อัจฉริยะสมองเพชร 2326-2331

ตอนที่ 2326 มันคือของดี!

 

หลัวฉีฉีชักดาบออกมาแล้วโยนเข้าไป แค่พริบตาเดียว มันก็พุ่งฉิวไปมาทุกทิศทางราวกับแมลงวันที่บินส่ายไปมาโดยจับทิศทางไม่ได้


ฟึ่บ!


หลังจากเหวี่ยงซ้ายป่ายขวาไปมาโดยไม่มีทิศทางที่แน่นอนอยู่ครู่หนึ่ง แรงโน้มถ่วงที่ถาโถมเข้าใส่พร้อมกันทุกด้านอย่างไม่ลดละก็ทำให้จิตวิญญาณที่อยู่ในดาบสูญสลายไป สุดท้าย ดาบก็เสื่อมสภาพไปด้วย


ทั้งสามมองหน้ากันด้วยนัยน์ตาเบิกโพลง


แรงโน้มถ่วงนั้นมีความกดดันมหาศาล มากพอจะทำลายของล้ำค่าระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูงได้สบาย เพียงแค่คิด ก็เล่นเอาทุกคนเย็นเยือกถึงกระดูกสันหลัง


“แล้วตอนนั้นคุณเข้าไปในพื้นที่ได้อย่างไร?” หลัวฉีฉีถาม


“ที่จริงผมไม่เคยเข้าไปในนั้นหรอก ผมถูกโจมตีตอนที่อยู่ข้างนอก” อ้าวเฟิงตอบด้วยใบหน้าแดงก่ำ


เรื่องนั้นตอบข้อสงสัยของจางเซวียนได้


แค่ได้เห็นที่นี่ก็เกินพอจะทำให้เขาขนลุกขนชันทั้งตัวแล้ว นึกไม่ออกจริงๆว่านักรบที่มีประสิทธิภาพการต่อสู้ระดับอ้าวเฟิงจะเข้าไปในสถานที่แบบนั้นและออกมาอย่างปลอดภัยได้อย่างไร


“ผมจะเข้าไปแล้วรีบกลับออกมา รออยู่ข้างนอกนะ อย่าเพิ่งผลีผลามทำอะไร” จางเซวียนกำชับ


เขาใช้เจตจำนงเพลงดาบห่อหุ้มร่างกายไว้ก่อนจะเดินตรงเข้าสู่ทะเลสาบ


ทันทีที่เข้าไป จางเซวียนรู้สึกได้ถึงแรงดึงมหาศาลที่ฉุดกระชากร่างของเขา พยายามจะลากเขาไปที่ไหนสักแห่ง


จางเซวียนปลดปล่อยพละกำลังของร่างกายจนเต็มพิกัดเพื่อต้านทานแรงดึงนั้น ทำให้กล้ามเนื้อของเขาแทบจะฉีกขาด


สนามแรงโน้มถ่วงที่อยู่รอบตัวเขาเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ แต่เพราะมีร่างกายที่แข็งแกร่ง จางเซวียนจึงยังทรงตัวและยืนอยู่กับที่ได้ เขารอครู่หนึ่งเพื่อให้ร่างกายปรับตัวให้คุ้นชินกับการเปลี่ยนแปลงของแรงโน้มถ่วงก่อนจะออกเดิน


ฟิ้วววว! ฟิ้วววว!


ดาวหาง 2 ดวงถูกดึงดูดเข้าหากันด้วยแรงโน้มถ่วง มันพุ่งเข้าหาจางเซวียนอย่างรวดเร็ว


จางเซวียนชักดาบออกมาแล้วฟันดาวหาง 2 ดวงนั้น


ดาวหางทั้ง 2 ดวงแตกเป็นสองส่วนพร้อมๆกัน เกิดควันลอยโขมง


จางเซวียนตาโต ดาวหางพวกนี้แข็งแกร่งทนทานจนน่าทึ่ง…มันคือของดี!


ในเมื่อแม้แต่ดาบระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูงยังถูกแรงโน้มถ่วงทำลายได้อย่างง่ายดาย เขาก็ยังสงสัยอยู่ว่าดาวหางพวกนี้คงสภาพอยู่ได้อย่างไรในสภาพแวดล้อมที่เห็น แต่หลักฐานก็ปรากฏชัดแล้วว่าความแข็งแกร่งของพวกมันเทียบได้กับของล้ำค่าระดับราชันย์เทพเจ้า


น่าเสียดายที่นำมาหลอมเป็นอาวุธไม่ได้…แต่ถ้าเราเก็บสะสมดาวหางพวกนี้ไว้ ก็คงเกิดภาพน่าดูชมเมื่อขว้างมันใส่ศัตรู


ดวงตาหยั่งรู้ของจางเซวียนบอกเขาว่าไม่อาจหลอมดาวหางพวกนี้ให้กลายเป็นอาวุธได้ แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังเป็นอาวุธชั้นดีหากเขาขว้างมันใส่คู่ต่อสู้


ปัญหาเดียวก็คือ…


ดาวหางพุ่งเร็วเกินกว่าที่เขาจะจับมันได้ทัน


ถ้าเราจับมันมาเก็บไว้ในแหวนเก็บสมบัติตอนที่มันกำลังเคลื่อนไหว คงทำให้แหวนเก็บสมบัติทะลุเป็นรูและทำลายมิติที่อยู่ภายในจนหมด


แรงโน้มถ่วงทำให้ดาวหางพวกนี้ทั้งพุ่งเร็วและแรง เขาจึงไม่อาจเก็บมันไว้ในแหวนเก็บสมบัติในสภาพนี้ได้


อันดับแรก จะต้องหาทางทำให้มันช้าลงเสียก่อน แต่ตอนนี้ก็เกินกำลังของเขา!


เพราะแรงโน้มถ่วงที่สับสนปั่นป่วน แค่จะยืนนิ่งๆก็ยากแล้ว แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหยุดดาวหางได้ในสภาพแบบนี้


ถึงจะหลอมดาวหางให้เป็นอาวุธไม่ได้ แต่ถ้าเราใช้มันแทนก้อนอิฐ ก็คงถือเป็นอาวุธได้เหมือนกัน ถ้าอย่างนั้น…เป็นไปได้ไหมที่จะได้ร่ายมนต์ใส่ดาวหาง?


ก้อนอิฐที่เขาเคยหลอมได้ก็ไม่มีดีอะไรนอกจากความแข็งแกร่งทนทานอย่างน่าทึ่ง ซึ่งก็เหมือนกับดาวหางพวกนี้ ถ้าเขาร่ายมนต์ใส่ก้อนอิฐได้ ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่การร่ายมนต์ใส่ดาวหางจะไม่สำเร็จ


หากเขาร่ายมนต์ใส่มันได้เมื่อไหร่ ก็คงทำให้มันช้าลงจนหยุดนิ่งได้ แล้วค่อยเก็บไว้ในแหวนเก็บสมบัติ


ต้องลองดู!


จางเซวียนปล่อยตัวให้ลอยไปตามแรงโน้มถ่วงและพุ่งเข้าหาดาวหางดวงหนึ่ง ซึ่งทันทีที่เข้าใกล้ ก็ยื่นมือออกไปเพื่อสัมผัสมัน


…..


นอกทะเลสาบดาวหาง…


“ที่นี่มีดาวหางมากมายเหลือเกิน แถมสนามแรงโน้มถ่วงก็สับสนปั่นป่วนมาก…ผู้อาวุโสจางจะเป็นอะไรไหม?” อ้าวเฟิงเปรยอย่างหนักใจ


“ฉันก็ไม่แน่ใจ แรงโน้มถ่วงในทะเลสาบดาวหางปั่นป่วนเสียจนแม้ตัวฉันก็ทำให้มิติในนั้นหยุดนิ่งได้ยาก นึกเป็นห่วงปรมาจารย์จางอยู่เหมือนกัน” หลัวฉีฉีตอบ


การหลบหลีกดาวหางที่พุ่งเร็วขนาดนั้นก็ยากพออยู่แล้ว และสนามแรงโน้มถ่วงที่ผกผันอยู่ตลอดเวลาก็ทำให้ทุกอย่างเลวร้ายกว่าเดิม คนที่รอดชีวิตออกมาได้คงดวงดีอย่างเหลือเชื่อ!


ในแง่ของอันตราย มันแย่กว่าการเผชิญหน้ากับจิตวิญญาณหลอกหลอนหลายเท่า


การที่หลัวฉีฉีซึ่งเชี่ยวชาญด้านการควบคุมมิติยังไม่อาจเคลื่อนไหวอย่างอิสระได้ในพื้นที่แบบนั้นก็บ่งบอกชัดแล้วว่าทะเลสาบดาวหางอันตรายแค่ไหน


“มันอันตรายเกินไป ผมคงอยู่ในนั้นได้ไม่ถึง 10 วินาทีด้วยซ้ำ เราควรเรียกผู้อาวุโสจางให้กลับมา…” อ้าวเฟิงถาม


แต่ยังไม่ทันที่อ้าวเฟิงจะพูดจบ ก็หน้าถอดสี


เขาเพิ่งเห็นสิ่งที่ไม่มีทางเป็นไปได้


ลึกเข้าไปในทะเลสาบดาวหาง ชายหนุ่มคนหนึ่งยืนนิ่งอยู่กับที่ ดาวหางมากมายโคจรเป็นวงกลมรอบตัวเขาอย่างเงียบเชียบ แต่ละดวงลอยโด่งขึ้นมาเป็นระยะๆราวกับกำลังพยายามทำตัวให้โดดเด่น พวกมันดูไม่ต่างอะไรกับสุนัขละครสัตว์ฝูงหนึ่งที่ได้รับการฝึกมาอย่างดี


อ้าวเฟิงพลันรู้สึกว่าหัวสมองว่างเปล่าจนกลวงโบ๋ ไม่มีอะไรอยู่ในนั้นเลย นี่คือสิ่งที่มักเกิดขึ้นเมื่อฟางเส้นสุดท้ายของการใช้เหตุผลของใครสักคนขาดผึง


ดาวหางที่โคจรเป็นวงกลมอยู่ตรงนั้น…พวกมันควรจะมีพละกำลังมหาศาลไร้ขีดจำกัดไม่ใช่หรือ?


แล้วทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้?


“ดูเหมือนพวกมัน…จะถูกร่ายมนต์ใส่และถูกทำให้ยอมจำนนแล้ว…” หลัวฉีฉีกลืนน้ำลายด้วยความตกตะลึง


“ร่ายมนต์ใส่? แต่เขาเพิ่งเข้าไปในทะเลสาบดาวหางได้เพียงครู่เดียวเองนะ…ผมไม่เข้าใจ! เรื่องแบบนี้เป็นไปได้อย่างไร?” สองแก้มของอ้าวเฟิงกระตุกอย่างหนัก บ่งบอกถึงความปั่นป่วนในหัว


นักรบระดับราชันย์เทพเจ้าสามารถเรียกจิตวิญญาณเข้าสู่ข้าวของต่างๆได้ ซึ่งเขาก็ทำได้เหมือนกัน แต่ต้องใช้เรี่ยวแรงและความพยายามอย่างมาก บางทีอาจต้องใช้เวลายาวนานหลายเดือน และทั้งแรงกายแรงใจก็ถูกดูดออกไปหมดเกลี้ยงกว่าจะทำสำเร็จ


แต่ชายหนุ่มร่ายมนต์ใส่ดาวหางมากมายได้ภายใน 2 นาที…หรือ 3 นาที?


แถมยังทำให้พวกมันยอมจำนนได้ด้วย!


ที่น่าตกตะลึงยิ่งกว่าก็คือทั้งที่สร้างวีรกรรมมากมาย แต่อีกฝ่ายก็ยังดูสดชื่นกระชุ่มกระชวยดี ราวกับเพิ่งทำเรื่องขี้ปะติ๋วลงไปและแทบไม่ได้เสียอะไรเพราะการนั้น


ขณะที่ทั้งคู่ยังตกใจ ชายหนุ่มที่ยืนอยู่กลางทะเลสาบดาวหางก็กระโจนเข้าใส่ดาวหางอีกดวงหนึ่ง และเมื่อสัมผัสมัน ขบวนดาวหางที่ติดสอยห้อยตามเขาอยู่ก็เพิ่มขึ้นอีก 1 ดวง ด้วยวิธีนี้ ขบวนดาวหางก็ยืดยาวขึ้นเรื่อยๆ


เพียงชั่วพริบตา ดาวหางกว่าครึ่งในทะเลสาบก็หันมาติดสอยห้อยตามจางเซวียน


“ผู้อาวุโสจางจะทำให้ดาวหางพวกนั้นยอมจำนนเพื่ออะไร?” อ้าวเฟิงพึมพำอย่างอ่อนแรง


น้องชาย…คุณมาที่นี่เพื่อตามหายาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศไม่ใช่หรือ?


แล้วทำไมถึงมัวแต่เล่นกับดาวหางพวกนั้น?


“ฉันคิดว่า…เขาน่าจะกำลังพยายามทำให้ยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศปรากฏตัว” หลัวฉีฉีคาดเดา


“อ๋อ!” อ้าวเฟิงอุทาน “ยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศสามารถแปลงร่างเป็นยาเม็ดที่ซ่อนตัวได้แม้แต่จากสายตาของผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุด ซึ่งหากมันซุ่มอยู่ในหมู่ดาวหางแล้วรอช่วงเวลาเหมาะๆเพื่อเข้าโจมตี ต่อให้นักรบที่แข็งแกร่งระดับผู้อาวุโสจางก็คงยากจะระวังตัว ดังนั้น ด้วยการทำให้ดาวหางทั้งหมดยอมจำนน, เขาก็จะค้นพบที่ซ่อนของยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศ…นี่เป็นแผนการที่เยี่ยมยอดจริงๆ! ทำไมก่อนหน้านี้ผมถึงคิดไม่ได้นะ?”


ทันทีที่สิ่งอื่นถูกกำจัดออกไป ก็จะไม่เหลือที่ทางให้ยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศซ่อนตัวอีก ซึ่งนั่นจะทำให้รับมือกับมันได้ง่ายขึ้นมาก


“เขาคือคนจำพวกที่พบทางออกเสมอแม้ในสถานการณ์คับขัน” หลัวฉีฉีพูดยิ้มๆ


…..


“ใครบังอาจพังบ้านของผม? รนหาที่ตายแล้ว!”


ขณะที่ทั้งคู่กำลังคุยกัน ก็มีเสียงตะโกนก้อง ทั่วทั้งทะเลสาบดาวหางปั่นป่วนขึ้นมาทันที จากนั้น ใบหน้าขนาดมหึมาก็ปรากฏบนท้องฟ้า


“จอมราชันย์?” หลัวฉีฉีหรี่ตาด้วยความตกใจ


เธอเคยเห็นเทพธิดาหลิงหลงใช้ความสามารถแบบนี้มาแล้ว มันเป็นทักษะพิเศษที่มีเฉพาะในหมู่จอมราชันย์


“นั่นคือยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศ! เป็นไปได้อย่างไร? ต่อให้ทะเลท่วมท้นมีทรัพยากรเพื่อการฝึกฝนวรยุทธอยู่มากมาย มันก็ไม่น่าจะง่ายดายขนาดนั้น…ตอนนี้มันฝ่าด่านวรยุทธสำเร็จแล้ว หมายความว่านั่นคือจอมราชันย์ตัวจริงใช่ไหม?” อ้าวเฟิงพึมพำอย่างไม่อยากเชื่อ


หลัวฉีฉีส่ายหน้าอย่างไม่อยากเชื่อเช่นกัน จากนั้นก็ตั้งข้อสงสัย “แต่การจะได้เป็นจอมราชันย์ ผู้นั้นจะต้องมีดินแดนในปกครองหรือได้รับกระแสจิตปรารถนาจากผู้คนมากมายนับไม่ถ้วนไม่ใช่หรือ? แล้วยาเม็ดหนึ่งจะทำแบบนั้นได้อย่างไร?”


เพื่อให้ได้เป็นจอมราชันย์เต็มขั้น นักรบคนหนึ่งจะต้องได้การยอมรับจากผู้คนจำนวนมากมายเพื่อให้ได้มาซึ่งกระแสจิตปรารถนาอย่างไม่สิ้นสุด โดยกระแสจิตปรารถนาถือเป็นสิ่งสำคัญต่อการฝ่าด่านวรยุทธ


ยกตัวอย่าง เพื่อให้ได้เป็นจอมราชันย์ตัวจริง ปรมาจารย์ขงต้องท้าทายทั้ง 9 จอมราชันย์, ผ่านการดวลครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อให้ได้การยอมรับจากผู้คนในดินแดนต่างๆของสรวงสวรรค์


แล้วยาเม็ดหนึ่งที่ไม่ได้ผ่านกระบวนการแบบนั้นจะกลายเป็นจอมราชันย์ได้อย่างไร?


อ้าวเฟิงครุ่นคิดชั่วครู่ก่อนจะตอบว่า “อาจเป็นเพราะเราอยู่ในทะเลท่วมท้น ไม่ใช่สรวงสวรรค์”


“อยู่ในทะเลท่วมท้น ไม่ใช่สรวงสวรรค์” หลัวฉีฉีใคร่ครวญคำพูดนั้นครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า


ทะเลท่วมท้นเคยเป็นดินแดนหนึ่งของสรวงสวรรค์ แต่ก็แยกขาดจากกันแล้ว ดังนั้น กฎเกณฑ์ต่างๆที่เคยใช้ก็ย่อมเปลี่ยนไป


“ยิ่งไปกว่านั้น จอมราชันย์พิชิตสวรรค์ยังได้ฝ่าด่านวรยุทธที่นี่ก่อนจะกลับสู่สรวงสวรรค์เพื่อท้าทาย 9 จอมราชันย์ และในที่สุดก็ได้การยอมรับจากทั่วทั้งสรวงสวรรค์” อ้าวเฟิงพูด


“เพียงแต่ผมรู้สึกว่ามันออกจะแปลกๆ ช่องว่างของราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติกับจอมราชันย์นั้นห่างกันมาก ถึงขนาดที่ตลอดระยะเวลาแห่งประวัติศาสตร์ของสรวงสวรรค์ ผู้เดียวที่ก้าวข้ามช่องว่างนั้นได้ก็มีแต่จอมราชันย์พิชิตสวรรค์เท่านั้น ถึงอย่างไร ยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศก็เป็นแค่ยา จะทำแบบนั้นได้อย่างไร?”


ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ใจกลางทะเลสาบดาวหางก็คิดแบบเดียวกัน


แม้ด้วยวรยุทธระดับจางเซวียน เขาก็ยังไม่อาจสร้างใบหน้าขนาดใหญ่ให้ปรากฏกลางอากาศได้ ผู้ที่ทำได้จะต้องเป็นผู้ที่มีความเข้าใจอย่างล้ำลึกเรื่องกฎเกณฑ์แห่งมิติเท่านั้น


หรือว่า…ยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศฝ่าด่านวรยุทธสำเร็จแล้ว?

 

 

 


ตอนที่ 2327 ยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศ

 

สิ่งนี้คือวีรกรรมที่นักรบมากมายนับไม่ถ้วนเคยพยายามและล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ยาเม็ดหนึ่งกลับทำสำเร็จ!


“ไม่น่ะ คงไม่ใช่หรอก อาจเป็นเพราะสภาพแวดล้อมพิเศษในทะเลสาบดาวหางที่ทำให้มันทำแบบนั้นได้…”


จางเซวียนปล่อยการรับรู้จิตวิญญาณให้แผ่ซ่านออกไปโดยรอบ ไม่ช้าก็ล่วงรู้ความลับที่อยู่เบื้องหลังใบหน้าขนาดใหญ่


ไม่ใช่เพราะยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศได้เป็นจอมราชันย์ เพียงแต่มันฝังตัวอยู่ในทะเลสาบดาวหางมานานจนควบคุมพื้นที่บริเวณนี้ได้ทั้งหมด


ถ้าทะเลสาบดาวหางคือดินแดนหนึ่ง ยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศก็คือผู้ปกครองดูแล มันสามารถควบคุมพลังจิตวิญญาณในมิติแห่งนี้ให้อยู่ในรูปแบบใดก็ได้ตามแต่จะต้องการ


“แกอยากฆ่าฉันหรือ? อย่างน้อยที่สุด รักษาร่างของแกไว้ให้ได้เสียก่อนเถอะ ลำพังแค่เจตจำนงดวงนี้น่ะไม่น่าแข็งแกร่งพอให้ทำแบบนั้นได้หรอก” จางเซวียนพูดก่อนจะกระดิกนิ้วเบาๆ


ฟึ่บ!


ใบหน้าขนาดมหึมาที่อยู่กลางอากาศแหลกสลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย


“คุณ…”


ไม่ช้า ใบหน้าเดิมก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศอีกครั้ง มันจ้องจางเซวียนอย่างโกรธเกรี้ยว แต่ชายหนุ่มก็ทำให้มันแหลกสลายได้อย่างง่ายดายอีกครั้งด้วยการกระดิกนิ้ว ก่อนจะหันกลับไปง่วนกับการทำให้ดาวหางยอมจำนน


เป้าหมายหลักของเขาคือตามหายาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศและใช้มันฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นจอมราชันย์ให้ได้ ไม่ได้คิดจะใช้กำลัง


อีกอย่าง เท่าที่เขาได้ฟังจากอ้าวเฟิง ดูเหมือนยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศจะได้สังหารทั้งราชันย์เทพเจ้าและราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติไปจำนวนหนึ่งตลอด 2-3 ทศวรรษที่ผ่านมา


หลังจากที่จางเซวียนทำให้ใบหน้าขนาดมหึมาแหลกสลายไปถึง 2 ครั้ง มิติที่อยู่ในทะเลสาบดาวหางก็เริ่มบิดเบี้ยว สุดท้าย ร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งก็ปรากฏ เขามีหน้าตาเหมือนกับใบหน้าขนาดใหญ่ที่จางเซวียนได้เห็นเมื่อครู่ ดูดุดันและไม่มีผมสักเส้น


“คุณมันไอ้หนุ่มอวดดี ผมให้โอกาสคุณแล้วนะ อยากลองดีก็เอา!”


ฟึ่บ!


จางเซวียนพลันรู้สึกว่าร่างของเขาถูกพละกำลังบางอย่างพันธนาการไว้ ชายหนุ่มกำลังควบคุมสนามแรงโน้มถ่วงเพื่อสกัดกั้นการเคลื่อนไหวของเขา


อีกฝ่ายพุ่งเข้าใส่และปล่อยหมัดเพื่อเล่นงานจางเซวียน


“แกยังไม่ได้เป็นจอมราชันย์ตัวจริง…” จางเซวียนถอนหายใจอย่างโล่งอก


แม้ประสิทธิภาพการต่อสู้ของเขาจะเหนือชั้นกว่าราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติคนอื่นๆมาก แต่ก็ยังไม่อาจรับมือกับจอมราชันย์ตัวจริงได้


ยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศอาจเป็นผู้บงการและปกครองอาณาบริเวณทั่วทั้งทะเลสาบดาวหาง แต่ก็ยังห่างไกลจากการเป็นจอมราชันย์ ไม่อาจเข้าถึงพลังของสรวงสวรรค์หรือทะเลท่วมท้น ความแข็งแกร่งของมันจึงยังมีจำกัด


พูดอีกอย่างก็คือ ยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศไม่ถือว่าเป็นอันตรายร้ายแรงกับจางเซวียน


“ไป!” จางเซวียนสั่งการพร้อมกับโบกมือ


กลุ่มดาวหางที่ติดสอยห้อยตามเขาพุ่งฉิวออกไปราวกับมังกรตัวยาวที่กำลังผงาด มันตรงเข้าโจมตีชายหนุ่ม


การเข้าโจมตีอย่างกะทันหันของดาวหางจำนวนมากมายที่ถูกร่ายมนต์ใส่ทำให้เกิดการบีบอัดอย่างรุนแรงในมิติของทะเลสาบดาวหาง รอยแยกของมิติจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏทั่ว พลังฝ่ามือของชายหนุ่มหมดความหมายทันทีเมื่อเทียบกับพละกำลังจากการโจมตีของพวกมัน เขาพ่ายแพ้ยับเยิน


“คุณ…”


เป็นอย่างที่อ้าวเฟิงคิดไว้ ตอนแรก ยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มดาวหาง มันตั้งใจจะลอบโจมตีจางเซวียนโดยไม่ให้เขารู้ตัว แต่ไม่นึกไม่ฝันสักนิดว่าจะมีใครทำให้ดาวหางทุกดวงยอมจำนนได้อย่างรวดเร็วแบบนี้ และถึงกับใช้ดาวหางเล่นงานมันได้ด้วย


ยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศโมโหเสียจนแทบระเบิด แต่ในเวลาเดียวกัน ก็อดงุนงงสงสัยไม่ได้


นักรบระดับราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติสมัยนี้…เขาน่าสะพรึงกันขนาดนี้เลยหรือ?


ชายหนุ่มโมโหเดือด เขายกมือขึ้น แล้วแรงกระเพื่อมของมิติก็แผ่กระจายออกไปเป็นวงกว้าง กลุ่มดาวหางที่จางเซวียนยังไม่ได้จัดการให้ยอมจำนนพลันเปลี่ยนทิศทางและพุ่งเข้าหาจุดที่จางเซวียนยืนอยู่ทันที


แรงกดดันที่เพิ่มขึ้นอย่างปุบปับจากดาวหางจำนวนมากที่พุ่งเข้าใส่ทำให้จางเซวียนรู้สึกเหมือนเลือดในกายเย็นเฉียบ


แม้ด้วยความแข็งแกร่งของกายเนื้อและระดับวรยุทธของจิตวิญญาณที่เขามี ก็ไม่น่าต้านทานดาวหางเหล่านี้ได้ เขาอาจใช้กลุ่มดาวหางที่ทำให้ยอมจำนนแล้วเป็นโล่ป้องกันตัวได้ก็จริง แต่การลงทุนลงแรงทั้งหมดที่ผ่านมาก็จะสูญเปล่า


“ขอดูหน่อยเถอะว่าดาวหางที่แกควบคุมอยู่จะต้านทานดาบของฉันได้ไหม…”


จางเซวียนสูดหายใจลึก เขาชักดาบสวรรค์สีเลือดออกมา


จางเซวียนไม่ได้ใช้ดาบเล่มนี้อีกเลยนับตั้งแต่ที่กายเนื้อ ระดับวรยุทธของจิตวิญญาณ และระดับวรยุทธของพลังปราณของเขาเข้าถึงขั้นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติ ตอนนี้จึงได้เวลาทดสอบประสิทธิภาพการต่อสู้อีกครั้ง


เขาตั้งต้นขับเคลื่อนพลังปราณและเจตจำนงเพลงดาบเข้าสู่ดาบสวรรค์สีเลือด ดาบส่งเสียงครางอย่างตื่นเต้นที่คล้ายกับเสียงมังกรคำรามออกมาเมื่อได้รับการบ่มเพาะ


อ้าวเฟิงเข่าอ่อนและหน้าผากชุ่มเหงื่อเมื่อได้ยินเสียงจากดาบสวรรค์สีเลือด “นั่นคือแปดโน้ตมังกรสวรรค์…”


สำหรับจางเซวียน เสียงคำรามนั้นทำให้รู้สึกเหมือนทุกเซลล์ในร่างกายได้รับการบ่มเพาะจนกระชุ่มกระชวย เติมเต็มเขาด้วยพลังงานปริมาณมหาศาลไร้ขีดจำกัด


“ไปเลย!”


จางเซวียนตวาดก้อง เขาสำแดงศิลปะเพลงดาบขั้น 4 ของเวทนาสวรรค์ ปลดปล่อยกระแสดาบฉีที่มีลักษณะเหมือนลำธารแสงสีขาวออกมา


มันคือการโจมตีที่เปี่ยมด้วยความเศร้าสร้อยและความมุ่งมาดปรารถนา แต่ก็มีจิตวิญญาณเด็ดเดี่ยวอยู่ในนั้น


ในชั่วพริบตา กลุ่มดาวหางที่กำลังพุ่งเข้าใส่จางเซวียนก็ถูกฟันขาดครึ่งราวกับผืนผ้าที่ฉีกขาดออกจากกัน ดาวหางที่เหลือเพียงครึ่งก้อนพุ่งเฉียดจางเซวียนไป


แต่กระแสดาบฉีไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น มันตรงเข้าเล่นงานยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศ


ชายหนุ่มหน้าซีดเผือดเมื่อต้องเผชิญหน้ากับศิลปะเพลงดาบอันทรงพลัง เขาขยับไปด้านข้างเพื่อหลบกระแสดาบฉี แต่ราวกับกระแสดาบฉีจะมีโหมดตรวจจับติดตาม ไม่ว่าเขาพยายามหนีไปทางไหน ก็หลบไม่พ้น


แนวคิดของศิลปะเพลงดาบมีเศษเสี้ยวของความอับจนหนทาง มันคือความรู้สึกที่เกิดขึ้นเมื่อต้องประจันหน้ากับพละกำลังบางอย่างที่ไม่อาจหลบเลี่ยงได้ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน


มันคือผลของกรรมที่ไม่อาจหนีพ้น


“บ้าจริง!”


ชายหนุ่มสบถขณะยกแขนขึ้นรับกระแสดาบฉีที่พุ่งเข้าใส่


บึ้มมมม!


ทะเลสาบดาวหางกระเพื่อม รอยแยกแห่งมิติขนาดมหึมาถูกเปิดออก ชายหนุ่มกระเด็นถอยหลังไปหลายก้าวกว่าจะตั้งตัวได้ เขาอ้าปากหอบหายใจ


“เขาถูกตัดแขนหรือ?” อ้าวเฟิงแทบกัดลิ้นด้วยความตกใจ


แขนทั้งสองข้างของยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศถูกฟันจนขาดด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว!


หมอนั่นคือผู้ทรงพลังที่สุดในทะเลท่วมท้นนะ! ทำไมถึงลงเอยแบบนี้?


ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติแห่ง 9 น่านฟ้าจะน่าสะพรึงไปหน่อยไหม?


หลัวฉีฉีถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อเห็นภาพนั้น


“ฮึ่มมมม!” ยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศคำราม


สีหน้าเรียบเฉยของมันเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดเมื่อรู้ตัวว่าคู่ต่อสู้แข็งแกร่งกว่าที่คิดไว้มาก มันขับเคลื่อนพลังงานในร่างกายเข้าสู่หัวไหล่ ไม่ช้าแขนคู่ใหม่ก็งอกออกมา


ร่างมนุษย์ของมันคือร่างแปลง ทั้งแขนและขาไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากพลังงานในยา ถึงมันจะสูญเสียพลังไปมากจากการถูกตัดแขน แต่ก็ไม่ใช่บาดแผลที่จะรักษาไม่หาย


“ขอแค่ยังมีพลังงานจากฤทธิ์ยาอยู่ ต่อให้คุณตัดแขนขา หรือตัดหัวผมไป ทุกอย่างก็งอกใหม่ได้” ชายหนุ่มคำราม “จะบอกให้นะ ในตัวผมน่ะมีพลังงานมากพอที่จะทำแบบนี้ได้อีกเป็นสิบครั้ง ผมหวังแค่ให้คุณมีพลังงานมากพอที่จะสำแดงศิลปะเพลงดาบของคุณได้มากครั้งพอๆกับผมก็แล้วกัน ไม่อย่างนั้นล่ะก็ คุณถูกฉีกเป็นชิ้นๆแน่…”


ยังไม่ทันที่ยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศจะพูดจบ จางเซวียนก็ยกมืออย่างปุบปับ แล้วแขน 2 ข้างที่ถูกตัดก็ลอยไปหาเขา จางเซวียนเคาะเบาๆ แขนนั้นเปลี่ยนสภาพเป็นยาเม็ดที่มีขนาดเท่าเมล็ดงา ซึ่งเขากลืนลงไปโดยไม่ลังเล


ยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศแทบไม่เชื่อสายตา


นี่คุณ…เราอยู่ระหว่างการดวลแบบชี้เป็นชี้ตายนะ แต่คุณก็กินแขนของผมเข้าไปต่อหน้าต่อตา!


มันจะเกินไปแล้ว!


สิ่งนั้นอาจเป็นแค่แขน 2 ข้าง แต่ก็มีฤทธิ์ยาที่มาจากยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศ พลังงานในนั้นเข้มข้นถึงขนาดที่แม้จอมราชันย์ก็ยังต้องใช้เวลาซึมซับหลายวัน แต่อีกฝ่ายกลืนลงไปรวดเดียวทั้งที่ยังอยู่ระหว่างการดวล


หมอนั่นไม่กลัวท้องแตกตายหรือไง?


ยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศหน้าดำคร่ำเครียด มันยกมือขึ้นอีกครั้งเพื่อเล่นงานจางเซวียน


บึ้มมมมม!


กระแสดาบฉีอีกสายหนึ่งระเบิดออกมา แล้วแขน 2 ข้างของยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศก็ถูกฟันขาดอีกครั้ง ซึ่งก็เหมือนครั้งก่อน ไม่ว่ามันจะพยายามหลบหลีกแค่ไหน กระแสดาบฉีก็ไม่พลาดเป้า


“ฮะ?”


ยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศปล่อยพลังงานเข้าสู่หัวไหล่ทั้งสองข้างอีกครั้งเพื่อให้แขนงอกใหม่ แต่ทันทีที่เสร็จสิ้นกระบวนการและเงยหน้า ก็เห็นอีกฝ่ายเปลี่ยนแขนสองข้างที่ถูกตัดไปเมื่อครู่ให้กลายเป็นยาเม็ดหนึ่งและกลืนลงไปอีกรอบ


“…คุณ” ยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศแทบจะระงับอารมณ์ไม่ได้


นี่คุณเป็นพวกโรคจิตหรือเปล่า?


ใจคอจะตัดแขนผมและกินไปเรื่อยจนไม่เหลืออะไรให้ผมเลยใช่ไหม?


ผมเป็นยาเม็ดขั้นจอมราชันย์นะ!


ทุกอย่างเลวร้ายขึ้นอีกเมื่อยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศรับรู้ได้ว่าหลังจากที่กลืนกินแขนทั้ง 4 ข้างของมันเข้าไป ระดับวรยุทธของพลังปราณของคู่ต่อสู้ก็เพิ่มสูงขึ้นจากราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติขั้นต้นไปเป็นขั้นกลาง ซึ่งหากเป็นแบบนี้ต่อไป อีกฝ่ายก็มีแต่จะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ…


นี่ควรจะเป็นการต่อสู้แบบสมน้ำสมเนื้อ แต่ทั้งหมดที่คุณคิดก็ดูจะมีแค่การกินแขนของผมเท่านั้น


“อ๊ากกกกก! แก ไอ้สารเลว! ถ้าวันนี้ฉันไม่ฆ่าแก อย่ามาเรียกฉันว่ายาเม็ด!”


ยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศตวาดกร้าว มันรวบรวมพละกำลังทั้งหมดเข้าสู่ฝ่ามือและปล่อยพลังเข้าใส่จางเซวียน แต่ขณะที่การโจมตีกำลังจะถึงเป้าหมาย มันก็หรี่ตาและสบถออกมา “เวรแล้ว…”


คราวนี้ทั้งแขนและขาของมันถูกกระแสดาบฉีของอีกฝ่ายตัดเกลี้ยง


ซึ่งก็เหมือนคราวก่อน หมอนั่นรีบรวบรวมแขนขาของมันอย่างดีอกดีใจ จากนั้นก็เปลี่ยนสภาพให้กลายเป็นยาเม็ดก่อนจะกลืนลงคอ


ฟิ้ววววว!


ระดับวรยุทธของเขาเปลี่ยนเป็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติขั้นสูง


“คุณ…”


ยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศขนลุกขนชันไปทั้งตัว

 

 

 


ตอนที่ 2328 แบบนี้ยอมรับไม่ได้!

 

วันคืนอันยาวนานที่มันฝังตัวอยู่ในทะเลสาบท่วมท้นช่วยบ่มเพาะร่างกายของมันให้แข็งแกร่งขึ้นมาก มันมีโอกาสกักเก็บพลังงานที่มีอานุภาพทางยาไว้มากมาย แต่การสูญเสียแขนขาทั้ง 4 ไปก็ถือเป็นความเสียหายครั้งใหญ่


ยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศรวบรวมพลังจนเส้นเลือดที่หน้าผากปูดโปนเพื่อให้แขนขาทั้งหมดงอกออกมาอีกครั้ง แต่คราวนี้ รังสีที่มันแผ่ออกมาเบาบางกว่าครั้งก่อนมาก


“เผ่นสิ!”


เมื่อรู้แล้วว่าสู้จางเซวียนไม่ได้ ยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศกลายร่างกลับเป็นยาเม็ดทันทีก่อนจะรีบหลบเข้าไปในรอยแยกแห่งมิติ


“ฮะ?”


นึกไม่ถึงว่ายาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศจะเผ่นหนีทันทีที่รู้ตัวว่าเอาชนะไม่ได้ จางเซวียนรีบกวัดแกว่งดาบอีกครั้ง


ฟึ่บ!


แขนกับขาอีกอย่างละคู่ปลิวออกมาจากรอยแยกแห่งมิติก่อนที่รอยแยกนั้นจะสมานตัว แต่ยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศหายวับไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว


“ปัดโธ่ มันไปแล้ว…” จางเซวียนเดาะลิ้นอย่างหงุดหงิด


ลงท้าย ยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศก็ยังได้เปรียบเมื่ออยู่ในสมรภูมิทะเลสาบดาวหางที่เป็นบ้านของมัน โครงสร้างของมิติที่นี่มีความซับซ้อนละเอียดอ่อนบางอย่างที่จางเซวียนไม่คุ้นเคย แต่อีกฝ่ายรู้จักดี ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องจริงก็คือยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศแข็งแกร่งกว่าเขา การที่จางเซวียนจะยับยั้งไม่ให้มันหนีไปจึงเป็นเรื่องยาก


แต่ด้วยการซึมซับแขนและขาของยาเม็ด ระดับวรยุทธของจางเซวียนก็เพิ่มขึ้นอีกครั้ง ตอนนี้เขาได้เป็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติขั้นสูงสุดแล้ว


จางเซวียนใช้เวลาอีก 1 ชั่วโมงทำให้ดาวหางยอมจำนนก่อนจะเก็บพวกมันไว้ในแหวนเก็บสมบัติ จากนั้นก็กลับมาหาอ้าวเฟิงกับหลัวฉีฉี


“ผู้อาวุโสจาง คราวนี้เราจะไปไหนต่อ?”


อ้าวเฟิงคิดว่าการต่อสู้เมื่อครู่นี้คงจะโหดเหี้ยมและลงเอยด้วยความพ่ายแพ้ของจางเซวียน ใครจะไปคิดว่าชายหนุ่มจะเอาชนะยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศได้ง่ายดายขนาดนั้น?


เขาเริ่มรู้สึกตะหงิดๆว่าในโลกนี้ไม่น่ามีอะไรยับยั้งจางเซวียนได้


“เอ่อ เราจะไป…”


ขณะที่จางเซวียนกำลังจะพูดต่อ มิติที่อยู่รอบตัวพวกเขาก็กระตุกเล็กน้อย จากนั้น ลำแสงเจิดจ้าซึ่งมีพลังงานมหาศาลขนาดที่ทำให้ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติต้องตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวก็ระเบิดออกมา


ในชั่วพริบตา ทั่วทั้งท้องฟ้าก็ถูกปกคลุมด้วยลำแสงเจิดจ้า


“ของล้ำค่าในตำนานปรากฏแล้ว!”


ปรากฏการณ์นี้ดึงดูดความสนใจของทุกคนที่อยู่ในทะเลสาบท่วมท้นทันที


พลังงานมหาศาลที่ปะทุขึ้นโดยไม่ได้มีสาเหตุจากการต่อสู้-นั่นหมายความได้เพียงอย่างเดียว คือของล้ำค่าในตำนานปรากฏแล้ว!


ดูจากพลังงานที่มันแผ่ออกมา มันน่าจะล้ำค่าเหนือชั้นกว่ายาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศเสียอีก!


“ในการไหลบ่าของพลังจิตวิญญาณคราวก่อน มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นไหม?” จางเซวียนถาม


อ้าวเฟิงที่ยังคงจังงังส่ายหน้า


ในทะเลท่วมท้นมีทรัพย์สมบัติล้ำค่ามากมายนับไม่ถ้วนซุกซ่อนอยู่ แต่เขาไม่เคยเห็นชิ้นไหนระเบิดพลังงานที่น่าสะพรึงได้ขนาดนี้


“ไปดูกันเถอะ!”


ทั้ง 3 รีบบินไป ไม่ช้าก็ถึงเป้าหมาย


ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ทั้งราชันย์เทพเจ้าและราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติที่เข้าสู่ทะเลท่วมท้นเกิดความหวาดระแวง พวกเขามาออกันอยู่โดยรอบ แต่ละคนจับจ้องจุดที่เกิดการระเบิดของพลังจิตวิญญาณอย่างรุนแรงที่สุดด้วยความตื่นเต้น


สายตาของคนเหล่านั้นจ้องเขม็งที่ใบบัวสีมรกตขนาดมหึมาที่ดูราวกับแกะสลักขึ้นจากหยก มันลอยตัวอยู่กลางอากาศและปลดปล่อยลำแสงเจิดจ้างดงาม


“นี่มัน…ใบบัวนั่นจะต้องทรงพลังขนาดไหน? ระดับขั้นของมันสูงเกินกว่าที่พวกเราจะรับมือได้! หากเราได้มันมาและนำไปมอบให้จอมราชันย์ จะต้องได้รับรางวัลตอบแทนอย่างงามแน่!”


“จริงด้วย จอมราชันย์คงรับพวกเราเป็นศิษย์สายตรงและมอบตำแหน่งทรงเกียรติให้เราโดยไม่ลังเล หากได้ใบบัวนี้ไป เราจะมีสถานภาพสูงส่งขึ้นอีกมาก…”


ทุกคนจับจ้องใบบัวด้วยแววตารุ่มร้อนขณะจินตนาการถึงความเป็นไปได้มากมายนับไม่ถ้วนที่จะเกิดขึ้นหากได้ใบบัวนี้ไป


ไม่มีใครรู้ว่าใบบัวนี้มาจากไหน หรือแท้ที่จริงแล้วมันคืออะไรกันแน่ แต่พลังจิตวิญญาณที่อยู่ในนั้นมีมากมายมหาศาลเสียจนใครก็ตามที่ได้ซึมซับมันเข้าไป, ต่อให้เป็นถึงจอมราชันย์ ก็ย่อมมีพละกำลังเพิ่มขึ้นอีกมาก


ระหว่างที่ฝูงชนกำลังแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติคนหนึ่งก็สังเกตเห็นจางเซวียนกับพรรคพวก “ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติอ้าวเฟิง!”


“อ้าวเฟิง? คุณหมายถึงราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติแห่งน่านฟ้ามังกรเมฆหรือ?”


“รู้แล้วยังจะถามอีก! จะเป็นใครอื่นได้นอกจากเขา?”


จางเซวียนประหลาดใจที่พบว่าอ้าวเฟิงที่แสนจะเหยาะแหยะนั้น แท้ที่จริงได้รับความเคารพยกย่องอย่างสูงในหมู่ราชันย์เทพเจ้าและราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติด้วยกัน นักรบสาวส่วนใหญ่ที่อยู่ตรงนั้นก็มองเขาด้วยสายตานิยมชมชอบ


กลับกลายเป็นว่าราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติแห่งน่านฟ้ามังกรเมฆคือคู่ครองในฝันของสาวๆหลายคนเพราะสายเลือดที่ทรงพลังและสูงส่งของพวกเขา มีหญิงสาวมากมายที่ยิ่งกว่าเต็มใจจะแต่งงานด้วย ก็เพราะเหตุนี้ ทายาทของสายเลือดมังกรจึงกระจัดกระจายกันอยู่มากมายทั่วโลก


“ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติลั่วหยิง! ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติไป๋จื่อ! ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติหลิวเหยียน…” อ้าวเฟิงทักทายทีละคนด้วยมาดสุภาพบุรุษ


“ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติอ้าวเฟิงน่าจะมาที่นี่เพราะรังสีของทรัพย์สมบัติล้ำค่านั้นเหมือนกัน! ว่าแต่…สหายทั้งสองคนของคุณเป็นใคร?” ผู้อาวุโสคนหนึ่งตั้งคำถามขณะมองจางเซวียนกับหลัวฉีฉีด้วยความสงสัย


“พวกเขาคือราชันย์เทพเจ้าจางเซวียนกับราชันย์เทพเจ้าหลัวฉีฉี…”


อ้าวเฟิงตั้งใจจะแนะนำทั้งคู่อย่างเป็นทางการ แต่จางเซวียนถลึงตาใส่เขาเสียก่อน รู้ดีว่าชายหนุ่มคงไม่อยากเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง เขาจึงแนะนำแบบเรียบง่ายแทน


ผู้อาวุโสพยักหน้าก่อนประสานมือทักทาย “คารวะราชันย์เทพเจ้าจางเซวียนกับราชันย์เทพเจ้าหลัวฉีฉี น่าทึ่งเหลือเกินที่คุณทั้งคู่ประสบความสำเร็จขนาดนี้ทั้งที่อายุยังน้อย ดูเหมือนยุคสมัยจะเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ…”


ข่าวที่จางเซวียนสังหารราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติไป๋เย่ฉิงหงแห่งน่านฟ้าหลิงหลงแพร่สะพัดไปทั่วทั้ง 9 น่านฟ้า ทุกคนในทะเลสาบท่วมท้นรู้เรื่องนี้ มีบางคนถึงกับบันทึกเหตุการณ์ในวันนั้นไว้ด้วย


พวกเขาประเมินเหตุการณ์ครั้งนี้ว่าชายหนุ่มเก่งกาจถึงขนาดสังหารราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติได้จริงๆ แม้พละกำลังของเขาจะมาจากของล้ำค่าเป็นส่วนใหญ่ แต่นั่นก็เกินพอที่จะทำให้เขากลายเป็นผู้มีอำนาจคนหนึ่งในสรวงสวรรค์ ดังนั้น ไม่เป็นศัตรูกับอีกฝ่ายย่อมดีกว่า


ด้วยเหตุนี้ จึงไม่มีใครกล้าทำตัวไม่สุภาพกับเขา


“คุณก็เกรงอกเกรงใจเกินไป!” จางเซวียนกล่าวตอบรับคำทักทาย


แต่ผู้อาวุโสกลับขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจกับทีท่าของจางเซวียน เขารู้สึกว่าชายหนุ่มออกจะหลงตัวเองเกินไป


อันที่จริง ผู้อาวุโสได้ดูบันทึกภาพการต่อสู้ระหว่างจางเซวียนกับไป๋เย่ฉิงหงแล้ว และรู้สึกว่าต่อให้เขาเองก็ทำแบบเดียวกันได้ด้วยอาวุธที่ได้รับจากจอมราชันย์ เพียงแต่อาจต้องใช้ความพยายามมากกว่ากันสักหน่อย


พูดง่ายๆก็คือ พละกำลังของตัวเขากับจางเซวียนถือว่าทัดเทียมกัน และหากตัดของล้ำค่าออกไป ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าตัวเขาคือผู้แข็งแกร่งกว่า


แล้วทำไมชายหนุ่มถึงวางท่าราวกับตัวเองใหญ่โตเสียเหลือเกิน!


ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติคนอื่นๆที่ออกันอยู่ไม่ได้พูดอะไร แต่ทุกคนก็ขมวดคิ้วอย่างไม่ค่อยเห็นด้วยกับท่าทีของจางเซวียน


การที่รุ่นน้องไม่ทักทายรุ่นพี่ก่อนก็ถือว่าหยาบคายมากแล้ว แต่กิริยาของชายหนุ่มหนักข้อกว่านั้นเสียอีก


“ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติหลิวเหยียน…”


อ้าวเฟิงกำลังจะอ้าปากอธิบาย ก็พอดีกับที่ผู้อาวุโสโบกมือและพูดว่า “เอาล่ะ เลิกมีพิธีรีตองกันเสียที ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติอ้าวเฟิง, ในเมื่อคุณอยู่ที่นี่แล้ว ผมเชื่อว่าคุณก็คงหมายตาใบบัวนั้นเหมือนกัน ในเมื่อพวกเราคิดแบบเดียวกัน ทำไมถึงไม่ผนึกกำลังกันล่ะ?”


“ผนึกกำลัง” อ้าวเฟิงขมวดคิ้ว


“ใช่ พวกเราล้วนเป็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติรุ่นเก๋าที่เอาชีวิตรอดจากการไหลบ่าของพลังจิตวิญญาณครั้งก่อนมาได้ อีกทั้งแต่ละคนก็มีวิธีการเฉพาะของตัวเอง แม้อาจจะเกินไปสักหน่อยหากจะพูดว่าประสิทธิภาพการต่อสู้ของพวกเราเป็นเลิศ แต่ผมก็เชื่อว่าพวกเราไม่น้อยหน้าใคร พวกเราได้รับคำสั่งจากจอมราชันย์ให้นำทรัพย์สมบัติในทะเลท่วมท้นกลับไปที่น่านฟ้าของตัวเอง ซึ่งก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าของล้ำค่าที่มีมูลค่าสูงสุดในทะเลท่วมท้นก็คือใบบัวที่อยู่ตรงหน้า หากเรานำมันกลับไปได้ ก็จะได้รับการตบรางวัลอย่างงามจากจอมราชันย์” ผู้อาวุโสที่ถูกเรียกขานว่าราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติหลิวเหยียนพูด


อ้าวเฟิงพยักหน้า


แม้ไม่มีใครในหมู่พวกเขาที่นำใบบัวไปใช้ได้ แต่มันจะมีประโยชน์มากหากนำไปมอบให้จอมราชันย์


“ไม่ทราบว่าคุณรู้เรื่องราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติคนล่าสุดแห่งน่านฟ้าตะวันแผดเผาของเราหรือยัง, เจิ้งหยาง?”


“รู้แล้ว” อ้าวเฟิงตอบ “ไม่มีทางที่ผมจะไม่รู้เรื่องของเขา”


“เจิ้งหยางเป็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติแห่งน่านฟ้าตะวันแผดเผาของเรา เย่อหยิ่งและหลงตัวเองมาก เขาไม่เคารพราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติรุ่นเก๋าอย่างพวกเราสักนิด อันที่จริง เขารวมกลุ่มเป็นพันธมิตรกับราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติรุ่นเยาว์คนอื่นๆของอีกหลายน่านฟ้า พวกนั้นร่วมมือกันฉกฉวยทรัพยากรล้ำค่าในทะเลท่วมท้นที่พวกเราเป็นผู้ค้นพบไป…”


ยิ่งราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติหลิวเหยียนร่ายยาวมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งโมโหเดือดขึ้นเรื่อยๆ


“เขาฉกฉวยทรัพยากรของคุณไป?” อ้าวเฟิงชะงัก


ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติคนหนึ่งในกลุ่มคำรามเกรี้ยวกราด “ใช่! ผมพบหญ้าสกัดกั้นพลังหยางที่จะเป็นประโยชน์อย่างมากกับจอมราชันย์จัวหยาง แต่เขาก็บินเข้าสู่อาณาจักรโบร่ำโบราณและคว้าไปครอบครอง ไม่เปิดโอกาสให้พวกเราเลยสักนิด!”


ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติอีก 2 คนเสริมด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดอย่างหนัก


“ผมก็เหมือนกัน! ผมลำบากลำบนแทบตายกว่าจะพบหินต้นกำเนิดท้องทะเล แต่ใครสักคนที่น่าจะเป็นศิษย์น้องของเขาก็บุกเข้าไปที่นั่นและแย่งมันไปต่อหน้าต่อตา พวกเขาไม่เห็นหัวพวกเราเลย!”


“ผมก็โดน เพียงเพราะพวกนั้นแข็งแกร่งกว่าไม่เท่าไหร่ ก็เลยไม่ไว้หน้าพวกเรา แบบนี้ยอมรับไม่ได้!”

 

 

 


ตอนที่ 2329 ผมไม่ได้กลัว แต่…

 

พวกเขารับใช้จอมราชันย์มาเนิ่นนาน มีผลงาน ความดีความชอบ และมีส่วนทำให้น่านฟ้าของพวกเขาเจริญเติบโต แต่แทนที่จะรับพวกเขาเป็นศิษย์สายตรง เหล่าจอมราชันย์กลับเลือกบ่มเพาะนักรบรุ่นเยาว์กลุ่มหนึ่งแทน จะให้เห็นดีเห็นงามกับเรื่องนี้ได้อย่างไร?


แต่เพราะเป็นการตัดสินใจของจอมราชันย์ พวกเขาก็ได้แต่กล้ำกลืนความเคียดแค้นและความช้ำใจเอาไว้ แสร้งทำเป็นยอมรับได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น


แต่ราวกับเท่านั้นยังเลวร้ายไม่พอ เจ้าเด็กพวกนั้นก็กลับกลายเป็นวายร้ายที่วางตัวโอหังและทำอะไรตามอำเภอใจ!


พวกนั้นกวาดของล้ำค่าไปหมดทุกชิ้น ไม่เหลืออะไรไว้ให้พวกเขาเลย หากพวกเขากลับไปมือเปล่า จอมราชันย์จะไม่คิดหรือว่าพวกเขาไร้ประโยชน์?


ซึ่งหากเป็นอย่างนั้น ตำแหน่งของพวกเขาคงง่อนแง่นเต็มทีเมื่อกลับไป จอมราชันย์อาจหาคนใหม่มาแทนที่ก็ได้!


ก็เพราะเหตุนี้ ทุกคนจึงรีบมารวมตัวกันเมื่อเห็นการปรากฏของใบบัว


“พวกเรา, เหล่าราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติรุ่นเก๋า จะต้องรวมตัวกันเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของพวกเราเอง หากเราได้ใบบัวนั้นมาและได้มอบให้จอมราชันย์ นั่นจะพิสูจน์ได้ว่าเราไม่ได้อ่อนแอกว่าราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติรุ่นเยาว์พวกนั้น!” ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติหลิวเหยียนประกาศ


“หากเราปล่อยให้เด็กเมื่อวานซืนตัดหน้า ต่อไปคงลำบากแน่ พวกนั้นจะกดขี่เราเสียจนไม่มีวันเงยหน้าอ้าปากได้อีก เราจะสูญเสียแม้แต่ศักดิ์ศรีเสี้ยวสุดท้ายที่มี! เอาล่ะ อ้าวเฟิง, คุณมีความเห็นต่อเรื่องนี้อย่างไร?”


“ผม…”


อ้าวเฟิงไม่คิดว่าจะถูกตั้งคำถามปุบปับแบบนี้ เขาหันไปสบตาจางเซวียนเพื่อขอความเห็น


อ้าวเฟิงดูออกจากการเฝ้ามองปฏิกิริยาของจางเซวียนเมื่อครู่ว่าเขามีความสนิทสนมกับเจิ้งหยางและพรรคพวก จึงรู้สึกว่าการต่อสู้ครั้งนี้ไม่น่าจะมีหวัง เหล่าราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติรุ่นเก๋าจะต้องพบกับความพ่ายแพ้ย่อยยับอย่างที่อาจไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าแพ้เพราะอะไร


เพราะนอกจากจางเซวียนจะมีพละกำลังมากพอที่จะเอาชนะยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศ เจิ้งหยางกับพรรคพวกก็ยังหนักหนาสาหัสเกินกว่าที่เหล่าราชันย์เทพเจ้ารุ่นเก๋าจะรับมือไหว


เขาเคยสู้กับพวกนั้นครั้งหนึ่ง และรู้ตัวดีว่าอยู่กันคนละชั้น


มารวมตัวกันต่อหน้าราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติแห่ง 9 น่านฟ้าแบบนี้…


พวกเขากล้าหาญ หรือเบื่อชีวิตเต็มที?


“อะไรกัน คุณไม่กล้าสู้กับพวกนั้นหรือ?” ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติหลิวเหยียนคำรามเยาะเมื่อเห็นความลังเลของอ้าวเฟิง “ก็แค่สู้กันเพื่อแย่งใบบัว ต่อให้ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติรุ่นเยาว์พวกนั้นจะโมโหที่ต้องพ่ายแพ้ ก็แล้วจะทำอะไรเราได้? ในฐานะมังกรเลือดบริสุทธิ์จากน่านฟ้ามังกรเมฆ คุณไม่สมควรจะกลัวหัวหดแบบนี้นะ”


“ผมไม่ได้กลัว แต่…” อ้าวเฟิงตอบอย่างลังเล


“คุณไม่กลัวก็ดีแล้ว เป็นอันตกลงเรื่องนี้ก็แล้วกัน!” ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติหลิวเหยียนไม่ยอมปล่อยอ้าวเฟิง จากนั้นก็หันไปถามจางเซวียนกับหลัวฉีฉี “คุณสองคนจะว่าอย่างไร?”


“พวกเราขอผ่าน” จางเซวียนตอบ


“ช่างเถอะน่ะ เขาก็มีดีแค่ของล้ำค่าเท่านั้น ผมเชื่อว่าหากต่อสู้กันจริงๆ เขาก็ช่วยอะไรพวกเราได้ไม่มากหรอก ส่วนหลัวฉีฉี ผมไม่เคยแม้แต่ได้ยินชื่อของเธอด้วยซ้ำ แถมยังไม่ได้เป็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติ ต่อให้มารวมกลุ่มกับพวกเรา ผมก็ไม่คิดว่าทั้งคู่จะทำอะไรได้”


“เด็กเมื่อวานซืน 2 คนจะมีปัญญาสู้กับราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติได้อย่างไร?”


…..


ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติคนอื่นๆไม่แยแสการปฏิเสธของจางเซวียน


ขณะที่พวกเขายังพูดคุยกัน จู่ๆราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติหลิวเหยียนก็อุทานออกมา “พวกนั้นมาแล้ว!”


เกิดคลื่นรบกวนของมิติอยู่ไกลๆ แต่เมื่อเพ่งดูให้ดี ก็จะเห็นร่างหนึ่งพุ่งปราดเข้ามาด้วยความเร็วอย่างเหลือเชื่อ


อีกฝ่ายเป็นสาวน้อยร่างสูงและบอบบางพร้อมดาบในมือ ท่วงท่าของเธอสง่างามและทรงอำนาจ


“ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติจ้าวหย่า…”


เมื่อเห็นใบหน้าของผู้ที่กำลังพุ่งเข้ามา นัยน์ตาของราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติหลัวเหยียนพลันแดงก่ำด้วยความโกรธเกรี้ยว


แม่สาวคนนี้ตัดหน้าเขา คว้าเอาของล้ำค่าที่เขาหมายตาไว้ไป


ฟึ่บ!


ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติหลัวเหยียนชูดาบและชี้ไปที่สาวน้อยซึ่งอยู่กลางอากาศ “จ้าวหย่า, ผมรู้ว่าคุณมีพละกำลังเหนือกว่า แต่พวกเราเหล่าราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติรุ่นเก๋าได้รวมตัวเป็นพันธมิตรกันแล้ว ถอยไปเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นจะเดือดร้อน”


จ้าวหย่าตวัดสายตามองราชันย์เทพเจ้าหลัวเหยียนแวบหนึ่งก่อนจะเบือนหน้าไป ไม่แยแสคำพูดของอีกฝ่าย เธอพุ่งเข้าหาใบบัวด้วยสีหน้าเรียบเฉย


เห็นจ้าวหย่าตั้งใจถือกรรมสิทธิ์ในใบบัวโดยไม่เกรงใจใคร เหล่าราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติรีบชักอาวุธออกมาก่อนจะกระโจนเข้าขวางทาง


ตลอดสองสามวันที่ผ่านมา จ้าวหย่าสร้างชื่อเสียงโด่งดังในฐานะหนึ่งในราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติที่แข็งแกร่งที่สุดในสรวงสวรรค์ พวกเขามั่นใจว่าหากผนึกกำลังกันก็น่าจะเอาชนะเธอได้ แต่ก็รู้ดีว่าถ้าการต่อสู้ปะทุขึ้นจริงๆ ก็คงไม่มีทางที่จะรอดพ้นกลับมาโดยไม่บาดเจ็บ


แถมการรวมตัวเป็นพันธมิตรกันครั้งนี้ก็ใช่ว่าจะไว้ใจได้ เพราะมันไม่ใช่การรวมตัวกันอย่างเป็นทางการ และผลประโยชน์ก็ไม่เข้าใครออกใคร ไม่มีใครรู้เลยว่าเมื่อไหร่ที่สมาชิกสักคนจะทรยศ


ดังนั้น พวกเขาจึงหวังแค่จะขู่เธอให้หวาดกลัวจนต้องถอย ไม่ได้อยากให้เกิดการต่อสู้ขึ้นจริงๆ


“คุณคิดจะขวางทางฉันหรือ?” จ้าวหย่าลดสายตาที่เปี่ยมอำนาจลงมามองคนเหล่านั้น


เส้นผมดำขลับของเธอตัดกับชุดเกราะเงินที่สวม ดูราวกับเทพธิดาแห่งสงครามผู้เก่งกล้า


ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติลั่วหยิงคำราม “มันก็เป็นการแข่งขันที่ยุติธรรมดีอยู่แล้วนี่, ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติจ้าวหย่า”


“ฉันไม่มีเวลาจะเสียกับพวกคุณ!” จ้าวหย่าโบกมืออย่างไม่แยแสขณะรุดหน้าต่อไป


“บังอาจ!”


“คุณกล้าดีอย่างไร!”


“ดูเหมือนคุณจะไม่เห็นหัวพวกเราเลยจริงๆ!”


ทั้งที่พวกเขาเปิดเผยเจตจำนงชัดเจนแล้ว แต่สาวน้อยก็ยังดึงดันจะผ่านไปให้ได้ หลิวเหยียนกับราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติคนอื่นๆโมโหเดือดขึ้นมาทันทีและเริ่มเปิดการโจมตี


พวกเขาผนึกกำลังกัน จากนั้นก็สร้างปราการขนาดมหึมาที่ทำจากพลังปราณขึ้นมาอย่างรวดเร็วเพื่อสกัดกั้นจ้าวหย่า


พละกำลังทำลายล้างที่ไหลเวียนอยู่ในปราการนั้นทรงพลังเสียจนไม่มีนักรบคนไหนจะไม่รู้สึกจนปัญญาหากต้องเผชิญหน้า ใครก็ตามที่อาจหาญรุกล้ำปราการจะต้องบาดเจ็บสาหัสหรือแม้แต่เสียชีวิต!


จ้าวหย่าขมวดคิ้วเมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม เธอเงื้อดาบแล้วฟันฉับลงไปบนปราการ


บึ้มมมม!


ปราการนั้นฉีกขาดออกจากกันก่อนจะสลายตัวไป แรงตีกลับบีบให้ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติรุ่นเก๋าต้องถอยไปหลายสิบก้าว พวกเขาหน้าซีดเผือดด้วยความพรั่นพรึงขณะจับจ้องสาวน้อยที่อยู่กลางอากาศอย่างไม่อยากเชื่อ


ทุกคนรู้อยู่แก่ใจว่าเธอคือคู่ต่อสู้ที่รับมือด้วยได้ยาก แต่คิดไม่ถึงว่าจะทรงพลังขนาดนี้!


เธอพัฒนาตัวเองจนถึงขั้นทำลายปราการที่พวกเขาสร้างขึ้นได้อย่างง่ายดาย


“อ้าวเฟิง รีรออะไรอยู่? จัดการสิ!” ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติหลิวเหยียนตวาดอย่างร้อนใจ


แต่ยังไม่ทันจะพูดจบ จ้าวหย่าก็ร่อนลงมายังจุดที่อ้าวเฟิงกับคนอื่นๆยืนอยู่ เธอทรุดตัวลงคุกเข่ากับพื้น นัยน์ตาแดงก่ำ


“ศิษย์อกตัญญูจ้าวหย่าคารวะท่านอาจารย์!”


“ศิษย์?”


“ท่านอาจารย์?”


เงียบกริบ


ทุกคนงุนงงจนพูดไม่ออก


ก็เพราะผู้ที่จ้าวหย่ากำลังคุกเข่าให้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากราชันย์เทพเจ้าจางเซวียนที่พวกเขาเพิ่งเหน็บแนมไปเมื่อครู่ ไม่เพียงเท่านั้น เธอดูตื่นเต้นจนร่างสั่นสะท้านไม่หยุด น้ำตาปริ่มขอบตา


ไม่มีใครคาดคิดว่าสาวน้อยผู้อาจหาญคนนี้จะมีด้านอ่อนแอด้วย


มันเกิดอะไรขึ้น?


นี่หมายความว่าราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติจ้าวหย่าผู้แสนจะกล้าแกร่งและมีพละกำลังเหนือมนุษย์เป็นศิษย์ของราชันย์เทพเจ้าจางเซวียนหรือ?


แต่เขาเป็นแค่นักปรุงยานี่?


กลายเป็นท่านอาจารย์ของจ้าวหย่าตั้งแต่เมื่อไหร่?


บึ้มมมม!


ขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึง เสียงระเบิดดังสนั่นจนแสบแก้วหูก็ดังกึกก้องไปทั่วขณะที่วัยรุ่นอีก 10 คนบินตรงเข้ามา


“เวรละ แบบนี้แย่แน่ นั่นคือเจิ้งหยางกับพรรคพวก!”


“พวกเขาร่วมมือกันจริงๆหรือ? แบบนี้ก็พังสิ…”


เห็นร่างที่กำลังพุ่งตรงเข้ามา เหล่าราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติรุ่นเก๋าพากันถอยกรูดด้วยความกังวลใจ เมื่อคิดได้ว่าวัยรุ่นทั้ง 10 คนนี้คงมาไล่ล่าพวกเขาหลังจากได้รู้เรื่องการรวมตัวกันเป็นพันธมิตร ทุกคนก็ชูอาวุธขึ้นคุ้มกันตัวเองทันที


แต่สิ่งที่พวกเขาคิดไว้ไม่ได้เกิดขึ้น


วัยรุ่นทั้ง 10 คนร่อนลงมาอยู่ข้างจ้าวหย่า ทุกคนนัยน์ตาแดงก่ำ พวกเขาทรุดตัวลงคุกเข่ากับพื้น จากนั้นก็โค้งคำนับอย่างจริงใจด้วยความเคารพสูงสุด


“ศิษย์อกตัญญูเจิ้งหยางคารวะท่านอาจารย์…”


“ศิษย์อกตัญญูหลิวหยางคารวะท่านอาจารย์…”


…..


เสียงของพวกเขาดังกึกก้อง กระตุกหัวใจของเหล่าราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติรุ่นเก๋า


“ทุกคน…คือศิษย์สายตรงของราชันย์เทพเจ้าจางเซวียนหรือ?”


“แต่พวกนั้นเป็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติที่แข็งแกร่งที่สุดในสรวงสวรรค์นะ, นักรบที่หกจอมราชันย์บ่มเพาะด้วยมือของตัวเอง จะเป็นศิษย์สายตรงของราชันย์เทพเจ้าจางเซวียนได้อย่างไร?”


“สวรรค์โปรด คุณช่วยหยิกผมแรงๆได้ไหม? ผมจะได้ตื่น…โอ๊ย! ทำอะไรน่ะ เจ้าโง่?”


ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติหลิวเหยียนกับคนอื่นๆแทบเสียสติ


ตลอดชีวิตอันยาวนานของพวกเขา ไม่มีใครเคยเจอเรื่องเหลวไหลแบบนี้มาก่อน


ลำพังจ้าวหย่า เจิ้งหยาง และคนอื่นๆก็ทรงพลังอย่างเหลือเชื่ออยู่แล้ว แต่นี่ทุกคนยังเป็นศิษย์อาจารย์เดียวกันอีก แถมเลวร้ายหนักกว่าเดิมตรงที่ท่านอาจารย์ของพวกเขาก็คือราชันย์เทพเจ้าที่พวกเขาเพิ่งดูหมิ่นดูแคลนไปเมื่อครู่!


ทุกอย่างดูจะไปไกลจนเกินควบคุมแล้ว…


“เมื่อครู่นี้…พวกเราดูหมิ่นเหยียดหยามเขาใช่ไหม?”


“หากกลับไปทำดีกับเขาตอนนี้ จะสายไปหรือยัง? มีอะไรที่พวกเราพอจะทำเพื่อแก้ไขสถานการณ์ได้บ้าง?”


ทุกคนรู้สึกเหมือนน้ำตาปริ่มๆจะไหล


ก่อนหน้านี้ ตอนที่ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติอ้าวเฟิงแนะนำอีกฝ่าย พวกเขาก็ไม่ได้คิดอะไรมาก อันที่จริง หลายคนมองว่าเขาคือคนหนุ่มที่หลงตัวเองด้วยซ้ำ


แต่เมื่อคิดดูอีกที พวกเขาต่างหากที่หลงตัวเอง


นอกจากพละกำลังที่อีกฝ่ายมี ลำพังข้อเท็จจริงที่ว่าเขามีศิษย์สายตรงผู้ทรงพลังเหลือล้นอยู่มากมาย ก็บ่งบอกชัดแล้วว่าต่อให้พวกเขาต้อนรับอีกฝ่ายด้วยพิธีการระดับสูงสุด ก็ยังไม่ถือว่าเกินเลย!


ถ้าพวกเขาปฏิบัติต่อชายหนุ่มให้ดีกว่านี้ ก็น่าจะยังพอมีช่องทางไกลเกลี่ยบ้าง


แต่น่าเสียดายที่ทุกคนปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือไปเสียแล้ว ไม่อาจแก้ไขอะไรได้ทั้งนั้น

 

 

 


ตอนที่ 2330 ใบบัว 9 น่านฟ้า?

 

ส่วนจางเซวียน เมื่อเห็นบรรดาศิษย์สายตรงของเขาเติบโตขึ้นมากตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา ก็พยักหน้าอย่างพอใจและพูดว่า “ลุกขึ้นเถอะ!”


เด็กๆไม่ทำให้เขาผิดหวัง เวลาหลายปีที่เขาใช้ไปกับการสั่งสอนและให้คำชี้แนะไม่ได้สูญเปล่า


“ท่านอาจารย์ ผมรู้มาว่าในทะเลท่วมท้นแห่งนี้มีผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลังมากคนหนึ่งซึ่งใช้ชื่อว่าราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติแห่ง 9 น่านฟ้า คุณได้พบเขาหรือยัง?” เจิ้งหยางถามขณะเก็บหอกไว้แนบลำตัว


“มีอะไรหรือ?” จางเซวียนถามพร้อมกับขมวดคิ้ว


“ตลอดสองสามวันมานี้ ผมได้ฟังจากบรรดาจอมราชันย์ว่าเขาทรงพลังขนาดไหน จึงอยากท้าดวลกับเขาเพื่อพิสูจน์ชื่อเสียงของท่านอาจารย์!” เจิ้งหยางประกาศอย่างห้าวหาญ


ได้ยินคำนั้น จางเซวียนเกือบสำลัก เขามองเจิ้งหยางครู่หนึ่งก่อนจะถามย้ำ “คุณแน่ใจหรือ?”


“ผมแน่ใจ!” เจิ้งหยางตอบหนักแน่น


คนอื่นๆต่างก็พยักหน้าอย่างพร้อมเพรียง แสดงความเห็นชอบกับคำประกาศศักดาของเจิ้งหยาง


มีแต่จ้าวหย่าที่ยกมือปิดหน้าไว้และไม่พูดอะไร ราวกับพยายามจะทำเป็นไม่รู้จักเจ้าโง่ทั้งหลายที่ยืนเรียงรายอยู่ข้างเธอ


“ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นพวกคุณเข้ามาหาผมพร้อมๆกันเลย” จางเซวียนพูดขณะเอามือไพล่หลังไว้ข้างหนึ่ง “แค่นิ้วเดียวก็พอ”


บรรดาศิษย์สายตรงของจางเซวียนพากันงุนงงกับคำพูดของท่านอาจารย์ ทุกคนอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะพลันนึกได้ ต่างคนต่างอ้าปากค้าง


จ้าวหย่ากระซิบเสียงแหบพร่าใส่หูหยวนเทาที่ดูจะยังบื้อใบ้กับสิ่งที่เกิดขึ้น “ท่านอาจารย์ของพวกเราคือราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติแห่ง 9 น่านฟ้า…”


“….”


เกิดความเงียบงันน่ากระอักกระอ่วนชั่วครู่ก่อนที่เจิ้งหยางจะหัวเราะเจื่อนๆ “ฮ่าฮ่าฮ่า ท่านอาจารย์ ผมสงสัยเหลือเกินว่าใบบัวซึ่งเป็นของล้ำค่าที่อยู่ตรงนั้นน่ะคืออะไร ผมดูอย่างไรก็ไม่เข้าใจเลย ฮ่าฮ่าฮ่า…”


หากพวกเขารู้ว่าท่านอาจารย์คือราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติแห่ง 9 น่านฟ้า จะไม่มีวันกล้าพูดจาคำโตแบบนั้นเด็ดขาด!


นับตั้งแต่พวกเขาเข้ารับการชี้แนะของท่านอาจารย์ เมื่อไหร่ก็ตามที่คิดว่าตัวเองแข็งแกร่งกว่าเดิมแล้ว ท่านอาจารย์ก็จะจัดการซ้อมพวกเขาอย่างหนักและกำจัดความอวดดื้อถือดีของทุกคนออกไป


ถึงทุกคนจะเติบโตและก้าวหน้าไปมากตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา แต่สัญชาตญาณก็ตะโกนก้องบอกพวกเขาว่าหากต้องสู้กับท่านอาจารย์จริงๆล่ะก็ คงถูกซ้อมยับเยินเสียจนแทบจะร้องขอชีวิต


จางเซวียนยิ้มอ่อนและพูดออกมา “ใบบัวที่อยู่ตรงนั้นน่ะสะดุดตาจริงๆ แต่อย่าเพิ่งเปลี่ยนเรื่องที่เรากำลังจะทำดีกว่า ตกลงไหม?”


เมื่อความพยายามเบี่ยงเบนความสนใจของท่านอาจารย์ไม่ได้ผล เจิ้งหยางหน้าเสียขณะร่ำร้อง “ผมไม่กล้าท้าดวลกับท่านอาจารย์หรอก…”


“ไม่ต้องเกรงอกเกรงใจหรอกน่ะ เริ่มกันเลย” จางเซวียนตอบ


…..


ขณะที่จางเซวียนกับเหล่าศิษย์สายตรงของเขากำลังเฉลิมฉลองการกลับมาเจอกันอีกครั้งด้วยการผสมผสานกันระหว่างการใช้กำลังและเสียงกรีดร้องโหยหวนด้วยความปีติยินดี ใบบัวที่อยู่กลางอากาศก็พลันเสียงระเบิดดังสนั่น


ใบของมันแก่จัดแล้ว และกำลังเปล่งแสงที่เจิดจ้าจนแสบตา


พลังจิตวิญญาณเข้มข้นเป็นสายไหลออกจากใบบัว แค่ซึมซับมันสักเล็กน้อยก็เกินพอจะทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นสดชื่นกระชุ่มกระชวย


ทุกคนหันขวับไปมองใบบัวทันที


ไม่เหมือนกับคราวก่อน อักษรจารึกใหม่ปรากฏบนใบบัว ให้ความรู้สึกของความเก่าคร่ำโบร่ำโบราณที่แสนจะน่าพิศวง


“นั่นมัน…แผนที่ที่แสดงสภาพภูมิประเทศและกลุ่มดาวของทั้ง 9 น่านฟ้า?” จางเซวียนตาโตด้วยความอัศจรรย์ใจ


เขาเคยเห็นแผนที่ที่แสดงสภาพภูมิประเทศและกลุ่มดาวของน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณต้นกำเนิด น่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อน และน่านฟ้าหลิงหลงแล้ว ซึ่งพวกมันก็ถูกจารึกไว้บนใบบัวขนาดมหึมาใบนี้


จางเซวียนดูออกว่าใบบัวเป็นของล้ำค่าตามธรรมชาติของสรวงสวรรค์ แต่กลับถือกำเนิดมาพร้อมกับแผนที่ที่สมบูรณ์แบบของทั้ง 9 น่านฟ้า เรื่องนี้ซับซ้อนมาก


ไม่เพียงเท่านั้น เรายังรู้สึกได้ถึงรังสีของ 9 น่านฟ้าด้วย ใบบัวนั่นคืออะไรกันแน่? จางเซวียนงุนงง


ไม่ต้องสงสัยเลยว่าใบบัวคือทรัพย์สมบัติที่เหนือชั้นกว่าทรัพย์สมบัติชิ้นไหนๆที่เขาเคยเห็น หากได้ซึมซับมัน ระดับวรยุทธจะต้องเพิ่มสูงขึ้นอีกมาก


ต่อให้การฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นจอมราชันย์ก็คงไม่ไกลเกินเอื้อม


“ตอนนี้แหละ!”


จู่ๆ ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติหลิวเหยียนก็ตวาดก้องก่อนจะพุ่งเข้าหาใบบัว


เขารู้ดีว่าย่อมไม่มีโอกาสแน่หากจางเซวียนกับพรรคพวกลงมือ จึงชิงจัดการเสียก่อน


ขอแค่เขาได้ใบบัวมา ก็จะรีบกลับไปยังอาณาบริเวณรอบนอกของทะเลท่วมท้นและแจ้งจอมราชันย์จัวหยางให้ส่งเขาทะลุมิติกลับไปทันที ซึ่งหากเป็นอย่างนั้น ต่อให้จางเซวียนจะทรงพลังแค่ไหน ก็ไม่มีทางฉกฉวยใบบัวไปจากมือของจอมราชันย์ได้


ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติคนอื่นๆก็เริ่มลงมือ พวกเขารีบใช้พละกำลังถักทอตาข่ายขนาดใหญ่เพื่อคลุมใบบัวไว้ ด้วยวิธีนี้ ก็จะแน่ใจได้ว่าจะไม่มีใครคว้าใบบัวตัดหน้าไป


“ท่านอาจารย์!”


เมื่อเห็นว่ามีคนพยายามตัดหน้า จ้าวหย่ากับเจิ้งหยางเลิกคิ้วอย่างหงุดหงิด


การที่ท่านอาจารย์ถูกตัดหน้าก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่พวกเขาจะไม่ยอมปล่อยให้ทรัพย์สมบัติที่น่าจะมีประโยชน์กับท่านอาจารย์ถูกแย่งชิงไปต่อหน้าต่อตา


“พวกนั้นนำใบบัวไปไม่ได้ง่ายๆหรอก รอดูก่อนเถอะ” จางเซวียนพูดขณะห้ามบรรดาลูกศิษย์ของเขาไม่ให้เข้าไปยุ่ง


เขายังบอกไม่ได้ว่าใบบัวนี้เป็นของล้ำค่าชนิดไหน แต่เท่าที่เห็นจากอักษรจารึกและรังสีของ 9 น่านฟ้าที่มันแผ่ออกมา ก็ชัดเจนว่ามันไม่ใช่ของล้ำค่าที่ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติธรรมดาๆเพียงไม่กี่คนจะรับมือได้


เป็นอย่างที่จางเซวียนคาดไว้ ขณะที่ตาข่ายขนาดมหึมากำลังจะคลุมใบบัว ใบบัวก็โงนเงนไปมา เล็กน้อย มิติที่อยู่โดยรอบแหลกสลายไปทันที


ฟึ่บ!


คลื่นความสั่นสะเทือนของมิติแผ่ซ่านออกไปโดยรอบ


ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติรุ่นเก๋าที่รวมตัวกันอยู่รอบใบบัวถูกโจมตีเข้าอย่างจังที่หน้าอก เกิดบาดแผลสาหัสทั่วร่างของพวกเขา ทุกคนถูกสอยกระเด็นไปไกลขณะกระอักเลือดออกมา


“น่ากลัวจริงๆ…” เจิ้งหยางกับคนอื่นๆหรี่ตาอย่างตกตะลึง


แม้ประสิทธิภาพการต่อสู้ของพวกเขาจะเหนือชั้นกว่าราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติรุ่นเก๋าพวกนั้น แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะรับไหวหรือไม่หากต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีอย่างที่เห็น


นั่นคือความทรงพลังของใบบัว


เห็นภาพนั้น จ้าวหย่ามองบรรดาศิษย์น้องของเธอ “พวกเราไปกันเถอะ!”


“ได้!”


ศิษย์สายตรงทั้ง 11 คนของจางเซวียนพยักหน้ารับอย่างหนักแน่น ต่างคนต่างสูดหายใจลึกก่อนจะพร้อมใจกันพุ่งเข้าหาใบบัว


ไม่เหมือนกับราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติรุ่นเก๋า การทำงานเป็นทีมของพวกเขาแทบจะเรียกได้ว่าไร้ที่ติ ในชั่วพริบตา ทุกคนก็เข้าประจำตำแหน่งที่ก่อเกิดเป็นค่ายกลผนึกกำลัง


การรวมพลังของพวกเขาแข็งแกร่งถึงขนาดรับมือได้แม้แต่กับจอมราชันย์ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ


เพราะไม่อาจต้านทานพละกำลังของจ้าวหย่ากับพรรคพวก มิติที่อยู่โดยรอบเริ่มฉีกขาด พายุแห่งมิติขนาดใหญ่พัดวู่หวิวอยู่รอบใบบัว


ใบบัวดูเหมือนจะได้รับความกดดันเล็กน้อยเมื่อต้องเจอกับการโจมตีที่แสนดุเดือดและกราดเกรี้ยว มันเริ่มขยายขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆจนแทบจะใหญ่เท่ากับท้องฟ้า จากนั้นก็บิดตัว แล้วกวาดบรรดานักรบที่ยืนประจันหน้ากับมันออกไป


“แย่แล้ว…”


จางเซวียนหรี่ตาด้วยความตกใจ เขารีบชักดาบสวรรค์สีเลือดออกมาแล้วฟันฉับลงไปที่ใบบัว


กระแสดาบฉีที่มีเจตจำนงแข็งกล้าและเด็ดเดี่ยวพุ่งเข้าใส่ใบบัวนั้น แต่ขณะที่กำลังจะถึงเป้าหมาย ใบบัวก็ส่ายไหวอีกครั้ง


…..


ในชั่วพริบตา จางเซวียนพลันรู้สึกได้ถึงสภาวะไร้น้ำหนัก มิติที่อยู่รอบตัวเขาหดตัวเข้าหากันด้วยความเร็วอันน่าทึ่ง เขาพบว่าตัวเองมายืนอยู่ที่ใจกลางทุ่งหญ้าเขียวชอุ่ม


มันคือทุ่งหญ้าที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา


“เรา…กลับมาถึงสรวงสวรรค์แล้วหรือ?” จางเซวียนถึงกับผงะ


พื้นดินที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขาให้ความรู้สึกแตกต่างจากทะเลท่วมท้น และเขาก็สัมผัสได้ถึงรังสีแห่ง 9 น่านฟ้าที่โอบล้อมอยู่โดยรอบ


ดูเหมือนเขาจะกลับมาถึงสรวงสวรรค์แล้ว


“ไม่หรอก ต้องไม่ใช่แน่ เราเข้าสู่สรวงสวรรค์ที่จารึกอยู่บนผิวหน้าของใบบัวต่างหาก!”


จางเซวียนรู้สึกได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ


สรวงสวรรค์ปิดอยู่ก็จริง แต่ไม่ได้แยกตัวออกไป สรวงสวรรค์ที่แท้จริงยังมีความเชื่อมโยงกับโลกใบอื่นๆที่เหลือ เพียงแต่เขาไม่รู้สึก


เมื่อพิจารณาดูให้ดี พื้นที่ตรงนี้ก็ยังแตกต่างกับสรวงสวรรค์ที่แท้จริงอยู่มาก


“ท่านอาจารย์…” เสียงหนึ่งดังขึ้นไม่ห่างออกไป


จางเซวียนหันขวับ เห็นจ้าวหย่ากับคนอื่นๆบินเข้ามา


โชคดีที่ดูเหมือนพวกนั้นจะไม่ได้รับบาดเจ็บ เขาแอบถอนหายใจอย่างโล่งอก


จางเซวียนเขม้นมองท้องฟ้า จากนั้นก็เอ่ยอย่างเคร่งเครียด “มีบางอย่างแปลกๆเกี่ยวกับใบบัวนี้ คิดดูสิว่ามันมีมิติที่กว้างใหญ่พอๆกับทั้ง 9 น่านฟ้าอยู่ภายใน แถมยังดึงพวกเราเข้ามาที่นี่ได้อย่างง่ายดาย…”


การที่พวกเขาผนึกกำลังกันทำให้แข็งแกร่งพอจะรับมือได้แม้แต่กับจอมราชันย์ แต่ก็อับจนหนทางเมื่อต้องเผชิญหน้ากับใบบัว


ของล้ำค่าชนิดไหนกันที่มีประสิทธิภาพการต่อสู้ล้ำลึกเกินหยั่งขนาดนี้?


“จะต้องมีข้อบกพร่องอยู่ตรงไหนสักแห่ง…”


จางเซวียนรีบสำรวจโดยรอบ แต่ไม่พบทางออก เขาเงื้อดาบสวรรค์สีเลือดในมือแล้วฟันฉับลงไปที่พื้นดิน


ถ้าไม่มีทางออกให้เห็น เส้นทางที่เป็นไปได้มากที่สุดก็น่าจะเป็นพื้นดิน


ถึงใบบัวจะมีพละกำลังมหาศาล แต่จางเซวียนก็ไม่คิดว่ามันจะต้านทานการโจมตีด้วยพละกำลังเต็มพิกัดของเขาได้


จางเซวียนรวบรวมทั้งพลังจิตวิญญาณและพลังจากกายเนื้อเข้าสู่ดาบสวรรค์สีเลือด จากนั้นก็ฟันลงไปเต็มแรง


ฟึ่บ!


กระแสดาบฉีทำให้พื้นดินเกิดรอยร้าวขนาดใหญ่ พลังจิตวิญญาณรั่วไหลออกมาจากบริเวณนั้นทันที จางเซวียนกับเหล่าศิษย์สายตรงของเขากระโจนเข้าไปในรอยแยกอย่างไม่ลังเล ครู่ต่อมา ใบหน้ากระวนกระวายของหลัวฉีฉีก็ปรากฏตรงหน้าพวกเขา


“พวกคุณเป็นอะไรหรือเปล่า?” หลัวฉีฉีถามอย่างเป็นห่วง


จางเซวียนพยักหน้าก่อนจะพูดสิ่งที่เขาคิดออกมาดังๆ “ผมไม่เข้าใจเลย มันเป็นของล้ำค่าชนิดไหนกัน?”


“ฉันก็ไม่แน่ใจ แต่ฉันคิดว่าได้ยินราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติรุ่นเก๋าพวกนั้นเรียกมันว่า…ใบบัว 9 น่านฟ้า!” หลัวฉีฉีตอบ


เธออยู่ตรงนั้นตลอด จึงได้ยินการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นของเหล่าราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติรุ่นเก๋า


“ใบบัว 9 น่านฟ้า?”


จางเซวียนชะงักไป


ชื่อหนึ่งที่คุ้นหูผุดขึ้นในหัวสมองของเขาขณะที่พึมพำออกมา “ต้นอ่อนบัว 9 น่านฟ้า?”

 

 

 


ตอนที่ 2331 ดอกบัวทองคำดึกดำบรรพ์แห่ง...

 

จางเซวียนไม่เคยได้ยินชื่อใบบัว 9 น่านฟ้ามาก่อน และด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง ชื่อของมันทำให้เขานึกถึงต้นอ่อนบัว 9 น่านฟ้า


มันคือสิ่งที่เขานำมาหลอมเป็นตัวโคลน!


ก็เพราะทำจากวัสดุนั้น ตัวโคลนของเขาจึงมาพร้อมกับความแข็งแกร่งอย่างที่ไม่อาจทำลายล้างได้และประสิทธิภาพการต่อสู้ที่เหนือชั้นกว่าใคร แม้แต่จางเซวียนที่ฝึกฝนเคล็ดวิชาเทียบฟ้าฉบับสมบูรณ์ก็ยังเทียบชั้นกับมันไม่ได้


จนเมื่อเขาทำความเข้าใจเวทนาสวรรค์ได้สำเร็จแล้ว จึงได้มีพละกำลังเหนือกว่าตัวโคลนเล็กน้อย


ต้นอ่อนบัว 9 น่านฟ้ากับใบบัว 9 น่านฟ้า…


พวกมันมีความเกี่ยวข้องกันหรือเปล่า?


เมื่อนึกได้ จางเซวียนนำตัวโคลนออกมา


ตอนนี้ตัวโคลนมีวรยุทธระดับราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติขั้นสูงสุดแล้ว ทำให้ทั้งคู่มีพละกำลังพอๆกัน


“ลองดูใบบัวที่อยู่ตรงนั้นหน่อย” จางเซวียนชี้นิ้วไป


ตัวโคลนที่แสนจะเย่อหยิ่งเชิดหน้ามองใบบัว จากนั้นก็ตาโต “ผมไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร แต่รู้สึกเหมือนถูกดึงดูดเข้าหามัน…”


ตัวโคลนพูดขณะบินตรงเข้าหาใบบัวขนาดใหญ่นั้น


ในเวลาเดียวกัน ใบบัวขนาดใหญ่ก็ดูจะรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง มันเริ่มหดตัว


ตัวโคลนร่อนลงบนใบบัว ก่อนจะกลายร่างเป็นดอกบัวที่ดูพร้อมจะผลิบานได้ทุกขณะ


จางเซวียนหรี่ตา


ต้นอ่อนใบบัว 9 น่านฟ้าที่เขาเคยเห็นก็มีหน้าตาแบบนี้ก่อนที่เขาจะนำมันมาหลอมเป็นตัวโคลน


พละกำลังของใบบัวพุ่งเข้าสู่ดอกบัวนั้นเพื่อบ่มเพาะมัน ดอกบัวสีขาวบริสุทธิ์ผลิบานก่อนจะค่อยๆกลายเป็นวัตถุที่มีลักษณะโปร่งแสง


บึ้มมม!


พลังงานเข้มข้นระเบิดออกจากรอยแยกของดอกบัวขณะที่ดอกบัว 9 สีผลิบานเต็มที่ ส่งกลิ่นหอมตลบอบอวล


“ไม่นึกเลยว่านั่นคือดอกบัวทองคำดึกดำบรรพ์แห่ง 9 น่านฟ้า” ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติหลิวเหยียนพึมพำขณะตาโตด้วยความไม่อยากเชื่อ


“คุณรู้จักมันด้วยหรือ?” จางเซวียนขมวดคิ้ว


“ตำนานกล่าวไว้ว่าก่อนที่ 9 น่านฟ้าจะถือกำเนิด พลังดึกดำบรรพ์ของจักรวาลได้ให้กำเนิดดอกบัวทองคำดึกดำบรรพ์เพื่อวางรากฐานและจัดระเบียบให้กับ 5 ธาตุและ 4 ทิศ แต่ยังไม่ทันที่มันจะโตเต็มที่ จู่ๆก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ทำให้เกิดความปั่นป่วนวุ่นวายครั้งใหญ่ วิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ 4 อสูรในตำนานถือกำเนิด ซึ่งสุดท้ายก็เป็นที่รู้จักในฐานะจอมราชันย์ของน่านฟ้าทิศเหนือ น่านฟ้าทิศใต้ น่านฟ้าทิศตะวันออก และน่านฟ้าทิศตะวันตก”


เพราะเป็นหนึ่งในราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติอาวุโสที่รับใช้จอมราชันย์มานาน เขาจึงรู้หลากหลายเรื่องราวที่ไม่มีบันทึกไว้ในหนังสือ


“ผมคิดว่าดอกบัวทองคำดึกดำบรรพ์เป็นแค่ของล้ำค่าที่มีบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ ไม่นึกเลยว่ามันจะปรากฏขึ้นที่นี่…แถมยัง…” ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติหลัวเหยียนยกมือขึ้นปิดปากด้วยความตกใจ


ดอกบัวทองคำดึกดำบรรพ์แห่ง 9 น่านฟ้าเป็นสมบัติล้ำค่าที่แม้แต่จอมราชันย์ยังทำให้มันยอมจำนนได้ยาก แต่ชายหนุ่มได้นำมันมาหลอมเป็นตัวโคลนของเขา


เรื่องนี้ถือว่าเหลือเชื่อ!


ถ้าผมรู้เสียก่อนว่าคุณทำให้ดอกบัวยอมจำนนได้ จะไม่มีวันพยายามฉกฉวยมันไปจากคุณเลย…


จางเซวียนรู้สึกได้ว่าตัวโคลนของเขาแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆขณะที่ยังคงหลอมรวมร่างของมันเข้ากับใบบัว ตอนนี้พละกำลังของตัวโคลนเหนือกว่าราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติแล้ว


เขาได้แต่ถอนหายใจอย่างโล่งอก


ดูเหมือนตัวโคลนจะโชคดีกว่าเขาหลายเท่า


ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป อีกฝ่ายคงได้เป็นจอมราชันย์ก่อนเขา และเมื่อสิ่งนั้นเกิดขึ้น ตัวโคลนก็คงกลายเป็นผู้ที่ไม่มีใครทำลายล้างหรือเทียบชั้นได้อย่างแท้จริง


ตลอดเวลาที่ผ่านมา จางเซวียนเคยนึกสงสัยว่าต้นอ่อนบัว 9 น่านฟ้าเป็นของล้ำค่าระดับขั้นไหน ถึงเอาชนะตัวเขาที่เป็นนักรบผู้ฝึกฝนเคล็ดวิชาเทียบฟ้าฉบับสมบูรณ์ได้ เพิ่งค้นพบเดี๋ยวนี้เองว่าตัวโคลนมีภูมิหลังที่แสนจะน่าสะพรึง


“เราน่าจะคิดได้เสียตั้งนานแล้ว” จางเซวียนรำพึงพร้อมกับยิ้มเจื่อนๆ “แต่นั่นแหละ เมื่อดอกบัวผลิบานเต็มที่ ตัวโคลนก็คงฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นจอมราชันย์ได้ เพียงแต่อาจต้องใช้เวลาสักระยะกว่ากระบวนการนั้นจะเสร็จสมบูรณ์”


ต้นอ่อนบัว 9 น่านฟ้ามีชื่อของทั้ง 9 น่านฟ้าอยู่ เขาจึงน่าจะรู้ตั้งแต่มาถึงสรวงสวรรค์แล้ว เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าตัวโคลนจะเก่งกาจไร้เทียมทานขนาดนี้


จางเซวียนเพ่งดูดอกบัวอย่างใกล้ชิด เห็นมันเปล่งแสงเจิดจ้าขึ้นเรื่อยๆ การเชื่อมต่อทางโทรจิตทำให้เขารู้สึกได้ว่าตัวโคลนซึมซับใบบัวเข้าไปจนเต็มพิกัดแล้ว


ซึ่งหากทั้งสองพละกำลังหลอมรวมเข้าด้วยกันได้อย่างสมบูรณ์เมื่อไหร่ ตัวโคลนของเขาก็จะกลายเป็นจอมราชันย์


“เราพบต้นอ่อนบัว 9 น่านฟ้าเป็นครั้งแรกในทวีปแห่งปรมาจารย์ ตอนนั้นคิดว่ามันเป็นแค่บัว 9 หัวใจที่ยังไม่แก่จัดเพราะยังเป็นสีเทาอยู่ จึงใช้พลังปราณเทียบฟ้าบ่มเพาะมัน ซึ่งในตอนนั้น…สีของมันก็เริ่มเปลี่ยน เมื่อมาย้อนคิดในเวลานี้ เหตุผลที่ต้นอ่อนบัว 9 น่านฟ้ามีสภาพแบบนั้น ก็น่าจะเป็นเพราะกลุ่มพลังงานสีเทาประหลาดนั่น…” จางเซวียนตาโตเมื่อพลันนึกได้


ในครั้งนั้น ผู้พยากรณ์จิตวิญญาณที่ชื่อมั่วคุนเสินสิงสู่อยู่ในต้นอ่อนบัว 9 น่านฟ้า จึงเอาชีวิตรอดมาได้นานหลายหมื่นปีโดยไม่เสื่อมสลาย


ตลอดเวลาที่ผ่านมา จางเซวียนคิดว่าพลังปราณเทียบฟ้าของเขาทำให้ต้นอ่อนเติบโตเต็มที่ แต่เมื่อพิจารณาอีกที ก็น่าจะเป็นเพราะคลื่นพลังงานสีเทาแบบเดียวกับที่กดข่มวรยุทธของฝงจิ่วเกอไว้มากกว่า


เพราะเขาใช้พลังปราณเทียบฟ้าสลายพลังงานสีเทา ต้นอ่อนบัวจึงเปลี่ยนสีกลับสู่สภาพเดิม!


ด้วยสิ่งนั้น ในที่สุดเขาก็หลอมตัวโคลนได้สำเร็จ


เป็นไปได้ว่าพลังงานสีเทาประหลาดนั่นคงกลืนกินพละกำลังที่อยู่ในต้นอ่อนบัว 9 น่านฟ้าไปหมดแล้วตอนที่มาถึงมือของเขา ตัวเขาซึ่งในเวลานั้นยังเป็นแค่นักรบเหนือมนุษย์จึงซับมันได้อย่างง่ายดาย


“ไม่ว่าจะเป็นต้นอ่อนบัว 9 หัวใจหรือจอมราชันย์อมตะ ก็ดูจะบังเอิญเกินไปที่เราได้เจอ ดูเหมือนเรากำลังเดินไปตามเส้นทางที่ใครสักคนแผ้วถางไว้ให้” จางเซวียนพึมพำพร้อมกับขมวดคิ้ว


เขารู้สึกว่าออกจะโชคดีอย่างเหลือเชื่อที่ตัวเขาได้เจอส้มหล่นหลายครั้งหลายหน โดยเฉพาะเมื่อในเวลานั้นก็อยู่ในทวีปแห่งปรมาจารย์อันแสนจะต่ำต้อย แล้วเรื่องประหลาดพวกนี้เกิดขึ้นจากอะไร?


หากมันเป็นแค่ของล้ำค่าที่ทรงพลังสักหน่อย ก็พอจะทึกทักได้ว่าเป็นความโชคดี แต่ต้นอ่อนบัว 9 น่านฟ้าคือของล้ำค่าที่แม้จอมราชันย์ก็ยอมตายเพื่อให้ได้ครอบครอง แต่เขากลับหลอมมันให้เป็นตัวโคลนได้โดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรเลย


ยิ่งไปกว่านั้น เขายังได้ทำให้จอมราชันย์อมตะยอมจำนนด้วย…จอมราชันย์อมตะคือ 1 ใน 9 ผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดของโลกทุกใบที่มีอยู่ แถมจอมราชันย์หลินชีที่มีพละกำลังเป็นที่หนึ่งในน่านฟ้าเสรีก็กลายเป็นคนรักของเขาด้วย


ไม่ว่าจะมองอย่างไร ก็ดูออกว่ามีบางอย่างผิดปกติ


คนคนหนึ่งจะโชคดีได้แค่ไหนกัน เขาไม่ใช่พระเอกในนิยายเสียหน่อย!


จางเซวียนรู้ดีว่าปรมาจารย์ขงมีส่วนทำให้เรื่องราวเหล่านี้เกิดขึ้น แต่ก็รู้สึกว่าน่าจะมีพลังปริศนาบางอย่างที่คอยช่วยผลักดันให้เรื่องของเขาดำเนินไปแบบนี้


เมื่อคิดไม่ออก จางเซวียนตัดสินใจทิ้งเรื่องนั้นไปก่อน เขาหันกลับไปมองบรรดาลูกศิษย์


จ้าวหย่าก้าวออกมาและมอบแหวนเก็บสมบัติวงหนึ่งให้ “ท่านอาจารย์ นี่คือสมบัติล้ำค่าที่พวกเราได้มาจากทะเลท่วมท้น หวังว่าน่าจะพอมีประโยชน์กับคุณบ้าง…”


จางเซวียนรับแหวนเก็บสมบัติมาและพิจารณาสิ่งที่อยู่ภายใน จากนั้นก็พยักหน้าขณะเปรย “ไม่เลวเลย!”


ข้าวของที่บรรดาศิษย์สายตรงของเขารวบรวมไว้มีมูลค่าสูงกว่าที่เขาค้นพบด้วยตัวเองหลายเท่า มีอย่างน้อย 10 ชิ้นที่อยู่ในระดับขั้นเดียวกันกับน้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้น แถมด้วยอีก 2-3 ชิ้นที่มีระดับขั้นสูงกว่านั้น


ลูกศิษย์ของเขาเต็มใจมอบทรัพย์สมบัติที่ประเมินค่ามิได้เหล่านี้ให้ จางเซวียนรู้สึกซาบซึ้งกับความจริงใจของพวกเขา


“ผมคงไม่ต้องเสาะหาอะไรเพิ่มแล้วล่ะ ด้วยของพวกนี้ ผมน่าจะผลักดันให้เกิดการฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นจอมราชันย์ได้โดยไม่มีปัญหา” จางเซวียนพูดพร้อมกับยิ้มออกมา


แต่เมื่อกวาดตาดูข้าวของในแหวนเก็บสมบัติเป็นครั้งที่ 2 ก็พลันสังเกตเห็นบางอย่างที่ทำให้ต้องขมวดคิ้ว “เอ๊ะ? แปลกจริง พวกคุณไม่ใช่คนที่นำดอกไม้เที่ยงคืนกับเหล็กโดดเดี่ยวไปหรอกหรือ?”


เขาสังเกตเห็นว่าดอกไม้เที่ยงคืนกับเหล็กโดดเดี่ยวซึ่งหายไปตอนที่เขาไปถึงที่อยู่ของพวกมันไม่ได้รวมอยู่ในแหวนเก็บสมบัติ


เป็นไปได้ไหมว่ามีคนอื่นที่ไม่ใช่บรรดาศิษย์สายตรงของเขาที่เก่งกาจถึงขนาดนำของล้ำค่าเหล่านั้นออกจากดินแดนที่แสนอันตรายได้


“ดอกไม้เที่ยงคืน เหล็กโดดเดี่ยว?” จ้าวหย่ากับคนอื่นๆส่ายหน้า “พวกเราไม่เคยได้ยินชื่อของพวกนั้นเลย”


“แบบนี้หมายความว่าอย่างไร? นอกจากพวกคุณ ยังมีใครอื่นที่เก่งกาจถึงขนาดเสาะหาทรัพย์สินในทะเลท่วมท้นได้งั้นหรือ?” จางเซวียนขมวดคิ้วอย่างระแวง


ดอกไม้เที่ยงคืนกับเหล็กโดดเดี่ยวอยู่ในดินแดนอันตรายที่แม้แต่นักรบระดับอ้าวเฟิงก็ยังเข้าไม่ถึง นอกจากจางเซวียนกับบรรดาศิษย์สายตรงของเขา ก็ไม่น่าจะมีใครนำทรัพย์สมบัติในพื้นที่นั้นออกมาได้


จางเซวียนจึงเข้าใจว่าเป็นฝีมือของเด็กพวกนี้ แต่ก็เห็นชัดแล้วว่าเขาคิดผิด


ในทะเลท่วมท้นยังมีกลุ่มอำนาจอื่นที่ลักลอบเข้ามากวาดทรัพย์สมบัติล้ำค่าจากที่นี่ได้ด้วยหรือ?


“คนอื่น?” เจิ้งหยางขมวดคิ้วครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า “พอท่านอาจารย์พูดขึ้นมา ก็ดูจะเป็นไปได้ มีหลายพื้นที่ที่พวกเราเข้าไปเสาะหาทรัพย์สมบัติ แต่ก็ถูกใครสักคนตัดหน้าไป เราคิดว่าคงเป็นฝีมือของจอมราชันย์แห่ง 9 น่านฟ้า แต่ตอนนี้ก็ไม่ใช่…”


“อีกฝ่ายกวาดเอาทรัพย์สมบัติทั้งหมดไปได้โดยไม่ทิ้งร่องรอยอะไรไว้เลย นั่นหมายความว่าเขาไม่ได้อ่อนด้อยกว่าพวกคุณ…” จางเซวียนเริ่มจะงุนงงกับสถานการณ์


เท่าที่ได้ฟังจากอ้าวเฟิง ตัวเขากับศิษย์สายตรงทั้ง 11 คนน่าจะเป็นนักรบที่แข็งแกร่งที่สุดในทะเลท่วมท้น ซึ่งหากเป็นอย่างนั้น บุคคลลึกลับผู้นี้มาจากไหน?


“ผมรู้มาว่านอกจากตัวผม จอมราชันย์ปีศาจเฉียนคุ่นยังรับผู้สืบทอดไว้อีกคนหนึ่ง แถมยังหลอมร่างใหม่ให้เขาด้วย” ลู่ชงโพล่งออกมา


“เขาหลอมร่างใหม่ให้?” ทันทีที่ลู่ชงพูดเรื่องนี้ จางเซวียนก็พลันนึกได้ถึงสิ่งที่เขาเคยได้ยินมาก่อน


“ใช่ ดูเหมือนผู้สืบทอดคนนั้นจะมาถึงสรวงสวรรค์ก่อนพวกเราและปรากฏตัวที่สระบาดาล ด้วยวรยุทธอันทรงพลังของจิตวิญญาณของเขา ก็เป็นไปได้ที่เขาอาจพบสมบัติเหล่านั้นก่อนพวกเราและนำออกไปได้อย่างง่ายดาย” ลู่ชงพูด

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)