อัจฉริยะสมองเพชร 2322-2325

ตอนที่ 2322 ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียร...

 

ตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา จอมราชันย์ฟู่เหมิงใช้เงินจำนวนมหาศาลเพื่อบ่มเพาะราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติจ้าวหย่า ซึ่งก็โชคดีที่อีกฝ่ายไม่ทำให้เขาผิดหวัง ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติจ้าวหย่ามีความเก่งกาจปราดเปรื่องที่โดดเด่นจนเหนือชั้นกว่าราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติคนไหนๆที่เขาเคยพบ


หูเสี่ยวไม่แยแสเรื่องที่เขาสูญเสียทรัพย์สมบัติไป เพราะเขาอาจปล้นกลับมาจากนักรบคนไหนก็ได้ แต่ไม่อาจให้อภัยชายหนุ่มที่ดูถูกเหยียดหยามเขาอย่างรุนแรงจนเกินจะรับไหว


ซึ่งหากเขาขอความช่วยเหลือจากราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติจ้าวหย่า ก็น่าจะเอาคืนหมอนั่นได้อย่างสาสม


เมื่อคิดได้ หูเสี่ยวรีบนำตราหยกสื่อสารที่ได้รับจากจอมราชันย์ออกมา มันเป็นของล้ำค่าที่ใช้งานได้แม้ในทะเลท่วมท้น


หลังจากส่งข้อความไป ราว 10 นาทีให้หลัง มิติรอบตัวเขาก็สั่นสะท้าน ร่างหนึ่งปรากฏตรงหน้า


เธอคือสาวน้อยท่าทางอาจหาญที่สวมชุดเกราะสีเงิน แม้จะสวยสดงดงามมาก แต่ความเย็นชาและทรงอำนาจของเธอก็ทำให้ไม่มีใครกล้าสู้หน้า


จ้าวหย่า!


“คุณมีธุระอะไรกับฉัน?” สาวน้อยตั้งคำถามด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบที่ทำให้ใครๆเข้าไม่ถึง


เพราะความช่วยเหลือของจอมราชันย์ฟู่เหมิง เธอจึงมีพละกำลังอย่างที่เป็นอยู่ในเวลานี้ ซึ่งก่อนจะเข้าสู่ทะเลท่วมท้น จอมราชันย์ฟู่เหมิงได้สั่งการให้เธอดูแลเหล่าราชันย์เทพเจ้าและราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติของน่านฟ้าแห่งทองคำแข็งกล้าให้ดี


เพราะเหตุนี้ เธอจึงแยกตัวจากบรรดาศิษย์น้องโดยไม่ลังเลเมื่อได้รับข้อความจากหูเสี่ยว


“ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติจ้าวหย่า เมื่อครู่นี้ผมเพิ่งถูกราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติอีกคนหนึ่งปล้นทรัพย์สมบัติไป และน้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้นที่ผมเสาะหามาให้จอมราชันย์ฟู่เหมิงด้วยความยากลำบากก็ถูกขโมยไปด้วย ผมขอวิงวอนให้คุณช่วยจัดการเจ้าคนอวดดีนั่น!” หูเสี่ยวโค้งคำนับอย่างนอบน้อมขณะรายงาน


แม้อีกฝ่ายจะอายุน้อยกว่าเขามาก แต่เขาก็ไม่กล้าวางโตโอหังต่อหน้าเธอ โดยเฉพาะเมื่อทั้งคู่มีพละกำลังห่างกันหลายเท่า


“มันเป็นใคร?” จ้าวหย่าถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา เธอไม่เคยอ้อมค้อม จึงตรงเข้าประเด็นทันที


“ผมไม่รู้ว่าเขาชื่ออะไร แต่ดูเหมือนเขาจะเป็นคนที่ได้รับตำแหน่งทรงเกียรติจากโลกเมื่อ 2-3 วันก่อน, ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติแห่ง 9 น่านฟ้า” หูเสี่ยวตอบ


แม้ทุกคนจะรู้เรื่องของราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติแห่ง 9 น่านฟ้า แต่ตัวตนของอีกฝ่ายก็ยังคงเป็นความลับ เว้นแต่กับเหล่าจอมราชันย์ เพราะถึงอย่างไร เรื่องนี้ก็เกี่ยวข้องกับความเป็นความตาย


“ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติแห่ง 9 น่านฟ้า?” จ้าวหย่าทวนคำด้วยแววตาเป็นประกาย


ก่อนจะเข้าสู่ทะเลท่วมท้น เหล่าจอมราชันย์ได้สั่งการให้เธอระมัดระวังตัวหากต้องเผชิญหน้ากับราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติแห่ง 9 น่านฟ้า ในตอนนั้น เธอนึกอยากเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายขึ้นมาทันที แต่ใครจะไปคิดว่าหมอนั่นจะเล่นงานหนึ่งในพรรคพวกของเธอ?


ช่างอวดดีเหลือเกิน!


ดูเหมือนใครคนหนึ่งกำลังอยากได้บทเรียน!


“เขาอยู่ไหน?” จ้าวหย่าซักขณะแผ่รังสีเย็นเยือกออกมา


“ตอนนี้อยู่ที่ลำธารในหุบเขา ทางทิศเหนือของที่นี่…” หูเสี่ยวชี้นิ้วไป


“นำทางไปเลย!”


หูเสี่ยวลังเลครู่หนึ่ง “หมอนั่นแข็งแกร่งมาก ผมเกรงว่าพวกเราอาจเป็นอันตรายหากไปที่นั่นตามลำพัง”


“ไม่ต้องห่วงน่ะ นำทางไปเลย ถ้าฉันอยู่ด้วย จะไม่ปล่อยให้เขาแตะต้องคุณแม้ปลายเส้นผม” จ้าวหย่าตอบ


เห็นอีกฝ่ายยืนกรานหนักแน่น หูเสี่ยวถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนจะรีบนำทางไป


ไม่ช้าทั้งคู่ก็มาถึงบริเวณที่มีน้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้น


มีแต่กลุ่มราชันย์เทพเจ้าที่ได้รับบาดเจ็บจากจิตวิญญาณหลอกหลอนเท่านั้นที่ยังคงอยู่ในพื้นที่ เมื่อเห็นหูเสี่ยวกลับมาอีกครั้ง ทุกคนก็หน้าถอดสีด้วยความหวาดกลัวขณะถอยกรูด


จ้าวหย่าไม่แยแสสีหน้าของพวกนั้น เธอตั้งคำถาม


“ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติแห่ง 9 น่านฟ้าอยู่ไหน?”


“เขาจากไปพร้อมกับราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติอ้าวเฟิง เราไม่แน่ใจเหมือนกันว่าพวกเขาไปไหน”


ราชันย์เทพเจ้าที่อาวุโสที่สุดในกลุ่มเป็นผู้ให้คำตอบ


ไม่ใช่ว่าพวกเขาจงใจปิดบังความจริงเพื่อปกป้องจางเซวียน แต่บทสนทนาเรื่องหญ้าจิตวิญญาณจอมราชันย์เมื่อครู่นี้ถูกปิดกั้นไว้เพื่อไม่ให้ข้อมูลรั่วไหล ดังนั้น ราชันย์เทพเจ้าที่เหลือจึงไม่รู้ว่าทั้งคู่ไปไหน


หูเสี่ยวขมวดคิ้ว


เขาไม่คิดว่าทั้งคู่จะจากไปเร็วขนาดนี้ จึงตั้งข้อสังเกตอย่างหงุดหงิด “ก็เพิ่งไม่นานเท่าไหร่ ผมเชื่อว่าพวกเขายังไปไม่ได้ไกลหรอก…”


แต่ยังไม่ทันจะพูดจบ จ้าวหย่าก็ตัวสั่นขึ้นมาขณะดูเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างได้ เธอหันขวับไปถามเหล่าราชันย์เทพเจ้าอย่างร้อนใจ “พวกคุณรู้หรือเปล่าว่าราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติแห่ง 9 น่านฟ้ามีชื่อว่าอะไร?”


“ผมก็ไม่แน่ใจ…แต่คิดว่าเขาใช้แซ่จาง มีผู้หญิงคนหนึ่งในกลุ่มที่เขาสนิทสนมด้วยเรียกขานเขาว่า ‘ปรมาจารย์จาง’” ราชันย์เทพเจ้าคนหนึ่งตอบ


เมื่ออยู่ต่อหน้าราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติสองคนที่มีอำนาจบงการโชคชะตาของพวกเขา ก็ไม่มีใครกล้าโป้ปดมดเท็จ เพราะหวั่นเกรงอันตราย


“จาง…”


จ้าวหย่ามีสีหน้าที่บ่งบอกความเข้าใจขณะถอนหายใจอย่างโล่งอก เธอรีบระงับความตื่นเต้นก่อนจะหันมาพูดกับหูเสี่ยว “เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างคุณกับราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติแห่ง 9 น่านฟ้ามาให้หมด!”


“ฮะ?”


นึกไม่ถึงว่าจู่ๆจ้าวหย่าจะซักไซ้รายละเอียดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแทนที่จะไล่ล่าชายหนุ่มคนนั้น หูเสี่ยวถึงกับหน้าเจื่อน


เขารู้ดีว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิดที่พยายามปล้นทรัพย์สมบัติจากทั้งกลุ่ม จึงไม่รู้จะอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไร


เห็นหูเสี่ยวอ้ำอึ้ง จ้าวหย่าชี้นิ้วไปที่ราชันย์เทพเจ้าคนหนึ่งในกลุ่มและสั่งการ “คุณน่ะ, เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ให้ฉันฟัง”


“ได้!”


เพราะไม่กล้าขัดใจจ้าวหย่า ราชันย์เทพเจ้าผู้นั้นรีบอธิบายสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นอย่างละเอียด


“ที่เขาพูดมาเป็นความจริงหรือเปล่า?” จ้าวหย่าหันกลับมามองหูเสี่ยวด้วยสีหน้าเรียบเฉย


“เอ่อ…คือ…เป็นความจริงทั้งหมด! ในทะเลท่วมท้นแห่งนี้ไม่มีกฎระเบียบ การเอาชีวิตรอดคือสิ่งสำคัญที่สุด ทุกอย่างที่ผมทำไปก็เพื่อน่านฟ้าแห่งทองคำแข็งกล้าของพวกเรา…” หูเสี่ยวรีบอธิบาย แต่ยังไม่ทันจะพูดจบ ฝ่ามือหนึ่งก็ปะทะเข้าที่แก้ม


พลั่ก!


เขาเซถลาไปกระแทกกับโขดหินอย่างแรง หัวหมุนติ้วขึ้นมาทันที


“ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติจ้าวหย่า คุณทำแบบนี้หมายความว่าอย่างไร? ถ้ามีปัญหากับผม คุยกันดีๆก็ได้…”


หูเสี่ยวรู้สึกเหมือนจะเป็นบ้า


แม่สาวคนนี้สติดีหรือเปล่า? ทำไมถึงตบเขาทั้งที่เขายังพูดไม่จบ?


ไม่ว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไร เราก็เป็นพวกเดียวกันไม่ใช่หรือ? ต่อให้ผมทำผิดที่ปล้นทรัพย์สมบัติจากนักรบที่อ่อนแอกว่า คุณก็ไม่เห็นต้องตบผมแบบนั้นเลยนี่ ใช่ไหม?


ตุ้บ! ตุ้บ! ตุ้บ!


จ้าวหย่าไม่แยแสเสียงทักท้วงของหูเสี่ยว เธอปล่อยหมัดแล้วหมัดเล่าเข้าใส่ท้องน้อยของอีกฝ่าย หูเสี่ยวพยายามตอบโต้ แต่ก็อับจนหนทางจะต้านทานพละกำลังล้นเหลือของจ้าวหย่า


เพียงชั่วพริบตา เขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส เลือดไหลโชกทั่วร่าง


ขณะที่ไอและกระอักเลือดออกมา น้ำตาก็ไหลเป็นทางอาบแก้มของหูเสี่ยว


เมื่อกี้นี้คุณพูดเองไม่ใช่หรือว่าจะไม่ปล่อยให้ใครมาแตะต้องผมแม้แต่ปลายผมสักเส้น?


แต่แล้วคนที่เล่นงานผมก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากคุณ!


ราชันย์เทพเจ้าที่อยู่ตรงนั้นต่างมองหน้ากันอย่างสับสน พวกเขาไม่เข้าใจอารมณ์ที่เปลี่ยนไปอย่างปุบปับของสาวน้อย


ทุกคนคิดว่าหูเสี่ยวพาพรรคพวกมาช่วยกันล้างแค้น และสุดท้าย ทรัพย์สมบัติของพวกเขาคงถูกปล้นไปอีก


แต่ยังไม่ทันจะรู้ตัว ‘พรรคพวก’ ที่หูเสี่ยวพามาก็กลับซ้อมเขา


แถมการโจมตีของเธอก็ทั้งรุนแรงและโหดเหี้ยม บ่งบอกชัดว่าไม่คิดจะปรานี


ใครบอกได้บ้างว่าเกิดอะไรขึ้น?


เราคือใคร? เราเป็นอะไร? เราอยู่ที่ไหน?


ทุกคนงงสุดขีดกับสถานการณ์ที่พลิกผัน


การถูกซ้อมอย่างปุบปับทำให้หูเสี่ยวแสนจะคับแค้นใจ เขาตวาดก้อง “ผมสู้คุณไม่ได้ จึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยอมจำนนกับอะไรก็ตามที่คุณจะทำกับผม แต่จอมราชันย์สั่งไว้ให้คุณดูแลทุกคนจากน่านฟ้าแห่งทองคำแข็งกล้า เพราะฉะนั้น อย่างน้อยที่สุด คุณบอกผมหน่อยได้ไหมว่าทำแบบนี้เพราะอะไร?”


นี่มันเกินไปแล้ว!


ผมเรียกคุณมาที่นี่ให้มาล้างแค้น ไม่ใช่มาซ้อมผม!


“เราควรจะคิดได้เสียนานแล้วตั้งแต่ได้ยินเรื่องราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติแห่ง 9 น่านฟ้า” จ้าวหย่าพึมพำกับตัวเองก่อนจะหันมาส่งสายตาเย็นเยียบใส่หูเสี่ยว “คนที่คุณอยากแก้แค้นน่ะ…คือท่านอาจารย์ของฉัน!”


นอกเสียจากท่านอาจารย์ของเธอ ใครกันจะสร้างความปั่นป่วนครั้งใหญ่ให้กับโลกใบนี้ได้?


จ้าวหย่าเคยคิดว่าในท้ายที่สุด เธออาจพัฒนาตัวเองไปจนเหนือชั้นกว่าท่านอาจารย์ และทำตัวให้เป็นประโยชน์กับเขาได้หลังจากที่ใช้เวลาเนิ่นนานหลายปีไปกับการฝึกฝนวรยุทธในกระจกเงาแห่งมิติและเวลา แต่ดูเหมือนเธอจะประเมินความเก่งกาจของท่านอาจารย์ต่ำไป


ลงท้าย ท่านอาจารย์ของเธอก็พัฒนาตัวเองได้รวดเร็วราวกับปีศาจเหมือนเดิม!


ด้วยเวลาเพียงเดือนเดียว เขากลายเป็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติแห่ง 9 น่านฟ้าไปแล้ว ขนาดตัวเธอเองก็ยังอดรู้สึกไม่ได้ว่าเรื่องนี้เหลือเชื่อ


“ท่านอาจารย์ของคุณ?” หูเสี่ยวตัวสั่นขณะกระอักเลือดอีกกองหนึ่งออกมา “ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติจ้าวหย่า คุณหมายความว่า…เขาเคยชี้แนะคุณหรือ?”


“ที่ฉันพัฒนาตัวเองได้รวดเร็วแบบนี้ก็เพราะรากฐานอันมั่นคงที่ท่านอาจารย์วางไว้ให้ หากไม่มีท่านอาจารย์ ฉันก็ไม่มีวันได้เป็นอย่างที่คุณเห็นในวันนี้หรอก” จ้าวหย่าตอบ “แล้วก็จะไม่มีหวังหยิ่ง เจิ้งหยาง หลิวหยาง หยวนเทา ลู่ชง เว่ยหรูเหยียน จางจิ่วเซี่ยว ขงซือเหยา ตั้นเฉี่ยวเทียน และไป๋เหรินชิงด้วย”


“เดี๋ยวก่อน นั่นคือราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติในสังกัดของจอมราชันย์คนอื่นๆไม่ใช่หรือ? พวกเขามีความสัมพันธ์อย่างไรกับราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติแห่ง 9 น่านฟ้า?” หูเสี่ยวออกจะงุนงง


ไม่ใช่ว่าเขาไม่เข้าใจสิ่งที่จ้าวหย่าพูด แต่มันเหลือเชื่อเสียจนไม่อาจทำความเข้าใจทุกอย่างพร้อมกันได้ในคราวเดียว


“พวกเราทุกคนคือศิษย์สายตรงของเขา!” จ้าวหย่าตอบ


“พวกคุณทุกคน…เป็นศิษย์สายตรงของเขา? ตะ-แต่…พวกคุณคือราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติที่แข็งแกร่งที่สุดใน 9 น่านฟ้านะ ถ้าทุกคนคือศิษย์สายตรงของเขา ก็หมายความว่า…” หูเสี่ยวอุทานอย่างสับสน


เขาพลันเข้าใจเดี๋ยวนั้นว่าทำไมถึงถูกจ้าวหย่าซ้อม


โชคดีเหลือหลายที่เพิ่งบอกจ้าวหย่าเพียงคนเดียวว่าพยายามปล้นทรัพย์สมบัติจากท่านอาจารย์ของเธอ เพราะหากศิษย์สายตรงคนอื่นๆรู้เรื่องนี้ เขาคงจบเห่แน่

 

 

 


ตอนที่ 2323 หญ้าจิตวิญญาณจอมราชันย์

 

นี่มันบ้าบออะไร?


ถึงทุกคนจะพูดกันว่าราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติแห่ง 9 น่านฟ้าน่าจะได้เป็นจอมราชันย์พิชิตสวรรค์คนต่อไป แต่หูเสี่ยวก็ไม่คิดว่าเรื่องนั้นจะเป็นไปได้โดยง่าย เพราะถึงอย่างไร เก้าจอมราชันย์ก็คงไม่ปล่อยให้มีจอมราชันพิชิตสวรรค์อีกคนมาเป็นหอกข้างแคร่คอยทิ่มแทงตำแหน่งของพวกเขา


ด้วยการบ่มเพาะราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติรุ่นใหม่ขึ้นมา เขาเชื่อว่านักรบกลุ่มนี้จะสกัดดาวรุ่งราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติแห่ง 9 น่านฟ้าได้อย่างง่ายดาย


แต่…


กลับกลายเป็นว่าในเวลานี้ นักรบที่แข็งแกร่งที่สุด 12 คนในทะเลท่วมท้นคือราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติแห่ง 9 น่านฟ้ากับศิษย์สายตรงทั้ง 11 คนของเขา เรียกได้ว่าไม่มีใครแตะต้องได้เลย!


“พวกคุณคงได้ยินที่เราคุยกันแล้วนะ บอกฉันมาว่าราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติแห่ง 9 น่านฟ้าไปไหน” จ้าวหย่าหันกลับไปพูดกับราชันย์เทพเจ้าที่เหลือ


ราชันย์เทพเจ้าคนหนึ่งชี้นิ้วไปอย่างลังเล “พวกเขามุ่งหน้าไปยังทิศทางนั้น!”


“ขอบคุณ”


จ้าวหย่าคว้าหางของหูเสี่ยวที่อยู่ในร่างเสือและรุดหน้าไปตามทิศทางนั้นอย่างรวดเร็ว


ในที่สุด เธอก็จะได้พบกับท่านอาจารย์อีกครั้ง…


ยิ่งคิดก็ยิ่งตื่นเต้น


ส่วนหูเสี่ยวที่หางห้อยต่องแต่งอยู่กลางอากาศก็รู้ตัวทันทีว่าชะตากรรมเลวร้ายที่สุดกำลังรอคอยอยู่ การถูกซ้อมเมื่อครู่นี้เป็นแค่เบาะๆ และของจริงจะเริ่มทันทีที่พบราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติแห่ง 9 น่านฟ้า


เพราะไม่อย่างนั้น จ้าวหย่าจะลากเขาไปด้วยทำไม?


ถ้ารู้เสียก่อนว่าจะเป็นแบบนี้…เราจะเดินหน้าเสาะหาทรัพย์สมบัติต่อไปโดยไม่ยุ่งกับใคร เพราะตอนนี้ ไม่เพียงแต่จะไม่ได้ล้างแค้น ยังใกล้จะถูกซ้อมแบบจริงจังด้วย…


ไม่น่าเชื่อเลยว่าเมื่อครู่นี้เรายังโล่งใจตอนที่รู้ว่าจอมราชันย์ฟู่เหมิงสั่งการให้เธอคอยดูแล


ถอนคำพูดตอนนี้ยังทันไหม? เราไม่อยากให้เธอดูแลแล้ว…


“คุณแน่ใจนะว่าหญ้าจิตวิญญาณจอมราชันย์อยู่ที่นี่?” จางเซวียนขมวดคิ้ว


รอยแยกแห่งมิติที่อยู่ตรงหน้าน่าสะพรึงกว่ารอยแยกไหนๆที่เขาเคยเห็น ภายใต้คลื่นความสั่นสะเทือนของมิติที่แสนจะน่าหวาดกลัว ทุกอย่างที่หลุดเข้าไปในนั้นจะถูกทำลายจนสลายตัวกลายเป็นลำแสง 7 สี


ต่อให้ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติก็ไม่อาจเข้ามาที่นี่ได้โดยง่าย แล้วหญ้าจิตวิญญาณจอมราชันย์เป็นแค่สมุนไพรชนิดหนึ่ง จะมีชีวิตรอดในสภาวะแบบนี้ได้หรือ?


“ผมแน่ใจ!” อ้าวเฟิงพยักหน้า “นี่คือการไหลบ่าของพลังจิตวิญญาณครั้งที่ 4 และผมก็มาที่นี่เป็นครั้งที่ 4 เช่นกัน ผมสำรวจพื้นที่บริเวณนี้จนทั่วแล้ว คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมดี นั่นคือเหตุผลที่ผมพาทั้งทีมเข้าหาน้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้นได้โดยตรง”


จางเซวียนพยักหน้า


เขาเคยนึกสงสัยว่าอ้าวเฟิงระบุพิกัดของน้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้นโดยเร็วได้อย่างไรทั้งที่มีจิตวิญญาณหลอกหลอนมากมายคอยอารักขาในพื้นที่ กลับกลายเป็นว่าอีกฝ่ายมาที่นี่หลายครั้งแล้ว เพียงแต่เมื่อ 2-3 ครั้งก่อน ยังมีวรยุทธยังไม่แข็งแกร่งพอจะนำน้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้นออกมา


“เมื่อ 2-3 ครั้งก่อนที่ผมมาที่นี่ รอยแยกแห่งมิติยังไม่น่ากลัวแบบนี้ ผมยังมองเห็นมิติแตกสลายที่อยู่ภายในได้ แต่ดูเหมือนความเสถียรของมิติจะน้อยลงไปทุกที” อ้าวเฟิงตั้งข้อสังเกตพร้อมกับขมวดคิ้ว


“ความเสถียรของมิติน้อยลงไปทุกที?”


“ใช่ เมื่อก่อนรอยแยกแห่งมิติยังไม่ใหญ่และรุนแรงขนาดนี้ เมื่อ 2-3 ครั้งก่อน ผมยังเข้าไปข้างในได้ แต่ก็ไม่อาจนำหญ้าจิตวิญญาณจอมราชันย์ออกมา ไม่นึกเลยว่าผ่านไปเพียงสิบปี มันจะมีสภาพแบบนี้” อ้าวเฟิงอธิบาย


จางเซวียนพยักหน้าขณะตรวจสอบรอยแยกแห่งมิติอย่างตั้งใจ


เมื่อ 10 ปีก่อนเขาไม่ได้อยู่ที่นี่ จึงบอกไม่ได้ว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร แต่ด้วยสภาพของรอยแยกแห่งมิติที่เห็นอยู่ตอนนี้ ด้วยระดับวรยุทธที่เขามี คงไม่อาจเข้าไปข้างในได้ง่ายนัก


จางเซวียนหันไปถามหลัวฉีฉี “คุณพอจะรักษาความเสถียรของมิติในนั้นได้ไหม?”


ในฐานะผู้ควบคุมเครื่องเก็บงำมิติ ความสามารถของหลัวฉีฉีในการควบคุมมิติเหนือชั้นกว่าแม้แต่ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติ หากจะมีใครสักคนทำได้ ก็ต้องเป็นเธอ


“คิดว่าทำได้นะ แต่คงอยู่ได้ไม่นาน” หลัวฉีฉีตอบ


“นานแค่ไหน?”


“นานสุด…ก็แค่ 20 อึดใจ!”


“เท่านั้นก็พอแล้ว” จางเซวียนตอบยิ้มๆ “ผมจะพยายามนำหญ้าจิตวิญญาณจอมราชันย์ออกมาให้ได้ภายใน 20 อึดใจ”


“ตามนั้น” หลัวฉีฉีตอบ


เธอเดินเข้าหารอยแยกแห่งมิติ จากนั้นก็กลายร่างเป็นลูกทรงกลมลูกหนึ่ง


เสียงหึ่งเบาๆดังออกมาจากลูกทรงกลมนั้น แล้วคลื่นความสั่นสะเทือนของมิติที่อยู่ภายในรอยแยกแห่งมิติก็สงบลงทันที แม้แต่ลำแสง 7 สีก็แข็งทื่อ ไม่ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวสักนิด


“ฮะ…” อ้าวเฟิงกระพริบตาปริบๆอย่างงุนงง


ที่ผ่านมา เขาคิดว่าสาวน้อยคนนี้เป็นแค่ราชันย์เทพเจ้าธรรมดาๆคนหนึ่งที่คอยรับใช้ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติแห่ง 9 น่านฟ้า ใครจะไปรู้ว่าแท้ที่จริงแล้วตัวเธอก็คือผู้ทรงพลังคนหนึ่ง!


ทั้งที่ตัวเขาเป็นถึงราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติ แต่อ้าวเฟิงก็ไม่อาจทำอะไรแบบนี้ได้


พูดอีกอย่างก็คือ ถ้าเขาสู้กับสาวน้อยคนนี้ ต่อให้มีวรยุทธสูงกว่า ก็เอาชนะเธอไม่ได้อยู่ดี!


สมแล้วที่เป็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติแห่ง 9 น่านฟ้า แม้ผู้ติดตามเขาก็เก่งกาจอย่างที่ไม่อาจสบประมาทได้


ฟึ่บ!


ทันทีที่หลัวฉีฉีทำให้มิติที่อยู่ภายในรอยแยกแห่งมิติเกิดความเสถียรได้สำเร็จ จางเซวียนก็กระโจนเข้าไป


เขาเล็ดลอดผ่านลำแสง 7 สีและสำรวจสภาพแวดล้อมโดยรอบอย่างรวดเร็ว


ตอนแรก จางเซวียนคิดว่ารอยแยกแห่งมิติเป็นแค่ความเสียหายทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นบนดินแดนผืนหนึ่ง แต่หลังจากได้เข้ามา ก็รู้ทันทีว่าเขาประเมินธรรมชาติของมันต่ำไป เพราะหากปล่อยไว้ ในท้ายที่สุดมันจะกลืนกินดินแดนนี้ทั้งหมด


“นี่มันพลังงานแบบเดียวกัน…” จางเซวียนขมวดคิ้วขณะสำรวจลึกเข้าไป


เขารู้สึกได้ถึงกระแสพลังงานที่ทรงพลังและน่าหวาดกลัวในส่วนลึกของรอยแยกแห่งมิติ มันเพิ่มความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ พลังงานนี้เหมือนกันเป๊ะกับกลุ่มพลังงานสีเทาที่เขาพบในส่วนลึกของลำธารในหุบเขา รวมทั้งหลุมดำที่อยู่ใต้เมืองหลวงแห่งจิตวิญญาณต้นกำเนิด


จางเซวียนรีบใช้พลังปราณจากเวทนาสวรรค์ห่อหุ้มร่างของเขาไว้ก่อนจะรุดหน้าต่อไป


ไม่ช้า ก็พบหญ้าจิตวิญญาณจอมราชันย์ 3 ต้นลอยอยู่ท่ามกลางความมืด ดูเหมือนใกล้จะถูกความมืดมิดตรงนั้นกลืนกินอยู่รอมร่อ


เศษเสี้ยวของมิติที่แตกสลายที่ลอยเข้าใกล้หญ้าจิตวิญญาณจอมราชันย์จะถูกมันกลืนลงไป ทำให้ใบหญ้าเขียวชอุ่มขึ้นอีก


ตำนานกล่าวไว้ว่าหญ้าจิตวิญญาณจอมราชันย์เติบโตด้วยการซึมซับเศษเสี้ยวของมิติ ส่งผลให้มันมีอำนาจควบคุมมิติได้ ดูเหมือนเรื่องนี้จะเป็นความจริง จางเซวียนครุ่นคิด


หญ้าจิตวิญญาณจอมราชันย์ไม่เหมือนกับสมุนไพรชนิดอื่นที่เติบโตด้วยพลังจิตวิญญาณ มันอยู่ได้ด้วยการกลืนกินเศษเสี้ยวของมิติ ทำให้มีความพิเศษ


เรารู้สึกได้ว่าต้องมีใครสักคนจงใจปลูกหญ้าจิตวิญญาณจอมราชันย์ไว้ที่นี่เพื่อสร้างความเสถียรให้กับรอยแยกแห่งมิติ


รอยแยกแห่งมิติแห่งนี้เกิดขึ้นจากกลุ่มพลังงานสีเทาที่มีอานุภาพเจือจางได้แม้แต่พลังปราณเทียบฟ้า ดังนั้น จึงเป็นธรรมดาที่มันจะแผ่ขยายอาณาเขตออกไปอย่างต่อเนื่องขณะกลืนกินพลังงานที่อยู่โดยรอบ


เท่าที่จางเซวียนได้รู้จากอ้าวเฟิง รอยแยกนี้เกิดขึ้นมา 40 ปีแล้ว แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ป่านนี้มันก็น่าจะกลืนกินทะเลสาบท่วมท้นไปจนหมด ไม่น่าจะมีขนาดเล็กอย่างที่เห็น


เป็นเพราะหญ้าจิตวิญญาณจอมราชันย์ที่ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดโศกนาฏกรรมแบบนั้น


รากของมันร้อยรัดรอยแยกแห่งมิติไว้ ด้วยการจำกัดการแผ่ขยายอาณาเขตและการซึมซับเศษเสี้ยวของมิติ จึงช่วยป้องกันไม่ให้เศษเสี้ยวของมิติออกฤทธิ์ทำลายความเสถียรของมิติที่อยู่โดยรอบ สิ่งนี้ทำให้การขยายอาณาเขตของรอยแยกแห่งมิติช้ากว่าเดิมมาก


ดูจะบังเอิญเกินไปที่หญ้าจิตวิญญาณจอมราชันย์ปรากฏในสถานที่ที่มันมีความจำเป็นขนาดนี้


แต่หากจะบอกว่าใครสักคนจงใจปลูกมันไว้ ก็แล้วจะเป็นใคร? บรรดาจอมราชันย์ไม่อาจเข้าสู่ทะเลท่วมท้นได้ และราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติก็ไม่น่าจะทำสำเร็จ


ครืดดดด!


ขณะที่จางเซวียนกำลังครุ่นคิด ก็รู้สึกได้ว่ามิติรอบตัวที่เคยแข็งทื่อเริ่มเกิดรอยร้าว ดูเหมือนหลัวฉีฉีใกล้หมดแรงแล้ว


เราจะมัวเสียเวลาไม่ได้…


หลัวฉีฉีต้านทานได้เพียง 20 อึดใจเท่านั้น และตอนนี้เวลาก็ผ่านไปกว่าครึ่ง เขาต้องรีบตัดสินใจโดยด่วน


เป้าหมายหลักของจางเซวียนคือนำหญ้าจิตวิญญาณจอมราชันย์ทั้ง 3 ต้นออกไป แต่หากทำแบบนั้น ก็จะเสี่ยงกับการลดทอนความเสถียรของรอยแยกแห่งมิติซึ่งเคยอยู่ในสภาวะที่ควบคุมได้


อาจเกิดผลกระทบที่คาดไม่ถึงตามมาหากเขาทำอย่างนั้น รอยแยกนี้อาจกลืนกินทะเลท่วมท้นจนหมด และอาจลงเอยด้วยการที่รอยร้าวเหนือทะเลท่วมท้นแผ่ขยายอาณาเขตออกไป เร่งการพังทลายของสรวงสวรรค์ให้เร็วขึ้นอีก!


แต่หากเขาทิ้งหญ้าจิตวิญญาณจอมราชันย์ไว้ที่นี่…


จางเซวียนดูออกว่าหญ้าจิตวิญญาณจอมราชันย์ไม่อาจยับยั้งการขยายอาณาเขตของรอยแยกแห่งมิติได้อีกแล้ว นี่คือเหตุผลว่าทำไมอ้าวเฟิงถึงแปลกใจที่มันแผ่วงกว้างและดูรุนแรงได้ขนาดนี้ทั้งที่เวลาผ่านไปเพียงสิบปี


เป็นไปได้ว่าอีกเพียง 1 หรือ 2 เดือนข้างหน้า ทุกอย่างก็คงแหลกสลาย


การไหลบ่าของพลังจิตวิญญาณครั้งนี้คงเป็นครั้งสุดท้าย…


ตอนที่จางเซวียนได้ยินว่าการไหลบ่าของพลังจิตวิญญาณเกิดขึ้นทุก 10 ปี เขาก็เข้าใจว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้สรวงสวรรค์ได้รับทรัพยากรอย่างไม่มีวันจบสิ้น


แต่เขาประเมินความรุนแรงของปัญหาต่ำไปมาก


การไหลบ่าของพลังจิตวิญญาณเป็นปรากฏการณ์ที่ผิดปกติ พิสูจน์ได้จากความไม่เสถียรของทะเลท่วมท้น ซึ่งอีกไม่ช้าไม่นาน ความสงบชั่วคราวนี้ก็จะแตกสลายไป


ถึงตอนนั้น ไม่เพียงแต่การไหลบ่าของพลังจิตวิญญาณจะสิ้นสุด การพังทลายของทะเลท่วมท้นอาจทำให้ความพินาศวอดวายรุนแรงขึ้นด้วย!


นั่นอธิบายได้ว่าทำไมลั่วชิงกับปรมาจารย์ขงจึงร้อนใจและอยากทำสงครามสวรรค์ให้เสร็จสิ้น…


เมื่อได้เข้ามาสัมผัสทุกอย่างด้วยตัวเอง จางเซวียนถึงเข้าใจว่าสถานการณ์เร่งด่วนแค่ไหน ความคิดที่ผ่านมาของเขาล้วนแต่ตื้นเขินเกินไป


สรวงสวรรค์ซับซ้อนกว่าที่เขาคิดไว้มาก วิกฤตการณ์ต่างๆจะไม่หายไปเพียงเพราะเขาพยายามยื้อหรือยับยั้งสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ในท้ายที่สุด เมื่อสรวงสวรรค์ถูกทำลาย เขาก็ต้องได้รับผลกระทบอยู่ดี


พูดอีกอย่างก็คือ ไม่ว่าเขาจะตัดสินใจเข้าร่วมสงครามสวรรค์หรือไม่ ชะตาชีวิตของเขาก็ถูกลิขิตมาแล้วว่าจะไม่มีวันได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข


แต่หากเศษเสี้ยวทั้งหมดของสวรรค์ถูกนำมารวมกันได้ อย่างน้อยที่สุดทุกคนก็ยังพอมีความหวัง

 

 

 


ตอนที่ 2324 ใครบางคนเร็วกว่าพวกเรา!

 

“เอาเถอะ ถ้าอยู่ได้อีกสักเดือนสองเดือนก็คงดี” จางเซวียนพึมพำ


เขาหันหลังกลับโดยไม่เด็ดหญ้าจิตวิญญาณจอมราชันย์ จากนั้นก็เดินไปหาเครื่องเก็บงำมิติที่ลอยอยู่และพูดว่า “ไปกันเถอะ”


“ฉันยังไหว เร็วเข้า รีบนำหญ้าจิตวิญญาณจอมราชันย์ออกมาก่อน” หลัวฉีฉีตอบอย่างร้อนใจ


เป้าหมายของพวกเขาคือนำหญ้าจิตวิญญาณจอมราชันย์มาให้ได้ แล้วทำไมจางเซวียนถึงไม่เด็ดมา?


“ไม่จำเป็นแล้วล่ะ” จางเซวียนตอบขณะคว้าลูกทรงกลมที่ลอยอยู่กลางอากาศและฉุดเธอออกจากรอยแยกแห่งมิติ จากนั้นมิติที่อยู่ด้านหลังก็แตกสลาย ลำแสง 7 สีระเบิดออกมา


“เพราะอะไร?” หลัวฉีฉีไม่เข้าใจเหตุผลที่จางเซวียนทำแบบนี้


“ยังมีของล้ำค่าอีกมากมายที่ผมนำมาใช้ยกระดับวรยุทธได้ แต่สรวงสวรรค์มีเพียงหนึ่งเดียว” จางเซวียนตอบ


หากเขาได้หญ้าจิตวิญญาณจอมราชันย์มาก็คงดี แต่ก็ไม่ถือว่าเป็นสิ่งจำเป็น


มีสมุนไพรอีกมากที่จางเซวียนใช้ฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นจอมราชันย์ได้ เขาไม่ควรใช้ทะเลท่วมท้นกับสรวงสวรรค์เป็นเครื่องสังเวย


ในฐานะนักรบคนหนึ่งที่มาถึงสรวงสวรรค์ได้เพียง 1 เดือน เขายังไม่มีความรู้สึกผูกพันล้ำลึกกับที่นี่ อีกทั้งไม่ได้สูงส่งอย่างปรมาจารย์ขงที่มีความเมตตาปรานีมากมายให้กับทั้งโลก


แต่อย่างน้อยที่สุด ในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง จางเซวียนไม่อาจทนเห็นโลกทั้งใบแตกสลาย และผู้คนมากมายนับไม่ถ้วนต้องเสียชีวิต


เขาเริ่มเข้าใจแล้วว่าปรมาจารย์ขงกับหลัวลั่วชิงรู้สึกอย่างไร


ทั้งคู่แบกภาระและความรับผิดชอบหนักอึ้งไว้เต็มบ่า สองมือก็ถูกพันธนาการไว้ ไม่มีอิสระที่จะทำอะไรตามอำเภอใจได้เลย


“แต่เราจะหาสมุนไพรอื่นที่มีประสิทธิภาพเหมือนหญ้าจิตวิญญาณจอมราชันย์ได้ที่ไหน?” หลัวฉีฉีถามอย่างกระวนกระวาย “คุณจำเป็นต้องยกระดับวรยุทธโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้นะ”


หลัวฉีฉีไม่ใช่คนช่างพูด แต่ใส่ใจทุกอย่างที่อยู่รอบตัว แม้จะไม่รู้เรื่องสงครามสวรรค์ แต่เธอก็ดูออกว่าชายหนุ่มกำลังรีบ เขากระตือรือร้นที่จะยกระดับวรยุทธของตัวเองมาตลอดก็จริง แต่คราวนี้ดูจะร้อนอกร้อนใจกว่าที่เคย


สิ่งนี้ทำให้เธอรู้ว่าจางเซวียนน่าจะกำลังเผชิญกับสถานการณ์บีบบังคับบางอย่าง


แต่ในเมื่อชายหนุ่มไม่ปริปาก เธอก็ไม่ถาม เธอตัดสินใจแล้วว่าเพียงแค่ทำอะไรก็ตามที่จะช่วยเขาได้ในยามจำเป็นก็พอ


“ไม่เป็นไรน่ะ เดี๋ยวเราก็หาทางออกได้เอง” จางเซวียนตอบยิ้มๆขณะนำยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นสูงสุดเม็ดหนึ่งที่ได้จากแหวนเก็บสมบัติของหูเสี่ยวออกมา เขาถ่ายทอดพลังปราณจากเวทนาสวรรค์เข้าไปก่อนจะยื่นให้หลัวฉีฉี


เมื่อครู่นี้สาวน้อยใช้พละกำลังเกินพิกัดเพื่อรักษาความเสถียรของรอยแยกแห่งมิติไว้ ทำให้ได้รับความบอบช้ำภายในบางอย่าง


“ผมพอรู้จักสถานที่ที่มีสมุนไพรซึ่งช่วยยกระดับวรยุทธของจอมราชันย์ได้ ผมพาคุณไปที่นั่นได้นะ” อ้าวเฟิงเสนอ


จางเซวียนพยักหน้า


เพราะเคยเผชิญกับการไหลบ่าของพลังจิตวิญญาณมาแล้วถึง 3 ครั้ง แม้ทรัพย์สมบัติที่อ้าวเฟิงหามาได้จะยังเทียบไม่ได้กับสิ่งที่บรรดาศิษย์สายตรงของปรมาจารย์ขงได้รับ แต่เขาก็รู้แหล่งทรัพย์สมบัติอยู่ไม่น้อย


คงจะดีกว่ามากหากให้อีกฝ่ายนำทาง


ไม่ช้าทั้งกลุ่มก็มาถึงอีกพื้นที่หนึ่งซึ่งมีทรัพย์สมบัติล้ำค่าอยู่


“ดอกไม้เที่ยงคืน มันคือดอกไม้ที่จะเบ่งบานในเวลาเที่ยงคืนของคืนวันพระจันทร์เต็มดวงเท่านั้น ดอกไม้นี้ซึมซับน้ำทิพย์จากพระจันทร์มากว่าพันปีถึงจะแก่จัด แม้สภาวะต่างๆในทะเลท่วมท้นออกจะพิสดารอยู่สักหน่อย…แต่ดอกไม้เที่ยงคืนก็บานที่นี่ทุกๆ 10 ปี ครั้งล่าสุดที่ผมมา ก็เห็นมันอยู่ลึกเข้าไปในหุบเขาตรงนั้น” อ้าวเฟิงพูดขณะชี้นิ้วไป


จางเซวียนมองตาม เห็นหุบเขาเขียวชอุ่มที่ถูกห้อมล้อมด้วยฝูงจิตวิญญาณหลอกหลอนซึ่งมีวรยุทธระดับราชันย์เทพเจ้า


“ผมจะเข้าไปดู!”


เขาเปิดใช้งานเครื่องรางแห่งการปลอมตัวก่อนจะลัดเลาะเข้าไปในหุบเขา เพียงครู่เดียวก็หน้านิ่วคิ้วขมวดกลับมา “มีใครคนหนึ่งเด็ดมันไปแล้ว”


จางเซวียนดูออกว่าดอกไม้เที่ยงคืนเคยขึ้นอยู่ตรงนั้น แต่มีบางคนเด็ดมันตัดหน้าเขาไป


“มีคนพาพรรคพวกมาเด็ดดอกไม้เที่ยงคืนไปแล้วหรือ?” อ้าวเฟิงชะงัก


ดอกไม้เที่ยงคืนก็เหมือนกับน้ำทิพย์ปฐพีเข้มข้น คือมีจิตวิญญาณหลอกหลอนอารักขาอยู่ ทำให้แทบเป็นไปไม่ได้ที่นักรบสักคนจะเข้าไปเด็ดดอกไม้เที่ยงคืนด้วยตัวเอง หรือต่อให้มาเป็นกลุ่ม โอกาสประสบความสำเร็จก็มีไม่มากอยู่ดี


ดังนั้น จึงออกจะทำใจให้เชื่อได้ยากว่ามีคนเด็ดมันไปแล้ว แปลว่าราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติจำนวนหนึ่งร่วมมือกัน หรืออะไรทำนองนั้นหรือเปล่า?


เพราะถึงอย่างไร ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีพละกำลังล้ำลึกเกินหยั่งเหมือนชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขา


“ไม่น่าจะเป็นอย่างนั้น จากการแกะรอยของผม มีใครคนหนึ่งลอบเข้าไปในพื้นที่แล้วเด็ดดอกไม้เที่ยงคืนไปด้วย ดูเหมือนฝูงจิตวิญญาณหลอกหลอนก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันหายไป” จางเซวียนตอบ


เขาย่อมดูออกหากมีร่องรอยการต่อสู้ แต่ก็ไม่มีให้เห็น ชัดเจนว่านักรบปริศนาผู้นั้นคงไม่ต่างจากเขา คือแอบเข้าไปยังบริเวณที่ดอกไม้เที่ยงคืนขึ้นอยู่ แล้วเด็ดมันก่อนจะจากไปโดยไม่สร้างความแตกตื่นใดๆเลย


ซึ่งเหตุผลที่จางเซวียนทำแบบนั้นได้ก็เพราะมีเครื่องรางแห่งการปลอมตัว แล้วอีกฝ่ายทำได้อย่างไร?


“เอ่อ…ถ้าอย่างนั้น ไปอีกที่หนึ่งกันเถอะ ผมรู้จักที่อยู่ของเหล็กโดดเดี่ยว โลหะชนิดนี้ใช้หลอมเป็นของล้ำค่าระดับจอมราชันย์ได้ มันถูกฝังอยู่ในลาวาใต้ดิน ไม่ห่างจากที่นี่เท่าไหร่…”


ในเมื่อดอกไม้เที่ยงคืนถูกเด็ดไปแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องรีรออยู่ตรงนี้


“ไปกันเถอะ!” จางเซวียนพยักหน้า


เขามีอาวุธคู่มือแล้วก็จริง แต่ก็อาจนำเหล็กโดดเดี่ยวไปขายให้จอมราชันย์คนอื่นๆเพื่อแลกเป็นทรัพยากรสำหรับการฝึกฝนวรยุทธได้


ทั้ง 3 บินไปอย่างรวดเร็ว ราวสิบอึดใจก็มาถึงแอ่งลาวา


จางเซวียนใช้พลังปราณห่อหุ้มร่างของเขาไว้ก่อนจะดำดิ่งลงไปในแอ่งลาวา ไม่ช้าก็กลับขึ้นมาด้วยสีหน้าท้อแท้ “เหล็กโดดเดี่ยวที่คุณพูดถึงน่ะ หายไปแล้ว”


“เป็นไปไม่ได้!” อ้าวเฟิงส่ายหน้าอย่างไม่อยากเชื่อ


อุณหภูมิในแอ่งลาวาที่อยู่ตรงหน้าพวกเขานั้นสูงจนแม้ของล้ำค่าระดับราชันย์เทพเจ้าก็หลอมละลายในชั่วพริบตา ต่อให้นักรบที่แข็งแกร่งระดับอ้าวเฟิงก็ยังไม่กล้าลงไป แล้วใครกันที่ดำดิ่งลงสู่แอ่งลาวาและแอบนำเหล็กโดดเดี่ยวออกไปได้?


“คุณยังรู้แหล่งที่อยู่ของทรัพย์สมบัติชนิดอื่นๆอีกไหม?”


รู้ดีว่ามีเวลาจำกัด จางเซวียนเร่งอ้าวเฟิง


“ผมรู้จักสถานที่อีกแห่งหนึ่งซึ่งมีอุกกาบาตจากโลกอื่น ในครั้งนั้น จอมราชันย์พิชิตสวรรค์กับราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติในสังกัดของเขาอีก 3 คนพยายามนำมันออกมา แต่ก็ทำไม่สำเร็จ ครั้งสุดท้ายที่ผมไปที่นั่น อุกกาบาตจากโลกอื่นก้อนนี้ก็ยังอยู่” อ้าวเฟิงพูด


เขาเริ่มสูญเสียความมั่นใจหลังจากชวดของล้ำค่าไปแล้วถึง 2 ครั้ง


“พาผมไปที่นั่น” จางเซวียนสั่งการ


ทั้ง 3 รีบออกเดินทาง คราวนี้ที่หมายของพวกเขาคือภูเขาน้ำแข็งลูกหนึ่ง มันแผ่ความเย็นเยือกออกมา หนาวเย็นขนาดที่อาจทำให้พลังปราณของนักรบระดับราชันย์เทพเจ้ากลายเป็นน้ำแข็งได้


“ฉันไม่คิดว่าจะมีใครมาที่นี่หรอก” หลัวฉีฉีพูด


น้ำแข็งในบริเวณนี้มีมากมายเสียจนแม้ตัวเธอก็ยังเข้าไปได้ยาก นับประสาอะไรกับราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติคนอื่นๆ


“พวกคุณรอตรงนี้ก็แล้วกัน ผมจะเข้าไปดู” จางเซวียนพูด


เขาขับเคลื่อนพลังปราณของเวทนาสวรรค์ จากนั้นก็รีบทำตัวให้คุ้นชินกับความหนาวเย็นก่อนจะเดินหน้าเข้าไป


ราวสิบนาทีให้หลัง จางเซวียนก็กลับมาด้วยสีหน้าเจื่อนๆ “เรามาช้าไปอีกแล้ว…”


ภูเขาน้ำแข็งลูกนี้หนาวยะเยือกขึ้นเรื่อยๆเมื่อสำรวจลึกเข้าไป แม้จางเซวียนก็ยังต้านทานแทบไม่ไหว แต่เขาก็ไม่พบอุกกาบาตจากโลกอื่นที่อ้าวเฟิงพูดถึง เท่าที่ดูจากร่องรอยในบริเวณนั้น ดูเหมือนใครสักคนคว้ามันตัดหน้าพวกเขาไปแล้ว


ทั้ง 3 คนไปมาแล้วถึง 3 แห่ง แต่ของล้ำค่าก็ถูกใครคนหนึ่งปาดหน้าเค้กไป ทั้งที่การไหลบ่าของพลังจิตวิญญาณเพิ่งเริ่มได้เพียงไม่กี่ชั่วโมง แต่ดูเหมือนทั่วทั้งพื้นที่จะถูกกวาดจนเกลี้ยง


ใครกันที่คว้าของล้ำค่าทุกชิ้นไปได้รวดเร็วขนาดนั้น?


จางเซวียนหันไปตั้งคำถามกับอ้าวเฟิงด้วยความงุนงง “ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มีราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติที่เก่งกาจไร้เทียมทานปรากฏตัวในสรวงสวรรค์บ้างหรือเปล่า?”


ไม่ว่าจะเป็นดอกไม้เที่ยงคืน เหล็กโดดเดี่ยว หรืออุกกาบาตจากโลกอื่น สภาพแวดล้อมที่พวกมันอาศัยอยู่ก็ไม่ใช่ที่ที่ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติส่วนใหญ่จะเข้าไปได้ง่าย ไม่อย่างนั้น อ้าวเฟิงคงฉกฉวยของล้ำค่าเหล่านั้นไปเป็นของตัวเองแล้ว


แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีใครคนหนึ่งตัดหน้าพวกเขาไปได้ตลอด


อีกฝ่ายจะต้องไร้เทียมทานขนาดไหน?


อ้าวเฟิงครุ่นคิดครู่หนึ่ง “การปรากฏตัวของจอมราชันพิชิตสวรรค์ทำให้จอมราชันย์ทุกคนเริ่มหันมาสนใจการไหลบ่าของพลังจิตวิญญาณ พวกเขาทุ่มเททรัพยากรมหาศาลเพื่อบ่มเพาะนักรบที่เก่งกาจขึ้นมากลุ่มหนึ่ง…”


“เท่าที่ผมรู้ น่านฟ้ามังกรเมฆของเราบ่มเพาะนักรบขึ้นมาสามคนด้วยการใช้กระจกเงาแห่งมิติและเวลาเพื่อบิดเบี้ยวกฎเกณฑ์แห่งกาลเวลาให้ผิดเพี้ยนไป พวกเขาผ่านบททดสอบและได้รับตำแหน่งทรงเกียรติจากจอมราชันย์มังกรเมฆตั้งแต่ก่อนที่การไหลบ่าของพลังจิตวิญญาณจะมาถึง ผมยังไม่เคยพบพวกเขา แต่ดูเหมือนทั้งสามจะมีพละกำลังเหนือชั้นกว่าราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติคนอื่นๆ”


“อย่างนั้นหรือ?” จางเซวียนขมวดคิ้ว


หรือว่าจอมราชันย์ทั้ง 9 รู้ดีว่านี่คือการไหลบ่าของพลังจิตวิญญาณครั้งสุดท้าย จึงทุ่มสุดตัวเพื่อให้แน่ใจว่าจะมีชีวิตรอด?


จางเซวียนถามต่ออย่างข้องใจ “คุณรู้ชื่อของราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติ 3 คนนั้นไหม?”


“ชื่อของพวกเขาคือขงซือเหยา, หลิวหยาง…และผมคิดว่าอีกคนหนึ่งชื่อ…จางจิ่วเซี่ยว” อ้าวเฟิงตอบ


“เป็นพวกนั้นหรือ?” จางเซวียนประหลาดใจเล็กน้อย


เขานึกกังวลตลอดมาตั้งแต่บรรดาศิษย์สายตรงของเขาถูกเหล่าจอมราชันย์นำตัวไป แต่ก็โล่งใจไปเปลาะหนึ่งหลังจากได้รู้ว่าหวังหยิ่งกับเว่ยหรูเหยียนสุขสบายดีที่น่านฟ้าหลิงหลง แต่จากข้อมูลที่ได้ตอนนี้ ก็ดูเหมือนเกือบทุกคนจะไต่เต้าไปเป็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติได้สำเร็จแล้ว


จางเซวียนรู้สึกเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก


แต่พูดก็พูดเถอะ…ระดับวรยุทธของเจ้าพวกนั้นจะพัฒนาเร็วไปหน่อยไหม?


โชคดีที่ตัวเขามีวรยุทธระดับเดียวกันแล้ว ไม่อย่างนั้น จะน่าอับอายแค่ไหนหากได้พบกันอีกครั้งแล้วพบว่าเทียบชั้นกับศิษย์สายตรงของตัวเองไม่ได้?

 

 

 


ตอนที่ 2325 ยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศ!

 

“ก็เป็นอย่างนั้นแหละ และไม่ใช่แค่น่านฟ้ามังกรเมฆเท่านั้นนะที่ทำแบบนี้ ผมได้ยินว่านักรบทรงพลังคนหนึ่งที่ชื่อจ้าวหย่าจากน่านฟ้าทองคำแข็งกล้าเพิ่งได้รับตำแหน่งทรงเกียรติเมื่อไม่นานนี้เอง และสภาวะพิเศษที่เธอมีก็ทำให้เอาชนะคู่ต่อสู้คนไหนก็ตามได้อย่างง่ายดาย”


“ส่วนที่น่านฟ้าตะวันแผดเผา มีนักดาบผู้เก่งกาจคนหนึ่งชื่อเจิ้งหยาง ฝีมือการสำแดงศิลปะเพลงดาบของเขาเล่นงานคู่ต่อสู้ไปแล้วมากมาย”


“จอมราชันย์ปีศาจเฉียนคุ่นก็ดูเหมือนจะรับศิษย์สายตรงไว้คนหนึ่ง ชื่อลู่ชง เขาเชี่ยวชาญเป็นเลิศในศาสตร์แห่งจิตวิญญาณ เป็นรองเพียงแค่จอมราชันย์เท่านั้น”


“น่านฟ้าหลิงหลงรับนักรบไว้ 2 คน ชื่อเว่ยหรูเหยียนกับหวังหยิ่ง คนหนึ่งมีความสามารถอันน่าสะพรึงในการใช้ยาพิษ ขณะที่อีกคนขึ้นชื่อว่าสามารถมอบชีวิตจิตใจให้กับทุกสิ่งได้แม้สิ่งนั้นจะไม่มีชีวิตก็ตาม”


“สำหรับน่านฟ้านรกโลกันต์ จอมราชันย์นรกโลกันต์ได้ให้คำชี้แนะเป็นส่วนตัวกับนักรบสามคน ชื่อหยวนเทา ตั้นเฉี่ยวเทียน และไป๋เหรินชิง พวกเขากลายเป็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติเช่นกัน”


“แม้ทุกคนจะเพิ่งรับตำแหน่งได้ไม่นาน แต่ความแข็งแกร่งของพวกเขาก็ไม่ใช่เรื่องที่จะสบประมาทได้ ในแง่ของประสิทธิภาพการต่อสู้ ก็เหนือชั้นกว่าราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติที่คร่ำหวอดสนามรบอย่างผมเสียอีก!”


อ้าวเฟิงเล่าความเป็นไปในสรวงสวรรค์อย่างยืดยาวโดยไม่รู้สึกถึงสีหน้าพิลึกพิลั่นของจางเซวียน จากนั้นก็ตั้งคำถามอย่างเคร่งเครียด “คุณคิดว่านักรบพวกนั้นคือผู้คว้าของล้ำค่าตัดหน้าเราไปหรือเปล่า?”


“คือ…” จางเซวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่


เท่าที่เห็น ก็น่าจะเป็นแบบนั้น


เขาไม่รู้ว่าราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติคนอื่นๆทรงพลังแค่ไหน แต่หากเป็นบรรดาศิษย์สายตรงของเขา ด้วยเคล็ดวิชาเทียบฟ้าฉบับเรียบง่ายที่ทุกคนได้ฝึกฝนและรากฐานวรยุทธอันแข็งแกร่งที่สั่งสม มานานปี ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าประสิทธิภาพการต่อสู้ของพวกนั้นย่อมเป็นเลิศ


อาจเอาชนะได้แม้ศิษย์สายตรงของปรมาจารย์ขงด้วยซ้ำ!


ไม่ใช่ว่าความสามารถในฐานะครูบาอาจารย์ของจางเซวียนเหนือชั้นกว่าปรมาจารย์ขง แต่เศษเสี้ยวสวรรค์ที่ตัวเขากับปรมาจารย์ขงครอบครองนั้นต่างกันอย่างสิ้นเชิง


ลิขิตสวรรค์คืออำนาจที่ทำให้ผู้นั้นสามารถควบคุมโครงสร้างของโลกและมีเวลาฝึกฝนวรยุทธนานขึ้น ส่วนมลทินสวรรค์คือความสามารถที่ทำให้มองเห็นข้อบกพร่องต่างๆและแก้ไขมันได้


แน่นอนว่ามลทินสวรรค์ย่อมมีประสิทธิภาพมากกว่าเมื่อเป็นเรื่องของการวางรากฐานวรยุทธ


“ทั้งสิบเอ็ดคนเก่งกาจมากจริงๆ ถ้ามีพวกเขาเพียงหนึ่งหรือสองคนล่ะก็ คุณคงเอาชนะได้ไม่ยาก แต่หากคนเหล่านั้นผนึกกำลังกัน ผมเกรงว่าแม้แต่คุณก็คงลำบากหากต้องฉกฉวยของล้ำค่ามาจากพวกเขา ผู้อาวุโส…ถึงคุณจะเป็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติแห่ง 9 น่านฟ้า แต่ผมก็ขอแนะนำว่าอย่าเผชิญหน้ากับพวกนั้นจะดีกว่า” อ้าวเฟิงพูดอย่างเป็นห่วง


เขาได้เห็นพละกำลังของชายหนุ่มแล้วตอนที่อีกฝ่ายต่อสู้กับหูเสี่ยว แต่ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติทั้ง 11 คนนั้นก็ไม่ใช่นักรบที่ใครจะเล่นงานได้ง่ายๆ แถมทุกคนก็มีของล้ำค่าของจอมราชันย์อยู่กับตัว หากผนึกกำลังกันเมื่อไหร่ ก็จะกลายเป็นกองกำลังที่น่าสะพรึงที่สุด


นั่นคือเหตุผลที่เหล่าศิษย์สายตรงของจอมราชันย์พิชิตสวรรค์เป็นคู่ต่อสู้ที่ไม่มีใครเทียบชั้นได้ในการไหลบ่าของพลังจิตวิญญาณครั้งที่ผ่านมา เพราะไม่เพียงแต่ทุกคนจะมีความแข็งแกร่งเฉพาะตัว การทำงานเป็นทีมของพวกเขายังถือเป็นสุดยอด หากไม่มีจอมราชันย์เข้ามายุ่งเกี่ยว ก็ไม่มีนักรบคนไหนในโลกนี้จะเอาชนะพวกเขาได้


“เผชิญหน้ากับพวกนั้น?” ได้ฟังอ้าวเฟิง จางเซวียนหัวเราะหึๆก่อนจะตอบว่า “วางใจเถอะ เรื่องแบบนั้นไม่เกิดขึ้นหรอก”


เขาโบกมือ จากนั้นก็มองอ้าวเฟิงและถามต่อ “นอกจากของล้ำค่าทั้งสามชิ้น ในทะเลท่วมท้นยังมีของล้ำค่าอื่นๆที่คุณรู้จักอีกไหม?”


ไม่ว่าทรัพย์สมบัติเหล่านั้นจะถูกนำออกไปโดยศิษย์สายตรงของเขาหรือคนอื่น จางเซวียนก็ไม่คิดจะไปฉกฉวยกลับมาอยู่แล้ว ดังนั้น คิดมากไปก็ไม่มีประโยชน์


ทะเลท่วมท้นกว้างใหญ่ไพศาลถึงขนาดที่ต้องใช้เวลาไม่น้อยหากจะสำรวจให้ทั่ว น่าจะดีกว่าหากเดินตามผู้ที่เคยมีประสบการณ์มาก่อน ในสายตาของเขา แม้วรยุทธของอ้าวเฟิงจะไม่เท่าไหร่ แต่ความรู้เรื่องทะเลท่วมท้นที่อีกฝ่ายมีถือว่าประเมินค่ามิได้


อ้าวเฟิงครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะตอบอย่างระมัดระวัง “มีของล้ำค่าชิ้นสุดท้ายที่ผมนึกออก มันคือทรัพย์สมบัติที่มีมูลค่ามากที่สุดเท่าที่ชั่วชีวิตของผมเคยเห็นมา หากจอมราชันย์คนไหนได้ไป ก็จะยกระดับวรยุทธให้สูงขึ้นอีกได้…แต่ก็ไม่เคยมีใครได้ครอบครอง มันอยู่ตรงนั้นมาหลายสิบปีแล้ว”


“ของล้ำค่าที่ยกระดับวรยุทธของจอมราชันย์ให้สูงขึ้นอีกได้? มันคืออะไร?” จางเซวียนซักไซ้


ถ้ามีของล้ำค่าแบบนั้นอยู่จริง ก็คงเป็นบางสิ่งที่ทําให้นักรบมากมายนับไม่ถ้วนกระเหี้ยนกระหือรืออยากได้มัน


อ้าวเฟิงตอบด้วยนัยน์ตาเป็นประกาย “มันคือยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศ!”


“ยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศ?” จางเซวียนเลิกคิ้ว


เขาไม่เคยเห็นชื่อนี้ในหนังสือเล่มไหนก็ตามที่เคยอ่าน แต่มันไม่ใช่สมุนไพรแน่


“มันคือยาเม็ดระดับจอมราชันย์” อ้าวเฟิงตอบ


“ยาเม็ด? ทำไมยาเม็ดถึงมาอยู่ที่นี่?” จางเซวียนขมวดคิ้ว


ทะเลท่วมท้นคือดินแดนที่สับสนปั่นป่วนจนไม่มีใครอาศัยอยู่ได้ แล้วทำไมถึงมียาเม็ดอยู่ที่นี่ แถมยังเป็นยาเม็ดระดับจอมราชันย์ด้วย?


“ว่ากันว่าก่อนที่จอมราชันย์พิชิตสวรรค์จะได้เป็นจอมราชันย์ เขาเข้าสู่ทะเลท่วมท้น และด้วยทักษะการหลอมยาอันเหนือชั้นของเขา เขาได้หลอมยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศขึ้นมา ในครั้งนั้น เขาหลอมได้ 2 เม็ด จากนั้นก็กินเข้าไปเม็ดหนึ่งและฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นจอมราชันย์ได้สำเร็จ การฝ่าด่านวรยุทธครั้งนั้นส่งผลให้การทดสอบวรยุทธถูกเรียกมา และทะเลสาบท่วมท้นซึ่งปราศจากความมั่นคงอยู่แล้วก็ยิ่งปั่นป่วนหนักขึ้นอีก ท่ามกลางความปั่นป่วนนั้น ยาเม็ดที่ 2 ได้อันตรธานไป…”


“ในภายหลัง จอมราชันย์พิชิตสวรรค์ได้สั่งการให้เหล่าศิษย์สายตรงของเขาตามหายาเม็ดที่ 2 แต่ก็ไม่มีใครหาเจอจนถึงวันนี้ ดังนั้น มันจึงยังอยู่ที่นี่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา แม้จะไม่ได้มีพละกำลังของจอมราชันย์ตัวจริง แต่ก็แน่นอนว่ามันเหนือชั้นกว่าราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติโดยทั่วไป” อ้าวเฟิงอธิบาย


“จอมราชันย์พิชิตสวรรค์เป็นผู้หลอมยานั้น?” จางเซวียนตาโต


ถ้าจะมีใครสักคนในโลกใบนี้ที่หลอมยาเม็ดระดับจอมราชันย์ได้ทั้งที่ยังไม่ได้เป็นจอมราชันย์ ก็คงมีแต่ปรมาจารย์ขงผู้เก่งกาจเพียงคนเดียว


ในเมื่อยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศทำให้นักรบคนหนึ่งกลายเป็นจอมราชันย์ได้ หากเราได้มันมา ก็น่าจะฝ่าด่านวรยุทธได้สำเร็จเหมือนกัน ใช่ไหม? จางเซวียนครุ่นคิดขณะกำหมัดแน่น


“แล้วยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศอยู่ที่ไหน?” จางเซวียนถาม


“บอกตามตรงนะ ผมเองก็ไม่แน่ใจ ผมเคยเห็นมันครั้งหนึ่งในการไหลบ่าของพลังจิตวิญญาณที่ผ่านมา และตอนนั้นก็เกือบเอาชีวิตไปทิ้ง” อ้าวเฟิงตอบ


“แปลว่า…คุณไม่รู้?”


“ยานั้นมีชีวิตจิตใจและแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้ มันมีทักษะชั้นยอดในการปกปิดตัวเอง แถมยังเล่นงานผู้ที่สะกดรอยตามมันได้ด้วย ทำให้เป็นคู่ต่อสู้ที่ยากจะรับมือ…ในการไหลบ่าของพลังจิตวิญญาณครั้งก่อน มันสังหารราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติอ้าวเย่แห่งน่านฟ้ามังกรเมฆของเรา” อ้าวเฟิงส่ายหน้า


แม้ในดินแดนนี้จะเต็มไปด้วยอันตรายทุกรูปแบบ แต่สิ่งที่เขาหวาดกลัวที่สุดก็คือยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศ


มันกลายร่างกลับเป็นยาเม็ดได้ ซ่อนตัวอยู่ได้แม้ในมิติที่คับแคบที่สุดโดยไม่มีรังสีรั่วไหลออกมา มันเหมือนฆาตกรผู้สมบูรณ์เพียบพร้อมที่ปลิดชีวิตนักรบในทะเลท่วมท้นได้คนแล้วคนเล่า


แค่หวนนึกถึงสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในครั้งนั้น ก็ทำเอาเขาเย็นเยือกไปถึงกระดูกสันหลัง


ตอนนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะบรรดาศิษย์สายตรงของจอมราชันย์พิชิตสวรรค์บังเอิญผ่านมา เขาคงตายไปแล้ว!


“เมื่อคราวก่อน คุณพบมันที่ไหน?” จางเซวียนถามต่อ


“ผมมันที่ทะเลสาบดาวหาง!”


ทะเลสาบดาวหางคือดินแดนอันตรายอีกแห่งหนึ่งในทะเลท่วมท้น ที่นั่นมีดาวหางและอุกกาบาตพุ่งเข้ามาจากทุกทิศทาง เกิดเป็นบางอย่างที่สอดประสานกันจนเหมือนกับค่ายกลขนาดใหญ่


ถ้าไม่ใช่เพราะอยากเข้าไปเสาะหาสมบัติล้ำค่าในนั้น ต่อให้ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติที่แข็งแกร่งที่สุดก็ไม่อยากเฉียดกรายเข้าใกล้


“งั้นไปที่นั่นกันเถอะ” จางเซวียนพูด


หลังจากได้พิกัดจากอ้าวเฟิง จางเซวียนก็รีบเปิดเส้นทางของมิติ


สิ่งแรกที่ปรากฏให้เห็นเมื่อเดินออกจากเส้นทางของมิติก็คือทะเลสาบขนาดใหญ่ที่ทอดยาวสูงขึ้นไปจนถึงกลางอากาศ มีดาวหางมากมายนับไม่ถ้วนพุ่งฉิวไปมา เปล่งแสงเจิดจ้า


ดาวหางเหล่านั้นปะทะกันเป็นระยะๆ เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น คลื่นความสั่นสะเทือนแผ่ออกมาเป็นชุด มิติที่อยู่โดยรอบแทบจะแหลกสลายกลายเป็นรอยแยกแห่งมิติสีดำ


“สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในทะเลสาบดาวหางไม่ใช่ตัวดาวหางหรือการปะทะของพวกมัน แต่เป็นแรงโน้มถ่วงภายในนั้นที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา” อ้าวเฟิงอธิบายอย่างเคร่งเครียด “ดาวหางพวกนี้มีน้ำหนักมากจนเหลือเชื่อแม้จะมีขนาดเล็ก และด้วยการเคลื่อนไหวที่จับทิศทางไม่ได้ สนามแรงโน้มถ่วงในบริเวณนี้จึงเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาจนสับสนและสุดจะปั่นป่วน”


จางเซวียนขมวดคิ้ว


เขาเคยเจอกับการเปลี่ยนแปลงอย่างปุบปับของสนามแรงโน้มถ่วงมาแล้วเมื่อตอนอยู่ที่สะพานเบื้องบน ในครั้งนั้น ศูนย์กลางของแรงโน้มถ่วงเบี่ยงเบนไปเพียง 90 องศา แต่ก็ทำให้เขาปรับตัวไม่ได้ไปพักหนึ่ง


แต่ในทะเลสาบดาวหาง มีดาวหางทุกรูปแบบพุ่งฉิวไปมาจากทุกทิศทาง เหมือนลูกปิงปองที่ลอยว่อนไปมาในพื้นที่ปิด


หากสนามแรงโน้มถ่วงตรงนี้เปลี่ยนไปตลอดเวลาพร้อมกับการเคลื่อนไหวของดาวหาง เขาก็คงต้องใช้เวลานานกว่าจะปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ได้ ซึ่งกว่าจะถึงตอนนั้น การไหลบ่าของพลังจิตวิญญาณอาจสิ้นสุดไปแล้ว


“ผมจะไปดู”


จางเซวียนสูดหายใจลึก จากนั้นก็ปล่อยการรับรู้จิตวิญญาณให้ครอบคลุมทั่วอาณาบริเวณของสนามแรงโน้มถ่วง แต่เพียงครู่เดียว สีหน้าของเขาก็ซีดเผือด


เขารู้สึกเหมือนถูกเหวี่ยงไปมาในเครื่องซักผ้าและกระเด็นกระดอนไปทั่วราวกับผ้าขี้ริ้ว


เป็นอย่างที่คาดไว้ แรงโน้มถ่วงไม่ได้ส่งผลกระทบเพียงแค่กับกายเนื้อ แต่ยังส่งผลต่อจิตวิญญาณด้วย ผู้นั้นจะต้องปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตลอดเวลาให้ได้เพื่อจะได้จัดการได้ครอบคลุมทั้งพื้นที่

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)