อัจฉริยะสมองเพชร 2332-2335

 ตอนที่ 2332 ของล้ำค่าในตำนาน

 

ในสถานที่อย่างทะเลท่วมท้น นอกเหนือจากการมีผู้นำทางที่คร่ำหวอดช่ำชองพื้นที่ อีกปัจจัยหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญก็คือระดับความแข็งแกร่งของจิตวิญญาณของผู้นั้น ยิ่งมีวรยุทธของจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งรับรู้ถึงการปรากฏของสมบัติล้ำค่าได้ง่ายขึ้น


สิ่งนี้ส่งผลให้การค้นหาและเก็บเกี่ยวกับสมบัติที่ซุกซ่อนอยู่เป็นไปอย่างรวดเร็วกว่านักรบคนอื่นๆ


“ถ้าเขามาถึงสรวงสวรรค์ก่อนหน้าพวกเรา ก็หมายความว่าเขาไม่ใช่ประชากรดั้งเดิมของสรวงสวรรค์…แล้วจะเป็นใคร?” จางเซวียนครุ่นคิดหนัก


…..


ด้านนอกทะเลท่วมท้น…


“ต่อให้พวกนั้นเป็นศิษย์สายตรงของจางเซวียน ก็แล้วอย่างไรล่ะ? ผมยังมีไม้ตายซ่อนอยู่ เขาจะกวาดทรัพย์สมบัติในทะเลท่วมท้นมาได้มากมายเลยทีเดียว!” จอมราชันย์ปีศาจเฉียนคุ่นยิ้มเยาะขณะมองตราหยกสื่อสารในมือ


แม้เหล่าจอมราชันย์จะไม่อาจปล่อยจิตใต้สำนึกเข้าสู่ทะเลท่วมท้น แต่ก็สามารถรับรู้ข่าวสารจากคนในพื้นที่ได้โดยการใช้ของล้ำค่าชนิดพิเศษ


เมื่อครู่ก่อน จอมราชันย์ปีศาจเฉียนคุ่นได้รับข้อความจากบุคคลปริศนาที่เขาส่งเข้าไปในทะเลท่วมท้น จากข้อความที่ได้ อีกฝ่ายกวาดทรัพย์สมบัติมามากมาย ซึ่งจะกลายเป็นกรรมสิทธิ์ของน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อนของพวกเขา


จอมราชันย์ปีศาจเฉียนคุ่นกวาดสายตามองรายชื่อของทรัพย์สมบัติ เขาอยากจะเงยหน้ามองท้องฟ้าและหัวเราะให้ลั่น


ถ้าบุคคลปริศนาของเขานำข้าวของเหล่านี้มาได้ ตัวเขาก็จะยกระดับวรยุทธได้อีกมาก แม้ไม่อาจเหนือชั้นกว่าจอมราชันย์หลินชี แต่อย่างน้อยที่สุด ก็จะเหนือชั้นกว่าอีกแปดจอมราชันย์


เห็นอาการสะใจของจอมราชันย์ปีศาจเฉียนคุ่น จอมราชันย์มังกรเมฆถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “บุคคลปริศนาของคุณน่ะแข็งแกร่งแค่ไหนกัน?”


“เขาไม่ได้แข็งแกร่งเท่าลู่ชงหรอก เพราะฉะนั้น คงเทียบชั้นกับจ้าวหย่าและคนอื่นๆไม่ได้ แต่จิตวิญญาณของเขาทรงพลังมาก ทำให้เหมาะสมที่สุดกับปฏิบัติการล่าสมบัติ” จอมราชันย์ปีศาจเฉียนคุ่นตอบอย่างมั่นใจ


“ต่อให้บุคคลปริศนาของคุณมีจิตวิญญาณที่ทรงพลัง ก็แล้วอย่างไรล่ะ? ถ้าราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติแห่ง 9 น่านฟ้าลงมือเมื่อไหร่ คุณก็จะจบเห่โดยไม่ได้อะไรเลย!” เทพธิดาหลิงหลงสาดน้ำเย็นโครมใหญ่เข้าใส่ทีท่าโอหังของจอมราชันย์ปีศาจเฉียนคุ่น


พวกเขากำลังหงุดหงิดที่ลงท้ายสิ่งที่พากเพียรทำไปก็ล้วนกลายเป็นประโยชน์กับศัตรู แล้วตาแก่บ้าคนนี้ยังมาลิงโลดใส่เสียอีก จะต้องทำลายความมั่นใจของอีกฝ่ายให้ได้!


“เรื่องแบบนั้นจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติแห่ง 9 น่านฟ้าพบตัวเขาเท่านั้นแหละ ผมกำชับเขาแล้วว่าอย่าเข้าไปอยู่ในที่ที่มีคนหมู่มาก และให้ปกปิดตัวเองอย่างดีที่สุด” จอมราชันย์ปีศาจเฉียนคุ่นตอบอย่างภาคภูมิใจ “ดูเหมือนแผนการของผมจะราบรื่นดี!”


เห็นอีกฝ่ายเตรียมตัวพร้อม ทุกคนได้แต่ส่ายหน้าอย่างจนปัญญา


สมกับเป็นจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ เล่ห์เหลี่ยมของเขาแพรวพราวเหลือเกิน


เท่าที่เห็น จอมราชันย์ปีศาจเฉียนคุ่นน่าจะเป็นผู้ชนะอย่างขาวสะอาด


ครืนนนน!


ขณะที่เหล่าจอมราชันย์พากันถอนหายใจเฮือก ก็พลันได้ยินการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงภายในทะเลท่วมท้น พวกเขารู้สึกได้อย่างเลือนรางถึงพลังจิตวิญญาณที่ย้อนกลับเข้าไปที่นั่น


“เกิดอะไรขึ้น?” จอมราชันย์มังกรเมฆตั้งคำถามพร้อมกับขมวดคิ้ว


“ดูเหมือนของล้ำค่าในตำนานอีกชิ้นหนึ่งจะปรากฏแล้ว มันกำลังซึมซับพลังจิตวิญญาณในทะเลท่วมท้น ทำให้พลังจิตวิญญาณที่กระจายกันอยู่ในสรวงสวรรค์ถูกดูดกลับเข้าไป” เทพธิดาหลิงหลงพูดขณะจับจ้องทะเลสีดำที่อยู่ตรงหน้าอย่างตั้งใจ หวังว่าบางทีอาจมองทะลุความมืดมิดและได้เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น


“ของล้ำค่าในตำนาน? อยากรู้เหลือเกินว่าคืออะไร” จอมราชันย์จัวหยางตั้งข้อสังเกตด้วยนัยน์ตาที่มีประกายของความตื่นเต้น แต่แล้วก็ส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มเจื่อนๆ


ต่อให้ของล้ำค่าในตำนานปรากฏจริง พวกเขาก็ไม่ได้ครอบครองอยู่ดี


ไม่ต้องสงสัยเลยว่าราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติแห่ง 9 น่านฟ้ากับบรรดาศิษย์สายตรงของเขาจะต้องคว้ามันไปได้สำเร็จ


“ถ้าอยากรู้ว่ามันคืออะไร ก็ไม่ยากเกินไปหรอก แค่ให้บุคคลปริศนาของผมตรวจสอบก็รู้เรื่องแล้ว บางที ผมอาจสั่งการให้เขาฉกฉวยมันมาก็ได้เมื่อเขาได้เห็นมัน” จอมราชันย์ปีศาจเฉียนคุ่นหัวเราะอย่างสะใจ


โชคชะตาย่อมเข้าข้างผู้ที่เตรียมพร้อม นี่คือบทเรียนครั้งใหญ่ที่จอมราชันย์คนอื่นๆจะต้องจำใส่กะโหลกไว้


กว่าเขาจะไต่เต้าขึ้นมาอยู่เหนือจอมราชันย์คนอื่นๆได้ก็ไม่ง่าย จึงแสนจะยินดีปรีดากับสิ่งที่เกิดขึ้น เขารีบส่งข้อความหาบุคคลปริศนา ครู่ต่อมาก็ได้รับคำตอบ


“เขากำลังซ่อนตัวอย่างมิดชิดเพื่อไม่ให้นักรบคนอื่นๆในทะเลท่วมท้นหาเจอ และตอนนี้ก็กำลังมุ่งหน้าไปที่นั่นเพื่อให้ได้เห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของของล้ำค่าในตำนานด้วยตาตัวเอง…” จอมราชันย์ปีศาจเฉียนคุ่นหัวเราะหึๆ


เขารอเงียบๆอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะสะกิดตราหยกสื่อสารอีกครั้ง พริบตาต่อมา จอมราชันย์ปีศาจเฉียนคุ่นก็ตาโตด้วยความตื่นเต้นกว่าเดิม ดูจะตื่นเต้นกว่าเรื่องไหนๆที่เขาเคยเจอตลอดหลายหมื่นปีที่ผ่านมา


“มันคือดอกบัวทองคำดึกดำบรรพ์แห่ง 9 น่านฟ้า!”


“ดอกบัวทองคำดึกดำบรรพ์แห่ง 9 น่านฟ้า?”


จอมราชันย์ที่เหลือตาโตด้วยความอัศจรรย์ใจ


แม้ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติส่วนใหญ่จะไม่เคยได้ยินชื่อของล้ำค่าชิ้นนี้ แต่ในฐานะจอมราชันย์ พวกเขารู้ดีว่าของล้ำค่าในตำนานนั้นทรงพลังแค่ไหน


มันคือสิ่งที่ธรรมชาติรังสรรค์ขึ้นเพื่อควบคุมกฎเกณฑ์ต่างๆของจักรวาล ทำให้เป็นของล้ำค่าที่ไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่าจอมราชันย์เลย


“ถ้าใครสักคนในหมู่พวกเราได้ดอกบัวทองคำดึกดำบรรพ์แห่ง 9 น่านฟ้าไป ก็จะยกระดับวรยุทธให้เทียบเท่าจอมราชันย์หลินชีได้…” จอมราชันย์นรกโลกันต์ซึ่งเงียบมาตลอดตื่นเต้นจนต้องโพล่งออกมา


ดอกบัวทองคำดึกดำบรรพ์แห่ง 9 น่านฟ้าคือของล้ำค่าที่เก่าคร่ำโบร่ำโบราณยิ่งกว่าพวกเขาเสียอีก การได้ซึมซับของล้ำค่าระดับนั้นจะต้องยกระดับวรยุทธของพวกเขาได้อีกมาก ทำให้ก้าวข้ามด่านคอขวดที่เผชิญอยู่ได้อย่างง่ายดาย


“จริงด้วย…”


คนอื่นๆพยักหน้า


แม้ทุกคนจะอิจฉาริษยาจนหน้าเขียวหน้าเหลือง แต่ก็รู้ดีว่าไม่มีทางที่เหล่าราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติในสังกัดของพวกเขาจะได้ดอกบัวนั้นมาเมื่อมีจางเซวียนอยู่ด้วย


“ผมจะสั่งการให้บุคคลปริศนาของผมฉกฉวยมันมาให้ได้ ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม” จอมราชันย์ปีศาจเฉียนคุ่นพึมพำด้วยนัยน์ตาเป็นประกาย


เขาไม่อาจปล่อยให้ดอกบัวทองคำดึกดำบรรพ์แห่ง 9 น่านฟ้าหลุดมือได้!


จอมราชันย์ปีศาจเฉียนคุ่นกระดิกนิ้ว จากนั้นก็ถ่ายทอดคำสั่งผ่านตราหยกสื่อสาร


ถึงอย่างไรเราก็ยังมีโอกาส ต่อให้วรยุทธของบุคคลปริศนาของเราเทียบชั้นกับจางเซวียนและพรรคพวกไม่ได้ แต่การปกปิดตัวตนของเขาและทักษะการล่าสมบัตินั้นถือว่าเป็นเลิศ หากเขาได้สัมผัสดอกบัวเมื่อไหร่ เราจะจัดการส่งเขาทะลุมิติกลับสู่สรวงสวรรค์ทันที จอมราชันย์ปีศาจเฉียนคุ่นวางแผนขณะใจเต้นตึกตักด้วยความร้อนรน


โอกาสประสบความสำเร็จนั้นมีน้อยเหลือเกิน แต่ก็ไม่อาจโยนทิ้งได้ ถ้าบุคคลปริศนาของเขาทำสำเร็จ ก็จะถือเป็นชัยชนะครั้งใหญ่


อีกฝ่ายคือไม้ตายลับๆที่เขาจัดเตรียมบ่มเพาะไว้ด้วยความเอาใจใส่สูงสุด จึงไม่มีทางแปรพักตร์ไปจากเขาเหมือนอย่างลู่ชงแน่


ครืดดดด!


ขณะที่จอมราชันย์ปีศาจเฉียนคุ่นเดินวนไปมาอย่างร้อนใจ เฝ้ารอคำตอบจากบุคคลปริศนา ตราหยกสื่อสารของเขาก็สั่นสะท้านอีกครั้ง เขารีบก้มหน้ามองข้อความที่ถูกส่งมา จากนั้นดวงตาก็ค่อยๆเบิกโพลงด้วยความไม่อยากเชื่อ


ทุกคนเห็นชัดว่าสีหน้าตื่นเต้นของเขาหายไป กลับกลายเป็นความสิ้นหวัง ดูเหมือนตาเฒ่าคนนี้กำลังจังงังจนแทบจะขาดใจตาย


จอมราชันย์คนอื่นๆมองเขาขณะตั้งคำถาม “เกิดอะไรขึ้น?”


“บุคคลปริศนาของผมบอกว่า…” จอมราชันย์ปีศาจเฉียนคุ่นรำพันด้วยสีหน้าของคนที่ร่ำๆจะปล่อยโฮ “…จางเซวียนคือนายน้อยของเขา เขาจึงมอบทุกอย่างที่หาได้ให้จางเซวียนไปหมดแล้ว!”


“….” จอมราชันย์คนอื่นๆ


จอมราชันย์ปีศาจเฉียนคุ่นเพิ่งคุยโวโอ้อวดอย่างลิงโลดไปหมาดๆ แต่ในชั่วพริบตา ก็มีชะตากรรมที่เลวร้ายกว่าพวกเขาเสียอีก


ไม่มีทางที่จอมราชันย์ปีศาจเฉียนคุ่นจะรับได้ จอมราชันย์คนอื่นๆก็มองหน้ากันด้วยความตกใจจนแทบจะเสียสติ


แค่ยอมรับความจริงที่ว่าเหล่านักรบที่พวกเขาบ่มเพาะมาล้วนเป็นศิษย์สายตรงของจางเซวียนก็ยากพออยู่แล้ว แต่อย่างน้อยที่สุด จ้าวหย่ากับคนอื่นๆก็บอกไว้ตั้งแต่แรก


พวกเขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยอมรับ


แต่ขนาดบุคคลปริศนาที่จอมราชันย์ปีศาจเฉียนคุ่นดูแลบ่มเพาะโดยเป็นความลับตลอดมาก็ยังกลายเป็นคนรับใช้ของจางเซวียนไปได้ เรื่องนี้ออกจะเพี้ยนหนักไปสักหน่อย


จางเซวียนวางสายสืบไว้รอบตัวพวกเขาหรือ?


“ในนามของสวรรค์ มันเกิดอะไรขึ้น?” จอมราชันย์ปีศาจเฉียนคุ่นร่ำๆจะเสียสติ


บุคคลปริศนาของเขามาจากสระบาดาล และเขาก็ลงทุนลงแรงไปมากเพื่อบ่มเพาะอีกฝ่ายให้เติบโตจากเศษเสี้ยวของจิตวิญญาณจนกลายเป็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติที่มีพละกำลังไม่น้อย แล้วจู่ๆมากลายเป็นคนรับใช้ของจางเซวียนไปได้อย่างไร?


เขาเคยคิดว่าตัวเองฉลาดเฉลียวเอาการ แต่ดูเหมือนชายหนุ่มจะนำหน้าเขาอยู่หนึ่งก้าวตลอดเวลา


ชั่วขณะหนึ่ง จอมราชันย์ปีศาจเฉียนคุ่นพลันรู้สึกว่าชีวิตที่ผ่านมาเนิ่นนานของเขาช่างสูญเปล่า!


“ก็สมควรแล้วนี่…” เทพธิดาหลิงหลงหัวเราะเบาๆ


ทำไมไม่อวดเก่งให้มากกว่านี้อีกหน่อยล่ะ? สุดท้ายกรรมก็ตามสนองอยู่ดี…


…..


เห็นชายวัยกลางคนที่กำลังคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเรียกขานเขาว่า ‘นายน้อย’ จางเซวียนถึงกับผงะ


“เว่ยชางเฟิง?”


เว่ยหรูเหยียนที่นัยน์ตาแดงก่ำเดินเข้ามา เธอตัวสั่นขณะร่ำร้อง “ท่านพ่อ…”


ชายผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากอดีตคนรับใช้ของจางเซวียนเมื่อครั้งอยู่ในทวีปแห่งปรมาจารย์ ผู้ที่พยายามฉกฉวยทรัพย์สมบัติและหาประโยชน์จากคนอื่นในทุกรูปแบบเพื่อรักษาอาการป่วยของลูกสาว, เว่ยชางเฟิง!


ในครั้งนั้น เขาตายด้วยน้ำมือของอสูรระดับเซียนตัวหนึ่งตอนที่พยายามเสาะหาสมุนไพร ซึ่งเว่ยหรูเหยียนก็เศร้าเสียใจกับเรื่องนี้อยู่นาน ใครจะรู้ว่าอีกฝ่ายจะฟื้นคืนชีพอีกครั้งและมาปรากฏตัวที่นี่?


“คุณมาได้อย่างไร…” จางเซวียนจ้องหน้าเว่ยชางเฟิงอย่างแทบไม่เชื่อสายตา


“ผมก็ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร หลังจากผมตาย ก็รู้สึกได้ถึงแรงดูดมหาศาลที่ดูดจิตวิญญาณของผมเข้าไป รู้ตัวอีกที…ผมก็มาอยู่ในสระบาดาลของสรวงสวรรค์แล้ว!”

 

 

 


ตอนที่ 2333 ตามผมมา!

 

ไม่มีคำพูดไหนจะบรรยายความตื่นเต้นของเว่ยชางเฟิงที่ได้พบเว่ยหรูเหยียนกับจางเซวียนอีกครั้ง ตอนที่เขารู้แน่แล้วว่าไม่มีทางได้กลับสู่ทวีปแห่งปรมาจารย์ ก็รู้สึกสิ้นหวังอยู่นาน เพราะคิดว่าคงต้องแยกจากลูกสาวของเขาไปจนชั่วชีวิต


หลังจากสวมกอดเว่ยหรูเหยียนไว้แน่นด้วยความตื่นเต้น เว่ยชางเฟิงก็ตั้งต้นอธิบาย “จากที่จอมราชันย์ปีศาจเฉียนคุ่นพูด ดูเหมือนผมจะมีสภาวะพิเศษ ซึ่งนั่นก็น่าจะเป็นเหตุผลที่ทำให้หรูเหยียนเกิดมาพร้อมกับสภาวะกายพิษแต่กำเนิด”


“สภาวะพิเศษ?” จางเซวียนขมวดคิ้ว


เขาใช้หอสมุดเทียบฟ้าตรวจสอบร่างกายของเว่ยชางเฟิงตั้งแต่แรกพบอีกฝ่ายในทวีปแห่งปรมาจารย์ ซึ่งก็ไม่มีอะไรพิเศษ เขาคือผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง


เป็นไปได้หรือที่หอสมุดเทียบฟ้าจะวินิจฉัยผิดพลาด?


“แล้วจอมราชันย์ปีศาจเฉียนคุ่นบอกหรือเปล่าว่าสภาวะพิเศษนั้นคืออะไร?” จางเซวียนถาม


“บอก เขาบอกว่าผมถือกำเนิดมาพร้อมกับตัวอ่อนของจิตวิญญาณ ผมมีตัวอ่อนของจิตวิญญาณที่ทำให้ผมเรียกคืนรากฐานของจิตวิญญาณกลับมาได้แม้เมื่อมันสูญสลายไปแล้ว ทำให้ผมไม่สูญเสียตัวตนของผมไปหลังจากที่ฟื้นคืนชีพจากสระบาดาล” เว่ยชางเฟิงตอบ


“ถือกำเนิดพร้อมกับตัวอ่อนของจิตวิญญาณ?” จางเซวียนขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม


เขาไม่เคยได้ยินชื่อสภาวะพิเศษแบบนี้มาก่อน แต่มันคือความสามารถที่เหนือชั้นมาก เพราะแม้แต่จอมราชันย์อมตะก็ยังไม่อาจคงความเป็นตัวตนแบบเดิมไว้ได้หลังจากที่ฟื้นคืนชีพอีกครั้ง


สิ่งนี้น่าจะเป็นเหตุที่ทำให้เว่ยหรูเหยียนเก่งกาจปราดเปรื่องมาก


ส่วนเหตุผลว่าทำไมหอสมุดเทียบฟ้าถึงมองไม่เห็นสภาวะพิเศษของเว่ยชางเฟิง จางเซวียนคิดว่าตอนนั้นพลังของมันคงยังอ่อนด้อยเกินไป หรือไม่ สภาวะพิเศษนี้ก็ฝังตัวนิ่งอยู่ในจิตวิญญาณของเว่ยชางเฟิง และเพิ่งถูกกระตุ้นให้แสดงอานุภาพอีกครั้งหลังจากที่เขาเสียชีวิต


แต่ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลอะไร จางเซวียนก็แสนจะโล่งใจที่เว่ยชางเฟิงยังมีชีวิตอยู่


เขาดูออกว่าเว่ยหรูเหยียนรู้สึกผิดตลอดมาที่ท่านพ่อต้องสังเวยชีวิตเพื่อให้เธออยู่รอด ซึ่งนั่นคือปราการที่เธอไม่อาจก้าวข้ามไปได้ เมื่อไรก็ตามที่คิดถึงท่านพ่อ ทั้งความสำนึกในบุญคุณและความรู้สึกผิดก็จะท่วมท้นในหัวใจ


บางที เหตุการณ์ที่พลิกผันครั้งนี้อาจปลดเปลื้องเว่ยหรูเหยียนให้หลุดพ้นจากพันธนาการเรื่องความตายของท่านพ่อของเธอได้


“นายน้อย นี่คือทรัพย์สมบัติล้ำค่าทั้งหมดที่ผมได้มาจากทะเลท่วมท้น” เว่ยชางเฟิงพูดขณะมอบแหวนเก็บสมบัติวงหนึ่งให้จางเซวียน


จางเซวียนรีบกวาดตาดูข้าวของในนั้นและพบดอกไม้เที่ยงคืนกับเหล็กโดดเดี่ยว ทำให้ถอนหายใจอย่างโล่งอกได้


ลงท้าย ก็กลายเป็นเว่ยชางเฟิงนี่เองที่คว้าทรัพย์สมบัติต่างๆตัดหน้าพวกเขาไป


“ผมอยากให้คุณช่วยอารักขาผมหน่อย ผมจะปลีกวิเวกเดี๋ยวนี้ เพื่อฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นจอมราชันย์ให้ได้!”


ครืนนนน!


เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง จางเซวียนกำลังจะปลีกวิเวกเพื่อฝ่าด่านวรยุทธ ก็พอดีกับที่พื้นดินเกิดสั่นสะเทือนขึ้นมากะทันหัน รังสีอันน่าสะพรึงกลืนกินพื้นที่โดยรอบอย่างรวดเร็ว


จางเซวียนมองตามอย่างหวาดระแวง เห็นรอยแยกแห่งมิติสีดำขนาดมหึมาที่แบ่งท้องฟ้าเป็น 2 ซีก


พลังจิตวิญญาณที่ล่องลอยอยู่ทั่วสรวงสวรรค์ถูกรอยแยกแห่งมิตินั้นกลืนกินอย่างรวดเร็ว ทำให้ทะเลท่วมท้นเกิดความไม่เสถียรอย่างรุนแรง


ทั่วทั้งบริเวณนั้นใกล้จะพังทลาย


ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติหลิวเหยียนกับคนอื่นๆตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว พวกเขาตั้งคำถามด้วยใบหน้าซีดเผือด “มันเกิดอะไรขึ้น?”


“ท่านอาจารย์…”


จ้าวหย่ากับคนอื่นๆมองจางเซวียนอย่างร้อนใจ


“ดูเหมือนมีใครนำหญ้าจิตวิญญาณจอมราชันย์ทั้ง 3 ต้นไปแล้ว…” จางเซวียนหรี่ตา


ก่อนหน้านี้ เขาพบว่าหญ้าจิตวิญญาณจอมราชันย์ทั้ง 3 ต้นถูกใช้รักษาความเสถียรให้กับรอยแยกแห่งมิติที่ไม่มั่นคงและเต็มไปด้วยอันตราย แต่ดูเหมือนใครสักคนจะเด็ดมันออกไป ส่งผลให้เกิดการสั่นสะเทือนอย่างกะทันหัน


รอยแยกแห่งมิติขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่ช้าก็ครอบคลุมทั่วทั้งท้องฟ้า พื้นที่ที่จางเซวียนเคยพบน้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้นถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน และยังมีอีกหลายดินแดนที่ถูกรอยแยกแห่งมิติกลืนกินไปทั้งหมด


ปราการของทะเลสาบดาวหางก็ถูกฉีกกระชากอย่างรวดเร็วด้วยคลื่นความสั่นสะเทือนของมิติที่พุ่งออกมาจากรอยแยกสีดำนั้น


เท่าที่เห็น ไม่ช้าไม่นานทะเลท่วมท้นก็คงพังทลายจนไม่เหลือซาก


“ท่านอาจารย์ เราจะทำอย่างไรดี?” จ้าวหย่าถามอย่างร้อนใจ


หากยังเป็นแบบนี้ อีกเพียงครู่เดียวรอยแยกแห่งมิติก็คงขยายจนครอบคลุมทั่วทั้งสรวงสวรรค์


“เราต้องหาทางสกัดกั้นรอยแยกแห่งมิติให้ได้ หรืออย่างน้อยที่สุด ก็ทำให้มันหยุดนิ่ง” จางเซวียนตอบอย่างเคร่งเครียด


หากจะพูดอย่างเจาะจง ทะเลสาบท่วมท้นไม่ได้อยู่ในสรวงสวรรค์ แต่ก็มีความเชื่อมโยงกัน หากทะเลสาบท่วมท้นถูกทำลาย สรวงสวรรค์ก็จะต้องเผชิญกับความเสียหายครั้งใหญ่ ชีวิตมากมายนับไม่ถ้วนจะต้องสาบสูญไป


เพราะจางเซวียนรู้ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ ก่อนหน้านี้จึงไม่ได้พยายามนำหญ้าจิตวิญญาณจอมราชันย์ออกมา


แต่คราวนี้…


จางเซวียนมองดอกบัวทองคำดึกดำบรรพ์แห่ง 9 น่านฟ้าที่กำลังเปล่งประกาย ดูเหมือนอีกไม่นาน ตัวโคลนของเขาก็คงหลอมรวมพละกำลังทั้ง 2 รูปแบบเข้าด้วยกันได้อย่างสมบูรณ์


เมื่อเห็นว่าไม่มีทางอื่น จางเซวียนกัดฟันกรอดและตะโกน “ตามผมมา!”


จากนั้นก็บินเข้าหารอยแยกแห่งมิติ


จ้าวหย่ากับคนอื่นๆตามไปโดยไม่ลังเล


“ฮ่าฮ่าฮ่า…” เสียงหัวเราะลั่นดังกึกก้องในความว่างเปล่า “เมื่อครู่นี้คุณพยายามจะฆ่าผมไม่ใช่หรือ? ตอนนี้ก็มาดูกันว่าใครจะฆ่าใคร!”


จางเซวียนเงยหน้า เห็นยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศที่เขาเพิ่งไล่ล่าในทะเลสาบดาวหางลอยตัวอยู่กลางอากาศพร้อมกับแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย


อีกฝ่ายกลืนกินหญ้าจิตวิญญาณจอมราชันย์ทั้ง 3 ต้นเข้าไป ทำให้วรยุทธเพิ่มสูงขึ้นจนเทียบเท่ากับจอมราชันย์


หลังจากที่หมอนั่นออกไป มันก็ตรงเข้าหาจุดที่หญ้าจิตวิญญาณจอมราชันย์ขึ้นอยู่และกินเข้าไปโดยไม่ลังเล!


ด้วยเหตุนี้ พละกำลังที่เคยเหนี่ยวรั้งรอยแยกแห่งมิติเอาไว้ตลอดมาก็ถูกทำลาย ส่งผลให้เกิดหายนะอย่างที่เป็นอยู่


เมื่อเห็นว่าความล้มเหลวในการสังหารยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศของเขานำมาซึ่งความเสียหายครั้งใหญ่ จางเซวียนกัดฟันกรอดด้วยความแค้น


“แกรนหาที่ตายแล้ว!”


เขาคำรามกร้าว จากนั้นก็ชักดาบสวรรค์สีเลือดออกมาและพุ่งเข้าใส่ยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศ


ถ้าทะเลท่วมท้นพังทลายจริงๆ ชีวิตมากมายนับไม่ถ้วนในสรวงสวรรค์จะต้องหายสาบสูญ…และทั้งหมดก็เป็นเพราะไอ้สารเลวนี่!


จะไม่ให้จางเซวียนโมโหได้อย่างไร?


เขากวัดแกว่งดาบอย่างดุเดือดเพื่อสำแดงศิลปะเพลงดาบเวทนาสวรรค์ขั้น 4 มาเล่นงานยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศ


“คุณคิดว่าลูกไม้เดิมๆจะใช้กับผมได้งั้นหรือ? ช่างไร้เดียงสาจนน่าสมเพช!” ยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศเย้ยขณะปล่อยพลังจากฝ่ามือ


ฟึ่บ!


มิติดูจะหยุดนิ่งทันที จางเซวียนพบว่าตัวเขาขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวไม่ได้


กระบวนท่าเดียวนี้ทำให้ศิลปะเพลงดาบของจางเซวียนถูกสกัดกั้น เห็นได้ชัดว่าเขาเทียบชั้นกับยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศไม่ได้แล้ว!


“ท่านอาจารย์…”


เห็นภาพนั้น จ้าวหย่ากับพรรคพวกรีบเข้ามา แต่แล้วก็ได้ยินเสียงตะโกนลั่น “ไม่ต้องห่วงผม รีบไปพยุงรอยแยกแห่งมิติไว้!”


“ได้, ท่านอาจารย์!”


จ้าวหย่ากับคนอื่นๆกำหมัดแน่น ทุกคนเป็นห่วงท่านอาจารย์ แต่ก็รู้ดีว่ารอยแยกแห่งมิติมีแต่จะขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆจนเกิดอันตรายหากไม่ได้รับการดูแล จึงรีบทำตามคำสั่งของท่านอาจารย์โดยหันกลับไปสนใจรอยแยกแห่งมิติ


ฟิ้วววว!


ระหว่างนั้น จางเซวียนปล่อยกระแสเจตจำนงเพลงดาบออกมาและฉีกกระชากมิติที่แข็งทื่ออยู่รอบตัวเขาอย่างสุดกำลัง จากนั้นก็พุ่งเข้าใส่ยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศอีกครั้ง


“เราต้องหาทางสมานรอยแยกแห่งมิติให้ได้ ไม่อย่างนั้น หายนะครั้งใหญ่จะเกิดกับสรวงสวรรค์แน่…” จ้าวหย่ากับพรรคพวกหรี่ตามองรอยแยกแห่งมิติ


ตั้งแต่แรก ก็มีรอยร้าวปรากฏเหนือทะเลท่วมท้นซึ่งดูดพลังจิตวิญญาณออกไปจากสรวงสวรรค์อยู่แล้ว และทั้ง 9 จอมราชันย์ก็ไม่อาจแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ได้ ดังนั้น หากรอยแยกแห่งมิติเหนือทะเลท่วมท้นมีมากขึ้นอีก พวกเขาก็นึกภาพไม่ออกว่าจะเกิดหายนะแบบไหนกับสรวงสวรรค์ที่ตอนนี้อยู่ในสภาพร่อแร่


“ฉันจัดการเอง!”


หลัวฉีฉีพุ่งเข้าหารอยแยกแห่งมิติและกลายร่างเป็นเครื่องเก็บงำมิติ จากนั้นก็จัดการให้มิติที่อยู่โดยรอบรอยแยกแห่งมิติหยุดนิ่ง ป้องกันไม่ให้มันลุกลามและขยายใหญ่กว่าเดิม


ด้วยความพยายามของเธอ ในที่สุดการขยายตัวของรอยแยกแห่งมิติก็สงบลง


แต่การกระทำนั้นก็ทำให้หลัวฉีฉีเสียพลังไปมาก รูปทรงกลมที่เกิดจากการกลายร่างของเธอสั่นสะท้านไม่หยุด ดูเหมือนเธอน่าจะต้องเผชิญกับแรงตีกลับทันทีที่มิติที่เคยหยุดนิ่งหลุดพ้นจากการ ควบคุมของเธอ


“เร็วเข้า เราต้องช่วยฉีฉี!”


จ้าวหย่ากับคนอื่นๆรีบเข้าไปถ่ายทอดพลังปราณให้หลัวฉีฉีเพื่อช่วยเสริมพลังงานที่เธอต้องใช้ในการเหนี่ยวรั้งมิติ


รอยแยกแห่งมิตินั้นหยุดลุกลามครู่หนึ่งภายใต้ความพยายามของพวกเขา แต่ไม่ช้าก็เริ่มสั่นสะท้านอีกครั้ง ทุกสรรพสิ่งเริ่มลอยเข้าหารอยแยกแห่งมิติอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นก้อนหิน พลังจิตวิญญาณ หรือทรัพย์สมบัติล้ำค่าต่างๆ พวกมันหายวับไปอย่างไร้ร่องรอยหลังจากที่เข้าสู่รอยแยกแห่งมิติ


พลั่ก!


หลัวฉีฉีกระอักเลือดกองใหญ่ออกมาขณะที่จำใจคืนสภาพกลับสู่ร่างมนุษย์ แรงตีกลับอย่างหนักที่ได้รับทำให้เลือดไหลนองลงมาที่คาง


ในเวลาเดียวกัน จ้าวหย่ากับคนอื่นๆก็หน้าซีด


เมื่อปราศจากเครื่องเก็บงำมิติคอยเหนี่ยวรั้ง รอยแยกแห่งมิติก็ขยายตัวอย่างเกรี้ยวกราด เพียงครู่เดียวก็กลืนกินพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลของทะเลท่วมท้นไปหมด ราวกับตั้งใจจะทำลายดินแดนนี้ไม่ให้เหลือซาก


“ฉันหยุดมันไม่ได้!” หลัวฉีฉีร่ำร้องออกมาอย่างสิ้นหวัง


ทะเลท่วมท้นและการไหลบ่าของพลังจิตวิญญาณคือมาตรการชั่วคราวที่โลกนำมาใช้เพื่อยับยั้งการเสื่อมถอยของพลังจิตวิญญาณให้ช้าลง ซึ่งมันก็ไม่เสถียรตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว การขยายตัวอย่างปุบปับของรอยแยกแห่งมิติเหมือนโดมิโน่ตัวแรกที่ล้ม ซึ่งเมื่อกระบวนการนั้นเริ่มต้น ก็ไม่มีทางยับยั้งมันได้


ต่อให้หลัวฉีฉี จ้าวหย่า และคนอื่นๆจะมีพละกำลังเหนือชั้นแค่ไหน ก็ย่อมอับจนหนทางในสถานการณ์แบบนี้


“ท่านอาจารย์! มีแต่ท่านอาจารย์ของเราเท่านั้นที่สมานรอยแยกแห่งมิติได้!” จ้าวหย่าอุทานออกมาขณะรีบหันไปมองจางเซวียน

 

 

 


ตอนที่ 2334 เราต้องฝ่าด่านวรยุทธ…

 

ในตอนนั้น การต่อสู้ระหว่างจางเซวียนกับยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศก็กำลังเข้มข้นถึงขีดสุด


ยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นจอมราชันย์ได้สำเร็จหลังจากที่กินหญ้าจิตวิญญาณจอมราชันย์เข้าไป แม้มันจะยังไม่ได้การยอมรับจาก 9 น่านฟ้า แต่ในแง่ของพละกำลัง ก็เรียกว่าไม่ได้อ่อนด้อยกว่าจอมราชันย์คนไหน


ส่วนจางเซวียน แม้จะยกระดับวรยุทธของพลังปราณไปเป็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติขั้นสูงสุดแล้ว แต่พละกำลังของเขาก็ยังอ่อนด้อยหากต้องรับมือกับยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศ ด้วยเหตุนี้ จึงตกเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำตลอดเวลา


“ฮ่าฮ่าฮ่า! กล้าท้าทายผมก็ต้องเจอแบบนี้แหละ! ถึงคราวชะตาขาดแล้ว!”


เมื่อเห็นว่าในที่สุดชายหนุ่มที่เคยตัดแขนขาของมันอย่างอวดดีต้องพ่ายแพ้ให้กับพละกำลังของมัน ยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศหัวเราะลั่น มันยกมือขึ้นและรวบรวมพละกำลังเต็มพิกัดเพื่อเล่นงานจางเซวียนอีกครั้ง


ทะเลท่วมท้นใกล้แตกสลายเต็มที และการโจมตีอย่างไม่ลดละของยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศก็เร่งกระบวนการทำลายล้างให้เร็วขึ้นอีก มิติโดยรอบอยู่ในสภาวะปั่นป่วนขณะที่พลังจิตวิญญาณฟุ้งตลบ สับสนปนเปกันไปหมด ราชันย์เทพเจ้า 2-3 คนถูกเฉือนขาดเป็นชิ้นๆเพราะผลจากความสับสนอลหม่าน


โดยปกติ ราชันย์เทพเจ้าส่วนใหญ่มักเอาชีวิตรอดออกจากทะเลท่วมท้นได้ แต่หลังจากเกิดสภาวะวุ่นวายปั่นป่วนขึ้น เพียงไม่ถึง 5 นาที ราชันย์เทพเจ้ากว่าครึ่งที่อยู่บริเวณนั้นก็พบจุดจบ


อันที่จริง แม้แต่ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติก็เริ่มจะล้มตายเป็นใบไม้ร่วง


เพียงไม่นาน จำนวนผู้เสียชีวิตก็มีมากกว่าเมื่อ 10 ปีที่แล้ว


เห็นยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศต่อสู้อย่างบ้าระห่ำขึ้นเรื่อยๆ จางเซวียนหน้าดำคร่ำเครียด


“ต้องรีบจัดการแล้ว ไม่อย่างนั้นพวกเราจะตายกันหมด…”


ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป กว่าเขาจะปิดจ๊อบการต่อสู้ ก็คงไม่มีอะไรเหลือ


“แต่เราใช้พลังถึงขีดสุดแล้ว…ถ้าอยากเล่นงานหมอนั่นให้ได้เร็วๆ ก็ต้องหาวิธียกระดับวรยุทธให้ได้…”


จางเซวียนขับเคลื่อนพลังปราณและวรยุทธของจิตวิญญาณจนถึงขีดสุดแล้ว ทั้งยังสำแดงศิลปะเพลงดาบที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาด้วย แต่ยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศก็มีพลังงานล้นเหลือหลังจากกลืนกินหญ้าจิตวิญญาณจอมราชันย์เข้าไป


ในสภาพที่เป็นอยู่ตอนนี้ เขาไม่มีโอกาสเอาชนะได้เลย


“เราต้องฝ่าด่านวรยุทธ…”


จางเซวียนไม่ใส่ใจการโจมตีจากฝ่ามือที่กำลังพุ่งเข้าใส่ เขาสูดหายใจลึกก่อนจะนำทรัพย์สมบัติต่างๆที่เหล่าศิษย์สายตรงมอบให้ออกมา


จางเซวียนระเบิดพลังปราณ ทำลายทรัพย์สมบัติล้ำค่าเหล่านั้นให้แตกเป็นเสี่ยงๆเพื่อปลดปล่อยพลังจิตวิญญาณที่อยู่ภายใน


ฟิ้ววววว!


พลังจิตวิญญาณเข้มข้นเป็นสายพุ่งเข้าสู่จุดชีพจรและไหลเวียนไปทั่วทางเดินพลังปราณ ทำการบ่มเพาะร่างกายของเขา


เห็นคู่ต่อสู้พยายามฝ่าด่านวรยุทธทั้งที่กำลังสู้กับมัน ยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศคำรามขณะเร่งกระหน่ำโจมตี “สายไปแล้วล่ะที่จะคิดเรื่องการฝ่าด่านวรยุทธตอนนี้!”


“เรามีเวลาเหลือเฟือ” จางเซวียนพึมพำกับตัวเองขณะพาจิตใต้สำนึกดำดิ่งเข้าสู่มหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วง


ถ้าเขาฝึกฝนวรยุทธที่นั่น เวลาจะถูกเร่งให้เร็วขึ้น 10 เท่าเมื่อเทียบกับโลกภายนอก


ดังนั้น 1 วินาทีในทะเลท่วมท้นจึงเท่ากับ 10 วินาทีในมหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วง, ตกราว 2.7 ชั่วโมง


เพียงเท่านั้นก็นานพอจะทำให้เขาได้เป็นจอมราชันย์แล้ว


จางเซวียนสงบจิตใจ เขาขับเคลื่อนพลังปราณอย่างรวดเร็ว แล้วด่านคอขวดที่เขาเคยตัดสินใจไม่ก้าวข้ามมันไปในคราวก่อนก็ปรากฏตรงหน้า


“สลายตัว!”


จางเซวียนคำรามก้อง เขาแปรสภาพพลังงานในร่างกายให้กลายเป็นกระแสดาบฉีเพื่อทำลายด่านคอขวดที่ขวางทางอยู่


จางเซวียนใช้พละกำลังเต็มพิกัดโจมตีด่านคอขวดนั้น แต่ไม่อาจทำลายมันได้


“บ้าจริง! ทั้งที่เราทำความเข้าใจเทคนิควรยุทธระดับจอมราชันย์แล้ว แต่ดูเหมือนการฝ่าด่านวรยุทธก็ยังไม่ง่าย…”


ตอนที่อยู่บนดวงจันทร์ จางเซวียนรู้สึกว่าตัวเองเข้าใกล้การฝ่าด่านวรยุทธเต็มที จึงคิดว่าคงก้าวข้ามด่านคอขวดได้ทุกเมื่อตามที่ต้องการ แต่ดูเหมือนเขาจะประเมินความยากของเรื่องนี้ต่ำไป


เหล่าจอมราชันย์คือผู้สูงส่งที่สุดในโลก อยู่ในระดับขั้นที่สิ่งมีชีวิตทั้งมวลล้วนใฝ่ฝันจะได้เป็น แต่นับตั้งแต่ช่วงเวลาที่ไม่มีใครจดจำได้ ผู้เดียวที่ประสบความสำเร็จก็คือปรมาจารย์ขง มันคือวีรกรรมที่ยากพอจะให้คำจำกัดความด้วยคำว่า ‘เป็นไปไม่ได้’


“ไม่ใช่แค่ด่านคอขวดในตัวเราหรอก สรวงสวรรค์ก็ไม่ปล่อยให้เราฝ่าด่านวรยุทธ…”


หลังจากพยายามอีก 2-3 ครั้ง ในที่สุดจางเซวียนก็พบต้นตอของปัญหา


ปัญหาไม่ได้อยู่ที่วรยุทธของเขาเพียงอย่างเดียว ที่สำคัญกว่าก็คือเขารู้สึกได้ถึงพลังบางอย่างที่กดข่มเขาไว้ บีบบังคับไม่ให้ฝ่าด่านวรยุทธได้สำเร็จ


ราวกับสรวงสวรรค์จงใจกีดขวางเส้นทางช่วงสุดท้าย ใครก็ตามที่พยายามฝ่าไปจะต้องถูกกำจัด มันคือสถานที่ที่มีอยู่จริง แต่ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เข้าไป


“ปิดกั้น!”


รู้ดีว่าตัวการจะต้องเป็นหอสมุดเทียบฟ้าที่อยู่ในร่างของเขา จางเซวียนใช้วรยุทธของจิตวิญญาณปิดกั้นมันไว้โดยไม่ลังเล


บึ้มมมมม!


เขาพยายามฝ่าด่านวรยุทธอีกครั้ง แต่พลังงานที่มีอยู่ก็ยังไม่สูงพอจะก้าวข้ามปราการด่านสุดท้ายเพื่อให้ได้เป็นจอมราชันย์


“พลังของเรายังอ่อนด้อย…” จางเซวียนพึมพำ


มีทรัพยากรสำหรับการฝึกฝนวรยุทธมากมายเกินไปที่เขาต้องใช้เพื่อให้ได้เป็นจอมราชันย์ ต่อให้ซึมซับพลังงานจากสมบัติล้ำค่าทั้งหมดที่ศิษย์สายตรงของเขากับเว่ยชางเฟิงมอบให้ ก็ยังมีแรงส่งไม่พอจะก้าวข้ามปราการด่านสุดท้ายอยู่ดี


ตอนนี้มีวิธีเดียวที่เขาคิดออก


คู่ต่อสู้ของเขา, ยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศก็เป็นทรัพยากรสำหรับการฝึกฝนวรยุทธ ทั้งยังอยู่ในระดับจอมราชันย์ด้วย


ถ้าเขากลืนกินมันได้ เมื่อนำไปรวมกับการสะสมพลังงานที่มีอยู่เก่า ปราการด่านสุดท้ายของการได้เป็นจอมราชันย์ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหา เขาน่าจะทำสำเร็จได้ในคราวเดียว!


แต่…จะเป็นไปได้อย่างไรในเมื่อเขาสู้มันไม่ไหว?


จางเซวียนเดาะลิ้น จากนั้นก็รีบดึงจิตใต้สำนึกออกจากมหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วง ก่อนจะสำแดงศิลปะเพลงดาบอีกชุดเพื่อป้องกันตัวเองจากพลังฝ่ามือที่พุ่งลงมา


ยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศดูจะมองเห็นปัญหาที่จางเซวียนเผชิญอยู่ มันเยาะเย้ย “ถ้าการได้เป็นจอมราชันย์มันง่ายดายขนาดนั้น ผมคงทิ้งทะเลท่วมท้นไปนานแล้ว คงไม่จมปลักอยู่ในสถานที่เลวร้ายแบบนั้นมาจนถึงทุกวันนี้หรอก…”


ครืนนนนน!


รอยร้าวที่เกิดจากการพังทลายของมิติลุกลามไปถึงฝั่งของจางเซวียน


เขารีบกวาดตามองโดยรอบ เห็นทะเลท่วมท้นอยู่ในสภาพยับเยินจากพละกำลังที่พุ่งเข้าใส่ทุกทิศทาง ไม่ช้าไม่นานก็คงไม่เหลือซาก


“ถ้าเราฝ่าด่านวรยุทธไม่ได้ก่อนที่ทะเลท่วมท้นจะพังทลาย เมื่อกลับสู่สรวงสวรรค์แล้ว การฝ่าด่านวรยุทธคงยิ่งยากกว่าเดิม…” จางเซวียนพึมพำอย่างร้อนใจ


เขาจะตกอยู่ภายใต้อำนาจของทั้ง 9 น่านฟ้าเมื่อกลับสู่สรวงสวรรค์ ซึ่งนั่นทำให้โอกาสที่จะได้เป็นจอมราชันย์ในระยะเวลาอันสั้นแทบไม่มีทางเป็นไปได้ เขาจะต้องทำตัวให้เป็นที่รู้จักของใครต่อใครในสรวงสวรรค์และสะสมกระแสจิตปรารถนาให้ได้มากพอ ถึงจะได้การยอมรับอย่างเป็นทางการจาก 9 น่านฟ้า


แต่ตอนนี้ เขาต้องการพละกำลังเพื่อรับมือกับวิกฤตตรงหน้าก่อน! ไม่มีเวลารอนานขนาดนั้น!


แม้ทะเลท่วมท้นจะพังเสียหายไม่มีชิ้นดี แต่ก็ยังได้รับกระแสพลังจิตวิญญาณจากสรวงสวรรค์อยู่ ซึ่งหากพลังจิตวิญญาณเหล่านั้นหมดไปเมื่อไหร่ ทะเลท่วมท้นจะหมดสภาพทันที


“1 นาทีเท่านั้น นั่นคือเวลาที่เรามี เราต้องเป็นจอมราชันย์ให้ได้ภายใน 1 นาที…”


จางเซวียนกะประมาณระยะเวลาก่อนที่ทะเลท่วมท้นจะพังทลาย


แต่ก็เป็นเรื่องยาก ต่อให้มีมหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วงมาช่วย การประสบความสำเร็จก็ยังแทบเป็นไปไม่ได้!


เพราะถึงอย่างไร ความสำเร็จในการฝ่าด่านวรยุทธของจางเซวียนก็อยู่บนรากฐานของการเอาชนะยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศ แต่ในทางกลับกัน สิ่งที่เขาต้องมีก็คือพละกำลังในระดับของจอมราชันย์ มันจึงเหมือนกงล้อที่วนไปไม่รู้จบและไม่อาจหาทางออกจากมันได้


จางเซวียนพลันเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา


“เว้นเสียแต่…เว้นแต่เราจะทำความเข้าใจศิลปะเพลงดาบระดับจอมราชันย์ได้สำเร็จ!”


เขาไม่มีทางเอาชนะยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศและกลืนกินมันได้ภายใน 60 วินาทีหากตัวเขายังมีสภาวะแบบนี้ ดังนั้น จึงต้องหาทางยกระดับประสิทธิภาพการต่อสู้ให้ได้ด้วยวิธีใดสักวิธีหนึ่ง


ในเมื่อยกระดับวรยุทธไม่ได้ ยกระดับประสิทธิภาพของศิลปะเพลงดาบก็แล้วกัน!


เทคนิควรยุทธระดับจอมราชันย์ที่เขาจำเป็นต้องทำความเข้าใจนั้นอยู่บนรากฐานของความรัก


แม้สรวงสวรรค์กับโลกจะถูกบีบคั้นด้วยกาลเวลา แต่ความรู้สึกของสองเราจะคงอยู่ชั่วนิรันดร์!


หากเขาทำความเข้าใจศิลปะเพลงดาบและสำแดงมันออกมาด้วยพละกำลังเต็มพิกัดได้ ก็จะเอาชนะยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศได้สำเร็จ


แต่เทคนิควรยุทธของเวทนาสวรรค์เป็นคนละส่วนกับศิลปะเพลงดาบ ซึ่งการทำความเข้าใจศิลปะเพลงดาบก่อนที่จะฝ่าด่านวรยุทธได้สำเร็จนั้นถือว่ายากกว่ากันหลายเท่า เพราะจะกลายเป็นว่าเขาพยายามทำความเข้าใจศิลปะเพลงดาบที่มีไว้สำหรับจอมราชันย์ทั้งที่ตัวเองยังไม่ได้เป็นจอมราชันย์เลยด้วยซ้ำ


ในแง่ของความยาก ทำแบบนี้ย่อมยากกว่าการฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นจอมราชันย์


แต่จางเซวียนไม่มีทางเลือก


เขาเริ่มกวัดแกว่งดาบไปตามรูปแบบของเทคนิควรยุทธขั้นจอมราชันย์ที่เคยทำความเข้าใจไว้ และพยายามปรับเปลี่ยนมันให้อยู่ในรูปของศิลปะเพลงดาบ แต่ทุกครั้ง ก็จะพบว่าพลังงานหยุดชะงักไปด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง ทำให้ไม่อาจสำแดงศิลปะเพลงดาบไปตามขั้นตอนได้อย่างราบรื่น


“ผิด!”


“ผิด!”


“ผิด!”


“ก็ยังผิดอยู่ดี!”


จางเซวียนพยายามสำแดงเจตจำนงเพลงดาบที่แตกต่างกันไปถึง 10 รูปแบบเพื่อขับเคลื่อนศิลปะเพลงดาบออกมา แต่ก็ไร้ผล พลังปราณของเขาไม่อาจไหลเวียนไปตามทิศทางที่ต้องการ


เวลาเดินไปเรื่อยๆ


ในชั่วพริบตา, 30 วินาทีก็ผ่านไป


ทะเลท่วมท้นถึงขีดสุดความอดทนของมันแล้ว การสั่นสะเทือนรุนแรงหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ เท่าที่เห็น ก็ยากจะบอกได้ว่าในอีก 10 วินาทีข้างหน้า มันจะยังคงสภาพอยู่ได้หรือไม่


“ผมอยากรู้เหลือเกินว่าคุณจะเอาตัวรอดไปได้สักกี่น้ำ!” ยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศตะโกนก้องอย่างสะใจขณะปล่อยพลังฝ่ามือเข้าใส่จางเซวียนอีกรอบ


มันดูออกว่าจางเซวียนคิดจะทำอะไร จึงจงใจทำลายความหวังเสี้ยวสุดท้ายของเขา

 

 

 


ตอนที่ 2335 หยุดมันให้ได้!

 

พละกำลังที่มันสำแดงออกมาคราวนี้หนักหน่วงกว่าคราวก่อนๆ กระตุกเอาลมหายใจเฮือกสุดท้ายของทุกชีวิตที่อยู่ในทะเลท่วมท้นไป มิติโดยรอบพังทลาย แรงกดดันถาโถมเข้าใส่ทั้งจางเซวียนและยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศ


นี่คือการโจมตีที่ชี้ชะตาความเป็นความตายของทั้งคู่


ถ้าจางเซวียนต้านทานการโจมตีครั้งนี้ไม่ไหว ก็หมายถึงความตายของเขา


แต่หากเขารับมือได้ ก็จะเป็นความตายของยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศ


“ท่านอาจารย์…” จ้าวหย่ากับคนอื่นๆเฝ้าดูด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ


ทุกคนอยากเข้าไปช่วยจางเซวียน แต่ยังไม่ทันรู้ตัว ก็ถูกกีดกันให้ออกห่าง


สิ่งเดียวที่ยังเหลืออยู่ในสมรภูมิก็คือคู่ต่อสู้ทั้งสองฝ่าย เว้นเสียแต่จอมราชันย์ ไม่มีใครเข้าไปได้


“ดูเหมือนเราจะทำความเข้าใจมันไม่สำเร็จ ที่จริงก็รู้ตั้งแต่แรกแล้ว เวลากระชั้นชิดเกินไป การทำความเข้าใจศิลปะเพลงดาบขั้นจอมราชันย์ภายในเวลาเพียงครู่เดียวเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ คงต้องภาวนาให้เกิดปาฏิหาริย์เท่านั้น” จางเซวียนพึมพำกับตัวเอง


ที่ผ่านมา ดูเหมือนเขาจะรอดพ้นจากอันตรายต่างๆนานาได้ด้วยความโชคดีและการใช้ไหวพริบชั่วแล่น จางเซวียนได้แต่หวังว่าคราวนี้เหตุการณ์แบบเดิมจะเกิดขึ้นอีก แต่เขาคงมองโลกในแง่ดีเกินไป


มีบางอย่างในโลกนี้ที่ไม่มีทางเป็นไปได้ เพียงเพราะเขาตั้งความปรารถนาอย่างสุดหัวใจให้สิ่งนั้นเกิดขึ้น ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะเกิดขึ้นจริง


เมื่อรู้แล้วว่าไม่มีทางทำสำเร็จ จางเซวียนเงยหน้าและเฝ้ามองเศษเสี้ยวของมิติที่ระเบิดอยู่ทุกหนแห่งราวกับดอกไม้ไฟ ก่อนจะค่อยๆสลายกลายเป็นความเวิ้งว้างว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต


ในชั่วพริบตานั้น เวลาดูจะเดินช้าลง


จางเซวียนหวนกลับไปสู่ช่วงเวลาที่เขายังอยู่ในทวีปแห่งปรมาจารย์ ตอนที่เปิดใช้งานสายเลือดตระกูลจาง


ความทรงจำนับไม่ถ้วนที่มีนับตั้งแต่ทะลุมิติมาเมื่อ 2 ปีก่อนค่อยๆปรากฏเป็นภาพช้าในหัวสมองของเขา


เพื่อไม่ให้ถูกไล่ออกจากโรงเรียน เขาตั้งใจทำงานหนักเพื่อให้เป็นครูที่มีคุณภาพดีกว่าเดิม จากนั้นก็ค่อยๆก้าวหน้าไปทีละขั้น มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นระหว่างทาง ไม่ว่าจะเป็นบรรดาลูกศิษย์ ครอบครัว คนรัก หรือมิตรสหายของเขา…


เมื่อมองย้อนไป ดูเหมือนที่ผ่านมาเขาต่อสู้มาตลอดโดยไม่เคยหยุด


บางที ที่นี่อาจเป็นที่ที่เขาสมควรจบการเดินทางเสียที


จางเซวียนคิดว่าชะตากรรมของเขาคงสิ้นสุดเพราะคมดาบของหลัวลั่วชิงขณะที่เขากับเธอต่อสู้กันด้วยเศษเสี้ยวสวรรค์ แต่ดูเหมือนเขาจะรอดพ้นจากสถานการณ์ที่ทำให้ต้องลำบากใจแบบนั้นแล้ว


จางเซวียนยิ้มอย่างขมขื่นขณะนึกถึงหลัวลั่วชิง


“ถ้าเราตายและไม่อาจฟื้นคืนชีพได้อีก เธอคงจะรู้สึกแย่ ใช่ไหม?”


“บางทีเธออาจรู้อยู่แล้วว่านี่คือชะตากรรมของเราสองคน ตอนที่ตอบตกลงเดินร่วมทางกับเรา…”


เมื่อคิดอีกที การที่เขาไม่รู้อะไรเลยตลอดมาก็อาจเรียกว่าโชคดี เพราะในโลกนี้ ไม่มีอะไรเจ็บปวดไปกว่าการต้องเฝ้ารอให้ชะตากรรมโหดร้ายที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เข้ามาถึงตัว


เธอคงทุกข์ทรมานใจไม่น้อยตั้งแต่ได้พบเขา


“จอมราชันย์แห่งกระท่อมดาบเคยบอกว่าศิลปะเพลงดาบของเรามีความปรารถนามากเกินไป แต่ขาดการปกป้อง ซึ่งนั่นส่งผลให้ขาดเจตจำนงและความมุ่งมั่นที่จะฝ่าฟันทุกอุปสรรค…นั่นคือเหตุผลที่ทำให้เราล้มเหลวหรือเปล่า?”


การปกป้องหมายถึงการดูแลคนที่เขารักให้รอดพ้นจากอันตราย แต่ลงท้าย ก็ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ปกป้องใครเลย เขาคงไม่เหมาะกับสิ่งนี้จริงๆ


ตัวเขาไม่เหมือนปรมาจารย์ขงที่มีความเมตตากรุณาให้ทุกคน ทั้งยังทุ่มเทหมดหัวใจที่จะทำให้โลกเจริญก้าวหน้า จางเซวียนไม่เคยอยากเป็นผู้กอบกู้โลก


นั่นไม่ใช่เส้นทางที่เขาอยากเดิน ไม่ใช่เส้นทางที่เขาเลือก


“เราก็เป็นเรา ไม่ได้หวังอยากรู้แจ้งหรือแยกตัวจากโลก ทั้งหมดที่เราต้องการก็คือการได้เชื่อมั่นในจิตสำนึกของตัวเอง”


“ถ้าเราสองคนใช้ชีวิตร่วมกันไม่ได้ อย่างน้อยที่สุดก็จะได้อยู่ด้วยกันภายหลังความตาย!”


“ขอให้ครั้งนี้เป็นการต่อสู้ดิ้นรนอย่างสุดกำลังเป็นครั้งสุดท้าย!”


“ถ้าผมเอาชีวิตรอดจากการทดสอบครั้งนี้ไปได้ เราอาจได้พบกันอีก ผมจะภาวนาว่าขอให้เราได้อยู่ในหัวใจของกันและกันตลอดไป!”


วิ้งงงงง!


ประกายเจิดจ้าปรากฏในดวงตาของจางเซวียนขณะที่เขาถ่ายทอดกระแสเจตจำนงเพลงดาบเข้าสู่ดาบสวรรค์สีเลือด


บึ้มมมม!


ด้วยการฟันฉับเพียงครั้งเดียว กระแสดาบฉีก็ระเบิดขึ้นสู่สวรรค์ ทำลายการโจมตีของยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศจนแตกเป็นเสี่ยงๆ


“นี่-นี่มัน…ศิลปะเพลงดาบชนิดไหน? คุณสำแดงกระบวนท่าที่ทรงพลังขนาดนี้ได้อย่างไร?”


เกิดเสียงโหยหวนเย็นเยียบดังก้องขณะที่ยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศพึมพำอย่างไม่อยากเชื่อ ร่างของมันระเบิดและกลายสภาพเป็นพายุพลังจิตวิญญาณเข้มข้นที่พุ่งเข้าหาร่างของจางเซวียน


ด้วยสิ่งนี้ พละกำลังที่ฉุดรั้งจางเซวียนไว้ก็ถูกทำลาย วรยุทธของเขาพุ่งพรวด


จางเซวียนยิ้มร่าอย่างผู้ชนะ เขาจ้องมองท้องฟ้าแล้วตวาดก้องด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจที่ทะลุทะลวงเข้าไปในส่วนลึกของจิตวิญญาณจำนวนมากมาย “วันนี้, ผมจะเป็นจอมราชันย์!”


เขาก้าวข้ามด่านคอขวดด่านสุดท้าย เข้าสู่ความเป็นสุดยอดของสรวงสวรรค์


จอมราชันย์ สำเร็จแล้ว!


บึ้มมมมม!


ในที่สุด ทะเลท่วมท้นก็ระเบิดเป็นเสี่ยงๆ ราวกับดอกไม้ไฟที่เปล่งแสงเจิดจ้า


ครึ่งนาทีก่อนหน้า…


“มีบางอย่างเกิดขึ้นกับทะเลท่วมท้น!”


เห็นทางเข้าดำมืดที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาสั่นสะท้านไม่หยุด จอมราชันย์มังกรเมฆกับคนอื่นๆหน้าถอดสีด้วยความตกใจ


ที่ผ่านมา พวกเขาเข้าใจว่าการไหลบ่าของพลังจิตวิญญาณคือส่วนหนึ่งของวัฏจักรตามธรรมชาติของสรวงสวรรค์ เป็นปรากฏการณ์ที่จะเกิดขึ้นทุกสิบปี เพิ่งรู้วันนี้ว่ามันคือบางสิ่งที่อาจพังทลายและหายสาบสูญได้


เมื่อมันหายไป สรวงสวรรค์จะสูญเสียเสาหลักค้ำจุนไปทันที พลังจิตวิญญาณในสรวงสวรรค์จะรั่วไหลออกมาอย่างต่อเนื่องจนกว่าทุกสิ่งจะเหือดแห้ง เหลือไว้เพียงโลกที่หม่นหมองและท่วมท้นด้วยความตาย


“หยุดมันให้ได้!”


จอมราชันย์ที่อยู่ตรงนั้นต่างยกมือขึ้นและปล่อยพลังเข้าใส่หลุมดำที่อยู่ตรงหน้า หวังจะยับยั้งการพังทลายของทะเลท่วมท้น


แต่หลังจากยื้อได้เพียงครู่เดียว ฉนวนที่อยู่บนรอยแยกแห่งมิติก็ฉีกขาดเป็นแผลใหญ่ ทำให้พลังจิตวิญญาณที่เพิ่งกลับคืนสู่สรวงสวรรค์หมาดๆถูกดูดกลืนเข้าไปอีกครั้ง


รอยฉีกขาดนั้นขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ พาดผ่านทั่วทั้งมิติรอยแล้วรอยเล่า


“พวกเรา พยุงสรวงสวรรค์ให้มั่นคงก่อน!” จอมราชันย์มังกรเมฆตวาดก้อง


พวกเขารู้ดีว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาชิงดีชิงเด่นกัน จะต้องปกป้องสรวงสวรรค์และถิ่นฐานบ้านเกิดให้ได้เสียก่อน


ดังนั้น กระแสพลังงาน 7 สายจึงพุ่งเข้าหารอยแยกแห่งมิติพร้อมๆกัน จุดที่พลังจิตวิญญาณกำลังรั่วไหลถูกสมานให้กลายเป็นเนื้อเดียว


การสมานรอยแยกแห่งมิติจะทำให้รักษาความเสถียรของสรวงสวรรค์ไว้ได้ อย่างน้อยก็ในเวลานี้


แต่สภาวะของสรวงสวรรค์ถูกบั่นทอนอย่างรุนแรงไปแล้ว ไม่อาจเรียกพลังจิตวิญญาณที่ถูกดูดเข้าไปในรอยแยกแห่งมิติกลับคืนมา


พื้นโลกสั่นสะท้าน ดวงดาวดารดาษหม่นแสงราวกับพร้อมจะร่วงหล่นได้ทุกขณะ ตึกรามบ้านช่องนับไม่ถ้วนพังทลาย เหลือเพียงเศษซากที่กองอยู่กับพื้น


ดูเหมือนวันสิ้นโลกมาถึงแล้ว


“สรวงสวรรค์กำลังจะถึงจุดจบ…”


“ผมรู้ว่ามันต้องมาถึงสักวัน แต่ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้…”


“อย่าเสียเวลาวิ่งหนีเลย หากสรวงสวรรค์พังทลาย หนีไปไหนก็ไม่มีทางปลอดภัย…”


…..


ในเมืองใหญ่หลายเมืองทั่วทั้งสรวงสวรรค์ นักรบมากมายพากันจับจ้องท้องฟ้าด้วยสีหน้าที่ดูสิ้นหวังและหม่นหมอง


นับตั้งแต่เกิดการเสื่อมถอยของพลังจิตวิญญาณเมื่อ 40 ปีก่อน ลึกลงไปในใจ พวกเขารู้แล้วว่าไม่ช้าไม่นานสถานการณ์จะต้องบานปลายจนกลายเป็นบางสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุม เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าจะเกิดขึ้นเร็วขนาดนี้


“รอดูก่อนเถอะ ถ้า 9 จอมราชันย์รักษาสรวงสวรรค์ไว้ได้ พวกเราก็อาจยังมีโอกาส แต่ถ้าไม่ ชะตากรรมเดียวที่รอคอยอยู่ก็คือความตาย ไม่จำเป็นต้องตีตนไปก่อนไข้…” นักรบระดับเทพเจ้าขั้นสูงคนหนึ่งเปรยขณะเฝ้ามองฝูงชนที่กำลังตื่นตระหนก


ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบ เสียงหนึ่งก็ดังก้องขึ้นในส่วนลึกของหัวใจ ราวกับเจตจำนงของโลกได้ซึมซาบเข้าสู่ร่างของเขา “วันนี้, ผมจะเป็นจอมราชันย์!”


“จอมราชันย์? ใครคนหนึ่งฝ่าด่านวรยุทธสำเร็จแล้ว…จะต้องเป็นจอมราชันย์จางเซวียน!”


“จางเซวียนคนนั้นที่เป็นนักปรุงยาน่ะหรือ? เขากลายเป็นจอมราชันย์ได้อย่างไร?”


“ใช่ เขานั่นแหละ! เมื่อสมัยที่จอมราชันย์พิชิตสวรรค์ได้เป็นจอมราชันย์ ผมก็ได้ยินเสียงแบบนี้เหมือนกัน…”


…..


ทุกคนอึ้งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างปุบปับ


ที่เมืองตะวันรอน หลังจากได้ยินเสียงที่ก้องเข้าไปในหัวใจ อาจารย์โม่หย่วนอ้าปากค้างขณะพึมพำอย่างตกตะลึง “จอมราชันย์จางเซวียน…”


ตอนที่พบกันครั้งแรกเมื่อ 1 เดือนก่อน อีกฝ่ายยังอ่อนแอมาก เป็นแค่นักรบระดับเทพเจ้าขั้นต้นเท่านั้น ใครจะคิดว่าเขาจะขึ้นสู่ความเป็นสุดยอดของสรวงสวรรค์ กลายเป็นจอมราชันย์ภายในเวลาเพียงเดือนเดียว?


…..


“เขาได้เป็นจอมราชันย์?”


กาน้ำชาที่ฉีหลิงเอ๋อถืออยู่ร่วงลงกับพื้น แต่เธอก็ยังไม่รู้สึกตัว


เธอรู้มาตลอดว่าจางเซวียนไม่ใช่คนธรรมดา และมั่นใจว่าเขาจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆจนในที่สุดก็จะกลายเป็นผู้มีอำนาจคนหนึ่งของสรวงสวรรค์ แต่ไม่คิดเลยว่าสุดท้ายจะเป็นถึงจอมราชันย์ แถมยังรวดเร็วขนาดนี้…


…..


“สมกับที่เป็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติแห่ง 9 น่านฟ้า เขาฝ่าด่านวรยุทธได้สำเร็จในทะเลท่วมท้น เหมือนจอมราชันย์พิชิตสวรรค์” เทพธิดาหลิงหลงพูดด้วยสีหน้าที่ดูจะบรรยายความรู้สึกได้ยาก


ทะเลท่วมท้นพังทลายไม่เหลือซากแล้ว แต่ลึกเข้าไปในความมืดมิด ชายหนุ่มยังคงยืนจังก้าอยู่กลางอากาศ สีหน้าของเขาบ่งบอกถึงความสูงส่งและสง่างามตามแบบของผู้ที่ผงาดเหนือคนทั้งโลก


นั่นคือชายหนุ่มคนเดียวกันกับที่เธอได้เห็นเมื่อครั้งอยู่บนดวงจันทร์


ตอนที่เธอพบจางเซวียนเป็นครั้งแรกในน่านฟ้าหลิงหลง ก็ตั้งใจจะสังหารเขาเพื่อชดเชยเรื่องที่เกิดขึ้นกับไป๋เย่ฉิงหง ในครั้งนั้น เธอไม่คิดเลยว่าอีกเพียงไม่กี่วันให้หลัง เขาจะเหนือชั้นไปกว่าราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติและกลายเป็นจอมราชันย์เหมือนเธอ


ยิ่งไปกว่านั้น ในฐานะราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติแห่ง 9 น่านฟ้า ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าเมื่อเขาได้เป็นจอมราชันย์แล้ว ก็น่าจะมีพละกำลังเหนือกว่าจอมราชันย์คนอื่นๆ


“ไม่แปลกใจแล้วที่จอมราชันย์อมตะยอมรับเขาเป็นเจ้านาย แถมจอมราชันย์หลินชีก็หลงรัก…เขาไม่ธรรมดาจริงๆ!”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)