น จางเซวียนเป็นคนเดียวที่ฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นเทพเจ้าได้สำเร็จ แถมยังต้องดูแลนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์อีกกลุ่มใหญ่ แล้วเขาเอาชีวิตรอดจากภูเขาจิตวิญญาณยิ่งใหญ่ได้อย่างไร?” หูเหยาเหย่าอุทานอย่างไม่อยากเชื่อ


หลัวชวนฉิงกับหยู่เฟยเอ๋อสบตากัน ไม่มีใครพูดอะไร


กาลเวลาในสรวงสวรรค์เพิ่งผ่านไปราว 1 เดือนเท่านั้นนับตั้งแต่จางเซวียนเดินทางมาที่นี่พร้อมกับศิษย์สายตรง 11 คน, ท่านพ่อกับท่านแม่ของเขา และซุนฉาง ในครั้งนั้น ผู้ติดตามทั้ง 14 คนยังไม่ได้ฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นเทพเจ้า ซึ่งหมายความว่าไม่เพียงแต่พวกเขาจะทำประโยชน์อะไรไม่ได้เมื่ออยู่ในภูเขาจิตวิญญาณยิ่งใหญ่ แต่จางเซวียนยังต้องออกสำรวจพื้นที่เพื่อหาอาหารให้คนเหล่านั้นด้วย


แน่นอนว่าอันตรายที่อีกฝ่ายเผชิญย่อมหนักหนาสาหัสกว่านี้มาก


ขนาดมดหรือยุงซึ่งเป็นแมลงที่พวกเขาเคยใช้มือตบทีเดียวก็ตาย แต่เมื่ออยู่ในสรวงสวรรค์ ก็อาจกลายเป็นอสูรร้ายที่สังหารได้แม้แต่นักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์


“เขาคงลำบากไม่น้อยเลยตอนที่อยู่ในภูเขาจิตวิญญาณยิ่งใหญ่…ขนาดพวกเรายังใช้เวลาถึง 5 วันกว่าจะหาทางออกจากที่นั่นได้ เขาคงต้องใช้เวลานานกว่านั้นแน่” หลัวชวนฉิงตั้งข้อสังเกต


จากนั้นเขาก็ตาโตขณะพูดต่อ “จางเซวียนคงเพิ่งออกจากสันเขา และในเวลานี้ก็คงพักอยู่ในเมืองใกล้ๆนี่แหละ เราไปสำรวจแถวนี้กันดีกว่า อาจพบเขาก็ได้! คราวนี้ ไม่ว่าอย่างไรผมก็จะต้องตามเขาให้ทัน…ผมไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะยังเอาชนะผมได้ เพราะตอนนี้สภาพแวดล้อมของเราเปลี่ยนไปแล้ว!”


หลัวชวนฉิงรู้สึกขัดแย้งในใจอย่างรุนแรงต่อสหายเก่าของเขาคนนี้


เขาเกลียดชังจางเซวียนที่ทำให้น้องสาวของเขาต้องเสียใจ แต่ในขณะเดียวกันก็ประทับใจกับความเก่งกาจและเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่นของอีกฝ่าย


ถ้าไม่ใช่เพราะจางเซวียนเปิดทางให้ ป่านนี้เขาก็คงยังอยู่ในทวีปแห่งปรมาจารย์ อาจไม่ได้เป็นแม้แต่นักปราชญ์โบราณด้วยซ้ำ


ก็เพราะความขัดแย้งในใจที่โหมกระพือความปรารถนาให้เขายิ่งอยากพบจางเซวียน เขาอยากสั่งสอนบทเรียนให้หมอนั่น ข้อหาที่ทำให้น้องสาวของเขาต้องเป็นทุกข์!


แต่น่าเสียดายที่เขาไม่เคยทำสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นในทวีปแห่งปรมาจารย์หรือมิติเบื้องบน ดูเหมือนสรวงสวรรค์จะเป็นโอกาสสุดท้าย


หยู่เฟยเอ๋อชี้นิ้วไปยังพื้นที่ตรงหน้าและอุทานออกมา “ดูนั่น ตรงนั้นมีคนอยู่กลุ่มหนึ่ง!”


หลัวชวนฉิงมองตาม เห็นคนกลุ่มหนึ่งที่แต่งกายคล้ายนักเรียนกำลังมุ่งหน้าเข้าไปในป่าที่อยู่ใกล้ๆ พวกเขาเป็นแค่นักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ และดูเหมือนยังอีกไกลกว่าจะได้เป็นเทพเจ้า


“พวกเขายังไม่ได้เป็นเทพเจ้าด้วยซ้ำ แต่ก็กล้าเข้าป่า? รนหาที่ตายหรือไง?” หลัวชวนฉิงงุนงง


เขาเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายเพื่อให้คำแนะนำ


ตอนแรก กลุ่มนักเรียนดูจะระแวงหลัวชวนฉิงอยู่บ้าง แต่หลังจากสนทนากันครู่หนึ่งก็ค่อยคลายใจ


เมื่อได้รู้ว่าทั้ง 3 เพิ่งออกจากภูเขาและไม่เคยเข้าเมือง ทั้งกลุ่มให้แนะนำด้วยความหวังดี


“แถวนี้มีเมืองใหญ่อยู่เมืองหนึ่ง ชื่อเมืองตะวันรอน ท่านเจ้าเมืองอู๋ฟังชิงเป็นนักรบระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้าง มีพละกำลังแข็งแกร่งอย่างไม่มีใครเทียบ ดังนั้น เมื่อพวกคุณเข้าเมืองแล้ว จะทำอะไรก็ระมัดระวังด้วย ไม่อย่างนั้นจะต้องถูกลงโทษข้อหาฝ่าฝืนกฎ!”


นับตั้งแต่เกิดการเสื่อมถอยของพลังจิตวิญญาณ ระเบียบกฏเกณฑ์ต่างๆกลายเป็นสิ่งสำคัญสูงสุดในบรรดาเมืองใหญ่ของสรวงสวรรค์ ท่านเจ้าเมืองมีอำนาจเด็ดขาดกว่าเดิม และมีแต่คนโง่เท่านั้นที่จะคิดท้าทาย


พวกเขาห่วงว่าหลัวชวนฉิง, ‘มนุษย์ถ้ำไฟแรง’ คนนี้จะทำอะไรล้ำเส้นไปและถูกลงโทษ


“เทพเจ้าสวรรค์สร้าง?” หลัวชวนฉิงตาโต


เพราะคิดว่าหลัวชวนฉิงอาจไม่รู้จักระดับวรยุทธขั้นต่างๆ นักเรียนผู้มีน้ำใจคนนั้นเริ่มอธิบาย “ใช่ เทพเจ้าสวรรค์สร้างคือผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลังอย่างเหลือเชื่อ คุณคงรู้แล้วว่าเทพเจ้าแบ่งเป็นขั้นต่ำ ขั้นกลาง และขั้นสูง เฉพาะผู้ที่ฝ่าด่านวรยุทธจากเทพเจ้าขั้นสูงไปได้เท่านั้นถึงจะได้เป็นเทพเจ้าสวรรค์สร้าง นักรบทุกคนที่ได้เป็นเทพเจ้าสวรรค์สร้างน่ะเก่งกาจปราดเปรื่องมาก ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในสรวงสวรรค์ก็มีแต่ผู้คนเคารพยกย่อง!”

 

 

 


ตอนที่ 2345 ภาคต่อ 2

 

นัยน์ตาของเขาเปล่งประกายของความยำเกรงออกมาขณะพูดต่อ “อย่าว่าแต่เทพเจ้าสวรรค์สร้างเลย แค่นักรบระดับเทพเจ้าขั้นสูงก็มีคุณสมบัติเพียงพอจะก่อตั้งตระกูลของตัวเองและกลายเป็นกลุ่มอำนาจในเมืองตะวันรอนแล้ว”


“เทพเจ้าขั้นสูง? เทพเจ้าสวรรค์สร้าง?” หลัวชวนฉิงกำหมัดแน่นขณะสาบานกับตัวเองว่าวันหนึ่งจะต้องเข้าถึงระดับขั้นเหล่านั้นให้ได้


เขาเพิ่งมาถึงสรวงสวรรค์ได้ไม่นาน แต่ก็รู้แล้วว่าวรยุทธที่เหนือกว่าระดับเทพเจ้าขึ้นไปมีช่องว่างที่ห่างกันมาก ต่อให้เขามีทรัพยากรสำหรับการฝึกฝนวรยุทธอย่างเหลือเฟือ ก็คงต้องฝึกหนักหลายปีกว่าจะยกระดับวรยุทธจากเทพเจ้าขั้นต่ำไปเป็นเทพเจ้าขั้นกลางได้


“ใช่ อย่างตัวผมน่ะ ผมไม่กล้าฝันว่าจะได้เป็นเทพเจ้าสวรรค์สร้างหรือเทพเจ้าขั้นสูงหรอก ความปรารถนาสูงสุดในชีวิตของผมก็คือได้เป็นนักรบระดับเทพเจ้า และเมื่อเรียนจบ ก็จะหางานดีๆในตระกูลผู้ทรงเกียรติหรือเป็นองครักษ์ประจำคฤหาสน์ท่านเจ้าเมือง ด้วยค่าตอบแทนที่ได้รับ…ผมจะแต่งงานกับภรรยาสวยๆสักคน และจากนั้นก็จะมีความสุขที่สุดในโลก!”


ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้เป็นเทพเจ้าสวรรค์สร้าง ซึ่งตัวเขารู้ดีว่าระดับสติปัญญาของตัวเองเหนือกว่าเพื่อนร่วมรุ่นโดยทั่วไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เขาไม่กล้าฝันไกลเกินตัว ทั้งหมดที่หวังไว้ก็คือเรียนจบแล้วหางานที่ได้ค่าตอบแทนสูงๆ


หากทำได้ตามนั้น ชีวิตก็ไม่เสียชาติเกิดแล้ว


เป็นองครักษ์ก็ไม่เลว เมื่อเราเข้าเมืองแล้ว เราจะเป็นองครักษ์บ้าง คงได้ค่าตอบแทนที่น่าพอใจและสามารถฝึกฝนวรยุทธอย่างหนักได้ต่อไป หลัวชวนฉิงคิดอย่างมุ่งมั่น


การเริ่มต้นคือจุดที่ยากที่สุดเสมอ พวกเขาทั้งสามต่างก็ถังแตกเมื่อมาถึงสรวงสวรรค์ จึงมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องแก้ไขปัญหาด้านการเงินเสียก่อน ขอแค่หางานได้และตั้งใจทำให้ดี ก็น่าจะได้เงินมากพอสำหรับการยกระดับวรยุทธอย่างรวดเร็ว


หากโชคดี ในอีก 10 ปีข้างหน้าเขาอาจได้เป็นเทพเจ้าขั้นกลางหรือแม้แต่เทพเจ้าขั้นสูง ซึ่งเมื่อถึงตอนนั้น จางเซวียนจะมีความหมายอะไรกับเขาอีก?


อีกอย่าง ด้วยความเกเรนอกคอกของจางเซวียนและนิสัยที่ชอบคุยโวโอ้อวด ต่อให้หมอนั่นไปสมัครงานตำแหน่งองครักษ์ ก็คงไม่มีใครอยากรับ ดังนั้นตัวเขาย่อมได้เปรียบ ถูกไหม?


“ฉันขอถามอะไรสักหน่อย พวกเรามีสหายคนหนึ่งซึ่งแยกทางกันบนภูเขาเมื่อราว 1 เดือนก่อน ถ้าฉันเข้าใจไม่ผิด เขาน่าจะมุ่งหน้าสู่เมืองตะวันรอน จึงอยากรู้ว่าคุณเคยได้ยินชื่อเขาบ้างหรือเปล่า” หยู่เฟยเอ๋อโพล่งออกมา


นักเรียนผู้มีน้ำใจส่ายหน้า “ผมไม่คิดว่าผมจะเคยได้ยินชื่อสหายของคุณหรอก เมืองตะวันรอนน่ะแสนกว้างใหญ่ ผู้คนหลายล้านเดินทางเข้าออกไม่เว้นแต่ละวัน…”


“ฉันรู้ แต่สหายของพวกเราคนนี้ทั้งเก่งกาจและบ้าบิ่น มักสร้างความวุ่นวายในทุกที่ที่ไป ฉันจึงคิดว่าเขาอาจทำอะไรสักอย่างที่ทำให้ตัวเขาเป็นที่รู้จักของผู้คนทั้งเมือง…” หยู่เฟยเอ๋อยังไม่ละความพยายาม


จางเซวียนมาถึงสรวงสวรรค์ก่อนหน้าพวกเขาเพียงเดือนเดียว โอกาสที่ใครต่อใครจะรู้จักเขาจึงมีน้อยมาก แต่เธอก็ยังมีความหวัง


เธอไม่ได้พบชายหนุ่มนานแล้ว และความถวิลหาของเธอก็ล้ำลึกขึ้นเรื่อยๆ เธอร้อนใจอยากได้ข่าวคราวของเขา แม้ข่าวนั้นจะเป็นเพียงข้อมูลที่บอกว่าเขาสุขสบายดี


“สร้างความวุ่นวาย? ผมคิดว่าคุณประเมินสหายของคุณสูงเกินไปแล้วล่ะ…ต่อให้มังกรผู้สูงส่งก็ยังต้องรักษากฎระเบียบเมื่ออยู่ในเมืองตะวันรอน ไม่อย่างนั้น ท่านเจ้าเมืองอู๋เอาตายแน่!” นักเรียนคนนั้นพ่นลม


ก็แค่มนุษย์ถ้ำกลุ่มหนึ่งที่ไม่เคยพบเห็นดินแดนใดๆนอกเขตภูเขา และได้เป็นนักรบระดับเทพเจ้าเพราะดวงดีหรืออะไรสักอย่าง…หลงตัวเองเกินไปแล้วล่ะถ้าคิดว่าสร้างความวุ่นวายในเมืองแล้วจะลอยนวลไปได้!


การไม่รู้อะไรเลยนี่ช่างน่ากลัวจริงๆ!


“พอเถอะ, หยู่เฟยเอ๋อ ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณนะ หมอนั่นสร้างความอึกทึกครึกโครมมาไม่น้อยทั้งในทวีปแห่งปรมาจารย์และมิติเบื้องบน แต่ตอนนี้เราอยู่ในสรวงสวรรค์แล้ว สถานที่ที่เหล่าผู้เชี่ยวชาญผู้ไร้เทียมทานที่สุดในโลกมารวมตัวกัน! หมอนั่นอาจเก่งกาจก็จริง แต่จะโดดเด่นเหนือผู้เชี่ยวชาญคนอื่นน่ะมันไม่ง่ายหรอก…” หลัวชวนฉิงพึมพำ


พูดตามตรง เขารู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ยุติธรรมเลย


เพราะอะไรเจ้าโง่ขี้อวดนั่นถึงมีแต่คนหลงใหลคลั่งไคล้?


ส่วนตัวเขาซึ่งทั้งหล่อเหลาและมีน้ำใจกลับไม่มีใครสนใจใยดี…


โลกนี้เป็นอะไรไปแล้ว? ผู้ชายแย่ๆกำลังเป็นสมัยนิยมหรือไง?


“ฉันรู้…” หยู่เฟยเอ๋ออึ้งไปเล็กน้อยขณะส่ายหน้าอย่างไม่สบายใจ


ต่อให้ปราดเปรื่องระดับปรมาจารย์จาง ก็คงเป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างวีรกรรมน่าทึ่งได้สำเร็จภายในเวลาเพียงเดือนเดียว


“เอาล่ะ เลิกคิดเรื่องนี้กันเถอะ เจ้าหมอนั่น, จางเซวียนน่ะ ไม่เคยนิ่งเฉยอยู่แล้ว ต่อให้ตอนนี้ไม่มีข่าวคราวของเขา แต่ไม่ช้าจะต้องเจอตัวเขาแน่ สิ่งที่เราต้องทำในเวลานี้ก็คือใส่ใจเรื่องการฝึกฝนวรยุทธให้มาก และเมื่อพบกันอีกครั้ง เขาจะต้องประหลาดใจ…” หูเหยาเหย่าปลอบหยู่เฟยเอ๋อ


หยู่เฟยเอ๋อพยักหน้า “เธอพูดถูก…”


ขณะที่ทั้งสามกำลังจะกล่าวอำลานักเรียนกลุ่มนั้น ก็พลันรู้สึกได้ว่าทั้งกลุ่มจับจ้องพวกเขาด้วยนัยน์ตาเบิกโพลง นักเรียนคนที่คุยกับพวกเขาเมื่อครู่ตัวสั่นจนฟันกระทบกันกึกกัก


“พวกคุณเพิ่งพูดถึงใครนะ? จะ-จางเซวียน? ชายหนุ่มอายุราว 20 ปีที่เพิ่งปรากฏตัวในสรวงสวรรค์เมื่อ 1 เดือนก่อน, ผู้อาวุโสจางเซวียน ใช่ไหม?”


“ผู้อาวุโสจางเซวียน?”


ทั้งสามมองหน้ากันอย่างงุนงง


หลัวชวนฉิงโพล่งออกมาพร้อมกับขมวดคิ้ว “ใช่ ก็เขานั่นแหละ แต่…คุณรู้จักชื่อนั้นได้อย่างไร?”


“ผมรู้จักชื่อนั้นแน่นอน…” นักเรียนผู้นั้นอุทานออกมาขณะตัวสั่นอย่างตื่นเต้น “ผู้อาวุโสจางเซวียนคือไอดอลของผม คุณรู้ไหม, ไอดอลของผมเลยนะ! เขาปรากฏตัวที่ภูเขาจิตวิญญาณยิ่งใหญ่เมื่อ 1 เดือนก่อน ที่นั่น…เขาได้พบอาจารย์โม่หย่วน, ศิษย์พี่อู๋เฉียวเฉี่ยวและคนอื่นๆ หลังจากเข้าสู่เมืองตะวันรอนได้เพียงไม่กี่วัน เขาก็ฝ่าด่านคอขวดสำเร็จและกลายเป็นเทพเจ้าสวรรค์สร้าง! คุณนึกภาพไม่ออกหรอกว่าเรื่องนี้สร้างความอึกทึกครึกโครมขนาดไหนให้กับเมืองของเรา!”


“และเมื่อไม่นานมานี้ ผมก็ได้ข่าวว่าเขากลายเป็นราชันย์เทพเจ้าแล้ว ลือกันว่าเขาสังหารราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติไปคนหนึ่งด้วยซ้ำ…”


ด้วยกระแสความนิยมล้นหลามของยาเม็ดเพิ่มความงามและยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธ จางเซวียนจึงเป็นที่รู้จักของผู้คนทั่วทั้งสรวงสวรรค์ ลงท้าย ข่าวคราวของเขาก็แพร่สะพัดออกไป เมื่อเรื่องเล่าถูกถ่ายทอดกันปากต่อปาก สุดท้ายก็กลายเป็นตำนาน


“เขากลายเป็นเทพเจ้าสวรรค์สร้างในเวลาเพียงไม่กี่วัน?” หลัวชวนฉิงชะงัก “และตอนนี้ก็เป็นราชันย์เทพเจ้าแล้ว แถมยังสังหารราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติไปคนหนึ่งด้วย?”


นักเรียนผู้นั้นคิดว่ามนุษย์ถ้ำอย่างหลัวชวนฉิงคงไม่เข้าใจว่าราชันย์เทพเจ้ากับราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติคืออะไร จึงตั้งต้นอธิบาย “คืออย่างนี้นะ ราชันย์เทพเจ้าคือนักรบที่แข็งแกร่งกว่าเทพเจ้าสวรรค์สร้าง พวกเขาถือเป็นนักรบชั้นยอดของสรวงสวรรค์ ส่วนราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติคือราชันย์เทพเจ้าที่จอมราชันย์เป็นผู้มอบตำแหน่งทรงเกียรติให้ด้วยตัวเอง พวกเขามีพละกำลังเป็นรองเพียงแค่ 9 จอมราชันย์เท่านั้น!”


เมื่อข่าวคราวเรื่องการสังหารไป๋เย่ฉิงหงซึ่งเป็นฝีมือของจางเซวียนแพร่สะพัดไปทั่วสรวงสวรรค์ เขาก็กลายเป็นไอดอลของนักรบวัยรุ่นทุกคนที่พำนักอยู่ในน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อน


“ยะ-อย่างนั้นหรือ? แล้วเมื่อครู่นี้คุณพูดถึง 9 จอมราชันย์-พวกเขาเป็นใคร?” หลัวชวนฉิงซักไซ้ ใบหน้าของเขากระตุก


“พวกเขาคือผู้กุมอำนาจตัวจริงในสรวงสวรรค์ของเรา นับตั้งแต่ก่อตั้งสรวงสวรรค์มา มีจอมราชันย์เพียง 9 คนเท่านั้น และจะเป็นแบบนั้นไปชั่วกัลปาวสาน! จอมราชันย์คือระดับขั้นที่ไม่ว่าคุณจะฝึกฝนวรยุทธอย่างหนักขนาดไหนก็ไม่มีวันเข้าถึง มันทั้งน่าทึ่งและเหลือเชื่อ…” นักเรียนผู้นั้นอธิบาย


แต่ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบ พื้นดินก็สั่นสะท้าน เสียงหนึ่งดังก้องในศีรษะของพวกเขา


“วันนี้ ผมจะเป็นจอมราชันย์!”


ขณะที่ประโยคนั้นดังก้อง ภาพของร่างหนึ่งที่ยืนจังก้าอยู่กลางอากาศก็ปรากฏในหัวสมองของทุกคน อีกฝ่ายจับจ้องลงมาด้วยสายตาที่เปี่ยมอำนาจ


“จางเซวียน…”


“เดี๋ยวก่อน เขาเป็นจอมราชันย์แล้วหรือ? เมื่อครู่นี้คุณบอกไม่ใช่หรือว่าพวกเขาคือผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก และต่อให้ฝึกฝนวรยุทธหนักแค่ไหนก็ไม่มีทางเข้าถึง?” หลัวชวนฉิงแทบลมจับ


นี่มันบ้าอะไร?


ผมกัดฟันเอาชีวิตรอดจากกระต่ายบ้าตัวนั้น แถมยังมดประหลาดอีกทั้งรังเพื่อจะตามคุณให้ทันสักวันหนึ่ง…แต่แล้วคุณก็กลายเป็นจอมราชันย์?


ล้อผมเล่นใช่ไหม!


ผมช้ำใจนะ…


ทำไมถึงรู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ออก?


หยู่เฟยเอ๋อกับหูเหยาเหย่าก็ตาโตด้วยความไม่อยากเชื่อ


ทั้งคู่รู้ดีว่าจางเซวียนคือจอมยุ่งที่ไม่มีวันหยุดสร้างความวุ่นวายไม่ว่าจะไปที่ไหน แต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นความอึกทึกครึกโครมที่ยิ่งใหญ่ระดับนี้


มาถึงสรวงสวรรค์ได้เพียงเดือนเดียว ก็กลายเป็นจอมราชันย์แล้ว


นักเรียนคนอื่นๆก็นึกไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ทุกคนนิ่งอึ้งด้วยความตกใจ


…..


แต่หลังจากนั้นไม่นาน อีกร่างหนึ่งก็ปรากฏในหัวสมองของพวกเขา


“ไม่น่าเชื่อเลยว่าคุณจะฝ่าด่านวรยุทธได้ก่อนผม แล้วผมจะไปอวดใครๆได้อย่างไร? ผมคือจอมราชันย์เหมือนเจ้างั่งคนนี้!”


“….”


ทุกคนมองหน้ากันอย่างตกตะลึง


หูเหยาเหย่ากับหยู่เฟยเอ๋ออ้าปากค้างเสียจนแทบจะหย่อนไข่ไก่ลงไปได้


นี่หมายความว่า…


ไม่เพียงแต่จางเซวียนจะได้เป็นจอมราชันย์ ตัวโคลนของเขาก็ได้เป็นจอมราชันย์ด้วย!


และที่น่าตกใจไปกว่านั้น เมื่อทั้งคู่หันกลับมา ก็เห็นหลัวชวนฉิงกำลังแหกปากลั่น น้ำมูกไหลย้อยออกจากจมูกของเขา…


ให้นรกกินเถอะ…ต่อให้คุณไม่อยากให้ผมเข้าไปยุ่ง ก็ไม่เห็นต้องยกระดับวรยุทธรวดเร็วขนาดนี้เพื่อทำให้ผมช้ำใจเลยนี่ จริงไหม?


คุณเป็นถึงจอมราชันย์แล้ว แต่ผมยังล่ากระต่ายสักตัวไม่ได้ด้วยซ้ำ…แล้วผมจะเอาชนะคุณได้อย่างไร?


ให้ตายสิ!


 


ภาคต่อ 2 : หลัวฉีฉี


ตึ้มมมมม!


บนภูเขาที่ลอยอยู่เหนือน่านฟ้าเสรี เสียงระเบิดของดอกไม้ไฟเพื่อการเฉลิมฉลองดังกึกก้องไปทั่ว บ่งบอกถึงเทศกาลแห่งความสุขและความยินดี


เหล่าผู้เชี่ยวชาญที่หลายคนเคยได้ยินชื่อเพียงแค่จากคำร่ำลือแต่แทบไม่มีใครเคยเห็นตัวจริงต่างรีบมารวมตัวกันบนภูเขาแห่งนี้ ทุกคนยิ้มกว้าง พวกเขาแสดงความยินดีและมอบของขวัญสำหรับเฉลิมฉลองการแต่งงานที่พวกเขาจัดหามา


มันคืองานวิวาห์ระหว่างมหาอำมาตย์จางเซวียนกับจอมราชันย์หลินชี!

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)